Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมข้อสอบ-นวก-โค้งสุดท้าย

รวมข้อสอบ-นวก-โค้งสุดท้าย

Published by sarunphat.meth, 2021-07-31 15:02:17

Description: รวมข้อสอบ-นวก-โค้งสุดท้าย

Search

Read the Text Version

100 20. ขอ้ ใดไม่ใชอ่ งคก์ รหลกั ในกระทรวงศกึ ษาธิการ ข. สภาการศึกษา ก. คณะกรรมการการอุดมศึกษา ง. คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ค. คณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน 21. การบริหารและการจัดการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐานใหย้ ดึ เขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา ต้องคานงึ ถงึ ข้อใด ก. ปรมิ าณสถานศึกษา ข. จานวนประชากร ค. วัฒนธรรม ง. ถูกทกุ ข้อ 22. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก. ผูแ้ ทนองค์กรชมุ ชน ข. ผแู้ ทนองคก์ รเอกชน ค. ผูแ้ ทนองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน ง. ผแู้ ทนองค์กรวชิ าชีพ 23. คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน มีอานาจหนา้ ทตี่ ามข้อใด ก. กาหนดนโยบายและแผนพัฒนา ข. กากบั ส่งเสริมสนับสนนุ กิจการของสถานศกึ ษา ค. สนบั สนุนทรัพยากรเพ่ือการศึกษา ง. ประสานส่งเสริมสนบั สนุนการศึกษาเอกชน 24. ขอ้ ใดไม่ใชห่ น้าท่ขี องสภาการศึกษา ก. พิจารณาเสนอแผนการศึกษาแหง่ ชาติ ข. สนบั สนนุ ทรัพยากรเพอ่ื การศกึ ษา ค. ดาเนินการประเมนิ ผลการจดั การศึกษา ง. ให้ความเหน็ หรอื คาแนะนาเกีย่ วกับกฎหมายและกฎกระทรวง 25. ใครมีอานาจกาหนดเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา ก. คณะรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธกิ าร ค. ปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร ง. รัฐสภา

101 26. อสงั หาริมทรพั ย์ท่ีสถานศึกษาของรัฐท่เี ปน็ นติ ิบุคคลไดม้ าโดยมผี ้อู ทุ ิศให้โดยการซือ้ หรอื การ แลกเปลี่ยนจากรายได้ของสถานศึกษา เป็นสมบตั ิของใคร ก. ทรี่ าชพัสดุ ข. สมบัตขิ องแผน่ ดิน ค. กรรมสิทธิของสถานศึกษา ง. กระทรวงการคลัง 27. ให้รฐั จัดสรรงบประมาณแผ่นดนิ ให้กับการศกึ ษาในขอ้ ใดเป็นอันดบั แรก ก. ดาเนินการและงบลงทนุ ข. คา่ ใช้จ่ายสาหรบั ผู้เรียนทมี่ ีความต้องการพิเศษ ค. กองทนุ กู้ยืมเรียนให้แกผ่ ทู้ ม่ี าจากครอบครัวทม่ี ีรายได้นอ้ ย ง. เปน็ ค่าใช้จ่ายรายบุคคลแกผ่ เู้ รียนการศกึ ษาภาคบงั คับและการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานค่าใชจ้ ่าย 28. รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการเปน็ ประธานคณะกรรมการใด ก. คณะกรรมการสภาการศึกษา ข. คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน ค. คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ง. คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศกึ ษา 29. ข้อใดเป็นหวั ใจสาคญั ของระบบการประกนั คุณภาพภายใน ก. เพ่ือพฒั นาคุณภาพของสถานศกึ ษา ข. ทาให้เป็นส่วนหน่งึ ของกระบวนการบริหารการศกึ ษา ค. ตอ้ งดาเนินการโดยหนว่ ยงานตน้ สังกัดและสถานศกึ ษา ง. มีการจดั ทารายงานประจาปีเสนอต่อหน่วยงานตน้ สังกัด หนว่ ยงานท่ีเกีย่ วข้องและเปดิ เผย ตอ่ สาธารณชน 30. ขอ้ ใดไม่ได้กาหนดไวใ้ นระบบการประกันคณุ ภาพภายนอก ก. ประเมนิ ผลและติดตามตวจสอบโดย สมศ. ข. ให้เสนอยบุ เลิกโรงเรียนทไี่ มผ่ า่ นการประเมนิ ครัง้ สุดท้าย ค. คานงึ ถึงความมุ่งหมาย หลกั การและแนวการจัดการศึกษา ง. ให้มกี ารประเมินคณุ ภาพภายนอกของสถานศึกษาทกุ แห่งทกุ ระยะ 5 ปี

102 31. กรณที ผ่ี ลการประเมินสถานศึกษาไมไ่ ด้ตามมาตรฐานท่ีกาหนด สมศ.ตอ้ งดาเนินการอย่างไร เป็นอนั ดับแรก ก. รายงานตอ่ คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน ข. แจง้ ให้สถานศกึ ษาปรบั ปรุงแกไ้ ขภายในกาหนด ค. จัดทาขอ้ เสนอแนะการปรบั ปรุงแกไ้ ขต่อหน่วยงานตน้ สงั กัด ง. เสนอหนว่ ยงานทีเ่ กีย่ วขอ้ งเพอื่ ใหแ้ นะนาปรบั ปรงุ และเปิดเผยตอ่ สาธารณชน 32. ขอ้ ใดไม่เก่ยี วข้องกับการรักษาวินัย ก. ตอ้ งปฏบิ ัตติ นตามมาตรฐานและจรรยาบรรณวชิ าชีพ ข. ตอ้ งตรงตอ่ เวลา อทุ ิศเวลาของตนให้แกท่ างราชการและผู้เรยี น ค. ตอ้ นรับให้ความสะดวก ให้ความเปน็ ธรรมแก่ผู้เรียนและประชาชนผูม้ าติดตอ่ ราชการ ง. กลน่ั แกล้งกลา่ วหาหรอื รอ้ งเรียนผู้อื่นโดยปราศจากความจรงิ 33. โทษทางวนิ ยั ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้แก่ขอ้ ใด ก. ว่ากลา่ วตักเตือน ข. ภาคทณั ฑ์ ค. ให้ออกจากราชการ ง. พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 34. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ความผดิ ทางวินยั อย่างร้ายแรง ก. เป็นกรรมการผู้จดั การหรือผ้จู ดั การในห้างหุ้นส่วนหรือบรษิ ทั ข. การให้ทรัพยส์ นิ เพื่อใหต้ นเองไดร้ บั การแตง่ ต้ังโดยมชิ อบหรือไมม่ ีความเทีย่ งธรรม ค. เล่นการพนันเป็นอาจณิ หรอื กระทาการลว่ งละเมดิ ทางเพศต่อผู้เรียนหรอื นกั ศึกษา ง. ละทิง้ หนา้ ทรี่ าชการติดตอ่ ในคราวเดียวกนั เกินกว่า 15 วนั โดยไมม่ เี หตผุ ลอันควร 35. ข้อใดไมใ่ ชโ่ ทษทางวินยั ก. ลดข้ันเงนิ เดือน ข. ให้ออก ค. ปลดออก ง. ไลอ่ อก 36. กรณใี ดมสี ทิ ธไิ ดร้ ับบาเหน็จบานาญเสมือนว่าลาออกจากราชการ ก. ลดเงินเดอื น ข. ให้ออก ค. ปลดออก ง. ไลอ่ อก

103 37. ขอ้ ใดไมถ่ ูกต้อง ก. ทาผิดวนิ ยั ไมร่ า้ ยแรง ใหผ้ ู้บงั คับบญั ชาสง่ั ลงโทษ ให้ออก หรอื ปลดออก ข. ไลอ่ อก ถา้ มีเหตผุ ลอนั ควรลดหยอ่ นผอ่ นโทษ ห้ามมิให้ลดโทษตา่ กวา่ ปลดออก ค. การลงโทษภาคทัณฑใ์ ห้ใชเ้ ฉพาะกรณกี ระทาผิดวินยั เล็กน้อยหรือมเี หตุอนั ควรลดหยอ่ น ง. กระทาความผดิ เลก็ น้อยและมีเหตอุ นั ควรงดโทษ จะงดโทษใหโ้ ดยทาทณั ฑบ์ นเปน็ หนังสอื 38. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะตอ้ งหา้ มของผู้เขา้ รบั ราชการ ก. เป็นบุคคลลม้ ละลาย ซึ่งศาลยงั ไมส่ ่งั ใหพ้ ้นคดี ข. เป็นคนไรค้ วามสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ค. เปน็ ผูม้ ีความประพฤติเสอ่ื มเสยี หรอื บกพร่องในศลี ธรรมอันดี ง. เคยต้องโทษในคดีประมาทที่อาจนามาซึ่งความเส่ือมเสยี เกยี รติศกั ดแิ์ หง่ ข้าราชการ 39. ผมู้ ีอานาจในการแต่งตงั้ ครผู ูช้ ว่ ย คอื ข้อใด ก. ผูอ้ านวยการสถานศึกษา ข. ผอู้ านวยการสานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา ค. ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ง. เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน 40. ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ไม่มวี ทิ ยฐานะใด ก. ครเู ชีย่ วชาญพเิ ศษ ข. รองผู้อานวยการเช่ียวชาญพิเศษ ค. ผูอ้ านวยการเช่ยี วชาญพิเศษ ง. ศกึ ษานเิ ทศกเ์ ชย่ี วชาญพิเศษ 11. ง 12. ข 13. ง 14. ข 15. ค 16. ง 17. ง 18. ก 19. ค 20. ก 21. ง 22. ก 23. ข 24. ข 25. ข 26. ค 27. ง 28. ก 29. ก 30. ข 31. ค 32. ก 33. ข 34. ก 35. ข 36. ค 37. ข 38. ง 39. ก 40. ข

104 ข้อสอบ ม.บรู พา ออกสอบ กบั ม.สวนดสุ ิต มคี วามต่างกันอยบู่ า้ งพอควร ม.บรู พา มแี นวความรอบรู้ท่ีหลากหลายอยู่จานวนไม่น้อย แต่วา่ หากเป็น ข้อสอบพวกกฎหมายการศึกษา หรอื หลักสตู ร นีจ่ ะออกแบบตรงๆเลยนะ ถา้ เรยี นรอู้ ะไรพวกนั้นได้ ก็จะทาคะแนนได้ดีมากๆ ดตู วั อย่างข้อสอบจรงิ แนวขอ้ สอบนกั วิชาการศกึ ษา สอบทอ้ งถนิ่ โดย ม.บรู พา 1. นกั วชิ าการศกึ ษา ระดบั ปฏบิ ัตกิ าร เทยี บได้เทา่ กับข้าราชการครตู ามข้อใด ก. อาจารย์ 1 ระดบั 3 ข. ครูผู้ช่วย ค. ครู ไม่มวี ิทยฐานะ ง. ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการ 2. ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้องเกี่ยวกบั ตาแหนง่ นกั วชิ าการศกึ ษา ก. ตาแหนง่ ประเภทวชิ าการ สายงาน วชิ าการศกึ ษา ข. ตาแหน่งประเภททว่ั ไป สายงาน นักวชิ าการศึกษา ค. ตาแหนง่ ประเภทวชิ าการ สายงาน สนับสนุนการศึกษา ง. ตาแหน่งประเภทนักวชิ าการ สายงาน การศึกษา 3. ข้อใดไมใ่ ช่ลักษณะงานตามหน้าท่ีนกั วชิ าการศกึ ษา ก. เขา้ รว่ มประชุมคณะกรรมการต่างๆตามทไ่ี ดร้ บั แตง่ ต้งั ข. เสนอแนะเกีย่ วกับการศกึ ษาและการส่งเสริมการวิจัยการศึกษา ค. ศกึ ษา วิเคราะห์ วจิ ัย วางแผน การแนะแนวการศึกษาและอาชีพ ง. เสนอแนะเกี่ยวกับการจดั การเรียนการสอน เทคนคิ วธิ ีสอนให้กับครแู ละคณาจารย์ 4. นกั วิชาการศึกษา สังกัดองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น สามารถมรี ะดับสงู สดุ ไดต้ ามขอ้ ใด ก. ระดบั ชานาญการพเิ ศษ ข. ระดับเชย่ี วชาญงาน ค. ระดบั เช่ยี วชาญ ง. ระดับเชีย่ วชาญพิเศษ เฉลย 1. ข 2. ก 3. ง 4. ค

105 ข้อสอบจริง ออกโดย ม.บูรพา ที่ไดร้ วบรวมมาในตาแหนง่ “นกั วชิ าการศกึ ษา” ท่ใี ช้สอบในปี พ.ศ. 2562 และ พ.ศ. 2560 เปน็ ขอ้ สอบจรงิ ๆทร่ี วบรวมจากผ้เู ข้าสอบหลายท่าน และตัวโจทย์ หรือชอ้ ยสอ์ าจคลาดเคลือ่ นจากจรงิ ๆบา้ งนิดๆหน่อยๆ แต่วา่ โดยหลักแล้ว เป็นประมาณน้ี กค็ ือ 5. ขอ้ ใดคือความหมายของการศกึ ษา ตาม พ.ร.บ. การศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 ก. การจัดการเรยี นการสอนตามหลักสูตรที่กาหนดไว้ ข. การเรยี นรเู้ พอ่ื ให้รเู้ ทา่ ทนั การเปลีย่ นแปลงของโลก ค. การเรยี นการสอนเพอ่ื พฒั นาศักยภาพของบคุ คลและสงั คม ง. กระบวนการเรยี นร้เู พ่ือความเจรญิ งอกงามของบคุ คลและสงั คม 6. จุดมุ่งหมายของการศึกษา ตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 คือข้อใด ก. เพ่อื พัฒนาคนไทยให้เปน็ มนุษยท์ ส่ี มบูรณ์ ดาเนนิ ชีวิตตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ข. เพ่อื ใหก้ ารศึกษาของคนไทยยกระดบั คุณภาพชวี ติ ใหม้ คี วามรู้ คู่คุณธรรม มจี รยิ ธรรม พร้อมทั้งสมรรถนะและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคใ์ นการเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ค. เพือ่ สรา้ งองค์ความรทู้ ส่ี มบูรณ์ทั้งดา้ นวชิ าการ ทางโลก ทางคณุ ธรรม จรยิ ธรรม สอดคลอ้ ง กับแผนการศึกษาแห่งชาติและแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ง. เพอ่ื พฒั นาคนไทยใหเ้ ป็นมนษุ ยท์ สี่ มบรู ณ์ทง้ั ทางรา่ งกาย จิตใจ สติปัญญา ความร้แู ละ คณุ ธรรม มีจรยิ ธรรมและวัฒนธรรมในการดาเนินชวี ิต สามารถอยู่ร่วมกับผูอ้ ืน่ ไดอ้ ย่าง มคี วามสขุ 7. กฎหมายฉบับใดเปน็ กฎหมายแม่บททางการศกึ ษาของประเทศไทย ก. พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ ข. พระราชบญั ญัติสภาครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ค. พระราชบญั ญัตริ ะเบียบบริหารราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ง. พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 8. พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ ฉบบั ปจั จุบนั เป็นการแกไ้ ขฉบับท่เี ท่าไหร่ ก. ฉบับที่ 1 ข. ฉบบั ที่ 2 ค. ฉบับท่ี 3 ง. ฉบบั ท่ี 4

