“..เมอื่ ประมาณ๒ปเี ศษทผ่ี า่ นมานี้ขา้ พเจา้ ไดไ้ ปเยยี่ มโรงเรยี น ตำรวจตระเวนชายแดนทอี่ ำเภอชาตติ ระการ จงั หวดั พษิ ณโุ ลก ในทน่ี น้ั มีปัญหาการขาดสารไอโอดีนอย่างมาก เห็นได้ชัด ประจวบกับเหตุ บงั เอญิ กอ่ นหนา้ นน้ั ๒-๓วนั ไดฟ้ งั บทความของกระทรวงสาธารณสขุ ท่ีอ่านในวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยหลังข่าวช่วงเช้า ก็จำได้ จากบทความนั้นว่า การขาดสารไอโอดีนนอกจากทำให้ผู้ป่วยมีก้อน ที่คอและหายใจฝืดแล้ว ถ้าหญิงมีครรภ์หรือเด็กเล็ก ๆ เป็น ก็อาจจะ ทำให้หญิงมีครรภ์น้ันแท้งบุตร เด็กที่คลอดออกมาไม่สมประกอบ พฒั นาการชา้ เฉอ่ื ยชา ปญั ญาออ่ น... เมอื่ ฟงั ขา่ วนน้ั กท็ ำใหย้ อ้ นกลบั ไป คิดถึงหมู่บ้านแห่งหน่ึงในจังหวัดแม่ฮ่องสอน... เท่าที่ได้สังเกตเห็น คนในหมู่บ้านนัน้ หลายคนมอี าการตรงกบั ที่กลา่ ว... ...ทำให้ข้าพเจ้านำเร่ืองน้ีไปปรึกษากับผู้ปฏิบัติการโครงการ เกษตรเพอื่ อาหารกลางวนั โรงเรยี นตำรวจตระเวนชายแดนใหห้ าลทู่ าง ทจ่ี ะเนน้ ถงึ เรอ่ื งการขาดสารไอโอดนี ดว้ ย ไดห้ าแนวทางบรรเทาปญั หา เอาอย่างง่าย ๆ ก่อน กล่าวคือ เร่ิมทดลองในพื้นที่โรงเรียนตำรวจ ตระเวนชายแดน...” (พระราชดำรัสทรงบรรยาย เรื่อง “คุณภาพชีวิตเด็กไทยกับไอโอดีน” วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๓๕ ในการประชุมสัมมนาระดับชาติ เร่ือง การควบคุมโรค ขาดสารไอโอดีนในประเทศไทย ระหว่างวันท่ี ๓-๕ มีนาคม ๒๕๓๕ ณ โรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า จังหวัดเชียงใหม่ วารสารสุโขทัยธรรมาธิราช ๕ (๓) (กันยายน-ธันวาคม ๒๕๓๕) : ๓) พระการณุ ยอ์ ุ่นเกล้าชาวสยาม
“...ก็มีข้อสังเกตหลายอย่างว่า ไปตามโรงเรียนไม่ว่าประถม หรือมัธยมก็ตาม ก็ต้องพยายามไปดูว่านักเรียนน้ันได้รับอาหารที่ พอสมควร ถูกต้องหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกต้อง ไม่มีอะไรบำรุงสมอง ก็ไมม่ ีแรง ทำให้ศึกษาไดไ้ ม่ดี ...” (วิศิษฏศิลปิน สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ๒๕๔๙ หน้า ๑๓๖) พระการุณยอ์ ่นุ เกล้าชาวสยาม
“...ต้องสันนษิ ฐานไวก้ ่อนว่า มีนอ้ งผู้หวิ โหยอาศัยอยใู่ นทอ้ ง ของเด็กเหล่าน้ี ก็ปรึกษากับท่านอธิการบดี มีการจัดทีมร่วมกับ กระทรวงสาธารณสขุ พบวา่ เดก็ คนหนงึ่ เปน็ เจา้ บา้ นของนอ้ งผหู้ วิ โหย ถงึ ๔ ชนิด นอ้ งตวั ยาว ๆ อยูใ่ นทอ้ ง บรโิ ภคไปแล้วแบ่งโควตาออกไป อาหารทีใ่ หถ้ กู หาร ถกู แบง่ ไป ต้องมีการถ่ายพยาธิ ต้องจัดการกับคน ท้ังหมู่บ้านด้วย จัดการกับเด็ก ๆ ค่อยยังชั่วหน่อย แต่ผู้ใหญ่ลำบาก ไปอีกข้ันหน่ึง ต้องช่วยเหลือกัน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ด้านสขุ อนามัยดว้ ย ...” (วิศิษฏศิลปิน สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ๒๕๔๙ หนา้ ๑๓๗) พระการุณย์อนุ่ เกลา้ ชาวสยาม
