การประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ด้านใฝ่เรียนรู้ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ดา้ นใฝ่เรียนรู้ ตัวชี้วัดและพฤตกิ รรมบ่งช้ี ตัวช้ีวัด พฤติกรรมบ่งช้ี 4.1 ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียน และ 4.1.1 ตั้งใจเรยี น เข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.1.2 เอาใจใส่และมคี วามเพียรพยายามในการเรียนรู้ 4.1.3 สนใจเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนรตู้ ่างๆ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 4.2.1 ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ ส่ือ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการ เทคโนโลยีต่างๆ แหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน และ เลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ เลือกใชส้ ื่อไดอ้ ยา่ งเหมาะสม วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปล่ียน 4.2.2 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบจากส่ิงท่ีเรียนรู้ สรุปเป็นองค์ เรียนรู้ และนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้ ความรู้ 4.2.3 แลกเปลย่ี นเรียนรู้ดว้ ยวธิ ีการตา่ งๆ และนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (ใช้ขอ้ มูลจากการสังเกตตามสภาพจริงของครผู ูส้ อน) พฤติกรรมบ่งช้ี 321 ตามข้อ 4.1 – 4.2 เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน เข้าเรียนตรงเวลา ต้ังใจ เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจ เอาใจใส่ในการเรียน และมี เรียน เอาใจใส่ในการเรียน เรียน เอาใจใส่ในการเรียน ส่วนร่วมในการเรียนรู้ และ และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ และเข้าร่วมกิจกรรมการ และเข้าร่วมกิจกรรมการ ต่างๆ ท้ังภายในและภายนอก เรียนรู้ตา่ งๆ บอ่ ยครง้ั เรยี นรู้ต่างๆ เป็นบางคร้ัง โรงเรียนเปน็ ประจา ระดับเกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ 3 อยใู่ นระดบั ดีเยย่ี ม 2 อยใู่ นระดบั ดี 1 อยู่ในระดับ ผ่าน 0 อยู่ในระดบั ไมผ่ ่าน หมายเหตุ นกั เรยี นสามารถทางานได้ 2 คะแนนขนึ้ ไปจึงจะผา่ นเกณฑ์
การประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) แบบประเมนิ การปฏบิ ัติกจิ กรรมการสบื คน้ คาชแ้ี จง: ให้ผูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียน แล้วขดี ลงในช่องทตี่ รงกับระดบั คะแนน ประเดน็ การประเมิน ระดบั คะแนน 3 21 1.การวางแผน การแบ่งหน้าท่ีกัน ทางาน 2.สืบค้นจากแหล่งที่เหมาะสม และ หลากหลาย 3.การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และสรปุ 4.งานสาเร็จทันเวลาและมีคณุ ภาพ รวมคะแนน ผลการประเมินอย่ใู นระดบั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดีมาก 3 หมายถึง ดี 2 หมายถงึ พอใช้ 1 หมายถึง เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ดมี าก 9 – 12 อยูใ่ นระดับ ดี 5 – 8 อยใู่ นระดับ พอใช้ 1 – 4 อยใู่ นระดับ
การประเมินด้านเจตคติ (A) แบบประเมินการทางานรว่ มกับผูอ้ ่นื อย่างสรา้ งสรรค์ กลมุ่ ท…่ี ………. รายชอ่ื สมาชิก…………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ประเดน็ การประเมนิ ระดับคะแนน 3 21 1. การมสี ว่ นร่วม 2. การวางแผนในการทางาน 3. รว่ มคิดแก้ไขปัญหาในระหว่างการทางานกลุม่ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดีมาก 3 หมายถึง ดี 2 หมายถงึ พอใช้ 1 หมายถงึ เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ดมี าก 7 - 9 อย่ใู นระดบั ดี 4 - 6 อย่ใู นระดับ พอใช้ 1 - 3 อยู่ในระดับ
การประเมนิ ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (ใฝ่เรียนรู้) นกั เรยี นระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6/1 คาชแ้ี จง: ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียน แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ชอื่ - นามสกลุ คะแนน 1 ท่ี 32 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ดเี ยย่ี ม 3 อยู่ในระดับ ดี 2 อยใู่ นระดับ ผ่าน 1 อยใู่ นระดบั ไมผ่ า่ น 0 อยูใ่ นระดบั หมายเหตุ นกั เรยี นสามารถทางานได้ 2 คะแนนขึ้นไปจงึ จะผ่านเกณฑ์
บนั ทกึ หลังการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ผลการจัดกจิ กรรม ตารางท่ี 1 ผลการประเมินด้านความรู้ (K) ลาดบั ที่ ระดบั ช้นั จานวน ดมี าก (4) สรปุ ผลการประเมนิ รวม นกั เรยี น รวม ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5 ตารางท่ี 2 ผลการประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (P) ลาดับท่ี ระดบั ช้ัน จานวน สรปุ ผลการประเมนิ รวม นกั เรียน ดมี าก (9 – 12) ดี (5 – 8) พอใช้ (1 – 4) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 รวม 3 ม.6/4 4 ม.6/5
บนั ทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ผลการจดั กจิ กรรม ตารางท่ี 3 ผลการประเมนิ ดา้ นเจตคติ (A) ลาดบั ที่ ระดับชนั้ จานวน ดีมาก (3) สรุปผลการประเมนิ พอใช้ (1) รวม นกั เรยี น รวม ดี (2) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5 ตารางที่ 4 ผลการประเมินดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ลาดับที่ ระดับชน้ั จานวน ดมี าก (3) สรุปผลการประเมิน ไม่ผา่ น (0) รวม นักเรียน รวม ดี (2) ผา่ น (1) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5
บันทึกหลังการสอน ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ผลการสอน ด้านความร้.ู ................................................................................................................. ....................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ด้านทกั ษะ.................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................................................................................. ............... ............................................................................................................................................................................ ด้านเจตคต.ิ .................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................................................. ............... ............................................................................................................................................................................ ด้านสมรรถนะ.................................................................................................................. ................................... ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค.์ ............................................................................................................ ............... ปัญหา/อปุ สรรค................................................................................................................ .................................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ แนวทางการแกไ้ ข............................................................................................................... ................................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ หมายเหต.ุ .................................................................................................................... ........................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………....................... ลงชื่อ..........................................................ผ้สู อน (.............................................................) ........./........................./.........
