“...คนโบราณเข้าใจเร่ืองท่ีแต่ละคนมีพื้นฐานทางสติปัญญา และสิ่งแวดล้อมต่างกัน เวลาสอน ครูที่ฉลาดก็มักจะจับจุดว่าผู้เรียน มีลักษณะอย่างไร ก็เอาส่ิงนั้นมาเป็นตัวตั้ง ให้เด็กได้เรียน ช้ีตรงนั้น เปน็ หลกั จะเหน็ ไดว้ า่ ในพทุ ธศาสนา มีเรอ่ื งทำนองน้มี าก...” (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปาฐกถา เรื่อง การศกึ ษาของผ้ดู อ้ ยโอกาส ๒๕๔๕ หนา้ ๖) พระการณุ ย์อุน่ เกลา้ ชาวสยาม
๖. ทรงสง่ เสรมิ ประวัติศาสตร์และมานษุ ยวทิ ยา พระอัจฉริยภาพด้านประวัติศาสตร์และมานุษยวิทยา ของ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปรากฏเป็น ที่ประจักษ์แก่สายตาของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เรื่องราวต่าง ๆ ที่เห็นได้บ่อยครั้ง คือ การที่พระองค์ทรงรอบรู้ทั้งใน ประวัติศาสตร์ของประเทศไทยและนานาอารยประเทศ ด้วยเพราะ ทรงศึกษาอย่างลึกซึ้ง ถ่องแท้ จึงทรงเป็นบุคคลผู้ทรงให้ข้อคิดเห็น และทรงอรรถาธิบายเรื่องราวประวัติศาสตร์ได้อย่างแม่นยำ ถูกต้อง รวมทง้ั ทรงมพี ระราชดำรสั ถงึ ความเปน็ มาของประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย ใหเ้ ราได้ชนื่ ชมอย่บู ่อยครั้ง ดงั ตวั อย่างตอ่ ไปนี้ “...ประวัติศาสตร์ หรือส่วนที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม หรือ อารยธรรมไทยท่ีให้เรียนน้ัน เพื่อให้รู้ว่าบ้านเมืองของเรามีอะไรบ้าง มคี ุณสมบัติท่ดี ีอย่างไร ไดร้ วู้ า่ บรรพบุรษุ ปยู่ า่ ตายาย ของเราประสบ ความยากลำบากอย่างไร ดำเนินชีวิตมาอย่างไร หรือว่าต่อสู้อย่างไร ในการปกป้องบ้านเมืองให้เรามีท่ีอยู่ท่ีอาศัยจนทุกวันนี้ เมื่อรู้ ความเปน็ มาของชาติ กจ็ ะมคี วามมนั่ ใจในการทจ่ี ะรกั ษาชาตบิ า้ นเมอื ง รักษาอาณาประชาชนสืบต่อไป มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองและ สงั คม...” (เพราะขอบฟา้ กวา้ ง ๒๕๓๘ หน้า ๒๙) พระการณุ ยอ์ ุน่ เกลา้ ชาวสยาม
“...ประโยชน์อย่างหน่ึงของวิชาประวัติศาสตร์ คือ ช่วยให้ ผู้ศึกษาได้รู้จักใช้ความคิด รู้จักหาเหตุผลจากข้อมูลต่าง ๆ ท่ีมีอยู่กับ การลบั สมอง และทำใหไ้ ดร้ บั ความรอู้ นั เปน็ ประโยชนใ์ นการดำรงชวี ติ และปรับตัวให้เข้ากับสังคมส่ิงแวดล้อม ในแง่น้ีประวัติศาสตร์มิได้ ข้ึนอยู่กับข้อมูลที่รวบรวมไว้อย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการตีความ ประเมินค่าของข้อมูลในแง่มุมใหม่ ๆ (ซ่ึงเป็นสิ่งที่ทำได้อยู่เสมอ) รวมทง้ั ยังเปน็ การคาดคะเนแนวโนม้ ในอนาคตด้วย...” (มณีพลอยร้อยแสง ๒๕๓๓ หน้า ๕๘๗) พระการุณย์อุ่นเกลา้ ชาวสยาม 103
“...การศกึ ษาประวตั ศิ าสตรข์ องเราเองชว่ ยใหเ้ ราเขา้ ใจตนเอง มากขึ้น ทำไมเราจึงเป็นดังเช่นท่ีดำรงอยู่ในทุกวันนี้ ส่วนการศึกษา ประวตั ศิ าสตรข์ องชาตอิ นื่ ชว่ ยใหเ้ รารจู้ กั และเขา้ ใจอดตี จนถงึ ปจั จบุ นั ของผู้อ่ืนได้ดีข้ึนเช่นกัน นอกจากน้ัน การศึกษาประวัติศาสตร์ของ ชาติอื่น ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบกับของชาติบ้านเมืองเราเองได้ ยงั ผลใหไ้ ดร้ คู้ วามเปน็ จรงิ เกย่ี วกบั ตนเองในมมุ มองทกี่ วา้ งหลากหลาย ขนึ้ ...” (เทพรตั น ธ เกรกิ ฟ้า ทั่วหล้าสรรเสริญ ๒๕๔๗ หนา้ ๙๑) พระการณุ ยอ์ ุน่ เกล้าชาวสยาม
