เปิดธรรมท่ถี ูกปิด : คมู่ อื โสดาบนั ภิกษุทั้งหลาย ! อินทรีย์ ๕ ประการเหล่าน้ีมีอยู่ ๕ ประการเป็นอย่างไร? คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. ภิกษุท้ังหลาย ! เหล่านแ้ี ล อนิ ทรีย์ ๕ ประการ. ภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลผู้เป็นอรหันต์ เพราะ อินทรีย์ ๕ ประการนี้เต็มบริบูรณ์ เป็นผู้ปฏิบัติเพ่ือทำ� อรหตั ตผลใหแ้ จง้ เพราะอนิ ทรยี ์ ๕ ยงั ออ่ นกวา่ อนิ ทรยี ข์ อง อรหนั ต ์ เปน็ อนาคามี เพราะอนิ ทรยี ์ ๕ ยงั ออ่ นกวา่ อนิ ทรยี ์ ของผปู้ ฏบิ ตั เิ พอื่ ท�ำ อรหตั ตผลใหแ้ จง้ เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั เิ พอ่ื ท�ำ อนาคามผิ ลใหแ้ จง้ เพราะอนิ ทรยี ์ ๕ ยงั ออ่ นกวา่ อนิ ทรยี ข์ อง อนาคาม ี เปน็ สกทาคามี เพราะอนิ ทรยี ์ ๕ ยงั ออ่ นกวา่ อนิ ทรยี ์ ของผู้ปฏิบัติเพื่อทำ�อนาคามิผลให้แจ้ง เป็นผู้ปฏิบัติ เพื่อท�ำ สกทาคามผิ ลใหแ้ จง้ เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่า อนิ ทรยี ข์ องสกทาคาม ี เปน็ โสดาบนั เพราะอนิ ทรยี ์ ๕ ยงั อ่อนกว่าอินทรีย์ของผู้ปฏิบัติเพื่อทำ�สกทาคามิผลให้แจ้ง เป็นผปู้ ฏบิ ตั เิ พ่ือทำ�โสดาปัตติผลให้แจง้ เพราะอนิ ทรยี ์ ๕ ยังออ่ นกว่าอินทรยี ข์ องโสดาบนั ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! อนิ ทรยี ์ ๕ ประการน้ี ไมม่ แี กผ่ ใู้ ด เสยี เลยโดยประการทง้ั ปวง เราเรยี กผนู้ น้ั วา่ เปน็ คนภายนอก ต้ังอยูใ่ นฝา่ ยปุถุชน. 183
พุทธวจน - หมวดธรรม ภิกษุท้ังหลาย ! อินทรีย์ ๕ ประการเหล่าน้ีมีอยู่ ๕ ประการเป็นอย่างไร? คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. ภิกษุทั้งหลาย ! เหลา่ น้แี ล อินทรีย์ ๕ ประการ. ภิกษุท้ังหลาย ! บุคคลเป็นอรหันต์ เพราะ อนิ ทรยี ์ ๕ ประการนเ้ี ต็มบริบูรณ์ เป็นอนั ตราปรินพิ พายี เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของอรหันต์ เป็น อุปหัจจปรินิพพายี เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ ของอันตราปรินิพพายี เป็นสสังขารปรินิพพายี เพราะ อนิ ทรยี ์ ๕ ยงั ออ่ นกวา่ อนิ ทรยี ข์ องอปุ หจั จปรนิ พิ พาย ี เปน็ สสงั ขารปรนิ พิ พายี เพราะอนิ ทรยี ์ ๕ ยงั ออ่ นกวา่ อนิ ทรยี ข์ อง อสังขารปรินิพพายี เป็นอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี เพราะ อินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของอสังขารปรินิพพายี เป็นสกทาคามี เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของ อทุ ธงั โสโตอกนฏิ ฐคาม ี เปน็ เอกพชี ี เพราะอนิ ทรยี ์ ๕ ยงั ออ่ น กวา่ อนิ ทรยี ข์ องสกทาคาม ี เปน็ โกลงั โกละ เพราะอนิ ทรยี ์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของเอกพีชี เป็นสัตตักขัตตุปรมะ เพราะอนิ ทรีย์ ๕ ยังออ่ นกว่าอนิ ทรยี ์ของโกลังโกละ เปน็ ธมั มานสุ ารเี พราะอนิ ทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าสตั ตักขัตตุปรมะ เป็นสัทธานุสารีเพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของ ธัมมานสุ ารี. 184
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถกู ปดิ : คมู่ อื โสดาบนั ผถู้ ึงไตรสรณคมน์ไมไ่ ปสวู่ นิ บิ าต 45 -บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๗๐/๑๕๒๗-๑๕๓๖. ครัง้ น้ัน เจ้ามหานามศากยราช เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผมู้ -ี พระภาคถงึ ทป่ี ระทบั ทรงถวายบงั คมผมู้ ภี าคแลว้ ประทบั นง่ั ณ ทค่ี วร สว่ นขา้ งหนงึ่ ครนั้ แลว้ ไดก้ ราบทลู วา่ ขา้ แตอ่ งคผ์ เู้ จรญิ ขอประทาน วโรกาส เจ้าสรกานิศากยะส้ินชนม์ ผู้มีภาคทรงพยากรณ์ท่านว่า เป็นโสดาบัน มีความไม่ตกตำ่ �เป็นธรรมดา เป็นผู้เท่ียงที่จะตรัสรู้ ในเบ้ืองหน้า ดังได้ยินมา พวกเจ้าศากยะมากด้วยกันมาประชุม พรอ้ มกนั แลว้ ยอ่ มยกโทษตเิ ตยี นบน่ วา่ นา่ อศั จรรยห์ นอ ทา่ นผเู้ จรญิ ไม่เคยมีมาแล้วหนอ ท่านผู้เจริญ บัดนี้ ในท่ีนี้ ใครเล่าจักไม่เป็น โสดาบนั เพราะเจา้ สรกานศิ ากยะสน้ิ ชนมแ์ ลว้ พระผมู้ พี ระภาคทรง พยากรณ์ท่านว่า เป็นโสดาบัน ... เจ้าสรกานิศากยะถึงความเป็น ผ้ทู ุรพลดว้ ยสิกขา เสวยน้ำ�จณั ฑ.์ มหาราช ! อบุ าสกผถู้ งึ พระพทุ ธเจา้ พระธรรม และ พระสงฆ์ วา่ เปน็ สรณะตลอดกาลนาน จะพงึ ไปสวู่ นิ บิ าตได้ อยา่ งไร? ก็บุคคลเม่ือจะกลา่ วให้ถูก พงึ กล่าวอบุ าสกน้ัน ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ว่าเปน็ สรณะตลอดกาลนาน บคุ คลเม่ือจะกล่าวให้ถกู พงึ กล่าวเจ้าสรกานิศากยะว่า เจ้าสรกานิศากยะเป็นอุบาสก ผู้ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ ตลอดกาลนาน จะพึงไปสูว่ ินบิ าตไดอ้ ยา่ งไร. 185
พุทธวจน - หมวดธรรม มหาราช ! บุคคลบางคนในโลกน้ี ประกอบด้วย ความเลอ่ื มใสอนั ไมห่ วน่ั ไหวในพระพทุ ธเจา้ ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... มีปัญญาร่าเริง เฉียบแหลม และ ประกอบด้วยวิมุตติ เขาย่อมกระทำ�ให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะท้ังหลาย สิ้นไป ด้วยปัญญาอันย่ิงเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ บุคคล แม้นีพ้ ้นจากนรก ก�ำ เนดิ เดรัจฉาน เปรตวิสัย อบาย ทคุ ติ วนิ ิบาต. มหาราช ! กบ็ คุ คลบางคนในโลกน้ี ประกอบดว้ ย ความเลอ่ื มใสอนั ไมห่ วน่ั ไหวในพระพทุ ธเจา้ ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... มีปัญญาร่าเริง เฉียบแหลม แต่ไม่ ประกอบดว้ ยวมิ ตุ ติ เพราะสังโยชนอ์ นั เปน็ สว่ นเบื้องตำ�่ ๕ สนิ้ ไป เขายอ่ มเปน็ โอปปาตกิ ะ จกั ปรนิ พิ พานในภพทเ่ี กดิ นน้ั มอี นั ไมก่ ลบั จากโลกนนั้ เปน็ ธรรมดา บคุ คลแมน้ กี้ พ็ น้ จากนรก ก�ำ เนิดเดรจั ฉาน เปรตวสิ ัย อบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต. มหาราช ! กบ็ คุ คลบางคนในโลกน้ี ประกอบดว้ ย ความเลอ่ื มใสอนั ไมห่ วน่ั ไหวในพระพทุ ธเจา้ ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ไมม่ ปี ญั ญารา่ เรงิ ไมเ่ ฉยี บแหลมและไม่ ประกอบดว้ ยวมิ ตุ ติ เพราะสงั โยชน์ ๓ สน้ิ ไป (และ) เพราะ ราคะ โทสะ และโมหะเบาบาง เขาย่อมเป็นสกทาคามี 186
เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : คู่มอื โสดาบัน มาสโู่ ลกนอี้ กี คราวเดยี วเทา่ นนั้ จะกระท�ำ ทส่ี ดุ แหง่ ทกุ ขไ์ ด้ บุคคลแม้น้ีก็พ้นจากนรก กำ�เนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย อบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต. มหาราช ! กบ็ คุ คลบางคนในโลกนี้ ประกอบดว้ ย ความเลอ่ื มใสอนั ไมห่ วน่ั ไหวในพระพทุ ธเจา้ ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ไม่มีปัญญาร่าเริง ไม่เฉียบแหลมและ ไม่ประกอบด้วยวิมุตติ เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป เขาย่อม เป็นโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำ�เป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงท่ี จะตรัสรู้ในเบ้ืองหน้า บุคคลแม้นี้ก็พ้นจากนรก กำ�เนิด เดรจั ฉาน เปรตวสิ ัย อบาย ทคุ ติ วินิบาต. มหาราช ! กบ็ คุ คลบางคนในโลกน้ี ไมป่ ระกอบดว้ ย ความเลอ่ื มใสอนั ไมห่ วน่ั ไหวในพระพทุ ธเจา้ ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ไม่มีปัญญาร่าเริง ไม่เฉียบแหลมและ ไม่ประกอบด้วยวิมุตติ แต่ว่าเขามีธรรมเหล่านี้ คือ สทั ธินทรยี ์ วิรยิ นิ ทรีย์ สตินทรยี ์ สมาธนิ ทรีย์ ปัญญนิ ทรีย์ ธรรมทั้งหลายที่ตถาคตประกาศแล้ว ย่อมทนซึ่งการเพ่ง ด้วยปัญญาของเขา (ยงิ่ ) กว่าประมาณ บุคคลแม้นี้กไ็ มไ่ ป สู่นรก กำ�เนดิ เดรจั ฉาน เปรตวสิ ัย อบายทคุ ติ วนิ บิ าต. มหาราช ! กบ็ คุ คลบางคนในโลกน้ี ไมป่ ระกอบดว้ ย ความเลอ่ื มใสอนั ไมห่ วน่ั ไหวในพระพทุ ธเจา้ ... ในพระธรรม 187
