150 24. การทาการวิเคราะห์ข้อมลู เชิงคุณภาพ เพือ่ กาหนดรา่ งวิสัยทศั น์ พนั ธกจิ ประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ เป้าประสงค์ ตัวชว้ี ดั ค่าเป้าหมาย และกลยทุ ธ์ท่ีตง้ั อยบู่ นพื้นฐานของข้อมลู ท่เี กบ็ รวบรวมมา ไดเ้ พือ่ จดั ทาแผนพฒั นาการศึกษาส่ีปขี ององคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ เปน็ หน้าทีข่ องข้อใด ก. สานกั การศึกษา / กองการศึกษา ข. คณะกรรมการสถานศึกษา ค. สานกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษา ง. สานักงานผูบ้ ริหาร อปท 25. การศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ต้องใชเ้ ทคนิคใด ก. PDCA ข. SWOT ค. CIPP ง. SAR 26. การเสนอรา่ งแผนพัฒนาการศึกษาสี่ปีของศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เล็กใครให้ความเหน็ ชอบ ก. หัวหน้าศูนยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ ข. ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา ค. คณะกรรมการบรหิ ารศูนย์พฒั นาเด็กเล็ก ง. คณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน 27. ใครประกาศใช้แผนพฒั นาการศกึ ษาสีป่ ีขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ ใหป้ ระชาชนทราบ ก. ผบู้ ริหารทอ้ งถ่นิ ข. ผู้บริหารสถานศึกษา ค. ปลัดทอ้ งถิน่ ง. หวั หนา้ สานกั การศึกษาท้องถิ่น 28. ข้อใดไม่เก่ียวกบั เทคนคิ SWOT ที่ใช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มูลจดั ทาแผนพัฒนาการศกึ ษา ก. Strength ข. Weakness ค. Operation ง. Threat 29. ความสามัคคีในองคก์ ร เพื่อพัฒนาการศึกษา ถือเป็นขอ้ ใดของ SWOT ก. จดุ แข็ง ข. โอกาส ค. จดุ อ่อน ง. อุปสรรค 30. brainstorming ท่ใี ชใ้ นกระบวนการด้าน SWOT Analyze คอื ขอ้ ใด ก. การรวมพลงั ข. การระดมสมอง ค. การคดิ คน้ ง. การรวมกลุ่มเพื่อสรา้ งสรรค์ 11. ก 12. ข 13. ค 14. ก 15. ค 16. ก 17. ค 18. ข 19. ข 20. ก 21. ค 22. ข 23. ค 24. ก 25. ข 26. ค 27. ก 28. ค 29. ก 30. ข
151 หัวขอ้ ท่ี 8. ความรู้ในการวางแผนการศึกษา การจัดพิพิธภัณฑท์ างการศกึ ษา และจดั ทา มาตรฐานสถานศกึ ษา 1. พพิ ิธภณั ฑ์ทอ้ งถิน่ สว่ นใหญเ่ กิดจากแหล่งใด ข. โรงเรยี น ก. วัด ง. สถานทีร่ าชการ ค. บ้าน 2. ขอ้ ใดไม่ใช่ บวร ในการจดั พิพธิ ภณั ฑ์ทางการศึกษาทอ้ งถิน่ ก. วัด ข. โรงเรียน ค. บา้ น ง. สถานที่ราชการ 3. พพิ ิธภัณฑท์ อ้ งถน่ิ ทม่ี ีการดาเนินการจัดตั้งจากคนภายในท้องถิ่นคือขอ้ ใด ก. หนว่ ยงานราชการ ข. พระภิกษใุ นวดั ค. นกั วชิ าการ ง. นกั โบราณคดี 4. การจัดการพพิ ิธภัณฑ์ทอ้ งถน่ิ มีการเกี่ยวข้องกับเรื่องใดมากทสี่ ุด ก. การนาเสนอ ข. การบรรยาย ค. การจดั นทิ รรศการ ง. การจาหนา่ ยสนิ ค้าของท่รี ะลึก 5. บทนาในการจดั ทาพิพิธภณั ฑท์ างการศึกษาเร่มิ ตน้ ด้วยสง่ิ ใด ก. ทมี่ าและความสาคัญของปญั หา ข. คาถามงานวิจัย ค. วตั ถปุ ระสงค์ ง. นิยามคาศพั ทเ์ ฉพาะ 6. การจดั ทาโครงการพิพธิ ภณั ฑก์ ารศึกษาไทยมีขอบเขตข้อใดไม่ถกู ตอ้ ง ก. ขอบเขตดา้ นพื้นที่ ข. ขอบเขตด้านประชากร ค. ขอบเขตดา้ นบคุ ลากร ง. ขอบเขตด้านเนือ้ หา 7. การจดั ทาโครงการวิจัยพพิ ธิ ภณั ฑท์ างการศกึ ษาเมือ่ มีบทนาแล้ว บทท่ี 2 ควรเป็นเร่อื งใด ก. ระเบียบวิธีวิจยั ข. การทบทวนวรรณกรรม ค. การจัดการพิพิธภณั ฑ์โรงเรียน ง. ผลการศกึ ษา
152 8. พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นสว่ นใหญเ่ กิดจากแหล่งใด ง. สถานทร่ี าชการ ก. วัด ข. โรงเรียน ค. บ้าน 9. พิพธิ ภณั ฑ์ทอ้ งถิน่ นยิ มจดั ตัง้ ไว้ทใี่ ด ข. โรงเรยี น ก. วัด ง. ถกู ทุกข้อ ค. สถานที่ราชการ 10. บทบาทหนา้ ทข่ี องพิพธิ ภัณฑ์ข้อใดกลา่ วไม่ถูกตอ้ ง ก. Collecting ข. Conservation ค. Presentation ง. Education 11. พพิ ิธภณั ฑ์ท้องถน่ิ ท่ีมีการดาเนนิ การจัดตั้งจากคนภายในทอ้ งถ่ินคือข้อใด ก. หนว่ ยงานราชการ ข. นกั วชิ าการ ค. พระภิกษใุ นวัด ง. นักโบราณคดี 12. ข้อใดไมใ่ ชอ่ งคป์ ระกอบของการจัดตง้ั พพิ ธิ ภณั ฑท์ ้องถ่นิ ก. คณะทางาน ข. งบประมาณดาเนนิ การ ค. ผสู้ นใจชมพพิ ธิ ภัณฑ์ ง. สง่ิ ของท่จี ัดแสดง 13. ข้อใดเป็นบทบาทของพิพธิ ภัณฑ์ทอ้ งถ่ินทม่ี ีตอ่ สงั คมและวัฒนธรรม ก. ใหบ้ ริการการศึกษาแกค่ นในท้องถิน่ ข. การสง่ เสรมิ อาชพี ใหมๆ่ ช่วยสง่ เสรมิ ในด้านการท่องเท่ียว ค. ปลูกฝงั ใหค้ นในท้องถน่ิ ศึกษารากเหง้าและเหน็ คณุ คา่ ท้องถิ่นของตนเอง ง. เป็นบทบาทท่ีมตี ่อสงั คมและวฒั นธรรมทุกข้อ 14. ข้ันตอนแรกในการจัดตัง้ พพิ ิธภณั ฑท์ อ้ งถนิ่ คือข้อใด ก. ศกึ ษาวจิ ยั ขอ้ มูลทอ้ งถิน่ ข. กาหนดเนื้อหาและทาการบรรยาย ค. การมสี ว่ นร่วมของชมุ ชน ง. การเลือกสง่ิ ของทนี่ ามาจดั แสดง
153 15. งานจัดทาพิพิธภณั ฑ์เปรียบเสมือนเล้ยี งเดก็ ทารกทจี่ ะต้องดูแลตลอดเวลา ข้อใดไมถ่ ูกต้อง ก. ต้องมีผ้ดู ูแลพิพธิ ภัณฑ์ คอยเปิด ปิด ทาความสะอาด เฝ้าความปลอดภยั อยตู่ ลอดเวลา ข. ตอ้ งมงี บประมาณ เปน็ ค่าใชจ้ ่าย คา่ อุปกรณ์ทาความสะอาด คา่ นา้ ไฟฟา้ ค่าซ่อมแซม ค. ต้องมีการพฒั นา ยกระดับคณุ คา่ ของพิพธิ ภณั ฑใ์ ห้ทนั สมยั และเพิ่มเตมิ เทคโนโลยีใหมๆ่ ง. ต้องทาใหพ้ ิพธิ ภัณฑ์มีผเู้ ข้าชมอย่เู สมอ จัดกจิ กรรมเพื่อดงึ ดูดความสนใจอยู่อยา่ งสมา่ เสมอ 16. องคก์ รยเู นสโก ได้ใหน้ ยิ ามความหมาย “สง่ิ ของท่ีเปน็ รูปธรรม เชน่ โบราณสถาน แหล่ง โบราณคดี งานสถาปัตยกรรม รวมทั้งส่ิงกอ่ สร้างและสง่ิ ของทีม่ ีขนาดเลก็ และไมโ่ ดดเด่น ดึงดดู สายตา เชน่ รอ่ งรอยตา่ งๆทมี่ คี ุณค่าในเชงิ ประวตั ศิ าสตร์ สุนทรยี ะ ศลิ ปะ” คือขอ้ ใด ก. รอ่ งรอยทางวฒั นธรรม ข. มรดกวฒั นธรรม ค. วสั ดทุ างวฒั นธรรม ง. คณุ คา่ ด้านวัฒนธรรม 17. พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติจะจดั ต้งั ขึ้นทีใ่ ด หรอื จะใหส้ ถานทีใ่ ดเปน็ พิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ ต้องดาเนินการอย่างไร ก. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงวฒั นธรรม ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ค. ใหอ้ ธบิ ดกี รมศิลปากร ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา ง. ใหน้ ายกรฐั มนตรี โดยความเหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรี ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา 18. สภาพปญั หาของพพิ ิธภณั ฑ์ท้องถน่ิ มหี ลายประการ ปัญหาใดทก่ี ารจัดพิพิธภัณฑท์ อ้ งถน่ิ จงึ จาเปน็ ตอ้ งมีนักวิชาการศกึ ษาช่วยดาเนนิ การในเร่อื งดงั กล่าว ก. พพิ ิธภณั ฑ์กลายเป็นทเ่ี กบ็ ของ ข. การขาดความรูใ้ นการจดั การพิพธิ ภณั ฑท์ อ้ งถิน่ ค. ขาดแคลนบคุ ลากร ง. ขาดการมีสว่ นร่วมจากคนในชมุ ชน 19. พิพธิ ภัณฑ์ท้องถน่ิ ในประเทศไทย จาเป็นตอ้ งมกี ารเปล่ียนแปลงตามข้อใด ก. ตามความต้องการของผูเ้ ขา้ ชมและการใชก้ ระแสโลกาภิวัตน์ ข. ตามความเชือ่ และการเปลยี่ นแปลงของวฒั นธรรมทางสังคม ค. ตามเทคโนโลยแี ละความทันสมยั ของนวตั กรรมท่ีเกิดข้ึนแต่ละยคุ ง. ตามความตอ้ งการของผดู้ าเนนิ การจัดกิจกรรมและกระของสังคม
154 20. การจดั การพิพธิ ภณั ฑท์ ้องถ่นิ มกี ารเกี่ยวข้องกบั เร่อื งใดมากทสี่ ดุ ก. การนาเสนอ ข. การบรรยาย ค. การจดั นิทรรศการ ง. การจาหนา่ ยสินค้าของที่ระลึก เฉลยคาตอบ 1. พิพิธภณั ฑ์ท้องถนิ่ สว่ นใหญเ่ กดิ จากแหล่งใด ก. วัด เพราะวดั เปน็ แหล่งรวบรวมโบราณวัตถุ ด้านศาสนา ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี ภูมิปัญญา ประวตั ิศาสตรข์ องชุมชนตั้งแตอ่ ดตี มาไวม้ ากท่ีสดุ 2. รู้หรือไม่ขอ้ สอบเก่ยี วกับพิพิธภณั ฑท์ ้องถนิ่ ในการสอบนกั วชิ าการศึกษาครงั้ กอ่ นๆ มกี ารถามว่า ข้อใดหมายถึง พลงั “บวร” ในการจดั ทาพพิ ิธภัณฑ์ หลายคน งง และ ตอบคาถามไมไ่ ด้ เฉลยคอื บวร = บ้าน วัด โรงเรยี น พลังทงั้ สามส่วนน้ีต้องมี สว่ นร่วมทส่ี าคัญ มบี ทบาทในการจัดทาพพิ ธิ ภณั ฑ์ทอ้ งถิ่นใหป้ ระสบความสาเรจ็ ได้ 3. พพิ ิธภัณฑ์ท้องถิน่ ทีม่ กี ารดาเนินการจดั ตงั้ จากคนภายในท้องถิ่นคอื ขอ้ ใด ก. หน่วยงานราชการ ข. พระภกิ ษุในวัด ค. นักวิชาการ ง. นักโบราณคดี ข. พระภิกษุที่อยใู่ นวดั นัน้ ๆ เปน็ ประเภทผูจ้ ัดตัง้ จากคนภายในทอ้ งถ่ิน สว่ นข้ออื่นๆถอื เปน็ ผจู้ ดั ตั้ง (ทส่ี ามารถทาได)้ จากคนภายนอก เข้ามาทา 4. การจัดการพพิ ิธภัณฑท์ อ้ งถ่นิ มีการเก่ียวขอ้ งกบั เรอ่ื งใดมากทสี่ ดุ ก. การนาเสนอ ข. การบรรยาย ค. การจดั นิทรรศการ ง. การจาหน่ายสนิ คา้ ของที่ระลกึ การจดั ทาพิพธิ ภัณฑส์ ่วนใหญ่ ต้องมกี ารจัดนทิ รรศการ เพอ่ื ใหม้ ผี ู้เข้าเยีย่ มชมสม่าเสมอ นิทรรศการ ควรเป็นเรอื่ งทีผ่ ้ชู มสนใจ มคี วามโดดเด่นและดึงดดู ความสนใจไดเ้ ป็นอย่างดี
155 5. บทนาในการจัดทาพิพิธภัณฑท์ างการศกึ ษาเรมิ่ ต้นด้วยสงิ่ ใด ตอบ ก. ทม่ี าและความสาคญั ของปญั หา จากนั้นจงึ จะตามดว้ ย คาถามงานวิจยั 6. การจดั ทาโครงการพพิ ิธภัณฑ์การศึกษาไทยมขี อบเขตข้อใดไมถ่ กู ตอ้ ง ค. ขอบเขตดา้ นบคุ ลากร (ไม่มี) ทีถ่ ูกคอื =› ขอบเขตด้านพ้ืนที่ ขอบเขตดา้ นประชากร ขอบเขตดา้ นเน้ือหา เกี่ยวกบั บุคลากร จะถอื วา่ จัดอยใู่ นหวั ข้อ “ขอบเขตดา้ นประชากร” นั่นเอง 7. การจดั ทาโครงการวจิ ยั พพิ ิธภณั ฑ์ทางการศึกษาเม่อื มบี ทนาแล้ว บทท่ี 2 ควรเป็นเร่อื งใด ข. การทบทวนวรรณกรรม บทที่ 1 บทนา บทที่ 2 การทบทวนวรรณกรรม บทที่ 3 ระเบยี บวธิ วี ิจัย บทที่ 4 การจัดการพพิ ธิ ภณั ฑโ์ รงเรยี น บทที่ 5 ข้อสรปุ และข้อเสนอแนะ 8. พิพิธภัณฑท์ อ้ งถ่ินส่วนใหญ่เกดิ จากแหลง่ ใด ก. วดั เพราะวดั เป็นแหลง่ รวบรวมโบราณวตั ถุ ดา้ นศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ภูมปิ ัญญา ประวตั ิศาสตรข์ องชุมชนต้ังแต่อดีตมาไว้มากทส่ี ุด 9. พพิ ธิ ภณั ฑท์ ้องถิน่ นยิ มจดั ตงั้ ไว้ที่ใด ก. วัด ข. โรงเรียน ค. สถานท่รี าชการ ง. ถกู ทุกข้อ รหู้ รอื ไมข่ อ้ สอบเกย่ี วกับพพิ ิธภัณฑ์ทอ้ งถ่นิ ในการสอบนกั วชิ าการศกึ ษาคร้งั กอ่ นๆ มกี ารถามวา่ ขอ้ ใดหมายถึง พลงั “บวร” ในการจดั ทาพิพธิ ภณั ฑ์ หลายคน งง และ ตอบคาถามไม่ได้ เฉลยคือ บวร = บา้ น วัด โรงเรียน พลังท้ังสามส่วนน้ีต้องมี ส่วนร่วมทสี่ าคญั มีบทบาทในการจัดทาพิพธิ ภัณฑท์ อ้ งถิน่ ใหป้ ระสบความสาเรจ็ ได้