ใบงานที่ 4.3 ความดนั ในขอวเหลว จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของความดันในของเหลวได้ (K) 2. นกั เรยี นสืบค้นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ความดนั ในของเหลวได้ (P) 3. ความใฝ่เรยี นรู้และทางานรว่ มกับผ้อู ่ืนได้อย่างสร้างสรรค์ (A) คาชี้แจง : ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับความดันในของเหลว สรุปประเด็นสาคัญท่ีได้ลงในกระดาษ โฟลชาร์ท เป็นแผนผังมโนทัศนใ์ หถ้ ูกตอ้ ง
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 29 กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว30205 รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 5 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 ช่ือหน่วยการเรียนรู้ ของไหล เร่ือง คานวณปรมิ าณทเี่ กย่ี วข้องกับความดันในของเหลว วันท…ี่ …….เดือน……………พ.ศ……………… เวลา……………………น. จานวน 1 ชัว่ โมง ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ผู้สอน นางสาวไข่มกุ สุพร สาระฟสิ กิ ส์ 4. เข้าใจความสัมพันธ์ของความร้อนกับการเปลี่ยนอุณหภูมิและสถานะของสสาร สภาพยืดหยุ่นของ วัสดุและมอดุลัสของยัง ความดันในของไหล แรงพยุงและหลักของอาร์คิมีดีส ความตึงผิวและแรงหนืดของ ของเหลว ของไหลอุดมคติละสมการแบร์นูลลี กฎของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ของแก๊สอุดมคติ และพลังงานในระบบ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคลื่นและอนุภาค กัมมันตภาพรังสี แรง นิวเคลยี ร์ ปฏิกริ ยิ านิวเคลียร์ พลงั งานนวิ เคลยี ร์ ฟิสิกส์อนภุ าค รวมทัง้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ อธิบาย และคานวณความดันเกจ ความดันสัมบูรณ์ และความดันบรรยากาศ รวมทั้งอธิบายหลักการ ทางานของแมนอมิเตอร์บารอมิเตอร์ และเคร่อื งอัดไฮดรอลกิ ได้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรยี นอธิบายความหมายของตวั แปรในสมการความสมั พันธ์ของความดันในของเหลวได้ (K) 2. นักเรียนคานวณหาค่าสมการความสัมพันธ์ของความดนั ในของเหลวได้ (P) 3. มคี วามใฝ่เรยี นร้แู ละอยากรูอ้ ยากเหน็ (A) สาระการเรียนรู้ ความดันที่เครื่องมือวัดได้ เรียกว่า ความดันเกจ คานวณได้จากสมการ ������������ = ������������ℎ ส่วนผลรวมของ ความดันบรรยากาศและความดันเกจ เรียกว่า ความดันสัมบูรณ์ คานวณได้จากสมการ ������ = ������0 + ������������ คา่ ของความดันอ่านได้จากเคร่ืองวัดความดัน เชน่ แมนอมเิ ตอร์ บารอมเิ ตอร์
สาระสาคัญ ในภาชนะที่มีของเหลว จะมแี รงเน่ืองจากของเหลวกระทาต่อภาชนะโดยทศิ ทางต้ังฉากกับผนังภาชนะ ที่ของเหลวสัมผัสเสมอ ขนาดของแรงที่ของเหลวกระทาตั้งฉากต่อพื้นที่หนึ่งหน่วย เรียกว่า ความดันใน ของเหลว (P) มีหน่วยเป็น นิวตันต่อตารางเมตร (N/m2 ) หรือพาสคัล (Pa) ความดันสามารถแบ่งจาแนก ประเภทได้ ดังน้ี 1. ความดันเกจ (gauge pressure) เป็นความดันที่เกิดขึ้นจากน้าหนักของของเหลวกระทาต่อพื้นที่ก้น ภาชนะ จากนยิ ามของความดันได้สมการ ดงั น้ี ������ = ������ , ������ = ������������ จากสมการจะเห็นไดว้ ่า ความดัน P ������ ������ เป็นความดันทเี่ กดิ จากนา้ หนักของของเหลว ดงั นน้ั ความดนั เกจ (Pg) สามารถเขียนเป็นสมการได้ดังนี้ Pg = ������gh Pg คอื ความดนั เกจ มหี น่วยเปน็ นิวตันต่อตารางเมตร (N/m2 ) ������ คือ ความหนาแนน่ ของสาร มีหน่วยเปน็ กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (kg/m3) g คอื ความเร่งเน่ืองจากแรงโน้มถ่วงของโลก มีคา่ เท่ากบั 9.8 เมตรต่อวินาที2 (m/s2) h คอื ความลกึ ของของเหลว มหี น่วยเป็น เมตร (m) ลักษณะสาคญั ของความดันในของเหลว - ท่ตี าแหน่งใดๆ ในของเหลว แรงดนั ของของเหลวจะมที กุ ทศิ ทางรอบตาแหนง่ นัน้ ๆ - ของเหลวทอ่ี ยตู่ ดิ กับผวิ ภาชนะจะส่งแรงดันออกในทิศตัง้ ฉากกับผวิ สมั ผัสกับภาชนะ - ความดันที่ตาแหน่งใดๆ ในของเหลวที่อยู่นิ่งจะขึ้นอยู่กับความลึกและความหนาแน่นของ ของเหลว - ความดันในของเหลวภายในภายใต้แรงโนม้ ถว่ งของโลกจะขึ้นอยู่กับระดบั ความลึก วดั จากผิวของ ของเหลวโดยไมข่ ึ้นอย่กู ับรูปร่างของภาชนะและปรมิ าตรของของเหลว 2. ความดันบรรยากาศ (atmospheric pressure) เป็นความดนั เนอื่ งจากน้าหนักของอากาศท่ีอยู่ผิวโลก หรือความดันที่เกิดจากอนุภาคของอากาศ โดยความดัน 1 บรรยากาศที่ระดับ น้าทะเลมีค่าเท่ากับ 1.01325 x 105 พาสคัล ( 1 atm = 1.01325 x 105 Pa) การบอกคา่ ความดนั บรรยากาศ สามารถบอกได้ 3 วธิ ี ดงั นี้ 1) บอกเปน็ หน่วยความดนั เชน่ วันนอี้ ากาศมีความดัน 1.01 x 105 พาสคัล (Pa) 2) บอกเป็นความสงู ของปรอท เช่น วันนี้อากาศมีความดนั ของปรอทสูง 76 เซนติเมตรปรอท (cmHg) หรอื 760 มลิ ลิเมตรปรอท (mmHg) 3) บอกเปน็ ความสูงของน้า เชน่ วนั นีอ้ ากาศมีความดนั เทา่ กับนา้ สงู 10.3 เมตร
3. ความดันสัมบูรณ์ (absolute pressure) เป็นผลรวมความดันทั้งหมดของชั้นของไหลหรือผลรวมของ ความดันบรรยากาศ และความดันเนื่องจากน้าหนักของของเหลว (ความดันเกจ) เขียนเป็นสมการได้ดังนี้ P = P0 + Pg แรงดนั นา้ ทีก่ ระทาตอ่ เข่อื น เมื่อ F 1 p ������ = 2 ������������������ℎ g คอื แรงดันท่ีนา้ กระทาตอ่ เขือ่ น มหี น่วยเปน็ นิวตนั (N) l คือ ความหนาแนน่ ของน้า มหี นว่ ยเป็น กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร (Kg/m3) h คอื ความเร่งตอ่ เนื่องจากแรงโนม้ ถว่ งของโลก มีหน่วยเป็น เมตร/วินาที2 (m/s2) มี คา่ ประมาณ 9.8 m/s2 คอื ความยาวของประตูเข่อื น มหี น่วยเปน็ เมตร (m) คือ ความสงู ของระดบั น้า มีหนว่ ยเป็น เมตร (m) เครื่องมอื วดั ความดนั 1. หลอดตัวยู เป็นอุปกรณ์ที่วัดความแตกต่างของความดันในของไหล ใช้บอกความแตกต่างของ ความดนั และทรี่ ะดบั เดยี วกนั จะมคี วามดนั เกจเท่ากนั เสมอ 2. บารอมิเตอร์แอนิรอยด์ ใช้วัดความดันในที่สูงๆ เช่น บนภูเขา หรือเครื่องบิน บารอมิเตอร์แอนิ รอยด์ทาจากโลหะที่บางมากและยืดหย่นุ ได้ เม่อื ความดนั อากาศเพิม่ ขึ้นตลับลูกฟูกกจ็ ะถูกบีบใหแ้ ฟบลง แตเ่ ม่ือ ความดันอากาศลดลงตลับลกู ฟกู กจ็ ะพองข้ึนแลว้ จะมผี ลตอ่ แหนบ ส่งผลไปยังเข็มชี้ ซ่ึงติดสเกลบอกบนหน้าปัด สาหรับหน้าปัดบารอมิเตอร์แอนิรอยด์นั้นสามารถดัดแปลงเป็นความสูงจากระดับน้าทะเลได้ เพราะว่าความ ต้องดันอากาศจะลดลงตามความสูงในอัตราประมาณ 1 มิลลิเมตร ของปรอทต่อความสูงที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 11 เมตร เรียกเคร่ืองมือทด่ี ัดแปลงนี้ว่า “มาตรวดั ความสูง” หรือแอลติมิเตอร์ ซงึ่ ใช้ติดตัวหรือติดในเครื่อนบิน เพื่อทราบระดับความสูง