“...สขุ ภาพอนามยั ของประชาชนในหมบู่ า้ น ควรจะไดร้ บั การ ปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าท่ีเป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะเด็กก่อนวัยเรียน ซึ่งเป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต การขาดสารอาหารในวัยดังกล่าว จะมี ผลกระทบตอ่ สตปิ ัญญาของเด็กโดยตรง ...” (พระราชปรารภ ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเย่ียมราษฎร บ้านเขาตันหยง จังหวัดนราธิวาส ใน พระทรงเป็นดวงแก้วส่องสว่างไทย ๒๕๔๘ หนา้ ๖๗) พระการุณย์อุน่ เกล้าชาวสยาม
“...การมเี ดก็ หลายเผา่ ในโรงเรยี นทำใหส้ ง่ เสรมิ โภชนาการยาก วัฒนธรรมการกินแต่ละเผ่าต่างกัน เราต้องไปลองกินอาหารกับ ชาวบา้ นเพอ่ื ใหท้ ราบรสนยิ มของเขาและดดั แปลงเตมิ ของมปี ระโยชน์ เข้าไป ...” (พระราชดำรสั พระราชทานในโอกาสเสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปทรงเปดิ ประชมุ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ทวั่ ราชอาณาจกั ร เรอื่ ง โครงการอาหารกลางวนั ในโรงเรยี น ประถมศึกษา และทรงบรรยาย เรื่อง พระราชภารกิจและพระราชกรณียกิจ อันเก่ียวกับงานโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียนตำรวจตระเวน ชายแดน ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๓๐ ใน ประมวลพระราชดำรสั สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ๒๕๔๘ หน้า ๙๒) พระการุณย์อ่นุ เกลา้ ชาวสยาม
๓. ทรงช่วยเหลอื ผูด้ ้อยโอกาส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงใส่พระทัยผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา เนื่องจากประเทศไทย ยังมีผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ผู้พิการ ผู้ท่ีอยู่ในท้องถิ่นทุรกันดาร รวมท้ังผู้ด้อยโอกาสต่าง ๆ อาทิ ผตู้ ้องขัง ผู้เจ็บป่วย ผไู้ รส้ ัญชาติ ผู้ล้ภี ัย เดก็ เรร่ ่อน เดก็ กลุ่มเสยี่ งต่าง ๆ เป็นต้น พระองค์มีพระราชดำริ และพระราชกรณียกิจมากมาย เก่ียวกับการให้การศึกษาแก่ผู้ด้อยโอกาส โดยมีหลักการว่าไม่ใช่ การให้สิทธิพิเศษ แต่เป็นการเอื้ออำนวยให้ผู้ด้อยโอกาสเหล่าน้ัน มีโอกาสช่วยเหลือตนเอง ทำอะไรได้ด้วยตนเอง ทรงช่วยส่งเสริม และสนบั สนนุ ดา้ นตา่ ง ๆ เพอื่ ใหผ้ ดู้ อ้ ยโอกาสไดม้ โี อกาสรบั การศกึ ษา อย่างเทา่ เทียมกับผู้อืน่ ดงั ตวั อยา่ งพระราชดำรสั บางตอน ตอ่ ไปนี้ พระการณุ ย์อุ่นเกล้าชาวสยาม
“...ในบางสว่ นนนั้ กจ็ ะเหน็ วา่ ผทู้ กี่ า้ วหนา้ ไปสงู มโี อกาสมาก กก็ า้ วหน้าไปอยา่ งรวดเร็ว แต่มีคนจำนวนมากทย่ี งั ไมม่ ีโอกาสหรอื ว่า อยู่ในท้องถ่ินท่ีทุรกันดาร ลำบากอยู่ ก็ต้องพยายามให้ผู้ที่เดือดร้อน ลำบากสว่ นนี้มโี อกาสท่ีจะพัฒนาไปอยา่ งดีขน้ึ ...” (พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะผู้ปฏิบัติงานโครงการพระราชดำริ ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ณ ศาลาดสุ ิดาลยั สวนจิตรลดา กรงุ เทพฯ วันท่ี ๒๑ เมษายน ๒๕๓๗ ใน ประมวลพระราชดำรัสสมเด็จพระเทพ รตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ๒๕๔๘ หนา้ ๕๑) “...การให้การศึกษาแก่คนพิการเพ่ือให้ทำงานและช่วยเหลือ ตนเองได้จะทำใหเ้ ขาเหลา่ นนั้ เปน็ ทรพั ยากรมนษุ ย์ทมี่ คี า่ และชว่ ยเหลอื ตนเองได้มากข้นึ ...” (พระราชดำรัสทางสถานีโทรทัศน์ CNN วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๔๔ ใน เทพรตั น ธ เกริกฟา้ ท่วั หล้าสรรเสรญิ ๒๕๔๗ หน้า ๑๗๔) พระการุณยอ์ นุ่ เกล้าชาวสยาม