“...ข้าพเจ้าม่ันใจว่าบทความใน “สะพาน” จะเป็นประดุจ “สะพาน” ทจ่ี ะเชอื่ มความสมั พนั ธค์ วามเขา้ ใจระหวา่ งคนในชาติ และ เชื่อมความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์กับการดำรงชีวิตในปัจจุบัน เพ่ือ การปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สงั คมแวดลอ้ มในสมยั ทส่ี งั คมมกี ารเปลยี่ นแปลง อย่างรวดเร็วกว้างขวางเช่นเวลานี้...” (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี “คำนิยม” สะพาน : รวมบทความทางประวตั ิศาสตร์ (เล่ม ๒) ๒๕๒๑ “สะพาน” เปน็ ชอ่ื หนงั สอื ท่ี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงร่วมกับพระสหาย ชมรมนสิ ติ ภาควชิ าประวตั ศิ าสตร์ คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ริเรม่ิ จดั ทำ ชว่ งปี พ.ศ. ๒๕๒๐ – ๒๕๒๑ เพือ่ รวบรวมบทความและรายงาน ท่เี ลอื กสรรแล้วของนิสติ ปริญญาตรแี ละโท ลงพมิ พ์เผยแพร)่ พระการณุ ยอ์ ุ่นเกล้าชาวสยาม
“...นักเรียนท่ีรักทกุ คน ปนี นี้ กั เรยี นจะไดเ้ รยี นวชิ าเอเชยี อาคเนย์ ซง่ึ มเี นอื้ หาเกย่ี วกบั ประวตั ศิ าสตร์เหตกุ ารณใ์ นภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้คงจะทราบ กันดีว่า ในการเรียนประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เราจะเรียนรู้จากเอกสาร หนังสือ หรือคำบอกเล่าของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้น คำบรรยายของอาจารย์ (ซ่ึงก็ทราบเร่ืองจากการอ่านหนังสือและ วิเคราะห์ดูว่าเหตุการณ์น่าจะเป็นอย่างไร) การไปดูสถานท่ีซ่ึงเกิด เหตุการณ์ต่าง ๆ ข้ึน ดูศิลปะและส่ิงก่อสร้าง หรือวัฒนธรรมของ ชุมชนที่เป็นเจ้าของประวัติศาสตร์ ก็จะทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ได้ดีขึน้ ดงั คำที่ว่า “สิบปากวา่ ไม่เทา่ ตาเห็น” ...” (ด่ังดวงแกว้ สอ่ งสวา่ ง ทางสายงาม หน้า ๓๘ - ๓๙) พระการณุ ย์อุ่นเกล้าชาวสยาม
๗. ทรงสร้างสมั พนั ธไมตรรี ะหว่างประเทศ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงงาน สร้างความสัมพันธร์ ะหว่างประเทศ ทง้ั การเสดจ็ พระราชดำเนินแทน พระองค์ไปทรงร่วมพิธีต่าง ๆ เสด็จฯ ไปทรงเยือนตามคำกราบ บังคมทูลเชิญในฐานะพระราชอาคันตุกะ การเสด็จฯ ไปทรงร่วม การประชุม ซ่ึงพระราชกรณียกิจด้านการต่างประเทศท่ีพระองค์ทรง ปฏิบัติเหล่าน้ีมีบทบาทสำคัญในการเช่ือมสัมพันธไมตรี สร้างความ เข้าใจอันดีและถูกต้องระหว่างไทยกับนานาอารยประเทศ การเสด็จ พระราชดำเนินไปทรงเยือนต่างประเทศนั้น นอกจากจะทรงปฏิบัติ พระราชกรณียกิจเช่ือมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศแล้ว ยังเป็น โอกาสท่ีได้ทอดพระเนตรบ้านเมือง ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ภมู ศิ าสตร์ ประเพณี วฒั นธรรมของประเทศตา่ ง ๆ และนำมาถา่ ยทอด ให้ประชาชนได้มีความรู้ด้วย ดังปรากฏในพระราชนิพนธ์ สารคดี เสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปทรงเยอื นตา่ งประเทศหลายเลม่ ทพี่ มิ พเ์ ผยแพร่ ซ่ึงพระราชดำรสั พระราชดำริ พระราชทัศนะของพระองคท์ ่ีจะยกมา กล่าวสะท้อนให้เห็นถึงพระปรีชาในด้านความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศได้อย่างเดน่ ชดั ดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี้ พระการณุ ยอ์ ุ่นเกล้าชาวสยาม