106 ข้อที่ 8 เปน็ ขอ้ สอบจรงิ ในปี 2560 (ณ ตอนน้นั คอื จะเฉลย ข้อ ค นะ) แต่วา่ ณ ปัจจุบัน หรอื ถ้าใช้ในปี 2562 ตอ้ งเฉลยวา่ ขอ้ ง (คอื ปจั จุบนั น้ี มีการแกไ้ ขเพราะได้แยกงานดา้ น สานกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ออกไปจากกระทรวงศกึ ษาธิการ จึงตอ้ งปรับแก้ พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ ในเดอื น พ.ค. 2562 ดงั นนั้ ถ้าสอบปี 2564 ให้ตอบ ขอ้ ง ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2562 (แต่ ณ ตอนปี 2560 จะเฉลยวา่ ข้อ ค นัน่ เอง โอเคเนาะ) 9. ตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 การจดั การศกึ ษามีกี่รปู แบบ ก. 2 รูปแบบ ข. 3 รูปแบบ ค. 4 รูปแบบ ง. 5 รปู แบบ 10. รฐั จดั การศึกษาได้กร่ี ปู แบบ ข. อย่างนอ้ ยหน่งึ รูปแบบ ก. รูปแบบเดยี ว ง. รูปแบบใดรปู แบบหนึง่ หรือทั้งสามรูปแบบกไ็ ด้ ค. สามรปู แบบ 11. ขอ้ ใดไมใ่ ชร่ ปู แบบของการจดั การศกึ ษาตามพ.ร.บ.การศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 ก. การศึกษาในระบบ ข. การศึกษานอกระบบ ค. การศึกษาตามอธั ยาศัย ง. การศึกษาตลอดชีวติ 12. ข้อใดไม่ใชร่ ปู แบบของการจดั การศกึ ษา ก. การศึกษาภาคบงั คับ ข. การศกึ ษาในระบบ ค. การศึกษานอกระบบ ง. การศกึ ษาตามอัธยาศยั 13. การศกึ ษาท่มี รี ูปแบบแน่นอน ไม่ยืดหยนุ่ คือขอ้ ใด ก. การศกึ ษาในระบบ ข. การศกึ ษานอกระบบ ค. การศกึ ษาตามอธั ยาศัย ง. การศกึ ษาตลอดชวี ติ 14. Non-formal Education คอื การศึกษารูปแบบใด ก. การศึกษาในระบบ ข. การศึกษานอกระบบ ค. การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ง. การศกึ ษาตลอดชวี ติ

107 15. Home School เปน็ การจดั การศึกษารปู แบบใด ก. การศึกษาในระบบ ข. การศกึ ษานอกระบบ ค. การศึกษาตามอธั ยาศัย ง. การศึกษาตลอดชวี ิต 16. กจิ กรรมการเรยี นรใู้ นวถิ ชี ีวิตประจาวันของบุคคลซึ่งบุคคลสามารถเลอื กที่จะเรียนร้ไู ด้อย่าง ต่อเนอ่ื งตลอดชีวติ ตามความสนใจ ความตอ้ งการ โอกาสความพร้อมและศกั ยภาพในการ เรียนรู้ของแต่ละบุคคล หมายถงึ อะไร ก. การศกึ ษาในระบบ ข. การศึกษานอกระบบ ค. การศกึ ษาตามอัธยาศัย ง. การศึกษาตลอดชวี ติ 17. กจิ กรรมการศกึ ษาท่ีมีกลมุ่ เป้าหมายผูร้ บั บริการและวตั ถุประสงคข์ องการเรียนรู้ที่ชดั เจน มรี ูปแบบ หลกั สูตรวิธกี ารจดั และระยะเวลาเรียนหรอื ฝกึ อบรมท่ียืดหยนุ่ และหลากหลาย ตามสภาพความต้องการและศักยภาพในการเรียนร้ขู องกลมุ่ เป้าหมายนั้นและมีวธิ กี ารวัดผล และประเมนิ ผลการเรียนรูท้ ่มี มี าตรฐานเพ่อื รบั คณุ วุฒทิ างการศกึ ษาหมายถงึ ข้อใด ก. การศึกษาในระบบ ข. การศึกษานอกระบบ ค. การศกึ ษาตามอธั ยาศัย ง. การศกึ ษาตลอดชวี ติ 18. พ.ร.บ. การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 กาหนดใหร้ ฐั ตอ้ งจดั การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานเปน็ เวลากปี่ ี ก. 9 ปี ข. 12 ปี ค. ไมน่ ้อยกว่า 12 ปี ง. 15 ปี 19. การศกึ ษาภาคบังคบั กาหนดไวก้ ีป่ ี ข. 9 ปี ก. 6 ปี ง. 15 ปี ค. 12 ปี 20. รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2560 กาหนดใหร้ ฐั บาลสนับสนนุ การศึกษา อย่างมีคณุ ภาพโดยไม่เก็บคา่ ใชจ้ า่ ยเปน็ เวลากี่ปี ก. จานวน 9 ปี ข. จานวน 12 ปี ค. ไมน่ อ้ ยกว่า 12 ปี ง. จานวน 15 ปี

108 พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ มขี ้อสอบที่ออกประจา และ ม.บูรพา ก็ชอบนามาออก คอื เร่ืองของ “รูปแบบการศกึ ษา” และก็ “ระดับของการศกึ ษา” โดยสรปุ มดี งั ตอ่ ไปนี้ การศกึ ษามี 3 รูปแบบ คอื 1. การศกึ ษาในระบบ (Formal Education) การศกึ ษาในสถานศกึ ษาทวั่ ไป 2. การศกึ ษานอกระบบ (non-formal Education) การศึกษานอกโรงเรยี น 3. การศึกษาตามอธั ยาศยั (Informal Education) หรอื Home School * สถานศึกษาอาจจดั รปู แบบใดรปู แบบหนง่ึ หรือท้ังสามรูปแบบกไ็ ด้ การศกึ ษาในระบบมี 2 ระดับ การศึกษาข้ันพ้นื ฐาน และ อดุ มศึกษา (1) การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน (2) อดุ มศึกษา กอ่ นประถม ประถม มธั ยม ต่ากวา่ ปริญญา 3 – 6 ปี ปริญญา การศกึ ษาภาคบงั คับ จานวน 9 ปี ( ป.1 – ม.3) เด็กอายยุ า่ งเขา้ ปีท่ี 7 ถงึ ย่างเข้าปีที่ 16 ยกเวน้ สอบได้ช้นั ปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบงั คับ ถา้ ผู้ปกครองไมส่ ่งเด็กเข้าเรยี น มีโทษปรับไมเ่ กิน 1,000 บาท ผู้ใดขดั ขวางไม่ให้เดก็ เข้าเรียน หรือ บุคคลทไ่ี มใ่ ชผ่ ูป้ กครองที่มเี ดก็ ในความดูแลแต่ไมแ่ จง้ เจา้ หนา้ ที่ มีโทษปรบั ไม่เกนิ 10,000 บาท ให้พนกั งานเจา้ หน้าทีม่ อี านาจเขา้ ไปในสถานที่ใดๆในเวลาระหว่างพระอาทิตยข์ ้นึ และ พระอาทิตยต์ กหรอื ในเวลาทาการของสถานที่นน้ั เพือ่ ตรวจสอบการเขา้ เรยี นของเดก็ เฉลย 5. ง 6. ง 7. ก 8. ง 9. ข 10. ง 11. ง 12. ก 13. ก 14. ข 15. ค 16. ค 17. ข 18. ค 19. ข 20. ข

109 วา่ ด้วยเรอ่ื งของ “จานวนปี” ท่ีเป็นข้อสอบ ใชต้ วั เลขอะไรกนั แน่ ? ขอ้ มลู ควรรู้ โดยไมเ่ กบ็ ค่าใช้จ่าย เปน็ ภาษาของ “การศึกษาขน้ั พ้นื ฐานแบบปกตๆิ ” โดยไมเ่ สียคา่ ใช้จา่ ย เปน็ ภาษาของ “การศกึ ษาใหก้ ับเด็กพกิ าร” รัฐธรรมนญู ฉบับก่อน (ไม่ใชฉ่ บบั ปจั จุบัน) รัฐตอ้ งจดั การศกึ ษา เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 12 ปี โดยไมเ่ กบ็ ค่าใช้จา่ ย พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ เลยกาหนดเน้ือหาตามรัฐธรรมนญู นน่ั คอื ให้รัฐจดั การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน เปน็ เวลาไมน่ ้อยกว่า 12 ปี โดยไม่เกบ็ คา่ ใช้จา่ ย ใชม้ านานหลายปี ต่อมาในปี 2552 คณะรฐั มนตรรี ัฐบาลนายอภสิ ิทธ์ิ เวชาชีวะ ไดม้ นี โยบายเรียนฟรี 15 ปี จึงปรากฏเลข 15 ปี ข้ึนมาครง้ั แรกในยุคน้ัน (ฮอื ฮากนั เลย ในตอนนน้ั ) เป็น “นโยบาย” นโยบายน้นั ๆ กส็ บื ตอ่ มาเรอื่ ยๆ เปลีย่ นรฐั บาล เปลย่ี นอะไรๆ ก็ยงั คงยดึ แบบนน้ั มา ยคุ ก่อนหนา้ นี้ ถ้าถามตาม รฐั ธรรมนญู ฉบับกอ่ นปี 60 จะตอบ “ไม่นอ้ ยกว่า 12 ปี” ถา้ ถามตาม พระราชบัญญัตกิ ารศึกษา จะตอบ “ไม่นอ้ ยกวา่ 12 ปี” ถ้าถามตาม นโยบาย จะตอบ “เรียนฟรี เปน็ เวลา 15 ปี” ความพลิกมาเกดิ ในปี 2559 – 2560 รฐั ธรรมนญู ฉบับปัจจบุ ัน ได้กาหนดใหว้ ่ารัฐตอ้ งจดั การศกึ ษา เปน็ เวลา 12 ปี (ไม่มีคาว่าไม่นอ้ ยกว่า) ต้งั แต่กอ่ นวัยเรียนจบจบการศกึ ษาภาคบังคบั สรปุ ณ ปัจจบุ นั ถามถึงการเรียนฟรี หรือการสนับสนนุ ค่าใช้จา่ ยใหต้ อบ ดงั ต่อไปนี้ ถา้ ถาม ตามรฐั ธรรมนญู ฯ พ.ศ. 2560 มาตรา 54 ตอบ 12 ปี ถา้ ถาม ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ตอบ ไม่น้อยกว่า 12 ปี ถ้าถาม ตามนโยบายทางการศึกษา ตอบ เป็นเวลา 15 ปี ถ้าถาม ตามแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ เปา้ หมายที่ 2 ตอบ เปน็ เวลา 15 ปี สว่ นใหญ่ ม.บูรพา มักจะถามตามพระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ คอื จะตอบ “ไมน่ อ้ ยกวา่ 12 ป”ี แต่ผู้สอบตอ้ งระวัง ไมใ่ ช่ประมาท สังเกตโจทย์ด้วย อะไรดว้ ยเนาะ

21. การศึกษาข้ันพนื้ ฐาน หมายถึงอะไร 110 ก. การศึกษาก่อนระดบั อุดมศึกษา ค. การศึกษาอนบุ าล ประถม มธั ยม ข. การศกึ ษาระดบั ประถมและมธั ยม ง. ถกู ทกุ ขอ้ 22. หนว่ ยงานใดมีหนา้ ท่พี ิจารณาเสนอแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ ก. สานักงานรัฐมนตรีกระทรวงศกึ ษาธิการ ข. สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ ค. สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา ง. สานักงาน ก.ค.ศ. 23. การตดิ ตามตรวจสอบผลการจัดการศกึ ษาโดยบุคลากรในสถานศึกษา หมายถึงอะไร ก. การประกนั คุณภาพภายใน ข. การประกันคุณภาพภายนอก ค. การประเมนิ คณุ ภาพภายใน ง. การประเมนิ คุณภาพภายนอก 24. สานกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษามสี ถานะเป็นอะไร ก. องค์กรมหาชน ข. องคก์ ารมหาชน ค. องคก์ รอสิ ระ ง. องคก์ รในกากบั ของรฐั 25. ข้อใดหมายถึงเดก็ ทตี่ อ้ งเข้ารบั การศกึ ษาตามกฎหมายการศกึ ษาภาคบงั คับ ก. ยา่ งเข้าปีที่เจด็ ถงึ ย่างเขา้ ปีท่ีสิบสอง ข. ยา่ งเข้าปที ่ีเจด็ ถงึ ยา่ งเขา้ ปีทสี่ บิ หา้ ค. ยา่ งเข้าปที เ่ี จ็ดถงึ ยา่ งเขา้ ปีท่สี ิบหก ง. ยา่ งเข้าปที หี่ กถึงยา่ งเขา้ ปที ่สี ิบแปด 26. ผปู้ กครองท่ไี ม่สง่ บตุ รหลานเขา้ เรยี นการศกึ ษาภาคบงั คบั จะไดร้ ับโทษตามข้อใด ก. ปรับไมเ่ กนิ 1,000 บาท ข. ปรบั ไมเ่ กนิ 1,000 บาท หรือจาคุกไมเ่ กนิ 1 ปี ค. ปรบั ไม่เกนิ 10,000 บาท หรือ จาคุกไมเ่ กิน 1 ปี ง. ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทัง้ จาทงั้ ปรับ 27. ข้อใดไมใ่ ช่คณะกรรมการภาคี 4 ฝา่ ย ข. ผแู้ ทนผปู้ กครอง ก. ผู้แทนครู ง. ผแู้ ทนผู้บริหารสถานศกึ ษา ค. ผแู้ ทนชุมชน

111 ภาคี 4 ฝา่ ย ในทางการศึกษา ไมใ่ ชม่ แี คอ่ งค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเทา่ น้นั หากแต่ยงั มีอนื่ ๆทจี่ ดั การศกึ ษาด้วย กลา่ วคือ มีภาคี 4 ฝา่ ยทเี่ ก่ียวข้องกับโรงเรยี นตา่ งๆ นนั่ เอง ข้อมลู ควรรดู้ ังตอ่ ไปนี้ การดาเนนิ งานของสถานศกึ ษา จาเป็นตอ้ งมี แตใ่ นหนังสือราชการแตง่ ตง้ั คณะกรรมการ “คณะกรรมการภาคี 4 ฝ่าย” ประกอบดว้ ย ขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ จะเปน็ ดังนี้ 1. ผูแ้ ทนครู 1. ผ้แู ทนชมุ ชน 2. ผแู้ ทนผู้ปกครอง 2. ผู้แทนผู้ปกครอง 3. ผู้แทนชุมชน 3. ผู้แทนครู 4. ผู้แทนนักเรียน 4. ผู้แทนผู้เรียน ภาคี 4 ฝา่ ย ม.บรู พา ใช้ออกข้อสอบจรงิ ของนักวชิ าการศึกษา มาแลว้ 2 ปีตดิ ตอ่ กนั คอื ขอ้ สอบ ปี 2560 และ ข้อสอบปี 2562 อกี ทงั้ ยังออกขอ้ สอบครูผู้ช่วยด้วย เรอ่ื งน้ี ในปี 2562 ถามว่า ขอ้ ใดไม่ใชภ่ าคี 4 ฝา่ ย เรากด็ ูชอ้ ยส์วา่ อะไรไมใ่ ช่ กต็ อบอนั นนั้ แหล่ะ ในปี 2560 ถามวา่ ขอ้ ใด คือ ภาคี 4 ฝา่ ย โดยชอ้ ยส์จะมีมาครบทงั้ 4 ตวั เลย เรากเ็ ลือก ก. นักเรียน ชุมชน ผบู้ รหิ าร ครู ข. ผปู้ กครอง ครู นักเรยี น ท้องถน่ิ ค. ชมุ ชน ผปู้ กครอง ครู ผู้เรียน ง. ผบู้ ริหาร คณาจารย์ ผปู้ กครอง ศิษย์เกา่ หนา้ ที่ของภาคี 4 ฝ่าย กช็ อบออกสอบ แม้ไมบ่ ่อย แตก่ ม็ อี อกอยู่ โดยมีหน้าที่ 4 อยา่ ง หลักๆเลยจะเป็นเรอื่ งของ “คดั เลือกหนังสอื เรียน” ใหค้ วามเหน็ ชอบการใชง้ บประมาณทีเ่ หลอื จากการดาเนนิ การจดั ซื้อหนังสอื เรยี น รว่ มให้ความคดิ เห็นในการประเมนิ ผลเพือ่ พฒั นาแนวทาง ดาเนนิ งานในเรือ่ งจดั ซ้ือหนงั สอื เรยี น เป็นต้น และก็มอี ยา่ งร่วมกาหนดกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนให้สอดคล้องกับความต้องการนักเรยี นและสถานศกึ ษา ประมาณนี้หนา้ ทีข่ องภาคี 4 ฝา่ ย

