กำรปกครองขณะนัน้ เน่ืองจำกแต่ละเมอื งมเี จ้ำเมอื งปกครองเป็นอสิ ระเขำ้ มำ รวมกนั ไดเ้ พรำะศรทั ธำในกษตั รยิ อ์ งคเ์ ดยี วกนั เท่ำนนั้ ขณะน้ียังไม่มีหลักฐำนเพียงพอท่ีจะกล่ำวได้ว่ำ ช่วงเวลำกำร ปกครองของพระยำไสสงครำมนำนเท่ำไหร่ มีกรณียกิจมำกน้อยและให้ ประโยชน์แกอ่ ำณำจกั รอยำ่ งไรบำ้ งกต็ ำม แต่กอ็ ำจคำดไดว้ ำ่ คงอยู่ในฐำนะเป็น ผปู้ กครองนำนพอสมควร เม่อื สน้ิ พระชนมแ์ ลว้ พระยำเลอไทยโอรสของพ่อขุน รำมคำแหงจงึ ไดค้ รองรำชยต์ ่อมำ และทรงไดข้ น้ึ ครองรำชยร์ ำวปี พ.ศ. ๑๘๖๖ พระองค์น่ำจะเป็นผู้เรม่ิ รวบรวมอำณำจกั รสุโขทยั ให้เป็นปึกแผ่นข้นึ อีกครงั้ เป็นท่ีน่ำเสยี ดำยว่ำไม่มหี ลกั ฐำนใดๆ เก่ียวกบั พระองค์ทงั้ ทำงด้ำนพระรำช กรณียกิจและพระประวตั ิ แม้ว่ำพระองค์จะทรงครองรำชย์อยู่นำนถึง ๑๘ ปี กต็ ำม พระยำงวั ่ นำถม เป็นผสู้ บื รำชสมบตั ติ ่อจำกพระยำเลอไทย ในช่วงน้ี ไม่มีหลักฐำนบ่งช้ีว่ำ เพรำะเหตุใดพระยำลิไทยโอรสของพระยำเลอไทย จงึ ไมไ่ ดข้ ้นึ ครองรำชยส์ บื ต่อจำกพระบดิ ำ อำจตคี วำมว่ำขณะนนั้ พระยำลไิ ทย มพี ระชนมำยุไม่มำกนกั แต่กอ็ ำจไดด้ ำรงตำแหน่งรชั ทำยำทหรอื เป็นท่รี กู้ นั ว่ำ เป็นรชั ทำยำทมหี ลกั ฐำนท่สี ำมำรถกล่ำวถงึ ไดเ้ พยี งอย่ำงเดยี วคือ เสถยี รภำพ ทำงกำรเมอื งของสุโขทยั ตกต่ำลง เน่ืองจำกเมอื งหลำยเมอื งพยำยำมแยกตวั เป็นอิสระ จนในท่ีสุดเม่ือพระยำงัว่ นำถมส้นิ พระชนม์ลง จงึ เกิดปัญหำกำร สบื รำชสมบตั ขิ น้ึ พระยาลิไทย (พระมหำธรรมรำชำท่ี ๑ / พระยำศรสี ุริยวงศ์รำมมหำธรรม รำชำธริ ำช) กำรสบื รำชสมบตั ขิ องพระยำลไิ ทยโดยวธิ ปี รำบดำภเิ ษก ทำใหก้ ลำ่ ว ไดว้ ำ่ เม่อื ใดมกี ำรเปล่ยี นรชั กำลโอกำสทจ่ี ะมกี ำรแยง่ ชงิ รำชสมบตั กิ ม็ สี ูง ทงั้ น้ี อำจเป็นเพรำะขนั้ ตอนภำยในรำชสำนกั กเ็ ป็นได้ พระยำลไิ ทยเสดจ็ พรอ้ มดว้ ย กองทพั จำกเมอื งศรสี ชั นำลยั เพ่อื ทวงสทิ ธใิ นกำรสบื รำชสมบตั ิ ในทส่ี ดุ พระองค์ สำมำรถปรำบดำภเิ ษกเป็นกษตั รยิ ส์ ุโขทยั เม่อื พ.ศ. ๑๘๙๐ เฉลมิ พระนำมว่ำ [๓๔๐]
พระยำศรสี รุ ยิ พงศ์รำมมหำธรรมรำชำธริ ำช (ในศลิ ำจำรกึ หลกั ท่ี ๔ ใชพ้ ระนำม วำ่ พระบำทกมรเตงอญั ศรสี รุ ยิ พงศร์ ำมมหำธรรมรำชำธริ ำช) ควำมพยำยำมของพระองค์ภำยหลังจำกท่ีครองรำชย์สมบัติ คือกำรพยำยำมรวบรวมอำณำจกั รสุโขทัยให้มีเสถียรภำพ มีควำมมนั ่ คง ทำงกำรเมอื งเช่นเดยี วกบั รชั กำลก่อนๆ โดยเฉพำะในรชั กำลพอ่ ขนุ รำมคำแหง ขณะเดยี วกนั กำรท่เี กดิ อำณำจกั รขนำดใหญ่โดยรอบอำณำจกั รสุโขทยั ไดแ้ ก่ อำณำจักรล้ำนนำ อำณำจักรล้ำนช้ำง อำณำจักรอยุธยำ และอำณำจกั ร หงสำวดี ทำใหส้ โุ ขทยั เปรยี บเสมอื นเป็นรฐั กนั กระทบ กำรดำเนินนโยบำยใดๆ ท่ีจะหลีกเล่ียงกำรกระทบกระทัง่ กันเป็ นไปได้โดยยำก พระยำลิไทยได้ พยำยำมดำรงสภำพของสุโขทยั ให้มคี