พุทธวจน - หมวดธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ไม่มีปัญญาร่าเริง ไม่เฉียบแหลมและ ไมป่ ระกอบดว้ ยวมิ ตุ ติ แตว่ า่ เขามธี รรมเหลา่ น้ี คอื สทั ธนิ ทรยี ์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ และเขา มีศรัทธา มีความรักในตถาคตพอประมาณ บุคคลแม้นี้ก็ ไม่ไปสู่นรก กำ�เนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย อบาย ทุคติ วนิ ิบาต. มหาราช ! ถ้าแม้ต้นไม้ใหญ่เหล่าน้ี พึงรู้ท่ัวถึง สุภาษิตทุพภาษิตไซร้ เราก็จะพึงพยากรณ์ต้นไม้ใหญ่ เหลา่ นว้ี า่ เปน็ โสดาบนั มีความไม่ตกตำ่�เป็นธรรมดา เป็น ผู้เท่ียงท่ีจะตรัสรู้ในเบ้ืองหน้า จะป่วยการกล่าวไปไยถึง เจา้ สรกานศิ ากยะ เจา้ สรกานศิ ากยะ สมาทานสกิ ขาในเวลา สน้ิ ชนม.์ 188
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปดิ : คู่มอื โสดาบัน ใผนสู้ ก้ินรคณวีขามองสคงสวายั ม(เพหระน็ โสดาบนั ) 46 ทเ่ี ป็นไปในลกั ษณะถอื ม่ันว่าของเรา -บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๒๔๐-๒๕๑/๔๑๙-๔๒๐. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! เมอื่ อะไรมอี ยู่ เพราะเขา้ ไปอาศยั ซ่ึงอะไร เพราะยึดมั่นซึ่งอะไร ทิฏฐิจึงเกิดขึ้นอย่างนี้ ว่า “นน่ั ของเรา นนั่ เปน็ เรา น่ันเปน็ ตัวตนของเรา”? “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมท้ังหลาย ของพวก ข้าพระองค์ มพี ระผมู้ ีพระภาคเปน็ มูล มีพระผ้มู ีพระภาคเป็นผ้นู �ำ มพี ระผมู้ พี ระภาคเปน็ ทพ่ี งึ่ . ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ! เปน็ การชอบแลว้ หนอ ขอให้อรรถแห่งภาษิตน้ัน จงแจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาค เองเถิด ภกิ ษทุ ้ังหลายไดฟ้ ังจากพระผ้มู ีพระภาคแล้ว จกั ทรงจ�ำไว้ ดงั น”้ี . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! เมอ่ื รปู มอี ยู่ เพราะเขา้ ไปอาศยั ซงึ่ รปู เพราะยดึ มน่ั ซง่ึ รปู ทฏิ ฐจิ งึ เกดิ ขน้ึ อยา่ งนว้ี า่ นน่ั ของเรา นน่ั เปน็ เรา นน่ั เปน็ ตวั ตนของเรา. (ในกรณแี หง่ เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ กม็ ถี อ้ ยค�ำ ทต่ี รสั อยา่ งเดยี วกนั ทกุ ตวั อกั ษรกบั ในกรณแี หง่ รปู น้ี ตา่ งกนั แตเ่ พยี ง ชอ่ื แห่งขันธ์แต่ละขนั ธ์ เทา่ นน้ั ). 189
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! เธอทง้ั หลายจะส�ำ คญั ความขอ้ นน้ั วา่ อย่างไร รปู เที่ยงหรือไม่เท่ยี ง? “ไม่เท่ยี ง พระเจา้ ข้า !”. กส็ ง่ิ ใดไมเ่ ที่ยง ส่งิ นัน้ เปน็ ทุกข์หรอื เป็นสุขเลา่ ? “เป็นทุกข์ พระเจา้ ขา้ !”. ก็สิ่งใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเปน็ ธรรมดา เพราะไมถ่ อื มน่ั สง่ิ นน้ั ทฏิ ฐจิ ะพงึ เกดิ ขน้ึ อยา่ งนว้ี า่ นน่ั ของเรา นน่ั เปน็ เรา นน่ั เปน็ ตวั ตนของเรา บา้ งไหม? “ไม่พงึ เกิดทฏิ ฐอิ ย่างนนั้ เลย พระเจา้ ขา้ !”. (ในกรณแี หง่ เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ กม็ ถี อ้ ยค�ำ ทตี่ รสั อยา่ งเดยี วกนั ทกุ ตวั อกั ษรกบั ในกรณแี หง่ รปู น้ี ตา่ งกนั แตเ่ พยี ง ช่อื แห่งขนั ธแ์ ตล่ ะขันธ์ เท่านัน้ ). แม้ส่ิงที่บุคคลเห็นแล้ว ฟังแล้ว ทราบแล้ว รู้แจ้ง แล้ว ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ใคร่ครวญแล้วด้วยใจ ส่ิงน้ัน เทยี่ งหรอื ไมเ่ ท่ยี ง? “ไม่เท่ียง พระเจา้ ข้า !”. ก็ส่งิ ใดไมเ่ ทย่ี ง สง่ิ นน้ั เปน็ ทกุ ข์หรือเป็นสขุ เล่า? “เปน็ ทุกข์ พระเจา้ ขา้ !”. 190
เปิดธรรมทีถ่ ูกปดิ : คู่มือโสดาบนั ก็ส่ิงใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเปน็ ธรรมดา เพราะไมถ่ อื มน่ั สง่ิ นน้ั ทฏิ ฐจิ ะพงึ เกดิ ขน้ึ อยา่ งนว้ี า่ นน่ั ของเรา นน่ั เปน็ เรา นน่ั เปน็ ตวั ตนของเรา บา้ งไหม? “ไม่พึงเกดิ ทฏิ ฐอิ ยา่ งนัน้ เลย พระเจ้าข้า !”. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ในกาลใดแล อรยิ สาวกละความ สงสัยในฐานะ ๖ ประการเหล่านี้ ชื่อว่าเป็นอันละความ สงสยั แม้ในทกุ ข์ แม้ในทกุ ขสมทุ ยั แมใ้ นทุกขนิโรธ แมใ้ น ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา. ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อน้ัน อริยสาวกนเ้ี ราเรียกว่า เปน็ โสดาบัน มคี วามไมต่ กตำ่�เป็น ธรรมดา เปน็ ผเู้ ทย่ี งทจี่ ะตรัสรู้ในเบื้องหนา้ . 191
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี กู ปิด : ค่มู ือโสดาบนั ใผนู้สกน้ิ รคณวีขามองสคงสวาัยม(เพหระ็นโสดาบัน) 47 ทีเ่ ปน็ สัสสตทิฏฐิ -บาลี ขนฺธ. ส.ํ ๑๗/๒๕๑-๒๕๒/๔๒๑-๔๒๒. ภิกษุท้ังหลาย ! เมื่ออะไรมีอยู่ เพราะเข้าไป อาศัยซ่ึงอะไร เพราะยึดม่ันซ่ึงอะไร ทิฏฐิจึงเกิดข้ึน อย่างนี้วา่ “ตนกอ็ ันนนั้ โลกก็อนั นน้ั เราน้นั ละโลกไปแลว้ จักเป็นผู้เท่ียง ยั่งยืน ม่ันคง มีความไม่เปล่ียนแปลงเป็น ธรรมดา” ดังน?ี้ “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมทั้งหลาย ของพวก ขา้ พระองค์ มีพระผู้มีพระภาคเป็นมลู มีพระผู้มพี ระภาคเปน็ ผู้นำ� … ภกิ ษทุ ง้ั หลายไดฟ้ งั จากพระผมู้ พี ระภาคแลว้ จกั ทรงจำ�ไว้ ดงั น”ี้ . ภิกษุท้ังหลาย ! เมื่อรูปมีอยู่ เพราะเข้าไปอาศัย ซงึ่ รปู เพราะยดึ มนั่ ซง่ึ รปู ทฏิ ฐจิ งึ เกดิ ขนึ้ อยา่ งน้ี ตนกอ็ นั นนั้ โลกก็อันน้ัน เราน้ันละโลกไปแล้ว จักเป็นผู้เที่ยง ย่ังยืน มนั่ คง มคี วามไมเ่ ปลีย่ นแปลงเปน็ ธรรมดา. (ในกรณแี หง่ เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ กม็ ถี อ้ ยค�ำ ทต่ี รสั อยา่ งเดยี วกนั ทกุ ตวั อกั ษรกบั ในกรณแี หง่ รปู นี้ ตา่ งกนั แตเ่ พยี ง ช่ือแหง่ ขันธ์แต่ละขันธ์ เทา่ นั้น). 192
เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปิด : คู่มอื โสดาบัน ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! เธอทง้ั หลายจะส�ำ คญั ความขอ้ นน้ั วา่ อยา่ งไร รูปเท่ยี งหรือไมเ่ ทยี่ ง? “ไม่เทย่ี ง พระเจา้ ขา้ !”. ก็ส่งิ ใดไมเ่ ทยี่ ง สิง่ นน้ั เปน็ ทกุ ขห์ รือเปน็ สุขเลา่ ? “เปน็ ทุกข์ พระเจา้ ข้า !”. ก็ส่ิงใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไมถ่ อื มนั่ ในสงิ่ นนั้ ทฏิ ฐยิ อ่ มเกดิ ขน้ึ อยา่ งนี้ ว่า ตนก็อันน้ัน … มีความไม่เปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา บ้างไหม? “ไมพ่ ึงเกดิ ทิฏฐอิ ย่างนน้ั เลย พระเจา้ ข้า !”. (ในกรณแี หง่ เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ กม็ ถี อ้ ยค�ำ ทต่ี รสั อยา่ งเดยี วกนั ทกุ ตวั อกั ษรกบั ในกรณแี หง่ รปู นี้ ตา่ งกนั แตเ่ พยี ง ชอ่ื แหง่ ขันธแ์ ตล่ ะขันธ์ เท่าน้นั ). แม้ส่ิงท่ีบุคคลเห็นแล้ว ฟังแล้ว ทราบแล้ว รู้แจ้ง แล้ว ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ใคร่ครวญแล้วด้วยใจ สิ่งน้ัน เท่ยี งหรือไม่เที่ยง? “ไม่เท่ยี ง เจ้าข้า !”. กส็ ่ิงใดไมเ่ ท่ยี ง ส่งิ นัน้ เปน็ ทกุ ข์หรือเปน็ สุขเลา่ ? “เปน็ ทุกข์ พระเจ้าขา้ !”. 193