112 28. ข้อใดเปน็ อานาจหนา้ ท่ีหลกั ของคณะกรรมการภาคี 4 ฝ่าย ในการศึกษาของ อปท ก. พิจารณาดาเนินการเร่ืองการประกันคุณภาพการศึกษา ข. กาหนดหลกั เกณฑ์ในการวดั และประเมินผลทางการศกึ ษา ค. พจิ ารณากาหนดกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนและออกแบบคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ง. พิจารณาใหค้ วามเหน็ ชอบคัดเลอื กหนงั สอื เรียนและให้ความเห็นชอบในการใช้เงนิ ทเ่ี หลือจากการจัดซ้ือหนงั สือเรียน และเงินกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพของสถานศึกษา 29. ข้อใดไม่ใช่โรงเรียน ตามพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ ก. โรงเรยี นในสานกั พระพทุ ธศาสนา ข. โรงเรียนสาธติ แหง่ มหาวิทยาลยั ค. โรงเรยี นของรัฐบาล ง. โรงเรียนเอกชน 30. ข้อใดคือสาเหตขุ องการแกไ้ ขพระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2562 ก. การแยกงานด้านศลิ ปะวฒั นธรรมไปจัดตั้งกระทรวงวฒั นธรรม ข. การยบุ รวมเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ค. การแยกเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษา ง. การจัดตง้ั กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม เฉลย 21. ก 22. ค 23. ก 24. ข 25. ค 26. ก 27. ง 28. ง 29. ข 30. ง ช้อ 29 เปน็ ขอ้ สอบจรงิ ในปีกอ่ น ข้อสอบข้อนต้ี รงตัวตามพระราชบัญญัติ เปะ๊ ๆนะ เปิด พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ มาตรา 18 ข้อ 2 ไดร้ ะบุเอาไวช้ ัด โรงเรียน ได้แก่ โรงเรยี น ของรฐั โรงเรยี นเอกชน และโรงเรียนทส่ี งั กัดสถาบันพุทธศาสนาหรอื ศาสนาอื่น ดังนน้ั ข้อนี้ ถามตรงตวั ตามพระราชบญั ญัติ คาตอบกต็ ้องเป็น “โรงเรียนสาธิต” สิ ไมใ่ ช่ ดูมาตรา 18 ม.บรู พา เขาเปิดกฎหมายออกข้อสอบกนั ตามนัน้

113 31. สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สงั กดั สว่ นราชการใด ก. สานกั งานปลัดกระทรวง กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ข. สานกั งานเลขาธิการสภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ ค. สานกั งานรฐั มนตรี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ง. สานกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงมหาดไทย 32. ให้กระทรวงศกึ ษาธกิ ารสง่ เสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยใหค้ วามสาคญั แก่ผูเ้ ก่ยี วข้องตามบทบาทและหน้าท่ี ข้อใดไม่ใชผ่ เู้ ก่ยี วขอ้ งดังกล่าว ก. ผเู้ รยี น ข. ผ้จู ดั การเรียนร้กู ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั ค. ผสู้ ่งเสรมิ และสนับสนุน ง. ผมู้ ีสว่ นร่วมในภาคีเครือข่าย 33. ขอ้ ใดไมใ่ ช่หลกั การสง่ เสริมและสนับสนุนการศกึ ษาตามอัธยาศยั ก. การเขา้ ถงึ แหล่งการเรยี นรูท้ ีส่ อดคลอ้ งกบั ความสนใจและวถิ ชี วี ติ ของผเู้ รยี น ทกุ กลุ่มเป้าหมาย ข. การพัฒนาแหลง่ การเรียนรใู้ หม้ คี วามหลากหลายท้ังส่วนที่เป็นภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน และส่วนท่นี าเทคโนโลยมี าใช้เพอ่ื การศึกษา ค. การจดั กรอบหรือแนวทางการเรยี นร้ทู ีเ่ ป็นคุณประโยชน์ต่อผ้เู รียน ง. การกระจายอานาจแก่สถานศกึ ษาและการใหภ้ าคเี ครือขา่ ยมสี ว่ นร่วมในการจดั การ 34. ข้อใดคือหลกั การในการจดั การศกึ ษานอกระบบ ก. ความเสมอภาคในการเข้าถึงและได้รบั การศึกษาอย่างกวา้ งขวาง ข. เข้าถงึ แหล่งเรียนรทู้ ีส่ อดคลอ้ งกบั ความสนใจและวิถีชีวิตของผู้เรยี นทุกกลมุ่ เปา้ หมาย ค. พฒั นาแหลง่ เรียนรู้ใหม้ คี วามหลากหลายทงั้ ภูมิปญั ญาท้องถิน่ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ง. การจัดกรอบหรือแนวทางการเรยี นรู้ทีเ่ ป็นคุณประโยชนต์ อ่ ผ้เู รียน

114 35. ขอ้ ใดไม่ใชอ่ านาจหนา้ ทีข่ องคณะกรรมการตาม พระราชบัญญัตสิ ่งเสรมิ การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ก. กาหนดนโยบายและแผนการส่งเสรมิ สนบั สนุนการศึกษา กศน ข. กาหนดแนวทางในการดาเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ค. ส่งเสรมิ และสนับสนนุ การประสานงานระหวา่ งส่วนราชการ รฐั วสิ าหกจิ และภาคเอกชน ทั้งในประเทศ และตา่ งประเทศ เพ่ือจัดการศกึ ษา กศน ง. การจดั ทาและพฒั นาระบบการเทียบโอนผลการเรยี นจากการเรยี นรใู้ นการศกึ ษา กศน 36. ข้อใดไมใ่ ช่อานาจหน้าที่สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย ก. เป็นหนว่ ยงานกลางในการดาเนินการส่งเสริม สนบั สนุน ประสานงาน กศน ข. จัดทาข้อเสนอแนะ นโยบาย ยทุ ธศาสตร์ แผน และมาตรฐานการศกึ ษา กศน ค. ดาเนินการเทียบโอนผลการเรียน ใหท้ ุนการศึกษาต่างประเทศ เกีย่ วกบั กศน ง. สง่ เสรมิ สนับสนนุ และดาเนนิ การพฒั นาคุณภาพทางวิชาการ การวจิ ยั การพัฒนา หลกั สตู ร และนวตั กรรมทางการศกึ ษา และข้อมลู สารสนเทศทเี่ กี่ยวขอ้ งกับ กศน 37. ผ้บู งั คบั บัญชาของ “สานกั งาน กศน.” คอื ใคร ข. เลขาธิการ กศน. ก. ผู้อานวยการ กศน. ง. เลขานุการ กศน. ค. อธิบดกี รม กศน. 38. ผ้บู ังคับบญั ชาของสานักงาน กศน. จงั หวัด คอื ใคร ก. ศกึ ษาธกิ ารจงั หวัด ข. ผู้อานวยการ กศน.จงั หวดั ค. หวั หน้ากองการศกึ ษานอกระบบโรงเรยี น ง. ผวู้ ่าราชการจงั หวัด 39. ประธานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย กรุงเทพมหานคร คอื ใคร ก. ผู้ทรงคุณวฒุ ิ ข. ผ้อู านวยการ กศน.กรงุ เทพมหานคร ค. ผู้วา่ ราชการกรุงเทพมหานคร ง. รองผูว้ ่าราชการกรุงเทพมหานคร

115 40. ประธานคณะกรรมการส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ในแต่ละ จงั หวดั คือใคร ก. ผ้อู านวยการ กศน. จงั หวดั ข. ผูว้ า่ ราชการจังหวดั ค. ปลัดจังหวดั ง. ผู้ทรงคณุ วุฒิ 41. ผ้มู อี านาจสงั่ บรรจุและแต่งต้ังครผู ู้ชว่ ยในโรงเรียนเทศบาล คอื ใคร ก. ศึกษาธกิ ารจงั หวดั ข. ผู้อานวยการเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา ค. ผู้อานวยการสถานศึกษา ง. นายกเทศมนตรี 42. ผูม้ ีอานาจส่งั บรรจุและแตง่ ต้งั ครผู ้ชู ว่ ย คือใคร ก. ศกึ ษาธกิ ารจังหวดั โดยความเหน็ ชอบของ กศจ ข. ผ้อู านวยการเขตพน้ื ที่การศกึ ษา โดยความเหน็ ชอบของ กศจ ค. ผอู้ านวยการสถานศึกษา โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา ง. ผ้อู านวยการสถานศกึ ษา โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการเขตพนื้ ที่การศึกษา 43. ข้อใดไมใ่ ชอ่ านาจหนา้ ที่ของผอู้ านวยการสานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา ก. เสนอแนะการบรรจแุ ละแต่งตง้ั และการบรหิ ารงานบุคคล ข. พจิ ารณาเสนอความดคี วามชอบของผู้บรหิ ารสถานศึกษา ค. ดาเนนิ การเก่ียวกบั โทษทางวนิ ัยขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ง. รับผดิ ชอบในการปฏิบัตงิ านราชการทเ่ี ป็นอานาจและหนา้ ท่ีของ อ.ก.ค.ศ. เขตพืน้ ท่ีฯ 44. ประธาน ก.ค.ศ. คอื ข้อใด ข. รฐั มนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก. นายกรัฐมนตรี ง. รองผูอ้ านวยการสถานศึ ค. ผู้อานวยการสถานศึษา 45. ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ตาม พ.ร.บ. ระเบียบขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากร ทางการศึกษา พ.ศ.2547 มกี ่ีประเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท

116 46. ผู้มสี ิทธิ์เขา้ รบั ราชการครู ต้องมีอายุเท่าใด ข. ไม่ตา่ กว่า 19 ปบี รบิ ูรณ์ ก. ไมต่ ่ากวา่ 18 ปบี ริบูรณ์ ง. ไมต่ า่ กว่า 21 ปีบริบูรณ์ ค. ไมต่ า่ กว่า 20 ปบี รบิ ูรณ์ 47. คณุ สมบัติทั่วไปของผู้ที่จะเข้ารับราชการเปน็ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ตอ้ งมอี ายไุ ม่ตา่ กวา่ เท่าใด ก. ไมต่ า่ กวา่ 18 ปบี รบิ รู ณ์ ข. ไมต่ ่ากวา่ 19 ปีบรบิ รู ณ์ ค. ไมต่ ่ากว่า 20 ปีบรบิ ูรณ์ ง. ไมต่ า่ กวา่ 21 ปบี ริบูรณ์ 48. ครชู านาญการพิเศษจะได้รบั เงินวิทยฐานะเทา่ ไร ก. 3,500 บาท ข. 5,600 บาท ค. 9,900 บาท ง. 13,000 บาท 49. โทษทางวนิ ยั ของข้าราชการครมู กี ีส่ ถาน ข. 3 สถาน ก. 2 สถาน ง. 5 สถาน ค. 4 สถาน 50. ขอ้ ใดเปน็ โทษทางวนิ ัยไมร่ ้ายแรง ข. ตัดเงนิ เดือน ก. ภาคทณั ฑ์ ง. ถกู ทุกข้อ ค. ลดเงินเดอื น เฉลย 31. ก 32. ง 33. ง 34. ก 35. ง 36. ค 37. ข 38. ข 39. ค 40. ข 41. ง 42. ก 43. ค 44. ข 45. ข 46. ก 47. ก 48. ง 49. ง 50. ง 49. โทษทางวินยั ของข้าราชการครมู ีกีส่ ถาน ข. 3 สถาน ก. 2 สถาน ง. 5 สถาน ค. 4 สถาน

50. ขอ้ ใดเป็นโทษทางวินยั ไม่รา้ ยแรง 117 ก. ภาคทัณฑ์ ค. ลดเงนิ เดอื น ข. ตัดเงนิ เดือน ง. ถูกทกุ ข้อ โทษทางวนิ ัย อยู่ในภาค ก เนือ้ หาเกยี่ วกับระเบยี บราชการ แต่ ภาค ข นักวิชาการศกึ ษา ก็จะมเี รื่อง “สถานโทษทางวินัย” ออกข้อสอบด้วย ทาง ม.บรู พาก็ใช้เนอ้ื หาส่วนนี้ออกเปน็ ประจา เน่ืองจากเปน็ สว่ นทอี่ ยใู่ น “พระราชบญั ญัติระเบยี บข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา” โทษทางวนิ ยั แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื วนิ ยั อย่างไม่รา้ ยแรง และ วนิ ยั อย่างรา้ ยแรง วนิ ัยอย่างไมร่ า้ ยแรง ประกอบด้วย ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดอื น ลดเงินเดือน วนิ ัยอยา่ งรา้ ยแรง ประกอบดว้ ย ปลดออก ไล่ออก สถานโทษทางวินยั มีกีส่ ถาน ตอบ มี 5 สถาน สถานโทษทางวินยั อยา่ งไม่ร้ายแรง มีก่ีสถาน ตอบ มี 3 สถาน สถานโทษทางวินัยอย่างรา้ ยแรง มีกสี่ ถาน ตอบ มี 2 สถาน สถานโทษทางวินัยทหี่ นกั ท่ีสุด คือ ข้อใด ตอบ ไล่ออก สถานโทษทางวินยั อย่างร้ายแรงขน้ั เบาท่ีสดุ คือขอ้ ใด ตอบ ปลดออก สถานโทษทางวินัยอย่างไมร่ า้ ยแรงทห่ี นักทสี่ ุด คอื ข้อใด ตอบ ลดเงินเดอื น ข้อสงั เกต การออกขอ้ สอบโดย มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต จะออกแบบพลิกแพลงพอสมควร เชน่ ถามวา่ โทษทางวินัยอยา่ งไมร่ ้ายแรงท่ีหนักทส่ี ดุ คอื ขอ้ ใด ก. ภาคทณั ฑ์ ข. ตดั เงนิ เดือน ค. ลดเงนิ เดือน ง. ปลดออก ข้อสอบจรงิ ม. สวนดุสิต ออกแบบน้ี บางคนกค็ ดิ ว่า ออกขอ้ สอบผดิ หรือเปลา่ เพราะหนักทส่ี ุด ตอ้ งไล่ออก ไม่ใชเ่ หรอ ทาไม ในชอ้ ยส์ไมม่ ี งั้นหนตู อบ “ปลดออก” ดกี วา่ ตอบแล้ว คอ่ ยมาอึ้ง กันในเพจในกลุม่ ตา่ งๆวา่ อา้ ว ข้อนี้ ตอบ ค. หรอกเหรอ เฉลยจรงิ คอื ค. ลดเงินเดือน เพราะ ผูส้ อบต้องสงั เกตใหด้ วี ่า เขาถาม “วนิ ัยอยา่ งไมร่ า้ ยแรง” แต่ถามตวั ทหี่ นักทส่ี ดุ ดังน้ัน เราต้อง ไม่ไปนกึ ถงึ ปลดออก ไลอ่ อก อะไรแบบนั้นเลย เพราะน่นั คือ “วินยั อย่างร้ายแรง” ไมใ่ ด้ถามถงึ

118 ข้อสอบท่อี อกโดย ม.สวนดสุ ติ จะพลิกแพลงนา่ ดู ไม่ใช่แค่นนั้ เชน่ ข้อใดไม่ใชส่ ถานโทษทางวินัย ก. ภาคทัณฑ์ ข้อน้ี ดราม่ากนั พอสมควร เพราะในระเบียบขา้ ราชการครฯู ข. ตดั เงนิ เดือน มที งั้ 4 ตัวนี้อยู่ แตว่ า่ ต้องตอบ ณ ปจั จบุ นั ที่มกี ารแกไ้ ขใหม่ ค. ลดขน้ั เงนิ เดอื น คือ ค. ไม่ใช่ เพราะ ปจั จบุ นั เป็น “ลดเงนิ เดือน” แม้วา่ ในตวั ง. ไล่ออก พระราชบญั ญตั ิจริงๆ จะเป็นคาว่า “ลดขั้นเงนิ เดอื น” ก็ตาม พระราชบัญญตั ิระเบยี บขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และทแ่ี กไ้ ขเพิ่มเติม ในมาตรา 96 ระบเุ อาไว้ดงั นี้ โทษทางวินยั มี 5 สถาน คอื 1. ภาคทณั ฑ์ 2. ตัดเงินเดอื น แต่ต่อมาก็มกี ารใช้ ม.44 แก้ไขจาก 3. ลดขน้ั เงนิ เดือน ลดข้ันเงินเดือน เป็น “ลดเงนิ เดอื น” 4. ปลดออก แกไ้ ขตัง้ แต่ช่วงปี 2560 เป็นต้นมา 5. ไล่ออก เอาละ ณ จดุ ๆน้ี ทุกทา่ นไดเ้ ห็นแนวข้อสอบในแบบของ ม.สวนดสุ ติ แล้ว แตว่ ่าในส่วน ม.บรู พา จะไม่ค่อยพลกิ ออกอะไรแบบนนั้ บางทีมกั ถามแบบตรงๆ ปกติๆ อยา่ งเช่นขอ้ สอบใน ปี พ.ศ. 2562 สอบ ภาค ข ตาแหน่งนกั วิชาการศึกษา โดย ม.บูรพา กอ็ อกแค่วา่ โทษทางวนิ ยั มกี ีส่ ถาน (ซง่ึ ก็ตอบกันงา่ ยๆว่า 5 สถาน) ในปี 2560 ถามวา่ ข้อใดไมใ่ ช่โทษทางวนิ ยั ซึง่ มี ตวั เลอื กไม่ยาก ประกอบดว้ ย ก. ไล่ออก ข. ปลดออก ค. ส่งั ให้ออก ง. ตัดเงนิ เดอื น อย่างไรก็ตามแต่ ผ้เู ขา้ สอบทุกทา่ น กไ็ ม่ควรจะประมาทในเรอ่ื งขอ้ สอบ บางทีในปนี ี้ ปีหนา้ อาจมกี ารพลกิ แพลงข้อสอบ มาในแนวคล้ายๆของ ม.สวนดุสติ กเ็ ป็นไปได้ ข้ึนอย่กู บั แต่ละปี ไมแ่ นเ่ สมอไป ดงั น้ัน ถา้ ใหด้ ี ก็ควรศึกษาขอ้ มูลต่างๆให้เขา้ ใจถ่องแท้ และรู้จริงๆน่นั เอง อยา่ งนอ้ ยๆ เวลาไปเจอขอ้ สอบถามว่า “ขอ้ ใดคอื โทษวินยั อย่างร้ายแรงท่เี บาทส่ี ดุ ” จะได้ไม่เผลอไปตอบ “ภาคทัณฑ์” เพราะทีจ่ ริงต้องตอบ “ปลดออก” อะไรแบบนเ้ี ปน็ ต้น ฐานขอ้ มลู ความรู้ควรจะดีพอตัว หากอยากสอบได้

119 แนวขอ้ สอบหัวข้อท่ี 5. แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 1. แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติฉบบั ปจั จุบัน มีระยะเวลาของแผนก่ีปี ก. 5 ปี ข. 10 ปี ค. 15 ปี ง. 20 ปี 2. แผนการศึกษาแห่งชาตฉิ บบั ปัจจบุ ัน แบ่งออกเป็นก่ีระยะ ก. 3 ระยะ ข. 4 ระยะ ค. 5 ระยะ ง. 6 ระยะ 3. ปจั จุบนั ประเทศไทยอยู่ในระยะของแผนการศกึ ษาแห่งชาติ ระยะใด ก. ระยะแรก ข. ระยะที่ 2 ค. ระยะท่สี าม ง. ระยะสดุ ท้าย 4. กรอบแนวคดิ แผนการศกึ ษาชาติฉบบั ปจั จุบนั มีเป้าหมายดา้ นการจดั การศกึ ษาก่เี ปา้ หมาย ก. 3 เปา้ หมาย ข. 4 เปา้ หมาย ค. 5 เปา้ หมาย ง. 6 เป้าหมาย 5. ขอ้ ใดท่มี ิใช่หลกั การและแนวคิด ของแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 ก. SDGs ข. เศรษฐกจิ พอเพยี ง ค. โลกในศตวรรษท่ี 21 ง. ยกระดบั การแข่งขนั 6. หลกั การ/แนวคิดแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 SDGs หมายถึงข้อใด ก. หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ข. การมีทักษะโลกในศตวรรษที่ 21 ค. หลกั การพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์ ง. หลักการพัฒนาทีย่ ง่ั ยืน 7. ข้อใดคือเป้าหมายดา้ นผเู้ รียน ข. SDGs ก. 3Rs8Cs ง. PISA ค. GG framework

120 แผนการศกึ ษาแห่งชาติ มีวิธีจาสาระสาคัญแกน่ ทค่ี วรร้ดู งั ต่อไปนี้ เรื่อง output กับ outcome Output ในแผนนจ้ี ะเปน็ “เปา้ หมายด้านการจัดการศึกษา” Aspirations มี 5 ประการ อธิบายแบบเขา้ ใจคอื จัดการศกึ ษาในประเทศไทย ตอ้ งการอะไร เราก็ตอบว่า ต้องการ 5 อยา่ งไงละ่ มีอะไรบา้ ง ก็คือ การเข้าถงึ การศกึ ษา / ความเท่าเทยี ม / คณุ ภาพ / ประสทิ ธภิ าพ / ตอบโจทยบ์ ริบททเี่ ปลีย่ นแปลง Outcome ในแผนน้ีจะเป็น “เป้าหมายดา้ นผู้เรียน” Learner Aspirations คอื 3Rs8Cs ตอ้ งการใหน้ กั เรยี นเปน็ ยังไง กค็ อื อยากให้พวกเขาเปน็ ลักษณะ 3Rs8Cs ไง โดยแกน่ ของ 3Rs คือ อ่านออก เขยี นได้ คิดเลขเปน็

121 8. แผนการศึกษาแห่งชาตถิ ูกขบั เคลือ่ นด้วยอะไร ก. นโยบายรฐั บาลดา้ นการศึกษาทแ่ี จง้ ต่อรัฐสภา ข. รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2560 ค. พระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติและกฎหมายการศกึ ษา ง. ยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ 9. ข้อใดคือทักษะพน้ื ฐานของนกั เรียนไทย ในศตวรรษท่ี 21 ก. อา่ นออก เขยี นได้ คดิ เลขเปน็ ข. เทคโนโลยสี ารสนเทศ ค. การสื่อสารและการคิด ง. การแก้ปญั หาและทักษะชีวติ 10. ข้อใดคือ :: Learner Aspirations ข. เปา้ หมายการพฒั นาผูเ้ รียน ก. เปา้ หมายดา้ นผ้เู รียน ง. แรงบันดาลใจของการพฒั นาผ้เู รยี น ค. ผลสมั ฤทธ์ิของผเู้ รียน 11. ขอ้ ใดไม่อยู่ใน 3Rs ข. การเขียน ก. การอ่าน ง. การสรา้ งสรรค์ ค. การคดิ 12. 8Cs มุ่งเนน้ ในดา้ นใด ข. การแก้ไขปญั หา ก. เทคโนโลยี ง. คดิ วิเคราะห์ ค. ทกั ษะชวี ิต 13. Learner Aspirations หมายถงึ อะไร ข. เป้าหมายด้านการจดั การศกึ ษา ก. ผลลพั ธท์ ี่พึงประสงค์ ง. แรงบนั ดาลใจในการเรียน ค. เป้าหมายดา้ นผูเ้ รียน 14. แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ เปน็ แผนระยะใด ก. ระยะสนั้ 5 ปี ข. ระยะปานกลาง 10 ปี ค. ระยะยาว 15 ปี ง. ระยะยาว 20 ปี

122 15. ขอ้ ใดเกย่ี วข้องกบั วิสยั ทัศนข์ องแผนการศึกษาแห่งชาติ ก. เรยี นร้ตู ลอดชีวิตอย่างมคี ุณภาพ ข. หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ค. การเปลย่ี นแปลงของโลกศตวรรษท่ี 21 ง. ถูกทุกข้อ 16. แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ ไดก้ าหนดยทุ ธศาสตรไ์ วก้ ย่ี ุทธศาสตร์ ก. 4 ยุทธศาสตร์ ข. 5 ยทุ ธศาสตร์ ค. 6 ยทุ ธศาสตร์ ง. 7 ยุทธศาสตร์ 17. การสร้างความสามารถในการแข่งขนั ในแผนการศึกษาแหง่ ชาติ ยุทธศาสตร์ท่เี ทา่ ใด ก. ยุทธศาสตร์ที่ 1 ข. ยุทธศาสตร์ที่ 2 ค. ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 3 ง. ยุทธสาสตร์ที่ 4 18. เป้าหมายของแผนการศึกษาแห่งชาติ (Aspiration) มอี ะไรบ้าง ก. เขา้ ถึง เขา้ ใจ พัฒนา เปลีย่ นแปลง ข. เข้าถึง เทา่ เทียม คณุ ภาพ ประสิทธภิ าพ ค. สงั คมแหง่ การเรยี นรู้ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม ง. เขา้ ถงึ เทา่ เทียม คณุ ภาพ ประสทิ ธิภาพ ตอบโจทย์บรบิ ทที่เปลีย่ นแปลง 19. ช่วง 5 ปที สี่ อง ของแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ คอื ชว่ งใด ก. พ.ศ. 2560 – 2564 ข. พ.ศ. 2561 – 2565 ค. พ.ศ. 2563 – 2567 ง. พ.ศ. 2565 – 2569 20. การขบั เคล่อื นแผนการศกึ ษาชาติส่กู ารปฏบิ ัติ ไมไ่ ดก้ ล่าวถงึ ข้อใด ก. สรา้ งความเข้าใจทกุ ภาคส่วน ข. สรา้ งความเชื่อมโยงระหว่างแผน ค. สรา้ งการรบั ร้แู ละการกระจายอานาจ ง. ปรบั ปรงุ กฎ ระเบยี บ และกฎหมาย เฉลย 1. ง 2. ค 3. ข 4. ค 5. ง 6. ง 7. ก 8. ง 9. ก 10. ก 11. ง 12. ข 13. ค 14. ง 15. ง 16. ค 17. ข 18. ง 19. ง 20. ค

123 21. ความเชื่อมโยงระหวา่ งแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติในปี 2564 กบั แผนพฒั นาฉบับใด ก. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ข. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 11 ค. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 12 ง. แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 13 22. การบรรลเุ ป้าหมายทั้ง 5 ดา้ นของแผนการศึกษาแห่งชาติ เพอ่ื ให้เกิดผลลัพธ์สดุ ทา้ ย ตามข้อใด ก. เด็กไทย กล้าคิด กลา้ ทา ข. เดก็ ไทย 3Rs8Cs ค. เด็กไทย 4.0 ง. เด็กไทยสร้างสรรคแ์ ละรู้ทนั เทคโนโลยี 23. ข้อใดไมใ่ ชห่ ลกั การหรือแนวคิดตามแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ ฉบบั ปัจจุบัน ก. SDGS ข. เศรษฐกจิ พอเพยี ง ค. โลกในศตวรรษที่ 21 ง. ปรัชญาการศึกษาทางวิชาการ 24. เป้าหมายด้าน Equity ตามแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ ผเู้ รียนระดับการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ทุกคนไดร้ บั การสนบั สนนุ ค่าใชจ้ ่ายการศึกษาเป็นเวลากี่ปี ก. 9 ปี ข. 12 ปี ค. ไมน่ อ้ ยกวา่ 12 ปี ง. 15 ปี 25. แผนการศึกษาแห่งชาตไิ ด้มีเป้าหมายด้าน Quality โดยนกั เรยี นมคี ะแนน O-Net แต่ละวิชาร้อยละ 50 ขึน้ ไป ใหม้ ีสดั สว่ นเท่าใดของจานวนผู้เรียน ก. 50 % ข. 60 % ค. 65 % ง. 80 % 26. การพฒั นาระบบเครือข่ายดจิ ทิ ัลมปี ระสทิ ธิภาพ เป็นเปา้ หมายด้านใดตามแผนการศกึ ษา แหง่ ชาตฉิ บบั ปจั จบุ ัน ก. การเขา้ ถงึ โอกาสทางการศกึ ษา ข. ความเท่าเทียมทางการศกึ ษา ค. คุณภาพการศึกษา ง. ประสทิ ธภิ าพ

124 27. ขอ้ ใดหมายถึงดัชนีความสามารถในการแข่งขนั ดา้ นการศกึ ษา ก. IBF ข. IMD ค. SDGs ง. PISA 28. โครงการสร้างเสริมความรู้และทกั ษะความเป็นพลเมอื ง (Civic Education) เปน็ ยทุ ธศาสตรด์ า้ นใดตามแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ ก. การศกึ ษาเพ่ือความมนั่ คง ข. การผลิตและพัฒนากาลงั คน ค. การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย ง. การสรา้ งโอกาส ความเสมอภาค 29. การจัดตงั้ สถานโี ทรทศั น์และการผลิตรายการเพอ่ื การศึกษา เปน็ ยทุ ธศาสตร์ทเ่ี ท่าใด ของแผนการศึกษาแห่งชาติ ก. ยทุ ธศาสตร์ท่ี 2 ข. ยุทธศาสตร์ที่ 3 ค. ยุทธศาสตรท์ ี่ 4 ง. ยทุ ธศาสตร์ท่ี 5 30. ขอ้ ใดไมใ่ ช่การพฒั นาประสิทธิภาพของระบบบริหารจดั การศึกษา ตามยทุ ธศาสตร์ที่ 6 ของแผนการศกึ ษาแห่งชาติ ก. ปรับปรุงโครงสรา้ งการบริหารจัดการศกึ ษา ข. ส่งเสริมการมีส่วนรว่ มของทุกภาคส่วนในการจดั การศกึ ษา ค. พฒั นาระบบบริหารงานบคุ คลของครู อาจารยแ์ ละบคุ ลากรทางการศึกษา ง. พัฒนาองค์ความรู้ งานวจิ ยั และนวัตกรรมดา้ นการสรา้ งเสรมิ คุณภาพชวี ิตท่ีเปน็ มติ ร กบั สงิ่ แวดลอ้ ม 21. ค 22. ข 23. ง 24. ง 25. ค 26. ง 27. ข 28. ก 29. ค 30.ง

125 หัวขอ้ ท่ี 6. ความรูเ้ ก่ียวกบั งานดา้ นการศกึ ษาท้งั ในระบบ นอกระบบ การศกึ ษาพเิ ศษ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั การศกึ ษาในระบบคงไมไ่ ดอ้ ะไรมาก เพราะว่าเราอธิบายละเอยี ดแล้วในพระราชบัญญตั ิ การศกึ ษาแหง่ ชาติ ในเล่มแรก สีฟา้ (หรอื เลม่ สเี หลอื ง) ผ้อู ่านคงทาความเขา้ ใจกันได้แลว้ ในส่วนนก้ี จ็ ะขอเพ่ิมเติมประเดน็ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศยั ให้นั่นเอง การศึกษานอกระบบ เปน็ การเรยี นแบบเอาวุฒิการศกึ ษา คอื มสี ถานทเี่ รียน มีครูสอน มอี ะไรๆเป็น “สถานศกึ ษา” หรอื เปน็ โรงเรียน น่ันเอง สมยั ก่อนเรยี กวา่ โรงเรยี น กศน เมื่อกอ่ น เรียกวา่ “การศกึ ษานอกโรงเรยี น” แต่ ปี 2551 เปน็ ตน้ มา เปล่ยี นแล้วน่นั เอง ซ่ึงภาษาทางการจะเรยี กวา่ “สถานศกึ ษาทจี่ ดั การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตาม อัธยาศัย” นค่ี ือในปจั จบุ นั (ภาษาบ้านๆเราก็เรยี กกนั วา่ ไปเรยี นหนังสอื ทีโ่ รงเรียน กศน) ดงั นัน้ สงั เกตวา่ กศน ก็เลยมกี ารสอบราชการ สอบครู กศน สอบนกั วชิ าการศกึ ษา กศน เปน็ ปกติๆ เพราะถอื วา่ มีสถานศึกษา (โรงเรยี น) เป็นงานเป็นการ เปน็ เร่อื งเป็นราวดๆี ไง เพียงแตว่ า่ จะไมใ่ ช่โรงเรียนในระบบการศกึ ษาแบบปกตนิ ัน่ เอง เพราะโรงเรียนปกติ เช่น โรงเรียน สพฐ / กทม / อปท (เทศบาล) / โรงเรยี นเอกชน ฯลฯ พวกน้ันเปน็ โรงเรียนท่ี อยใู่ นประเภทการจดั การศกึ ษาในระบบ (formal Education) หรือรูปแบบแรกน่ันเอง โรงเรยี น กศน คอื non - formal Education เปน็ รปู แบบท่ี 2 (การศกึ ษามี 3 รูปแบบ) แต่การศกึ ษาตามอัธยาศัย informal Education จะไมม่ ี “สถานศึกษา” นะ คือ ไม่มีโรงเรียน นกึ ภาพตามวา่ เราจดั การศึกษาตามอธั ยาศัย เชน่ เปิดการสอนปั้นดนิ สอนจักสาน งานทอผ้า งานศิลปะ เป็นตน้ ในทางกฎหมายก็จะเรยี กว่า “แหลง่ เรยี นรู้” ผู้อ่านต้องแมน่ ขอ้ ความหรอื ภาษาตามกฎหมายเพราะภาษาข้อสอบ มักจะถามจากตรงน้ี

