144 แบบฝก หดั ท่ี 4 1. การเลอื กขอ มูลมาใชประกอบการตัดสนิ ใจตอ งอาศัยหลักการใดบา ง 2. ขอมูล ตางกบั สารสนเทศ อยางไร จงอธิบายพรอ มยกตวั อยา งประกอบดว ย
145 บทท่ี 8 ความนาจะเปน สาระสําคญั 1. การนบั จาํ นวนผลลพั ธทงั้ หมดทเ่ี กิดจากการกระทํา หรือการทดลองใดๆ ตองอาศัยกฎเกณฑการ นับจึงจะทําใหง า ยและสะดวก รวดเร็ว 2. ความนา จะเปน คือ จํานวนท่ีแสดงใหทราบวาเหตุการณใดเหตุการณหนึ่ง มีโอกาสเกิดข้ึนมาก หรอื นอ ยเพียงใด ส่งิ ที่จําเปน ตอ งทราบทาํ ความเขาใจ คอื - การทดลองสมุ (Random Experiment) - แซมเปลสเปซ (Sample Space) - เหตุการณ (Event) 3. ความนาจะเปนของเหตุการณใดๆ เปนการเปรียบเทียบจํานวนสมาชิกของเหตุการณน้ันๆ กับ จาํ นวนสมาชกิ ของแซมเปล สเปซ ซง่ึ เปน คาทจ่ี ะชว ยในการพยากรณหรือการตัดสนิ ใจได ผลการเรียนรทู ค่ี าดหวัง 1. หาจํานวนผลลัพธที่อาจเกิดข้ึนของเหตุการณ โดยใชกฎเกณฑเบื้องตนเก่ียวกับการนับและ แผนภาพตนไมอ ยางงายได 2. อธิบายการทดลองสุม เหตุการณ ความนาจะเปนของเหตุการณและหาความนาจะเปนของ เหตกุ ารณท ่กี าํ หนดใหได 3. นาํ ความรเู ก่ยี วกับความนาจะเปน ไปใชในการคาดการณแ ละชวยในการตัดสนิ ใจ ขอบขา ยเน้อื หา เรื่องท่ี 1 กฎเบ้ืองตน เกยี่ วกบั การนบั และแผนภาพตน ไม เรอ่ื งท่ี 2 ความนา จะเปน ของเหตกุ ารณ เร่อื งท่ี 3 การนําความนาจะเปน ไปใช
146 1. กฎเบ้อื งตน เกย่ี วกบั การนบั และแผนภาพตน ไม ในชีวติ ประจําวันของคนเรามกี ารกระทาํ หรอื การทดลองหลายอยางที่สามารถมวี ธิ กี ารที่จะเกดิ ผลลพั ธไ ดหลายวธิ ี การหาจํานวนรปู แบบหรือจาํ นวนวธิ ที ี่อาจเกดิ ขนึ้ ไดจากการนับทงั้ หมด โดยมกี ฎ เบื้องตน เกีย่ วกับการนบั จากการทาํ งานดังนี้ 1. 1. การทํางานท่ีมี 2 อยางหรอื สองขนั้ ตอน ถา งานอยางแรกมวี ธิ ที าํ ได n1 วธิ ี และในแตละวธิ ที าํ งานอยา งแรกมีวธิ ีที่จะทํางานอยา งทสี่ องได n2 วธิ ี แลว จํานวนวิธีที่ทาํ งานทง้ั สองอยางเทากบั n1 n2 วิธี สามารถเขียนแผนผงั การทํางานไดด งั นี้ งานอยา งท่ี 1 งานอยางท่ี 2 นบั ได n1 วิธี × n2 วธิ ี จํานวนวธิ ที าํ งานท้ังสองอยาง = n1 × n2 วธิ ี เพ่ือความเขา ใจใหงา ยขึ้นสามารถแจกแจงผลการนบั แตล ะวิธไี ดโดยใช แผนภาพตน ไม ดงั ตัวอยาง ตอ ไปน้ี ตัวอยางท่ี 1 โยนเหรยี ญ 2 อนั พรอมกนั 1 คร้ัง เกดิ ผลลัพธไดท งั้ หมดกว่ี ิธี วธิ ที ํา โยนเหรยี ญ 2 อนั พรอมกนั 1 ครง้ั เปนการทาํ งาน 2 อยาง เหรยี ญท่ี 1 เหรยี ญที่ 2 จัดได 2 × 2 งานแรก การเกดิ ของเหรียญที่ 1 เกิดได 2 วิธี คอื อาจเกดิ หวั (H ) หรอื อาจเกดิ กอ ย (T ) กไ็ ด และในแตละวธิ ีท่ีเกิดเหรยี ญท่ี 1 ยงั มวี ิธเี กิดเหรยี ญที่ 2 ไดอีก งานท่ี 2 การเกดิ ของเหรยี ญท่ี 2 เกดิ ได 2 วิธี คอื อาจเกิดหวั (H) หรืออาจเกดิ กอ ย (T ) ดงั นั้น การโยนเหรยี ญ 2 อนั พรอ มกัน 1 ครง้ั เกิดได = 2 ×2 = 4 วิธี
147 การโยนเหรยี ญ 2 เหรยี ญพรอ มกัน เปน การทาํ งานทม่ี ี 2 อยา งหรอื 2 ขนั้ ตอน สามารถแสดง เหตกุ ารณท เี่ กดิ โดยใชแผนภาพตน ไมไ ดด งั นี้ เหรยี ญที่ 1 เหรยี ญที่ 2 เหตุการณท ่เี กดิ ข้นึ นั่นคือ โยนเหรยี ญ 2 เหรียญพรอ มกนั 1 ครง้ั เกดิ ได 4 วธิ ี คือ HH, HT, TH, TT ตอบ ตวั อยางที 2 ชายคนหน่ึงมีเส้อื เช้ิตตา งกนั 5 ตัว และกางเกงขายาวตา งกนั 3 ตวั วธิ ที าํ เราสามารถใชแผนภาพตน ไมช ว ยในการหาวธิ ีทัง้ หมดท่ีเปน ไปไดแสดงไดด ังแผนภาพ ขา งลา งน้ี จากแผนภาพตนไมจะพบวาการแตง กายของชายคนน้ีทแี่ ตกตา งกันนับไดท ้ังหมด 15 วิธี
148 ตัวอยางท่ี 3 โยนลกู เตา 2 ลกู พรอมกนั 1 ครงั้ เกดิ ไดท ง้ั หมดกี่วธิ ี วธิ ีทาํ โยนลกู เตา 2 ลกู พรอ มกัน 1 ครัง้ เปน การทาํ งาน 2 อยาง ลูกที่ 1 ลูกท่ี 2 จดั ได 6 × 6 งานอยางแรก การเกิดของลูกเตาลูกท่ี 1 ซึ่งมี 6 หนา เกดิ ได 6 วธิ ี คอื อาจหงายหนา 1 , 2, 3 …., หรอื 6 ) โยนลูกเตา 2 ลูกพรอมกนั 1 ครง้ั เกดิ ได = 6 ×6 = 36 วิธี สามารถแจกแจงผลลพั ธ ไดดงั น้ี ( 1 , 1) ( 1 , 2 ) (1 , 3 ) ( 1 , 4) ( 1 , 5) ( 1 , 6) ( 2 , 1) ( 2 , 2 ) (2 , 3 ) ( 2 , 4) ( 2 , 5) ( 2 , 6) ( 3 , 1) ( 3 , 2 ) (3 , 3 ) ( 3 , 4) ( 3 , 5) ( 3 , 6) ( 4 , 1) ( 4 , 2 ) (4 , 3 ) ( 4 , 4) ( 4 , 5) ( 4 , 6) ( 5 , 1) ( 5 , 2 ) (5 , 3 ) ( 5 , 4) ( 5 , 5) ( 5 , 6) ( 6 , 1) ( 6 , 2 ) (6 , 3 ) ( 6 , 4) ( 6 , 5) ( 6 , 6) ตอบ 36 วธิ ี 1. 2. การทํางานที่มี 3 อยางหรอื สามขั้นตอน การนบั จะมีแนวคดิ ในทาํ นองเดียวกนั แตจาํ นวนข้นั ตอนในการเขยี นแผนภาพตน ไม หรือ การหาผลคูณคารทเี ซยี น จะมี 3 งานหรอื 3 ข้นั ตอนท่ีตองทําตอ เนื่องกัน ดงั ตวั อยา งตอไปน้ี ตวั อยา งท่ี 4 บรษิ ัทรถยนตแ หงหนงึ่ ผลิตตวั ถงั รถยนตอ อกมา 2 แบบ มเี คร่ืองยนต 2 ขนาด และสี ตาง ๆ กนั 3 สี ถา ตองการแสดงรถยนตใ หค รบทกุ แบบ ทุกขนาด และทุกสี จะตอ งใชร ถยนตอ ยา ง นอ ยทส่ี ุดก่ีคนั
วิธที ี่ 1 โดยใชแ ผนภาพตนไม (Tree Diagram ) จะไดผ ลดังนี้ ข้นั ท่ี 3 149 การทาํ งานมี 3 ขั้นคอื สี ขั้นท่ี 1 ข้นั ที่ 2 ผลงาน ตัวถงั เครอ่ื ง ดงั นน้ั จะตองมีรถยนตแสดงอยางนอย 12 คนั จึงจะครบทุกแบบทกุ สีทุกขนาด วิธีที่ 2 โดยใชผ ลคูณคารท เี ซยี น ให A เปน เซตของตัวถังรถยนต A = { ถ1 , ถ2 } B เปน เซตของเครอ่ื งยนต B = { ค1 , ค2 } C เปน เซตของสีตาง ๆ B = { ส1 , ส2 , ส3 } นาํ ตวั ถงั และเครื่องยนตมาประกอบกนั ไดด ังนี้ A × B = { (ถ1 , ค1) , (ถ1 , ค2) , (ถ2,ค4) , (ถ2 , ค2)} n(AxB) = n(A) x n(B) = 4 แบบ นําตัวถึงกับเคร่ืองที่ประกอบแลว มาทาสตี าง ๆ ( A × B ) × C = { (ถ1 , ค1, ส1 ), (ถ1 , ค1, ส2 ), (ถ1 , ค1, ส3 ), (ถ1 , ค2, ส1 ), (ถ1 , ค2, ส2 ), (ถ1 , ค2, ส3 ), (ถ2 , ค1, ส1 ), (ถ2 , ค1, ส2 ), (ถ2 , ค1, ส3 ), (ถ2 , ค2, ส1 ), (ถ2 , ค2, ส2 ), (ถ2 , ค2, ส3 )} N ( A ×B× C ) = n(AxB) x n(C) = n(A) x n(B) x n(C) = 2 x 2 x 3 = 12 ดังน้ัน ตองใชร ถยนตแสดงอยา งนอ ย 12 คนั