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไมถ่ อื มนั่ ในสง่ิ นนั้ ทฏิ ฐยิ อ่ มเกดิ ขน้ึ อยา่ งนี้ ว่า ตนก็อันนั้น … มีความไม่เปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา บา้ งไหม? “ไมพ่ ึงเกิดทิฏฐอิ ย่างนั้นเลย เจ้าข้า !”. ภิกษุทั้งหลาย ! เม่ือใดแล อริยสาวกละความ สงสัยในฐานะ ๖ ประการเหล่านี้ ช่ือว่าเป็นอันละความ สงสัยแม้ในทกุ ข์ แมใ้ นทุกขสมทุ ยั แม้ในทกุ ขนโิ รธ แม้ใน ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา. ภิกษุท้ังหลาย ! เมื่อน้ัน อริยสาวกนเ้ี ราเรียกวา่ เปน็ โสดาบนั มคี วามไมต่ กตำ่�เปน็ ธรรมดา เป็นผู้เท่ยี งท่จี ะตรสั รู้ในเบอื้ งหนา้ . 194
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ กู ปดิ : คู่มือโสดาบัน ผในสู้ กิน้ รคณวขีามองสคงสวาัยม(เพหระน็ โสดาบนั ) 48 ท่เี ปน็ ไปในลักษณะวา่ เราไม่พงึ มี -บาลี ขนธฺ . สํ. ๑๗/๒๕๒-๒๕๓/๔๒๓-๔๒๔. ภิกษุท้ังหลาย ! เม่ืออะไรมีอยู่ เพราะอาศัย ซ่ึงอะไร เพราะยึดม่ันซ่ึงอะไร ทิฏฐิจึงเกิดข้ึนอย่างน้ีว่า “เราไม่พึงมี และบริขารของเราไม่พึงมี เราจักไม่มี และ บริขารของเราจักไมม่ ี” ดังนี?้ “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมท้ังหลาย ของพวก ขา้ พระองค์ มีพระผ้มู พี ระภาคเปน็ มูล มีพระผ้มู ีพระภาคเปน็ ผู้นำ� … ภกิ ษทุ งั้ หลายไดฟ้ งั จากพระผมู้ พี ระภาคแลว้ จกั ทรงจำ�ไว้ ดงั น”้ี . ภิกษุท้ังหลาย ! เมื่อรูปมีอยู่ เพราะถือมั่นรูป เพราะยึดมั่นซึ่งรูป จึงเกิดทิฏฐิอย่างนี้ว่า เราไม่พึงมีและ บริขารของเราไม่พึงมี เราจักไม่มี และบริขารของเราจัก ไม่มี. เมื่อเวทนามีอยู่ ... เมื่อสัญญามีอยู่ ... เมื่อสังขาร มีอยู่ ... เม่ือวิญญาณมีอยู่ เพราะถือม่ันวิญญาณ เพราะ ยึดมั่นวิญญาณ จึงเกิดทิฏฐิข้ึนอย่างน้ีว่า เราไม่พึงมี และ บริขารของเราไม่พึงมี เราจักไม่มี และบริขารของเรา จกั ไมม่ ี. 195
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! เธอทง้ั หลายจะส�ำ คญั ความขอ้ นน้ั ว่าอยา่ งไร รปู เที่ยงหรือไมเ่ ท่ยี ง? “ไมเ่ ที่ยง พระเจ้าขา้ !”. ก็ส่งิ ใดไม่เที่ยง ส่งิ นั้นเป็นทุกขห์ รอื เป็นสุขเล่า? “เปน็ ทุกข์ พระเจา้ ขา้ !”. ก็ส่ิงใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถือมั่นในสิ่งน้ันพึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ ว่า เราไม่พึงมี และบริขารของเราไมพ่ งึ มี เราจักไมม่ ี และ บรขิ ารของเราจกั ไมม่ ี บา้ งไหม? “ไมพ่ งึ เกิดทฏิ ฐิอย่างนั้นเลย พระเจ้าขา้ !”. เวทนา ... สัญญา ... สังขาร ... วิญญาณ เที่ยง หรอื ไม่เท่ยี ง? “ไม่เทย่ี ง พระเจา้ ข้า !”. ก็ส่งิ ใดไม่เท่ียง สิ่งนนั้ เป็นทุกข์หรอื เป็นสุขเล่า? “เปน็ ทกุ ข์ พระเจา้ ขา้ !”. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถือม่ันสิ่งน้ันพึงเกิดทิฏฐิข้ึนอย่างน้ีว่า เราไม่พึงมี และบริขารของเราไม่พึงมี เราจักไม่มี และ บรขิ ารของเราจักไมม่ ี บ้างไหม? “ไมพ่ ึงเกดิ ทฏิ ฐอิ ยา่ งนนั้ เลย พระเจ้าข้า !”. 196
เปดิ ธรรมทถี่ ูกปดิ : คมู่ อื โสดาบนั แม้สิ่งท่ีบุคคลเห็นแล้ว ฟังแล้ว ทราบแล้ว รู้แจ้ง แล้ว ถึงแล้ว แสวงหาแล้วใคร่ครวญแล้วด้วยใจ ส่ิงน้ัน เที่ยงหรอื ไม่เทย่ี ง? “ไม่เท่ียง พระเจา้ ข้า !”. ก็สิ่งใดไมเ่ ที่ยง สงิ่ น้นั เปน็ ทกุ ข์หรอื เป็นสุขเล่า? “เปน็ ทกุ ข์ พระเจ้าข้า !”. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถือมั่นส่ิงน้ันพึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ว่า เราไม่พึงมี และบริขารของเราไม่พึงมี เราจักไม่มี บริขาร ของเราจักไมม่ บี ้างไหม? “ไมพ่ งึ เกดิ ทฏิ ฐิอยา่ งนนั้ เลย พระเจ้าขา้ !”. ภิกษุทั้งหลาย ! เม่ือใดแล อริยสาวกละความ สงสัยในฐานะ ๖ เหล่านี้ ช่ือว่าเป็นอันละความสงสัย แม้ในทุกข์ แม้ในทุกขสมุทัย แม้ในทุกขนิโรธ แม้ใน ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา. ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อนั้น อริยสาวกน้ีเราเรียกว่า เป็นโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำ� เปน็ ธรรมดา เป็นผเู้ ท่ยี งท่จี ะตรัสรใู้ นเบ้อื งหนา้ . 197
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถูกปิด : ค่มู อื โสดาบนั ใผนูส้ กนิ้ รคณวีขามองสคงสวาัยม(เพหระน็ โสดาบนั ) 49 ทเี่ ป็นอกิรยิ าทิฏฐิ -บาลี ขนธฺ . สํ. ๑๗/๒๕๖-๒๕๗/๔๒๗-๔๒๘. ภิกษุทั้งหลาย ! เม่ืออะไรมีอยู่ เพราะถือมั่นซ่ึง อะไร เพราะยึดม่ันซ่ึงอะไร จึงเกิดทิฏฐิข้ึนอย่างน้ีว่า เมื่อ บคุ คลท�ำ เอง ใชผ้ อู้ น่ื ใหท้ �ำ ตดั เอง ใชผ้ อู้ นื่ ใหต้ ดั เดอื ดรอ้ น เอง ท�ำ ใหผ้ อู้ น่ื เดอื ดรอ้ น เศรา้ โศกเอง ท�ำ ใหผ้ อู้ น่ื เศรา้ โศก ลำ�บากเอง ท�ำ ให้ผู้อน่ื ลำ�บาก ดน้ิ รนเอง ทำ�ให้ผูอ้ น่ื ดิ้นรน ฆา่ สตั ว์ ลกั ทรพั ยต์ ดั ทตี่ อ่ ปลน้ ไมใ่ หเ้ หลอื ท�ำ โจรกรรมใน เรือนหลังเดียว ซุ่มอยู่ที่ทางเปลี่ยว ทำ�ชู้ภริยาเขา พูดเท็จ ผทู้ �ำ ไมช่ อื่ วา่ ท�ำ บาป แมห้ ากผใู้ ดจะใชจ้ กั รซง่ึ มคี มโดยรอบ เหมือนมีดโกน สังหารเหล่าสัตว์ในปฐพีนี้ ให้เป็นลาน เป็นกองมังสะอันเดียว บาปท่ีมีการทำ�เช่นน้ันเป็นเหตุ ย่อมไม่มีแก่เขา ไม่มีบาปมาถึงเขา แม้หากบุคคลจะไป ยังฝั่งขวาแห่งแม่น้ำ�คงคา ฆ่าเอง ใช้ผู้อ่ืนให้ฆ่า ตัดเอง ใชผ้ อู้ นื่ ใหต้ ดั เดอื ดรอ้ นเอง ท�ำ ผอู้ น่ื ใหเ้ ดอื ดรอ้ น บาปทม่ี ี การท�ำ เชน่ นนั้ เป็นเหตุ ยอ่ มไมม่ แี ก่เขา ไมม่ บี าปมาถงึ เขา แมห้ ากบคุ คล จะไปยงั ฝงั่ ซา้ ยแหง่ แมน่ �ำ้ คงคา ใหท้ านเอง 198
เปดิ ธรรมท่ีถูกปิด : คมู่ อื โสดาบนั ใช้ผู้อ่ืนให้ให้ทาน บูชาเอง ใช้ผู้อ่ืนให้บูชา บุญท่ีมีการทำ� เชน่ นน้ั เปน็ เหตุ ยอ่ มไมม่ แี กเ่ ขา ไมม่ บี ญุ มาถงึ เขา บญุ ทเ่ี นอ่ื ง ดว้ ยการใหท้ าน การทรมานอนิ ทรยี ์ ความส�ำ รวม การกลา่ ว ค�ำ สัตย์ ไมม่ แี กเ่ ขา ไม่มีบญุ มาถงึ เขา. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมท้ังหลาย ของพวก ขา้ พระองค์ มีพระผ้มู ีพระภาคเป็นมูล มพี ระผ้มู ีพระภาคเปน็ ผู้นำ� … ภกิ ษทุ ง้ั หลายไดฟ้ งั จากพระผมู้ พี ระภาคแลว้ จกั ทรงจำ�ไว้ ดงั น”้ี . ภิกษุทั้งหลาย ! เม่ือมีรูปอยู่ เพราะถือมั่นรูป เพราะยดึ มนั่ รปู จงึ เกดิ ทฏิ ฐขิ น้ึ อยา่ งนว้ี า่ เมอ่ื บคุ คลท�ำ เอง ใช้ผู้อ่ืนทำ�ให้ … บุญที่เน่ืองด้วยการให้ทาน การฝึกฝน อินทรีย์ ความสำ�รวม การกล่าวคำ�สัตย์ ไม่มีแก่เขา ไม่มี บญุ มาถงึ เขา. เมอ่ื เวทนามอี ยู่ ... เมอ่ื สญั ญามอี ยู่ ... เมอ่ื สังขารมีอยู่ ... เมื่อวิญญาณมีอยู่ เพราะถือมั่นวิญญาณ เพราะยดึ มนั่ วญิ ญาณ จงึ เกดิ ทฏิ ฐขิ นึ้ อยา่ งนว้ี า่ เมอ่ื บคุ คล ทำ�เอง ใช้ผู้อ่ืนให้ทำ� … บุญที่เนื่องด้วยการให้ทาน การ ฝกึ ฝนอนิ ทรยี ์ ความส�ำ รวม การกล่าวค�ำ สตั ย์ ไม่มแี กเ่ ขา ไม่มบี ุญมาถงึ เขา. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! เธอทง้ั หลายจะส�ำ คญั ความขอ้ นน้ั เปน็ ไฉน รูปเทย่ี งหรอื ไม่เท่ียง. “ไมเ่ ทยี่ ง พระเจ้าขา้ !”. 199