126 ดูภาษาตามกฎหมายชัดๆ ดงั ต่อไปนี้ อยู่ในพระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย “การศึกษานอกระบบ” หมายความว่า กิจกรรมการศึกษาที่มกี ลุม่ เป้าหมายผู้รับบริการ และ วตั ถปุ ระสงค์ของการเรียนรู้ท่ีชัดเจน มีรูปแบบ หลกั สตู ร วิธีการจัดและระยะเวลาเรยี น หรอื ฝกึ อบรมที่ยืดหยุ่นและหลากหลายตามสภาพความต้องการและศักยภาพในการเรยี นร้ขู อง กลุ่มเป้าหมายนนั้ และมวี ธิ กี ารวดั ผลและประเมนิ ผลการเรียนรทู้ มี่ ีมาตรฐานเพอื่ รบั คุณวฒุ ิทาง การศกึ ษา หรือเพื่อจดั ระดับผลการเรยี นรู้ “การศึกษาตามอธั ยาศยั ” หมายความวา่ กจิ กรรมการเรียนรู้ในวิถชี วี ติ ประจาวนั ของ บคุ คล ซงึ่ บุคคลสามารถเลอื กทจ่ี ะเรียนรไู้ ดอ้ ย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ตามความสนใจ ความ ตอ้ งการ โอกาส ความพร้อม และศกั ยภาพในการเรยี นรขู้ องแตล่ ะบคุ คล “สถานศกึ ษา” หมายความวา่ สถานศึกษาท่จี ดั การศึกษานอกระบบและการศกึ ษา ตามอัธยาศยั ในสานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย ตัวอย่างแนวขอ้ สอบ ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถกู ตอ้ งเกีย่ วกับการศกึ ษานอกระบบ ก. สถานศกึ ษา ข. กิจกรรมการศึกษา ค. แหล่งเรยี นรู้ ง. ยืดหยุ่นและหลากหลาย ขอ้ น้ตี อบ ค. “แหลง่ เรียนรู้” ไมใ่ ช่นะ น่ันเพราะว่า แหล่งเรยี นรู้เป็นเรื่องของ “การศึกษาตามอัธยาศัย” ข้อใดกล่าวถกู ต้องเกีย่ วกบั การศกึ ษาตามอธั ยาศัย ก. กจิ กรรมการศกึ ษา ข. กิจกรรมการเรียนรู้ ค. ยืดหยนุ่ และหลากหลาย ง. มกี ารวดั ผลและประเมนิ ผล ขอ้ น้ตี อบ ข. ถกู ตอ้ ง สว่ น ก ค ง เป็นของการศึกษานอกระบบ

127 ความรู้เพิม่ เตมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย / การศกึ ษาพเิ ศษ สำนักงำนรฐั มนตรี สป.ศธ. สกศ สพฐ สอศ สช ก.ค.ศ. กศน. สศศ. โรงเรียนทั่วไป เลขาธกิ าร กศน. ผอู้ านวยการ สศศ. โดยจะมีคณะกรรมการสง่ เสริม สศศ. ย่อมาจาก สนบั สนนุ และประสานความรว่ มมอื สานักบรหิ ารงาน การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษา การศกึ ษาพิเศษ ตามอัธยาศัยตาม (รมว.ศธ. เปน็ ประธาน) (อยู่สังกัด สพฐ) เรอ่ื งเกยี่ วกบั กศน ของแตล่ ะจังหวดั มี กศน จงั หวดั ผู้ว่าราชการจงั หวดั เป็นประธาน => นพ่ี ดู ถงึ คณะกรรมการ มี สานักงาน กศน. จังหวัด (ผู้อานวยการ เป็นผู้บงั คบั บัญชา) => น่ีพดู ถงึ สานักงาน มี กศน. กทม. ผวู้ า่ ราชการกรุงเทพมหานครเปน็ ประธาน => นีพ่ ดู ถงึ คณะกรรมการ มี สานักงาน กศน. กทม (ผู้อานวยการ เปน็ ผบู้ ังคบั บญั ชา) => นี่พูดถึงสานกั งาน สงั เกตข้อสอบทถ่ี ามบอ่ ย : สานักงาน กศน สงั กัดอะไร ตอบ สงั กดั สานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร (สป.ศธ.) สานกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ สงั กดั อะไร ตอบ สังกดั สานกั งานคณะกรรมการ การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน (สพฐ)

128 กศน. กทม = คณะกรรมการสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั กรุงเทพมหานคร (ผู้ว่ากรงุ เทพมหานครเปน็ ประธาน) กศน. จงั หวัด = คณะกรรมการส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวดั (ผ้วู า่ ราชการจงั หวัดเป็นประธาน) สังเกตให้ดๆี : ถา้ ระดับจังหวดั จะเปน็ คณะกรรมการส่งเสริม กศน ประจาแยกไปอยใู่ น แตล่ ะจงั หวัด มีผวู้ า่ ฯ เปน็ ประธาน ถา้ ระดับประเทศจะเป็นคณะกรรมการส่งเสรมิ สนับสนนุ และประสานความรว่ มมือ กศน อันนม้ี ชี ุดเดยี ว งาน กศน ระดับประเทศ มีรฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธกิ ารเปน็ ประธาน ข้อสอบจรงิ ถาม ใครเป็นประธานคณะกรรมการส่งเสริม สนบั สนุนและประสานความ ร่วมมือการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ข้อนต้ี อ้ งตอบ รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร จึงจะถกู ตอ้ ง แตน่ า่ เสียดาย หลายคนพลาดไปตอบ “ผวู้ า่ ราชการจังหวดั ” เพราะไปคดิ หรอื ไปนึกถึงว่าเขาถามเก่ียวกับ คณะกรรมการ กศน. จังหวัดนนั้ ๆน่นั เอง ในพระราชบัญญัติ กศน ได้กล่าวไวถ้ งึ สานักงานใหส้ านักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน ปรบั เปล่ยี นภารกิจมาเปน็ สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั สมัยกอ่ นเร่ืองราวของ สานกั งาน กศน. จะเป็นสานกั บรหิ ารงานการศึกษานอกโรงเรียน โดยมีผ้อู านวยการสานกั บริหารงานการศกึ ษานอกโรงเรยี น เป็นผ้บู งั คบั บญั ชา โดยในปัจจุบนั นั้น จงึ ไดป้ รับเปลย่ี นมาเปน็ “สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย” ท่มี เี ลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั เปน็ ผู้บังคบั บญั ชา

129 การศึกษาต่อเน่อื ง เคยออกขอ้ สอบ “นักวชิ าการศกึ ษา” เพราะวา่ อย่ใู นเนอ้ื หาเกีย่ วกับ พวกความรเู้ กี่ยวกับการจดั การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั เริ่มปรากฏในชว่ ง ปี 2542 เป็นตน้ มา เพราะพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาตริ ะบุถึงการจดั การศกึ ษาให้บคุ คล ต้องเป็นไปอยา่ งต่อเนอื่ งตลอดชวี ิต ทางการศกึ ษาไทยจึงเร่มิ ปรากฏแนวคดิ เกี่ยวกับการศึกษา ดังกลา่ วนต้ี งั้ แตน่ ัน้ มา และเรมิ่ ชดั เจนขน้ึ ช่วงปี 2551 ความหมายของการศกึ ษาต่อเนอื่ ง การศกึ ษาต่อเนื่องเป็นอีกรปู แบบหนงึ่ ของการศึกษานอกระบบ ซึ่งมลี กั ษณะเฉพาะ โดยเปน็ การจดั การศกึ ษา เพอื่ สนองความต้องการ และความจาเป็นของบคุ คล ตอ่ เนื่องไป จากการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐานและอดุ มศกึ ษา เพื่อจะเพิม่ พูนทกั ษะชีวติ พฒั นาสังคมและชมุ ชน บนพนื้ ฐานของแนวคิดตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง สานักงานงาน กศน. ได้กาหนดภารกจิ และวตั ถปุ ระสงค์ การศกึ ษาต่อเน่อื ง ดังนี้ 1. มุ่งจดั การศกึ ษาเพื่อพฒั นาอาชีพ โดยใหค้ วามสาคัญกับการจดั การศกึ ษาหลกั สูตร ระยะสั้น และการฝึกอบรม ทีส่ อดคลอ้ งกับความต้องการของกลุม่ เปา้ หมาย โดยมุง่ ใหผ้ เู้ รยี น สามารถนาความรู้ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดจ้ รงิ ในชวี ิตประจาวัน ทั้งนี้ใหพ้ ัฒนาหลักสตู รท่ีหลากหลาย และทนั สมยั สามารถให้บริการไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง 2. มุ่งจดั การศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาทักษะชีวิตให้กบั ทกุ กลมุ่ เปา้ หมาย โดยจดั กิจกรรมการศึกษา ท่มี ุ่งเนน้ ให้ทกุ กลุม่ เปา้ หมาย มีความรูค้ วามสามารถในการจดั การชวี ติ ของตนเองให้อย่ใู นสงั คมได้ อยา่ งมีความสขุ โดยเนน้ กจิ กรรมของสถานศกึ ษา 3 D รวมทง้ั กิจกรรมการใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็น ประโยชนต์ อ่ ตนเอง ครอบครัว และชุมชน 3. มุ่งจดั การศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสังคมละชุมชนโดยใช้รูปแบบการฝกึ อบรม การเข้าคา่ ย การ ประชุมสัมมนา การศึกษาแลกเปล่ยี นเรียนรู้ และรูปแบบอื่นๆทเ่ี หมาะสมกับกล่มุ เป้าหมายเพื่อให้ กลุม่ เป้าหมายนาความรูไ้ ปพฒั นาสงั คมและชุมชน 4. พฒั นาระบบคลังหลักสูตรการศึกษาต่อเนื่องทส่ี ถาบนั กศน.ภาคทกุ แห่ง เพือ่ พัฒนา หลักสูตรใหไ้ ด้มาตรฐาน สะดวกต่อการนาไปใช้

130 หลักสตู รประเภทน้ีจะเปดิ กว้างสาหรับประชาชนทวั่ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลมุ่ เปา้ หมาย การศกึ ษานอกระบบโรงเรยี นท่ีมีอายุ 15 ปขี ้ึนไป ทีส่ นใจและต้องการเรียนรูเ้ พอื่ นาความรู้ ทักษะ หรือประสบการณ์ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวัน โดยมีทกั ษะการอา่ นเขยี นภาษาไทยเป็นอยา่ งดี ยกเว้นในบางหลักสูตรอาจกาหนดให้มีคุณสมบัติเพิม่ เตมิ ท่ีจาเปน็ กบั การเรียนรูใ้ นหลักสูตรนนั้ ๆ จดั ขน้ึ เพอ่ื เสรมิ พัฒนาศักยภาพของผเู้ รยี น โดยไมแ่ บ่งเปน็ ระดับชั้น ผอู้ ่านสงั เกตว่า กศน ถงึ กบั มีการทาค่มู ือการศกึ ษาตอ่ เนอื่ งเลยนะ และลองสงั เกตท่ี สารบัญของคูม่ อื มีการกล่าวถึง PDCA ดว้ ยนะ เปน็ เรอ่ื งทีเ่ กยี่ วกบั ความรู้ กศน ไง แนวขอ้ สอบ การจัดการศกึ ษา เพ่ือสนองความต้องการ และความจาเปน็ ของบุคคลต่อเน่ืองไป จากการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐานและอดุ มศึกษา เพ่อื จะเพม่ิ พูนทักษะชีวติ พฒั นาสงั คมและชุมชนตาม หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง หมายถงึ ขอ้ ใด ก. การศกึ ษานอกระบบ ข. การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ขอ้ น้หี ลายคนตอบผดิ ค. การศึกษาตลอดชีวติ ง. การศึกษาตอ่ เนื่อง เพราะไปคดิ วา่ ตอบ ค ทจี่ รงิ ตอบ ง. การศึกษาต่อเนื่อง (ซ่ึงหลายคนตอบไมไ่ ด้ เพราะ ไมร่ จู้ กั การศึกษาตอ่ เนอื่ ง)

131 เด็กพเิ ศษ เดก็ พิเศษ (Special Child) หรือเดก็ ที่มี ความต้องการพเิ ศษ (Child With Special Needs) หมายถึงเด็กที่จา เปน็ ตอ้ งไดร้ บั การดูแล ช่วยเหลือ บาบดั ฟื้นฟูและให้การเรียนการ สอนท่เี หมาะสม กบั ลักษณะความจาเป็นและความต้องการของเดก็ แตล่ ะคน ประเภทของเดก็ พิเศษ มีการจาแนกไว้แตก ต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ และลกั ษณะการจดั บริการเพอ่ื ใหค้ วามช่วยเหลือตามความเหมาะสม ในประเทศไทย ตาม “ประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ เรอ่ื ง กาหนดประเภทและ หลกั เกณฑ์ของคนพิการทางการศกึ ษา พ.ศ.2552” ได้แบ่งเด็กกลุ่มน้อี อกเปน็ 9 ประเภท 1. บุคคลทมี่ คี วามบกพร่องทางการมองเหน็ 2. บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน 3. บคุ คลท่ีมคี วามบกพร่องทางสตปิ ัญญา 4. บุคคลทม่ี ีความบกพรอ่ งทางร่างกาย หรือการเคลื่อนไหว หรอื สุขภาพ 5. บุคคลท่มี ปี ัญหาทางการเรยี นรู้ 6. บคุ คลทีม่ ีความบกพร่องทางการพูดและภาษา 7. บุคคลที่มปี ญั หาทางพฤติกรรม หรือ อารมณ์ 8. บคุ คลออทิสติก 9. บคุ คลพกิ ารซา้ ซอ้ น จากขอ้ มูลขององค์การอนามัยโลก และ ประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เร่อื งกาหนด ประเภท และหลกั เกณฑข์ องคนพิการทางการ ศกึ ษา พ.ศ. 2552 เมือ่ นา มาจัดกล่มุ เด็ก ทมี่ คี วามต้องการพเิ ศษแบง่ เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1. เด็กปัญญาเลศิ หรือเด็กที่มคี วาม สามารถพิเศษ (gifted or talented child) 2. เด็กทม่ี ีความบกพร่องในดา้ นตา่ งๆ 3. เด็กยากจนและด้อยโอกาส

