Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้ ม.6-2-63

แผนจัดการเรียนรู้ ม.6-2-63

Published by นิกร ไชยบุตร, 2021-03-17 02:10:10

Description: แผนจัดการเรียนรู้ ม.6-2-63

Search

Read the Text Version

1 แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ า สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2563 นิกร ไชยบุตร ตาแหน่ง ครู โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่ สังกดั สานักบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ สานักงานการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

2 วช-ร 01 บนั ทึกขอ้ ความ ส่วนราชการ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอแม่แจ่ม จงั หวดั เชียงใหม่ ที่ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 วนั ท่ี 9 ตุลาคม 2563 เร่ือง การเสนอแผนการจดั การเรียนรู้เพือ่ ขออนุญาตใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เรียน ผอู้ านวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ขา้ พเจา้ นายนิกร ไชยบุตร ตาแหน่ง ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ไดจ้ ดั ทา แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา รหัสวชิ า ส 33102 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 หน่วย การเรียนรู้ท่ี 1 – 6 จานวน 6 แผน จานวน 40 ชวั่ โมง รายละเอียดดงั แนบมาพร้อมน้ี จึงเรียนมาเพือ่ โปรดทราบและพิจารณา ลงชื่อ............................................................ครูผสู้ อน (นายนิกร ไชยบตุ ร) 9/ต.ค./2563 ความเห็นของหัวหนา้ กลุ่ม/ตวั แทนกลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 1. ส่วนประกอบของเอกสาร ที่ รายการ มี ไม่มี หมายเหตุ 1 คาอธิบายรายวิชา 2 ตวั ช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ (ตารางวิเคราะห์ KPA) 3 โครงการสอน/สาระการเรียนรู้/จานวน ชม. 4 การออกแบบกระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 5 แผนการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 6 รายละเอียดแผนการวดั และประเมนิ การเรียนรู้ 2. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ ที่ ( ) ดีมาก ( ) ดี ( ) พอใช้ ( ) ควรปรับปรุง 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี ( ) ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการจดั กิจกรรมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ( ) ท่ียงั ไมเ่ นน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป

3 4. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี ( ) นาไปใชจ้ ริง ( ) ควรปรับปรุงก่อนนาไปใช้ 5. ขอ้ เสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................ .................................................................................. ลงชื่อ …………………………………………............ (……………………………………………………. ) หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้/ผแู้ ทน ความเห็นของรองผอู้ านวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ/หวั หนา้ กลุ่มบริหารงานวชิ าการ 1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ ที่ ( ) ดีมาก ( ) ดี ( ) พอใช้ ( ) ควรปรับปรุง 2. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี ( ) ท่เี นน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการจดั กิจกรรมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ( ) ที่ยงั ไม่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี ( ) นาไปใชจ้ ริง ( ) ควรปรับปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................. ...................................................................... ............................................ ............................................................................................................. ........................................ ลงชื่อ……………………………………………………………. ( นายวิเศษ ฟองตา ) ตาแหน่ง รองผอู้ านวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ ความคิดเห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ( ) อนุญาตให้ใช้ นาแผนการจดั การเรียนรู้น้ี ไปใชจ้ ดั กิจกรรมการเรียนรู้ได้ ( ) ไมอ่ นุญาต เพราะ.................................................................................................................................................... ลงช่ือ ……………………………………………………………. (นายอดิศร แดงเรือน) ผอู้ านวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31

๑ คาอธิบายรายวชิ า กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รหัสวิชา ส 33102 ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 6 เวลา 40 ชั่วโมง/ภาคเรียน จานวน 1.0 หน่วยกิต ภาคเรียนท่ี 2 ศกึ ษาหาความรูเ้ ก่ียวกบั ทฤษฎีและวธิ ีการของพระพทุ ธศาสนาท่เี ป็ นสากล ศึกษาขอ้ ปฏบิ ตั ทิ ีย่ ดึ ทาง สายกลางพระรัตนตรัย ศึกษาพระรัตนตรัย อริยสัจ 4 มงคล 38 พทุ ธศาสนสุภาษิตประวตั ิพทุ ธสาวก พุทธ สาวิกาและศาสนิกชนตวั อยา่ ง ชาดก นามาเป็ นแบบอยา่ งในการดาเนินชีวติ ศึกษาปัญหาในชุมชนและ สงั คม พรอ้ มท้งั เสนอแนวทางในการจดั กิจกรรมความร่วมมือของทกุ ศาสนาในการแกป้ ัญหาในชุมชนและ สงั คม ศกึ ษาและปฏบิ ตั ิตนใหถ้ ูกตอ้ งในศาสนพธิ ี บุญพธิ ี ทานพธิ ี กุศลพธิ ีและบอกประโยชน์ของศาสนพธิ ี ได้ ศึกษาระบบการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็ นประมุข รูปแบบ ของรัฐ ฐานะและพระราชอานาจของพระมหากษตั ริย์ การตรวจสอบการใชอ้ านาจรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย ฉบบั ปัจจบุ นั ทมี่ ีผลตอ่ การเปล่ียนแปลงทางสงั คม ศึกษาความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ บทบาทขององคก์ ารความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ สาคญั ในภูมิภาคต่างๆ ของโลก ปัจจยั ต่าง ๆ ที่นาไปสู่การพ่ึงพา การแข่งขนั การขดั แยง้ และการประสาน ประโยชน์ทางเศรษฐกิจไทยกบั ต่างประเทศ ตวั อยา่ งเหตุการณ์ทน่ี าไปสู่การพ่ึงพาทางเศรษฐกิจ ผลกระทบ จากการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศปัจจยั ตา่ ง ๆ ท่ีนาไปสู่การพ่ึงพาการแข่งขนั การขดั แยง้ และการประสานประโยชนท์ างเศรษฐกิจ และกีดกนั ทางการคา้ รู้และเขา้ ใจการแกป้ ัญหาและการดาเนินชีวิตตามแนวทางการอนุรักษท์ รพั ยากรและส่ิงแวดลอ้ มเพ่ือ การพฒั นาทย่ี ง่ั ยนื โดยใช้กระบวนการวเิ คราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แลว้ ทาการสารวจตรวจสอบขอ้ มูล เพอื่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอส่ือสารส่ิงทีเ่ รียนรู้ มาปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั พร้อมท้งั เห็นคุณคา่ ของการปฏิบตั ติ นเพ่ือใหม้ ีคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคเ์ กิดความรักและหวงแหน ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ และเป็นบคุ คลแห่งการเรียนรู้ทีม่ ีคุณภาพ รหัสตวั ชี้วดั ส1.1ม.6/4,ส1.1ม.6/13,ส1.1ม.6/14,ส1.1ม.6/22,ส1.2ม.6/2,ส 2.2 ม 6/3,ส 2.2 ม 6/4,ส 3.2 ม6/3,ส 5.2ม 6/5 รวม 9 ตัวชี้วดั

๒ ผงั มโนทศั น์ วชิ าสังคมศึกษา (พนื้ ฐาน) ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 หน่วยท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2 / 2563 หน่วยท่ี 2 พระรัตนตรัย จานวน 40 ชั่วโมง หน้าที่พลเมือง 2 10 ช่ัวโมง 10 ชั่วโมง หน่วยที่ 3 เศรษฐศาสตร์ 2 หน่วยที่ 4 ภูมิศาสตร์ 2 10 ชั่วโมง 10 ช่ัวโมง

๓ หน่วยการเรียนรู้องิ มาตรฐานตามแนวทาง Backward Design หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา รหัส-ชื่อรายวิชา ส 33102 กล่มุ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม : ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 2 เวลาเรียน 6 ช่ัวโมง ผู้สอน นายนิกร ไชยบุตร โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 31 ข้นั ท่ี 1 กาหนดเป้าหมายหลกั ของการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาท่ตี นนบั ถือและศาสนาอื่น มีศรทั ธาทีถ่ ูกตอ้ ง ยดึ มน่ั และปฏิบตั ติ าม หลกั ธรรม เพอื่ อยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ติสุข ตัวชี้วดั ส 1.1 ม.4-6/13 วเิ คราะหห์ ลกั ธรรมในกรอบอริยสจั 4 หรือหลกั คาสอนของศาสนาที่ตนนบั ถอื ส 1.1 ม.4-6/16 เช่ือมน่ั ต่อผลของการทาความดี ความชวั่ สามารถวเิ คราะหส์ ถานการณ์ทต่ี อ้ งเผชิญ และตดั สินใจเลือกดาเนินการหรือปฏิบตั ติ นไดอ้ ยา่ งมีเหตุผลถูกตอ้ งตามหลกั ธรรม จริยธรรม และกาหนดเป้าหมายบทบาทการดาเนินชีวติ เพอื่ การอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ติสุข และอยรู่ ่วมกนั เป็นชาตอิ ยา่ งสมานฉนั ท์ ความรู้ฝงั แน่น ความเข้าใจทคี่ งทน (Enduring Understanding) นกั เรียนเขา้ ใจวา่ พระพทุ ธศาสนามีพระรัตนตรัยเป็นทพี่ ่งึ สูงสุดของพทุ ธศาสนิกชน อริยสจั 4 เป็นหลกั ธรรมที่ช่วยใหม้ นุษยพ์ น้ จากความทุกข์ และมีพทุ ธศาสนสุภาษติ มีลกั ษณะเป็นขอ้ ความส้นั ๆ และแฝงดว้ ยคติเตือนใจในการดาเนินชีวติ ใหม้ นุษยศ์ ึกษาและนามาปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ใหช้ ีวติ มีความสุข อยา่ งแทจ้ ริง

๔ สาระการเรียนรู้ 1. พระรัตนตรยั 2. หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา 3. พทุ ธศาสนสุภาษติ 4. ตวั อยา่ งผลที่เกิดจากการทาความดี ความชว่ั สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ใฝ่เรียนรู้ คาถามสาคญั 1. การศกึ ษาเรียนรู้หลกั ธรรมที่เกี่ยวขอ้ งกบั ทุกขใ์ นอริยสจั 4 ทาใหน้ กั เรียนเขา้ ใจตนเองอยา่ งไร 2. นกั เรียนไดป้ ระโยชนจ์ ากการศกึ ษาหลกั ธรรมอริยสจั 4 หัวขอ้ สมุทยั และนิโรธอยา่ งไร 3. หากทกุ สงั คม ทกุ ชุมชนนาหลกั ธรรมเก่ียวกบั มรรคไปปฏบิ ตั จิ ะก่อใหเ้ กิดประโยชน์แก่ชุมชน และสงั คมอยา่ งไร 4. การนาหลกั มงคลมาปฏิบตั กิ ่อใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อนกั เรียนอยา่ งไร 5. การศกึ ษาพทุ ธศาสนสุภาษติ ก่อใหเ้ กิดคุณค่าและประโยชนต์ ่อนกั เรียนอยา่ งไร 6. นกั เรียนไดข้ อ้ คดิ จากการศกึ ษาตวั อยา่ งผลท่เี กิดจากการทาความดี ความชวั่ อยา่ งไร

๕ ข้นั ท่ี 2 กาหนดหลกั ฐานหรือร่องรอยของการเรียนรู้ ภาระงาน : ชิ้นงาน/การแสดงออกของผู้เรียน 1. ชิ้นงานที่ 13 เรื่อง หลกั ธรรมในกรอบอริยสจั 4 2. ชิ้นงานท่ี 14 เรื่อง การเชื่อมน่ั ตอ่ ผลการทาความดีและความชวั่ การประเมนิ การเรียนรู้ 1. ประเมินความรู้ เรื่อง พระรัตนตรัย หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา พทุ ธศาสนสุภาษิต ตวั อยา่ งผลที่เกิดจากการทาความดี ความชว่ั (K) ดว้ ยแบบทดสอบ 2. ประเมินกระบวนการทางานกลุ่ม (P) ดว้ ยแบบประเมิน 3. ประเมินช้ินงาน เรื่อง หลกั ธรรมในกรอบอริยสจั 4 (P) ดว้ ยแบบประเมิน 4. ประเมินช้ินงาน เร่ือง การเชื่อมน่ั ตอ่ ผลการทาความดีและความชว่ั (P) ดว้ ยแบบประเมิน 5. ประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นรักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ใฝ่เรียนรู้ (A) ดว้ ยแบบประเมิน

๖ แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics) แบบประเมินกระบวนการทางานกลุ่ม รายการการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ กระบวนการ 432 1 ทางานกลุ่ม มกี ารกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท ไมม่ กี ารกาหนด บทบาทสมาชิก สมาชิกชดั เจน สมาชิกชดั เจน เฉพาะหวั หนา้ และไม่มีการช้ีแจง เป้าหมาย สมาชิก และมกี ารช้ีแจงเป้าหมาย มีการช้ีแจงเป้าหมาย ไมม่ ีการช้ีแจงเป้าหมาย ต่างคนต่างทางาน การทางาน อยา่ งชดั เจนและ อยา่ งชดั เจน มีการปฏิบตั ิงานร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั อยา่ งร่วมมอื ร่วมใจ แต่ไมม่ ีการประเมิน ไม่ครบทกุ คน พร้อมกบั การประเมนิ เป็นระยะ ๆ เป็นระยะ ๆ แบบประเมนิ ชิ้นงาน เร่ือง หลักธรรมในกรอบอริยสัจ 4 รายการการประเมนิ 4 ระดบั คุณภาพ 1 32 ประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ธรรม ที่เก่ียวเนื่องในอริยสัจ 4 ประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ธรรม ประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ธรรม ประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ธรรม ประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ธรรม ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไดต้ ามแบบอยา่ ง ทเ่ี ก่ียวเน่ืองในอริยสัจ 4 ทเ่ี กี่ยวเนื่องในอริยสัจ 4 ทเี่ กี่ยวเนื่องในอริยสัจ 4 ทเี่ กี่ยวเน่ืองในอริยสจั 4 หรือทาตามท่ีครูแนะนา เท่าน้นั ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ร่วมกบั ผอู้ ่ืน ตามท่ตี นเอง ตามแบบไดถ้ ูกตอ้ ง ในการพฒั นาใหเ้ กิด ไดค้ ิดข้ึนมาเอง และมีการดดั แปลง ประโยชน์ต่อส่วนรวม เพ่อื ใหม้ ีประสิทธิภาพ ให้เหมาะสมกบั ตนเอง และสามารถแกไ้ ขปัญหา ที่ดีข้ึนกว่าแบบอยา่ ง โดยมีครูหรือผอู้ ื่น ระหว่างการปฏิบตั ิได้ โดยมีครูหรือผอู้ ่ืน แนะนาบา้ ง แนะนาบา้ ง