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ก็สิง่ ใดไมเ่ ที่ยง ส่ิงน้ันเปน็ ทุกข์หรอื เปน็ สุขเล่า? “เป็นทุกข์ พระเจ้าขา้ !”. ก็สิ่งใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถือมั่นส่ิงน้ัน จะพึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างน้ี วา่ เมอ่ื บคุ คลทำ�เอง ใชผ้ ู้อ่นื ใหท้ ำ� … บญุ ทีเ่ น่ืองด้วยการ ให้ทาน การฝึกฝนอินทรยี ์ ความส�ำ รวม การกล่าวคำ�สตั ย์ ไมม่ ีแก่เขา ไมม่ บี ุญมาถงึ เขา บ้างไหม? “ไม่พงึ เกิดทฏิ ฐอิ ยา่ งนนั้ เลย พระเจ้าข้า !”. เวทนา ... สัญญา ... สังขาร ... วิญญาณ เท่ียง หรอื ไม่เที่ยง? “ไม่เท่ียง พระเจา้ ขา้ !”. ก็ส่ิงใดไมเ่ ทย่ี ง สิ่งนน้ั เปน็ ทกุ ขห์ รอื เปน็ สขุ เลา่ ? “เปน็ ทุกข์ พระเจา้ ข้า !”. ก็สิ่งใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถือมั่นสิ่งนั้นจะพึงเกิดทิฏฐิข้ึนอย่างนี้ ว่า เม่อื บุคคลท�ำ เอง ใช้ผอู้ ่ืนใหท้ �ำ … บญุ ที่เนื่องดว้ ยการ ใหท้ าน การฝกึ ฝนอินทรีย์ ความส�ำ รวม การกลา่ วคำ�สัตย์ ไมม่ แี กเ่ ขา ไม่มีบญุ มาถงึ เขา บ้างไหม? “ไมพ่ ึงเกิดทฏิ ฐิอย่างนนั้ เลย พระเจา้ ขา้ !”. 200
เปิดธรรมท่ถี ูกปิด : คมู่ ือโสดาบัน แม้ส่ิงท่ีบุคคลเห็นแล้ว ฟังแล้ว ทราบแล้ว รู้แจ้ง แล้ว ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ใคร่ครวญแล้วด้วยใจ สิ่งนั้น เท่ยี งหรือไม่เทยี่ ง? “ไมเ่ ทีย่ ง พระเจา้ ขา้ !”. กส็ ง่ิ ใดไม่เท่ียง ส่งิ นนั้ เป็นทกุ ขห์ รือเป็นสุขเล่า? “เป็นทุกข์ พระเจา้ ข้า !”. ก็ส่ิงใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถือม่ันส่ิงนั้นจะพึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างน้ี วา่ เม่ือบคุ คลท�ำ เอง ใชผ้ อู้ ื่นให้ทำ� … บญุ ที่เนือ่ งดว้ ยการ ให้ทานการฝึกฝนอินทรีย์ ความสำ�รวม การกล่าวคำ�สัตย์ ไม่มแี ก่เขา ไมม่ ีบุญมาถงึ เขา บา้ งไหม? “ไมพ่ ึงเกิดทิฏฐิอย่างนน้ั เลย พระเจ้าข้า !”. ภิกษุท้ังหลาย ! เม่ือใดแล อริยสาวก ละความ สงสัย ในฐานะ ๖ เหล่าน้ี ช่ือว่าเป็นอันละความสงสัย แม้ในทุกข์ แม้ในทุกขสมุทัย แม้ในทุกขนิโรธ แม้ใน ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา. ภิกษุท้ังหลาย ! เมื่อน้ัน อริยสาวกน้ี เราเรียกว่า เป็นโสดาบัน มีความไม่ตกตำ่� เปน็ ธรรมดา เป็นผเู้ ท่ยี งท่ีจะตรสั รเู้ ป็นเบื้องหน้า. 201
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถูกปดิ : คมู่ อื โสดาบัน ใผนู้สกนิ้ รคณวีขามองสคงสวายั ม(เพหระน็ โสดาบัน) 50 ท่ีเปน็ อเหตุกทฏิ ฐิ -บาลี ขนธฺ . ส.ํ ๑๗/๒๕๗-๒๕๙/๔๒๙-๔๓๐. ภิกษุท้ังหลาย ! เม่ืออะไรมีอยู่ เพราะถือม่ันซึ่ง อะไร เพราะยดึ มน่ั ซง่ึ อะไร จงึ เกดิ ทฏิ ฐขิ น้ึ อยา่ งนว้ี า่ ไมม่ เี หตุ ไม่มีปัจจัย เพื่อความเศร้าหมองแห่งสัตว์ท้ังหลาย สัตว์ ท้ังหลายหาเหตุมิได้ หาปัจจัยมิได้ ย่อมเศร้าหมองเอง ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย เพ่ือความบริสุทธ์ิแห่งสัตว์ท้ังหลาย สัตว์ท้ังหลายหาเหตุมิได้ หาปัจจัยมิได้ ย่อมบริสุทธิ์เอง ไม่มีกำ�ลัง ไม่มีความเพียร ไม่มีเร่ียวแรงของบุรุษ ไม่มี ความบากบนั่ ของบรุ ษุ สตั วท์ ง้ั ปวง ปาณะทง้ั ปวง ภตู ทง้ั ปวง ชีวะท้ังปวง ล้วนไม่มีอำ�นาจ ไม่มีกำ�ลัง ไม่มีความเพียร แปรไปตามภาวะแห่งความแน่นอนและความไม่แน่นอน ยอ่ มเสวยสุขเสวยทกุ ขใ์ นอภิชาติทง้ั ๖ เท่านน้ั . “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมท้ังหลาย ของพวก ข้าพระองค์ มพี ระผมู้ พี ระภาคเปน็ มลู มีพระผู้มีพระภาคเป็นผนู้ ำ� … ภกิ ษทุ ง้ั หลายไดฟ้ งั จากพระผมู้ พี ระภาคแลว้ จกั ทรงจำ�ไว้ ดงั น”ี้ . ภิกษุท้ังหลาย ! เมื่อรปู มีอยู่ เพราะถือมน่ั ซง่ึ รปู เพราะยดึ มนั่ ซง่ึ รปู จงึ เกดิ ทฏิ ฐขิ น้ึ อยา่ งนวี้ า่ ไมม่ เี หตุ ไมม่ ี 202
เปิดธรรมที่ถกู ปดิ : คู่มอื โสดาบนั ปัจจัย … ย่อมเสวยสุขเสวยทุกข์ในอภิชาติท้ัง ๖ เท่านั้น. เมื่อเวทนามีอยู่ ... เมื่อสัญญามีอยู่ ... เม่ือสังขารมีอยู่ ... เม่ือวิญญาณมีอยู่ เพราะถือม่ันวิญญาณ เพราะยึดมั่น วญิ ญาณ จงึ เกดิ ทิฏฐขิ ้ึนอยา่ งนวี้ ่า ไมม่ ีเหตุ ไมม่ ีปัจจัย … ย่อมเสวยสุขเสวยทุกขใ์ นอภชิ าติทัง้ ๖ เทา่ นัน้ . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! เธอทง้ั หลายจะส�ำ คญั ความขอ้ นน้ั เป็นไฉน รปู เทย่ี งหรอื ไม่เทยี่ ง? “ไมเ่ ท่ียง พระเจ้าขา้ !”. กส็ ง่ิ ใดไมเ่ ท่ียง สง่ิ นน้ั เปน็ ทกุ ข์หรือเปน็ สุขเล่า? “เปน็ ทุกข์ พระเจ้าขา้ !”. ก็ส่ิงใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไมถ่ อื มน่ั สง่ิ นนั้ จะพงึ เกดิ ทฏิ ฐขิ นึ้ อยา่ งนวี้ า่ ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย … ย่อมเสวยสุขเสวยทุกข์ในอภิชาติ ทง้ั ๖ เทา่ นั้น บา้ งไหม? “ไม่พงึ เกดิ ทิฏฐอิ ย่างนนั้ เลย พระเจา้ ข้า !”. เวทนา ... สัญญา ... สังขาร ... วิญญาณ เที่ยง หรอื ไม่เทยี่ ง? “ไมเ่ ทยี่ ง พระเจา้ ขา้ !”. ก็ส่ิงใดไมเ่ ท่ียง ส่งิ นนั้ เป็นทุกขห์ รอื เป็นสขุ เล่า? “เป็นทุกข์ พระเจา้ ขา้ !”. 203
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ก็สิ่งใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถือม่ันส่ิงนั้น จะพงึ เกดิ ทฏิ ฐขิ น้ึ อยา่ งนว้ี า่ ไมม่ เี หตุ ไมม่ ปี จั จยั … ย่อมเสวยสุขเสวยทุกข์ในอภิชาติ ทั้ง ๖ เท่านั้น บา้ งไหม? “ไม่พงึ เกิดทฏิ ฐิอยา่ งน้ันเลย พระเจา้ ขา้ !”. แม้ส่ิงท่ีบุคคลเห็นแล้ว ฟังแล้ว ทราบแล้ว รู้แจ้ง แล้ว ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ใคร่ครวญแล้วด้วยใจ ส่ิงน้ัน เที่ยงหรอื ไมเ่ ทีย่ ง? “ไมเ่ ทยี่ ง พระเจ้าขา้ !”. ก็สง่ิ ใดไมเ่ ที่ยง สิ่งนั้นเป็นทกุ ขห์ รอื เป็นสุขเลา่ ? “เปน็ ทกุ ข์ พระเจ้าขา้ !”. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถือม่ันสิ่งน้ันจะพึงเกิดทิฏฐิข้ึนอย่างนี้ ว่า ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย … ย่อมเสวยสุขเสวยทุกข์ใน อภิชาตทิ งั้ ๖ เท่านน้ั บ้างไหม? “ไมพ่ งึ เกดิ ทิฏฐอิ ยา่ งน้นั เลย พระเจ้าข้า !”. ภิกษุทั้งหลาย ! เม่ือใดแล อริยสาวกละความ สงสยั ในฐานะ ๖ น้ี ช่อื ว่าเป็นอันละความสงสัยแม้ในทกุ ข์ แมใ้ นทกุ ขสมทุ ยั แมใ้ นทกุ ขนโิ รธ แมใ้ นทกุ ขนโิ รธคามนิ -ี ปฏปิ ทา. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! เมอื่ นน้ั อรยิ สาวกนเี้ ราเรยี ก ว่า เป็นโสดาบัน มีความไมต่ กต่�ำ เป็นธรรมดา เป็นผู้เท่ยี ง ทีจ่ ะตรัสรู้เปน็ เบอ้ื งหนา้ . 204
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถูกปิด : คู่มือโสดาบนั ใผน้สู ก้ินรคณวขีามองสคงสวาัยม(เพหระน็ โสดาบนั ) 51 ทเี่ ปน็ มิจฉาทิฏฐิ -บาลี ขนฺธ. ส.ํ ๑๗/๒๕๙-๒๖๑/๔๓๑-๔๓๒. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! เมอื่ อะไรมอี ยู่ เพราะถอื มน่ั อะไร เพราะยดึ มน่ั อะไร จงึ เกดิ ทฏิ ฐขิ น้ึ อยา่ งนว้ี า่ สภาวะ ๗ กองนี้ ไม่มใี ครท�ำ ไม่มแี บบอย่างอันใครท�ำ ไมม่ ีใครเนรมติ ไม่มี แบบอย่างอันใครเนรมิต เป็นสภาพไม่มีผล ตั้งอยู่ม่ันคง ดุจยอดภูเขา ต้ังอยู่มั่นคงดุจเสาระเนียด สภาวะ ๗ กอง นั้น ไม่หวั่นไหว ไม่แปรปรวน ไม่เบียดเบียนกันและกัน ไมอ่ าจใหเ้ กดิ สขุ หรอื ทกุ ขแ์ กก่ นั และกนั . สภาวะ ๗ กอง เปน็ ไฉน? คอื กองดิน กองน�้ำ กองไฟ กองลม สขุ ทุกข์ ชีวะ. สภาวะ ๗ กองน้ี ไม่มีใครทำ� ไม่มีแบบอย่างอัน ใครท�ำ ไมม่ ใี ครเนรมติ ไมม่ แี บบอยา่ งอนั ใครเนรมติ เปน็ สภาพยั่งยืน ต้ังอยู่มั่นคงดุจยอดภูเขา ตั้งอยู่มั่นคงดุจ เสาระเนยี ด สภาวะ ๗ กองนน้ั ไมห่ ว่นั ไหว ไม่แปรปรวน ไมเ่ บยี ดเบยี นกนั และกนั ไมอ่ าจใหเ้ กดิ สขุ หรอื ทกุ ขแ์ กก่ นั และกัน. แม้ผู้ใดจะเอาศัสตราอย่างคมตัดศีรษะกัน ไม่ ช่ือว่าใครปลงชีวิตใคร เป็นแต่ศัสตราสอดเข้าไปตามช่อง ระหว่าง ๗ กองเท่านั้น. อนึ่ง กำ�เนิดท่ีเป็นประธาน 205