132 เดก็ ปัญญาเลศิ หรือเด็กที่มคี วามสามารถพิเศษ (gifted or talented child) เป็นเด็กทมี่ พี ัฒนาการแตกต่างจากเด็กปกติท่วั ไป โดยพบวา่ เด็กปัญญาเลิศ หมายถึง เด็กท่มี ีความฉลาดหรือระดบั สตปิ ัญญา (IQ) สงู กวา่ เกณฑ์ปกตคิ ือมากกว่า 130 ขึ้นไป ร่วมกับ การมคี วามคิดริเร่มิ สรา้ งสรรค์ (creativity) และความสามารถในการทางานไดส้ าเร็จ (task commitment) ร่วมดว้ ย ในขณะที่เด็กทีม่ คี วามสามารถพเิ ศษ หมายถึง เด็กท่มี คี วามสามารถพิเศษเฉพาะ ด้านท่ีสงู กว่าเด็กอ่นื ในวยั เดยี วกัน ตามคาจากัดความของความฉลาด 8 ประการ (multiple intelligences) โดย โฮเวริ ด์ การ์ดเนอร์ (Howard Gardner) เช่น ดนตรศี ลิ ปะ การใชภ้ าษา กฬี า หรือคณิตศาสตร์ เปน็ ตน้ เดก็ กลมุ่ นีม้ กั ไมไ่ ด้รบั ความสนใจหรือให้การช่วยเหลอื เทา่ ที่ควร แตพ่ บว่าเดก็ กลุม่ น้ีอาจมปี ญั หาท่ีตอ้ งนามาพบแพทยเ์ ช่น แยกตวั เบ่ือหน่าย ไม่ต้ังใจเรียน ไม่มสี มาธิ หรือซึมเศร้า เปน็ ตน้ เด็กท่ีมคี วามบกพร่องในด้านต่างๆ เด็กกลุ่มนี้มกั เรียนรู้ช้า และมีพัฒนาการลา่ ชา้ กว่าเด็กปกตใิ นวยั เดียวกัน จา เปน็ ต้องให้ ความช่วยเหลือพิเศษตามความจา เป็นของแต่ละบคุ คลเพ่ือชว่ ยใหเ้ ด็กสามารถเจรญิ เติบโตและ พฒั นาศกั ยภาพต่อไปได้ในบทความนจี้ ะแบ่งเดก็ กลุม่ นี้ออกเป็น 9 ประเภท ตามประกาศของ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ตัวอยา่ งข้อมลู ทคี่ วรจดจาในการใช้สอบ - เด็กที่มีความบกพรอ่ งทางการมองเหน็ (visual impairment) ซึง่ อาจมีความรนุ แรง แตกตา่ งกันไป ต้งั แต่ตาบอด คือไม่สามารถมองเหน็ ได้เลย มคี วามชดั ของสายตาเม่ือแกไ้ ขแลว้ อยู่ ในระดับ 6/60 หรือ 20/200 กับเด็กทม่ี ีสายตาเลือนลาง คอื สามารถมองเห็นได้บ้างแตไ่ ม่เท่าเด็ก ปกติโดยมคี วามชดั ของสายตาเมือ่ แกไ้ ขแลว้ อยใู่ นระดบั 6/18 หรือ 20/70

133 - เดก็ ท่ีมีความบกพร่องทางการได้ยิน (hearing impairment) ได้แก่ เด็กที่มกี าร สูญเสยี การไดย้ ินตงั้ แต่ระดับหตู งึ (26-89 เดซิเบล) จนถึงระดับหูหนวก (90 เดซิเบล) โดยอาจ เป็นการสญู เสียตัง้ แต่กาเนดิ หรือเกดิ ในภายหลงั ก็ได้ - เด็กทม่ี ีความบกพรอ่ งทางสติปัญญา (intellectual disabilities) ได้แก่ เดก็ ที่มี ระดบั เชาวน์ปญั ญาต่า กว่าเกณฑเ์ ฉลย่ี และมพี ฤตกิ รรมการปรับตนบกพรอ่ งต้งั แต่ 2 ด้านขน้ึ ไป จากท้งั หมด 10 ด้าน โดยมีอาการแสดงกอ่ นอาย1ุ 8 ปี - เดก็ ออทิสติก หรอื กลมุ่ อาการออทซิ ึม (autistic or autism spectrum disorder) ไดแ้ ก่ เด็กท่ีมคี วามผดิ ปกติของพัฒนาการทางระบบประสาท (neurodevelopmental disorder) ซ่งึ สง่ ผลใหเ้ กิดความบกพร่องของพฒั นาการและพฤติกรรม 3 ดา้ นหลกั 1. ความบกพรอ่ งของพัฒนาการทางสงั คม 2. ความบกพรอ่ งของพัฒนาการทางภาษา 3. ความผดิ ปกตทิ างพฤตกิ รรม - เดก็ พิการซ้าซอ้ น ไดแ้ ก่ เด็กท่มี ีสภาพความบกพรอ่ งหรอื ความพกิ ารมากกว่าหน่ึง ประเภทในบคุ คลเดียวกนั เชน่ เดก็ ที่มภี าวะสติปัญญาบกพรอ่ งรว่ มกับตาบอด เปน็ ตน้ เด็กยากจนและดอ้ ยโอกาส ไดแ้ ก่เด็กที่ครอบครวั หรือผเู้ ลย้ี งดูมเี ศรษฐานะยากจนขาดแคลนปัจจัยสี่ทจ่ี าเปน็ ในการ เจริญเติบโตและพฒั นาการด้านต่างๆ ของเด็ก รวมถงึ เดก็ ทด่ี อ้ ยโอกาสกลุม่ อนื่ ๆ เชน่ เดก็ ตา่ งดา้ ว เดก็ เร่รอ่ น เด็กท่ีถกู เลีย้ งดอู ย่างไม่เหมาะสม ปล่อยปละละเลยทอดทิ้งหรอื ถูกทารณุ กรรม ฯลฯ เดก็ กลุ่มน้จี ดั เป็นเด็กที่มคี วามตอ้ งการพเิ ศษ ซึง่ ควรได้รบั การสงเคราะหแ์ ละคมุ้ ครอง สวสั ดิภาพ เพือ่ ให้สามารถเตบิ โตและพัฒนาได้เตม็ ศักยภาพ มสี ุขภาพและคุณภาพชวี ติ ที่ดขี ึ้น

134 เรอ่ื งเก่ยี วกบั ครกู ารศกึ ษาพเิ ศษ ทเี่ ป็นขอ้ สอบ ครกู ารศึกษาพิเศษ คอื ครูเฉพาะทาง ท่ีทาหนา้ ทจี่ ัดการศกึ ษาสาหรบั นักเรียนท่ีมีความ ต้องการพิเศษ เนื่องจากมคี วามต้องการการศึกษาในรูปแบบพิเศษ หรือภาวะความบกพร่องบาง ประการทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ พฤติกรรม ทาให้มผี ลกระทบในการเรียนแบบปกติ ทาให้ จาเปน็ ตอ้ งมีการจดั การเรยี นรู้ให้เหมาะสมกบั แตล่ ะบคุ คลซ่งึ เปน็ หนา้ ทขี่ องครกู ารศกึ ษาพเิ ศษ สอนเด็กพิเศษในช้ันเรยี นเรยี นร่วมหรือชั้นเรยี นคู่ขนาน ประเมนิ นักเรยี นในทักษะต่างๆ วเิ คราะห์จุดเดน่ จุดด้อยเพ่อื นาไปวางแผนจดั การเรยี นการสอน ปรับบทเรียนและเน้ือหาให้เหมาะ กับความสามารถแต่ละคน จัดทาแผนการเรียนรู้เฉพาะ บุคคล ประเมินพัฒนาการเด็ก ให้ คาปรกึ ษาสาหรับผ้ปู กครองทมี่ ลี ูกเป็นเด็กพเิ ศษ ประสานงานกับ ครปู ระจาช้นั หมอ นักบาบัด สาหรบั การส่งเสริมเดก็ ท่มี คี วามต้องการพเิ ศษ ครูการศึกษาพิเศษจะมีการทา แผนการจัดการศกึ ษาเฉพาะบคุ คล (Individualized Education Program : IEP) ซ่งึ จะช่วยใหเ้ ดก็ มีความต้องการพเิ ศษแต่ละบคุ คลมีแนวทางการพฒั นาท่ีเหมาะสม ครกู ารศกึ ษาพเิ ศษ จะมีจานวนชว่ั โมงภาระงานสอน ดังตอ่ ไปน้ี ชวั่ โมงสอนก็คอื สอนเป็นครู ไปสอนนี่แหละ่ ส่วนชวั่ โมง การศึกษาพเิ ศษ เฉพาะความพิการ และศูนย์การศกึ ษาพิเศษ ภาระงานงานสอนกค็ ือรวม - ชว่ั โมงสอน ตามตารางสอน ไม่ต่ากว่า 6 ชั่วโมง / สัปดาห์ ชวั่ โมงสอนและอื่นๆทไ่ี มใ่ ช่ - จานวนชว่ั โมงภาระงานสอน ไมต่ ่ากว่า 12 ชวั่ โมง / สปั ดาห์ การสอนโดยตรง เช่น การ ทา IEP / IIP หรือภาระใน ศึกษาสงเคราะห์และราชประชานเุ คราะห์ งานการพัฒนาคณุ ภาพของ - ช่ัวโมงสอน ตามตารางสอน ไม่ต่ากว่า 12 ชัว่ โมง / สปั ดาห์ สถานศกึ ษา (งานโรงเรียน) - จานวนชว่ั โมงภาระงานสอน ไม่ตา่ กว่า 18 ช่ัวโมง / สัปดาห์ เงนิ พ.ค.ศ. หรือเงินเพ่ิมสาหรับตาแหนง่ ทมี่ เี หตพุ ิเศษ (พ.ค.ศ.) ใหจ้ ่ายตามหลักเกณฑ์ เดิมทีสมัยก่อนได้ เดอื นละ 2,000 บาท ตอ่ มาปรบั แกเ้ ปน็ เดอื นละ 2,500 บาท จนถึงปัจจบุ นั

135 1. เดก็ หมายความว่าอะไร ข. บุคคลซึ่งมีอายุตา่ กว่า 15 ปบี รบิ รู ณ์ ก. บคุ คลซึ่งมีอายุต่ากว่า 12 ปีบรบิ ูรณ์ ง. บุคคลซ่ึงมีอายุตา่ กวา่ 20 ปบี ริบรู ณ์ ค. บคุ คลซ่งึ มีอายตุ า่ กวา่ 18 ปบี ริบูรณ์ 2. ผบู้ กพร่องทางสตปิ ญั ญาจะแสดงอาการออกมาก่อนอายุเทา่ ไร ก. 8 ปี ข. 15 ปี ค. 18 ปี ง. 20 ปี 3. เด็กทต่ี อ้ งได้รับการศกึ ษาพิเศษ ใหม้ อี ตั ราส่วนของครแู ละเด็กประถมและมัธยม ตามข้อใด ก. ประถม 1 : 20 สว่ น มัธยม 1 : 25 ข. ประถม 1 : 25 สว่ น มธั ยม 1 : 20 ค. ประถม 1 : 40 สว่ น มธั ยม 1 : 30 ง. ประถม 1 : 30 ส่วน มัธยม 1 : 40 4. IEP หมายถึงข้อใด ข. แผนการสอนเฉพาะบุคคล ก. แผนพัฒนาสมรรถนะตนเอง ง. รายงานการประเมนิ ตนเอง ค. แผนการจดั การศึกษารายบคุ คล 5. IEP ต้องปรับปรุงแก้ไขทกุ ๆกป่ี ี ข. ทุกสองปี ก. ทุกปี ง. ทกุ ห้าปี ค. ทกุ สามปี 6. ออทิสตกิ เปน็ ความผดิ ปกติทางใด ข. บคุ คลท่รี ะบบสมองทางานผิดปกติ ก. บุคคลทีบ่ กพรอ่ งทางสติปัญญา ง. บุคคลท่มี ีกระบวนการคิดไม่ปกติ ค. บคุ คลทม่ี กี ารเรียนร้ชู า้ 7. ครูการศึกษาพเิ ศษมีสทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ ค่าตอบแทนพิเศษเดอื นละเท่าใด ก. 1,000 บาท ตอ่ เดือน ข. 2,000 บาท ต่อเดอื น ค. 2,500 บาท ต่อเดือน ง. 3,000 บาท ตอ่ เดือน

136 8. ครูการศึกษาพเิ ศษตอ้ งได้รบั คุณวฒุ ติ ามขอ้ ใด ก. วฒุ ิปริญญาตรีทกุ สาขา ข. วุฒปิ รญิ ญาตรที างด้านการศกึ ษา ค. วฒุ ิปรญิ ญาตรีด้านการศกึ ษาพิเศษ ง. วฒุ ิทางการศกึ ษาพิเศษ สูงกว่าระดบั ปริญญาตรีข้ึนไป 9. ครูการศกึ ษาพเิ ศษตอ้ งสอนจานวนเท่าใดต่อสัปดาห์ ก. ไมน่ อ้ ยกวา่ 6 ช่ัวโมงต่อสปั ดาห์ ข. ไมน่ ้อยกวา่ 8 ช่ัวโมงตอ่ สปั ดาห์ ค. ไม่นอ้ ยกวา่ 9 ชว่ั โมงต่อสัปดาห์ ง. ไม่น้อยกวา่ 12 ชัว่ โมงตอ่ สปั ดาห์ 10. ครูปฐมวัยต้องจัดการเรยี นการสอนกช่ี ่วั โมงต่อสัปดาห์ ก. ไมน่ ้อยกวา่ 6 ชั่วโมงตอ่ สัปดาห์ ข. ไมน่ อ้ ยกวา่ 8 ชว่ั โมงต่อสปั ดาห์ ค. ไมน่ อ้ ยกว่า 9 ช่วั โมงตอ่ สปั ดาห์ ง. ไม่นอ้ ยกวา่ 12 ชัว่ โมงต่อสปั ดาห์ 11. สถานศกึ ษาที่จดั การศกึ ษานอกระบบ หรอื ตามอธั ยาศยั แกค่ นพิการโดยเฉพาะหนว่ ยงาน การศกึ ษานอกระบบโรงเรยี น คอื ขอ้ ใด ก. โรงเรียนการศกึ ษาพเิ ศษ ข. ศูนย์การเรยี นเฉพาะความพิการ ค. โรงเรยี นโสตทัศนศึกษา ง. ศูนย์ กศน.สาหรบั คนพิการ 12. สถานศึกษาของรฐั หรอื เอกชนทีจ่ ัดการศึกษาสาหรบั คนพิการโดยเฉพาะท้ังลกั ษณะอยู่ ประจา ไป – กลับ และรบั กลบั ทบ่ี ้าน คือข้อใด ก. ศนู ยก์ ารศกึ ษาสาหรบั คนพิการ ข. โรงเรยี นการศกึ ษาพเิ ศษ ค. โรงเรยี นศึกษาสงเคราะห์ ง. สถานศกึ ษาเฉพาะความพกิ าร 13. การจดั การศกึ ษาสาหรบั คนพิการขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ ง ก. จดั การศึกษาตง้ั แตเ่ ริ่มพบความพิการโดยไมเ่ สียคา่ ใช้จ่าย ข. จดั การศกึ ษาให้ตั้งแต่แรกเกดิ หรอื พบความพิการโดยไม่เสยี คา่ ใชจ้ ่าย ค. จัดการศกึ ษาให้กบั นักเรียนท่ีมเี อกสารยืนยันทางการแพทยว์ า่ เปน็ เดก็ พิการ ง. จดั การศกึ ษาใหเ้ ป็นพิเศษโดยการศกึ ษาตามอัธยาศยั โดยมีพีเ่ ลี้ยงเด็กพิการดูแล