๗ แบบประเมินชิ้นงาน เร่ือง การเช่ือมั่นต่อผลการทาความดีและความชั่ว รายการการประเมนิ ระดบั คุณภาพ ศึกษาหลกั ธรรม 4 32 1 ในอริยสจั 4 วิเคราะห์หาแนวทาง ศกึ ษาหลกั ธรรม ศึกษาหลกั ธรรม ศึกษาหลกั ธรรม ศึกษาหลกั ธรรม การปฏิบตั ิตนและ ในอริยสัจ 4 ในอริยสจั 4 ผลทเ่ี กิดข้ึนจาก วเิ คราะห์หาแนวทาง ในอริยสจั 4 ในอริยสัจ 4 วเิ คราะห์หาแนวทาง การทาความดี การปฏิบตั ิตนและ การปฏิบตั ิตนและ และความชวั่ ลงใน ผลทเี่ กิดข้ึนจาก วิเคราะห์หาแนวทาง วิเคราะห์หาแนวทาง ผลที่เกิดข้ึนจาก แผนภาพความคิด การทาความดีและ การทาความดีและ ความชวั่ ลงใน การปฏิบตั ิตนและ การปฏิบตั ิตนและ ความชวั่ ลงใน แผนภาพความคิด แผนภาพความคิดได้ ไดส้ มั พนั ธ์กนั ผลทเี่ กิดข้ึนจาก ผลทีเ่ กิดข้ึนจาก แต่ไมส่ อดคลอ้ งกบั ขอ้ มูล มกี ารเชื่อมโยง เขียนตามขอ้ มลู ท่อี ่าน ให้เห็นเป็ นภาพรวม การทาความดีและ การทาความดีและ ไมม่ กี ารอธิบายเพิ่มเติม แสดงใหเ้ ห็นถึง ความสมั พนั ธ์ ความชว่ั ลงใน ความชวั่ ลงใน กบั ตนเองและผอู้ ่ืน แผนภาพความคิดได้ แผนภาพความคิด มีการจาแนกขอ้ มลู ไดส้ อดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู หรืออธิบายใหเ้ ห็นถึง มีการเขียนขยายความ ความสัมพนั ธ์กบั ตนเอง และมกี ารยกตวั อยา่ ง อยา่ งเป็นเหตุเป็นผล เพม่ิ เติมใหเ้ ขา้ ใจง่าย แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ตวั ช้ีวดั ท่ี 1.3 ศรทั ธา ยดึ มน่ั และปฏิบตั ิตนตามหลกั ของศาสนา พฤตกิ รรมบ่งชี้ ดีเยย่ี ม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไม่ผ่าน (0) เขา้ ร่วมกิจกรรมทาง เขา้ ร่วมกิจกรรมทาง ไม่เขา้ ร่วมกิจกรรม 1.3.1 เขา้ ร่วมกิจกรรม เขา้ ร่วมกิจกรรมทาง ศาสนาท่ตี นนับถือ ศาสนาทต่ี นนบั ถือ ทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏิบตั ิตนตาม ปฏิบตั ิตนตาม ทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ศาสนาท่ตี นนับถือ หลกั ของศาสนา หลกั ของศาสนา อยา่ งสมา่ เสมอ ตามโอกาส 1.3.2 ปฏิบตั ิตนตามหลกั ปฏิบตั ิตนตาม ของศาสนาทตี่ นนบั ถือ หลกั ของศาสนา 1.3.3 เป็นแบบอยา่ งทีด่ ี อยา่ งสม่าเสมอ ของศาสนิกชน เป็นแบบอยา่ งทด่ี ี ของศาสนิกชน

๘ ใฝ่ เรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ท่ี 4.1 ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ พฤตกิ รรมบ่งชี้ ดีเยย่ี ม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไม่ผ่าน (0) 4.1.1 ต้งั ใจเรียน เขา้ เรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา ไม่ต้งั ใจเรียน 4.1.2 เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ และมีความเพียรพยายาม และมีความเพยี รพยายาม และมคี วามเพียรพยายาม และมคี วามเพียรพยายาม ในการเรียนรู้ ในการเรียนรู้ มสี ่วนร่วม ในการเรียนรู้ มสี ่วนร่วม ในการเรียนรู้ มีส่วนร่วม 4.1.3 สนใจเขา้ ร่วม ในการเรียนรู้ และเขา้ ร่วม ในการเรียนรู้ และเขา้ ร่วม ในการเรียนรู้ และเขา้ ร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ต่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอก ท้งั ภายในและภายนอก บางคร้ัง โรงเรียนเป็นประจา โรงเรียนบ่อยคร้ัง และเป็นแบบอยา่ งทด่ี ี ตวั ช้ีวดั ที่ 4.2 แสวงหาความรูจ้ ากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ดว้ ยการเลือกใชส้ ่ืออยา่ งเหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็นองคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ พฤตกิ รรมบ่งชี้ ดีเยย่ี ม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไม่ผ่าน (0) ไมศ่ ึกษาคน้ ควา้ 4.2.1 ศกึ ษาคน้ ควา้ ศึกษาคน้ ควา้ ศกึ ษาคน้ ควา้ ศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้ หาความรู้จากหนงั สือ หาความรู้จากหนงั สือ หาความรู้จากหนงั สือ หาความรู้จากหนงั สือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี เอกสาร ส่ิงพิมพ์ เอกสาร ส่ิงพิมพ์ เอกสาร สิ่งพิมพ์ แหล่งเรียนรู้ ท้งั ภายในและภายนอก ส่ือเทคโนโลยตี ่าง ๆ สื่อเทคโนโลยี สื่อเทคโนโลยี โรงเรียน เลอื กใชส้ ่ือ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม แหล่งเรียนรู้ท้งั ภายใน และสารสนเทศ และสารสนเทศ มกี ารบนั ทึกความรู้ และภายนอกโรงเรียน แหล่งเรียนรู้ท้งั ภายใน แหล่งเรียนรู้ท้งั ภายใน และเลือกใชส้ ่ือไดอ้ ยา่ ง และภายนอกโรงเรียน และภายนอกโรงเรียน เหมาะสม เลือกใชส้ ื่อ และเลือกใชส้ ่ือ 4.2.2 บนั ทกึ ความรู้ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม วเิ คราะห์ ตรวจสอบ มีการบนั ทกึ ความรู้ มีการบนั ทกึ ความรู้ จากสิ่งที่เรียนรู้ วิเคราะห์ขอ้ มลู วิเคราะห์ขอ้ มลู สรุปเป็นองคค์ วามรู้ สรุปเป็นองคค์ วามรู้ สรุปเป็นองคค์ วามรู้ 4.2.3 แลกเปล่ียนเรียนรู้ แลกเปล่ียนเรียนรู้ แลกเปล่ียนเรียนรู้ ดว้ ยวิธีการต่าง ๆ ดว้ ยวิธีการทีห่ ลากหลาย กบั ผอู้ ่ืนได้ เพื่อนาไปใช้ และเผยแพร่แก่ และนาไปใช้ ในชีวิตประจาวนั บคุ คลทว่ั ไปนาไปใช้ ในชีวิตประจาวนั ได้ ในชีวติ ประจาวนั ได้

๙ ข้นั ท่ี 3 การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือประสบการณ์การเรียนรู้ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข•้นั ส•ัง•เกต• ร•วบ• ร•วม•ข•้อม•ูล•(G•a•the•ri•ng•) • 1. นกั เรียนร่วมกนั นงั่ สมาธิ กล่าวบทสวดมนตบ์ ชู าพระรัตนตรัย แลว้ ร่วมกนั สนทนา โดยตอบคาถาม 2. นกั เรียนสงั เกตภาพจากหนงั สือพมิ พร์ ายวนั เกี่ยวกบั คดีอาชญากรรม แลว้ ร่วมกนั สนทนา โดยตอบคาถาม 3. นกั เรียนร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั มรรค โดยตอบคาถาม 4. นกั เรียนร่วมกนั อ่านประวตั ิความเป็นมาของมงคลสูตร แลว้ ร่วมกนั สนทนา โดยตอบคาถาม 5. นกั เรียนร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกบั พทุ ธศาสนสุภาษิตทเ่ี คยไดอ้ ่านหรือเคยไดย้ นิ โดยตอบคาถาม 6. นกั เรียนร่วมกนั อ่านข่าวเก่ียวกบั การทาความดีของบุคคลทีก่ าหนดให้ แลว้ ร่วมกนั สนทนา โดยตอบคาถาม 7. นกั เรียนร่วมกนั ศึกษาและรวบรวมขอ้ มูลเก่ียวกบั เรื่อง หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา จากหนงั สือเรียนหรือแหล่งการเรียนรูอ้ ่ืน ๆ เพมิ่ เติม •(ขG•้นั aค•tดhิ •eวrเิ •iคnรg•า)ะ•ห์•แล•ะส•รุป• ค•วา•ม•รู้ •(P•ro•ces•sin•g•) 8. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั ความหมายและคุณค่าของพระรตั นตรัย แลว้ สรุปเป็ น ความคิดรวบยอด โดยตอบคาถาม 9. นกั เรียนร่วมกนั เสนอแนวทางการปฏิบตั ติ นทถ่ี ูกตอ้ งเหมาะสมตอ่ พระรตั นตรยั พร้อมวเิ คราะห์ ผลทเ่ี กิดข้ึนจากการปฏิบตั ิลงในตาราง แลว้ สรุปเป็ นความคดิ รวบยอด 10. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั อริยสัจ 4 ในหวั ขอ้ หมวดธรรมเร่ือง ทุกข์ แลว้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอด โดยตอบคาถาม 11. นกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้เร่ือง ทุกขใ์ นอริยสจั 4 เกี่ยวกบั ขนั ธ์ 5 โลกธรรม 8 และจิต เจตสิก ลงในแผนภาพความคิด แลว้ สรุปเป็นความคิดรวบยอด 12. นกั เรียนร่วมกนั วเิ คราะหส์ รุปคุณคา่ และประโยชนท์ ี่ไดร้ บั จากการศกึ ษาเรียนรู้หลกั ธรรม ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ทุกขใ์ นอริยสจั 4 ลงในแผนภาพความคิด แลว้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอด 13. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั อริยสจั 4 : สมุทยั (ธรรมทค่ี วรละ) แลว้ สรุปเป็น ความคิดรวบยอด โดยตอบคาถาม

๑๐ 14. นกั เรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม จบั สลากเลือกวเิ คราะห์หวั ขอ้ ธรรม เหตุแห่งทุกข์ (สมุทยั ) เก่ียวกบั ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั หลกั ธรรม แนวทางการนาหลกั ธรรมไปปฏิบตั ิ และผลท่ีเกิดข้นึ จากการปฏิบตั ิ ตามหวั ขอ้ ธรรม ดงั น้ี หลกั กรรม วติ ก 3 มิจฉาวณิชชา 5 นิวรณ์ 5 อุปาทาน 4 จากน้นั ใหส้ มาชิกแต่ละกลุม่ ส่งตวั แทนออกมาเขยี นสรุปความรู้ลงในแผนภาพความคดิ แลว้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอด 15. นกั เรียนร่วมกนั วเิ คราะห์เกี่ยวกบั อริยสจั 4 หวั ขอ้ ธรรมนิโรธ (ธรรมท่คี วรบรรลุ) แลว้ สรุปเป็น ความคิดรวบยอด โดยตอบคาถาม 16. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั มรรค แลว้ สรุปเป็นความคิดรวบยอด โดยตอบคาถาม 17. นกั เรียนร่วมกนั เสนอแนวทางการปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมท่ีเกี่ยวกบั มรรค พรอ้ มวเิ คราะห์ ผลทีเ่ กิดข้นึ จากการปฏบิ ตั ิ ลงในแผนภาพความคดิ แลว้ สรุปเป็ นความคิดรวบยอด 18. นกั เรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น 11 กลุ่ม ร่วมกนั วเิ คราะห์ขอ้ มูลเก่ียวกบั แนวทางการปฏิบตั ติ น ตามหลกั มงคล 38 และผลทีเ่ กิดข้ึน ตามหวั ขอ้ ทกี่ าหนดให้ ดงั น้ี กลุ่มท่ี 1 ปตุ ฺตสงฺคโห : สงเคราะหบ์ ุตร กลุ่มที่ 2 ทารสงฺคโห : สงเคราะห์ภรรยา กลุ่มท่ี 3 สนฺตฏุ ฺฐี : สนั โดษ กลุ่มที่ 4 ผฏุ ฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ จติ ฺต ยสฺส น กมฺปติ : จติ ไม่หวนั่ ไหวในโลกธรรม กลุ่มท่ี 5 อโสก : จติ ไม่เศร้าโศก กลุ่มที่ 6 วริ ช : จิตไม่มวั หมอง กลุ่มท่ี 7 เขม : จติ เกษม กลุ่มที่ 8 ตโป : ความเพยี รเผากิเลส กลุ่มท่ี 9 พฺรหฺมจริย : ประพฤติพรหมจรรย์ กลุ่มท่ี 10 อริยสจฺจาน ทสฺสน : เห็นอริยสจั กลุ่มที่ 11 นิพฺพานสจฺฉิกิริยา : ทาพระนิพพานใหแ้ จง้ (บรรลุนิพพาน) จากน้นั นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาเขียนคาตอบเป็นแผนภาพความคิดบนกระดาน แลว้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอด 19. นกั เรียนวเิ คราะหส์ ถานการณ์ทก่ี าหนดใหเ้ ก่ียวกบั พทุ ธศาสนสุภาษติ แลว้ ตอบคาถาม 20. นกั เรียนร่วมกนั วเิ คราะห์ถึงความหมายของพทุ ธศาสนสุภาษิต และแนวทางการนา พทุ ธศาสนสุภาษิตไปปฏิบตั ใิ นชีวติ ประจาวนั พรอ้ มบอกผลทเี่ กิดข้นึ จากการปฏิบตั ลิ งในแผนภาพความคดิ แลว้ สรุปเป็นความคิดรวบยอด