วำมมนั ่ คง และได้รบั ควำมเช่ือถือโดย กำรทำให้เมืองสุโขทยั เป็นศูนย์กลำงกำรศกึ ษำทำงพุทธศำสนำ ซ่ึงเป็นทำง เดยี วทจ่ี ะทำใหอ้ ำณำจกั รคงดำรงอยู่ ตลอดรชั กำลพระยำลิไทย กำรพยำยำมรักษำเสถียรภำพของ อำณำจกั รโดยวธิ กี ำรท่ไี ดก้ ล่ำวมำแลว้ นนั้ พระองคน์ ่ำจะไดว้ ำงนโยบำยไวแ้ ล้ว ก่อนท่ีจะข้นึ ครองรำชย์สมบตั ิ เช่น ได้ทรงพระรำชนิพนธ์เร่อื ง เตรภูมิกถำ หรอื ไตรภูมพิ ระร่วง เม่อื พ.ศ. ๑๘๘๘ ในขณะท่ียงั เป็นรชั ทำยำทครองเมอื ง ศรสี ชั นำลยั กบั โปรดใหส้ รำ้ งวดั ป่ำมะม่วงเป็นศูนยก์ ลำงกำรศกึ ษำพทุ ธศำสนำ และได้ทรงผนวชท่ีวดั แห่งน้ีเม่ือ พ.ศ. ๑๙๐๔ ทรงสร้ำงพระพุทธชินรำช พระพุทธชินสีห์ และพระศำสดำ เม่ือประมำณ พ.ศ. ๑๙๐๕ สร้ำงรอย พระพุทธบำทท่ีไปลอกแบบมำจำกลงั กำมำประดษิ ฐำนไวห้ ลำยแห่งในเมอื ง สุโขทัย ศรีสัชนำลัย พิษณุโลก และกำแพงเพชร รวมทัง้ ทรงอนุญำตให้ พระสมุ นเถระ พระสงั ฆรำชสุโขทยั ไปปรบั ปรุงคณะสงฆข์ องอำณำจกั รล้ำนนำ เม่อื พ.ศ. ๑๙๑๓ พระยำกอื นำ กษตั รยิ ล์ ้ำนนำทรงขอมำดว้ ย ทำใหอ้ ำณำจกั ร ทงั้ สองมคี วำมสมั พนั ธท์ ด่ี ตี ่อกนั พระยำลิไทยพยำยำมสร้ำงสมั พนั ธไมตรีกบั อำณำจกั รข้ำงเคียง เสมอมำ แต่ไม่มีหลกั ฐำนว่ำเคยสร้ำงไมตรที ่ีดีต่อกันกับอำณำจกั รอยุธยำ นอกจำกกำรสงครำมท่ที ำงฝ่ ำยอยุธยำในรชั กำลขุนหลวงพะงวั ่ มกั จะยกทพั [๓๔๑]
มำตีเมืองชำยแดนของสุโขทยั อยู่เสมอ จนกระทงั ่ สำมำรถยดึ เมอื งบำงเมอื ง ไวไ้ ด้ ทำใหใ้ นปลำยรชั กำลพระยำลิไทยต้องยำ้ ยเมอื งหลวงของอำณำจกั รไป อย่ทู ่เี มอื งพษิ ณุโลก ตงั้ แต่รำวปลำยปี พ.ศ. ๑๙๐๖ เป็นตน้ มำ ควำมสมั พนั ธท์ ่ี พระองค์ทรงมีต่อเมืองแพร่ เห็นได้จำกกำรท่ีพระองค์เสดจ็ ไปเมืองแพร่ถึง ๗ เดอื น เมอ่ื พ.ศ. ๑๙๐๒ ควำมสมั พนั ธเ์ ป็นพเิ ศษกบั รำชวงศ์เมอื งน่ำนของพระเจ้ำลไิ ทยพบ ได้จำกคำสำบำนในศิลำจำรกึ และกำรท่ีกองทพั เมืองน่ำนยกมำช่วยสุโขทยั สู้รบกับกองทัพอยุธยำเม่ือปี พ.ศ. ๑๙๑๙ ทำให้อำจกล่ำวได้ว่ำน่ำจะมี ควำมสมั พนั ธท์ ำงเครอื ญำตทิ ม่ี ำจำกกำรอภเิ ษกสมรสกบั เจำ้ หญิงของรำชวงศ์ เมอื งน่ำน ข้อควำมจำกศิลำจำรกึ หลำยหลกั พบว่ำ พระยำลิไทยทรงมีโอรส หลำยพระองค์ และประสูติต่ำงมำรดำกนั ดว้ ย พระโอรสท่พี บพระนำมในศิลำ จำรกึ ได้แก่ พ่อเลอไทย พระธรรมรำชำ และพระอโศก องคส์ ุดท้ำยต่อมำได้ ทรงผนวช จำกข้อควำมดงั กล่ำวอำจแสดงแผนผงั โดยใช้พระนำมจำกศิลำ จำรกึ ไดด้ งั น้ี พระมหำเทวี + พระยำลไิ ทย + พระศรจี ุฬำลกั ษณ์ พอ่ เลอไทย พระธรรมรำชำท่ี ๒ พระอโศก ในขณะท่ีพระยำลิไทยครองรำชย์อยู่นัน้ พ่อเลอไทยโอรสองค์หน่ึง ของพระองค์อำจได้อภิเษกสมรสกับเจ้ำหญิงรำชวงศ์น่ำนเป็ นกำรสร้ำง เครอื ญำตทิ ำงกำรแต่งงำนของสองรำชวงศใ์ หแ้ น่นแฟ้นขน้ึ [๓๔๒]