156 10. บทบาทหนา้ ทข่ี องพิพิธภณั ฑข์ อ้ ใดกลา่ วไมถ่ ูกต้อง ก. Collecting ข. Conservation ค. Presentation ง. Education บทบาทหน้าท่ีของพพิ ิธภัณฑ์ =› การเสาะแสวงหา เก็บรวบรวม Collecting การอนุรกั ษ์ Conservation การศกึ ษา คน้ คว้า วจิ ยั Research การบนั ทึกขอ้ มูล Record การจดั แสดง Exhibition การบริการศกึ ษาและการประชาสมั พันธ์ Education and Public Relation 11. พพิ ิธภัณฑท์ ้องถน่ิ ทมี่ กี ารดาเนินการจดั ตั้งจากคนภายในท้องถ่นิ คอื ข้อใด ก. หนว่ ยงานราชการ ข. นกั วชิ าการ ค. พระภิกษุในวดั ง. นกั โบราณคดี ค. พระภิกษุทอี่ ยใู่ นวัดนนั้ ๆ เปน็ ประเภทผู้จดั ตั้งจากคนภายในทอ้ งถิน่ สว่ นขอ้ อ่นื ๆถอื เป็นผจู้ ัดตงั้ (ท่สี ามารถทาได)้ จากคนภายนอก เข้ามาทา 12. ขอ้ ใดไมใ่ ช่องคป์ ระกอบของการจัดตงั้ พพิ ิธภณั ฑท์ ้องถ่นิ ก. คณะทางาน ข. งบประมาณดาเนินการ ค. ผ้สู นใจชมพิพิธภณั ฑ์ ง. ส่ิงของท่ีจัดแสดง การจัดตง้ั พิพิธภณั ฑท์ ้องถ่นิ มีองค์ประกอบคือ 1. คณะทางาน ซ่งึ ประกอบไปดว้ ยชาวบ้านฝ่ายวชิ าการภัณฑารักษ์ 2. งบประมาณในการดาเนนิ งาน 3. เนอ้ื หาที่นาเสนอเป็นเรอ่ื งราวความเปน็ มาของทอ้ งถ่นิ ในดา้ นตา่ งๆ เชน่ ประวัติศาสตร์ ตานาน ภมู ปิ ญั ญา ความเชอ่ื ประเพณี การละเลน่ วัฒนธรรม เป็นตน้ 4. สง่ิ ของที่จัดแสดงควรเปน็ ส่งิ ของทมี่ ใี นทอ้ งถน่ิ และมีความหมายต่อคนในท้องถิ่นหรอื เกีย่ วพันกบั วิถีชวี ิตของคนในทอ้ งถ่ิน
157 13. ขอ้ ใดเป็นบทบาทของพิพธิ ภณั ฑท์ อ้ งถน่ิ ทม่ี ีต่อสังคมและวฒั นธรรม ก. ใหบ้ รกิ ารการศกึ ษาแก่คนในทอ้ งถิน่ ข. การส่งเสรมิ อาชพี ใหม่ๆ ช่วยสง่ เสริมในด้านการทอ่ งเทีย่ ว ค. ปลูกฝงั ใหค้ นในทอ้ งถน่ิ ศึกษารากเหง้าและเห็นคุณค่าท้องถนิ่ ของตนเอง ง. เปน็ บทบาททม่ี ีต่อสงั คมและวฒั นธรรมทุกขอ้ บทบาทหนา้ ทข่ี องพิพิธภณั ฑ์แบ่งออกเปน็ 3 บทบาท ได้แก่ 1. บทบาทหน้าท่ที างสงั คมและวัฒนธรรม (ข้อ ก) 2. บทบาททางเศรษฐกจิ (ขอ้ ข เป็นบทบาทดา้ นนี)้ 3. บทบาทดา้ นการเมอื ง (ขอ้ ค เปน็ บทบาทด้านน้ี) 14. ขัน้ ตอนแรกในการจดั ตงั้ พพิ ิธภัณฑท์ ้องถน่ิ คอื ขอ้ ใด ก. ศึกษาวิจยั ขอ้ มูลทอ้ งถิน่ ข. กาหนดเน้ือหาและทาการบรรยาย ค. การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน ง. การเลอื กส่งิ ของทน่ี ามาจัดแสดง ขัน้ ตอนในการจดั ตัง้ พิพธิ ภณั ฑท์ ้องถ่นิ โดยสรุป 1. การมีส่วนร่วมของชุมชน 2. ศกึ ษาวิจัยขอ้ มลู ในท้องถิ่นมีเรอื่ งที่นา่ สนใจอยู่มากมาย ควรมีการกาหนดหัวขอ้ เรือ่ ง 3. มกี ารจัดทาทะเบียนและหมวดหมู่ของวตั ถโุ ดยใหช้ มุ ชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม 4. กาหนดเนอ้ื หาและทาการบรรยายเรือ่ งราว 5. การเลอื กสิ่งของที่นามาจดั แสดงตามเนอื้ หา 6. การจดั แสดงพิพธิ ภณั ฑท์ อ้ งถิ่น 7. การจดั การ/การดาเนนิ งานควรมกี ารจัดตง้ั คณะกรรมการของชุมชน 15. งานจดั ทาพพิ ิธภณั ฑ์เปรยี บเสมอื นเล้ยี งเด็กทารกทจี่ ะตอ้ งดูแลตลอดเวลา ขอ้ ใดไม่ถูกต้อง ก. ต้องมีผดู้ แู ลพพิ ธิ ภัณฑ์ คอยเปดิ ปดิ ทาความสะอาด เฝ้าความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ข. ตอ้ งมีงบประมาณ เป็นคา่ ใชจ้ ่าย ค่าอุปกรณ์ทาความสะอาด ค่านา้ ไฟฟ้า ค่าซอ่ มแซม ค. ต้องมีการพฒั นา ยกระดบั คุณค่าของพพิ ิธภณั ฑใ์ หท้ ันสมยั และเพิ่มเติมเทคโนโลยีใหมๆ่ ง. ตอ้ งทาให้พิพิธภัณฑม์ ผี เู้ ข้าชมอยู่เสมอ จดั กิจกรรมเพ่อื ดึงดูดความสนใจอย่อู ย่างสม่าเสมอ การจัดทาพิพิธภณั ฑเ์ หมือนการดูแลเดก็ เลก็ ๆ มีคนคอยดูแลไม่หา่ ง (ก) มคี า่ ใชจ้ ่าย (ข) มีการหล่อเล้ยี งใหเ้ ติบโตต่อเน่อื ง ดูแล รกั ษาตลอดไป ไมม่ วี นั สิน้ สุดงาน (ง)
158 16. องคก์ รยเู นสโก ได้ใหน้ ิยามความหมาย “สงิ่ ของท่ีเปน็ รูปธรรม เชน่ โบราณสถาน แหลง่ โบราณคดี งานสถาปตั ยกรรม รวมทง้ั ส่งิ ก่อสรา้ งและสงิ่ ของที่มขี นาดเลก็ และไมโ่ ดดเด่น ดึงดูดสายตา เช่น ร่องรอยตา่ งๆท่มี ีคณุ ค่าในเชงิ ประวัตศิ าสตร์ สุนทรยี ะ ศลิ ปะ” คอื ข้อใด ข. มรดกวัฒนธรรม 17. พพิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาตจิ ะจัดตงั้ ข้ึนท่ีใด หรอื จะให้สถานทใี่ ดเปน็ พพิ ิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ ตอ้ งดาเนินการอย่างไร ข. รฐั มนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประกาศในราชกิจจานุเบกษา 18. สภาพปัญหาของพิพิธภัณฑ์ทอ้ งถ่นิ มหี ลายประการ ปัญหาใดทกี่ ารจัดพิพิธภณั ฑท์ ้องถ่นิ จงึ จาเป็นต้องมีนักวชิ าการศึกษาชว่ ยดาเนนิ การในเร่อื งดงั กลา่ ว ก. พิพธิ ภณั ฑก์ ลายเปน็ ทีเ่ ก็บของ การขาดความรนู้ ีเ่ องที่คนใน ข. การขาดความรู้ในการจดั การพพิ ธิ ภณั ฑ์ท้องถ่นิ ชุมชนอาจไม่รวู้ ธิ ีการจดั ทา ค. ขาดแคลนบุคลากร จึงต้องมนี ักวิชาการศกึ ษาท่ี ง. ขาดการมสี ่วนรว่ มจากคนในชุมชน ผ่านการอบรม ความร้ดู า้ นน้ี เขา้ ไปช่วยดาเนินการ นี่เองที่ เป็นอีกงานวา่ ทาไมนกั วิชาการ ศึกษาต้องมีความร้ใู นดา้ นที่ว่านี้ 19. พพิ ิธภัณฑท์ ้องถ่นิ ในประเทศไทย จาเปน็ ตอ้ งมกี ารเปล่ียนแปลงตามขอ้ ใด ก. ตามความต้องการของผู้เข้าชมและการใช้กระแสโลกาภวิ ตั น์ 20. การจัดการพพิ ิธภัณฑ์ท้องถน่ิ มีการเก่ียวข้องกับเรอ่ื งใดมากที่สุด ก. การนาเสนอ ข. การบรรยาย ค. การจัดนทิ รรศการ ง. การจาหนา่ ยสินค้าของท่ีระลกึ การจัดทาพิพิธภัณฑ์สว่ นใหญ่ ต้องมีการจัดนทิ รรศการ เพ่อื ใหม้ ผี ู้เขา้ เย่ียมชมสมา่ เสมอ นิทรรศการ ควรเป็นเรอ่ื งทผ่ี ชู้ มสนใจ มีความโดดเดน่ และดึงดดู ความสนใจได้เปน็ อยา่ งดี
159 21. การจดั ให้มรี ะบบการประกันคณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษา อนั นาไปสู่การ กาหนดให้ มมี าตรฐานการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน เกดิ จากอานาจตามความแห่งกฎหมายใด ก. รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย ข. พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ ค. พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาภาคบังคับ ง. พระราชบญั ญัติระเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ 22. ใหส้ ถานศกึ ษาใชข้ อ้ ใดเป็นแนวทางดาเนนิ งานเพื่อการประกนั คุณภาพภายในของ สถานศกึ ษา และเตรยี มการสาหรบั การประเมนิ คณุ ภาพภายนอก ในปัจจุบัน ก. มาตรฐานการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ.2560 ข. กฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ.2561 ค. มาตรฐานการประกันคุณภาพโดย สมศ พ.ศ. 2562 ง. พระราชบัญญัตกิ ารประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ.2562 23. การประเมินผลและการตดิ ตามตรวจสอบ คณุ ภาพ ตามมาตรฐานการศึกษาของ สถานศึกษาแตล่ ะระดบั และประเภทการศึกษา โดยมกี ลไกในการควบคมุ ตรวจสอบ ระบบการบรหิ ารคุณภาพการศกึ ษาท่ีสถานศกึ ษาจัดข้นึ เพอ่ื ให้เกดิ การพฒั นาและ สร้างความเชื่อมน่ั ใหแ้ ก่ผมู้ ีสว่ นเกีย่ วข้องและสาธารณชนวา่ สถานศึกษานน้ั สามารถ จัดการศกึ ษาไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพ หมายถงึ ข้อใด ก. การประกนั คณุ ภาพการศึกษา ข. การตดิ ตามคณุ ภาพมาตรฐานการศกึ ษา ค. การประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา ง. การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา 24. ข้อกาหนดเกย่ี วกับคณุ ลกั ษณะและคุณภาพทพ่ี งึ ประสงคท์ ตี่ ้องการให้เกดิ ข้นึ ในสถานศึกษาทุกแหง่ หมายถึงข้อใด ก. มาตรฐานสถานศึกษา ข. มาตรฐานการประกันคณุ ภาพ ค. มาตรฐานการศึกษา ง. มาตรฐานการประเมนิ คุณภาพ 25. มาตรฐานการศกึ ษามปี ระโยชนต์ ่อบุคคลทีเ่ กี่ยวข้องในการเข้ามามสี ่วนรว่ มเพื่อให้ การจัดการศึกษาชว่ ยยกระดับคุณภาพผู้เรียนให้ได้ตามมาตรฐานท่ีกาหนด ในขอ้ ใด ก. ผเู้ รียน ข. ครู ค. พอ่ แม่ผ้ปู กครอง ง. ถูกทุกข้อ
160 26. มาตรฐานการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน เพ่อื ใช้เป็นกรอบในการประกันคุณภาพการศึกษา มีกม่ี าตรฐาน ก. 2 มาตรฐาน ข. 3 มาตรฐาน ค. 4 มาตรฐาน ง. 5 มาตรฐาน 27. การประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาภายในสถานศึกษา ใหจ้ ัดส่งรายงานผลการประเมนิ ตนเอง ให้แก่หนว่ ยงานตน้ สังกดั หรือหนว่ ยงานท่กี ากบั ดูแลสถานศกึ ษาเป็นกาหนดเวลาเชน่ ไร ก. เปน็ ประจาทุกปี ข. ทุก 3 ปี ค. ทุก 4 ปี ง. ทุก 5 ปี 28. รายงานการประเมนิ ตนเองในการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาคอื ขอ้ ใด ก. PAOR ข. PISA ค. SAR ง. AAR 29. ข้อใดไมใ่ ช่ระบบการประกนั คุณภาพการศกึ ษา ก. การประเมินคณุ ภาพภายใน ข. การประเมินคุณภาพภายนอก ค. การพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา ง. การตดิ ตามตรวจสอบคณุ ภาพการศึกษา 30. ใครมีอานาจตีความและวนิ จิ ฉัยปญั หาอนั เก่ียวกับการปฏิบัติ ตามกฎกระทรวงเร่ือง การประกันคุณภาพการศึกษา ก. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธิการ ข. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ค. ผู้อานวยการ สมศ ง. ประธานคณะกรรมการประกนั คุณภาพการศกึ ษา 31. การดาเนนิ การประเมนิ ผลและติดตามตรวจสอบคณุ ภาพและมาตรฐานการศึกษา ของสถานศึกษาและจดั สง่ รายงานผลการประเมินและการตดิ ตามตรวจสอบ พร้อม ข้อเสนอแนะให้แก่สถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดหรือหนว่ ยงานท่ีกากับดูแล สถานศึกษาน้ันๆ เพื่อใหส้ ถานศึกษาใช้ เป็นแนวทางในการปรับปรงุ และพัฒนาคุณภาพ การศึกษาต่อไป เป็นหนา้ ท่ขี องหน่วยงานใด ก. สพฐ ข. สมศ ค. สศม ง. สทศ