“...เราได้รับการอบรมว่า การไปต่างประเทศทุกครั้งเป็น ราชการ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น ฉะน้ัน ก็ไม่มีสิทธิอยากทำอะไร ไม่อยาก ทำอะไรไปหรอื ไมไ่ ปตอ้ งแลว้ แตเ่ จา้ ภาพหนา้ ทขี่ องเรา คอื เปน็ ตวั แทน ของประเทศท่ีจะนำเอาความปรารถนาดีของชาวไทยไปสู่ประเทศ เจ้าภาพ และของประเทศเจ้าภาพสู่ประเทศไทย พร้อมท้ังหารือ แลกเปลี่ยนความรแู้ ละความร่วมมือบางประการเทา่ ที่จะทำได้...” (สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯสยามบรมราชกมุ ารี ยำ่ แดนมงั กร พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๔ ๒๕๒๘ หน้า ๒๔๖) พระการณุ ย์อุ่นเกล้าชาวสยาม
“...คำว่า “มติ ร” นน้ั เป็นคำทม่ี คี วามหมายลกึ ซึง้ และงดงาม มติ รทแี่ ท้หรอื กลั ยาณมติ รมคี ณุ คา่ ยง่ิ กวา่ สง่ิ มคี า่ ใด ๆทงั้ ปวงดว้ ยเหตทุ ่ี มติ รแท้ คือ ผ้ทู ีจ่ ะอย่เู คียงขา้ ง คอยรว่ มยนิ ดใี นยามทีเ่ รามสี ขุ และให้ แต่ส่ิงท่ีมีคุณ เมื่อถึงยามท่ีทุกข์ มิตรแท้ไม่หนีห่างหาย แต่จะแสดง มิตรจติ ชว่ ยเหลือเกือ้ กูลใหก้ ำลังใจ หรอื ชแี้ นะใหเ้ ห็นทางท่ีถกู ทค่ี วร สิง่ ท่เี รียบง่ายดังน้ี คอื คุณธรรมอนั ย่ิงใหญข่ องผู้ทเ่ี ป็นมติ ร มติ รภาพ หรอื ความเป็นมติ ร ยงั เป็นบอ่ เกดิ ของสันตภิ าพในมวลหมมู่ นุษยชาติ ท้ังหลาย ข้าพเจ้าเช่ือมั่นว่าการอยู่ร่วมกันฉันมิตร ความมีจิตเมตตา เห็นอกเห็นใจ ไม่เบียดเบียนกัน ปรารถนาดีต่อกัน พ่ึงพาอาศัยกัน ไดใ้ นยามทกุ ขร์ อ้ นเปน็ วถิ ที างทจี่ ะนำไปสโู่ ลกทสี่ งบรม่ เยน็ และงดงาม อนั เปน็ สง่ิ ท่อี รยิ ชนทุกคนปรารถนา...” (ในโอกาสทรงรับรางวัล มิตรนานาชาติสิบอันดับแรกของสาธารณรัฐ ประชาชนจีน ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักก่ิง สาธารณรัฐประชาชนจีน วนั ที่ ๘ ธนั วาคม ๒๕๕๒) พระการุณย์อุ่นเกล้าชาวสยาม
“...ลองนกึ ดูเห็นว่า การท่ปี ระเทศจะเปน็ มิตรหรอื เปน็ ขา้ ศกึ กันนั้นก็ย่อมมีเหตุปัจจัยอันมีองค์ประกอบต่าง ๆ ถ้าผลประโยชน์ ความต้องการขัดแย้งกัน อาจเป็นอริรบพุ่งกันได้ ถ้าเหตุปัจจัย เก้ือกูลกันก็จะเกิดความเป็นมิตร ถ้าเหตุปัจจัยเปลี่ยนแปลงไป รูปแบบความสัมพันธ์ก็จะเปลี่ยนไปด้วย พม่าและไทยเป็นตัวอย่าง ที่ดี แม้เคยเป็นคู่สงครามกันมาก่อน บัดน้ีก็มีไมตรีต่อกัน... ข้าพเจ้า รสู้ กึ วา่ วฒั นธรรมของทงั้ สองประเทศมคี วามคลา้ ยคลงึ กนั ประชาชน ก็คล้าย ๆ กัน จึงควรที่จะร่วมมือกันเพ่ือให้เกิดสันติสุข ความเจริญ รุ่งเรืองของท้ังสองประเทศ และท้ังภูมิภาค เรื่องสงครามในอดีต ก็พึงระลึกไว้เพียงเพ่ือให้ชนรุ่นหลังได้สำนึกตระหนักถึงความยาก ลำบากของบรรพบรุ ษุ ทไี่ ดธ้ ำรงรกั ษาแผน่ ดนิ ไวเ้ ปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั ของเรา จนทกุ วันนเ้ี ท่านน้ั ...” (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี “คำนำ” ไทยเท่ียวพม่า ๒๕๒๙) พระการุณยอ์ ่นุ เกลา้ ชาวสยาม
“...ข้าพเจ้าถือว่าการท่ีได้ท่องเท่ียวไปในโลกกว้าง ท้ังใน ประเทศและนอกประเทศ เปน็ การทเี่ ราจะไดโ้ อกาสศกึ ษาความเปน็ ไป ของธรรมชาติและสังคม แม้ว่าช่ัวชีวิตของคนจะน้อยนักเมื่อเทียบ กบั ชีวิตของธรรมชาติ ภเู ขา ทะเล และแมน่ ้ำ แตเ่ ราอาจจะใชเ้ วลาทีม่ ี อยู่ให้คุ้มค่าในการเรียนรู้ชีวิต เพื่อรับใช้สังคมและประเทศชาติที่เรา อาศัยอยู่ การที่ได้ไปท่ีอ่ืนนอกจากบ้านเกิดเมืองนอนก็ดีไปอย่างหนึ่ง คือได้เห็นว่าคนอื่นเขาทำอย่างไรกับชาติของเขา ยิ่งได้เป็นแขกของ รัฐบาลอย่างนี้ก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะเขาย่อมจะพยายามเลือกสรรให้เราดู ส่ิงที่เขาคิดว่าดีที่สุด ซ่ึงเราจะมีโอกาสทราบทัศนคติและค่านิยม ในสังคมปจั จบุ นั ของประเทศนัน้ ๆ...” (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ย่ำแดนมังกร ๒๕๒๘ หน้า ๒๙๘) พระการุณย์อนุ่ เกลา้ ชาวสยาม