3. บารอมิเตอร์ปรอท สร้างตามหลักของตอร์ริเซลลี่ โดยนาหลอดแก้วปลายเปิดข้างหนึ่ง ปลายปิด ข้างหนึ่งทาให้เป็นสุญญากาศแล้วคว่าด้านปลายเปิดของหลอดแก้วลงไปในอ่างปรอท เมื่อหลอดแก้วอยู่ใน แนวดง่ิ อากาศภายนอกจะดนั ปรอทใหเ้ ขา้ สู่หลอดแกว้ เปน็ ลาปรอทยาว 760 มลิ ลเิ มตร ทรี่ ะดับนา้ ทะเล ฉะนัน้ ทรี่ ะดบั น้าทะเลจะมคี วามดันอากาศเท่ากบั 760 มิลลเิ มตรปรอทเสมอ 4. เครื่องวัดบูร์ดอน (Bourdon gauge) ประกอบด้วยท่อกลวง มีปลายปิดข้างหนึ่ง และม้วนเป็นรูป วงกลมที่ปลายปิดมีเข็มติดอยู่สามารถเลื่อนไปมาเพื่อชี้บนสเกลได้ เมื่อต้องการวัดความดันให้นาของไหล ไหล เข้าไปท่อทางดา้ นปลายเปิดจะทาให้ท่อน้ียดื ออก เขม็ ท่ตี ิดกับปลายท่อก็จะชบี้ นสเกลบอกความดันของไหลน้ัน ได้ เครอ่ื งวัดบูรด์ อนนิยมใช้กับของไหลที่มีความดนั สูงมาก เชน่ หมอ้ ลมเติมยางรถยนต์ และถงั แกส๊ หุงตม้ ฯลฯ 5. แมนอมิเตอร์ (Manometer) เป็นอุปกรณ์สาหรับวัดความแตกต่างของความดันในของไหลโดย ปกติใช้บอกความแตกต่างของความดัน ในรูปความแตกต่างของระดับความสูงของลาของเหลวทั้งสองข้างใน หลอดแกว้ รปู ตวั ยู เมอ่ื P คอื ความดันสมั บูรณ์ของอากาศในสายยางในขณะท่ีเป่า Pa คือ ความดันของบรรยากาศขณะนน้ั Pw คือ ความดันเน่อื งจากลาของเหลวทส่ี งู d ถ้าของเหลวอยูใ่ นสภาพสมดุลจะได้วา่ P = Pa + Pw ความดันของอากาศในสายยางท่เี พ่มิ ข้ึน P - Pa = Pw = ������gd จะเห็นว่า ผลต่างของระดับของเหลวในหลอดแก้วรูปตัวยูหรือระยะ d จะแปรผันตตรงกับความดันที่ เพ่มิ ของอากาศในสายยาง แสดงวา่ สามารถใช้ระยะ d เป็นตวั แสดงความดนั ทเ่ี พ่ิมขน้ึ ทีป่ ลายขา้ งหนง่ึ ความดนั ท่วี ัดได้จากเครอื่ งมอื นี้ เรียกว่า ความดนั เกจ สมรรถนะสาคญั ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวเิ คราะห์ - ทกั ษะการคดิ สงั เคราะห์์
คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (จติ วทิ ยาศาสตร)์ ความใฝ่เรียนรู้และมีความอยากรู้อยากเห็น นักเรียนแสดงออกถึงความตั้งใจความต้องการที่จะรู้และ เสาะแสวงหาความรเู้ กี่ยวกบั สง่ิ ตา่ งๆ ทสี นใจหรือตอ้ งการค้นพบส่งิ ใหม่ แสดงออกไดโ้ ดยการถามคาถาม หรอื มี ความสงสัยในสิ่งที่สนใจอยากรู้ มีความกระตือรือร้นในการเสาะแสวงหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่สนใจ เพียร พยายามในการเรียนและการทากิจกรรมตา่ งๆ แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรยี นร้ตู ่างๆ อยูเ่ สมอ โดยการเลือกใช้ สื่ออย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอด เผยแพร่ และ นาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้ ช้ินงาน/ภาระงาน ใบงานท่ี 4.4 การคานวณปริมาณทีเ่ กีย่ วข้องกับความดันในของเหลว กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิธสี อนใชร้ ูปแบบวงจรการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5E Learning Cycle model) ขนั้ ท่ี 1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ ( 5 นาที ) 1. ครูทบทวนบทเรียนท่ีผา่ นมา เรือ่ ง ความดนั ในของเหลว เพื่อเชอ่ื มโยงความร้ใู นบทเรียนใหมต่ อ่ ไป 2. ครูตั้งคาถามเพื่อนาเข้าสู่การทากิจกรรม เรื่อง การคานวณปริมาณที่เกี่ยวข้องกับความดันใน ของเหลว ดงั นี้ - นักเรียนสามารถหาความดันในของเหลวไดอ้ ย่างไร (แนวคาตอบ ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ โดยไม่คาดหวังคาตอบที่ ถูกตอ้ ง) ขั้นท่ี 2 ข้ันสารวจและค้นหา ( 25 นาที ) 3. ครูชี้แจงจุดประสงค์และวิธีการปฏิบัติกิจกรรมให้นักเรียนทราบ ตามรายละเอียดในใบงานที่ 4.4 การคานวณปริมาณทเ่ี กีย่ วข้องกับความดนั ในของเหลว 4. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนออกมารบั ใบงาน และศกึ ษารายละเอยี ดกอ่ นปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5. นกั เรียนลงมอื ปฏิบัตกิ ิจกรรม และรายงานผล ขนั้ ที่ 3 ขน้ั สร้างคาอธิบายและลงขอ้ สรปุ ( 20 นาที ) 6. ครสู ุ่มนักเรียนออกมานาเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหน้าช้นั 7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ เรื่อง การคานวณปริมาณที่เกี่ยวข้องกับความหนาแน่น ดังนี้ เป็นสมบัติเฉพาะตัวของสาร โดยทั่วไปจะหมายถึงความหนาแน่นมวล (Mass Density) ซึ่งหาได้จาก อัตราส่วนระหว่างมวลต่อหนึ่งหน่วยปริมาตรของสาร ρ = ������ ความหนาแน่นของสารใดๆ อาจบอกใน ������
เทอมของ ความหนาแน่นสัมพัทธ์ โดยความหนาแน่นสัมพันธ์ของสารใด หมายถึง อัตราส่วนระหว่างความ หนาแนน่ ของสารน้ันกบั ความหนาแนน่ ของสารอ้างอิง ความหนาแนน่ สัมพทั ธ์ = มวลของสาร มวลของน้าทม่ี ีปรมิ าตรเท่ากนั และ ความหนาแนน่ สมั พทั ธ์ = ความหนาแนน่ ของสาร °������ ความหนาแน่นของน้าที่ 4 ความหนาแนน่ สัมพัทธ์ เป็นปริมาณทไี่ ม่มีหนว่ ย เนอื่ งจากเป็นปริมาณทใ่ี ช้ในการบ่งบอกถึงจานวนเท่า ของความหนาแน่นของสารนั้นๆ เทียบกับน้า แรงดันน้าที่กระทาต่อเขื่อน สามารถหาได้จากสมการดังต่อไปนี้ ������ = 1 ������������������ℎ ถ้าของเหลวอยู่ในสภาพสมดุลจะได้ว่า P = Pa + Pw และความดันของอากาศในสายยางที่ 2 เพ่มิ ข้ึน P - Pa = Pw = ������gd ขัน้ ที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ ( 5 นาที ) 8. ครูให้นักเรียนฝึกทาโจทย์การคานวณเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มทักษะการคานวณให้กับนักเรียนเพื่อความ แม่นยาในการทาแบบฝึกหดั และทาข้อสอบต่อไป ข้นั ที่ 5 ประเมนิ ผล ( 5 นาที ) 9. ครสู งั เกตและประเมนิ พฤติกรรมของนักเรยี นในขณะท่ใี ห้นักเรยี นปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและการนาเสนอผล การปฏิบัติกจิ กรรม วสั ดุ/อปุ กรณ์ ส่ือและแหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนฟิสิกส์ ม.6 เล่ม 1 สงั กดั อจท. 2. หนังสือเรยี นฟิสกิ ส์ ม.6 เล่ม 5 สังกัด สสวท. 3. หนงั สือสรุปฟิสกิ ส์ มธั ยมปลาย สังกดั Dream&Passion 4. PowerPoint เรื่อง ของไหล 5. หอ้ งเรียน 6. หอ้ งสมดุ 7. แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ 8. ใบงานท่ี 4.4 การคานวณปรมิ าณท่ีเกี่ยวข้องกบั ความดันในของเหลว
การวดั ผลและประเมินผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีวดั เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน 1.นักเรียนอธิบายความหมาย ตรวจใบงาน ใบงานที่ 4.4 การคานวณ ได้ระดับคุณภาพดี ของตัวแปรในสมการความ ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับ จงึ ผา่ นเกณฑ์ สัมพันธ์ของความดันใน ความดันในของเหลว ของเหลวได้ (K) 2.นักเรียนค านวณหาค่า สงั เกตและประเมินการ แบบประเมินการปฏิบัติ ได้ระดับคุณภาพดี สมการความสัมพันธ์ของ ปฏบิ ัติกจิ กรรม กจิ กรรมการคานวณ จงึ ผ่านเกณฑ์ ความดันในของเหลวได้ (P) 3. มีความอยากรู้อยากเห็น สงั เกตและประเมินการ แบบประเมินการมีความ ได้ระดับคุณภาพดี (A) มีความอยากรู้อยาก อยากรอู้ ยากเห็น จึงผา่ นเกณฑ์ เห็น 4. คุณลักษณะด้านความใฝ่ สังเกตพฤติกรรม แ บ บ ป ร ะ เ ม ิ น ค ุ ณ - ได้ระดับคุณภาพดี เรียนรู้ ลักษณะอันพึงประสงค์ จึงผ่านเกณฑ์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ ความคดิ เห็นของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ ................................................................ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา (…………………….………….……….………………………….) ........./........................./.........