161 32. การประกันคณุ ภาพภายนอก ใหส้ ถานศกึ ษาดาเนนิ การตามข้อใด ก. ทกุ ปี ข. ทุก 2 ปี ค. ทกุ ๆ 3 ปี ง. ทุกๆ 5 ปี 33. การกาหนดเกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพมาตรฐานมีกี่ระดับ ก. 2 ระดับ ข. 3 ระดับ ค. 4 ระดบั ง. 5 ระดบั 34. การประเมินคณุ ภาพการศึกษาภายในทีม่ คี ณุ ภาพมาตรฐานขน้ั สงู มีเกณฑ์เปน็ ไปตามขอ้ ใด ก. ดี ดีเยีย่ ม ข. ดี ดมี าก ดเี ลศิ ค. ดี ดีเลิศ ยอดเย่ยี ม ง. ดี ดเี ย่ยี ม ดีเลศิ 35. การประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาภายในทีม่ ีคณุ ภาพมาตรฐานในระดับต่าสุด ตามขอ้ ใด ก. ไม่ผ่าน ข. กาลงั พฒั นา ค. ปรับปรุง ง. แก้ไข 36. ข้อใดไม่ใช่ขั้นตอนของหลักการบรหิ ารตามวงจรเดมมิง่ (Deming Cycle) ซึ่งนิยม นามาใชใ้ นการประกันคุณภาพ ก. การร่วมกันวางแผน (Planning) ข. การรว่ มกันตรวจสอบ (Checking) ค. การร่วมกันปรบั ปรงุ (Action) ง. การร่วมกันพฒั นา (Development) 37. ข้อใดคอื กระบวนการสาหรบั การประกันคุณภาพภายนอกเทา่ นั้น ก. การควบคุมคณุ ภาพ ข. การให้การรับรอง ค. การตรวจสอบคุณภาพ ง. การประเมินคณุ ภาพ 38. การกาหนดมาตรฐานการศึกษาระดับการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน ด้านผู้เรียน เพอื่ การประกัน คุณภาพ ได้กาหนดมาตรฐานการศึกษายอ่ ย ไว้ตามขอ้ ใด ก. ด้านผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนและด้านคณุ ลักษณะที่พึงประสงคข์ องผเู้ รยี น ข. ดา้ นผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นและดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ค. ด้านผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นและด้านสมรรถนะของผู้เรยี น ง. ดา้ นผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนและดา้ นทักษะของผเู้ รียนในศตวรรษท่ี 21
162 39. การออกแบบการประกันคุณภาพ ตามมาตรฐานการศึกษา ในดา้ นกระบวนการบริหาร และการจัดการ มีองค์ประกอบสาคัญ ยกเว้นข้อใด ก. ดา้ นการบริหารคณุ ภาพของสถานศึกษา ข. ดา้ นการบริหารหลักสตู รและงานวิชาการของสถานศึกษา ค. ดา้ นการสร้างความสมั พนั ธ์กับชุมชนและผู้ปกครอง ง. ดา้ นการพัฒนาครูและบคุ ลากร 40. การออกแบบการประกนั คุณภาพ ตามมาตรฐานการศึกษา ในด้านกระบวนการจัดการ เรยี นการสอนทีเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั เน้นทคี่ ุณภาพเรอ่ื งใด ก. การบริหารจดั การชั้นเรยี นเชงิ บวก ข. การแลกเปล่ียนเรียนรู้ ค. การใหข้ ้อมูลสะท้อนกลับ ง. ถกู ทุกขอ้ 21. ข 22. ข 23. ก 24. ค 25. ค 26. ข 27. ก 28. ค. 29. ค 30. ก 31. ข 32. ง 33. ง 34. ค 35. ข 36. ง 37. ข 38. ก 39. ค 40. ง องค์ความรู้ในการทาขอ้ สอบและตอบคาถาม เกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษา และการจดั ทา มาตรฐานสถานศกึ ษาใหใ้ ช้คู่มือทอ้ งถ่นิ ดงั นี้ มาตรฐานการศึกษา คือ มาตรฐานภาพรวมๆ ของท้งั ประเทศที่ต้องสอดคล้องกนั มาตรฐานสถานศกึ ษา เป็นมาตรฐานของแต่ละ โรงเรยี นทีต่ ้องมมี าตรฐานตามแบบของตนเอง ซึ่งตอ้ งออกแบบและทาให้สอดคล้องมาตรฐาน การศกึ ษาของชาตดิ ้วยตามสมควรน่ันเอง
163 41. เพอ่ื ให้เกดิ การพฒั นาและเพอื่ เปน็ กลไกลในการควบคมุ ตรวจสอบคณุ ภาพการศกึ ษาของ สถานศกึ ษาให้เกิดการพัฒนาและสรา้ งความเช่อื มน่ั ให้กับสังคม ชุมชน และผมู้ ีส่วนเกี่ยวขอ้ ง สถานศกึ ษาจึงต้องมีการดาเนนิ การตามขอ้ ใด ก. จดั ให้มรี ะบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาภายในสถานศกึ ษา ข. จัดให้มีระบบการประกนั คณุ ภาพการศึกษาภายนอกสถานศกึ ษา ค. จดั ให้มกี ารนิเทศ การจัดการศึกษาเพอ่ื การรบั รองมาตรฐานของสถานศกึ ษา ง. จัดใหม้ ีการประเมนิ และตดิ ตาม ตรวจสอบ ผลการดาเนนิ งานของสถานศกึ ษา 42. สถานศึกษาสังกัดองคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ กาหนดเปา้ หมายความสาเร็จตามมาตรฐาน ของสถานศกึ ษาตามบรบิ ทโดยความเห็นชอบจากขอ้ ใดเพ่อื ใหม้ ีการเพ่มิ เตมิ ประเด็นใน มาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา นอกเหนอื จากทก่ี ระทรวงศึกษาธิการประกาศใช้ ก. ผบู้ รหิ ารองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ข. คณะกรรมการสถานศึกษา ค. คณะกรรมการมาตรฐานการศึกษาทอ้ งถิน่ ง. ผ้อู านวยการสถานศึกษา 43. การจดั ทาแผนพัฒนาการศกึ ษา 5 ปี แผนปฏบิ ัตกิ ารประจาปงี บประมาณ และแผนปฏิบัติ การประจาปีการศึกษา ตามแนวทางการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษาขององคก์ ร ปกครองสว่ นท้องถ่ินต้องทาใหม้ คี วามสอดคล้องกบั ข้อใด ก. แผนการศึกษาแห่งชาตแิ ละแผนการพัฒนาการศึกษาทอ้ งถ่ิน ข. ความตอ้ งการของชมุ ชนและสภาพเศรษฐกจิ ภายในท้องถ่ิน ค. สภาพปญั หาและความตอ้ งการจาเปน็ ของสถานศกึ ษา ง. มาตรฐานการศกึ ษาของชาตติ ามประกาศของกระทรวงศึกษาธกิ าร 44. การดาเนินการจัดระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา หรอื การจดั ทามาตรฐาน สถานศกึ ษาข้นั ตอนแรกสุด คือขอ้ ใด ก. การวางแผนดาเนนิ งาน ข. การศกึ ษาบรบิ ทของท้องถิ่น ค. การแสวงหาความรว่ มมือและฉนั ทามติ ง. การกาหนดมาตรฐานสถานศึกษา 45. การดาเนินการจัดระบบประกันคุณภาพการศกึ ษาภายในสถานศึกษามีกี่ขน้ั ตอน ก. 4 ข้นั ตอน ข. 5 ขนั้ ตอน ค. 6 ข้นั ตอน ง. 7 ข้ันตอน 41. ก 42. ข 43. ค 44. ง 45. ง
164 การประกนั คณุ ภาพการศึกษาภายในสถานศกึ ษา หรอื ท่ีเรยี กกันสั้นๆวา่ ประกนั คุณภาพ ภายในจะเปน็ เร่อื งเก่ียวกบั การจัดทามาตรฐานสถานศกึ ษานน่ั เอง มาตรฐานกบั การประกันคุณภาพการศึกษา การประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา (Quality Assurance) เป็นกลไกสาคญั ที่สามารถขับเคลอื่ น การพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาใหด้ าเนนิ ไปอย่างตอ่ เนอื่ ง การประกนั คุณภาพมีหลักการสาคัญ คอื การกระจายอานาจ การเปดิ โอกาสให้มสี ว่ นรว่ มในการทางาน และการแสดงความรับผดิ ชอบท่ี สามารถตรวจสอบได้ ระบบการประกนั คุณภาพภายในของสถานศกึ ษาประกอบด้วยกระบวนการ ดาเนนิ งานที่สมั พันธ์กนั ๓ ส่วน คือ ๑. การประเมนิ คณุ ภาพภายใน ซึ่งดาเนนิ การได้โดยสถานศกึ ษาเองหรอื การประเมนิ โดย หนว่ ยงานตน้ สังกัด ๒. การติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา สถานศึกษาตอ้ งมกี ารติดตามตรวจสอบ ความกา้ วหน้าในการดาเนนิ โครงการกิจกรรมงานเปน็ ระยะ มผี รู้ บั ผดิ ชอบการดาเนนิ งานเพื่อการ รวบรวมสารสนเทศและผลการตดิ ตามตรวจสอบมาใช้ปรับปรุงงานอย่างต่อเนอ่ื ง นอกจากจะ แสดงวา่ สถานศึกษาทางานอยา่ งเปน็ ระบบแลว้ ยังเปน็ การเตรยี มตัวให้พร้อมรบั การตดิ ตาม ตรวจสอบคุณภาพการศกึ ษาจากหนว่ ยงานตน้ สงั กดั อย่างนอ้ ย ๑ ครง้ั ภายใน ๓ ปี และการ ประเมนิ คณุ ภาพภายนอกอีกดว้ ย ๓. การพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาเป็นการดาเนนิ กจิ กรรมใดๆ เพือ่ ให้เกดิ การยกระดับ คุณภาพให้สูงขน้ึ โดยมมี าตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาเปน็ เปา้ หมาย ในการกาหนดมาตรฐาน การศกึ ษาของสถานศึกษาต้องสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการศกึ ษาชาติและมาตรฐานการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน สถานศกึ ษาอาจเพ่ิมเตมิ มาตรฐานท่เี ฉพาะเจาะจงเหมาะกบั สภาพของชุมชนได้ มาตรฐาน จะเปน็ กรอบควบคมุ การดาเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ ตัวอยา่ งแนวขอ้ สอบ ข้อใดไม่ใช่หลกั การสาคญั ในการประกันคุณภาพการศกึ ษา ก. การกระจายอานาจ ข. การมีสว่ นร่วม ค. การพัฒนาอย่างตอ่ เนือ่ ง ง. สามารถตรวจสอบได้
165 ในบทที่ 3 เรือ่ งการดาเนนิ การประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา มีการกลา่ วถงึ หลกั การประกนั คุณภาพการศกึ ษา ไว้ดงั นี้ (หน้า 24 ของคมู่ อื ฯ) หลักการการประกันคุณภาพการศกึ ษา ๑. เปน็ หนา้ ท่ขี องบุคลากรทุกคนที่ต้องปฏิบตั ิงานตามภารกิจทแี่ ตล่ ะคนได้รับมอบหมาย ๒. มุ่งพฒั นาการดาเนินงานตามความรับผดิ ชอบของตนใหม้ ีคณุ ภาพดยี ง่ิ ขน้ึ เพราะผลการ พฒั นาของแต่ละคนก็คอื ผลรวมของการพฒั นาทัง้ สถานศกึ ษา ๓. เน้นการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา โดยใหเ้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของกระบวนการบริหาร การศกึ ษาทต่ี ้องดาเนนิ การอย่างต่อเน่ือง ไม่ใชท่ าเพือ่ เตรยี มรับการประเมินเปน็ คร้งั คราวเท่านนั้ ๔. ต้องเกดิ จากความร่วมมอื ของบุคลากรทุกฝา่ ยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ไมส่ ามารถวา่ จา้ งหรือขอให้ บคุ คลอ่ืนๆดาเนนิ การแทนได้ ๕. ตอ้ งเกิดจากการยอมรบั และนาผลการประเมินคณุ ภาพการศึกษาไปใช้ในการพฒั นา คุณภาพการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา
166 ในตารางนแ้ี สดงแนวทางตามแบบ PDCA
167 46. ข้นั ตอนแรกสุดของการวางแผนประกันคุณภาพคือขอ้ ใด ก. แต่งตงั้ คณะกรรมการ ข. ประชุมวางแผน ค. เตรยี มจดั ทาแนวทาง ง. วิเคราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มูลแตล่ ะประเดน็ 47. วงจรเดมมง่ิ ในการประกนั คณุ ภาพทางการศึกษา คอื PDCA ก. POLC ข. PDCA ค. PAOR ง. POSCORB 48. มาตรฐานการศึกษาเพ่ือการประกันคุณภาพมกี ี่มาตรฐาน ก. 2 มาตรฐาน ข. 3 มาตรฐาน ค. 4 มาตรฐาน ง. 5 มาตรฐาน 49. การประกนั คณุ ภาพภายในจัดทารายงานแบบใด ก. IIP ข. SPSS ค. IEP ง. SAR 50. การประกันคุณภาพทางการศึกษา คอื ขอ้ ใด ก. การประเมนิ ตดิ ตาม ตรวจสอบ ข. การวัดผล ประเมินผล รายงานข้อมูล ค. การวดั และประเมนิ ผล ตรวจสอบ นาเสนอขอ้ มูล ง. การตดิ ตาม วัดผล ประเมนิ ผล ตรวจสอบ และรายงานขอ้ มูล 46. ก 47. ข 48. ข 49. ง 50. ก
168 หัวข้อท่ี 9. ความร้ทู เ่ี กี่ยวกบั งานตามลกั ษณะงานทป่ี ฏบิ ตั ิของตาแหน่งทีส่ มัครสอบ 1. แผนภมู ิแผนภาพ แผนที่ แผนผัง ภาพโฆษณา การ์ตูน เป็นส่ือการสอนประเภทใด ก. ภาพนิ่ง ข. นิทรรศการ ค. วจนสญั ลักษณ์ ง. ทัศนสญั ลักษณ์ 2. นวัตกรรมในข้อใดเหมาะสาหรับนักวชิ าการศึกษานาไปใชป้ ระโยชน์กับการทาโครงการ ก. ชุดการสอน ข. บทเรียนสาเรจ็ รูป ค. มลั ตมิ ีเดยี ง. วิทยแุ ละโทรทศั น์ช่วยสอน 3. สือ่ และนวัตกรรมทางการศกึ ษาในการจดั ทาโครงการท่ดี ี ขอ้ ใดสาคญั ท่ีสุด ก. เหมาะกับวตั ถุประสงคท์ วี่ างไว้ ข. เหมาะกบั วยั ของผูเ้ ขา้ ศกึ ษาโครงการ ค. เหมาะกับกิจกรรมท่จี ะดาเนินการ ง. ใช้งา่ ย ปลอดภยั สะดวก และประหยดั 4. แผนภาพ (Diagram) เปน็ สื่อการเรียนการสอนรปู แบบใด ก. สิง่ ตพี ิมพ์ ข. วสั ดกุ ราฟิก ค. วัสดุฉายและเคร่อื งฉาย ง. วสั ดุถา่ ยทอดเสยี ง 5. ขอ้ ใดไม่ใช่สอ่ื การเรยี นการสอนจาแนกตามประสบการณ์ ก. ประสบการณจ์ าลอง ข. นิทรรศการ ค. คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ง. การศกึ ษานอกสถานที่ 6. วิทยุ เป็นส่ือการเรยี นการสอนรูปแบบใด ข. วสั ดฉุ ายและเครอื่ งฉาย ก. วัสดุกราฟกิ ง. วัสดถุ ่ายทอดเสียง ค. สง่ิ ตพี มิ พ์ 7. สอื่ ทางการศกึ ษาใดที่จดั ว่าเปน็ นามธรรมมากทสี่ ุด ก. ประสบการณน์ าฏการ ข. ทัศนสัญลักษณ์ ค. วจนสญั ลกั ษณ์ ง. นิทรรศการและการแสดง