“...บุคคลท่ีจะได้ประโยชน์จากเครื่องมือพวกนี้คือ พวกที่ บกพร่องทางรา่ งกาย ทางสตปิ ญั ญา ประเทศสงิ คโปร์ เมอ่ื ๒ ปีมาแลว้ ได้ไปประชุมงานที่เรียกว่า “iCREATe” ครั้งแรก เป็นความร่วมมือ ระหว่างโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศฯ กับโครงการของประเทศ สิงคโปร์ที่ช่วยกันคิดว่าเราจะสร้างเครื่องมืออย่างไร ให้คนท่ีมีความ บกพร่องต่าง ๆ สามารถท่ีจะทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เท่าคนปกติหรือ ใกล้เคียงคนปกติ โดยท่ีไม่ใช่ว่าให้สิทธิพิเศษอะไรแก่เขา แต่ว่าให้เขา มีเกียรติมีศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ของตัวเอง คือ ช่วยตัวเอง ทำอะไร ด้วยตวั เอง...” (ปาฐกถา เรอื่ งการประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของผดู้ อ้ ยโอกาสในสงั คมในสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในงานสัมมนา “๑๒ ปี รตั นราชสดุ าสารสนเทศ : ประสบการณ์จากโครงการ เทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ าร”ี วนั ท่ี ๒๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๑ ณ โรงแรมมริ าเคลิ แกรนด์ คอนเวนช่ัน หลกั ส่ี กรงุ เทพฯ : iCREATe ยอ่ จาก International Convention on Rehabilitative and Assistive Technology เป็นการประชุมนานาชาติว่าด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้พิการ และผสู้ งู อายุ การประชมุ นร้ี เิ รม่ิ โดยประเทศไทยและสงิ คโปร์ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๕๐ และจัดต่อเนื่องทุกปี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปน็ ประธานการประชมุ ทกุ ครัง้ ) พระการณุ ย์อนุ่ เกลา้ ชาวสยาม
“...ในปัจจุบันนี้ นโยบายการศึกษาของไทย คือ ให้นักเรียน มีโอกาสเรียนจบมัธยมปลายหรอื อยา่ งนอ้ ยมธั ยมตน้ ข้าพเจ้าพยายาม ส่งเสริมให้นักเรียนเรียนสูงท่ีสุด อยากให้ทุกคนเรียนต่อชั้นมัธยม แต่ว่าในการปฏิบัติจริงบางทีก็ทำไม่ได้ เนื่องจากนักเรียนมีปัญหา สุขภาพ สติปัญญาไม่ดี ไม่สนใจการเรียน ต้องทำงานเลี้ยงชีพ หรือ ชว่ ยครอบครวั โยกยา้ ยทอ่ี ยอู่ าศยั ฯลฯ นกั เรยี นทเ่ี รยี นในโรงเรยี นสามญั ไมไ่ ด้ ครูจะแนะนำให้เรยี น กศน…” (พระราชนิพนธ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี เกีย่ วกับ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ๒๕๕๑ หน้า ๒๒) พระการณุ ย์อุ่นเกลา้ ชาวสยาม
“...ท่ีจริงการศึกษาผู้ใหญ่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชน ที่ไม่ได้อยู่ในวัยเรียน ซ่ึงถือว่าเป็นผู้ด้อยโอกาสพวกหน่ึงด้วยเช่นกัน เพราะมีงานยุ่ง จะเรียนก็ไม่ค่อยมีเวลา ก็ต้องให้เขามีโอกาสได้เรียน ตามศักยภาพและเวลาที่เอ้ืออำนวย ให้ถือว่าเป็นการสร้างความ เสมอภาคเทา่ เทียมกันทางสังคมอยา่ งหน่ึง...” (พระราชดำรัสทรงบรรยายในหัวข้อ แนวโน้มการจัดการเรียนการสอน เพื่อการเรียนรู้ในทศวรรษหน้า ในงานสัมมนาทางวิชาการ เร่ือง “เทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ในทศวรรษหน้า” ณ โรงแรมบีพี สมิหลา บีช จังหวัดสงขลา วันท่ี ๒๓ กันยายน ๒๕๔๒ ใน รัตนประทีป ๒๕๔๓ หนา้ ๘๗) พระการณุ ย์อ่นุ เกล้าชาวสยาม
