บทท่ี 4 ปฏิสมั พนั ธก ารเรยี นการสอนแบบอเี ลริ น นงิ ตารางท่ี 4.1 ลกั ษณะการใชเ้ ทคโนโลยที เ่ี ออ้ื ต่อการเขยี นวกิ ริ ว่ มกนั นอกจากน้ีการเลอื กใช้เทคโนโลยที ่เี อ้อื ต่อการมปี ฏสิ มั พนั ธใ์ นการเรยี นและการทํางานร่วมกนั ใน อเี ลริ น์ นงิ สามารถ ทาํ ไดห้ ลายรปู แบบ ไดแ้ ก่ 1) แบบตดิ ตงั้ ชุดคําสงั่ ทเ่ี รยี กว่า Wiki Software ในระบบคอมพวิ เตอรแ์ ม่ข่าย (Server computer) ของหน่วยงานได้ ซง่ึ เป็นซอฟตแ์ วรป์ ระเภท open source สามารถหาดาวน์ โหลดโปรแกรมเพ่อื ตดิ ตงั้ กบั ระบบคอมพวิ เตอรแ์ มข่ า่ ยภายในหน่วยงานได้ เชน่ Twiki และ Mediawiki เป็นตน้ 2) แบบทไ่ี มต่ อ้ งตดิ ตงั้ โปรแกรม แต่เป็นการทาํ งานผ่านเวริ ล์ ไวดเ์ วบ็ ซง่ึ มที งั้ แบบใหใ้ ชบ้ รกิ ารโดย ไม่คดิ ค่าธรรมเนียม ไดแ้ ก่ Google Docs เป็นตน้ หรอื แบบทค่ี ดิ ค่าใชบ้ รกิ าร ไดแ้ ก่ Pbwiki, Wikispaces เป็นตน้ 3) แบบทต่ี ดิ ตงั้ ร่วมอย่ใู นระบบบรหิ ารจดั การการเรยี นรู้ (Learning Management System) เช่น Moodle Blackboard, Design 2Learn เป็นตน้ อีเลริ น นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 89
บทท่ี 4 ปฏสิ มั พนั ธการเรยี นการสอนแบบอีเลิรน นิง 2. รปู แบบปฏิสมั พนั ธใ์ นการเรียนแบบอีเลิรน์ นิง จากนยิ ามและแนวคดิ ปฏสิ มั พนั ธใ์ นการเรยี นแบบอเี ลริ น์ นิงทก่ี ล่าวมาขา้ งตน้ แลว้ สามารถนําเสนอ รปู แบบปฏสิ มั พนั ธเ์ ป็น 2 รปู แบบ ไดแ้ ก่ (1) ปฏสิ มั พนั ธก์ บั เน้ือหาบทเรยี น และ (2) ปฏสิ มั พนั ธท์ างสงั คม โดยมรี ายละเอยี ด 1. รปู แบบปฏสิ มั พนั ธก์ บั เน้ือหาบทเรยี นนนั้ มลี กั ษณะของการออกแบบโดยใชส้ ถานการณ์ จาํ ลอง และใหผ้ ลยอ้ นกลบั ทนั ที ใชค้ าํ ถาม ควบคุมลําดบั การเรยี น จดั ลําดบั และปฏสิ มั พนั ธอ์ ่นื ๆ ระหว่าง ผเู้ รยี นกบั เน้อื หา 2. รปู แบบปฏสิ มั พนั ธท์ างสงั คมนนั้ มลี กั ษณะของการออกแบบโดย ใชก้ ารสอ่ื สารสองทาง ระหว่าง ผสู้ อน กบั ผเู้ รยี น ผเู้ รยี น กบั ผูเ้ รยี น และผเู้ รยี นกบั กลุ่มผเู้ รยี นดว้ ยกนั โดยมที งั้ แบบประสานเวลา มโี ต้ตอบทนั ทใี นเวลาเดยี วกนั และแบบไม่ประสานเวลา เคร่อื งมอื ส่อื สาร เช่น จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-mail) การสอ่ื สารทางเสยี ง (voice mail) กระดานสนทนา(discussion board) กระดานขา่ ว(bulletin boards) หอ้ งสนทนา (chat rooms) และ การประชุมทางไกล (online conferences) สรุปตามรปู แบบปฏสิ มั พนั ธท์ าง สงั คมพรอ้ มแสดงเครอ่ื งมอื สอ่ื สารทางอนิ เทอรเ์ น็ต ดงั น้ี ปฏิสมั พนั ธ์ เครอื่ งมือ ผเู้ รยี น กบั ผเู้ รยี น e-mail, online chat, Voice mail, online telephone ผเู้ รียน กบั ชนั้ เรยี น (กล่มุ ผเู้ รยี น) e-mail, chat, Voice mail Videoconference, Discussion board ผสู้ อน กบั ชนั้ เรียน (กลมุ่ ผเู้ รยี น) e -mail, chat, Voice mail Videoconference, Discussion board ผสู้ อนกบั ผเู้ รยี น e-mail, online chat, Voice mail, online telephone นอกจากแนวคดิ ของรูปแบบปฏสิ มั พนั ธท์ งั้ 2 รูปแบบแลว้ ผเู้ ขยี นขอนําเสนอรปู แบบปฏสิ มั พนั ธ์ ของการเรยี นอเี ลริ น์ นิง โดยวเิ คราะหล์ กั ษณะตามองคป์ ระกอบของอเี ลริ น์ นิง 4 องคป์ ระกอบ กล่าวคอื 1. เนื้อหาของบทเรียน (Courseware) รปู แบบปฏสิ มั พนั ธท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ในเน้ือหาบทเรยี น มกั เป็นปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างผเู้ รยี น กบั เน้ือหา ดงั น้ี (1) ผู้เรยี นมปี ฏสิ มั พนั ธ์กบั บทเรียนโดยการอ่านข้อความ สญั ลกั ษณ์ ดูภาพ ภาพเคล่อื นไหว ฟงั เสยี ง เป็นตน้ และ (2) ผเู้ รยี นทาํ กจิ กรรม คอื กดแป้นพมิ พ์ คลกิ เมาส์ พมิ พข์ อ้ ความ หรอื สมั ผสั หน้าจอ เป็นตน้ ดงั นนั้ การออกแบบหน้าจอสรา้ งปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างผูเ้ รยี นกบั เน้ือหาของบทเรยี นสามารถกําหนด เป็นสญั ลกั ษณ์ แสดงรายละเอยี ดดงั ตาราง 90 อีเลิรน นิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทที่ 4 ปฏิสมั พันธการเรียนการสอนแบบอเี ลิรน นิง ตารางท่ี 4.2 ตารางแสดงสญั ลกั ษณ์ปฏสิ มั พนั ธท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ในเน้ือหาบทเรยี น ปฏิสมั พนั ธ์ สญั ลกั ษณ์ รายละเอียด Check boxes กาํ หนดให้ผเู้ รยี นเลือกรายการไมจ่ าํ กดั Radio buttons กาํ หนดให้ผเู้ รยี นเลือก 1 รายการจาก Drop-down list หลาย ๆ รายการ กาํ หนดให้ผเู้ รียนเลอื ก 1 รายการจาก E-mail Link ท่ีโปรแกรมพิมพร์ ายการกาํ หนดไว้ กาํ หนดให้ผเู้ รยี นติดต่อกบั ผสู้ อน Entry fields โดยตรง Icons, links and buttons กาํ หนดให้ผเู้ รียนพิมพข์ ้อความ กาํ หนดให้ผเู้ รยี นเช่ือมโยงไปภายใน และภายนอกบทเรียน ภาพท่ี 4.9 ตวั อยา่ งบทเรยี นทม่ี ลี งิ ค์ Icon เพ่อื ใหก้ ดดเู น้อื หาเพม่ิ เตมิ อีเลริ นนิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 91
บทท่ี 4 ปฏิสัมพนั ธการเรยี นการสอนแบบอีเลิรน นิง 2. ระบบจดั การการเรยี นการสอน การออกแบบการเรยี นอเี ลริ ์นนิงทไ่ี ด้จดั วางเน้ือหา ส่อื การเรยี น และกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยผ่าน ระบบบรหิ ารจดั การเรยี นการสอนแลว้ ดงั นัน้ ก่อนทผ่ี ูเ้ รยี นต้องมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ระบบบรหิ ารจดั การเรยี น การสอนโดยตรง ทงั้ การเขา้ ใช้ ขณะใช้ และภายหลงั การเขา้ ใชร้ ะบบ โดยปฏสิ มั พนั ธท์ เ่ี กดิ ขน้ึ มกั เกดิ ขน้ึ ระหวา่ งผเู้ รยี น กบั เน้อื หา และระบบ - ผูเ้ รยี นมปี ฏสิ มั พนั ธ์กบั ระบบจดั การเรยี นการสอน โดยการพมิ พ์ขอ้ ความแสดงความ เป็นสมาชกิ รหสั ประจาํ ตวั กบั ระบบจงึ สามารถเขา้ บทเรยี น ขณะเรยี นจากบทเรยี น ระบบฯ จะเกบ็ ขอ้ มูล ทงั้ หลายทผ่ี เู้ รยี นเขา้ ไปศกึ ษา และภายหลงั การใชร้ ะบบจะกาํ หนดใหผ้ เู้ รยี นเลอื กออกจากระบบฯ เป็นตน้ - ผเู้ รยี นทาํ กจิ กรรม คอื พมิ พข์ อ้ ความ คลกิ เมาส์ พมิ พข์ อ้ ความ หรอื สมั ผสั หน้าจอ เป็นตน้ ภาพที่ 4.10 ตวั อยา่ งการเกบ็ ขอ้ มลู เวลาของ TCU LMS 3. การติดต่อส่ือสาร (Communication) การตดิ ต่อส่อื สารของบทเรยี นอเี ลริ น์ นิง เกดิ ขน้ึ ระหว่างผเู้ รยี น กบั เน้ือหา เป็นทงั้ การส่อื สารทาง เดยี ว และการส่อื สารแบบสองทาง ทงั้ น้ีสามารถใชร้ ะบบการตดิ ต่อสอ่ื สารโดยใชเ้ คร่อื งมอื ส่อื สารในระบบ อนิ เทอร์เน็ต และเคร่ืองมือส่ือสารท่รี ะบบบริหารจดั การการเรียนการสอนได้จัดเตรียมไว้ ซ่ึงปฏิสมั พันธ์ แบ่งเป็น - ปฏสิ มั พนั ธแ์ บบประสานเวลา หรอื ทนั ทที นั ใด (Synchronize) เคร่อื งมอื ปฏสิ มั พนั ธ์ เช่น chat, videoconference - ปฏสิ มั พนั ธแ์ บบไม่ประสานเวลา หรอื ไม่ทนั ทนั ใด (Asynchronize) เคร่อื งมือปฏสิ มั พนั ธ์ เช่น e-mail, web board, bulletin board 92 อีเลริ นนิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice
บทที่ 4 ปฏสิ มั พันธการเรียนการสอนแบบอเี ลิรน นงิ 4. การวดั และการประเมินผลการเรียน (Evaluation) ปฏสิ มั พนั ธท์ เ่ี กดิ ขน้ึ จากการวดั และประเมนิ ผลมกั เป็นปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างผเู้ รยี นกบั เน้ือหา ผสู้ อน กบั ผเู้ รยี น และผเู้ รยี นกบั ผเู้ รยี นดว้ ยกนั - ผเู้ รยี นมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั บทเรยี น ฯ โดยโตต้ อบเพ่อื ทําแบบทดสอบ บางครงั้ อาจแทรกอย่ภู ายใน บทเรยี น หรอื แยกภายนอกบทเรยี น ฯ - ผเู้ รยี นรบั การประเมนิ คอื พมิ พข์ อ้ ความ คลกิ เมาส์ พมิ พ์ขอ้ ความ หรอื สมั ผสั หน้าจอในแบบทดสอบ เลอื กตวั เลอื ก ลากเมาสเ์ พอ่ื จบั คู่ พมิ พข์ อ้ ความตอบคาํ ถาม เป็นตน้ ภาพท่ี 4.11 ตวั อย่างการประเมนิ ผเู้ รยี นบน TCU LMS อีเลริ นนิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 93
บทที่ 4 ปฏิสัมพนั ธก ารเรยี นการสอนแบบอีเลิรน นงิ 3. ปฏิสมั พนั ธ์กบั วิธีการสอน ในส่วนน้ีจะขอกล่าวถึงการใช้เคร่ืองมอื ท่หี ลากหลายท่เี หมาะสมสําหรบั ปฏสิ มั พนั ธ์ต่าง ๆ เพ่อื การเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ (1) เคร่อื งมอื ทส่ี รา้ งปฏสิ มั พนั ธส์ าํ หรบั การเรยี นการสอนอเี ลริ น์ นิง และ (2) การเปรยี บเทยี บ ปฏสิ มั พนั ธใ์ นรปู แบบการเรยี น 3 รปู แบบ 3.1 เครอื่ งมอื ที่สรา้ งปฏิสมั พนั ธส์ าํ หรบั การเรยี นการสอนแบบอีเลิรน์ นิง เคร่อื งมอื ท่สี ร้างปฏสิ มั พนั ธใ์ นการเรยี นการสอนแบบอเี ลริ น์ นิง นัน้ สามารถใชเ้ คร่อื งมอื ท่มี อี ยู่ใน โปรแกรมระบบจดั การเรยี นการสอนหรอื เป็นเคร่อื งมอื ในอนิ เทอรเ์ น็ต ทงั้ หมดเหล่าน้ีสามารถทําใหเ้ กิด ปฏิสัมพันธ์ในการเรียนอีเลิร์นนิง โดยสามารถนําไปออกแบบการสร้างปฏิสัมพันธ์ในการสอนได้ สรปุ การเรยี นอเี ลริ น์ นิงกบั เคร่อื งมอื สรา้ งปฏสิ มั พนั ธด์ งั ตาราง ตารางที่ 4.3 กจิ กรรมการเรยี นแบบอเี ลริ น์ นิงและเคร่อื งมอื จากระบบจดั การเรยี นการสอน การเรยี นการสอนอีเลิรน์ นิง เคร่อื งมืออินเทอรเ์ น็ต / ระบบจดั การเรียนการสอนสร้างปฏิสมั พนั ธ์ ขอ้ มลู ผเู้ รยี น ขอ้ มลู ความสนใจ • การเขา้ ใชง้ าน (log in) ต่อการเขา้ เรยี น และความสนใจ • โฟลเดอรข์ อ้ มลู ผเู้ รยี น ต่อเน้ือหา และกจิ กรรม • โปรแกรมเกบ็ สถติ กิ ารเขา้ เรยี น การใชง้ านจากระบบ เน้ือหาและส่อื การเรยี น • โฟลเดอรเ์ น้ือหา และส่อื การสอนแบบดจิ ติ อล • สรา้ งเป็นเอกสาร โดยใช้ Google Docs, Slideshare, Scribd หรอื Everynote • วดิ โี อคลปิ หรอื ศกึ ษาขอ้ มูลเพม่ิ เติมจากวดิ โี อคลปิ อย่าง TeacherTube หรอื YouTube กจิ กรรมการเรยี น การอภปิ ราย • กระดานสนทนา (web board) กระดานขา่ ว แสดงความคดิ เหน็ • การสนทนาแบบทนั ทที นั ใด (chat) การสอ่ื สาร/การมปี ฏสิ มั พนั ธ์ • เกบ็ ขอ้ มลู ผา่ น Social Bookmarking เช่น Delicious,Digg, Stumbleupon แหล่งเรยี นรู้ แหลง่ ขอ้ มลู ในอนิ เทอรเ์ น็ต • แสดงกจิ กรรมการเรยี น Virtual World ผา่ น Second Life • ประกาศรายวชิ า (Bulletin Board)และกระดานสนทนา • จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-mail) • การประชมุ ทางไกล (video conference) • Discuss online ผา่ น facebook ผา่ น Twitter หรอื ผา่ น Skype กไ็ ด้ • เช่อื มโยงไปเวบ็ ไซตท์ เ่ี กย่ี วขอ้ ง (web link) • Wikipedia ในการคน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ • Blogspot โดยนําองค์ความรู้ท่ีสอน มาเรียบเรียงอธิบายไว้ใน Blog หรอื ใน Wordpress หรอื ทาํ เป็น RSS/Feed แลว้ นําไปแสดงใน moodle 94 อเี ลริ นนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 4 ปฏิสมั พนั ธการเรียนการสอนแบบอีเลริ น นงิ 3.2 การเปรยี บเทียบวิธีการเรียนการสอนแบบอีเลิรน์ นิงกบั รปู แบบปฏิสมั พนั ธ์ การเปรยี บเทยี บปฏสิ มั พนั ธใ์ นรปู แบบการเรยี น 3 รูปแบบ ไดแ้ ก่ การบรรยายออนไลน์ผ่านส่อื ต่าง ๆ การเรยี นแบบสบื สอบ และการเรยี นแบบร่วมมอื สามารถสรุปรปู แบบปฏสิ มั พนั ธใ์ น 3 มติ ใิ นการออกแบบ การเรยี นอเี ลริ น์ นิง ไดแ้ ก่ ผเู้ รยี นกบั เน้อื หา ผเู้ รยี นกบั ผสู้ อน และผูเ้ รยี นกบั ผเู้ รยี น โดยแต่ละรูปแบบฯ มจี ุดเด่น และขอ้ จาํ กดั สรปุ ไดด้ งั ต่อไปน้ี ตารางท่ี 4.4 การออกแบบการเรยี นทส่ี อดคลอ้ งกบั รปู แบบปฏสิ มั พนั ธ์ วิธีการเรยี นการสอนอีเลิรน์ นิง ผเู้ รยี นกบั รปู แบบปฏิสมั พนั ธ์ เนื้อหา ผ้เู รยี นกบั ผ้เู รยี นกบั 1. ผเู้ รยี นเรยี นรจู้ ากบทเรยี นท่ี ผสู้ อน ผ้เู รียน นําเสนอใหผ้ ่านสอ่ื ต่าง ๆ การบรรยาย • Pretest/ Post-test - - ออนไลน์ผา่ น • Practice/ Exercise - - สอ่ื ต่าง ๆ - Drag and drop การเรยี นแบบ - Fill in the box - สบื สอบดว้ ย - Multiple-choice questions Webquest - Application simulation - - Hyperlinks - - 2. ผเู้ รยี นตดิ ต่อถงึ ผสู้ อนผา่ นทาง อเี มลเพอ่ื ตอบประเดน็ ทต่ี อ้ งการ ความกระจา่ ง 3. การอภปิ รายออนไลน์ดว้ ย Discussion board 1. ผเู้ รยี นรบั ทราบภาระงาน 2. ผเู้ รยี นทาํ งานตามกระบวนการ ทก่ี าํ หนด 3. ผเู้ รยี นศกึ ษาคน้ ควา้ จากแหล่ง เรยี นรทู้ ก่ี าํ หนด 4. ผเู้ รยี นใชค้ วามรทู้ ไ่ี ดจ้ ากแหลง่ เรยี นรมู้ าแกป้ ญั หาภาระงาน 5. ผูเ้ รยี นประเมนิ ตนเองจากรบู รกิ ส์ อเี ลริ น นงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice 95
บทท่ี 4 ปฏสิ ัมพนั ธการเรียนการสอนแบบอเี ลิรน นงิ วิธีการเรยี นการสอนอีเลิรน์ นิง ผเู้ รียนกบั รปู แบบปฏิสมั พนั ธ์ เนื้อหา ผ้เู รยี นกบั ผเู้ รยี นกบั ผสู้ อน ผเู้ รยี น 1. นําเสนอเน้อื หาทก่ี าํ หนดให้ การเรยี นแบบ ผเู้ รยี นทราบและมอบหมายงาน ร่วมมอื ดว้ ย กล่มุ - กจิ กรรม Jigsaw 2. ผเู้ รยี นแยกไปทาํ งานรว่ มกนั - ตามหวั ขอ้ ย่อย 3. ผเู้ รยี นกลบั เขา้ มาแลกเปลย่ี น เรยี นรภู้ ายในกล่มุ - จะเหน็ ไดว้ ่ารูปแบบการเรยี นแต่ละแบบมขี อ้ จํากดั ของปฏสิ มั พนั ธท์ ต่ี ่างกนั ดงั นนั้ หากตอ้ งการให้ การเรยี นอเี ลริ น์ นิง สรา้ งปฏสิ มั พนั ธไ์ ดท้ งั้ 3 รปู แบบจาํ เป็นตอ้ งมกี ารออกแบบกจิ กรรมการเรยี นทผ่ี สมผสาน เทคนิคต่าง ๆ เช่น การบรรยาย ควบคู่กบั การอภิปรายออนไลน์ เพ่อื ให้ผู้เรยี นได้รบั ปฏิสมั พนั ธม์ ากขน้ึ ในขณะท่กี ารท่ผี เู้ รยี นมปี ฏสิ มั พนั ธใ์ นการเรยี นหลายรปู แบบ จะสร้างความรสู้ กึ และแรงจูงใจของการเรยี น ทางไกลดว้ ยอเี ลริ น์ นงิ ใหเ้ พม่ิ มากขน้ึ เสมอื นกบั การเรยี นในชนั้ เรยี นจรงิ การสรา้ งปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างผูเ้ รยี น กับผู้เรียนจะช่วยให้เกิดความสมั พนั ธ์ทางสังคมมากข้ึน ผู้เรียนจะลดความรู้สึกโดดเด่ียวลง ผู้เรียน รบั ความรสู้ กึ ของการไดร้ บั ความสนใจ และใสใ่ จ ชวยใหม้ แี รงจงู ใจ สรา้ งความสนใจในการเรยี นมากขน้ึ 4. ตวั อย่างการออกแบบปฏิสมั พนั ธใ์ นการเรียนแบบอีเลิรน์ นิง รปู แบบปฏสิ มั พนั ธ์ 4 รปู แบบและเคร่อื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการเรยี นอเี ลริ น์ นงิ สามารถสรุปไดด้ งั น้ี ปฏิสมั พนั ธ์ เครอื่ งมือ ผเู้ รยี นกบั ผเู้ รยี น e-mail, online chat, Voice mail, online telephone ผเู้ รยี นกบั ชนั้ เรยี น (กลมุ่ ผเู้ รียน) e-mail, chat, Voice mail Videoconference, Discussion board ผสู้ อนกบั ชนั้ เรียน (กล่มุ ผเู้ รยี น) e -mail, chat, Voice mail Videoconference, Discussion board ผสู้ อนกบั ผเู้ รยี น e-mail, online chat, Voice mail, online telephone จากแนวคดิ และรูปแบบปฏสิ มั พนั ธ์ในการเรียนอเี ลริ ์นนิงท่กี ล่าวมาจากหวั ขอ้ ท่ผี ่านมาดงั กล่าว จะเหน็ ไดว้ ่ามกี ารใชเ้ คร่อื งมอื ทางอนิ เทอรเ์ นต็ ประเภทเวบ็ 2.0 ทเ่ี น้นการมสี ว่ นรว่ ม หรอื ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่าง ผู้ใช้และคอมพวิ เตอร์ ตลอดจนผู้ใช้งานส่อื สารกบั ผู้ใช้งานอ่นื ท่ใี ช้อินเทอร์เน็ตมากยงิ่ ขน้ึ เกิดเป็นสงั คม ออนไลน์ นอกจากน้ีผูใ้ ชย้ งั สามารถเป็นผู้สรา้ งและปรบั แก้ไขขอ้ มูลในเว็บไดด้ ว้ ยตนเอง การส่อื สารเป็น 96 อเี ลิรนนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice
บทที่ 4 ปฏิสมั พนั ธการเรยี นการสอนแบบอเี ลริ น นงิ ลกั ษณะการสอ่ื สารสองทาง ต่างจากการใชง้ านเวบ็ 1.0 ในรุน่ กอ่ นทผ่ี ใู้ ชเ้ วบ็ มสิ ามารถปรบั เปลย่ี นเน้ือหาได้ แต่อย่างใด ดงั นัน้ การเรยี นแบบอเี ลริ น์ นิงจงึ ได้นําลกั ษณะการใช้งานเวบ็ 2.0 ท่เี น้นปฏสิ มั พนั ธ์ทางสงั คม ระหวา่ งผเู้ รยี นและบทเรยี นอเี ลริ น์ นิงมากาํ หนดไว้ ตวั อย่างของปฏสิ มั พนั ธแ์ บบอเี ลริ น์ ิง เช่น การร่วมมอื กนั ของผเู้ รยี นเป็นทมี เพ่อื การใชส้ ารานุกรมออนไลน์วกิ ิ (Wiki) การแลกเปลย่ี นสารสนเทศ และแหล่งเรยี นรู้ โดย กาํ หนดเป็น social bookmarking การใชเ้ วบ็ บลอ็ กเพอ่ื การสอ่ื สารและแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ การกําหนด ปฏสิ มั พนั ธแ์ บบสงั คมออนไลน์ เป็นตน้ การกําหนดปฏิสมั พันธ์ในการเรียนแบบอีเลิร์นนิง นัน้ ผู้ออกแบบการเรียนควรนําแนวคิด และลกั ษณะของปฏิสมั พนั ธ์ทงั้ หลายมาเป็นแนวทาง สง่ิ ท่ตี ้องพจิ าณาประกอบการกําหนดปฏสิ มั พนั ธ์ ทงั้ หลาย เชน่ วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ เน้ือหา วธิ สี อน หรอื การส่อื สารการสอน วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล จากนนั้ จงึ ออกแบบปฏสิ มั พนั ธใ์ หเ้ หมาะสมกบั เคร่อื งมอื เทคโนโลยที ส่ี รา้ งบทเรยี นอเี ลริ น์ นิง โดยเน้นดา้ น การออกแบบเพ่ือสร้างปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่างผู้เรียนกบั เน้ือหาของบทเรียน ผู้เรียนกบั ผู้เรียน และผู้เรียน กบั ผสู้ อน ภาพท่ี 4.12 ตวั อย่างการออกแบบปฏสิ มั พนั ธ์ Moodle ในการจดั การเรยี นการสอน หลกั สตู ร e - Learning Professional Program อเี ลริ นนิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 97
บทท่ี 4 ปฏิสัมพันธการเรียนการสอนแบบอีเลริ นนงิ ภาพที่ 4.13 ตวั อย่างการออกแบบปฏสิ มั พนั ธ์ โดยสามารถเพมิ่ กจิ กรรมเช่น Wiki กระดานสนทนา หอ้ งสนทนา Chat room และ VDOได้ 98 อีเลิรนนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 4 ปฏสิ ัมพันธก ารเรียนการสอนแบบอเี ลริ น นิง ภาพท่ี 4.14 ตวั อยา่ งกระดานสนทนาในการจดั การเรยี นการสอน อีเลิรน นิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 99
บทท่ี 4 ปฏิสัมพันธก ารเรยี นการสอนแบบอีเลิรนนงิ 100 อีเลิรนนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 5 การประเมินผลการเรียนแบบอเี ลริ น นิง การประเมนิ ผลการเรยี นแบบอเี ลริ น์ นิง ครอบคลุมการประเมนิ เพ่อื วดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นรู้ ของผู้เรยี น และการประเมนิ เพ่อื วดั เจตนคติ และพฤตกิ รรมในการเรยี นการมีส่วนร่วมในการเรียน เป็น การประเมนิ ผู้เรียนรอบด้าน การวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนรู้ของผู้เรียน เพ่ือท่ีจะได้ทราบว่าผู้เรียนมี ความกา้ วหน้าในการเรยี นรมู้ ากน้อยเพยี งใด โดยปกตใิ นการสอนของผสู้ อนจะประเมนิ ผเู้ รยี นใน 2 ลกั ษณะ คอื การประเมนิ เพ่อื ปรบั ปรุง (Formative Evaluation) กล่าวคอื ผูเ้ รยี นสามารถทจ่ี ะพจิ ารณาปรบั ปรุงแกไ้ ข การเรยี นรขู้ องตนเองใหด้ ขี น้ึ ส่วนผสู้ อนกจ็ ะไดท้ ราบและหาทางช่วยเหลอื สง่ เสรมิ กระบวนการเรยี นรูข้ อง ผู้เรียน ดังนัน้ เคร่ืองมือหรือแบบทดสอบท่ีใช้ในกระบวนการน้ีจึงเรียกว่า แบบทดสอบเพ่ือปรับปรุง (Formative Test) ประการทส่ี องคอื การประเมนิ เพ่อื วดั ความรรู้ วบยอด (Summative Evaluation) เป็นการวดั ผล เม่อื สน้ิ สดุ กระบวนการเรยี นจบรายวชิ า จบหลกั สตู รในกระบวนการน้จี งึ ใชแ้ บบทดสอบทเ่ี รยี กวา่ แบบทดสอบ เพอ่ื วดั ความรรู้ วบยอด (Summative Test) ทงั้ น้ี เม่อื พจิ ารณาในบรบิ ทของการเรยี นแบบอเี ลริ น์ นิงแลว้ ในบทน้ีกล่าวถงึ (1) การวดั และการประเมนิ การเรยี นรูข้ องผู้เรยี นด้วยตนเองในอเี ลริ ์นนิง (2) การประเมินการเรยี นรู้ของผู้เรยี นโดยครูในอเี ลริ น์ นิง (3) การประเมนิ การเรยี นรรู้ อบดา้ นของผเู้ รยี นในอเี ลริ น์ นงิ (4) ตวั อยา่ งเคร่อื งมอื การประเมนิ การเรยี นรขู้ อง ผเู้ รยี นในการเรยี นอเี ลริ น์ นงิ และ (5) การประเมนิ ผลการเรยี นตามวธิ สี อนแบบอเี ลริ น์ นิง รายละเอยี ดแต่ละ หวั ขอ้ แสดงดงั ต่อไปน้ี 1. การวดั และการประเมินการเรยี นรขู้ องผ้เู รียนด้วยตนเองในอีเลิรน์ นิง ผเู้ รยี นสามารถประเมนิ ตนเองว่าเกดิ การเรยี นรูห้ รอื ไม่ดว้ ยการทําแบบฝึกหดั ท้ายบท และตรวจ คาํ ตอบจากเฉลย ซง่ึ แบบทดสอบนนั้ อาจเป็นไดท้ งั้ ปรนยั และอตั นยั การวดั ผลดว้ ยแบบทดสอบอตั นยั จะเปิด โอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดใ้ ชก้ ระบวนความคดิ ระดบั สงู เพราะตอ้ งตดั สนิ ใจดว้ ยตนเอง จดุ มงุ่ หมายของการประเมนิ ผเู้ รยี นดว้ ยตนเองในอเี ลริ น์ นงิ จะทาํ ใหผ้ เู้ รยี นไดฝ้ ึกการใช้ กลวธิ ใี นการเรยี นรขู้ องตนเอง เพอ่ื ใหบ้ รรลุความ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นรู้ นอกจากน้ี ถ้าผเู้ รยี นทาํ สาํ เรจ็ จะเกดิ เจตนคตทิ ด่ี ตี ่อการเรยี นของตนเอง มคี วาม เชอ่ื มนั่ ในตนเองสงู ขน้ึ ตวั อย่างการประเมนิ การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นดว้ ยตนเองในอเี ลริ น์ นิง เช่น แบบทดสอบ ก่อนเรยี น แบบฝึกหดั ระหว่างเรยี น และแบบฝึกหดั ทา้ ยบทแต่ละวตั ถุประสงค์ รวมทงั้ แบบวดั เจตนคติ อเี ลริ นนิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 101
บทท่ี 5 การประเมนิ ผลการเรียนแบบอีเลิรนนิง ภาพที่ 5.1 การวดั และการประเมนิ การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นดว้ ยตนเองในอเี ลริ น์ นิง 2. การประเมินการเรียนรขู้ องผเู้ รยี นโดยผสู้ อนในอีเลิรน์ นิง การประเมนิ การเรยี นรูข้ องผู้เรยี นโดยครูในอเี ลริ น์ นิง หมายถงึ การท่ผี ูส้ อนประเมนิ การเรยี นรูข้ อง ผู้เรียนในอีเลริ ์นนิง โดยใช้หลกั การวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนรู้ของผู้เรียน เพ่ือท่จี ะได้ทราบว่าผู้เรยี น มี ความก้าวหน้าในการเรียนรู้เท่าใด โดยปกติครูจะประเมินผ้เู รียนใน 2 ลกั ษณะ คือการประเมินเพื่อ ปรบั ปรุง (Formative Evaluation) และการประเมินเพื่อวดั ความร้รู วบยอด (Summative Evaluation) กลา่ วคอื การประเมินเพื่อปรบั ปรงุ (Formative Evaluation) เป็นการประเมนิ เพ่อื วดั ว่า ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ มากน้อยเพยี งใด และผสู้ อนกจ็ ะต้องหาทางช่วยเหลอื สง่ เสรมิ กระบวนการเรยี นรูข้ องผูเ้ รยี น เช่น อธบิ าย เพมิ่ เตมิ แบบฝึกหดั หารปู แบบการสอนวธิ ใี หม่ให้เหมาะสมกบั ผู้เรยี น ในกระบวนการน้ีจงึ ใชแ้ บบทดสอบ ทเ่ี รยี กว่าแบบทดสอบเพ่อื วดั ความรู้เพ่อื ปรบั ปรุง (Formative Test) แบบทดสอบลกั ษณะน้ีจงึ สร้างขน้ึ เพ่อื หาคาํ ตอบนําไปสกู่ ารปรบั ปรงุ ต่อไป การประเมินเพื่อวดั ความรู้รวบยอด (Summative Evaluation) เป็นกระบวนการประเมิน ท่เี กิดข้นึ เม่ือส้นิ สุดกระบวนการเรียน จบรายวิชา หรอื จบหลกั สูตร ในกระบวนการน้ีจึงใช้แบบทดสอบ ท่เี รียกว่าแบบทดสอบเพ่ือวดั ความรู้รวบยอด(Summative Test) แบบทดสอบลกั ษณะน้ีจงึ แตกต่าง จากแบบทดสอบเพ่อื วดั ความรเู้ พ่อื ปรบั ปรุง คอื เป็นแบบทดสอบท่ี สรา้ งขน้ึ เพอ่ื วดั ใหค้ รอบคลมุ วตั ถุประสงค์ 102 อีเลริ น นงิ : จากทฤษฎีสูการปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทที่ 5 การประเมินผลการเรียนแบบอเี ลริ น นงิ ทงั้ หมดในการเรยี นการสอนแบบอเี ลิร์นนิง การประเมนิ การเรียนรู้ของนักเรยี นโดยครู ก็มวี ตั ถุประสงค์ เชน่ เดยี วกบั การเรยี นในหอ้ งเรยี นคอื วดั และประเมนิ ผลผเู้ รยี นใน 3 ปรเิ ขต (Domain) คอื (1) ประเมนิ ความรู้ หรอื พทุ ธพิ สิ ยั (Cognitive Domain) (2) ประเมนิ ทกั ษะพสิ ยั (Psychomotor Domain) และ (3) ประเมนิ คุณค่า หรอื จติ พสิ ยั (Affective Domain) ดงั รายละเอยี ดต่อไปน้ี การประเมินความร้พู ุทธิพิสยั (Cognitive Domain) จําแนกออกเป็นการประเมิน ความรู้ ความจํา (Remembering) ความเขา้ ใจ (Understanding) การนําไปใช้ (Applying) ไดแ้ ก่ การนําความรู้ ไปประยุกต์ใช้ การวเิ คราะห์ (Analyzing) การประเมนิ ผล (Evaluating) และ การสรา้ งสรรค์ (Creating) โดยมรี ายละเอยี ดดงั น้ี พทุ ธิพิสยั (Cognitive Domain) ความรู้ ความจาํ ซ่ึงไดแ้ ก่ o ความรเู้ ฉพาะเร่อื ง (Knowledge of Specifics) o ความรเู้ กย่ี วกบั ศพั ทเ์ ทคนคิ หรอื ศพั ทเ์ ฉพาะ (Knowledge of Terminology) o ความรเู้ กย่ี วกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ เฉพาะ (Knowledge of Specific Facts) ความเขา้ ใจ ซึ่งไดแ้ ก่ o การแปลความหมาย (Translation) o การตคี วาม (Interpretation) o การขยายความ (Extrapolation) o การนําไปใช้ (Application) ไดแ้ ก่ • การนําความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ช้ การวิเคราะห์ (Analysis) ซ่ึงไดแ้ ก่ o การวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบ (Analysis of Elements) o การวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ (Analysis of Relationships) o การวเิ คราะหห์ ลกั การ (Analysis of Principles) อเี ลิรน นงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 103
บทที่ 5 การประเมนิ ผลการเรียนแบบอีเลิรน นงิ การประเมินผล ได้แก่ o การตดั สนิ คณุ คา่ โดยใชเ้ กณฑภ์ ายใน (Judgement in terms of internal Criteria) o การตดั สนิ คณุ ค่าโดยใชเ้ กณฑภ์ ายนอก (Judgement in terms of External Criteria) การสรา้ งสรรค์ ไดแ้ ก่ o การสรา้ งสรรคผ์ ลงานใหม่ o การเปลย่ี นแปลงพฒั นาชน้ิ งาน ปรบั ปรุง การประเมินความรู้ด้านพุทธพิสยั ในขณะน้ีได้มีการออกแบบการประเมินโดยใช้การจับคู่กับ เคร่อื งมอื ในอนิ เทอรเ์ น็ต โดยนําเสนอช่อื เคร่อื งมอื ในอนิ เทอรเ์ น็ตเหล่าน้ีจะทําใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ความรใู้ นระดบั ขนั้ ต่าง ๆ โดยมรี ายละเอยี ดแสดงดงั ภาพ ภาพท่ี 5.2 Blooms Digital Taxonomy Pyramid ทม่ี า: http://visualblooms.wikispaces.com 104 อีเลริ น นิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 5 การประเมินผลการเรยี นแบบอเี ลริ นนิง การประเมินความร้ดู ้านทกั ษะพิสยั (Psychomotor Domain) ไดแ้ ก่การประเมนิ ทกั ษะในเชงิ ปฏบิ ตั ิ การทดสอบใชแ้ บบประเมนิ โดยการใหล้ งมอื ปฏบิ ตั ิ แสดงความสามารถผเู้ รยี นในการปฏบิ ตั งิ าน ภาพท่ี 5.3 ตวั อย่างการมอบหมายงานเพอ่ื ประเมนิ ผเู้ รยี น การประเมินคณุ ค่าหรือจิตพิสยั (Affective Domain) เป็นการประเมนิ ดลู กั ษณะนิสยั คุณลกั ษณะ ทพ่ี งึ ประสงค์ ตลอดจนทศั นคตขิ องผเู้ รยี น ภาพที่ 5.4 ตวั อยา่ งการประเมนิ คณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี น อีเลริ นนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 105
บทที่ 5 การประเมนิ ผลการเรียนแบบอีเลริ นนิง แผนภาพท่ี 5.5 การวดั และการประเมนิ การเรยี นรู้ 3. การประเมินการเรียนร้รู อบด้านของผเู้ รยี นในอีเลิรน์ นิง ปจั จุบนั แนวคดิ เกย่ี วกบั การประเมนิ มไิ ดม้ ุ่งเน้นเฉพาะการวดั ผลสมั ฤทธท์ างการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น แต่ได้มีการปรับเปล่ียนไปสู่การประเมินท่ีเรียกว่าการประเมินการเรียนรู้ตามสภาพจริงของผู้เรียน ในอีเลิร์นนิง ซ่ึงเป็นการประเมินวัดความรู้รอบด้านของผู้เรียน เป็นการประเมินพฤติกรรมการเรียน ท่ีมิได้ใช้เคร่ืองมือเฉพาะข้อสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ เป็นการประเมินท่ีใช้วิธีหลากหลายของการประเมิน เป็นการประเมนิ ในระยะเวลาระหว่างเรยี น จนสน้ิ สดุ การเรยี นเพ่อื ใหไ้ ดค้ ะแนนประเมนิ ทเ่ี ป็นตวั แทนวดั ผล การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นจรงิ โดยการประเมนิ ในรูปแบบน้ี มกั อย่ใู นรูปแบบของการสงั เกตพฤติกรรมผเู้ รยี น การมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ การเขยี นบนั ทกึ สะท้อนการเรียนรู้ ตลอดจนการจัดทําแฟ้ มสะสมงาน (Portfolio) เพ่ือสะสมผลงานต่าง ๆ และจุดเด่นอีกอย่างของการประเมินลักษณะน้ีคือการใช้เกณฑ์ การประเมนิ แบบรบู รคิ เพ่อื ใชป้ ระเมนิ ตามสภาพจรงิ ในบรบิ ทการเรยี นต่าง ๆ กนั 106 อเี ลิรน นิง: จากทฤษฎสี ูการปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 5 การประเมนิ ผลการเรยี นแบบอีเลริ นนิง 4. ตวั อย่างเครื่องมือการประเมินการเรยี นร้ขู องผเู้ รียนในการเรียนอีเลิรน์ นิง ในส่วนน้ี จะขอยกตวั อย่างเคร่ืองมือต่างๆ ท่ีใช้การประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียนในการเรียน อเี ลริ น์ นิง ดงั รายละเอยี ดต่อไปน้ี ตวั อยา่ งที่ 1 การประเมินโดยการแบง่ ตามระยะเวลาในการทาํ กิจกรรมในการเรียนอีเลิรน์ นิง ประกอบดว้ ย (1) แบบทดสอบก่อนเรยี น (2) แบบฝึกหดั ระหว่างเรยี น และ (3) แบบฝึกหดั ทา้ ยบท แต่ละวตั ถุประสงค์ ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี วิธีการประเมินการเรยี นรขู้ องผเู้ รียนโดยครใู นอีเลิรน์ นิง แบบทดสอบเชิง ปฏิบตั ิ แผนภาพที่ 5.6 การประเมนิ การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น อเี ลิรนนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice 107
บทท่ี 5 การประเมินผลการเรียนแบบอีเลริ นนงิ ตวั อย่างท่ี 2 วิธีการประเมินการเรียนรตู้ ามสภาพจริงของผเู้ รยี นในอีเลิรน์ นิง วิธีการประเมินการเรียนรู้ตามสภาพจริงของผู้เรียนในอีเลิร์นนิง (Authentic Assessment) มตี วั อย่างดงั ต่อไปน้ี การประเมินโดยการสงั เกต ติดตามพฤติกรรมการเรียน การทดสอบแบบไม่เป็นทางการ เช่นการทดสอบย่อย การตอบคําถาม ซ่ึงครูจะต้องจดบันทึกรายละเอียดของผู้เรียนเป็นรายบุคคล การประเมนิ ในลกั ษณะเช่นน้ี จะทาํ ใหค้ รรู จู้ กั ผเู้ รยี นเป็นรายบุคคล และสามารถสนับสนุนผเู้ รยี นใหเ้ หมาะสม ตามความแตกต่างของผเู้ รยี น วธิ กี ารประเมนิ การเรยี นรตู้ ามสภาพจรงิ ของผเู้ รยี นในอเี ลริ น์ นงิ ไดแ้ ก่ การประเมนิ การเขา้ ชนั้ เรยี น การมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมหอ้ งเรยี นอเี ลริ น์ นิงใชเ้ วลามากน้อยเพยี งใด การทาํ แบบฝึกหดั และการสง่ แบบฝึกหดั การทดสอบย่อยทแ่ี สดงความกา้ วหน้าของผเู้ รยี น 108 อเี ลริ น นิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice
บทที่ 5 การประเมินผลการเรียนแบบอีเลริ น นิง แผนภาพที่ 5.7 แสดงตวั อย่าง โปรแกรมชว่ ยใหค้ รผู สู้ อนสามารถประเมนิ การเรยี นรตู้ ามสภาพจรงิ ของผเู้ รยี นในอเี ลริ น์ นงิ ตวั อยา่ งท่ี 3 ประเภทของเครอื่ งมอื และเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารเพ่อื ประเมินผเู้ รียนในอีเลิรน์ นิง ประเภทของเคร่ืองมือและเทคโนโลยีการติดต่อส่อื สารเพ่อื ประเมินผู้เรยี นในอีเลิร์นนิง ได้แก่ (1) การใชจ้ ดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ พ่อื การประเมนิ ผเู้ รยี นในอเี ลริ น์ นิง (2) การใชแ้ ชทเพ่อื การประเมนิ ผเู้ รยี น ในอเี ลริ น์ นิง (3) การใชเ้ วบ็ บอรด์ เพ่อื การประเมนิ ผู้เรยี นในอเี ลริ น์ นิง และ (4) การใชเ้ ทคโนโลยอี ่นื ๆ เพ่อื การประเมนิ ผเู้ รยี นในอเี ลริ น์ นิง มรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี อเี ลิรน นงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice 109
บทที่ 5 การประเมนิ ผลการเรียนแบบอีเลริ นนิง การติดต่อส่ือสาร (Communication) เป็นองค์ประกอบสาํ คญั ของการเรยี นในระบบอเี ลริ ์นนิง ท่ีช่วยทําให้ผู้เรียนสามารถติดต่อส่ือสารกับผู้สอน ผู้เรียนสามารถติดต่อส่ือสารกับผู้เรียนด้วยกัน หรอื ติดต่อส่อื สารกบั ผทู้ ม่ี คี วามรู้ ผู้เชย่ี วชาญในเร่อื งนัน้ ๆ ในลกั ษณะทห่ี ลากหลายรปู แบบ ตามความสะดวก และความต้องการในการใช้งาน ซง่ึ ในระบบบรหิ ารจดั การรายวชิ า (LMS) มเี คร่อื งมอื สําหรบั การส่อื สาร มากมาย โดยทวั่ ไปสามารถแยกตามรปู แบบของการสอ่ื สารได้ 2 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ การติดต่อสื่อสารแบบประสานเวลา (Synchronous) เป็นการตดิ ต่อสอ่ื สารโดยทผ่ี สู้ ง่ สารกบั ผรู้ บั สาร คอื ผเู้ รยี นกบั ผสู้ อน หรอื ผเู้ รยี นดว้ ยกนั เอง สอ่ื สาร ในเวลาเดยี วกนั แต่ต่างสถานท่ี การตดิ ต่อสอ่ื สารในลกั ษณะน้ี เคร่อื งมอื สอ่ื สาร ไดแ้ ก่ หอ้ งสนทนา (Chatroom) การประชุม/สนทนาผา่ นจอภาพ (Video Conference) การถ่ายทดสอด (Live Broadcast) การติดต่อส่ือสารแบบต่างเวลา (Asynchronous) เป็นการติดต่อส่ือสารท่ีผู้ส่งสารกบั ผู้รบั สาร ส่อื สารในเวลาท่ีแตกต่างกัน และต่างสถานท่ีกัน การตดิ ต่อสอ่ื สารในลกั ษณะน้ี เครอ่ื งมอื สอ่ื สารทน่ี ยิ มใชก้ นั มาก ไดแ้ ก่ กระดานสนทนา (Webboard) ไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-Mail) เวบ็ บลอ็ ก (Weblog) Twitter ห้องสนทนา (Chat room) หรือ Real Time Chat เป็นเคร่อื งมอื ทช่ี ่วยให้ผูเ้ รยี นอีเลิรน์ นิงสามารถส่อื สารถึงกนั ไดเ้ สมอื นการสนทนาจริง แต่เป็น การส่อื สารผ่านขอ้ ความเป็นหลกั โดยส่งขอ้ ความในลกั ษณะสนั้ ๆ แทนการพูดคุย อาจมกี ารส่อื สารโดยส่ง ภาพประกอบในรูปแบบการต์ ูนหรอื ไฟล์ขอ้ มูลแนบกบั การสนทนาด้วยกไ็ ด้ การ Chat สามารถส่อื สาร ระหว่างบุคคลหรอื แบบกลุ่มดว้ ยกไ็ ด้ สามารถนําไปจดั กจิ กรรมการเรยี นในลกั ษณะการทํางานร่วมกนั ผ่าน กระบวนการกล่มุ การปรกึ ษาหารอื รว่ มกนั การระดมสมอง การอภปิ ราย เป็นตน้ 110 อเี ลิรน นิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice
บทที่ 5 การประเมินผลการเรยี นแบบอเี ลริ น นิง นอกเหนือจากหอ้ งสนทนาหรอื Real Time Chat ทม่ี ใี นระบบบรหิ ารจดั การ LMS แลว้ ยงั มี ซอฟต์แวร์ท่ีสามารถนํามาใช้กับการจัดการเรียนการสอนในระบบอีเลิร์นนิง ได้อีกหลากหลายชนิด ไดแ้ ก่ MSN, Yahoo Messenger, Google Talk, Twitter กจิ กรรมการเรยี นอเี ลริ น์ นิง การทาํ งานกลุ่ม การปรกึ ษาหารอื ร่วมกนั การระดมสมอง การอภปิ ราย/แสดงความคดิ เหน็ การประเมนิ ผเู้ รยี น ประเมนิ ความรบั ผดิ ชอบตรงต่อเวลาการเขา้ สกู่ จิ กรรมการสนทนา ประเมนิ ความคดิ เหน็ เป็นรายบคุ คล ประเมนิ ผลงานการทาํ งานกลุม่ ผลการสรปุ ประเดน็ การบนั ทกึ เกบ็ ขอ้ ความทส่ี นทนาเป็นขอ้ มลู อา้ งองิ แผนภาพที่ 5.8 ตวั อย่างหอ้ งสนทนา อีเลิรน นิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice 111
บทที่ 5 การประเมนิ ผลการเรียนแบบอีเลิรน นงิ การประชมุ /สนทนาผา่ นจอภาพ (Video Conference) เป็นการส่อื สารทส่ี ามารถเหน็ ภาพเคล่อื นไหวในลกั ษณะภาพวดี ทิ ศั น์ (Video) และเสยี งการสนทนา อาจเป็นการสนทนาส่วนบุคคล หรือการสนทนาในรูปแบบกลุ่มหรอื การประชุมท่สี ามารถส่อื สารได้เป็น จาํ นวนมาก โดยอาศยั เทคโนโลยแี ละอุปกรณ์การส่อื สารเพมิ่ เตมิ ไดแ้ ก่ กลอ้ งถ่ายภาพวดี โิ อ หรอื กลอ้ งเวบ็ แคมและจะตอ้ งมซี อฟตแ์ วรท์ ม่ี าชว่ ยจดั การสาํ หรบั การจดั การเรยี นการสอนในระบบอเี ลริ น์ นิง ซอฟต์แวรท์ ่ี นยิ มไดแ้ ก่ MSN, Yahoo Messenger, Google Video Talk, Camfog กิจกรรมการเรียนอีเลิรน์ นิง กจิ กรรมรายบคุ คล การทาํ งานกลมุ่ การปรกึ ษาหารอื ร่วมกนั การระดมสมอง การอภปิ ราย การแลกเปลย่ี นแสดงความคดิ เหน็ การประเมินผเู้ รยี น ประเมนิ การมสี ว่ นรว่ มในการเรยี นผ่านการสนทนาผ่านจอภาพ ประเมนิ ความรบั ผดิ ชอบตรงต่อเวลา ประเมนิ ความคดิ เหน็ รายบคุ คล ประเมนิ ผลงานการทาํ งานกล่มุ /การสรปุ การสอบปากเปลา่ / การอภปิ รายผา่ นระบบการประชมุ ทางไกลผ่านจอภาพ ประเมนิ ผลการเรยี นรายบุคคล แผนภาพที่ 5.9 ตวั อย่างการประชมุ ผา่ นจอภาพ 112 อีเลิรนนิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice
บทที่ 5 การประเมินผลการเรียนแบบอีเลริ นนงิ กระดานสนทนา (Webboard) กระดานสนทนาหรอื เวบ็ บอรด์ เป็นเครอ่ื งมอื ทช่ี ่วยใหผ้ เู้ รยี นอเี ลริ น์ นิงสามารถส่อื สารถงึ กนั ในรปู แบบการส่อื สารแบบต่างเวลา (Asynchronous) ซง่ึ เป็นการสอ่ื สารผ่านขอ้ ความ ตวั อกั ษรเป็นหลกั โดยการส่งขอ้ ความทต่ี อ้ งการสอ่ื สารไปไวใ้ นบรเิ วณทก่ี ําหนด (กระดานสนทนา) อาจเป็นการเรมิ่ ตน้ ส่อื สาร โดยการตงั้ ประเดน็ คาํ ถาม (กระท)ู้ หรอื เป็นการสอ่ื สารในลกั ษณะคาํ ตอบหรอื แสดงความคดิ เหน็ กิจกรรมการเรยี นอีเลิรน์ นิง กจิ กรรมรายบุคคล (สรุปประเดน็ , รายงาน, เรยี งความแบบสนั้ ๆ) การทาํ งานกลุ่ม การปรกึ ษาหารอื ร่วมกนั การระดมสมอง การอภปิ ราย การแลกเปลย่ี นแสดงความคดิ เหน็ การประเมิน ประเมนิ การมสี ว่ นร่วมในการเรยี นผา่ นการใชก้ ระดานสนทนา ประเมนิ ความรบั ผดิ ชอบตรงต่อเวลา ประเมนิ ความคดิ เหน็ เป็นรายบคุ คล ประเมนิ ผลงานการทาํ งานกลุม่ ประเมนิ ผลการทาํ งานรายบุคคล (ผเู้ รยี นประเมนิ ตนเอง/เพ่อื นประเมนิ เพอ่ื น) ประเมนิ การทาํ กจิ กรรมทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย อเี ลิรน นิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice 113
บทที่ 5 การประเมินผลการเรยี นแบบอีเลิรนนงิ แผนภาพที่ 5.10 ตวั อย่างหอ้ งสนทนา เวบ็ บอรด์ ไปรษณียอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ (e-Mail) เป็นเคร่อื งมอื ตดิ ต่อส่อื สารทไ่ี ดร้ บั ความนิยมและใชก้ นั อย่างแพร่หลายมาอย่างยาวนาน ตงั้ แต่เรม่ิ มกี ารใช้งานระบบอนิ เทอร์เน็ต การส่อื สารผ่านไปรษณีย์อเิ ลก็ ทรอนิกสย์ งั มกี ารใชง้ านมาจนถึง ปจั จุบนั ถึงแมจ้ ะมเี คร่อื งมอื การส่อื สารต่าง ๆ เกดิ ขน้ึ มากมาย นอกจากนัน้ ยงั มเี ทคโนโลยตี ่าง ๆ มาช่วย สนบั สนุนการใชง้ าน e-Mail มากขน้ึ ทงั เวบ็ ไซต์ผูใ้ หบ้ รกิ ารเกดิ ขน้ึ มากมายและให้พน้ื ทก่ี ารจดั เกบ็ ขอ้ มูล (จดหมาย) ท่ีมากข้นึ e-Mail เป็นการส่อื สารกันในรูปแบบการส่อื สารแบบต่างเวลา (Asynchronous) ซง่ึ เป็นการสอ่ื สารผ่านขอ้ ความ ตวั อกั ษรเป็นหลกั อาจมกี ารแนบไฟลข์ อ้ มลู อ่นื ๆ หรอื รปู ภาพดว้ ยกไ็ ด้ กิจกรรมการเรียนอีเลิรน์ นิง การมอบหมายงานรายบุคคล การสง่ งานในรปู แบบรายงาน การตดิ ต่อสอ่ื สารในลกั ษณะทม่ี คี วามเป็นสว่ นตวั การแลกเปลย่ี นแสดงความคดิ เหน็ การถามตอบในประเดน็ อ่นื ๆ 114 อีเลิรนนงิ : จากทฤษฎีสูการปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทที่ 5 การประเมนิ ผลการเรยี นแบบอีเลริ น นงิ การประเมิน ประเมนิ ความรบั ผดิ ชอบตรงต่อเวลา ประเมนิ ความคดิ เหน็ เป็นรายบคุ คล ประเมนิ ผลการทาํ งานรายบุคคล ประเมนิ ตนเอง/ประเมนิ เพ่อื น ประเมนิ ผลการสอบ เครอ่ื งมอื ในการประเมนิ การเรยี นรใู้ นอเี ลริ น์ นงิ เคร่อื งมอื ในการประเมนิ การเรยี นรใู้ นอเี ลริ น์ นิง เคร่อื งมอื ในการประเมนิ การเรยี นรใู้ นอเี ลริ น์ นิง วิธีการประเมินจากสภาพจริง (Authentic Assessment) ผา่ นเครอื่ งมือติดต่อสื่อสารต่าง ๆ ในการจดั การเรียนในอีเลิร์นนิง เป็นการเรียนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ หรืออาจกล่าวว่าเป็น การจดั การเรยี นรตู้ ามสภาพจรงิ (Authentic learning) ซง่ึ เป็นการเรยี นรทู้ เ่ี น้นกระบวนการเรยี นรกู้ ารทํางาน ปฏบิ ตั งิ านและผลผลติ (พมิ พนั ธ์ เดชะคปุ ต:์ 2549) ดงั นนั้ การวดั และการประเมนิ ผลจงึ ตอ้ งเป็นการประเมนิ การเรยี นรูต้ ามสภาพจรงิ คอื เป็นการรวบรวมขอ้ มูลเชงิ ปรมิ าณและเชงิ คุณภาพ จากกระบวนการเรยี นรู้ การทาํ งาน การเรยี นรสู้ ภาพจรงิ ผู้เรยี นต้องใชก้ ระบวนการ (Process) การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม (Performance) เพ่อื ค้นหาผลผลติ (Product) ดงั นัน้ การประเมนิ การเรยี นรู้ตามสภาพจรงิ จงึ เป็นการประเมนิ กระบวนการ การปฏบิ ตั ิ รวมทงั้ ผลผลติ ทอ่ี าจเป็นความรู้ และชน้ิ งานดว้ ยการประเมนิ จาก การบนั ทกึ และการสอื่ สารผ่านเวบ็ บลอ็ ก (Weblog) ผลงานแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) แฟ้มสะสมผลงานอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-Portfolio) จากสภาพการเปล่ยี นแปลงทางเทคโนโลยที ่มี เี คร่อื งมอื การสอ่ื สารใหม่ๆ เกดิ ขน้ึ ท่สี ามารถนํามา ประยุกต์ใช้ในการเรยี นการสอนอเี ลริ ์นนิง ดงั นัน้ จงึ ทําให้เกดิ ความจําเป็นท่จี ะต้องประเมินประสทิ ธภิ าพ และกระบวนการใช้เคร่ืองมือใหม่ ๆ น้ีให้มีประสิทธิภาพ ท่ีดี ท่ีเหมาะกับการเรียนการสอนอีเลิร์นนิง ขณะเดยี วกนั สอ่ื เคร่อื งมอื ต่าง ๆ เหล่าน้ีจะทาํ ใหก้ ระบวนการเรยี นการสอนทป่ี รบั สภาพการณ์ตามไปดว้ ย ซง่ึ การประเมนิ ผลการเรยี นอาจมใิ ช่การใช้เพยี งเคร่อื งมือในอนิ เทอรเ์ น็ต หรอื จากระบบการเรยี นการสอน เครอ่ื งมอื หน่งึ เคร่อื งมอื ใดเทา่ นนั้ แต่จะมกี ารพฒั นาเป็นระบบ การประเมนิ ผลการเรยี นทม่ี อี งคป์ ระกอบย่อย อเี ลิรนนิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 115
บทท่ี 5 การประเมินผลการเรยี นแบบอเี ลริ น นงิ ในระบบทส่ี ามารถประเมนิ ไดห้ ลายมติ เิ พ่อื ทาํ ใหก้ ารเรยี นอเี ลริ น์ นิงเป็นทย่ี อมรบั ไดเ้ ช่นเดยี วกบั การเรยี นใน หอ้ งเรยี นปกติ ตวั อย่างการประเมนิ ผลการเรยี นในอเี ลริ น์ นิงในอนาคต เช่นการประเมนิ จากระบบ Moodle 2.0 ระบบการเรยี นการสอน Cloud Computing ระบบการประเมนิ e-Portfolio ทร่ี ะบบไดร้ บั การออกแบบ โดยผกู รวมไวเ้ ป็นระบบเดยี วกนั ดงั ภาพตวั อย่าง แผนภาพท่ี 5.11 ระบบ e-Portfolios ของ Geoff Rowland (2010) Yeovil College and the University Centre Yeovil 116 อีเลริ น นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 5 การประเมนิ ผลการเรียนแบบอีเลริ นนงิ 5. การประเมินผลการเรียนตามวิธีสอนแบบอีเลิรน์ นิง บททผ่ี ่านมาได้กล่าวถงึ วธิ กี ารสอนแบบอเี ลริ น์ นิงไวแ้ ล้วว่ามวี ธิ กี ารสอนอย่างไร เพ่อื ใหก้ ารสอน แบบอีเลิร์นนิงครบวงจรการจดั การเรียนการสอนควรนําเสนอการประเมินผลการเรียนตามรูปแบบวิธี การสอน ทงั้ 6 วธิ สี อนตามลาํ ดบั ดงั น้ี 1. วิธีสอนแบบบรรยาย การวดั ผลประเมนิ ผลผเู้ รยี นดว้ ยวธิ สี อนแบบบรรยายนนั้ ผสู้ อนอาจใชว้ ธิ กี ารประเมนิ ผลการเรยี น ดงั น้ี (1) ตรวจจากบนั ทกึ ทผ่ี เู้ รยี นสง่ งานแบบฝึกหดั การบา้ น 2) การตงั้ คาํ ถามในกระดานสนทนา การพมิ พ์ แสดงความคดิ เหน็ 3) ใหท้ าํ ขอ้ ทดสอบ หรอื แบบฝึกหดั เพมิ่ เตมิ ในการวดั ผลประเมนิ ผลผสู้ อน อาจใชว้ ธิ ี 1) จดั ทําแบบสอบถามใหผ้ ู้เรยี นได้แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั วธิ กี ารสอน 2) ใหน้ ําเสนอขอ้ เสนอแนะ เพอ่ื เป็นประโยชน์แกก่ ารสอน และ 3) ใชร้ ะบบ LMS เพ่อื ตรวจสอบพฤตกิ รรมการเรยี นของผเู้ รยี น เสนอแนะวธิ ปี ระเมนิ สมั ฤทธผิ ลการเรยี นการสอนออนไลน์สาํ หรบั การสอนแบบบรรยาย ใน Self- paced learning ไดแ้ ก่ การวดั และประเมนิ ผล แบบทนั ทที นั ใดและการประเมนิ ผลโดยรวม การใชโ้ ปรแกรม แสดงผลการเรยี น และใหผ้ ลยอ้ นกลบั โฟลเดอรเ์ กบ็ คะแนน สถติ ผิ ลการเรยี น การประเมนิ การเขา้ ใชง้ าน ในระบบเครอื ขา่ ยของผเู้ รยี น และการแลกเปลย่ี น การแสดงความคดิ เหน็ ของผเู้ รยี น 2. วิธีสอนแบบอภิปราย เสนอแนะวธิ ปี ระเมินสมั ฤทธผิ ลการเรยี นการสอนออนไลน์แบบอภิปรายสําหรบั Self-paced learning ไดแ้ ก่ (1) การประเมนิ ทงั้ ผลงาน (product) และ กระบวนการ (process) (2) การประเมนิ จากรอบ ดา้ น จากผเู้ กย่ี วขอ้ งทุกคน ไดแ้ ก่ ผเู้ รยี นประเมนิ ตนเอง ผเู้ รยี นประเมนิ เพ่อื นรว่ มกลุ่ม และ ผเู้ รยี นประเมนิ กลมุ่ และ (3) ควรใช้ มาตรประเมนิ ค่า (Rubric) ในการประเมนิ 3. วิธีสอนแบบใช้ปัญหาเป็นหลกั เสนอแนะวธิ ปี ระเมนิ สมั ฤทธผิ ลการเรยี นการสอนออนไลน์สาํ หรบั Self-paced learning โดยในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนออนไลน์แบบใชป้ ญั หาเป็นหลกั สามารถประเมนิ ได้ จากประเมนิ พฤตกิ รรมผเู้ รยี น ผ่านระบบการเรียน สงั เกตจากการเข้าใช้งานผ่านระบบการเรียน ได้แก่ การแลกเปล่ียนความคิดเห็น การอภปิ ราย การทาํ งานร่วมกนั เป็นกลมุ่ จากเครอ่ื งมอื การสอ่ื สารต่าง ๆ เช่น Web board, Web blog เป็นตน้ 4. วิธีสอนแบบโครงการ วธิ ปี ระเมนิ สมั ฤทธผิ ลการเรยี นการสอนออนไลน์สาํ หรบั Self - paced learning การเรยี นการสอนแบบ โครงการ สามารถพจิ ารณาตามประเดน็ ต่าง ๆ ไดด้ งั น้ี (1) ผเู้ รยี นสามารถพฒั นางานทบ่ี รู ณาการความรู้ และทกั ษะจากสาขาวชิ าต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั ในบรบิ ทสภาพจรงิ (2) ใชท้ กั ษะการทาํ งานร่วมกนั เป็นกลุ่ม ทกั ษะการแกป้ ญั หา ทกั ษะการต่อรอง และทกั ษะระหว่างบุคคล และ (3) จดั ใหม้ กี ารประเมนิ ตามสภาพจรงิ อเี ลิรนนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 117
บทท่ี 5 การประเมินผลการเรยี นแบบอีเลิรนนงิ โดยทุกสว่ นฝ่ายท่เี กย่ี วขอ้ ง ไม่ว่าจะเป็นตนเอง เพ่อื น ผสู้ อน และชุมชน โดยทก่ี ารประเมนิ จะเน้นทท่ี งั้ ผล จากคุณภาพของผลงาน (Outcome) และกระบวนการในการดาํ เนนิ การโครงการเป็นระยะ ๆ (Process) 5. วิธีสอนแบบเกม และสถานการณ์จาํ ลอง รูปแบบการประเมนิ ผลของวธิ กี ารสอนโดยใช้สถานการณ์จําลองและเกมออนไลน์ มีหลายแบบ ดว้ ยกนั ทแ่ี นะนําใหใ้ ชค้ อื แบบ Rubic ซง่ึ เราสามารถนํามาปรบั ใหเ้ ขา้ กบั รปู แบบการสอนของเรา ตวั อย่างจาก เวบ็ ไซต์ http://www.uwstout.edu/static/profdev/rubrics/gamerubric.html 6. วิธีสอนแบบกรณีศึกษา จากรปู แบบรปู แบบการเรยี นรดู้ ว้ ยกรณศี กึ ษาตามแนวคดิ ของ Jonassen สามารถเสนอเสนอแนะ วธิ ปี ระเมนิ สมั ฤทธผิ ลการเรยี นการสอนอเี ลิร์นนิง โดยใช้การประเมนิ ตามสภาพจริงทงั้ แบบรายบุคคล และรายกลุ่ม ดงั น้ี (1) ทาํ ความเขา้ ใจกบั สถานการณ์และบรบิ ทจากกรณีตวั อย่าง ในขนั้ น้ีผเู้ รยี นไดเ้ จอ กบั กรณศี กึ ษาซง่ึ นําเสนอปญั หาทใ่ี กลเ้ คยี งกบั ความเป็นจรงิ และ (2) วเิ คราะหป์ ญั หา ขนั้ น้ีเสนอความคดิ มุมมองของผทู้ ม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งในกรณีศกึ ษาต่อปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ การประเมนิ ผลการเรยี นแบบอเี ลริ น์ นิง ทป่ี ระกอบไปดว้ ยเน้อื หา 6 ตอนหลกั ๆ คอื (1) การวดั และ การประเมนิ การเรยี นรู้ของผู้เรยี นดว้ ยตนเองในอเี ลริ น์ นิง (2) การประเมนิ การเรยี นรูข้ องผูเ้ รียนโดยครู ในอเี ลริ น์ นิง (3) การประเมนิ การเรยี นรรู้ อบดา้ นของผูเ้ รยี นในอเี ลริ น์ นิง และ (4) ตวั อย่างเคร่อื งมอื การประเมนิ การเรยี นรู้ของผเู้ รยี นในการเรยี นอเี ลริ น์ นิง และ (5) การประเมนิ ผลการเรยี นในวธิ สี อนแบบ อเี ลริ น์ นงิ คงเป็นแนวทางทาํ ใหผ้ อู้ ่านสามารถนําไปจดั การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นเม่อื มกี ารจดั การเรยี น การสอนแบบอเี ลริ น์ นิงไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพต่อไป 118 อีเลริ น นงิ : จากทฤษฎสี ูก ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 6 เทคโนโลยสี าํ หรบั การจัดการเรียนการสอนแบบอเี ลิรนนงิ แนวคดิ การนําเทคโนโลยมี าใชใ้ นการจดั การเรียนการสอนแบบอเี ลริ น์ นิง เรมิ่ จากทใ่ี นปจั จุบนั น้ี เทคโนโลยีได้มีการพฒั นาไปอย่างต่อเน่ืองและรวดเร็ว โดยเทคโนโลยีนัน้ จะถูกนํามาใช้เป็นเคร่ืองมือ ในการเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพของขนั้ ตอนและกระบวนการทํางานท่หี ลากหลาย รวมถงึ ได้มีการนําเทคโนโลยี มาใชใ้ นกระบวนการเรยี นการสอนอย่างกวา้ งขวางและในหลากหลายลกั ษณะ การนําเทคโนโลยมี าใชใ้ น การจดั การเรยี นการสอนอเี ลริ น์ นิงนนั้ สามารถจําแนกตามลกั ษณะการใชใ้ นการเรยี นการสอน เป็น 3 ระดบั ตามแนวคดิ ของ Sloan foundation ทไ่ี ดม้ กี ารอา้ งถงึ กนั อย่างแพรห่ ลาย กลา่ วคอื การใชเ้ ทคโนโลยเี พ่อื เสรมิ การสอน (Supplement) การใชเ้ ทคโนโลยเี พ่อื เตมิ เตม็ การสอน (Complement) และการใชเ้ ทคโนโลยเี พ่อื แทนทช่ี นั้ เรยี นปกตกิ ลายเป็นระบบการเรยี นการสอนทางไกล (Replacement) โดยใชส้ ดั สว่ นเวลาของการใช้ เทคโนโลยใี นกระบวนการเรยี นการสอนเป็นตวั แบง่ ประเภท ในบทน้จี ะขอกล่าวถงึ เทคโนโลยตี ่าง ๆ สาํ หรบั การจดั การเรยี นการสอนแบบอเี ลริ ์นนิงโดยแบ่งเป็นหวั ขอ้ หลกั ๆ ไดแ้ ก่ (1) ทําไมต้องใช้เทคโนโลยใี น การจดั การเรยี นการสอน (2) การใชเ้ ทคโนโลยเี พ่อื เพม่ิ คุณภาพในการเรยี นรู้ (3) การใช้เทคโนโลยใี น การเสรมิ การเรยี นการสอน (4) การใชเ้ ทคโนโลยใี นการเตมิ เตม็ การเรยี น (5) การใชเ้ ทคโนโลยใี นการแทนท่ี ชนั้ เรยี น (6) นวตั กรรมเทคโนโลยสี าํ หรบั การนําส่งเน้ือหา และ (7) แนวทางการเลอื กใชเ้ คร่อื งมอื และวธิ ี การประเมนิ คณุ ภาพการใชเ้ ทคโนโลยกี ารสอน 1. ทาํ ไมต้องใช้เทคโนโลยีในการจดั การเรยี นการสอน คาํ ถามท่สี าํ คญั ท่จี ะต้องถามก่อนเพ่อื ใหเ้ กดิ ความชดั เจนในสง่ิ ทจ่ี ะทาํ ต่อไป คอื “ทําไม” ต้องใช้ เทคโนโลยใี นการจดั การเรยี นการสอน การจดั การเรยี นการสอนปจั จุบนั มปี ญั หาอะไร หรอื เราตอ้ งการแกไ้ ข ปญั หาอะไร การระบุปญั หาทช่ี ดั เจนจะช่วยใหส้ ามารถหาแนวทางแกไ้ ขทถ่ี ูกตอ้ งได้ รวมทงั้ ช่วยใหป้ ระเมนิ ไดว้ ่าสามารถใชเ้ ทคโนโลยเี ขา้ มาช่วยไดห้ รอื ไม่ โดยปญั หาการจดั การเรยี นการสอนทส่ี าํ คญั ไดแ้ ก่ • เพ่อื ช่วยใหผ้ เู้ รยี นเรยี นไดด้ ขี น้ึ (เพม่ิ คุณภาพในการเรยี นร)ู้ • เพ่อื เพมิ่ ประสทิ ธิภาพในการจดั การเรยี นการสอน (ลดเวลา ลดค่าใช้จ่าย รวมถึงการขยาย โอกาสการเรยี นการสอนสผู่ เู้ รยี นทม่ี ขี อ้ จาํ กดั ) • เพ่ือส่งเสริมผู้เรียนให้มีความพร้อมในการอยู่ในสงั คมยุคใหม่ (พฒั นากระบวนการเรียน การสอน ทเ่ี ทา่ ทนั ต่อการเปลย่ี นแปลงของสภาพแวดลอ้ ม สงั คม เศรษฐกจิ และวฒั นธรรม) อเี ลิรน นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 119
บทท่ี 6 เทคโนโลยสี าํ หรบั การจดั การเรียนการสอนแบบอีเลริ นนงิ และเหตุผลอน่ื ๆ ไมว่ ่าจะเป็นเหตุผลใดกต็ าม เป็นสง่ิ ทส่ี าํ คญั และจาํ เป็นทเ่ี ราจะตอ้ งตงั้ เป้าหมายไวก้ ่อน เพ่อื เป็นโจทยน์ ําไปสกู่ ระบวนการพฒั นาวธิ กี ารแลว้ ยงั ชว่ ยใหเ้ ราประเมนิ ผลสาํ เรจ็ ไดช้ ดั เจนดว้ ย เราสามารถจะใชเ้ ทคโนโลยชี ว่ ยในการแกไ้ ขปญั หาเหล่าน้ไี ดห้ รอื ไม่ อยา่ งไร ? 2. การใช้เทคโนโลยีเพ่ือเพ่ิมคณุ ภาพในการเรยี นรู้ หากจะใหค้ วามหมายของ “คุณภาพการเรยี นร”ู้ ว่า เป็นการทผ่ี เู้ รยี นไดเ้ รยี นรู้ บรรลุวตั ถุประสงค์ การเรยี น ตามทผ่ี ูส้ อนได้กาํ หนดไว้ (อย่างครบถ้วน และทวั่ ถงึ ทุกคน) โดยผเู้ รยี นไดเ้ รยี นอย่างมคี วามสุข (มคี วามพงึ พอใจ) แลว้ เราลองวเิ คราะหข์ นั้ ตอนในกระบวนการเรยี นรู้ ดงั น้ี ภาพท่ี 6.1 กระบวนการเรยี นรู้ ภาพท่ี 6.2 การวเิ คราะหก์ ระบวนการเรยี นรู้ 120 อีเลริ น นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 6 เทคโนโลยสี ําหรับการจดั การเรียนการสอนแบบอีเลริ นนิง จากผเู้ รยี น (Learner) ท่เี ป็นปจั จยั นําเขา้ ไปสู่ กระบวนการเรยี นการสอน (Learning) และทาํ ให้ ได้ผลลพั ธ์ท่ีเป็นได้ผู้เรียนท่มี ีความรู้ (Learned) นัน้ แต่ละขนั้ ตอนมีปญั หา อุปสรรคใด และปญั หาและ อปุ สรรคนนั้ สามารถใชเ้ ทคโนโลยชี ่วยไดห้ รอื ไม่ อย่างไร หากลองวเิ คราะหค์ รา่ ว ๆ จะพบว่า 2.1 ผเู้ รยี น (Learner) แต่ละคนเขา้ สู่การเรยี นโดยมีต้นทนุ พนื้ ฐานท่ีแตกต่างกนั คือ 1. ความรทู้ ต่ี ดิ ตวั มา ความรกู้ ่อนการเรยี น (Prior knowledge) ซง่ึ ผเู้ รยี นแต่ละคนมคี วามรกู้ ่อน การเรยี นไม่เท่ากนั มากบา้ งน้อยบา้ ง เป็นปญั หาสาํ หรบั ผสู้ อนทจ่ี ะต่อยอดความรใู้ ห้ จะตอ้ งยอ้ นกลบั ไปใช้ เวลาทบทวนความรเู้ ดมิ ให้ ผเู้ รยี นทร่ี แู้ ลว้ กจ็ ะเบ่อื หน่าย หากทบทวนไม่มาก ผเู้ รยี นทพ่ี น้ื ฐานยอ้ ยกจ็ ะตาม ไม่ทนั 2. ลกั ษณะของผเู้ รยี น (Learner characteristics) ซง่ึ รวมถงึ แบบการเรยี น (Learning styles) และลกั ษณะผู้เรียนอ่นื ๆ ทแ่ี ต่ละยุคแต่ละสมยั ก็มคี วามแตกต่างกนั เช่น ในปจั จุบนั ผู้เรยี นเกดิ ในยุคท่มี ี เทคโนโลยที ท่ี นั สมยั ในชวี ติ ประจําวนั มอี นิ เทอรเ์ น็ตใช้ อาจจะเรยี กว่า ผเู้ รยี นในยุคดจิ ติ อล หรอื ผเู้ รยี นใน ยคุ อนิ เทอรเ์ น็ต (Net Generation) ย่อมมลี กั ษณะทแ่ี ตกต่างจากผเู้ รยี นยุคกอ่ น ฯลฯ 3. ผเู้ รยี นในยคุ ใหม่ (Net Generation) มลี กั ษณะสาํ คญั ดงั น้ี 1) อยู่ในสภาพแวดล้อมของอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสต์ งั้ แต่เกดิ ไม่ว่าจะเป็น เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ วดิ โี อเกมส์ เคร่อื งเล่นเพลงดจิ ติ อล กลอ้ งดจิ ติ อล โทรศพั ทม์ อื ถอื ของเลน่ ดจิ ติ อลต่าง ๆ 2) ผทู้ จ่ี บจากวทิ ยาลยั อา่ นหนงั สอื น้อยกวา่ อ่านเน้อื หาหรอื รบั ขอ้ มลู จากอนิ เทอรเ์ น็ต อเี มลล์ โทรศพั ทม์ อื ถอื สง่ ขอ้ ความด่วน และสอ่ื ดจิ ติ อลอน่ื ๆ 3) รบั รู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ไดเ้ รว็ ชอบทํางานพรอ้ มกนั หลาย ๆ งาน คดิ หลาย ๆ อย่างในเวลา เดยี วกนั 4) ชอบกราฟิก มากกว่าตวั อกั ษร 5) เขา้ ถงึ ขอ้ มลู ทส่ี นใจโดยตรง อา่ นเฉพาะสง่ิ ทส่ี นใจ ไม่ชอบอา่ นใหค้ รบ หรอื อ่านตามลาํ ดบั 6) ทาํ งานไดด้ ี เม่อื เป็นอยรู่ ว่ มกนั เป็นเครอื ขา่ ย 7) ชอบการไดร้ บั ขอ้ ความด่วน ชน่ื ชม และรางวลั บ่อย ๆ 8) ชอบเกมสม์ ากกวา่ งานเครง่ เครยี ด 9) ความอดทนน้อย ไมส่ ามารถรอคอยอะไรไดน้ าน ดว้ ยความแตกต่างของผเู้ รยี น จงึ ก่อใหเ้ กดิ คาํ ถามว่า การใชเ้ ทคโนโลยเี ขา้ มาช่วยในกระบวนการ เรยี นการสอนจะช่วยแก้ปญั หาได้หรอื ไม่? อย่างไร? จะช่วยในการใหค้ วามรูผ้ ู้เรยี นในยุคใหม่ได้อย่างไร? อเี ลริ นนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 121
บทที่ 6 เทคโนโลยีสําหรบั การจัดการเรยี นการสอนแบบอีเลิรน นงิ 2.2 วิธีการเรยี นการสอน (Learning) วธิ กี ารเรยี นการสอนทจ่ี ะช่วยสง่ เสรมิ สนบั สนุนผเู้ รยี นใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคก์ ารเรยี นตามทผ่ี สู้ อน ไดก้ าํ หนดไว้ ตามปรชั ญาการเรยี นรทู้ ไ่ี ดร้ บั ความนิยมอยา่ งกวา้ งขวางในปจั จบุ นั คอื แบบคอนสตคั ตวิ ซิ มึ นัน้ จะต้องสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นเรยี นอย่างต่นื ตวั (Active) ไดค้ ดิ และพฒั นาความเขา้ ใจขน้ึ มาด้วยตวั เอง ตอ้ งจดั กระบวนการเรยี นการสอนทส่ี ง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นมสี ว่ นร่วมในการเรยี น มแี รงจูงใจในการเรยี น (motivation) มี บรบิ ทในการเรยี นรเู้ พอ่ื ใหก้ ารเรยี นรอู้ ย่างมคี วามเขา้ ใจ (meaningful) มกี ารแลกเปลย่ี นความรู้ เพ่อื ความเขา้ ใจ ทช่ี ดั เจนผ่านปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างเพ่อื นและผสู้ อน (Interaction) นนั้ มวี ธิ กี ารจดั การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย หากนําหลกั การ “Seven principles of effective instruction” ของ Chickering and Ehrmann 1 0 ซง่ึ เป็นแนวปฏบิ ตั ทิ ด่ี ใี นการจดั การเรยี นการสอน ซง่ึ ไดแ้ ก่: 1. ควรสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างผเู้ รยี นและผสู้ อน 2. ควรสง่ เสรมิ ความร่วมมอื ในการเรยี น การแลกเปลย่ี นคามรู้ ความคดิ เหน็ ระหวา่ งผเู้ รยี น 3. ควรสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การต่นื ตวั ในการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น 4. ควรใหข้ อ้ มลู ป้อนกลบั อย่างทนั ที 5. ควรสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นมวี นิ ยั ในการเขา้ เรยี น การทาํ กจิ กรรม และสง่ การบา้ น 6. ควรสอ่ื สารใหผ้ เู้ รยี นทราบถงึ ความคาดหวงั ของอาจารยท์ ส่ี งู 7. ควรเขา้ ใจ ยอมรบั ความแตกต่างของผูเ้ รยี น และสง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี นแต่ละคนไดใ้ ช้ และพฒั นา จดุ เด่นของตนเองใหด้ ขี น้ึ 2.3 ผเู้ รียนที่มีความรู้ (Learned) ผเู้ รยี นทม่ี คี วามรู้ (Learned) ต้องมคี วามคงทนของความรนู้ าน (จําได)้ สามารถประยุกตใ์ ชค้ วามรไู้ ด้ และมคี วามพงึ พอใจในการเรยี นรู้ 1 อา งอิง Chickering, A. W., Ehrmann, S. C. (1996). Implementing the seven principles: Technology as lever. Retrieved on February 20, 2009 from http://www.tltgroup.org/programs/seven.html 122 อีเลริ นนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 6 เทคโนโลยสี าํ หรับการจัดการเรียนการสอนแบบอเี ลิรนนงิ 3. การใช้เทคโนโลยีในการเสริมการเรยี นการสอน (Supplement) เป็นการใชเ้ ทคโนโลยมี าช่วยในการ “เสรมิ ”การเรยี นการสอนในชนั้ เรยี น เพ่อื แกป้ ญั หาต่าง ๆ เช่น ปญั หาความแตกต่างของผู้เรียน ด้านพ้ืนฐานความรู้ ความแตกต่างด้านความเร็วในการเรียน และ ความแตกต่างของแบบการเรยี น (Learning Style) ตวั อย่างเช่น ในการเรยี นการสอนหลกั ทเ่ี ป็นแบบชนั้ เรยี น ผเู้ รยี นจาํ นวนมาก มคี วามแตกต่าง ดา้ นพน้ื ฐานความรู้ ทาํ ใหผ้ เู้ รยี นสว่ นหน่ึงตามไม่ทนั ขณะทผ่ี สู้ อนเองกม็ ี ปญั หาในการปรบั ความเรว็ ในการสอนใหส้ อดคลอ้ งกบระดบั ความเรว็ ในการเรยี นรทู้ แ่ี ตกต่างกนั ของผเู้ รยี น ดงั นัน้ ผูส้ อน สามารถเตรยี มส่อื การเรยี นรู้ในระบบอเี ลริ ์นนิง (เช่น คอรส์ แวร์ CAI/ คอรส์ แวร์ Web) ให้ ผเู้ รยี นไปเรยี นทบทวนดว้ ยตนเองนอกเวลาเรยี นได้ เทคโนโลยใี นรปู แบบเสรมิ การเรยี นน้ี เขา้ มามบี ทบาทในการ 1. เป็นตวั กลางในการนําเสนอบทเรยี นในลกั ษณะต่างๆ เช่น บทเรยี นมลั ตมิ เี ดยี ทบทวน ความรู้ (Tutorial) บทเรยี นจาํ ลองสถานการณ์ (Simulation) ฯลฯ 2. บนั ทกึ ประวตั กิ ารเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น (ในกรณีคอรส์ แวรแ์ บบเวบ็ ) 3. บนั ทกึ ผลการเรยี น (ในกรณีคอรส์ แวรแ์ บบเวบ็ ) 4. เชอ่ื มโยงผเู้ รยี นสแู่ หล่งความรตู้ ่าง ๆ ทผ่ี สู้ อนจดั เตรยี มไวใ้ ห้ (ในกรณคี อรส์ แวรแ์ บบเวบ็ ) อีเลิรนนิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice 123
บทที่ 6 เทคโนโลยีสาํ หรบั การจัดการเรียนการสอนแบบอเี ลิรน นิง ภาพท่ี 6.3 ตวั อยา่ งคอรส์ แวรบ์ นเวบ็ ของโครงการมหาวทิ ยาลยั ไซเบอรไ์ ทย 124 อีเลริ นนิง: จากทฤษฎสี ูการปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทที่ 6 เทคโนโลยสี ําหรับการจดั การเรียนการสอนแบบอีเลริ น นิง 4. การใช้เทคโนโลยีในการเติมเตม็ การเรียน (Complement e-Learning) สาํ หรบั ผูใ้ ชง้ านในระบบ LMS สามารถทจ่ี ะแบ่งไดเ้ ป็น 3 กลุ่มหลกั ๆ คอื (1) กลุ่มผบู้ รหิ ารระบบ (2) กลุ่มผสู้ อนหรอื ผสู้ รา้ งเน้ือหาการเรยี น และ (3) กลมุ่ ผเู้ รยี น โดยมรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี 3.1. กลุ่มผบู้ ริหารระบบ (Administrator) ทาํ หน้าทใ่ี นการตดิ ตงั้ ระบบ LMS การกาํ หนดค่า เรม่ิ ต้นของระบบ การสํารองฐานขอ้ มูล การจดั การฐานขอ้ มูลนักเรยี น การกําหนดสทิ ธิก์ ารเป็นผูส้ อน การนํารายวชิ าเขา้ 3.2. กลุ่มผ้สู อนหรือผ้สู ร้างเนื้อหาการเรียน (Instructor /Teacher) ทําหน้าทใ่ี นการนําส่อื การเรยี นเขา้ ระบบ เพม่ิ เน้ือหา บทเรยี นต่าง ๆ เขา้ ระบบ อาทิ ขอ้ มลู รายวชิ า เอกสารประกอบการสอน การตดิ ตามพฤตกิ รรมผเู้ รยี น การสอ่ื สารกบั ผเู้ รยี นและกลมุ่ ผเู้ รยี น การประเมนิ ผเู้ รยี นโดยสรา้ งแบบทดสอบ ทงั้ แบบปรนยั อตั นยั การใหค้ ะแนนตรวจสอบกจิ กรรมผเู้ รยี น ตอบคาํ ถาม และการใหข้ อ้ มลู ป้อนกลบั 3.3. กลุ่มผ้เู รียน (Student/Guest) คอื นักเรยี น นักศกึ ษาทส่ี มคั รเขา้ เรยี นตามหวั ขอ้ รายวชิ า หรอื หลกั สตู รต่าง ๆ มหี น้าทศ่ี กึ ษาจากสาระตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากผูส้ อน เคร่อื งมอื ช่วยส่งเสรมิ การคดิ และการเรยี นรู้ เคร่อื งมอื ช่วยการทาํ งาน (My working space, calendar, my note, my bookmark เป็นตน้ ) การดูสถติ ิการเรยี น คะแนนสอบ การส่อื สารกบั ผสู้ อน และเพ่อื น ตลอดจนการสง่ การบา้ นและเกบ็ ขอ้ มูล การบา้ นเป็นการใชอ้ เี ลริ น์ นิงมาเตมิ เตม็ กระบวนการเรยี นการสอนเพ่อื ช่วยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรไู้ ดด้ ขี น้ึ เชน่ อเี ลริ น์ นิงรองรบั การทาํ กจิ กรรมการเรยี น รองรบั การสอ่ื สาร แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ในการทาํ กจิ กรรม กลมุ่ ย่อย ฯลฯ เทคโนโลยใี นรปู แบบการเตมิ เตม็ การเรยี นน้ี เขา้ มามบี ทบาทในการ 1 เป็นเครอ่ื งมอื ในการสอ่ื สารทางการเรยี นการสอน ระหว่างผเู้ รยี นกบั ผเู้ รยี น และ ระหว่างผเู้ รยี น กบั อาจารย์ เชน่ กระดานสนทนาสาํ หรบั ถามตอบ หอ้ งสนทนาในเวลาเดยี วกนั (Synchronous communication) 2 เป็นเคร่อื งมอื ในการผลติ ชน้ิ งาน (การบา้ น) ทงั้ ในลกั ษณะบุคคล หรอื การทํางานร่วมกนั เป็น กลุ่มยอ่ ย 3 บนั ทกึ ประวตั กิ ารเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น (ในกรณคี อรส์ แวรแ์ บบเวบ็ ) 4 บนั ทกึ ผลการเรยี น (ในกรณีคอรส์ แวรแ์ บบเวบ็ ) ภาพที่ 6.4 ผใู้ ชง้ านในระบบ LMS อีเลิรน นิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice 125
บทท่ี 6 เทคโนโลยสี าํ หรับการจดั การเรยี นการสอนแบบอเี ลริ น นงิ 5. การใช้เทคโนโลยีในการแทนที่ชนั้ เรียน (Replacement e-Learning) เป็นการใช้เทคโนโลยีเป็นห้องเรียนเสมือน โดยผู้เรียนและผู้สอนทําการเรียนการสอนผ่าน สภาพแวดล้อมเสมือนในระบบเครือข่าย โดยเทคโนโลยีแบบแทนท่ชี ัน้ เรียนน้ี จะเข้ามามีบทบาทใน องคป์ ระกอบเทคโนโลยเี พอ่ื การจดั การเรยี นการสอนทางไกลทย่ี ดึ สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ ป็นสอ่ื หลกั (อเี ลริ น์ นงิ ) • เป็นเครอ่ื งมอื ในบรหิ ารจดั การเรยี นการสอนของผสู้ อน • เป็นเคร่ืองมือในการควบคุมและจัดเก็บประวัติการเข้าเรียน การทํากิจกรรมการเรียน การประเมนิ ผล • เป็นเคร่อื งมอื รองรบั การถ่ายทอดเน้ือหา • เคร่อื งมอื รองรบั การสอ่ื สารทางการศกึ ษา • เคร่อื งมอื รองรบั การทาํ งานของผเู้ รยี น ฯลฯ ภาพท่ี 6.5 ตวั อย่างเคร่อื งมอื การถ่ายทอดเน้อื หา สรุปได้ว่าในการก้าวสู่ ความสําเร็จในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอน ผู้สอน และผเู้ กย่ี วขอ้ ง จาํ เป็นตอ้ ง • ชดั เจนในความตอ้ งการ (แกป้ ญั หาการเรยี นการสอนเร่อื งใด หรอื เพ่อื เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพ ฯลฯ) • รศู้ กั ยภาพของเคร่อื งมอื เทคโนโลยี • ยนิ ดที จ่ี ะศกึ ษา คน้ ควา้ และทดลองเพอ่ื พฒั นาระบบ • ยนิ ยอมเปลย่ี นแปลง (บทบาทของอาจารย)์ • และมงุ่ มนั่ (จนกว่าจะถงึ ) ความสาํ เรจ็ 126 อเี ลริ น นิง: จากทฤษฎสี ูการปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 6 เทคโนโลยสี าํ หรับการจดั การเรียนการสอนแบบอีเลริ น นงิ 6. เทคโนโลยีสาํ หรบั การนําส่งเนื้อหา (Delivery system tools) ในกรอบของการใชเ้ ทคโนโลยใี นการเรยี นการสอนนัน้ เทคโนโลยสี ําหรบั การนําส่งเน้ือหาอยู่ใน กลุ่มท่ี 2 โดยเป็นเทคโนโลยจี ะรองรบั การนําเสนอเน้ือหาแก่ผูเ้ รยี น เทคโนโลยตี ้องสามารถควบคุมและ จดั ลาํ ดบั การนําเสนอสอ่ื (Control) รองรบั สอ่ื หลากหลายรปู แบบ (Multimedia / Multiformat) และเปิดช่องทาง ในการเขา้ ถงึ สอ่ื เขา้ ถงึ ระบบทห่ี ลากหลาย (Access) เช่น คอมพวิ เตอร์ โทรศพั ทห์ รอื พดี เี อ ฯลฯ เพ่อื เพมิ่ โอกาสสาํ หรบั ผใู้ ช้ ในการเขา้ ใชร้ ะบบ ดเู น้ือหา ในระบบ และทาํ งานในระบบได้ ภาพที่ 6.6 แสดงมติ กิ ารสนบั สนุนการจดั การเรยี นการสอนแบบอเี ลริ น์ นงิ โดยเทคโนโลยี 6.1 ตวั อย่างเทคโนโลยีสาํ หรบั การนําส่งเนื้อหา: Technology Internet tools ในการเรียน การสอน การเลอื กใช้ Technology Internet tools ในการเรยี นการสอน ขน้ึ อย่กู บั วตั ถุประสงค์ การเรยี น การสอน ในการเรยี นการสอนนนั้ ตอ้ งการใหเ้ กดิ ประสบการณ์อะไร เคร่อื งมอื ต่าง ๆ ใหป้ ระสบการณ์อะไร ประสบการณ์บางอย่างเป็นการเรยี นดว้ ยตนเอง ประสบการณ์บางอย่างเป็นการแลกเปลย่ี นกนั internet tools มที งั้ ทเ่ี ป็นเครอ่ื งมอื การผลติ เครอ่ื งมอื การสะสมประสบการณ์จากเอกสารต่าง ๆ Resource ต่าง ๆ และเป็น เคร่อื งมอื ในการถ่ายทอดประสบการณ์ซง่ึ คอื เน้ือหาวชิ าและความรูต้ ่าง ๆ internet tools ท่มี ตี ่าง ๆ กนั มีคุณลกั ษณะท่ีเหมาะกับการเรียนการสอนต่าง ๆ กัน โดยผลการวิเคราะห์แนวคิดวิธีการ และการใช้ ซอฟตแ์ วรส์ อ่ื สารเพอ่ื การจดั การเรยี นการสอนทางไกลสรุปได้ ดงั น้ี อีเลิรน นงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 127
บทที่ 6 เทคโนโลยสี ําหรบั การจัดการเรียนการสอนแบบอีเลิรน นงิ ตารางท่ี 6.1 เครอ่ื งมือพนื้ ฐานของ Technology Internet tools สาํ หรบั อาจารยเ์ พอื่ การเรยี นการสอน ซอฟตแ์ วรส์ ื่อสาร แนวคิดวิธีการ กระดานสนทนา เว็บไซต์ท่ีให้บริการสําหรับการพูดคุย ถาม-ตอบ การแลกเปล่ียน สนทนา (Webboard) การพูดคุย การอภปิ รายในสงั คมออนไลน์ เพ่อื ช่วยใหเ้ กดิ การปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่าง บุคคล หรือตามความสนใจของกลุ่ม กระดานสนทนามีช่ือเรียกหลายช่ือ เช่น กระดานข่าว กระดานข่าวสาร กระดานสนทนา กระดานสนทนาออนไลน์ ฟอรมั เวบ็ ฟอรมั เมสเซจบอรด์ บุลลทิ นิ บอรด์ ดสิ คชั ชนั บอรด์ หรอื เรยี กอย่างว่า “บอรด์ ” เป็นตน้ สารานุกรมเสรบี นระบบวกิ ิ สารานุกรมเสรอี อนไลน์ทท่ี าํ งานภายใต้ ระบบ Moodle LMS โดย Module ดงั กล่าว Moodle มไี วส้ ําหรบั เขยี นเพ่อื สรา้ งความรูด้ ้วยตนเอง (Constructivist) ไดร้ บั การออกแบบ เพ่อื ให้บรกิ ารสาํ หรบั กจิ กรรมโครงงาน รายงานในรายวชิ าท่มี ผี ู้เรยี น ผูส้ อน เป็น กลุ่มจํานวนมากเพ่ือให้เกิดการทํางานร่วมกัน (Collaborative) และสามารถ เผยแพรข่ อ้ มลู สสู่ าธารณะไดโ้ ดยสะดวก กเู กล้ิ เอกสาร เวบ็ ไซตส์ ว่ นหน่งึ ของ Google ทใ่ี หบ้ รกิ ารเกย่ี วกบั เอกสาร (Document) สเปรดชตี (Google Doc) และงานนําเสนอแบบออนไลน์ในรปู แบบต่าง ๆ โดยผใู้ ชง้ านสามารถพมิ พเ์ อกสาร บนเวบ็ ไซต์ดงั กล่าวไดเ้ ลย หรอื สามารถพมิ พด์ ว้ ยซอฟต์แวรส์ าํ เรจ็ รปู แลว้ นําขน้ึ สู่ ระบบกเู กล้ิ เอกสารไดใ้ นภายหลงั โดยไม่เสยี ค่าใชจ้ ่ายใด ๆ หอ้ งสนทนา (Chat) เคร่อื งมอื ส่อื สารทบ่ี ุคคลสามารถใช้เพ่อื คุยโต้ตอบกนั ไดท้ นั ทที นั ใดตามเวลาจริง เพ่ือใชใ้ นการอภิปราย การแลกเปล่ียนความคดิ และความรู้ เพ่ือส่งเสรมิ ให้เกดิ การสรา้ งปฏสิ มั พนั ธ์ (Interactive) ระหวา่ งบุคคลไดด้ ว้ ยการคุยผ่านหอ้ งสนทนาบน เวบ็ ไซตห์ รอื ใชซ้ อฟตแ์ วรส์ าํ เรจ็ รปู ทส่ี ามารถมองเหน็ หน้า ไดย้ นิ เสยี งซง่ึ กนั และกนั ดว้ ยอุปกรณ์เสรมิ เช่น MSN, Yahoo Messenger Google Talk, ICQ, Skype, Camfrog เป็นตน้ ระบบบอกพกิ ดั ระบบบรกิ ารสาํ หรบั บอกตาํ แหน่ง พกิ ดั และใชส้ าํ หรบั ตดิ ตาม (Geolocation-based (Google Latitude) social tracking service) บนแผนทข่ี อง Google Maps ผา่ นอปุ กรณ์ประเภทพกพา เคล่อื นท่ี (Mobility Device) ทไ่ี ม่มรี ะบบบอกตําแหน่งดว้ ย GPS (Global Positioning System) 128 อีเลริ น นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 6 เทคโนโลยสี ําหรบั การจดั การเรยี นการสอนแบบอเี ลริ น นิง ซอฟตแ์ วรส์ ่ือสาร แนวคิดวิธีการ ยทู ปู ( YouTube) เวบ็ ไซตท์ ใ่ี หบ้ รกิ ารเกย่ี วกบั ภาพวดี ทิ ศั น์ ภาพเคล่อื นไหว ภาพยนตร์ ทเ่ี ปิดโอกาส ใหผ้ ชู้ มทกุ คนไดเ้ ขา้ ไปชม สนทนา แสดงความคดิ เหน็ ต่อภาพหรอื รายการทช่ี มกนั ได้โดยเสรี และสามารถแลกเปล่ยี นจุดเช่อื มโยง (Link) โดยการแนบช่อื รายการ ทช่ี อบไปเผยแพร่ และบอกต่อได้ นอกจากน้ีผูใ้ ชง้ านสามารถนําภาพวดี ทิ ศั น์ของ ตนเองเขา้ ไประบบเวบ็ ไซต์ บนั ทกึ สว่ นตวั ออนไลน์ บนั ทกึ ส่วนตัวออนไลน์ (Multiply/Weblog/Blogger) คือ พ้นื ท่ีส่วนตวั ท่ีสมาชกิ (Multiply/Weblog/Blogger) สามารถแบ่งปนั ขอ้ มูลทุกอย่างภายในระบบ จดั เป็นเคร่อื งมอื ประเภท Web log หรอื Blog ทเ่ี ปรยี บเหมอื นบนั ทกึ สว่ นตวั ออนไลน์ (Diary Online) สามารถเขยี น ขอ้ ความ เน้ือหา เร่ืองราวทงั้ ของส่วนตัว ขององค์กร ความรู้สึก ความคิดเห็น นําเสนอหรือแลกเปล่ียนภาพถ่าย วีดิทัศน์ เพลง ดนตรี จุดเช่ือมโยง (Link) และเหตุการณ์ต่าง ๆ ไดท้ งั้ หมด พอดแคส (Pod cast) ทใ่ี หบ้ รกิ ารเพ่อื เผยแพร่ใหผ้ ูใ้ ชง้ านสามารถแลกเปลย่ี นส่อื ในรูปแบบไฟลช์ นิดต่าง ๆ แฟ้มสะสมงาน ดว้ ยเทคโนโลยี XML (Extensible Markup Language) ทใ่ี ชใ้ นการแลกเปลย่ี น อเิ ลก็ ทรอนกิ ส(์ e-Portfolio) ขอ้ มลู (RSS: Real Simple Syndication Feed) ผ่านเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรด์ ว้ ย ซอฟตแ์ วรป์ ระเภท Podcasting Reader หลกั ฐานทไ่ี ดจ้ ากการปฏบิ ตั งิ านโดยใชเ้ วลาพฒั นาและรวบรวมไวอ้ ย่างเป็นระบบใน รปู แบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ อนั แสดงถงึ ความสามารถ คุณค่า และเอกลกั ษณ์ของบุคคล หน่วยงาน หรอื ผู้เรยี น โดยแฟ้มสะสมงานสามารถใช้เพ่อื ประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การประเมนิ ในการเรยี น แสดงคุณสมบตั เิ พ่อื รบั รางวลั แสดงความพร้อมเพ่อื รบั ตาํ แหน่ง การประเมนิ เพ่อื การไดง้ านทาํ การแลกเปลย่ี นเรยี นรใู้ นองคก์ ร การกํากบั ตดิ ตามความคบื หน้าของการปฏบิ ตั งิ าน เป็นตน้ ระบบบนั ทกึ สถติ ผิ ใู้ ชง้ าน ระบบบนั ทกึ สถติ ผิ ใู้ ชง้ าน Feedjit traffic คอื เคร่อื งมอื สาํ หรบั เกบ็ สถติ เิ พ่อื รายงาน Feedjit traffic ผลตดิ ตาม ตรวจสอบการจราจรบนอนิ เทอรเ์ น็ต สาํ หรบั ผใู้ ชง้ านทเ่ี ขา้ มาใชบ้ นั ทกึ ระบบบนั ทกึ สถติ ผิ ใู้ ชง้ าน สว่ นตวั (Blog) และใชง้ านบนเวบ็ ไซต์ ตามเวลาทป่ี รากฏจรงิ w3 counter เกบ็ สถิติเพ่อื รายงานผลการติดตาม การตรวจสอบ การนับผู้เข้าชม (Counter) สาํ หรบั ผใู้ ชง้ านทเ่ี ขา้ มาใชบ้ นั ทกึ สว่ นตวั (Blog)และเวบ็ ไซตต์ ามเวลาทป่ี รากฏจรงิ อเี ลิรนนิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice 129
บทที่ 6 เทคโนโลยีสําหรับการจัดการเรยี นการสอนแบบอเี ลริ น นิง 6.2 ตวั อยา่ งเทคโนโลยีสาํ หรบั การนําส่งเนื้อหา: เครื่องมือพืน้ ฐานสาํ หรบั อาจารยเ์ พื่อการเรียน การสอนใน Moodle 2.0 ตารางท่ี 6.2 เครอื่ งมอื พนื้ ฐานสาํ หรบั อาจารยเ์ พอื่ การเรียนการสอนใน Moodle เครอื่ งมือในหมวด เครอ่ื งมือในหมวด เครอื่ งมอื พนื้ ฐานอื่น ๆ Resource Activities 1. ไฟล์ (File) 1. Assignment 1. เวบ็ ลอ็ ก หรอื บลอ็ ก (Blog) 2. แฟ้ม (Folder) a. Advanced uploading 2. ขอ้ ความ (Messaging) 3. IMS Content Package of files 4. Label b. Online text 5. Page c. Upload a single file 6. URL d. Offline activity 2. Chat 3. Choice 4. Database 5. Feedback 6. Forum 7. Glossary 8. Lesson 9. Quiz 10. SCORM package 11. Survey 12. Wiki 13. Workshop จากตารางดงั กล่าว สามารถสรปุ วธิ กี ารใชแ้ ต่ละเครอ่ื งมอื ไดด้ งั รายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี 1. ไฟล์ (File) • เคร่อื งมอื ในหมวด Resource • มไี วเ้ พ่อื ใหผ้ สู้ อนสามารถนําไฟลต์ ่าง ๆ ไปจดั เกบ็ ในระบบ เพ่อื การเรยี กใชง้ านภายหลงั ได้ โดย สามารถสรา้ งเป็นแฟ้มเพ่อื ประโยชน์ของการแยกประเภทไฟลไ์ ด้ 130 อเี ลริ น นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 6 เทคโนโลยสี ําหรบั การจดั การเรยี นการสอนแบบอเี ลิรน นิง 2. แฟ้ ม (Folder) • เครอ่ื งมอื ในหมวด Resource • มไี วเ้ พอ่ื ใหผ้ สู้ อนสามารถสรา้ งแฟ้มเพอ่ื นําไฟลต์ ่างๆไปจดั เกบ็ ในระบบ เพอ่ื การเรยี กใชง้ าน ภายหลงั ได้ 3. IMS Content Package • เคร่อื งมอื ในหมวด Resource • มไี วเ้ พอ่ื ใหผ้ สู้ อนสามารถนํา Content ทส่ี รา้ งในรปู แบบ IMS Content Package เขา้ มาวางใน Moodle ได้ 4. Label • เคร่อื งมอื ในหมวด Resource • มไี วเ้ พ่อื ใหผ้ สู้ อนสามารถสรา้ งป้ายกาํ กบั ในรปู แบบ HTML ได้ 5. Page • เคร่อื งมอื ในหมวด Resource • มไี วเ้ พอ่ื ใหผ้ สู้ อนสามารถสรา้ งหน้าเวบ็ เพจประกอบการสอนได้ 6. URL • เคร่อื งมอื ในหมวด Resource • มไี วเ้ พ่อื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกเวบ็ ลง้ิ คเ์ พ่อื ประกอบการสอนได้ 7. Assignment • เคร่อื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พอ่ื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกกจิ กรรมแบบต่างๆเพอ่ื ประกอบการสอนได้ 8. Chat • เคร่อื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พอ่ื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกหอ้ งสนทนา (สด) เพอ่ื ประกอบการสอนได้ 9. Choice • เคร่อื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พ่อื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกตวั เลอื ก เพ่อื ประกอบการสอนได้ 10. Database • เคร่อื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พอ่ื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกฐานขอ้ มลู แบบต่าง ๆ เพ่อื ประกอบการสอนได้ อีเลิรนนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 131
บทท่ี 6 เทคโนโลยีสําหรบั การจดั การเรียนการสอนแบบอีเลิรน นิง 11. Feedback • เคร่อื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พ่อื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกแบบสอบถามเชงิ โตต้ อบ เพอ่ื ประกอบการสอนได้ 12. Forum • เคร่อื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พ่อื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกกระดานเสวนา เพ่อื ประกอบการสอนได้ 13. Glossary • เครอ่ื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พ่อื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกอภธิ านศพั ท์ เพ่อื ประกอบการสอนได้ 14. Lesson • เคร่อื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พอ่ื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกบทเรยี นแบบต่อเน่ือง เพอ่ื ประกอบการสอนได้ 15. Quiz • เครอ่ื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พ่อื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกแบบทดสอบ เพอ่ื ประกอบการสอนได้ 16. SCORM Package • เคร่อื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พอ่ื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกบทเรยี นทส่ี รา้ งตามมาตรฐาน SCORM เพอ่ื ประกอบการสอนได้ 17. Survey • เคร่อื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พอ่ื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกแบบสอบถาม เพอ่ื ประกอบการสอนได้ 18. Wiki • เคร่อื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พอ่ื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกวกิ ิ เพ่อื ประกอบการสอนได้ 19. Workshop • เครอ่ื งมอื ในหมวด Activity • มไี วเ้ พ่อื ใหผ้ สู้ อนสามารถแทรกกจิ กรรมกง่ึ ปฎบิ ตั ิ เพอ่ื ประกอบการสอนได้ 132 อีเลริ น นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 6 เทคโนโลยสี าํ หรับการจดั การเรียนการสอนแบบอีเลริ นนงิ 20. Blog • เครอ่ื งมอื ในหมวด เคร่อื งมอื พน้ื ฐานอน่ื ๆ • มไี วเ้ พ่อื ใหผ้ สู้ อนสามารถใช้ Blog เพ่อื ประกอบการสอนได้ 21. Messaging • เครอ่ื งมอื ในหมวด เครอ่ื งมอื พน้ื ฐานอ่นื ๆ • มไี วเ้ พ่อื ใหผ้ สู้ อนสามารถสง่ ขอ้ ความเพอ่ื สอ่ื สารระหว่างผเู้ รยี นและผสู้ อนได้ 6.3 ตวั อย่างเทคโนโลยีสําหรบั การนําส่งเนื้อหา: แนวทางการเลือกใช้เคร่ืองมือทาง อินเทอรเ์ น็ต ตามวิธีการสอน ในส่วนน้ี จะขอเสนอตวั อย่างนวตั กรรมเทคโนโลยสี าํ หรบั การนําสง่ เน้ือหา โดยเน้นเร่อื งของแนวทาง การเลอื กใชเ้ คร่อื งมอื ทางอนิ เทอร์เน็ต ตามวธิ กี ารสอนรูปแบบต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การสอนแบบอภิปราย การสอน แบบโครงการ การสอนแบบใชป้ ญั หาเป็นหลกั การเรยี นการสอนแบบกรณศี กึ ษา และการเรยี นการสอนแบบเกม และสถานการณ์จาํ ลอง โดยมรี ายละเอยี ดดงั แสดงไดด้ งั ตารางต่อไปน้ี ตารางท่ี 6.3 เครอ่ื งมือพนื้ ฐานสาํ หรบั อาจารยเ์ พอื่ การเรยี นการสอนใน Moodle วิธีสอน เครอื่ งมืออินเทอรเ์ น็ต (internet tools) ท่ีเหมาะสมในการเรยี นการสอน การสอนแบบอภิปราย 1) Groupmail (สําหรบั การอภิปราย ในกรณีท่ีไม่สะดวกใช้ เคร่อื งมอื อ่นื ๆในการอภปิ ราย) 2) Webboard (สาํ หรบั การอภปิ ราย) 3) Chat (Text / Voice / Video) (สาํ หรบั การทาํ ความเขา้ ใจใน ประเดน็ ทแ่ี ตกต่าง สาํ หรบั การสรปุ การอภปิ ราย) 4) Wiki (สาํ หรบั การช่วยกนั สรุปรายงานการอภปิ ราย) 5) Poll (สาํ หรบั การลงคะแนนเสยี ง หากมคี วามคดิ เหน็ แตกต่าง กนั ชดั เจน) 6) Web 2.0 Tools ต่าง ๆ (Secondlife / Facebook / Twitter) เพ่อื ใหข้ อ้ มลู ลา่ สดุ และกระตุน้ การเขา้ ร่วมการอภปิ ราย การสอนแบบโครงการ การใชเ้ คร่อื งมอื อนิ เทอรเ์ น็ตทเ่ี หมาะสมในการเรยี นการสอนแบ่ง ออกไดเ้ ป็น 2 แนวทางตามยุคของเคร่อื งมอื เครอื ข่ายสงั คมออนไลน์ ไดแ้ ก่ เทคโนโลยเี วบ็ 2.0 ซง่ึ สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 4 ดา้ นหลกั ๆ คอื 1. Application Web ไดแ้ ก่ Google document , Blog , Feed 2. Communication Tool ไดแ้ ก่ Chat, Desktop Video Conference, Podcast อีเลิรน นงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice 133
บทที่ 6 เทคโนโลยีสาํ หรับการจัดการเรยี นการสอนแบบอีเลริ นนงิ วิธีสอน เครอื่ งมืออินเทอรเ์ น็ต (internet tools) ที่เหมาะสมในการเรยี นการสอน 3. Community Tools ไดแ้ ก่ Wiki, Web board 4. File sharing Tool ไดแ้ ก่ Photo sharing, Video sharing, Music sharing & Document sharing เคร่ืองมอื ส่อื สารท่ใี ช้สําหรบั การเรยี นเชงิ รบั (passive learning) ไดแ้ กก่ ารอา่ นอยา่ งเดยี ว (เหลอื รอ่ งรอย 10%) การไดย้ นิ (เหลอื รอ่ งรอย 20%) การเหน็ (เหลอื ร่องรอย 30%) และการเหน็ และการได้ยนิ (เหลอื รอ่ งรอย 50%) เคร่อื งมอื ทเ่ี หมาะสมไดแ้ ก่ เคร่อื งมอื นําเสนอต่าง ๆ เช่น YouTube และ Slideshare ในทางตรงกนั ข้าม เคร่อื งมอื ส่อื สารท่ีใช้สําหรบั การเรียนเชิงรุก (active learning) ท่แี สดงให้เห็นถงึ ร่องรอยความรู้ท่หี ลงเหลอื อยู่ มากกว่า 50% ขน้ึ ไปหลงั จากไดร้ บั จากประสบการณ์ทต่ี ่างกนั เม่อื เวลา ผ่านไป 2 สปั ดาหไ์ ดแ้ ก่ การไดพ้ ดู (เหลอื ร่องรอย 70%) การพดู และ การปฏบิ ตั ิ (เหลอื ร่องรอย 90%) เคร่อื งมอื ทเ่ี หมาะสมไดแ้ ก่ เคร่อื งมอื ท่ีเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ต่าง ๆ เช่น เว็บคอนเฟอร์เรนท์ (Skype, Voicethread) การสมั มนาออนไลน์ (Webinar) ผ่าน Slide Sharing การเขยี นบนั ทกึ ออนไลน์ดว้ ย Blogger เป็นตน้ การสอนแบบใช้ปัญหาเป็ นหลกั 1. เวบ็ ไซตแ์ หล่งขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วขอ้ งต่าง ๆ (Weblink) 2. กระดานสนทนา (Web board), หอ้ งสนทนา (Chat room ) , เว็บบล็อก (Web blog), การพูดคุยประชุมผ่านจอภาพ (Video Conference) 3. การสง่ จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-mail) การเรยี นการสอนแบกรณีศกึ ษา ขนั้ ท่ี 1 ทาํ ความเขา้ ใจกบั สถานการณ์และบรบิ ทจากกรณีตวั อย่าง สอื่ การเรยี นการสอน: การนําเสนอกรณีศกึ ษาผ่านส่อื รปู แบบ ต่าง ๆ (Text media or Rich media) เช่น ขอ้ ความ คลปิ เสยี ง คลปิ วดิ โี อ มลั ติมเี ดยี เป็นต้น และการใชเ้ คร่อื งมอื ส่อื สารทางอนิ เทอร์เน็ต เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นตอบคาํ ถามการวเิ คราะหป์ ญั หา สามารถดาํ เนินการไดท้ งั้ แบบรายบุคคลและเป็นกลุ่มเลก็ (3-4 คน) เช่น อเี มล กระดานสนทนา บลอ็ ก วกิ ิ หรอื ส่อื เครอื ข่ายสงั คมต่าง ๆ (social networking media) (หมายเหตุ กระดานสนทนา บลอ็ ก และวกิ ิ สามารถออกแบบใหท้ าํ งาน เฉพาะกลุ่มเลก็ ได)้ 134 อเี ลิรน นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice
วิธีสอน บทท่ี 6 เทคโนโลยสี ําหรบั การจดั การเรียนการสอนแบบอีเลิรน นิง เครอ่ื งมอื อินเทอรเ์ น็ต (internet tools) ที่เหมาะสมในการเรยี นการสอน ขนั้ ท่ี 2 วเิ คราะหป์ ญั หา สอื่ การเรยี นการสอน: การนําเสนอกรณีศกึ ษาผ่านสอ่ื รูปแบบ ต่าง ๆ (Text media or Rich media) เช่น ขอ้ ความ คลปิ เสยี ง คลปิ วดิ โี อ เป็นตน้ และการใชเ้ คร่อื งมอื สอ่ื สารทางอนิ เทอรเ์ น็ตเพ่อื ใหผ้ ูเ้ รยี น ตอบคําถามการวิเคราะห์ปญั หา สามารถดําเนินการได้ทัง้ แบบ รายบุคคลและเป็นกลุ่มเลก็ (3-4 คน) เชน่ อเี มล กระดานสนทนา บลอ็ ก วกิ ิ หรอื สอ่ื เครอื ขา่ ยสงั คมต่าง ๆ (social networking media) (หมาย เหตุ กระดานสนทนา บลอ็ ก และวกิ ิ สามารถออกแบบใหท้ ํางานเฉพาะ กลุ่มเลก็ ได)้ ขนั้ ที่ 3 เสนอทางแกป้ ญั หา สอื่ การเรยี นการสอน: การนําเสนอกรณีศกึ ษาผ่านส่อื รูปแบบ ต่าง ๆ (Text media or Rich media) เช่น ขอ้ ความ คลปิ เสยี ง คลปิ วดิ โี อ มลั ติมเี ดยี เป็นต้น และการใช้เคร่อื งมอื ส่อื สารทางอนิ เทอร์เน็ต เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นตอบคาํ ถามการวเิ คราะหป์ ญั หา สามารถดาํ เนินการไดท้ งั้ แบบรายบุคคลและเป็นกลุ่มเลก็ (3-4 คน) เช่น อเี มล กระดานสนทนา บลอ็ ก วกิ ิ หรอื สอ่ื เครอื ขา่ ยสงั คมต่าง ๆ (social networking media) (หมายเหตุ กระดานสนทนา บลอ็ ก และวกิ ิ สามารถออกแบบใหท้ ํางาน เฉพาะกลมุ่ เลก็ ได)้ ขนั้ ที่ 4 ตดั สนิ ใจ สอื่ การเรียนการสอน: การนําเสนอเน้ือหาความรู้ผ่านส่อื รปู แบบต่างๆ (Text media or Rich media) เช่น ขอ้ ความ คลปิ เสยี ง คลปิ วดิ โี อ มลั ตมิ เี ดยี เป็นตน้ และแหล่งเรยี นรู้ภายนอก เช่น เวบ็ ไซต์ ต่างๆ ท่คี ดั สรรโดยผูส้ อน และหรือผูเ้ รยี นคน้ หาเพ่มิ เติมผ่าน search engine และการใชเ้ คร่อื งมอื ส่อื สารทางอนิ เทอรเ์ น็ตเพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นตอบ คาํ ถามการวเิ คราะหป์ ญั หา สามารถดาํ เนินการไดท้ งั้ แบบรายบุคคลและ เป็นกลุ่มเลก็ (3-4 คน) เช่น อเี มล กระดานสนทนา บลอ็ ก วกิ ิ หรอื ส่อื เครอื ขา่ ยสงั คมต่าง ๆ (social networking media) (หมายเหตุ กระดาน สนทนา บลอ็ ก และวกิ ิ สามารถออกแบบใหท้ าํ งานเฉพาะกลมุ่ เลก็ ได)้ อีเลิรน นงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice 135
บทที่ 6 เทคโนโลยีสาํ หรบั การจดั การเรียนการสอนแบบอเี ลิรน นงิ วิธีสอน เครอ่ื งมอื อินเทอรเ์ น็ต (internet tools) ที่เหมาะสมในการเรียนการสอน ขนั้ ที่ 5 สะทอ้ นคดิ จากผลของทางเลอื ก สอื่ การเรยี นการสอน: การใช้เคร่อื งมือส่อื สารทางอินเทอร์เน็ต เพ่ือส่อื สารระหว่างผู้สอนกบั ผู้เรียน และระหว่างผู้เรียนด้วยกนั เพ่ือ ประเมนิ ทางเลอื กนัน้ ๆ ทงั้ แบบรายบุคคลและเป็นกลุ่มเลก็ (3-4 คน) เช่น อีเมล กระดานสนทนา บล็อก วิกิ หรือส่ือเครือข่ายสังคม ต่าง ๆ (social networking media) (หมายเหตุ กระดานสนทนา บลอ็ ก และวกิ ิ สามารถออกแบบใหท้ าํ งานเฉพาะกลมุ่ เลก็ ได)้ ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น แ บ บ เ ก ม ระบบเครือข่ายความเรว็ สูง ซอฟต์แวร์ท่สี ามารถแสดงผลเกม สถานการณ์จาํ ลองทงั้ แบบ 2 มติ แิ ละ 3 มติ ิ และสถานการณ์จาํ ลอง 7. แนวทางการเลือกใช้เครอื่ งมอื และวิธีการประเมินคณุ ภาพการใช้เทคโนโลยีการสอน แนวทางการเลือกใช้เคร่ืองมือเทคโนโลยีในการสอนให้เหมาะสมนัน้ เป็นสง่ิ ท่ที ้าทายผู้สอน เป็นอย่างมาก เน่ืองจากเคร่อื งมอื นัน้ มคี วามหลากหลาย ขน้ึ อยู่กบั วตั ถุประสงค์ของการดําเนินการ การกําหนดขอบเขตของการใชง้ านเคร่อื งมอื ต่าง ๆ ใหช้ ดั เจนอาจทําใหส้ ามารถใชเ้ คร่อื งมอื ไดอ้ ย่างมี ประโยชน์สงู สดุ การผสมผสานเครอ่ื งมอื ใหถ้ ูกตอ้ งกเ็ ป็นอกี หน่งึ ปจั จยั ทค่ี วรคาํ นงึ ถงึ ไม่วา่ จะเป็นการใช้ เครอ่ื งมอื ในกลุม่ เดยี วกนั หรอื การใชเ้ ครอ่ื งมอื ระหวา่ งกลมุ่ อยา่ งไรกด็ ี แนวทางการเลอื กใชเ้ คร่อื งมอื ใน แต่ละกลมุ่ อาจสรุปได้ 5 ขนั้ ตอน ดงั น้ี 1. กาํ หนดวตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรใู้ หช้ ดั เจน ความเป็นแบบวตั ถุประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม 2. เลอื กกจิ กรรมการเรยี นทส่ี อดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ 3. กาํ หนดแนวทางปฏสิ มั พนั ธ์ การใหข้ อ้ มลู ป้อนกลบั และวธิ กี ารประเมนิ ผล 4. เลอื กเคร่อื งมอื เทคโนโลยที ม่ี คี ณุ ลกั ษณะรองรบั กจิ กรรมการเรยี นในขอ้ 2 และเปิดใหม้ ี การปฏสิ มั พนั ธ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรใู้ นขอ้ 3. 5. ทดสอบและนําไปใชง้ าน 136 อีเลริ นนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice
บทท่ี 6 เทคโนโลยสี าํ หรับการจดั การเรยี นการสอนแบบอเี ลิรนนงิ ทงั้ น้ี เป็นทท่ี ราบดวี ่าเทคโนโลยใี นการสอนในแตแ่ ละกลุม่ นนั้ มคี วามหลากหลาย อย่างไรกต็ ามเกณฑใ์ น การประเมนิ คุณภาพของเทคโนโลยใี นการสอนอาจแบง่ ได้ 6 ประการ ไดแ้ ก่ 1. เครอ่ื งมอื มคี ุณลกั ษณะทร่ี องรบั การใชง้ านตาม \"วตั ถุประสงคข์ องกจิ กรรมการเรยี นร\"ู้ ไดด้ ี 2. เครอ่ื งมอื ใชง้ านไดง้ า่ ย ผใู้ ชส้ ามารถใชง้ านไดส้ ะดวก และเรยี นรไู้ ดไ้ ม่ยาก 3. เป็นเครอ่ื งมอื ทบ่ี รู ณาการกบั ระบบจดั การเรยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งไม่มปี ญั หา โดยสามารถส่งขอ้ มลู เช่น ช่อื รหสั บญั ชี คะแนน และประวตั ิการทํางานของผู้เรยี น ฯลฯ ระหว่างระบบจดั การเรยี นรู้ และเคร่ืองมอื ท่ีใช้ ควรเลือกเคร่ืองมือท่เี ป็นเคร่อื งมือท่ตี ิดตงั้ มากบั ระบบจดั การเรยี นรู้ (built-in) ซง่ึ จะเช่อื มโยงและทาํ งานกบั ระบบจดั การเรยี นรไู้ ดอ้ ย่างดมี ากกว่า เคร่อื งมอื ทต่ี อ้ ง ชอ้ื มาเพม่ิ เตมิ 4. มคี วามเสถยี รและทาํ งานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 5. มรี าคาทเ่ี หมาะสม 6. มคี มู่ อื การใช้ และการสนบั สนุน ใหค้ าํ ปรกึ ษาในการใชง้ าน ในบทน้ี ไดก้ ล่าวถงึ เทคโนโลยตี ่าง ๆ สาํ หรบั การจดั การเรยี นการสอนแบบอเี ลริ น์ นิงโดยแบ่งเป็น หวั ขอ้ หลกั ๆ ไดแ้ ก่ (1) ทาํ ไมต้องใชเ้ ทคโนโลยใี นการจดั การเรยี นการสอน (2) การใชเ้ ทคโนโลยเี พ่อื เพมิ่ คุณภาพในการเรยี นรู้ (3) การใชเ้ ทคโนโลยใี นการเสรมิ การเรยี นการสอน (4) การใชเ้ ทคโนโลยใี นการเติม เตม็ การเรยี น (5) การใชเ้ ทคโนโลยใี นการแทนทช่ี นั้ เรยี น (6) นวตั กรรมเทคโนโลยสี าํ หรบั การนําส่งเน้ือหา และ (7) แนวทางการเลอื กใชเ้ คร่อื งมอื และวธิ กี ารประเมนิ คุณภาพการใชเ้ ทคโนโลยกี ารสอน ทงั้ น้ีในการนํา เทคโนโลยตี ่าง ๆ เขา้ มาใชน้ ัน้ ลว้ นมเี ป้าหมายหลกั คอื เพ่อื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการจดั การเรยี นการสอน แบบอเี ลริ น์ นิงใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพยงิ่ ขน้ึ ลดเวลาทผ่ี สู้ อนต้องใชใ้ นการสอ่ื สาร ในการเกบ็ ขอ้ มูลเพ่อื การประเมนิ ผลการเรยี น ตลอดจนการรองรบั ผเู้ รยี นในจาํ นวนทม่ี ากขน้ึ การขยายโอกาสใหผ้ เู้ รยี นทม่ี ขี อ้ จาํ กดั (ดา้ นเวลา ดา้ นสถานท่ี ดา้ นร่างกาย ฯลฯ) อกี ทงั้ ยงั เป็นการส่งเสรมิ ผเู้ รยี นให้มคี วามพร้อมในการอย่ใู นสงั คมยุคใหม่ เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรใู้ นสภาพแวดลอ้ มใกลเ้ คยี งจรงิ ในบรบิ ทสงั คมใกลเ้ คยี งจรงิ การปฏสิ มั พนั ธก์ บั บุคคล อ่นื ในสงั คมเพ่ือการเรยี นรูแ้ ละพฒั นาความเข้าใจ (นอกเหนือจากปฏสิ มั พนั ธก์ บั เพ่อื นผูเ้ รยี นและผู้สอน) ความเท่าทนั คุน้ เคยกบั เทคโนโลยที ใ่ี ชอ้ ยู่ จากความต้องการในการจดั การเรยี นการสอน กลบั มามองดา้ น เทคโนโลยี การจะนําเทคโนโลยซี ง่ึ เป็น “เคร่อื งมอื ” มาช่วยในกระบวนการเรยี นการสอน จะต้องทาํ ความ เขา้ ใจถงึ คณุ สมบตั ขิ องเคร่อื งมอื ขอ้ ดี ขอ้ จาํ กดั เพ่อื นําไปสกู่ ารสรุปประโยชน์ทเ่ี หมาะสมทจ่ี ะใชเ้ ทคโนโลยี มาช่วยใหก้ ารจดั การเรยี นการสอนแบบอเี ลริ น์ นงิ มปี ระสทิ ธภิ าพและใหป้ ระโยชน์สงู สดุ ต่อไป อเี ลริ นนิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 137
บทที่ 6 เทคโนโลยสี าํ หรบั การจดั การเรียนการสอนแบบอีเลริ น นงิ 138 อเี ลริ นนงิ : จากทฤษฎสี ูก ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255