169 8. ตัวกลางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ทกั ษะ ประสบการณจ์ ากแหลง่ ความรไู้ ปสู่ผเู้ รียนคือข้อใด ก. นวตั กรรมทางการศึกษา ข. เทคโนโลยที างการศึกษา ค. คอมพวิ เตอร์ ง. ส่อื การเรียนการสอน 9. สื่อท่ีสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นไดม้ ีโอกาสคดิ สร้างสรรค์มสี ว่ นรว่ ม และได้รับขอ้ มูลยอ้ นกลับดว้ ยตวั เอง สอดคล้องกบั ลักษณะของสือ่ การสอนแบบใด ก. นทิ รรศการ ข. ทศั นสัญลักษณ์ ค. โทรทศั นแ์ ละภาพยนตร์ ง. ภาพนิ่ง การบนั ทกึ เสียง และวิทยุ 10. ส่งิ ทชี่ ว่ ยใหก้ ารศกึ ษาและการเรยี นการสอนมีประสทิ ธิภาพดียง่ิ ขน้ึ กว่าของเดิมหมายถงึ ขอ้ ใด ก. สอื่ การเรยี นรู้ ข. นวัตกรรมการศกึ ษา ค. เทคโนโลยีทางการศกึ ษา ง. แผนการจัดการเรยี นรู้ 11. สง่ิ ที่เปน็ เคร่อื งมอื ส่งเสรมิ สนบั สนนุ การจดั การกระบวนการเรยี นรู้ หมายถงึ ข้อใด ก. นวตั กรรมการศึกษา ข. แผนการจัดการเรยี นรู้ ค. เทคโนโลยีทางการศึกษา ง. สื่อการเรยี นรู้ 12. โฮมเพจ เปรยี บได้กบั ส่ิงใด ข. ปกดา้ นหลงั ของหนังสอื ก. สารบัญหนงั สือ ง. หนา้ บทนาของหนังสือ ค. หนา้ ปกหนงั สือ 13. คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน คอื ข้อใด ข. Learning Packages ก. Teaching Machine ง. Computer-Assisted Instruction ค. Interactive Media/Video 14. สอื่ ทใี่ ช้ในวงการศกึ ษา แบง่ ตามลกั ษณะท่ัวไปได้ 3 ประเภท ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. ประเภทเคร่ืองมอื (Hardware) ข. ประเภทวิธกี าร (Techniques) ค. ประเภทประสบการณ์ (Experiances) ง. ประเภทวัสดุ (Software)
15. หัวใจสาคญั ของการแนะนา 170 ก. การแก้ปญั หา ค. การบอกข้อมูล ข. การช่วยเหลอื ง. การเสนอแนะแนวทาง ข้อ 15 เป็นขอ้ สอบจริงครัง้ ก่อน พอคนออกห้องสอบมา ถามว่า อาจารย์ค่ะ เขาพิมพ์ ข้อสอบผิดหรือเปลา่ เขาตอ้ งการถาม “หวั ใจของการแนะแนว” หรอื เปลา่ ไมแ่ น่ใจค่ะ ไม่ใชห่ รอก คอื เขาถาม “แนะนา” นั่นแหละ่ หวั ใจของการแนะแนวคือการใหค้ าปรึกษา หัวใจของการแนะนา คือ การแกไ้ ข แก้ปญั หาให้ แนะนาให้ควรจะได้ทาแบบนน้ั แบบนี้ 16. ขอ้ มลู ต่างๆที่ได้ผ่านการเปลีย่ นแปลงหรอื มีการประมวลผลหรอื วิเคราะหส์ รปุ ผลด้วยวธิ ีการ ตา่ ง ๆแล้วเกบ็ รวบรวมไว้ เพือ่ นามาใชป้ ระโยชนต์ ามต้องการ หมายถึงขอ้ ใด ก. ขา่ วสาร ข. สารสนเทศ ค. ข้อมลู ความรู้ ง. เทคโนโลยี 17. การจัดประเภทของสอ่ื จัดตามแบบใด ข. ปัจจยั กระบวนการ ผลผลติ ก. สื่อธรรมชาติ สอ่ื ทมี่ นษุ ยส์ รา้ งข้ึน ง. วสั ดุ อปุ กรณ์ วธิ กี าร ค. รูปธรรม นามธรรม 18. การเลือกใชส้ ่ือข้อใดถูกตอ้ ง ก. เลอื กใชใ้ หส้ อดคล้องตรงตามวตั ถปุ ระสงคข์ องแผนการเรยี นรู้ ข. เลอื กใช้ตามทรัพยากรทมี่ อี ยอู่ ย่างคมุ้ คา่ และไดร้ บั ผลตอบแทนสูงสดุ ค. เลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกบั วัยของผูเ้ รยี นรวมถึงพฒั นาการทางการเรยี นรู้ ง. เลอื กใช้เทา่ ทีจ่ าเป็น ประหยดั และพอเพียง เน้นประสิทธภิ าพในการสรา้ งความรู้ 19. ฮารด์ แวร์ คอื ขอ้ ใด ก. อุปกรณต์ า่ งๆที่ประกอบข้นึ เปน็ เครอื่ งคอมพิวเตอร์ทจ่ี บั ตอ้ งได้ ข. ชุดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพ่อื ใชใ้ นการประมวลผลความรอู้ ย่างถกู ตอ้ ง ค. คาสั่งในการควบคุมคอมพวิ เตอร์ และโปรแกรมตา่ งๆในการถ่ายทอดขอ้ มูล ง. วสั ดุท่ใี ช้ในการบนั ทึกข้อมลู สารสนเทศ หรือประมวลผลดา้ นเทคโนโลยีดิจิตัล
171 20. การท่ีผูบ้ ริโภคสามารถเขา้ มาแสดงความคิดเหน็ (comment on) ปฏิรูป (transform) ร่วมสร้างสรรค์ (co-create) และแลกเปล่ยี นเนือ้ หา (share content) การสรา้ งให้เกดิ ชมุ ชน และผู้ใชค้ ือผู้สร้างเนอ้ื หา ที่มีการสรา้ งสรรคอ์ ย่างมืออาชพี ในการผลติ สอื่ ด้วยผ้รู บั สารเอง หมายถงึ ขอ้ ใด ก. เข้าถึง (Untethered) ข. การมีส่วนรว่ ม (Participatory) ค. การเช่อื มโยงขอ้ มลู (Hyperlinked) ง. การมีพลวัตร มชี วี ิตชวี า มีความสรา้ งสรรค์ (Dynamic) 21. สถานศึกษาสามารถดาเนินการอย่างไรเพ่อื ชว่ ยให้ชุมชนเขม้ แข็ง ก. นานักเรียนไปพฒั นาชมุ ชน ข. ให้ชุมชนได้จดั การศกึ ษาในสถานศึกษา ค. จดั การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในชุมชน ง. เข้ารว่ มกจิ กรรมในชุมชนจนเป็นประจา 22. แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงใช้แกป้ ญั หาใด ข. หน้ีสาธารณะ ก. หน้คี รัวเรอื น ง. เศรษฐกิจมวลรวม ค. ความยากจน 23. แนวทางสายกลางตามหลักเศรษฐกิจพอเพยี ง คาวา่ ทางสายกลาง หมายถงึ อะไร ก. ประหยดั อดออม ข. พอแล้ว ไม่หวงั มากเกินไป ค. มเี หตุผล ง. พอดี ไมม่ าก ไมน่ อ้ ยเกินไป 24. หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งตรงกบั หลักธรรมใด ก. สปั ปุริสธรรม 7 ข. พรหมวิหาร ค. อทิ ธบิ าท ง. สังคหวัตถุ 25. หลักธรรมประจาใจของครู คือ ข. อทิ ธิบาท 4 ก. สังคหวตั ถุ 4 ง. ทศิ 6 ค. พรหมวิหาร 4
172 26. ลักษณะของครูท่ีมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม คือ ก. ชอบชว่ ยเหลือสงั คม ข. ทาตัวน่าเคารพ ยกยอ่ ง ค. แตง่ กายดี พดู จาดี ง. สอนเก่ง รกั เด็ก ขยนั 27. หากต้องการเปน็ ผู้ประพฤตดิ ี ทง้ั กาย วาจา ใจ ใช้หลกั ธรรมในข้อใด ก. หิริโอตปั ปะ ข. กาลามสตู ร ค. อิทธิบาท 4 ง. มรรคมีองค์ 8 28. หลักธรรมใด คอื พน้ื ฐานแรกแหง่ ความสาเร็จ ก. ฉนั ทะ ข. วริ ิยะ ค. จิตตะ ง. วิมังสา 29. รฐั ธรรมนูญการศึกษา เปรยี บเสมอื น ก. แผนการศึกษาแห่งชาติ ข. พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ ค. รัฐธรรมแหง่ ราชอาณาจกั รไทย ง. นโยบายการศกึ ษาของรฐั บาล 30. ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องใหบ้ ริการดว้ ยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียก รับหรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ตาแหน่งหน้าทโ่ี ดยมิชอบ เป็นจรรยาบรรณดา้ นใด ก. จรรยาบรรณต่อตนเอง ข. จรรยาบรรณต่อวชิ าชพี ค. จรรยาบรรณตอ่ ผรู้ บั บรกิ าร ง. จรรยาบรรณต่อสังคม 1. ง 2. ค 3. ก 4. ข 5. ค 6. ง 7. ค 8. ง 9. ก 10. ข 11. ง 12. ค 13. ง 14. ค 15. ก 16. ข 17. ง 18. ก 19. ก 20 ข 21. ค 22. ก 23. ง 24. ก 25. ค 26. ข 27. ง 28. ก 29. ข 30. ค
173 ตัวอย่ำงข้อสอบนักวิชำกำรศึกษำ 1. หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐานจุดเนน้ ของนกั เรียน ป.1 – ป.6 คอื ขอ้ ใด ก. ความสามารถในการประยุกต์พื้นฐานความรู้สกู่ ารใชใ้ นชวี ติ จรงิ ข. ความสามารถในการค้นพบตัวเอง เรียนร้ใู นสง่ิ ที่สนใจและชืน่ ชอบ ค. ความรแู้ ละทักษะพืน้ ฐานในดา้ นตา่ งๆเตรยี มพร้อมสู่การเรยี นระดบั ตอ่ ไป ง. ความสนใจในสิง่ ท่เี รยี นเพอ่ื นาไปสกู่ ารเลอื กอาชีพท่ีเหมาะสมไดใ้ นอนาคต 2. หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานต้องนาไปใชจ้ ัดการเรยี นการสอนใน โรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นระดับใด ก. ระดบั ประถมศกึ ษา ข. ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ค. ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ง. ถูกทุกขอ้ ทกี่ ล่าวมา 3. องคป์ ระกอบที่สาคัญของหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ก. วสิ ยั ทศั น์ สมรรถนะของผ้เู รยี น หลักการ จดุ หมาย ข. วสิ ยั ทศั น์ หลกั การ จดุ หมาย สมรรถนะของผเู้ รยี น ค. หลกั การ จดุ หมาย วสิ ยั ทศั น์ สมรรถนะของผเู้ รยี น ง. หลักการ วิสยั ทศั น์ จุดหมาย สมรรถนะของผู้เรยี น 4. หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐานฯ ทใ่ี ช้ในปจั จุบนั เปน็ หลักสูตรตามข้อใด ก. หลักสตู รอิงมาตรฐาน ข. หลักสตู รองิ สมรรถนะสาคญั ค. หลักสูตรอิงเกณฑ์ ง. หลักสตู รองิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ 5. เน้นผู้เรียนเป็นสาคญั ทกุ คนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ คอื ขอ้ ใด ก. วสิ ยั ทศั น์ ข. สมรรถนะ ค. หลักการ ง. จดุ หมาย 6. จุดมุ่งหมายของหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐานมีก่ีข้อ ก. 3 ขอ้ ข. 4 ข้อ ค. 5 ข้อ ง. 6 ขอ้
174 7. ข้อใดไม่ใช่วิสยั ทศั นข์ องหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน ก. เน้นผู้เรียนเป็นสาคญั ทุกคนสามารถเรียนรแู้ ละพฒั นาตนเองได้ ข. เป็นการศกึ ษาเพือ่ ปวงชน ทุกคนมโี อกาสได้รบั การศกึ ษาอย่างเสมอภาค ค. มีความรู้ คคู่ ุณธรรม มจี ติ สานึกในความเป็นพลเมอื งไทยและเป็นพลโลก ง. ยดึ มั่นในการปกครองระบบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ 8. ขอ้ ใดคอื หลักการของหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ก. เป็นหลกั สตู รการศกึ ษาที่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคญั ข. มีจิตสานกึ ในการอนุรกั ษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย ค. มสี ุขภาพกาย สขุ ภาพจติ ทด่ี ี มีสุขนิสยั และรักการออกกาลังกาย ง. มคี วามรักชาติ มจี ติ สานกึ ในความเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก 9. ขอ้ ใด ไม่ใชส่ มรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น ข. ความสามารถในการรู้ทันเทคโนโลยี ก. ความสามารถในการส่ือสาร ง. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต ค. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 10. ข้อใด ไม่ใช่ กล่มุ สาระการเรียนรตู้ ามหลักสูตรการศกึ ษา ก. สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ข. วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ค. สังคมศกึ ษา ง. ภาษาอังกฤษ 11. การแบง่ ระดบั การศึกษาตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน 2551 ก. อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ข. ประถมศึกษา มธั ยมศึกษา ค. ประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนต้น มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ง. ประถมศึกษาตอนตน้ ประถมศึกษาตอนปลาย มัธยมศกึ ษา 12. กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นแบ่งออกเปน็ ก่ีประเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท 13. การประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคท์ ี่ไดร้ ะดับสูงสุดเปน็ ไปตามขอ้ ใด ก. ผ่าน ข. ดมี าก ค. ดเี ยี่ยม ง. ดเี ลิศ
175 14. การใช้หลักสตู รสถานศึกษาต้องมีผู้ใดเป็นผ้ลู งนาม ก. ผบู้ ริหารสถานศึกษา ข. ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา ค. ผูอ้ านวยการสถานศึกษา ง. ท้งั ขอ้ ก และ ข 15. หลักสตู รสถานศึกษาจะสามารถนาไปใชไ้ ด้เมอ่ื ไร ก. เมื่อผ้อู านวยการสถานศึกษาอนุมัติให้ใชไ้ ด้ ข. เมอ่ื ผ่านความเห็นชอบจากศกึ ษาธิการจังหวดั ค. เม่อื ผา่ นความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา ง. เมื่อผ่านความเห็นชอบจากผ้อู านวยการสานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา 16. ทกั ษะในการนาเคร่อื งมือ อปุ กรณ์ และเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ท่มี ีอยใู่ นปจั จบุ นั คือข้อใด ก. Digital literacy ข. Digital Access ค. Value Co-creation ง. Digital Technology User 17. G Suite for Education เกีย่ วข้องกับขอ้ ใด ก. Microsoft ข. Google ค. Government ง. Good TV 18. เทคโนโลยดี ิจิตลั ที่มคี วามร่วมมือกบั กระทรวงศึกษาธกิ ารในการจัดการศกึ ษาคอื ทมี ใด ก. Hunsa Team ข. Facebook Team ค. Microsoft Team ง. Digital Platform Team 19. ขอ้ ใดหมายถึงหอ้ งเรียนกลับด้านที่ใช้นวัตกรรมและดจิ ติ ลั เข้ามาช่วยจดั การศึกษา ก. Innovation classroom ข. DLIT classroom ค. Flexible classroom ง. Flipped classroom 20. ข้อใดคือแพลตฟอรม์ ด้านการศกึ ษาเพือ่ ความเป็นเลศิ คอื ข้อใด ก. DEEP ข. G Suite ค. MTPs ง. 3R8C เฉลย 1. ค 2. ง 3. ข 4. ก 5. ก 6. ค 7. ข 8. ก 9. ข 10. ง 11. ค 12. ข 13. ค 14. ง 15. ค 16. ก 17. ข 18. ค 19. ง 20. ก
176 21. กระบวนการกาหนดสถานการณใ์ หบ้ คุ คลได้แสดงพฤติกรรมท่ีตอ้ งการออกมา เพื่อจะได้วดั และสังเกตพฤติกรรมนน้ั ๆ หมายถงึ ข้อใด ก. การวัดผล ข. การทดสอบ ค. การประเมนิ ผล ง. การวัดผลและการประเมินผล 22. กระบวนการกาหนดตวั เลขตามกฎเกณฑ์ให้แก่พฤติกรรมทบ่ี คุ คลแสดงออกมา หมายถงึ ขอ้ ใด ก. การวัดผล ข. การทดสอบ ค. การประเมินผล ง. ถูกทกุ ข้อ 23. กระบวนการในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากการวัดพฤติกรรมของบคุ คลเพือ่ นาผล มาพิจารณาตัดสิน ประเมินคา่ หมายถงึ ข้อใด ก. การวัดผล ข. การทดสอบ ค. การประเมนิ ผล ง. ถูกทกุ ข้อ 24. ข้อใดแตกตา่ งจากขอ้ อื่นๆ ข. แดงมีกระเป๋านา้ หนัก 3 กิโลกรัม ก. ดาสอบได้ 3 คะแนน ง. เขยี วได้เกรด 3 วิชาภาษาองั กฤษ ค. ขาวกระโดดได้สูง 3 เมตร 25. คณุ สมบตั ขิ องเครือ่ งมอื ท่สี ามารถวดั ได้ตามจุดประสงค์ทต่ี ้องการวัดคอื ขอ้ ใด ก. ความเที่ยงตรง ข. ความเชือ่ ม่ัน ค. อานาจจาแนก ง. ความยาก 26. การหาค่าความเทีย่ งตรงใชเ้ คร่อื งมอื ใด ก. KR20 ข. KR21 ค. IOC ง. แอลฟ่าสัมประสทิ ธิ์ 27. ค่าความเทย่ี งตรงของเคร่ืองมือวัดทใ่ี ชไ้ ดอ้ ยูร่ ะหว่างคา่ ใด ก. 0 – 0.5 ข. 0.5 – 1 ค. 0.2 – 0.8 ง. 0.8 -1
177 28. ขอ้ ใดกลา่ วไมถ่ ูกตอ้ งเกี่ยวกับค่าอานาจจาแนกของแบบทดสอบ ก. อานาจจาแนกคอื แยกแยะคนเก่งคนอ่อนได้ ข. อานาจจาแนกท่ดี ีจะไม่อนุญาตให้คนออ่ นได้คะแนนสงู ค. อานาจจาแนกมีคา่ อยูร่ ะหวา่ ง -1 ถึง 1 ง. อานาจจาแนกท่ีมคี ่า 0.2 – 1.0 สามารถแยกแยะ คนเก่ง คนออ่ นได้ 29. ข้อสอบทมี่ ีค่าความยาก งา่ ย ใช้ไดอ้ ยู่ในระดับใด ก. 0.0 – 2.0 ข. 0.2 – 0.4 ค. 0.2 – 0.8 ง. 0.8 – 1.0 30. ขอ้ สอบท่ีมคี าตอบ ถูกตอ้ ง ชัดเจน คาตอบเดียว ตรงตามหลักวิชาการ หมายถึงขอ้ ใด ก. มคี วามเทยี่ งตรงท่ดี ี ข. มคี วามเปน็ ปรนัยสูง ค. มอี านาจจาแนกที่ดี ง. มีความยากงา่ ยทเ่ี หมาะสม 31. แบบทดสอบท่เี ปน็ ปรนัย คอื ขอ้ ใด ข. แบบถูกผดิ ก. แบบเลือกตอบ ง. เป็นข้อสอบปรนยั ทุกข้อ ค. แบบเติมคา 32 ขอ้ สอบทเ่ี ป็นอัตนยั มีลักษณะตามขอ้ ใด ก. มีเป็นอตั นยั แบบไมจ่ ากัดคาตอบเทา่ น้นั ข. คาตอบถูกได้หลากหลาย ขน้ึ อยู่กับผู้ตรวจให้คะแนน ค. คาตอบต้องถูกต้อง ชัดเจนเพียงคาตอบเดียว ตรงตามหลักวิชาการ ง. ขอ้ สอบอตั นัยแบบจากัดคาตอบจะตอ้ งมคี วามยาวไม่เกินห้าบรรทดั 33. ขอ้ ใดเปน็ ขอ้ สอบท่มี ีความเป็นปรนัยสงู ทสี่ ดุ ก. ประเทศไทยพบผูต้ ดิ เชอื้ โควิด-19 ทเี่ สยี ชวี ิตท่ีจังหวดั ใด ข. ประเทศไทยมผี ู้ป่วยสะสมโรคโควดิ -19 ณ วันสิ้นเดอื นกรกฎาคมจานวนก่ีคน ค. ประเทศไทยมีแนวโน้มทางเศรษฐกิจหลงั พ้นภาวะวิกฤติโควิด-19 เปน็ ไปในทิศทางใด ง. ประเทศไทยมมี าตรการด้านการจัดการและควบคมุ การแพร่ระบาดโควิด-19 อยา่ งไร
178 34. ลกั ษณะที่ตอ้ งประเมินวา่ “มีหรือไม่มี” หมายถงึ เครื่องมือวัดแบบใด ก. มาตราส่วนประมาณค่า ข. แบบสังเกต ค. แบบตรวจสอบรายการ ง. การสัมภาษณ์ 35. ขอ้ ใดจดั เปน็ ตวั แปรในระดบั อนั ตรภาคซงึ่ ไม่มศี ูนย์แท้ ก. บง่ บอกอาชพี ข. ลาดับของผ้สู อบได้ ค. คะแนนสอบ ง. ระดบั ความสงู ของวัตถุ 36. ขอ้ ใดหมายถงึ การวิจยั ทางการศึกษา ก. การหาคาตอบจากสมมตฐิ านเพื่อสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมทางการศึกษา ข. การใชเ้ ทคโนโลยแี ละกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพ่อื พัฒนาการศึกษา ค. การพบปัญหาในการจดั การเรียนรแู้ ลว้ หาวิธีการจดั การกับปัญหาอยา่ งมแี บบแผน ง. การค้นคว้าเพื่อแก้ไขปญั หาและพัฒนาการเรียนการสอนด้วยวิธีการท่ีเปน็ ระบบ เชือ่ ถอื ได้ 37. การวจิ ยั ส่วนใหญ่ในชั้นเรียนเปน็ ข้อใด ก. เชงิ ปฏิบตั ิการ ข. เชิงประเมิน ค. วจิ ัยสถาบัน ง. เพือ่ พัฒนา 38. การวจิ ัยเพ่ือพัฒนามจี ุดหมายหลักตามข้อใด ก. แก้ปญั หาในชน้ั เรยี น ข. ยกระดับคะแนนนักเรยี นให้ได้ตามเกณฑ์ ค. พัฒนาทักษะในการสอน ง. สร้างสรรค์นวตั กรรมมาใช้ในการศึกษา 39. การวิจยั เพอ่ื แกป้ ัญหาในชนั้ เรียน ใครเปน็ ผูท้ าวจิ ยั ก. ผบู้ รหิ าร ข. ครผู สู้ อน ค. นักวิชาการ ง. บคุ คลทีเ่ กยี่ วขอ้ ง 40. วจิ ยั เชงิ ปฏิบตั ิการ ใช้วงจรใด ข. SAR ก. PDCA ง. R1D1 , R2D2 ค. PAOR
179 41. R2 ในวงจรวจิ ยั เพ่ือพฒั นา คือข้อใด ข. การวจิ ยั ซ้าอกี คร้งั ก. ตวั แปรที่ 2 ง. ค่าท่ไี ด้จากการวจิ ยั หลงั เรียน ค. ผลการพัฒนาครัง้ ท่ี 2 42. วงจรของเดมมง่ิ ในการวจิ ยั ประเมนิ ผล คือขอ้ ใด ก. PDCA ข. PAOR ค. SAR ง. R1D1 , R2D2 43. ข้อใดคือการวจิ ยั สถาบนั (institute research) ก. ประกนั คุณภาพ ข. ความค้มุ ค่าในการใชง้ บประมาณ ค. เชงิ ปฏบิ ตั ิการ ง. พฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียนในวชิ าเพ่ิมเตมิ 44. ข้อใดเป็นตวั แปรตาม ข. ผลสัมฤทธิ์ ก. ชดุ กจิ กรรม ง. การทดลอง ค. แบบฝกึ หดั 45. ตัวแปรทีท่ าใหผ้ ลการวิจยั อาจคลาดเคล่อื นจากความจริง เนือ่ งจากเกิดสภาวะทาง อารมณ์ ความรู้สกึ ความตนื่ เตน้ หวาดกลวั คือขอ้ ใดในการวิจยั ก. ตวั แปรเกนิ ข. ตัวแปรแทรกซอ้ น ค. ตวั แปรสอดแทรก ง. ตวั แปรควบคุม ข้อ 46 - 50 ใช้ชอ่ื เรอื่ งการวิจยั และข้อมลู ต่อไปนี้ เพ่อื ตอบคาถาม การวิจยั เรอ่ื ง การแก้ปญั หานกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาในจังหวัดเชยี งราย อา่ นภาษาไทย ไมค่ ลอ่ งแคล่วดว้ ยชุดแบบฝึกการอ่านภาษาไทยแนวใหม่ สุ่มนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาจากโรงเรียนต่างๆจานวน 2,450 คน พบวา่ มีการใชภ้ าษาไทยดขี ึน้ เม่อื ฝึกกับชุดการฝึกอา่ นแนวใหม่ไปแล้ว 1 เดอื น
180 46. การวิจยั ดังกลา่ วมตี วั แปรต้น คือขอ้ ใด ก. ปัญหาอา่ นภาษาไทยไม่คลอ่ ง ข. ชดุ แบบฝึกการอา่ นภาษาไทยแนวใหม่ ค. ตวั นกั เรียน ง. ความสามารถในการอา่ น 47. ตัวแปรตามของการวจิ ัยนค้ี ือข้อใด ข. แบบฝกึ การอ่านภาษาไทย ก. จานวนของนกั เรยี น ง. ความสามารถในการอา่ นภาษาไทย ค. นกั เรยี นชัน้ ประถมศกึ ษา 48. การท่นี กั เรียนจานวนหนึ่งเปน็ เด็กชาวเขา หมายถงึ ตัวแปรใด ก. ตวั แปรต้น ข. ตัวแปรตาม ค. ตัวแปรเกนิ ง. ตวั แปรสอดแทรก 49. สงิ่ ท่ีจะได้รับจากการวจิ ัยน้ี คือขอ้ ใด ข. นวตั กรรมใหมท่ ดี่ กี วา่ ก. เครอ่ื งมอื ในการแกป้ ญั หา ง. การรบั รู้ศักยภาพการอ่านของนกั เรียน ค. ปัญหาการอ่านจะลดลง 50. ข้อใดกลา่ วถูกตอ้ งจากการวจิ ัยน้ี ก. N = 2,450 ข. เปน็ การวิจัยประชากร ค. หนังสอื เสริมการอ่านเลม่ อืน่ ๆอาจเปน็ ตวั แปรเกิน ง. ผลการวิจัยไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงคแ์ ละสมมตฐิ าน เฉลย 21. ข 22. ก 23. ค 24. ง 25. ก 26. ค 27. ข 28. ง 29. ค 30. ข 31. ง 32. ข 33. ข 34. ค 35. ค 36. ง 37. ก 38. ง 39. ข 40. ค 41. ข 42. ก 43. ข 44. ข 45. ค 46. ข 47. ง 48. ค 49. ก 50. ค
181 จุดเน้นแนวขอ้ สอบหลักสูตรและการพฒั นาหลักสูตร 1. หลกั สตู ร หมายถึง อะไร ข. มวลประสบการณก์ ารเรียนรู้ ก. การจดั ทาแผนการสอน ง. กาหนดการสอนของครู ค. เอกสารประกอบการสอน 2. เคอ ไดน้ าเสนอองคป์ ระกอบของหลักสตู ร ส่วนแรกสุดคอื ขอ้ ใด ก. วัตถปุ ระสงค์ของหลกั สตู ร ข. จดุ มงุ่ หมายของหลกั สูตร ค. เปา้ หมายของหลกั สูตร ง. เป้าประสงค์ของหลกั สตู ร 3. ทาบา ได้นาเสนอองค์ประกอบแรกสุดของหลักสูตร คอื ข้อใด ก. วัตถุประสงคข์ องหลักสูตร ข. จดุ มุง่ หมายของหลกั สตู ร ค. เปา้ หมายของหลกั สตู ร ง. เป้าประสงค์ของหลักสตู ร 4. องค์ประกอบสุดท้ายของหลกั สตู ร คือ ขอ้ ใด ข. การพัฒนาหลกั สตู ร ก. กจิ กรรมการสอน ง. การประเมนิ ผล ค. การตรวจสอบความถกู ต้อง 5. ข้อใดไมใ่ ช่ระดบั ของการพัฒนาหลกั สตู ร ข. การพฒั นาระดบั ท้องถิ่น ง. การพฒั นาระดับชนั้ เรียน ก. การพฒั นาระดบั ชาติ ค. การพัฒนาระดบั ภาค 6. ขนั้ ตอนการออกแบบและพัฒนาหลักสตู รของทาบา ขนั้ ตอนแรก คอื ขอ้ ใด ก. กาหนดจดุ มุ่งหมาย ข. สารวจความต้องการ ค. การเลอื กเนอ้ื หา ง. การจดั เนอ้ื หา 7. ขอ้ ใดคือหลกั สูตรท่ีใชใ้ นปัจจุบัน ก. หลักสตู รการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ. 2542 ข. หลักสูตรการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พ.ศ. 2550 ค. หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พ.ศ. 2542 ง. หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พ.ศ. 2551