๑๑ 21. นกั เรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม ร่วมกนั วเิ คราะห์ผลจากการทาความดี ความชว่ั ทป่ี รากฏ ในคมั ภรี ์ทางพระพทุ ธศาสนา จากหนงั สือเรียน ดงั น้ี ผลจากการทาความชวั่ ผลจากการทาความดี 1. อดีตชาตขิ องพระจกั ขบุ าล 1. พระนางโรหิณี 2. นายจนุ ทะพอ่ คา้ ฆ่าหมูขาย 2. พระภกิ ษผุ บู้ าเพญ็ สาราณียธรรม 3. อดีตชาติของพระตสิ สะ โดยสรุปเหตกุ ารณ์และผลจากการทาความชว่ั และผลจากการทาความดอี อกมานาเสนอ อภปิ รายหนา้ ช้นั เรียน 22. นกั เรียนร่วมกนั สรุปผลของการทาความดี และผลของการทาความชวั่ ลงในแผนภาพความคิด แลว้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอด ข•้นั ป• ฏ•บิ ัต• แิ •ละ•ส•รุป•คว•าม• ร•ู้หล• งั •กา•รป•ฏ•บิ ตั •ิ (•A•pp•lyi•ng•a•nd•C•on•st•ru•cti•ng• th•e•K•no•wl•ed•ge•) 23. นกั เรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสม สรุปความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั หลกั ธรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ทกุ ข์ ลงในแผนภาพความคดิ ในประเด็นต่อไปน้ี • ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั หลกั ธรรม • แนวทางการนาหลกั ธรรมไปปฏบิ ตั ิ • ผลท่ีเกิดข้ึนจากการปฏิบตั ิ 24. นกั เรียนยกตวั อยา่ งหลกั ธรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั สมุทยั และหลกั ธรรมท่ีเก่ียวกบั นิโรธมา 1 หลกั ธรรม เสนอแนวทางการนาหลกั ธรรมไปปฏบิ ตั ิ และผลท่ีเกิดข้นึ จากการปฏิบตั ิลงในแผนภาพความคิด แลว้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอด 25. นกั เรียนเลือกหลกั ธรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั มรรคมา 1 หลกั ธรรม เสนอแนวทางการนาหลกั ธรรม ไปปฏบิ ตั แิ ละผลท่เี กิดข้ึนจากการปฏบิ ตั ลิ งในแผนภาพความคิด แลว้ สรุปเป็นความคิดรวบยอด 26. นกั เรียนเลือกหลกั ธรรมในกรอบอริยสจั 4 ท่สี นใจมา 1 หลกั ธรรม เสนอแนวทางการนาไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั และผลท่เี กิดข้ึนจากการปฏิบตั ลิ งในช้ินงานท่ี 13 เรื่อง หลกั ธรรมในกรอบ อริยสจั 4 27. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 2-3 คน เลือกพทุ ธศาสนสุภาษติ ที่สนใจมา 1 พทุ ธศาสนสุภาษิต แลว้ เขยี นเรียงความแกก้ ระทูธ้ รรมตามพทุ ธศาสนสุภาษติ ดงั กล่าวลงในกระดาษ A4 28. นกั เรียนวเิ คราะหก์ ารเชื่อมน่ั ตอ่ ผลการทาความดีและความชวั่ ตามแนวทางของอริยสจั 4 ลงในชิ้นงานท่ี 14 เรื่อง การเชื่อมนั่ ตอ่ ผลการทาความดีและความชว่ั 29. นกั เรียนตรวจสอบความถูกตอ้ งเรียบรอ้ ยของผลงานและช้ินงาน หากพบขอ้ ผดิ พลาด ควรปรับปรุงแกไ้ ขใหด้ ีข้นึ

๑๒ 30. นกั เรียนร่วมกนั สรุปส่ิงที่เขา้ ใจเป็ นความรูร้ ่วมกนั ดงั น้ี พระพทุ ธศาสนามีพระรัตนตรัยเป็นที่พ่งึ สูงสุดของพทุ ธศาสนิกชน อริยสจั 4 เป็นหลกั ธรรม ทชี่ ่วยใหม้ นุษยพ์ น้ จากความทกุ ข์ และมีพทุ ธศาสนสุภาษติ มีลกั ษณะเป็นขอ้ ความส้นั ๆ และแฝงดว้ ย คตเิ ตอื นใจในการดาเนินชีวติ ใหม้ นุษยศ์ ึกษาและนามาปฏิบตั ิ เพอื่ ใหช้ ีวติ มีความสุขอยา่ งแทจ้ ริง •ข้นั •ส•ื่อส•าร•แ•ละ•นา•เส•น•อ (•A•pp•ly•ing• t•he•C•om• m•u•nic•at•ion• S•k•ill)• 31. นกั เรียนออกมานาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน 32. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายสรุปเก่ียวกบั วธิ ีการทางานใหเ้ ห็นการคิดเชิงระบบและวธิ ีการทางาน ท่มี ีแบบแผน •ข้นั• ป•ระ•เม•นิ •เพ•ื่อเ•พม่ิ• ค•ณุ •ค่า•บร•ิก•าร•สัง•คม• แ•ละ•จ•ติ ส•าธ•าร•ณ•ะ •(Se•lf•-R•eg•ul•ati•ng•) 33. นกั เรียนร่วมกนั จดั ทาแผน่ พบั เผยแพร่หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา เพอื่ ใหพ้ ทุ ธศาสนิกชน ไดศ้ กึ ษาแลว้ นาไปปฏิบตั ิ 34. นกั เรียนร่วมกนั จดั ป้ายนิเทศเผยแพร่ความรูเ้ ก่ียวกบั หลกั ธรรมทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั สมุทยั และนิโรธ เพอ่ื ใหผ้ ทู้ สี่ นใจไดศ้ กึ ษา 35. นกั เรียนแนะนาใหส้ มาชิกในครอบครัวและชุมชนปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมอริยสจั 4 หวั ขอ้ มรรค เพอ่ื จะไดห้ ลุดพน้ จากความทุกข์ 36. นกั เรียนร่วมกนั จดั ป้ายนิเทศเผยแพร่ขอ้ มูลความรูเ้ ก่ียวกบั มงคลชีวติ 38 ประการ เพอื่ ใหผ้ ทู้ สี่ นใจไดศ้ กึ ษา และนาขอ้ คดิ ทไ่ี ดไ้ ปใชใ้ นการดาเนินชีวติ 37. นกั เรียนร่วมกนั คดั เลือกการเขียนเรียงความแกก้ ระทธู้ รรมตามพทุ ธศาสนสุภาษิตของ เพอื่ นร่วมช้นั มาจดั แสดงบนป้ายนิเทศหนา้ ช้นั เรียน 38. นกั เรียนร่วมกนั จดั กิจกรรมทเี่ ป็ นประโยชน์แก่โรงเรียน ชุมชน และสงั คม โดยเชิญชวน ใหท้ กุ คนเขา้ มามีส่วนร่วมในการทากิจกรรมร่วมกนั

๑๓ 39. นกั เรียนประเมินตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สึกหลงั การเรียนและหลงั การทากิจกรรม ในประเด็นต่อไปน้ี • ส่ิงทน่ี กั เรียนไดเ้ รียนรูใ้ นวนั น้ีคอื อะไร • นกั เรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพยี งใด • เพอื่ นนกั เรียนในกลุ่มมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพยี งใด • นกั เรียนพอใจกบั การเรียนในวนั น้ีหรือไม่ เพยี งใด • นกั เรียนจะนาความรูท้ ่ไี ดน้ ้ีไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครวั และสงั คมทวั่ ไป ไดอ้ ยา่ งไร จากน้นั แลกเปลี่ยนตรวจสอบข้นั ตอนการทางานทกุ ข้นั ตอนวา่ จะเพม่ิ คุณค่าไปสู่สงั คม เกิดประโยชน์ต่อสงั คมใหม้ ากข้ึนกวา่ เดิมในข้นั ตอนใดบา้ ง สาหรับการทางานในคร้งั ต่อไป สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4-6 ของสถาบนั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.) 2. ภาพขา่ วอาชญากรรมจากหนงั สือพมิ พร์ ายวนั 3. ประวตั คิ วามเป็นมาของมงคล 38 4. ตวั อยา่ งสถานการณ์ท่ีสอดคลอ้ งกบั พทุ ธศาสนสุภาษติ 5. ตวั อยา่ งขา่ วบุคคลทีท่ าความดี 6. แหล่งการเรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน

๑๔ บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้ ผลท่เี กดิ ขนึ้ กับนักเรียน ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 6 ด้านความรู้ จานวนนกั เรียนทผ่ี า่ นเกณฑ.์ .....................คน คิดเป็นร้อยละ................... จานวนนกั เรียนท่ีไม่ผา่ นเกณฑ.์ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ................... ด้านทกั ษะกระบวนการ จานวนนกั เรียนท่ผี า่ นเกณฑ.์ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ................... จานวนนกั เรียนทไ่ี ม่ผา่ นเกณฑ.์ .................คน คิดเป็นร้อยละ................... ด้านคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ จานวนนกั เรียนทผ่ี า่ นเกณฑ.์ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ................... จานวนนกั เรียนท่ีไม่ผา่ นเกณฑ.์ .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ................... ด้านสมรรถนะผู้เรียน จานวนนกั เรียนทผี่ า่ นเกณฑ.์ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ................... จานวนนกั เรียนทไ่ี ม่ผา่ นเกณฑ.์ .................คน คดิ เป็นร้อยละ................... ปัญหาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... แนวทางการแก้ปัญหา .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... (ลงชื่อ)……………………………….…………… (นายนิกร ไชยบตุ ร) ตาแหน่ง ครู วนั ที่........เดือน....................พ.ศ. ............

๑๕ ความเห็นของหัวหน้ากล่มุ สาระ/สายช้ัน .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... (ลงช่ือ)……………………………….…………… (นายศรีมูล สมบตุ ร) หวั หนา้ กลุ่มสาระสงั คมศึกษาฯ วนั ท.่ี .......เดือน....................พ.ศ. ............ ความเห็นของฝ่ ายวชิ าการ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... (ลงชื่อ)……………………………….…………… (นายวเิ ศษ ฟองตา) รองผอู้ านวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ วนั ที่........เดือน....................พ.ศ. ......... ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... (ลงชื่อ)……………………………….…………… (นายอดิศร แดงเรือน) ผอู้ านวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ วนั ที่........เดือน....................พ.ศ. ..........