“...ข้าพเจ้ามีโอกาสพบปะคนในประเทศนั้น ๆ คบเป็น มิตรสหาย ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้เกื้อกูลกันต่อมาก็มี ในการเดินทางน้ี ขา้ พเจา้ ได้จดบันทึกมาเก็บไวเ้ พื่อทราบวา่ วนั หน่งึ ๆ ข้าพเจ้าได้รับความรู้ใหม่อะไรบ้าง ความทรงจำน้ีเป็นของที่ระลึก ที่มคี ่ากว่าของอน่ื ...” (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี “คำนำ” ทัวร์น้องโจ้ ๒๕๒๘) พระการุณย์อุน่ เกล้าชาวสยาม
“...การได้ท่องเที่ยวไปในโลกกว้างมีผลดีเสมอ เป็นการฝึก คนเราใหม้ ที ศั นะกวา้ งไกลบางครงั้ เราจะหมกมนุ่ อยกู่ บั ความคดิ แคบๆ และปญั หาของตนเอง การมองโลกภาพรวม จะเหน็ วา่ ผอู้ นื่ มปี ฏกิ ริ ยิ า ต่อสถานการณ์ชีวิตของเขาอย่างไร เห็นอย่างน้ีแล้วจะลดอคติในการ ตัดสินใจของเรา การยอมรับในวิถีชีวิตและความคิดของผู้อื่นมากข้ึน จะทำให้มีเสรภี าพในหวั ใจของเรา ไม่ผกู มดั ยดึ อยแู่ ตก่ ับสิ่งหนึง่ สง่ิ ใด เกนิ ไป...” (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทัศนะจากอินเดีย ๒๕๓๑ หน้า ๔๖๕) พระการณุ ย์อ่นุ เกลา้ ชาวสยาม
๘. ทรงนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในการ ศึกษาและพฒั นา การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการศึกษาและ พฒั นาเปน็ หนง่ึ ในแนวทางเพอื่ เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพงานและภารกจิ ตา่ ง ๆ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯสยามบรมราชกมุ ารี ทรงเหน็ คณุ คา่ ของ เทคโนโลยีสารสนเทศ ในฐานะเครื่องมือสำคัญในการช่วยเหลือให้ ประชาชนสามารถพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถใหเ้ พ่มิ มากขึน้ จึงทรงส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการศึกษาและ การพฒั นา ดังตัวอยา่ งต่อไปน้ี “...ก็นับว่าทางด้านไอซีที ทำให้ได้ความช่วยเหลือจากคน ได้ทั้งเป็นเครื่องมือ ทั้งให้ความรู้ การศึกษา เป็นต้น มาถึง ระบบด้านการศึกษา คอมพิวเตอร์ก็เป็นอุปกรณ์ช่วยการสอน ช่วยการวิจัยต่าง ๆ เดี๋ยวน้ีมีวิจัยหลายสาขามากเลย ถ้าไม่มีการ พัฒนาก้าวหน้าทางไอซีที จะไม่สามารถพัฒนาความรู้ต่าง ๆ ได้เลย เช่น เรื่องไบโอเทคโนโลยี...” (ปาฐกถา เรอ่ื ง การประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของผดู้ อ้ ยโอกาสในสงั คม ใ น ส มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ ส ยามบรมราชกมุ ารี ในงานสมั มนา “๑๒ ปี รตั นราชสุดาสารสนเทศ : ประสบการณ์จากโครงการ เทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี” วันท่ี ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนช่ัน หลักส่ี กรุงเทพฯ) พระการณุ ยอ์ ุน่ เกลา้ ชาวสยาม