182 8. หลกั สูตรปฐมวยั ปัจจุบันคอื หลักสตู รใด ข. หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พ.ศ. 2546 ก. หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั พ.ศ. 2542 ง. หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั พ.ศ. 2560 ค. หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พ.ศ. 2551 9. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้องเกย่ี วกับหลักสตู รในปจั จุบัน ข. เปน็ หลกั สตู รอิงตวั ชว้ี ดั ก. เป็นหลักสตู รอิงมาตรฐาน ง. เปน็ หลักสูตรองิ จุดประสงค์ ค. เป็นหลกั สตู รองิ สาระการเรียนรู้ 10. ข้อใดกล่าวถกู ตอ้ งเกยี่ วกับหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ก. วิสยั ทศั น์ สมรรถนะ ของผเู้ รียน หลกั การจดุ หมาย ข. วิสัยทศั น์ หลักการ จุดหมาย สมรรถนะของผเู้ รยี น ค. หลกั การ จุดหมาย วสิ ัยทัศน์ สมรรถนะของผเู้ รียน ง. หลักการ วิสยั ทศั น์ จุดหมาย สมรรถนะของผ้เู รยี น 11. ข้อใดไม่ใช่วสิ ยั ทศั น์ของหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ก. เนน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคัญ ทกุ คนสามารถเรยี นรู้และพฒั นาตนเองได้ ข. เปน็ การศึกษาเพ่ือปวงชน ทุกคนมโี อกาสได้รับการศกึ ษาอยา่ งเสมอภาค ค. มีความรู้ คู่คณุ ธรรม มจี ติ สานกึ ในความเปน็ พลเมอื งไทยและเปน็ พลโลก ง. ยึดมัน่ ในการปกครองระบบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมขุ 12. หลกั การของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มกี ีป่ ระการ ก. 3 ประการ ข. 4 ประการ ค. 5 ประการ ง. 6 ประการ 13. ขอ้ ใดไมใ่ ชห่ ลกั การของหลกั สูตร ก. เปน็ หลักสูตรการศึกษาเพือ่ ปวงชนมีโอกาสได้รบั การศกึ ษาอยา่ งเทา่ เทยี ม ข. เป็นหลักสตู รการศึกษาทเี่ นน้ ผ้เู รยี นเป็นสาคัญ ค. เปน็ หลักสตู รเพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศไทยไปสู่การพฒั นาท่ยี ั่งยืน ง. เปน็ หลักสูตรเพือ่ ความเป็นเอกภาพของชาติ
183 14. ขอ้ ใดคอื หลักการของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ก. เป็นหลกั สูตรการศึกษาท่ีเน้นผู้เรยี นเป็นสาคญั ข. มจี ติ สานึกในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย ค. มสี ขุ ภาพกาย สขุ ภาพจติ ทด่ี ี มีสขุ นิสัย และรักการออกกาลังกาย ง. มคี วามรกั ชาติ มจี ิตสานกึ ในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก 15. ขอ้ ใดคือจดุ หมายของ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ก. มีความรักชาติ มจี ติ สานึกในความเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ข. มีจิตสานึกในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย ค. มีสุขภาพกาย สขุ ภาพจติ ทีด่ ี มีสุขนิสยั และรกั การออกกาลังกาย ง. ทุกข้อที่กล่าวมาเปน็ จดุ หมายของหลกั สูตร 16. มีจิตสานกึ ในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรกั ษ์ และพัฒนาสง่ิ แวดล้อม มจี ิตสาธารณะที่มุ่งทาประโยชนแ์ ละสร้างสิง่ ทีด่ งี ามในสงั คมและอยรู่ ว่ มกนั ในสังคมอยา่ ง มคี วามสุข จุดหมายในข้อดังกล่าวมานี้ ทาให้เกดิ การเรียนการสอนในลักษณะใด ก. แบง่ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ข. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ค. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ง. กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น 17. จดุ หมายของหลกั สตู รทวี่ า่ “ มคี ณุ ธรรม จริยธรรม ….. เหน็ คุณคา่ ของตนเอง มวี นิ ยั และ ปฏบิ ตั ติ นตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาทต่ี นนับถอื ยดึ หลักปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง” ต้องผา่ นกระบวนการใดจึงเปน็ ตามจดุ หมายข้อดงั กล่าวน้ี ก. ผ่านรายวิชาตามกลุม่ สาระการเรยี นรู้ ข. ผ่านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ค. ผา่ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ง. ผ่านกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น 18. จดุ หมายหลกั สูตรวา่ “มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตทดี่ ี มสี ขุ นิสัย และรักการออกกาลงั กาย” แสดงวา่ ผู้เรียนต้องผา่ นกระบวนการใด จงึ เปน็ ไปตามจุดหมายของหลกั สตู รดงั กล่าวน้ี ก. ผ่านรายวชิ าตามกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ข. ผา่ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ค. ผา่ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ง. ผ่านกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน
184 19. จุดหมายของหลักสูตรท่วี า่ “มีความสามารถในการส่อื สาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใช้เทคโนโลยี และมที ักษะชีวิต” ต้องผ่านกระบวนการใดจงึ เป็นตามจุดหมาย ก. ผา่ นรายวิชาตามกลุม่ สาระการเรียนรู้ ข. ผา่ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ค. ผา่ นสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ง. ผา่ นกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 20. ขอ้ ใดบง่ ชว้ี ่า ผู้เรียนผา่ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคต์ ามหลักสูตร ก. มคี วามสามารถในการสื่อสาร เขา้ ใจประเด็น มีทักษะการเจรจาอย่างเหมาะสม ข. มคี วามสามารถในการคิดสรา้ งสรรค์ พัฒนานวตั กรรมและต่อยอดผลงานไดอ้ ย่างดี ค. มีจิตสานึกในความเปน็ คนไทย สนใจเรียนรวู้ ัฒนธรรม และมีจติ สาธารณะเพอื่ สงั คม ง. มสี ุขภาพกายใจทีด่ ี ออกกาลังกายสมา่ เสมอ รว่ มทากิจกรรมกับชมรมและสังคมตา่ งๆ 21. ข้อใดไมใ่ ชส่ มรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น ข. ความสามารถในการส่ือสาร ก. ความสามารถในการคดิ ง. ความสามารถในการดารงชวี ติ ค. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 22. ข้อใด ไมใ่ ช่สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ข. ความสามารถในการสอ่ื สาร ก. ความสามารถในการทางาน ง. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ค. ความสามารถในการแก้ปัญหา เกรด็ ควรรู้ : สงั เกตเหลยี่ มขอ้ สอบใหด้ นี ะ ผอู้ อกสอบมกี ารพลกิ ตลบไดเ้ นยี นมากๆ ข้อใดไมใ่ ช่สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ใน ไมใ่ ช่ ทำง ก. ความสามารถในการส่ือสาร ค. ความสามารถในการแก้ปัญหา ข. ความสามารถทางการคดิ ง. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ ข้อนี้ ถึงขั้นกบั มคี นถามมาทีเ่ พจเลยนะวา่ อาจารยค์ ะ่ เขาออกข้อสอบผิดหรอื เปล่าคะ่ ทาไมชอ้ ยส์ถกู ทกุ ข้อเลยละ่ (ตอบ ไมใ่ ช่หรอก เธอหนะ่ โดนเหล่ยี มขอ้ สอบเข้าแล้ว)
185 ข้อใดไม่ใชส่ มรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ไม่มีคำวำ่ เหตผุ ล ก. ความสามารถในการสอื่ สาร ข. ความสามารถในการคดิ เหตผุ ล ค. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ง. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ประเด็นท่ที าใหเ้ กิดขอ้ คาถามลักษณะดังกลา่ วขา้ งตน้ นั้น มสี าเหตมุ าจากกล่มุ ผอู้ อกสอบ ไดร้ ับร้วู ่ามกี ารติววิธจี า ดว้ ยสตู ร “สื่อ คิด แก้ ทกั เทค” นน่ั เอง จงึ ดัดหลังให้ 23. ข้อใด ไม่ใช่คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคข์ องหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน ก. ซอ่ื สัตย์สุจรติ ข. รกั ความเป็นไทย ค. มคี วามกตัญญู ง. มีจิตสาธารณะ 24. ข้อใดไม่ใชค่ ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน ก. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ข. มีวินัย ค. มคี ณุ ธรรม ง. มุง่ ม่นั ในการทางาน 25. ขอ้ ใด ไม่ใช่ กลมุ่ สาระการเรียนรตู้ ามหลักสตู รการศึกษา ก. ภาษาอังกฤษ ข. วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ค. สุขศึกษาและพลศึกษา ง. การงานอาชีพ 26. ขอ้ ใดไมใ่ ชก่ ล่มุ สาระการเรียนรตู้ ามหลกั สูตรการศกึ ษาในปจั จบุ ัน ก. ภาษาตา่ งประเทศ ข. ภาษาไทย ค. พลศึกษาและสุขศึกษา ง. คณติ ศาสตร์ 27. ข้อใดไม่ใช่กลุ่มสาระการเรยี นรตู้ ามหลกั สูตรการศกึ ษา ตามการปรับใหม่ ปี 2561 ก. คณติ ศาสตร์ ข. ศิลปะ ดนตรีและนาฏศิลป์ ค. สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ง. การงานอาชีพและเทคโนโลยี
186 28. กิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด เปน็ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ตามข้อใด ก. กจิ กรรมแนะแนว ข. กจิ กรรมนักเรียน ค. กจิ กรรมชุมนุม ง. กิจกรรมเพอื่ สงั คม 29. ขอ้ ใดไมใ่ ช่กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ข. กจิ กรรมนักเรียน ก. กจิ กรรมแนะแนว ง. กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ค. กิจกรรมจิตอาสา 30. ขอ้ ใดไมใ่ ช่กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ข. กิจกรรมนักเรยี น ก. กจิ กรรมแนะแนว ง. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ค. กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้ เฉลยคาตอบ 1. ข 2. ก 3. ข 4. ง 5. ค 6. ข 7. ง 8. ง 9. ก 10. ข 11. ข 12. ง 13. ค 14. ก 15. ง 16. ค 17. ข 18. ง 19. ค 20. ค 21. ง 22. ก 23. ค 24. ค 25. ก 26. ค 27. ข 28. ข 29. ค 30. ค 31. การที่ผู้เรียนผา่ นกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นจะช่วยใหเ้ กิดลักษณะใดต่อไปน้ี ก. เปน็ คนทสี่ ามารถแก้ปัญหาได้ คดิ เปน็ คดิ สร้างสรรค์ ข. เปน็ คนทีช่ ืน่ ชมในวฒั นธรรมไทย ชอบอนรุ กั ษแ์ ละพอใจกบั ความพอเพยี ง ค. เปน็ คนทมี่ ีความรู้ ความเข้าใจในวิชาความรู้ วิชาการ และเนื้อหาสาระในโลกน้ี ง. เปน็ คนท่ีสามารถร่วมมอื กนั ในสังคม ชอบช่วยเหลือ เอือ้ เฟ้ือ สุขภาพกาย สุขภาพจติ ดี 32. ข้อใดไม่ใช่การวดั และประเมนิ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน 2551 ก. วดั ผลระดบั ช้นั เรียน ข. วดั ผลระดับสถานศกึ ษา ค. วดั ผลระดับชาติ ง. วดั ผลระดบั นานาชาติ