การประเมินด้านความรู้ (K) เกณฑ์การใหค้ ะแนนใบงาน ประเดน็ การประเมิน คะแนน 4 321 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานมีความ เกี่ยวกับ เรื่อง การคานวณปริมาณท่ี กับประเด็นการ กับประเด็นการ กับประเด็นการ ส อ ด ค ล ้ อ ง กั บ เกี่ยวข้องกับความหนาแน่น ดังน้ี เป็น ประเมิน เนื้อหา ประเมนิ ส่วนใหญ่ ประเมิน เนื้อหา ป ร ะ เ ด ็ น ก า ร สมบัติเฉพาะตัวของสาร โดยทั่วไปจะ หมายถึงความหนาแน่นมวล (Mass สาระของผลงาน เนื้อหาสาระของ สาระของผลงาน ประเมินเนื้อหา Density) ซึ่งหาได้จากอัตราส่วน ถกู ต้องครบถว้ น ผลงานถูกต้องแต่ ถูกต้องเป็นบาง สาระแค่บางส่วน ยังมีข้อบกพร่อง ป ร ะ เ ด ็ น แ ต่ และมีข้อบกพร่อง ระหว่างมวลต่อหนึ่งหน่วยปริมาตรของ สาร ρ = ������ ความหนาแน่นของสาร เล็กน้อย ม ี ข ้ อ บ ก พ ร ่ อ ง มาก ������ บางสว่ น ใดๆ อาจบอกในเทอมของ ความ หนาแน่นสัมพัทธ์ โดยความหนาแน่น สัมพันธ์ของสารใด หมายถึง อัตราส่วน ระหว่างความหนาแน่นของสารนั้นกับ ความหนาแน่นของสารอา้ งองิ ความหนาแน่นสมั พทั ธ์ = มวลของสาร มวลของนา้ ทีม่ ีปรมิ าตรเทา่ กนั ความหนาแนน่ ของสาร ความหนาแน่นสัมพัทธ์ = ความหนาแนน่ ของนา้ ที่ 4 °������ ความหนาแน่นสัมพัทธ์ เป็นปริมาณท่ี ไม่มีหน่วย เนือ่ งจากเปน็ ปรมิ าณที่ใช้ใน การบ่งบอกถึงจานวนเท่าของความ หนาแน่นของสารนั้นๆ เทียบกับน้า แรงดนั นา้ ทกี่ ระทาต่อเขอ่ื น สามารถหา ไ ด ้ จ า ก ส ม ก า ร ด ั ง ต ่ อ ไ ป น้ี ������ = 1 ������������������ℎ ถ้าของเหลวอยู่ในสภาพ 2 สมดุลจะได้ว่า P = Pa + Pw และ ค ว า ม ด ั น ข อ ง อ า ก า ศ ใ น ส า ย ย า ง ที่ เพิ่มขึ้น P - Pa = Pw = ������gd
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ดมี าก 4 อยู่ในระดับ ดี 3 อยู่ในระดบั พอใช้ 2 อยู่ในระดับ ปรับปรงุ 1 อย่ใู นระดบั
การประเมนิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) เกณฑ์การประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรมการคานวณ ประเด็นการประเมนิ 3 ระดับคะแนน 1 2 1.การว ิเคราะห์โ จทย์ บอกส่งิ ท่ีโจทยใ์ ห้มา และ บอกสงิ่ ท่โี จทยใ์ ห้มา และ บอกสิ่งท่ีโจทยใ์ หม้ า และ ปญั หา สิ่งที่โจทย์ต้องการได้ สิ่งที่โจทย์ต้องการได้ สิ่งที่โจทย์ต้องการได้ อย่างถูก และเขียน และเขียนสมการการ และเขียนสมการการ สมการการคานวณของ โจทย์ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ค านวณของโจทย์ได้ คานวณของโจทยไ์ ด้ อยา่ งถูกต้อง 2.เลือกสูตรที่เหมาะสม เลือกสูตรการคานวณที่ เลือกสูตรการคานวณที่ เลือกสูตรการคานวณท่ี และสมั พันธก์ ับโจทย์ สัมพันธ์กับสิ่งที่โจทย์ สัมพันธ์กับสิ่งที่โจทย์ สัมพันธ์กับสิ่งที่โจทย์ ต้องการให้หาได้อย่าง ต้องการให้หาได้อย่าง ต้องการให้หาได้ แต่ไม่ ถกู ต้องและเหมาะสม ถกู ต้อง สามารถหาค าตอบที่ ถกู ตอ้ งได้ 3.การแทนค่าและแสดงวิธี การแทนค่าของตัวแปร การแทนค่าของตัวแปร การแทนค่าของตัวแปร หาคาตอบ ในโจทย์ได้อย่างถูกต้อง ในโจทย์ได้อย่างถูกต้อง ในโจทย์ได้ และแสดง แสดงวิธีการคานวณเป็น แสดงวิธีการคานวณเป็น วิธกี ารคานวณได้ ลาดบั ขั้นตอนชดั เจนและ ล าดับขั้นตอนและได้ ได้ค าตอบที่ถูกต้องมี คาตอบทถ่ี กู ต้อง ความแมน่ ยา 4.ตรวจสอบค าตอบของ ส า ม า ร ถ ต ร ว จ ส อ บ ส า ม า ร ถ ต ร ว จ ส อ บ ส า ม า ร ถ ต ร ว จ ส อ บ โจทย์ และระบุหน่วยได้ คาตอบของโจทยไ์ ด้อย่าง คาตอบของโจทยไ์ ด้ และ คาตอบของโจทย์ได้บ้าง ชดั เจน ถูกต้อง และระบุหน่วย ระบหุ นว่ ยไดช้ ัดเจน เล็กน้อย และระบุหน่วย ได้ชัดเจน ได้ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ 9 – 12 อย่ใู นระดับ ดีมาก 5 – 8 อยูใ่ นระดบั ดี 1 – 4 อยใู่ นระดับ พอใช้
การประเมินดา้ นเจตคติ (A) เกณฑ์การประเมนิ การมีความอยากรู้อยากเหน็ ประเด็นการประเมิน 3 คะแนน 1 2 มีความพยายามที่จะ พยายามหาความรู้ใหม่ๆ มีการแสวงหาความรู้บ้าง ไม่มีการแสวงหาความรู้ เสาะแสวงหาความรู้ใน อยู่เสมอ ซึ่งไม่สามารถ นาความรู้ที่มีอยู่เดิมมา ใดๆ ใช้เพียงความรู้เดิม ส ถ า น ก า ร ณ ์ ใ ห ม่ ๆ อธิบายได้ด้วยความรู้ที่มี อธิบายเล็กน้อย จึงทาให้ ที่มีอยเู่ ทา่ นั้น ไมเ่ กดิ การ ต ร ะ ห น ั ก ถ ึ ง ค ว า ม อยู่เดิม เพื่อให้เกิดการ เกดิ การเรยี นร้ไู ด้น้อย ซ่ึง เรียนรู้เท่าที่ควร และไม่ สาคัญของการแสวงหา เรียนรู้ และใช้ความรู้ที่ อ า จ ป ร ั บ ใ ช ้ ไ ด ้ กั บ สามารถแก้ไขต่างๆ ได้ ข้อมูลเพิ่มเติม และช่าง ได้ในการแก้ปัญหา หรือ ช ี ว ิ ต ป ร ะ จ า ว ั น แ ค่ ไม่ใหค้ วามสาคญั กับการ ซัก ช่างถาม ช่างอ่าน ใช้กับชีวิตประจาวันได้ บางส่วน ให้ความสาคัญ เรียนรู้เท่าที่ควร และไม่ เพื่อให้ได้ค าตอบเป็น ให้ความสาคัญกับการ กับการเรียนรู้บ้าง แต่ไม่ มีการสังเกต หรือเกิด ความรู้ที่สมบูรณ์แบบ เรียนรู้ เป็นผู้กระตือ- มีความกระตือรือร้นใน ความสงสยั เท่าท่คี วร ย่ิงขน้ึ รือร้นในการเรียนหรือ การเรียนหรือแสวงหา แสวงหาความรอู้ ยู่เสมอ ความรู้ และรู้จักถามเมื่อ และช่างสงสัย สังเกต มีข้อสงสัยจากการได้ รู้จักถามเมื่อมีข้อสงสัย สังเกตบ้าง ท าให้ ได้ ท าให้ได้ค าตอบที่เป็น ค าตอบที่เป็นความรู้ ความรู้ที่สมบูรณ์แบบ เพ่มิ เตมิ จากความรเู้ ดิม ยิ่งข้นึ เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ดมี าก 3 อยใู่ นระดับ ดี 2 อยูใ่ นระดับ พอใช้ 1 อยูใ่ นระดับ
การประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ดา้ นใฝเ่ รียนรู้ แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงคด์ า้ นใฝเ่ รียนรู้ ตัวชี้วัดและพฤติกรรมบ่งช้ี ตวั ชวี้ ัด พฤติกรรมบ่งชี้ 4.1 ตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียน 4.1.1 ตัง้ ใจเรยี น และเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ 4.1.2 เอาใจใส่และมีความเพียรพยายามในการเรียนรู้ 4.1.3 สนใจเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรูต้ ่างๆ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ 4.2.1 ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ ส่ือ ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน เทคโนโลยีต่างๆ แหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม และเลอื กใชส้ อ่ื ได้อย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ 4.2.2 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบจากสิ่งที่เรียนรู้ สรุป ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนาไปใช้ เปน็ องค์ความรู้ ในชีวติ ประจาวันได้ 4.2.3 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยวิธีการต่างๆ และนาไปใช้ใน ชีวิตประจาวนั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (ใช้ข้อมูลจากการสังเกตตามสภาพจริงของครูผู้สอน) พฤตกิ รรมบ่งช้ี 32 1 ตามข้อ 4.1 – 4.2 เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจ เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจ เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจ เรียน เอาใจใส่ในการ เรียน เอาใจใส่ในการ เรียน เอาใจใส่ในการ เรียน และมีส่วนร่วมใน เรียน และมีส่วนร่วมใน เรียน และมีส่วนร่วมใน การเรียนรู้ และเข้าร่วม การเรียนรู้ และเข้าร่วม การเรียนรู้ และเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ กิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ กิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก บอ่ ยครัง้ เปน็ บางครงั้ โรงเรยี นเป็นประจา
ระดบั เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ดเี ย่ยี ม 3 อยใู่ นระดับ ดี 2 อยู่ในระดบั ผ่าน 1 อยูใ่ นระดับ ไมผ่ า่ น 0 อยู่ในระดับ หมายเหตุ นักเรยี นสามารถทางานได้ 2 คะแนนขึ้นไปจงึ จะผ่านเกณฑ์
การประเมนิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) แบบประเมนิ การปฏิบตั ิกิจกรรมการคานวณ รายช่ือสมาชกิ …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………….………………………………………………………………………………………………………………………… คาชแี้ จง: ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี น แล้วขดี ลงในช่องทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ประเด็นการประเมิน ระดับคะแนน 3 21 1.การวเิ คราะห์โจทยป์ ัญหา 2.เลือกสตู รที่เหมาะสมและสัมพนั ธ์กับ โจทย์ 3.การแทนค่าและแสดงวธิ ีหาคาตอบ 4.ตรวจสอบคาตอบของโจทย์ และระบุ หนว่ ยได้ชัดเจน รวมคะแนน ผลการประเมนิ อย่ใู นระดบั เกณฑก์ ารให้คะแนน ดมี าก 3 หมายถึง ดี 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถึง เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ดมี าก 9 – 12 อย่ใู นระดบั ดี 5 – 8 อย่ใู นระดับ พอใช้ 1 – 4 อยู่ในระดบั
การประเมินดา้ นเจตคติ (A) แบบประเมินการมีความอยากร้อู ยากเหน็ รายช่ือสมาชิก…………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………….………………………………………………………………………………………………………………………… คาชีแ้ จง: ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี น แลว้ ขดี ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ประเด็นการประเมนิ 3 คะแนน 1 2 มีความพยายามที่จะเสาะ แสวงหาความรู้ในสถาน การณ์ใหม่ๆ ตระหนักถึง ความสาคัญของการแสวงหา ข้อมูลเพิ่มเติม และช่างซัก ช่างถาม ช่างอ่าน เพื่อให้ได้ คาตอบเป็นความรู้ที่สมบูรณ์ แบบย่งิ ขึ้น รวมคะแนน ผลการประเมนิ อยู่ในระดับ เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ดมี าก 3 อยใู่ นระดับ ดี 2 อย่ใู นระดบั พอใช้ 1 อยู่ในระดบั
การประเมนิ ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (ใฝ่เรียนรู้) นกั เรยี นระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6/1 คาชแ้ี จง: ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียน แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ชอื่ - นามสกลุ คะแนน 1 ท่ี 32 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ดเี ยย่ี ม 3 อยู่ในระดับ ดี 2 อยใู่ นระดับ ผ่าน 1 อยใู่ นระดบั ไมผ่ า่ น 0 อยูใ่ นระดบั หมายเหตุ นกั เรยี นสามารถทางานได้ 2 คะแนนขึ้นไปจงึ จะผ่านเกณฑ์
บนั ทกึ หลังการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ผลการจัดกจิ กรรม ตารางท่ี 1 ผลการประเมินด้านความรู้ (K) ลาดบั ที่ ระดบั ช้นั จานวน ดมี าก (4) สรปุ ผลการประเมนิ รวม นกั เรยี น รวม ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5 ตารางท่ี 2 ผลการประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (P) ลาดับท่ี ระดบั ช้ัน จานวน สรปุ ผลการประเมนิ รวม นกั เรียน ดมี าก (9 – 12) ดี (5 – 8) พอใช้ (1 – 4) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 รวม 3 ม.6/4 4 ม.6/5
บนั ทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ผลการจดั กจิ กรรม ตารางท่ี 3 ผลการประเมนิ ดา้ นเจตคติ (A) ลาดบั ที่ ระดับชนั้ จานวน ดีมาก (3) สรุปผลการประเมนิ พอใช้ (1) รวม นกั เรยี น รวม ดี (2) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5 ตารางที่ 4 ผลการประเมินดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ลาดับที่ ระดับชน้ั จานวน ดมี าก (3) สรุปผลการประเมิน ไม่ผา่ น (0) รวม นักเรียน รวม ดี (2) ผา่ น (1) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5
บนั ทกึ หลังการสอน ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ผลการสอน ด้านความร.ู้ ................................................................................................................. ....................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ด้านทกั ษะ.................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................................................................................. ............... ............................................................................................................................................................................ ดา้ นเจตคต.ิ .................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................................................. ............... ............................................................................................................................................................................ ด้านสมรรถนะ.................................................................................................................. ................................... ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค.์ ........................................................................................................................... ปัญหา/อปุ สรรค................................................................................................................ .................................. ........................................................................................................................................ .................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ แนวทางการแก้ไข................................................................................................................... ............................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ หมายเหตุ..................................................................................................................... ........................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………....................... ลงชื่อ..........................................................ผสู้ อน (.............................................................) ........./........................./.........
ใบงานท่ี 4.4 การคานวณปริมาณทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ความดนั ในของเหลว จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นอธิบายความหมายของตวั แปรในสมการความสัมพนั ธข์ องความดันในของเหลวได้ (K) 2. นักเรยี นคานวณหาคา่ สมการความสัมพนั ธ์ของความดนั ในของเหลวได้ (P) 3. มคี วามใฝเ่ รยี นรู้และอยากรอู้ ยากเหน็ (A) คาชี้แจง : ให้นักเรียนคานวณปริมาณที่เกี่ยวข้องกับความดันในของเหลวจากโจทย์ที่กาหนดให้ต่อไปนี้ให้ ถูกต้อง 1. ถังน้าที่มีฝาปิด สูง 5 เมตร บรรจุน้าเต็ม ถ้าฝาถังถูกเจาะรูขนาด 50 ตารางเซนติเมตร ที่ก้นถังจะมี ความดันและแรงดันเท่าไร เมื่อพื้นที่ก้นถังเท่ากับ 1.5 ตารางเมตร และความหนาแน่นของน้าเท่ากับ 103 กโิ ลกรมั ตอ่ ลูกบาศกเ์ มตร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. เครื่องมือวัดความดันน้าแสดงค่าความดันน้าในท่อประปา ซึ่งอยู่ที่ชั้นล่างของตึกเท่ากับ 2.5 × 105 นิวตันต่อตารางเมตร ถา้ ถือว่าน้าประปาในท่อขณะน้นั อยนู่ ่ิง อยากทราบวา่ น้าประปาจะสามารถขน้ึ ไปได้สูงสุด ก่เี มตร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 30 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว30205 รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 5 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ ของไหล เรอ่ื ง กฎของพาสคลั วันท…ี่ …….เดอื น……………พ.ศ……………… เวลา……………………น. จานวน 2 ชัว่ โมง ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ผ้สู อน นางสาวไขม่ ุก สุพร สาระฟิสกิ ส์ 4. เข้าใจความสัมพันธ์ของความร้อนกับการเปลี่ยนอุณหภูมิและสถานะของสสาร สภาพยืดหยุ่นของ วัสดุและมอดุลัสของยัง ความดันในของไหล แรงพยุงและหลักของอาร์คิมีดีส ความตึงผิวและแรงหนืดของ ของเหลว ของไหลอุดมคติละสมการแบร์นูลลี กฎของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ของแก๊สอุดมคติ และพลังงานในระบบ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคลื่นและอนุภาค กัมมันตภาพรังสี แรง นวิ เคลยี ร์ ปฏกิ ิริยานวิ เคลยี ร์ พลงั งานนิวเคลียร์ ฟิสกิ สอ์ นุภาค รวมท้ังนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ อธิบาย และคานวณความดันเกจ ความดันสัมบูรณ์ และความดันบรรยากาศ รวมทั้งอธิบายหลักการ ทางานของแมนอมเิ ตอรบ์ ารอมิเตอร์ และเครื่องอดั ไฮดรอลกิ ได้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรยี นอธิบายเก่ยี วกบั กฎของพาสคลั และเครือ่ งอัดไฮดรอลกิ ได้ (K) 2. นักเรียนสบื คน้ เกยี่ วกับกฎของพาสคัลและเครื่องอัดไฮดรอลิกได้ (P) 3. มีความใฝเ่ รียนรแู้ ละอยากรู้อยากเห็น (A) สาระการเรยี นรู้ เมื่อเพิ่มความดัน ณ ตาแหน่งใดๆ ในของเหลวที่อยู่นิ่งในภาชนะปิด ความดันที่เพิ่มขึ้นจะส่งผ่านไป ทกุ ๆ จุดในของเหลวนั้น เรยี กว่า กฎพาสคลั กฎนน้ี าไปใช้อธบิ ายการทางานของเคร่อื งอัดไฮดรอลกิ