๔. ทรงใสพ่ ระทัยเรื่องสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงใส่พระทัยด้านสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม โดยที่พระองค์ ทรงดำรงตำแหน่งองค์อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย และ ทรงดำรงตำแหนง่ องคป์ ระธานมลู นธิ สิ ายใจไทยในพระบรมราชปู ถมั ภ์ พระองค์ทรงมีพระราชดำริ และพระราชกรณียกิจมากมาย ในการ ช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้เจ็บป่วยและผู้ประสบภัยต่าง ๆ ดังปรากฏใน พระราชดำรสั บางตอน ดังตอ่ ไปน้ี “...อาหารและการศึกษา เป็นสิทธิพื้นฐานท่ีมนุษย์ทุกคน พงึ จะไดร้ บั ยง่ิ ไดร้ บั เรว็ เทา่ ไหรย่ งิ่ ดีเพอ่ื ใหเ้ ดก็ แตล่ ะคนพฒั นาศกั ยภาพ ของตนเองอยา่ งครบถว้ น และเตบิ โตเปน็ ผใู้ หญท่ สี่ ามารถพง่ึ ตนเองได้ มีคุณภาพชีวิตท่ีดี เป็นพลเมืองที่ดีของชาติและมนุษยชาติอย่างมี คุณค่าสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ โดยที่แต่ละบุคคลเคารพ ในศักดิ์ศรี และคุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้อ่ืน เป็นผู้ท่ีมีคุณธรรม จริยธรรม และความยุติธรรมและเมตตาธรรมเป็นท่ีต้ัง อันจะนำ ไปสกู่ ารอยรู่ ว่ มกนั และปฏบิ ตั ติ อ่ กนั ฉนั พน่ี อ้ ง ดว้ ยความสงบสขุ และ มีความสอดคล้องกบั ธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม...” (สทิ ธมิ นษุ ยชนศกึ ษาบทความสำหรบั ครผู ใู้ หก้ ารศกึ ษาและอบรมสทิ ธมิ นษุ ยชน พ.ศ. ๒๕๕๖ หน้า ๘๖) พระการุณย์อุน่ เกลา้ ชาวสยาม
“...พยาบาลไตเทียมนับว่ามีความสำคัญในการรักษาผู้ป่วย ด้วยวิธีฟอกเลือดด้วยเคร่ืองมือที่เรียกว่าไตเทียม พยาบาลไตเทียม ตอ้ งมคี วามรคู้ วามชำนาญหมน่ั ศกึ ษาหาความรใู้ หม ่ ๆใหม้ ที กั ษะในการ ใช้เคร่ืองมือ เพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย นอกจากคุณสมบัติ ภายนอกดงั กลา่ วแลว้ พยาบาลไตเทยี มยงั ตอ้ งถงึ พรอ้ มดว้ ยคณุ ลกั ษณะ ภายใน คอื ความมีจิตใจเมตตากรณุ า อยากใหผ้ ปู้ ่วยพ้นจากความทกุ ข์ ความเจ็บไข้ได้ป่วยและมีความสุข เห็นชีวิตของผู้ป่วยมีความสำคัญ เท่าเทียมกัน บริการผู้ป่วยอย่างเต็มอกเต็มใจ มีความเสียสละ มิใช่ เพียงการปฏิบัติตามหน้าท่ีเท่าน้ัน การได้เห็นผู้ป่วยมีอาการทุเลาลง ความทุกข์ทรมานลดลง มีความสุขสบายขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะได้รับความช่วยเหลือเอาใจใส่จากเรา ก็นับว่าเป็นบุญกุศล เปน็ ผลตอบแทนท่ีคมุ้ ค่าอย่างยิ่งแล้ว...” (พระราชดำรัสในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี คร้ังที่ ๑/๒๕๕๓ ณ ห้องประชุมสำนักงานมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย โรงพยาบาลสงฆ์ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ วันที่ ๒๙ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๓) พระการณุ ย์อ่นุ เกลา้ ชาวสยาม
