คำนำ กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคาส่ังกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวนั ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ และคาส่ังสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน ที่ ๓๐/๒๕๖๑ ลงวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให้เปล่ียนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) โดยมคี าสง่ั ใหโ้ รงเรียนดาเนินการใช้หลักสตู รในปีการศึกษา ๒๕๖๑ โดยให้ใช้ใน ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ และ ๔ และ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ และ ๔ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ ๒ ๔ และ ๕ และ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ๒ ๔ และ ๕ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ให้ใช้ในทุกชน้ั เรยี น โดยกาหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาคุณ ภาพผู้เรียนมี พัฒนาการเต็มตามศักยภาพ มีคุณภาพและมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ เพ่ือให้สอดคล้องกับนโยบายและ เป้าหมายของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน โรงเรียนชุมชนบ้านช่องม้าเหลียว จึงได้พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาพุทธศักราช ๒๕๕2 ฉบับปรับปรุง พทุ ธศกั ราช ๒๕๖2 ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพ่ือนาไปใช้ประโยชน์และเป็นกรอบในการวางแผนและพัฒนาหลักสูตรของ สถานศึกษาและจัดการเรียนการสอน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ให้มีกระบวนการนาหลักสูตร ไปสู่การปฏิบัติ โดยมีการกาหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด โครงสร้างเวลาเรียน ตลอดจนเกณฑ์การวัดประเมินผลให้มีความสอดคล้องกับ มาตรฐานการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้โรงเรียนสามารถกาหนดทิศทางในการจัดทาหลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ ละระดับตามความพร้อมและจุดเน้น โดยมกี รอบแกนกลางเปน็ แนวทางทีช่ ัดเจนเพ่ือตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ มีความพร้อมในการก้าวสูส่ ังคมคุณภาพ มีความรอู้ ยา่ งแทจ้ ริง และมที กั ษะในศตวรรษที่ ๒๑ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดที่กาหนดไว้ในเอกสารนี้ สามารถช่วยให้สถานศึกษาร่วมกันพัฒนา หลกั สูตรได้อย่างม่นั ใจ ทาใหก้ ารจดั ทาหลักสตู รในระดับสถานศกึ ษามคี ุณภาพและมีความเป็นเอกภาพยงิ่ ข้ึน คณะผจู้ ดั ทา
สำรบัญ หนำ้ เร่ือง 1 2 วสิ ยั ทัศน์ 2 หลักการ 3 จุดหมาย 4 สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 5 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 7 โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 7 ทาไมต้องเรยี นคณิตศาสตร์ 9 เรียนร้อู ะไรในคณิตศาสตร์ 11 คุณภาพผู้เรียน 12 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ 13 สรุปสาระ/มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด คณติ ศาสตร์ 14 โครงสร้างหลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ 16 มาตรฐานการเรยี นรู้สาระแกนกลางชั้นประถมศึกษาปที ่ี1 19 ตัวช้วี ดั ทต่ี ้องรแู้ ละควรรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ 20 ตัวชีว้ ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลางชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี1 23 วเิ คราะห์มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด ( K P A ) 24 คาอธิบายรายวชิ า 29 หนว่ ยการเรียนรู้ 31 ตารางสรปุ การวิเคราะหม์ าตรฐานและตัวชี้วัด 45 โครงสร้างรายวิชา 101 การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล
๑ วิสยั ทัศน์ โรงเรียนชมุ ชนบ้านชอ่ งม้าเหลยี ว บรหิ ารการศึกษา ตามหลกั ธรรมาภบิ าล มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีความรู้คู่คุณธรรม มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีคุณภาพตามมาตรฐาน การศึกษาสู่สากล ส่งเสริมวิชาการและเทคโนโลยี มีนิสัยรักการอ่านสืบสานงานประเพณีวัฒนธรรม ไทย มีใจรักสิ่งแวดล้อม นอ้ มนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในการดาเนนิ ชวี ติ มีจิตสาธารณะ สานึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลกยึดม่ัน ในการปกครอง ตามระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีทักษะการทางาน อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขใน สังคมประชาคมอาเซียน รวมทั้งเจตคติที่จาเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษา ตลอดชวี ติ โดยมงุ่ เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญบนพืน้ ฐานความเชอื่ วา่ ทกุ คนสามารถเรียนรแู้ ละ พฒั นาตนเอง ไดเ้ ตม็ ตามศักยภาพ
๒ หลักกำร โรงเรียนชุมชนบ้านช่องม้าเหลียวได้จัดทาหลกั สูตรสถานศึกษา โดยยึดหลกั การของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษา ขัน้ พืน้ ฐาน ซ่ึงมหี ลักการทสี่ าคัญ ดังนี้ ๑. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมาย สาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพ้ืนฐานของความเป็นไทยควบคู่กับความเป็น สากล ๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาต่ออย่างเสมอภาคและมี คณุ ภาพ ๓. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีสนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับ สภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถ่ิน ๔. เปน็ หลกั สตู รการศึกษาทม่ี โี ครงสร้างยดื หยนุ่ ท้ังดา้ นสาระการเรียนรู้ เวลาและการจดั การเรียนรู้ ๕. เปน็ หลักสตู รการศึกษาท่ีเนน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ๖. เป็นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลมุ ทุกกลุ่มเปา้ หมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์ จุดหมำย หลักสูตรโรงเรียนชุมชนบ้านช่องม้าเหลียว ได้ใช้จุดหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพ่ือมุ่งพัฒนา ผู้เรยี นให้เป็นคนดี มีปัญญา มคี วามสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกาหนดเป็นจุดหมายเพอ่ื ให้ เกดิ กับผู้เรียน เม่ือจบการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ดังน้ี ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาทต่ี นนับถือ ยดึ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๒. มีความรู้ ความสามารถในการสอ่ื สาร การคิดการแกป้ ัญหาการใช้เทคโนโลยี และมที กั ษะชวี ติ ๓. มสี ุขภาพกาย และสขุ ภาพจิต ทดี่ ี มีสขุ นิสยั และรักการออกกาลังกาย ๔. มีความรกั ชาติ มจี ิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทย และพลโลก ยึดมั่นในวถิ ชี ีวติ และการปกครองตาม ระบอบประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษัตริยเ์ ปน็ ประมุข ๕. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อม มีจิต สาธารณะทม่ี งุ่ ทาประโยชน์และสร้างสงิ่ ท่ดี ีงามในสงั คม และอยู่ร่วมกนั ในสังคมอย่างมคี วามสุข
๓ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน โรงเรยี นชุมชนบา้ นช่องม้าเหลียว มงุ่ พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้ ซึ่งการพัฒนาผู้เรยี นให้ บรรลมุ าตรฐานการเรียนรู้ท่ีกาหนดนน้ั จะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกิดสมรรถนะสาคัญ ๕ ประการ ดงั นี้ ๑. ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอด ความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปล่ียนขอ้ มูลข่าวสารและประสบการณ์ อนั จะเป็น ประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ การเลือกรับ หรอื ไมร่ ับข้อมลู ข่าวสารด้วยหลกั เหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วธิ ีการสือ่ สารทมี่ ีประสิทธิภาพโดยคานงึ ถึง ผลกระทบทมี่ ีตอ่ ตนเองและสังคม ๒. ควำมสำมำรถในกำรคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพ่ือนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพ่ือการตัดสินใจ เกย่ี วกบั ตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม ๓. ควำมสำมำรถในกำรกำรแก้ปัญหำ เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ท่ีเผชิญได้อย่าง ถกู ต้องเหมาะสมบนพนื้ ฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพนั ธแ์ ละการเปล่ียนแปลงของ เหตุการณ์ต่างๆในสังคม แสวงความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจท่ีมี ประสทิ ธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบท่เี กิดขน้ึ ต่อตนเอง สงั คมและสิ่งแวดลอ้ ม ๔. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่างๆไปใช้ในการดาเนินชีวิต ประจาวัน การเรียนรู้ตนเอง การเรียนอย่างต่อเนื่อง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริม ความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการแก้ปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการ เปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ท่ีส่งผลกระทบต่อตนเองและ ผ้อู ื่น ๕. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆและมีทักษะ กระบวนการทางเทคโนโลยี เพือ่ การพัฒนาตนเองและสงั คม ในดา้ นการเรียนรู้ การส่ือสาร การทางาน การแกป้ ญั หาอยา่ ง สรา้ งสรรค์ ถูกต้องเหมาะสมและมคี ุณธรรม
๔ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ โรงเรียนชุมชนบ้านช่องม้าเหลียว มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่สังคมต้องการ ในด้าน คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม จิตสานึก เพ่ือให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมือง ไทยและพลโลก ดังน้ี ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒. ซ่ือสตั ย์ สุจริต ๓. มีวินัย ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๕. อยู่อยา่ งพอเพยี ง ๖. มงุ่ ม่นั ในการทางาน ๗. รกั ความเปน็ ไทย ๘. มีจติ สาธารณะ
๕ ส่วนที่ ๒ โครงสรำ้ งหลกั สตู รโรงเรียน ๑. โครงสรำ้ งเวลำเรยี นระดบั ประถมศกึ ษำโรงเรยี นชมุ ชนบำ้ นช่องมำ้ เหลยี ว กลุ่มสำระกำรเรยี นร้/ู กจิ กรรม เวลำเรียน ระดับประถมศึกษำ ***กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6 ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ 200 200 200 160 160 160 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 160 160 160 160 160 160 สงั คมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม 80 80 80 120 120 120 - ประวตั ิศาสตร์ 80 80 80 120 120 120 - ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม (40) (40) (40) (40) (40) (40) - หนา้ ทพี่ ลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนนิ ชวี ิตในสงั คม - เศรษฐศาสตร์ (40) (40) (40) (80) (80) (80) - ภูมิศาสตร์ สุขศกึ ษาและพลศึกษา 40 40 40 80 80 80 ศลิ ปะ 40 40 40 80 80 80 การงานอาชีพ 40 40 40 40 40 40 ภาษาต่างประเทศ 200 200 200 80 80 80 840 840 840 840 840 840 รวมเวลำเรียน (พืน้ ฐำน ) 40 40 40 40 40 40 รายวชิ าเพิม่ เติม หน้าท่ีพลเมือง **** บรู ณาการ 120 120 120 120 120 120 ***กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น 40 40 40 40 40 40 - แนะแนว 40 40 40 40 40 40 - ลูกเสอื 30 30 30 30 30 30 - ชุมนุม 10 10 10 10 10 10 - กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ 1,000 ชว่ั โมง / ปี รวมเวลาเรียนท้งั หมด 200 ชม./ปี กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้
๖ ๒. โครงสร้ำงหลักสตู รชัน้ ปี โรงเรียนชุมชนบ้ำนช่องมำ้ เหลียว ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษำ โครงสรำ้ งหลกั สตู ร ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี ๑ รำยวิชำ / กจิ กรรม เวลำเรียน ( ชว่ั โมง / ปี ) รำยวชิ ำพื้นฐำน ๘๔๐ ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑ ๒๐๐ ค๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑ ๑๖๐ ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑ ๘๐ ส๑๑๑๐๑ สังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ๑ ๔๐ ส๑๑๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์๑ ๔๐ พ๑๑๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๑ ๔๐ ศ๑๑๑๐๑ ศลิ ปะ ๑ ๔๐ ง๑๑๑๐๑ การงานอาชพี ๑ ๔๐ อ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑ ๒๐๐ รำยวิชำเพ่ิมเติม ๔๐ ส๑๑๒๓๑ หนา้ ทพ่ี ลเมือง ๔๐ กจิ กรรมพัฒนำผู้เรยี น ๑๒๐ * กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ * กจิ กรรมนกั เรยี น ๔๐ ลกู เสือ ๔๐ ชุมนุม ๓๐ * กิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ รวมเวลำเรยี นตำมหลกั สตู รทง้ั สิ้น ๑,๐๐๐ กิจกรรมลดเวลำเรยี น เพิ่มเวลำรู้ กจิ กรรมสรา้ งเสริมสมรรถนะและการเรียนรู้ ๘๐ กิจกรรมสรา้ งเสริมคุณลักษณะและคา่ นยิ ม ๔๐ กจิ กรรมสร้างเสริมทักษะการทางานการดารงชพี และทกั ษะชีวติ ๘๐
๗ กลุ่มสำระกำรเรยี นรูค้ ณติ ศำสตร์ ทำไมต้องเรยี นคณติ ศำสตร์ คณิตศาสตร์มีบทบาทสาคัญย่ิงต่อความสาเร็จ ในการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 เน่ืองจากคณิตศาสตร์ช่วย ให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผลเป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือ สถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถ่ีถ้วน ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องและ เหมาะสม และสามารถนาไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ีคณิตศาสตร์ยังเป็นเคร่ืองมือ ใน การศกึ ษาดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตรอ์ ื่นๆ อนั เป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ของชาติ ให้มีคุณภาพ และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ให้ทัดเทียมกับนานาชาติ การศึกษาคณิตศาสตร์ จึง จาเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเน่ืองเพ่ือให้ทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยที ่เี จริญกา้ วหนา้ อย่างรวดเร็วในยคุ โลกาภวิ ฒั น์ ตัวช้ีวัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ.2560) ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับน้ี จัดทาขึ้นโดยคานึงถึงการส่งเสริมให้ผู้เรียนมี ทักษะที่จาเป็นสาหรับการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 เป็นสาคัญน่ันคือ การเตรียมผู้เรียนให้มีทักษะด้านการคิด วิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ การใช้เทคโนโลยี การส่ือสารและการ ร่วมมือ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และ สภาพแวดล้อม สามารถแข่งขันและอยู่ร่วมกับประชากรโลกได้ ท้ังน้ีการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่ประสบ ความสาเร็จน้ัน จะต้องเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ส่ิงต่างๆ พร้อมที่จะประกอบอาชีพเม่ือ จบ การศึกษา หรือสามารถศึกษาต่อในระดับท่ีสูงขึ้น ดังนั้นสถานศึกษาควรจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมตามศักยภาพ ของผู้เรียน เรียนรูอ้ ะไรในคณิตศำสตร์ กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์จดั เป็น ๓ สาระไดแ้ ก่จานวนและพีชคณิตการวัดและเรขาคณิต และสถิติ และความน่าจะเปน็ จำนวนและพีชคณิต เรียนรู้เก่ยี วกับระบบจานวนจริง สมบัติเกยี่ วกับจานวนจริง อัตราส่วน ร้อยละ การ ประมาณค่า การแก้ปัญหาเก่ียวกับจานวน การใช้จานวนในชีวิตจริง แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟังก์ชัน เซต ตรรกศาสตร์ นิพจน์เอกนามพหุนามสมการ ระบบสมการ อสมการ กราฟ ดอกเบ้ียและมูลค่าของเงิน ลาดับและ อนุกรม และการนาความรูเ้ กี่ยวกับจานวน และพชี คณิต ไปใช้ในสถานการณ์ตา่ งๆ กำรวัดและเรขำคณิตเรียนรู้เก่ียวกับความยาว ระยะทาง น้าหนัก พ้ืนท่ี ปริมาตรและความจุ เงินและ เวลา หน่วยวัดระบบต่างๆ การคาดคะเนเกี่ยวกับการวัด อัตราส่วนตรีโกณมิติ รูปเรขาคณิต และสมบัติของรู ป เรขาคณิต การนึกภาพ แบบจาลองทางเรขาคณิต ทฤษฎีบททางเรขาคณิต การแปลงทางเรขาคณิตในเร่ือง การ เล่ือนขนานการสะทอ้ น การหมุน และการนาความรเู้ กยี่ วกบั การวัดและเรขาคณติ ไปใช้ในสถานการณต์ ่างๆ สถิติและควำมน่ำจะเป็น เรียนรู้เก่ียวกับการต้ังคาถามทางสถิติ การเก็บรวบรวมข้อมูล การคานวณ ค่าสถิติ การนาเสนอ และแปรผลสาหรับข้อมูลเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ หลักการนับเบ้ืองต้น ความ นา่ จะเป็น การใช้ความร้เู กย่ี วกบั สถติ ิและความนา่ จะเปน็ ในการอธิบายเหตุการณต์ ่างๆ และชว่ ยในการตัดสินใจ
๘ หมำยเหตุ ๑. การจัดการเรยี นการสอนคณติ ศาสตรท์ ี่ทาให้ผเู้ รียนเกิดการเรยี นรอู้ ย่างมคี ุณภาพน้ัน จะต้องให้มี ความสมดุลระหว่างสาระด้านความรู้ ทักษะและกระบวนการ ควบคู่ไปกับคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ ได้แก่การทางานอย่างมีระบบ มีระเบียบ มีความรอบคอบ มีความ รับผิดชอบ มีวิจารณญาณ มีความเช่ือม่ันในตนเอง พร้อมท้ังตระหนักในคุณค่าและมีเจตคติที่ดี ตอ่ คณติ ศาสตร์ ๒. ในการวัดและประเมินผลด้านทักษะและกระบวนการ สามารถประเมินในระหว่าง การเรียนการ สอน หรอื ประเมินไปพร้อมกับการประเมนิ ด้านความรู้
๙ คุณภำพผูเ้ รยี น คณุ ภำพของผู้เรยี นเมือ่ จบกำรศกึ ษำกลมุ่ สำระกำรเรยี นรูค้ ณิตศำสตร์ เม่ือผู้เรียนจบการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน 12 ปีแล้ว ผู้เรียนจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาสาระ คณิตศาสตร์ มีทักษะกระบวนการางคณิตศาสตร์ มีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ ตระหนักในคุณค่าของคณิตศาสตร์ และสามารถนาความรู้ทางคณิตศาสตร์ไปพัฒนาคุณภาพชีวิต ตลอดจนสามารถนาความรู้ทางคณิตศาสตร์ไปเป็น เครื่องมือในการเรียนรสู้ ิง่ ต่าง ๆ และเปน็ พ้ืนฐานในการศกึ ษาในระดับทสี่ งู ขึ้น การที่ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้คณิตศาสตร์อย่างมีคุณภาพนั้น จะต้องมีความสมดุลระหว่างสามารถ ทางด้านความรทู้ กั ษะกระบวนการควบคู่ไปกบั คุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ ม ดงั นี้ 1. มคี วามรคู้ วามเข้าใจในคณิตศาสตร์พน้ื ฐานเกีย่ วกับ จานวนและการดาเนินการ การวดั เรขาคณิต พชี คณิต การวิเคราะหข์ ้อมลู และความนา่ จะเป็น พรอ้ มท้ังสามารถนาความรูน้ ้ันไปประยกุ ต์ได้ 2. มีทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ที่จาเป็นได้แก่ความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ หลากหลาย การให้เหตุผล การส่ือสาร สื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การมีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ การเชือ่ มโยงความรู้ต่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์กบั ศาสตร์อ่ืน ๆ 3. มีความสามารถในการทางานอย่างเป็นระบบ มีระเบียบวินัย มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มวี จิ ารณญาณ มีความเชอ่ื มัน่ ในตนเอง พร้อมทง้ั ตระหนกั ในคุณคา่ และมีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ จบชนั้ ประถมศึกษำปีที่ 3 อ่าน เขียนตัวเลข ตัวหนังสือแสดงจานวนนับไม่เกิน 100,000 และ 0 มีความรู้สึกเชิงจานวน มีทักษะ การบวก การลบ การคูณ การหาร และนาไปใช้ในสถานการณ์ตา่ งๆ มีความรู้สึกเชิงจานวนเกี่ยวกับเศษส่วนท่ีไม่เกิน มีทักษะการบวก การลบ เศษส่วนที่ตัวส่วนเท่ากัน และ นาไปใชใ้ นสถานการณ์ต่างๆ คาดคะเนและวัดความยาว น้าหนัก ปริมาตร ความจุ เลือกใช้เครื่องมือและหน่วยที่เหมาะสม บอก เวลา บอกจานวนเงิน และนาไปใช้ในสถานการณ์ตา่ งๆ จาแนกและบอกลักษณะของรูปหลายเหล่ียม วงกลม วงรี ทรงส่ีเหลี่ยมมุมฉาก ทรงงกลม ทรงกระบอก และกรวย เขยี นรปู หลายเหล่ยี ม วงกลมและวงรีโดยใช้แบบของรูป ระบุรูปเรขาคณิตท่ีมแี กนสมมาตรและ จานวนแกนสมมาตร และนาไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ อ่านและเขียนแผนภูมริ ปู ภาพ ตารางทางเดียว และนาไปใช้ในสถานการณต์ า่ งๆ จบชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี 6 อ่าน เขียนตวั เลข ตวั หนงั สอื แสดงจานวนนับ เศษส่วน ทศนิยมไม่เกนิ 3 ตาแหน่ง อตั ราส่วนและ รอ้ ยละ มคี วามรสู้ ึกเชิงจานวนมีทักษะการบวก การลบ การคูณ การหาร ประมาณผลลัพธ์ และนาไปใช้ใน สถานการณต์ ่างๆ
๑๐ อธิบายลกั ษณะและสมบัติของรูปเรขาคณิต หาความยาวรอบรูปและพ้ืนที่ของรูปเรขาคณิตสร้าง รูปสามเหลี่ยมรูปสี่เหลี่ยมและวงกลมหาปริมาตรและความจุของทรงสี่เหล่ียมมุมฉากและนาไปใช้ ใน สถานการณต์ ่างๆ นาเสนอข้อมูลในรูปแผนภูมิแท่ง ใช้ข้อมูลจากแผนภูมิแท่งแผนภูมิวงกลม ตารางสองทางและ กราฟเส้นในการอธิบายเหตกุ ารณ์ตา่ งๆและตัดสินใจ
๑๑ สำระและมำตรฐำนกำรเรียนรู้ สำระท่ี 1 จำนวนและพชี คณิต มาตรฐานค 1.1 เข้าใจถึงความหลากหลายของการแสดงจานวนระบบจานวนการดาเนินการของจานวนผลท่ี เกิดขึ้นจากการดาเนนิ การ สมบัติของการดาเนินการและนาไปใช้ มาตรฐาน ค 1.2 เข้าใจและวิเคราะห์แบบรูป ความสัมพันธ์ ฟงั กช์ ัน ลาดบั และอนุกรม และการนาไปใช้ มาตรฐาน ค 1.3ใช้นิพจน์ สมการ และอสมการ และเมทริกซ์ อธิบายความสมั พนั ธ์ หรือชว่ ยแก้ปัญหาที่ กาหนดให้ สำระที่ ๒ กำรวดั และเรขำคณติ มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพน้ื ฐานเกี่ยวกับการวดั วัดและคาดคะเนขนาดของส่งิ ที่ต้องการวดั และการนาไปใช้ มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหว่างรูป เรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช้ สำระที่ ๓ สถิติและควำมน่ำจะเป็น มาตรฐานค 3.1 เขา้ ใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรู้ทางสถติ ิ ในการแก้ปัญหา มาตรฐาน ค 3.2 เข้าใจหลักการเบื้องต้น ความน่าจะเป็นและการนาไปใช้
๑๒ สรปุ สำระ/มำตรฐำน/ตัวชี้วัด ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพ้นื ฐำน กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์ ระดบั ชั้น สาระ มาตรฐาน ตวั ชี้วดั ตอ้ งรู้ ควรรู้ รวม ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ 3 3 10 0 10 33 12 1 13 ประถมศึกษาปีที่ ๒ 46 27 1 28 ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ 33 21 1 22 ประถมศึกษาปีท่ี ๔ 33 19 0 19 ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ 66 31 0 31 ประถมศึกษาปที ี่ ๖
๑๓ โครงสรำ้ งหลักสตู รโรงเรยี น กล่มุ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ ระดับช้นั ประถมศกึ ษำ ระดบั ชน้ั รหสั วชิ ำ ช่อื รำยวิชำ นน เวลำเรียน ชม/ปี ประถมศึกษาปีที่ ๑ ค ๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์๑ 4 160 ประถมศึกษาปีที่ ๒ ค ๑๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์๒ 4 160 ประถมศึกษาปที ่ี ๓ ค ๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์๓ 4 160 ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ค ๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์๔ 4 160 ประถมศึกษาปที ี่ ๕ ค ๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์๕ 4 160 ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ค ๑๖๑๐๑ คณิตศาสตร์๖ 4 160
๑๔ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ตัวชี้วดั และสำระกำรเรยี นรูแ้ กนกลำง ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี 1 สำระที่ ๑ จำนวนและพีชคณิต มำตรฐำน ค ๑.๑ เข้ำใจควำมหลำกหลำยของกำรแสดงจำนวน ระบบจำนวน กำรดำเนนิ กำรของจำนวน ผลท่ี เกดิ ข้นึ จำกกำรดำเนนิ กำร สมบตั ขิ องกำรดำเนนิ กำร และนำไปใช้ ชน้ั ตัวช้ีวดั สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง ป.๑ ๑. บอกจานวนของสง่ิ ตา่ ง ๆ แสดงสิ่ง จานวนนับ ๑ ถงึ ๑๐๐ และ ๐ ต่าง ๆ ตามจานวนทก่ี าหนด อา่ นและ - การนับทลี ะ ๑ และทลี ะ ๑๐ เขยี นตัวเลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย - การอา่ นและการเขียนตวั เลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย แสดงจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐ และ ๐ แสดงจานวน ๒. เปรยี บเทียบจานวนนับไมเ่ กิน ๑๐๐ - การแสดงจานวนนับไม่เกนิ ๒๐ ในรูป และ ๐ โดยใช้เครือ่ งหมาย = ≠ >< ความสมั พันธข์ องจานวนแบบสว่ นยอ่ ย - ๓. เรยี งลาดบั จานวนนับไม่เกิน ๑๐๐ ส่วนรวม (part - whole relationship) และ ๐ ตัง้ แต่ ๓ ถึง ๕ จานวน - การบอกอนั ดบั ท่ี - หลกั คา่ ของเลขโดดในแตล่ ะหลักและ การเขยี นตัวเลขแสดงจานวนในรูปกระจาย - การเปรยี บเทยี บจานวนและการใช้ เคร่อื งหมาย = ≠ >< - การเรยี งลาดับจานวน ๔. หาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่าในประโยค การบวก การลบ จานวนนบั ๑ ถึง ๑๐๐ และ ๐ สญั ลักษณแ์ สดงการบวกและประโยค - ความหมายของการบวก ความหมาย สญั ลักษณ์แสดงการลบ ของการลบ การหาผลบวก การหาผลลบ ของจานวนนับไม่เกนิ ๑๐๐ และ ๐ และความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบ ๕. แสดงวิธหี า คาตอบของโจทยป์ ัญหา - การแก้โจทย์ปญหาการบวก โจทยป์ ญหา การบวก และโจทยป์ ัญหาการลบของ การลบ และการสร้างโจทยป์ ญหา จานวนนับไม่เกิน ๑๐๐ และ ๐ พร้อมทัง้ หาคาตอบ มำตรฐำน ค ๑.๒ เข้ำใจและวิเครำะห์แบบรูป ควำมสัมพันธ์ ฟงก์ชนั ลำดบั และอนุกรม และนำไปใช้ ชั้น ตวั ชี้วัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ป.๑ ๑. ระบจุ านวนที่หายไปในแบบรูปของ แบบรปู จานวนทเี่ พ่ิมขึ้นหรือลดลงทีละ ๑ และที - แบบรปู ของจานวนทเี่ พ่มิ ขึ้นหรือลดลง ละ ๑๐ และระบุรูปทห่ี ายไปในแบบรปู ทีละ ๑ และทลี ะ ๑๐ ซ้า ของรปู เรขาคณติ และรปู อ่ืน ๆ ท่ี - แบบรูปซ้าของจานวน รปู เรขาคณติ สมาชกิ และรูปอนื่ ๆ ในแต่ละชุดทซ่ี ้ามี ๒ รูป
๑๕ สำระท่ี ๒ กำรวัดและเรขำคณติ มำตรฐำน ค ๒.๑ เข้ำใจพ้ืนฐำนเกี่ยวกับกำรวดั วดั และคำดคะเนขนำดของสิง่ ทีต่ ้องกำรวัด และนำไปใช้ ชัน้ ตวั ช้ีวดั สำระกำรเรยี นรูแ้ กนกลำง ป.๑ ๑. วดั และเปรยี บเทียบความยาวเป็น ความยาว เซนติเมตร - การวดั ความยาวโดยใช้หน่วยทไี่ ม่ใช่หนว่ ยมาตรฐาน เป็นเมตร - การวดั ความยาวเปน็ เซนตเิ มตร เป็นเมตร - การเปรียบเทียบความยาวเปน็ เซนติเมตรเป็นเมตร - การแก้โจทยป์ ัญหาการบวก การลบเกี่ยวกับ ความยาวท่มี หี น่วยเป็นเซนติเมตร เปน็ เมตร ๒. วัดและเปรียบเทยี บนา้ หนักเป็น นา้ หนกั กโิ ลกรัม เป็นขดี - การวัดน้าหนกั โดยใชห้ นว่ ยที่ไม่ใชห่ น่วยมาตรฐาน - การวดั นา้ หนักเปน็ กโิ ลกรัม เป็นขีด - การเปรียบเทยี บนา้ หนกั เปน็ กโิ ลกรัม เปน็ ขีด - การแก้โจทยป์ ญหาการบวก การลบเกีย่ วกบั น้าหนกั ท่มี ีหนว่ ยเปน็ กิโลกรัม เปน็ ขีด มำตรฐำน ค ๒.๒ เข้ำใจและวิเครำะหร์ ูปเรขำคณิต สมบัติของรูปเรขำคณติ ควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำง รูปเรขำคณิต และทฤษฎบี ททำงเรขำคณิต และนำไปใช้ ชั้น ตวั ชีว้ ดั สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง ป.๑ ๑. จาแนกรปู สามเหลี่ยม รปู สเ่ี หลีย่ ม รปู เรขาคณติ สองมิติและรปู เรขาคณิตสามมิติ วงกลม วงรี ทรงสเ่ี หลยี่ มมมุ ฉาก ทรง - ลกั ษณะของทรงส่ีเหล่ยี มมุมฉาก ทรงกลมทรงกระบอก กลม ทรงกระบอก และกรวย กรวย - ลกั ษณะของรูปสามเหลย่ี ม รปู ส่เี หลย่ี ม วงกลม และ วงรี สำระที่ ๓ สถิติและควำมน่ำจะเปน็ มำตรฐำน ค ๓.๑ เข้ำใจกระบวนกำรทำงสถิติ และใช้ควำมรู้ทำงสถติ ใิ นกำรแก้ปญหำ ชั้น ตัวชี้วดั สำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง ป.๑ ๑.ใช้ข้อมูลจากแผนภมู ิรูปภาพในการหา การนาเสนอข้อมลู คาตอบของโจทยป์ ญหา เม่ือกาหนดรูป - การอา่ นแผนภูมริ ูปภาพ ๑ รปู แทน ๑ หน่วย
๑๖ ตัวชีว้ ดั และสำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำงต้องรู้และควรรู้ กลุ่มสำระกำรเรยี นรูค้ ณติ ศำสตร์ ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพ้นื ฐำน พทุ ธศกั รำช 2551 ท่ี มำตรฐำน/ ตัวชี้วดั รำยละเอยี ดตัวชี้วัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ต้องรู้ ควรรู้ 1 ค 1.1 ป .1/1 บอกจานวนของส่ิงต่างๆแสดงส่งิ จำนวนนบั 1 ถงึ 100 และ 0 ตา่ งๆตามจานวนท่ีกาหนดอา่ น - การนับทีละ 1 และทีละ 10 และเขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ - การอา่ นและการเขยี นตัวเลขฮนิ ดู ตวั เลขไทยแสดงจานวนนับไม่เกิน อารบกิ ตัวเลขไทยแสดงจานวน 100และ0 - การแสดงจานวนนบั ไมเ่ กนิ 20 ในรูป ความสัมพนั ธ์ของจานวน แบบส่วนย่อย - สว่ นรวม (part whole relationship) 2 ค 1.1 ป. 1/2 เปรียบเทียบจานวนนบั ไม่เกนิ - การบอกอันดบั ท่ี 100 และ0โดยใชเ้ คร่ืองหมา ย - หลัก ค่าของเลขโดดในแตล่ ะหลัก = ≠ >< และการเขียนตัวเลขแสดงจานวน ในรูปกระจาย - การเปรยี บเทียบจานวนและการ ใชเ้ คร่ืองหมาย = ≠ >< 3 ค 1.1 ป. 1/3 เรียงลาดับจานวนนับไม่เกนิ 100 - การเรียงลาดบั จานวน และ0ตั้งแต่ 3 ถงึ 5 จานวน 4 ค 1.1 ป. 1/4 หาคา่ ของตวั ไม่ทราบค่าใน กำรบวก กำรลบ จำนวนนับ 1 ประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการบวก ถึง 100 และ 0 และประโยคสัญลักษณ์ แสดงการ - ความหมายของการบวก ลบ ของจานวนนับไม่เกิน100 ความหมาย ของการลบ การหา และ0 ผลบวก การหาผลลบและความ สมั พนั ธ์ของการบวกและการลบ 5 ค 1.1 ป. 1/5 แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ - การแกโ้ จทยป์ ญั หาการบวก ปญั หาการบวกและโจทย์ปัญหา โจทย์ปญั หา การลบ และการสรา้ ง การลบของจานวนนับไม่เกนิ โจทยป์ ญั หา 100 และ 0 พรอ้ มทั้งหาค่าตอบ 6 ค 1.2 ป.1/1 ระบจุ านวนที่หายไปในแบบรูป แบบรูป ของจานวนทีเ่ พมิ่ ขนึ้ หรอื ลดลง ที - แบบรปู ของจานวนทเ่ี พิม่ ขึ้นหรอื ละ1และทลี ะ10 และระบุรปู ที่ ลดลงทลี ะ 1 และทีละ 10 หายไปในแบบรปู ซ้าของรปู - แบบรูปซ้าของจานวน รูป เรขาคณิตและรูปอ่นื ๆทส่ี มาชกิ ใน เรขาคณติ และรปู อ่นื ๆ แตล่ ะชดุ ท่ซี า้ มี 2 รูป ที่ มำตรฐำน/
๑๗ ตัวช้ีวดั รำยละเอียดตัวช้ีวดั สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง ต้องรู้ ควรรู้ 7 ค 2.1 ป.1/1 วัดและเปรยี บเทียบความยาวเป็น ควำมยำว เซนติเมตร เปน็ เมตร การวัดความยาวโดยใช้หนว่ ยที่ ไม่ใช่ หน่วยมาตรฐาน - การวดั ความยาวเปน็ เซนติเมตร เปน็ เมตร - การเปรียบเทียบความยาวเปน็ เซนตเิ มตร เปน็ เมตร - การแกโ้ จทยป์ ญั หาการบวก การ ลบเก่ียวกับ ความยาวที่มหี นว่ ยเป็น เซนตเิ มตรเป็นเมตร 8 ค 2.1 ป.1/2 วัดและเปรยี บเทยี บน้าหนักเป็น นำ้ หนัก กิโลกรัม เป็นขีด - การวัดน้าหนกั โดยใชห้ น่วยที่ไมใ่ ช่ หน่วย มาตรฐาน - การวัดน้าหนักเปน็ กิโลกรัม เป็นขีด - การเปรยี บเทียบนา้ หนกั เป็น กิโลกรมั เปน็ ขีด - การแก้โจทยป์ ัญหาการบวก การ ลบเกีย่ วกับ น้าหนกั ที่มหี น่วยเป็น กิโลกรัมเปน็ ขดี 9 ค 2.2 ป.1/1 จาแนกรปู สามเหลย่ี มรปู สี่เหล่ียม รูปเรขำคณิตสองมติ ิและ วงกลม วงรี ทรงส่ีเหลี่ยมมุมฉาก เรขำคณติ สำมมิติ ทรงกลมทรงกระบอกและกรวย - ลักษณะของทรงส่เี หล่ยี มมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย - ลกั ษณะของรปู สามเหลีย่ ม รูป สีเ่ หลย่ี ม วงกลม และวงรี 10 ค 3.1 ป.1/1 ใช้ขอ้ มลู จากแผนภมู ริ ูปภาพใน กำรนำเสนอข้อมลู การหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา - การอา่ นแผนภมู ิรูปภาพ เม่ือ กาหนดรปู 1 รปู แทน 1 หน่วย รวมตัวชวี้ ัด 10
๑๘ ตวั ช้ีวดั /ผลกำรเรยี นรูก้ ลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ คณิตศำสตร์ รำยวชิ ำคณิตศำสตร์ รหัสวิชำ ค 11101 ชน้ั ประถมศกึ ษำปีที่ 1 ที่ ตัวชวี ดั มำตรฐำน ภำค น้ำหนกั ภำค น้ำหนกั เรียนท่ี คะแนน เรียนท่ี คะแนน 1 2 1 บอกจานวนของสง่ิ ตา่ งๆแสดงสงิ่ ตา่ งๆตามจานวนท่ี กาหนดอ่านและเขียนตวั เลขฮินดอู ารบกิ ตัวเลขไทย 20 แสดงจานวนนบั ไม่เกนิ 100และ0 ค 1.1 ป.1/1 10 2 เปรยี บเทยี บจานวนนับไม่เกนิ 100 และ0โดยใช้ ค 1.1 ป.1/2 15 10 เคร่ืองหมาย = ≠ >< 3 เรียงลาดบั จานวนนบั ไม่เกนิ 100 และ0ต้ังแต่ 3 ถงึ 5 ค 1.1 ป.1/3 15 10 จานวน 4 หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการ บวกและประโยคสญั ลักษณ์ แสดงการ ลบ ของจานวน 20 นับไมเ่ กนิ 100 และ0 ค 1.1 ป.1/4 10 5 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวกและโจทย์ ค 1.1 ป.1/5 20 10 ปญั หาการลบของจานวนนบั ไม่เกิน 100 และ0 6 ระบจุ านวนท่ีหายไปในแบบรูปของจานวนที่เพม่ิ ขึน้ หรือลดลง ทีละ1และทลี ะ10 และระบุรปู ที่หายไปใน แบบรปู ซา้ ของรปู เรขาคณติ และรูปอนื่ ๆท่สี มาชกิ ในแต่ 10 ละชุดทซ่ี า้ มี 2 รปู ค 1.2 ป.1/1 10 7 10 วดั และเปรียบเทยี บความยาวเปน็ เซนตเิ มตร เปน็ เมตร ค 2.1 ป.1/1 8 10 วัดและเปรียบเทียบนา้ หนักเป็นกิโลกรมั เปน็ ขดี ค 2.1 ป.1/2 9 จาแนกรปู สามเหลยี่ มรปู สเี่ หลี่ยมวงกลม วงรี ทรง ส่เี หลี่ยมมุมฉากทรงกลมทรงกระบอกและกรวย ค 2.2 ป.1/1 10 10 ใช้ข้อมลู จากแผนภมู ิรปู ภาพในการหาคาตอบของโจทย์ 10 ปญั หาเมื่อ กาหนดรูป 1 รปู แทน 1 หน่วย ค 3.1 ป.1/1 รวม 6 100 10 100
๑๙ ตวั ช้ีวดั กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ ช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ 1 สำระท่ี ๑ จำนวนและพีชคณติ 1) ค 1.1 ป.1/1บอกจานวนของสง่ิ ตา่ งๆแสดงสง่ิ ตา่ งๆตามจานวนทีก่ าหนดอ่านและเขียนตวั เลขฮนิ ดอู ารบกิ ตัวเลขไทยแสดงจานวนนบั ไมเ่ กิน100และ0 2) ค 1.1 ป. 1/2เปรียบเทียบจานวนนบั ไมเ่ กนิ 100 และ0โดยใช้เครือ่ งหมา ย = ≠ >< 3) ค 1.1 ป. 1/3เรียงลาดับจานวนนับไม่เกิน100 และ0ตงั้ แต่ 3 ถึง 5 จานวน 4) ค 1.1 ป. 1/4หาคา่ ของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวกและประโยคสญั ลักษณ์แสดงการลบ ของจานวนนับไมเ่ กนิ 100 และ0 5)ค 1.1 ป. 1/5 แสดงวธิ หี าคาตอบของโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบของจานวนนับไม่เกิน 100 และ0 6) ค 1.2 ป. 1/1ระบจุ านวนท่ีหายไปในแบบรูปของจานวนที่เพิ่มข้ึนหรือลดลง ทลี ะ1และทีละ10 และระบุ รูปที่หายไปในแบบรปู ซ้าของรปู เรขาคณิตและรปู อ่ืนๆทสี่ มาชกิ ในแต่ละชดุ ทซี่ ้ามี 2 รูป สำระท่ี 2 กำรวัดและเรขำคณิต 7) ค 2.1 ป. 1/1วดั และเปรียบเทยี บความยาวเป็นเซนติเมตร เปน็ เมตร 8) ค 2.1 ป. 1/2 วดั และเปรียบเทยี บน้าหนกั เปน็ กโิ ลกรมั เป็นขดี 9) ค 2.2 ป. 1/1 จาแนกรปู สามเหลีย่ มรปู ส่เี หล่ยี มวงกลม วงรี ทรงสเ่ี หลี่ยมมุมฉากทรงกลมทรงกระบอกและ กรวย สำระท่ี 3 สถิติและควำมนำ่ จะเป็น 10) ค 3.1 ป. 1/1 ใช้ข้อมูลจากแผนภมู ิรปู ภาพในการหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาเม่ือ กาหนดรูป 1 รูป แทน 1 หนว่ ย
๒๐ วเิ ครำะห์มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ัด ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี 1 สำระที่ ๑ จำนวนและพชี คณติ มำตรฐำน ค1.1 เขำ้ ใจควำมหลำกหลำยของกำรแสดงจำนวนระบบจำนวนกำรดำเนินกำรของจำนวนผลท่ี เกดิ ขนึ้ จำกกำรดำเนินกำร สมบตั ิของกำรดำเนนิ กำรและนำไปใช้ การวิเคราะห์ มาตรฐาน/ตวั ช้วี ัด ความรู้ ทกั ษะ/กระบวนการ คณุ ลักษณะ (K) (P) อนั พงึ ประสงค์(A) ค 1.1ป. 1/1 บอกจานวนของสงิ่ - ตวั เลขฮนิ ดูอารบิก - เขยี น - ความกระตือรือรน้ - ตวั เลขไทย - อ่าน - กลา้ แสดงออก ต่างๆแสดงส่ิง ต่างๆตามจานวนท่ี -นับจานวน 1-10 - นับจานวน กาหนดอ่านและเขยี น เปน็ ภาษาอังกฤษ ในทางทด่ี ี ตวั เลขฮินดูอารบกิ ตวั เลขไทยแสดง -จานวนของส่ิงตา่ งๆ - การสอ่ื สาร ละสื่อ จานวนนับไม่เกนิ 100และ0 ทีไ่ ม่เกนิ 100 และ0 - มคี วามรบั ผิดชอบ -จานวนนับไมเ่ กนิ ความหมายทาง - เปน็ ผู้นาและผู้ 100 และ0 คณิตศาสตร์ - ความสมั พนั ธ์ของ ตามที่ดี จานวนแบบสว่ นยอ่ ย - การเชอ่ื มโยง - มีระเบียบวินยั ใน -การให้เหตุผล -ความคิดสร้างสรรค์ การทางาน - ประหยดั และอยู่ อย่างพอเพยี ง - ส่วนรวม ค 1.1 ป. 1/2เปรยี บเทียบจานวน - การเปรยี บเทยี บ - การสอ่ื สาร ละสอ่ื - สนใจใฝ่เรยี นรู้ นบั ไม่เกิน 100 และ 0 โดยใช้ จานวน เคร่ืองหมาย = ≠ >< - การใช้เครือ่ งหมาย ความหมายทาง = ≠ >< คณิตศาสตร์ - การเชื่อมโยง ค 1.1 ป. 1/3เรยี งลาดับจานวน - การเรยี งลาดับ - การสื่อสาร ละสื่อ -มุ่งมน่ั ในการ นับไมเ่ กิน100 และ0ตั้งแต่ 3 ถงึ จานวน 5 จานวน ความหมายทาง ทางาน คณิตศาสตร์ - การเชือ่ มโยง ค 1.1 ป. 1/4หาค่าของตวั ไม่ - การบวก -การใหเ้ หตุผล - มีระเบยี บวนิ ยั ใน ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์แสดง - การลบ การทางาน การบวกและประโยคสัญลักษณ์ -การบวก การลบ - การแกป้ ญั หา แสดงการลบ ของจานวนนับไม่เกนิ ระคนของจานวนนบั - การสือ่ สาร ละสอื่ 100 และ0 ไมเ่ กนิ 100 และ 0 ความหมายทาง คณติ ศาสตร์ - การเช่อื มโยง -ความคิดสรา้ งสรรค์
๒๑ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด ความรู้ การวิเคราะห์ คุณลกั ษณะ ค 1.1 ป. 1/5 แสดงวธิ หี าคาตอบ (K) ทักษะ/กระบวนการ อันพงึ ประสงค์(A) ของโจทย์ปญั หาการบวกและโจทย์ ปัญหาการลบของจานวนนับไมเ่ กนิ - การบวก (P) - มีระเบียบวินยั ใน 100 และ0 - การลบ การทางาน - โจทยป์ ญั หา - การแก้ปญั หา - โจทยป์ ัญหาระคน - การสอื่ สาร ละสอื่ ของจานวนนับไม่เกนิ 100 และ 0 ความหมายทาง คณิตศาสตร์ - การเชือ่ มโยง -การให้เหตผุ ล -ความคิดสรา้ งสรรค์ มำตรฐำน ค ๑.๒ เข้ำใจและวเิ ครำะหแ์ บบรปู ควำมสัมพันธ์ ฟงก์ชนั ลำดับและอนกุ รม และนำไปใช้ การวเิ คราะห์ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด ความรู้ ทักษะ/กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ (K) (P) อนั พึงประสงค์(A) ค 1.2 ป. 1/1ระบุจานวนทหี่ ายไป - แบบรปู ของจานวน - การสือ่ สาร ละสอ่ื - มีความสามารถใน ในแบบรูปของจานวนทเี่ พิม่ ขึ้นหรอื ทเ่ี พิ่มขึน้ หรอื ลดลง ความหมายทาง การค้นหาลกั ษณะท่ี ลดลง ทลี ะ 1 และทีละ10 และ ทีละ 1 และทลี ะ 10 คณติ ศาสตร์ เกิดขนึ้ ซ้า ๆ และ ระบุรูปทีห่ ายไปในแบบรปู ซ้าของ - แบบรปู ซา้ ของรปู - การเชื่อมโยง ประยกุ ต์ใชล้ กั ษณะ รปู เรขาคณติ และรปู อน่ื ๆทส่ี มาชิก เรขาคณิตและรปู ดงั กลา่ วเพ่ือทา ในแตล่ ะชดุ ทซี่ ้ามี 2 รปู อนื่ ๆทส่ี มาชิกในแต่ -การใหเ้ หตุผล ความเขา้ ใจหรือ ละชดุ ที่ซา้ มี 2 รปู -ความคิดสร้างสรรค์ แกป้ ญั หาใน สถานการณ์ต่างๆ - ม่งุ ม่นั ในการ ทางาน สำระท่ี 2 กำรวดั และเรขำคณติ มำตรฐำน ค ๒.๑ เข้ำใจพ้นื ฐำนเกี่ยวกบั กำรวดั วดั และคำดคะเนขนำดของสง่ิ ที่ต้องกำรวัด และนำไปใช้ การวิเคราะห์ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั ความรู้ ทกั ษะ/กระบวนการ คณุ ลักษณะ (K) (P) อันพึงประสงค์(A) ค 2.1 ป. 1/1วัดและเปรยี บเทยี บ - การวัดความยาว - การสื่อสาร ละส่อื - มีความมุมานะใน ความยาวเป็นเซนติเมตร เป็นเมตร -การเปรยี บเทียบ การทาความเขา้ ใจ ความยาวเป็น ความหมายทาง ปัญหาและ เซนติเมตร เป็นเมตร คณิตศาสตร์ แกป้ ัญหาทาง คณิตศาสตร์ - การเชื่อมโยง - มรี ะเบียบวนิ ยั ใน -การใหเ้ หตุผล การทางาน
๒๒ มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด ความรู้ การวเิ คราะห์ คณุ ลกั ษณะ ค 2.1 ป. 1/2 วดั และเปรียบเทยี บ (K) ทักษะ/กระบวนการ อันพงึ ประสงค์(A) นา้ หนักเปน็ กโิ ลกรัม เป็นขีด -การวัดนา้ หนกั (P) - มีความมุง่ มัน่ ใน การทางาน -การเปรียบเทียบ - การส่อื สาร ละสื่อ -มรี ะเบยี บวนิ ยั ใน นา้ หนกั เปน็ กิโลกรัม การทางาน เป็นขดี ความหมายทาง คณิตศาสตร์ - การเชื่อมโยง -การใหเ้ หตผุ ล ค 2.2 ป. 1/1 จาแนกรปู - จาแนกทรงส่เี หล่ยี ม - การแก้ปัญหา -มีระเบียบวินยั ใน สามเหลีย่ มรูปส่ีเหล่ียมวงกลม วงรี มุมฉาก ทรงกลม การทางาน ทรงสเ่ี หลีย่ มมมุ ฉากทรงกลม ทรงกระบอก - การเช่ือมโยง - มคี วามมุ่งม่นั ใน ทรงกระบอกและกรวย และกรวย การทางาน -จาแนกรปู -การให้เหตผุ ล -ความคดิ สร้างสรรค์ สามเหลย่ี ม รูป ส่ีเหล่ียม วงกลม และ วงรี ลักษณะรูป สามเหลี่ยม รปู ส่เี หลยี่ ม วงกลม วงรี สำระท่ี 3 สถิติและควำมน่ำจะเป็น ค ๓.๑ เข้ำใจกระบวนกำรทำงสถติ ิ และใช้ควำมร้ทู ำงสถิตใิ นกำรแกป้ ญหำ มาตรฐาน/ตัวช้วี ดั ความรู้ การวเิ คราะห์ คุณลักษณะ ค 3.1 ป. 1/1 ใช้ขอ้ มลู จากแผนภูมิ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ อันพงึ ประสงค์(A) รูปภาพในการหาคาตอบของโจทย์ ปญั หาเม่ือ กาหนดรูป 1 รปู แทน 1 - ใชข้ อ้ มลู จาก (P) - มีความมุมานะใน หนว่ ย แผนภมู ิรูปภาพใน การทาความเข้าใจ การหาคาตอบ - การแกป้ ญั หา ปัญหาและ ของโจทยป์ ัญหาเมื่อ - การส่ือสาร ละสอ่ื แกป้ ัญหาทาง กาหนด 1 รปู แทน คณิตศาสตร์ 1 หนว่ ย ความหมายทาง - มีระเบียบวินัยใน คณิตศาสตร์ การทางาน - การเชอ่ื มโยง -การให้เหตผุ ล
๒๓ รหัสวิชา ค11101 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพื้นฐำน กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ช่ือรายวชิ า คณิตศาสตร์ 1 ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 เวลา 160 ชวั่ โมง ศึกษา การอ่านและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจานวนนับ 1 ถึง 100 และ 0 ฝึกนับจานวน 1 - 10 เป็นภาษาในประเทศอาเซียนการแสดงจานวนไม่เกิน 20 ในรูปความสัมพันธ์ของ จานวนแบ่งส่วนย่อย – ส่วนรวม การบอกอันดับที่ หลัก ค่าประจาหลักและค่าของเลขโดดในแต่ละหลัก การเขียน แสดงจานวนในรูปกระจาย การเปรียบเทียบจานวนนับ 1 ถึง 100 และ 0 โดยใช้เครื่องหมาย = ><การ เรียงลาดับของจานวนนับ 1 ถึง 100 และ 0 ตั้งแต่ 3 ถึง 5 จานวน ความหมายของการบวก ความหมายของ การลบ การหาผลบวก การหาผลลบ การหาตวั มาทราบค่าในประโยคสัญลกั ษณ์ โจทย์ปัญหาการบวก โจทยป์ ัญหา การลบ การสร้างโจทย์ปญั หา รูปเรขาคณติ สองมิติ และรปู เรขาคณิตสามมติ ิ แบบรปู ของจานวนท่ีเพิ่มข้ึนหรอื ลดลง ทีละ 1 ทีละ 10 แบบรูปซ้าของจานวน รูปเรขาคณิตและรูปอื่นๆ การวัดความยาวโดยหน่วยท่ีไม่ใช่หน่วย มาตรฐาน การวัดและเปรียบเทียบความยาวเป็นเซนติเมตร เป็นเมตร โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาวที่มีหน่วยเป็น เซนติเมตรเป็นเมตร การวัดน้าหนักโดยใช้หน่วยที่ไม่ใช่หน่วยมาตรฐาน การวัดเปรียบเทียบน้าหนักเป็นกิโลกรั ม เป็นขดี โจทยป์ ัญหาเก่ยี วกับน้าหนกั ทม่ี ีหนว่ ยเปน็ กิโลกรัม เปน็ ขดี การอา่ นแผนภมู ิรปู ภาพ โดยการจัดประสบการณ์ หรือสร้างสถานการณ์ที่ใกล้ตัวผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า ฝึกทักษะ โดยการปฏิบัติ จริง ทดลอง สรุป รายงาน เพอ่ื พฒั นาทกั ษะกระบวนการในการคิดคานวณ การแกป้ ัญหา การใหเ้ หตผุ ล การส่ือสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ในการ เรียนรู้ส่ิงต่างๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์การปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัวและโรงเรียน เพื่อช่วยกันสร้างคนดีให้แก่บ้านเมืองรวมถึงการเตรียมความพร้อมต่อภัยพิบัติที่อาจเกิดข้ึน และการรักษา ส่ิงแวดล้อม เพื่อให้เห็นคุณค่ามีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานได้อย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบมีความ รับผิดชอบ มีวิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์เชื่อมั่นในตนเองสนับสนุนให้ผู้เรียนทางานเป็นและมีงานทาในท่ีสุดและ สามารถตดั สนิ ใจในสิ่งท่ีมีผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม ตัวชว้ี ัด ค ๑.๑ ป.๑/๒ ค ๑.๑ ป.๑/๓ ค ๑.๑ ป.๑/๑ ค ๑.๑ ป.๑/๕ ค ๑.๒ ป.๑/๑ ค ๑.๑ ป.๑/๔ ค ๒.๑ ป.๑/๒ ค ๒.๒ ป.๑/๑ ค ๒.๑ ป.๑/๑ ค ๓.๑ ป.๑/๑ รวมทั้งหมด ๑๐ ตัวช้ีวดั
๒๔ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรยี นรู้ คณิตศำสตร์ รำยวิชำพืน้ ฐำน ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี 1 รหสั ค 11101 ชือ่ รำยวชิ ำ คณติ ศำสตร์ 1เวลำเรียน 160 ช่ัวโมง บทที่ ช่ือหน่วย เวลำเรยี น (ช่ัวโมง ) จำนวนนับ ๑ ถึง ๑๐ และ ๐ (14) การนับหนง่ึ ถงึ ห้า และ ศูนย์ 1 1 การนับหนงึ่ ถงึ สิบ 1 1 การเขยี นตวั เลข และตวั หนังสือแสดงจานวนหนง่ึ และ สอง 1 1 การเขยี นตัวเลข และตัวหนงั สือแสดงจานวนสาม และ สี่ 1 1 การเขียนตัวเลข และตวั หนังสือแสดงจานวนหา้ และ ศูนย์ 1 1 การเขียนตัวเลข และตัวหนงั สือแสดงจานวนหก และ เจ็ด 1 1 การเขยี นตวั เลข และตัวหนังสอื แสดงจานวนแปด และ เกา้ 1 1 การเขียนตวั เลข และตัวหนังสือแสดงจานวนสบิ การเปรียบเทยี บจานวนนบั โดยการจบั คู่ 1 การเปรยี บเทียบจานวนนบั 1 ถงึ 10 และ 0 การเรียงลาดบั จานวน 1 ถงึ 10 และ 0 ความสัมพนั ธ์ของจานวนแบบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวมของจานวน 0 ถงึ 5 ความสมั พนั ธข์ องจานวนแบบสว่ นยอ่ ย-ส่วนรวมของจานวน 6 ถงึ 10 การบอกจานวนโดยไมต่ ้องนบั กำรบวกจำนวนสองจำนวนท่ผี ลบวกไม่เกิน ๑๐ (11) 1 การรวมจานวนสองจานวน 1 1 การบวกและประโยคสญั ลักษณ์ 1 1 การหาผลบวกโดยการวาดรูป 1 1 ศนู ยก์ ับการบวก 1 1 2 การบวกจานวนเดยี วกัน 1 การบวกท่ีมีผลบวกเป็น 10 1 ความสัมพนั ธ์ของจานวนแบบสว่ นย่อย-ส่วนรวมกบั การบวก การสลบั ท่ีของการบวก สถานการณ์การบวก โจทยป์ ัญหาการบวก การสร้างโจทย์ปัญหาการบวก
๒ บทท่ี ชื่อหน่วย เวลำเรยี น (ช่วั โมง ) กำรลบจำนวนสองจำนวนที่ตัวตั้งไม่เกนิ ๑๐ (11) การลบโดยการเอาออก 1 การลบโดยการเปรยี บเทียบ 1 การลบโดยความสมั พันธ์ของการบวกและการลบ 1 การลบด้วยศูนย์ 1 ความสมั พันธข์ องจานวนแบบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวมกบั การลบ 1 3 การหาผลลบโดยใช้กรอบสิบ (Ten Frame) 1 การหาผลลบโดยใชเ้ สน้ จานวน 1 การหาค่าของตัวไมท่ ราบคา่ ในประโยคสัญลกั ษณก์ ารบวก 1 และประโยคสัญลักษณ์การลบ สถานการณ์การลบ 1 โจทย์ปญั หาการลบ 1 การสรา้ งโจทย์ปัญหาการลบจากภาพ 1 การสร้างโจทย์ปญั หาการลบจากประโยคสัญลักษณ์ 1 จำนวนนับ ๑๑ ถงึ ๒๐ (9) การนบั สบิ เอ็ดถึงย่สี บิ 1 การแสดงจานวนนับสบิ เอด็ ถงึ ยสี่ ิบด้วยกรอบสิบ 1 การเขยี นตวั เลขและตัวหนังสือแสดงจานวนสิบเอด็ ถงึ ยส่ี บิ 1 4 การเขียนจานวนในรูปกระจาย 1 การเปรยี บเทียบจานวนโดยใช้เสน้ จานวน 1 การใชเ้ คร่ืองหมาย ><และ = 1 การเรยี งลาดบั จานวน 1 ความสมั พันธ์ของจานวนแบบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวม 2 กำรบวก กำรลบจำนวนนบั ไมเ่ กิน ๒0 (17) 1 การหาผลบวกโดยใชเ้ สน้ จานวน 1 1 การหาผลบวกโดยใชก้ ารบวกจานวนเดียวกนั 1 1 การหาผลบวกโดยการทาให้ครบสิบ 1 1 การบวกจานวนสามจานวน 1 1 การหาผลลบโดยใช้การวาดรปู 1 2 5 การหาผลลบโดยใชเ้ ส้นจานวน 2 การหาผลลบโดยใชก้ ารนับตอ่ 1 การลบจานวนสามจานวน 25 การหาค่าของตวั ไมท่ ราบค่า โจทย์ปญั หาการบวกและโจทย์ปญั หาการลบ (1) โจทย์ปญั หาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบ (2) โจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบ (3) การสรา้ งโจทย์ปัญหาจากภาพ
การสร้างโจทยป์ ัญหาจากประโยคสญั ลกั ษณ์ 26 1
๒ บทที่ ชื่อหน่วย เวลำเรียน (ช่วั โมง ) แผนภูมริ ปู ภำพ การอา่ นแผนภูมริ ปู ภาพอย่างงา่ ย (5) 1 6 การอ่านแผนภูมริ ภู าพ 2 รอยขดี กับแผนภมู ริ ปู ภาพ 2 กำรวดั นำ้ หนัก (10) 1 การวัดน้าหนกั โดยใช้เคร่ืองช่งั สองแขนอย่างง่าย 1 1 หน่วยน้าหนักทีไ่ ม่ใช่หนว่ ยมาตรฐาน 1 1 การวดั น้าหนกั เปน็ กิโลกรัมโดยใช้เคร่ืองช่งั สปรงิ 1 1 การคาดคะเนนา้ หนักเปน็ กโิ ลกรัม 1 2 7 การเปรียบเทียบนา้ หนักเป็นกิโลกรัม การวดั น้าหนักเปน็ ขีด การเปรยี บเทยี บน้าหนักเป็นขีด การแกป้ ัญหาการบวก การลบเกี่ยวกบั น้าหนัก การแก้ปัญหาการบวก การลบเกย่ี วกบั นา้ หนักดว้ ยตวั ไม่ ทราบคา่ กำรบอกตำแหน่งและอันดบั ท่ี (5) การบอกตาแหน่งของสิง่ ต่างๆ 1 8 การบอกอันดบั ทข่ี องสิง่ ตา่ งๆ 1 การแสดงสง่ิ ตา่ ง ๆ ตามตาแหน่งและอันดบั ที 2 การนาไปใช้ 1 รูปเรขำคณิต (12) ทรงสเี่ หลย่ี มมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย 1 ส่ิงรอบตัวกับทรงส่ีเหลีย่ มมมุ ฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก 1 และกรวย รูปสามเหลีย่ ม รูปสี่เหลย่ี ม วงกลม และวงรี 1 ลักษณะของรูปสามเหลย่ี ม รูปสี่เหล่ยี ม วงกลม และวงรี 2 9 การเขียนรูปสามเหลีย่ ม รปู สีเ่ หลย่ี ม วงกลมและวงรโี ดยใช้ 1 แบบของรปู การเขยี นรปู สามเหลยี่ ม รูปสี่เหล่ียม วงกลม และวงรี 1 โดยใชส้ ่งิ ของเป็นแบบ แบบรูปซ้าของรูปเรขาคณติ และรูปอืน่ ๆ 1 การหารปู ทห่ี ายไปในแบบรปู ซา้ ของรปู เรขาคณติ และรปู อ่ืนๆ 2 การสรา้ งแบบรปู ซ้าของรูปเรขาคณิตและรปู อ่นื ๆ 1 การนาไปใช้ 1 27
28 เวลำเรยี น บทท่ี ชอื่ หน่วย (ช่ัวโมง ) จำนวนนับ ๒๑ ถึง ๑๐๐ (15) การนบั ทีละ 10 2 จานวนนับ 21 ถงึ 30 1 จานวนนบั 31 ถึง 50 1 จานวนนับ 51 ถึง 100 1 หลกั คา่ ของเลขโดดในแต่ละหลกั ของจานวนนบั ไม่เกนิ 100 2 การเขียนแสดงจานวนในรปู กระจาย 1 1 10 การเปรียบเทียบจานวน 1 การเรียงลาดับจานวน 2 แบบรปู ของจานวนทเ่ี พิ่มขึน้ ทีละ 1 และแบบรปู ของจานวน ที่ลดลงทีละ 1 2 แบบรูปของจานวนทเ่ี พ่ิมขน้ึ ทีละ 10 และแบบรูปของ จานวนท่ลี ดลงทีละ 10 1 แบบรูปของจานวนบนตารางร้อย กำรวัดควำมยำว (11) การเปรยี บเทยี บความยาวของสง่ิ ตา่ ง ๆ 1 การวดั ความยาวโดยใช้หน่วยทีไ่ ม่ใช่หน่วยมาตรฐาน 1 การเปรียบเทยี บความยาวโดยใช้หนว่ ยท่ไี ม่ใชห่ น่วยมาตรฐาน 1 การวดั ความยาวเป็นเซนติเมตร 1 1 11 การคาดคะเนความยาวเปน็ เซนติเมตร 1 การวดั ความยาวเปน็ เมตร การเปรยี บเทียบความยาวทีม่ ีหน่วยเปน็ เซนตเิ มตร เป็นเมตร 1 โจทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบ (1) 2 โจทยป์ ญั หาการบวกและโจทยป์ ญั หาการลบ (2) 2 กำรบวกทผ่ี ลบวกไม่เกิน ๑๐๐ (10) 1 การบวกจานวนสองหลกั กับหนง่ึ หลกั ทีผ่ ลบวกไม่เกนิ 100 1 ไม่มีการทด 3 การบวกจานวนสองหลักกบั สองหลกั ทผ่ี ลบวกไม่เกิน 100 2 12 ไมม่ ีการทด 3 การบวกจานวนสองหลักกบั หนงึ่ หลักที่ผลบวกไม่เกนิ 100 มี การทด การหาผลบวกโดยการตัง้ บวกไมม่ ีการทด การหาผลบวกโดยการตงั้ บวกทีม่ ีการทด
29 บทที่ ชอ่ื หน่วย เวลำเรียน กำรลบจำนวนท่ตี วั ตั้งไมเ่ กนิ ๑๐๐ (ชั่วโมง ) การลบจานวนสองหลักกับจานวนหน่งึ หลกั ไม่มีการกระจาย การลบจานวนสองหลักกับจานวนสองหลักไม่มกี ารกระจาย (14) การลบจานวนสองหลักกับจานวนหนึ่งหลกั มีการกระจาย 1 การลบจานวนสองหลักกับจานวนสองหลกั มกี ารกระจาย 1 2 13 การหาผลลบโดยการตัง้ ลบไม่มกี ารกระจาย 2 การหาผลลบโดยการตง้ั ลบมีการกระจาย 2 ความสมั พันธข์ องการบวกและการลบ การหาคา่ ของตวั ไมท่ ราบค่า (1) 2 การหาค่าของตวั ไม่ทราบคา่ (2) 2 โจทย์ปัญหำกำรบวก 1 สถานการณ์การบวก (1) 1 สถานการณ์การบวก (2) (16) สถานการณ์การลบ (1) 1 สถานการณ์การลบ (2) 1 1 โจทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบ (1) 1 2 14 โจทย์ปัญหาการบวกและโจทยป์ ญั หาการลบ (2) 2 โจทย์ปญั หาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบ (3) 2 2 โจทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบ (4) 2 1 โจทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ญั หาการลบ (5) 1 การสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบจากภาพ การสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบ จากประโยคสัญลกั ษณ์
ตำรำงสรปุ กำรวเิ ครำะ รำยวิชำ คณติ ค.1 ที่ บทท่ี 1.1 1 1 23 4 5 1 1 จานวนนับ 1 ถึง 10 และ 0 2 การบวกจานวนสองจานวนท่ีผลบวก ไมเ่ กิน 10 3 การลบจานวนสองจานวนท่ีตัวต้ังไม่ เกิน 10 4 จานวนนบั 11 ถึง 20 5 การบวก การลบ จานวนนบั ไมเ่ กนิ 20 6 แผนภมู ิรูปภาพ 7 การวัดนา้ หนัก 8 การบอกตาแหน่งและอันดับท่ี
ะหม์ ำตรฐำนและตวั ชี้วัด ตศำสตร์ ชน้ั ป.1 ค.2 ค.3 3.1 1.2 2.1 2.2 1 รวม ชม. 12 1 3 14 2 11 2 11 39 3 17 15 8 10 05 ๓๐
ตำรำงสรุปกำรวเิ ครำะ รำยวชิ ำ คณติ ที่ บทที่ ค.1 1.1 1 9 รปู เรขาคณิต 1 23 4 5 1 10 จานวนนบั 21 ถงึ 100 11 การวดั ความยาว 12 การบวกจานวนที่ผลบวกไม่เกิน 100 13 การลบจานวนทีต่ วั ต้งั ไม่เกิน 100 รวม 14 โจทยป์ ัญหาการบวกและโจทย์ ปัญหาการลบ
ะห์มำตรฐำนและตัวช้ีวัด ตศำสตร์ ชน้ั ป.1 ค.2 ค.3 3.1 1.2 2.1 2.2 1 รวม ชม. 12 1 2 12 4 15 1 11 2 10 2 14 2 16 160
โครงสร รำยวชิ ำพืน้ ฐำน กลุ่ม ชือ่ รำยวชิ ำ คณิตศำสตร์ 1 รหสั วิชำ ค111 ท่ี ชอ่ื หน่วยกำรเรียนรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรียนรู้ 1 จำนวนนับ 1 ถึง ค 1.1 ป.1/1 ∙การนับทลี ะ 1 และทีละ 10 10 และ 0 ค 1.1 ป.1/2 ค 1.1 ป.1/3 ∙การอา่ นและการเขียนตวั เลขฮิน ตัวเลขไทยแสดงจานวน ∙การแสดงจานวนนับไมเ่ กิน 20 ความสมั พนั ธข์ องจานวนแบบส่ว ส่วนรวม (Part – Whole Relat ∙การเปรยี บเทยี บจานวนและกา เครือ่ งหมาย = ≠>< ∙การเรียงลาดับจานวน
รำ้ งรำยวชิ ำ มสำระกำรเรียนรคู้ ณิตศำสตร์ 101 ช้ันประถมศึกษำปีที่ 1เวลำ 160ชัว่ โมง สำระสำคญั เวลำ (ชั่วโมง ) บอกจานวนของส่ิงต่าง ๆ ได้จากการนบั หนงึ่ สอง สาม ( 14 ) ส่ี ห้า หก เจ็ด แปด เกา้ สบิ นดอู ารบิก ถ้าไม่มีส่งิ ของอยเู่ ลย ถอื ว่ามีจานวนเปน็ ศูนย์ 0 ในรปู วนยอ่ ย- จานวน หนึง่ สอง สาม ส่ี ห้าหก เจ็ด แปด เก้า สบิ tionship) ารใช้ เปน็ จานวนนับท่เี พิ่มขึน้ ทลี ะ 1 ตัวเลขฮินดูอารบกิ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ตัวเลข ไทย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ตัวหนังสอื หนึง่ สอง สาม ส่ี หา้ หก เจด็ แปด เก้า สบิ เปน็ สัญลักษณใ์ ช้เขียนแสดงจานวน ไม่เทา่ กัน เทา่ กนั มากกวา่ นอ้ ยกว่า เป็นคาท่ใี ช้ในการ เปรียบเทียบจานวน โดยอาจใชก้ ารจบั ค่กู นั ของส่งิ ของทจี่ ะ นามาเปรียบเทียบกนั การเรยี งลาดับจานวนจากมากไปน้อย หรือจากน้อยไปมาก อาจทาไดโ้ ดยพจิ ารณาจานวนทีม่ ากที่สดุ และน้อยทส่ี ุดกอ่ น แลว้ นาจานวนที่เหลือมาเปรยี บเทียบกนั ความสัมพันธข์ องจานวนแบบส่วนย่อย – ส่วนรวม เป็น การเขยี นแสดงจานวนที่เปน็ ส่วนรวมในรปู ของจานวนสอง จานวนท่เี ป็นส่วนยอ่ ย บอกจานวนของสิง่ ตา่ ง ๆ ได้โดยไมต่ ้องนบั
โครงสร รำยวิชำพนื้ ฐำน กลุ่ม ช่อื รำยวิชำ คณติ ศำสตร์ 1 รหัสวิชำ ค 1110 ท่ี ช่ือหน่วยกำรเรียนรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรียนรู้ 2 กำรบวกจำนวนสอง ค 1.1 ป.1/4 ∙ความหมายของการบวก ความห จำนวนที่ผลบวกไม่ ค 1.1 ป.1/5 ของการลบ การหาผลบวก การห เกนิ 10 ผลลบ และความสัมพนั ธข์ องการ และการลบ ∙การแกโ้ จทย์ปญั หาการบวก โจท ปัญหาการลบ และการสรา้ งโจท ปญั หา พร้อมทัง้ หาคาตอบ
ร้ำงรำยวิชำ เวลำ มสำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ (ช่ัวโมง ) 01 ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี 1 เวลำ 160 ช่วั โมง ( 11) สำระสำคญั หมาย จานวนสองจานวนรวมกนั หาจานวนท้ังหมดได้ดว้ ย หา การนับเขียนเป็นประโยคสญั ลักษณ์การบวกได้เชน่ 1 รบวก + 2 = 3 การหาผลบวกทาไดห้ ลายวิธไี ดแ้ กก่ ารวาดรูป ทย์ จานวนใดบวกกบั 0 ผลบวกจะเท่ากับจานวนน้นั ทย์ จานวนเดียวกนั บวกกันและมีผลบวกไมเ่ กิน 10 ไดแ้ ก่ 1+1 = 2, 2+2 = 4, 3+3 = 6, 4+4 = 8, 5+5 = 10 จานวนแสดงจานวนท่บี วกกันได้ 10 ไดแ้ ก่ 1 กบั 9, 2 กบั 8, 3 กับ 7, 4 กับ 6, 5 กบั 5, 6 กบั 4, 7 กบั 3, 8 กับ 2, 9 กบั 1, 10 กบั 0, 0 กบั 10 ความสัมพันธ์แบบส่วนยอ่ ย – สว่ นรวมกบั การบวก จานวนสองจานวนบวกกนั สามารถสลบั ทก่ี ันได้ เน่ืองจากผลบวกเทา่ กนั เร่อื งราวทีแ่ สดงให้เห็นถงึ การนาจานวนมารวมกันเป็น สถานการณ์การบวก การแก้ปัญหาทาไดโ้ ดยอ่านทาความเขา้ ใจปัญหา วางแผนซง่ึ อาจใช้การวาดภาพหาคาตอบและ ตรวจสอบความสมเหตุสมผล
โครงสร รำยวชิ ำพ้นื ฐำน กลุ่ม ช่ือรำยวชิ ำ คณิตศำสตร์ 1 รหสั วิชำ ค 1110 ที่ ช่อื หน่วยกำรเรยี นรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรียนรู้ 3 กำรลบจำนวนสอง ค 1.1 ป.1/4 ∙ความหมายของการบวก จำนวนที่ตัวตงั้ ไม่ ค 1.1 ป.1/5 ความหมายของการลบ การหา เกนิ 10 ผลบวก การหาผลลบ และ ความสมั พันธ์ของการบวก และการลบ ∙การแกโ้ จทย์ปัญหาการบวก โจทยป์ ญั หาการลบ และการสรา้ ง โจทยป์ ัญหา พร้อมทัง้ หาคาตอบ
รำ้ งรำยวชิ ำ มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ 01 ชั้นประถมศึกษำปีท่ี 1 เวลำ 160 ชวั่ โมง สำระสำคัญ เวลำ (ชวั่ โมง ) การหาผลลบโดยการเอาออก 8 เอาออก 3 เหลอื 5 ( 11 ) เขยี นเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์ 8 – 3 = 5 อา่ นวา่ แปดลบดว้ ยสามเทา่ กบั ห้า 8 เปน็ ตัว ตงั้ 3 เปน็ ตวั ลบ 5 เป็นผลลบ “ – ” เรียกวา่ เครื่องหมายลบและ “ = ” เรียกว่า เครอื่ งหมายเทา่ กบั การนาจานวนหนง่ึ ออกจากจานวนท้งั หมดสามารถหาจานวนทเี่ หลือด้วยการลบโดย จานวนทั้งหมดเปน็ ตัวตงั้ จานวนทีเ่ อาออกเปน็ ตัวลบจานวนทเ่ี หลือเป็นผลลบ การเปรยี บเทยี บจานวนสองจานวนวา่ มากกวา่ กนั หรือน้อยกว่ากันเทา่ ไรทาไดด้ ว้ ยการ ลบโดยจานวนทีม่ ากกว่าเปน็ ตวั ตงั้ จานวนทนี่ ้อยกว่าเป็นตวั ลบ เมอื่ รูจ้ านวนทง้ั หมดทีเ่ ปน็ การรวมของจานวนสองจานวน (ส่วนรวม) และร้จู านวน หน่งึ ในสองจานวน (ส่วนยอ่ ย) เราสามารถหาอกี จานวนหนงึ่ ไดด้ ้วยการลบโดยจานวน ท้งั หมดเป็นตัวตั้ง จานวนใดลบด้วยศนู ยไ์ ด้ผลลบเท่ากับจานวนนน้ั ผลบวกของสองจานวนลบด้วยจานวนใดจานวนหนง่ึ ในสองจานวนนน้ั จะไดผ้ ลลบ เท่ากบั จานวนที่เหลอื เชน่ 2 + 5 = 7 , 7 – 5 = 2 สามารถใช้ความสัมพนั ธ์ของการบวกและการลบในการหาค่าตวั ไมท่ ราบค่าในประโยค สัญลักษณก์ ารบวกและประโยคสญั ลักษณ์การลบ สถานการณ์ต่อไปนเี้ ปน็ สถานการณก์ ารลบ 1. แสดงการเอาออกเพื่อหาจานวนที่เหลอื 2. แสดงการเปรยี บเทยี บเพอ่ื หาวา่ มากกว่าหรือ น้อยกว่ากนั อยู่เทา่ ไร 3. แสดงการหาจานวนหนึง่ เมอ่ื รอู้ ีกจานวนหนงึ่ และจานวนทั้งหมด การแกป้ ัญหาทาไดโ้ ดยอ่านทาความเขา้ ใจปญั หาวางแผนวธิ คี ดิ ซง่ึ อาจใชก้ ารวาดภาพ หาคาตอบและตรวจสอบความสมเหตสุ มผล การสรา้ งโจทยป์ ญั หามสี ่วนทโ่ี จทยบ์ อกและสว่ นที่โจทยถ์ าม
โครงสร รำยวชิ ำพ้นื ฐำน กลุ่ม ชือ่ รำยวชิ ำ คณติ ศำสตร์ 1 รหสั วิชำ ค 1110 ที่ ช่ือหน่วยกำรเรยี นรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรยี นรู้ 4 จำนวนนบั 11 ถงึ ค 1.1 ป.1/1 ∙การนับทลี ะ 1 และทีละ 10 20 ค1.1 ป.1/2 ค 1.1 ป.1/3 ∙การอ่านและการเขยี นตวั เลขฮิน ∙ตัวเลขไทยแสดงจานวน ∙การแสดงจานวนนบั ไมเ่ กิน 20 ความสมั พนั ธ์ของจานวนแบบสว่ สว่ นรวม (Part - Whole Relationship) ∙การบอกอันดับที่ ∙หลกั คา่ ของเลขโดดในแตล่ ะหล เขยี นตัวเลขแสดงจานวนในรูปก ∙การเปรียบเทียบจานวนและกา เครือ่ งหมาย = ≠>< ∙การเรียงลาดับจานวน
ร้ำงรำยวิชำ มสำระกำรเรยี นรูค้ ณติ ศำสตร์ 01 ชัน้ ประถมศึกษำปีที่ 1 เวลำ 160 ชั่วโมง สำระสำคญั เวลำ (ชัว่ โมง ) บอกจานวนของสิ่งตา่ งๆได้จากการนบั สิบเอด็ สบิ สอง สบิ สามสิบส่ีสบิ ห้า สิบหกสบิ เจด็ สิบแปดสิบเกา้ ยส่ี ิบ ( 9) นดูอารบิก จานวนสบิ เอด็ สิบสองสิบสามสบิ สสี่ บิ หา้ สบิ หกสบิ เจด็ สบิ แปดสบิ เกา้ ย่สี ิบ 0ในรูป วนย่อย- ความสมั พันธ์ของจานวนแบบส่วนยอ่ ย–ส่วนรวมเปน็ การเขียนแสดงจานวนท่ีเปน็ สว่ นรวมในรปู ของจานวน ลัก และการ สองจานวนท่เี ป็นส่วนยอ่ ย กระจาย ารใช้ ตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ตวั เลขไทย๑๑๑๒๑๓๑๔๑๕๑๖๑๗๑๘๑๙๒๐ ตัวหนงั สอื สบิ เอด็ สบิ สองสิบสามสบิ ส่สี บิ ห้าสบิ หกสิบ เจ็ดสบิ แปดสบิ เก้ายส่ี บิ เปน็ สัญลักษณ์ใชเ้ ขยี นแสดง จานวน ไมเ่ ท่ากนั เทา่ กันมากกวา่ น้อยกว่าเป็นคาที่ใช้ในการ เปรยี บเทียบจานวนโดยอาจใช้การจับคูก่ ันของสิ่งของท่ี จะนามาเปรียบเทยี บ การเรียงลาดบั จานวนจากมากไปน้อยหรือจากน้อยไป มาก อาจทาได้โดยพิจารณาจานวนทีม่ ากท่ีสดุ และน้อย ท่สี ุดกอ่ น แลว้ นาจานวนทีเ่ หลือเปรยี บเทยี บกนั
โครงสร รำยวชิ ำพ้ืนฐำน กลุ่ม ชือ่ รำยวชิ ำ คณติ ศำสตร์ 1 รหสั วิชำ ค 1110 ที่ ชอ่ื หน่วยกำรเรียนรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรียนรู้ 5 กำรบวก กำรลบ ค 1.1 ป.1/4 ∙ความหมายของการบวก จำนวนนับไม่เกนิ ค 1.1 ป.1/5 ความหมายของการลบ การหา 20 ผลบวก การหาผลลบ และ ความสมั พันธข์ องการบวก และการลบ ∙การแก้โจทย์ปัญหาการบวก โจทยป์ ัญหาการลบ และการสรา้ ง โจทย์ปัญหา พร้อมท้งั หาคาตอบ
ร้ำงรำยวิชำ มสำระกำรเรียนรูค้ ณิตศำสตร์ 01 ชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี 1 เวลำ 160 ช่ัวโมง สำระสำคัญ เวลำ (ชัว่ โมง ) การบวกจานวนสองจานวน สามารถหาผลบวกโดยใชก้ ารนับต่อ ( 17) การหาผลบวกโดยใชก้ ารนับต่อถา้ นบั ต่อจากจานวนท่ีมากกว่าจะทาให้หา ผลบวกได้เร็วกวา่ การบวกจานวนสองจานวนสามารถหาผลบวกโดยใช้เส้นจานวน การหาผลบวกของจานวนสองจานวนอาจใชผ้ ลบวกของจานวนเดียวกนั สอง จานวนชว่ ยในการหาผลบวก การหาผลบวกของจานวนสองจานวนอาจใช้การทาให้ครบสิบ การบวกจานวนสามจานวนจะบวกสองจานวนใดก่อนก็ได้แลว้ บวกจานวนที่ เหลอื ผลบวกเท่ากนั ถา้ มีสองจานวนใดทีบ่ วกครบสิบใหบ้ วกสองจานวนนน้ั ก่อนแลว้ บวกจานวนทเี่ หลือ เราสามารถหาผลลบโดยใชก้ ารวาดรปู เราสามารถหาผลลบโดยใช้เสน้ จานวน เราสามารถหาผลลบโดยใชก้ ารนบั ตอ่ โดยนับต่อจากตัวลบไปถงึ ตัวต้งั จานวนครงั้ ในการนบั ต่อเป็นผลลบ การลบจานวนสามจานวนสามารถนาตัวตง้ั ลบด้วยตวั ลบ 1 หรือตัวลบ 2 ก่อน แล้วลบด้วยตวั ลบที่เหลอื เราอาจใช้การนบั ตอ่ หรือเส้นจานวนหรอื ความสมั พันธข์ องการบวกและการลบ ชว่ ยในการหาคา่ ของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสัญลักษณก์ ารบวกและประโยค สญั ลักษณ์การลบ การแก้โจทย์ปัญหาทาได้โดยอ่านทาความเขา้ ใจปัญหาวางแผนวิธคี ิดซ่ึงอาจใช้ การวาดรูปหาคาตอบและตรวจสอบความสมเหตุสมผล การสร้างโจทยป์ ัญหาต้องมที ั้งส่งิ ท่โี จทยบ์ อกและสิ่งทีโ่ จทย์ถาม
โครงสร รำยวิชำพนื้ ฐำน กลุ่ม ชอ่ื รำยวชิ ำ คณติ ศำสตร์ 1 รหัสวิชำ ค 1110 ท่ี ชือ่ หน่วยกำรเรยี นรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรียนรู้ 6 แผนภูมริ ปู ภำพ ค 3.1 ป.1/1 ∙การอ่านแผนภูมริ ปู ภาพ
ร้ำงรำยวชิ ำ เวลำ มสำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ (ชั่วโมง ) 01 ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี 1 เวลำ 160 ชัว่ โมง ( 5) สำระสำคัญ แผนภูมริ ูปภาพเปน็ การใช้รูปภาพแสดงจานวน ของสงิ่ ต่างๆ สว่ นท้ายของแผนภมู ิคอื ขอ้ กาหนดของแผนภมู ิ รูปภาพรปู ภาพที่แทนสง่ิ เดียวกนั ต้องเปน็ รปู ภาพที่เหมือนกันและมีขนาดเทา่ กัน รอยขดี | ใชใ้ นการบันทึกขอ้ มูลแลว้ นาข้อมูลมา แสดงเป็นแผนภมู ริ ูปภาพโดยรปู ภาพ 1 รูป แทนรอยขดี 1 ขดี
โครงสร รำยวิชำพนื้ ฐำน กลุ่ม ชื่อรำยวิชำ คณิตศำสตร์ 1 รหัสวิชำ ค 1110 ที่ ชือ่ หน่วยกำรเรยี นรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรยี นรู้ 7 กำรวดั นำ้ หนัก ค 3.1 ป.1/1 ∙การวัดนา้ หนกั โดยใช้หนว่ ยท่ีไม หนว่ ยมาตรฐาน ∙การวดั นา้ หนักเป็นกิโลกรมั เปน็ ∙การเปรยี บเทียบนา้ หนักเปน็ กิโล เปน็ ขีด ∙การแก้โจทย์ปัญหาการบวก กา เก่ียวกบั น้าหนักทีม่ หี น่วยเป็นกิโล เปน็ ขดี
ร้ำงรำยวชิ ำ เวลำ มสำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ (ชว่ั โมง ) 01 ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี 1 เวลำ 160 ชว่ั โมง ( 10) สำระสำคญั ม่ใช่ สง่ิ ของสองส่ิงที่อยูบ่ นเครื่องช่ังสองแขนอยา่ งง่ายส่งิ ใดอยูใ่ นระดับตา่ กว่าส่ิงนัน้ จะหนักกว่าหรือสิ่งใดอยใู่ นระดบั สงู กว่าสิ่งน้นั จะเบากวา่ นขดี และถา้ สิ่งของสองส่ิงน้นั อยูใ่ นระดบั เดียวกนั สงิ่ ของสองส่งิ นั้นจะ ลกรมั หนักเทา่ กนั การบอกน้าหนักของสิ่งของทาได้โดยการชัง่ ดว้ ยเคร่ืองชงั่ สองแขน ารลบ อย่างง่ายเราสามารถนาวัตถทุ ี่มีนา้ หนักเทา่ ๆกันเช่นลูกแก้วฝาขวด ลกรัม น้าบลอ็ กไม้มาเปน็ หนว่ ยในการบอกนา้ หนัก การใชเ้ ครอื่ งช่ังสปรงิ เมื่อชั่งสง่ิ ของจะอา่ นนา้ หนกั โดยดูตัวเลขทีเ่ ข็ม ชีก้ อ่ นชง่ั สงิ่ ของเข็มชี้น้าหนกั อยู่ที่ตัวเลข 0 นา้ หนกั 1 กโิ ลกรมั เทา่ กับ 10 ขีดการบอกนา้ หนกั ของสิง่ ของตา่ งๆ อาจบอกเปน็ ขดี หรือกิโลกรัม การคาดคะเนน้าหนักของส่งิ ของต่างๆเป็นการบอกน้าหนักโดยไมใ่ ช้ เครือ่ งชัง่ แต่อาจบอกน้าหนักไดโ้ ดยเทยี บกับนา้ หนัก 1 กโิ ลกรมั หรือ 2 กิโลกรมั การเปรยี บเทยี บนา้ หนักของส่ิง 2 สิ่งท่มี หี น่วยเป็นกิโลกรัมเป็นการ บอกวา่ สง่ิ ใดหนักเทา่ กนั หนกั กวา่ หรอื เบากวา่ กนั อยู่เท่าใด การเปรียบเทียบนา้ หนักของส่ิง 2 ส่ิงทม่ี ีหนว่ ยเป็นขดี เป็นการบอก นา้ หนักทหี่ นักกวา่ เบากว่าหรือเทา่ กัน การแกป้ ัญหาทาได้โดยอา่ นทาความเขา้ ใจปญั หาวางแผนแก้ปัญหา ซ่งึ อาจใชก้ ารวาดภาพหาคาตอบและตรวจสอบความสมเหตุสมผล
โครงสร รำยวชิ ำพนื้ ฐำน กลุ่ม ชอ่ื รำยวชิ ำ คณิตศำสตร์ 1 รหัสวิชำ ค 1110 บทที่ ชือ่ หน่วยกำรเรยี นรู้ มฐ / ตชว. สำระกำรเรยี นรู้ 8 กำรบอกตำแหนง่ - ∙การบอกอนั ดบั ที และอันดบั ท่ี โครงสร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131