สาระสาคัญ ความดันของของไหลจะขึน้ อยู่กับความลกึ และความดนั อากาศ หากเพ่ิมความดนั ให้ของไหล ความดัน ที่พื้นผิวจะต้องถูกส่งไปยังทุกจุดในของเหลว โดยหลักการนี้ได้ค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ช่ือ แบลส์ ปาสกาล (Blaise Pascal) ซึ่งกฎพาสคัล (Pascal’s law) กล่าวว่า “ถ้าเพ่ิมความดันให้กับของไหลท่ี บรรจุในภาชะปิด ณ จุดใดๆ ความดันนั้นจะส่งกระจายกันต่อไป ทาให้ทุกๆ ส่วนของของไหลได้รับความดันที่ เพิ่มข้นึ เท่ากันหมด” กฎพาสคัลสามารถนามาประยุกต์สร้างเครื่องมือผ่อนแรงที่เรียกว่า ไฮดรอลิก (Hydraulic) หรือ อดั ไฮดรอลกิ (Hydraulic press) โดยวิธีการทางานของเครื่องมือนี้มีอยู่วา่ “เม่ือออกแรงกระทาที่ด้านหน่ึงของ ของไหล (แรงพยายาม) จะสามารถยกส่งิ ของหรือวตั ถุอกี ดา้ นหน่ึงของของไหลได้ (แรงตา้ น)” จากกฎของพาสคัลสามารถอธิบายหลักการทางานของเคร่ืองอัดไฮดรอลิกได้ โดยเม่อื ออกแรงที่ลูกสูบ เล็กจะทาใหเ้ กิดแรงดันทล่ี กู สบู ใหญ่ด้วย สมรรถนะสาคญั ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดสงั เคราะห์ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (จติ วทิ ยาศาสตร)์ ความใฝ่เรียนรู้และมีความอยากรู้อยากเห็น นักเรียนแสดงออกถึงความตั้งใจความต้องการที่จะรู้และ เสาะแสวงหาความรเู้ กี่ยวกับสิง่ ตา่ งๆ ทีสนใจหรอื ต้องการค้นพบส่งิ ใหม่ แสดงออกไดโ้ ดยการถามคาถาม หรือมี ความสงสัยในสิ่งที่สนใจอยากรู้ มีความกระตือรือร้นในการเสาะแสวงหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่สนใจ เพียร พยายามในการเรียนและการทากิจกรรมตา่ งๆ แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนรตู้ ่างๆ อยูเ่ สมอ โดยการเลือกใช้ สื่ออย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอด เผยแพร่ และ นาไปใชใ้ นชีวิตประจาวันได้
ชน้ิ งาน/ภาระงาน ใบงานที่ 4.5 กฎของพาสคลั กิจกรรมการเรยี นรู้ วิธสี อนใชร้ ปู แบบวงจรการเรยี นรู้ 5 ขัน้ ตอน (5E Learning Cycle model) ขัน้ ที่ 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ ( 15 นาที ) 1. ครูทบทวนบทเรียนที่ผ่านมา เรื่อง การคานวณปริมาณที่เกี่ยวข้องกับความดันในของเหลว เพื่อ เชอ่ื มโยงความร้ใู นบทเรียนใหม่ตอ่ ไป 2. ครูทาการสาธิตโดยใชก้ ารทดลองอย่างง่ายเกย่ี วกับกฎของพาสคัล โดยใช้เขม็ ฉีดยากับสายยางขนาด เลก็ แล้วให้นักเรยี นสังเกตผลทเี่ กดิ ขน้ึ 3. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระเกี่ยวกับการสาธิตที่เกิดขึ้น โดยไม่คาดหวัง คาตอบท่ีถกู ต้อง ขน้ั ท่ี 2 ข้ันสารวจและคน้ หา ( 45 นาที ) 4. ครูชี้แจงจุดประสงค์และวิธีการปฏิบัติกิจกรรมให้นักเรียนทราบ ตามรายละเอียดในใบงานที่ 4.5 กฎของพาสคัล 5. ให้นักเรียนแตล่ ะคนออกมารบั ใบงาน และศึกษารายละเอยี ดกอ่ นปฏิบตั ิกิจกรรม 6. นักเรยี นลงมอื ปฏบิ ัติกจิ กรรม และรายงานผล ขัน้ ที่ 3 ขนั้ สรา้ งคาอธบิ ายและลงข้อสรปุ ( 35 นาที ) 7. ครสู มุ่ นกั เรยี นออกมานาเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหนา้ ชน้ั 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ เรื่อง กฎของพาสคัล โดยสรุปจากการสาธิตเมื่อต้นชั่วโมง ดงั นี้ - เมอื่ ออกแรงกดลกู สูบขา้ งหน่ึงลงลูกสูบอีกข้างหน่งึ จะเกิดการเคลื่อนที่ขึน้ แสดงวา่ เราสามารถ ส่งผา่ นแรงดนั ไปยงั ของเหลวได้ - แรงกระทาเนอื่ งจากน้าหนกั ที่กดลกู สูบ A และ a ไม่เท่ากัน - เมือ่ ลูกสูบอยูใ่ นสมดลุ ของเหลวในกระบอกสูบจะหยดุ น่งิ ดงั นัน้ ความดันในของเหลวที่กระทา ต่อลูกสูบทั้งสองมีค่าเท่ากัน และความดันในของเหลวที่เพิ่มขึ้นจากความดันจะมีค่าเท่ากับความดันที่เกิดจาก น้าหนกั ของวัตถุทกี่ ดของเหลว - ความดันที่เพิ่มให้กับของเหลวจะถ่ายทอดไปยังทุกๆ จุด ในของเหลวนั้น ซึ่งข้อสรุปนี้เรียกว่า กฎของพาสคลั (Pascal's law)
9. ครูอธบิ ายเพมิ่ เตมิ เก่ียวกับกฎของพาสคัลว่า ความดนั ทเ่ี พ่ิมให้กบั ของเหลวในลูกสบู หรือกระบอกสูบ นั้น มีค่าไม่เท่ากบั ความดันในของเหลวท่ีเพิ่มขึ้นจรงิ ๆ เนื่องจากจะมีแรงเสีอดทานระหว่างลูกสูบหรือกระบอก สูบทั้งสอง ซึ่งในเครื่องอัดไฮดรอลิกที่ใช้กนั ทั่วไปนั้น ความดันที่เพิ่มให้กับของเหลวมคี ่าสงู กว่าความเสียดทาน ในลูกสบู หรอื กระบอกสบู หลายเท่า จึงสามารถใชก้ ฎของพาสคลั ในการคานวณได้ 10. ครูใหค้ วามร้เู พ่ิมเติมเก่ียวกับกฎของพาสคัลกับเครอื่ งอัดไฮดรอลกิ ว่า การไดเ้ ปรียบเชงิ กลทางทฤษฏี ของเครื่องอดั ไฮดรอลกิ มีค่าเท่ากบั อตั ราสว่ นระหวา่ งพืน้ ท่หี น้าตัดของลกู สูบใหญ่กบั พน้ื ท่ีหน้าตดั ของลูกสูบเล็ก หรอื สามารถเขยี นเปน็ สมการความสมั พันธ์ไดว้ า่ การได้เปรียบเชิงกลทางทฤษฏี = ������ = ������ ������ ������ 11. ครูชี้ให้นักเรียนเห็นว่า ถ้าจะให้เครื่องอัดไฮดรอลิกผ่อนแรงมากขึ้น อาจทาได้โดยอาศัยความรู้เรื่อง โมเมนตข์ องแรงมาชว่ ยปรับปรงุ เครอ่ื งอดั ไฮดรอลิก ขน้ั ท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้ ( 15 นาที ) 12. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือที่อาศัยหลักการของเครื่องอัดไฮดรอลิก เช่น แม่แรงยกรถยนต์ เกา้ อท้ี าฟนั และระบบหา้ มลอ้ รถยนต์ ขัน้ ท่ี 5 ประเมนิ ผล ( 10 นาที ) 13. ครูสงั เกตและประเมินพฤตกิ รรมของนักเรียนในขณะทใ่ี ห้นักเรียนปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและการนาเสนอผล การปฏิบตั กิ ิจกรรม วสั ด/ุ อปุ กรณ์ ส่อื และแหลง่ เรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นฟิสกิ ส์ ม.6 เลม่ 1 สังกัด อจท. 2. หนังสือเรยี นฟิสกิ ส์ ม.6 เลม่ 5 สังกดั สสวท. 3. หนังสอื สรปุ ฟสิ ิกส์ มัธยมปลาย สังกดั Dream&Passion 4. PowerPoint เร่อื ง กฎของพาสคัล 5. หอ้ งเรียน 6. หอ้ งสมุด 7. แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ 8. ใบงานที่ 4.5 กฎของพาสคลั
การวัดผลและประเมินผล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีวดั เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน 1.นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับกฎ ตรวจใบงาน ใบงานที่ 4.5 กฎของ ได้ระดับคุณภาพดี ของพาสคัลและเครื่องอัดไฮ พาสคัล จึงผ่านเกณฑ์ ดรอลิกได้ (K) 2.นักเรียนสืบค้นเกี่ยวกับกฎ สงั เกตและประเมินการ แบบประเมินการปฏิบัติ ได้ระดับคุณภาพดี ของพาสคัลและเครื่องอัดไฮ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม กจิ กรรมการสืบค้น จงึ ผา่ นเกณฑ์ ดรอลิกได้ (P) 3. มีความอยากรู้อยากเห็น สงั เกตและประเมินการ แบบประเมินการมีความ ได้ระดับคุณภาพดี (A) มีความอยากรู้อยาก อยากรู้อยากเห็น จึงผา่ นเกณฑ์ เหน็ 4. คุณลักษณะด้านความใฝ่ สังเกตพฤตกิ รรม แ บ บ ป ร ะ เ ม ิ น ค ุ ณ - ได้ระดับคุณภาพดี เรียนรู้ ลักษณะอันพึงประสงค์ จึงผา่ นเกณฑ์ ดา้ นใฝ่เรยี นรู้ ความคดิ เห็นของผู้บรหิ ารสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ................................................................ผู้บรหิ ารสถานศึกษา (…………………….………….……….………………………….) ........./........................./.........