“...เม่ือข้าพเจ้าเร่ิมทำงานท่ีสภากาชาด งานใหญ่งานแรกที่ ประสบคือการสงเคราะห์ชาวเขมรที่หนีภัยสงครามเข้ามาในประเทศ ไทย เรอ่ื งเชน่ นย้ี ากทจ่ี ะตดั สนิ ใจลำพงั เฉพาะความเปน็ ไปทางการเมอื ง ในบ้านในเมืองเราก็ซับซ้อนมากแล้ว นี่ยังเป็นเร่ืองของการเมือง ระหวา่ งประเทศอกี ดว้ ย จะทำสง่ิ ใดกต็ อ้ งระมดั ระวงั ปรกึ ษาหารอื กนั ให้ดี อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย พระราชทานแนวทางปฏิบัติว่า เราทำงานในองค์การกุศลที่มีจุดมุ่งหมายในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ของบุคคล โดยมิได้เลือกชาติช้ันวรรณะหรือศาสนา นอกจากน้ัน เรายังนับถือพุทธศาสนา ถือความเมตตากรุณาเป็นเร่ืองที่สำคัญ มากที่สุดเร่ืองหน่ึง ฉะน้ัน เมื่อประสบเหตุการณ์เฉพาะหน้าใด ๆ กค็ วรทีจ่ ะตัดสนิ ใจได้...” (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี “คำนำ” ... ข้าแต่ สมเดจ็ อปุ นายกิ า สภากาชาดไทย พ.ศ. ๒๕๓๔ หนา้ ๕) พระการณุ ย์อนุ่ เกลา้ ชาวสยาม
“...ภาระหน้าท่ีของกาชาดในการบรรเทาสาธารณภัย ได้กา้ วเลยขอบเขตของเช้อื ชาติ ศาสนา และการเมอื งระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี ประเทศใดประเทศหนึ่งไม่สามารถกระทำให้ภาระหน้าที่ ดังกล่าวประสบความสำเร็จได้โดยลำพัง แต่จะเป็นไปได้ก็โดย ประชาคมของบรรดาประเทศตา่ ง ๆ...” (ทางสายไมตรี = Friendship route : ประมวลเอกสารจดหมายเหตุ การเสด็จ ฯ เยือนต่างประเทศของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พ.ศ. ๒๕๑๖ - ๒๕๓๔, ๒๕๓๗ หน้า ๒๑๙) พระการุณย์อุน่ เกลา้ ชาวสยาม
“...สงครามเป็นส่ิงที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ มาทกุ ยคุ ทกุ สมยั นบั แตโ่ บราณมาผทู้ มี่ คี วามสำนกึ ในหลกั มนษุ ยธรรม และเมตตากรุณา สงสารเพื่อนมนุษย์ผู้ประสบเคราะห์กรรมจาก ภัยสงคราม ได้พยายามช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ ต่อมามีความพยายาม ที่จะบัญญัติหลักเกณฑ์มนุษยธรรมที่พึงปฏิบัติเมื่อเกิดสงคราม และ ออกกฎหมายบังคับ... หลักเกณฑ์มนุษยธรรมท่ีช่วยบรรเทาผลลบ ของสงครามเหล่านี้น่ีเองเป็นที่มาของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่าง ประเทศ...” (สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี คำบรรยายพิเศษเน่ืองใน การสัมมนาทางวิชาการ “มนุษยธรรมและสงคราม : นานาทัศนะในโอกาส ครบรอบ ๕๐ ปี อนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. ๑๙๔๙” วันจันทร์ที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๒ ณ อาคารวเิ ทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ หน้า ๑) พระการุณย์อนุ่ เกล้าชาวสยาม
“...เหตทุ ี่ชอบการพฒั นาช่วยเหลอื ประชาชนนั้น เห็นจะเปน็ เพราะความเคยชิน ต้ังแต่เกิดมาจำความได้ ก็เห็นท้ังพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงคิดหาวิธกี ารต่าง ๆ ทจ่ี ะยกฐานะ ความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีข้ึน ได้ตามเสด็จเห็นความทุกข์ยากของ พี่น้องเพื่อนร่วมชาติ ก็คิดว่าช่วยอะไรได้ก็ควรช่วย ไม่ควรนิ่งดูดาย เม่ือโตขึ้นพอมีแรงทำอะไรได้ก็ทำไปโดยอัตโนมัติ โดยทำตาม พระราชกระแสหรอื ทำตามแนวพระราชดำริ การชว่ ยเหลอื ประชาชน เป็นหนา้ ทีข่ องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตอ้ งทำประจำอย่แู ลว้ ...” (ด่งั ดวงแกว้ ส่องสวา่ ง ทางสายงาม ๒๕๕๗ หน้า ๑๙๕) พระการณุ ย์อุน่ เกล้าชาวสยาม
๕. ทรงทะนบุ ำรุงศิลปะ วฒั นธรรม ศาสนาและภาษา ในดา้ นศลิ ปวฒั นธรรม พระองคท์ รงพระปรีชาสามารถด้าน ศิลปะและทรงสร้างสรรค์ผลงานศิลปกรรมฝีพระหัตถ์ไว้มากมาย ทรงเปน็ องคเ์ อกอคั รราชปู ถมั ภกมรดกวฒั นธรรมไทย ทรงมพี ระวริ ยิ ะ อุตสาหะบำเพ็ญพระราชภารกิจในการอุปถัมภ์บำรุงและอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมไทยในสาขาต่าง ๆ ตลอดมา เพ่ือให้เป็นสมบัติของ ชาตอิ ยา่ งยงั่ ยนื ดา้ นพระพทุ ธศาสนา ทรงนอ้ มนำหลกั ธรรมมาปฏบิ ตั ิ พระองค์ทรงเป็นพุทธมามกะท่ีปฏิบัติตามหลักของพระพุทธศาสนา อย่างเคร่งครัด และทรงศึกษาพระอภิธรรมอย่างแตกฉาน ซ่ึงปรากฏ ในพระราชนิพนธ์ พุทธศาสนสุภาษิต คำโคลง เป็นต้น ด้านภาษา และวรรณกรรม เป็นอีกพระอัจฉริยภาพที่พระองค์ทรงพระปรีชายิ่ง ทรงสร้างสรรค์งานวรรณกรรมท่ีทรงคุณค่ามากมาย ทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง ด้วยภาษาที่ได้รับการยอมรับ มีเอกลักษณ์โดดเด่น และ มีพระอารมณ์ขัน ดังตัวอย่างที่ปรากฏในพระราชดำรัสบางตอน ดงั ต่อไปน้ี พระการณุ ยอ์ ุ่นเกล้าชาวสยาม
“...ศิลปิน หมายถึง ผู้ท่ีสร้างสรรค์ศิลปะข้ึน จะสร้างขึ้นมา อย่างไรก็สุดแต่ความคิดความรู้สึกของศิลปินในขณะนั้น และมาจาก ความรู้ ประสบการณ์ท่ีศิลปินได้ส่ังสมมา งานของศิลปินเป็นการ สรา้ งสรรคเ์ พอื่ มนษุ ยชาติ เปน็ เครอ่ื งจรรโลงเลย้ี งโลกใหด้ ำรงคงอยไู่ ด้ ศลิ ปะแบ่งเป็นหลายอยา่ ง ๑. ทศั นศิลป์ (Visual Art) ได้แก่ จติ รกรรม การเขียนอักษร ภาพถ่ายประติมากรรม สื่อผสม สถาปัตยกรรม รวมไปถึงการจัดสวน การจัดผักผลไม้ให้เป็นรูประเบียบท่ีมองแล้ว น่าชื่นชม ๒. ศิลปะการแสดง (Performing Art) หมายถึง นาฏศิลป์ ดรุ ยิ างคศลิ ป์ คตี ศลิ ป์ คอื รอ้ งเพลง ละคร หนุ่ หนงั ภาพยนตร์ เปน็ งาน ท่ีแสดงออกมาเมื่อแสดงจบก็ถือว่าจบกัน ต่างจากทัศนศิลป์ที่คงอยู่ ๓. วรรณศลิ ป์ (Literary Art) เปน็ กวนี ิพนธ์ หรอื ความเรยี ง รอ้ ยแก้ว บทละคร นวนิยาย เรื่องส้ัน พวกนีก้ เ็ ป็นวรรณศลิ ป์ทง้ั ส้ิน...” (ศลิ ปะจนี พ.ศ. ๒๕๕๐ หนา้ ๑๑) พระการุณยอ์ นุ่ เกลา้ ชาวสยาม
“...มศี พั ทใ์ หมท่ พ่ี ดู กนั ในวงการวฒั นธรรม Tangible Cultural Heritage หมายถึง วัฒนธรรมที่จับต้องได้ ได้แก่ พวกจิตรกรรม ประติมากรรม เปน็ ชน้ิ งานที่มองเหน็ สามารถที่จะเกบ็ เอาไว้ไดท้ ีบ่ า้ น หรือพิพิธภัณฑ์ ส่วนอีกประเภทที่กำลังพูดถึงมากคือ Intangible Cultural Heritage เปน็ วฒั นธรรมทจี่ บั ตอ้ งไมไ่ ด้ ไดแ้ ก่ ศลิ ปะการแสดง เรือ่ งเลา่ ศาสนา ปรัชญา พธิ ีกรรม และเทศกาลต่าง ๆ แมว้ ่าปจั จบุ นั จะต้องมีเทคโนโลยีที่จะเก็บรักษาสิ่งเหล่าน้ีไว้ได้เสมือนจริง เก็บเป็น เทปซดี ีวดี โี อหรอื เปน็ คอมพวิ เตอร์๓มติ ิกย็ งั ไดใ้ สแ่ วน่ ใหม้ นั ผดุ ขนึ้ มา เหมอื นกบั จะจบั ได้แตก่ ย็ งั ไมเ่ รยี กวา่ เปน็ Tangibleยงั ถอื วา่ จบั ตอ้ งไมไ่ ด้ เพราะว่าเดี๋ยวเดียวก็หายไป เรื่องน้ีกำลังเป็นเร่ืองท่ีน่าสนใจติดตาม เพราะองค์การยูเนสโกใหม้ กี ารลงทะเบียนไว้...” (ศิลปะจนี พ.ศ. ๒๕๕๐ หน้า ๑๑) พระการุณยอ์ ุน่ เกลา้ ชาวสยาม
“...งานอีกอย่างหนึ่งท่ีเราชอบมาก คือ การเขียนลายรดน้ำ งานน้ีเป็นศิลปะไทยแท้ คือ ต้องเรียนด้วยความอดทนพอสมควร ตอนแรกครูให้วาดรูปลายไทยง่าย ๆ โดยลากเส้นตามเส้นฝุ่นสีดำ ลงสมุดเป็นลายบัว ลายกระจัง จนเที่ยงมือแล้วจึงใช้พู่กันเบอร์ ๐ ลากเส้นบนกระดาษเป็นลายแล้วเขียนบนกระจก จึงได้ทำของจริง คือเขียนบนกระดานรกั ลายแรกท่ที ำเป็นภาพพระราม...” (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี “การฝีมือ ๆ คือพลัง” ใน อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายประพาส ปานพิพัฒน์ ๒๕๒๕ หน้า ๑๔) พระการณุ ยอ์ ุ่นเกล้าชาวสยาม
“...เม่ือประมาณปี ๒๕๒๔-๒๕๒๕ เป็นช่วงเตรียมการ งานฉลอง ๒๐๐ ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ข้าพเจ้าได้รับแต่งตั้งให้เป็น ประธานกรรมการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามกับ พระบรมมหาราชวัง กไ็ ด้ทำงานอย่างทเี่ ห็น ไปตรวจงาน... เม่ือทำไปแล้วเกิดมีอาคารนอกแผน คือ อาคารพระตำหนัก สวนกุหลาบ... อาคารหลังนี้ทรุดโทรมมาก เดิมเคยเป็นโรงเรียน พระตำหนักสวนกุหลาบรุ่นก่อน ตั้งแต่เร่ิมมีการศึกษาเป็นระบบ ในเมอื งไทยกใ็ ชอ้ าคารน.ี้ .. อาคารนสี้ วยมาก นา่ จะซอ่ มเอาไว้ทนี เ้ี กดิ มา นึกอีกว่า เป็นอาคารประวัติศาสตร์ เพราะเคยเป็นโรงเรียนมาเก่าแก่ เกอื บจะเรยี กไดว้ า่ เปน็ ตน้ กำเนดิ ของการศกึ ษาในระบบของเมอื งไทย ปัจจุบัน ถ้าเราซ่อมแซมฉลอง ๒๐๐ ปี เพื่อทบทวนว่า ใน ๒๐๐ ปี ของรัตนโกสินทร์มีอะไรท่ีเราทำเป็นการสร้างสรรค์บ้าง เพื่อท่ีจะ ไดผ้ ลประโยชนใ์ หส้ รา้ งสรรคต์ อ่ ไปภายหนา้ กม็ านกึ ถงึ วา่ ในทางซอ่ ม วัตถุซ่อมอาคารให้ดีเราก็ได้ทำไปแล้ว ทีน้ีในด้านการสร้างสรรค์ ทรัพยากรบุคคลซึ่งข้ึนอยู่กับการศึกษาเป็นส่วนสำคัญ... ก็เลย บอกว่าอยากซ่อมอาคารนี้ แล้วฟ้ืนฟูเป็นโรงเรียน ควรจะมีโรงเรียน เพื่อท่ีจะส่งเสริมว่า แต่ก่อนนี้บรรพบุรุษของเราได้ทำอะไรในอดีต เพื่อมาเป็นวันนี้ แล้วเราทำวันน้ีให้เป็นพรุ่งนี้ ให้เป็นอนาคตรุ่งเรือง ข้นึ มาได้อีก...” (รตั นพนิ ิจ นิทศิ การศึกษา ๒๕๔๒ หน้า ๒๗ - ๒๙) พระการณุ ย์อุ่นเกล้าชาวสยาม
“...สืบเน่ืองมาจากท่ีข้าพเจ้าได้ตั้งหลักสูตรสอนศิลปะไทย ซง่ึ กำลงั จะสญู ไมค่ อ่ ยมคี นจะเรยี นจะใช.้ ..กไ็ ดม้ ารา่ งหลกั สตู รทางกรม การศึกษานอกโรงเรยี น ไดช้ ่วยรา่ งและอบรมครสู อนในวชิ าครู แล้วก็ รับนักเรียนคัดเลือกเอาคนที่คิดว่าจะสามารถเรียนได้ หรือมีฐานะ ยากจน คนที่พอมีอยู่แล้วก็ขอว่าอย่าเพ่ิงมาเรียน ให้คนที่ยังไม่มีทุน ไม่มีความรู้ที่จะประกอบอาชีพเรียนก่อน ไม่ได้เก็บค่าเล่าเรียน นอกจากค่าวัสดุให้นักเรียนช่วยกันออก... นี่เป็นการยกตัวอย่าง ตั้งหลักสูตรสอนศิลปะข้ึนมาไม่เก็บค่าเล่าเรียน... หลักเก่าของเรา... เราเรียนอะไรจากครู สิ่งท่ีตอบแทน คือ ความภักดี ความกตัญญู ร้คู ุณครู สง่ิ นีอ้ าจจะหายไปกบั กาลเวลา...” (รตั นพนิ ิจ นทิ ิศการศกึ ษา ๒๕๔๒ หน้า ๕๗ - ๕๘) พระการณุ ยอ์ ่นุ เกล้าชาวสยาม
“...ดนตรีไทยน้ีให้ประโยชน์ในทางจิตใจเป็นอันมาก เช่น เคยใชเ้ ปน็ เพลงปลกุ ใจได้ อยา่ งเพลงพระราชนพิ นธใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั เป็นเพลงสอนธรรมชาติวิทยาและทำให้เดก็ เกิดความอบอุ่นใจได้ดี อย่างเพลงกล่อมลูกของเก่า ทำให้คลาย ความเครียดได้ เม่ือฟังเพลงที่ไพเราะถูกใจแม้แต่ความสวยงามของ เครื่องดนตรีท่ีสร้างขึ้นด้วยฝีมืออันประณีตก็ทำให้จิตใจเพลิดเพลิน ได้...” (มณีพลอยรอ้ ยแสง ๒๕๓๓ หน้า ๒๘๗) พระการณุ ยอ์ ุน่ เกลา้ ชาวสยาม
“...ศิลปะจะมีท้ังส่ิงที่เกิดข้ึนตามธรรมชาติ และส่ิงที่มนุษย์ สร้างสรรค์ข้ึน แต่ว่าอย่างไรก็เก่ียวกับมนุษย์อยู่ดี เพราะว่าถึงส่ิงที่ เกิดข้ึนตามธรรมชาติ ถ้าเราจะเรียกว่าเป็นศิลปะ ต้องเป็นสิ่งท่ีมีธาตุ รบั รขู้ องมนษุ ยม์ าเกยี่ วขอ้ งดว้ ย เพราะฉะนนั้ ศลิ ปะจงึ เกยี่ วพนั กบั ชวี ติ มนุษย์อย่างมาก การศึกษาเชิงประวัติศาสตร์ คือ ศึกษาประวัติ ความเป็นมาท่ีอยู่เบ้ืองหลังการสร้างสรรค์ศิลปะนั้นก็จะช่วยให้เข้าใจ ศิลปะดีขึ้น มีคำพูดเก่ียวกับศิลปะอีกแบบหน่ึง เช่น ศิลปะการขาย ความหมายถึง การขายท่ีศิลปะอย่างไรก็ตามที่ทำให้ทรัพย์ปลิว ออกจากกระเปา๋ ของทกุ คนมาอยทู่ ต่ี วั ของผมู้ ศี ลิ ปะทางการขาย หรอื วา่ มีศิลปะในการครองเรือน ก็หมายความว่า ให้ครอบครัวอยู่กันด้วยดี ไม่ตีกนั หัวร้างข้างแตก แต่ว่าเรอ่ื งน้ีเราจะไมพ่ ดู กัน...” (ศิลปะจนี พ.ศ. ๒๕๕๐ หน้า ๑๐) พระการณุ ย์อุน่ เกล้าชาวสยาม
“...การศกึ ษาพทุ ธสภุ าษติ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของหลกั สตู รนกั ธรรม ผู้ศึกษาจะต้องแต่งเรียงความแก้ข้อสุภาษิตท่ีตั้งเป็นกระทู้อ้าง พุทธสุภาษิต หรือภาษิตอ่ืน ๆ ความยาวของเรียงความและการอ้าง สุภาษติ แล้วแต่ข้นั ว่าจะเปน็ นกั ธรรมตรี โท หรือเอก ขา้ พเจา้ เองเหน็ วา่ การศกึ ษาพทุ ธศาสนสภุ าษติ เปน็ ประโยชน์ อยา่ งยง่ิ เพราะทำใหท้ ราบขอ้ ธรรม อนั จะใชเ้ ปน็ แนวทางดำเนนิ ชวี ติ ได้ จึงศึกษาจากหนังสือพุทธศาสนสุภาษิตของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส วันละเลก็ ละนอ้ ย แลว้ ผูกเปน็ โคลงวันละ สองบท เพื่อช่วยความจำ เม่ือรวมกันเข้าหลาย ๆ บท ก็เกิดเป็น พุทธศาสนสุภาษิตคำโคลงฉบับน้ี การแต่งมิได้เรียงตามวรรคท่ี กำหนดไว้ในหนังสือของสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ แต่เลือก แตง่ เองตามชอบใจ ทำใหแ้ ตง่ เพมิ่ ขน้ึ ไดเ้ รอ่ื ย ๆ เมอ่ื เวลาอำนวยในกาล สืบต่อไป อตตฺ า หิ กริ ทุททโม ได้ยนิ วา่ ตนแลฝกึ ไดย้ าก ขทุ ทฺ กนิกาย ธมมฺ ปทคาถา ๒๕/๓๖ การฝกึ อันยากนัน้ ฝกึ ฝน ตนนา สอนพรำ่ แนะนำคน อื่นได้ บุคคลไม่เหน็ ตน ทำผิด เลยนอ เมอ่ื ไมเ่ ห็นผดิ ไซร ้ กเ็ วน้ ฝกึ ปรือ ...” (ดงั่ ดวงแกว้ สอ่ งสว่าง ทางสายงาม ๒๕๕๗ หน้า ๑๘๓ - ๑๘๔) พระการณุ ยอ์ ุ่นเกลา้ ชาวสยาม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208