พุทธวจน - หมวดธรรม ๑,๔๐๖,๖๐๐ กรรม ๖,๐๐๐ กรรม ๖๐๐ กรรม ๕๐๐ กรรม ๕ กรรม ๓ กรรม ๑ กรรมกึง่ ปฏปิ ทา ๖๒ อันตร ๖๒ กปั ๖๒ อภิชาติ ๖ ปุริสภูมิ ๘ อาชีวะ ๔,๙๐๐ ปริพาชก ๔,๙๐๐ นาควาส ๔,๙๐๐ อินทรยี ์ ๒,๐๐๐ นรก ๓,๐๐๐ รโชธาตุ ๓๖ สญั ญคี รรภ์ ๗ อสญั ญคี รรภ์ ๗ นคิ ณั ฐครรภ์ ๗ สภาวทิพย์ ๗ มนุษย์ ๗ ปีศาจ ๗ สระ ๗ ปวุฏใหญ่ ๗ ปวุฏ ๗๐๐ เหวใหญ่ ๗ เหวน้อย ๗๐๐ มหาสุบิน ๗ สุบิน ๗๐๐ มหากัป ๘๔๐,๐๐๐ เหล่านี้ ทั้งพาลและ บัณฑิตเร่ร่อนท่องเที่ยวไปแล้ว จักทำ�ที่สุดทุกข์ได้ ความ หวังว่า เราจักอบรมกรรมท่ียังไม่อำ�นวยผลให้อำ�นวยผล หรอื เราสมั ผสั ถกู ตอ้ งกรรมทอ่ี �ำ นวยผลแลว้ จกั ท�ำ ใหส้ ดุ สนิ้ ดว้ ยศลี ดว้ ยพรต ดว้ ยตบะ หรอื ดว้ ยพรหมจรรยน์ ้ี ไมม่ ใี น ที่น้ัน สุขทุกข์ท่ีทำ�ให้มีที่ส้ินสุดได้เหมือนตวงของให้หมด ดว้ ยทะนาน ยอ่ มไมม่ ใี นสงสารดว้ ยอาการอยา่ งนเ้ี ลย ไมม่ ี ความเสอ่ื มและความเจรญิ ไมม่ กี ารเลอื่ นขน้ึ และเลอ่ื นลง. พาลและบณั ฑติ เรร่ อ่ นไป เสวยสขุ และทกุ ขเ์ องเหมอื นกลมุ่ ดา้ ยท่ีบุคคลขว้างไปย่อมคลห่ี มดลงไปเอง ฉะน้ัน. ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อรูปมีอยู่ เพราะถือมั่นรูป เพราะยึดมั่นรูป จึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างน้ีว่า สภาวะ ๗ กอง เหลา่ นี้ ไม่มใี ครท�ำ ไม่มีแบบอยา่ งอันใครทำ� … พาลและ 206
เปิดธรรมที่ถูกปดิ : คมู่ อื โสดาบัน บัณฑิตเร่ร่อนไป เสวยสุขและทุกข์เอง เหมือนกลุ่มด้ายที่ บุคคลขว้างไปย่อมคล่ีหมดไปเอง ฉะน้ัน. เมื่อเวทนามี อยู่ ... เมอื่ สญั ญามอี ยู่ ... เมอ่ื สงั ขารมอี ยู่ ... เมอื่ วญิ ญาณ มีอยู่ เพราะถือม่ันวิญญาณ เพราะยึดม่ันวิญญาณ จึงเกิด ทฏิ ฐขิ ้ึนอยา่ งน้ีวา่ สภาวะ ๗ กองเหลา่ นี้ ไม่มใี ครทำ� ไมม่ ี แบบอย่างอันใครทำ� … พาลและบัณฑิตเร่ร่อนไป เสวย สขุ และทกุ ข์เอง เหมอื นกลมุ่ ดา้ ยทบ่ี คุ คลขวา้ งไป ยอ่ มคลี่ หมดไปเอง ฉะน้นั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! เธอทง้ั หลายจะส�ำ คญั ความขอ้ นน้ั เปน็ ไฉน รูปเที่ยงหรอื ไมเ่ ท่ียง? “ไมเ่ ท่ียง พระเจา้ ขา้ !”. ก็สิ่งใดไมเ่ ทยี่ ง สิ่งนน้ั เปน็ ทกุ ข์หรอื เปน็ สขุ เลา่ ? “เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า !”. ก็สิ่งใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไมถ่ อื มนั่ ในสง่ิ นน้ั จะพงึ เกดิ ทฏิ ฐขิ น้ึ อยา่ งน้ี ว่า สภาวะ ๗ กองเหล่าน้ี ไม่มีใครทำ� ไม่มีแบบอย่างอัน ใครท�ำ … พาลและบณั ฑติ เรร่ อ่ นไป เสวยสขุ และทกุ ข์ เอง เหมอื นกลมุ่ ดา้ ยทบี่ คุ คลขวา้ งไป ยอ่ มคลห่ี มดไปเอง ฉะนน้ั บ้างไหม? 207
พทุ ธวจน - หมวดธรรม “ไมพ่ งึ เกิดทฏิ ฐอิ ย่างนน้ั เลย พระเจ้าข้า !”. ภกิ ษุท้งั หลาย ! เวทนา ... สัญญา ... สงั ขาร ... วิญญาณ เท่ยี งหรือไมเ่ ท่ียง? “ไมเ่ ทยี่ ง พระเจา้ ขา้ !”. กส็ ง่ิ ใดไมเ่ ทีย่ ง สิง่ น้นั เปน็ ทกุ ข์หรือเปน็ สุขเลา่ ? “เปน็ ทุกข์ พระเจา้ ขา้ !”. ก็ส่ิงใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถือม่ันสิ่งน้ันจะพึงเกิดทิฏฐิข้ึนอย่างนี้ ว่า สภาวะ ๗ กองเหล่านี้ ไม่มีใครทำ� ไม่มีแบบอย่างอัน ใครทำ� … พาลและบัณฑิตเร่ร่อนไป เสวยสุขและทุกข์ เอง เหมือนกลุ่มด้ายที่บุคคลขว้างไป ย่อมคลี่หมดไปเอง ฉะนัน้ บา้ งไหม? “ไมพ่ ึงเกิดทิฏฐิอย่างน้นั เลย พระเจ้าข้า !”. สง่ิ ใดทไี่ ดเ้ หน็ แลว้ ไดย้ นิ แลว้ ไดท้ ราบแลว้ รแู้ จง้ แลว้ บรรลแุ ลว้ แสวงหาแลว้ ใครค่ รวญแลว้ ดว้ ยใจ แมส้ งิ่ นัน้ เทย่ี งหรอื ไมเ่ ทีย่ ง? “ไม่เทีย่ ง พระเจ้าข้า !”. ก็สงิ่ ใดไม่เที่ยง สิง่ นัน้ เปน็ ทกุ ข์หรือเปน็ สขุ เลา่ ? “เป็นทกุ ข์ พระเจา้ ขา้ !”. 208
เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปิด : คมู่ ือโสดาบนั ก็ส่ิงใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถือมั่นส่ิงนั้นจะพึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างน้ี ว่า สภาวะ ๗ กองเหล่านี้ ไม่มีใครทำ� ไม่มีแบบอย่างอัน ใครทำ� … พาลและบัณฑิตเร่ร่อนไป เสวยสุขและทุกข์ เอง เหมือนกลุ่มด้ายที่บุคคลขว้างไป ย่อมคลี่หมดไปเอง ฉะน้นั บ้างไหม? “ไมพ่ ึงเกดิ ทิฏฐอิ ยา่ งนัน้ เลย พระเจ้าขา้ !”. ภิกษุท้ังหลาย ! เม่ือใดแล อริยสาวกละความ สงสัยในฐานะ ๖ นี้ ช่อื วา่ เปน็ อันละความสงสัยแมใ้ นทกุ ข์ แมใ้ นทกุ ขสมทุ ยั แมใ้ นทกุ ขนโิ รธ แมใ้ นทกุ ขนโิ รธคามนิ -ี ปฏปิ ทา. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! เมอ่ื นน้ั อรยิ สาวกนเ้ี ราเรยี กวา่ เปน็ โสดาบนั มคี วามไมต่ กต�ำ่ เปน็ ธรรมดา เปน็ ผเู้ ทย่ี งทจี่ ะ ตรัสรู้เป็นเบือ้ งหนา้ . 209
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปิด : คู่มอื โสดาบัน ใผน้สู ก้นิ รคณวีขามองสคงสวาัยม(เพหระน็ โสดาบนั ) 52 ทวี่ ่าโลกเท่ยี ง -บาลี ขนฺธ. ส.ํ ๑๗/๒๖๑-๒๖๒/๔๓๓-๔๓๔. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! เพราะถอื มนั่ อะไร เพราะยดึ มน่ั อะไร จงึ เกดิ ทฏิ ฐิขน้ึ อยา่ งนวี้ ่า โลกเทย่ี ง? “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมทั้งหลาย ของพวก ข้าพระองค์ มีพระผ้มู ีพระภาคเปน็ มลู มพี ระผู้มพี ระภาคเป็นผู้นำ� … ภกิ ษทุ ง้ั หลายไดฟ้ งั จากพระผมู้ พี ระภาคแลว้ จกั ทรงจำ�ไว้ ดงั น”้ี . ภิกษุทั้งหลาย ! เม่ือรูปมีอยู่ เพราะถือม่ันรูป เพราะยึดมั่นรูป จึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ว่า โลกเท่ียง. เมื่อ เวทนามอี ยู่ ... เมอื่ สญั ญามอี ยู่ ... เมอ่ื สงั ขารมอี ยู่ ... เมอื่ วญิ ญาณมอี ยู่ เพราะถอื มน่ั วญิ ญาณ เพราะยดึ มน่ั วญิ ญาณ จึงเกิดทฏิ ฐขิ น้ึ อยา่ งนว้ี า่ โลกเทยี่ ง. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! เธอทง้ั หลายจะส�ำ คญั ความขอ้ นน้ั เปน็ ไฉน รูปเทย่ี งหรอื ไม่เทยี่ ง? “ไมเ่ ทย่ี ง พระเจ้าข้า !”. ก็สิ่งใดไมเ่ ทย่ี ง สิ่งนั้นเปน็ ทุกข์หรือเปน็ สุขเลา่ ? “เป็นทกุ ข์ พระเจา้ ขา้ !”. 210
เปิดธรรมทถ่ี ูกปิด : คู่มือโสดาบนั ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถือมั่นสิ่งนั้นจะพึงเกิดทิฏฐิข้ึนอย่างน้ี วา่ โลกเทีย่ ง บ้างไหม? “ไมพ่ ึงเกดิ ทฏิ ฐอิ ยา่ งนัน้ เลย พระเจ้าข้า !”. เวทนา ... สัญญา ... สังขาร ... วิญญาณ เที่ยง หรอื ไม่เที่ยง? “ไม่เทีย่ ง พระเจา้ ขา้ !”. ก็ส่งิ ใดไมเ่ ทย่ี ง ส่ิงนั้นเปน็ ทุกขห์ รือเปน็ สขุ เล่า? “เป็นทกุ ข์ พระเจ้าข้า !”. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถือม่ันส่ิงน้ันจะพึงเกิดทิฏฐิข้ึนอย่างนี้ ว่า โลกเทย่ี ง บ้างไหม? “ไมพ่ งึ เกดิ ทิฏฐอิ ย่างน้ันเลย พระเจา้ ข้า !”. สงิ่ ใดทไ่ี ดเ้ หน็ แลว้ ไดย้ นิ แลว้ ไดท้ ราบแลว้ รแู้ จง้ แล้ว บรรลุแล้ว ค้นคว้าแล้วด้วยใจ แม้สิ่งน้ันเที่ยงหรือ ไม่เท่ียง? “ไม่เทย่ี ง พระเจ้าขา้ !”. ก็สิง่ ใดไมเ่ ทยี่ ง สิ่งนน้ั เปน็ ทกุ ขห์ รือเปน็ สุขเลา่ ? “เปน็ ทกุ ข์ พระเจา้ ข้า !”. 211