150 เมอ่ื พจิ ารณาแผนภาพตน ไมและวธิ กี ารของผลคณู คารท ีเซียนแลว พบวา สามารถหาจาํ นวนวิธี หรือจาํ นวนรูปแบบในการทาํ งานไดเชนเดยี วกนั จากหลกั การของทัง้ สองวธิ ี จึงสามารถนาํ มาสรา งเปน กฎเบอื้ งตน เกี่ยวกบั การหาจาํ นวนวธิ ีในการทาํ งานอยา งใดอยางหน่งึ ได โดยสรุปเปน กฎไดด งั น้ี สรุปข้นั ตอนในการใชกฎการนบั แกโ จทยป ญ หา 1. พจิ ารณาวา งานหรือเหตุการณท ่โี จทยก าํ หนดมานั้นคอื อะไร จดั แบง ออกเปนกีข่ นั้ ตอนทีต่ อเน่อื งกนั 2. พิจารณาเงอื่ นไขตา ง ๆ ทีก่ าํ หนดมาในแตละข้ันตอน บนั ทึกไว 3. หาจาํ นวนวิธีท่ีสามารเลือกทํางานไดใ นแตละขน้ั โดยตอ งเรมิ่ จากขน้ั ทีม่ เี งอ่ื นไขมากทส่ี ุดกอนแลวจงึ พิจารณาขนั้ อื่น ๆ ที่มีเงือ่ นไขรองลงมา ตามความสําคัญ 4. นาํ จํานวนวธิ ีทไ่ี ดใ นแตละขนั้ ตอนคณู กัน จะไดจํานวนรปู แบบหรอื จํานวนวิธที ีอ่ าจเกิดขนึ้ ไดท งั้ หมด ตวั อยางท่ี 4 ในการเลอื กตัง้ กรรมการชดุ หนึ่งจะประกอบไปดวย ประธาน รองประธาน เหรัญญกิ และ เลขา โดยกรรมการแตละคนจะดาํ รงตําแหนงไดเ พยี งตาํ แหนง เดยี วเทา นนั้ ถา มีผสู มคั รทั้งหมด 6 คน เปนชาย 2 คน เปน หญิง 4 คน ผลการเลอื กตัง้ กรรมการชุดนีจ้ ะมีไดท้งั หมดกี่แบบตางกนั โดยที่ 1. ไมม เี งื่อนไขเพม่ิ เติม 2. กาํ หนดใหป ระธานเปนชาย และเลขาตอ งเปนหญงิ 3. กรรมการตองเปน หญิงลว น ๆ วิธที ํา มผี ูส มคั ร 6 คน เปนชาย 2 คน เปนหญงิ 4 คน ใหเลอื กกรรมการ 4 ตาํ แหนง ประธาน รอง ประธาน เหรญั ญกิ เลขา 1) ไมม ีเงื่อนไขเพ่มิ เตมิ แตละคนเปนไดต าํ แหนงเดียว ตาํ แหนงประธาน เลอื กได 6 วิธี ตาํ แหนงรองประธาน เลือกได 5 วิธี ตาํ แหนง เหรัญญิก เลือกได 4 วิธี ตําแหนง เลขา เลือกได 3 วิธี ดงั น้นั จํานวนวธิ ใี นการเลอื กกรรมการมี = 6 × 5 × 4 × 3 = 360 วธิ ี 2) กาํ หนดประธานเปนชาย และเลขาตองเปนหญิง ตําแหนง ประธานเปนชาย เลือกได 2 วธิ ี ตาํ แหนงเลขาทเ่ี ปน หญงิ เลือกได 4 วธิ ี ตาํ แหนง เหรัญญิก (คนที่เหลือ) เลอื กได 4 วิธี ตาํ แหนง รองประธาน เลือกได 3 วธิ ี (คนท่เี หลือสุดทา ย ) ดงั นั้น จาํ นวนวิธใี นการเลอื กกรรมการมี = 2 × 4 × 3 × 4 = 96 วธิ ี
151 3) กรรมการตอ งเปนผูห ญงิ ลวน ๆ ตาํ แหนง ประธานเปนชาย เลือกได 2 วธิ ี ตาํ แหนง เลขาเปนหญงิ เลือกได 4 วธิ ี ตําแหนงรองประธาน เลอื กได 4 วิธี ( เฉพาะหญิงทีเ่ หลอื ) ตําแหนง เหรญั ญกิ เลือกได 3 วิธี ( เฉพาะหญงิ ที่เหลือ ) ดังนั้น จํานวนวธิ ใี นการเลือกกรรมการมี = 2 × 4 × 3 × 4 = 96 วธิ ี ตัวอยา งที่ 5 จากอกั ษรในคําวา “ PHYSIC” นํามาสรางคาํ ใหมประกอบดว ย 3 อกั ษร ตา งกัน ( ไมสนใจความหมายของคําเหลา นน้ั ) โดยที่ 1. ไมมเี งอ่ื นไขเพมิ่ เตมิ 2. ตอ งเปน พยญั ชนะท้ังหมด วธิ ที าํ อกั ษรในคาํ วา PHYSIC เปนสระ 1 ตวั และพยญั ชนะ 5 ตวั รวมทง้ั หมด 6 ตัวอักษร อักษรตวั ท่ี 1 2 3 1. สรา งคําประกอบดว ย 3 ตวั อกั ษร สรา งได = 6 × 5 × 4 = 120 วธิ ี 2. มเี ง่ือนไขวา ตอ งเปน พยญั ชนะทง้ั หมด สรางได = 5 × 4 × 3 = 60 วธิ ี ตัวอยางท่ี 6 หอ งประชุมแหง หนงึ่ มี 3 ประตู จงหาวธิ ใี นการเดนิ เขา - ออกหอ งประชมุ โดยมีเงอ่ื นไขตา งกนั ดังน้ี 1. จาํ นวนวิธใี นการเดนิ เขา 2. จาํ นวนวธิ ใี นการเดนิ เขา - ออก 3. จาํ นวนวิธีในการเดนิ เขา - ออก โดยไมซาํ้ ประตูกนั 4. จาํ นวนวธิ ีในการเดนิ เขา - ออก โดยใชประตูเดิม วธิ ีทาํ ประตหู อ งประชุมมี 3 ประตู หมายเลข 1 2 และ 3 การเดนิ เขา ออก 1. จาํ นวนวธิ ีเดนิ เขาหองประชมุ = 3 วิธี 2. จํานวนวธิ ีการเดนิ เขา - ออก =3 ×3 = 9 วธิ ี ( ใชป ระตูซ้ําได) 3. จํานวนวิธกี ารเดนิ เขา - ออก โดยไมซ้ําประตกู นั = 3 × 2 = 6 วธิ ี
152 4. จํานวนวิธีการเดนิ เขา - ออก โดยใชป ระตเู ดมิ = 3 × 1 = 3 วิธี ตัวอยางท่ี 7 ครมู ีหนงั สอื 5 เลมแตกตา งกนั ตอ งการแจกใหน กั เรยี น 4 คน จงหาจํานวนวีธแี จกหนงั สอื โดยท่ี 1. ไมมีเงื่อนไขเพ่มิ เติม 2. ไมมใี ครไดห นังสอื เกิน 1 เลม วธิ ีทํา การแจกหนงั สือตองพิจารณาการแจกทีละเลม หนงั สอื เลมที่ 1 2 3 4 1. ไมม เี งอื่ นไข (แจกซ้ําได ) ดังนนั้ แจกได = 5 × 5 × 5 × 5 = 625 วิธี 2. ไมมีใครไดเ กนิ 1 เลม แปลวา ไมมใี ครไดซ ้าํ ไดแ ลวจะไมแ จกใหอกี ดงั นน้ั จะมีวธิ แี จกหนงั สอื = 5 × 4 × 3 ×2 = 120 วิธี
153 แบบฝก หดั ที่ 1 1. โยนเหรยี ญ 1 เหรยี ญ 3 ครง้ั จงหาจาํ นวนทเ่ี หรียญจะขึ้นหนา ตางๆ โดยวธิ เี ขียนแผนภมู ติ น ไม 2. ในการทดสอบวชิ าคณิตศาสตร ประกอบดว ย โจทยแ บบปรนัย 4 ตัวเลือก จํานวน 5 ขอ โจทยแตล ะขอ มคี ําตอบทถี่ กู ตองเพยี งหนง่ึ ตวั เลอื กเทา น้ัน แลวจํานวนวิธกี ารตอบคาํ ถามที่เปน ไปได ท้งั หมดมกี ีว่ ิธี 3. มนี ักเรยี น 5 คน ยนื เขา แถวเพอื่ ซือ้ อาหารกลางวันของรานหนง่ึ จงหาวา จํานวนวิธีท่ียืนเขา แถวท่ี แตกตางกนั มีทัง้ หมดกี่วธิ ี 4. มีชาย 6 คน หญงิ 5 คน ตอ งการจดั คแู ขง ขนั ระหวา งชาย 1 คน หญิง 1 คนในการแขง ขนั กฬี า เทนนสิ มีจํานวนท้ังหมดกวี่ ิธี 5. เพอ่ื น 3 คน นกั กนั ไปรับประทานอาหารเย็นท่ภี ัตตาคารและ ซ้อื ของทหี่ า งสรรพสนิ คา โดยเลอื กท่ี จะไปรบั ประทานอาหารและซอื้ ของ ซ่ึงมีภตั ตาคาร 5 แหง และมีหา งสรรพสนิ คา 4 แหง ท้ังสาม คนนจี้ ะมีวิธเี ลอื กกระทาํ ดังกลาวไดท ัง้ หมดกี่วธิ ี 6. บรษิ ทั แหง หน่ึงเปด รับสมัครพนกั งานเขา ทํางาน โดยพจิ ารณาจากเง่ือนไขคอื เพศชาย หญงิ ระดบั อายุ มี 6 ระดับ และมีสาขาวิชาชีพ 10 ประเภท แลว บริษทั นจ้ี ะมวี ิธกี ารจําแนกผูสมคั รไดท้งั หมดกว่ี ิธี 7. จากการสัมภาษณรับคนเขา ทํางานจํานวน 8 คน จะมวี ธิ จี ะคัดเลือกไดพนกั งานหน่งึ คนจากผเู ขา สัมภาษณท ้งั หมด 8. จงเขียนแผนภาพตนไมเ พอ่ื แสดงผลทีเ่ กดิ ขน้ึ จากการโยนเหรยี ญ 1 เหรยี ญ 4 ครงั้ จงหาจาํ นวนวิธีที่ แตกตา งกนั ในการโยนเหรยี ญครง้ั น้ี โดยที่ 1. ไมม หี นาหัวเลย 2. มหี นาหัวเพียง 1 คร้งั 3. มหี นา ทงั้ 2 ครง้ั 4. มีหนาหวั เพียง 3 ครง้ั 5. มีหนา หวั 4 คร้ัง
154 2. ความนาจะเปนของเหตุการณ ในชีวิตประจําวันมักพบกับการคาดคะเน หรือการประมาณเหตุการณ หรือโอกาส เพ่ือใชในการ ตัดสนิ ใจ โอกาสที่เหตุการณนัน้ จะเกดิ ไดม ีมากนอยเพียงใด ขึ้นอยูกับอัตราสวนระหวางจํานวนสมาชิก ของเหตกุ ารณน้ัน กบั จาํ นวนคร้ังของการทาํ งานผูเ รยี นจึงตอ งทราบ และทาํ ความเขา ใจ กบั คาํ เหลา น้ี 1. การทดลองสุม (Random Experiment) คอื การทดลองทไี่ มส ามารถระบผุ ลลัพธไดอยางแนนอน แต บอกไดว าผลลัพธข องการทดลองนนั้ มีโอกาสเกิดอะไรข้ึนไดบาง ตัวอยางที่ 1 การทดลองโยนลูกเตา 1 ลูก 1 ครั้ง แตมที่จะเกิดขึ้นได คือ แตม 1, 2, 3, 4, 5 หรือ 6 ซึ่งไมส ามารถบอกไดวา จะเปน แตมอะไรใน 6 แตม นี้ ดังน้ันผลลัพธทง้ั หมดที่จะเกดิ ขึ้นคือแตม 1, 2, 3, 4, 5, 6 ตวั อยา งท่ี 2 การหยิบลกู ปงปอง 1 ลูก จากกลอ ง ซงึ่ มี 5 ลกู 5 สี ลูกปง ปองท่ีหยบิ ไดอ าจจะเปน ลูกปง ปอง สีขาว ฟา แดง เขียว หรือสม ดงั นนั้ ผลลัพธทงั้ หมดท่ีจะเกดิ ขึน้ คอื ลกู ปงปองสีขาว ฟา แดง เขียว หรือสม ตวั อยางที่ 3 จงเขยี นผลที่อาจจะเกดิ ข้นึ ไดท ้งั หมดในการโยนเหรยี ญบาท 1 เหรยี ญ และเหรยี ญหาสบิ สตางค 1 เหรยี ญ วิธีทาํ ในการโยนเหรยี ญบาท 1 เหรียญ ผลทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ คอื หัวหรอื กอย ถา ให H แทน หัว และ ให T แทน กอย ในการหาผลทีอ่ าจเกิดขึน้ ไดทง้ั หมดจากการโยนเหรยี ญบาทและเหรยี ญหา สิบสตางคอยา งละ 1 เหรยี ญ อาจใชแ ผนภาพชว ยไดด งั นี้