137 14. ข้อใดไม่ใชส่ ิทธิทางการศึกษาสาหรับคนพกิ าร ก. ได้รบั การศกึ ษาโดยไมเ่ สียคา่ ใชจ้ า่ ยตง้ั แต่แรกเกดิ หรือพบความพิการจนตลอดชวี ติ พร้อมทั้งได้รับเทคโนโลยี สิง่ อานวยความสะดวก สือ่ บริการและความช่วยเหลอื อน่ื ใด ทางการศึกษา ข. เลือกบรกิ ารทางการศึกษาสถานศกึ ษา ระบบและรปู แบบการศกึ ษา โดยคานึงถึง ความสามารถ ความสนใจ ความถนัดและความต้องการจาเป็นพิเศษของบคุ คลนนั้ ค. ได้รับการศึกษาท่มี ีมาตรฐานและประกันคุณภาพการศกึ ษา รวมท้งั การจดั หลกั สตู ร กระบวนการเรียนรู้ การทดสอบทางการศกึ ษา ท่ีเหมาะสมสอดคลอ้ งกับความต้องการ จาเป็นพเิ ศษของคนพิการแต่ละประเภทและบคุ คล ง. ใหส้ ถานศกึ ษาในทุกสังกัดจัดสภาพแวดล้อม ระบบสนบั สนนุ การเรียนการสอน ตลอดจนบริการเทคโนโลยี สงิ่ อานวยความสะดวก สือ่ บริการและความช่วยเหลอื อนื่ ใด ทางการศึกษา ทีค่ นพิการสามารถเขา้ ถึงและใชป้ ระโยชน์ได้ 15. การสอนเดก็ พิเศษดว้ ย อวัจนภาษา คอื ข้อใด ก. การสมั ผัส ข. การอา่ น ค. การเขียน ง. การพูด 16. การสอนโดยใชท้ ศั นสัญลักษณ์ คือข้อใด ข. ภาพการต์ นู ก. คาใบ้ ง. เสียงดนตรี ค. อกั ษรเบล 17. คนหหู นวก สูญเสยี การได้ยินระดับใด ข. 85 เดซเิ บลข้นึ ไป ก. 60 เดซิเบลขน้ึ ไป ง. 100 เดซิเบลขึ้นไป ค. 90 เดซเิ บลขน้ึ ไป 18. คนหูตงึ สญู เสียการไดย้ นิ ระดบั ใด ก. สญู เสยี การไดย้ นิ 120 เดซิเบลขน้ึ ไป ข. สูญเสียการได้ยิน 90 - 120 เดซเิ บลขึ้นไป ค. สูญเสยี การได้ยิน 50 - 90 เดซิเบลขึ้นไป ง. สญู เสยี การได้ยนิ ระหวา่ ง 26 – 89 เดซิเบล

138 1. เดก็ หมายความวา่ อะไร ข. บุคคลซ่งึ มอี ายุต่ากวา่ 15 ปีบรบิ รู ณ์ ก. บุคคลซง่ึ มอี ายุตา่ กวา่ 12 ปีบรบิ ูรณ์ ง. บุคคลซง่ึ มอี ายุตา่ กว่า 20 ปีบรบิ ูรณ์ ค. บุคคลซง่ึ มอี ายุตา่ กวา่ 18 ปบี รบิ รู ณ์ เดก็ ตามกฎหมายที่เกีย่ วกบั การจัดการศึกษา และเก่ยี วกับคนพกิ าร จะเป็น บุคคลที่มอี ายตุ ่ากวา่ 18 ปี บริบูรณ์ ยกเว้น ท่บี รรลุนิตภิ าวะดว้ ยการสมรส 2. ผูบ้ กพรอ่ งทางสติปญั ญาจะแสดงอาการออกมาก่อนอายุเทา่ ไร ก. 8 ปี ข. 15 ปี ค. 18 ปี ง. 20 ปี บุคคลบกพรอ่ งทางสตปิ ญั ญามักมีพฒั นาการดา้ นร่างกาย สงั คม อารมณ์ ภาษาและสตปิ ัญญา ลา่ ชา้ กว่าบคุ คลท่ัวไป โดยสมัยกอ่ นจะนิยามลกั ษณะแบบน้ีวา่ “ภาวะปญั ญาอ่อน” แตต่ ่อมา ในภายหลงั ได้มีข้อกาหนดคาใหมข่ ้นึ มาใชแ้ ทนคอื ให้ใช้คาวา่ “ภาวะบกพรอ่ งทางสติปญั ญา” ตามเกณฑข์ อง ทบี่ ญั ญัติไว้ในปี พ.ศ. 2543 ภาวะบกพร่องทางสตปิ ญั ญาหรอื ภาวะปัญญาออ่ น หมายถึง ภาวะทม่ี ี 1. ระดับเชาวนป์ ญั ญาตา่ กว่าเกณฑ์เฉลี่ย 2. พฤตกิ รรมการปรับตนบกพร่องตงั้ แต่ 2 ดา้ นขึ้นไป จากทัง้ หมด 10 ดา้ น 3. อาการแสดงก่อนอายุ 18 ปี รูห้ รอื ไมว่ า่ ขอ้ สอบจรงิ “นกั วชิ าการศึกษา” ในสังกัดตา่ งๆอืน่ ๆ เชน่ สงั กดั กทม หรือ สงั กัด สพฐ ท่สี อบกฎหมายเกยี่ วกบั การจัดการศึกษาสาหรบั คนพกิ าร ได้เลือกใชข้ อ้ มูลนีอ้ อกสอบ เช่น ถามว่า บกพร่องทางสตปิ ญั ญา หมายถงึ อะไร ตอบ ระดับเชาวป์ ญั ญาต่ากว่าเกณฑ์เฉลย่ี หรือ ถามว่า พฤตกิ รรมการปรับตนบกพ่องอย่างน้อยกี่ด้าน ตอบ 2 ด้าน เป็นต้น บางสังกดั ถามวา่ บกพรอ่ งทางสตปิ ัญญา เชาว์ปญั ญาต้องต่ากวา่ เท่าไหร่ ตอบ ตา่ กวา่ 70 การสอบ “นกั วิชาการศกึ ษา อปท ออกโดย ม.บูรพา ปี 2562” เลือกใชข้ ้อ 3 เป็นข้อสอบ ออกสอบจรงิ ในปนี ้นั ถามวา่ “ต้องแสดงอาการก่อนอายุกปี่ ี” เฉลยก็คอื ก่อนอายุ 18 ปี

139 ข้อสอบอื่นๆทเ่ี คยออก ถามเก่ยี วกบั เรอื่ งน้ี กม็ ีบอ่ ยพอสมควร ผู้อา่ นควรมคี วามรู้เอาไว้ เกณฑ์ภาวะบกพร่องทางสติปญั ญาด้านเชาวน์ปญั ญา คือการมรี ะดับเชาวนป์ ัญญาตา่ กวา่ 70 พฤติกรรมการปรบั ตน หมายถงึ การปฏบิ ัติตนในชีวติ ประจาวนั ท่ัวๆไป ซ่ึงเป็น ความสามารถของบคุ คลนั้นท่จี ะสามารถดารงชีวติ ไดด้ ว้ ยตนเองในสงั คม ประกอบด้วย 1. การส่ือความหมาย (Communication) 2. การดูแลตนเอง (Self-care) 3. การดารงชวี ติ ภายในบา้ น (Home living) 4. การปฏิสัมพนั ธ์กับผูอ้ ่นื ในสงั คม (Social and Interpersonal Skills) 5. การใช้แหลง่ ทรพั ยากรในชุมชน (Use of Community Resources) 6. การควบคมุ ตนเอง (Self- direction) 7. การนาความรู้มาใชใ้ นชีวิตประจาวัน (Functional Academic Skills) 8. การใช้เวลาว่าง (Leisure) 9. การทางาน (Work) 10. การมสี ุขอนามยั และความปลอดภัยเบอื้ งต้น (Health and Safety) การประเมนิ พฤตกิ รรมการปรับตนตามเกณฑ์การวินจิ ฉัย ต้องบกพร่องอย่างน้อย 2 ดา้ น จาก 10 ดา้ น แต่ในทางปฏิบัติไม่มีเคร่อื งมือใดเครื่องมอื หน่ึงทีจ่ ะประเมินไดค้ รบท้ัง 10 ด้านจริงๆ ตอ่ มา ในปี พ.ศ.2545 จึงไดป้ รบั เกณฑ์การวินิจฉัยเร่อื งพฤตกิ รรมการปรบั ตนเปน็ การปฏบิ ตั ติ นท่ี ต่ากวา่ คา่ เฉลี่ย ในข้อ ก หรือ ขอ้ ข ดงั น้ี ก. ทักษะด้านใดด้านหนง่ึ ใน 3 ดา้ นของพฤติกรรมการปรับตน ไดแ้ ก่ - ทกั ษะดา้ นความคดิ รวบยอด (conceptual skills) - ทกั ษะด้านสังคม (social skills) - หรือทกั ษะด้านการปฏิบตั ิตน (practical skills) หรอื ข. ทกั ษะทง้ั 3 ดา้ น ตามขอ้ ก โดยดูจากคะแนนรวมทง้ั หมด ข้อมูลพวกนี้ ผสู้ อบอาจคดิ ว่าอยูใ่ นหัวข้อเรือ่ ง “พ.ร.บ. การจัดการศึกษาสาหรับคนพิการ” แตไ่ มใ่ ชน่ ะ อยใู่ นหวั ข้อ “ความรู้เก่ียวกบั งานด้านการศึกษาพิเศษ” นน่ั เอง จงึ ถามอะไรพวกนี้

140 19. สานกั บริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษอยู่สงั กัดสว่ นราชการใด ก. สานักงานรัฐมนตรี กระทรวงศกึ ษิการ ข. สานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ ค. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ง. สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา 20. การจัดใหค้ นพิการได้เขา้ ศกึ ษาในระบบการศกึ ษาทั่วไปทกุ ระดับ หมายถึงขอ้ ใด ก. การศึกษาพิเศษ ข. การเรยี นร่วม ค. การศึกษาเฉพาะบคุ คล ง. การศึกษาสาหรบั คนพิการ เฉลย 1. ค 2. ค 3. ข 4. ค 5. ก 6. ข 7. ค 8. ง 9. ก 10. ก 11. ข 12. ง 13. ข 14. ง 15. ก 16. ข 17. ค 18. ง 19. ค 20. ข วัจนภาษา กับ อวัจนภาษา ปกี อ่ นออกขอ้ สอบพอสมควร ตดิ ต่อกนั 2 ปี ซ้อน วัจนภาษา หมายถงึ การส่อื สารในระบบคาและประโยค โดยผ่านการฟงั พดู อ่าน เขยี น โดยจะมคี าเป็นตัวสอื่ ความหมาย อวจั นภาษา หมายถึงการสือ่ สารโดยไม่ใช้การฟงั การพูด การอา่ นตามตวั หนังสอื และ การเขยี นเปน็ ตัวหนังสอื หรอื หมายถึงการส่อื สารโดยไมใ่ ชร้ ะบบคาและประโยค ตวั อย่างเช่น ป้ายจราจร ภาษามอื สญั ลักษณ์รูปอารมณ์ เปน็ ต้น ทศั นสญั ลกั ษณ์ (Visual Symbol) เปน็ สญั ลกั ษณ์ที่สามารถรบั ร้ไู ดด้ ว้ ยระบบ ประสาทสมั ผสั ทางตา มคี วามเป็นนามธรรมมากข้นึ จาเป็นท่ีจะตอ้ งคานงึ ถงึ ประสบการณ์ ของผู้เรยี นเปน็ พ้ืนฐาน คอื แผนภมู ิ ภาพโฆษณา การต์ นู แผนท่ี และสญั ลกั ษณต์ ่างๆ วจนสัญลกั ษณ์ (Verbal Symbol) เปน็ สญั ลักษณท์ างภาษา เป็นประสบการณ์ ขั้นสดุ ท้าย เป็นนามธรรมมากทส่ี ดุ ไดแ้ ก่ การใช้ตัวหนังสือแทนคาพดู เช่น คาพูด คาอธิบาย หนงั สอื เอกสาร แผน่ ปลวิ แผน่ พับ ท่ีใช้ตัวอกั ษร ตวั เลข แทนความหมายของสิง่ ตา่ งๆนับวา่ เปน็ ประสบการณ์ทีเ่ ป็นนามธรรมมากทสี่ ดุ

141 ความรู้เกี่ยวกับการจดั การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศัย การศึกษาพเิ ศษ 21. สานักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั สงั กัดใด ก. สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ ข. สานกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา ค. สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน ง. สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย 22. สานกั งานบริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษสังกัดใด ก. สานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ข. สานักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา ค. สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน ง. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั 23. การพัฒนาแหลง่ การเรยี นรู้ใหม้ ีความหลากหลายทงั้ สว่ นทเี่ ป็นภูมิปญั ญาทองถิน่ และสว่ นที่นาเทคโนโลยีมาใช้เพ่อื การศกึ ษา เปน็ หลักการตามขอ้ ใด ก. การศกึ ษานอกระบบ ข. การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ค. การศึกษาพิเศษ ง. การศึกษานอกโรงเรียน 24. ความเสมอภาคในการเขา้ ถงึ และได้รบั การศกึ ษาอย่างกวา้ งขวาง ทวั่ ถึง เปน็ ธรรมและ มคี ุณภาพเหมาะสมกับสภาพชวี ิตของประชาชน เปน็ หลกั การของข้อใด ก. การศกึ ษานอกระบบ ข. การศึกษาตามอัธยาศัย ค. การศกึ ษาพเิ ศษ ง. การศกึ ษานอกโรงเรียน 25. ข้อใดไมใ่ ชเ่ ปา้ หมายของการส่งเสริมและสนบั สนนุ การศึกษาตามอธั ยาศัย ก. นกั เรียนได้รับความรแู้ ละมที ักษะในการแสวงหาความรู้ ข. ผู้เรยี นไดร้ ู้สาระท่สี อดคลอ้ งกับความสนใจและจาเปน็ ในการยกระดับคุณภาพชีวติ ค. ผู้เรยี นนาความรู้ทไี่ ด้ไปใช้ประโยชนแ์ ละเทียบโอนผลการเรยี น ง. ผู้เรยี นได้ความรไู้ ปใชใ้ นการประกอบอาชพี และยกระดบั ทกั ษะแรงงานทีม่ ีประสิทธภิ าพ

142 26. หลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงือ่ นไขในการส่งเสริมสนับสนนุ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษา ตามอธั ยาศัยของส่วนราชการ หรือภาคีเครอื ข่ายให้เป็นไปตามขอ้ ใด ก. ตามที่กาหนดในพระราชบัญญตั ิ ข. ตามทกี่ าหนดในพระราชกฤษฎีกา ค. ตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง ง. ตามทีก่ าหนดในระเบยี บสานักงาน 27. การเสนอแนะต่อรฐั มนตรีในการจดั ทาและการพฒั นาระบบการเทียบโอนผลการเรียนจาก การเรยี นรูในการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นงานของขอ้ ใด ก. เลขาธิการสานักงานส่งเสริม กศน ข. คณะกรรมการสง่ เสริมสนบั สนุนและประสานความรว่ มมอื กศน ค. คณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ และการจัดการศึกษา กศน ง. คณะกรรมการสภาการศกึ ษา 28. “สานักงาน กศน. กทม.” เป็นหน่วยงานตามข้อใด ก. หน่วยงานการศกึ ษา ข. หนว่ ยงานราชการระดับกรม ค. หน่วยงานทเี่ ป็นเอกเทศจาก กทม ง. หน่วยงานประจาจงั หวดั 29. การกาหนดบทบาท อานาจหน้าท่ขี องสถานศึกษาในการจัดใหม้ ศี นู ยก์ ารเรียนชมุ ชน เปน็ หนว่ ยจัดกจิ กรรมและสรา้ งกระบวนการเรียนรูข้ องชุมชน เป็นไปตามขอ้ ใด ก. นายกรัฐมนตรปี ระกาศกาหนด ข. รัฐมนตรปี ระกาศกาหนด ค. เลขาธิการ กศน ประกาศกาหนด ง. ประธานคณะกรรมการประกาศกาหนด 30. ผู้บรหิ ารสานกั งาน กศน กทม คือ ขอ้ ใด ก. ผู้วา่ ราชการ กทม ข. เลขาธิการ กศน กทม ค. ผู้อานวยการสานักงาน กศน กทม ง. หัวหน้าสานักงาน กศน กทม