ราชวงศส์ โุ ขทยั ราชวงศน์ ่าน พระยำลไิ ทย (มหำธรรมรำชำท่ี ๑) พระยำคำตนั พอ่ เลอไทย พระธดิ ำ พระยำไสลอื ไทย พระยำลิไทยคงสวรรคตปีใดปีหน่ึงระหว่ำง พ.ศ. ๑๙๑๑ - ๑๙๑๗ อนั เป็นช่วงทพ่ี ระองคป์ ระทบั อยเู่ มอื งพษิ ณุโลก กษตั รยิ ์ขน้ึ ครองรำชยส์ บื ต่อมำ จำกพระองคใ์ ชเ้ มอื งพษิ ณุโลกเป็นทป่ี ระทบั และเป็นเมอื งหลวงตอ่ มำ พระมหาธรรมราชาที่ ๒ แม้ว่ำพระมหำธรรมรำชำท่ี ๒ จะข้ึนครองรำชย์เม่ืออำณำจักร สุโขทัยมีเสถียรภำพท่ีดีข้นึ กว่ำเดมิ รวมทงั้ มสี มั พนั ธไมตรีอย่ำงใกล้ชิดกบั อำณำจกั รล้ำนนำก็ตำม แต่กำรท่ีต้องอยู่ท่ำมกลำงอำณำจกั รใหญ่ และโดย สภำพแลว้ อยใู่ นฐำนะรฐั กนั ชน ทำใหก้ ำรดำเนินนโยบำยของอำณำจกั รเป็นไป อยำ่ งไมร่ ำบร่นื ไม่มีหลักฐำนใดๆ ในช่วงผลัดเปล่ียนรัชกำลว่ำเกิดกำรแย่ง รำชสมบตั ิหรอื กำรจลำจลอย่ำงท่เี คยเป็นหรอื ไม่ รวมทงั้ บทบำทท่สี ำคญั ของ พระมหำธรรมรำชำก่อนกำรครองรำชย์ หรือหลังจำกกำรครองรำชย์แล้ว จงึ เป็นรชั กำลทม่ี หี ลกั ฐำนน้อยทส่ี ดุ ช่วงหน่ึง กำรท่สี โุ ขทยั มคี วำมใกล้ชดิ กบั อำณำจกั รล้ำนนำและเมอื งน่ำนมำก เป็นเหตุใหท้ ำงอำณำจกั รอยธุ ยำเกรงว่ำสุโขทยั อำจถูกอำณำจกั รลำ้ นนำผนวก เข้ำเป็นอำณำจกั รเดียวกนั ซ่ึงจะทำให้อยุธยำตกอยู่ในภำวะท่ีเป็นอนั ตรำย เพรำะหำกอำณำจกั รลำ้ นนำประสงคจ์ ะขยำยอำณำเขตมำทำงใตอ้ กี กส็ ำมำรถ ทำไดง้ ำ่ ย มที ำงเดนิ ทพั หลำยทำงทงั้ ทำงบกและทำงน้ำ เมอื งทอ่ี ยูต่ ่อลงมำคอื [๓๔๓]
เมืองพษิ ณุโลกก็เป็นเมืองท่ีไม่อยู่ในฐำนะท่ีจะต้ำนทำนกองทพั ท่ีมกี ำลงั พล มำกได้ อยุธยำจึงต้องหำทำงสกัดอิทธิพลของอำณำจกั รล้ำนนำเสียก่อน แต่กำรท่จี ะส่งกองทพั ไปรุกรำนโดยตรงไม่น่ำจะทำได้ เพรำะอำจเป็นเหตุให้ อำณำจกั รลำ้ นนำสง่ กองทพั มำชว่ ยเหลอื เน่ืองจำกเป็นมติ รทด่ี ตี ่อกนั ได้ ดังนั้นขุนหลวงพระงวั ่ กษัตริย์อยุธยำในขณะนัน้ จึงใช้วิธีรุกรำน หวั เมอื งชำยแดนของสุโขทยั เพ่อื หยงั ่ กำลงั ของสุโขทยั และดูท่ำทีของลำ้ นนำ บำงครงั้ ถึงกบั เข้ำโจมตีเมืองสำคญั ของสุโขทัยด้วย พงศำวดำรฉบับหลวง ประเสรฐิ อกั ษรนิติ ์ กลำ่ ววำ่ - พ.ศ. ๑๙๑๔ สมเดจ็ พระบรมราชา (ขุนหลวงพระงวั ่ ) มชี ยั ชนะต่อ เมอื งเหนือทงั้ ปวง - พ.ศ. ๑๙๑๕ กองทัพอยุธยายกไปตีเมืองนครพังคา และเมือง แสงเชราไดเ้ มอื ง - พ.ศ. ๑๙๑๖ กองทัพอยุธยายกทัพไปตีเมืองชากังราว พระยา ไสแกว้ กบั พระยาคาแหงสรู้ บป้องกนั เมอื ง พระยาไสแกว้ เสยี ชวี ติ ในทรี่ บ - พ.ศ. ๑๙๑๙ กองทพั อยุธยายกทพั ไปตีเมอื งชากงั ราว ทพั พระยา ผากองเจ้าเมืองน่านยกมาช่วย แต่ไม่สามารถต้านทานกองทัพอยุธยาได้ พระยาผากองต้องถอยทัพกลับไป กองทัพอยุธยาจับทหารชาวน่านได้ จานวนมาก เม่อื พระมหำธรรมรำชำท่ี ๒ ยอมแพ้ต่อสมเดจ็ พระบรมรำชำธริ ำช แห่งกรุงศรอี ยุธยำแล้ว สโุ ขทยั ถูกแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน และหมดควำมสำคญั ลงทนั ที พระมหำธรรมรำชำท่ี ๒ ส้นิ พระชนม์ในปี พ.ศ. ๑๙๔๓ โดยมพี ระยำ ไสลอื ไทยผเู้ ป็นหลำนอำขน้ึ ครองรำชสมบตั สิ บื ตอ่ มำ พระยาไสลือไทย (พระมหำธรรมรำชำท่ี ๓) พระยำไสลอื ไทย หรอื พระมหำธรรมรำชำท่ี ๓ ครองรำชย์สบื ต่อมำ คงมพี ระประสงคท์ ่จี ะสรำ้ งควำมรงุ่ เรอื งใหก้ บั อำณำจกั รสโุ ขทยั อกี ครงั้ ส่ิงท่ไี ม่ อำจทรำบไดเ้ น่ืองจำกขำดหลกั ฐำนอนั สมบูรณ์ในกำรแปลควำมคอื ในชว่ งกำร [๓๔๔]
ครองรำชย์ของพระมหำธรรมรำชำท่ี ๒ สุโขทยั กลบั มำเป็นอิสระอีกหรอื ไม่ ทงั้ น้ีเน่ืองจำกตำนำนพน้ื เมอื งของเชยี งใหมไ่ ดก้ ล่ำววำ่ ปี พ.ศ. ๑๙๓๓ กษตั รยิ ์ สุโขทัยขอมำเป็ นไมตรีกับเชียงใหม่ ขอกองทัพเชียงใหม่ไปป้องกันเมือง อำ้ งวำ่ ผดิ ใจกบั กษตั รยิ ์อยุธยำ แต่เม่อื กองทพั เชยี งใหม่ยกไปช่วยทำงสุโขทยั กลบั เปล่ยี นใจนำกำลงั เขำ้ โจมตีกองทพั เชยี งใหม่จนพ่ำยแพ้ ถ้ำเหตุกำรณ์น้ี เกิดข้ึนจริงก็เสมือนว่ำสุโขทัยร่วม มือกับอยุธยำหลอกลวงกองทัพ เมืองเชียงใหม่มำทำลำย กำรท่ีเชียงใหม่ยอมช่วยเหลือก็คงเป็ นเพรำะมี สมั พนั ธไมตรที ด่ี ตี ่อสโุ ขทยั นนั ่ เอง พระยำไสลือไทยยกกองทพั ไปตีเมืองในอำณำจกั รล้ำนนำ เม่ือปี พ.ศ. ๑๙๕๔ โดยท้ำวย่ีกุมกำม เจ้ำเมืองเชียงรำย ซ่ึงผิดหวังในกำร สบื รำชสมบัติอำณำจกั รล้ำนนำ หนีมำพ่ึงอำณำจกั รสุโขทยั แล้วนำกองทพั สโุ ขทยั ไปตเี มอื งพะเยำ แต่ไม่สำเรจ็ กองทพั ยกตอ่ ไปเมอื งเชยี งรำย เมอื งฝำง ไมป่ รำกฏหลกั ฐำนว่ำมกี ำรสรู้ บกบั สองเมอื ง อำจไมม่ กี ำรสรู้ บกนั เลยกไ็ ด้ ทงั้ น้ี เพรำะทำ้ วยก่ี มุ กำมเคยเป็นเจำ้ เมอื งเชยี งรำยมำกอ่ น จำกนนั้ จงึ ยกทพั เขำ้ ลอ้ ม เมอื งเชียงใหม่ แต่ไม่อำจตีเมอื งได้ต้องถอยทพั พร้อมกบั นำครอบครวั ชำว เชยี งรำยไปไวท้ ส่ี โุ ขทยั ดว้ ย ทำงอำณำจกั รอยธุ ยำ เมอ่ื สมเดจ็ พระอนิ ทรำชำจำกสุพรรณบรุ เี สดจ็ ข้นึ ครองรำชยไ์ ดท้ รงยกกองทพั มำปรำบสุโขทัย จนกระทงั ่ พระยำไสลอื ไทย ตอ้ งยำ้ ยทป่ี ระทบั ไปอยเู่ มอื งพษิ ณุโลก จนสน้ิ พระชนมใ์ นปี พ.ศ. ๑๙๖๒ พระมหาธรรมราชาท่ี ๔ (พระสรุ ยิ วงศบ์ รมปำลมหำธรรมรำชำธริ ำช) พระยำไสลอื ไทยสน้ิ พระชนมก์ อ่ ใหเ้ กดิ จลำจลแยง่ รำชสมบตั ริ ะหวำ่ ง โอรสทงั้ ๒ พระองค์ คือ พระยำบำลและพระยำรำม สำเหตุน้ีทำให้สมเด็จ พระอินทรำชำต้องทรงยกกองทัพข้ึนมำจดั กำรกำรปกครองจนเรยี บร้อย โดยแบง่ อำณำจกั รสโุ ขทยั ซง่ึ เหลอื พน้ื ทน่ี ้อยอยูแ่ ลว้ เป็น ๔ สว่ นคอื [๓๔๕]
พระยำบำล เป็ นพระมหำธรรมรำชำท่ี ๔ เฉลิมพระนำมเป็ น พระสรุ ยิ วงศบ์ รมปำลมหำธรรมรำชำธริ ำช ครองเมอื งพษิ ณุโลก พระยำรำม ครองเมอื งสโุ ขทยั พระยำเชลยี ง ครองเมอื งเชลยี ง (หรอื ศรสี ชั นำลยั ) แสนสอยดำว ครองเมอื งกำแพงเพชร อำณำจกั รสุโขทยั หมดควำมสำคญั และหมดอำนำจลงในรชั กำลน้ี แมว้ ำ่ ทำงอยุธยำจะมกี ำรเปล่ยี นแปลงรชั กำลจำกสมเดจ็ พระอนิ ทรำชำมำเป็น สมเด็จพระบรมรำชำท่ี ๒ (เจ้ำสำมพระยำ) เม่ือปี พ.ศ. ๑๙๖๗ ก็ไม่ทำให้ สถำนภำพของสุโขทยั ดขี ้นึ จนกระทงั ่ พระมหำธรรมรำชำท่ี ๔ ส้นิ พระชนม์ เม่อื ปี พ.ศ. ๑๙๘๑ นักประวตั ิศำสตร์ท่ีสนใจเร่อื งของสุโขทยั บำงท่ำนเห็นว่ำ ปี พ.ศ. ๑๙๘๑ อนั เป็นปีท่ีพระมหำธรรมรำชำท่ี ๔ ส้นิ พระชนม์น่ำจะเป็นกำรสน้ิ สุด ประวตั ศิ ำสตรส์ ุโขทยั บำงท่ำนเหน็ ว่ำยงั ไม่ควรคดิ เช่นนัน้ เพรำะยงั มเี จำ้ นำย ทำงสโุ ขทยั ครองอำนำจอยู่ ผู้ท่ีครองเมืองพิษณุโลกต่อมำคือ พระยำยุทธิษเฐียร โอรสของ พระมหำธรรมรำชำท่ี ๔ เจ้ำนำยพระองค์น้ีทรงเป็นลูกพ่ีลูกน้องกบั สมเด็จ พระบรมไตรโลกนำถ เม่อื สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนำถขน้ึ ครองรำชยท์ ่อี ยุธยำ ในปี พ.ศ. ๑๙๙๑ พระยำยุทธิษเฐยี รคงหวงั ว่ำทำงอยุธยำจะคืนควำมเป็ น อำณำจกั รสุโขทยั ให้ โดยไม่แบ่งออกเป็น ๔ ส่วนเช่นท่ีเป็นอยู่ แต่กำรณ์ไม่ เป็นเช่นนัน้ พระยำยุทธษิ เฐยี รจงึ พำไพรพ่ ลไปสวำมภิ กั ดติ ์ ่อพระเจำ้ ตโิ ลกรำช กษตั รยิ ์เชียงใหม่ เม่อื ปี พ.ศ. ๑๙๙๔ เป็นผลให้เกิดสงครำมยดื เย้อื ระหว่ำง ลำ้ นนำกบั อยธุ ยำ หลงั จำกท่ีพระยำยุทธษิ เฐยี รไปสวำมภิ กั ดติ ์ ่อพระเจำ้ ตโิ ลกรำชแล้ว พระรำชชนนีของสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนำถ ครองเมอื งพษิ ณุโลกต่อมำจน ส้ินพระชนม์ในปี พ.ศ. ๒๐๐๖ สมเด็จพระบรมไตรโลกนำถจึงเสด็จข้ึนไป ประทบั อยทู่ เ่ี มอื งพษิ ณุโลก และถอื เป็นปีสน้ิ สดุ อำณำจกั รสโุ ขทยั ดว้ ย [๓๔๖]
ศิลปะสมยั สโุ ขทยั ศลิ ปวฒั นธรรมสมยั สุโขทยั เป็นผลมำจำกกำรนับถือพุทธศำสนำ เป็นศำสนำประจำชำติ ดงั นัน้ เร่อื งรำวของศิลปวฒั นธรรมสมยั สุโขทยั จงึ เป็น เร่อื งเก่ยี วกบั ศำสนำเป็นสว่ นใหญ่ อทิ ธิพลของศลิ ปกรรมจำกประเทศทน่ี ับถือ พุทธศำสนำ ซ่งึ มคี วำมเจรญิ รงุ่ เรอื งในช่วงนนั้ ไดเ้ ขำ้ มำมอี ทิ ธพิ ลต่อกำรสรำ้ ง ศิลปกรรมของอำณำจกั รสุโขทัยเป็ นอย่ำงย่ิง ทัง้ น้ีเป็ นเพรำะกำรติดต่อ แลกเปล่ียนควำมรู้ กำรติดต่อกำรค้ำระหว่ำงกนั ทำให้มีกำรถ่ำยทอดผลงำน กนั ข้นึ ไดแ้ ก่ ศลิ ปกรรมจำกลงั กำ เป็นต้น แต่อย่ำงไรกด็ ี ผผู้ ลติ งำนทำงดำ้ น ศิลปกรรมในสมยั สุโขทยั ก็ได้นำเอำแนวควำมคดิ และรูปแบบมำปรบั ปรุงให้ กลมกลนื กบั ควำมนิยมของชนในชำตไิ ดเ้ ป็นอยำ่ งดี ภำพท่ี ๑ ภำพถ่ำยทำงอำกำศบรเิ วณเมอื งเกำ่ สโุ ขทยั และเมอื งพระพำยหลวง (ดำ้ นทศิ เหนอื ) [๓๔๗]
ภำพท่ี ๒ ภำพถ่ำยทำงอำกำศบรเิ วณเมอื งพระพำยหลวง แลเหน็ เทอื กเขำหลวงเบอ้ื งทศิ ตะวนั ตก ประติมากรรม ประตมิ ำกรรมท่สี ำคญั ไดแ้ ก่ กำรสรำ้ งพระพุทธรปู พระพุทธรูปในสมัยสุโขทัยซ่ึงเป็ นพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะนั้น เป็ น พระพุทธรูปท่ีมีควำมสวยงำมมำก พระเนตรมแี ววแห่งควำมเมตตำ วงพระ พกั ตรเ์ ป็นรูปไข่ พระโอษฐอ์ ยู่ในลกั ษณะอมยม้ิ ลำพระองคก์ ลมกลงึ ไม่มกี ำร เน้นลกั ษณะทำงสรรี ะเหมอื นกบั มนุษย์ แต่เป็นกำรแสดงลกั ษณะควำมงำมของ มนุษย์ในแง่ศิลปะ พระพุทธรูปท่ีนิยมสร้ำงเป็นพระพุทธรูปในอิริยำบถนัง่ นอน ยนื เดนิ เทำ่ นนั้ พระพทุ ธรปู หลอ่ ดว้ ยโลหะทส่ี ำคญั ไดแ้ ก่ [๓๔๘]
พระศากยมุนี เป็นพระพุทธรูปประทบั นัง่ ปำงมำรวชิ ยั ท่ีเป็นรูป หล่อใหญ่ท่ีสุด หน้ำตักกว่ำ ๖.๕๐ เมตร สร้ำงในรชั กำลพระเจ้ำลิไท เดิม ประดิษฐำนเป็ นพระประธำนในวิหำรหลวง วัดมหำธำตุ เมืองสุโขทัยเก่ำ ปัจจุบนั ประดษิ ฐำนเป็นพระประธำนในพระวหิ ำรหลวง วดั สทุ ศั นเทพวรำรำม กรงุ เทพมหำนคร ภำพท่ี ๓ พระศรศี ำกยมนุ ี พระประธำนในพระวหิ ำรหลวงวดั สทุ ศั นเทพวรำรำม [๓๔๙]
พระพทุ ธชินราช เป็นพระพุทธรูปประทบั นัง่ ปำงมำรวชิ ยั หน้ำตกั กว้ำง ๕.๖๐ เมตร สรำ้ งในรชั กำลพระเจำ้ ลไิ ท ประดษิ ฐำนในพระวหิ ำรหลวง วดั พระศรรี ตั นมหำธำตุ จงั หวดั พษิ ณุโลก ภำพท่ี ๔ พระพุทธชนิ รำช ประดษิ ฐำนในพระวหิ ำรหลวงวดั พระศรรี ตั นมหำธำตุ พษิ ณุโลก [๓๕๐]
พระพุทธชินสีห์ เป็นพระพุทธรูปประทบั นัง่ ปำงมำรวชิ ยั สรำ้ งใน รัชกำลพระเจ้ำลิไท พร้อมกับพระพุทธชินรำช เดิมประดิษฐำนเป็ น พระประธำนในพระวิหำรวดั พระศรีรตั นมหำธำตุ จงั หวดั พษิ ณุโลก ปัจจุบนั ป ระ ดิ ษ ฐ ำ น เป็ น พ ระป ระธ ำ น ใน พ ระอุ โบ ส ถ วัด บ ว รนิ เว ศ วิห ำ ร กรงุ เทพมหำนคร ภำพท่ี ๕ พระพุทธชนิ สหี ์ (เบอ้ื งหน้ำ) ในพระอุโบสถวดั บวรนิเวศวหิ ำร [๓๕๑]
พระศาสดา เป็นพระพทุ ธรปู ประทบั นงั ่ ปำงมำรวชิ ยั สรำ้ งในรชั กำล พระเจ้ำลิไท พรอ้ มกบั พระพุทธชินรำช เดิมประดษิ ฐำนเป็นพระประธำนใน พระวหิ ำรวดั พระศรรี ตั นมหำธำตุ จงั หวดั พษิ ณุโลก ปัจจุบนั ประดษิ ฐำนอยู่ใน พระวหิ ำรวดั บวรนิเวศวหิ ำร กรงุ เทพมหำนคร พระพุทธรปู ลลี ำ เป็นพระพทุ ธรปู แสดงกำรก้ำวเดนิ สงู ๑.๖๖ เมตร ปั จจุบันป ระดิษฐำนอยู่ในพระระเบียงพ ระอุโบสถวัดเบญ จมบ พิตร กรงุ เทพมหำนคร นอกจำกกำรหล่อพระพุทธรูปแล้ว ยงั มกี ำรหล่อเทวรูปข้นึ เพ่อื กำร ประกอบพิธีกรรมทำงศำสนำพรำหมณ์ เทวรูปดงั กล่ำวได้แก่ พระอิศวร พระนำรำยณ์ ซ่งึ แสดงถึงอิทธพิ ลของศำสนำพรำหมณ์ท่เี ข้ำมำมบี ทบำทแก่ ชวี ติ ประจำวนั ของชำวสโุ ขทยั ภำพท่ี ๖ เทวรปู พระอศิ วร สำรดิ ศลิ ปะสุโขทยั จดั แสดงอยทู่ พ่ี พิ ธิ ภณั ฑสถำนแหง่ ชำติ พระนคร [๓๕๒]
กำรปั้นพระพุทธรูปด้วยปูน เป็นงำนซ่ึงศลิ ปินในสมยั นัน้ ทำขน้ึ ได้ อย่ำงสวยงำมและมชี วี ติ จติ ใจเช่นกนั ท่สี ำคญั ไดแ้ ก่ ภำพพระพุทธประวตั ปิ ำง เสดจ็ ลงจำกดำวดึงส์ท่ีผนังด้ำนนอกของมณฑป วดั ตระพงั ทองหลำง เมือง สโุ ขทยั เก่ำ - พระพุทธรูปลีลำปูนปั้น ในวัดพระศรีรัตนมหำธำตุ อำเภอ ศรสี ชั นำลยั จงั หวดั สโุ ขทยั ภำพท่ี ๗ พระพทุ ธรปู ในอริ ยิ ำบถลลี ำ ปนู ปัน้ ศลิ ปะสโุ ขทยั วดั พระศรรี ตั นมหำธำตุ เชลยี ง อำเภอศรสี ชั นำลยั จงั หวดั สุโขทยั [๓๕๓]
- พระอจนะ ในมณฑปวดั ศรชี ุม เมอื งสุโขทยั เก่ำ ซ่ึงมีขนำดใหญ่ มำก - พระพทุ ธรปู ยนื ทว่ี ดั สะพำนหนิ เมอื งสโุ ขทยั เกำ่ ซง่ึ มขี นำดสงู มำก งำนสลกั ทส่ี ำคญั ไดแ้ ก่ - ภำพสลกั ลำยเส้นบนหนิ เป็นเร่อื งชำดก บนเพดำนอุโมงค์วหิ ำร พระอจนะ วดั ศรชี ุม เมอื งสโุ ขทยั เกำ่ ภำพท่ี ๘ ภำพสลกั ลำยเสน้ เรอ่ื งชำดกบนแผ่นหนิ จำกวดั ศรชี ุม เมอื งเกำ่ สโุ ขทยั จดั แสดงอย่ทู พ่ี พิ ธิ ภณั ฑสถำนแห่งชำติ พระนคร - ภำพสลักลำยเส้นบนแผ่นรอยพระพุทธบำทสำริด สลักเป็ นรูป พระอดตี พระพทุ ธเจำ้ พระสงฆ์ และเทวดำ - พระแทน่ มนงั คศลิ ำบำตร [๓๕๔]
สถาปัตยกรรม สถำปัตยกรรมท่ียงั คงเหลืออยู่ในสมยั สุโขทยั คง ได้แก่ ซำกอำคำร และเจดียต์ ่ำงๆ ซ่ึงสรำ้ งด้วยอิฐ หิน หรอื ศิลำแลง ซ่ึงเป็น วสั ดุท่ีคงทน ส่วนท่ีสรำ้ งข้นึ ดว้ ยไม้นัน้ หกั พงั ไปหมดส้นิ สำหรบั อำคำรท่ีอยู่ อำศยั โดยทวั ่ ไปคงจะสรำ้ งดว้ ยไม้ จงึ ไมม่ ซี ำกเหลอื อยู่ ภำพท่ี ๙ กลุ่มเจดยี ์ประธำนในวดั มหำธำตุ สุโขทยั สถำปัตยกรรมท่เี ป็นรูปอำคำรใช้งำนทำงศำสนำ เช่น พระอุโบสถ พระวิหำร สร้ำงเป็ นรูปส่ีเหล่ียมผืนผ้ำ ผนังก่ออิฐโบกปูน มีแต่ประตู สว่ นหน้ำต่ำงใช้วธิ เี จำะช่องเลก็ ๆ แนวตงั้ หลำยๆ ช่องให้แสงผ่ำนเขำ้ หลงั คำ ทำเป็นจวั ่ สูงลดหลนั ่ ลงมำ เช่น วดั มหำธำตุ เมอื งสุโขทยั เครอ่ื งประดบั อำคำร บำงส่วน เช่น ชอ่ ฟ้ำ บำงครงั้ เป็นเครอ่ื งเคลอื บสงั คโลก สว่ นอำคำรอกี ประเภท [๓๕๕]
หน่ึงคอื อำคำรทเ่ี รยี กวำ่ มณฑปสำหรบั ประดษิ ฐำนพระพทุ ธรปู จะสรำ้ งเป็นรปู สเ่ี หล่ยี มจตั ุรสั สถำปัตยกรรมรปู อำคำรมขี นำดแตกต่ำงกนั ตำมลกั ษณะกำร ใชง้ ำนและควำมสำคญั ของแต่ละแห่ง สว่ นสง่ิ ก่อสรำ้ งท่เี ป็นเจดยี ์มแี บบสำคญั ๒ แบบ ไดแ้ ก่ เจดีย์ทรงกลม หรือเจดีย์ทรงระฆัง บำงทีเรียกเจดีย์ทรงลังกำ ท่สี ำคญั ได้แก่ เจดีย์ท่วี ดั ช้ำงล้อม เมอื งศรสี ชั นำลยั จงั หวัดสุโขทยั เจดีย์วดั สระศรี เมอื งสโุ ขทยั เกำ่ เป็นตน้ ภำพท่ี ๑๐ เจดยี ป์ ระธำนทรงระฆงั มชี ำ้ งลอ้ ม วดั ชำ้ งลอ้ ม เมอื งศรสี ชั นำลยั เจดยี ท์ รงดอกบวั หรอื บำงทเี รยี กวำ่ พุ่มขำ้ วบณิ ฑ์ ทำเป็นรปู คลำ้ ย กบั ก้ำนบัวชูข้ึนปลำยของก้ำนเป็นรูปดอกบัวตูม ท่ีสำคญั ได้แก่ พระเจดีย์ ประธำนท่วี ดั มหำธำตุ เมอื งสุโขทยั เก่ำ พระเจดยี ว์ ดั มหำธำตุท่เี รยี กว่ำ เจดยี ์ ยทุ ธหตั ถี เมอื งตำกเกำ่ เป็นตน้ [๓๕๖]
ภำพท่ี ๑๑ เจดยี ป์ ระธำนทรงยอดดอกบวั ตมู วดั เจดยี เ์ จด็ แถว เมอื งศรสี ชั นำลยั จิตรกรรม จติ รกรรมสมยั สุโขทยั เหลอื อยไู่ มม่ ำกนักและอยใู่ นสภำพ ท่ีชำรุดมำก อย่ำงไรก็ตำมเหน็ ได้ว่ำอิทธพิ ลของประตมิ ำกรรมให้ผลต่อกำร สรำ้ งภำพจติ รกรรมของสโุ ขทยั เป็นอยำ่ งมำก ระบบกำรใชส้ วี ำดภำพเป็นระบบ กำรใช้สที ่เี รยี กว่ำ สเี อกรงค์ ภำพจติ รกรรมท่ยี งั เหลืออยู่ คอื ภำพวำดในคูหำ พระเจดยี ร์ ำยทว่ี ดั เจดยี เ์ จด็ แถว เมอื งศรสี ชั นำลยั จงั หวดั สโุ ขทยั เป็นภำพวำด ในแนวขนำน รูปพระพุทธองค์ประทับนัง่ มีเทวดำ ฤๅษีและกษัตริย์มำนัง่ ฟังธรรม โดยวำดขนำนกนั เป็นชนั้ ๆ มเี สน้ คนั ่ ใหเ้ หน็ วำ่ แยกจำกกนั [๓๕๗]
บรรณานุกรม กรมศลิ ปำกร ๒๕๐๐ ประชุมศิลาจารึกภาคที่ ๑. พิมพ์ครงั้ ท่ี ๓, พระนคร : พระจนั ทร.์ ๒๕๐๗ คาบรรยายสัมมนาโบราณ คดีสมัยสุโขทัย พ.ศ. ๒๕๐๓. พระนคร : ศวิ พร. ๒๕๑๒ รายงานสารวจและขุดแต่งบูรณะโบราณวตั ถสุ ถาน เมืองเก่าสุโขทัย พ.ศ. ๒๕๐๕ - ๒๕๑๒. พระนคร : ครุ สุ ภำ. ขจร สขุ พำนิช ๒๕๓๐ ข้อมูลประวัติ ศาสตร์สมัยกรุงสุโขทัย. กรุงเทพ : ครุ สุ ภำ. จงั หวดั เชยี งใหม่ ๒๕๒๗ ล้านนาไทย. เชยี งใหม่ : ทพิ ยเ์ นตรกำรพมิ พ.์ ประชำกจิ กรจกั ร, พระยำ (แช่ม บนุ นำค) ๒๕๐๔ พ งศ า ว ด า ร โย น ก . พิ ม พ์ ค รั้ง ท่ี ๔ . พ ระน ค ร : ศลิ ปำบรรณำคำร. ประเสรฐิ ณ นคร ๒๕๓๙ ง า น ค้ น ค ว้ า ป ร ะ วัติ ศ า ส ต ร์ไท ย . ก รุ ง เท พ : มหำวทิ ยำลยั เกษตรศำสตร.์ ปรดี ำ ศรชี ลำลยั ๒๕๐๗ เรื่องของศรีสชั นาลยั ภาคที่ ๑. พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๒, พระนคร : เฟ่ืองนคร. พระพทุ ธพกุ ำม และพระพทุ ธญำณ ๒๕๑๓ ตานานมลู ศาสนา. พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๒. เชยี งใหม่ : นครพงิ ค์ กำรพมิ พ.์ [๓๕๘]
ไมท่ รำบผแู้ ต่ง ๒๕๑๔ ลิลิตยวนพ่าย. พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๕. กรงุ เทพ : บรรณำคำร. ศรศี กั ร วลั ลโิ ภดม ๒๕๓๒ เมืองโบราณในอาณาจกั รสุโขทยั . กรุงเทพ : สถำบนั ไทยคดศี กึ ษำ มหำวทิ ยำลยั ธรรมศำสตร.์ สมหมำย เปรมจติ ต์ (ปรวิ รรต) ๒๕๔๐ ตานานสิบห้าราชวงศ์. เชียงใหม่ : สถำบนั วิจยั สงั คม มหำวทิ ยำลยั เชยี งใหม.่ สนิ ชยั กระบวนแสง ๒๕๒๐ ประวัติ ศาสตร์สุโขทัย. พิมพ์ครัง้ ท่ี ๒. กรุงเทพ : พฆิ เนศ. Chand Chirayu Rajani, H.H. Prince 1976 Guide Through the Inscriptions of Sukhothai. Hawaii : University of Hawaii. Coédes, G. 1909 “Document sur I’histories politique et religieuse du Lao Occidental.” Bulletin de I’Ecole Français d’Extrêm Orient. 25/1. Griswold, A.B., and Prasert na Nagara 1990 Epigraphic and Historical Studies. Bangkok : Historical Society of Thailand. Natton, Cammille 1932 Annales du Siam. 3éme partie. Paris : Librairie Orientlalis de Paul Genthner. [๓๕๙]
[๓๖๐]
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372