155 ฉะน้นั ถาเราใชค ูอนั ดับเขียนผลทั้งหมดที่อาจเกิดขน้ึ ไดโ ดยใหส มาชิกตวั หนึง่ ของคอู ันดับแทนผล ทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ จากเหรยี ญบาท สมาชิกตัวทส่ี องของคอู นั ดับแทนผลท่ีอาจเกิดขนึ้ จากเหรยี ญหา สบิ สตางค จะได ผลทง้ั หมดทอี่ าจจะเกดิ ขึน้ ได คอื (H, H), (H, T), (T, H) และ (T, T) 2. แซมเปลสเปซ (Sample Space ) เปนเซตที่มสี มาชกิ ประกอบดวยสิง่ ทีต่ อ งการ ท้งั หมด จากการ ทดลองอยา งใดอยางหน่ึง ( บางครง้ั เรยี กวา Universal Set ) เขียนแทนดวย S เชน ตัวอยางท่ี 4 ในการโยนลกู เตา ถาตองการดวู า หนา อะไรจะขนึ้ มาจะได ผลลัพธท่ีอาจจะเกดิ ขนึ้ ไดค อื ลกู เตา ขน้ึ แตม 1 หรือ 2 หรือ 3 หรือ 4 หรอื 5 หรอื 6 ดังนน้ั แซมเปลสเปซทีไ่ ด คอื S = 1, 2, 3, 4, 5, 6 ตวั อยางท่ี 5 จากการทดลองสุมโดยการทดลองทอดลกู เตา 2 ลกู 1. จงหาแซมเปล สเปซของแตมของลกู เตา ทีห่ งายขึน้ วิธีทํา 1. เนือ่ งจากโจทยสนใจแตม ของลูกเตาที่หงายขน้ึ ดงั นนั้ เราตอ งเขียนแตมของลกู เตา ท่ีมีโอกาส ทีจ่ ะหงายขึ้นมาท้งั หมด และเพ่อื ความสะดวกให (a , b) แทนผลลพั ธที่อาจจะเกดิ ขึน้ โดยที่ a แทนแตม ท่ีหงายขน้ึ ของลกู เตาลกู แรก b แทนแตม ทีห่ งายขึน้ ของลูกเตา ลกู ที่สอง ดงั น้นั แซมเปลสเปซของการทดลองสมุ คือ S = {(1,1),(1,2),(1,3),(1,4),(1,5),(1,6), (2,1),(2,2),(2,3),(2,4),(2,5),(2,6), (3,1),(3,2),(3,3),(3,4),(3,5),(3,6), (4,1),(4,2),(4,3),(4,4),(4,5),(4,6), (5,1),(5,2),(5,3),(5,4),(5,5),(5,6), (6,1),(6,2),(6,3),(6,4),(6,5),(6,6)}
156 3. เหตุการณ (event) คอื เซตที่เปน สบั เซตของ Sample Space หรือเหตุการณท ี่เราสนใจ จากการทดลองสุม ตวั อยางท่ี 7 ในการโยนลูกเตา 1 ลูก 1 ครงั้ ถา ผลลพั ธท ี่สนใจคอื จาํ นวนแตม ทีไ่ ด จะได S = {1, 2, 3, 4, 5, 6} ถาให E1 เปน เหตุการณท ่ไี ดแ ตมซง่ึ หารดว ย 3 ลงตวั จะได E1 = {3, 6} E2 เปน เหตกุ ารณทไ่ี ดแ ตมมากกวา 2 จะได E2 = {3, 4, 5, 6} ตวั อยางท่ี 8 ถุงใบหนงึ่ มีลกู บอลสขี าว 3 ลกู สแี ดง 2 ลูก หยบิ ลกู บอลออกจากถงุ 2 ลูก จงหา 1. แซมเปลสเปซของสขี องลูกบอล และเหตกุ ารณทีจ่ ะไดล กู บอลสีขาว 2. แซมเปลสเปซของลกู บอลที่หยบิ มาได และเหตกุ ารณทจี่ ะไดลูกบอลเปนสีขาว 1 ลกู สีแดง 1 ลกู วิธที ํา 1. เนือ่ งจากเราสนใจเก่ยี วกบั สขี องลกู บอล และลูกบอลมีอยสู องสคี ือสขี าวและสีแดง ดงั นั้น แซมเปล สเปซ S = {ขาว, แดง} สมมติให B เปน เหตกุ ารณท จี่ ะไดลกู บอลสขี าว ดงั นน้ั B = {ขาว} 2. เน่อื งจากเราสนใจแซมเปลสเปซของลกู บอลแตล ะลูกท่ีถูกหยิบข้ึนมา ดงั นั้นแซมเปล สเปซ S คือ S = {ข1ข2,ข1ข3,ข1ด1,ข1ด2,ข2ด3,ข2ด1,ข2ด2,ข3ด1,ข3ด2,ด1ด2} ให C เปน เหตุการณทีผ่ ลลพั ธเปน ลกู บอลสขี าว 1 ลูก และ สีแดง 1 ลูก ดงั น้นั เหตกุ ารณ C คอื C = {ข1ด1,ข1ด2,ข2ด1,ข2ด2,ข3ด1,ข3ด2} หมายเหตุ ข แทน ขาว และ ด แทน แดง ตัวอยางที่ 10 โยนเหรียญบาท 1 เหรียญ 2 คร้ัง จงหาผลลัพธของเหตุการณท จี่ ะออกหัวอยา งนอ ย 1 ครัง้ การหาผลลัพธท้ังหมดที่อาจจะเกดิ ขน้ึ จากการโยนเหรยี ญบาท 1 เหรียญ 2 ครงั้ โดยใชแผนภาพตน ไม ดงั นี้
157 ผลลพั ธทั้งหมดท่อี าจจะเกิดข้นึ จากการทดลองสมุ มี 4 แบบ คือ HH, HT, TH และ TT นั่นคือผลลพั ธข อง เหตกุ ารณท จี่ ะออกหัวอยางนอย 1 คร้งั มี 3 แบบ คือ HH, HT และ TH 4. ความนา จะเปน ของเหตุการณ ความนาจะเปน ของเหตกุ ารณ คือ จํานวนท่แี สดงใหท ราบวา เหตุการณใ ดเหตกุ ารณห นงึ่ มโี อกาส เกดิ ขนึ้ มากหรอื นอยเพียงใด ความนาจะเปน ของเหตกุ ารณใ ด ๆ เทา กับอตั ราสว นของจํานวนเหตุการณท่ีเราสนใจ (จะใหเกิดขน้ึ หรอื ไมเกดิ ขึน้ กไ็ ด) ตอ จํานวนผลลัพธท ั้งหมดทีอ่ าจจะเกดิ ขึ้นได ซ่งึ มสี ูตรในการคดิ คํานวณดงั น้ี ความนาจะเปน ของเหตกุ ารณ = จํานวนผลลัพธของเหตุการณท่เี ราสนใจ จาํ นวนผลลพั ธท ั้งหมดท่ีอาจจะเกิดขนึ้ ได เมอื่ ผลทง้ั หมดทีอ่ าจจะเกิดขน้ึ จากทดลองสุมแตละตวั มโี อกาสเกดิ ขนึ้ ไดเ ทา ๆ กนั กําหนดให E แทน เหตุการณท ี่เราสนใจ P(E) แทน ความนา จะเปน ของเหตกุ ารณ n(E) แทน จาํ นวนสมาชกิ ของเหตกุ ารณ n(S) แทน จาํ นวนสมาชิกของผลลัพธทง้ั หมดทอี่ าจจะเกดิ ขึน้ ได ดงั นัน้ P( E ) = n(E) n(S) ตวั อยางท่ี 1 มลี กู ปงปอง 4 ลูก เขยี นหมายเลขกํากับไวด งั น้ีคอื 0, 1, 2, 3 ถาสุมหยิบมา 2 ลกู จงหาความ นาจะเปน ที่จะไดผลรวมของตวั เลขมากกวา 3 วิธีทํา ให S เปน แซมเปลสเปซ S = {(0, 1),(0, 2),(0, 3),(1, 2),(1, 3),(2, 3) } จะได n(S) = 6 E เปนเหตุการณห รือส่งิ ที่โจทยอ ยากทราบ E = {(1, 3),(2, 3)} จะได n (E) = 2 nE นน่ั คอื จากสูตรขางบนคอื p(E) nS แทนคา ได PE 2 1 63 ความนาจะเปนทีจ่ ะไดผลรวมของตวั เลขมากกวา 3 เทา กบั 1 3
158 ขอ สงั เกต 1. สมาชกิ ทกุ ตวั ในเหตกุ ารณ E ตองเปนสมาชกิ ในอยูใ นแซมเปล สเปซ S ดังนน้ั 0 ≤ n(E)≤n(S) 2. ถา E เปนเหตกุ ารณใด ๆ ในแซมเปล สเปซ S จะไดว า 2.1 0≤P(E)≤1 2.2 ถา P(E)=1 หมายถงึ เหตกุ ารณน นั้ ตอ งเกิดขน้ึ แนนอน ถา P(E)=0 หมายถงึ เหตกุ ารณน น้ั ตองไมเ กดิ 2.3 ถา S เปน แซมเปล สเปซ จะไดว า P(S)=1
159 แบบฝก หัดที่ 2 1. จากการทดลองสุมตอ ไปนี้ จงเขยี นแซมเปลสเปซและเหตุการณที่สนใจในการทดลองนน้ั ๆ (1) ไดหวั สองเหรยี ญจากการโยนเหรยี ญสองอนั หน่งึ ครั้ง (2) ไดผลรวมของแตมบนหนา ลูกเตาทั้งสองเปน 2 หรอื 6 จากการโยนลกู เตา สองลูกหนงึ่ ครั้ง (3) หยบิ ไดส ลากหมายเลข 5 หรือ 6 หรอื 7 หรือ 8 จากสลาก 10 ใบซึ่งเขียนหมายเลข 1 ถึง 10 กํากับไว (4) ไดนกั เรยี นท่ถี นดั มือซา ยในหองเรียนท่ที า นเรยี นอยู (5) ไดส ลากทีม่ ีรางวลั จากการจบั สลากท่ปี ระกอบดวยสลากทมี่ รี างวลั 3 ใบ และไมม ี รางวัล 7 ใบ (6) ไดค ําตอบจากครอบครวั 3 ครอบครวั วามจี ักรเย็บผาใชทง้ั สามครอบครวั (7) ไดลกู บอลสขี าว 2 ลูก สีดํา 1 ลูก ในการหยิบลูกบอล 3 ลูก จากกลอ งซ่ึงบรรจลุ ูกบอลสี ขาว 3 ลกู และสีดาํ 2 ลกู (8) ไดแตมท่ีเหมือนกนั หรือไดแ ตม 2 จากลูกเตาลูกใดลกู หน่งึ ในการทอดลกู เตาพรอมกนั สองลกู (9) ไดหวั และแตม ท่มี ากกวา 4 จากการโยนเหรยี ญหนง่ึ เหรียญและทอดลกู เตา หน่ึงลกู หนึง่ ครงั้ (10) ไดสีท่ีชอบคอื สฟี า หรือสชี มพจู ากการสอบถามนางสาวสุชาดาถงึ สขี องกระดาษ เชด็ หนาที่ชอบสองสีจากสีท้ังหมด 5 สี คอื ขาว ฟา ชมพู เขยี ว และเหลอื ง 1. ถา S = {0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 } 1 = { 0, 2, 4, 6, 8 } 2 = {1, 3 ,5 ,7 ,9 } 3 ={ 2, 3, 4, 5 } และ 4 = { 1, 6, 7 } จงหาสมาชิกของ S ที่อยใู นเหตกุ ารณต อไปน้ี (1) 1 3 (2) 1 2 (3) 3 (4) 3 4) 2 (5) S 3 (6) 1 2) 3
160 2. จากเหตุการณ 1 , 2 , 3 ในขอ 2 จงเขียนแผนภาพของเวนน – ออยเลอรแสดงเหตุการณต อ ไปน้ี (1) 1 2 (3) 1 3) 2 (2) 1 2) (4) 1 2) 3 3. ในการสํารวจอายขุ องผูป ว ยแผนกเดก็ (อายไุ มเกนิ 15 ป ) ของโรงพยาบาลแหงหนึ่ง ถา 1 เปนเหตกุ ารณที่ผูปว ยมีอายตุ งั้ แต 1 ถงึ 9 ป 2 เปน เหตกุ ารณที่ผปู ว ยมีอายุนอยกวา 5 ป และ 3 เปนเหตกุ ารณท ่ีผูปว ยมอี ายุมากกวา 9 ป จงหา (1) 1 2 (3) 1 3 2 (2) 1 2 (4) 2 3 4 ในการจับสลาก 1 ใบ จากสลาก 10 ใบ ซง่ึ มเี ลข 0 ถึง 9 กํากบั อยู ถาสนใจเลขทเ่ี ขยี นกํากบั ไวใ นสลากใบ ท่จี บั ได โดยให1 เปน เหตุการณที่เลขทีเ่ ขียนกาํ กับไวเ ปน จาํ นวนคู 2 เปน เหตกุ ารณท่เี ลขทเ่ี ขยี นกํากบั ไวเปน จาํ นวนคี่ 3 เปนเหตุการณทเ่ี ลขทเ่ี ขียนกาํ กบั ไวเปนจํานวนเฉพาะ 4 เปน เหตกุ ารณท เี่ ลขทีเ่ ขียนกาํ กับไวเ ปนจํานวนท่ีหารดวย 3 ลงตัว จงเขยี นเหตกุ ารณต อไปนีใ้ นรูป 1 , 2 , 3 หรือ 4 พรอมทั้งแจกแจงสมาชิกเมือ่ (1) เลขทเ่ี ขียนกํากับไวเ ปน จํานวนคูห รือค่หี รอื จํานวนเฉพาะ (2) เลขทีเ่ ขียนกาํ กบั ไวเ ปน จํานวนเฉพาะทีห่ ารดว ย 3 ลงตวั (3) เลขทีเ่ ขียนกํากับไวไ มเปน จํานวนคี่ และไมเ ปนจํานวนที่หารดว ย 3 ลงตัว (4) เลขที่เขียนกํากับไวเ ปน จาํ นวนคูท่เี ปน จํานวนเฉพาะ
161 4. การนาํ ความนาจะเปน ไปใช การนาํ ความนาจะเปนไปใช ตองการใหผทู ่ศี กึ ษาทราบวาเหตกุ ารณต างๆน้ันมีโอกาสจะเกิดขึ้น มาก หรือนอยเพียงใด เพ่ือชวยในการประกอบการตดั สินใจ เชน ตวั อยางท่ี 1 ไพส ํารบั หนึ่งมี 52 ใบ แบง เปน 2 สี 4 ชนิด คือ สีแดง ไดแ กโ พแดงกับขา วหลามตดั สีดํา ไดแ ก โพดาํ กบั ดอกจกิ แตละชนิดมี 13 ใบ จงหาความนา จะเปน ท่หี ยบิ มา 1 ใบแลวไดโ พดําหรือสี แดง วิธที ํา S = ไพทั้งหมดมี 52 ใบ หยบิ มาทลี ะ 1 ใบจะได 52 วธิ ี ดังนั้น n(S) = 52 E = ไพโพดํามี 13 ใบ และไพส ีแดงมี 26 ใบ ดังน้นั n(E) = 13 + 26 = 39 nE จากสูตร p(E) nS แทนคา ได PE 39 3 52 4 ความนาจะเปนทีห่ ยบิ ไพ 1 ใบแลว ไดโพดําหรอื สีแดง เทา กบั 3 4 สรปุ ไดว า ไพ 1 ใบ แลวไดไ พโพดํา หรือโพแดงมีโอกาสเกิดขนึ้ 75 % ถือวา มโี อกาสเปนไปไดส ูง ตัวอยา งที่ 2 ในการหยิบสลาก 1 ใบจากสลาก 10 ใบ ซ่ึงมเี ลข 0 - 9 กํากบั อยู จงหาความนา จะเปน ท่จี ะ หยิบไดเปน จาํ นวนเฉพาะสลากมีเลข 2 เลข 3 เลข 5 เลข 7 วิธีทาํ S = สลากมี 10 ใบ หยิบมาทีละ 1 ใบ จึงหยิบได 10 วธิ ี S = {0,1,2,3,4,5,6,7,8,9,} n(S)=10 E = สลากทเี่ ปน จํานวนเฉพาะ E ={2,3,5,7,} n(E)=4 nE nS จากสตู ร p(E) แทนคาได PE 4 2 10 5 ความนา จะเปน ทจี่ ะหยิบไดเ ปน จํานวนจาํ เพาะ เทา กบั 2 5 สรุปไดวา ความนา จะเปน ทจี่ ะหยิบไดเ ปน จาํ นวนจําเพาะ มีโอกาสเกดิ ขนึ้ 40 % ถือวามีโอกาส เกดิ ขน้ึ นอ ย
162 ตวั อยา งที่ 3 ในการทอดลกู เตา 2 ลูก พรอ มกนั 1 คร้ัง จงหาโอกาสท่ผี ลรวมของแตม เปน 13 วธิ ที ํา ลูกเตา 2 ลกู จะมผี ลรวมสูงสดุ คอื 6 + 6 = 12 โจทยต องการทราบผลรวมของแตมทจี่ ะเปน 13 จงึ เปน เหตุการณทเ่ี ปน ไปไมไ ด โอกาสทผี่ ลรวมของแตมเปน 13 เทา กับ 0 สรุปไดวา โอกาสที่จะทอดลกู เตา 2 ลกู แลว ผลรวมของแตม เปน 13 นั้น ไมม โี อกาสเกิดขนึ้ เลย
163 แบบฝกหดั ท่ี 3 1. ในการโยนลกู เตา 1 ลกู 1 ครง้ั จงหาความนาจะเปนของเหตุการณ และสรุปถงึ โอกาสทจี่ ะเกดิ ข้นึ วา มมี ากหรอื นอยเพยี งใด 1) ไดแ ตม 4 2) ไดแ ตม คู 3) ไดแตม มากกวา 4 4) ไดแ ตม นอยกวา 7 5) ไดแตม มากกวา 0 6) ไดแตมมากกวา 6 หรอื เปน แตมค่ี 7) ไดแตมมากกวา 3 และเปนแตม ค่ี ............................................................................................ ................................................................ .................................................................................................... ........................................................ 2. ทอดลูกเตา 2 ลกู สองครัง้ ความนาจะเปนทจี่ ะไดแตมรวมเปน 7 ในครง้ั แรกและไดแตม รวมเปน 10 ในครัง้ ท่ี 2 เทา กบั เทาใด .................................................................................................... ........................................................ .................................................................................................... ........................................................ 3. ชางกอสรา งกลมุ หนึง่ มี 10 คน ประกอบดว ย ชา งปนู 6 คน และชางไม 4 คน ถาตองการเลอื กชาง 7 คน จากกลมุ นี้ ความนา จะเปนทจ่ี ะไดช างปนู 4 คน และชา งไม 3 คน เทา กบั เทาใด .................................................................................................... ........................................................ ..................................................................................................... ....................................................... 4. กลอ งใบหนง่ึ บรรจหุ ลอดไฟสแี ดง 6 หลอดซึ่งเปนหลอดดี 4 หลอดและหลอดไฟสนี ํ้าเงิน 4 หลอด ซึ่งเปนหลอดดี 2 หลอด ในการสุม หยิบหลอดไฟครัง้ ละ 1 หลอด 2 ครง้ั แบบไมใสค ืน ความนาจะ เปน ที่จะไดห ลอดไฟสีเดียวกนั และเปน หลอดดีทงั้ สองครงั้ มคี าเทา กบั เทาใด ............................................................................................... ............................................................. .................................................................................................... ........................................................ ....................................................................................................................................... ..................... 5. กลอ งใบหนง่ึ มลี ูกบอลสแี ดง 3 ลูก และสขี าวจาํ นวนหน่งึ โดยท่ีจาํ นวนวิธีการหยิบลกู บอล 2 ลูก เปนลูกบอลสเี หมือนกัน เทา กับ 9 ถาสุม หยบิ ลูกบอลพรอ มพนั 2 ลกู แลว ความนา จะเปนทจี่ ะไดลูก บอลสขี าวท้งั 2 ลูกเทากบั เทาใด .................................................................................................... ........................................................ ........................................................................................................ .................................................... .................................................................................................... ........................................................