“...การใช้ออนไลน์บางทีเป็นสื่อทางด้านสังคมท่ีดี เราจึงจัด โครงการที่ชื่อว่า SchoolNet เม่ือก่อนก็ทำเอง ตอนหลังกระทรวง ศึกษาธิการรับไปทำ ให้แต่ละโรงเรียนนำความรู้ของตนไปลง แลกเปล่ียนกันระหว่างโรงเรียน แลกเปลี่ยนกับบุคคลธรรมดาท่ีใช้ อินเทอร์เน็ตก็ได้ และมีแบบฝึกหัดต่าง ๆ บางทีฝรั่งมาเข้า ก็เขียน คำถามเรื่องการเพาะเล้ียงเนื้อเยื่อ ท่ีก้าวหน้าขึ้นไปได้รับความรู้จาก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ครูท่ีโรงเรียนมัธยมก็นำไปพัฒนาเพิ่มขึ้น แล้วก็ ถาม บางทีก็ได้ความรู้จากครู ผู้ที่สนใจต่าง ๆ จนเป็นเพื่อนกันแล้ว มาชว่ ยโรงเรียน...” (ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง เยาวชนไทยกับวทิ ยาศาสตร์ ในงานเสวนาวชิ าการเฉลิม พระเกยี รติสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ เนอื่ งในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจติ รลดา กรงุ เทพฯ วนั ท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๕) พระการุณย์อุ่นเกลา้ ชาวสยาม
“...สมัยน้ีหาความรู้ทางอินเทอร์เน็ตได้ด้วย ครูจึงน่าจะ ไปตรวจดูก่อนว่า เร่ืองที่จะกำหนดวางแผนให้พูดในช้ันเรียนน้ัน จะมีเว็บไซต์อะไรบ้างท่ีจะส่งเสริมการสนทนาในชั่วโมงนั้น ต้องต้ัง ข้อสังเกตได้ว่า เว็บไซต์น้ันเป็นอย่างไรเพราะในเร่ืองเดียวกันจะมี หลายเว็บไซต์ แต่ละเว็บไซต์จะมีข้อเด่น ข้อด้อยท่ีต่างกันออกไป นอกจากน้ัน ถึงแม้จะมีเคร่ืองมือช่วยในการค้นหา (Search Engine) อยหู่ ลายชนดิ ก็ตาม ครูกจ็ ะต้องมีความร้ทู ด่ี ีในเน้ือหาที่จะค้นด้วย...” (พระราชดำรัสทรงบรรยายในหัวข้อ แนวโน้มการจัดการเรียนการสอนเพ่ือ การเรียนรู้ในทศวรรษหน้า ในงานสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง “เทคโนโลยี สารสนเทศ เพ่ือการเรียนรู้ในทศวรรษหน้า” ณ โรงแรม สมิหลา บีช จังหวัดสงขลา วันท่ี ๒๓ กันยายน ๒๕๔๒ ใน รัตนประทีป ๒๕๔๓ หนา้ ๙๖) พระการุณยอ์ ุ่นเกลา้ ชาวสยาม
“...ในชนบทและชมุ ชนที่อยใู่ นทห่ี ่างไกล ตอ้ งเรมิ่ การพัฒนา ตั้งแต่ต้น เราต้องสร้างโรงเรียนหรือศูนย์การเรียนชุมชนในหมู่บ้าน ศูนย์เหล่านี้ต้องสร้างให้สะอาด ถูกอนามัย มีแสงสว่างเพียงพอ ประหยดั พลงั งาน(ขณะนม้ี ผี ศู้ กึ ษาเทคโนโลยใี นการออกแบบและสรา้ ง บ้านประหยัดทรัพยากรอยู่ไม่น้อย) ต้องสร้างโครงสร้างพ้ืนฐาน เช่น น้ำด่ืมน้ำใช้ทสี่ ะอาด การคมนาคมขนส่ง อาหารทถ่ี กู หลักโภชนาการ ยาสามัญประจำบ้าน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช่วยใหม้ โี ครงสร้าง พน้ื ฐานเหล่าน้ี ถึงจะมีโรงเรยี นในถ่นิ ทุรกนั ดาร โรงเรียนก็มกั จะขาด ทรัพยากรท่ีจำเป็นต่อการศึกษา โดยเฉพาะอย่างย่ิงครูวิทยาศาสตร์ และครูวิชาอนื่ ๆ ถา้ ไม่มคี รจู ริง ๆ ปญั หานก้ี ็อาจจะแก้ไขได้ส่วนหนึ่ง ด้วยการสร้างห้องสมุด ใช้ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ e-learning หรือ การศึกษาทางไกล ทั้งครู นักเรียน และชาวบ้านจะได้ประโยชน์จาก สง่ิ เหล่าน.้ี ..” (ปาฐกถาเป็นภาษาอังกฤษ เรื่อง Science Technology and Development ณ เมอื งโยโกฮามา ประเทศญป่ี ุน่ วนั ท่ี ๒๓ สงิ หาคม ๒๕๔๙ ทรงเรยี บเรียง เป็นภาษาไทย ใน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับการพัฒนา ๒๕๕๐ หน้า ๖ - ๗) พระการณุ ย์อนุ่ เกลา้ ชาวสยาม