187 33. ขอ้ ใดเปน็ การแบง่ ระดบั การศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน 2551 ก. อนุบาล ประถมศึกษา มธั ยมศกึ ษา ข. ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา ค. ประถมศกึ ษา มัธยมศึกษาตอนตน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย ง. ประถมศกึ ษาตอนตน้ ประถมศกึ ษาตอนปลาย มัธยมศึกษาตอนตน้ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 34. กระทรวงศึกษาธกิ ารยกเลกิ การออกข้อสอบ ONET ของ สทศ ชน้ั ม.3 รายวิชาใด ก. สังคมศกึ ษา ข. วทิ ยาศาสตร์ ค. คณติ ศาสตร์ ง. ภาษาอังกฤษ 35. ข้อใดกลา่ วถูกตอ้ ง ก. ประถมศึกษาให้จดั เวลาเรยี นเป็นรายภาคและนับหน่วยกติ ข. ประถมศกึ ษามเี วลาเรียนรายวิชาพื้นฐานไมน่ ้อยกว่าวนั ละ 5 ชวั่ โมง ค. มธั ยมศึกษาตอนปลายตดั เกรดเปน็ รายภาค มกี ารประเมนิ แบบช่วงช้ัน ง. มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ใหจ้ ัดเวลาเรียนเปน็ รายปี นบั หน่วยกติ ตา่ งจาก ม.ปลาย 36. ระดบั ชน้ั ใดทีม่ กี ารกาหนดตัวชีว้ ดั การเรยี นรู้ต่างจากพวก ก. ประถมศึกษาปีที่ 1 – 3 ข. ประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 ค. มัธยมศึกษาตอนต้น ง. มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 37. มุ่งเนน้ ทักษะพ้นื ฐานดา้ นการอ่าน การเขียน การคิดคานวณ คือระดบั การศกึ ษาใด ก. ปฐมวัยหรอื อนบุ าลศึกษา ข. ประถมศึกษา ค. มัธยมศกึ ษาตอนต้น ง. มัธยมศึกษาตอนปลาย 38. จดุ มงุ่ หมายของการจัดการศกึ ษาระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ คือข้อใด ก. พัฒนาทักษะการอา่ น การเขยี น และการคดิ ข้ันพน้ื ฐาน ข. มงุ่ เนน้ ใหน้ ักเรียนสารวจความถนดั และความสนใจของตนเอง ค. มุง่ เน้นการคิดข้ันสงู เพ่ือการศึกษาตอ่ และการประกอบอาชีพ ง. เน้นการเพ่ิมพูนความรู้และทกั ษะเฉพาะด้านตามความสนใจของนักเรียน
188 39. เน้นการเพม่ิ พูนความรู้และทักษะเฉพาะดา้ น สนองตอบความสนใจของผู้เรียนทงั้ ดา้ น วิชาการและวิชาชพี เป็นหลกั สูตรของระดับใด ก. ประถมศกึ ษา ข. มธั ยมศึกษา ค. มัธยมศึกษาตอนต้น ง. มัธยมศึกษาตอนปลาย 40. ข้อใดกล่าวถูกตอ้ ง ก. ประถมศกึ ษา ใหจ้ ดั เวลาเรยี นเปน็ รายภาค ข. ประถมศึกษามเี วลาเรียนไม่น้อยกวา่ 5 ช่ัวโมง ค. มธั ยมศกึ ษาตอนต้นให้จดั เวลาเรียนเปน็ รายปี ง. มัธยมศกึ ษาตอนปลายมเี วลาเรยี นไม่น้อยกวา่ วันละ 6 ชั่วโมง 41. การคิดน้าหนกั ของรายวชิ าทเ่ี รยี นเป็นหน่วยกติ ใช้เกณฑ์ ตามขอ้ ใด นับเปน็ 1 หน่วยกิต ก. 20 ช่ัวโมง ต่อภาคเรยี น ข. 40 ชว่ั โมง ตอ่ ภาคเรียน ค. 20 คาบ ต่อ ภาคเรียน ง. 40 คาบ ต่อ ภาคเรยี น 42. วิชาวทิ ยาศาสตร์ ม.3 เรยี นภาคเรยี นละ 80 ชว่ั โมง จัดเป็นก่ีหน่วยกติ ก. 1 หน่วยกิต ข. 1.5 หนว่ ยกิต ค. 2 หน่วยกิต ง. 2.5 หน่วยกิต 43. BAKCWORAD Design หมายถงึ อะไร ข. การสอนแบบเสมอื นจริง ก. หลกั สูตรบูรณาการ ง. การสอนทเี่ น้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญ ค. การสอนแบบยอ้ นกลบั 44. ตัวชีว้ ัดชว่ งชน้ั จัดไวใ้ นระดับใด ข. มัธยมศกึ ษาตอนต้น ก. ประถมศกึ ษา ง. จัดไว้ในทุกระดบั ค. มธั ยมศึกษาตอนปลาย 45. รหัสกลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ต หมายถงึ ข้อใด ก. ภาษาตากาลอ๊ ค ข. ภาษาต่างประเทศ ค. ภาษาเวียดนาม ง. ภาษาสนั สกฤต
189 46. วชิ า คณิตศาสตร์ สาระที่ 1 มาตรฐานท่ี 2 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 ตัวชีว้ ดั ข้อ 1 คอื ขอ้ ใด ก. ค 1.2 ต. 4-6 / 1 ข. ค 1.2 ม.4-6/1 ค. ศ 1.2 ม. 4-6 / 1 ง. ต 1.2 ม.5 / 1 47. วิชาภาษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 วชิ าพ้นื ฐานลาดับ 1 ก. ท 22101 ข. ท 23101 ค. ท 33101 ง. ท 23111 48. ข้อใดไม่ใชก่ ารประเมินผลการจดั การเรยี นการสอนของครู ก. ประเมินผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ข. ประเมินการอ่าน คิด วเิ คราะห์ เขยี น ค. ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ง. ประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม 49. การประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์นัน้ ให้ระดบั ผลการประเมนิ ตามข้อใด ก. ดเี ยีย่ ม ดี ผา่ น ไม่ผา่ น ข. ดีเยี่ยม ดี และปรับปรงุ ค. ดีเยี่ยม ดี และพอใช้ ง. ผา่ น และไม่ ผ่าน 50. กรณที สี่ ถานศกึ ษาใดจดั ทารายวิชาภาษาต่างประเทศอ่นื ๆให้ดาเนินการขอรหสั ได้โดยเสนอเร่ืองไดท้ ่ีไหน ก. สานกั งานปลัดกระทรวง ข. สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา ค. สานักงานรัฐมนตรี ง. สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา ข้ันพ้ืนฐาน 51. นกั เรียนระดับประถมตอ้ งมีเวลาเรียนเทา่ ใด ข. ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 60 ก. ไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 50 ง. ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80 ค. ไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 75 52. เอกสารหลกั ฐานใดต่างจากพวก ข. หลักฐานแสดงวฒุ ิการศึกษา ก. ระเบยี นแสดงผลการเรียน ง. ใบรับรองผลการศึกษา ค. แบบรายงานผู้สาเรจ็ การศึกษา
190 53. ข้อใดเป็นเอกสารหลักฐานทางการศึกษาท่ีสถานศึกษาออกเอง ก. ระเบียนสะสม ข. ระเบยี นแสดงผลการเรยี น ค. ประกาศนยี บตั ร ง. แบบรายงานผูส้ าเร็จการศึกษา 54. การจัดทาหลักสตู รสถานศกึ ษาต้องผา่ นการเห็นชอบโดยข้อใด ก. คณะกรรมการเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา ข. คณะกรรมการสถานศึกษา ค. คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน ง. ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา 55. กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ใด มีจานวนสาระมากท่ีสดุ ในการปรบั ปรงุ ลา่ สุด ก. คณิตศาสตร์ ข. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ค. ภาษาไทย ง. ภาษาตา่ งประเทศ 56. ปัจจุบนั หลกั สตู รใดมกี ารปรับเปลี่ยน ก. เปล่ียนแปลงประเดน็ ในสาระของกลมุ่ สาระภาษาไทย ข. เปล่ียนแปลงประเด็นในสาระของกลุ่มสาระภาษาตา่ งประเทศ ค. เปลยี่ นแปลงประเด็นในสาระของกลุ่มสาระคณติ ศาสตร์ ง. เปลี่ยนแปลงประเด็นในสาระของกลุ่มสาระศลิ ปะ 57. การประกาศปรบั ปรุงสาระของหลกั สตู ร ในปี 2560 มีการปรับปรุงกกี่ ลมุ่ สาระ ก. ปรบั ปรุงกลมุ่ สาระเดียว ข. ปรับปรุงสองกลุ่มสาระ ค. ปรับปรุงสามกลมุ่ สาระ ง. ปรบั ปรุงสกี่ ล่มุ สาระ 58. การปรับปรุงหลักสูตรเกย่ี วกับสงั คมศกึ ษา มกี ารเพิม่ การเรยี นเร่อื งใดลงไป ก. ภมู ศิ าสตร์ ข. ประวตั ิศาสตร์ ค. การเป็นพลเมอื งแหง่ ศตวรรษที่ 21 ง. การเรยี นรู้ศาสนาและวฒั นธรรม
191 59. หลักสตู รวทิ ยาศาสตร์ ม.ปลาย ขอ้ ใดต่อไปนี้กลา่ วถกู ต้อง ก. หลักสูตรสาหรับนกั เรยี นทีเ่ นน้ วิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 5 สาระ หลักสูตรสาหรบั นักเรยี นท่ไี มเ่ นน้ วิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 3 สาระ ข. หลักสตู รสาหรบั นกั เรียนทเ่ี น้นวิทยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย สาระดา้ นชีววทิ ยา ดา้ นเคมี ดา้ นฟสิ กิ ส์ ด้านสรีระวทิ ยา และ ดา้ นโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ค. หลักสตู รสาหรับนักเรยี นท่ีไมเ่ นน้ วทิ ยาศาสตร์ ไม่ตอ้ งเรยี นสาระเกยี่ วกับอวกาศ ง. หลักสตู รวิทยาศาสตร์ ปี 2561 มีการแกไ้ ขยกเลิกคาวา่ เนน้ หรอื ไม่เนน้ วทิ ยาศาสตร์ 60. ข้อใดไมใ่ ชอ่ งคป์ ระกอบสาคญั ของการจัดทาหลกั สูตรสถานศกึ ษา ก. วสิ ัยทัศน์ ข. หลกั การ ค. คาอธิบายรายวชิ า ง. เกณฑก์ ารผ่านชว่ งช้ัน เฉลยคาตอบ 31. ง 32. ง 33. ค 34. ก 35. ค 36. ง 37. ข 38. ข 39. ง 40. ง 41. ข 42. ค 43. ค 44. ค 45. ค 46. ข 47. ข 48. ง 49. ก 50. ง 51. ง 52. ง 53. ก 54. ข 55. ค 56. ค 57. ค 58. ก 59. ง 60. ง
192 ระบบการดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียนและการแนะแนว 1. ข้อใดหมายถึงการดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น ก. การส่งเสริมพัฒนา ป้องกันและแก้ไขปญั หาให้กับนักเรยี น ข. การช่วยเหลอื ให้นักเรียนจดั การกับปญั หาทางการศกึ ษาและปญั หาชวี ิต ค. การจดั กระบวนการส่งเสรมิ และสนับสนุนนกั เรยี นใหป้ ระสบความสาเรจ็ ง. การดาเนนิ การและจดั ระบบใหน้ กั เรียนสามารถจัดการเรียนรไู้ ด้เหมาะสม 2. กระบวนการดาเนนิ การดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี นอยา่ งเป็นระบบ มีขัน้ ตอนชัดเจน พร้อมทง้ั มีวิธกี ารและเคร่อื งมือทมี่ ีมาตรฐานคณุ ภาพ หมายถึงขอ้ ใด ก. การแนะแนว ข. การใหค้ าปรกึ ษา ค. ระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรียน ง. การจดั การประจาชั้น 3. ขอ้ ใดคอื ประโยชน์ของระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรียน ก. นกั เรียนได้รับการดูแลตรงกบั สภาพปญั หา ข. นักเรียนรู้จกั ตนเองและควบคุมตนเองได้ ค. นกั เรยี นเรยี นร้อู ย่างมีความสุขและได้รบั การสง่ เสริมพฒั นาเต็มตามศกั ยภาพ ง. ถูกทุกขอ้ 4. กระบวนการและข้นั ตอนของระบบการดแู ลช่วยเหลือนักเรยี น มอี งคป์ ระกอบกป่ี ระการ ก. สามประการ ข. สีป่ ระการ ค. หา้ ประการ ง. หกประการ 5. ข้อใดไมใ่ ช่องคป์ ระกอบของระบบดแู ลและชว่ ยเหลือนักเรียน ก. รู้จกั นักเรียนเปน็ รายบคุ คล ข. การวเิ คราะห์ความเส่ยี ง ค. การแก้ปญั หาและพฒั นา ง. การสง่ ต่อ 6. ขอ้ ใดเป็นข้นั ตอนแรกสุดของระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียน ก. การคัดกรองนักเรยี น ข. การรู้จกั นักเรียนเปน็ รายบุคคล ค. การศกึ ษาข้อมลู ของนักเรียนแตล่ ะคน ง. การตรวจสอบสภาพปญั หาของนักเรยี น