๑๖ แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-Test) ช่ือ ______________________________________________ เลขที่ _______ ช้ัน ______ ได_้ ___________คะแนน นักเรียนใช้ดนิ สอระบายลงใน หน้าคาตอบทถี่ ูกต้องให้เต็มวง คะแนนเตม็ 10 คะแนน 1. หลกั ธรรมนิยามในขอ้ ใดผดิ จากความเป็นจริง 1 อุตนุ ิยาม : กฎธรรมชาติเกี่ยวกบั สภาพภูมิอากาศ 2 พชี นิยาม : กฎธรรมชาติเกี่ยวกบั การสืบพนั ธุ์ 3 จิตนิยาม : กฎธรรมชาติเกี่ยวกบั ดา้ นจติ วิทยา 4 กรรมนิยาม : กฎธรรมชาติที่เกี่ยวกบั พฤติกรรมของมนุษยห์ รือกฎแห่งกรรม 5 ธรรมนิยาม : กฎธรรมชาตทิ ่ีเก่ียวกบั ความเป็ นเหตุเป็ นผลของส่ิงตา่ ง ๆ 2. พระภิกษรุ ูปหน่ึงทา่ นมีนิสยั เอ้ือเฟ้ื อเผอื่ แผแ่ ก่ภิกษรุ ูปอ่ืนเสมอ ทาใหท้ ่านไดร้ บั อานิสงส์ คือ กลายเป็ นผโู้ ชคดีในลาภสกั การะโดยตลอดเป็ นเพราะทา่ นปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมใด 1 โภคอาทิยะ 5 2 อริยวฑั ฒิ 5 3 วฒุ ิธรรม 4 4 สาราณียธรรม 6 5 พระสทั ธรรม 3 3. ผทู้ ีป่ ระกอบอาชีพคา้ ขายควรเนน้ หลกั ธรรมใดไปปฏิบตั ิ 1 วฒุ ิธรรม 4 2 มิจฉาวณิชชา 5 3 ปาปณิกธรรม 3 4 พระสทั ธรรม 3 5 อุปาทาน 4 4. ธรรมในขอ้ ใดที่ไม่ควรใหเ้ กิดข้นึ ซ่ึงเป็นส่ิงที่ขวางก้นั ความเจริญของจิตในการฝึกสติ 1 นิวรณ์ 5 2 มิจฉาวณิชชา 5 3 วติ ก 3 4 โลกธรรม 8 5 อุปาทาน 4

๑๗ 5. การประพฤติตนใหเ้ ป็นผมู้ ีระเบียบวนิ ัยไม่ก่อความเดือดรอ้ น หรือเบยี ดเบียนผอู้ ื่น เป็นความหมายในขอ้ ใด ของหมวดธรรมภาวนา 4 1 กายภาวนา 2 สีลภาวนา 3 จติ ตภาวนา 4 ปัญญาภาวนา 5 เมตตาภาวนา 6. หลกั ธรรมใดเป็นการดาเนินไปสู่การดบั ทกุ ขไ์ ดต้ ามความหมายของอริยสจั 4 1 มรรคมีองค์ 8 2 โลกธรรม 8 3 ขนั ธ์ 5 4 นิวรณ์ 5 5 วติ ก 3 7. ขอ้ ใดใหค้ วามหมายพทุ ธศาสนสุภาษติ ไดถ้ ูกตอ้ ง 1 คาสุภาษิตของพระสงฆ์ 2 คาสุภาษติ ของพระเถระผูใ้ หญ่ 3 คาสุภาษติ ของนกั ปราชญท์ างพระพทุ ธศาสนา 4 คาสุภาษิตทางพระพทุ ธศาสนา 5 คาสุภาษติ ของฆราวาส 8. ธรรมในขอ้ ใดทเ่ี ป็นธรรมหวั ใจเศรษฐี คือ ทาใหบ้ คุ คลสามารถสร้างทรพั ยแ์ ละรักษาทรัพยข์ องตนเอง ใหด้ ารงอยไู่ ด้ 1 อุบาสกธรรม 5 2 โภคอาทยิ ะ 5 3 อริยวฑั ฒิ 5 4 ทิฏฐธมั มิกตั ถสงั วตั ตนิกธรรม 4 5 ปาปณิกรรม 3 9. การรูจ้ กั ความพอประมาณในปัจจยั 4 เป็นความหมายมงคล 38 ในขอ้ ใด 1 เขม 2 ตโป 3 สนฺตุฏฺ ฐี 4 วริ ช 5 อโสก

๑๘ 10. ในการศึกษาเล่าเรียน นกั เรียนควรยดึ พทุ ธศาสนสุภาษิตใดมาปฏิบตั ิ 1 โกธ ฆตฺวา สุข เสติ 2 วายเมเถว ปุริโส ยาว อตฺถสฺส นิปฺปทา 3 อิณาทาน ทุกฺข โลเก 4 จิตฺต ทนฺต สุขาวห 5 ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏฺฐาตา วนิ ฺทเต ธน

๑๙ แบบทดสอบหลงั เรียน (Post-Test) ช่ือ ________________________________________________ เลขท่ี ______ ช้ัน _____ ได_้ ___________คะแนน นักเรียนใช้ดนิ สอระบายลงใน หน้าคาตอบทถี่ ูกต้องให้เต็มวง คะแนนเต็ม 10 คะแนน 1. พระภิกษรุ ูปหน่ึงทา่ นมีนิสยั เอ้ือเฟ้ื อเผอ่ื แผแ่ ก่ภกิ ษุรูปอื่นเสมอ ทาใหท้ ่านไดร้ บั อานิสงส์ คอื กลายเป็ นผโู้ ชคดีในลาภสกั การะโดยตลอดเป็ นเพราะท่านปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรมใด 1 โภคอาทิยะ 5 2 อริยวฑั ฒิ 5 3 วฒุ ิธรรม 4 4 สาราณียธรรม 6 5 พระสทั ธรรม 3 2. ผทู้ ป่ี ระกอบอาชีพคา้ ขายควรเนน้ หลกั ธรรมใดไปปฏบิ ตั ิ 1 วฒุ ิธรรม 4 2 มิจฉาวณิชชา 5 3 ปาปณิกธรรม 3 4 พระสทั ธรรม 3 5 อุปาทาน 4 3. หลกั ธรรมนิยามในขอ้ ใดผดิ จากความเป็นจริง 1 อุตุนิยาม : กฎธรรมชาตเิ ก่ียวกบั สภาพภมู ิอากาศ 2 พชี นิยาม : กฎธรรมชาตเิ ก่ียวกบั การสืบพนั ธุ์ 3 จิตนิยาม : กฎธรรมชาติเก่ียวกบั ดา้ นจติ วทิ ยา 4 กรรมนิยาม : กฎธรรมชาติที่เกี่ยวกบั พฤติกรรมของมนุษยห์ รือกฎแห่งกรรม 5 ธรรมนิยาม : กฎธรรมชาติทเี่ ก่ียวกบั ความเป็ นเหตุเป็ นผลของส่ิงต่าง ๆ 4. การประพฤติตนใหเ้ ป็นผมู้ ีระเบียบวนิ ัยไม่ก่อความเดือดรอ้ น หรือเบียดเบียนผอู้ ่ืน เป็ นความหมายในขอ้ ใด ของหมวดธรรมภาวนา 4 1 กายภาวนา 2 สีลภาวนา 3 จติ ตภาวนา 4 ปัญญาภาวนา 5 เมตตาภาวนา

๒๐ 5. หลกั ธรรมใดเป็นการดาเนินไปสู่การดบั ทุกขไ์ ดต้ ามความหมายของอริยสจั 4 1 มรรคมีองค์ 8 2 โลกธรรม 8 3 ขนั ธ์ 5 4 นิวรณ์ 5 5 วติ ก 3 6. ธรรมในขอ้ ใดท่ีไม่ควรใหเ้ กิดข้นึ ซ่ึงเป็นสิ่งท่ขี วางก้นั ความเจริญของจิตในการฝึกสติ 1 นิวรณ์ 5 2 มิจฉาวณิชชา 5 3 วติ ก 3 4 โลกธรรม 8 5 อุปาทาน 4 7. การรู้จกั ความพอประมาณในปัจจยั 4 เป็นความหมายมงคล 38 ในขอ้ ใด 1 เขม 2 ตโป 3 สนฺตฏุ ฺ ฐี 4 วริ ช 5 อโสก 8. ในการศึกษาเล่าเรียน นกั เรียนควรยดึ พทุ ธศาสนสุภาษติ ใดมาปฏิบตั ิ 1 โกธ ฆตฺวา สุข เสติ 2 วายเมเถว ปุริโส ยาว อตฺถสฺส นิปฺปทา 3 อิณาทาน ทกุ ข โลเก 4 จติ ฺต ทนฺต สุขาวห 5 ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏฺฐาตา วนิ ฺทเต ธน 9. ขอ้ ใดใหค้ วามหมายพทุ ธศาสนสุภาษิตไดถ้ ูกตอ้ ง 1 คาสุภาษิตของพระสงฆ์ 2 คาสุภาษิตของพระเถระผูใ้ หญ่ 3 คาสุภาษิตของนกั ปราชญท์ างพระพทุ ธศาสนา 4 คาสุภาษติ ทางพระพทุ ธศาสนา 5 คาสุภาษิตของฆราวาส

๒๑ 10. ธรรมในขอ้ ใดท่เี ป็นธรรมหวั ใจเศรษฐี คือ ทาใหบ้ คุ คลสามารถสร้างทรพั ยแ์ ละรกั ษาทรัพยข์ องตนเอง ใหด้ ารงอยไู่ ด้ 1 อุบาสกธรรม 5 2 โภคอาทยิ ะ 5 3 อริยวฑั ฒิ 5 4 ทฏิ ฐธมั มิกตั ถสงั วตั ตนิกธรรม 4 5 ปาปณิกธรรม 3

๒๒ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-Test) 1. 3 6. 1 2. 4 7. 4 3. 3 8. 2 4. 1 9. 3 5. 2 10. 2 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน (Post-Test) 1. 4 6. 1 2. 3 7. 3 3. 3 8. 2 4. 2 9. 4 5. 1 10. 2

๒๓ แบบบนั ทึกสรุปผลการเรียนรู้สาหรับผู้เรียน ชื่อ-นามสกลุ _______________________________ เลขท่ี _________ ช้นั ___________ วนั ท่ี _________________________ เดือน _______________________ พ.ศ. ___________ คาชี้แจง นกั เรียนบนั ทกึ สรุปผลการเรียนรู้จากหน่วยการเรียนรู้น้ี นกั เรียนยงั ไม่เขา้ ใจเร่ืองใดอีกบา้ ง นกั เรียนมีความรู้สึกอยา่ งไร นกั เรียนไดร้ ับความรู้เรื่องใดบา้ ง ท่เี ก่ียวกบั หน่วยการเรียนรู้น้ี หลงั จากที่เรียนหน่วยการเรียนรู้น้ีแลว้ จากหน่วยการเรียนรู้น้ี ซ่ึงตอ้ งการใหค้ รูอธิบายเพม่ิ เติม _________________________________ ________________________________ ____________________________________ _________________________________ ________________________________ ____________________________________ _________________________________ ________________________________ ____________________________________ _________________________________ ________________________________ ____________________________________ _________________________________ ________________________________ ____________________________________ _________________________________ ________________________________ _ ____ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา นกั เรียนจะสามารถนาความรู้ความเขา้ ใจ ผลงานท่นี กั เรียนชอบและตอ้ งการ นกั เรียนไดท้ ากิจกรรมอะไรบา้ ง จากหน่วยการเรียนรู้น้ีไปใชป้ ระโยชน์ คดั เลือกเป็ นผลงานดีเด่นจาก ในหน่วยการเรียนรู้น้ี ในชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง หน่วยการเรียนรู้น้ีคือผลงานใดบา้ ง เพราะอะไร ________________________________ ____________________________________ ________________________________ ____________________________________ __________________________________ ________________________________ ____________________________________ __________________________________ ________________________________ ____________________________________ __________________________________ ________________________________ ____________________________________ __________________________________ ________________________________ ____________________________________ __________________________________ ________________________________ __ หมายเหตุ ครูสาเนาแบบบนั ทึกน้ีเพอื่ ใหน้ กั เรียนบนั ทึกทกุ หน่วยการเรียนรู้ 1. ครูสามารถนาแบบบนั ทกึ น้ีไปใชเ้ ป็นหลกั ฐานและขอ้ มูลเพอ่ื ปรับปรุงและพฒั นากระบวนการเรียนรู้ของผเู้ รียน 2. ครูสามารถนาแบบบนั ทึกน้ีไปใชป้ ระกอบการทาวิจยั ในช้นั เรียนเพือ่ เป็นผลงานประกอบการเลื่อนวิทยฐานะได้

๒๔ ชิ้นงานที่ 1 เร่ือง การเช่ือมั่นต่อผลการทาความดแี ละความช่ัว วนั ที่________เดือน_______________พ.ศ.___________ ได_้ _________คะแนน ชื่อ_____________________________เลขท่ี________ช้นั ______ คะแนนเต็ม 10 คะแนน นกั เรียนวเิ คราะห์การเชื่อมน่ั ตอ่ ผลการทาความดีและความชวั่ ตามแนวทางของอริยสจั 4 ลงในแผนภาพความคดิ ความคิด (ตวั อยา่ งคาตอบ) ผลท่ีเกดิ จากการทาความดี ผลท่เี กิดจากการทาความชั่ว (ผทู้ าความดีจะไดร้ บั ผลดีจากการทาความดีน้นั (ผลจากการทาความชวั่ คือ การไดร้ ับผลชวั่ จาก เป็ นความสุขความเจริญท้งั กายและใจ อนั เป็นสุขท่ี การกระทาน้นั ทาใหต้ นเองไดร้ บั ความทกุ ขก์ าย ปราศจากโทษและอนั ตรายใด เป็นความสุขที่แทจ้ ริง ทุกขใ์ จ ปราศจากความสุขในการดาเนินชีวติ และยงั่ ยนื ) ท้งั ในปัจจบุ นั และอนาคต) แนวทางในการทาความดเี พ่อื ละเว้นจากความช่ัว (แนวทางการทาความดีและการละเวน้ ความชวั่ ทางพระพทุ ธศาสนาน้นั อาศยั แนวทางของความเพยี รชอบ คือ ปธาน 4 ประกอบดว้ ย 1. เพยี รระวงั ไม่ทาความชว่ั ให้เกิดข้นึ 2. เพียรละความชว่ั ท่เี กิดข้นึ แลว้ 3. เพยี รทาความดี ใหเ้ กิดข้ึนอยเู่ สมอ และ 4. เพียรรกั ษาความดีท่มี ีอยแู่ ลว้ ใหค้ งอยตู่ ่อไป) • ผลที่เกิดข้นึ (ช่วยใหส้ ามารถมีความเพยี รพยายามทีถ่ ูกตอ้ ง คือ พยาบามชอบในการทาความดี ในการละความชว่ั ในทางที่ ถูกตอ้ ง แลว้ จึงจะไดผ้ ลของการทาความดีน้นั ตามสมควรแกการกระทาน้นั ๆ)