การประเมินดา้ นความรู้ (K) เกณฑก์ ารให้คะแนนใบงาน ประเดน็ การประเมิน คะแนน 4 321 ความดันของของไหลจะขึ้นอยูก่ ับความ ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานมี ค ว า ม ลึกและความดันอากาศ หากเพิ่มความ กับประเด็นการ กับประเด็นการ กับประเด็นการ ส อ ด ค ล ้ อ ง กั บ ดันให้ของไหล ความดันที่พืน้ ผิวจะต้อง ประเมิน เนื้อหา ประเมินส่วนใหญ่ ประเมิน เนื้อหา ป ร ะ เ ด ็ น ก า ร ถูกส่งไปยังทุกจุดในของเหลว โดย ห ล ั ก ก า ร น ี ้ ไ ด ้ ค ้ น พ บ โ ด ย นั ก สาระของผลงาน เนื้อหาสาระของ สาระของผลงาน ประเมินเนื้อหา วิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ แบลส์ ถูกต้องครบถ้วน ผลงานถูกต้องแต่ ถูกต้องเป็นบาง สาระแค่บางส่วน ยังมีข้อบกพร่อง ป ร ะ เ ด ็ น แ ต่ และมีข้อบกพร่อง ปาสกาล (Blaise Pascal) ซึ่งกฎพาส คัล (Pascal’s law) กล่าวว่า “ถ้าเพ่ิม เล็กนอ้ ย ม ี ข ้ อ บ ก พ ร ่ อ ง มาก ความดันให้กับของไหลที่บรรจุในภาชะ บางส่วน ปิด ณ จุดใดๆ ความดันนั้นจะส่ง กระจายกันต่อไป ทาให้ทุกๆ ส่วนของ ของไหลได้รับความดันที่เพิ่มขึ้นเท่ากัน ห ม ด ”ก ฎ พ า ส ค ั ล สา ม า รถ น ามา ประยุกต์สร้างเครื่องมือผ่อนแรงท่ี เรียกว่า ไฮดรอลิก (Hydraulic) หรือ อัดไฮดรอลิก (Hydraulic press) โดย วิธีการทางานของเครื่องมือนี้มีอยู่ว่า “เมื่อออกแรงกระทาที่ด้านหนึ่งของ ของไหล (แรงพยายาม) จะสามารถยก สิ่งของหรือวัตถุอีกด้านหนึ่งของของ ไหลได้ (แรงต้าน)” เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ดีมาก 4 อยู่ในระดับ ดี 3 อยใู่ นระดบั พอใช้ 2 อย่ใู นระดับ ปรบั ปรงุ 1 อยู่ในระดบั
การประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (P) เกณฑ์การประเมนิ การปฏบิ ัติกจิ กรรมการสบื คน้ ประเดน็ การประเมนิ 3 ระดับคะแนน 1 2 1.การวางแผน การแบ่ง วางแผนงานล่วงหน้า ไม่มีการวางแผนงาน ไม่มีการวางแผนงาน หนา้ ท่ีกันทางาน และแบ่งหน้าที่งานให้ ลว่ งหนา้ แต่สามารถแบ่ง ล่วงหน้า แต่สามารถแบ่ง ชัดเจนเพื่อให้การสืบค้น หน้าที่งานได้เพื่อให้การ หน้าที่งานได้เพื่อให้การ ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง และครอบคลุม สืบค้นได้ข้อมูลที่ ถูกต้อง สืบค้นได้ข้อมูลที่ ถูกต้อง ประเด็นสาคญั และตรงประเด็นมาก บางส่วน และตรง ท่ีสุด ประเดน็ บ้างเล็กนอ้ ย 2.ส ื บ ค ้ น จ า ก แ ห ล ่ ง ท่ี ใช้แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือ ใช้แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือ ใช้แหล่งข้อมูลที่ไม่ เหมาะสม และหลากหลาย ได้ มีความถูกต้อง และ ไ ด ้ เ ป ็ น ส ่ ว น ใ ห ญ ่ มี น่าเชื่อถือ แต่เนื้อหายังมี ได้ข้อมูลที่น่าสนใจใน ความถูกต้องบ้าง และ ความถูกต้องเล็กน้อย หลากหลายมมุ มอง ข้อมูลมีความน่าสนใจ แ ล ะ ข ้ อ ม ู ล ม ี ค ว า ม เลก็ นอ้ ย น่าสนใจแต่เปน็ ส่วนน้อย 3.การรวบรวมข้อมูล การ รวมรวบข้อมูล วิเคราะห์ รวมรวบข้อมูล วิเคราะห์ รวมรวบข้อมูล วิเคราะห์ วิเคราะห์ และสรุป และสรุปได้ถูกต้อง และ และสรุปได้ถูกต้องเป็น แ ล ะ ส ร ุ ป ไ ด ้ ถ ู ก ต ้ อ ง สอดคล้องกับประเด็น ส่วนใหญ่ และสอดคล้อง เล็กน้อย และสอดคล้อง สาคัญ กบั ประเด็นสาคญั กับประเด็นสาคัญบ้าง บางสว่ น 4.งานสาเร็จทันเวลาและมี งานส าเร็จลุล่วงได้ใน งานส าเร็จได้ มีความ งานส าเร็จได้แต่ไม่ คุณภาพ เว ลาที่ก าหนด และ ล่าช้าเล็กน้อย แต่ยังมี ทันเวลาที่ก าหนด มี ถูกต้อง ครอบคลุม และ ความถูกต้อง ครอบคลุม ความถูกต้อง ครอบคลุม สอดคล้องกับประเด็น แ ล ะ ส อ ด ค ล ้ อ ง กั บ สอดคล้องกับประเด็น ส า ค ั ญ ท า ใ ห ้ ง า น มี ประเด็นสาคัญถือว่างาน สาคัญบ้างเล็กน้อย และ คณุ ภาพ มีคณุ ภาพ มขี ้อบกพร่องบางสว่ น
เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ดีมาก 9 – 12 อยู่ในระดับ ดี 5 – 8 อยู่ในระดบั พอใช้ 1 – 4 อยใู่ นระดบั
การประเมินดา้ นเจตคติ (A) เกณฑ์การประเมินการมีความอยากรอู้ ยากเห็น ประเด็นการประเมิน 3 คะแนน 1 2 มีความพยายามที่จะ พยายามหาความรู้ใหม่ๆ มกี ารแสวงหาความรู้บ้าง ไม่มีการแสวงหาความรู้ เสาะแสวงหาความรู้ใน อยู่เสมอ ซึ่งไม่สามารถ นาความรู้ที่มีอยู่เดิมมา ใดๆ ใช้เพียงความรู้เดิม ส ถ า น ก า ร ณ ์ ใ ห ม่ ๆ อธิบายได้ด้วยความรู้ที่มี อธิบายเล็กน้อย จึงทาให้ ที่มีอยเู่ ท่าน้ัน ไมเ่ กิดการ ต ร ะ ห น ั ก ถ ึ ง ค ว า ม อยู่เดิม เพื่อให้เกิดการ เกดิ การเรียนรู้ได้น้อย ซ่ึง เรียนรู้เท่าที่ควร และไม่ สาคัญของการแสวงหา เรียนรู้ และใช้ความรู้ท่ี อ า จ ป ร ั บ ใ ช ้ ไ ด ้ กั บ สามารถแก้ไขต่างๆ ได้ ข้อมูลเพิ่มเติม และช่าง ได้ในการแก้ปัญหา หรือ ช ี ว ิ ต ป ร ะ จ า ว ั น แ ค่ ไม่ให้ความสาคัญกับการ ซัก ช่างถาม ช่างอ่าน ใช้กับชีวิตประจาวันได้ บางส่วน ให้ความสาคัญ เรียนรู้เท่าที่ควร และไม่ เพื่อให้ได้ค าตอบเป็น ให้ความสาคัญกับการ กับการเรียนรู้บ้าง แต่ไม่ มีการสังเกต หรือเกิด ความรู้ที่สมบูรณ์แบบ เรียนรู้ เป็นผู้กระตือ- มีความกระตือรือร้นใน ความสงสยั เทา่ ที่ควร ย่ิงขน้ึ รือร้นในการเรียนหรือ การเรียนหรือแสวงหา แสวงหาความรอู้ ยู่เสมอ ความรู้ และรู้จักถามเมื่อ และช่างสงสัย สังเกต มีข้อสงสัยจากการได้ รู้จักถามเมื่อมีข้อสงสัย สังเกตบ้าง ท าให้ ได้ ท าให้ได้ค าตอบที่เป็น ค าตอบที่เป็นความรู้ ความรู้ที่สมบูรณ์แบบ เพิม่ เติมจากความรูเ้ ดิม ยิ่งขึ้น เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ดมี าก 3 อยใู่ นระดับ ดี 2 อยูใ่ นระดับ พอใช้ 1 อยูใ่ นระดบั
การประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ดา้ นใฝเ่ รียนรู้ แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงคด์ า้ นใฝเ่ รียนรู้ ตัวชี้วัดและพฤติกรรมบ่งช้ี ตัวชวี้ ัด พฤติกรรมบ่งชี้ 4.1 ตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียน 4.1.1 ตัง้ ใจเรยี น และเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ 4.1.2 เอาใจใส่และมีความเพียรพยายามในการเรียนรู้ 4.1.3 สนใจเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรูต้ ่างๆ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ 4.2.1 ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ ส่ือ ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน เทคโนโลยีต่างๆ แหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม และเลอื กใชส้ อ่ื ได้อย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ 4.2.2 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบจากสิ่งที่เรียนรู้ สรุป ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนาไปใช้ เปน็ องค์ความรู้ ในชีวติ ประจาวันได้ 4.2.3 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยวิธีการต่างๆ และนาไปใช้ใน ชีวิตประจาวนั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (ใช้ข้อมูลจากการสังเกตตามสภาพจริงของครูผู้สอน) พฤตกิ รรมบ่งช้ี 32 1 ตามข้อ 4.1 – 4.2 เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจ เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจ เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจ เรียน เอาใจใส่ในการ เรียน เอาใจใส่ในการ เรียน เอาใจใส่ในการ เรียน และมีส่วนร่วมใน เรียน และมีส่วนร่วมใน เรียน และมีส่วนร่วมใน การเรียนรู้ และเข้าร่วม การเรียนรู้ และเข้าร่วม การเรียนรู้ และเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ กิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ กิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก บอ่ ยครัง้ เปน็ บางครงั้ โรงเรยี นเป็นประจา
ระดบั เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ดเี ย่ยี ม 3 อยใู่ นระดับ ดี 2 อยู่ในระดบั ผ่าน 1 อยูใ่ นระดับ ไมผ่ า่ น 0 อยู่ในระดับ หมายเหตุ นักเรยี นสามารถทางานได้ 2 คะแนนขึ้นไปจงึ จะผ่านเกณฑ์