193 7. กระบวนการสดุ ท้ายของระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน คอื ขอ้ ใด ก. การจัดการปญั หา ข. การพัฒนาและสง่ เสริม ค. การสง่ ตอ่ ง. การสรุปขอ้ มูลนักเรียน 8. ขอ้ ใดถกู ตอ้ งเกี่ยวกับการคดั กรองนกั เรียนตามระบบดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียน ก. กล่มุ มีปญั หา กลมุ่ เสยี่ ง กล่มุ พเิ ศษ ข. กลุ่มปกติ กลุ่มเสีย่ ง กลุ่มมปี ัญหา ค. กลมุ่ เกง่ กลมุ่ ปานกลาง กลุ่มออ่ น ง. กลมุ่ ปกติ กลมุ่ เส่ียง กลมุ่ มปี ญั หา กลุม่ พเิ ศษ 9. นกั เรยี นในชั้นเรยี นคนหนึง่ พบวา่ ชอบต้ังกลุ่มแวนซท์ กุ วันศกุ ร์ จะถูกจัดกลมุ่ เพอ่ื คัดกรองไว้ในกล่มุ ใดตามระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น ก. กลุ่มมีปญั หา ข. กลมุ่ เสีย่ ง ค. กลุ่มพเิ ศษ ง. กลมุ่ ระวงั ปัญหา 10. นกั เรียนต้องไดร้ ับการช่วยเหลอื กอ่ นเป็นกลุม่ แรกคอื กลมุ่ ใด ก. กลมุ่ มปี ญั หา ข. กลุม่ เสีย่ ง ค. กลมุ่ พเิ ศษ ง. กลุ่มเร่งชว่ ยเหลอื 11. ขอ้ ใดเป็นกระบวนการของระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียน ก. การวิเคราะหผ์ ู้เรยี น แก้ปัญหาผูเ้ รียน สง่ เสริม การส่งตอ่ ข. การวิเคราะห์ผ้เู รยี น คดั กรองนกั เรยี น การปอ้ งกนั และแก้ไข การส่งเสรมิ ค. รจู้ กั นักเรียนรายบุคคล คัดกรองนักเรยี น การส่งเสริมพฒั นา การปอ้ งกันแก้ไข สง่ ต่อ ง. รูจ้ กั นักเรียนรายบุคคล วิเคราะหค์ วามเสี่ยง ปอ้ งกนั และแก้ไข การพัฒนา สง่ ต่อ 12. คณะกรรมการตามระบบการดูแลชว่ ยเหลือนกั เรยี นมกี รรมการกี่ทมี ก. คณะกรรมการเดียว ข. สองคณะกรรมการ ค. สามคณะกรรมการ ง. สคี่ ณะกรรมการ 13. ฝ่ายใดตอ้ งให้การช่วยเหลือกลุม่ มีปัญหาในเบื้องต้น ก. ครผู สู้ อนและผูป้ กครอง ข. ครแู นะแนวและครูประจาช้ัน ค. ครปู ระจาชั้นและครฝู า่ ยปกครอง ง. ครฝู ่ายปกครองและกิจการนักเรยี น
194 14. หากปอ้ งกนั และช่วยเหลือกลุม่ มีปัญหาไม่ได้ ให้ดาเนินการอยา่ งไร ก. แจ้งผู้ปกครองโดยเร่งดว่ น ข. สง่ ตอ่ ผเู้ ชย่ี วชาญ ค. ส่งต่อฝา่ ยส่งเสริมสวสั ดภิ าพเดก็ ง. นาเข้าสถานบาบดั ปญั หานนั้ ๆ 15. บรกิ ารท่ีจัดขน้ึ เพื่อมุ่งหมายที่จะช่วยเหลอื นกั เรียนให้สามารถปรับตัวกับปญั หา คอื ขอ้ ใด ก. การปฐมนิเทศ ข. การศกึ ษาเดก็ เป็นรายบุคคล ค. การแนะแนว ง. การจัดกิจกรรมนักเรียน 16. บิดาแห่งการแนะแนวคอื ใคร ข. Maslow ง. Fruied ก. Frank Parsons ค. Skiner 17. หวั ใจสาคัญของการแนะแนวคอื ข้อใด ข.สารวจนักเรยี นเป็นรายบคุ คล ก. บริการใหค้ าปรึกษา ง. บรกิ ารจดั วางตัวบคุ คล ค. บริการสนเทศ 18. ใครควรเป็นผทู้ าหนา้ ทแี่ นะแนวใหน้ กั เรยี นได้ดที สี่ ดุ ก. ครแู นะแนว ข. ครทู ปี่ รึกษา ค. ครผู ู้สอน ง. ผปู้ กครอง 19. ข้อใดไม่ใชป่ ระเภทของการแนะแนว ข. การแนะแนวอาชีพ ก. การแนะแนวการศกึ ษา ง. การแนะแนวเรอ่ื งการเรยี น ค. การแนะแนวส่วนตวั และสังคม 20. การประเมินกจิ กรรมแนะแนวประเมินอย่างไร ก. ผ่าน และ ไมผ่ ่าน ข. ไมผ่ า่ น ผ่าน ดี ดีเย่ยี ม ค. ไม่ผ่าน ผา่ น ดี ดมี าก ง. ไม่ผ่าน ผ่าน พอใช้ ดี ดีมาก เฉลยคาตอบ 1. ก 2. ค 3. ง 4. ค 5. ข 6. ข 7 ค 8. ง 9. ข 10. ก 11. ค 12. ค 13. ข 14. ข 15. ค 16. ก 17. ก 18. ข 19. ง 20. ก
195 แนวข้อสอบนวัตกรรม สอื่ เทคโนโลยีดิจิตัล และเทคโนโลยีทางการศึกษา 1. คาว่า Innovation หมายถึง อะไร ก. เทคโนโลยี ข. นวตั กรรม ค. สารสนเทศ ง. สงิ่ ประดษิ ฐ์ 2. ข้อใดหมายถึงนวตั กรรมทางการศึกษา ก. การใชเ้ ทคโนโลยีเพ่อื จัดการเรยี นรู้ ข. การนาเอาเทคนคิ วิธกี ารและสื่อการสอนใหม่ๆมาใชจ้ ัดการศึกษา ค. การสรา้ งสรรคส์ ่ิงใหมๆ่ สาหรบั นักเรียน และครูในโรงเรยี นต่างๆ ง. การใชเ้ คร่อื งมอื อนั ทันสมัย เพอื่ จดั การเรยี นร้ใู หเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพ 3. นวัตกรรมทางการศกึ ษาแบง่ ออกเปน็ ก่ปี ระเภท ก. ประเภทเดียว ข. สองประเภท ค. สามประเภท ง. สป่ี ระเภท 4. ข้อใดเป็นนวตั กรรมการศึกษาท่ตี า่ งจากพวก ข. ภาพเคลือ่ นไหว ก. เทคนคิ การสอน ง. บทเรียนสาเรจ็ รปู ค. บทเรียนออนไลน์ 5. ข้อใดเป็นนวัตกรรมรปู ธรรม ข. หลักสูตรการฝกึ อบรม ก. รูปแบบการบริหาร ง. ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ค. เทคนคิ การสอนใหม่ๆ 6. การนาความรูท้ างวทิ ยาศาสตร์มาประยกุ ต์ใชใ้ นการพัฒนาเคร่ืองมือ วิธีการ เพ่ือชว่ ย แกป้ ญั หาและพัฒนาด้านต่างๆ หมายถึงขอ้ ใด ก. นวัตกรรม ข. สื่อ ค. เทคโนโลยี ง. สารสนเทศ 7. ข้อใดหมายถงึ รายละเอียดหรือขอ้ เท็จจริงตา่ งๆท่ตี อ้ งการศกึ ษาสาหรับใชใ้ นการค้นหาคาตอบ และสรปุ ผล ก. ข้อมูล ข. สารสนเทศ ค. ชดุ รายละเอยี ด ง. ซอฟต์แวร์
196 8. ผลลัพธท์ เ่ี กิดจากการนาข้อมูลมาผ่านกระบวนการต่างๆอย่างเปน็ ระบบหมายถงึ ขอ้ ใด ก. เทคโนโลยี ข. ขอ้ มลู ค. สารสนเทศ ง. นวตั กรรม 9. องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศคือขอ้ ใด ข. ฮารด์ แวร์ และโมเดม ก. ฮารด์ แวร์ และซอฟต์แวร์ ง. ซอฟแวร์ และฮาร์ดดสิ ก์ ค. ซอฟแวร์ และชุดขอ้ มูลคาสง่ั 10. ขอ้ ใดแตกต่างจากขอ้ อน่ื ๆ ก. เมาส์ ข. จอภาพ ค. คีย์บอร์ด ง. โปรแกรม 11. ขอ้ ใดใช้สาหรบั การนาเสนอข้อมลู หรือนาเสนอผลงาน ก. Microsoft Word ข. Microsoft Excel ค. Microsoft PowerPoint ง. SPSS for Window 12. ขอ้ ใดคือเว็บไซต์ของกระทรวงศกึ ษาธิการ ข. www.obec.go.th ก. www.moe.go.th ง. www.ksp.or.th ค. www.tepeonline.org 13. ขอ้ ใดคอื เว็บไซตข์ องสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (สพฐ) ก. www.moe.go.th ข. www.obec.go.th ค. www.tepeonline.org ง. www.ksp.or.th 14. ขอ้ ใดคอื เวบ็ ไซต์ของครุ สุ ภา ข. www.obec.go.th ก. www.moe.go.th ง. www.ksp.or.th ค. www.tepeonline.org 15. ส่อื ชนิดใดเหมาะสมกบั นักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 มากทีส่ ดุ ก. บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน ข. แบบฝึกทักษะการอา่ น การเขยี น ค. บทเรยี นสาเร็จรปู เร่อื งการอ่าน ง. เอกสารประกอบการเรียนคณิตศาสตร์
197 16. ข้อใดหมายถึงเครือข่ายความเร็วสงู ภายในองคก์ ร ก. LAN ข. MAN ค. WAN ง. DOC 17. E-learning หมายถึง อะไร ข. การเรียนโดยใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ก. การติดตอ่ สอ่ื สารผา่ นอินเทอรเ์ นต ง. บทเรียนสาหรบั การฝกึ อบรมครู ค. การสง่ ผา่ นความรูด้ ้านการศึกษา 18. CAI หมายถงึ อะไร ข. บทเรียนสาเรจ็ รูป ก. บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ง. ถูกทกุ ข้อ ค. ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ 19. ขอ้ ใดเป็นศนู ย์ปฏบิ ตั ิการของกระทรวงศกึ ษาธิการ ก. PMOC ข. MOC ค. DOC ง. AOC 20. โปรแกรมท่ใี ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ทางสถติ ิการวจิ ยั คือขอ้ ใด ก. Microsoft Word ข. Microsoft Excel ค. Microsoft PowerPoint ง. SPSS for Window เฉลยคาตอบ 1. ข 2. ข 3. ข 4. ก 5. ง 6. ค 7 ก 8. ค 9. ก 10. ง 11. ค 12. ก 13. ข 14. ง 15. ข 16. ก 17. ข 18. ก 19. ข 20. ง
198 แนวข้อสอบการวดั ผลประเมินผล 1. ข้อใดคอื ปรชั ญาของการวดั ผล ข. สอบจัดลาดับความสามารถ ก. สอบเพอ่ื ใหร้ วู้ า่ ได้หรอื ตก ง. สอบเพ่อื ค้นหาและพฒั นามนุษย์ ค. สอบเพ่ือคน้ หาเด็กท่อี ่อนทส่ี ุด ข. นพ.เกษม วฒั นชยั 2. บดิ าการวดั ผลของประเทศไทย คือ ใคร ง. ดร.ทศิ นา แขมมณี ก. ดร.ชวาล แพรัตนกลุ ค. ดร.สมหวงั พิธิยานุวัฒน์ 3. ข้อใดไม่ใช่การประเมินผลเพอื่ ปรบั ปรุงการเรยี นการสอน ก. การประเมนิ ผลปลายปี ข. การประเมนิ ผลกอ่ นเรียน ค. การประเมินผลระหวา่ งเรยี น ง. การประเมินผลปลายภาคเรียน 4. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะของ การประเมนิ ผล ก. นาไม้บรรทัดมาวัดความสูงของโต๊ะ ข. ครูทาการทดสอบประจาหนว่ ยการเรียน ค. ครูตัดสินผลการเรียนว่าผ่านหรอื ไม่ผ่าน ง. ถูกทกุ ข้อทีก่ ลา่ วมา 5. ข้อใดคอื ลักษณะของการวัดผล ข. ครตู ดั สินผลการเรยี นนักเรยี น ก. ครทู ดสอบความรู้นกั เรยี น ง. ถูกทกุ ข้อทก่ี ลา่ วมา ค. ครพู จิ ารณาคณุ ลกั ษณะของนักเรียน 6. ลักษณะขอ้ สอบวดั ผลสัมฤทธิม์ งุ่ หวังทีจ่ ะวดั อะไรเปน็ สาคัญ ก. วดั ผลงานท่ีเดก็ ได้กระทามา ข. วดั การพฒั นาการของเดก็ ค. วัดความสาเร็จทางวชิ าการ ง. วัดความเจริญงอกงาม 7. ขอ้ ใด หมายถงึ การวดั ผลทางด้านพุทธพิ ิสยั ข. วดั เจตคติ ก. วดั ความรู้ ความจา ง. วดั ทักษะ ค. วดั คุณลกั ษณะ
199 8. ข้อใดจัดเป็นมาตรวดั ในระดบั อัตราส่วน ข. ผลการเรียน ก. เพศ ง. ความสงู ค. อาชีพ 9. การหาคุณภาพของเครอ่ื งมือวดั ผลข้อใดสาคัญทีส่ ุด ก. ความเช่ือม่นั ข. ความตรง ค. อานาจจาแนก ง. ความยากงา่ ย 10. ข้อสอบข้อใดต่อไปนมี้ คี ณุ ภาพเหมาะสมมากที่สุด ก. ความยากงายเท่ากับ 0.2 ข. ความตรงเท่ากบั 1 ค. ความเชื่อม่นั เทา่ กับ 0.5 ง. อานาจจาแนกเท่ากบั 0 11. IOC หมายถึง อะไร ก. ดัชนคี วามสอดคลอ้ งระหว่างวัตถปุ ระสงคก์ บั ข้อคาถาม ข. อานาจในการจาแนกคนเก่งและคนอ่อน ค. ความคงเส้นคงวาของการทดสอบ ง. การวิเคราะหค์ วามยากงา่ ยของขอ้ สอบ 12. การใช้สตู ร IOC ใช้หาคุณภาพเคร่อื งมอื ใด ค. ความยาก ง. อานาจจาแนก ก. ความตรง ข. ความเชื่อมั่น 13. ตัวแปรใดตอ่ ไปน้ตี ่างจากพวก ค. อาชพี ง. ตาแหน่ง ก. เพศ ข. อายุ 14. ความเปน็ ปรนัยของเครอื่ งมอื วัดผลหมายถึงขอ้ ใด ก. วัดก่คี รง้ั ไดใ้ กลเ้ คียงกับคาตอบเดิม ข. สามารถแยกคนเกง่ คนออ่ นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ค. วดั ได้ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ท่ีตอ้ งการวัด ง. คาตอบชัดเจน ถกู ต้อง มคี าตอบถูกแคค่ าตอบเดียว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209