พุทธวจน - หมวดธรรม ก็สิ่งใดไม่เท่ียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น ธรรมดา เพราะไม่ถอื มั่นส่งิ นน้ั จะพงึ เกดิ ทฏิ ฐขิ น้ึ อย่างนวี้ า่ โลกเทย่ี ง บ้างไหม? “ไมพ่ ึงเกิดทฏิ ฐอิ ย่างน้ันเลย พระเจา้ ขา้ !”. ภิกษุทั้งหลาย ! เม่ือใดแล อริยสาวกละความ สงสัยในฐานะ ๖ เหล่าน้ี ชื่อว่าเป็นอันละความสงสัย แม้ในทุกข์ แม้ในทุกขสมุทัย แม้ในทุกขนิโรธ แม้ใน ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา. ภิกษุทั้งหลาย ! เม่ือนั้น อรยิ สาวกผนู้ ้ี เราเรยี กวา่ เปน็ โสดาบนั มคี วามไมต่ กต�ำ่ เปน็ ธรรมดา เปน็ ผ้เู ท่ียงทจี่ ะตรสั ร้เู ปน็ เบื้องหนา้ . (ในกรณีแห่งความเห็นอีก ๙ อย่าง คือ ความเห็นท่ีว่า โลกไมเ่ ทยี่ ง, โลกมที ส่ี น้ิ สดุ , โลกไมม่ ที ส่ี นิ้ สดุ , ชพี กอ็ นั นน้ั สรรี ะกอ็ นั นน้ั , ชีพก็อันอื่น สรีระก็อันอ่ืน, ชีพเป็นอย่างอ่ืน สรีระก็เป็นอย่างอื่น, สัตว์เบ้ืองหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีก, สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่มีเกิดอีกก็มี, สัตว์เบ้ืองหน้าแต่ตายแล้ว ยอ่ มเกดิ อกี กห็ ามไิ ด้ ยอ่ มไมเ่ กดิ อกี กห็ ามไิ ด้ กไ็ ดต้ รสั ไวโ้ ดยท�ำนอง เดยี วกนั ผศู้ กึ ษาพงึ เทยี บเคยี งไดเ้ อง). 212
ภาคผนวก พระสูตรที่ค้นคว้าเพิ่มเติม
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี กู ปิด : คมู่ ือโสดาบนั คณุ สมบัติพระโสดาบัน (นยั ที่ ๑) 53 -บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๔๓๔/๑๔๒๗. คร้ังน้ัน พระสารีบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถงึ ทปี่ ระทบั ถวายบงั คมพระผมู้ พี ระภาคแลว้ นงั่ ณ ทค่ี วรสว่ นขา้ ง หน่ึง ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามท่านพระสารีบุตรว่า สารีบุตร ! ท่ีเรียกว่า โสตาปัตติยังคะ โสตาปัตติยังคะ ดังน้ี. โสตาปัตติยังคะ เป็นอย่างไรเล่า ? ขา้ แตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ! โสตาปตั ตยิ งั คะ คอื (๑) การคบสตั บรุ ุษ (สปปฺ รสิ สํ เสว) (๒) การฟงั พระสทั ธรรม (สทธฺ มมฺ สสฺ วน) (๓) การท�ำ ไวใ้ นใจโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) (๔) การปฏบิ ตั ธิ รรมสมควรแกธ่ รรม (ธมมฺ านธุ มมฺ ปฏปิ ตตฺ )ิ ถกู แลว้ ถกู แลว้ สารบี ตุ ร ! โสตาปตั ตยิ งั คะ คอื การคบสตั บรุ ษุ การฟงั พระสทั ธรรม การท�ำ ไวใ้ นใจโดย แยบคาย การปฏบิ ตั ธิ รรมสมควรแกธ่ รรม. 214
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : คู่มอื โสดาบนั 54คุณสมบตั ิพระโสดาบัน (นยั ท่ี ๒) -บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๔๔๐/๑๔๕๑. ชา่ งไมท้ งั้ หลาย ! อรยิ สาวกผปู้ ระกอบดว้ ยธรรม ๔ ประการ ย่อมเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำ� เป็นธรรมดา เป็นผู้เทย่ี งแท้ทจี่ ะตรสั รู้ในเบือ้ งหน้า. ธรรม ๔ ประการนั้น เป็นอยา่ งไรเล่า ? ๔ ประการ คอื อรยิ สาวกในธรรมวนิ ัยน้ี (๑) ประกอบด้วยความเล่อื มใสอนั ไม่หวน่ั ไหว ในพระพุทธเจ้า (๒) ประกอบดว้ ยความเลอ่ื มใสอนั ไมห่ วน่ั ไหวในพระธรรม (๓) ประกอบดว้ ยความเลอ่ื มใสอนั ไมห่ วน่ั ไหวในพระสงฆ์ (๔) มใี จปราศจากความตระหนอ่ี นั เปน็ มลทนิ มจี าคะ อันปล่อยแล้ว มฝี ่ามืออันชุม่ ยนิ ดีในการสละ ควรแกก่ ารขอ ยนิ ดใี นการจ�ำ แนกทาน อยคู่ รองเรอื น. ชา่ งไมท้ ง้ั หลาย ! อรยิ สาวกผปู้ ระกอบดว้ ยธรรม ๔ ประการเหลา่ น้ี แล ยอ่ มเปน็ พระโสดาบนั มคี วามไมต่ กต�ำ่ เปน็ ธรรมดา เปน็ ผู้เทย่ี งแทท้ จี่ ะตรสั รู้ในเบ้อื งหน้า. 215
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : คมู่ อื โสดาบนั 55คณุ สมบตั ิพระโสดาบนั (นัยที่ ๓) -บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๔๔๓/๑๔๕๙. พราหมณ์และคฤหบดีท้ังหลาย ! เราจักแสดง ธรรมปรยิ ายอนั ควรนอ้ มเขา้ มาในตนแกท่ า่ นทง้ั หลาย ทา่ น ทง้ั หลายจงฟงั ธรรมปรยิ ายนน้ั จงใสใ่ จใหด้ ี เราจกั กลา่ ว พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ! ธรรมปริยาย ทค่ี วรน้อมเข้ามาในตน เปน็ อย่างไรเล่า ? (๑) อริยสาวกในธรรมวินัยน้ี ย่อมพิจารณาเห็น ดงั นว้ี า่ เราอยากเปน็ อยู่ ไมอ่ ยากตาย รกั สขุ เกลยี ดทกุ ข์ ผใู้ ด จะปลงเราผอู้ ยากเปน็ อยู่ ไมอ่ ยากตาย รกั สขุ เกลยี ดทกุ ข์ เสยี จากชวี ติ ขอ้ นน้ั ไมเ่ ปน็ ทร่ี กั ทช่ี อบใจของเรา อนง่ึ เราพงึ ปลงผอู้ น่ื ผอู้ ยากเปน็ อยู่ ไมอ่ ยากตาย รกั สขุ เกลยี ดทกุ ข์ เสียจากชีวิต ข้อน้ันก็ไม่เป็นท่ีรักท่ีชอบใจแม้ของผู้อื่น ธรรมขอ้ ใด ไมเ่ ปน็ ทร่ี กั ทช่ี อบใจของเรา ธรรมขอ้ นน้ั กไ็ มเ่ ปน็ ทร่ี กั ทช่ี อบใจแมข้ องผอู้ น่ื ธรรมขอ้ ใด ไมเ่ ปน็ ทร่ี กั ทช่ี อบใจ ของเรา เราจะพงึ ประกอบผอู้ น่ื ไวด้ ว้ ยธรรมขอ้ นน้ั ไดอ้ ยา่ งไร อรยิ สาวกนน้ั พจิ ารณาเหน็ ดงั นน้ั แลว้ ตนเองยอ่ มงดเวน้ จาก 216
เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : คมู่ อื โสดาบนั ปาณาตบิ าตดว้ ย ชกั ชวนผอู้ น่ื เพอ่ื งดเวน้ จากปาณาตบิ าต ดว้ ย กลา่ วสรรเสรญิ คณุ แหง่ การงดเวน้ ปาณาตบิ าตดว้ ย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์โดยส่วนสาม อย่างนี้. (๒) พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ! อีก ประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ผู้ใด พึงถือเอาสิ่งของ ท่ีเรามิได้ให้ด้วยอาการขโมย ข้อนั้น ไม่เป็นที่รักที่ชอบของเรา อนึ่ง เราพึงถือเอาสิ่งของท่ี ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักท่ี ชอบใจแมข้ องผอู้ น่ื ธรรมขอ้ ใด ไมเ่ ปน็ ทร่ี กั ทร่ี กั ทช่ี อบใจ ของเรา ธรรมข้อนั้น ก็ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจแม้ของผู้อื่น ธรรมขอ้ ใด ไมเ่ ปน็ ทร่ี กั ทช่ี อบใจของเรา เราจะพงึ ประกอบ ผู้อ่ืนไว้ด้วยธรรมข้อน้ันได้อย่างไร อริยสาวกนั้นพิจารณา เห็นดังนี้แล้ว ตนเองย่อมงดเว้นจากอทินนาทานด้วย ชักชวนผู้อ่ืนเพื่อให้งดเว้นจากอทินนาทานด้วย กล่าว สรรเสรญิ คณุ แหง่ การงดเวน้ จากอทนิ นาทานดว้ ย กาย- สมาจารของอรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มบรสิ ทุ ธโ์ิ ดยสว่ นสามอยา่ งน.้ี 217
พุทธวจน - หมวดธรรม (๓) พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ! อีก ประการหนง่ึ อรยิ สาวกยอ่ มพจิ ารณาเหน็ ดงั นวี้ า่ ผใู้ ดพงึ ถงึ ความประพฤติ (ผดิ ) ในภรยิ าของเรา ขอ้ นน้ั ไมเ่ ปน็ ทร่ี กั ทชี่ อบใจของเรา อนงึ่ เราพงึ ถงึ ความประพฤติ (ผดิ ) ใน ภริยาของผอู้ นื่ ขอ้ นนั้ ก็ไมเ่ ป็นที่รกั ทช่ี อบใจแม้ของผอู้ นื่ ธรรมขอ้ ใด ไม่เปน็ ท่รี กั ที่ชอบใจของเรา ธรรมข้อนน้ั ก็ไม่ เป็นท่ีรักท่ีชอบใจแม้ของผู้อ่ืน ธรรมข้อใด ไม่เป็นที่รัก ทช่ี อบใจของเรา เราจะพงึ ประกอบผอู้ นื่ ไวด้ ว้ ยธรรมขอ้ นน้ั ไดอ้ ยา่ งไร อรยิ สาวกนน้ั พจิ ารณาเหน็ ดงั นแ้ี ลว้ ตนเองยอ่ ม งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจารด้วย ชักชวนผู้อ่ืนเพ่ือให้ งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจารด้วย กล่าวสรรเสริญคุณ แห่งการงดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจารด้วย กายสมาจาร ของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธ์ิโดยส่วนสามอย่างนี้. (๔) พราหมณ์และคฤหบดีท้ังหลาย ! อีก ประการหน่ึงอริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ผู้ใดพึง ท�ำลายประโยชน์ของเราด้วยการกล่าวเท็จ ข้อนั้นไม่ เป็นที่รักท่ีชอบใจของเรา อน่ึง เราพึงท�ำลายประโยชน์ ของผอู้ น่ื ดว้ ยการกลา่ วเทจ็ ขอ้ นน้ั กไ็ มเ่ ปน็ ทรี่ กั ทช่ี อบใจ แม้ของผู้อ่ืน ธรรมข้อใด ไม่เป็นที่รักท่ีชอบใจของเรา 218
เปิดธรรมที่ถกู ปิด : คมู่ ือโสดาบัน ธรรมข้อนั้น ก็ไม่เป็นท่ีรักท่ีชอบใจแม้ของผู้อื่นธรรม ขอ้ ใดไมเ่ ปน็ ที่รักทช่ี อบใจของเรา เราจะพึงประกอบผู้อื่น ไว้ด้วยธรรมข้อน้ันได้อย่างไร อริยสาวกน้ันพิจารณาเห็น ดงั นแี้ ลว้ ตนเองยอ่ มงดเวน้ จากมสุ าวาทดว้ ย ชกั ชวนผอู้ นื่ เพอ่ื ใหง้ ดเวน้ จากมสุ าวาทดว้ ย กลา่ วสรรเสรญิ คณุ แหง่ การงดเวน้ จากมสุ าวาทดว้ ย วจสี มาจารของอรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มบริสทุ ธโ์ิ ดยส่วนสามอยา่ งนี.้ (๕) พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ! อีก ประการหนึ่งอริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังน้ีว่า ผู้ใดพึง ยุยงให้เราแตกจากมิตรด้วยค�ำส่อเสียด ข้อนั้นไม่เป็น ท่ีรักท่ีชอบใจของเรา อน่ึง เราพึงยุยงผู้อื่นให้แตกจาก มติ รดว้ ยค�ำสอ่ เสยี ดขอ้ นนั้ กไ็ มเ่ ปน็ ทรี่ กั ทชี่ อบใจแมข้ อง ผอู้ น่ื ธรรมขอ้ ใด ไมเ่ ปน็ ทร่ี กั ทช่ี อบใจของเรา ธรรมขอ้ นน้ั กไ็ มเ่ ปน็ ทร่ี กั ทช่ี อบใจแมข้ องผอู้ นื่ ธรรมขอ้ ใด ไมเ่ ปน็ ทรี่ กั ทช่ี อบใจของเรา เราจะพงึ ประกอบผอู้ น่ื ไวด้ ว้ ยธรรมขอ้ นนั้ ไดอ้ ยา่ งไร อรยิ สาวกนนั้ พจิ ารณาเหน็ ดงั นแี้ ลว้ ตนเองยอ่ ม งดเวน้ จากปสิ ุณาวาจาด้วย ชักชวนผูอ้ ่นื เพื่อให้เวน้ จาก ปสิ ณุ าวาจาดว้ ย กลา่ วสรรเสรญิ คณุ แหง่ การงดเวน้ จาก ปสิ ณุ าวาจาดว้ ย วจสี มาจารของอรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มบรสิ ทุ ธ์ิ โดยสว่ นสามอย่างน.ี้ 219
พุทธวจน - หมวดธรรม (๖) พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ! อีก ประการหนึ่งอริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ผู้ใดพึง พดู กะเราดว้ ยค�ำหยาบ ขอ้ นนั้ ไมเ่ ปน็ ทร่ี กั ทช่ี อบใจของเรา อนง่ึ เราพงึ พดู กะผอู้ นื่ ดว้ ยค�ำหยาบ ขอ้ นน้ั กไ็ มเ่ ปน็ ทร่ี กั ที่ชอบใจแม้ของผู้อ่ืน ธรรมข้อใด ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจ ของเรา ธรรมข้อนั้น ก็ไม่เป็นที่รักท่ีชอบใจแม้ของผู้อ่ืน ธรรมขอ้ ใดไมเ่ ปน็ ทรี่ กั ทช่ี อบใจของเรา เราจะพงึ ประกอบ ผู้อนื่ ไวด้ ว้ ย ธรรมข้อน้นั ไดอ้ ยา่ งไร อรยิ สาวกนนั้ พิจารณา เห็นดังน้ีแล้ว ตนเองย่อมงดเว้นจากผรุสวาจาด้วย ชักชวนผู้อื่นเพื่อให้งดเว้นจากผรุสวาจาด้วย กล่าว สรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากผรุสวาจาด้วย วจี- สมาจารของอรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มบรสิ ทุ ธโ์ิ ดยสว่ นสามอยา่ งน.้ี (๗) พราหมณ์และคฤหบดีท้ังหลาย ! อีก ประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังน้ีว่า ผู้ใดพึง พดู กะเราดว้ ยถอ้ ยค�ำเพอ้ เจอ้ ขอ้ นน้ั ไมเ่ ปน็ ทรี่ กั ทชี่ อบใจ ของเรา อนึ่ง เราพึงพูดกะผู้อ่ืนด้วยถ้อยค�ำเพ้อเจ้อ ข้อน้ันก็ไม่เป็นที่รักท่ีชอบใจแม้ของผู้อื่น ธรรมข้อใด ไม่เป็นท่ีรักที่ชอบใจ ของเรา ธรรมข้อนั้น ก็ไม่เป็นที่รัก 220
เปดิ ธรรมท่ถี กู ปดิ : คมู่ อื โสดาบนั ที่ชอบใจแม้ของผู้อื่น ธรรมข้อใด ไม่เป็นที่รักท่ีชอบใจ ของเรา เราจะพึงประกอบผู้อื่นไว้ด้วยธรรมข้อนั้นได้ อย่างไร อริยสาวกนั้น พิจารณาเหน็ ดงั น้ีแลว้ ตนเองยอ่ ม งดเวน้ จากสมั ผปั ปลาปะดว้ ย ชกั ชวนผอู้ น่ื เพอื่ ใหง้ ดเวน้ จากสัมผัปปลาปะด้วย กล่าวสรรเสริญคุณแห่งการ งดเวน้ จากสมั ผปั ปลาปะดว้ ย วจสี มาจารของอรยิ สาวกนน้ั ยอ่ มบริสุทธโิ์ ดยสว่ นสามอยา่ งน้.ี อริยสาวกน้ันประกอบด้วยความเลื่อมใสอัน ไมห่ วน่ั ไหวในพระพทุ ธเจา้ ... ในพระธรรม... ในพระสงฆ.์ .. ประกอบด้วยศลี ท่พี ระอรยิ เจา้ รกั ใคร่แลว้ ... เปน็ ไปเพอ่ื สมาธ.ิ พราหมณแ์ ละคฤหบดที ง้ั หลาย ! เมอ่ื ใด อรยิ สาวก ประกอบดว้ ยสทั ธรรม ๗ ประการน้ี เมอ่ื นน้ั อรยิ สาวกนน้ั หวังอยู่ ด้วยฐานะเป็นที่ต้ังแห่งความหวัง ๔ ประการนี้ พงึ พยากรณต์ นดว้ ยตนเองไดว้ า่ เรามนี รก ก�ำ เนดิ ดริ จั ฉาน วิสัยแห่งเปรต อบาย ทุคติ วินิบาตสิ้นแล้ว เราเป็น พระโสดาบนั มคี วามไมต่ กต�่ำ เปน็ ธรรมดา เปน็ ผเู้ ทย่ี งแท้ ทีจ่ ะตรัสร้ใู นเบื้องหน้า. 221
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถกู ปดิ : คู่มือโสดาบนั คณุ สมบตั ิพระโสดาบัน (นยั ท่ี ๔) 56 (โสตาปตั ติยังคะ ๔ จ�ำแนกด้วยอาการ ๑๐) -บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๗๙/๑๕๔๙. ก็สมัยนั้น ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีป่วย ได้รับทุกข์ เป็นไข้หนัก คร้ังน้ัน ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีเรียกบุรุษคนหน่ึง มาสง่ั วา่ บรุ ษุ ผเู้ จรญิ ! ทา่ นจงไปเถดิ จงเขา้ ไปหาทา่ นพระสารบี ตุ ร ครั้นแล้ว จงไหว้เท้าทั้งสองของท่านพระสารีบุตรด้วยเศียรเกล้า ตามคำ�ของเราว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ! อนาถบิณฑิกคฤหบดีป่วย ไดร้ บั ทกุ ข ์ เปน็ ไขห้ นกั เขาขอกราบเทา้ ทง้ั สองของทา่ นพระสารบี ตุ ร ด้วยเศียรเกล้า และท่านจงเรียนอย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ! ได้โปรดเถิด ขอท่านพระสารีบุตรจงอาศัยความอนุเคราะห์เข้าไป ยังนเิ วศน์ ของท่านอนาถบณิ ฑิกคฤหบดีเถิด บุรุษนนั้ รบั ค�ำของทา่ นอนาถบณิ ฑกิ คฤหบดแี ลว้ เขา้ ไปหา ทา่ นพระสารบี ตุ รถงึ ทอี่ ยู่อภวิ าทแลว้ นงั่ ณ ทคี่ วรสว่ นขา้ งหนง่ึ ครน้ั แลว้ ได้เรียนว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ! ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีป่วย ไดร้ บั ทกุ ข ์ เปน็ ไขห้ นกั ทา่ นขอกราบเทา้ ทง้ั สองของทา่ นพระสารบี ตุ ร ด้วยเศียรเกล้า และท่านสั่งมาอย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ! ได้โปรดเถิด ขอท่านพระสารีบุตรจงอาศัยความอนุเคราะห์เข้าไป ยงั นเิ วศนข์ องทา่ นอนาถบณิ ฑกิ คฤหบดเี ถดิ . ทา่ นพระสารบี ตุ รรบั นมิ นต์ดว้ ยดษุ ณีภาพ. 222
เปดิ ธรรมที่ถูกปดิ : คมู่ ือโสดาบนั คร้ังนัน้ เวลาเช้า ทา่ นพระสารบี ตุ รนงุ่ แลว้ ถือบาตรและ จีวร มีท่านพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ เข้าไปยังนิเวศน์ของท่าน อนาถบิณฑิกคฤหบดี แล้วน่ังบนอาสนะที่เขาปูลาดไว้ คร้ันแล้ว ไดถ้ ามทา่ นอนาถบณิ ฑกิ คฤหบดวี า่ คฤหบด ี! ทา่ นพออดทนไดห้ รอื พอยังอัตภาพให้เป็นไปได้หรือ ทุกขเวทนาคลายลง ไม่ก�ำเริบข้ึน แลหรอื ความทุเลาย่อมปรากฏ ความก�ำเรบิ ไมป่ รากฏแลหรือ ? ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ! กระผมอดทนไม่ได้ ยังอัตภาพ ใหเ้ ป็นไปไมไ่ ด้ ทุกขเวทนาของกระผมก�ำเรบิ หนกั ไมท่ เุ ลาลงเลย ความก�ำเริบยอ่ มปรากฏ ความทุเลาไม่ปรากฏ. คฤหบดี ! ปถุ ชุ นผไู้ มไ่ ดส้ ดบั ประกอบดว้ ยความ ไมเ่ ลอ่ื มใสในพระพทุ ธเจา้ เหน็ ปานใด เมอ่ื แตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความไม่เลื่อมใส ในพระพุทธเจ้าเห็นปานน้ัน ย่อมไม่มีแก่ท่าน ส่วนท่าน มีความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า แม้ เพราะเหตุน้ีๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ... เป็นผู้ จำ�แนกธรรม ก็เม่ือท่านเห็นความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว ในพระพทุ ธเจา้ นน้ั อยใู่ นตน เวทนาจะพงึ สงบระงบั โดยพลนั . 223
พุทธวจน - หมวดธรรม คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย ความไมเ่ ลอ่ื มใสในพระธรรมเหน็ ปานใด เมอ่ื แตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความไม่เลอ่ื มใสใน พระธรรมเหน็ ปานนน้ั ยอ่ มไมม่ แี กท่ า่ น สว่ นทา่ นมีความ เลอื่ มใสอนั ไมห่ วน่ั ไหวในพระธรรม วา่ ธรรมอนั พระผมู้ -ี พระภาคตรัสดีแล้ว ... อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ก็เมื่อ ท่านเห็นความเลื่อมใสอันไม่หว่ันไหวในพระธรรมน้ันอยู่ ในตน เวทนาจะพึงสงบระงับโดยพลัน. คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย ความไมเ่ ลอ่ื มใสในพระสงฆเ์ หน็ ปานใด เมอ่ื แตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความไม่เลื่อมใสใน พระสงฆ์เห็นปานน้ัน ย่อมไม่มีแก่ท่าน ส่วนท่านมีความ เลอ่ื มใสในพระสงฆว์ า่ พระสงฆส์ าวกของพระผมู้ พี ระภาค เป็นผ้ปู ฏิบัติดีแล้ว ... เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่น ย่ิงกว่า ก็เมื่อท่านเห็นความเลื่อมใสอันไม่หว่ันไหวใน พระสงฆ์น้ันอยู่ในตน เวทนาจะพึงสงบระงับโดยพลนั . 224
เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปิด : คู่มือโสดาบนั คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย ความเปน็ ผทู้ ศุ ลี เหน็ ปานใด เมอ่ื แตกกายตายไป ยอ่ มเขา้ ถงึ อบาย ทคุ ต ิ วนิ บิ าต นรก ความเปน็ ผทู้ ศุ ลี เหน็ ปานนน้ั ย่อมไม่มีแก่ท่าน ส่วนทา่ นมีศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ไมข่ าด ... เปน็ ไปเพอ่ื สมาธกิ เ็ มอ่ื ทา่ นเหน็ ศลี ทพ่ี ระอรยิ เจา้ ใครแ่ ลว้ อยใู่ นตน เวทนาจะพงึ สงบระงบั โดยพลัน. คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย มิจฉาทิฏฐิเห็นปานใด เม่ือแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก มิจฉาทิฏฐิเห็นปานน้ัน ย่อมไม่มีแก่ท่าน ส่วนท่านมีสัมมาทิฏฐิ ก็เม่ือท่านเห็น สัมมาทิฏฐิน้ันอยใู่ นตน เวทนาจะพึงสงบระงบั โดยพลัน. 225
พทุ ธวจน - หมวดธรรม คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย มจิ ฉาสงั กปั ปะเหน็ ปานใด เมอ่ื แตกกายตายไป ยอ่ มเขา้ ถงึ อบาย ทุคติ วินิบาต นรก มิจฉาสังกัปปะเห็นปานนั้น ย่อมไม่มีแก่ท่าน ส่วนท่านมีสัมมาสังกัปปะ ก็เม่ือท่าน เห็นสัมมาสังกัปปะนั้นอยู่ในตน เวทนาจะพึงสงบระงับ โดยพลนั . คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย มิจฉาวาจาเห็นปานใด เม่ือแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก มิจฉาวาจาเห็นปานน้ัน ย่อมไม่มีแก่ท่าน ส่วนท่านมีสัมมาวาจา ก็เมื่อท่านเห็น สมั มาวาจาน้นั อย่ใู นตน เวทนาจะพงึ สงบระงบั โดยพลนั . 226
เปดิ ธรรมทถี่ ูกปดิ : คู่มอื โสดาบนั คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย มจิ ฉากมั มนั ตะเหน็ ปานใด เมอ่ื แตกกายตายไป ยอ่ มเขา้ ถงึ อบาย ทุคติ วินิบาต นรก มจิ ฉากมั มนั ตะเหน็ ปานนน้ั ย่อมไม่มีแก่ท่าน ส่วนท่านมีสัมมากัมมันตะ ก็เม่ือท่าน เห็นสัมมากัมมันตะน้ันอยู่ในตน เวทนาจะพึงสงบระงับ โดยพลนั . คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย มิจฉาอาชีวะเห็นปานใด เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก มิจฉาอาชีวะเห็นปานน้ัน ย่อมไมม่ แี กท่ ่าน ส่วนทา่ นมสี ัมมาอาชวี ะ กเ็ มือ่ ทา่ นเหน็ สมั มาอาชวี ะนน้ั อยใู่ นตน เวทนาจะพงึ สงบระงบั โดยพลนั . คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย มจิ ฉาวายามะเหน็ ปานใด เมอื่ แตกกายตายไป ยอ่ มเขา้ ถงึ อบาย ทุคติ วินิบาต นรก มิจฉาวายามะเห็นปานนั้น ยอ่ มไมม่ แี กท่ า่ น สว่ นทา่ นมสี มั มาวายามะ กเ็ มอ่ื ทา่ นเหน็ สมั มาวายามะนน้ั อยใู่ นตน เวทนาจะพงึ สงบระงบั โดยพลนั . 227
พุทธวจน - หมวดธรรม คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย มจิ ฉาสตเิ หน็ ปานใด เมอื่ แตกกายตายไป ยอ่ มเขา้ ถงึ อบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต นรก มจิ ฉาสตเิ หน็ ปานนน้ั ยอ่ มไมม่ แี กท่ า่ น สว่ นทา่ นมสี มั มาสติ กเ็ มอ่ื ทา่ นเหน็ สมั มาสตนิ นั้ อยใู่ นตน เวทนาจะพึงสงบระงับโดยพลนั . คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย มจิ ฉาสมาธเิ หน็ ปานใด เมอ่ื แตกกายตายไป ยอ่ มเขา้ ถงึ อบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต นรก มจิ ฉาสมาธเิ หน็ ปานนน้ั ยอ่ มไมม่ แี กท่ า่ น สว่ นทา่ นมสี มั มาสมาธิ กเ็ มอ่ื ทา่ นเหน็ สมั มาสมาธนิ น้ั อยใู่ นตน เวทนาจะพึงสงบระงบั โดยพลนั . คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย มจิ ฉาญาณะเหน็ ปานใด เมอ่ื แตกกายตายไป ยอ่ มเขา้ ถงึ อบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต นรก มจิ ฉาญาณะเหน็ ปานนน้ั ยอ่ มไมม่ แี กท่ า่ น ส่วนท่านมีสัมมาญาณะ ก็เม่ือท่านเห็นสัมมาญาณะน้ัน อยู่ในตน เวทนาจะพึงสงบระงบั โดยพลนั . 228
เปดิ ธรรมท่ถี กู ปิด : คู่มอื โสดาบัน คฤหบดี ! ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ประกอบด้วย มิจฉาวิมุตติเห็นปานใด เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง อบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต นรก มจิ ฉาวมิ ตุ ตเิ หน็ ปานนน้ั ยอ่ มไมม่ ี แกท่ า่ น สว่ นทา่ นมสี มั มาวมิ ตุ ติ กเ็ มอ่ื ทา่ นเหน็ สมั มาวมิ ตุ ติ นัน้ อยู่ในตน เวทนาจะพึงสงบระงบั โดยพลัน. ครง้ั นน้ั เวทนาของทา่ นอนาถบณิ ฑกิ คฤหบดสี งบระงบั แลว้ โดยพลัน ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีอังคาส ท่านพระสารีบุตร และท่านพระอานนท์ ด้วยอาหารท่ีเขาจัดมาเฉพาะตน คร้ังนั้น ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดี เมื่อท่านพระสารีบุตรฉันเสร็จน�ำมือ ออกจากบาตรแล้ว จึงถือเอาอาสนะต�่ำอันหน่ึง น่ัง ณ ท่ีควร ส่วนข้างหน่ึงแลว้ ท่านพระสารีบุตรอนุโมทนาดว้ ยคาถาเหล่าน้ี 229
พุทธวจน - หมวดธรรม ผู้ใดมีศรัทธา ต้ังม่ันไม่หว่ันไหว ในพระตถาคต มศี ลี อันงามทพี่ ระอริยเจ้าใคร่แลว้ สรรเสริญแลว้ มคี วาม เลอ่ื มใสในพระสงฆ์ และมคี วามเหน็ อนั ตรง บณั ฑติ ทง้ั หลาย เรียกผู้น้ันว่า เป็นคนไม่ขัดสน ชีวิตของผู้น้ันไม่เปล่า ประโยชน์ เพราะฉะนั้นบุคคลผู้มีปัญญา เมื่อระลึกถึง คำ�สอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พึงประกอบตามซึ่ง ศรัทธา ศีล ความเลื่อมใส และความเห็นธรรม. คร้ังนั้น ท่านพระสารีบุตร คร้ันอนุโมทนาด้วยคาถา เหลา่ นแ้ี ล้ว จงึ ลุกจากอาสนะหลกี ไป. ล�ำดับน้ัน ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงท่ีประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว น่ัง ณ ที่ควรส่วน ขา้ งหน่ึง ครั้นแล้วพระผ้มู พี ระภาคได้ตรัสถามท่านพระอานนทว์ ่า อานนท์ ! เธอมาจากไหนแตย่ งั วัน. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ท่านพระสารีบุตรกล่าวสอน อนาถบณิ ฑิกคฤหบดดี ว้ ยโอวาทข้อนๆี้ . 230
เปิดธรรมที่ถกู ปิด : คูม่ อื โสดาบัน อานนท ์ ! สารีบุตรเป็นบัณฑิต สารีบุตรมีปัญญามาก ได้จำ�แนกโสตาปัตติยังคะ ๔ ด้วยอาการ ๑๐ อย่าง. 231
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ ูกปดิ : คูม่ ือโสดาบนั อานิสงสข์ องธรรม ๔ ประการ 57 -บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๑๖/๑๖๓๔. ภิกษทุ ัง้ หลาย ! ธรรม ๔ ประการนี้ อนั บุคคลเจริญแล้ว กระทำ�ให้มากแล้ว ย่อมเปน็ ไปเพ่ือกระทำ�ใหแ้ จ้งซึ่งโสดาปัตติผล. ธรรม ๔ ประการอยา่ งไรเลา่ ? ๔ ประการคอื การคบสัตบุรุษ ๑ การฟังพระสัทธรรม ๑ การกระทำ�ไว้ในใจโดยแยบคาย ๑ การปฏิบตั ธิ รรมสมควรแกธ่ รรม ๑. ภกิ ษุทั้งหลาย ! ธรรม ๔ ประการนแ้ี ล อนั บุคคลเจริญแล้ว กระท�ำ ให้มากแลว้ ย่อมเป็นไปเพอ่ื กระทำ�ให้แจ้งซ่งึ โสดาปัตตผิ ล. 232
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300