143 31. การกาหนดนยิ ามความหมายของคนพิการ ทีเ่ กี่ยวข้องกบั การจดั การศกึ ษาพเิ ศษ ให้เปน็ ไปตามขอ้ ใด ก. ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกาหนด ข. ตามหลักเกณฑท์ ่ีประกาศในพระราชบัญญตั ิการจัดการศึกษาสาหรบั คนพิการ ค. ตามหลักเกณฑท์ ี่คณะกรรมการจดั การศึกษาสาหรับคนพกิ ารได้ประกาศกาหนด ง. ตามหลักเกณฑ์ทส่ี านักงานบริหารการศกึ ษาพเิ ศษประกาศกาหนด ทาเปน็ กฎกระทรวง 32. ผมู้ ีความบกพร่องอ่นื ใดประกอบกับมีอุปสรรคในดา้ นต่างๆ และมคี วามตอ้ งการจาเป็นพเิ ศษ ทางการศกึ ษาท่ีจะต้องไดร้ ับความชว่ ยเหลอื ดา้ นหน่ึงดา้ นใด เพอื่ สามารถปฏิบตั ิกิจกรรมใน ชีวิตประจาวันหรือเข้าไปมีสว่ นร่วมทางสังคมไดอ้ ยา่ งบุคคลท่ัวไป หมายถึงขอ้ ใด ก. คนพเิ ศษ ข. ผมู้ คี วามต้องการพเิ ศษ ค. คนพิการ ง. ผดู้ อ้ ยโอกาส 33. บุคคลใดไมจ่ ดั เปน็ ผดู้ แู ลคนพกิ าร ข. แพทย์ พยาบาล ก. บิดา มารดา ง. บุตร สามี ภรรยา ค. ญาติ พีน่ ้อง 34. แผนการจดั การศึกษาเฉพาะบุคคล มีการกาหนดขอ้ ต่างๆไวย้ กเวน้ เรื่องใด ก. กาหนดการจดั การศึกษาให้สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการจาเป็นพิเศษ ข. กาหนดเทคโนโลยสี ่งิ อานวยความสะดวกแกผ่ ศู้ กึ ษาทเี่ ปน็ คนพิการ ค. กาหนดงบประมาณใหส้ อดคลอ้ งกบั ความต้องการของผู้รบั การศกึ ษา ง. กาหนดสอื่ บริการ สาหรับผู้ท่ีเข้ารบั การศกึ ษาพเิ ศษ 35. ขอ้ ใดไมเ่ กย่ี วข้องกบั เทคโนโลยีอานวยความสะดวก ในการจัดการศึกษาสาหรบั คนพกิ าร ก. เคร่ืองมือ ข. ซอฟต์แวร์ ค. บริการทใี่ ชส้ าหรบั คนพกิ ารโดยเฉพาะ ง. หนังสือสาหรับผู้พิการ

144 36. สถานศกึ ษาท่ีจัดการศึกษานอกระบบหรอื ตามอัธยาศัยแก่คนพิการโดยเฉพาะ คอื ขอ้ ใด ก. สถานศกึ ษาเฉพาะความพกิ าร ข. ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ ค. ศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ ง. ศูนยก์ ารเรียนเฉพาะทาง 37. ศนู ย์การเรยี นเฉพาะความพิการ ใหจ้ ดั ได้ระดับการศกึ ษาใด ก. การศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ข. การอดุ มศกึ ษา ค. หลกั สูตรระยะสนั้ ง. ทุกระดบั ที่กล่าวมา 38. เงนิ เพิ่มสาหรับตาแหนง่ ที่มเี หตพุ ิเศษของครูการศึกษาพิเศษ ไดเ้ ดอื นละกีบ่ าท ก. 1,500 บาท ข. 2,000 บาท ค. 2,500 บาท ง. 3,600 บาท 39. ขอ้ ใดคอื ประธานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การจัดการศึกษาสาหรบั คนพิการ ก. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงพัฒนาสงั คมและทรพั ยากรมนษุ ย์ ข. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ค. ผอู้ านวยการสานักบรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ ง. ผทู้ รงคุณวุฒิท่ีมีความพิการตามกาหนดในกฎกระทรวง 40. ขอ้ ใดมีหน้าทดี่ าเนินการจดั การศกึ ษาโดยเฉพาะการจัดการเรยี นรว่ ม การนเิ ทศ กากบั ตดิ ตาม เพ่อื ให้คนพิการไดร้ ับการศกึ ษาอย่างท่วั ถึงและมีคณุ ภาพตามท่ีกฎหมายกาหนด ก. สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา ข. สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ ค. สานกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ ง. สานกั งานศกึ ษาธิการจังหวัด 21. ก 22. ค 23. ข 24. ก 25. ง 26. ค 27. ข 28. ก 29. ข 30. ค 31. ก 32. ค 33. ข 34. ค 35. ง 36. ค 37. ง 38. ค 39. ข 40. ก

145 หวั ขอ้ ท่ี 7. ความรใู้ นการจัดทาแผนงาน/โครงการตา่ งๆ เพื่อส่งเสริมสนบั สนนุ การจัดการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรม 1. การวางแผน หมายถงึ ข้อใด ก. การคดิ เพ่ือกาหนดเปา้ หมายในการดาเนนิ งาน ข. การออกแบบแนวทางการดาเนินงานใหส้ อดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์ ค. กระบวนการวิเคราะห์และการตดั สนิ ใจทจี่ ะกาหนดวิธกี ารไว้ล่วงหน้า ง. การร่างกจิ กรรมเพ่อื จดั เตรยี มสาหรับดาเนนิ การใหแ้ ล้วเสร็จในเวลาท่กี าหนด 2. ขอ้ ใดไม่ใช่องค์ประกอบของการวางแผน ข. ผดู้ าเนินการตามแผน ก. ความเปน็ มาของแผน ง. เปา้ หมายของแผน ค. วัตถุประสงค์ของแผน 3. ขอ้ ใดหมายถงึ การนาแผนไปปฏิบตั ิ ข. Means and Process ก. Ends ง. Implementation ค. Evaluation 4. การแบ่งระดับของการวางแผนตามลกั ษณะของการบริหารงานในองคก์ ร แบง่ เป็นกร่ี ะดบั ก. 2 ระดบั ข. 3 ระดบั ค. 4 ระดบั ง. 5 ระดบั 5. การวางแผนแบบใดทเี่ ป็นแผนระดบั สงู สดุ ขององค์การ มักจะระบแุ นวทางอยา่ งกวา้ งๆ ก. การวางแผนระดบั ปฏบิ ัตกิ าร ข. การวางแผนระดบั ดาเนนิ การ ค. การวางแผนระดบั กลยทุ ธ์ ง. การวางแผนระดับนโยบาย 6. การวางแผนแบบใดเป็นการวางแผนหลอมรวมครอบคลมุ กจิ กรรมทั้งหมดขององคก์ าร ซงึ่ เป็นแผนงานใหญ่ขององค์การ มักจะเป็นแผนระยะ 3 – 5 ปี ก. แผนปฏิบัตกิ าร ข. แผนดาเนินงาน ค. แผนกลยุทธ์ ง. แผนนโยบาย

146 7. การวางแผนแบบใดเปน็ การวางแผนทีก่ าหนดจดุ มุ่งหมายระยะสั้น ระยะเวลา ไม่เกิน 1 ปี ก. Operation Planning ข. Strategic Planning ค. Policy Planning ง. Action Research Planning 8. การวางแผนงานหรอื โครงการ (Project) เป็นการวางแผนแบบใด ก. ระดับปฏิบตั ิการ ข. ระดับผู้บรหิ าร ค. ระดบั อานวยการ ง. ระดบั นโยบาย 9. แผนงานย่อยท่ปี ระกอบด้วยหลายกิจกรรม ระบรุ ายละเอยี ดชัดเจน อาทิ วัตถปุ ระสงค์ เป้าหมาย ระยะเวลาทีด่ าเนินการ พ้ืนท่ใี นการดาเนนิ งาน ผู้รับผดิ ชอบ วธิ กี ารหรือขน้ั ตอน ในการดาเนนิ งาน งบประมาณท่ใี ช้ในการดาเนนิ งาน ตลอดจนผลผลติ หรือผลลัพธท์ คี่ าดวา่ จะไดร้ บั หมายถงึ ขอ้ ใด ก. กจิ กรรม ข. แผนดาเนินการ ค. ยทุ ธศาสตร์ ง. โครงการ 10. ขั้นตอนการวางแผนโครงการในการปฏิบัติงานในขั้นตอนแรก คือ ขอ้ ใด ก. จัดทารายละเอียดโครงการ ข. กาหนดโครงการ ค. ดาเนินโครงการ ง. ประเมนิ ผลโครงการ 1. ค 2. ข 3. ง 4. ข 5. ง 6. ค 7. ก 8. ก 9. ง 10. ข เกร็ดความรู้เกี่ยวกับแผนและโครงการ โดยปกติแผนจะเป็น 3 ระดบั คอื 1. การวางแผนระดับนโยบาย (Policy Planning) 2. การวางแผนกลยทุ ธ์ (Strategic Planning) ปกตจิ ะเป็นแผนระยะกลาง 3 – 5 ปี 3. แผนปฏิบัติการหรือแผนดาเนนิ งาน (Operation Plan) มกั จะเป็นแผนระยะส้นั หรอื แผนประจาปี

147 โดยแผนปฏบิ ัติการ แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื แผนใช้ประจา ( Standing Plans ) และ แผนใช้เฉพาะครั้ง ( Single . use Plans ) การวางแผนมีองค์ประกอบพน้ื ฐาน ดงั นี้ ความเป็นมาของแผน วตั ถปุ ระสงค์ของแผน เปา้ หมายของแผน แผนงาน และโครงการ ความเป็นมาของแผน บอกให้ทราบถงึ เหตุผลทจี่ ดั ทาแผนขึ้นมาวา่ มเี หตผุ ล หรอื ความเปน็ มาอยา่ งไร วัตถปุ ระสงคใ์ นการจัดทาแผน ได้แก่ วัตถปุ ระสงคห์ ลักคอื วตั ถุประสงค์ซง่ึ เป็นตัวชว้ี ดั ความสาเร็จหรอื ความลม้ เหลวของแผนงาน นอกจากนแี้ ผนยงั มีวัตถุประสงค์ที่หากสามารถบรรลุ ไดจ้ ะทาให้เกดิ ผลดี แต่หากไมส่ ามารถตอบสนองกไ็ มม่ ีตอ่ ความสาเร็จหรือลม้ เหลวขององคก์ ร - การกาหนดจุดหมายปลายทาง (Ends) ทต่ี ้องการบรรลุ - วธิ ีการและกระบวนการ (Means and Process) - ทรพั ยากร (Resources) และค่าใชจ้ ่าย (Cost) - การนาแผนไปปฏิบัติ (Implementation) - การประเมินผลแผน (Evaluation) กระบวนการในการจดั ทาแผน 1. ขนั้ เตรียมการ 2. การวิเคราะหข์ อ้ มลู 3. การกาหนดแผน 4. การปฏิบตั ติ ามแผน 5. การประเมนิ ผล โครงการ (Project) หมายถงึ แผนงานยอ่ ยทปี่ ระกอบดว้ ยกิจกรรมหลายกิจกรรม ระบุ รายละเอียดชัดเจน อาทิ วัตถุประสงค์ เปา้ หมาย ระยะเวลาทด่ี าเนนิ การ พืน้ ทีใ่ นการดาเนินงาน ผู้รบั ผิดชอบ วธิ ีการหรอื ข้นั ตอนในการดาเนินงาน งบประมาณท่ีใช้ในการดาเนินงาน ตลอดจน ผลผลิตหรอื ผลลัพธท์ ค่ี าดว่าจะได้รบั

148 11. ข้อใดคอื ทักษะ Digital literacy ก. การใช้ use เข้าใจ understand การสรา้ ง Create Access เข้าถงึ เทคโนโลยีดจิ ิตลั ข. การใช้ use เข้าใจ understand การสรา้ ง Create เทคโนโลยดี จิ ิทัล ค. เข้าใจ understand การใช้ use การเขา้ ถึง Access เทคโนโลยดี จิ ติ ลั ง. เข้าใจ understand การสร้าง Create การเขา้ ถึง Access เทคโนโลยีดจิ ติ ัล 12. ข้อใดคอื ประโยชน์ของการวางแผน ก. เพอื่ เปน็ การเตรยี มความพรอ้ มก่อนการลงมือปฏิบตั ิงาน ข. เป็นกรอบในการดาเนินงานให้บรรลวุ ัตถุประสงค์ไดง้ า่ ยข้นึ ค. ช่วยในการตัดสนิ ใจของผบู้ รหิ ารโครงการในการดาเนินงาน ง. ช่วยทาให้ประหยดั งบประมาณและทรพั ยากรในการดาเนินงาน 13. ขอ้ มูลภายในองคก์ รที่สาคัญสาหรบั ผวู้ างแผน ข. ขอ้ มูลนโยบายของหนว่ ยงาน ก. ขอ้ มูลผูร้ ับผดิ ชอบการดาเนนิ กงาน ง. ข้อมูลงบประมาณในการดาเนินงาน ค. ขอ้ มลู ปัจจยั ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั การดาเนนิ งาน 14. ข้อใดคอื การเรยี งลาดบั จากภาพกวา้ งไปสกู่ ารจัดทารายละเอียด ก. นโยบาย แผนงาน โครงการ กจิ กรรม ข. นโยบาย โครงการ กจิ กรรม แผนงาน ค. แผนงาน นโยบาย โครงการ กิจกรรม ง. แผนงาน โครงการ กจิ กรรม นโยบาย 15. ข้อใดไม่สอดคล้องกบั การวางแผน ข. เป็นขัน้ ตอนที่มรี ะบบการดาเนนิ งาน ก. ใชท้ ักษะการคิดและการมีส่วนร่วม ง. ใช้ขอ้ มลู สารสนเทศในการดาเนินการ ค. มีความยืดหยุน่ แนวทางการทางาน 16. การวางแผนพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาในปัจจุบันควรให้ความสาคัญกบั สิ่งใดเปน็ อันดบั แรก เพอื่ ให้สามารถสร้างความศรทั ธาและจดุ ประกายความคิดใหแ้ ก่ผ้ปู ฏิบตั ไิ ด้ ก. วิสยั ทัศน์ (Vision) ข. วฒั นธรรมองค์กร (Competency) ค. โครงสร้าง (Structure) ง. กลยทุ ธ์ (Strategy)

149 17. ข้อความที่ระบุผลลพั ธ์ปลายทางที่สถานศึกษาจะดาเนินการให้บรรลุผลสาเร็จ ในชว่ ง ระยะเวลาของแผนพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาท่จี ดั ทาน้ัน หมายถึงข้อใด ก. vision ข. mission ค. school goals ง. opportunities 18. เครอ่ื งมอื ในการวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มขององค์การที่ได้รบั ความนยิ มมากท่สี ดุ คือข้อใด ก. PDCA ข. SWOT ค. PERT ง. System thinking 19. การวางแผนโดยมกี ารวเิ คราะห์สภาพและแนวโนม้ ทางเศรษฐกจิ สภาพทางการเมอื ง กฎหมาย และนโยบายที่เก่ยี วขอ้ งกบั การดาเนนิ การดา้ นการศกึ ษา หมายถงึ ขอ้ ใด ก. การวเิ คราะห์สภาพแวดล้อมภายใน ข. การวเิ คราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก ค. การวเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ มรว่ ม ง. การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมกายภาพ 20. ประสทิ ธิภาพของโครงการ คอื ข. ผลผลติ เทา่ เดิม ราคาต้นทุนท่ีถูกลง ก. ผลผลิตเท่าเดิม ปัจจยั นาเข้าลดลง ง. ตอบสนองความตอ้ งการได้อยา่ งดี ค. สรา้ งผลงานได้ตามวตั ถปุ ระสงค์ 21. แผนการพัฒนาการศึกษาขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ สว่ นแรกของแผนคอื ขอ้ ใด ก. วิสัยทศั น์ ข. พนั ธกจิ ค. ข้อมลู ทั่วไปทางการศึกษาของ อปท ง. จุดมุ่งหมายเพื่อการพฒั นา 22. แผนการพัฒนาการศึกษาขององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ ส่วนสดุ ท้ายคอื ขอ้ ใด ก. ผลการวิเคราะห์ SWOT ข. คาสง่ั แตง่ ตงั้ คณะทางาน ค. บัญชีโครงการพฒั นา ง. การตดิ ตามและประเมนิ ผล 23. ขน้ั ตอนการจัดทาแผนพฒั นาการศึกษาส่ีปขี ององค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ มีกี่ข้ันตอน ก. 7 ขัน้ ตอน ข. 9 ขน้ั ตอน ค. 11 ขน้ั ตอน ง. 15 ขนั้ ตอน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook