1
1 คานา กระทรวงศึกษาธกิ ารได้ประกาศใช้หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 และได้ กาหนดมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั กลมุ่ สาระการเรยี นรตู้ ่างๆ เพอ่ื ใหส้ ถานศกึ ษานาไปใชเ้ ป็นกรอบทศิ ทางใน การพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษา วางแผนจดั การเรยี นการสอนและจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เพ่อื พฒั นาผู้เรยี นใหม้ ี ความรคู้ วามสามารถ และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้วี ดั ทก่ี าหนดให้ พรอ้ มทงั้ ดาเนินการวดั ประเมนิ ผลการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นใหม้ คี ุณภาพตามหลกั การของหลกั สตู ร เพอ่ื ใหเ้ กดิ ผลสาเรจ็ ตาม เจตนารมณ์ของการปฏริ ปู การศกึ ษาไทย ดงั นนั้ ขนั้ ตอนการนาหลกั สตู รสถานศกึ ษาไปปฏบิ ตั จิ รงิ ในชนั้ เรยี นของ ครผู สู้ อน จงึ จดั เป็นหวั ใจสาคญั ของการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นใหบ้ รรลุตามเป้าหมายของหลกั สตู ร บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จากดั จงึ จดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาดนตรี ชนั้ มธั ยมศึกษา ปี ที่ 5 (ฉบบั ประกนั ฯ) เพ่อื ให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนจดั การเรยี นรู้แก่ผู้เรยี น โดยจดั ทาเป็ นหน่วย การเรยี นรอู้ งิ มาตรฐานและออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามแนวคดิ การออกแบบยอ้ นกลบั (Backward Design) ท่ีมุ่งเน้นกระบวนการคดิ และการประกนั คุณภาพผู้เรยี น ช่วยให้ผู้ปกครองและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกบั การ ประเมนิ คุณภาพการศึกษา สามารถมนั่ ใจในผลการเรียนรู้และคุณภาพของผู้เรียนท่ีมหี ลกั ฐานตรวจสอบผล การเรยี นรอู้ ยา่ งเป็นระบบ คณะผู้จดั ทาหน่วยการเรยี นรูอ้ งิ มาตรฐาน ได้ดาเนินการออกแบบการจดั การเรยี นรูต้ ามรูปแบบท่สี านัก วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา (สวก.) กาหนดขน้ึ เพอ่ื เป็นเอกภาพเดยี วกนั ตามองคป์ ระกอบต่อไปน้ี
2 องคป์ ระกอบของหน่วยการเรียนร้อู ิงมาตรฐาน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ เวลาเรียน ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ชนั้ 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชว้ี ดั 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่ (ถา้ ม)ี 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) 7. การวดั และการประเมนิ ผล ) 7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น ) (ทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ประจำหน่วยกำรเรยี นรู้ 7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 7.3 การประเมนิ หลงั เรยี น (ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น ประจำหน่วยกำรเรยี นรู้ 7.4 การประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 9. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
3 องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ชนั้ ชวั่ โมง เร่อื ง เวลาเรยี น 1. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด 2. ตวั ชว้ี ดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ (ถา้ ม)ี 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาถามกระตุ้นความคิด วิธีสอนและขนั้ ตอนการจดั กิจกรรม 7. การวดั และการประเมนิ ผล 8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
4 คานา (ต่อ) ผู้สอนสามารถนาแผนการจดั การเรยี นรู้เล่มน้ี ไปเป็นคู่มอื วางแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ประกอบ การใช้หนังสอื เรยี น รายวชิ าดนตรี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 (ฉบบั ประกนั ฯ) ท่ที างบรษิ ทั จดั พมิ พ์จาหน่าย โดย ออกแบบการเรยี นรู้ (Instructional Design) ตามหลกั การสาคญั คอื 1 หลกั การจดั การเรียนรอู้ ิงมาตรฐาน หน่วยการเรยี นรแู้ ต่ละหน่วย จะกาหนดมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ไวเ้ ป็นเป้าหมายในการจดั การเรยี น การสอน ผสู้ อนจะตอ้ งศกึ ษาและวเิ คราะหร์ ายละเอยี ดของมาตรฐานตวั ช้วี ดั ทุกขอ้ ว่า ระบุใหผ้ เู้ รยี นตอ้ งมคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั เร่อื งอะไร และต้องสามารถลงมอื ปฏิบตั อิ ะไรไดบ้ ้าง และผลการเรยี นรู้ทเ่ี กดิ ข้นึ กบั ผู้เรยี น ตามมาตรฐานตวั ชว้ี ดั น้จี ะนาไปสกู่ ารเสรมิ สรา้ งสมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคด์ า้ นใดแกผ่ เู้ รยี น มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วดั ผเู้ รยี นรอู้ ะไร นาไปสู่ ผเู้ รยี นทำอะไรได้ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
5 2 หลกั การจดั กิจกรรมการเรียนรทู้ ี่เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคญั เม่อื ผู้สอนวเิ คราะห์รายละเอยี ดของมาตรฐานตวั ช้วี ดั และได้กาหนดเป้าหมายการจดั การเรยี นการสอน เรยี บรอ้ ยแลว้ จงึ กาหนดขอบขา่ ยสาระการเรยี นรแู้ ละแนวทางการจดั การเรยี นการสอนใหผ้ เู้ รยี นลงมอื ปฏบิ ตั ติ าม ขนั้ ตอนของกจิ กรรมการเรยี นรทู้ อ่ี อกแบบไวจ้ นบรรลตุ วั ชว้ี ดั ทุกขอ้ มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชว้ี ดั เป้าหมาย หลกั การจดั การเรยี นรู้ การเรียนรู้ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น และการพฒั นา เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั คณุ ภาพ สนองควำมแตกต่ำงระหวำ่ งบุคคล คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ของผเู้ รยี น เน้นพฒั นำกำรทำงสมอง ของผเู้ รยี น กระตนุ้ กำรคดิ เน้นควำมรคู้ คู่ ุณธรรม
6 3 หลกั การบรู ณาการกระบวนการเรยี นร้สู ่มู าตรฐานตวั ชี้วดั เมอ่ื ผสู้ อนกาหนดขอบขา่ ยสาระการเรยี นรู้ และแนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนไวแ้ ลว้ จงึ กาหนด รูปแบบการเรียนการสอนและกระบวนการเรยี นรู้ท่ีจะฝึกฝนผู้เรยี นให้เกิดการเรยี นรู้บรรลุผลตามมาตรฐาน ตวั ช้วี ดั โดยเลอื กใชก้ ระบวนการเรยี นรู้ทส่ี อดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรยี นรู้ท่เี ป็นเป้าหมายในหน่วยนัน้ ๆ เช่น กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง กระบวนการ เผชญิ สถานการณ์และการแก้ปัญหา กระบวนการเรยี นรู้จากประสบการณ์จรงิ กระบวนการพัฒนาลกั ษณะนิสยั กระบวนการปฏบิ ตั ิ กระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ กระบวนการทางสงั คม ฯลฯ กระบวนการเรยี นรู้ ทม่ี อบหมายใหผ้ เู้ รยี นลงมอื ปฏบิ ตั นิ นั้ จะตอ้ งนาไปสกู่ ารเสรมิ สรา้ งสมรรถนะสาคญั และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ของผเู้ รยี นตามสาระการเรยี นรูท้ ก่ี าหนดไวใ้ นแต่ละหน่วยการเรยี นรู้ 4 หลกั การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน และกจิ กรรมการเรยี นรใู้ นแต่ละหน่วย ผสู้ อนต้องกาหนดขนั้ ตอนและวธิ ี ปฏบิ ตั ใิ หช้ ดั เจน โดยเน้นใหผ้ เู้ รยี นไดล้ งมอื ฝึกฝนและฝึกปฏบิ ตั มิ ากทส่ี ดุ ตามแนวคดิ และวธิ กี ารสาคญั คอื 1) การเรียนรู้ เป็นกระบวนการทางสติปัญญา ท่ีผู้เรียนทุกคนต้องใช้สมองคิดและทาความเข้าใจ ในสงิ่ ต่างๆ ร่วมกบั การลงมอื ปฏบิ ตั ิ ทดลองค้นคว้า จนสามารถสรุปเป็นความรู้ได้ด้วยตนเอง แล ะ สามารถนาเสนอผลงาน แสดงองคค์ วามรทู้ เ่ี กดิ ขน้ึ ในแตล่ ะหน่วยการเรยี นรไู้ ด้ 2) การสอน เป็นการเลอื กวธิ กี ารหรอื กจิ กรรมท่เี หมาะสมกบั การเรยี นรู้ในหน่วยนัน้ ๆ และท่สี าคญั คอื ต้องเป็นวธิ ีการท่สี อดคล้องกบั สภาพผู้เรยี น ผู้สอนจงึ ต้องเลอื กใช้วธิ กี ารสอน เทคนิคการสอน แล ะ รปู แบบการสอนอย่างหลากหลาย เพ่อื ช่วยใหผ้ เู้ รยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการเรยี นรไู้ ดอ้ ย่างราบร่นื จนบรรลุ ตวั ชว้ี ดั ทุกขอ้ 3) รูปแบบการสอน ควรเป็นวธิ กี ารและขนั้ ตอนฝึกปฏิบตั ิท่สี ่งเสริมหรอื กระตุ้นให้ผู้เรยี นสามารถคดิ อย่างเป็นระบบ เช่น รูปแบบการสอนตามวฏั จกั รการสร้างความรู้แบบ 5E รูปแบบการสอนโดยใช้ การคดิ แบบโยนิโสมนสกิ าร รปู แบบการสอนแบบ CIPPA Model รูปแบบการเรยี นการสอนตามวฏั จกั ร การเรยี นรแู้ บบ 4MAT รปู แบบการเรยี นการสอนแบบร่วมมอื เทคนิค JIGSAW, STAD, TAI, TGT เป็น ตน้
7 4) วิธีการสอน ควรเลอื กใช้วธิ กี ารสอนท่สี อดคล้องกบั เน้ือหาของบทเรยี น ความถนัด ความสนใจ และ สภาพปัญหาของผเู้ รยี น วธิ สี อนทด่ี จี ะช่วยใหผ้ เู้ รยี นบรรลุผลการเรยี นรตู้ ามตวั ช้วี ดั ในระดบั ผลสมั ฤทธิ์ ทส่ี ูง เช่น วธิ กี ารสอนแบบบรรยาย การสาธติ การทดลอง การอภปิ รายกลุ่มย่อย การแสดงบทบาท สมมติ การใช้กรณีตัวอย่าง การใช้สถานการณ์จาลอง การใช้ศูนย์การเรียน การใช้บทเรียนแบบ โปรแกรม เป็นตน้ 5) เทคนิ คการสอน ควรเลือกใช้เทคนิคการสอนท่สี อดคล้องกบั วธิ กี ารสอน และช่วยให้ผู้เรยี นเข้าใจ เน้ือหาในบทเรยี นได้ง่ายข้นึ สามารถกระตุ้นความสนใจและจูงใจให้ผู้เรยี นร่วมปฏิบตั ิกิจกรรมการ เรยี นรอู้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เช่น เทคนิคการใชผ้ งั กราฟิก (Graphic Organizers) เทคนิคการใชค้ าถาม เทคนิคการเล่านิทาน การเล่นเกม การใช้ตวั อย่างกระตุ้นความคดิ การใช้ส่อื การเรียนรู้ท่ีน่าสนใจ เป็นตน้ 6) สือ่ การเรียนการสอน ควรเลอื กใชส้ ่อื หลากหลายกระตุ้นความสนใจ และทาความกระจ่างให้เน้ือหา สอดคลอ้ งกบั สาระการเรยี นรู้ และเป็นเคร่อื งมอื ช่วยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรูบ้ รรลุตวั ช้วี ดั อย่างราบร่นื เช่น สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ เอกสารประกอบการสอน แถบวดี ทิ ศั น์ แผน่ สไลด์ คอมพวิ เตอร์ VCD LCD Visualizer เป็นตน้ ควรเตรยี มสอ่ื ใหค้ รอบคลมุ ทงั้ สอ่ื การสอนของครแู ละสอ่ื การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น
8 5 หลกั การจดั กิจกรรมการเรยี นร้แู บบย้อนกลบั ตรวจสอบ เม่อื ผู้สอนวางแผนออกแบบการจดั การเรยี นรู้ รวมถงึ กาหนดรูปแบบการเรยี นการสอนไวเ้ รยี บร้อยแล้ว จงึ นาเทคนคิ วธิ กี ารสอน วธิ จี ดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ และสอ่ื การเรยี นรไู้ ปลงมอื จดั การเรยี นการสอน ซง่ึ จะนาผเู้ รยี น ไปสู่การสร้างช้ินงานหรือภาระงาน เกิดทกั ษะกระบวนการและสมรรถนะสาคญั ตามธรรมชาติวชิ า รวมทงั้ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ให้บรรลุตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ดั ท่เี ป็นเป้าหมายของหน่วยการเรียนรู้ ตามลาดบั ขนั้ ตอนการเรยี นรทู้ ก่ี าหนดไว้ ดงั น้ี จากเป้าหมายและหลกั ฐาน เป้าหมายการเรยี นรขู้ องหน่วย คิดยอ้ นกลบั สู่จดุ เริ่มต้น ของกิจกรรมการเรียนรู้ หลกั ฐานชน้ิ งาน/ภาระงาน แสดงผลการเรยี นรขู้ องหน่วย 4 กจิ กรรม คาถามชวนคดิ 3 กจิ กรรม คาถามชวนคดิ จากกิจกรรมการเรยี นรู้ 2 กจิ กรรม คาถามชวนคดิ ทีละขนั้ บนั ไดส่หู ลกั ฐาน 1 กจิ กรรม คาถามชวนคดิ และเป้าหมายการเรยี นรู้ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ นอกจากจะเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดล้ งมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ แลว้ จะต้อง ฝึกฝนกระบวนการคดิ ทุกขนั้ ตอน โดยใช้เทคนิคการตงั้ คาถามกระตุ้นความคดิ และใชร้ ะดบั คาถามใหส้ มั พนั ธ์ กับเน้ือหาการเรียนรู้ตัง้ แต่ระดบั ความรู้ ความจา ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวิเคราะห์ การสงั เคราะห์ และการประเมนิ ค่า นอกจากจะช่วยใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ ความเขา้ ใจบทเรยี นอย่างลกึ ซ้งึ แลว้ ยงั เป็นการเตรยี มความ พร้อมเพ่อื สอบ O-NET ซ่ึงเป็นการทดสอบระดบั ชาติท่ีเน้นกระบวนการคิดระดบั วิเคราะห์ สงั เคราะห์ด้ว ย และในแต่ละแผนการเรยี นรู้จงึ มกี ารระบุคาถามเพ่อื กระตุ้นความคดิ ของผู้เรยี นไวด้ ว้ ยทุกกจิ กรรม ผูเ้ รยี นจะได้ ฝึกฝนวธิ กี ารทาขอ้ สอบ O-NET ควบคไู่ ปกบั การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการเรยี นรตู้ ามตวั ชว้ี ดั ทส่ี าคญั
9 6 การเตรียมความพรอ้ มรองรบั การประเมินคณุ ภาพจากหน่วยงานภายนอก (สมศ. รอบที่ 3) ในปีการศกึ ษา 2554 ถงึ 2558 สถานศกึ ษาทุกแห่งต้องเตรยี มการรองรบั การประเมนิ คุณภาพภายนอก จาก สมศ. ในรอบท่ี 3 ตามตารางเปรยี บเทียบด้านคุณภาพผู้เรยี นตามมาตรฐานการศึกษาขนั้ พ้นื ฐานของ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร และมาตรฐานการประเมนิ คุณภาพภายนอกจาก สมศ. มาตรฐานการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2553 มาตรฐานเพ่ือการประเมิน กระทรวงศึกษาธิการ คณุ ภาพภายนอก รอบสาม (ดำ้ นคุณภำพผเู้ รยี น 5 ตวั บ่งชห้ี ลกั ) (ดำ้ นคุณภำพผเู้ รยี น 6 มำตรฐำน) มาตรฐานท่ี 1 ผเู้ รยี นมสี ุขภาวะทด่ี แี ละมสี ุนทรยี ภาพ ตวั บง่ ชี้ที่ 1 ผเู้ รยี นมสี ุขภาพกาย มาตรฐานที่ 2 ผเู้ รยี นมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ ม และสุขภาพจติ ทด่ี ี ทพ่ี งึ ประสงค์ ตวั บง่ ชี้ท่ี 2 ผเู้ รยี นมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม มาตรฐานที่ 3 ผเู้ รยี นมที กั ษะในการแสวงหาความรู้ และคา่ นยิ มทพ่ี งึ ประสงค์ ดว้ ยตนเอง รกั การเรยี นรู้ และพฒั นาตนเอง ตวั บง่ ชี้ท่ี 3 ผเู้ รยี นมคี วามใฝ่รู้ และเรยี นรู้ อยา่ งต่อเน่อื ง มาตรฐานท่ี 4 ผเู้ รยี นมคี วามสามารถในการคดิ อย่าง อย่างตอ่ เน่อื ง ตวั บง่ ชี้ที่ 4 ผเู้ รยี นคดิ เป็น ทาเป็น เป็นระบบ คดิ สรา้ งสรรค์ ตดั สนิ ใจ ตวั บง่ ชี้ท่ี 5 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น แกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมสี ติ สมเหตุสมผล มาตรฐานท่ี 5 ผเู้ รยี นมคี วามรแู้ ละทกั ษะทจ่ี าเป็น ของผเู้ รยี น ตามหลกั สตู ร มาตรฐานที่ 6 ผเู้ รยี นมที กั ษะในการทางาน รกั การทางาน สามารถทางานรว่ มกบั ผอู้ ่นื ไดแ้ ละมเี จตคติ ทด่ี ตี ่ออาชพี สจุ รติ การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นการสอนในแตล่ ะหน่วยจะครอบคลุมกจิ กรรมการเรยี นรู้ และการประเมนิ ผล ด้านความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) และดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) ตามหลกั สูตร แกนกลางฯ 2551 พรอ้ มทงั้ ออกแบบเคร่อื งมอื การวดั และประเมนิ ผล รวมทงั้ แบบบนั ทกึ ผลการเรยี นรดู้ า้ นต่างๆ ไว้ครบถ้วน สอดคล้องกบั มาตรฐานด้านคุณภาพผูเ้ รยี น และตวั บ่งช้ที ่ตี ้องรบั การประเมนิ ภายนอกจาก สมศ. เช่น แบบบันทึกผลด้านการคิดวเิ คราะห์ ด้านการอ่านและแสวงหาความรู้ ด้านสมรรถนะและคุณลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ตามหลกั สูตร เป็นต้น ผู้สอนสามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ และใช้ประกอบ การจดั ทารายงานการประเมนิ ตนเอง (Self Assessment Reports) จงึ มนั่ ใจอย่างยง่ิ ว่า การนาแผนการจดั การ เรยี นรู้ฉบับปรบั ปรุงใหม่ไปเป็นแนวทางจดั การเรยี นการสอนตามแผนการสอนท่ีจดั ทาเป็นรายคาบไว้อย่าง ละเอยี ด จะช่วยพฒั นาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของนักเรยี นให้สูงข้นึ ตามมาตรฐานการศึกษาและการประกัน คุณภาพภายในสถานศกึ ษาทกุ ประการ คณะผจู้ ดั ทา
สารบญั 10 การพฒั นาศกั ยภาพการคิดของผ้เู รียน หน้า คาอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา 1-25 โครงสรา้ งแผนการจดั การเรียนรู้ 26-52 53-66 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 ความร้ทู วั่ ไปเก่ียวกบั ดนตรีไทย 67-79 80-92 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 ดนตรพี ื้นบา้ นของไทย หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 การปฏิบตั ิดนตรีไทย หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 ความรทู้ วั่ ไปเก่ียวกบั ดนตรีสากล หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 5 การปฏิบตั ิดนตรีสากล
11 การพฒั นาศกั ยภาพการคิดของผเู้ รียน 1 การคิดและกระบวนการคิด การคดิ เป็นพฤตกิ รรมการทางานทางสมองของมนุษยใ์ นการเรยี บเรยี งขอ้ มลู ความรแู้ ละความรสู้ กึ นึกคดิ ท่ี เกดิ จากกระบวนการเรยี นรผู้ ่านการดู การอ่าน การฟัง การสงั เกต การสมั ผสั และการดงึ ขอ้ มูลความรทู้ บ่ี รรจุอยู่ ในสมองเดมิ ตามประสบการณ์การเรยี นรทู้ ถ่ี ูกสงั่ สมมา ทกั ษะการคดิ จงึ เป็นพฤตกิ รรมทม่ี นุษย์แสดงการกระทาออกมาไดอ้ ย่างชดั เจนมองเหน็ เป็นรูปธรรม เช่น พฤตกิ รรมการสงั เกต แสดงออกด้วยการเพ่งดอู ย่างพนิ ิจพเิ คราะห์ หรอื พฤตกิ รรมการเปรยี บเทยี บ เป็นการนา ลกั ษณะของสง่ิ ของตงั้ แตส่ องอย่างขน้ึ ไปมาเปรยี บเทยี บกนั เพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ ถงึ สง่ิ เหมอื นหรอื สง่ิ ต่าง เป็นตน้ ดงั นนั้ การคดิ จงึ เป็นพฤตกิ รรมซบั ซ้อนทม่ี ลี กั ษณะแยกย่อยแตกต่างกนั ไป เช่น การคดิ วเิ คราะห์ การคดิ สรา้ งสรรค์ การคดิ ไตร่ตรองโดยใชว้ จิ ารณญาณ ซ่งึ ลว้ นเก่ยี วขอ้ งกบั กระบวนการทางานของร่างกาย ประสาท สมั ผสั ทงั้ 5 และการเช่อื มโยงระหว่างขอ้ มูลท่รี บั รู้เขา้ มาใหม่กบั ขอ้ มูลเก่าท่ถี ูกบรรจุอยู่ในคลงั สมองของคนเรา ตลอดเวลา หากเปรียบเทียบการทางานของระบบคอมพิวเตอร์กบั สมองมนุษย์หรืออาจเปรยี บได้กบั สมองคนกบั สมองกลจะพบวา่ การทางานของสมองคน ประกอบดว้ ยความชาญฉลาด 3 ลกั ษณะ คอื 1. ความสามารถในการเรียนร้แู ละสืบค้น (Tactical Intelligence) ทงั้ ในรูปแบบการสงั เกต การคน้ หา การซกั ถาม การทดลองปฏบิ ตั ิ เป็นตน้ 2. ความสามารถในการแยกแยะคณุ ค่า (Emotional Intelligence) ทงั้ ในรูปแบบการตดั สนิ การลงมติ การแสดงความคดิ เหน็ วพิ ากษ์วจิ ารณ์ ดว้ ยอารมณ์ความรสู้ กึ ทเ่ี หน็ ดว้ ย หรอื ต่อตา้ น หรอื วางเฉย เป็น ตน้ 3. ความสามารถในการประมวลเนื้อหาสาระ (Content Intelligence) จากเร่ืองราวท่ีเรียนรู้ใหม่ ผสมผสานกบั ประสบการณ์เดมิ ทถ่ี ูกจดั เกบ็ อย่ใู นสมอง โดยผ่านกระบวนการกลนั่ กรอง และสงั เคราะห์ เป็นความรู้ใหม่ ท่ีมกั ประกอบไปด้วยความเข้าใจ เหตุผล และทศั นคติ ทงั้ ในเชิงบวกหรอื เชิงลบ ซ่งึ ความรูส้ กึ นึกคดิ ต่อเร่อื งราวต่างๆ น่ีเอง ทส่ี มองกลของคอมพวิ เตอรไ์ ม่สามารถทางานได้เหมอื น สมองของมนุษย์ การฝึกฝนกระบวนการเรยี นรู้แก่ผูเ้ รยี นจงึ ต้องกระตุ้นการทางานและเสรมิ สร้างความสามารถของส มอง ทงั้ 3 ด้านทก่ี ล่าวมา จงึ จะบงั เกดิ ผลการเรยี นรู้ท่สี มบูรณ์ คอื บงั เกดิ ความรู้ความเขา้ ใจท่มี คี วามชดั เจนยงิ่ ข้นึ บงั เกดิ ความชานาญในทกั ษะและการปฏบิ ตั ไิ ดค้ ล่องแคล่วขน้ึ และทส่ี าคญั บงั เกดิ ค่านิยมคุณธรรมทง่ี อกงามข้นึ ในจติ ใจของผเู้ รยี น
12 2 การสรา้ งศกั ยภาพในการคิดของสมอง การจดั การเรยี นการสอนตามจุดหมายของการปฏริ ูปการเรยี นรทู้ ศวรรษท่ี 2 และเป้าหมายการเรยี นรูข้ อง หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 มจี ดุ มุง่ หมายสาคญั คอื การฝึกฝนใหผ้ เู้ รยี นมคี วามสามารถ ในการคดิ และการเรยี นรู้ ผสู้ อนต้องจัดกจิ กรรมการเรยี นรใู้ หส้ มั พนั ธก์ บั กระบวนการทางานทางสมองของผเู้ รยี น (Brain-Based Learning : BBL) โดยฝึกฝนพฤตกิ รรมการคดิ ระดบั ต่างๆ ตามลาดบั ทกั ษะกระบวนการคดิ ทเ่ี ป็น แกนสาคญั (Core Thinking Processes) ดงั น้ี 1. การสงั เกตลกั ษณะของสง่ิ ตา่ งๆ 2. การสงั เกตและระบุความเหมอื น 3. การสงั เกตและจาแนกความแตกต่าง 4. การจดั หมวดหมสู่ งิ่ ของหรอื ตวั อยา่ งทเ่ี ขา้ พวก 5. การระบสุ งิ่ ของและจาแนกตวั อยา่ งทไ่ี มเ่ ขา้ พวก 6. การเปรยี บเทยี บและระบุขอ้ มลู ความรไู้ ดถ้ ูกตอ้ ง 7. การคน้ หาสง่ิ ของทม่ี ลี กั ษณะหมวดหม่เู ดยี วกนั 8. การรวบรวมและจดั ลาดบั สง่ิ ของตามขนาด 9. การรวบรวมและจดั ลาดบั เหตุการณ์ตามกาลเวลา 10. การยกตวั อยา่ งและการกลา่ วอา้ ง 11. การสรปุ ความหมายจากสงิ่ ทอ่ี ่านหรอื ฟัง 12. การสรปุ ความหมายจากสง่ิ ทส่ี งั เกตและพบเหน็ 13. การวเิ คราะหเ์ ช่อื มโยงความสมั พนั ธ์ 14. การวเิ คราะหร์ ปู แบบและจดั ลาดบั ความสาคญั 15. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู และสรา้ งความรคู้ วามคดิ 16. การนาเสนอขอ้ มลู ความรคู้ วามคดิ เป็นระบบ 17. การแยกแยะขอ้ เทจ็ จรงิ และรายละเอยี ดทเ่ี ป็นความคดิ เหน็ 18. การนยิ ามและการสรปุ ความ 19. การคน้ หาความเช่อื พน้ื ฐานและการอา้ งองิ 20. การแยกแยะรายละเอยี ดทเ่ี ช่อื มโยงสมั พนั ธก์ นั และการใชเ้ หตผุ ล 21. การคดิ วเิ คราะหข์ อ้ มลู ความรจู้ ากเรอ่ื งทอ่ี า่ นอย่างมวี จิ ารณญาณ 22. การตงั้ สมมตฐิ านและการตดั สนิ ใจ 23. การทดสอบสมมตฐิ าน อธบิ ายสาเหตุและผลทเ่ี กดิ ขน้ึ 24. การพนิ ิจพเิ คราะห์ ทาความกระจ่าง และเสนอความคดิ ทแ่ี ตกตา่ ง 25. การคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ การจดั ระบบและโครงสรา้ ง 26. การออกแบบสรา้ งสรรคแ์ ละการประยกุ ตด์ ดั แปลง
13 รูปแบบการคดิ ทงั้ 26 ประเภทน้ี ผสู้ อนสามารถนามาสรา้ งเป็นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี น การสอน มอบหมายใหผ้ เู้ รยี นลงมอื ปฏบิ ตั แิ ละแสดงพฤตกิ รรมการคดิ ตามลาดบั เน้ือหาการเรยี นรู้ เหมาะสมกบั วยั และจติ วทิ ยาการเรยี นรู้ ตงั้ แต่ระดบั ช่วงชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1-3 ประถมศกึ ษาปีท่ี 4-6 และระดบั มธั ยมศกึ ษา ปีท่ี 1-6 ซง่ึ จะสะทอ้ นออกมาไดอ้ ย่างชดั เจนว่า ผเู้ รยี นมคี วามสามารถคดิ คลอ่ ง คดิ ละเอยี ด คดิ กวา้ ง คดิ ลกึ ซง้ึ คดิ หลากหลาย และคิดสร้างสรรค์แตกต่างกนั ไปตามคุณลักษณะและภูมิหลังประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีสงั่ สม อย่ใู นสมองเดมิ ของผเู้ รยี นแตล่ ะคน 3 การพฒั นากระบวนการคิด การคดิ เป็น คดิ คล่อง คดิ ได้ชดั เจน จนสามารถคดิ เป็น ปฏิบตั เิ ป็น และแก้ปัญหาได้ จะมลี กั ษณะเป็น กระบวนการการพฒั นาการคดิ แก่ผูเ้ รยี น จงึ เป็นการสอนกระบวนการและฝึกฝนวธิ กี ารอย่างหลากหลายทเ่ี ป็น ปัจจยั สง่ เสรมิ เกอ้ื กลู กนั คอื 1. การสร้างความพรอ้ มดา้ นร่างกาย นับตงั้ แต่การรบั ประทานอาหาร ด่มื น้า การหายใจ การผ่อนคลาย การฟังเสยี งดนตรหี รอื ฟังเพลง การบรหิ ารสมองดว้ ยการบรหิ ารรา่ งกายอย่างถกู วธิ ี 2. การสรา้ งบรรยากาศและสภาพแวดลอ้ มทเ่ี อ้อื อานวยต่อการคดิ การเสรมิ แรงใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ และพฒั นาตนเอง 3. การจดั กจิ กรรมและการสรา้ งเน้ือหาการเรยี นรทู้ เ่ี หมาะสมต่อการฝึกฝนวธิ กี ารคดิ รูปแบบต่างๆ โดยใช้ การเรยี นรกู้ ระตนุ้ ผ่านการสอนและการฝึกทกั ษะการคดิ 4. การจดั กจิ กรรมและกระบวนการเรยี นรเู้ พอ่ื สง่ เสรมิ การคดิ ตามทฤษฎตี ่างๆ ทผ่ี ่านการวจิ ยั และพฒั นา มาแล้ว เช่น ทฤษฎีพหุปัญญา ทฤษฎีการสร้างความรู้ หลักเสริมสร้างความเป็นพหูสูตและหลัก โยนิโสมนสกิ ารของพุทธศาสนา การจดั กจิ กรรมบูรณาการการสอนกบั การฝึกทกั ษะการคดิ ในกลุ่ม สาระต่างๆ และการเรยี นรผู้ า่ นการทาโครงงาน เป็นตน้ 5. การใชเ้ ทคนิควธิ กี ารทส่ี ง่ เสรมิ พฒั นาการคดิ ของผเู้ รยี น สอดแทรกในบทเรยี นต่างๆ เช่น เทคนิคการใช้ คาถาม การอภปิ รายโดยใชเ้ ทคนิคหมวก 6 ใบ การทาผงั กราฟิก แผนภูมคิ วามรู้ ผงั มโนทศั น์ และการ ใชก้ จิ กรรมบรหิ ารสมอง (brain gym) เป็นต้น ซ่งึ มผี ู้พฒั นาเทคนิควธิ กี ารเหล่าน้ีและไดร้ บั ความนิยม อยา่ งแพรห่ ลายในสถานศกึ ษาต่างๆ หมายเหตุ : การสรา้ งศกั ยภาพการคดิ ผ่านการจดั กระบวนการเรยี นรู้ท่สี ่งเสรมิ การคดิ ใหแ้ ก่ผู้เรยี นเป็น หวั ใจสาคัญอย่างย่ิงของการปฏิรูปการศึกษา และยังใช้เกณฑ์ประเมินวิทยฐานะครู รวมทงั้ มาตรฐานการ ปฏบิ ตั งิ านของวชิ าชพี ครู โปรดศกึ ษาวธิ กี ารออกแบบการจดั การเรยี นรู้ทเ่ี น้นกระบวนการคดิ จากคู่มอื ครูและ แผนการจดั การเรียนรู้อิงมาตรฐาน ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และทุกรายวิชา ท่ีจดั พมิ พ์เผยแพร่โดย บริษัท อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จากดั และศกึ ษาคน้ ควา้ จาก www.aksorn.com ไดต้ ลอดเวลา
14 จดุ เน้นการพฒั นาทกั ษะการคิดของผ้เู รียน ตามนโยบายปฏิรปู การศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) ม.4-6 ทกั ษะการคดิ แกป้ ัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ ม.3 ทกั ษะกระบวนการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ ทกั ษะกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ ม.2 ทกั ษะการสงั เคราะห์ ทกั ษะการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ทกั ษะการคิด ม.1 ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ ทกั ษะการประเมนิ ขนั้ สงู ทกั ษะการสรปุ ลงความเหน็ ทกั ษะการคิด ป.6 ทกั ษะการสรุปอา้ งองิ ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ ขนั้ พ้ืนฐาน ป.5 ทกั ษะการแปลความ ทกั ษะการตคี วาม ป.4 ทกั ษะการตงั้ คาถาม ทกั ษะการใหเ้ หตุผล ป.3 ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มลู ทกั ษะการเชอ่ื มโยง ป.2 ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ ทกั ษะการจาแนกประเภท ป.1 ทกั ษะการสงั เกต ทกั ษะการจดั กลมุ่ ที่มา : สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผเู้ รียนส่กู ารปฏิบตั ิ. กรุงเทพมหานคร : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.
15 ทกั ษะการคิดที่นามาใช้ในการพฒั นาผ้เู รียนในแต่ละระดบั ชนั้ กลุม่ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะ ทกั ษะการเปรยี บเทียบ ทกั ษะการจดั กลุ่ม ทกั ษะการคดั แยก ทกั ษะการเช่อื มโยง ม.4-6 ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ ทกั ษะการจาแนกประเภท ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ ทกั ษะการ คดิ วเิ คราะห์ ทกั ษะการประเมนิ ทกั ษะกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ ทกั ษะกระบวนการ คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ ทกั ษะการสารวจ ทกั ษะการจดั กลุ่ม ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มูล ทกั ษะการคดั แยก ม.3 ทกั ษะการแปลความ ทกั ษะการตีความ ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ ทกั ษะการให้ เหตุผล ทกั ษะการวเิ คราะห์ ทกั ษะการประเมนิ ทกั ษะกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ ทกั ษะการจดั กลุ่ม ทกั ษะการคดั แยก ทกั ษะการระบุ ทกั ษะ ม.2 การเช่ือมโยง ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ ทกั ษะการวเิ คราะห์ ทกั ษะการประเมนิ ทกั ษะกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ ทกั ษะการเปรยี บเทียบ ทกั ษะการเช่อื มโมง ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ ทกั ษะการ ม.1 รวบรวมขอ้ มูล ทกั ษะการจาแนกประเภท ทกั ษะการจดั กลุ่ม ทกั ษะการวเิ คราะห์ ทกั ษะการทาใหก้ ระจา่ ง ทกั ษะการประเมนิ ทกั ษะกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ ท่ีมา : สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน. 2553. แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ พ่อื พฒั นาทกั ษะการคิด ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ระดบั มธั ยมศึกษา. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
16 จดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี น ตามนโยบายปฏิรปู การศึกษาในทศวรรษท่ีสอง (พ.ศ. 2552-2561) นโยบายปฏิรปู การศกึ ษาในทศวรรษท่ีสอง (พ.ศ. 2552-2561) วิสยั ทศั น์ คนไทยไดเ้ รยี นรตู้ ลอดชวี ติ อยา่ งมคี ณุ ภาพ เป้าหมาย ภายในปี 2561 มกี ารปฏริ ปู การศกึ ษาและการเรยี นรอู้ ย่างเป็นระบบ ประเดน็ หลกั ของเป้าหมายปฏิรปู การศกึ ษา 1. พฒั นาคณุ ภาพ มาตรฐานการศกึ ษา และการเรยี นรขู้ องคนไทย 2. เพม่ิ โอกาสทางการศกึ ษาและการเรยี นรอู้ ย่างทวั่ ถงึ และมคี ณุ ภาพ 3. ส่งเสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของทุกภาคสว่ นในการบรหิ ารและการจดั การศกึ ษา กรอบแนวทางในการปฏิรปู การศกึ ษา และการเรียนรอู้ ยา่ งเป็นระบบ 1. พฒั นาคณุ ภาพคนไทยยุคใหม่ 2. พฒั นาคุณภาพครยู คุ ใหม่ 3. พฒั นาคุณภาพสถานศกึ ษาและแหล่งเรยี นรใู้ หม่ 4. พฒั นาคณุ ภาพการบรหิ ารจดั การใหม่ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษา จดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 • เป้าหมายหลกั สตู ร/คุณภาพผเู้ รยี น • ดา้ นความสามารถ ทกั ษะ และคณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี น • การจดั การเรยี นรู้ โรงเรยี นจะตอ้ งประกนั ไดว้ า่ ผเู้ รยี นทกุ คนมคี วามสามารถ ทกั ษะ และคณุ ลกั ษณะของ • การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ผเู้ รยี นตามจดุ เน้น นโยบายด้านการศึกษาของรฐั บาล แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียน มงุ่ เน้นให้ผเู้ รยี น • ด้านการจดั การเรียนรู้ • มคี วามสามารถในการรบั รู้ 1. โรงเรยี นจะตอ้ งจดั การเรยี นรใู้ หผ้ เู้ รยี นมคี วามสามารถ ทกั ษะ และคุณลกั ษณะทเ่ี ป็น • รกั ทจ่ี ะเรยี นรใู้ นรปู แบบทห่ี ลากหลาย จดุ เน้น พรอ้ มทงั้ ผลกั ดนั สง่ เสรมิ ใหค้ รผู สู้ อนออกแบบและจดั การเรยี นรตู้ ามความถนดั • สนุกกบั การเรยี นรู้ ความสนใจ เตม็ ศกั ยภาพของผเู้ รยี น • มโี อกาสไดเ้ รยี นรนู้ อกหอ้ งเรยี น 2. การจดั การเรยี นรพู้ งึ จดั ใหเ้ ชอ่ื มโยงกบั วถิ ชี วี ติ เน้นการปฏบิ ตั ิจรงิ ทงั้ ในและนอก หอ้ งเรยี น โดยจดั กจิ กรรมนอกหอ้ งเรยี นไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 30 ของเวลาเรยี น อยา่ งสรา้ งสรรค์ 3. ใชส้ ่อื เทคโนโลยที ห่ี ลากหลาย เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นสนุกกบั การเรยี น และเพม่ิ พนู ความรู้ ความเขา้ ใจ 4. แสวงหาความร่วมมอื จากชุมชน จดั แหลง่ เรยี นรู้ ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ มารว่ มในการจดั การเรยี นรู้ 5. ผบู้ รหิ ารตอ้ งเป็นผนู้ าทางวชิ าการ ตลอดจนกากบั ดูแล นิเทศการจดั การเรยี นรู้ อยา่ งสม่าเสมอ และนาผลการนเิ ทศมาปรบั ปรงุ พฒั นาการเรยี นการสอนของครู • ด้านการวดั และประเมินผล ครทู กุ คนวดั ผลและประเมนิ ผลผเู้ รยี นเป็นรายบคุ คลตามจดุ เน้นดว้ ยวธิ กี ารและเครอ่ื งมอื ทห่ี ลากหลาย เน้นการประเมนิ สภาพจรงิ ใชผ้ ลการประเมนิ พฒั นาผเู้ รยี นอย่างตอ่ เน่อื ง และรายงานคุณภาพผเู้ รยี นตามจดุ เน้นอยา่ งเป็นระบบ ท่ีมา : สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผ้เู รยี นสู่การปฏิบตั ิ. กรุงเทพมหานคร : สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.
17 การขบั เคลอ่ื นหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน 2551 และการปฏริ ปู การศกึ ษาในทศวรรษทส่ี อง (พ.ศ. 2552-2561) ใหป้ ระสบผลสาเรจ็ ตามจดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น โดยใหท้ ุกภาคสว่ นร่วมกนั ดาเนินการ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดก้ าหนดจดุ เน้นการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น ดงั น้ี ทกั ษะความสามารถ คณุ ลกั ษณะ จดุ เน้นตามช่วงวยั คณุ ลกั ษณะตามหลกั สตู ร ม.4-6 แสวงหาความรู้ เพอ่ื แกป้ ัญหา รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ใชเ้ ทคโนโลยี เพอ่ื การเรยี นรู้ ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ มุ่งมนั่ ในการศกึ ษา ใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) และการทางาน มที กั ษะการคดิ ขนั้ สงู ทกั ษะชวี ติ ทกั ษะ การสอ่ื สารอยา่ งสรา้ งสรรคต์ ามชว่ งวยั ม.1-3 แสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง อยอู่ ย่างพอเพยี ง มวี นิ ยั ใชเ้ ทคโนโลยี เพอ่ื การเรยี นรู้ ใฝ่เรยี นรู้ มที กั ษะการคดิ ขนั้ สงู ทกั ษะชวี ติ ทกั ษะ การสอ่ื สารอยา่ งสรา้ งสรรคต์ ามชว่ งวยั ป.4-6 อา่ นคล่อง เขยี นคลอ่ ง คดิ เลข ใฝ่เรยี นรู้ อย่อู ย่างพอเพยี ง คล่อง ทกั ษะการคดิ ขนั้ พน้ื ฐาน มงุ่ มนั่ ในการทางาน ทกั ษะชวี ติ ทกั ษะการสอ่ื สารอยา่ ง สรา้ งสรรคต์ ามช่วงวยั ป.1-3 อ่านออก เขยี นได้ คดิ เลขเป็น ใฝ่ดี รกั ความเป็นไทย มที กั ษะการคดิ ขนั้ พน้ื ฐาน มจี ติ สาธารณะ ทกั ษะชวี ติ ทกั ษะการสอ่ื สารอยา่ ง สรา้ งสรรคต์ ามช่วงวยั ท่ีมา : สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผเู้ รียนส่กู ารปฏิบตั ิ. กรงุ เทพมหานคร : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.
18 แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน การดาเนินการตามจุดเน้นการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี นในการขบั เคล่อื นหลกั สูตร และการปฏริ ูปการศกึ ษา ในทศวรรษทส่ี อง (พ.ศ. 2552-2561) สกู่ ารปฏบิ ตั ใิ นสถานศกึ ษานนั้ ครเู ป็นบุคลากรสาคญั ทส่ี ุดในการดาเนินการ ในระดบั หอ้ งเรยี นในการจดั การเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นบรรลุเป้าหมายตามจดุ เน้นการพฒั นา คุณภาพผเู้ รยี น ดงั แผนภูมิ แนวทางการปฏิบตั ิระดบั สถานศึกษา นโยบาย ยุทธศาสตร์ เป้าหมายการพฒั นาผเู้ รยี น ทาความเข้าใจให้กระจ่าง แนวทางการพฒั นาผเู้ รยี นตามจดุ เน้น บทบาทหน้าทข่ี องผเู้ กย่ี วขอ้ ง ตรวจสอบ ทบทวน การจดั การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลายทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น วิเคราะห์จดุ เด่น จดุ พฒั นา คุณภาพผเู้ รยี นในภาพรวมของสถานศกึ ษา คุณภาพผเู้ รยี นแยกเป็นรายวชิ าและระดบั ชนั้ จดุ เด่น จุดพฒั นาของสถานศกึ ษา กาหนดเป้าหมาย จุดเด่น จุดพฒั นาของผเู้ รยี น การพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี น ปีการศกึ ษา 2553 ระยะท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2554 ระยะท่ี 2, 3 ตามจดุ เน้น ปีการศกึ ษา 2555 ระยะท่ี 4, 5 กาหนดภาระงาน ทบทวน ออกแบบหลกั สตู รการเรยี นรู้ การพฒั นาคณุ ภาพ ทบทวน ปรบั โครงสรา้ งเวลาเรยี น ตารางเรยี น ตามจดุ เน้น ออกแบบการเรยี นรทู้ งั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น การวดั ผลและประเมนิ ผลตามหลกั สตู รและจดุ เน้น ดาเนินการ พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน ดาเนินการพฒั นาผเู้ รยี นตามหลกั สตู รทอ่ี อกแบบ นิเทศ กากบั ตดิ ตาม และประเมนิ ระหว่างการปฏบิ ตั งิ านตาม ตามจดุ เน้น แผน วดั ผลและประเมนิ ผลผเู้ รยี นตามจุดเน้น ตรวจสอบ ตรวจสอบ ปรบั ปรุง พฒั นา ปรบั ปรงุ พฒั นา นาผลการตรวจสอบ ปรบั ปรุงไปใชพ้ ฒั นา สรปุ และรายงานผล การพฒั นาผเู้ รียน ผลการดาเนนิ งาน ความภาคภูมใิ จ และความสาเรจ็ ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ข
19 แนวทางการปฏิบตั ิระดบั สถานศึกษา ขนั้ ที่ ประเดน็ ท่ีเกี่ยวข้อง วิธีการ ผลท่ีได้รบั 1. ทาความเขา้ ใจ 1. นโยบาย จุดเน้น ยทุ ธศาสตร์ 1. ประชมุ ชแ้ี จง 1. ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งมคี วามตระหนัก ให้กระจ่าง และเป้าหมายการพฒั นา 2. ประชาสมั พนั ธผ์ า่ น เหน็ ความสาคญั ในบทบาท คุณภาพผเู้ รยี นตามจุดเน้น ของตนเอง สอ่ื ต่างๆ ทงั้ ใน 2. แนวทางการพฒั นาคุณภาพ ระดบั สถานศกึ ษา 2. มคี วามเขา้ ใจในการนา ผเู้ รยี นตามจดุ เน้น และชมุ ชน จดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพ ผเู้ รยี นไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 3. บทบาทหน้าทข่ี องผเู้ กย่ี วขอ้ ง ทงั้ ในและนอกโรงเรยี น 3. มคี วามร่วมมอื ในระดบั องคก์ รและชมุ ชน 4. แนวทางการออกแบบหลกั สตู ร และตารางการเรยี นรทู้ เ่ี หมาะสม 4. ครมู คี วามรู้ ความเขา้ ใจ กบั การพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น ในการออกแบบหลกั สตู ร ตามจุดเน้น และปรบั ตารางเรยี น ใหเ้ หมาะสมกบั จุดเน้น 5. มกี ารปรบั พฤตกิ รรมการ เรยี นการสอนตามแนวทาง ปฏริ ปู การศกึ ษารอบสอง 2. ตรวจสอบ 1. คณุ ภาพผเู้ รยี นในภาพรวม 1. ตรวจสอบเอกสาร 1. ขอ้ มลู สารสนเทศ ทบทวน ของสถานศกึ ษาทงั้ จุดเดน่ และ ขอ้ มลู ต่างๆ 2. จุดเดน่ จดุ พฒั นาดา้ น วิเคราะหจ์ ดุ เดน่ จดุ พฒั นา เช่น ผลการประเมนิ จดุ พฒั นา ในระดบั ชาติ สมศ. เขตพน้ื ท่ี 2. วเิ คราะหข์ อ้ มลู ท่ี คณุ ภาพผเู้ รยี น สถานศกึ ษา การศกึ ษา โรงเรยี น ฯลฯ เกย่ี วขอ้ ง และครผู สู้ อน 2. ผลการเรยี นของผเู้ รยี นแยกเป็น 3. ประชุมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ระดบั ชนั้ และรายวชิ า ระดบั 4. ประชุมสมั มนา สถานศกึ ษา เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา ฯลฯ 3. กาหนดเป้าหมาย 1. ตวั ชว้ี ดั ภาพความสาเรจ็ ของ 1. ประชมุ วางแผน เป้าหมายสถานศกึ ษา และมี 2. จดั ทาแผนพฒั นา แผนการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น การพฒั นา สถานศกึ ษา ระยะท่ี 1 ตามจุดเน้นในแตล่ ะระยะท่ี คณุ ภาพ สอดคลอ้ งกบั บรบิ ท และ คณุ ภาพผเู้ รยี น ภาคเรยี นท่ี 2/2553 ศกั ยภาพของสถานศกึ ษา/ ผเู้ รยี น ตามจดุ เน้น 2. ตวั ชว้ี ดั ภาพความสาเรจ็ ของ สถานศกึ ษา ระยะท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1/2554 3. ตวั ชว้ี ดั ภาพความสาเรจ็ ของ สถานศกึ ษา ระยะท่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 2/2554
20 ขนั้ ท่ี ประเดน็ ที่เกี่ยวข้อง วิธีการ ผลที่ได้รบั 4. กาหนดภาระ 4. ตวั ชว้ี ดั ภาพความสาเรจ็ ของ งานการพฒั นา สถานศกึ ษา ระยะท่ี 4 คณุ ภาพตาม ภาคเรยี นท่ี 1/2555 จดุ เน้น 5. ตวั ชว้ี ดั ภาพความสาเรจ็ ของ 5. ดาเนินการ สถานศกึ ษา ระยะท่ี 5 พฒั นาคณุ ภาพ ภาคเรยี นท่ี 2/2555 ผ้เู รียนตาม จดุ เน้น 1. ทบทวนจุดแขง็ จดุ อ่อนของ 1. ประชมุ ทบทวน 1. สถานศกึ ษามหี ลกั สตู รการ เรยี นรทู้ ส่ี ง่ เสรมิ การพฒั นา องคป์ ระกอบ เช่น วสิ ยั ทศั น์ หลกั สตู รฯ และ คณุ ภาพผเู้ รยี นตามจุดเน้น โครงสรา้ งเวลาเรยี น การจดั ปรบั ปรงุ หลกั สตู ร 2. ตารางเรยี นใหม่ 3. ครผู สู้ อนมวี ธิ กี ารจดั การ รายวชิ า/กจิ กรรมเพมิ่ เตมิ 2. ประชมุ ปฏบิ ตั กิ าร เรยี นรทู้ ห่ี ลากหลายตาม การจดั ตารางเรยี น ฯลฯ ปรบั โครงสรา้ ง จุดเน้น 4. ส่อื แหลง่ เรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย 2. ออกแบบหลกั สตู รการเรยี นรทู้ ่ี เวลาเรยี น และจดั ทา 5. มเี คร่อื งมอื วธิ กี ารวดั ผล และประเมนิ ผลตามจดุ เน้น สอดคลอ้ งกบั การพฒั นาคุณภาพ แผนการเรยี นรู้ ผเู้ รยี นตามจดุ เน้น (พจิ ารณาได้ 3. สารวจ จดั หา พฒั นา จากตวั อยา่ ง 4 ลกั ษณะ) ส่อื และแหลง่ การ 3. ปรบั โครงสรา้ งเวลาเรยี น และ เรยี นรู้ ตารางเรยี นใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั สตู รการเรยี นรทู้ อ่ี อกแบบไว้ 4. ออกแบบการจดั การเรยี นรใู้ ห้ สง่ เสรมิ การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ตามจุดเน้นทงั้ ในและนอก หอ้ งเรยี น 5. จดั หา จดั ทาสอ่ื แหลง่ เรยี นรู้ และภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ ท่ี เหมาะสมกบั การจดั การเรยี นรู้ 6. ออกแบบการวดั และประเมนิ ผล ทห่ี ลากหลายและเหมาะสมกบั ผเู้ รยี น โดยเน้นการประเมนิ สภาพจรงิ 1. จดั การเรยี นรตู้ ามหลกั สตู รและ 1. ครจู ดั กจิ กรรมการ 1. ผเู้ รยี นไดร้ บั การพฒั นาตาม ตารางเรยี นทอ่ี อกแบบไว้ โดยเน้นการพฒั นาคณุ ภาพ เรยี นรอู้ ยา่ ง จดุ เน้น ผเู้ รยี นตามจุดเน้น หลากหลาย ทงั้ ในและ 2. ครมู รี ปู แบบและนวตั กรรมการ 2. วดั และประเมนิ ผลความกา้ วหน้า ของผเู้ รยี นระหวา่ งเรยี น นอกหอ้ งเรยี น จดั การเรยี นรทู้ น่ี าไปพฒั นา 2. ออกแบบการวดั และ คุณภาพผเู้ รยี นไดต้ ามจดุ เน้น ประเมนิ ผลทส่ี อดคลอ้ ง กบั จุดเน้น
21 3. วดั และประเมนิ ผลคณุ ภาพ ผเู้ รยี นตามตวั ชว้ี ดั ของจุดเน้น
22 ขนั้ ท่ี ประเดน็ ที่เกี่ยวข้อง วิธีการ ผลท่ีได้รบั 6. ตรวจสอบ 1. ตรวจสอบ ประเมนิ ผลการพฒั นา 1. ประชุมครเู พ่อื 1. หลกั สตู รและการจดั การ ปรบั ปรงุ พฒั นา เรยี นรไู้ ดร้ บั การพฒั นา คณุ ภาพผเู้ รยี นตามจุดเน้นในขนั้ ประเมนิ ผลการนา 2. กระบวนการบรหิ ารหลกั สตู ร ท่ี 5 หลกั สตู รไปใช้ มกี ารขบั เคล่อื น - การใชห้ ลกั สตู รการเรยี นรทู้ ่ี 2. ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งประเมนิ 3. ผเู้ รยี นมกี ารพฒั นาตาม จดุ เน้น สง่ เสรมิ การพฒั นาคณุ ภาพ ตนเอง ผเู้ รยี นตามจุดเน้น 3. ตรวจสอบแผนการ - การใชโ้ ครงสรา้ งเวลาเรยี นและ จดั การเรยี นรู้ ตารางเรยี นตามรปู แบบของ หลกั สตู รการเรยี นรู้ - การจดั การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย ทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น - การวดั และประเมนิ ผลทเ่ี น้น การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นตาม จดุ เน้น 2. นาผลการตรวจสอบปรบั ปรงุ จดุ ออ่ น และพฒั นาจุดเด่น 7. สรปุ และรายงาน 1. สรุปผลการพฒั นาคณุ ภาพ 1. ประชมุ สมั มนา 1. มผี ลการพฒั นาคณุ ภาพ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ผเู้ รยี นตามจดุ เน้น ผลการพฒั นา ผเู้ รยี นตามจุดเน้นในดา้ นการ 2. นาเสนอผลงาน 2. มแี นวทางและนวตั กรรม ผเู้ รยี น ดาเนินงาน ผลการดาเนนิ งาน คณุ ภาพผเู้ รยี น การพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น ตามจดุ เน้น ตามจุดเน้น ปัญหา อปุ สรรค และ 3. จดั นทิ รรศการ 3. มหี ลกั ฐานและร่องรอยในการ ขอ้ เสนอแนะ แสดงผลงานหรอื พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นตาม ประชาสมั พนั ธผ์ ลงาน จุดเน้น 2. รายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพ สสู่ าธารณชน 4. มคี วามภาคภมู ใิ จใน ผเู้ รยี นตามจดุ เน้น เมอ่ื สน้ิ สุด 4. สรปุ รายงานผล ความสาเรจ็ เสนอผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง ตามระยะท่ี 1-5 5. ไดข้ อ้ เสนอแนะเพ่อื การ พฒั นา 3. นาผลจากรายงานไปใชใ้ นการ วางแผนและพฒั นา ท่ีมา : สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผ้เู รยี นสู่การปฏิบตั ิ. กรุงเทพมหานคร : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.
23 แนวทางการปฏิบตั ิระดบั ห้องเรยี น ตรวจสอบ โครงสรา้ งรายวชิ า ตารางเรยี น ทบทวนรายวิชาและกิจกรรม หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั กจิ กรรม และโครงการ ในความรบั ผิดชอบ สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ วิเคราะห์ผเู้ รียน จดั ทาขอ้ มลู สารสนเทศระดบั ชนั้ เรยี น รายบุคคล จดั กลมุ่ การพฒั นาผเู้ รยี นตามจดุ เน้น กาหนดแนวทาง รปู แบบกจิ กรรมในและนอกหอ้ งเรยี น การจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรู้ กจิ กรรมโครงการ ท่ีสอดคล้องกบั จดุ เน้น แผนการจดั การเรยี นรู้ จดั การเรยี นรตู้ ามแนวทางทอ่ี อกแบบ วดั และประเมนิ ผลการพฒั นาผเู้ รยี น ดาเนินการจดั การเรยี นรู้ วจิ ยั และนวตั กรรมการเรยี นรู้ นิเทศ ตดิ ตาม และแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ นาเสนอผล รายงานผลการพฒั นาผเู้ รยี นรายบุคคล/กล่มุ รายงานผลการพฒั นาตามจุดเน้น การพฒั นาผ้เู รยี น รายงานการพฒั นาวจิ ยั /นวตั กรรมการเรยี นรู้ รายงานภาพความสาเรจ็ อุปสรรค และปัญหา ตามจดุ เน้น
24 แนวทางการปฏิบตั ิระดบั ห้องเรียน ขนั้ ที่ ประเดน็ ที่เก่ียวข้อง วิธีการ ผลท่ีได้รบั 1. ตรวจสอบ 1. โครงสรา้ งรายวชิ า โครงสรา้ ง 1. ศกึ ษาเอกสาร ขอ้ มลู 1. ไดจ้ ดุ เดน่ จุดพฒั นาของ ทบทวนรายวิชา กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น และกิจกรรมใน ตา่ งๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การ รายวชิ าและกจิ กรรมในความ ความรบั ผิดชอบ 2. ตารางเรยี นหน่วยการเรยี นรู้ 3. แผนการจดั กจิ กรรมพฒั นา พฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น รบั ผดิ ชอบ ผเู้ รยี นและแผนปฏบิ ตั กิ าร ตามจุดเน้น 2. ไดแ้ นวทางการปรบั ปรุง/ โครงการต่างๆ 4. ส่อื แหลง่ การเรยี นรู้ และ 2. วเิ คราะหจ์ ุดเด่น พฒั นารายวชิ าและกจิ กรรม ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ 5. คุณภาพผเู้ รยี นทุกระดบั ทงั้ จดุ พฒั นาทุกดา้ น ใหส้ อดคลอ้ งกบั แนวทางการ ในภาพรวมและแยกรายวชิ า เช่น NT, O-Net, สมศ., 3. นาขอ้ มลู ของ พฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นตาม เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา สถานศกึ ษามา จุดเน้นของ สพฐ. และ เปรยี บเทยี บกบั แนว สถานศกึ ษา ทางการพฒั นาคณุ ภาพ 3. มขี อ้ มลู พน้ื ฐานในการ ผเู้ รยี นตามจุดเน้นของ กาหนดทศิ ทางการพฒั นา สพฐ. คุณภาพผเู้ รยี นตามจุดเน้น 4. ตรวจสอบความ สอดคลอ้ งของส่อื แหลง่ การเรยี นรู้ สถานศกึ ษา ทป่ี รบั ปรงุ ใหม่และสงิ่ ท่ี ใชอ้ ย่เู ดมิ 2. วิเคราะหผ์ ้เู รยี น 1. ขอ้ มลู ดา้ นสตปิ ัญญา ทกั ษะ 1. ศกึ ษา รวบรวมขอ้ มลู 1. มขี อ้ มลู พน้ื ฐานของผเู้ รยี น เป็ นรายบุคคล ความสามารถ และ คณุ ลกั ษณะ รายบุคคล โดยใชว้ ธิ กี าร เป็นรายบคุ คล 2. สขุ ภาพ ร่างกาย ดงั น้ี 2. มขี อ้ มลู ทเ่ี ป็นจุดเด่นจุดพฒั นา 3. พน้ื ฐานครอบครวั เศรษฐกจิ 4. สงั คม เพ่อื น และผเู้ กย่ี วขอ้ ง - ตรวจสอบจากขอ้ มลู ของผเู้ รยี นรายบคุ คล และ 5. ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น 6. ผลงานทภ่ี าคภมู ใิ จประสบ เอกสารของ รายกล่มุ ความสาเรจ็ สถานศกึ ษา และ 3. มหี ลกั ฐาน ร่องรอยเพ่อื 7. ผลกระทบทเ่ี ป็นปัญหา Portfolio นกั เรยี น นาไปส่กู ารพฒั นาผเู้ รยี นเป็น - สอบถาม รายบุคคล รายกลุม่ อย่างเป็น - สมั ภาษณ์ รปู ธรรม - สงั เกต ฯลฯ 2. วเิ คราะหจ์ ดุ เดน่ จดุ ดอ้ ย ของผเู้ รยี นรายบคุ คล 3. จดั กลมุ่ ผเู้ รยี น โดยใหแ้ ต่ ละกลมุ่ มคี วามสอดคลอ้ ง ใกลเ้ คยี งกนั ตามจดุ เน้น ระดบั ชนั้
25 ขนั้ ที่ ประเดน็ ที่เก่ียวข้อง วิธีการ ผลท่ีได้รบั 3. กาหนดแนวทาง 1. หน่วยการเรยี นรู้ 1. ออกแบบการจดั การ 1. มแี นวทางในการพฒั นาผเู้ รยี น การจดั การ 2. แผนการจดั การเรยี นรู้ เรยี นรทู้ ่ี 3. แผนการจดั กจิ กรรมพฒั นา เรยี นรแู้ ละการจดั กจิ กรรม เป็นรายบคุ คลและรายกลุ่ม สอดคล้องกบั จดุ เน้น ผเู้ รยี น ทห่ี ลากหลายเหมาะสม สอดคลอ้ งตามจดุ เน้น 4. แผนปฏบิ ตั กิ ารโครงการและ กบั จุดเน้นการพฒั นา 2. มรี ปู แบบการจดั การเรยี นรู้ กจิ กรรมพเิ ศษตา่ งๆ 5. ส่อื แหล่งการเรยี นรู้ ภมู ิ ผเู้ รยี น และตารางเรยี นท่ี ทเ่ี หมาะสมกบั ผเู้ รยี นตาม ปัญญา กาหนด จดุ เน้น 6. การวดั และประเมนิ ผล 2. จดั ทา จดั หาส่อื แหลง่ การ 3. มสี อ่ื แหล่งการเรยี นรู้ เรยี นรู้ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ทห่ี ลากหลายสอดคลอ้ ง กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่ี ตามจุดเน้น ออกแบบ 4. มเี คร่อื งมอื วดั และประเมนิ 3. ออกแบบเครอ่ื งมอื วดั ผล คณุ ภาพผเู้ รยี นตามจดุ เน้น และประเมนิ ผลท่ี หลากหลาย โดยเน้นการ ประเมนิ สภาพจรงิ ใน ระดบั ชนั้ เรยี น 4. ดาเนินการ 1. การจดั การเรยี นรตู้ ามจดุ เน้น 1. จดั การเรยี นรใู้ นหอ้ งเรยี น 1. ผเู้ รยี นมที กั ษะความสามารถ จดั การเรยี นรู้ ทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น ตามแผนการจดั การ และคณุ ลกั ษณะตามจุดเน้น 2. การประเมนิ ความกา้ วหน้า ของผเู้ รยี น เรยี นรู้ 2. ชุมชนมสี ว่ นรว่ มในการ 3. การประเมนิ คณุ ภาพผเู้ รยี น 2. จดั กจิ กรรมนอกหอ้ งเรยี น จดั การเรยี นรู้ ตามจุดเน้น ทส่ี ่งเสรมิ จุดเน้นตาม 3. มกี ารใชน้ วตั กรรมการเรยี นรู้ 4. การพฒั นานวตั กรรมการ เรยี นรู้ ศกั ยภาพผเู้ รยี น ตามจุดเน้น 5. การวจิ ยั เพ่อื พฒั นาคุณภาพ 3. วดั และประเมนิ 4. ผเู้ รยี นไดแ้ สดงออกตาม ผเู้ รยี นในระดบั ชนั้ เรยี น ความกา้ วหน้าของผเู้ รยี น ศกั ยภาพของตนเอง 6. การนิเทศ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และประเมนิ คุณภาพตาม 5. มกี ารพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น จดุ เน้น โดยใชก้ ระบวนการวจิ ยั 4. พฒั นานวตั กรรมการ 6. มกี ารสรา้ งความร่วมมอื เรยี นรทู้ ช่ี ว่ ยใหเ้ กดิ การ ระหว่างครแู ละผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง พฒั นาเตม็ ตามศกั ยภาพ 7. มกี ารนาหลกั สตู รการเรยี นรู้ ทงั้ รายบคุ คลและรายกลุม่ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 5. นาผลการประเมนิ ไปใช้ พฒั นาและแกไ้ ขปัญหา ผเู้ รยี นตาม กระบวนการวจิ ยั 6. ครผู สู้ อนและผเู้ กย่ี วขอ้ ง มกี ารนิเทศแลกเปลย่ี น
26 เรยี นรู้ โดยเน้นการสรา้ ง ความรว่ มมอื
27 ขนั้ ที่ ประเดน็ ที่เกี่ยวข้อง วิธีการ ผลที่ได้รบั 5. นาเสนอผลการ 1. ผลการพฒั นาผเู้ รยี นตาม 1. ประเมนิ ผลการพฒั นา 1. มผี ลการพฒั นาผเู้ รยี นตาม พฒั นาผเู้ รียน จุดเน้นรายบคุ คลและรายกลมุ่ ตามจดุ เน้น คุณภาพผเู้ รยี นตาม จุดเน้นในทกุ มติ ทิ งั้ รายบุคคล 2. ผลการพฒั นานวตั กรรม การเรยี นรู้ จุดเน้นดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ รายกลมุ่ และระดบั หอ้ งเรยี น 3. ผลการวจิ ยั ในชนั้ เรยี น 2. วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ผลการ 2. มหี ลกั สตู รการเรยี นรรู้ ะดบั 4. ผลการพฒั นาหลกั สตู ร พฒั นาผเู้ รยี นทงั้ ราย หอ้ งเรยี นทเ่ี ป็นตวั อย่างใน การเรยี นรใู้ นระดบั หอ้ งเรยี น กลุ่มและรายบุคคลตาม การพฒั นาผเู้ รยี นตามจุดเน้น จดุ เน้น 3. มกี ารวจิ ยั ในชนั้ เรยี นทเ่ี ป็น 3. นาผลการพฒั นาผเู้ รยี น แนวทางในการพฒั นาผเู้ รยี น ไปจดั ทาเป็นขอ้ มลู ใน ตามจดุ เน้น ระดบั หอ้ งเรยี นเพอ่ื ใชใ้ น 4. มรี ปู แบบความร่วมมอื ของครู การพฒั นาผเู้ รยี นตาม และผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง จุดเน้น 5. มเี อกสารรายงานและขอ้ มลู 4. สรปุ ผลการนานวตั กรรม สารสนเทศทเ่ี ป็นร่องรอย การเรยี นรแู้ ละการวจิ ยั หลกั ฐานในการพฒั นาผเู้ รยี น ในชนั้ เรยี น ตามจุดเน้น 5. จดั ทารายงานผลการ พฒั นาผเู้ รยี นตาม จุดเน้นระดบั หอ้ งเรยี น ในความรบั ผดิ ชอบ 6. จดั ทารายงานผลการ พฒั นาหลกั สตู รการ เรยี นรรู้ ะดบั หอ้ งเรยี นใน ความรบั ผดิ ชอบ ที่มา : สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผ้เู รียนส่กู ารปฏิบตั ิ. กรุงเทพมหานคร : สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.
28 แนวทางการประเมินตามจดุ เน้นคณุ ภาพผ้เู รียน ทกั ษะการคิด จดุ เน้น : ทกั ษะการคิดขนั้ พน้ื ฐาน ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน ป.1 ทกั ษะการสงั เกตและ 1. ใหผ้ เู้ รยี นสงั เกตรปู ภาพ - แบบทดสอบ ผ่าน : ทกั ษะการจดั กลมุ่ ผลไม้ หรอื สตั ว์ ฯลฯ แลว้ - แบบบนั ทกึ ใหผ้ เู้ รยี นจดั กลุม่ รปู ภาพ ผเู้ รยี นจดั กลมุ่ และบอกเหตผุ ล ผลไม้ หรอื สตั ว์ ฯลฯ การสงั เกต ไดถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสม พรอ้ มบอกเหตุผลในการ จดั กลมุ่ และบอก หมายเหตุ จดั กลมุ่ หรอื เหตผุ ลการ จดั กลมุ่ เกณฑก์ ารประเมนิ อาจจะจดั เป็น 2. จดั วสั ดุหรอื สงิ่ ของให้ ระดบั คุณภาพกไ็ ด้ ถา้ หากมกี าร ผเู้ รยี นสงั เกตแลว้ ใหผ้ เู้ รยี น จดั กลุ่มหรอื บอกเหตุผลหลาย จดั กลุ่มวสั ดุหรอื สงิ่ ของ รายการ เช่น พรอ้ มกบั บอกเหตุผลใน การจดั กลุม่ โดยมคี รคู อย ถา้ หากมกี ารสงั เกตแลว้ สงั เกตการณ์การจดั กล่มุ สามารถจดั กลุ่ม และบอกเหตุผล และการอธบิ ายเหตผุ ล ได้ 6 รายการ อาจกาหนดเกณฑ์ ในการจดั กลมุ่ ของผเู้ รยี น การประเมนิ ดงั น้ี ฯลฯ ระดบั 1 จดั กลมุ่ แต่บอกเหตผุ ล ไมไ่ ด้ ระดบั 2 จดั กลุม่ และบอกเหตผุ ล ได้ 1-2 รายการ (ผา่ น) ระดบั 3 จดั กล่มุ และบอกเหตุผล ได้ 3-4 รายการ ระดบั 4 จดั กลุม่ และบอกเหตุผล ได้ 5-6 รายการ
29 ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน ป.2 ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ 1. ใหผ้ เู้ รยี นสงั เกตรปู ภาพ - แบบทดสอบ ผ่าน : และทกั ษะการจาแนก วสั ดุ หรอื สง่ิ ของ ฯลฯ ทม่ี ี - แบบบนั ทกึ ผเู้ รยี นเปรยี บเทยี บ หรอื จาแนก ขนาดตา่ งกนั แลว้ ให้ การสงั เกต และบอกเหตุผลไดถ้ กู ตอ้ ง นกั เรยี นเปรยี บเทยี บขนาด การเปรยี บเทยี บ เหมาะสม หรอื ความสงู และจาแนก และการจาแนก หมายเหตุ รปู ภาพ วสั ดุ หรอื สง่ิ ของ เกณฑก์ ารประเมนิ อาจจะจดั เป็น ฯลฯ ทม่ี ลี กั ษณะเหมอื นกนั ระดบั คุณภาพกไ็ ด้ ถา้ หากมกี าร หรอื คลา้ ยกนั พรอ้ มบอก เปรยี บเทยี บหรอื จาแนกแลว้ บอก เหตผุ ล หรอื เหตผุ ลหลายรายการ เช่น 2. ใหน้ ักเรยี นสงั เกตวสั ดหุ รอื ถา้ หากมกี ารสงั เกตแลว้ สงิ่ ของ ซง่ึ วสั ดหุ รอื สงิ่ ของ สามารถเปรยี บเทยี บ หรอื จาแนก ทน่ี ามาใหน้ กั เรยี นสงั เกต แลว้ บอกเหตุผลได้ 8 รายการ เป็นวสั ดหุ รอื สง่ิ ของชนดิ อาจกาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ เดยี วกนั เช่น กอ้ นหนิ ดงั น้ี ใบไม้ ดนิ สอ ปากกา ฯลฯ ระดบั 1 เปรยี บเทยี บ หรอื แตม่ ขี นาด หรอื มคี วามสงู จาแนก แต่บอกเหตผุ ล หรอื ความยาวต่างกนั ไม่ได้ แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นเปรยี บเทยี บ ระดบั 2 เปรยี บเทยี บ หรอื ขนาด หรอื ความสงู หรอื จาแนก แลว้ บอกเหตุ ความยาว จากนนั้ ให้ ผลได้ 1-3 ผเู้ รยี นจาแนกสง่ิ ของท่ี รายการ (ผ่าน) ไม่เหมอื นกนั หรอื แตกตา่ ง ระดบั 3 เปรยี บเทยี บ หรอื กนั ไวเ้ ป็นหมวดหมู่ จาแนก แลว้ บอกเหตุ พรอ้ มกบั อธบิ ายเหตผุ ล ผลได้ 3-4 การจาแนก ครสู งั เกต รายการ การเปรยี บเทยี บและ ระดบั 4 เปรยี บเทยี บ หรอื การจาแนกของผเู้ รยี น จาแนก แลว้ บอกเหตุ ฯลฯ ผลได้ 5-6 รายการ
30 ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน ป.3 ทกั ษะการรวบรวม 1. ใหผ้ เู้ รยี นวางแผน/ - แบบทดสอบ ผา่ น : ขอ้ มลู และทกั ษะ ออกแบบ กาหนด สถานการณ์ การเชอ่ื มโยง จุดประสงค์ วธิ กี ารเกบ็ ปฏบิ ตั จิ รงิ - ผเู้ รยี นวางแผน/ออกแบบ รวบรวมขอ้ มลู และ กาหนดจุดประสงค์ วธิ กี ารเกบ็ นาเสนอขอ้ มลู จาก รวบรวมขอ้ มลู และนาเสนอ สถานการณ์ทก่ี าหนดให้ ขอ้ มลู ไดเ้ หมาะสมตามประเดน็ ทก่ี าหนด 2. ใหผ้ เู้ รยี นเลอื กขอ้ มลู ท่ี เกย่ี วขอ้ งสมั พนั ธก์ นั และ - ผเู้ รยี นเลอื กขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง บอกความหมายของขอ้ มลู สมั พนั ธก์ นั และบอก โดยอาศยั ความรู้ และ ความหมายและอธบิ ายเหตุผล ประสบการณ์เดมิ ของ ของขอ้ มลู ไดเ้ หมาะสม ตนเองพรอ้ มกบั อธบิ าย เหตผุ ลประกอบ ป.6 ทกั ษะการสรปุ อา้ งองิ 1. ประเมนิ ทกั ษะการสรปุ - แบบทดสอบ ผา่ น : และทกั ษะการนา ความรไู้ ปใช้ อา้ งองิ โดยการกาหนด การสรุปอา้ งองิ - สรุปสถานการณ์ หรอื เรอ่ื งราว ตา่ งๆ และมกี ารอา้ งองิ สถานการณ์หรอื เรอ่ื งราว - แบบทดสอบการ แหล่งขอ้ มลู ไดเ้ หมาะสม ต่างๆ จากหนังสอื พมิ พ์ นาความรไู้ ปใช้ - สรุปและบอกวธิ กี ารนาขอ้ สรุป จากสถานการณ์หรอื เร่อื งราว ขอ้ ความจากโฆษณา แลว้ ตา่ งๆ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้ เหมาะสม ใหผ้ เู้ รยี นสรปุ ความเป็นไป ได้ พรอ้ มกบั สรปุ ขอ้ อา้ งองิ จากแหลง่ ขอ้ มลู ทเ่ี ช่อื ถอื ได้ 2. กาหนดเน้อื หาหรอื เรอ่ื งราวใหผ้ เู้ รยี นอา่ น แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นสรปุ และ บอก วธิ กี ารทจ่ี ะนาไปใชใ้ น ชวี ติ ประจาวนั โดยการ ตอ่ ยอดจากเน้อื หาหรอื เรอ่ื งราวทอ่ี า่ น
31 ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน ม.1 ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1. ประเมนิ ทกั ษะการคดิ - แบบทดสอบ ผ่าน : ทกั ษะการประเมนิ วเิ คราะห์ โดยการกาหนด สถานการณ์ และทกั ษะการสรุป สถานการณ์ใหผ้ เู้ รยี น - วเิ คราะหข์ อ้ มลู จากสถานการณ์ ความคดิ เหน็ แลว้ ตงั้ คาถามใหผ้ เู้ รยี น ไดเ้ หมาะสม วเิ คราะห์ - สรปุ และอธบิ ายเหตผุ ลได้ 2. กาหนดสถานการณ์หรอื เหมาะสม คาถามแลว้ ใหผ้ เู้ รยี น ประเมนิ หรอื ตดั สนิ 3. กาหนดสถานการณ์ให้ ผเู้ รยี นแลว้ ตงั้ คาถามให้ ผเู้ รยี นสรุปพรอ้ มกบั อธบิ ายเหตผุ ล ม.4-6 ทกั ษะการคดิ แกป้ ัญหา ประเมนิ ทกั ษะการคดิ - แบบทดสอบ ผา่ น : อย่างสรา้ งสรรค์ แกป้ ัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ สถานการณ์ทเ่ี น้น ผเู้ รยี นแกป้ ัญหาจากสถานการณ์ โดยการกาหนดสถานการณ์ การคดิ แกป้ ัญหา ทก่ี าหนดใหไ้ ดเ้ หมาะสมอย่าง ใหผ้ เู้ รยี นแกป้ ัญหา โดยเน้น อยา่ งสรา้ งสรรค์ สรา้ งสรรคแ์ ละมคี วามเป็นไปได้ การแกป้ ัญหาเชงิ บวกทเ่ี ป็น ในการแกป้ ัญหาในชวี ติ จรงิ วธิ กี ารทส่ี รา้ งสรรค์ และมี ความเป็นไปไดใ้ นการนาไป ใชแ้ กป้ ัญหาในชวี ติ จรงิ ที่มา : สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผ้เู รยี นสู่การปฏิบตั ิ. กรุงเทพมหานคร : สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.
32 คาอธิบายรายวิชา รายวิชา ดนตรี กลุ่มสาระการเรียนร้ศู ิลปะ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี1 รหสั วชิ า ศ 32101 เวลา 40 ชวั่ โมง/ปี ศึกษาและฝึกทกั ษะทางดนตรีผา่ นกระบวนการอธิบาย อ่าน เขียน โนต้ ดนตรีไทยและสากล ในอตั ราจงั หวะต่างๆ ร้องเพลง หรือเล่นเครื่องดนตรีเด่ียวและรวมวง โดยเนน้ เทคนิคการแสดงออกและคณุ ภาพของการแสดง จาแนกประเภทและรูปแบบของวง ดนตรีท้งั ไทยและสากล อธิบายเหตผุ ลท่ีคนตา่ งวฒั นธรรมสร้างสรรคง์ านดนตรีแตกต่างกนั สร้างเกณฑส์ าหรับประเมินคุณภาพการ ประพนั ธ์และการเลน่ ดนตรีของตนเองและผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ งเหมาะสม นาดนตรีไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานอนื่ ๆ วเิ คราะห์สถานะทางสังคมของ นกั ดนตรีในวฒั นธรรมตา่ งๆ เปรียบเทียบลกั ษณะเดน่ ของดนตรีในวฒั นธรรมต่างๆ อธิบายบทบาทของดนตรีในการสะทอ้ น แนวความคิดและค่านิยมทเี่ ปล่ียนไปของคนในสังคม โดยใชท้ กั ษะกระบวนการทางดนตรี ในการแสดงออกทางดนตรีและนาฏศิลป์ อยา่ งสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ วพิ ากษว์ จิ ารณ์ คุณค่างานดนตรีและนาฏศิลป์ เพอื่ ใหเ้ ห็นคณุ คา่ งานดนตรีท่ีเป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น และเขา้ ใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งดนตรีกบั ประวตั ิศาสตร์และวฒั นธรรม และการนาความรู้ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั ตวั ชี้วดั ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 ม.4-6/6 ม.4-6/8 ศ 2.1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ศ 2.2 ม.4-6/2 รวม 9 ตวั ชี้วดั
33 โครงสร้างรายวิชา วิชาดนตรี ม.5 ลาดบั ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก ที่ เรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั (ชวั ่ โมง) คะแนน 1 ความรทู้ วั ่ ไปเกี่ยวกบั ศ 2.1 ม.4-6/8 ดนตรีไทย เป็นศาสตร์ทางศิลปะที่มีคณุ คา่ 7 ดนตรีไทย ศ 2.2 ม.4-6/2 ตอ่ คนในสังคมไทย ซ่ึงสามารถนาไป ประยกุ ตเ์ พ่อื นาไปใชก้ บั งานอน่ื ๆ และยงั แสดง ถึงสถานะทางสังคมของนกั ดนตรี ในวฒั นธรรมตา่ งๆ 2 ดนตรีพ้นื บ้านของไทย ศ 2.1 ม.4-6/3 ดนตรีพ้ืนบา้ นของไทย เป็นการสร้างสรรค์ 7 ศ 2.2 ม.4-6/2 งานดนตรีของคนในแตล่ ะวฒั นธรรมซ่ึงตอ้ ง อาศยั การวเิ คราะหส์ ถานะทางสังคมของนกั ม.4-6/3 ดนตรี และการเปรียบเทียบ ลกั ษณะเดน่ ของดนตรีพ้ืนบา้ นใน แต่ละวฒั นธรรมที่ตา่ งกนั 3 การปฏิบตั ิดนตรีไทย ศ 2.1 ม.4-6/5 ดนตรีไทยเป็นศาสตร์ทางศิลปะทตี่ อ้ งเรียนรู้ 10 ม.4-6/6 ต้งั แต่ ขนบธรรมเนียม ร้อง 4 ความร้ทู วั ่ ไปเก่ียวกบั และบรรเลงดนตรีไทย และยงั นามาเป็น ดนตรีสากล เกณฑพ์ ้ืนฐานในการประเมนิ คุณภาพทาง ดนตรีไทย 5 การปฏิบตั ิดนตรสี ากล ศ 2.1 ม.4-6/2 การเรียนรู้เกี่ยวกบั ประเภทของเพลงสากล 7 ม.4-6/8 และประวตั ิสังคตี กวดี นตรีสากล จะทาให้ เขา้ ใจภาษาของดนตรีและสามารถนา ศ 2.2 ม.4-6/2 ดนตรีสากลไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานอนื่ ๆ ได้ ม.4-6/4 ศ 2.1 ม.4-6/4 การอา่ นและเขยี นโนต้ สากลในอตั ราจงั หวะ 9 ม.4-6/5 ต่างๆ ได้ จะทาใหร้ ้องเพลงหรือเล่นเครื่อง ดนตรีแบบเด่ียวหรือรวมวงไดถ้ ูกตอ้ ง
34 โครงสรา้ งแผนฯ วิชาดนตรี ม.5 เวลา 40 ชวั่ โมง หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรียนรู้ จดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 (ชวั ่ โมง) ความรู้ทวั่ ไปเกย่ี วกบั 1. คุณคา่ และ ดนตรีไทย ความงาม - วิธีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการนาความรู้ 1 ของดนตรีไทย กระบวนการ :กระบวนการสร้าง ไปใช้ เจตคติ 2. ดนตรีไทย - วิธีสอนตามรูปแบบ - ทกั ษะการนาความรู้ 2 กบั การประยกุ ตใ์ ช้ โมเดลซิปปา (CIPPA Model) ไปใช้ 3. ประเภทของ - วิธีสอนแบบสืบ - ทกั ษะการนาความรู้ 2 เพลงไทย เสาะหาความรู้(Inquiry ไปใช้ Method : 5E) 4. ศพั ทส์ ังคตี - วธิ ีสอนโดยการจดั การ - ทกั ษะการนาความรู้ 1 ในดนตรีไทย เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค ไปใช้ คูค่ ิดส่ีสหาย 5. สงั คีตกวีไทย - วิธีสอนโดยการจดั การ 1. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1 เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค 2. ทกั ษะการ กลมุ่ สืบคน้ เปรียบเทียบ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 1. ความสาคญั - วิธีสอนโดยเนน้ 1. ทกั ษะการวิเคราะห์ 1 ดนตรีพนื้ บ้าน และ กระบวนการ :กระบวนการสร้าง 2. ทกั ษะการ ของไทย ลกั ษณะของดนตรี ความตระหนกั เปรียบเทียบ พ้นื บา้ น 2. ปัจจยั ที่มี - วิธีสอนโดยการจดั การ 1. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1 อิทธิพล เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค 2. ทกั ษะการ คคู่ ดิ ส่ีสหาย เปรียบเทียบ
35 ต่อการสร้างสรรค์ ดนตรีพ้นื บา้ น 3. ลกั ษณะของ - วิธีสอนแบบสืบ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ 2 วงดนตรีพ้ืนบา้ น เสาะหาความรู้(Inquiry ในภาคต่างๆ Method : 5E) ของประเทศไทย 4. เปรียบเทียบ - วิธีสอนโดยเนน้ 1. ทกั ษะการวิเคราะห์ 1 ลกั ษณะเด่นของ กระบวนการ :กระบวนการสร้าง 2. ทกั ษะการ ดนตรีพ้ืนบา้ น ความคิด เปรียบเทียบ ในภมู ิภาคต่างๆ รวบยอด หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรยี นรู้ จดั การเรียนรู้ (ชวั ่ โมง) - วิธีสอนตามรูปแบบ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 5. สงั คีตกวี โมเดลซิปปา (CIPPA Model) 1. ทกั ษะการวิเคราะห์ 2 ดนตรีพนื้ บ้าน ดนตรีพ้นื บา้ น 2. ทกั ษะการ ของไทย (ต่อ) เปรียบเทียบ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 1. - วธิ ีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการนาความรู้ 1 การปฏบิ ตั ิดนตรีไทย ขนบธรรมเนี กระบวนการ :กระบวนการสร้าง ไปใช้ ยม ความตระหนกั ปฏิบตั ิของ ดนตรีไทย 2. รูปแบบการ - วธิ ีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการนาความรู้ 1 บรรเลง กระบวนการ :กระบวนการคดิ ไปใช้ ดนตรีไทย อยา่ งมี วิจารณญาณ
36 3. หลกั การ - วิธีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการนาความรู้ 2 ปฏิบตั ิ เครื่องดนตรีไทย : กระบวนการ :กระบวนการเรียน ไปใช้ ระนาดเอก ความรู้ ความเขา้ ใจ 4. การปฏิบตั ิ - วิธีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการนาความรู้ 2 ระนาดเอก กระบวนการ :กระบวนการ ไปใช้ ปฏิบตั ิ 5. รูปแบบการ - วิธีสอนแบบ - ทกั ษะการนาความรู้ 2 ขบั ร้องเพลงไทย กระบวนการ ไปใช้ กล่มุ สมั พนั ธ์ 6. เกณฑใ์ นการ - วธิ ีสอนตามรูปแบบ - ทกั ษะการต้งั เกณฑ์ 2 ประเมินคุณภาพ โมเดลซิปปา (CIPPA Model) ผลงานดนตรีไทย หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 1. คณุ คา่ และ - วิธีสอนโดยการจดั การ 1. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1 ความรู้ทว่ั ไปเก่ยี วกับ ความงาม เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค 2. ทกั ษะการใหเ้ หตุผล ดนตรีสากล ของดนตรีสากล คตู่ รวจสอบ 2. ดนตรีสากลกบั - วธิ ีสอนแบบสืบ - ทกั ษะการนาความรู้ 1 ไปใช้ การ เสาะหาความรู้(Inquiry ประยกุ ตใ์ ช้ Method : 5E) 3. ประเภทของ - วิธีสอนตามรูปแบบ - ทกั ษะการจาแนก 2 เพลงสากล โมเดลซิปปา (CIPPA Model) ประเภท 4. ศพั ทส์ งั คตี ใน - วธิ ีสอนโดยการจดั การ - ทกั ษะการนาความรู้ 2 ดนตรีสากล เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค ไปใช้ เล่าเร่ืองรอบวง
37 หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรยี นรู้ จดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 (ชวั ่ โมง) ความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกับ 5. สงั คตี กวี - วธิ ีสอนแบบ ดนตรีสากล ดนตรีสากล กระบวนการ 1. ทกั ษะการวิเคราะห์ 1 (ต่อ) กลุม่ สัมพนั ธ์ 2. ทกั ษะการ เปรียบเทียบ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5 การ 1. เคร่ืองหมาย - วธิ ีสอนแบบสืบ - ทกั ษะการนาความรู้ 2 เสาะหาความรู้(Inquiry ไปใช้ ปฏิบัติ และสัญลกั ษณ์ Method : 5E) ดนตรีสากล ทางดนตรี 2. หลกั ปฏิบตั ิ - วิธีสอนโดยการจดั การ - ทกั ษะการนาความรู้ 1 เคร่ืองดนตรีสากล เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค ไปใช้ คูต่ รวจสอบ 3. การปฏิบตั ิ - วธิ ีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการนาความรู้ 2 เคร่ืองดนตรีเปี ยโน กระบวนการ :กระบวนการ ไปใช้ ปฏิบตั ิ 4. การบรรเลง - วิธีสอนแบบสืบ - ทกั ษะการนาความรู้ 2 รวมวง เสาะหาความรู้(Inquiry ไปใช้ Method : 5E) 5. การปฏิบตั ิ - วิธีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการนาความรู้ 2 เครื่องดนตรี แบบรวมวง กระบวนการ :กระบวนการกลุ่ม ไปใช้
1 แผนการจัดการเรยี นรู้ โรงเรยี นเหลา่ หลวงประชานสุ รณ์ ตำบลเหล่าหลวง อำเภอเกษตรวสิ ยั จังหวดั รอ้ ยเอ็ด กล่มุ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ วิชาดนตรี ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรื่อง ความรทู้ ว่ั ไปเก่ยี วกบั ดนตรีไทย เวลา 7 ชวั่ โมง 1 มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วดั ศ 2.1 ม.4-6/8 นาดนตรไี ปประยุกตใ์ ชใ้ นงานอน่ื ๆ ศ 2.2 ม.4-6/2 วเิ คราะหส์ ถานะทางสงั คมของนกั ดนตรใี นวฒั นธรรมต่างๆ 2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด ดนตรไี ทย เป็นศาสตรท์ างศลิ ปะทม่ี คี ณุ คา่ ต่อคนในสงั คมไทย ซ่งึ สามารถนาไปประยุกตเ์ พอ่ื นาไปใชก้ บั งาน อน่ื ๆ และยงั แสดงถงึ สถานะทางสงั คมของนกั ดนตรใี นวฒั นธรรมต่างๆ 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 1) ดนตรกี บั การผ่อนคลาย 2) ดนตรกี บั การพฒั นามนุษย์ 3) ดนตรกี บั การประชาสมั พนั ธ์ 4) ดนตรกี บั การบาบดั รกั ษา 5) ดนตรกี บั ธรุ กจิ 6) ดนตรกี บั การศกึ ษา 7) ประวตั สิ งั คตี กวี 3.2 สาระการเรยี นร้ทู ้องถิน่ 1) คุณค่าและความงามของดนตรไี ทย 2) ประเภทของเพลงไทย 3) ศพั ทส์ งั คตี ในดนตรไี ทย 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 4.1 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ 3) ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ 4.2 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
2 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน 4. รกั ความเป็นไทย 6 ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) ป้ายนิเทศ เร่อื ง ดนตรไี ทย 7 การวดั และการประเมินผล 7.1 การประเมินก่อนเรยี น - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่อื ง ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ดนตรไี ทย 7.2 การประเมินระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1) ตรวจใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง คณุ ค่าและความงามของดนตรไี ทย 2) ตรวจใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง ดนตรไี ทยกบั การประยุกตใ์ ช้ 3) ตรวจใบงานท่ี 1.3 เร่อื ง ประเภทของเพลงไทย 4) ตรวจใบงานท่ี 1.4 เร่อื ง ศพั ทส์ งั คตี ในดนตรไี ทย 5) ตรวจใบงานท่ี 1.5 เร่อื ง สงั คตี กวไี ทย 6) ตรวจแบบบนั ทกึ การอา่ น 7) ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 8) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล 9) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 10) สงั เกตคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.3 การประเมินหลงั เรยี น - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่อื ง ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั ดนตรไี ทย 7.4 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ตรวจป้ายนิเทศ เร่อื ง ดนตรไี ทย 8 กิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1
3 เรอื่ งท่ี 1 คณุ ค่าและความงามของดนตรไี ทย 1 ชวั่ โมง วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการสรา้ งเจตคติ ขนั้ ที่ 1 สงั เกต ครใู หน้ ักเรยี นดภู าพเกย่ี วกบั การแสดงดนตรไี ทยในงานต่างๆ แลว้ ตงั้ ประเดน็ คาถามถามนกั เรยี น ขนั้ ที่ 2 วิเคราะห์ 1. นกั เรียนแบง่ กล่มุ กล่มุ ละ 4 คน ตามความสมคั รใจ แลว้ ให้สมาชิกแตล่ ะคนเลือกหมายเลขประจาตวั ต้งั แต่ หมายเลข 1-4 2. สมาชิกแต่ละหมายเลขศึกษาความรู้เร่ือง คุณค่าและความงามของดนตรีไทย จากหนงั สือเรียน หอ้ งสมุด และ แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ ดงั น้ี - หมายเลข 1 ศึกษาความรู้เรื่อง คณุ ค่าและความงามของดนตรีไทยท่ีปรากฏอยใู่ นกิจกรรมทางสังคมไทย - หมายเลข 2 ศึกษาความรู้เรื่อง คณุ คา่ และความงามของดนตรีไทยท่ีแสดงออกถึงวฒั นธรรมของไทย - หมายเลข 3 ศึกษาความรู้เรื่อง การเขา้ ถึงคุณคา่ และความงามของดนตรีไทย - หมายเลข 4 ศึกษาความรู้เรื่อง วิธีการรักษาคุณค่าและความงามของดนตรีไทย 3. สมาชิกแต่ละหมายเลขผลดั กนั เลา่ ความรู้ใหเ้ พอ่ื นในกลุ่มฟัง และผลดั กนั ซกั ถามขอ้ สงสัย 4. ครูขอตวั แทนเสนอผลการศึกษาหนา้ ช้นั เรียน 5. สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกนั วเิ คราะห์ผลการศึกษา และทาใบงานท่ี 1.1 เรื่อง คุณค่าและความงามของ ดนตรีไทย ขนั้ ท่ี 3 สรปุ ครขู อตวั แทนนักเรยี น 2 คน สรปุ ความรเู้ ร่อื ง คุณคา่ และความงามของดนตรไี ทย แลว้ ใหเ้ พ่อื นๆ ช่วยกนั เพม่ิ เตมิ จนได้ ขอ้ สรปุ ทต่ี รงกนั
4 เรอ่ื งท่ี 2 ดนตรีไทยกบั การประยกุ ตใ์ ช้ 2 ชวั่ โมง วิธีสอนตามรปู แบบ โมเดลซิปปา (CIPPA Model) ขนั้ ที่ 1 ทบทวนความร้เู ดิม ครใู หน้ ักเรยี นดวู ซี ดี ภี าพยนตรเ์ รอ่ื ง โหมโรง แลว้ ครสู นทนาแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กบั นกั เรยี น ขนั้ ที่ 2 แสวงหาความรใู้ หม่ ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะคนศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง ดนตรไี ทยกบั การประยุกตใ์ ช้ จากหนงั สอื เรยี น หอ้ งสมุด และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ ตามประเดน็ ทก่ี าหนด ดงั น้ี 1) ดนตรกี บั การพฒั นามนุษย์ 2) ดนตรกี บั การผอ่ นคลาย 3) ดนตรกี บั การบาบดั รกั ษา 4) ดนตรกี บั การศกึ ษา 5) ดนตรกี บั การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 6) ดนตรกี บั ธุรกจิ ขนั้ ท่ี 3 ศกึ ษาทาความเข้าใจข้อมูล/ความร้ใู หม่ และเช่ือมโยงความร้ใู หมก่ บั ความร้เู ดิม นักเรยี นแต่ละคนนาความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษามาเป็นแนวทางในการทาใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง ดนตรไี ทยกบั การประยกุ ตใ์ ช้ ขนั้ ที่ 4 แลกเปลี่ยนความรคู้ วามเขา้ ใจกบั กลุ่ม สมาชกิ แต่ละคนรวมกลมุ่ เดมิ แลว้ นาความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาและคาตอบในใบงานท่ี 1.2 มารว่ มกนั อภปิ รายภายในกลมุ่ เพ่อื เป็นการแลกเปลย่ี นความรคู้ วามเขา้ ใจกนั ขนั้ ที่ 5 สรปุ และจดั ระเบยี บความรู้ สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั สรุปผลการศกึ ษาความรเู้ ร่อื ง ดนตรไี ทยกบั การประยกุ ตใ์ ช้ เป็นองคค์ วามรู้ ประจากลุ่ม ขนั้ ท่ี 6 ปฏิบตั ิและ/หรอื แสดงผลงาน ครสู ุม่ นักเรยี นออกมานาเสนอใบงานท่ี 1.2 ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ งและเสนอแนะในส่วนทบ่ี กพร่อง ขนั้ ท่ี 7 ประยกุ ต์ใช้ความรู้ ครใู หน้ ักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การนาดนตรไี ทยไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ของตนไดอ้ ย่างไร
5 เรอื่ งที่ 3 ประเภทของเพลงไทย 2 ชวั่ โมง วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ขนั้ ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) ครใู หน้ ักเรยี นดวู ซี ดี กี ารแสดงรากลองยาว แลว้ ตงั้ ประเดน็ คาถามถามนักเรยี น ขนั้ ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore) นักเรยี นกลมุ่ เดมิ ร่วมกนั ศกึ ษาความรเู้ ร่อื ง ประเภทของเพลงไทย จากหนงั สอื เรยี น หอ้ งสมุด และแหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ โดยแบ่งหน้าทก่ี นั ศกึ ษาคนละ 1 หวั ขอ้ ดงั น้ี 1) เพลงในพระราชพธิ ี 2) เพลงในงานมงคล 3) เพลงในงานอวมงคล 4) เพลงประกอบการแสดง ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) สมาชกิ แต่ละคนผลดั กนั อธบิ ายความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาใหส้ มาชกิ คนอ่นื ๆ ในกลุ่มฟัง และใหน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี 1.3 เร่ือง ประเภทของเพลงไทย เป็นรายบุคคล ขนั้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Expand) นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ช่วยกนั วเิ คราะหเ์ พลงไทยแต่ละประเภทว่ามคี วามแตกต่างกนั อยา่ งไร แลว้ ร่วมกนั สรุปเป็นประเดน็ บนั ทกึ ลงในสมดุ ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) ครตู รวจสอบผลนกั เรยี นจากการทาใบงานท่ี 1.3
6 เรื่องท่ี 4 ศพั ทส์ งั คีตในดนตรีไทย 1 ชวั่ โมง วิธีสอนโดยการจดั การเรียนรแู้ บบร่วมมอื : เทคนิ คค่คู ิดส่ีสหาย ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1. ครูขออาสาสมคั รนกั เรียน 1 คน อธิบายความหมายของคาว่า ศพั ทส์ ังคีต ตามความเขา้ ใจของนกั เรียน แลว้ ให้เพื่อนคนอื่นช่วยเสนอแนะเพ่ือใหเ้ กิดความสมบูรณ์ 2. ครูสาธิตการกวาดระนาดเอกใหน้ กั เรียนดู แลว้ ต้งั ประเดน็ คาถามถามนกั เรียน ขนั้ สอน 1. นกั เรียนกลุ่มเดิมร่วมกนั ศึกษาความรู้เรื่อง ศพั ทส์ ังคตี ในดนตรีไทย จากหนงั สือเรียน ห้องสมดุ และแหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ 2. สมาชิกแต่ละกลมุ่ จบั คกู่ นั เป็น 2 คู่ แลว้ ให้แต่ละคู่ทาใบงานท่ี 1.4 เร่ือง ศัพท์สังคตี ในดนตรีไทย 3. นกั เรียนแต่ละค่รู วมกลุ่มเดิม แลว้ ผลดั กนั อธิบายคาตอบในใบงานที่ 1.4 ให้เพื่อนอกี คู่หน่ึงภายในกลุ่มฟัง จนมีความเขา้ ใจที่ตรงกนั 4. ครูและนกั เรียนร่วมกนั เฉลยคาตอบในใบงานท่ี 1.4 ขนั้ สรปุ นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั สรปุ ความรเู้ ร่อื ง ศพั ทส์ งั คตี ในดนตรไี ทย ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ ง และอธบิ ายในสว่ นทย่ี งั บกพรอ่ ง
7 เรื่องที่ 5 สงั คีตกวีไทย 1 ชวั่ โมง วิธีสอนโดยการจดั การเรียนรแู้ บบร่วมมอื : เทคนิ คกลุ่มสืบค้น ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น ครใู หน้ ักเรยี นชว่ ยกนั แสดงความคดิ เหน็ วา่ สงั คตี กวดี า้ นดนตรไี ทยมคี วามสาคญั ตอ่ ดนตรไี ทยอยา่ งไร ขนั้ สอน 1. ครูใหน้ กั เรียนกลมุ่ เดิม จบั ค่กู นั เป็น 2 คู่ ใหแ้ ต่ละคศู่ ึกษาความรู้เรื่อง สังคตี กวไี ทย จากหนงั สือเรียน ตามประเดน็ ที่กาหนด 2. สมาชิกแต่ละคูก่ ลบั กลุม่ เดิม แลว้ แลกเปล่ียนความรู้ตามประเด็นทไ่ี ดศ้ ึกษามาใหเ้ พื่อนอีกคหู่ น่ึงฟัง แลว้ ผลดั กนั ซกั ถามขอ้ สงสัย 3. นกั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั สืบคน้ ประวตั ิสังคตี กวีดา้ นดนตรีไทยนอกเหนือจากที่เรียนมา แลว้ บนั ทึกลงใน ใบงานท่ี 1.5 เรื่อง สังคีตกวีไทย เสร็จแลว้ เก็บรวบรวมใบงานนาส่งครู ขนั้ สรปุ นกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรเู้ กย่ี วกบั ประวตั สิ งั คตี กวไี ทยแต่ละท่าน ครมู อบหมายให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มจดั ทาป้ายนิเทศ เรอื่ ง ดนตรีไทย โดยใหค้ รอบคลุมประเดน็ ตำมทกี่ ำหนด นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1
8 9 ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 9.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น ดนตรี ม.5 2) บตั รภาพ 3) วซี ดี ี 4) ระนาดเอก 5) ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง คุณคา่ และความงามของดนตรไี ทย 6) ใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง ดนตรไี ทยกบั การประยุกตใ์ ช้ 7) ใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง ประเภทของเพลงไทย 8) ใบงานท่ี 1.4 เร่อื ง ศพั ทส์ งั คตี ในดนตรไี ทย 9) ใบงานท่ี 1.5 เร่อื ง สงั คตี กวไี ทย 9.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ - http://203.172.218.14/vjakorn/wp-content/uploads/2011/07/A6Vocabulary1.pdf - http://thaimusicamp.wordpress.com/category - http://www.finearts.go.th/ - http://www.kroobannok.com/blog/35116 - http://www.youtube.com
9 ใบงานท่ี 1.1 คณุ ค่าและความงามของดนตรไี ทย คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นวเิ คราะหเ์ กย่ี วกบั คณุ คา่ และความงามของดนตรไี ทย พรอ้ มกบั เสนอแนวทางในการอนุรกั ษ์ คณุ ค่าและความงามของดนตรไี ทย 1) ทป่ี รากฏอยใู่ นกจิ กรรมทางสงั คมไทย ไดแ้ ก่ 2) ทแ่ี สดงออกถงึ วฒั นธรรมของไทย
10 ใบงานท่ี 1.1 คณุ ค่าและความงามของดนตรไี ทย คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นวเิ คราะหเ์ กย่ี วกบั คณุ คา่ และความงามของดนตรไี ทย พรอ้ มกบั เสนอแนวทางในการอนุรกั ษ์ คณุ ค่าและความงามของดนตรีไทย 1) ทป่ี รากฏอย่ใู นกจิ กรรมทางสงั คมไทย ไดแ้ ก่ (พจิ ำรณำตำมคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 2) ทแ่ี สดงออกถงึ วฒั นธรรมของไทย (พจิ ำรณำตำมคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)
11 ใบงานที่ 1.2 ดนตรไี ทยกบั การประยกุ ตใ์ ช้ คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเสนอแนะวธิ กี ารนาดนตรไี ทยไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั มา 1 วธิ ี พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ นกั เรยี นจะนาดนตรไี ทยไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั
12 ใบงานที่ 1.2 ดนตรีไทยกบั การประยกุ ตใ์ ช้ คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเสนอแนะวธิ กี ารนาดนตรไี ทยไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั มา 1 วธิ ี พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ นกั เรยี นจะนาดนตรไี ทยไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั (พจิ ำรณำตำมคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131