“...อกี เร่ืองทค่ี วรคิดคอื อุปกรณไ์ อที ตอ้ งเปน็ การเสริมผู้ด้อย โอกาสใหม้ คี วามสามารถดขี น้ึ ไมใ่ ชท่ ำใหค้ นทด่ี ี ๆอยนู่ ด้ี อ้ ยโอกาสลงไป โดยการมคี วามรนู้ อ้ ยลง เชน่ ไมไ่ ดใ้ ชค้ วามรู้ บางทมี เี ครอื่ งแลว้ เลยเขยี น หนังสือไม่เป็น เลยด้อยความสามารถไปเปล่า ๆ เหมือนกับเราก็เคย หดั เขยี นภาษาจนี ถา้ เขยี นเองฝกึ ยากแทบไมไ่ ด้แตพ่ อใชค้ อมพวิ เตอรส์ ง่ อเี มลภาษาจนี นี้ เดยี๋ วเดยี วกส็ ง่ เปน็ เราอา่ นพอได้ พดู ไดก้ ไ็ ดแ้ ลว้ แตว่ า่ ทำให้ด้อยโอกาสในการเขียนเป็นไปอย่างหน่ึง ต้องไม่ใช่ว่ามาแย่ง ค่าข้าว หรือว่าทำให้เขาหมดโอกาสท่ีจะเรียนวิชาอ่ืน ๆ หรือว่าคน ดอ้ ยโอกาสหรอื ไมม่ คี อมพวิ เตอรน์ ี้ กไ็ มใ่ ชว่ า่ เปน็ การจบสนิ้ ของโลกน้ี คอื คนทอี่ ยู่ในถนิ่ ทุรกนั ดารมอี ะไรนา่ เรียนเยอะแยะ ความรธู้ รรมชาติ รอบตวั ทจ่ี ะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ชวี ติ ในปจั จุบนั หรือตอ่ ไป...” (ปาฐกถา เร่ือง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตของผู้ด้อยโอกาสในสังคม ในงานสัมมนา “๑๒ ปี รัตนราชสุดา สารสนเทศ : ป ระสบการณจ์ ากโครงการเทคโนโลยสี ารสนเทศตามพระราชดำรสั สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี” วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนช่นั หลกั ส่ี กรงุ เทพฯ) พระการุณย์อนุ่ เกลา้ ชาวสยาม
๙. ทรงส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพ่ือการ พฒั นาประเทศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มพี ระราชดำรแิ ละพระราชทานความชว่ ยเหลอื ดา้ นการเรยี นการสอน วิทยาศาสตร์อยู่เสมอ เพื่อเพิ่มความสามารถทางวิทยาศาสตร์และ คณิตศาสตร์ให้แก่ครูและนักเรียนในโครงการส่วนพระองค์ รวมทั้ง โครงการตา่ งๆตามพระราชดำริการทำโครงงานของนกั เรยี นการจดั ทำ สวนพฤกษศาสตรใ์ นโรงเรยี น ฯลฯ เพอ่ื ใหม้ คี วามสามารถในการสรา้ ง องคค์ วามรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ และพฒั นาเทคโนโลยที ่ีจะเป็นประโยชน์ ในการพัฒนาประเทศ ทรงเห็นว่า คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี เป็นความรูพ้ ้นื ฐานทีส่ ำคัญสำหรับทกุ คน จึงทรงส่งเสริม การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทรงมีวิสัยทัศน์ อันกว้างไกล และเห็นความสำคัญในการพัฒนาการเรียนการสอน วิทยาศาสตร์ในท้องถิ่นทุรกันดาร ซ่ึงเป็นต้นแบบการพัฒนา วิทยาศาสตร์ท้องถ่ินท่ีเน้นการศึกษาธรรมชาติรอบตัว วิทยาศาสตร์ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน วิทยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชีพ และการสอน วิทยาศาสตร์แบบบูรณาการท่ีเน้นการแก้ปัญหา นอกจากน้ี ยังทรง สนับสนุนผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ ให้พัฒนาเป็น นักวิจยั ระดบั สงู ด้วย ดังตัวอยา่ งต่อไปนี้ พระการณุ ยอ์ ุ่นเกล้าชาวสยาม
“...ขา้ พเจา้ เรยี นมาทางดา้ นการศกึ ษากถ็ อื วา่ วทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยเี ปน็ เครอื่ งมอื สำคญั ในการพฒั นา ทจี่ รงิ เปน็ เครอ่ื งมอื สำคญั ทง้ั ในเมอื งและในชนบทรวมทง้ั พนื้ ทที่ รุ กนั ดารหา่ งไกลเรามโี ครงการ มากมายที่ต้ังใจจะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีข้ึน แต่จะทำ อย่างไรท่ีจะให้โครงการเหล่านี้ยั่งยืน การท่ีทำงานมาในเร่ืองของ การศึกษาก็เลยตีความว่า การเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นั้น ต้องเร่ิมต้นต้ังแต่เป็นเด็กเล็ก เพราะถ้าเราให้ความรู้กับเด็กเล็ก เดก็ กลางและเดก็ ใหญส่ บื ตอ่ ๆ กนั มา กจ็ ะทำใหย้ งั่ ยนื เพราะวา่ ตอ่ ไปนี้ พวกเราก็จะชราและล่วงลับไป แต่ผู้ที่จะมารับงานใหม่เพื่อให้อยู่ได้ อย่างย่ังยืนก็คือเด็กเหล่านี้ ท่ีจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่มี ความรู้อย่างดี รู้ท้ังทฤษฎีและการปฏิบัติ ก็จะทำให้บ้านเมืองเจริญ อยา่ งยง่ั ยืน...” (ปาฐกถา เรอ่ื ง “เสรมิ สร้างศักยภาพของเด็กดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : สรา้ งรากฐานของการพฒั นาชนบทอยา่ งยง่ั ยนื ” ใ นสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในงานสมั มนาโครงการความสัมพนั ธไ์ ทย - จนี ครั้งท่ี ๑๐ ประจำปี ๒๕๕๖ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณ ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ กรงุ เทพฯ ) พระการณุ ย์อ่นุ เกลา้ ชาวสยาม
“...ประเทศไทยเรามีหลักสูตรกลางที่ต้องศึกษาเหมือนกัน หมด ไมว่ ่าจะอยเู่ หนือ อยู่ใต้ หรือในกรงุ เทพมหานคร กเ็ ป็นหลกั สูตร กลางท่ีเน้ือหาสาระทางวิทยาศาสตร์ก็ให้ความรู้ทางทฤษฎีตาม หลักสูตร แต่มีการฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ การสังเกต การวดั การจำแนกประเภท การตคี วามหมาย การทดลอง การสรุปผล และการส่ือสารให้ผู้อ่ืนทราบ รวมทั้งให้มีเจตคติทาง วิทยาศาสตร์ที่ดี คือ สนใจวิชาวิทยาศาสตร์ อยากรู้อยากเห็น ความถูกต้อง ซ่ือสัตย์ ความเพียรพยายาม ความละเอียดถี่ถ้วน ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาของท้องถ่ิน พัฒนาท้องถิ่นด้วยการวิจัย และรักการวจิ ยั เชงิ วทิ ยาศาสตร์ได.้ ..” (ปาฐกถา เรอ่ื ง “เสรมิ สรา้ งศักยภาพของเดก็ ดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : สรา้ งรากฐานของการพฒั นาชนบทอยา่ งยง่ั ยนื ” ในสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในงานสัมมนาโครงการความสมั พนั ธไ์ ทย - จีน ครัง้ ท่ี ๑๐ ประจำปี ๒๕๕๖ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณ ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ ) พระการุณยอ์ ุ่นเกล้าชาวสยาม
“...นกั เรียนเอาปญั หาตา่ ง ๆ มาทำเปน็ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ บางทีเด็กทำโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่องการย้อมสีธรรมชาติ เขาก็ไป สัมภาษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นมา แล้วก็ลองทำ เด็กทอผ้าเป็น เด็กก็จะ ย้อมสี นอกจากนั้น ก็ยังนำผ้าพวกนี้มาทำเสื้อผ้าใช้เอง และยัง จำหน่ายได้รายได้ รวมทั้งได้ความรู้ทางด้านวัฒนธรรมและ วทิ ยาศาสตรอ์ กี อย่างหน่ึงดว้ ย...” “...การเรยี งไมไ้ ผน่ เ้ี ปน็ สง่ิ ทใ่ี นชนบทใชก้ นั มาก มกั จะมเี ชอื้ รา เด็กในวันนี้เป็นเด็กที่บวชเณรก็สงสัยว่าทำไมจึงเกิดเชื้อรา เกิดแล้ว เราจะแกไ้ ขไดอ้ ยา่ งไรเดก็ กท็ ำโครงงานทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์แลว้ นำมา เสนอ…” (ปาฐกถา เร่ือง “เสริมสรา้ งศกั ยภาพของเดก็ ดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : สรา้ งรากฐานของการพฒั นาชนบทอยา่ งยง่ั ยนื ” ใ น ส มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในงานสัมมนาโครงการความสัมพันธ์ไทย - จนี ครั้งท่ี ๑๐ ประจำปี ๒๕๕๖ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณ ธนาคารกสิกรไทย สำนกั งานใหญ่ กรงุ เทพฯ) พระการณุ ย์อุ่นเกลา้ ชาวสยาม