164 บทท่ี 9 การใชท กั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตรใ นงานอาชีพ สาระสําคัญ การประกอบอาชีพในสงั คมและในกลุมประชาคมอาเซียนน้นั มหี ลากหลายสาขาอาชีพท้งั ในดาน อตุ สาหกรรม เกษตรกรรม พณิชยกรรม ความคดิ สรา งสรรค และการบรหิ ารจดั การ อาชพี ในวงการ ดงั กลาวลวนมกี ารใชท กั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตรเขา ไปเกย่ี วของเกือบทุกกลมุ อาชีพ ซงึ่ ผเู รยี น สามารถนําความรแู ละทกั ษะท่ีไดเ รยี นคณิตศาสตรใ นระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายมาประยกุ ตใ ช ผลการเรยี นรูท ่คี าดหวัง 1. สามารถวเิ คราะหง านอาชีพในสังคมและกลุม ประชาคมอาเซยี นทีใ่ ชทักษะทางคณิตศาสตร 2. มีความสามารถในการเชือ่ มโยงความรตู าง ๆ ทางคณิตศาสตรก ับงานอาชีพได ขอบขายเนื้อหา ลกั ษณะ ประเภทของงานอาชพี ที่ใชทกั ษะทางคณติ ศาสตร เรือ่ งท่ี 1 การนาํ ความรูท างคณติ ศาสตรไ ปเชือ่ มโยงกับงานอาชพี ในสงั คมและ เร่ืองที่ 2 ประชาคมอาเซียน
165 เรือ่ งท่ี 1 ลักษณะ ประเภทของงานอาชีพทใี่ ชท กั ษะทางคณติ ศาสตร 1.1 กลมุ อาชพี เกษตรกรรม ไดแ ก อาชพี การทํานา ทาํ ไร การปลกู ผัก การเล้ียงสัตว ประมง ฯลฯ (1) ลกั ษณะงานเบอ้ื งตน ทใ่ี ชท ักษะทางคณติ ศาสตร 1. การสํารวจของตลาดทีจ่ ะปลกู พชื เกษตรกรรม 2. การเตรยี มพนื้ ท่ดี ิน ซึ่งขน้ึ อยูกบั ความกวา ง ความยาวของพืน้ ทว่ี า ผูประกอบการใชพ ้ืนทกี่ ไ่ี ร ก่งี าน กีต่ ารางวา ในการทําแปลง ขดุ รอง เพอื่ ใชเ ปน พน้ื ที่นา 1 สว น พนื้ ทปี่ ลูกผกั 1 สว น บอนํ้า 1 สว น การเล้ียงสตั ว 1 สว น พน้ื ทอ่ี ยอู าศยั 1 สวน เปนตน 3. การเตรียมเมลด็ พนั ธขุ า ว ผกั และพืชพันธอุ ่นื ๆ 4. การเตรยี มปยุ วาใชข นาดกก่ี โิ ลกรมั ตอไร 5. การรดนา้ํ พรวนดิน ซ่งึ ตองกําหนดวา รดนาํ้ วนั ละ 2 ครงั้ ในปรมิ าณมากนอย เทาไร 6. การฉดี ยาฆา แมลงโดยใชสารกาํ จดั ศตั รพู ืชทางชวี ภาพ เชน สะเดา และ สมุนไพรอืน่ ๆ เปนตน ใชค วามรเู รอื่ งอัตราสวน สัดสว น เพอ่ื ผสมยากาํ จดั ศัตรพู ืชกับนา้ํ กอ นฉดี พน 7. การเกบ็ เก่ียวผลผลติ ซึ่งตอ งใชท กั ษะการคาํ นวณระยะเวลาตั้งแตก ารปลกู จนถึงระยะการเก็บเก่ียวผลผลติ - การตรวจสอบความช้นื ของวัสดแุ ละสถานที่เก็บผลผลิต
166 - การคํานวณพน้ื ทใี่ นการเกบ็ รกั ษาผลผลติ 8. การจาํ หนายผลผลติ ซ่งึ ตองใชทกั ษะการจดั ทาํ บญั ชรี ับ – จาย การจดบนั ทึกจาํ นวนผลผลิตทไี่ ด 9. การคํานวณภาษเี งนิ ไดบคุ คลธรรมดา (2) เคร่ืองมอื และเทคโนโลยีทใ่ี ช 1. เครอ่ื งคิดเลข 2. สมดุ บันทึกรายรับ รายจายหรือคอมพิวเตอรโ นต บคุ 3. สมุดจดบนั ทกึ ระยะเวลาการเจรญิ เติบโตตงั้ แตก ารปลกู จนถึง การเกบ็ เก่ียวผลผลติ (3) ความรูทางคณติ ศาสตรท ่ีใช 1. การวดั ความยาว การหาพนื้ ท่ี 2. อัตราสวนในการผสมปุยตอความกวางความยาวของพื้นทด่ี ิน 3. การชง่ั ผลผลติ ทีไ่ ด 4. การกําหนดราคาขายตอกโิ ลกรัม 5. การบวก ลบ คูณ หาร เร่อื ง คา จางแรงงานและอ่นื ๆ 6. การทําบญั ชีรายรบั รายจา ยประจําวนั 7. การคํานวณภาษเี งนิ ไดบคุ คลธรรมดา 1.2 กลมุ อาชีพอุตสาหกรรม ไดแ ก อาชพี พนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมตางๆ ไดแ ก อุตสาหกรรม หองเย็น ถว ยชามอุปกรณเซรามคิ ผาขนหนู กระดาษและสิง่ พิมพ สแตนเลส เหลก็ พลาสตกิ ปนู ซีเมนต ฯลฯ
167 (1) ลกั ษณะงานเบอ้ื งตน ทใี่ ชทักษะคณิตศาสตร 1. การคาํ นวณเงนิ รายไดประจาํ วนั 2. การคํานวณเงนิ คา ทํางานลว งเวลา 3. การคาํ นวณเงนิ กแู ละดอกเบ้ยี คงทหี่ รือดอกเบย้ี ทบตน 4. การทําบัญชรี ายรับ – รายจายประจําวนั 5. การจดั ทําบญั ชพี ัสดุ (การจดั ซ้อื การเบกิ จา ยพสั ด)ุ 6. การสํารวจและวิจัยการตลาด 7. การคาํ นวณภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา (2) เครอ่ื งมอื และเทคโนโลยที ใี่ ช 1. เครื่องคดิ เลข 2. เครื่องคอมพวิ เตอร 3. เครอื่ งจกั รอุตสาหกรรมในแตละสาขาอตุ สาหกรรม 4. เคร่ืองบรรจภุ ณั ฑลงกลองหรือแพ็คเปนพลาสตกิ หอหมุ (3) ความรแู ละทกั ษะทางคณติ ศาสตรท่ใี ช 1. การคํานวณเงนิ รายไดป ระจําสัปดาห ประจาํ เดือนโดยหักวันลาหยุด 2. การคาํ นวณเงนิ คา ทาํ งานลว งเวลาเปนจํานวนช่ัวโมงตอคาจางรายชวั่ โมง 3. การคํานวณเงนิ กแู ละดอกเบีย้ (ดอกเบ้ียคงท,่ี ดอกเบี้ยทบตน ) 4. การทําบญั ชีรับ – จา ยประจาํ วนั 5. การคํานวณภาษเี งนิ ไดบคุ คลธรรมดา 1.3 กลมุ อาชพี พาณชิ ยกรรม ไดแก อาชพี คา ขาย ผูป ระกอบการรา นอาหารและเครอื่ งดื่ม ผปู ระกอบการขายปลีกและขายสง ธุรกจิ การซอื้ ขายอสังหารมิ ทรพั ย ธุรกิจการซือ้ ขายหนุ ในตลาด หลกั ทรัพย อาชีพการทําบญั ชี การตลาด เปน ตน
168 (1) ลกั ษณะงานเบอื้ งตน ทใ่ี ชทกั ษะคณิตศาสตร 1. การจัดเตรียมสถานที่ การคํานวณการจดั วางโตะ เกาอ้ี หรือวัสดุอปุ กรณใ น การขาย 2. การจดั ซอ้ื วตั ถดุ ิบในการคาขายปลกี หรือขายสง 3. การจาํ หนายสินคา การคาํ นวณราคาสินคา ตอหนวย การทอนเงิน 4. การจัดทําบญั ชีพสั ดุ (การจดั ซ้อื การเบิกจา ยพัสด)ุ 5. การจัดทาํ บัญชีรบั – จา ยประจาํ วัน 6. การฝากเงนิ การถอนเงนิ การออมเงนิ 7. การประชาสัมพนั ธใ นงานธรุ กิจคา ขายหรือพาณิชยกรรม ซง่ึ ตองใชท ักษะใน การคาํ นวณขนาดของปา ยโฆษณา ขนาดตวั อักษร ขนาดและจํานวนแผน พบั หรอื ใบปลวิ โฆษณา 8. การคํานวณภาษเี งนิ ไดบคุ คลธรรมดา (2) เครอื่ งมือและเทคโนโลยที ใ่ี ช 1. เคร่อื งคดิ เลข 2. เครื่องเก็บเงิน – ทอนเงนิ 3. เครือ่ งคอมพวิ เตอร 4. เครอ่ื งไมโครเวฟ 5. เครอ่ื งปน นํา้ ผลไม (3) ความรูและทกั ษะทางคณติ ศาสตรท ีใ่ ช 1. การคาํ นวณขนาดของพน้ื ท่ใี ชส อยเพอื่ จัดวาง โตะ เกาอ้หี รือวสั ดุ อปุ กรณในการขาย 2. การคาํ นวณปรมิ าณการจดั ซอ้ื วัตถุดบิ ในแตล ะวัน 3. การคํานวณในการจัดซือ้ พัสดุ 4. การจดั ทาํ บญั ชีรับ – จา ยประจาํ วัน 5. การคํานวณขนาดของปายโฆษณา ประชาสมั พนั ธหรอื แผน พับ แผนปลิวโฆษณา 6. การคํานวณภาษีเงนิ ไดบ คุ คลธรรมดา 1.4 กลมุ อาชีพดานความคดิ สรางสรรค ไดแ ก ธุรกจิ โฆษณา ธุรกิจการออกแบบตกแตงทอี่ ยอู าศัย สํานกั งานและสวนหยอม การจัดดอกไมแ ละแจกนั ประดับ ธรุ กจิ การทาํ พวงหรดี การจดั กระเชา ของขวญั เปนตน
169 (1) ลกั ษณะงานเบอ้ื งตน ทใ่ี ชทักษะคณติ ศาสตร 1. การจัดเตรียมขนาด ปรมิ าตร รปู ทรงของพนื้ ท่ีหรอื ช้ินงานในการจดั ทําธรุ กจิ ซึ่งตอ งใชการวดั ความกวาง ความยาว ความสงู ของพ้นื ทห่ี รือช้นิ งาน การออกแบบรูปทรงโดยใชร ปู เรขาคณติ สามมิติ 2. การคํานวณปริมาณของวัสดอุ ปุ กรณใ นการใชป ระดิษฐส รางสรรคชน้ิ งาน หรอื การจัดตกแตงสวนหยอ ม 3. การคาํ นวณเพอ่ื กําหนดราคาขายสนิ คา 4. การจดั ทําบัญชีพสั ดุ (การจดั ซ้ือ การเบิกจา ยพสั ด)ุ 5. การจดั ทําบญั ชีรบั – จาย ประจําวัน 6. การประชาสัมพันธใ นอาชพี ธุรกจิ ทกุ ประเภท ซงึ่ ตองใชท ักษะในการคํานวณ เปนพ้นื ฐานในการจัดทําแผนปา ยประชาสัมพันธห รือแผน พบั แผนปลิว 7. การคาํ นวณภาษเี งนิ ไดบคุ คลธรรมดา (2) เครื่องมือและเทคโนโลยีทใ่ี ช 1. เคร่ืองคิดเลข 2. เครอื่ งคอมพิวเตอร 3. โปรแกรมสําเร็จรปู ในการออกแบบสินคา (3) ความรแู ละทกั ษะทางคณิตศาสตรที่ใช 1. การคํานวณพน้ื ที่ผวิ ปรมิ าตรของพนื้ ทห่ี รือออกแบบรูปทรงทใี่ ชใน การทํางานอาชีพ 2. การคํานวณปรมิ าณของวสั ดุ อุปกรณท ่ีใชป ระดษิ ฐ สรา งสรรค ชิ้นงาน 3. การคาํ นวณตน ทุนและกาํ ไร เพ่ือกาํ หนดราคาขายสนิ คา 4. การจัดทําบัญชีพัสดุ (การจดั ซอื้ การเบกิ จา ยพสั ด)ุ 5. การจัดทําบัญชีรับ – จายประจําวนั 6. การคาํ นวณภาษีเงนิ ไดบ คุ คลธรรมดา
