แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าภาษาไทย ๔ (ท2๒10๒) ระดับชน้ั มัธยมศึกษาท่ี ๒ จัดทำโดย นำงสำวมณฑกำญจน์ ศิริมงคล โรงเรียนมัธยมวัดสงิ ห์ สำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๑ กระทรวงศึกษำธกิ ำร
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๑ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ การใช้ภาษาไทย เรอื่ ง การเขียนเรียงความ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑ เร่ือง หลกั การเขียนเค้าโครงเรียงความ เวลาเรยี น ๒ ชว่ั โมง รหัสวชิ า ท ๒๒๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ผสู้ อน นางสาวมณฑกาญจน์ ศิรมิ งคล กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรียนมธั ยมวัดสิงห์ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียน เขียนส่ือสาร เขยี นเรยี งความ ย่อความและเร่ืองราวในรูปแบบ ตา่ ง ๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ตัวชี้วดั ท ๒.๑ ม.๒/๓ เขียนเรียงความ ท ๒.๑ ม.๒/๘ มีมารยาทในการเขยี น ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้สู่ตัวช้วี ัด ๓.๑ บอกลกั ษณะของเค้าโครงเรยี งความทีด่ ีและสามารถแยกแยะองคป์ ระกอบของเรียงความได้ (K) ๓.๒ ใช้ถ้อยคาสานวนโวหารได้ถูกตอ้ งสละสลวย (P) ๓.๓ เหน็ ความสาคัญของการเขยี นเคา้ โครงเรยี งความเกย่ี วกับประสบการณ์ และมมี ารยาทใน การเขียน (A) ๔. สาระสาคญั (คาช้แี จง) เรียงความเป็นงานเขียนร้อยแก้วประเภทหน่ึงที่ผู้เขียนได้แสดงออกซ่ึงความรู้ความคิด ความเข้าใจ และประสบการณ์ นาเสนอเปน็ เร่อื งราวต่าง ๆ โดยใชก้ ระบวนการคิดทเี่ ป็นระบบแล้วถา่ ยทอดผ่านภาษาท่ี ร้อยเรียงอย่างประณตี มแี บบแผน ๕. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นา กจิ กรรมนาเขา้ สบู่ ทเรยี น ๑. ครูสนทนากบั นักเรียนเร่ืองการเขยี นเรยี งความ แลว้ ใหน้ ักเรียนช่วยกันให้นิยามของเรยี งความ ครูคอยแนะนา กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน ๒. ใหน้ กั เรียนช่วยกันระดมความคิดว่าองคป์ ระกอบของเรียงความท่ดี ีควรมอี งค์ประกอบใดบ้าง จงึ สมบรู ณ์แบบดา้ นงานเขียนประเภทเรียงความ (หัวข้อเรอ่ื ง คานา เน้ือหาสาระ บทสรปุ ) ๓. ให้นักเรียนช่วยกนั เสนอความคดิ ว่าหากต้องการให้งานเขียนเรยี งความของเราเป็นงานเขยี นท่ดี ี ควรจะมีข้ันตอนกระบวนการใดบา้ ง (๑. ข้ันกาหนดหัวข้อ ๒. ขนั้ กาหนดขอบเขตของเรื่อง ๓. ข้ันหาข้อมูล เพ่ิมเติม ๔. ขัน้ วางโครงเร่อื ง ๕. ขั้นลงมือเขียน ๖. ขนั้ ตรวจทาน) ครคู อยแนะนา
๔. ใหน้ ักเรียนศกึ ษาความรู้ เรื่อง ขน้ั ตอนการเขยี นเรยี งความ จากใบความรู้ แลว้ เขยี นเป็นแผนภาพ ความคดิ ๖. ขั้นตรวจทาน ๕. ขน้ั ลงมือเขยี น ๔. ขัน้ วางโครงเรอื่ ง ๓. ขน้ั หาข้อมลู เพิ่มเติม ๒. ขน้ั กาหนดขอบเขตของเร่ือง ๑. ข้ันกาหนดหัวเรอื่ ง ขัน้ สรุปกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๕. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่องการเขียนเรียงความเพิ่มเติม และศึกษาตัวอย่างเรียงความในหนังสือ เรยี น ๖. ให้นักเรียนร่างหัวข้อ/โครงเรื่องของเรียงความที่ตนเองสนใจแต่ให้มีเน้ือหาเก่ียวกับจิตสาธารณะ พร้อมทงั้ ให้เหตุผลไดว้ า่ มีความเป็นสาธารณะอยา่ งไร ๗. ใหน้ กั เรยี นส่งหัวข้อโครงเรอ่ื งต่อครู ครูเสนอแนะ ๘. ครูให้นักเรียนกลับไปหาข้อมูลเพ่ือจะนามาเขียนเรียงความ ตามหัวข้อ/โครงเร่ือง ท่ีตนเองร่างไว้ จากหนังสอื หรืออินเทอรเ์ นต็ พร้อมทั้งบอกแหล่งข้อมูลอา้ งองิ ดว้ ย ๙. ให้นักเรียนทาใบกจิ กรรม เร่อื ง การเขียนเรยี งความ แลว้ รว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง สือ่ การเรยี นรู้ ๑. Power Point ตัวอยา่ ง เรือ่ ง โวหารการเขยี น ๒. ใบความรู้ เร่ือง โวหารการเขียน ๓. ใบงาน เรือ่ ง กิจกรรมเร่ืองการเขียนเคา้ โครงเรยี งความ การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านสมรรถนะ คุณลักษณะ คิดวิเคราะห์ อา่ น/คิด/เขียน ๑. เคา้ โครงเรื่อง หลกั การ ๑. วัดทักษะด้านการสื่อสารจาก ใฝ่เรียนรู้ และรกั ความ เขยี นเรียงความ วัดด้วยความคิดและการเขยี น ๒. แบบทดสอบก่อนเรยี น- การเขียนเรียงความเกี่ยวกับ เปน็ ไทย วดั จาก โดยใช้ใบงานเรอื่ ง การเขียน หลังเรยี น เรียงความเกย่ี วกับ ประสบการณ์ แบบสอบถามทัศนคติ ประสบการณ์ ๒. วัดทกั ษะด้านการเรียน ท่มี ีตอ่ เน้ือหาสาระ ทาแบบทดสอบ กิจกรรมเสนอแนะ
ใหน้ ักเรียนเขยี นเรียงความเกี่ยวกับประสบการณ์ในวันสาคัญตา่ ง ๆ เช่น วนั ครู วันเดก็ วันพ่อวันแม่ ฯลฯ นกั เรยี นจะไดฝ้ ึกการเขียนเรยี งความใหม้ ากขน้ึ ใบกิจกรรม เรอื่ ง การเขยี นเรียงความ ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี ๑. องคป์ ระกอบของการเขยี นเรียงความมีอะไรบ้าง จงอธบิ าย ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ _________________________________________________________________ ๒. เหตใุ ดจงึ ตอ้ งวางโครงเรอ่ื งก่อนทีจ่ ะเขียนเรยี งความ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________ ช่อื .........................................................................................................ชั้น..............เลขที.่ .........................
เฉลยใบกิจกรรม เรื่อง การเขยี นเรยี งความ (ตัวอยา่ งคาตอบ) ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ ๑. องค์ประกอบของการเขียนเรยี งความมีอะไรบ้าง จงอธบิ าย ๑. ชื่อเร่ือง (Title) ช่ือเรื่องต้องอยู่กึง่ กลางหนา้ กระดาษ การตง้ั ช่ือเรอ่ื ง กระทาได้ ๒ กรณี คอื ตง้ั ช่ือเร่อื ง ก่อนเขียนเรยี งความ หรือต้ังชอ่ื เรือ่ งหลังเขียนเรียงความเสร็จแลว้ ในกรณที ไ่ี ดก้ าหนดชื่อเรือ่ งไว้แลว้ อยา่ เปลีย่ นแปลงหรือแก้ไขช่ือเร่อื งเปน็ อนั ขาด การต้งั ชือ่ เรือ่ งท่ีนา่ สนใจควรยึดหลักดังน้ี ๑ ตั้งชื่อเร่ืองใหแ้ ปลกเดน่ ชวนอ่าน ไม่ต้ังชื่อเร่ืองพ้ืน ๆ หรือช่ือทค่ี นุ้ เคยของคนท่ัวไป ๒ ต้ังชื่อเรือ่ งให้ครอบคลมุ ใจความท้งั หมดของเรื่อง ๓ ต้ังชอื่ เร่ืองให้สนั้ และจาง่าย ๔ ไมค่ วรตงั้ ช่ือเรือ่ งให้ซา้ กับคนอืน่ ๒. คานา (Introduction) เป็นสว่ นเปดิ เรอื่ งหรือเกร่ินนาให้ผูอ้ นื่ ได้ทราบว่าจะไดอ้ ่านเร่ืองอะไรต่อไป คานาท่ดี ี มลี ักษณะดังน้ี ๑. ใชภ้ าษาประณตี สละสลวย ชวนอ่าน ๒. มีเน้ือหาสอดคล้องและตรงกบั เน้อื เร่อื ง ๓. เปิดประเด็นเขา้ สู่เร่ือง ไม่เขียนวกวนหรือยืดยาวจนเกินไป ๔. เรา้ ใจผ้อู ่าน ทาใหเ้ กิดความรสู้ ึกอยากอ่าน ไมเ่ ขียนเรยี บง่าย ขาดชีวติ ชีวา ๓. เนื้อเรื่อง (Body) เป็นส่วนสาคญั ท่สี ดุ ของเรยี งความ เพราะเปน็ ส่วนเนอื้ หาทเี่ ปน็ รายละเอียดของเรอื่ งที่จะ ทาใหผ้ ู้อา่ นได้รับความรู้หรอื เข้าใจเรื่องราวได้อย่างชัดแจ้ง การลาดับเน้ือหาของเร่ืองควรยึดโครงเรอื่ งเปน็ แกน เพราะจะทาให้การลาดับความของเน้ือเร่อื งเป็นไปอย่างตอ่ เน่ือง ไม่สับสนวกวน ๔. บทสรุป (Conclusion) เปน็ สว่ นปดิ เรื่อง การปิดเร่ืองควรทาใหผ้ ู้อ่านเกดิ ความประทับใจ เกิดความร้สู กึ คล้อย ตามเนอ้ื หาของเรื่องที่เขียนมา ไมค่ วรเขียนบทสรุปออกนอกประเดน็ เปดิ ประเด็นใหม่ หรอื ขดั แย้งกับเรือ่ ง ที่เขียนมาเพราะจะทาใหเ้ รื่องทเ่ี ขียนบานปลายจนจบไม่ลง ๒. เหตุใดจงึ ตอ้ งวางโครงเรอ่ื งกอ่ นทจี่ ะเขียนเรียงความ เพ่ือการเรยี งลาดับความคดิ วา่ จะกลา่ วถึงเนือ้ หาใด ก่อน-หลัง ชว่ ยใหก้ ารเรยี งลาดับ เน้ือหาของเร่ืองเปน็ ไปตามลาดับ ไมส่ บั สน และไดใ้ จความครบถ้วนตามองคป์ ระกอบคอื หวั ขอ้ เรอ่ื ง คานา เนื้อหา/สาระ และบทสรปุ
ช่ือ.........................................................................................................ช้นั ..............เลขที่.......................... แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ท่ตี รงกับระดับคะแนน ลาดบั ชอ่ื -สกุล ความตัง้ ใจ ความ การตรงตอ่ ความสะอาด ผลสาเร็จ รวม ที่ ของผ้รู ับการประเมิน ในการทางาน รบั ผดิ ชอบ เวลา เรียบรอ้ ย ของงาน 20 1 คะแนน 2 3 43214321432143214321 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 ประเมนิ ลงชื่อ .................................................... ผู้ ................ /................ /................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ ๔ คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ให้ ๓ คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ ๒ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ ๑ คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ๑๘ - ๒๐ ดมี าก ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยครง้ั ๑๔ - ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต่ากวา่ ๑๐ ปรับปรุง แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คาชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง ที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพึงประสงค์ดา้ น ๔๓๒๑ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยืนตรงเม่อื ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธิบาย กษัตริย์ ความหมายของ เพลงชาติ ๑.๒ ปฏิบตั ติ นตามสิทธแิ ละหนา้ ที่ของนักเรยี น ๑.๓ ให้ความรว่ มมือ ร่วมใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในโรงเรียน ๑.๔ เข้ารว่ มกจิ กรรมและมสี ว่ นร่วมในการจดั กิจกรรมทสี่ รา้ งความ สามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ตอ่ โรงเรยี นและชุมชน ๑.๕ เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถือ ปฏบิ ัตติ นตามหลักของ ศาสนา ๑.๖ เข้าร่วมกจิ กรรมและมีส่วนร่วมในการจดั กจิ กรรมทเี่ กยี่ วกับสถาบัน พระมหากษัตรยิ ต์ ามท่ีโรงเรยี นและชมุ ชนจดั ขึ้น ๒. ซ่ือสัตย์ สุจริต ๒.๑ ให้ข้อมลู ที่ถูกตอ้ ง และเป็นจริง ๒.๒ ปฏิบตั ใิ นสง่ิ ท่ถี กู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ท่ีจะทาความผดิ ทา ตามสัญญาที่ตนใหไ้ ว้กบั เพ่ือน พ่อแม่ หรือผ้ปู กครอง และครู ๒.๓ ปฏิบัตติ ่อผอู้ ่นื ด้วยความซอ่ื ตรง ไม่หาประโยชนใ์ นทางที่ไมถ่ ูกตอ้ ง ๓. มวี นิ ยั ๓.๑ ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครวั รบั ผิดชอบ และโรงเรยี น ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมต่างๆ ใน ชวี ติ ประจาวนั และรบั ผดิ ชอบในการทางาน ๔. ใฝเ่ รียนรู้ ๔.๑ แสวงหาข้อมูลจากแหลง่ การเรียนรตู้ า่ งๆ ๔.๒ มกี ารจดบันทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ
๕. อยู่อย่าง ๔.๓ สรุปความรู้ได้อย่างมีเหตุผล พอเพยี ง ๕.๑ ใชท้ รัพยส์ ินของตนเอง เชน่ ส่ิงของ เครอ่ื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คมุ้ ค่า และเก็บรักษาดูแลอยา่ งดี และใชเ้ วลาอยา่ งเหมาะสม ๕.๒ ใช้ทรัพยากรของสว่ นรวมอยา่ งประหยดั คุ้มค่า และเก็บรกั ษาดูแล อยา่ งดี ๕.๓ ปฏบิ ัติตนและตดั สนิ ใจด้วยความรอบคอบ มเี หตผุ ล ๕.๔ ไมเ่ อาเปรยี บผอู้ น่ื และไมท่ าใหผ้ ้อู ื่นเดือดร้อน พร้อมให้อภัยเม่ือ ผ้อู ื่นกระทาผดิ พลาด คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น ๔๓๒๑ ๕.๕ วางแผนการเรียน การทางานและการใชช้ วี ิตประจาวนั บนพ้ืนฐาน ของความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร ๕.๖ รเู้ ทา่ ทันการเปล่ียนแปลงทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และปรับตวั อยูร่ ว่ มกับผู้อน่ื ไดอ้ ยา่ งมีความสขุ ๖. มุง่ มั่นในการ ๖.๑ มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานท่ีได้รบั มอบหมาย ทางาน ๖.๒ มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรคเพ่ือใหง้ านสาเรจ็ ๗. รักความเป็นไทย ๗.๑ มีจติ สานึกในการอนุรักษ์วฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย ๗.๒ เห็นคุณค่าและปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย ๘. มจี ิตสาธารณะ ๘.๑ รูจ้ กั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู างาน ๘.๒ อาสาทางาน ชว่ ยคิด ชว่ ยทา และแบง่ ปนั สงิ่ ของใหผ้ อู้ ่ืน ๘.๓ ดูแล รักษาทรัพยส์ มบัติของห้องเรียน โรงเรยี น ชมุ ชน ๘.๔ เข้ารว่ มกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ประเมิน ลงชอ่ื .................................................... ผู้ ................ /................ /................
เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ ๓ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ ๒ คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครั้ง ให้ ๑ คะแนน ๙๑ – ๑๐๘ ดมี าก ๗๓ – ๙๐ ดี ๕๔ – ๗๒ พอใช้ ต่ากว่า ๕๔ ปรับปรงุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๑ การใช้ภาษาไทย เรอ่ื ง การเขยี นเรียงความ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรื่อง หลกั การเขยี นเรยี งความ เวลาเรียน ๒ ชัว่ โมง รหัสวิชา ท ๒๒๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ผู้สอน นางสาวมณฑกาญจน์ ศริ มิ งคล กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย โรงเรยี นมธั ยมวดั สิงห์ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียน เขยี นส่ือสาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความและเรื่องราวในรูปแบบ ตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมีประสิทธภิ าพ ๒. ตวั ชว้ี ดั ท ๒.๑ ม.๒/๓ เขยี นเรียงความ ท ๒.๑ ม.๒/๘ มีมารยาทในการเขียน ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้สู่ตวั ชว้ี ดั ๓.๑ บอกลกั ษณะของเรยี งความทดี่ ีและลักษณะของโวหารแต่ละชนิดได้ (K) ๓.๒ ใช้ถอ้ ยคาสานวนโวหารได้ถกู ต้องสละสลวย (P) ๓.๓ เห็นความสาคัญของการเขียนเรียงความเก่ียวกบั ประสบการณ์ และมีมารยาทในการเขียน (A) ๔. สาระสาคัญ (คาช้ีแจง) เรียงความเปน็ งานเขยี นท่มี รี ปู แบบชัดเจน ประกอบด้วย คานา เน้อื เรอื่ ง และสรปุ การเขียน เรยี งความเกยี่ วกับประสบการณ์ต้องกลา่ วถึงเร่ืองท่ีไดป้ ระสบมาจริงเพ่ือใหเ้ กิดประโยชน์แก่ผูอ้ า่ น ผเู้ ขียน เรยี งความควรวางโครงเรื่องใหช้ ดั เจนจงึ จะทาใหเ้ รียงความมีเอกภาพ นา่ สนใจและชวนอ่าน ๕. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนา ๑. ให้นกั เรียนร่วมกันสนทนา โดยครูใช้คาถามท้าทาย ดังนี้ นักเรยี นมคี วามร้เู กีย่ วกบั เรียงความอยา่ งไรบา้ ง กิจกรรมการเรียนรู้ ๒. ให้นกั เรียนดตู ัวอย่างการเขยี นเรียงความจากประสบการณ์ จากนน้ั ให้ช่วยกนั วิเคราะหว์ า่ เรยี งความทเ่ี ปน็ ตวั อยา่ งมีขอ้ ดีอยา่ งไรบา้ ง (ชอ่ื เร่ืองน่าสนใจ เทคนคิ การเขียนคานาน่าสนใจ เน้ือเร่ืองชดั เจน สรปุ ประทบั ใจปิดท้ายดว้ ยคาคม) ๓. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาการเขยี นเรยี งความเกย่ี วกับประสบการณ์ โดยใชค้ าถามตรวจสอบความเข้าใจ ดงั น้ี เรียงความคืออะไร (งานเขียนท่ีมีลกั ษณะเฉพาะ คอื คานา เนอ้ื เรอ่ื ง และสรุป)
คานาทน่ี า่ สนใจมีกลวธิ กี ารเขียนอย่างไรบ้าง (เขยี นคาจากัดความ คาคม สภุ าษิต หรือ คาประพันธม์ าใช)้ เนอ้ื เรอ่ื งต้องเขยี นอย่างไร (ต้องเขยี นจากประสบการณ์จรงิ และเป็นประโยชนแ์ ก่ผู้อื่น) สรปุ ควรมีลักษณะอย่างไร (เขียนสรปุ แนวคดิ ท้ังหมด ตรงประเด็น อาจใช้คาคมหรือ สภุ าษติ สรุปจะทาใหน้ า่ ประทับใจย่ิงข้นึ ) ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ ๔. ให้นกั เรียนนาแผนภาพความคดิ ที่ครูกาหนดให้ มาขยายเป็นเรยี งความ ความยาว ๑ หนา้ พร้อม ต้ังชือ่ เร่อื งให้สมั พันธ์ กับเร่ือง การเขยี นเรยี งความเกย่ี วกับประสบการณ์ ๕. เมือ่ เสร็จแล้วสง่ ครูประเมินผลงาน ครูตดิ ผลงานบนปา้ ยนิเทศ ขั้นสรุป ๖. ให้นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังน้ี เรียงความเป็นงานเขียนทม่ี รี ูปแบบชัดเจน ประกอบด้วย คานา เน้ือเรอื่ ง และสรุป การเขียน เรียงความเกีย่ วกับประสบการณ์ตอ้ งกล่าวถงึ เร่ืองที่ได้ประสบมาจริงเพ่ือให้เกิดประโยชน์แกผ่ ู้อา่ น ผ้เู ขยี น เรียงความควรวางโครงเร่ืองใหช้ ดั เจนจึงจะทาให้เรียงความมีเอกภาพ นา่ สนใจและชวนอ่าน สื่อการเรียนรู้ ๑. Power Point ตัวอย่าง การเขียนเรยี งความ ๒. ช้ินงาน เรอื่ ง กิจกรรมเรยี นรู้ เบ้อื งต้นของการเขียนเรียงความ ๓. ใบงาน เร่ือง โวหารการเขยี น ๔. ใบความรู้ เรื่อง โวหารการเขยี น ๕. Power Point ตัวอยา่ ง เร่ือง โวหารการเขียน การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นสมรรถนะ คณุ ลักษณะ คิดวเิ คราะห์ อ่าน/คิด/เขยี น ๑. หลกั การเขยี นเรียงความ ๑. วดั ทักษะด้านการสื่อสารจาก ใฝ่เรียนรู้ และรกั ความ เกี่ยวกับประสบการณ์ วดั ด้วยความคิดและการเขยี น ๒. แบบทดสอบก่อนเรียน- การเขียนเรยี งความเกย่ี วกับ เป็นไทย วัดจาก โดยใช้ใบงานเรื่อง การเขยี น หลงั เรยี น เรียงความเกี่ยวกับ ประสบการณ์ แบบสอบถามทัศนคติ ประสบการณ์ ๒. วัดทักษะด้านการเรยี น ทา ทม่ี ตี อ่ เนื้อหาสาระ แบบทดสอบ กจิ กรรมเสนอแนะ ใหน้ ักเรยี นเขียนเรยี งความเกี่ยวกับประสบการณ์ในวันสาคัญตา่ ง ๆ เชน่ วันครู วันเด็ก วันพอ่ วันแม่ ฯลฯ นกั เรียนจะไดฝ้ ึกการเขียนเรียงความให้มากข้นึ
แบบประเมนิ การเขียนโครงเรือ่ งเรยี งความเกยี่ วกับประสบการณ์ ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๑ ๔๓๒ ๑ องค์ประกอบของโครงเร่ืองเรียงความ ๒ การเรยี งลาดับความสาคัญ/ความสัมพันธ์ของ เนื้อหาเรยี งความ ๓ การใชส้ านวนภาษา ๔ มารยาทในการเขียน รวม ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ดีมาก = ๔ คะแนน ดี = ๓ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ พอใช้ = ๒ คะแนน ปรบั ปรุง = ๑ คะแนน ๑๔ – ๑๖ ดมี าก ๑๑ – ๑๓ ดี ๘ – ๑๐ พอใช้ ต่ากว่า ๘ ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ การเขียนโครงเรอื่ งเรียงความเก่ยี วกับประสบการณ์ ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ๔ ๓๒๑ ๑ องคป์ ระกอบของโครงเรื่องเรียงความ ๒ การเรยี งลาดับความสาคญั /ความสมั พันธ์ของเนือ้ หาเรียงความ ๓ การใชส้ านวนภาษา ๔ มารยาทในการเขียน รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ดีมาก = ๔ คะแนน ดี = ๓ คะแนน พอใช้ = ๒ คะแนน ปรบั ปรุง = ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ๑๔ – ๑๖ ดมี าก ๑๑ – ๑๓ ดี ๘ – ๑๐ พอใช้ ตา่ กวา่ ๘ ปรบั ปรงุ
การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) แบบประเมนิ การเขยี นโครงเรือ่ งเรียงความเก่ยี วกับประสบการณ์ รายการประเมิน สรุป รวม ลาดบั เกณฑก์ ารประเมนิ องคป์ ระกอบของ การเรยี งลาดับวาม การใชส้ านวนภาษา มารยาทในการเขยี น ที่ ระดบั คะแนน โครงเร่ืองเรียงความ สาคญั ความสมั พนั ธ์ 16 ของเนอ้ื หาเรยี งความ 4321 4321 4321 4321 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21. 22. 23. 24. 25. 26. 27. 28. 29 30.
ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ . ............./.................../................ การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) การประเมนิ ชน้ิ งานน้ใี ห้ผสู้ อนพิจารณาจากเกณฑ์การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics) เร่อื ง การเขยี นเรียงความ ๓ ๒๑ ระดับคะแนน เขยี นเรยี งความ เขียนเรียงความ เขียนเรยี งความ ๔ มอี งคป์ ระกอบ มีองค์ประกอบ มอี งคป์ ระกอบ ครบถว้ น ครบถ้วน ครบถ้วน เกณฑ์การประเมิน คานา และสรปุ คานา และสรุปได้ดี คานา และสรุปไดด้ ี นา่ สนใจ หัวขอ้ กับเน้ือหา แตเ่ นือ้ หากับหวั ข้อไม่ การเขยี นเรยี งความ เขยี นเรยี งความ หวั ขอ้ กบั เนื้อหา สัมพันธก์ นั ค่อยสมั พนั ธ์กนั มีองค์ประกอบ สัมพนั ธก์ ัน การเรียบเรียง และต้องปรับปรุง ครบถ้วน เน้อื เร่อื งมเี อกภาพ เนอ้ื เรอื่ ง เร่อื งการใช้ภาษา คานา และสรปุ แต่ใช้ภาษา สบั สนเลก็ นอ้ ย น่าสนใจ บกพร่องเลก็ น้อย และภาษาไมด่ ี หัวขอ้ กับเนื้อหา เท่าท่คี วร สัมพันธก์ นั เนือ้ เรอื่ งมีเอกภาพ มเี นอ้ื หา ในเชิงสรา้ งสรรค์ และเปน็ ประโยชน์ ใชภ้ าษาได้ดี เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ดีมาก = ๔ คะแนน ดี = ๓ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ พอใช้ = ๒ คะแนน ปรบั ปรุง = ๑ คะแนน ๑๔ – ๑๖ ดมี าก ๑๑ – ๑๓ ดี ๘ – ๑๐ พอใช้ ตา่ กวา่ ๘ ปรับปรุง
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาช้ีแจง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลาดับ ชือ่ -สกลุ ความตง้ั ใจ ความ การตรงตอ่ ความสะอาด ผลสาเร็จ รวม ท่ี ของผู้รับการประเมนิ ในการทางาน รับผดิ ชอบ เวลา เรียบร้อย ของงาน 20 1 คะแนน 2 3 43214321432143214321 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15
ลงชือ่ .........................................ผู้ประเมนิ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ ๔ คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ให้ ๓ คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ ๑ คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ๑๘ - ๒๐ ดีมาก ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้งั ๑๔ - ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ตา่ กว่า ๑๐ ปรบั ปรงุ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ท่ีตรงกับระดบั คะแนน คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงคด์ ้าน ๔๓๒๑ ๑. รักชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยนื ตรงเม่อื ไดย้ ินเพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ าย กษัตริย์ ความหมายของ เพลงชาติ ๑.๒ ปฏบิ ัตติ นตามสทิ ธแิ ละหนา้ ที่ของนักเรียน ๑.๓ ใหค้ วามร่วมมือ ร่วมใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในโรงเรยี น ๑.๔ เข้าร่วมกจิ กรรมและมสี ่วนรว่ มในการจดั กิจกรรมทีส่ ร้างความ สามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ตอ่ โรงเรียนและชมุ ชน ๑.๕ เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถอื ปฏบิ ัตติ นตามหลักของ ศาสนา ๑.๖ เข้าร่วมกิจกรรมและมีส่วนรว่ มในการจัดกจิ กรรมทีเ่ กี่ยวกับสถาบนั พระมหากษัตริยต์ ามที่โรงเรยี นและชุมชนจดั ขนึ้ ๒. ซื่อสตั ย์ สจุ รติ ๒.๑ ให้ข้อมูลทถี่ ูกต้อง และเปน็ จริง ๒.๒ ปฏิบตั ิในสิ่งทถ่ี กู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลัวที่จะทาความผดิ ทา ตามสญั ญาทีต่ นใหไ้ วก้ บั เพื่อน พอ่ แม่ หรือผปู้ กครอง และครู ๒.๓ ปฏบิ ัตติ ่อผู้อื่นด้วยความซ่ือตรง ไมห่ าประโยชนใ์ นทางที่ไม่ถูกตอ้ ง ๓. มีวนิ ัย ๓.๑ ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครวั รบั ผดิ ชอบ และโรงเรยี น ตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมต่างๆ ใน ชวี ิตประจาวนั และรบั ผิดชอบในการทางาน
๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๔.๑ แสวงหาข้อมลู จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ๕. อยู่อย่าง ๔.๒ มีการจดบนั ทึกความรู้อย่างเป็นระบบ พอเพียง ๔.๓ สรปุ ความรูไ้ ด้อยา่ งมเี หตุผล ๕.๑ ใช้ทรัพยส์ นิ ของตนเอง เชน่ ส่ิงของ เครอ่ื งใช้ ฯลฯ อย่างประหยดั คมุ้ คา่ และเก็บรักษาดูแลอย่างดี และใชเ้ วลาอยา่ งเหมาะสม ๕.๒ ใช้ทรัพยากรของสว่ นรวมอย่างประหยัด คุ้มคา่ และเก็บรักษาดแู ล อยา่ งดี ๕.๓ ปฏิบัตติ นและตดั สนิ ใจด้วยความรอบคอบ มีเหตผุ ล ๕.๔ ไมเ่ อาเปรยี บผู้อนื่ และไม่ทาให้ผ้อู ่นื เดอื ดร้อน พร้อมให้อภัยเม่ือ ผอู้ ื่นกระทาผิดพลาด คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อันพึงประสงค์ดา้ น ๔๓๒๑ ๕.๕ วางแผนการเรียน การทางานและการใช้ชวี ติ ประจาวนั บนพน้ื ฐาน ของความรู้ ข้อมูล ขา่ วสาร ๕.๖ รู้เท่าทันการเปลย่ี นแปลงทางสังคม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และปรับตัว อยรู่ ว่ มกับผู้อื่นไดอ้ ย่างมีความสขุ ๖. ม่งุ มั่นในการ ๖.๑ มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทางานที่ได้รับมอบหมาย ทางาน ๖.๒ มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพื่อใหง้ านสาเรจ็ ๗. รกั ความเปน็ ไทย ๗.๑ มีจิตสานกึ ในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย ๗.๒ เห็นคุณค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย ๘. มีจิตสาธารณะ ๘.๑ รจู้ กั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครูทางาน ๘.๒ อาสาทางาน ช่วยคดิ ช่วยทา และแบ่งปันสิง่ ของให้ผู้อนื่ ๘.๓ ดแู ล รกั ษาทรัพยส์ มบัติของห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน ๘.๔ เข้าร่วมกจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ลงชื่อ ..........................................ผู้ประเมิน ................ /................ /................
เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ ๓ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ ๒ คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครั้ง ให้ ๑ คะแนน ๙๑ – ๑๐๘ ดมี าก ๗๓ – ๙๐ ดี ๕๔ – ๗๒ พอใช้ ต่ากว่า ๕๔ ปรับปรงุ
ใบงานที่ ๓ การเขียนเรียงความจากแผนภาพความคิด ชอ่ื ............................................................................... ช้ัน ....................... เลขท.่ี ................ ๑. ให้นกั เรียนร่วมกันเรียงแถบข้อความทีค่ รูกาหนดใหเ้ ป็นลาดับอยา่ งเหมาะสม คานา ความหมายของสารเสพตดิ ประเภทของสารเสพตดิ สาเหตขุ องการติดสารเสพตดิ จานวนผู้ตดิ สารเสพติดในประเทศไทย อนั ตรายจากสารเสพติด การปราบปรามสารเสพติด สรุป โครงเรือ่ งเรียงความท่เี รยี บเรียงแลว้ ๑. ........................................................................ ๕. ...................................................................... ๒. ......................................................................... ๖. ..................................................................... ๓. ........................................................................ ๗. ..................................................................... ๔. ........................................................................ ๘. ..................................................................... ๒. ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั ตงั้ ชื่อเรอื่ งให้สอดคลอ้ งกับเน้ือหา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................. ................................................. .. ๓. ให้นกั เรยี นศึกษาความรู้เรอื่ ง การเขยี นเรยี งความ แล้วร่วมกนั ตอบคาถาม ดงั น้ี ๑) เรยี งความคืออะไร ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................... .................... ๒) โครงสร้างของการเขยี นเรยี งความมีอะไรบา้ ง .............................................................................................................................................................................. ..
............................................................................................................................. ................................................. .. ๓) ขัน้ ตอนการเขียนเรียงความต้องทาอยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................................. ....... ........................................................................................................................................................ ...................... ........ ๔) การเขียนเรียงความมปี ระโยชนอ์ ย่างไรบา้ ง ...................................................... ................................................................................................... ..................... ........ ใบงานท่ี ๔ เรือ่ ง โวหาร ชอ่ื -สกุล..................................................................ชน้ั ม. ……./................. เลขท่.ี ...................... จดุ ประสงค์ ฝกึ ทักษะการอา่ นเพ่ือเขา้ ใจโวหารตา่ งๆ เช่น บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร อุปมาโวหาร เทศนาโวหาร และสาธกโวหาร กจิ กรรม อา่ นขอ้ ความตอ่ ไปน้ี แลว้ ตอบคาถามว่าเป็นโวหารชนดิ ใด ๑. แสงแดดเรมิ่ สลัวลง เหลา่ ปกั ษาต่างถลาขน้ึ มงุ่ หนา้ สู่รัง ทอ้ งฟา้ แดงเปน็ สเี ลือดไดเ้ ปล่ยี น กลายเปน็ สีดา ตอบ………………………………………………………………………………………………… …… ๒. ผู้ใหญม่ กั บอกลูกหลานของเขาเสมอวา่ แมน่ า้ เจา้ พระยาเปน็ แม่น้าที่เปรียบเสมอื นเส้นเลอื ดใหญ่ ของคนไทย แต่จนแลว้ จนเลา่ ก็ไม่มีใครคิดถึงความขมขืน่ ของลาน้าสายนีเ้ ลย ตอบ............................................................................................................................. ................... ๓. ถ่นิ เดิมของผักตบชวาอยู่ในอเมรกิ าใต้ และได้กระจายพันธ์ไุ ปทว่ั โลก ส่วนผกั ตบชวานี้ ไดน้ าเขา้ มา จากประเทศอนิ โดนีเซยี ในปี พ.ศ. 2444 ในรัชกาลท่ี 5 เน่ืองจากดอกของมันสวยงามสะดุดตา เมอื่ แรกนามา ปลูกไว้ในสระนา้ ในวงั ต่อมาเกิดน้าทว่ ม ผักตบชวาหลดุ ลอยออกสูล่ าคลองและแมน่ ้า ตอบ............................................................................................................................. ...................
๔. สารคดีแนวชวี ประวตั ิของวีรบรุ ษุ ไทยท่ีมคี ุณธรรม อันควรเปน็ ตัวอย่างหลายประการ กล่าวคือ พระยาพิชยั ดาบหัก ผซู้ ่งึ มีความกลา้ หาญ ความกตัญญูกตเวที และสงั เกตไดว้ ่า ผปู้ ระสบความสาเรจ็ ในชวี ติ นั้น นอกจากจะเป็นผมู้ ีสตปิ ัญญาเฉลยี วฉลาดแล้ว จาต้องมีความอดทนต่อความยากลาบาก มีความ อุตสาหะหมัน่ เพยี รหาความรู้ หาวิชาใสต่ น ตอบ........................................................................................................................................... ..... ๕. ประเทศชาตขิ องเราจะเจรญิ หรือเสื่อมลงนัน้ ข้นึ อยู่กับการศึกษาของประชาชนแต่ละคนเป็น สาคญั ผลการศกึ ษาอบรมในวนั นี้ จะเป็นเครือ่ งกาหนดอนาคตของชาตใิ นวันหน้า ตอบ............................................................................................................................. ...................
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๑ การใช้ภาษาไทย เรื่อง จดหมายใช้สื่อสาร แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ เร่ือง หลักการเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ เวลาเรยี น ๓ ช่วั โมง รหัสวชิ า ท ๒๒๑๐๒ รายวชิ าภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ๒ ผูส้ อน นางสาวมณฑกาญจน์ ศิรมิ งคล กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย โรงเรียนมธั ยมวดั สงิ ห์ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขยี นสื่อสาร เขยี นเรียงความ ย่อความและเร่ืองราวในรูปแบบ ต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ตัวชว้ี ดั ท ๒.๑ ม. ๒/๖ เขยี นจดหมายกิจธุระ ท ๒.๑ ม.๒/๘ มมี ารยาทในการเขียน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้สูต่ ัวชี้วดั ๑. อธิบายรปู แบบและหลกั การเขียนจดหมายกิจธุระ (K) ๒. เขยี นจดหมายกิจธุระ (P) ๓. เหน็ ความสาคัญของการเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะและมีมารยาทในการเขียน (A) สาระสาคญั (คาชแ้ี จง) จดหมายกิจธุระเปน็ จดหมายทใ่ี ชต้ ิดตอ่ เรื่องธุระ กิจการงานตา่ ง ๆ ระหวา่ งบุคคลหรอื หนว่ ยงาน ในการเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะต้องคานึงถงึ การใชถ้ ้อยคาใหช้ ัดเจน รูปแบบถกู ต้อง ใช้ภาษาสุภาพ เพอื่ การสอื่ สาร จะได้สมั ฤทธผิ ล การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นา ๑. ใหน้ กั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คาถามท้าทาย ดังนี้ นกั เรียนคดิ ว่าปัจจุบนั การเขยี นจดหมายมีความจาเปน็ หรอื ไม่ เพราะเหตุใด กิจกรรมการเรียนรู้ ๒. ให้นักเรียนร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกับวิธกี ารสอ่ื สาร การสง่ ขา่ วถงึ กนั ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจบุ นั ครบู ันทึกเป็นแผนภาพความคิดบนกระดาน ใชค้ วันไฟ จุดพลุ หรือยิงปนื อนิ เทอรเ์ น็ต วธิ กี ารสื่อสาร ใชน้ กพริ าบ หรอื คนขี่ม้าส่งสาร โทรศพั ท์ โทรเลข จดหมาย วทิ ยุ ตดิ ตามตัว
๓. ครอู ธิบายใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจว่าแมป้ ัจจบุ ันจะมีการสือ่ สารทางโทรศัพทห์ รอื อินเทอรเ์ น็ตที่สะดวก รวดเร็วแตก่ ารเขยี นจดหมายก็ยังมคี วามสาคัญโดยเฉพาะจดหมายกจิ ธรุ ะ การส่งจดหมายกจิ ธุระเปน็ ลายลกั ษณ์ อักษรแสดงถงึ การใหเ้ กยี รติผู้รบั เปน็ การติดต่ออยา่ งเปน็ ทางการและเปน็ มารยาททางสังคม ๔. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาตวั อยา่ งจดหมายกจิ ธรุ ะที่ครตู ดิ บนกระดาน สังเกตรูปแบบ สว่ นประกอบของ จดหมาย และวธิ ีการเขียน ๕. ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความรู้ เรื่อง การเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ แลว้ ร่วมกันสรปุ ความเข้าใจ ๖. ให้นกั เรยี นร่วมกนั สนทนาเกย่ี วกบั คาทใี่ ช้ในการขอร้อง และการเรียบเรียงประโยคขอร้อง ๗. ใหน้ กั เรยี นทาใบงานที่ ๒๗ เรื่อง การเขียนจดหมายกิจธรุ ะ จากนัน้ จบั คกู่ ันเพ่ือตรวจสอบ ประเมินผลงาน และแก้ไขปรับปรุง แลว้ จงึ นาผลงานสง่ ครู ครูประเมนิ ผลงานของนกั เรียนเป็นรายบุคคล ขัน้ สรปุ ๘. ใหน้ กั เรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้ จดหมายกจิ ธุระเป็นจดหมายที่ใช้ตดิ ตอ่ ธุระ กิจการงานต่าง ๆ ระหว่างบุคคลหรือหนว่ ยงาน ในการเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะต้องคานึงถงึ การใช้ถ้อยคาให้ชัดเจน รูปแบบถกู ต้อง ใช้ภาษาสุภาพ เพอื่ การสื่อสารจะไดส้ มั ฤทธผิ ล ๙. ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นไปศกึ ษาค้นคว้าหัวข้อและรปู แบบการทาโครงงานจากแหลง่ การเรยี นรู้ ตา่ ง ๆ หรืออินเทอรเ์ น็ต บันทึกข้อมลู ทสี่ นใจไวเ้ พ่ือนามาสนทนาร่วมกนั ในช่ัวโมงตอ่ ไป สอ่ื การเรียนรู้ ๑. ตวั อยา่ งจดหมายกิจธุระ ๒. ใบงาน เร่อื ง การเขียนจดหมายกิจธุระ(๒๗) การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านสมรรถนะ คณุ ลักษณะ คิดวิเคราะห์ อ่าน/คิด/เขียน ๑. ใบงาน เรอ่ื ง การเขียน วดั ทักษะด้านการสื่อสารจากการ ใฝเ่ รยี นรู้ และรกั ความ จดหมายกิจธุระ วดั จากความคิดและการเขยี น ๒. แบบทดสอบ เขียนจดหมายกจิ ธุระ เป็นไทย วดั จาก โดยใชใ้ บงานเรื่อง การเขยี น เขยี นจดหมายกิจธรุ ะ แบบสอบถามทัศนคติ ทม่ี ีต่อเนื้อหาสาระ กจิ กรรมเสนอแนะ นกั เรยี นสามารถสรปุ ไดว้ ่า จดหมายกิจธรุ ะเปน็ จดหมายทีใ่ ชต้ ิดต่อเรือ่ งธุระ กจิ การงานต่าง ๆ ระหวา่ งบุคคลหรือหนว่ ยงาน ในการเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะต้องคานึงถึงการใช้ถ้อยคาให้ชัดเจน รูปแบบถกู ต้อง ใช้ ภาษาสุภาพ เพ่ือการส่ือสารจะได้สมั ฤทธิผล
แบบประเมินตามสภาพจรงิ การประเมินใบงานน้ีใหผ้ ูส้ อนพิจารณาจากเกณฑ์การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เรอ่ื ง การเขยี นจดหมายกจิ ธุระ ระดับ คะแนน ๔๓ ๒ ๑ (๑๐ คะแนน) (๙ คะแนน) (๗-๘ คะแนน) (๕-๖ คะแนน) เกณฑก์ ารประเมิน การเขยี นจดหมาย เขยี นจดหมาย เขยี นจดหมาย เขยี นจดหมาย เขียนจดหมาย กจิ ธุระ กิจธุระไดต้ รงตาม กจิ ธรุ ะไดต้ รงตาม กิจธรุ ะไดต้ รงตาม กิจธรุ ะได้ตรงตาม จดุ ประสงค์ จดุ ประสงค์ จุดประสงค์ จดุ ประสงค์ รปู แบบถกู ต้อง รปู แบบถกู ต้อง รปู แบบถกู ต้อง รปู แบบถูกต้อง สะอาดเรียบร้อย สะอาดเรียบร้อย สะอาดเรยี บร้อย สะอาดเรยี บร้อย ใช้ภาษาถูกต้อง ใชภ้ าษาถกู ต้อง มขี อ้ บกพร่อง ตอ้ งปรับปรงุ เหมาะสม เหมาะสม เรอื่ งภาษาและ เรื่องการใช้ภาษา ทกุ แหง่ ทุกแห่ง การแบง่ ย่อหน้า และการเรยี บเรียง แบ่งย่อหน้า แบง่ ยอ่ หนา้ เล็กน้อย ข้อความ อย่างเหมาะสม อย่างเหมาะสม และเนอ้ื ความ สว่ นเนื้อความ เนอ้ื ความของ เนือ้ ความของ ของจดหมาย ของจดหมาย จดหมายระบุ จดหมายยงั ระบุ ไมม่ รี ายละเอยี ด ส้ันมาก รายละเอยี ด รายละเอียด มากนัก ไม่มีรายละเอียด ชดั เจน บางส่วนไม่ชดั เจน
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล คาช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ท่ตี รงกับระดับคะแนน ลาดบั ช่อื -สกลุ ความต้งั ใจ ความ การตรงตอ่ ความสะอาด ผลสาเรจ็ รวม ท่ี ของผรู้ บั การประเมิน ในการทางาน รบั ผดิ ชอบ เวลา เรยี บรอ้ ย ของงาน ๒๐ คะแนน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ ประเมนิ ลงชือ่ .................................................... ผู้ ................ /................ /................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ ๔ คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ให้ ๓ คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ ๑ คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ๑๘ - ๒๐ ดมี าก ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้งั ๑๔ - ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ตา่ กว่า ๑๐ ปรบั ปรงุ
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกับระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน ๔๓๒๑ ๑. รักชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยนื ตรงเมื่อได้ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบาย กษัตรยิ ์ ความหมายของ เพลงชาติ ๑.๒ ปฏิบัตติ นตามสิทธิและหน้าที่ของนักเรียน ๑.๓ ใหค้ วามร่วมมือ รว่ มใจ ในการทางานกับสมาชิกในโรงเรยี น ๑.๔ เขา้ ร่วมกิจกรรมและมีสว่ นร่วมในการจัดกิจกรรมที่สร้างความ สามัคคี ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรยี นและชุมชน ๑.๕ เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนับถือ ปฏบิ ัตติ นตามหลักของ ศาสนา ๑.๖ เข้าร่วมกจิ กรรมและมสี ่วนรว่ มในการจดั กจิ กรรมทีเ่ ก่ียวกับสถาบัน พระมหากษัตริยต์ ามท่ีโรงเรยี นและชมุ ชนจดั ขึ้น ๒. ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ ๒.๑ ใหข้ อ้ มูลทถ่ี ูกต้อง และเปน็ จริง ๒.๒ ปฏบิ ัติในส่ิงทถ่ี กู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลัวทจี่ ะทาความผิด ทา ตามสญั ญาทีต่ นให้ไวก้ ับเพ่ือน พ่อแม่ หรอื ผปู้ กครอง และครู ๒.๓ ปฏิบตั ิตอ่ ผู้อน่ื ดว้ ยความซื่อตรง ไมห่ าประโยชนใ์ นทางที่ไม่ถูกตอ้ ง ๓. มวี นิ ัย ๓.๑ ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ของครอบครวั รับผิดชอบ และโรงเรียน ตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ ใน ชีวิตประจาวัน และรับผดิ ชอบในการทางาน ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๔.๑ แสวงหาข้อมลู จากแหล่งการเรยี นรู้ต่างๆ ๔.๒ มีการจดบนั ทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ ๔.๓ สรุปความรู้ได้อย่างมเี หตผุ ล ๕. อยู่อยา่ ง ๕.๑ ใช้ทรัพยส์ นิ ของตนเอง เชน่ สงิ่ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด พอเพียง คุม้ ค่า และเกบ็ รักษาดูแลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม ๕.๒ ใชท้ รัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มคา่ และเก็บรกั ษาดูแล อยา่ งดี ๕.๓ ปฏบิ ัตติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มีเหตผุ ล ๕.๔ ไมเ่ อาเปรยี บผู้อ่นื และไม่ทาใหผ้ ู้อน่ื เดือดร้อน พร้อมให้อภัยเมอ่ื ผู้อ่นื กระทาผดิ พลาด
คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อันพงึ ประสงค์ด้าน ๔๓๒๑ ๕.๕ วางแผนการเรยี น การทางานและการใช้ชีวติ ประจาวนั บนพ้นื ฐาน ของความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร ๕.๖ รเู้ ท่าทนั การเปลย่ี นแปลงทางสังคม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และปรับตัว อยู่รว่ มกบั ผู้อืน่ ไดอ้ ย่างมีความสขุ ๖. มุ่งมน่ั ในการ ๖.๑ มีความตัง้ ใจและพยายามในการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย ทางาน ๖.๒ มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออุปสรรคเพื่อใหง้ านสาเรจ็ ๗. รักความเปน็ ไทย ๗.๑ มจี ติ สานกึ ในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทย ๗.๒ เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย ๘. มีจติ สาธารณะ ๘.๑ รจู้ ักชว่ ยพ่อแม่ ผูป้ กครอง และครูทางาน ๘.๒ อาสาทางาน ช่วยคดิ ช่วยทา และแบง่ ปันสง่ิ ของให้ผู้อนื่ ๘.๓ ดแู ล รักษาทรัพย์สมบัติของห้องเรยี น โรงเรียน ชุมชน ๘.๔ เขา้ รว่ มกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชนข์ องโรงเรียน ประเมิน ลงชอ่ื .................................................... ผู้ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ ๓ คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ ๒ คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง ให้ ๑ คะแนน ๙๑ – ๑๐๘ ดีมาก ๗๓ – ๙๐ ดี ๕๔ – ๗๒ พอใช้ ตา่ กว่า ๕๔ ปรบั ปรุง
ใบงานท่ี ๑ เร่ือง การเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ ได้ คะแนน วันท่ี เดือน พ.ศ. คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน ชอ่ื ชนั้ เลขที่ ใหน้ ักเรยี นเขียนจดหมายขอความอนุเคราะหใ์ นการเขา้ ชมพพิ ิธภัณฑ์ “นทิ รรศน์รตั นโกสนิ ทร์” กรุงเทพมหานคร โดยเขียนในนามประธานชมรมภาษาไทย และกาหนดรายละเอียดอืน่ ๆ ตามความ เหมาะสม เชน่ วันและเวลาทขี่ อเขา้ ชม จานวนผูเ้ ข้าชม _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________
ตัวอย่างจดหมายเชิญวิทยากร ท่ี ๗/๒๕๔๙ ชมรมภาษาไทย โรงเรยี น นครสวรรค์ ๑๗๓ ถนนมาตุลี อ.เมอื ง จ.นครสวรรค์ ๖๐๐๐๐ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๙ เร่อื ง ขอเชิญเป็นกรรมการตัดสนิ การอ่านทานองเสนาะ เรยี น อาจารยส์ ุวนยี ์ พระแกว้ ส่ิงทส่ี ง่ มาด้วย กาหนดการจดั งาน “วันสนุ ทรภู่” ประจาปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ด้วยในโอกาส “วันสุนทรภู่” ประจาปี พ.ศ. ๒๕๔๙ นี้ ทางชมรมภาษาไทยโรงเรียนนครสวรรค์ จะจัดกิจกรรมส่งเสริมภาษาไทยให้แก่นักเรียน ได้แก่ การอ่านทานองเสนาะ การแต่งคาประพันธ์ และ การตอบปัญหาวิชาการ ในวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๙ ตั้งแต่เวลา ๙.๐๐ น. ณ ห้องประชุมของโรงเรียน ดงั รายละเอยี ดที่แนบมานี้ ชมรมภาษาไทยพจิ ารณาเหน็ ว่าท่านเป็นผ้หู นง่ึ ท่ีมคี วามเชยี่ วชาญในการอ่านทานอง เสนาะ จึงเรียนมาเพื่อขอเชิญท่านเป็นกรรมการตัดสินการอ่านทานองเสนาะร่วมกับอาจารย์ของหมวด วิชาภาษาไทยของโรงเรียน ตามกาหนดการทแ่ี นบ ทางชมรมภาษาไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คงจะได้รบั ความ อนุเคราะหจ์ ากทา่ น จงึ ขอขอบพระคณุ มา ณ โอกาสนดี้ ้วย ขอแสดงความนับถือ (นายสมชาย รักการอา่ น) ประธานชมรมภาษาไทย (นายอนุรักษ์ นิยมไทย) อาจารย์ท่ปี รึกษาชมรมภาษาไทย ชมรมภาษาไทย โทร. ๐-๕๖๒๒-๒๗๑๑
ตวั อยา่ งจดหมายขอความอนเุ คราะห์ ท่ี ๑๑/๒๕๔๙ ชมรมอนุรกั ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ โรงเรยี นนครสวรรค์ ๑๗๓ ถนนมาตุลี อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ๖๐๐๐๐ ๑๐ ตลุ าคม ๒๕๔๙ เรอื่ ง ขอพนั ธุก์ ลา้ ไม้ยนื ต้น เรยี น หัวหน้าศูนยเ์ พาะพนั ธ์ุกล้าไม้ จังหวดั นครสวรรค์ สิ่งที่ส่งมาด้วย โครงการปลกู ปา่ เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั เน่ืองด้วยชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โรงเรียนนครสวรรค์ จะจัดกิจกรรมปลูกป่าเฉลิม พระเกียรติในโอกาสท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ข้ึนในวันท่ี ๒๓ ตุลาคม ๒๕๔๙ ณ บริเวณสวนป่าแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีนักเรียนเข้าร่วมโครงการน้ีจานวน ๒๐๐ คน โครงการน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนเห็นความสาคัญของป่าไม้ซ่ึงเป็นทรัพยากรธรรมชาติและรู้จักใช้ เวลาวา่ งบาเพ็ญประโยชน์ให้แก่สงั คม ดังรายละเอยี ดของโครงการท่ีแนบมาพร้อมน้ี การปลูกปา่ คร้ังนตี้ ้องใช้พันธ์ุกล้าไมเ้ ป็นจานวนมาก ซึ่งสว่ นหนึง่ ทางชมรมได้เพาะขน้ึ เอง แต่ก็ยัง ไม่เพียงพอ ฉะนั้นทางชมรมจึงใคร่ขอความอนุเคราะห์พันธุ์กล้าไม้ยืนต้นจากศูนย์เพาะกล้วยไม้เพ่ือนาไปใช้ ปลกู ปา่ ในครง้ั น้ี และถา้ ท่านอนุเคราะห์ ทางชมรมจะส่งผแู้ ทนมารับตามวันและเวลาท่ที างศูนยฯ์ สะดวก ซง่ึ จะได้ตดิ ตอ่ กับทา่ นทางโทรศพั ท์ในภายหลงั จงึ เรียนมาเพ่อื ขอความอนเุ คราะห์ และขอขอบคุณอย่างสูงมา ณ โอกาสน้ี ขอแสดงความนบั ถอื (นายอนรุ ักษ์ ต้นไมง้ าม) ประธานชมรมอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (นายพนา รักษไ์ พร) อาจารย์ทปี่ รกึ ษาชมรมฯ ชมรมอนรุ กั ษ์ธรรมชาติ ๐-๕๖๒๒-๒๗๑๑
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๓ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๑ การใช้ภาษาไทย เร่อื ง การเขยี นวิเคราะหว์ จิ ารณ์ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๓ เรือ่ ง การเขยี นวเิ คราะหว์ ิจารณ์ เวลาเรยี น ๓ ชวั่ โมง รหัสวชิ า ท ๒๒๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ๒ ผู้สอน นางสาวมณฑกาญจน์ ศิริมงคล กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย โรงเรยี นมัธยมวัดสิงห์ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขียนสื่อสาร เขยี นเรยี งความ ย่อความและเร่ืองราวในรูปแบบ ตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ตวั ชวี้ ดั ท ๒.๑ ม. ๒/๗ เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ความคดิ เห็น หรือโตแ้ ย้งจากเรื่องท่ีอา่ น อยา่ งมีเหตุผล ท ๒.๑ ม. ๒/๘ มารยาทการเขยี น จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้สูต่ ัวช้ีวดั ๑. อธิบายความหมายของการเขยี นวิเคราะห์วจิ ารณ์ได้ (K) ๒. การเขียนวิเคราะหว์ จิ ารณ์ได้ (P) ๓. มารยาทในการเขียน (A) สาระสาคญั (คาชี้แจง) การเขยี นวิเคราะห์วิจารณ์ คือ การพจิ ารณางานเขยี น ด้านเนื้อหา สาระ ทว่ งทานองงานเขยี น ขอ้ ดี และข้อบกพร่อง เม่อื นาข้อดีและข้อบกพร่องมาพิจารณาแล้วก็สามารถระบวุ า่ งานเขียนน้ันดหี รอื ไม่เพยี งใด การพิจารณาผอู้ า่ นต้องมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ความสามารถทม่ี อี ยู่ไปพจิ ารณางานเขยี นอยา่ งละเอียดถถี่ ้วน เพือ่ เขา้ ใจจดุ มุ่งหมาย สามารถทราบคุณค่าที่แทจ้ รงิ ของงานเขยี นนน้ั ๆ และนาไปใช้ในชวี ติ จรงิ ได้ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนา ๗.๑ สนทนากบั นกั เรยี นเกีย่ วกบั ทกั ษะต่าง ๆ ที่นกั เรียนรู้จัก และใช้คาถามกระตนุ้ ความคดิ เช่น ๑) ทกั ษะต่าง ๆ ที่นักเรียนรูจ้ ักมที กั ษะอะไรบ้าง (ทักษะการฟงั พดู อ่าน เขยี น คดิ วิเคราะห์ ฯลฯ) ๒) นักเรียนคดิ ว่าทักษะใดมีความสาคัญ หรอื จาเปน็ ต่อการใชช้ วี ติ ประจาวันของนกั เรียนมาก ทส่ี ุด ขน้ั สอน ๗.๒ นกั เรียนศกึ ษาความรู้เรอ่ื ง การเขยี นวิเคราะห์ วิจารณ์ จากหนงั สอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ววิ ธิ ภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ และจากเวบ็ ไซตท์ ีเ่ กี่ยวขอ้ ง ๗.๓ นักเรียนฟงั อธิบายเพ่มิ เติมจากครู เร่ือง การเขยี นวิเคราะห์วิจารณ์ จุดมุง่ หมาย หลักและวธิ กี าร เขียน ตวั อย่าง และประโยชน์ของการเขยี นวิเคราะห์วิจารณ์
ข้นั สรุป ๗.๔ นักเรยี นร่วมกันอภิปรายความรู้ และจดบันทกึ ลงสมุด สอื่ การเรียนรู้ ๑. ตวั อยา่ งการเขียนวิเคราะห์วจิ ารณ์ ๒. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานภาษาไทย ววิ ิธภาษา ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ ๓. ใบงาน การเขยี นวิเคราะห์วจิ ารณ์ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านสมรรถนะ คุณลักษณะ คดิ วิเคราะห์ อ่าน/คดิ /เขียน ๑. ใบงาน เรอ่ื ง การเขียน วดั ทกั ษะด้านการส่ือสารจาก ใฝเ่ รียนรู้ และรกั ความ วิเคราะห์วจิ ารณ์ การการเขียนวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ เป็นไทย วัดจาก วัดจากความคดิ และการเขียน ๒. แบบทดสอบ แบบสอบถามทัศนคติ โดยใชใ้ บงานเรอื่ ง การเขียน ท่มี ตี ่อเนื้อหาสาระ วิเคราะหว์ ิจารณ์ กิจกรรมเสนอแนะ -
ใบงาน เร่อื ง การเขยี นวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรคู้ วามคดิ เห็น (๑) ช่อื ..............................................................................................ชน้ั ................เลขท่ี................ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเขียนวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรคู้ วามคดิ เห็นในเร่ืองที่สนใจ จากเรื่องทีค่ รู กาหนดให้ (เลอื กทา ๑ เรื่อง) ดังน้ี ๑) สอื่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ในปจั จุบนั ๒) แวน่ ตาหรอื คอนแทคเลนส์ แบบไหนดีกว่ากัน ๓) “หมปู ้งิ ” อาหารเชา้ ยอดนยิ มของนกั เรียน ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................ ................................... ................................................................................................ ................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ...................................................................................................................................................... ............. ...................................................................................................................... ............................................. ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ......................................................................................... .......................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................................... .................... .............................................................................................................. ..................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ......................................
ใบงาน เร่อื ง การเขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความร้คู วามคิดเหน็ (๒) ชือ่ ..............................................................................................ช้นั ................เลขท.ี่ ............... คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นเขียนวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความร้คู วามคิดเห็นในเร่ืองนกั เรยี นรบั ชม เชน่ ละคร ภาพยนตร์ การ์ตนู ขา่ ว ฯลฯ (เลอื กเขยี น ๑ เร่อื ง) เรื่อง .......................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ........................................................................................... ........................................................................ ............................................................................................................................. ...................................... .................................................................................................................................................. ................. ................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ...................................................................................... ............................................................................. ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................................ ....................... ............................................................................................................ ....................................................... ............................................................................................................................. ...................................... .................................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ......................................
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล คาช้ีแจง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ชือ่ -สกุล ความต้งั ใจ ความ การตรงตอ่ ความสะอาด ผลสาเรจ็ รวม ท่ี ของผูร้ บั การประเมิน ในการทางาน รบั ผดิ ชอบ เวลา เรยี บรอ้ ย ของงาน ๒๐ คะแนน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ ประเมนิ ลงชือ่ .................................................... ผู้ ................ /................ /................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ ๔ คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ให้ ๓ คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ ๑ คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ๑๘ - ๒๐ ดมี าก ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยคร้งั ๑๔ - ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ตา่ กว่า ๑๐ ปรบั ปรงุ
แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกับระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน ๔๓๒๑ ๑. รักชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยนื ตรงเมื่อได้ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบาย กษัตรยิ ์ ความหมายของ เพลงชาติ ๑.๒ ปฏิบัตติ นตามสิทธิและหน้าที่ของนักเรียน ๑.๓ ใหค้ วามร่วมมือ รว่ มใจ ในการทางานกับสมาชิกในโรงเรยี น ๑.๔ เขา้ ร่วมกิจกรรมและมีสว่ นร่วมในการจัดกิจกรรมที่สร้างความ สามัคคี ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรยี นและชุมชน ๑.๕ เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนับถือ ปฏบิ ัตติ นตามหลักของ ศาสนา ๑.๖ เข้าร่วมกจิ กรรมและมสี ่วนรว่ มในการจดั กจิ กรรมทีเ่ ก่ียวกับสถาบัน พระมหากษัตริยต์ ามท่ีโรงเรยี นและชุมชนจดั ขึ้น ๒. ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ ๒.๑ ใหข้ อ้ มูลทถ่ี ูกต้อง และเปน็ จริง ๒.๒ ปฏบิ ัติในส่ิงทถ่ี กู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลัวทจี่ ะทาความผิด ทา ตามสญั ญาทตี่ นให้ไวก้ ับเพ่ือน พ่อแม่ หรอื ผปู้ กครอง และครู ๒.๓ ปฏิบตั ิตอ่ ผู้อืน่ ดว้ ยความซื่อตรง ไมห่ าประโยชนใ์ นทางที่ไม่ถูกตอ้ ง ๓. มวี นิ ัย ๓.๑ ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ของครอบครวั รับผิดชอบ และโรงเรียน ตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ ใน ชีวิตประจาวัน และรับผดิ ชอบในการทางาน ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๔.๑ แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรยี นรู้ต่างๆ ๔.๒ มีการจดบนั ทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ ๔.๓ สรุปความรไู้ ด้อย่างมีเหตผุ ล ๕. อยู่อยา่ ง ๕.๑ ใช้ทรัพยส์ นิ ของตนเอง เชน่ สงิ่ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด พอเพียง คุม้ ค่า และเกบ็ รักษาดูแลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม ๕.๒ ใชท้ รัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มคา่ และเก็บรกั ษาดูแล อยา่ งดี ๕.๓ ปฏบิ ัตติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มีเหตผุ ล ๕.๔ ไมเ่ อาเปรยี บผู้อ่นื และไม่ทาใหผ้ ู้อน่ื เดือดร้อน พร้อมให้อภัยเมอ่ื ผู้อ่นื กระทาผิดพลาด
คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น ๔๓๒๑ ๕.๕ วางแผนการเรยี น การทางานและการใชช้ ีวติ ประจาวันบนพ้นื ฐาน ของความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร ๕.๖ รู้เท่าทนั การเปลย่ี นแปลงทางสังคม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรับ และปรับตัว อยู่รว่ มกบั ผู้อืน่ ไดอ้ ย่างมีความสขุ ๖. มุ่งมน่ั ในการ ๖.๑ มีความตัง้ ใจและพยายามในการทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย ทางาน ๖.๒ มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออุปสรรคเพ่ือใหง้ านสาเร็จ ๗. รักความเป็นไทย ๗.๑ มจี ติ สานกึ ในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย ๗.๒ เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย ๘. มีจติ สาธารณะ ๘.๑ รจู้ ักชว่ ยพ่อแม่ ผูป้ กครอง และครูทางาน ๘.๒ อาสาทางาน ช่วยคดิ ช่วยทา และแบง่ ปนั ส่งิ ของใหผ้ ู้อื่น ๘.๓ ดแู ล รักษาทรัพย์สมบัติของห้องเรยี น โรงเรียน ชุมชน ๘.๔ เขา้ รว่ มกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชนข์ องโรงเรียน ประเมิน ลงชอ่ื .................................................... ผู้ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ ๓ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ ๒ คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง ให้ ๑ คะแนน ๙๑ – ๑๐๘ ดมี าก ๗๓ – ๙๐ ดี ๕๔ – ๗๒ พอใช้ ต่ากว่า ๕๔ ปรับปรุง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๔ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ การใช้ภาษาไทย เรื่อง การสร้างคาสมาส แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๔ เรอื่ ง คาสมาส-สนธิ เวลาเรยี น ๓ ชวั่ โมง รหสั วชิ า ท ๒๒๑๐๒ รายวชิ าภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ผสู้ อน นางสาวมณฑกาญจน์ ศริ มิ งคล กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนมธั ยมวัดสงิ ห์ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษาภมู ิปัญญาทางภาษาและรกั ภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ ตวั ชี้วดั ท ๔.๑ ม ๒/๑ การสรา้ งคาในภาษาไทย (คาสมาส) จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้สู ตู่ วั ช้ีวดั ๑. อธบิ ายหลักการสร้างคาสมาส (K) ๒. สรา้ งคาสมาส (P) ๓. เหน็ ความสาคัญของการสรา้ งคาสมาส (A) สาระสาคัญ (คาชีแ้ จง) คาสมาส คือ คาทีเ่ กิดจากการนาคาในภาษาบาลีและสันสกฤตมารวมเข้าดว้ ยกัน เพ่ือทาให้เกิดคา ใหม่ ทีม่ ีความหมายใหม่ โดยยังมีเคา้ ของความหมายเดิมอยู่ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั นา ๑. ใหน้ ักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกบั หลกั การสรา้ งคาในภาษาองั กฤษ เช่น การเติม s es er ed ing less un im และการนาคาตัง้ แต่ ๒ คา มารวมกันโดยเปรียบเทียบกับคาในภาษาไทย เชน่ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย bird นก birds นกหลายตัว teach การสอน teacher ครู happy มีความสขุ unhappy ไม่มีความสุข ขน้ั สอน ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั ทบทวนหลักการสรา้ งคาในภาษาไทย ได้แก่ คาประสม คาซ้อน คาซ้า และ คาสมาส จากนน้ั เปรียบเทียบวธิ กี ารสร้างคาสมาสและคาประสมพร้อมทงั้ ยกตวั อยา่ งคา ๓. ให้นกั เรยี นเล่นเกม “สมาสสัมพันธ์” โดยแบง่ กล่มุ ๓ กลมุ่ ครแู จกบัตรคาให้กล่มุ ละ ๕ ใบแลว้ นาบตั รคาอีกชุดหนง่ึ ซงึ่ มีจานวน ๑๕ ใบ ติดควา่ ไวบ้ นกระดาน แต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนออกมาจับฉลากหมายเลข ๑-๓ เพือ่ เรยี งลาดบั การเลน่ กลมุ่ ท่ี ๑ เลอื กเปิดบัตรคาบนกระดาน ๑ ใบ ถา้ มีบัตรคาในกล่มุ ที่สามารถรวมกับคา
บนกระดานเปน็ คาสมาสที่ถูกตอ้ งได้ ให้สง่ ตวั แทนนาบตั รคานั้นไปติดบนกระดาน แต่ถ้ากล่มุ ของตนเองไม่มีคาที่ รวมกันได้ต้องสละสิทธิ์ให้กลุ่มอ่ืน จากนน้ั กลุ่มท่ี ๒ เลือกเปิดบตั รคาบนกระดานและดาเนินกจิ กรรมเชน่ เดียวกัน จนกวา่ กลมุ่ ใดจะใชบ้ ตั รคาหมดก่อนถอื เปน็ ผูช้ นะ ครูให้กลุ่มท่เี หลอื เลน่ เกมต่อไปจนจบ คาสมาสที่ใชใ้ นกจิ กรรมน้ี ได้แก่ โบราณสถาน พทุ ธศักราช สารสนเทศ มัธยมศึกษา อุตสาหกรรม พพิ ิธภัณฑ์ สวัสดิภาพ ราชสมบัติ ชวี จิต พชื มงคล รัฐมนตรี มนษุ ยสัมพนั ธ์ ไปรษณยี บัตร นาฏศิลป์ โลกทัศน์ ๔. ใหน้ ักเรียนทาใบงานท่ี ๒๕ เรือ่ ง การสรา้ งคาสมาส แล้วรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้อง ๕. ให้นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรปุ ความรู้ ดังนี้ การสร้างคาสมาสทาให้ภาษาไทยมีคาใชเ้ พ่ิมมากขน้ึ ชว่ ยใหภ้ าษาไพเราะสละสลวย เป็น ประโยชน์ในการแตง่ คาประพันธ์ และมคี าใชส้ าหรับวทิ ยาการสมัยใหม่ ข้นั สรปุ ๖. ให้นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามทา้ ทาย ดังนี้ ภาษาใหม่ ๆ ท่ีใชใ้ นอนิ เทอร์เนต็ ถอื เปน็ การสร้างคาไดห้ รือไม่ เพราะเหตใุ ด สอื่ การเรยี นรู้ ๑. บตั รคา ๒. ใบงาน ๓. ใบความรู้เรอื่ ง การสร้างคาในภาษาไทย (คาสมาส) ๔. แบบทดสอบ เรือ่ ง ความหมายและการสร้างคาสมาส การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านสมรรถนะ คณุ ลกั ษณะ คดิ วเิ คราะห์ อ่าน/คิด/เขียน ๑. ใบงาน เรอ่ื ง การสร้าง วัดทักษะด้านการสื่อสารการ ใฝ่เรียนรู้ และรกั ความ คาสมาส สรา้ งคาสมาสแบบสนธิ เปน็ ไทย วดั จาก วดั จากการเขยี นและการอ่าน ๒. แบบทดสอบ เรือ่ ง แบบสอบถามทัศนคติ โดยใชใ้ บงานเร่ือง วิธีการ ความหมายและการสร้าง ทมี่ ีตอ่ เน้ือหาสาระ สรา้ งคาสมาส-สนธิ คาสมาส
การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics) การประเมินใบงานนี้ใหผ้ ู้สอนพจิ ารณาจากเกณฑ์การประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics) เรอื่ ง การสร้างคาสมาส ระดบั คะแนน ๔ ๓ ๒ ๑ (๙ คะแนน) (๗-๘ คะแนน) (๕-๖ คะแนน) เกณฑ์การประเมิน (๑๐ คะแนน) สร้างคาสมาส สร้างคาสมาส สรา้ งคาสมาส การสร้างคาสมาส สรา้ งคาสมาส ได้ถูกตอ้ งทุกคา ได้ถูกตอ้ ง ได้ถูกต้อง บางคาใช้เวลาคดิ เกือบทกุ คา หลายคา ไดถ้ ูกตอ้ งทกุ คา เลก็ นอ้ ย บางคาต้องมี แตไ่ ม่คลอ่ งนัก ผู้แนะนา และอีกหลายคา อยา่ งรวดเร็ว ตอ้ งมผี แู้ นะนา แมน่ ยา และสามารถ แนะนาหลกั เกณฑ์ ใหผ้ อู้ ื่นได้
ใบงานที่ ๑ เร่อื ง การวิเคราะห์การสร้างคาในภาษาไทย (คาสมาส) ชื่อ................................................................................................ช้นั ...................เลขที่................... คาช้ีแจง ให้นักเรียนเขยี นอธิบายการสร้างคาลงในตาราง ลาดบั คา โครงสร้าง ความหมาย ๑. เกยี รตคิ ณุ กติ ฺติ + คณุ ชอ่ื เสียงโดยคุณงามความดี ๒. วาตภัย วาต + ภยั ภยั อันตรายท่ีเกิดจากพายุ ๓. วรี บุรษุ ๔. มนษุ ยธรรม ๕. คณิตศาสตร์ ๖. วรรณคดี ๗. พลศกึ ษา ๘. ถาวรวัตถุ ๙. ภัตตาคาร ๑๐. เทพเจา้ ๑๑. กิจกรรม ๑๒. ธุรกจิ
ใบงานท่ี ๒ ได้ คะแนน เรอ่ื ง การสรา้ งคาสมาส คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน วนั ท่ี เดือน พ.ศ. ชื่อ ชัน้ เลขท่ี ใหน้ ักเรียนสรา้ งคาสมาสจากคาที่กาหนด ๑. สุวรรณ + ภมู ิ = __________________________________________________ ๒. หตั ถ + กรรม = __________________________________________________ ๓. ทัศนะ + ศิลป์ = __________________________________________________ ๔. จิตร + กร = __________________________________________________ ๕. จกั ษุ + แพทย์ = __________________________________________________ ๖. วัฒนะ + ธรรม = __________________________________________________ ๗. พันธะ + มิตร = __________________________________________________ ๘. อนุ + บาล = __________________________________________________ ๙. สุข + บญั ญัติ = __________________________________________________ ๑๐.ประวตั ิ + ศาสตร์ = __________________________________________________
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล คาช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ท่ตี รงกับระดับคะแนน ลาดบั ช่อื -สกลุ ความต้งั ใจ ความ การตรงตอ่ ความสะอาด ผลสาเรจ็ รวม ท่ี ของผรู้ บั การประเมิน ในการทางาน รบั ผดิ ชอบ เวลา เรยี บรอ้ ย ของงาน ๒๐ คะแนน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ ประเมนิ ลงชือ่ .................................................... ผู้ ................ /................ /................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ ๔ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ให้ ๓ คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ ๑ คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ๑๘ - ๒๐ ดมี าก ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้งั ๑๔ - ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ตา่ กว่า ๑๐ ปรบั ปรงุ
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกับระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน ๔๓๒๑ ๑. รักชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยนื ตรงเมื่อได้ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบาย กษัตรยิ ์ ความหมายของ เพลงชาติ ๑.๒ ปฏิบัตติ นตามสิทธิและหน้าที่ของนักเรียน ๑.๓ ใหค้ วามร่วมมือ รว่ มใจ ในการทางานกับสมาชิกในโรงเรยี น ๑.๔ เขา้ ร่วมกิจกรรมและมีสว่ นร่วมในการจัดกิจกรรมที่สร้างความ สามัคคี ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรยี นและชุมชน ๑.๕ เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนับถือ ปฏบิ ัตติ นตามหลักของ ศาสนา ๑.๖ เข้าร่วมกจิ กรรมและมสี ่วนรว่ มในการจดั กจิ กรรมทีเ่ ก่ียวกับสถาบัน พระมหากษัตริยต์ ามท่ีโรงเรยี นและชมุ ชนจดั ขึ้น ๒. ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ ๒.๑ ใหข้ อ้ มูลทถ่ี ูกต้อง และเปน็ จริง ๒.๒ ปฏบิ ัติในส่ิงทถ่ี กู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลัวทจี่ ะทาความผิด ทา ตามสญั ญาทีต่ นให้ไวก้ ับเพ่ือน พ่อแม่ หรอื ผปู้ กครอง และครู ๒.๓ ปฏิบตั ิตอ่ ผู้อน่ื ดว้ ยความซื่อตรง ไมห่ าประโยชนใ์ นทางที่ไม่ถูกตอ้ ง ๓. มวี นิ ัย ๓.๑ ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ของครอบครวั รับผิดชอบ และโรงเรียน ตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ ใน ชีวิตประจาวัน และรับผดิ ชอบในการทางาน ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๔.๑ แสวงหาข้อมลู จากแหล่งการเรยี นรู้ต่างๆ ๔.๒ มีการจดบนั ทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ ๔.๓ สรุปความรู้ได้อย่างมเี หตผุ ล ๕. อยู่อยา่ ง ๕.๑ ใช้ทรัพยส์ นิ ของตนเอง เชน่ สงิ่ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด พอเพียง คุม้ ค่า และเกบ็ รักษาดูแลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม ๕.๒ ใชท้ รัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มคา่ และเก็บรกั ษาดูแล อยา่ งดี ๕.๓ ปฏบิ ัตติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มีเหตผุ ล ๕.๔ ไมเ่ อาเปรยี บผู้อ่นื และไม่ทาใหผ้ ู้อน่ื เดือดร้อน พร้อมให้อภัยเมอ่ื ผู้อ่นื กระทาผดิ พลาด
คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อันพงึ ประสงค์ด้าน ๔๓๒๑ ๕.๕ วางแผนการเรยี น การทางานและการใช้ชีวติ ประจาวนั บนพ้นื ฐาน ของความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร ๕.๖ รเู้ ท่าทนั การเปลย่ี นแปลงทางสังคม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และปรับตัว อยู่รว่ มกบั ผู้อืน่ ไดอ้ ย่างมีความสขุ ๖. มุ่งมน่ั ในการ ๖.๑ มีความตัง้ ใจและพยายามในการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย ทางาน ๖.๒ มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออุปสรรคเพื่อใหง้ านสาเรจ็ ๗. รักความเปน็ ไทย ๗.๑ มจี ติ สานกึ ในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทย ๗.๒ เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย ๘. มีจติ สาธารณะ ๘.๑ รจู้ ักชว่ ยพ่อแม่ ผูป้ กครอง และครูทางาน ๘.๒ อาสาทางาน ช่วยคดิ ช่วยทา และแบง่ ปันสง่ิ ของให้ผู้อนื่ ๘.๓ ดแู ล รักษาทรัพย์สมบัติของห้องเรยี น โรงเรียน ชุมชน ๘.๔ เขา้ รว่ มกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชนข์ องโรงเรียน ประเมิน ลงชอ่ื .................................................... ผู้ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ ๓ คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ ๒ คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง ให้ ๑ คะแนน ๙๑ – ๑๐๘ ดีมาก ๗๓ – ๙๐ ดี ๕๔ – ๗๒ พอใช้ ตา่ กว่า ๕๔ ปรบั ปรุง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๖ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๑ การใชภ้ าษาไทย เรอ่ื ง การพดู วิเคราะห์วิจารณ์ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๖ เรอ่ื ง การพดู วิเคราะหว์ ิจารณ์ ข้อเท็จจริง ขอ้ คิดเห็น เวลาเรยี น ๓ ชว่ั โมง รหัสวชิ า ท ๒๒๑๐๒ รายวิชาภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ผู้สอน นางสาวมณฑกาญจน์ ศริ มิ งคล กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย โรงเรียนมัธยมวดั สงิ ห์ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมวี จิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรูส้ กึ ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวช้ีวัด ท ๓.๑ ม. ๒/๓ พูดวเิ คราะหว์ ิจารณ์เรอ่ื งท่ฟี งั อย่ามีเหตผุ ล เพอ่ื นาข้อคิดมาประยกุ ต์ใช้ในการดาเนนิ ชีวติ ท ๓.๑ ม. ๒/๖ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด จุดประสงค์การเรียนรสู้ ู่ตวั ช้ีวัด ๑ ให้เหตผุ ลในเรือ่ งที่พดู วเิ คราะห์วจิ ารณ์ได้ (k) ๒ พดู วิเคราะห์วิจารณ์เรื่องท่ีฟงั และดอู ย่างมีเหตผุ ลได้ (P) ๓ เหน็ ประโยชน์ของการพูดวิเคราะห์วจิ ารณ์ (A) สาระสาคัญ (คาชแี้ จง) การพดู เปน็ ทกั ษะทางภาษาท่ีสาคญั ในชวี ิตประจาวนั ยิ่งในปัจจุบนั นักเรียนตอ้ งถา่ ยทอดการรับสาร จากสือ่ ต่าง ๆ หลังจากการฟังและการดู ด้วยการพดู ซึ่งก่อนพูดนักเรียนต้องแยกแยะส่วนทเี่ ป็นข้อเท็จจรงิ และ ขอ้ คิดเหน็ ใหไ้ ด้ สรปุ ใจความสาคัญของข้อมูลข่าวสารท่ีนักเรียนได้รบั และนาไปใชว้ ิเคราะห์วิจารณ์อยา่ งมี เหตุผลเพ่ือประเมนิ ค่า ความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมลู น้ัน ๆ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นา ๗.๑ นักเรียนทบทวนความร้เู รือ่ งการพูดวเิ คราะหว์ ิจารณท์ ่ีเรียนในช่วั โมงทแ่ี ล้ว และครูใช้คาถาม ทบทวนความรู้ ๑) การพูดวิเคราะหว์ ิจารณ์คืออะไร ๒) หลกั การพดู วเิ คราะหว์ ิจารณ์มอี ะไรบ้าง ขั้นสอน ๗.๒ นักเรยี นรวมกลมุ่ กล่มุ ละ ๕ คน เพ่ือร่วมกันทากิจกรรมในชัน้ เรียน ๗.๓ นกั เรยี นชมวดิ ีโอท่คี รูเตรียมให้ ๓ เร่อื ง ได้แก่ ๑) เร่อื ง zombie dad ๒) เรือ่ ง กล็ องดู ๓) เรอ่ื ง สบั ปะรด
๗.๔ นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มเลือกพดู วิเคราะหว์ ิจารณเ์ รอ่ื งท่ชี ม ๑ เร่ือง และส่งตวั แทนนาเสนอหน้าช้นั เรียน ขน้ั สรุป ๗.๕ นักเรียนรว่ มกันสรปุ ความรู้ และประโยชน์ของการพดู วเิ คราะห์วจิ ารณ์ สอื่ การเรียนรู้ ๑. ใบความรู้เร่ือง พดู วิเคราะห์วิจารณเ์ ร่ืองท่ีฟังและดูอยา่ งมีเหตุผล ๒. ใบงาน พดู วเิ คราะห์วิจารณเ์ ร่ืองที่ฟังและดอู ย่างมเี หตุผล ๓. แบบทดสอบ เรอื่ ง พูดวิเคราะห์วจิ ารณเ์ รื่องท่ีฟงั และดูอย่างมเี หตผุ ล ๔. ส่อื วิดีโอ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านสมรรถนะ คณุ ลกั ษณะ คิดวเิ คราะห์ อ่าน/คดิ /เขียน ๑. ใบงาน เรอ่ื ง พูด วัดทักษะด้านการส่ือสารการพูด ใฝเ่ รยี นรู้ และรักความ วเิ คราะหว์ จิ ารณเ์ รอ่ื งที่ฟัง วัดจากการเขยี นและการพูด และดอู ย่างมเี หตผุ ล พูดวเิ คราะห์วจิ ารณ์เรือ่ งท่ีฟังและ เป็นไทย วดั จาก โดยใช้ชน้ิ งานเรือ่ ง พดู ๒. แบบทดสอบ เร่ือง พูด วเิ คราะหว์ จิ ารณเ์ ร่อื งที่ฟงั และ วเิ คราะหว์ จิ ารณ์เรือ่ งที่ฟงั ดอู ยา่ งมเี หตุผล แบบสอบถามทัศนคติ ดอู ย่างมีเหตุผล และดูอย่างมเี หตผุ ล ทีม่ ีต่อเนื้อหาสาระ ข้อเสนอแนะ - ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการคิด ตอบคาถาม ครูเปน็ ผู้แนะนา ช่นื ชมและใหก้ าลังใจเมือ่ นกั เรยี นมีส่วนร่วม
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในช่อง ทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ชอ่ื -สกุล ความต้งั ใจ ความ การตรงตอ่ ความสะอาด ผลสาเรจ็ รวม ท่ี ของผูร้ บั การประเมิน ในการทางาน รบั ผดิ ชอบ เวลา เรยี บรอ้ ย ของงาน ๒๐ คะแนน ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ ประเมนิ ลงชือ่ .................................................... ผู้ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ ๔ คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ให้ ๓ คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ ๑ คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ๑๘ - ๒๐ ดมี าก ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมน้อยคร้งั ๑๔ - ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ตา่ กว่า ๑๐ ปรบั ปรงุ
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกับระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน ๔๓๒๑ ๑. รักชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยนื ตรงเมื่อได้ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบาย กษัตรยิ ์ ความหมายของ เพลงชาติ ๑.๒ ปฏิบัตติ นตามสิทธิและหน้าที่ของนักเรียน ๑.๓ ใหค้ วามร่วมมือ รว่ มใจ ในการทางานกับสมาชิกในโรงเรยี น ๑.๔ เขา้ ร่วมกิจกรรมและมีสว่ นร่วมในการจัดกิจกรรมทส่ี ร้างความ สามัคคี ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรยี นและชุมชน ๑.๕ เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนับถือ ปฏบิ ัตติ นตามหลักของ ศาสนา ๑.๖ เข้าร่วมกจิ กรรมและมสี ่วนรว่ มในการจดั กจิ กรรมทีเ่ ก่ียวกับสถาบัน พระมหากษัตริยต์ ามท่ีโรงเรยี นและชมุ ชนจดั ขึ้น ๒. ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ ๒.๑ ใหข้ อ้ มูลทถ่ี ูกต้อง และเปน็ จริง ๒.๒ ปฏบิ ัติในส่ิงทถ่ี กู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลัวทจี่ ะทาความผิด ทา ตามสญั ญาทีต่ นให้ไวก้ ับเพ่ือน พ่อแม่ หรอื ผปู้ กครอง และครู ๒.๓ ปฏิบตั ิตอ่ ผู้อน่ื ดว้ ยความซื่อตรง ไมห่ าประโยชนใ์ นทางที่ไม่ถูกตอ้ ง ๓. มวี นิ ัย ๓.๑ ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครวั รับผิดชอบ และโรงเรียน ตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิกจิ กรรมตา่ งๆ ใน ชีวิตประจาวัน และรับผดิ ชอบในการทางาน ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๔.๑ แสวงหาข้อมลู จากแหล่งการเรยี นรู้ต่างๆ ๔.๒ มีการจดบันทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ ๔.๓ สรุปความรไู้ ด้อย่างมเี หตผุ ล ๕. อยู่อยา่ ง ๕.๑ ใช้ทรัพยส์ นิ ของตนเอง เชน่ สงิ่ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด พอเพียง คุม้ ค่า และเกบ็ รักษาดูแลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม ๕.๒ ใชท้ รัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มคา่ และเก็บรกั ษาดูแล อยา่ งดี ๕.๓ ปฏบิ ัตติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มีเหตผุ ล ๕.๔ ไมเ่ อาเปรยี บผู้อ่นื และไม่ทาใหผ้ ู้อน่ื เดือดร้อน พร้อมให้อภัยเมอ่ื ผู้อ่นื กระทาผดิ พลาด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116