“...ในทน่ี จี้ ะกลา่ วถงึ โครงการอนื่ ๆ เ ชน่ บ า้ นนกั วทิ ยาศาสตรน์ อ้ ย ได้แบบอย่างมาจากเยอรมัน ก็นำมาเผยแพร่ ให้เด็กในระดับอนุบาล สามารถท่ีจะใช้ส่ือ และสามารถที่จะมีแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ได้ โดยอตั โนมตั ิ ใหเ้ ดก็ สนใจใฝร่ ู้ถามปญั หา อนั นก้ี ไ็ ดข้ ยายไปหลายพนั แหง่ ในเขตทุรกันดารและในเขตภูเขาก็มีกิจกรรมน้ี หรือมหาวิทยาลัยเด็ก ก็ใช้หลักการแบบเดียวกับเยอรมันเช่นเดียวกัน ได้ไปดูงานท่ีเซี่ยงไฮ้ สาธารณรฐั ประชาชนจนี และได้ศึกษาจากทางเซี่ยงไฮแ้ ลว้ นำมาปรับ ใช้กับเดก็ ไทย...” (ปาฐกถา เร่อื ง “เสริมสรา้ งศกั ยภาพของเด็กดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : สรา้ งรากฐานของการพฒั นาชนบทอยา่ งยง่ั ยนื ” ใ น สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานสัมมนาโครงการความสมั พนั ธ์ไทย - จีน คร้ังท่ี ๑๐ ประจำปี ๒๕๕๖ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณ ธนาคารกสิกรไทย สำนกั งานใหญ่ กรุงเทพฯ) พระการุณย์อุ่นเกล้าชาวสยาม
“...การเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยใี นชนบท หลกั สตู ร และส่ือการศึกษาที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่ได้เกื้อกูลให้คนในประเทศ มีโอกาสในการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเท่าเทียมกัน เป็นท่ี น่ายินดที ี่นักวิทยาศาสตร์ของ สวทช. (สำนกั งานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ) มหาวิทยาลัยและหน่วยงานอื่น ๆ ได้ทำ โครงการแนะนำวางหลักสูตรให้เยาวชนในชนบทมีโอกาสเรียน วิทยาศาสตร์ โดยใช้สื่อที่มีราคาย่อมเยา ให้โอกาสใช้ความคิด การสังเกต การศึกษาวิชาต่าง ๆ โดยใช้หลักของสหวิทยาการ ท้ังยัง ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก้ไขภาวะความเป็นอยู่พ้ืนฐานของ เยาวชนเหล่าน้ีไปพรอ้ ม ๆ กันดว้ ย...” (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ปาฐกถา เรื่อง “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับเศรษฐกิจพอเพียง” ใน งานประชุมประจำปี ของ สวทช. วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๓ ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ ๒๕๔๓ ใน เทพรัตนเมธี ๒๕๔๙ หน้า ๓๘๗ - ๓๘๘) พระการุณยอ์ ุ่นเกล้าชาวสยาม
“...ในปัจจุบันสังคมโลกเปลี่ยนลักษณะไปเป็น “สังคมและ เศรษฐกิจฐานความรู้” ซ่ึงต้องอาศัยการศึกษาท่ีเป็นกระบวนการคิด การใฝเ่ รยี นรตู้ ลอดชวี ติ การสรา้ งองคค์ วามรู้และนวตั กรรมความรเู้ พอ่ื พัฒนาสังคมและเศรษฐกิจเป็นพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากจะเปน็ ปจั จยั ในการพฒั นาดา้ นตา่ งๆยงั เปน็ เครอ่ื งมอื ทจ่ี ะชว่ ย ปลูกฝังพฤติกรรมทางวิทยาศาสตร์ อันได้แก่ การคิดอย่างเป็นเหตุ เป็นผล การพิสูจน์ความคิด ตลอดจนการแก้ปัญหาด้วยวิธีการทาง วิทยาศาสตร์อย่างเป็นระบบ การส่งเสริมวิชาการวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีจึงเป็นวิถีทางนำไปสู่การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจใน ยคุ ใหม่อยา่ งสมบรู ณ.์ ..” (พระราชดำรัสเปิดการประชุมทางวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งประเทศไทย คร้ังที่ ๓๐ เม่ือวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๗ ใน เทพรัตนเมธี ๒๕๔๙ หน้า ๓๘๘ - ๓๘๙) พระการณุ ย์อุน่ เกลา้ ชาวสยาม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208