การประเมินด้านทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (P) แบบประเมนิ การปฏิบัตกิ จิ กรรมการสบื ค้น รายช่อื สมาชิก…………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………….………………………………………………………………………………………………………………………… คาชี้แจง: ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี น แลว้ ขีด ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดับคะแนน ประเด็นการประเมนิ ระดบั คะแนน 3 21 1.การวางแผน การแบ่งหน้าที่กัน ทางาน 2.สืบค้นจากแหล่งที่เหมาะสม และ หลากหลาย 3.การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และสรุป 4.งานสาเร็จทนั เวลาและมคี ณุ ภาพ รวมคะแนน ผลการประเมินอยูใ่ นระดบั เกณฑ์การใหค้ ะแนน ดีมาก 3 หมายถงึ ดี 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถงึ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ดีมาก 9 – 12 อยใู่ นระดบั ดี 5 – 8 อยู่ในระดบั พอใช้ 1 – 4 อยู่ในระดับ
การประเมินดา้ นเจตคติ (A) แบบประเมินการมีความอยากร้อู ยากเหน็ รายช่ือสมาชิก…………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………….………………………………………………………………………………………………………………………… คาชีแ้ จง: ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี น แลว้ ขดี ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ประเด็นการประเมนิ 3 คะแนน 1 2 มีความพยายามที่จะเสาะ แสวงหาความรู้ในสถาน การณ์ใหม่ๆ ตระหนักถึง ความสาคัญของการแสวงหา ข้อมูลเพิ่มเติม และช่างซัก ช่างถาม ช่างอ่าน เพื่อให้ได้ คาตอบเป็นความรู้ที่สมบูรณ์ แบบย่งิ ขึ้น รวมคะแนน ผลการประเมนิ อยู่ในระดับ เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ดมี าก 3 อยใู่ นระดับ ดี 2 อย่ใู นระดบั พอใช้ 1 อยู่ในระดบั
การประเมนิ ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (ใฝ่เรียนรู้) นกั เรยี นระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6/1 คาชแ้ี จง: ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียน แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ชอื่ - นามสกลุ คะแนน 1 ท่ี 32 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ดเี ยย่ี ม 3 อยู่ในระดับ ดี 2 อยใู่ นระดับ ผ่าน 1 อยใู่ นระดบั ไมผ่ า่ น 0 อยูใ่ นระดบั หมายเหตุ นกั เรยี นสามารถทางานได้ 2 คะแนนขึ้นไปจงึ จะผ่านเกณฑ์
บนั ทกึ หลังการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ผลการจัดกิจกรรม ตารางที่ 1 ผลการประเมินด้านความรู้ (K) ลาดับที่ ระดบั ช้นั จานวน ดีมาก (4) สรปุ ผลการประเมนิ รวม นกั เรยี น รวม ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5 ตารางที่ 2 ผลการประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (P) ลาดับท่ี ระดบั ช้ัน จานวน สรปุ ผลการประเมนิ รวม นกั เรียน ดีมาก (9 – 12) ดี (5 – 8) พอใช้ (1 – 4) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 รวม 3 ม.6/4 4 ม.6/5
บนั ทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ผลการจดั กจิ กรรม ตารางท่ี 3 ผลการประเมนิ ดา้ นเจตคติ (A) ลาดบั ที่ ระดับชนั้ จานวน ดีมาก (3) สรุปผลการประเมนิ พอใช้ (1) รวม นกั เรยี น รวม ดี (2) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5 ตารางที่ 4 ผลการประเมินดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ลาดับที่ ระดับชน้ั จานวน ดมี าก (3) สรุปผลการประเมิน ไม่ผา่ น (0) รวม นักเรียน รวม ดี (2) ผา่ น (1) 1 ม.6/1 2 ม.6/3 3 ม.6/4 4 ม.6/5
บนั ทกึ หลังการสอน ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ผลการสอน ด้านความร.ู้ ................................................................................................................. ....................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ด้านทกั ษะ.................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................................................................................. ............... ............................................................................................................................................................................ ดา้ นเจตคต.ิ .................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................................................. ............... ............................................................................................................................................................................ ด้านสมรรถนะ.................................................................................................................. ................................... ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค.์ ........................................................................................................................... ปัญหา/อปุ สรรค................................................................................................................ .................................. ........................................................................................................................................ .................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ แนวทางการแก้ไข................................................................................................................... ............................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ หมายเหตุ..................................................................................................................... ........................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………....................... ลงชื่อ..........................................................ผสู้ อน (.............................................................) ........./........................./.........
ใบงานท่ี 4.5 กฎของพาสคัล จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นอธบิ ายเก่ยี วกับกฎของพาสคัลและเคร่อื งอดั ไฮดรอลกิ ได้ (K) 2. นักเรียนสืบคน้ เกี่ยวกับกฎของพาสคลั และเครือ่ งอัดไฮดรอลิกได้ (P) 3. มคี วามใฝเ่ รียนรแู้ ละอยากรอู้ ยากเหน็ (A) คาชี้แจง : ให้นักเรียนสืบค้นเกี่ยวกับกฎของพาสคัลและเครื่องอัดไฮดรอลิก สรุปข้อมูลสาระสาคัญในรูปของ แผนผังมโนทศั น์ใหถ้ ูกต้อง
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 31 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว30205 รายวิชา ฟสิ ิกส์ 5 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ ของไหล เรอ่ื ง คานวณปรมิ าณทเี่ กี่ยวขอ้ งกับกฎของพาสคัล วนั ท…ี่ …….เดือน……………พ.ศ……………… เวลา……………………น. จานวน 1 ชวั่ โมง ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 ผู้สอน นางสาวไขม่ ุก สุพร สาระฟิสิกส์ 3. เข้าใจความสัมพันธ์ของความร้อนกับการเปลี่ยนอุณหภูมิและสถานะของสสาร สภาพยืดหยุ่นของ วัสดุและมอดุลัสของยัง ความดันในของไหล แรงพยุงและหลักของอาร์คิมีดีส ความตึงผิวและแรงหนืดของ ของเหลว ของไหลอุดมคติละสมการแบร์นูลลี กฎของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ของแก๊สอุดมคติ และพลังงานในระบบ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคลื่นและอนุภาค กัมมันตภาพรังสี แรง นิวเคลียร์ ปฏิกริ ยิ านวิ เคลยี ร์ พลงั งานนิวเคลียร์ ฟิสกิ สอ์ นภุ าค รวมทงั้ นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ อธิบาย และคานวณความดันเกจ ความดันสัมบูรณ์ และความดันบรรยากาศ รวมทั้งอธิบายหลักการ ทางานของแมนอมิเตอร์บารอมิเตอร์ และเครือ่ งอัดไฮดรอลิกได้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นักเรียนอธบิ ายความหมายของตวั แปรในสมการความสมั พันธข์ องกฎของพาสคัลได้ (K) 2. นกั เรยี นคานวณหาค่าสมการความสมั พนั ธ์ของกฎของพาสคัลได้ (P) 3. มีความใฝ่เรียนรู้และอยากรูอ้ ยากเหน็ (A) สาระการเรียนรู้ เมื่อเพิ่มความดัน ณ ตาแหน่งใดๆ ในของเหลวที่อยู่นิ่งในภาชนะปิด ความดันที่เพิ่มขึ้นจะส่งผ่านไป ทุกๆ จุดในของเหลวนั้น เรียกวา่ กฎพาสคัล กฎน้นี าไปใช้อธบิ ายการทางานของเคร่ืองอัดไฮดรอลิก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215