ชิ้นงานท่ี 2 เร่ือง หลักธรรมในกรอบอริยสัจ 4 ๒๕ วนั ท่ี________เดือน_______________พ.ศ.___________ ได_้ _________คะแนน ช่ือ_____________________________เลขที่________ช้นั ______ คะแนนเต็ม 10 คะแนน นกั เรียนเลือกหลกั ธรรมในกรอบอริยสจั 4 ที่กาหนดใหม้ า 1 หลกั ธรรม แลว้ เสนอการนาไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั พร้อมบอกผลที่เกิดข้ึนจากการปฏบิ ตั ลิ งในแผนภาพความคิด (ตวั อยา่ งคาตอบ) ภาวนา 4 วุฒิธรรม 4 พละ 5 อุบาสกธรรม 5 ทิฏฐธัมมกิ ัตถสังวัตตนิกธรรม 4 โภคอาทิยะ 5 หลกั ธรรมที่เลือก แนวทางการนาหลกั ธรรมไปปฏบิ ตั ิ ใช้ในชีวิตประจาวัน (ทิฎฐธมั มิกตั ถสงั วตั ตนิกธรรม 4 หลกั ธรรมท่ี เป็นไปเพอ่ื ประโยชนส์ ุขในปัจจบุ นั 4 ประการ (เพอ่ื เกิดความมน่ั คงในการดาเนินชีวติ ควรปฏบิ ตั ิ 1. อุฏฐานสมั ปทาง ถึงพรอ้ มดว้ ยความหมนั่ ดงั น้ี 2. อารักขสมั ปทา ถึงพร้อมดว้ ยการรักษาโภคทรัพย์ - มีความขยนั หมนั่ เพยี รในการประกอบอาชีพ 3. กลั ป์ ยาณมิตตตา คบคนดีเป็นมิตร ในการประกอบการงาน 4. สมชีวติ า มีความเป็นอยอู่ ยา่ งเหมาะสม) - รู้จกั ประหยดั อดออม เกบ็ รักษาทรพั ยส์ มบตั ทิ หี่ ามา ได้ - การูจ้ กั เลือกคบคนดีเป็นเพอ่ื น - การดาเนินชีวติ ดว้ ยความพอเพยี ง พอประมาณ มีความไม่ประมาท) ผลจากการปฏิบตั ิ (ส่งผลใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั ิมีความมน่ั คงทางเศรษฐกิจท้งั ในระดบั ครอบครัวและสงั คม มีความเป็ นอยทู่ ดี่ ี มีความสุข ความเจริญและกา้ วหนา้ ในดา้ นต่าง ๆ อยา่ งยงั่ ยนื )

๒๖ หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานตามแนวทาง Backward Design หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การบริหารจิตและเจริญปัญญา รหัส-ชื่อรายวชิ า ส 33102 กล่มุ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม : ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ช้ัน มธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 ภาคเรียนที่ 2 เวลาเรียน 4 ชั่วโมง ผู้สอน นายนิกร ไชยบตุ ร โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 31 ข้นั ที่ 1 กาหนดเป้าหมายหลกั ของการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.1 รู้และเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนบั ถือและศาสนาอื่น มีศรทั ธาทถ่ี ูกตอ้ ง ยดึ มน่ั และปฏบิ ตั ิตาม หลกั ธรรม เพอ่ื อยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ติสุข ตัวชี้วัด ส 1.1 ม.4-6/19 เห็นคุณค่า เชื่อมนั่ และมุ่งมน่ั พฒั นาชีวติ ดว้ ยการพฒั นาจิตและพฒั นาการเรียนรู้ ดว้ ยวธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการ หรือการพฒั นาจิตตามแนวทางของศาสนาทต่ี นนบั ถือ ส 1.1 ม.4-6/20 สวดมนต์ แผเ่ มตตา และบริหารจิตและเจริญปัญญาตามหลกั สตปิ ัฏฐาน หรือตามแนวทางของศาสนาท่ีตนนบั ถือ ความรู้ฝังแน่น ความเข้าใจทค่ี งทน (Enduring Understanding) นกั เรียนเขา้ ใจวา่ การสวดมนต์ แผ่เมตตา บริหารจิตและเจริญปัญญาทาใหจ้ ติ ใจสงบเป็ นสมาธิ และนาไปสู่การเกิดปัญญา โยนิโสมนสิการเป็นการใชค้ วามคิดท่ถี ูกวธิ ีโดยแยบคาย มองส่ิงท้งั หลาย ดว้ ยการคิดพจิ ารณาสืบคน้ ถึงตน้ เคา้ สืบสาวหาสาเหตุและปัจจยั ตา่ ง ๆ แยกแยะออกพเิ คราะห์ดูดว้ ยปัญญา ทคี่ ิดเป็ นระเบียบ ตามสภาวะและความสมั พนั ธแ์ ห่งเหตุปัจจยั

๒๗ สาระการเรียนรู้ 1. บทสวดมนตแ์ ปลและแผเ่ มตตา 2. การบริหารจติ และเจริญปัญญาตามหลกั สติปัฏฐาน 3. การพฒั นาจติ และพฒั นาการเรียนรูด้ ว้ ยวธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการ 10 วธิ ี - วธิ ีคดิ แบบสืบสาวเหตปุ ัจจยั - วธิ ีคิดแบบคุณ-โทษ และทางออก - วธิ ีคิดแบบแยกแยะส่วนประกอบ - วธิ ีคดิ แบบคุณค่าแท-้ คุณค่าเทยี ม - วธิ ีคดิ แบบสามญั ลกั ษณะ - วธิ ีคดิ แบบอุบายปลุกเรา้ คุณธรรม - วธิ ีคดิ แบบอริยสจั - วธิ ีคิดแบบเป็ นอยใู่ นขณะปัจจบุ นั - วธิ ีคิดแบบอรรถธรรมสมั พนั ธ์ - วธิ ีคดิ แบบวภิ ชั ชวาท สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมน่ั ในการทางาน คาถามสาคญั 1. การสวดมนตแ์ ละแผเ่ มตตามีคุณคา่ และประโยชน์อยา่ งไร 2. นกั เรียนจะนาความรู้จากการบริหารจิตและเจริญปัญญาตามหลกั สตปิ ัฏฐาน 4 ไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ แก่ตนเองอยา่ งไร 3. ถา้ นกั เรียนนาหลกั การคิดแบบโยนิโสมนสิการมาปฏิบตั ิจะก่อใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งไร 4. วธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการช่วยใหน้ กั เรียนมีพฒั นาการดา้ นการคดิ อยา่ งไร

๒๘ ข้นั ที่ 2 กาหนดหลกั ฐานหรือร่องรอยของการเรียนรู้ ภาระงาน : ชิน้ งาน/การแสดงออกของผ้เู รียน 1. ชิ้นงานท่ี 21 เร่ือง สวดมนตแ์ ปล แผเ่ มตตา บริหารจิตและเจริญปัญญาตามหลกั สตปิ ัฏฐาน 2. ช้ินงานที่ 22 เรื่อง วธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการ การประเมนิ การเรียนรู้ 1. ประเมินความรู้ เร่ือง บทสวดมนตแ์ ปลและแผเ่ มตตา การบริหารจติ การเจริญปัญญาตามหลกั โยนิโสมนสิการ (K) ดว้ ยแบบทดสอบ 2. ประเมินกระบวนการทางานกลุ่ม (P) ดว้ ยแบบประเมิน 3. ประเมินช้ินงาน เรื่อง สวดมนตแ์ ปล แผ่เมตตา บริหารจิตและเจริญปัญญาตามหลกั สตปิ ัฏฐาน (P) ดว้ ยแบบประเมิน 4. ประเมินช้ินงาน เรื่อง วธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการ (P) ดว้ ยแบบประเมิน 5. ประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทางาน (A) ดว้ ยแบบประเมิน

๒๙ แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics) แบบประเมินกระบวนการทางานกลุ่ม รายการการประเมนิ ระดับคุณภาพ กระบวนการ 432 1 ทางานกลุ่ม มีการกาหนดบทบาท มกี ารกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท ไมม่ กี ารกาหนด บทบาทสมาชิก สมาชิกชดั เจน สมาชิกชดั เจน เฉพาะหวั หนา้ และไม่มีการช้ีแจง เป้าหมาย สมาชิก และมกี ารช้ีแจงเป้าหมาย มกี ารช้ีแจงเป้าหมาย ไม่มีการช้ีแจงเป้าหมาย ต่างคนต่างทางาน การทางาน อยา่ งชดั เจนและ อยา่ งชดั เจน มีการปฏิบตั ิงานร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั อยา่ งร่วมมือร่วมใจ แต่ไมม่ ีการประเมิน ไมค่ รบทุกคน พร้อมกบั การประเมนิ เป็นระยะ ๆ เป็นระยะ ๆ แบบประเมินชิ้นงาน เร่ือง สวดมนต์แปล แผ่เมตตา บริหารจิตและเจริญปัญญาตามหลกั สติปัฏฐาน รายการการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 4 321 สรุปความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรู้ หลกั ปฏิบตั ิและ หลกั ปฏิบตั ิและ หลกั ปฏิบตั ิและ หลกั ปฏิบตั ิและ หลกั ปฏิบตั ิและ ประโยชน์ที่จะไดร้ ับ ประโยชนท์ ่จี ะไดร้ ับ ประโยชนท์ จี่ ะไดร้ ับ ประโยชนท์ จี่ ะไดร้ ับ ประโยชน์ทจ่ี ะไดร้ ับ จากการสวดมนตแ์ ปล จากการสวดมนตแ์ ปล จากการสวดมนตแ์ ปล จากการสวดมนตแ์ ปล จากการสวดมนตแ์ ปล แผเ่ มตตาและ แผเ่ มตตาและ แผเ่ มตตาและ แผเ่ มตตาและ แผเ่ มตตาและ การบริหารจิต การบริหารจิต การบริหารจิต การบริหารจิต การบริหารจิต และเจริญปัญญา และเจริญปัญญา และเจริญปัญญาได้ และเจริญปัญญา และเจริญปัญญาได้ ไดส้ ัมพนั ธ์กนั มกี ารจาแนกขอ้ มูล ไดส้ อดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู แต่ยงั ไม่สอดคลอ้ งกบั มีการเชื่อมโยง แสดงถึงความสัมพนั ธ์ และมกี ารเขียน ขอ้ มลู และไมม่ กี าร ใหเ้ ห็นเป็นภาพรวม กบั ตนเองอยา่ งเป็นเหตุ ขยายความ ยกตวั อยา่ ง อธิบายเพมิ่ เติม แสดงถึงความสมั พนั ธ์ เป็นผล อธิบายให้อ่านเขา้ ใจง่าย กบั ตนเองและผอู้ ่ืน

๓๐ แบบประเมนิ ชิ้นงาน เร่ือง วิธีคดิ แบบโยนิโสมนสิการ รายการการประเมนิ 4 ระดบั คุณภาพ 1 32 สรุปความรู้เก่ียวกบั สรุปความรู้เกี่ยวกบั สรุปความรู้เก่ียวกบั สรุปความรู้เกี่ยวกบั สรุปความรู้เก่ียวกบั วิธีคิดแบบ วิธีคิดแบบ วิธีคิดแบบ วิธีคิดแบบ วิธีคิดแบบ โยนิโสมนสิการ โยนิโสมนสิการ โยนิโสมนสิการ โยนิโสมนสิการ โยนิโสมนสิการ ท้งั 10 ประการ ท้งั 10 ประการ ท้งั 10 ประการ ท้งั 10 ประการ ท้งั 10 ประการ ลงในแผนภาพความคิด ลงในแผนภาพความคิด ลงในแผนภาพความคิดได้ ลงในแผนภาพความคิดได้ ลงในแผนภาพความคิดได้ และเสนอแนวทาง และเสนอแนวทาง และเสนอแนวทาง และเสนอแนวทาง และเสนอแนวทาง การนาไปปฏิบตั ิ การนาไปปฏิบตั ิ การนาไปปฏิบตั ิ การนาไปปฏิบตั ิ การนาไปปฏิบตั ิ และประโยชน์ และประโยชน์ และประโยชน์ และประโยชน์ และประโยชน์ ทจี่ ะเกิดข้ึน ที่จะเกิดข้ึนไดส้ มั พนั ธ์กนั ทีจ่ ะเกิดข้ึน ท่จี ะเกิดข้ึน ที่จะเกิดข้ึน มกี ารเช่ือมโยงให้เห็น มกี ารจาแนกขอ้ มูล สอดคลอ้ งกบั ขอ้ มูล แต่ยงั ไมส่ อดคลอ้ งกบั เป็ นภาพรวม หรืออธิบายให้เห็นถึง มกี ารเขียนขยายความ ขอ้ มลู เขียนตามขอ้ มูล แสดงให้เห็นถึง ความสมั พนั ธก์ บั ตนเอง และมกี ารยกตวั อยา่ ง ท่ีอ่าน ไมม่ กี ารอธิบาย ความสมั พนั ธก์ บั ตนเอง อยา่ งเป็นเหตุเป็นผล เพมิ่ เติมให้เขา้ ใจง่าย เพมิ่ เติม และผอู้ ื่น