170 1.5 กลุมอาชีพบริหารจดั การและการบริการ ไดแ ก อาชพี กลุม งานบริการและการทองเท่ียว งานบริการรกั ษาความปลอดภัย บรกิ ารดูแลทารกและเดก็ บริการดแู ลผูสงู อายุ บริการสันทนาการและ การกฬี า เปน ตน (1) ลกั ษณะงานเบอื้ งตน ทใี่ ชท กั ษะคณติ ศาสตร 1. การสํารวจพน้ื ทใี่ นการใหบ รกิ าร การคํานวณระยะทางในการใหบรกิ าร 2. การจัดซอื้ วัสดุ อปุ กรณใ นการใหบ ริการ 3. การรบั สมคั รและกาํ หนดเงนิ เดือนตามตาํ แหนงงานของเจาหนาทใี่ น การใหบ รกิ าร 4. การจดั ทาํ ตารางเวลา การอยเู วร - ยามของเจาหนาทปี่ ระจาํ สํานักงาน 5. การจัดทํากาํ หนดการทอ งเท่ียวและการใหบริการ รวมทง้ั กําหนดราคาขาย บริการในแตล ะพืน้ ที่ 6. การคาํ นวณการใชนํา้ มนั เชอ้ื เพลิงของยานพาหนะท่ีใหบ ริการ 7. การจัดทําบัญชีพสั ดุ และการเบกิ จายพสั ดุ 8. การจัดทาํ บญั ชรี ับ – จายประจําวนั 9. การจดั ทาํ แผน ปายโฆษณา ประชาสมั พันธก ารใหบรกิ าร 10. การจดั ทาํ สรุปรายงานและการนําเสนอขอ มลู 11. การคํานวณภาษเี งนิ ไดบคุ คลธรรมดา (2) เครื่องมอื และเทคโนโลยที ใี่ ช 1. เครอ่ื งคดิ เลข 2. เคร่อื งคอมพวิ เตอร 3. เครื่องออกกาํ ลงั กาย 4. อุปกรณใ นการเตรียมอาหาร น้าํ ดมื่ นมแกท ารกเดก็ และผสู ูงอายุ 5. ยานพาหนะในการใหบ รกิ าร 6. แผนท่ขี องสถานทหี่ รือจดุ ที่ใหบรกิ าร
171 (3) ความรแู ละทกั ษะทางคณิตศาสตรท ่ีใช 1. การคาํ นวณพื้นท่ีและการวัดระยะทาง 2. การคาํ นวณปรมิ าณของวัสดุ อุปกรณท่จี ําเปน ตอ งจัดซ้ือ จัดหาเพ่อื ใหบรกิ าร 3. การคาํ นวณเงนิ เดอื นและกําหนดตําแหนง งานของเจา หนาท่ี 4. การจดั ทําตารางการปฏิบัติงาน 5. การคาํ นวณการใชเ ชื้อเพลิงรถยนตต อระยะทางทใ่ี หบ รกิ าร 6. การจัดทาํ บัญชีเบือ้ งตน 7. การใชส ถติ ใิ นการจดั ทาํ สรุปรายงานหรือนําเสนอขอ มูล 8. การคาํ นวณภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา เรอ่ื งท่ี 2 การนาํ ความรูทางคณติ ศาสตรไปเชอื่ มโยงกบั งานอาชพี ในสังคมและประชาคมอาเซยี น ในการนาํ ความรคู ณติ ศาสตรไ ปเช่ือมโยงกับงานอาชีพทงั้ 5 กลุมงานอาชีพท้งั กลมุ งานอาชพี เกษตรกรรม กลมุ งานอาชพี อุตสาหกรรม กลุมงานอาชพี พาณชิ ยกรรม กลุม งานอาชพี ความคดิ สรางสรรค และกลมุ งานอาชพี ดานบรหิ ารจดั การและบริการทต่ี องนําทกั ษะความรทู างคณติ ศาสตรม าใชทกุ กลมุ อาชีพ เชน การจดั ทําบญั ชีรายรับ – รายจายประจําวนั ประจาํ เดือน การคํานวณเงนิ คาจา ง การคํานวณ ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา เปน ตน กลุมอาชพี ทกุ กลมุ อาชีพอาจจะใชท กั ษะความรูคณติ ศาสตรตางกัน ออกไป ดังนั้น ในบทนจี้ ะนําเสนอตวั อยางทเี่ ปนทักษะทางคณติ ศาสตรทใี่ ชก นั มากเทานัน้ 2.1 ทกั ษะการจัดทาํ บญั ชรี บั - จา ยประจําวนั ตวั อยางที่ 1 การจัดทาํ บัญชรี ายรับ – รายจายประจาํ วนั ของเกษตรกรปลกู ผัก วนั ที่ 10 ตลุ าคม 2554 จา ยคาเมล็ดพันธุและปุย 2,000 บาท คา นา้ํ คา ไฟ 480 บาท จายคาอาหาร 200 บาท ไดรับเงนิ จากการขายผัก 1,500 บาท วนั ท่ี 12 ตลุ าคม 2554 จา ยคา อาหาร 280 บาท จา ยคา โทรศพั ท 590 บาท จา ยคานาํ้ มนั รถยนต 1,100 บาท ไดร บั เงนิ จากการขายผกั 3,600 บาท วันท่ี 15 ตลุ าคม 2554 จา ยคาหนังสอื 300 บาท จา ยคา อาหาร 500 บาท จา ยคานาํ้ ดมื่ 250 บาท จายคาเสอื้ ผา 1,800 บาท ไดร บั เงินจากการขายผกั 2,200 บาท วันที่ 16 ตุลาคม 2554 จา ยคาอาหาร 300 บาท จา ยคา บัตรชมภาพยนตร 400 บาท จา ยคา ถุงพลาติก 480 บาท ไดรบั เงนิ จากการขายผกั 3,000 บาท
172 วัน เดอื น ป รายการรับ จาํ นวนเงนิ วนั เดือน ป รายการจา ย จาํ นวนเงนิ 10 ต.ค. 54 รับเงนิ จากการขายผัก บาท สต. บาท สต. 12 ต.ค. 54 รบั เงนิ จากการขายผัก 2,000 - 15 ต.ค. 54 รบั เงนิ จากการขายผัก 1,500 - 10 ต.ค. 54 คา เมล็ดพนั ธุและปุย คานาํ้ คา ไฟฟา 480 - 16 ต.ค. 54 รับเงนิ จากการขายผัก 200 - รวม คาอาหาร 280 - 3,600 - 12 ต.ค. 54 คาอาหาร 590 - คา โทรศพั ท 1,100 - คาน้ํามันรถยนต 300 - 2,200 - 15 ต.ค. 54 คาหนงั สอื 500 - คา อาหาร 250 - คา นา้ํ ดมื่ 1,800 - คา เสื้อผา 300 - 3,000 - 16 ต.ค. 54 คาอาหาร 400 - คาบัตรชมภาพยนตร 480 - คา ถุงพลาสติก 8,680 - 1,620 - 10,300 - รวม ยอดคงเหลือยกไป 2.2 ทักษะการคํานวณเงนิ คาจาง ตัวอยางที่ 2 พเยาวเปนพนกั งานทาํ ความสะอาดของบรษิ ทั แหงหนึ่ง ซง่ึ กําหนดเวลาทํางานวันจันทร ถึงวันเสารไดร บั คาจางเปน รายวนั ๆ ละ 320 บาท พเยาวมสี ิทธิไดร ับคาจา งในวนั หยุด ตามประเพณแี ละวันหยดุ พักผอนประจาํ ปโ ดยไมตอ งทํางาน ในเดอื นตุลาคม พเยาวม า ทาํ งานทุกวนั ในวนั ทาํ งานตามเวลาทาํ งานปกติ และวนั ท่ี 1 ตุลาคมตรงกบั วันจันทรใ น เดือนนี้มวี นั หยดุ ตามประเพณี 1 วัน คือ วันที่ 23 ตุลาคม อยากทราบวาในเดือนน้พี เยาว ไดร บั คาจางเทาไร
173 วิธที าํ เดือนตลุ าคม อาทิตย จันทร องั คาร พุธ พฤหัส ศุกร เสาร 123456 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 เดือนตลุ าคม พเยาวไ ดร ับคา จางในวันทํางาน 26 วัน และมสี ทิ ธิไดร ับคาจา งในวนั หยดุ ตาม ประเพณี 1 วัน และไดร ับคาจางวนั ละ 320 บาท ดังนั้น พเยาวไ ดรบั คา จางในเดอื นตุลาคม = (26 + 1) 320 = 8,640 บาท 2.3 ทกั ษะการคาํ นวณเงนิ คา นายหนาและเงนิ ปนผล ตัวอยางที่ 3 นายสัญชัยเปน ตวั แทนขายเครอื่ งไฟฟา ซึ่งมีราคา 4,500 บาทใหกับบรษิ ทั แหงหนึ่ง วธิ ที าํ บริษทั คดิ คา นายหนา 10% อยากทราบวา สญั ชยั ตอ งสงเงนิ ใหบ รษิ ัทเทา ไร 10 บาํ เหน็จตัวแทนในการขาย = 100 4,500 = 450 บาท ดังน้นั สญั ชยั ตอ งสงเงินใหบริษทั = 4,500 – 450 = 4,050 บาท ตัวอยา งท่ี 4 ภัทรามีหนุ ปุรมิ สทิ ธิของบริษัทจําหนายเครอ่ื งใชไฟฟา แหงหน่ึง จํานวน 150 หุน มูลคา วธิ ีทาํ หนุ ละ 100 บาท อัตราเงนิ ปนผล 10% ส้ินปเ ขาจะไดร บั เงนิ ปน ผลทงั้ สน้ิ เทาไร เงินปน ผลตอ หุนของหุน ปรุ มิ สทิ ธิ = อัตราเงินปน ผล มลู คา หุน ปรุ มิ สิทธิ = 10% 100 10 = 100 100 = 10 บาท ภัทรามีหนุ ปุริมสิทธจิ ํานวน 150 หนุ ดงั นัน้ ภัทราจะไดรบั เงินปน ผลทั้งส้นิ = 150 10 = 1,500 บาท
174 2.4 ทักษะการใชสถิตใิ นการสรุปรายงานหรือนําเสนอขอ มลู ตวั อยา งท่ี 4 การสรุปรายงานการดําเนนิ งานโครงการอบรมคอมพวิ เตอรส าํ หรบั พนักงาน ผลการดําเนินงาน บริษัทน้าํ มนั แหง หนึ่งไดจดั ทําโครงการอบรมคอมพิวเตอรส าํ หรบั พนักงาน โดยดําเนนิ การเปน 3 รนุ ดังนี้ รนุ ที่ โปรแกรมอบรม วนั ทอ่ี บรม จาํ นวนผูเขาอบรม 1 การใชโ ปรแกรมไมโครซอฟท Excel 5 – 9 ก.ย. 54 10 2 การใชโ ปรแกรม PhotoShop 12 – 16 ก.ย. 54 10 3 การใชโ ปรแกรมไมโครซอฟท Access 19 – 23 ก.ย. 54 10 เม่ือดาํ เนินการอบรมและมกี ารประเมนิ ผลการอบรมโดยผจู ัดการอบรมไดด ําเนนิ การทดสอบ ความรู ความเขา ใจแกพนกั งาน โดยใชแบบทดสอบกอ นและหลงั การอบรม เพือ่ ตรวจสอบความกา วหนา วา ภายหลังการอบรมพนกั งานไดร ับความรูเพมิ่ ขึ้นจากชวงกอนเขา รบั การอบรมมากนอ ยเพยี งใด โดย พจิ ารณาจากคะแนนเฉลี่ยของผเู ขารบั การอบรมในแตล ะรนุ ซึง่ สรปุ ข้ันตอนการคํานวณและผลการ ดาํ เนนิ การไดดังนี้ 1. นาํ แบบทดสอบวัดความรู ความเขา ใจในเนอื้ หาการอบรมใหผเู ขาอบรมทงั้ 10 คน ตรวจใหค ะแนนของผูเขา อบรมแตล ะคนวา ไดค นละกค่ี ะแนน ซง่ึ แตล ะรนุ แบบทดสอบจะมคี ะแนนเตม็ 20 คะแนน เทา กนั ทง้ั 3 รุน แลว นาํ มากรอกคะแนนเปน รายบุคคลตงั้ แตค นที่ 1 – 10 ลงในแบบบันทึก คะแนน เพือ่ คาํ นวณคา เฉลยี่ ของคะแนน ( x ) ในแตละรนุ ดงั น้ี คะแนนกอ นการอบรม คะแนนหลงั การอบรม (คะแนนเต็ม 20 คะแนน) (คะแนนเตม็ 20 คะแนน) คนท่ี โปรแกรมรนุ โปรแกรมรนุ โปรแกรมรนุ โปรแกรมรนุ โปรแกรมรนุ โปรแกรมรุน ท่ี 1 ท่ี 2 ท่ี 3 ท่ี 1 ที่ 2 ท่ี 3 1 8 9 7 15 14 14 2 7 6 8 14 13 13 3 9 5 9 17 12 15 4 10 7 8 16 15 12 5 7 5 7 15 11 16 6 8 8 6 14 13 14 7 6 7 10 16 12 13
175 8 11 10 9 18 14 15 6 8 13 12 13 99 5 7 14 13 12 68 79 152 129 137 10 10 คะแนนรวม 85 ของทงั้ 10 คน คาํ นวณคะแนน ( x ) = 85 10 ( x ) = 68 10 ( x ) = 79 10 ( x ) = 152 10 ( x ) = 129 10 ( x ) = 137 10 เฉลีย่ โดยนาํ = 8.5 = 6.8 = 7.9 = 15.2 = 12.9 = 13.7 คะแนนรวม คะแนน หารดว ยจํานวน เฉลี่ย = คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน คนท้ังหมด คือ 8.5 คะแนน 10 คน เฉลย่ี = เฉลย่ี = เฉล่ีย = เฉลีย่ = เฉลย่ี = 6.8 คะแนน 7.9 คะแนน 15.2 คะแนน 12.9 คะแนน 13.7 คะแนน คํานวณรอยละ = 8.5100 = 6.8100 = 7.9100 = 15.2100 = 12.9100 = 13.7100 ของคะแนน 20 20 20 20 20 20 เตม็ 20 คะแนน = 42.50 % = 34.00 % = 39.50 % = 76.00 % = 64.50 % = 68.50 % 2. นําคะแนนเฉลี่ยทคี่ ํานวณไดและผลการคาํ นวณวา คะแนนเฉล่ียนั้นคดิ เปน รอ ยละเทา ไรของคะแนนเตม็ จากขอ 1 มากรอกลงในตารางสรุปรายงาน ดังน้ี คะแนนเฉลยี่ (x ) คะแนนเฉลย่ี (x ) จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน จากคะแนนเตม็ 20 คะแนน โปรแกรมการอบรม คดิ เปน รอยละ คดิ เปน รอ ยละ ของคะแนนเต็ม ของคะแนนเต็ม กอนการอบรม หลงั การอบรม รนุ ที่ 1 การใชโ ปรแกรม 8.50 42.50 15.20 76.00 ไมโครซอฟท Excel 6.80 รนุ ท่ี 2 การใชโ ปรแกรม 34.00 12.90 64.50 PhotoShop รนุ ที่ 3 การใชโ ปรแกรม 7.90 39.50 13.70 68.50 ไมโครซอฟท Access จากตาราง พบวา เมื่อพิจารณาจากคะแนนเฉล่ียของผเู ขา รบั การอบรมหลงั การอบรมท้งั 3 รนุ จะเห็นไดวา มคี ะแนนเฉลีย่ เพิ่มข้นึ จากคะแนนเฉล่ยี กอ นการอบรมทุกรนุ กลา วคอื แสดงวา ผเู ขา รบั การ อบรมสวนใหญไดรบั ความรู ความเขา ใจเพมิ่ มากขนึ้ ในเนอ้ื หาทบ่ี ริษทั ไดจ ัดอบรมใหพนักงาน และพบวา รุน ที่ 1 ไดคะแนนเฉลี่ยมากทสี่ ดุ คอื ไดค ะแนนเฉล่ยี 15.20 คะแนน คดิ เปน รอ ยละ 76.00 ของคะแนนเต็ม รองลงมา คอื รนุ ที่ 3 ไดคะแนนเฉล่ยี 13.70 คะแนน คิดเปน รอยละ 68.50 ของคะแนนเต็ม สวนรนุ ที่ 2 นนั้ ไดค ะแนนเฉลย่ี นอ ยทส่ี ดุ คอื ไดค ะแนนเฉลี่ย 12.90 คะแนน คิดเปน รอ ยละ 64.50 ของคะแนนเต็ม
176 2.5 ทกั ษะการคํานวณภาษเี งินไดบ คุ คลธรรมดา ตวั อยา ง นายโชคไดรบั เงินเดอื น ๆ ละ 28,000 บาท ส้นิ ปสามารถหกั คาใชจายไดร อ ยละ 40 ของเงินได พึงประเมนิ แตไ มเกนิ 60,000 บาท หักคา ลดหยอนผมู เี งนิ ได 30,000 บาท หกั คาเบี้ยประกนั ชีวติ 25,000 บาท หักดอกเบยี้ เงนิ กยู ืมเพ่ือซ้อื บา น 36,450 บาท ส้นิ ปนายโชคยนื่ แบบแสดงรายการ วธิ ที ํา ภาษีเงินไดบ ุคคลธรรมตองชาํ ระภาษีหรอื ไม ถา ชาํ ระตอ งชาํ ระภาษเี ปน เงินเทา ไร เงนิ ไดพงึ ประเมนิ ของนายโชค = 28,000 12 = 336,000 บาท หกั คา ใชจาย รอ ยละ 40 ของเงินไดพ งึ ประเมิน แตไมเกนิ 60,000 บาท 40 คาใชจ าย 100 336,000 = 134,400 บาท แตค าใชจ ายของนายโชคคาํ นวณได 134,400 บาท แตส ามารถหักไดแค 60,000 บาทเทา นั้น หกั คาลดหยอนผมู เี งนิ ได 30,000 บาท คาเบย้ี ประกันชวี ิต 25,000 บาท ดอกเบ้ียเงินกยู มื เพื่อซอื้ บาน 36,450 บาท รวมหักคาลดหยอนได = 30,000 + 25,000 + 36,450 = 91,450 บาท เงินไดสุทธิของนายโชค = เงนิ ไดพงึ ประเมิน – (คา ใชจ า ย + หักคาลดหยอน) = 336,000 – (60,000 + 91,450) = 184,550 บาท ตามตารางอัตราการเสียภาษเี งินไดบคุ คลธรรมดา เงินไดสทุ ธิ 0 – 150,000 บาท ไมตองเสยี ภาษี สว นทเี่ กิน 150,000 – 500,000 บาท เสียภาษี 10% นายโชคมีเงนิ ไดส ทุ ธทิ ่ตี อ งเสยี ภาษี = 184,550 – 150,000 =34,550 บาท = 34,550 11000 = 3,455 บาท นายโชคเสยี ภาษี 3,455 บาท ตารางอัตราภาษเี งินไดบคุ คลธรรมดา ข้นั เงนิ ไดส ทุ ธิตง้ั แต เงนิ ไดสทุ ธิ เงนิ ไดสทุ ธิ อตั ราภาษี ภาษเี งนิ ได ภาษใี นแตละ ภาษีสะสม จาํ นวนสงู สุด แตล ะข้ัน รอ ยละ ข้นั เงินได สงู สดุ ของข้นั ของขัน้ 0 ถึง 100,000 100,000 .......... .... 5 .............. .... ยกเวน 0 เกนิ 100,000 ถงึ 150,000 50,000 .......... .... 10 .............. .... ยกเวน 0 เกิน 150,000 ถึง 500,000 350,000 .......... .... 10 .............. .... 35,000 35,000 เกนิ 500,000 ถึง 1,000,000 500,000 .......... … 20 .............. … 100,000 135,000 เกิน 1,000,000 ถึง 4,000,000 3,000,000 .......... … 30 .............. … 900,000 1,035,000 เกนิ 4,000,000 บาทขนึ้ ไป .......... … 37 .............. … รวม
177 2.6 การคํานวณในการจัดทาํ แผน ปายโฆษณาเพือ่ ประชาสัมพันธก ารใหบ รกิ าร ตัวอยา งทําแผน โฆษณาเชญิ ชวนการทอ งเทย่ี วในจังหวดั โดยมขี นาดแผน โฆษณาทท่ี ําดว ยแผน ไวนลิ มขี นาดกวาง 1.2 เมตร ยาว 1.5 เมตร ทางรา นคดิ คา ออกแบบ 400 บาท คา จดั ทําตารางเมตรละ 250 บาท จะตอ งจา ยเงนิ ทั้งหมดเทา ไร วธิ ีทํา พ้นื ทแ่ี ผนไวนลิ ทใ่ี ชโ ฆษณา = กวา ง ยาว = 1.2 1.5 = 1.8 ตารางเมตร คาจัดทาํ = 1.8 250 = 450 บาท จะตอ งจายเงินท้งั หมด = คาจดั ทํา + คา ออกแบบ = 450 + 400 = 850 บาท
178 แบบฝก หดั ที่ 1 1. ศภุ างคเ ปน พนกั งานของโรงงานเย็บเสอ้ื ผาสําเร็จรปู แหง หนง่ึ ซงึ่ กําหนดเวลาทาํ งานตามปกตวิ นั ละ 8 ชัว่ โมง ไดร ับเงินเดือน ๆ ละ 9,000 บาท จงหาวา ศุภางคมรี ายไดว ันละเทาไร และศุภางคม รี ายได ชว่ั โมงละเทา ไร ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ 2. สุภาพเปนพนกั งานของโรงงานผลิตเคร่อื งปรบั อากาศแหงหนึง่ ซ่ึงกาํ หนดเวลาทํางานวันจนั ทรถึง วันศกุ รไ ดร บั คาจางเปนรายวนั ๆ ละ 370 บาท สภุ าพมีสทิ ธิไดรับคาจา งในวนั หยุดตามประเพณแี ละ วนั หยุดพกั ผอนประจําปโ ดยไมต องทํางานในเดอื นธันวาคม สภุ าพมาทํางานทกุ วนั ในวันทาํ งานตาม เวลาทาํ งานปกติและวนั ที่ 1 ธันวาคม ตรงกับวนั อาทิตยใ นเดอื นนี้มวี นั หยดุ ตามประเพณี 3 วัน คือ วันที่ 5, 10 และ 31 จงหาวาในเดือนธนั วาคมนี้ สภุ าพไดรบั คา จางเทา ไร ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________
179 3. ธดิ าเปน พนักงานของบรษิ ทั แหง หน่งึ ซึ่งกําหนดเวลาทาํ งานวนั จนั ทรถ ึงวนั ศกุ ร เวลาทาํ งานปกตติ ัง้ แต เวลา 08.00 – 17.00 น. หยุดพกั ระหวางเวลา 12.00 – 13.00 น. ธดิ ามรี ายไดเดือนละ 12,000 บาท ในเดอื นสิงหาคม วนั ที่ 1 ตรงกับวนั จันทรแ ละในเดือนน้มี ีวนั หยดุ ตามประเพณี 1 วนั คือ วันที่ 12 สงิ หาคม ธดิ ามสี ทิ ธไิ ดร บั คาจา งในวนั หยดุ ทกุ ประเภทโดยไมตองทาํ งาน ในเดอื นน้ธี ิดามาทาํ งาน ทุกวัน ทาํ งานตามเวลาทาํ งานปกติ ถานายจางใหธิดามาทาํ งานในวนั หยดุ ตามประเพณี 1 วัน ไดร ับ คา จา งอีก 1 เทา และทํางานในวนั เสารไ ดร บั คาจางเพม่ิ เปน 2 เทา ของคาจา งปกตอิ กี 4 วนั ระหวาง เวลา 09.00 – 12.00 น. จงหาคาทํางานในวนั หยุดทั้งหมดและรายไดท้งั หมดของธิดาในเดอื นสงิ หาคมนี้ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ 4. จงทาํ บญั ชีรายรับ – จายของตวั เองใน 1 สัปดาห บัญชรี ายรับ – จายของ ................................................... วนั เดือน ป รายการรบั จาํ นวนเงนิ วัน เดอื น ป รายการจา ย จํานวนเงนิ บาท สต. บาท สต. 5. นางอญั ชลีเปนตัวแทนขายเครอื่ งครัวทีม่ ีราคา 45,000 บาท ใหก ับบรษิ ัทแหง หนงึ่ บรษิ ทั คดิ คานายหนา 30% อยากทราบวานางอญั ชลไี ดเ งินคานายหนา เทาไร
180 ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ 6. พจมานถือหนุ ปุริมสทิ ธขิ องบริษทั ผลติ กระเบ้อื งแหงหนง่ึ จาํ นวน 1,500 หนุ มลู คา หุน ละ 160 บาท อัตราเงนิ ปน ผล 5% เมื่อสิน้ ปพจมานจะไดเงนิ ปน ผลทงั้ หมดเทาไร ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________
181 7. สภุ ัทราเปน พนักงานบรษิ ทั ผลติ แชมพูสระผมแหงหน่งึ ไดร ับมอบหมายจากบริษัทใหทําการสาํ รวจ ความนยิ มของสีขวดทใี่ ชบรรจแุ ชมพสู ําหรับกลุมเปาหมายวัยรุน จาํ นวน 50 คน สภุ ทั ราจะดาํ เนินการ อยางไรตงั้ แตก ารสํารวจจนถงึ การนาํ เสนอขอ มลู ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ 8. ศกั ดม์ิ ีรายไดเ ดือนละ 25,000 บาท สิน้ ปสามารถหกั คา ใชจา ยไดร อยละ 40 ของเงินไดพึงประเมนิ แต ไมเกิน 60,000 บาท สามารถหักคาลดหยอ นผูมเี งนิ ได 30,000 บาท หักคาเบ้ยี ประกนั ชวี ติ 50,000 บาท หักคาเบย้ี ประกนั สุขภาพของมารดาของนายศกั ด์ิ 20,000 บาท ส้นิ ปนายศกั ดยิ์ น่ื แบบแสดงรายการ ภาษีเงินไดบคุ คลธรรมดาตองชาํ ระภาษีหรือไม ถาชําระภาษเี ปนเงินเทาไร ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________
182 9. แผน ไวนลิ โฆษณาเชญิ ชวนการบรจิ าคชว ยเหลอื ผปู ระสบภัย มขี นาดกวาง 0.90 เมตร ยาว 1.8 เมตร ทางรานคิดคาออกแบบ 500 บาท คา จัดทาํ ตารางเมตรละ 250 บาท จะตองจา ยเงินท้ังหมดเทา ไร ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________ ___________________________________________________________________________________
183 เฉลยแบบฝกหดั
184 เฉลย บทท่ี 1 ระบบจาํ นวนจริง แบบฝกหัดที่ 1 1.จาํ นวนทกี่ ําหนดใหตอไปนี้จํานวนใดเปน จํานวนนับ จาํ นวนเต็ม จาํ นวนตรรกยะ หรอื จํานวนอตรรก ยะ ขอ จํานวนจริง จาํ นวนนับ จํานวนเตม็ จํานวนตรรกยะ จาํ นวนอตรรกยะ 1 9, 7 ,5 2 , 2,0,1 1 0, 1, -9 -9, 7 , 5 2 ,0 ,1 2 2 3 3, 12 2 3 2 2 5,7 7 ,3,12, 5 3 , 12 -13 34 7 7 ,3 ,12 , 5 3 2.01,0.666...,-13 34 2.01, 0.666, …,-13 4 2.3030030003... 2.3030030003... 5 , 1 , 6 , 2 ,7.5 25, 3 , 12 6 , -7, 5 1 , 6 , -7.5 , 2 33 2 3 33 2 25, -17, 12 6 25,17, 12 , 9,3,12, 1 25, -17, 3 1 52 12, 9 5 2 9 , 3, 12 2. จงพิจารณาวา ขอ ความตอ ไปนเ้ี ปนจริงหรือเทจ็ 1) จริง 2) จรงิ 3) เท็จ 4) จรงิ 5) จรงิ 6) เทจ็
185 แบบฝกหัดที่ 2 1. ใหผเู รียนเติมชองวา งโดยใชส มบตั กิ ารเทากัน 9. ถา a = b แลว a +5 = b + 5 10. ถา a = b แลว -3a = -3b 11. ถา a + 4 = b + 4 แลว a = b 12. ถา a +1 = b +2 และ b + 2 = c - 5 แลว a +1 = c + 5 13. ถา x2 2x 1 x 12 แลว x 12 x2 2x 1 14. ถา x 3 y แลว 2x = 3y 2 15. ถา x2 1 2x แลว x 12 = x2 2x 1 16. ถา ab a b แลว 1 ab = 1 (a b) 2 2 2. กาํ หนดให a , b และ c เปนจํานวนจริงใดๆ จงบอกวา ขอ ความในแตล ะขอ ตอ ไปนี้เปน จรงิ ตามสมบัตใิ ด 1) 3 + 5 = 5 + 3 สมบตั กิ ารสลบั ท่ขี องการบวก 2) (1+2)+3 = 1+(2+3) สมบตั ิการเปล่ียนกลุม ของการบวก 3) (-9)+5 = 5 +(-9) สมบตั ิการสลบั ทข่ี องการบวก 4) (8 9) เปน จํานวนจรงิ สมบตั ปิ ดของการคูณ 5) 5 3 = 15 = 3 5 สมบตั ิการสลับที่ของการคูณ 6) 2(a+b) = 2a +2b การแจกแจง 7) (a + b) + c = a+( b + c) สมบตั ิการเปลย่ี นกลุม ของการบวก 8) 9a +2a = 11 a = 2a + 9a สมบตั กิ ารสลบั ทขี่ องการบวก 9) 4 (5 + 6) = (4 5) + (4 6) การแจกแจง 10) c(a +b) = ac +bc การแจกแจง 3 . เซตท่ีกําหนดใหใ นแตล ะขอ ตอ ไปน้ี มีหรอื ไมม สี มบัติปด ของการบวกหรือสมบตั ิปด ของการคณู 1) { 1 , 3 , 5 } มสี มบตั ปิ ดการบวก, การคณู 2) { 0 } มีสมบัตปิ ดการบวก 3) เซตของจาํ นวนจริง มี 4) เซตของจาํ นวนตรรกยะ มี 5) เซตของจํานวนทห่ี ารดว ย 3 ลงตัว มี
186 4. จงหาอนิ เวอรส การบวกของจาํ นวนในแตล ะขอ 1) อนิ เวอรส การบวกของ 8 คอื -8 2) อินเวอรสการบวกของ - 5 คือ 5 3) อินเวอรส การบวกของ - 0.567 คอื 0.567 4) อนิ เวอรส การคณู ของ 3 2 คอื 1 5) อินเวอรสการคณู ของ 3 2 1 คอื 5 3 5 3 แบบฝกหดั ท่ี 3 1. ใหผ ูเ รียนบอกสมบัตกิ ารไมเทากนั (เมอื่ ตัวแปรเปน จาํ นวนจรงิ ใดๆ) 9. ถา x 3 แลว 2x 6 สมบตั ิการคณู ดวยจาํ นวนเทากบั ที่ไมเทา กับศูนย 10. ถา y7 แลว -2y -14 สมบตั ิการคณู ดวยจาํ นวนเทา กบั ท่ีไมเ ทา กบั ศนู ย 11. ถา x+1 6 แลว x+2 7 สมบตั กิ ารบวกดว ยจํานวนท่ีเทากนั 12. ถา y+3 5 แลว y 2 สมบัติการตัดออกสาํ หรบั การบวก 13. ถา x 7 และ 7 y แลว xy สมบัตกิ ารถายทอด 14. ถา a 0 แลว a+1 0 +1 สมบัติการบวกดว ยจาํ นวนทเี่ ทา กัน 15. ถา b 0 แลว b + (-2) 0+(-2) สมบตั ิการบวกดว ยจํานวนท่ีเทา กนั 16. ถา c -2 แลว (-1)c (-1)(-2) สมบตั ิการคณู ดวยจาํ นวนเทา กนั ทไ่ี มเทา กับศนู ย 2. จงใชเสนจํานวนแสดงลกั ษณะของชว งของจํานวนจริงตอ ไปน้ี 1) (2,7) 2) [3,6] 3) [-1,5)
187 4) (-1,4] 5) (2, ) 6) (- ,4) 7) (0,8) 8) [-5,4) แบบฝก หดั ที่ 4 เซตคําตอบคาํ ตอบของอสมการ คอื { x | x -2 หรอื x 2} -3 < x < 3 เซตคําตอบคําตอบของอสมการ คอื { x | -3 < x <3}
188 เซตคําตอบคาํ ตอบของอสมการ คอื { x |1< x <7} X 5 หรอื X 1 X 5 หรือ X 1 เซตคาํ ตอบคําตอบของอสมการ คือ {x|x 5 หรือ x -1} 5 – x < 0 หรือ 5 – x > 0 0 5–x 0 -5 -x -5 -x < -5 -x > -5 5x5 x>5 x<5 -8 < 3x – 4 < 8 -1 2x – 9 1 - 8 +4 < 3x < 8 +4 -1 + 9 2x 1 + 9 -4 < 3x < 12 8 2x 10 4 < x<4 4 x 5 3 0 6 – 3x 0 |2 – 4x < 0 หรือ 12 – 4x > 0 -6 -3x -6 -4x < -12 หรือ – 4x > -12 2 x 0 x > 3 หรอื x < 3
189 แบบฝก หดั ที่ 1 เฉลย บทท่ี 2 เลขยกกําลงั 1. จงบอกฐานและเลขชก้ี ําลงั ของเลขยกกําลงั ตอ ไปน้ี 1) ฐานคอื 6 เลขช้ีกาํ ลงั คอื 3 2) ฐานคือ 1.2 เลขช้กี าํ ลงั คือ -5 3) ฐานคือ -5 เลขช้กี ําลังคอื 0 4) ฐานคือ 1 เลขชีก้ าํ ลงั คอื 3 2 2. จงหาคา ของเลขยกกาํ ลังตอ ไปน้ี 1) - 1,024 2) 1 625 3) 1.728 4) 27 3. จงทําใหอ ยูในรูปอยางงายและเลขชก้ี ําลงั เปน จาํ นวนเตม็ 1. a8 2. 512 56 15,625 3. 2 20 3 4. 1.115 5. x10
190 แบบฝก หดั ท่ี 2 1. จงหาคาของรากท่ี n ของจาํ นวนจรงิ ตอไปนี้ 1) 5 2) 8 3) -3 4) -5 5) 2 3 6) 2 7) 5 8) 64 8 ไมเ ปน จาํ นวนจรงิ 9) -2 10) 4 16 2 ไมเ ปนจํานวนจรงิ 2. จงเขยี นจํานวนตอไปนใ้ี หอยใู นรปู อยางา ย โดยใชส มบตั ิของ รากที่ n 1) 52 = 5 2) 3 23 = 2 3) 3 (2)3 = (-2) 4) 5 (2)5 = (-2) 5) (3)2 = (-3) 5) 4 (2)4 = (-2) 6) 200 = 10 2 7) 75 = 5 3 8) 3 240 = 23 30 9) 45 = 3 5 10) 5 15 = 75 5 3 11) 3 81 3 32 = 63 12 12) 4 = 4 = 2 13) 5 = 35 9 93 3 82
191 แบบฝก หดั ที่ 3 3 50 65 1. จงทําจาํ นวนตอ ไปนีใ้ หอ ยใู นรูปอยางงา ย 15 2 30 1) 2x 2 2) 4 3) 2y 2 4) (-2) 5) 6 2 2 4 2 9 2 6) 3 5 10 3 52 5 = = 7) 3 8a3 2a 8) 33 2 3 4 33 8 6 แบบฝกหดั ที่ 4 1. จงทําจาํ นวนตอ ไปนใ้ี หอยูในรปู อยา งงาย 1) 8x2 วธิ ที ํา 8x2 = 222xx = 2x 2 2) 3 = 3 3 27 3 3 3 3 วธิ ีทํา 3 3 27 = 3 = -1 3 3) ( 2 8 18 32)2 วธิ ีทํา ( 2 8 18 32)2 = 2 2 2 3 2 4 2 2 = 10 2 2 = 1002 200
192 4) 5 32 26 3 27 3 (64) 2 5 32 26 2 64 วิธีทํา 3 27 = 3 3 3 82 2 (64) 2 = 2 64 3 83 = 2 1 38 = 16 3 13 24 24 24 21 2 5) 8 3 18 2 = 23 3 18 4 144 6 4 144 6 21 = 43 วธิ ที าํ 83 182 24 9 4 144 6 = 23 49 1 6) 3 125 32 3 (8)2 1 (27) 2 1 วธิ ีทํา 3 125 32 = 5 1 3 (8)2 1 49 (27) 2 = 45 4 49 = 113 36 36 36
193 เฉลย แบบฝกหดั บทท่ี 3 เซต แบบฝกหดั ท่ี 1 1. จงเขยี นเซตตอ ไปนีแ้ บบแจกแจงสมาชกิ 1) { สมทุ รสาคร,สมุทรสงคราม,สุพรรณบรุ ,ี สุรินทร,สรุ าษฏรธ านี,สมุทรปราการ,สงขลา,สระแกว , สระบุรี,สิงหบรุ }ี 2) { a,e,i,o,u } 3) { 100,101,…,999} 4) {2,4,6,8,10,12,14,16,18} 5) { -121,-122,-123,….} 6) { 6,7,8,9,10,11,12,13,14} 7) { } 2. จงบอกจํานวนสมาชิกของเซตตอไปนี้ 1) 1 2) 6 3) 24 4) 8 3. จงเขยี นเซตตอ ไปนแี้ บบบอกเงือ่ นไข 1) { x | x เปนจาํ นวนเตม็ คแู ละ 2 x 8 } 2) { x | x เปนจาํ นวนเตม็ บวก } 3) { x | x = x2 เปน จํานวนเต็มซงึ่ x = 1,2,3,… } 4. จงพจิ ารณาเซตตอ ไปนี้ เปน เซตวางเรอื เซตจาํ กดั หรือเซตอนันต 1) เซตจาํ กัด 2) เซตจาํ กดั 3) เซตอนนั ต 4) เซตวาง 5) เซตวาง 6) เซตวา ง 7) เซตจาํ กัด 8) เซตวา ง 9) เซตจํากัด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254