nupon อบรม B-net 2561

ผ้ใู ดมีธรรมที่อยปู่ ระจาโลกหรือธรรมดาของโลก 1. พล ขยนั ทามาหากิน 2. รินทร์ นอนรอหวยออก 3. เมษ ไดร้ บั รางวัลเชิดชเู กียรติ 4. โบว์ อยากสวยไปทาศัลยกรรม

ผ้ใู ดมีธรรมทีอ่ ยปู่ ระจาโลกหรือธรรมดาของโลก 1. พล ขยันทามาหากิน 2. รินทร์ นอนรอหวยออก 3. เมษ ไดร้ บั รางวัลเชิดชเู กียรติ 4. โบว์ อยากสวยไปทาศัลยกรรม

“สัมมาสติ” ตรงกับคาพงั เพยใด 1. น้าขึ้นใหร้ ีบตัก 2. ขีช่ ้างอย่าวางขอ 3. เกบ็ หอมรอมริบ 4. เขา้ เถือ่ นอยา่ ลืมพร้า

“สัมมาสติ” ตรงกบั คาพังเพยใด 1. น้าขึน้ ให้รีบตัก 2. ขีช่ ้างอยา่ วางขอ 3. เกบ็ หอมรอมริบ 4. เขา้ เถื่อนอยา่ ลืมพร้า

บคุ คลที่เหน็ วา่ ทาบุญกม็ ีผล ทาบาป ก็มีผล ความเห็นตรงกบั ขอ้ ใด 1. สมั มาทฎิ ฐิ 2. สัมมาสมาธิ 3. สมั มาวาจา 4. สัมมาสติ

บคุ คลทีเ่ ห็นวา่ ทาบญุ ก็มีผล ทาบาป ก็มีผล ความเห็นตรงกบั ขอ้ ใด 1. สัมมาทฎิ ฐิ 2. สมั มาสมาธิ 3. สัมมาวาจา 4. สมั มาสติ

ขอ้ ใดจัดเป็นคนรูจ้ กั ประมาณ 1. นาย ก มีภรรยาคนเดียว 2. นางสาว ข ทางานหนกั เพื่อเกบ็ เงินไว้เสริมสวย 3. นาย ค ใช้จา่ ยตามฐานะของตน 4. นาย ง เพียรทีจ่ ะสร้างฐานะให้ครอบครวั

ขอ้ ใดจดั เปน็ คนรู้จักประมาณ 1. นาย ก มีภรรยาคนเดียว 2. นางสาว ข ทางานหนกั เพื่อเกบ็ เงินไวเ้ สริมสวย 3. นาย ค ใชจ้ ่ายตามฐานะของตน 4. นาย ง เพียรทีจ่ ะสรา้ งฐานะใหค้ รอบครวั

นาย ก มีนิสยั ชอบโออ้ วด เพือ่ ใหผ้ ู้อืน่ ชืน่ ชมยก ยอ่ งตนเอง บุคคลเชน่ นีต้ อ้ งแกด้ ้วยธรรมขอ้ ใด 1. อาชชวะ 2. สัจจะวาจา 3. อปจายนะ 4. สัมมาทฏิ ฐิ

นาย ก มีนิสัยชอบโออ้ วด เพือ่ ใหผ้ ูอ้ ื่นชื่นชมยก ยอ่ งตนเอง บุคคลเชน่ นีต้ อ้ งแก้ด้วยธรรมขอ้ ใด 1. อาชชวะ 2. สัจจะวาจา 3. อปจายนะ 4. สัมมาทฏิ ฐิ

มละ แปลว่า มลทนิ หมายถงึ กเิ ลสท่เี ป็ นเคร่ืองทาชวี ิตจติ ใจของคนเรา ให้มัวหมองเป็นดุจสนิมกัดกรอ่ นใจไม่ให้บริสทุ ธิ์ มี ๙ ประการ คือ ๑. โกธะ หมายถึง ความโกรธ ควรระงบั ดว้ ยเมตตา ความรกั ใคร่อยากใหเ้ ขาเป็นสขุ ๒. มักขะ หมายถงึ ความลบหลู่คุณทา่ น ควรลบลา้ งดว้ ยกตญั ญูกตเวทิตา รู้คณุ แลว้ ทาตอบแทน ๓. อิสสา หมายถึง ความรษิ ยา ควรชาระด้วยมุทิตา ๔. มจั ฉริยะ หมายถึง ความตระหนี่ ควรกาจดั ด้วยทานหรือบรจิ าค ๕. มายา หมายถึง ความมีมารยา ควรแก้ด้วยอาชชวะ ความเปน็ คนซื่อตรง ๖. สาเถยยะ หมายถึง ความมกั โอ้อวด ควรละด้วยอตั ตัญญตุ า รจู้ ักประมาณตนและอปจายนะ ความออ่ นน้อม ถ่อมตน ๗. มสุ าวาท หมายถงึ ความพูดปดมดเท็จ ควรแก้ดว้ ยสจั จวาจา การเป็นผู้ชอบกล่าวแตค่ วามจริง ๘. ปาปจิ ฉา หมายถึง ความปรารถนาอันลามก แก้ด้วยความสันโดษ ยินดีในสิง่ ท่ตี นพึงมีพึงได้ ๙. มิจฉาทิฏฐิ หมายถงึ ความเห็นผิด ควรแก้ดว้ ยสมั มาทฏิ ฐิ

พฤติกรรมในข้อใด ต้องแกด้ ว้ ย สมั ผปั ปลาปเวรณี 1. การพูดเท็จ 2. การพูดสอ่ เสียด 3. การพูดคาหยาบ 4. การพดู เพอ้ เจ้อ

พฤติกรรมในข้อใด ตอ้ งแก้ด้วย สัมผัปปลาปเวรณี 1. การพดู เท็จ 2. การพดู ส่อเสียด 3. การพดู คาหยาบ 4. การพูดเพ้อเจ้อ

อกศุ ลกรรมบถ แปลว่า ทางแห่งอกศุ ล หมายถึง ทางทาชว่ั เป็นทางนาไปสคู่ วามเสือ่ ม ความทุกข์ หรือทุคติ ซึ่งตรง กบั ข้อยอ่ ยของทุจรติ ๓ คือ กายกรรม ๓ วจกี รรม ๔ มโนกรรม ๓ รวมแลว้ มี ๑๐ ประการ คอื ๑. ปาณาติบาต หมายถึง เจตนาทีท่ าให้สัตว์ที่ยงั เป็นอย่ใู ห้เสียชีวิต ๒. อทินนาทาน หมายถึง การลักทรพั ย์ ๓. กาเมสมุ ิจฉาจาร หมายถึง การล่วงละเมิดค่คู รองผ้อู ื่น ๔. มสุ าวาท หมายถึง การพดู โกหก ๕. ปิสณุ วาจา หมายถึง การพดู ยยุ งให้เขาแตกร้าวผิดใจ ๖. ผรสุ วาจา หมายถึง การพดู คาหยาบคาย ๗. สัมผัปปลาปะ หมายถึง การพูดเพ้อเจ้อ ๘. อภิชฌา หมายถึง ความโลภอยากได้ของคนอืน่ ๙. พยาบาท หมายถึง ความคิดพยาบาทปองร้ายคน ๑๐. มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง ความเห็นผิดจากคลองธรรม

สามเณร ก นัง่ สมาธิจนเกิดความปวดทรมานใน อิริยาบถ อาการของสามเณร ก ตรงกบั ข้อใด 1. ผัสสะ 2. อปุ าทาน 3. สฬายตนะ 4. เวทนา

สามเณร ก นัง่ สมาธิจนเกิดความปวดทรมานใน อิริยาบถ อาการของสามเณร ก ตรงกับขอ้ ใด 1. ผัสสะ 2. อุปาทาน 3. สฬายตนะ 4. เวทนา

พูดชักนาให้ยินดีในสถานที่สงัด สงบ เงยี บ ตรงตามหลักธรรมข้อใด 1. วิมุตติกถา 2. ปวิเวกกถา 3. สันตฏุ ฐกิ ถา 4. วิริยารมั ภกถา

พูดชักนาให้ยินดีในสถานที่สงัด สงบ เงยี บ ตรงตามหลักธรรมข้อใด 1. วิมุตติกถา 2. ปวิเวกกถา 3. สันตฏุ ฐกิ ถา 4. วิริยารมั ภกถา

กถาวัตถุ แปลว่า เรื่องที่ควรพูด หรือ ถ้อยคาที่ควรพูด หมายถึง เรื่องที่ควรนามาสนทนากนั ในหม่ภู ิกษุ เพราะ เปน็ เรือ่ งทีก่ ่อให้เกิดแต่คณุ ประโยชน์ท้ังแก่ผู้พดู และผ้ฟู งั มี ๑๐ ประการ คือ ๑. อปั ปิจฉกถา ถ้อยคาทีช่ ักนาให้มีความปรารถนาน้อย ๒. สันตฏุ ฐิกถา ถ้อยคาทีช่ ักนาให้สันโดษยินดีด้วยปัจจยั ตามมีตามได้ ๓. ปวิเวกกถา ถ้อยคาที่ชกั นาให้สงดั กาย สงดั ใจ ๔. อสังสัคคกถา ถ้อยคาที่ชักนาไม่ให้คลุกคลีด้วยหม่คู ณะ ๕. วิริยารมั ภกถา ถ้อยคาที่ชักนาให้ปรารภความเพียร ๖. สีลกถา ถ้อยคาทีช่ ักนาให้ต้ังอย่ใู นศีล ๗. สมาธิกถา ถ้อยคาที่ชกั นาให้ทาใจให้สงบ ๘. ปญั ญากถา ถ้อยคาทีช่ กั นาให้เกิดปัญญา ๙. วิมุตติกถา ถ้อยคาที่ชกั นาให้ทาใจให้หลุดพ้นจากกิเลส ๑๐. วิมตุ ติญาณทสั สนกถา ถ้อยคาทีช่ กั นาให้เกิดความรู้ความเหน็ ในความทีใ่ จพ้นจากกิเลส

มิตรมีอุปการะ พึงปฏิบตั ิตนเชน่ ไร 1. ปูองกันเพือ่ ผูป้ ระมาทแล้ว 2. ปิดความลบั ของเพื่อนไมใ่ หแ้ พร่งพราย 3. แนะใหต้ ้งั อยใู่ นความดี 4. รบั รองคนทีส่ รรเสริญเพื่อน

มิตรมีอปุ การะ พึงปฏิบตั ิตนเชน่ ไร 1. ปอู งกันเพือ่ ผ้ปู ระมาทแล้ว 2. ปิดความลับของเพือ่ นไมใ่ หแ้ พร่งพราย 3. แนะให้ต้ังอยูใ่ นความดี 4. รับรองคนที่สรรเสริญเพื่อน

ขอ้ ใดจัดเปน็ ประโยชนเ์ กิดแต่การ ถือเอาโภคทรัพย์ 1. เสียภาษี 2. หนไี ปเทีย่ ว 3. เกีย้ วสาววัยรนุ่ 4. ลงทนุ ในการทามาหากิน

ขอ้ ใดจดั เป็นประโยชนเ์ กิดแต่การ ถือเอาโภคทรัพย์ 1. เสียภาษี 2. หนไี ปเที่ยว 3. เกี้ยวสาววยั รุน่ 4. ลงทนุ ในการทามาหากิน

ยามตายหมายฝากผี ยามดีหมายฝากทอ้ ง ยามขัดขอ้ งชว่ ยแก้ไข บทกลอนนี้ หมายถึงใคร 1. ครู – อาจารย์ 2. บตุ ร – ภรรยา 3. บิดา – มารดา 4. มิตร – สหาย

ยามตายหมายฝากผี ยามดีหมายฝากทอ้ ง ยาม ขดั ขอ้ งช่วยแกไ้ ข บทกลอนนี้ หมายถึงใคร 1. ครู – อาจารย์ 2. บตุ ร – ภรรยา 3. บิดา – มารดา 4. มิตร – สหาย

ขอ้ ใด หมายถึง ปุพพเปตพลี 1. ทาบุญอุทิศใหเ้ จา้ ที่ 2. ทาบญุ อุทิศให้สิ่งศกั ดิส์ ิทธิ์ 3. ทาบุญอทุ ิศใหผ้ ู้ล่วงลับ 4. ทาบุญอทุ ิศให้เทวดา

ขอ้ ใด หมายถึง ปุพพเปตพลี 1. ทาบุญอุทิศใหเ้ จา้ ที่ 2. ทาบญุ อุทิศให้สิ่งศกั ดิส์ ิทธิ์ 3. ทาบุญอทุ ิศใหผ้ ู้ล่วงลบั 4. ทาบุญอทุ ิศให้เทวดา

การกระทาใดเปน็ ทางแห่งความเสื่อม 1. ดืม่ ยาดองเมือ่ ปวดเมื่อยตามรา่ งกาย 2. แอบชอบพอคนมีเจา้ ของ 3. เสี่ยงโชคเพื่อนาเงินมาเพมิ่ รายได้ 4. คบคนทกุ สถานะเป็นเพือ่ น

การกระทาใดเปน็ ทางแห่งความเสือ่ ม 1. ดืม่ ยาดองเมือ่ ปวดเมือ่ ยตามรา่ งกาย 2. แอบชอบพอคนมีเจา้ ของ 3. เสีย่ งโชคเพือ่ นาเงินมาเพมิ่ รายได้ 4. คบคนทกุ สถานะเป็นเพื่อน

บคุ คลใดทไ่ี ด้ชือ่ วา่ เปน็ “คนปอกลอก” 1. สงเคราะห์ผู้อื่นด้วยสิง่ ของไมม่ ีประโยชน์ 2. คบเพือ่ นเพราะเห็นประโยชนส์ ่วนตวั 3. ลับหลังนินทา ตอ่ หน้าสรรเสริญ 4. ชกั ชวนให้มวั เมาในการเล่น

บคุ คลใดทไ่ี ด้ชือ่ วา่ เปน็ “คนปอกลอก” 1. สงเคราะห์ผู้อื่นด้วยสิง่ ของไมม่ ีประโยชน์ 2. คบเพือ่ นเพราะเห็นประโยชนส์ ่วนตวั 3. ลับหลังนินทา ตอ่ หน้าสรรเสริญ 4. ชกั ชวนให้มวั เมาในการเล่น

สถานการณ์ : ขยนั ประหยดั อดออม คบคนดี ทางานสจุ ริต ไมฟ่ ูุงเฟูอตรงตามหลักธรรมขอ้ ใด 1. สังคหวัตถุ 4 2. สมั ปรายิกตั ถประโยชน์ 4 3. ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ 4 4. ธรรมเป็นเหตุใหส้ มหมาย 4

สถานการณ์ : ขยนั ประหยดั อดออม คบคนดี ทางานสจุ ริต ไมฟ่ ูุงเฟูอตรงตามหลักธรรมขอ้ ใด 1. สังคหวัตถุ 4 2. สมั ปรายิกตั ถประโยชน์ 4 3. ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ 4 4. ธรรมเป็นเหตุใหส้ มหมาย 4

สถานการณ์ : นาย ก เป็นเจ้าของรา้ นอาหารตามสั่ง นอกจาก ขายอาหารแล้วยังขายเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอลด์ ว้ ย แตเ่ มื่อถึงวนั พระ นาย ก ปิดรา้ นแลว้ เข้าวดั ฟงั ธรรมเป็นประจา การปฏิบตั ิตนของนาย ก ตรงตามข้อใด 1. ประกอบอาชีพสจุ ริต 2. ประกอบสมั มาอาชีพ 3. ทาอาชีพที่พระพุทธเจา้ ทรงอนุญาต 4. ประกอบอาชีพดว้ ยมิจฉาวณิชชา

สถานการณ์ : นาย ก เป็นเจ้าของรา้ นอาหารตามสั่ง นอกจาก ขายอาหารแล้วยังขายเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอลด์ ว้ ย แตเ่ มื่อถึงวนั พระ นาย ก ปิดรา้ นแลว้ เข้าวดั ฟงั ธรรมเป็นประจา การปฏิบตั ิตนของนาย ก ตรงตามข้อใด 1. ประกอบอาชีพสจุ ริต 2. ประกอบสมั มาอาชีพ 3. ทาอาชีพที่พระพุทธเจา้ ทรงอนุญาต 4. ประกอบอาชีพดว้ ยมิจฉาวณิชชา

แผนกนักธรรมช้ันโท อริยบุคคลระดับใดไม่สามารถ อยคู่ รองเพศคฤหสั ถ์ได้ 1. โสดาบนั 2. สกทาคามี 3. อนาคามี 4. อรหันต์

อริยบุคคลระดบั ใดไม่สามารถอยู่ ครองเพศคฤหสั ถ์ได้ 1. โสดาบนั 2. สกทาคามี 3. อนาคามี 4. อรหันต์

ขอ้ ใด จัดเปน็ วตั ถุกาม 1. ตา หู จมกู ลิน้ 2. ดิน นา้ ลม ไฟ 3. ผม ขน เล็บ ฟนั 4. รูป เสียง กลน่ิ รส

ข้อใด จดั เป็นวัตถกุ าม 1. ตา หู จมกู ล้นิ 2. ดิน นา้ ลม ไฟ 3. ผม ขน เล็บ ฟนั 4. รูป เสียง กลิ่น รส

ข้อใด ไม่ใช่ อกศุ ลวิตก 1. ความตริในทางกาม 2. ความตริในทางวาจา 3. ความตริในทางพยาบาท 4. ความตริในทางเบยี ดเบยี น

ข้อใด ไม่ใช่ อกศุ ลวิตก 1. ความตริในทางกาม 2. ความตริในทางวาจา 3. ความตริในทางพยาบาท 4. ความตริในทางเบยี ดเบยี น

นักเรียนดูข่าวเหตุการณ์บา้ นเมือง เกิดความวุ่นวาย ไม่สงบสขุ เพราะสงั คมขาดหลักธรรมขอ้ ใด 1. ความมีตนเป็นใหญ่ 2. ความมีเพือ่ นเปน็ ใหญ่ 3. ความมีโลกเป็นใหญ่ 4. ความมีธรรมเป็นใหญ่

นกั เรียนดขู า่ วเหตกุ ารณบ์ า้ นเมือง เกิดความวนุ่ วาย ไมส่ งบสขุ เพราะสังคมขาดหลกั ธรรมขอ้ ใด 1. ความมีตนเปน็ ใหญ่ 2. ความมีเพือ่ นเป็นใหญ่ 3. ความมีโลกเปน็ ใหญ่ 4. ความมีธรรมเปน็ ใหญ่

สถานการณ์ : ภิกษุรูปหนึ่ง ไดน้ ั่งพิจารณาความรอ้ นรุม่ ทีเ่ กิดภายในจิตใจโดยเฉพาะความรอ้ นรุม่ ทีเ่ กิดจากคน รกั เกา่ สมัยทีย่ ังไมไ่ ด้อุปสมบท ภิกษรุ ูปนี้ กาลงั พิจารณา ความร้อนร่มุ ทีเ่ กิดจากอะไร 1. ราคัคคิ 2. โทสัคคิ 3. โมหัคคิ 4. ปฏิชัคคิ

สถานการณ์ : ภิกษุรปู หนึง่ ได้นง่ั พิจารณาความรอ้ นรุ่ม ที่ เกิดภายในจิตใจโดยเฉพาะความรอ้ นรมุ่ ที่เกิดจากคนรกั เกา่ สมัยทีย่ ังไมไ่ ดอ้ ปุ สมบท ภิกษรุ ูปนี้ กาลงั พิจารณา ความรอ้ นรุ่มทีเ่ กิดจากอะไร 1. ราคัคคิ 2. โทสคั คิ 3. โมหคั คิ 4. ปฏิชัคคิ

ขอ้ ใดดงั ต่อไปน้ี จดั เปน็ มหาภตู รูปทงั้ หมด 1. ดิน, นา้ , ลม, ไฟ 2. ดิน, นา้ , อาหาร 3. ชีวิต, รูป, ดิน, นา้ 4. ปสาทรปู , ไฟ, ลม

ขอ้ ใดดงั ต่อไปนี้ จดั เปน็ มหาภตู รูปทงั้ หมด 1. ดิน, นา้ , ลม, ไฟ 2. ดิน, นา้ , อาหาร 3. ชีวิต, รูป, ดิน, นา้ 4. ปสาทรปู , ไฟ, ลม

ครูสอนนกั เรียนโดยหวงวิชาความรู้ เพราะ ต้องการใหเ้ รียนพิเศษกบั ตนเอง 1. กุลมจั ฉริยะ 2. ลาภมจั ฉริยะ 3. วณั ณมัจฉริยะ 4. ธมั มมจั ฉริยะ

ครูสอนนักเรียนโดยหวงวิชาความรู้ เพราะ ต้องการใหเ้ รียนพิเศษกบั ตนเอง 1. กุลมจั ฉริยะ 2. ลาภมัจฉริยะ 3. วณั ณมัจฉริยะ 4. ธัมมมัจฉริยะ

ในวัดแห่งหนึง่ มีพระภิกษุสงฆแ์ ตกแยกไมท่ า สงั ฆกรรมร่วมกนั ใชเ้ รียกเหตุการณ์นี้ตามขอ้ ใด 1. อรหนั ตฆาต 2. โลหติ ปุ บาท 3. อัญญสตั กทุ เทส 4. สงั ฆเภท