๓๑ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝ่ เรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ท่ี 4.1 ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ พฤตกิ รรมบ่งชี้ ดีเยย่ี ม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไม่ผ่าน (0) 4.1.1 ต้งั ใจเรียน เขา้ เรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา เขา้ เรียนตรงเวลา ไมต่ ้งั ใจเรียน 4.1.2 เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่ และมีความเพยี รพยายาม และมคี วามเพยี รพยายาม และมคี วามเพียรพยายาม และมคี วามเพียรพยายาม ในการเรียนรู้ ในการเรียนรู้ มสี ่วนร่วม ในการเรียนรู้ มีส่วนร่วม ในการเรียนรู้ มีส่วนร่วม 4.1.3 สนใจเขา้ ร่วม ในการเรียนรู้ และเขา้ ร่วม ในการเรียนรู้ และเขา้ ร่วม ในการเรียนรู้ และเขา้ ร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ต่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอก ท้งั ภายในและภายนอก บางคร้ัง โรงเรียนเป็นประจา โรงเรียนบอ่ ยคร้ัง และเป็นแบบอยา่ งท่ีดี ตวั ช้ีวดั ท่ี 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรูต้ า่ ง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ดว้ ยการเลือกใชส้ ่ืออยา่ งเหมาะสม บนั ทึกความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็ นองคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ พฤตกิ รรมบ่งชี้ ดีเยย่ี ม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไม่ผ่าน (0) ไม่ศกึ ษาคน้ ควา้ 4.2.1 ศกึ ษาคน้ ควา้ ศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้ ศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรู้ ศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรู้ หาความรู้ จากหนงั สือ เอกสาร หาความรู้จากหนงั สือ จากหนงั สือ เอกสาร จากหนงั สือ เอกสาร ส่ิงพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี แหล่งเรียนรู้ท้งั ภายใน เอกสาร ส่ิงพิมพ์ สิ่งพมิ พ์ ส่ือเทคโนโลยี ส่ิงพิมพ์ ส่ือเทคโนโลยี และภายนอกโรงเรียน เลือกใชส้ ื่อไดอ้ ยา่ ง ส่ือเทคโนโลยตี ่าง ๆ และสารสนเทศ และสารสนเทศ เหมาะสม มีการบนั ทกึ ความรู้ แหล่งเรียนรู้ท้งั ภายใน แหล่งเรียนรู้ท้งั ภายใน แหล่งเรียนรู้ท้งั ภายใน และภายนอกโรงเรียน และภายนอกโรงเรียน และภายนอกโรงเรียน และเลือกใชส้ ื่อ เลือกใชส้ ่ือไดอ้ ยา่ ง และเลือกใชส้ ื่อไดอ้ ยา่ ง ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เหมาะสม มีการบนั ทกึ เหมาะสม มีการบนั ทกึ 4.2.2 บนั ทึกความรู้ ความรู้ วิเคราะห์ขอ้ มลู ความรู้ วิเคราะห์ขอ้ มูล วเิ คราะห์ ตรวจสอบ สรุปเป็นองคค์ วามรู้ สรุปเป็นองคค์ วามรู้ จากสิ่งที่เรียนรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กบั สรุปเป็นองคค์ วามรู้ ดว้ ยวิธีการท่ีหลากหลาย ผอู้ ่ืนได้ และนาไปใช้ 4.2.3 แลกเปล่ียนเรียนรู้ และเผยแพร่แก่ ในชีวติ ประจาวนั ได้ ดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ บุคคลทว่ั ไปนาไปใช้ เพอื่ นาไปใช้ ในชีวติ ประจาวนั ได้ ในชีวิตประจาวนั

๓๒ มุ่งมัน่ ในการทางาน ตวั ช้ีวดั ท่ี 6.1 ต้งั ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั ิหนา้ ทกี่ ารงาน พฤตกิ รรมบ่งชี้ ดีเยย่ี ม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไม่ผ่าน (0) 6.1.1 เอาใจใส่ต่อ ต้งั ใจและรับผดิ ชอบ ต้งั ใจและรับผดิ ชอบ ต้งั ใจและรับผดิ ชอบ ไมต่ ้งั ใจปฏิบตั ิ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ี ในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ี ในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ี ในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ หนา้ ท่ีการงาน ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ที่ไดร้ ับมอบหมาย ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย 6.1.2 ต้งั ใจและ ใหส้ าเร็จ มีการปรับปรุง ใหส้ าเร็จ มกี ารปรับปรุง ใหส้ าเร็จ มีการ รับผดิ ชอบในการ และพฒั นาการทางาน และพฒั นาการทางาน ปรับปรุงและพฒั นา ทางานใหส้ าเร็จ ให้ดีข้ึนดว้ ยตนเอง ใหด้ ีข้ึนดว้ ยตนเอง การทางานใหด้ ีข้ึน 6.1.3 ปรับปรุง และเป็นแบบอยา่ งท่ดี ี และพฒั นาการทางาน ดว้ ยตนเอง ตวั ช้ีวดั ที่ 6.2 ทางานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมาย พฤตกิ รรมบ่งชี้ ดีเยยี่ ม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไม่ผ่าน (0) ทางานดว้ ยความขยนั ทางานดว้ ยความขยนั ไมข่ ยนั อดทน 6.2.1 ทุม่ เททางาน ทางานดว้ ยความขยนั อดทน ไม่ยอ่ ทอ้ อดทน ไมย่ อ่ ทอ้ ในการทางาน ต่อปัญหา พยายาม ต่อปัญหาในการทางาน อดทน ไมย่ อ่ ทอ้ ต่อ อดทน ไมย่ อ่ ทอ้ แกป้ ัญหาอุปสรรค พยายามใหง้ านสาเร็จ ในการทางาน ตามเป้าหมาย ปัญหาและอุปสรรค ต่อปัญหา พยายาม ให้งานสาเร็จตาม ชื่นชมผลงาน เป้าหมายภายใน ดว้ ยความภาคภูมิใจ ในการทางาน แกป้ ัญหาอุปสรรค เวลาที่กาหนด ช่ืนชมผลงาน 6.2.2 พยายามแก้ ในการทางาน ใหง้ าน ดว้ ยความภาคภูมใิ จ ปัญหาและอุปสรรค สาเร็จตามเป้าหมาย ในการทางานใหส้ าเร็จ ก่อนเวลาที่กาหนด 6.2.3 ชื่นชมผลงาน ช่ืนชมผลงาน ดว้ ยความภาคภูมใิ จ ดว้ ยความภาคภูมใิ จ

๓๓ ข้นั ท่ี 3 การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือประสบการณ์การเรียนรู้ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข•้นั ส•ัง•เกต• ร•วบ• ร•วม•ข•้อม•ูล•(G•a•the•ri•ng•) • 1. นกั เรียนเขา้ หอ้ งจริยธรรมหรือหอ้ งสวดมนตข์ องโรงเรียน เพอ่ื ใหน้ กั เรียนปฏิบตั กิ ิจกรรม ดงั น้ี 1.1 นกั เรียนบชู าพระรตั นตรัย 1.2 นกั เรียนสวดมนตแ์ ปลสรรเสริญพระพทุ ธคุณ พระธรรมคุณ พระสงั ฆคุณพร้อมกนั 1.3 นกั เรียนร่วมกนั แผเ่ มตตา จากน้นั ร่วมกนั สนทนา โดยตอบคาถาม 2. นกั เรียนร่วมกนั นง่ั สมาธิเป็นเวลา 5 นาที เสร็จแลว้ แผเ่ มตตาใหต้ นเองและสรรพสตั วท์ ้งั หลาย จากน้นั ร่วมกนั สนทนา โดยตอบคาถาม 3. นกั เรียนร่วมกนั อ่านพระวจนะเก่ียวกบั โยนิโสมนสิการของพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ แลว้ ร่วมกนั สนทนาโดยตอบคาถาม 4. นกั เรียนร่วมกนั ศึกษาและรวบรวมขอ้ มูลเก่ียวกบั เร่ือง การบริหารจิตและเจริญปัญญา จากหนงั สือเรียนและแหล่งการเรียนรู้อ่ืน ๆ เพม่ิ เตมิ •ข(G•้นั aค•tดhิ •eวrิเ•iคnรg•า)ะ•ห์•แล•ะส•รุป• ค•วา•ม•รู้ •(P•ro•ces•sin•g•) 5. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั การสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผเ่ มตตา แลว้ สรุปเป็ น ความคดิ รวบยอด โดยตอบคาถาม 6. นกั เรียนร่วมกนั สรุปข้นั ตอนการปฏิบตั ิการสวดมนตแ์ ปลและแผเ่ มตตาลงในแผนภาพความคดิ แลว้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอด 7. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั การบริหารจิต แลว้ สรุปเป็ นความคดิ รวบยอด โดยตอบคาถาม 8. นกั เรียนร่วมกนั วเิ คราะห์เก่ียวกบั วธิ ีการบริหารจิตตามหลกั สติปัฏฐาน 4 แลว้ สรุปเป็น ความคิดรวบยอดลงในแผนภาพความคิด 9. นกั เรียนร่วมกนั วเิ คราะหเ์ ก่ียวกบั ข้นั ตอนการปฏบิ ตั กิ ารบริหารจิตและเจริญปัญญาตาม หลกั สติปัฏฐาน 4 โดยกาหนดลมหายใจเขา้ ออก \"อานาปานสติ\" แลว้ สรุปความรูล้ งในแผนภาพความคิด บนกระดาน แลว้ สรุปเป็นความคิดรวบยอด 10. นกั เรียนร่วมกนั วเิ คราะหป์ ระโยชน์ของการบริหารจิตเพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ คุณภาพชีวติ และสงั คมลงในแผนภาพความคดิ แลว้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอด

๓๔ 11. นกั เรียนทุกกลุ่มร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั วธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการ แลว้ สรุปเป็น ความคิดรวบยอด โดยตอบคาถาม 12. นกั เรียนร่วมกนั วเิ คราะห์สถานการณ์ท่ีกาหนดให้ แลว้ พจิ ารณาวา่ สถานการณ์ดงั กล่าวสอดคลอ้ ง กบั วธิ ีคดิ แบบใด 13. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั วธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการ แลว้ ร่วมกนั บนั ทกึ คาตอบเป็ นแผนภาพความคิดบนกระดาน 14. นกั เรียนร่วมกนั วเิ คราะหภ์ าพ แลว้ ตอบคาถามเก่ียวกบั วธิ ีคิดแบบคุณ-โทษ และทางออก และวธิ ีคิดแบบคุณคา่ แท-้ คุณค่าเทยี มลงในแผนภาพความคดิ แลว้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอด 15. นกั เรียนร่วมกนั วเิ คราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ ทกี่ าหนดใหด้ ว้ ยวธิ ีคิดแบบอุบายปลุกเร้าคุณธรรม วธิ ีคิดแบบเป็นอยใู่ นขณะปัจจุบนั และวธิ ีคิดแบบวภิ ชั ชวาท แลว้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอด 16. นกั เรียนคิดประเมินเพอ่ื เพมิ่ คุณค่า แลว้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอด โดยตอบคาถาม ข•้ันป• ฏ•บิ ัต• แิ •ละ•ส•รุป•คว•าม• ร•ู้หล• งั •กา•รป•ฏ•บิ ตั •ิ (•A•pp•lyi•ng•a•nd•C•on•st•ru•cti•ng• th•e•K•no•wl•ed•ge•) 17. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละเทา่ ๆ กนั ร่วมกนั ฝึกซอ้ มการสวดมนตแ์ ละแผเ่ มตตาแบบทานอง สรภญั ญะ จากน้นั แต่ละกลุ่มออกมาสวดมนตห์ นา้ ช้นั เรียน โดยใหน้ กั เรียนกลุ่มอ่ืนประเมินการสวดมนต์ ลงในแบบบนั ทึก 18. นกั เรียนสรุปความรู้ หลกั ปฏิบตั แิ ละประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั จากการสวดมนตแ์ ปล แผเ่ มตตา บริหารจิตและเจริญปัญญาตามหลกั สติปัฏฐานลงในชิ้นงานท่ี 21 เร่ือง สวดมนตแ์ ปล แผเ่ มตตา บริหารจติ และเจริญปัญญาตามหลกั สติปัฏฐาน 19. นกั เรียนแบง่ กลุ่มร่วมกนั ยกตวั อยา่ งสถานการณ์/เหตกุ ารณ์ท่ีสอดคลอ้ งกบั วธิ ีคิดแบบโยนิโส- มนสิการมา 1 ตวั อยา่ ง แลว้ ตอบคาถามลงในแผนภาพความคดิ แลว้ สรุปเป็นความคิดรวบยอด 20. นกั เรียนสรุปความรูเ้ กี่ยวกบั วธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการท้งั 10 ประการ แลว้ เสนอแนวทาง การนาไปปฏิบตั ิและผลท่ีเกิดข้นึ ลงในช้ินงานท่ี 22 เร่ือง วธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการ 21. นกั เรียนตรวจสอบความถูกตอ้ งเรียบร้อยของผลงานและช้ินงาน หากพบขอ้ ผดิ พลาด ควรปรับปรุงแกไ้ ขใหด้ ีข้ึน 22. นกั เรียนสรุปสิ่งที่เขา้ ใจเป็นความรู้ร่วมกนั ดงั น้ี การสวดมนต์ แผเ่ มตตา บริหารจิตและเจริญปัญญาทาใหจ้ ิตใจสงบเป็นสมาธิ และนาไปสู่ การเกิดปัญญา โยนิโสมนสิการใชค้ วามคิดทถี่ ูกวธิ ีโดยแยบคาย มองสิ่งท้งั หลายดว้ ยการคิดพจิ ารณาสืบคน้ ถึงตน้ เคา้ สืบสาวหาสาเหตุและปัจจยั ตา่ ง ๆ แยกแยะออกพเิ คราะหด์ ูดว้ ยปัญญาที่คดิ เป็นระเบยี บ ตามสภาวะ และความสมั พนั ธแ์ ห่งเหตปุ ัจจยั

๓๕ •ข้นั •ส•ื่อส•าร•แ•ละ•นา•เส•น•อ (•A•pp•lyi•ng• th•e•C•om• m•u•nic•at•ion• S•k•ill)• 23. นกั เรียนออกมานาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน 24. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายสรุปเกี่ยวกบั วธิ ีการทางานใหเ้ ห็นการคดิ เชิงระบบและวธิ ีการทางาน ท่มี ีแบบแผน •ข้นั• ป•ระ•เม•ิน•เพ•่ือเ•พม่ิ• ค•ุณ•ค่า•บร•ิก•าร•สัง•คม• แ•ละ•จ•ิตส•าธ•าร•ณ•ะ •(Se•lf•-R•eg•ul•ati•ng•) 25. นกั เรียนร่วมกนั จดั กิจกรรมสวดมนต์ แผ่เมตตา เพอ่ื ส่งเสริมใหน้ กั เรียนในโรงเรียนเห็นคุณค่า และความสาคญั ของการสวดมนตแ์ ปล แผเ่ มตตา 26. นกั เรียนร่วมกนั จดั กิจกรรมการบริหารจิตและเจริญปัญญาเพอื่ ส่งเสริมใหน้ กั เรียนเห็นคุณคา่ และความสาคญั ของการบริหารจิตและเจริญปัญญา 27. นกั เรียนนาความรูเ้ ก่ียวกบั วธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการไปปฏิบตั ิในชีวติ ประจาวนั และเชิญชวน ใหส้ มาชิกในครอบครวั และชุมชนมาปฏบิ ตั ิร่วมกนั 28. นกั เรียนจดั ทาแผน่ พบั ความรูเ้ ก่ียวกบั วธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการ เพอ่ื เผยแพร่แก่บคุ คลในชุมชน หรือบุคคลทวั่ ไปไดศ้ ึกษา 29. นกั เรียนประเมินตนเอง โดยเขียนแสดงความรูส้ ึกหลงั การเรียนและหลงั การทากิจกรรม ในประเด็นตอ่ ไปน้ี • สิ่งทีน่ กั เรียนไดเ้ รียนรูใ้ นวนั น้ีคืออะไร • นกั เรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพยี งใด • เพอื่ นนกั เรียนในกลุ่มมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพยี งใด • นกั เรียนพอใจกบั การเรียนในวนั น้ีหรือไม่ เพยี งใด • นกั เรียนจะนาความรูท้ ่ไี ดน้ ้ีไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครวั และสงั คมทวั่ ไป ไดอ้ ยา่ งไร จากน้นั แลกเปล่ียนตรวจสอบข้นั ตอนการทางานทุกข้นั ตอนวา่ จะเพมิ่ คุณคา่ ไปสู่สงั คม เกิดประโยชนต์ อ่ สงั คมใหม้ ากข้ึนกวา่ เดิมในข้นั ตอนใดบา้ ง สาหรับการทางานในคร้ังตอ่ ไป

๓๖ สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน รายวิชาพน้ื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 4-6 ของสถาบนั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.) 2. พระพทุ ธวจนะ 3. ภาพการพดู คุยผา่ นเฟซบุก๊ ภาพโทรศพั ทเ์ คล่ือนทรี่ ุ่นใหม่ 4. แหล่งการเรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน

๓๗ บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้ ผลท่ีเกิดขนึ้ กับนักเรียน ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 6 ด้านความรู้ จานวนนกั เรียนทผ่ี า่ นเกณฑ.์ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ................... จานวนนกั เรียนทไี่ ม่ผา่ นเกณฑ.์ .................คน คิดเป็นร้อยละ................... ด้านทกั ษะกระบวนการ จานวนนกั เรียนทผี่ า่ นเกณฑ.์ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ................... จานวนนกั เรียนท่ไี ม่ผา่ นเกณฑ.์ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ................... ด้านคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ จานวนนกั เรียนทผ่ี า่ นเกณฑ.์ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ................... จานวนนกั เรียนที่ไม่ผา่ นเกณฑ.์ .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ................... ด้านสมรรถนะผู้เรียน จานวนนกั เรียนทผี่ า่ นเกณฑ.์ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ................... จานวนนกั เรียนทไี่ ม่ผา่ นเกณฑ.์ .................คน คิดเป็นร้อยละ................... ปัญหาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... แนวทางการแก้ปัญหา .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... (ลงช่ือ)……………………………….…………… (นายนิกร ไชยบุตร) ตาแหน่ง ครู วนั ท่ี........เดือน....................พ.ศ. ............

๓๘ ความเห็นของหัวหน้ากล่มุ สาระ/สายช้ัน .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... (ลงชื่อ)……………………………….…………… (นายศรีมูล สมบุตร) หวั หนา้ กลุ่มสาระสงั คมศึกษาฯ วนั ท.่ี .......เดือน....................พ.ศ. ............ ความเห็นของฝ่ ายวชิ าการ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... (ลงช่ือ)……………………………….…………… (นายวเิ ศษ ฟองตา) รองผอู้ านวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ วนั ท่ี........เดือน....................พ.ศ. ......... ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... (ลงชื่อ)……………………………….…………… (นายอดิศร แดงเรือน) ผอู้ านวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ วนั ที่........เดือน....................พ.ศ. ..........

๓๙ แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-Test) ช่ือ ______________________________________________ เลขท่ี _______ ช้ัน ______ ได_้ ___________คะแนน นักเรียนใช้ดนิ สอระบายลงใน หน้าคาตอบทถี่ ูกต้องให้เตม็ วง คะแนนเตม็ 10 คะแนน 1. วธิ ีคดิ แบบสามญั ลกั ษณะตามหลกั โยนิโสมนสิการตรงกบั ความหมายในขอ้ ใด 1 การคดิ โดยการคน้ หาวา่ ส่ิงต่าง ๆ เกิดข้ึนมาจากสาเหตุใด 2 การคิดโดยการกาหนดรู้ตน้ เหตุแห่งปัญญารูว้ ธิ ีแกแ้ ละแกป้ ัญหาไดส้ าเร็จ 3 วธิ ีคิดทีร่ ู้เทา่ ทนั การเปล่ียนแปลงของสิ่งตา่ ง ๆ วา่ มีการเกิดข้ึนและดบั เป็ นธรรมดา 4 วธิ ีคิดโดยการกาหนดเป้าหมายและมีวธิ ีไปสู่ความสาเร็จตามเป้าหมายที่ไดว้ างไว้ 5 วธิ ีคดิ โดยแยกแยะส่ิงต่าง ๆ ทเี่ ป็ นองคร์ วมออกเป็นส่วนประกอบปลีกยอ่ ย 2. ขอ้ ใดไม่ใช่ข้นั ตอนของการเจริญปัญญาแบบอานาปานสติ 1 สมาทานศีลรับศลี จากพระ 2 ระลึกถึงพระภิกษสุ งฆท์ มี่ ีช่ือเสียง 3 ตดั ปลิโพธ (ความกงั วลต่าง ๆ) 4 เลือกสถานท่ใี หเ้ หมาะสม 5 สวดมนตส์ รรเสริญคุณพระรตั นตรัย 3. วธิ ีคิดแบบเป็ นอยใู่ นขณะปัจจุบนั จะตอ้ งมีหลกั ธรรมใดกากบั ใจหรือความรู้สึก 1 สตสิ มั ปชญั ญะ 2 พรหมวหิ ารธรรม 3 เบญจศีล-เบญจธรรม 4 กมั มฏั ฐาน 5 อริยสจั 4 4. วธิ ีคิดแบบใดตรงกบั ความหมายของวธิ ีคิดแบบคุณ-โทษ และทางออก 1 สิ่งท้งั หลายลว้ นเปล่ียนไปตามกาลเวลา 2 สุขและทกุ ขเ์ ป็นของคู่กนั 3 สิ่งท้งั หลายบางอยา่ งมีคุณอนนั ตแ์ ตม่ ีโทษมหนั ต์ 4 เม่ือส่ิงน้ีมีสิ่งน้ีจึงมี เมื่อสิ่งน้ีดบั สิ่งน้ีจงึ ดบั 5 อวยั วะต่าง ๆ ในร่างกายมนุษยท์ างานประสานสมั พนั ธก์ นั

๔๐ 5. ขอ้ ใดเป็นการเจริญสติปัฏฐาน 4 ตามความหมายของจติ ตานุปัสสนาสตปิ ัฏฐาน 1 สตกิ าหนดรู้การเคลื่อนไหวของร่างกาย 2 สติกาหนดรูค้ วามสุขหรือทกุ ขโ์ ดยการละวางไม่ยดึ ตดิ 3 สติกาหนดรู้ ราคะ โทสะ โมหะทเ่ี กิดกบั จิตของตน 4 สติกาหนดรูก้ ารเกิดของนิวรณ์ขณะกาลงั ปฏบิ ตั ิธรรม 5 สติกาหนดรูว้ า่ ส่ิงท้งั หลายมีเกิดกม็ ีดบั เป็ นธรรมดา 6. ขอ้ ใดเป็นวิธีคิดแบบอรรถธรรมสมั พนั ธ์ 1 วธิ ีคดิ แบบเชื่อมโยงหลกั การและความมุ่งหมายวา่ ทาไปเพอ่ื อะไร 2 การวิเคราะห์ขอ้ เทจ็ จริงอยา่ งลึกซ้ึงวา่ ดีหรือไม่ดีและมีประโยชนห์ รือไม่ 3 การคิดนาเอาความรู้มาพจิ ารณาเหตกุ ารณ์ตามความจริง ท้งั ดา้ นดี และไม่ดี และการหาทางออก ท่ีเหมาะสม 4 การคิดดี คิดสร้างสรรคส์ ่งเสริมสมั มาทฏิ ฐิตามแนวทางมรรคมีองค์ 8 5 การคดิ ถึงสิ่งที่เป็ นอยใู่ นปัจจบุ นั ไม่คิดถึงอดีตและอนาคต 7. “สต”ิ เปรียบไดจ้ ากการกระทาขอ้ ใด 1 สมชายขบั รถดว้ ยความระมดั ระวงั ตลอดเสน้ ทาง 2 สมโชคดูโทรทศั น์จนจบทกุ รายการ 3 สุดาอ่านหนงั สือเตรียมตวั สอบอยา่ งหกั โหม 4 สุรินทร์นงั่ สมาธิท้งั วนั โดยไม่พดู ไม่ทาอะไร 5 สายหยดุ โดนมีดบาดมือขณะปอกเปลือกผลไม้ 8. ผใู้ ดมีวธิ ีคิดแบบคุณคา่ แท-้ คุณค่าเทียม ไดต้ ามหลกั ของโยนิโสมนสิการ 1 ออม : เลือกซ้ือสินคา้ โดยดูยห่ี อ้ ทม่ี ีชื่อเสียง 2 ชาช่า : เลือกซ้ือเส้ือผา้ ตามแฟชนั่ ล่าสุด 3 เตย้ : ซ้ือผลไมต้ ามฤดูกาลเพราะราคาถูกและมีคณุ ภาพ 4 อุ๋ม : ซ้ือโทรศพั ทเ์ คล่ือนที่ใหม่ เพราะมีความทนั สมยั กวา่ เคร่ืองเดิม 5 แอน : ซ้ือกระเป๋ าตามคาแนะนาของเพอ่ื น 9. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชนข์ องการบริหารจิตและเจริญปัญญา 1 สมาธิของผปู้ ฏบิ ตั ิยอ่ มมน่ั คง 2 สุขภาพจติ ดีส่งผลใหร้ ่างกายแขง็ แรง 3 จติ ของผปู้ ฏบิ ตั สิ ามารถล่วงรู้ความคิดของผอู้ ่ืนได้ 4 จิตทส่ี งบจากการปฏบิ ตั ิยอ่ มเห็นสิ่งท้งั หลายตามความเป็ นจริง 5 ความจาดี เรียนรูส้ ่ิงตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว

๔๑ 10. การคิดเพอ่ื พฒั นาจติ ของตนใหล้ ะอกศุ ลกรรม ส่งเสริมคุณธรรมดีงามใหเ้ จริญในจิตใจของตนเอง เป็นวธิ ีคิดแบบใดตามหลกั ของโยนิโสมนสิการ 1 วธิ ีคิดแบบอรรถธรรมสมั พนั ธ์ 2 วธิ ีคดิ แบบคุณ-โทษ และทางออก 3 วธิ ีคิดแบบคุณคา่ แท-้ คุณค่าเทียม 4 วธิ ีคิดแบบอุบายปลุกเร้าคุณธรรม 5 วธิ ีคดิ แบบอริยสัจ

๔๒ แบบทดสอบหลงั เรียน (Post-Test) ช่ือ ________________________________________________ เลขที่ ______ ช้ัน _____ ได_้ ___________คะแนน นักเรียนใช้ดนิ สอระบายลงใน หน้าคาตอบทถ่ี ูกต้องให้เตม็ วง คะแนนเต็ม 10 คะแนน 1. วิธีคิดแบบเป็ นอยใู่ นขณะปัจจบุ นั จะตอ้ งมีหลกั ธรรมใดกากบั ใจหรือความรูส้ ึก 1 สติสมั ปชญั ญะ 2 พรหมวหิ ารธรรม 3 เบญจศลี -เบญจธรรม 4 กมั มฏั ฐาน 5 อริยสจั 4 2. ขอ้ ใดเป็นการเจริญสติปัฏฐาน 4 ตามความหมายของจติ ตานุปัสสนาสติปัฏฐาน 1 สตกิ าหนดรู้การเคล่ือนไหวของร่างกาย 2 สตกิ าหนดรู้ความสุขหรือทกุ ขโ์ ดยการละวางไม่ยดึ ตดิ 3 สติกาหนดรู้ ราคะ โทสะ โมหะท่ีเกิดกบั จิตของตน 4 สติกาหนดรู้การเกิดของนิวรณ์ขณะกาลงั ปฏบิ ตั ิธรรม 5 สตกิ าหนดรู้วา่ ส่ิงท้งั หลายมีเกิดก็มีดบั เป็นธรรมดา 3. วธิ ีคิดแบบสามญั ลกั ษณะตามหลกั โยนิโสมนสิการตรงกบั ความหมายในขอ้ ใด 1 การคดิ โดยการคน้ หาวา่ ส่ิงต่าง ๆ เกิดข้ึนมาจากสาเหตใุ ด 2 การคดิ โดยการกาหนดรูต้ น้ เหตุแห่งปัญญารูว้ ธิ ีแกแ้ ละแกป้ ัญหาไดส้ าเร็จ 3 วธิ ีคิดทร่ี ู้เทา่ ทนั การเปล่ียนแปลงของส่ิงตา่ ง ๆ วา่ มีการเกิดข้นึ และดบั เป็ นธรรมดา 4 วธิ ีคิดโดยการกาหนดเป้าหมายและมีวธิ ีไปสู่ความสาเร็จตามเป้าหมายทไี่ ดว้ างไว้ 5 วธิ ีคิดโดยแยกแยะสิ่งตา่ ง ๆ ทีเ่ ป็ นองคร์ วมออกเป็นส่วนประกอบปลีกยอ่ ย 4. ขอ้ ใดไม่ใช่ข้นั ตอนของการเจริญปัญญาแบบอานาปานสติ 1 สมาทานศลี รบั ศลี จากพระ 2 ระลึกถึงพระภกิ ษสุ งฆท์ มี่ ีชื่อเสียง 3 ตดั ปลิโพธ (ความกงั วลต่าง ๆ) 4 เลือกสถานท่ีใหเ้ หมาะสม 5 สวดมนตส์ รรเสริญคุณพระรัตนตรัย

๔๓ 5. ขอ้ ใดเป็นวิธีคดิ แบบอรรถธรรมสมั พนั ธ์ 1 วธิ ีคดิ แบบเชื่อมโยงหลกั การและความมุ่งหมายวา่ ทาไปเพอ่ื อะไร 2 การวิเคราะหข์ อ้ เทจ็ จริงอยา่ งลึกซ้ึงวา่ ดีหรือไม่ดีและมีประโยชน์หรือไม่ 3 การคดิ นาเอาความรูม้ าพจิ ารณาเหตุการณ์ตามความจริง ท้งั ดา้ นดี และไม่ดี และการหาทางออก ท่ีเหมาะสม 4 การคิดดี คิดสร้างสรรคส์ ่งเสริมสมั มาทิฏฐิตามแนวทางมรรคมีองค์ 8 5 การคิดถึงส่ิงท่ีเป็ นอยใู่ นปัจจุบนั ไม่คดิ ถึงอดีตและอนาคต 6. วิธีคดิ แบบใดตรงกบั ความหมายของวธิ ีคิดแบบคุณ-โทษ และทางออก 1 สิ่งท้งั หลายลว้ นเปลี่ยนไปตามกาลเวลา 2 สุขและทกุ ขเ์ ป็นของคู่กนั 3 สิ่งท้งั หลายบางอยา่ งมีคุณอนนั ตแ์ ตม่ ีโทษมหนั ต์ 4 เม่ือสิ่งน้ีมีสิ่งน้ีจึงมี เม่ือสิ่งน้ีดบั ส่ิงน้ีจึงดบั 5 อวยั วะต่าง ๆ ในร่างกายมนุษยท์ างานประสานสมั พนั ธก์ นั 7. ผใู้ ดมีวธิ ีคิดแบบคุณค่าแท-้ คุณค่าเทยี ม ไดต้ ามหลกั ของโยนิโสมนสิการ 1 ออม : เลือกซ้ือสินคา้ โดยดูยหี่ อ้ ที่มีชื่อเสียง 2 ชาช่า : เลือกซ้ือเส้ือผา้ ตามแฟชน่ั ล่าสุด 3 เตย้ : ซ้ือผลไมต้ ามฤดูกาลเพราะราคาถูกและมีคุณภาพ 4 อุ๋ม : ซ้ือโทรศพั ทเ์ คลื่อนที่ใหม่ เพราะมีความทนั สมยั กวา่ เคร่ืองเดิม 5 แอน : ซ้ือกระเป๋ าตามคาแนะนาของเพอ่ื น 8. การคิดเพอ่ื พฒั นาจิตของตนใหล้ ะอกศุ ลกรรม ส่งเสริมคุณธรรมดีงามใหเ้ จริญในจิตใจของตนเอง 8. เป็นวิธีคดิ แบบใดตามหลกั ของโยนิโสมนสิการ 1 วธิ ีคิดแบบอรรถธรรมสมั พนั ธ์ 2 วธิ ีคิดแบบคุณ-โทษ และทางออก 3 วธิ ีคดิ แบบคุณคา่ แท-้ คุณคา่ เทยี ม 4 วธิ ีคิดแบบอุบายปลุกเรา้ คุณธรรม 5 วธิ ีคดิ แบบอริยสัจ 9. “สต”ิ เปรียบไดจ้ ากการกระทาขอ้ ใด 1 สมชายขบั รถดว้ ยความระมดั ระวงั ตลอดเสน้ ทาง 2 สมโชคดูโทรทศั นจ์ นจบทกุ รายการ 3 สุดาอ่านหนงั สือเตรียมตวั สอบอยา่ งหกั โหม 4 สุรินทร์นงั่ สมาธิท้งั วนั โดยไม่พดู ไม่ทาอะไร 5 สายหยดุ โดนมีดบาดมือขณะปอกเปลือกผลไม้

๔๔ 10. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชนข์ องการบริหารจิตและเจริญปัญญา 1 สมาธิของผปู้ ฏบิ ตั ิยอ่ มมน่ั คง 2 สุขภาพจิตดีส่งผลใหร้ ่างกายแขง็ แรง 3 จติ ของผปู้ ฏิบตั ิสามารถล่วงรู้ความคดิ ของผอู้ ื่นได้ 4 จติ ทส่ี งบจากการปฏบิ ตั ยิ อ่ มเห็นสิ่งท้งั หลายตามความเป็ นจริง 5 ความจาดี เรียนรูส้ ิ่งต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว

๔๕ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-Test) 1. 3 6. 1 2. 2 7. 1 3. 1 8. 3 4. 3 9. 3 5. 3 10. 4 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน (Post-Test) 1. 1 6. 3 2. 3 7. 3 3. 3 8. 4 4. 2 9. 1 5. 1 10. 3

๔๖ แบบบันทกึ สรุปผลการเรียนรู้สาหรับผู้เรียน ชื่อ-นามสกลุ _______________________________ เลขท่ี _________ ช้นั ___________ วนั ที่ _________________________ เดือน _______________________ พ.ศ. ___________ คาชี้แจง นกั เรียนบนั ทึกสรุปผลการเรียนรู้จากหน่วยการเรียนรู้น้ี นกั เรียนยงั ไม่เขา้ ใจเร่ืองใดอีกบา้ ง นกั เรียนมีความรู้สึกอยา่ งไร นกั เรียนไดร้ ับความรู้เรื่องใดบา้ ง ท่เี กี่ยวกบั หน่วยการเรียนรู้น้ี หลงั จากทเี่ รียนหน่วยการเรียนรู้น้ีแลว้ จากหน่วยการเรียนรู้น้ี ซ่ึงตอ้ งการให้ครูอธิบายเพิ่มเติม _________________________________ ________________________________ ____________________________________ _________________________________ ________________________________ ____________________________________ _________________________________ ________________________________ ____________________________________ _________________________________ ________________________________ ____________________________________ _________________________________ ________________________________ ____________________________________ _________________________________ ________________________________ _ ____ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การบริหารจติ และเจริญปัญญา นกั เรียนจะสามารถนาความรู้ความเขา้ ใจ ผลงานท่ีนกั เรียนชอบและตอ้ งการ นกั เรียนไดท้ ากิจกรรมอะไรบา้ ง จากหน่วยการเรียนรู้น้ีไปใชป้ ระโยชน์ คัดเลือกเป็ นผลงานดีเด่นจาก ในหน่วยการเรียนรู้น้ี ในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง หน่วยการเรียนรู้น้ีคือผลงานใดบา้ ง เพราะอะไร ________________________________ ____________________________________ ________________________________ ____________________________________ __________________________________ ________________________________ ____________________________________ __________________________________ ________________________________ ____________________________________ __________________________________ ________________________________ ____________________________________ __________________________________ ________________________________ ____________________________________ __________________________________ ________________________________ __ หมายเหตุ ครูสาเนาแบบบนั ทึกน้ีเพอ่ื ใหน้ กั เรียนบนั ทึกทุกหน่วยการเรียนรู้ 1. ครูสามารถนาแบบบนั ทึกน้ีไปใชเ้ ป็นหลกั ฐานและขอ้ มูลเพื่อปรับปรุงและพฒั นากระบวนการเรียนรู้ของผเู้ รียน 2. ครูสามารถนาแบบบนั ทกึ น้ีไปใชป้ ระกอบการทาวิจยั ในช้นั เรียนเพ่ือเป็นผลงานประกอบการเล่ือนวทิ ยฐานะได้

๔๗ ชิ้นงานที่ 3 เร่ือง วิธีคดิ แบบโยนิโสมนสิการ วนั ท่ี________เดือน_______________พ.ศ.___________ ได_้ _________คะแนน ช่ือ_____________________________เลขท่ี______ช้นั __________ คะแนนเต็ม 10 คะแนน นกั เรียนสรุปความรูเ้ กี่ยวกบั วธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการท้งั 10 ประการ แลว้ เสนอแนวทาง การนาไปปฏิบตั แิ ละผลที่เกิดข้ึนลงในแผนภาพความคดิ สุรปวิธีคดิ แบบโยนิโสมนสิการท้งั 10 วิธี แนวทางการนาไปปฏบิ ัติ (โยนิโสมนสิการ เป็นกระบวนการคิดที่ทาใหเ้ กิด (การนาโยนิโสมนสิการไปปฏบิ ตั ิจาเป็ นอยา่ งยงิ่ ปัญญาทเ่ี รียกวา่ จินตามยปัญญา โยสิโสมนสิการ ทตี่ อ้ งรูว้ ธิ ีการคิดท้งั 10 อยา่ งถูกตอ้ งเสียก่อน เป็นการคิดพจิ ารณาอยา่ งแยบคาย เป็นการคดิ หลงั จากน้นั แลว้ จึงสามารถนามาใชไ้ ด้ โดยการ ท่ถี ูกตอ้ ง คดิ เป็นคดิ ถูกวธิ ี และใชค้ วามคดิ เป็น เลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์น้นั ๆ เพราะ 10 วิธี คอื วธิ ีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจยั วิธีคดิ แบบ วธิ ีคิดแต่ละวธิ ีตา่ งมีวธิ ีคิดและจุดมุ่งหมายของ สามญั ลกั ษณะ วธิ ีคิดแบบอริยสจั วธิ ีคดิ แบบ การคิดแตกต่างกนั ไป เพราะฉะน้นั การเลือกวธิ ีคิด อรรถธรรมสมั พนั ธ์ วิธีคดิ แบบคุณคา่ แท-้ และนาไปใชใ้ หถ้ ูกตอ้ งจะช่วยใหเ้ กิดคุณค่า คุณค่าเทียม วธิ ีคดิ แบบคุณ-โทษ และทางออก ของโยนิโสมนสิการอยา่ งแทจ้ ริง) วธิ ีคิดแบบอุบายปลุกเรา้ คุณธรรม วธิ ีคิดแบบ เป็นอยใู่ นขณะปัจจบุ นั วธิ ีแบบวภิ ชั ชวาท ซ่ึงการคิดแบบโยนิโสมนสิการน้ีจะทาให้รู้ และเขา้ ใจสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง) ผลทเี่ กดิ ขนึ้ จากการปฏบิ ตั ิ ต่อตนเอง (โยนิโสมนสิการเป็ นปัญญาที่เกิดจากการคิดพจิ ารณาอยา่ งแยบคาย ส่งผลใหเ้ ป็ นคนท่ีคดิ เป็ น คดิ ถูกตอ้ ง คดิ ถูกวธิ ี ในการดาเนินชีวติ ช่วยใหต้ นเองเขา้ ใจชีวติ ทาใหม้ ีความสุขกบั การดาเนินชีวติ ไดง้ ่ายข้ึน) ต่อสงั คม (หากบคุ คลแตล่ ะคนสามารถปฏบิ ตั กิ ารคิดแบบโยนิโสมนสิการไดก้ จ็ ะส่งผลใหส้ งบ พบกบั ความ สงบสุขอยา่ งแทจ้ ริง สงั คมจะไม่เกิดปัญหาวนุ่ วายเพราะทกุ ปัญหาไดแ้ กไ้ ขอยา่ งรอบดา้ นดว้ ยวธิ ีคิดแบบ โยนิโสมนสิการ)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook