ตารางการสัมมนาและรายละเอยี ดเนอื้ หาวันท่ีหนงึ่๑๕.๐๐ น. - ๑๘.๐๐ น. ลงทะเบียนรับเอกสารและเข้าทพ่ี ัก๑๘.๐๐ น. - ๑๙.๐๐ น. รับประทานอาหารเย็น๑๙.๐๐ น. - ๒๑.๐๐ น. ชีแ้ จงแนวทางการสัมมนาวันทส่ี อง๐๘.๓๐ น. - ๐๙.๐๐ น. พธิ ีเปิดการสัมมนาและบรรยายพิเศษ๐๙.๐๐ น. - ๑๐.๐๐น. การประเมินคณุ ภาพสถานศกึ ษาของนานาประเทศ๑๐.๐๐ น. - ๑๐.๑๕ น. ทดสอบก่อนการสัมมนา (Pre - test)๑๐.๓๐ น. - ๑๒.๐๐ น. หนว่ ยที่ ๑ รูปแบบและแนวทางการประเมนิ คณุ ภาพภายในของ สถานศกึ ษาแนวใหม่๑๓.๐๐ น. - ๑๗.๐๐ น. หนว่ ยที่ ๒ มาตรฐานการศกึ ษา ระดบั ปฐมวยั ระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน และมาตรฐานการศึกษาขั้นพ้ืนฐานศูนย์การศึกษาพิเศษ ตามประกาศกฎกระทรวง พ.ศ. ๒๕๖๑วนั ท่ีสาม๐๘.๓๐ น. - ๑๒.๐๐ น. หน่วยที่ ๓ เสริมสรา้ งศักยภาพด้านการประเมนิ๑๓.๐๐ น. - ๑๔.๓๐ น. หน่วยที่ ๓ เสริมศักยภาพด้านการประเมิน (ต่อ)๑๔.๔๕ น. - ๑๗.๐๐ น. หน่วยที่ ๔ การจัดท�ำรายงานผลการประเมินคุณภาพสถานศึกษา และ การให้ขอ้ มูลย้อนกลบั เพื่อการพัฒนาคณุ ภาพสถานศึกษาวันทส่ี ี่๐๘.๓๐ น. - ๑๐.๐๐ น. หนว่ ยที่ ๔ การจัดท�ำรายงานผลการประเมินคุณภาพสถานศึกษา และ การใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั เพอ่ื การพฒั นาคณุ ภาพสถานศกึ ษา (ตอ่ )๑๐.๐๐ น. - ๑๐.๓๐ น. ทดสอบหลงั การสมั มนา (Post-test)๑๐.๓๐ น. - ๑๒.๐๐ น. หนว่ ยที่ ๕ การวางแผนบรหิ ารจดั การขยายผลการสัมมนา ๑๓.๐๐ น. - ๑๔.๓๐ น. เสนอแผนการขยายผลการสัมมนา๑๔.๔๕ น. - ๑๖.๓๐ น. สรุปการสัมมนา อภิปรายทว่ั ไป มอบเกยี รติบตั ร และปดิ การสมั มนา44 หลักสูตรการสมั มนาเชงิ ปฏิบตั ิการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
หน่วยที่ ๑รูปแบบและแนวทางการประเมินคณุ ภาพภายใน ของสถานศึกษาแนวใหม่วตั ถุประสงค์๑) เพื่อให้ผู้เข้ารับการสัมมนามีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ รปู แบบ การประเมนิ คณุ ภาพภายในแนวใหม่๒) เพอ่ื ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การสมั มนาแลกเปลยี่ นเรยี นรเู้ กย่ี วกบั รปู แบบ การประเมินคุณภาพภายในของสถานศกึ ษาแนวใหม่เนอ้ื หารปู แบบและแนวทางการประเมินคณุ ภาพภายในของสถานศึกษาแนวใหม่กิจกรรม- ตรวจสอบ มโนทัศน์ (๑๐ นาท)ี- ฟังบรรยาย (๓๕ นาที)- แลกเปลยี่ นเรยี นร้แู ละสะทอ้ นผลการปฏบิ ัติงาน (๔๕ นาที)รปู แบบกจิ กรรม- ตรวจสอบ มโนทัศน์โดยใช้สอ่ื ออนไลน์- ฟงั บรรยาย/ชมคลิปวีดีโอ- ศึกษาเอกสารเสรมิ ความรู้- ทำ�ใบกิจกรรม- แลกเปลี่ยนเรยี นรู้และสะท้อนผลการปฏบิ ัตงิ านหลกั สตู รการสมั มนาเชงิ ปฏิบตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผ้ปู ระเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 45 และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
หลกั สูตรและกจิ กรรมหน่วยท่ี ๑ เรื่อง รปู แบบและแนวทางการประเมินคุณภาพภายในของสถานศกึ ษาแนวใหม่๑. สาระส�ำคัญ การประเมินคุณภาพสถานศึกษาแนวใหม่ ใช้หลักการประเมินและตัดสินโดยอาศัยความเช่ยี วชาญ (expert judgment) การตรวจทาน ทบทวนผลการประเมินโดยคณะกรรมการประเมนิ ในระดบั เดยี วกนั (peer review) เทยี บกบั เกณฑห์ รอื มาตรฐานทก่ี �ำหนดไว้ ซงึ่ คณะกรรมการประเมนิ ตอ้ งมคี วามรรู้ อบด้าน การประเมนิ คณุ ภาพภายในเปน็ หน้าทข่ี องสถานศกึ ษาทตี่ อ้ งตรวจสอบและประเมนิตนเองตามบรบิ ทของสถานศกึ ษาอยา่ งแทจ้ รงิ โดยการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทงั้ เชงิ คณุ ภาพเชงิ ปรมิ าณจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษท์ เ่ี กดิ จากการปฏบิ ตั งิ านตามสภาพจรงิ ของสถานศกึ ษา (evidence based) ควบคู่กนั การตดั สนิ คณุ ภาพแบบไมแ่ ยกสว่ นหรอื ไมแ่ ยกองคป์ ระกอบในการประเมนิ ซงึ่ เปน็ การประเมนิ ผลการด�ำเนินงานของสถานศึกษาในภาพรวม (holistic assessment) เป็นการประเมินที่ลดภาระการสร้างเอกสารที่ไม่จ�ำเป็นของสถานศึกษา แต่ได้ผลประเมินท่ีมีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบได้ตามบริบทของสถานศึกษาน้นั ๆ๒. วัตถุประสงค์ ๒.๑ เพ่ือให้ผู้เข้ารับการสัมมนามีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับรูปแบบการประเมินคุณภาพภายในแนวใหม่ ๒.๒ เพอ่ื ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การสมั มนาแลกเปลยี่ นเรยี นรเู้ กยี่ วกบั รปู แบบการประเมนิ คณุ ภาพภายในแนวใหม่๓. รปู แบบการจัดกิจกรรม ๓.๑ การตรวจสอบมโนทศั น์ ๓.๒ การรับฟงั การบรรยายจากวทิ ยากร/ชมคลปิ วีดิโอ ๓.๓ การศึกษาเอกสารเสรมิ ความรู้ ๓.๔ การแลกเปลย่ี นเรียนร้แู ละสะท้อนผลการปฏบิ ตั ิงาน46 หลักสูตรการสมั มนาเชงิ ปฏิบัตกิ ารพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมินคณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๔. ขัน้ ตอนการจดั กจิ กรรม ขั้นตอน ระยะเวลา สอ่ื และเอกสารประกอบ๑. ตรวจสอบมโนทัศน์ ๑๐ นาที Kahoot๒. ฟังบรรยาย ๓๕ นาที Power point/VDO Clip๓. แลกเปลย่ี นเรยี นรแู้ ละสะทอ้ นผลการ ๔๕ นาที - เอกสารเสริมความรู้ปฏิบตั ิงาน - ใบกิจกรรมท่ี ๑.๑ ตรวจสอบมโนทัศน์ ด้านการประเมินคุณภาพภายในแนวใหม่๕. การวดั และประเมินผล ๕.๑ ประเมินพฤตกิ รรมการมีส่วนร่วมกิจกรรมของผเู้ ข้าสัมมนา ๕.๒ ประเมนิ ผลงานจากใบกิจกรรม๖. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลกจิ กรรมที่ ๒ ราย ปรบั ปรงุ ระดบั คณุ ภาพการประเมนิ พอใช้ ดี ดีมาก สมาชกิ สว่ นใหญร่ ่วม มกี ารก�ำ หนดขัน้ ตอน มีการกำ�หนดขั้นตอน๑. พฤติกรรมการ สมาชิกไมม่ สี ว่ นร่วม กันท�ำ งาน มกี ารรับ การทำ�งาน สมาชิก การทำ�งานท่ีชัดเจนเขา้ ร่วมกจิ กรรม ในการทำ�งานและ ฟงั และแสดงความ ทุกคนร่วมกนั ท�ำ งาน สมาชิกทุกคนในกลุ่ม คดิ เหน็ รว่ มกนั มีการรับฟังและแสดง มีการรับฟังและแสดง แสดงความคิดเห็น ในกลมุ่ ความคิดเห็นร่วมกัน ความคิดเห็นร่วมกัน และแสดงบทบาทของ และแสดงบทบาทของ ตนเองอยา่ งเหมาะสม ตนเองอยา่ งเหมาะสม เม่ือเกิดความขัดแย้ง ทางความคิด สมาชิก ในกลุ่มร่วมกันขจัด ความขัดแย้งท่ีเกิดข้ึน ได้ดว้ ยเหตุผลหลักสูตรการสมั มนาเชิงปฏบิ ตั ิการพฒั นามาตรฐานผู้ประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 47 และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ราย ปรับปรุง ระดบั คุณภาพ ดีมากการประเมิน พอใช้ ดี๒. ผลการ นอ้ ยกวา่ ๑๒ คะแนน ๑๒ - ๑๕ คะแนน ๑๖ - ๑๗ คะแนน ๑๘ - ๒๐ คะแนนประเมนิ มโนทศั น์๓. ผลงาน ผลงานมคี วามถกู ต้อง ผลงานมคี วามถูกตอ้ ง ผลงาน มคี วามถกู ผลงาน มีความถูกใบกจิ กรรม ตามหลกั การประเมนิ ตามหลักการประเมนิ ตอ้ งตามหลักการ ต้องตามหลักการที่ ๒.๑ คณุ ภาพภายใน คุณภาพภายในแนว ประเมินคุณภาพ ประเมินคุณภาพ แนวใหม่ ใหม่ และมคี วามเป็น ภายในแนวใหม่ ภายในแนวใหม่ ไปไดใ้ นการนำ�ไปสู่ มีความเหมาะสม มีความเหมาะสมและ การปฏบิ ตั ิ และครอบคลุมกบั ครอบคลุมประเด็น ประเดน็ การประเมนิ การประเมิน และ เป็นสว่ นใหญ่ และ มคี วามเปน็ ไปไดใ้ น มีความ เปน็ ไปไดใ้ น การน�ำ ไปสกู่ ารปฏิบตั ิ การน�ำ ไปสกู่ ารปฏิบตั ิ๗. เกณฑ์การผ่านการประเมิน ผู้เข้ารับการสัมมนาต้องได้รับการตัดสินคุณภาพกิจกรรมทุกกิจกรรมในระดับดีข้ึนไปทุกรายการประเมิน 48 หลกั สูตรการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ส่อื รายการท่ี ๑/๑ ใบกจิ กรรมที่ ๑.๑ตรวจสอบมโนทศั นด์ ้านการประเมินคุณภาพภายในแนวใหม่ งานเดย่ี ว ค�ำช้แี จง ๑. วิทยากรแจกใบกิจกรรมที่ ๑.๑ ตรวจสอบ มโนทัศน์ด้านการประเมนิ คณุ ภาพภายใน แนวใหม่ ๒. ผูเ้ ข้ารบั การสมั มนาตรวจสอบมโนทศั น์ ใช้เวลา ๑๐ นาที ๓. วิทยากรสรุปและสะท้อนผลการตรวจสอบ มโนทัศน์ หลกั สตู รการสมั มนาเชิงปฏิบตั กิ ารพฒั นามาตรฐานผูป้ ระเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 49 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
สื่อรายการท่ี ๑/๒ เอกสารเสริมความรู้ เรื่อง แนวคิด หลกั การ และรูปแบบการประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาแนวใหม่สาระส�ำคญั การประเมนิ คณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษาแนวใหม่ ม่งุ เน้นกระบวนการตัดสินคุณภาพของสถานศึกษาโดยการประเมินแบบองค์รวม (holistic assessment) เป็นการประเมินและตัดสินผลตามหลกั การตดั สนิ โดยอาศยั ความเชย่ี วชาญ (expert judgment) เทยี บกบั เกณฑห์ รอื มาตรฐานทีก่ �ำหนดไว้ โดยบุคคลระดับเดียวกนั (peer review) ตรวจสอบทบทวนโดยอาศยั เทคนิคการสังเกตการสมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ การวเิ คราะหร์ อ่ งรอยหลกั ฐานมาตรฐานการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา ทเี่ ปน็ รอ่ งรอยเชงิ ประจกั ษ์ (evidence based assessment) และการใหข้ อ้ มลู ย้อนกลบั (feedback) แก่สถานศกึ ษาเพอื่ น�ำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาได้อยา่ งมีประสิทธิภาพแนวคดิ การประเมนิ แนวใหม่ในการประเมนิ คณุ ภาพสถานศึกษา การประเมินคุณภาพสถานศึกษาเพื่อการประกันคุณภาพภายในเป็นหน้าที่ของสถานศึกษาท่ีตอ้ งตรวจสอบและประเมนิ ตนเองตามสภาพบรบิ ทของสถานศกึ ษาที่แท้จรงิ ผลการประเมินสะท้อนคุณภาพท่ีแท้จริงของสถานศึกษาท่ีจะน�ำไปสู่การใช้ผลประเมินเพ่ือการพัฒนาต่อเนื่องท่ีตรงประเด็นโดยเกิดจากการเรียนรู้ตามปกติของนักเรียน การออกแบบการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งการบริหารจัดการศึกษาที่สถานศึกษาด�ำเนินการอยู่แล้วจะเปน็ หลักฐานเชิงประจักษ์ทม่ี คี ุณค่าต่อการสะท้อนผลการประเมนิ ของสถานศกึ ษาได้เป็นอยา่ งดี ในการประเมนิ จะใหค้ วามส�ำคญั กบั การประเมนิ เชงิ คณุ ภาพ ผนวกกบั การประเมนิ เชงิ ปรมิ าณควบคกู่ นั ไปการตดั สนิ คณุ ภาพของสถานศกึ ษาใหใ้ ชเ้ กณฑก์ ารใหค้ ะแนนผลงานหรอื กระบวนการทไ่ี มแ่ ยกสว่ นหรอืแยกองคป์ ระกอบในการก�ำหนดคะแนนประเมนิ แตเ่ ปน็ การประเมนิ ในภาพรวมของผลการด�ำเนนิ งานหรอื กระบวนการด�ำเนนิ งาน (holistic assessment) ซ่ึงการประเมนิ แบบองคร์ วมน้ี เป็นการประเมินในองคร์ วมของทกุ ลกั ษณะในการปฏบิ ตั งิ าน สะดวกและเปน็ ผลดตี อ่ ทง้ั ผปู้ ระเมนิ และผรู้ บั การประเมนิแต่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถและทักษะในการประเมินของผู้ประเมินท่ีต้องศึกษาและรวบรวมข้อมูลในองค์รวมท้ังหมด การตัดสินระดับคุณภาพตามมาตรฐานเป็นไปตามหลักการตัดสินโดยอาศัยความเชี่ยวชาญ (expert judgment) และการตรวจทานผลการประเมินโดยคณะกรรมการประเมิน50 หลักสูตรการสัมมนาเชิงปฏิบัติการพัฒนามาตรฐานผ้ปู ระเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ในระดบั เดยี วกนั (peer review) โดยเทยี บกบั เกณฑห์ รอื มาตรฐานทกี่ �ำหนดไว้ คณะกรรมการประเมนิต้องมีความรู้อย่างรอบด้านและวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันในการตัดสินเพ่ือให้ระดับคุณภาพตามเกณฑ์ที่ก�ำหนด ซงึ่ จะไมใ่ ชก่ ารใหค้ ะแนนตามความคดิ เหน็ ของคนใดคนหนง่ึ โดยเนน้ การประเมนิ ตามหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ทเี่ กิดจากการปฏบิ ตั ิงานตามสภาพจรงิ ของสถานศึกษา (evidence based) โดยเลอื กใช้วธิ กี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทเี่ หมาะสมและสะทอ้ นคณุ ภาพการด�ำเนนิ งานตามมาตรฐานของสถานศกึ ษาได้อย่างชัดเจน และมีเป้าหมายการประเมินเพ่ือการพัฒนา ลดภาระการจัดเก็บข้อมูลและเอกสารท่ีไมจ่ �ำเป็นในการประเมิน แตข่ อ้ มลู ตอ้ งมีความน่าเช่อื ถอื และสามารถตรวจสอบผลการประเมนิ ไดต้ ามสภาพบรบิ ทของสถานศึกษาน้ัน ๆ๑. การประเมนิ แบบองค์รวม (holistic assessment) การประเมนิ แบบองคร์ วมเปน็ แนวคดิ ทใ่ี ชถ้ กู น�ำมาใชป้ ระเมนิ คณุ ภาพในยคุ การจดั การศกึ ษาอิงมาตรฐาน และหลักสูตรการเรียนการสอนอิงมาตรฐาน โดยการประเมินแบบองค์รวม เป็นวิธีการให้คะแนนสิ่งท่ีจะประเมิน (ผลงาน กิจกรรม กระบวนการ องค์กร) ซึ่งมีความสัมพันธ์กันอยู่ภายในโดยพจิ ารณาจากภาพรวมตามเกณฑห์ รอื มาตรฐานทกี่ �ำหนด และมกี ารอธบิ ายระดบั คณุ ภาพไวช้ ดั เจนดว้ ยวธิ กี าร ประเมนิ หลาย ๆ วธิ ี กล่าวคือ เป็นการพจิ ารณาคุณภาพผลงาน หรอื คณุ ภาพความส�ำเร็จทกุ มาตรฐานโดยรวม แลว้ จงึ ตดั สนิ ระดบั คุณภาพเพียงคา่ เดียว การประเมินแบบองค์รวมหรือการประเมินแบบบรู ณาการ (integrated assessment)มลี กั ษณะส�ำคญั ดงั น้ี ๑. มุ่งประเมนิ งานกิจกรรมขององค์กรในภาพรวมมากกวา่ จะประเมินองค์ประกอบยอ่ ย ๆ ๒. ส่วนย่อยหรอื หนว่ ยย่อยจะถูกประเมนิ รวมไปดว้ ยกัน ๓. ต้องใช้ผู้ประเมินที่เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ (professional judgment) ซึ่งจะช่วยลดเวลาการประเมนิ ลงไดม้ าก และชว่ ยขจดั ความไม่น่าเชือ่ ถอื ในการประเมนิ ได้ ๔. อยบู่ นพน้ื ฐานของรอ่ งรอยหลกั ฐานทด่ี �ำเนนิ งานอยแู่ ลว้ (evidence based) ซงึ่ รอ่ งรอยหลกั ฐานเปน็ ไดท้ งั้ งานเอกสารและไมใ่ ชเ่ อกสาร รวบรวมไดจ้ าก ๒ แหลง่ คอื ผปู้ ระเมนิ และผถู้ กู ประเมนิควรเกบ็ รอ่ งรอยหลกั ฐานโดยใช้หลาย ๆ วธิ ี เกบ็ และใช้ร่องรอยหลักฐานหลายเหตกุ ารณ์จะท�ำใหก้ ารประเมินน่าเช่อื ถอื ขน้ึ การประเมินแบบองค์รวมนั้นผู้ประเมินต้องสามารถชี้ร่องรอยที่สะท้อนศักยภาพของส่ิงที่ประเมินเฉพาะที่จ�ำเปน็ และมีเทคนคิ ทจี่ ะรวบรวมขอ้ มูลเหตุการณ์ให้เพยี งพอ แลว้ จึงทบทวนรอ่ งรอยหลกั ฐานและตดั สนิ ใจหลักสตู รการสมั มนาเชิงปฏิบัตกิ ารพัฒนามาตรฐานผู้ประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 51 และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
เกณฑ์การให้คะแนนแบบองคร์ วม (holistic rubrics) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบองคร์ วม เปน็ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนผลงานหรอื กระบวนการทไี่ มไ่ ดแ้ ยกสว่ นหรอื แยกองคป์ ระกอบในการใหค้ ะแนน คอื จะประเมนิ ในภาพรวมของผลงานหรอื กระบวนการนน้ัซง่ึ จะสะดวกและง่ายส�ำหรบั ผูป้ ระเมนิ แตผ่ ูป้ ระเมินจ�ำเป็นตอ้ งมีทกั ษะ ความช�ำนาญ เช่ียวชาญและมีความรรู้ อบดา้ นเพอื่ ทจี่ ะประเมนิ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เชน่ การตดั เกรดหรอื จดั ล�ำดบั ผลงานการเขยี นของนักเรยี นทคี่ รูสามารถท�ำไดใ้ นเวลารวดเรว็ ทส่ี ดุ ในทุก ๆ เนอ้ื หา เพียงครอู า่ นผลงานการเขียนของนกั เรียนรอบหนงึ่ ครูกจ็ ะสามารถสรา้ งรบู คิ ใหค้ ะแนนผลงานการเขยี นของนกั เรยี นได้ โดยอิงเนื้อหาที่ครูเคยสอนและฝึกหัดนักเรียนมาก่อนแล้วด�ำเนินงานตัดสินผลงานการเขียนของนักเรียนตามเกณฑ์ที่ก�ำหนดนัน้ การประเมนิ แบบในองคร์ วม (holistic assessment) มลี กั ษณะแตกตา่ งกบั การประเมนิ แยกสว่ น(analytic assessment) ดงั น้ีการประเมินในองคร์ วม (holistic) การประเมนิ แยกองค์ประกอบ (analytic)๑. การประเมินในองคร์ วม ๑. การประเมินแยกเป็นประเดน็ ยอ่ ย๒. การให้คะแนนส่ิงที่ต้องการวัดประเมินแบบ ๒. การให้คะแนนส่ิงท่ีต้องการวัดประเมินแบบ กว้าง ๆ โดยรวม ๑ค่า (A single overall or แบ่งแยกส่วนสำ�หรับแต่ละองค์ประกอบ global scoring) จำ�เป็น (component) หรือลักษณะสำ�คัญ๓. ใชป้ ระเมนิ ผลงานหรอื กระบวนการปฏบิ ตั งิ าน (feature) ที่เรยี บงา่ ย ไม่ซับซอ้ น ๓. ใช้ประเมินผลงานหรือกระบวนการปฏิบัติ๔. มคี วามรวดเรว็ ในการประเมนิ และ งานท่ีซับซ้อนและต้องใช้มิติ/เกณฑ์หลาย การตัดสินใจ ด้านสำ�หรับใช้บ่งช้ีคุณภาพของงานจึงจะ๕. ผู้ประเมินจำ�เป็นต้องมีทักษะและความรู้รอบ ครอบคลมุ และชัดเจน ดา้ น (expert judgment) ๔. ใหค้ วามส�ำ คญั ในการประเมนิ แต่ละประเดน็ จึงใช้เวลาในการประเมนิ ๕. ผปู้ ระเมนิ ประเดน็ ไปทลี ะประเดน็ /ดา้ นตามที่ กำ�หนด52 หลักสตู รการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผูป้ ระเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ความสัมพนั ธ์ระหว่าง analytic rubrics กับ holistic rubrics แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การตัดสินผลงานของนักเรียน ในความเป็นจริง จ�ำเป็นต้องเกี่ยวข้องสมั พนั ธก์ นั ระหวา่ ง analytic rubrics และ holistic rubrics ดงั ตวั อยา่ งการสรา้ งรบู คิ ตดั สนิ ผลงานการเขยี นของนกั เรยี นแบบองคร์ วมของโรงเรยี นแหง่ หนง่ึ ซง่ึ ครมู ขี น้ั ตอนการด�ำเนนิ งานประเมนิ ผลงานของนักเรยี นเปน็ ๓ ขน้ั ตอนดงั น้ี ขนั้ ตอนที่ ๑ ครอู า่ นผลงานของนกั เรยี นโดยรวมหนงึ่ รอบเพอ่ื ใหเ้ หน็ ภาพรวมโดยรวมของผลงาน ขนั้ ตอนที่ ๒ ครูก�ำหนดตัวชี้วดั คุณภาพผลงานการเขียนของนักเรียน ตามหลกั การท่ีเคยสอนนักเรียนไว้เปน็ ๕ องค์ประกอบ ดังน้ี องคป์ ระกอบท่ี ๑ ความสมบรู ณข์ องผลงาน หรือผลส�ำเรจ็ ของผลงาน องคป์ ระกอบที่ ๒ การสือ่ ความหมาย องคป์ ระกอบที่ ๓ การใช้ภาษา องค์ประกอบท่ี ๔ การใชค้ �ำศพั ท์ องค์ประกอบที่ ๕ โครงสร้างทางภาษา ในขน้ั นี้ ครปู ระเมนิ หรอื ใหร้ ะดบั คะแนนผลงานนกั เรยี นแตล่ ะองคป์ ระกอบ ในลกั ษณะ Ana-lytic Rubrics ของแต่ละประเดน็ ขั้นตอนท่ี ๓ ครูพิจารณาจัดล�ำดับท่ีของผลงานนักเรียนแต่ละชิ้น ซึ่งในข้ันน้ีครูจ�ำเป็นต้องพิจารณาผลงานโดยภาพรวมของนักเรียนแต่ละคนเพื่อเรียงล�ำดับที่ ๑, ๒, ๓, ๔, …… ซ่ึงในข้ันน้ีครูจ�ำเปน็ ต้องสร้างรูบิคการตัดสินคณุ ภาพผลงานโดยภาพรวมในลกั ษณะ holistic rubrics ดังน้ี ๑. คณุ ภาพระดับต�ำ่ กวา่ มาตรฐาน ความสมบูรณ์ของงาน : มีความสมบรู ณน์ ้อยที่สดุ หรือเนอื้ หาตอ้ งได้รบั การพัฒนา การสอ่ื ความ : ขอ้ ความอา่ นแทบจะไม่เขา้ ใจ การใช้ภาษา : เรยี งล�ำดบั ประโยคไมต่ ่อเนอื่ งบางครั้งใช้ค�ำเชอ่ื มประโยคซำ้� ๆ ค�ำศัพท์ : การใช้ค�ำศพั ท์ทส่ี อื่ ความได้ไม่เพียงพอและ/หรอื ไม่ถูกต้อง โครงสรา้ งภาษา : ใช้โครงสร้างภาษาระดบั ต่ำ� กวา่ พ้ืนฐาน ๒. คุณภาพระดบั เกอื บบรรลุมาตรฐาน ความสมบูรณ์ของงาน : ผลงานเสรจ็ เป็นบางสว่ น; เหน็ การพัฒนาความคิด การสือ่ ความ : ข้อความส่วนใหญค่ ่อนข้างเข้าใจได้ แต่ตอ้ งอาศยั การตคี วาม การใชภ้ าษา : เรียงล�ำดบั ประโยคไมต่ อ่ เน่อื ง บางครั้งใชค้ �ำเชือ่ มประโยคซ้�ำ ๆ ค�ำศัพท ์ : การใชค้ �ำศพั ทค์ ่อนข้างไมเ่ พยี งพอ/หรอื คอ่ นขา้ งไมถ่ ูกต้อง โครงสรา้ งภาษา : ใช้โครงสร้างภาษาระดับพน้ื ฐานหลกั สตู รการสมั มนาเชงิ ปฏิบตั ิการพฒั นามาตรฐานผูป้ ระเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 53 และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๓. คณุ ภาพระดับมาตรฐาน ความสมบรู ณข์ องงาน : ผลงานเสรจ็ สมบูรณ์ ความคดิ ได้รบั การพัฒนาเพยี งพอ การสอ่ื ความ : ข้อความสว่ นใหญ่สามารถเข้าใจได้ โดยตอ้ งอาศยั การตคี วามเล็กนอ้ ย การใช้ภาษา : เรียงล�ำดับประโยคไม่ตอ่ เน่อื ง บางครง้ั ใช้ค�ำเช่ือมประโยคซ้ำ� ๆ ค�ำศัพท์ : การใช้ค�ำศัพท์เหมาะสม/หรือถกู ตอ้ ง โครงสรา้ งภาษา : ใช้โครงสร้างภาษาได้ในระดับสงู กว่าพื้นฐาน การประเมนิ เพอื่ เรยี งล�ำ ดบั ทแ่ี บบองคร์ วม (holistic grading) และการทบทวนโดยบคุ คลระดบั เดียวกนั (peer review) การตัดสินผลประเมินแบบองค์รวม เป็นวิธีการที่เหมาะสมท่ีสุด ส�ำหรับการประเมินที่เน้นความรวดเร็วในการจัดล�ำดับที่มากกว่ารายละเอียดของผลการประเมิน เช่นในกรณีทดสอบการเขียนเรียงความเพื่อคัดนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เป็นต้น แต่ในแง่การปฏิบัติการตัดสินผลประเมนิ แบบองคร์ วม มขี อ้ จ�ำกดั ที่ควรสนใจ ตวั อยา่ งเช่น กรณที ่คี รูเป็นผูส้ อน และผปู้ ระเมนิ ผลงานของนกั เรยี นดว้ ยตนเอง มจี ดุ แขง็ ครสู ามารถตดั สนิ ล�ำดบั ทขี่ องผลงานนกั เรยี นไดเ้ รว็ เพราะความคนุ้ เคยแต่อาจจะมจี ดุ ด้อยในแง่ความล�ำเอียงของครผู ปู้ ระเมนิ อนั เกิดจากความใกล้ชิดเกนิ ไป เป็นตน้ ดังนนั้การหลกี เลยี่ งความล�ำเอยี งในแงน่ ้ี จงึ มคี วามจ�ำเปน็ ตอ้ งมผี ปู้ ระเมนิ เปน็ คู่ หรอื ผปู้ ระเมนิ กลมุ่ เลก็ ๆ ท�ำหน้าท่รี ว่ มกันพิจารณาตดั สินผลประเมินแบบองคร์ วม ท่เี รียกว่า Peer Review จดั ล�ำดับผลงานโดยใช้เกณฑน์ เี้ พ่ือถว่ งดลุ ความล�ำเอียงจะชว่ ยให้การประเมนิ มีความเชอื่ ถอื ได้มากข้ึน การประเมินเพื่อเรียงลำ�ดับที่แบบองค์รวม (holistic grading) และการอาศัยความเชยี่ วชาญ (expert Judgment) ความยงุ่ ยากอกี ประการหนง่ึ ทอี่ าจจะเกดิ ขนึ้ ในการตดั สนิ ผลการประเมนิ แบบองคร์ วม ทแ่ี ม้จะมกี ารสรา้ งรบู คิ ตดั สนิ ทม่ี คี วามเทยี่ งตรง มี Peer Review ทเี่ หมาะสม แตอ่ าจจะพบปญั หา ขอ้ มลู การประเมนิ ทไ่ี มเ่ ปน็ ไปตามระบบทค่ี าดหวงั ตามรบู คิ ทีก่ �ำหนดไวข้ ้างตน้ ตวั อย่างเชน่ ผลงานการเขยี นของนกั เรยี น มคี วามสมบรู ณ์ ระดบั ๓ แตก่ ารสอ่ื ความมคี ณุ ภาพระดบั ๑ ระดบั การใชภ้ าษามคี ณุ ภาพระดบั ๒การใช้ค�ำศัพท์มคี ณุ ภาพระดับ ๒ และโครงสร้างภาษาท่ใี ชม้ ีคุณภาพระดบั ๑ การตดั สนิ คุณภาพและจดั ล�ำดับท่ีโดยภาพรวมของผลงานชน้ิ นี้ จ�ำเปน็ ตอ้ งอาศัยผ้ปู ระเมินท่มี ีความรู้เชียวชาญลุ่มลกึ หลาย ๆคนร่วมกัน ตัดสินผลงานอย่างเป็นเอกฉันท์ ที่เรียกว่าการตัดสินโดยอาศัยความเช่ียวชาญ (expertjudgment) ซึ่งการที่จะสามารถตัดสินคุณภาพของผลงานที่มีลักษณะซับซ้อนเช่นนี้ได้อย่างเท่ียงตรงและเชื่อถือได้นน้ั กลุ่มผู้เชี่ยวชาญจ�ำเป็นต้องด�ำเนินการสืบเสาะหาความจริงเพ่มิ เตมิ จนได้ขอ้ มูลเชงิประจกั ษ์ท่พี อเพียง เพ่อื ร่วมอภปิ รายผลและร่วมตัดสนิ ใจภายใต้เวลาจ�ำกัดน้นั54 หลักสูตรการสัมมนาเชิงปฏิบตั กิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๒. การตดั สนิ โดยอาศัยความเชยี่ วชาญ (expert judgment) ความหมาย : เปน็ การประเมนิ ทอ่ี าศยั ทกั ษะความเชย่ี วชาญของบคุ คลหรอื กลมุ่ บคุ คลทไ่ี ดร้ บั การฝกึ ฝนหรอืมปี ระสบการณเ์ กี่ยวข้องกบั สงิ่ ที่ทําการประเมนิ โดยเฉพาะ ลกั ษณะทวั่ ไป : (ก) อาจถอื ไดว้ า่ เป็นรปู แบบการประเมินทเ่ี กา่ แกแ่ ละใช้กนั อยา่ งกวา้ งขวางมากทีส่ ุด (ข) อาศัยความเชี่ยวชาญ/ชํานาญการทางวชิ าชีพเป็นหลักในการตดั สินคุณค่าของสถาบนัแผนงาน/โครงการ ผลิตภัณฑ์/นวตั กรรม หรอื กจิ กรรม (ค) ใหค้ วามเช่ือมนั่ ในดลุ ยพนิ จิ ท่มี ีอตั วิสยั บนรากฐานความเช่ียวชาญทางวชิ าชีพ (ง) ผปู้ ระเมิน (มกั เป็นทมี หรอื หมู่คณะมากกว่าบุคคลเดียวที่อาจเชีย่ วชาญไมค่ รบทกุ ด้าน)ใช้ความเชีย่ วชาญ (ความรคู้ วามสามารถ และทกั ษะเฉพาะ) ที่เก่ียวขอ้ งกบั สงิ่ ท่ีประเมินในการตดั สนิคุณค่าหรือประเมินส่ิงน้ัน (หมายเหตุ: อาจใช้ความเช่ียวชาญจากผู้ประเมินหรือใช้จากบุคคลอื่น ๆขึน้ อยกู่ ับใครเปน็ ผู้ใหค้ วามเช่ยี วชาญทต่ี รงกบั สิ่งที่ประเมินมากท่ีสดุ ) (จ) เปน็ รปู แบบทม่ี กี ระบวนการประเมนิ ทผี่ ดิ แผกแตกตา่ งกนั ออกไป (นบั ตงั้ แตท่ ปี่ ระเมนิ เปน็ทางการโดยคณะบุคคลไปจนถงึ ประเมนิ อยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการโดยบคุ คลผู้เดยี ว) ฐานคดิ ความเช่ือ : เชอ่ื วา่ บคุ คลผมู้ คี วามเชยี่ วชาญเฉพาะดา้ นสามารถจําแนกและระบไุ ดว้ า่ ความสําคญั ยง่ิ เกย่ี วกบัส่ิงท่ีประเมินคืออะไร โดยใช้เทคนิคการแยกแยะคุณภาพของส่ิงนั้นอย่างละเอียด เชื่อว่าการจดจําในคุณภาพ (เชน่ รสชาต)ิ ของสิง่ ทีเ่ คยได้รับรู้ (gustatory memory) มากอ่ น ทําให้สามารถจําแนกสว่ นประกอบคณุ ภาพทมี่ คี วามละเอยี ดออ่ นและยากตอ่ การเขา้ ใจของสงิ่ ทป่ี ระเมนิ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมมักไม่ประเมนิ หรือตีคา่ สิง่ ที่ประเมินใด ๆ ในทางลบ แต่เปน็ กระบวนการทางการศึกษา (หรือเรยี นรู้)ท่ีมุ่งหมายให้บุคคลสามารถล่วงรู้ในคุณภาพและลักษณะที่อาจไม่สังเกตเห็นหรือแลเห็นคุณค่าของส่ิงทปี่ ระเมินน้นั แนวคดิ และหลักการ : • การประเมนิ สถานศกึ ษา (school evaluation) คือ วพิ ากษ์วจิ ารณส์ ถานศึกษา (schoolcriticism) • จดุ มุ่งหมายของการวิพากษ์วจิ ารณไ์ ม่ใชแ่ คก่ ารรวบรวมความเหน็ /มมุ มองต่าง ๆ ทั้งหมดโดยการสรปุ สาระลงดว้ ยถอ้ ยคําเพยี งขอ้ ความเดยี วเทา่ นนั้ แตเ่ ปน็ การขยายการรบั รใู้ หเ้ ปน็ ทเี่ ขา้ ใจอยา่ งกระจ่างชัดของบุคคลท่อี ยากทราบคุณคา่ ในสง่ิ ที่ประเมนิ นั้น • กระบวนการประเมนิ จากพหทุ ศั นมติ ิ (หลายมมุ มอง) ถอื วา่ เปน็ หลกั การสําคญั ของรปู แบบการประเมินโดยผเู้ ชย่ี วชาญหลกั สูตรการสัมมนาเชิงปฏิบตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมินคุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 55 และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
• การวิพากษ์วจิ ารณ์ทางการศึกษา (educational criticism) ต้องอาศัยความสามารถทางภาษาของผู้ประเมิน (evaluator as a connoisseur) ในการพรรณาคุณภาพและลักษณะของสิ่งท่ีประเมนิ อยา่ งชดั แจง้ และนา่ สนใจ (ตามทตี่ นรบั รแู้ ละเขา้ ใจอยา่ งชดั แจง้ ) ใหบ้ คุ คลอน่ื ๆ ทยี่ งั ไมส่ ามารถมองเห็นคณุ ภาพ (หรือคุณคา่ ) ในสิ่งนนั้ • การรบั รู้ (perception) ของผปู้ ระเมนิ โดยอาศยั ความเชย่ี วชาญ และการแสดงใหบ้ คุ คลอนื่ไดร้ บั รู้ (ในสงิ่ ทผ่ี ปู้ ระเมนิ รบั รูม้ าแลว้ ) ออกมาดว้ ยภาษา หรอื เครอ่ื งหมาย/สญั ลกั ษณ์ในรปู แบบตา่ ง ๆ(forms of representation) คือ แนวคดิ และหลกั การพื้นฐานของการประเมนิ รูปแบบนี้ • ผู้เชี่ยวชาญ (connoisseur) ในฐานะผู้ประเมินรับรู้และเข้าใจคุณค่า (appreciation)ในสิ่งที่ประเมินตามมมุ มองบนฐานความเชยี่ วชาญและประสบการณ์ส่วนตัว (private view) • ผู้วิพากษ์วิจารณ์ (critics) คือ ผู้ถอดความสิ่งท่ีประเมินตามท่ีตนรับรับรู้และเข้าใจในรูปภาษา (ท่สี ามารถเข้าถึงได้) ส่อื ความหมายดงั กลา่ วออกไปยังบคุ คลอื่นหรือสาธารณชน (public) เพื่อให้สามารถ“แลเห็น” ในสิง่ ทีป่ ระเมินน้นั อกี คร้ังดว้ ยศลิ ปะแหง่ การเปดิ เผยความจรงิ ทบ่ี คุ คลทวั่ ไปอาจไมร่ แู้ ละเข้าใจมากอ่ น (art of disclosure) วธิ ีการ : • ใช้ทกั ษะ/ความสามารถในการสังเกตของผปู้ ระเมนิ • มคี วามไวตอ่ การรบั รสู้ งิ่ ทีบ่ อบบาง/ซบั ซอ้ น ที่ยากแกก่ ารเข้าใจ (แต่มีความสําคญั ) • อาศยั ประสบการณ์ท่ชี ํานาญการก่อนหนา้ ในการเข้าถึงคณุ ค่าในสิ่งทป่ี ระเมนิ • ใช้การพจิ ารณาและทําความเขา้ ใจอย่างละเอียดประณีตในสิง่ ที่ประเมิน • ใชว้ ธิ กี ารเชงิ คณุ ภาพ (ดว้ ยภาษาหรอื รปู ภาพ) เพอื่ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ คณุ คา่ ในสงิ่ ประเมนิ เปน็หลกั (แตไ่ มไ่ ดป้ ฏเิ สธการใชต้ วั เลขเพอ่ื ประกอบการพรรณนาสงิ่ ทปี่ ระเมนิ ใหผ้ อู้ นื่ รบั รแู้ ละเขา้ ใจไดง้ า่ ย) • ดําเนินการด้วยรูปแบบ/วิธีการท่ียืดหยุ่น ไม่เป็นทางการ ไม่มีกฎเกณฑ์ สูตรสําเร็จมกั เกดิ ขนึ้ แบบฉับพลัน (มากกวา่ การวางแผน/กําหนดวธิ ีการเข้มงวดไวล้ ่วงหน้า) • เน้นรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมผัสสิ่งท่ีประเมิน โดยผ่านการตรวจเย่ียมหรือเข้าชม(site visit) เพื่อรับรู้และเขา้ ใจส่ิงท่ปี ระเมินด้วยประสบการณต์ รงของตนเอง • ขอ้ มลู หลกั ฐานทีแ่ สดงใหเ้ ห็นถึงความเช่อื มโยงระหว่างส่วนประกอบมติ สิ ําคญั ต่าง ๆ กบัการมีคณุ ค่าหรือคณุ ภาพของสิ่งท่ีประเมิน ผปู้ ระเมินรบั รแู้ ละเข้าใจได้จากความเชีย่ วชาญและแลเหน็ความสมั พนั ธ์เชงิ คุณภาพ (perception of qualitative relationships) และมีประสบการณเ์ ก่ยี วข้องถือว่าเปน็ สิ่งสําคัญในการประเมนิ • ข้อมูลหลักฐานในบทวิพากษ์วิจารณ์ (criticism) ท่ีสะท้อนทัศนะ/มุมมองเก่ียวกับส่ิงท่ีประเมนิ จากความเชย่ี วชาญและประสบการณข์ องผปู้ ระเมนิ ควรหลากหลาย (ไมจ่ ํากดั เฉพาะผปู้ ระเมนิรายใดรายหนึ่ง) ประธาน/หัวหน้าคณะผู้ประเมินควรตระหนักถึงเนื้อหาและรูปแบบของข้อความใน56 หลกั สูตรการสมั มนาเชิงปฏิบัติการพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
บทวพิ ากษว์ จิ ารณ์ โดยอาจเจาะลกึ บางประเดน็ หรอื ขยายมมุ มองใหก้ วา้ งขวางเปน็ ทเ่ี ขา้ ใจไดโ้ ดยทว่ั ไป(แทนที่จะตัดมุมมองใด ๆ ออกไป) • แมว้ า่ การประเมนิ โดยอิงผู้เช่ยี วชาญและการวพิ ากษว์ จิ ารณม์ กั ใช้วธิ ีการเชิงคณุ ภาพแตไ่ ม่ปฏเิ สธการใชว้ ธิ กี ารเชงิ ปรมิ าณ ถา้ การใชน้ น้ั ชว่ ยแสดงใหบ้ คุ คลทต่ี อ้ งการทราบผลการประเมนิ รบั รแู้ ละเข้าใจ ถึงคุณคา่ หรือคณุ ภาพของส่งิ ทป่ี ระเมนิ กระจ่างชดั ข้นึ (“แจม่ แจง้ เสมือนกับการเหน็ ด้วยสายตาของตนเอง”) การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศสมยั ใหม่ เชน่ คลปิ วดิ ทิ ศั น์ (Video clip) นอกจากการใชถ้ อ้ ยคําทางภาษาชว่ ยพรรณนาใหม้ องเหน็ คณุ ภาพชวี ติ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในชนั้ เรยี นและโรงเรยี นไดอ้ ยา่ งกระจา่ งชดัดว้ ยภาพ เสียง และการเคล่อื นไหว • การประเมนิ รูปแบบนมี้ ีจุดเนน้ ๔ มติ หิ ลัก คือ การพรรณนา การตคี วาม การประเมินคา่ และการสรปุ สาระสําคญั โดยทวั่ ไปจดุ เนน้ ทง้ั ๔ มติ มิ ลี กั ษณะบรู ณาการระหวา่ งกนั (จนยากจะแยกแยะออกเป็นข้ันตอนขาดจากกนั ) การเกบ็ รวบรวมข้อมลู : • ใช้กจิ กรรมการตรวจเยี่ยม (Site visit) • มีการระบุสารสนเทศทตี่ อ้ งการจําเปน็ • ตัง้ คําถามการประเมนิ ใช้การสมั ภาษณ์ระหว่างรวบรวมขอ้ มลู ณ พื้นที่การประเมิน • พัฒนาเครอื่ งมอื รวบรวมขอ้ มูล ณ พ้นื ท่ี เชน่ แบบการสมั ภาษณ์ แบบตรวจสอบรายการ • คัดเลอื กบคุ คลผู้ตรวจเย่ยี ม • การติดตอ่ สือ่ สารและจดั เตรียมกอ่ นการตรวจเยย่ี ม การด�ำ เนนิ การประเมนิ และตดั สนิ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญ การตดั สนิ โดยอาศยั ความเชย่ี วชาญเปน็ การพจิ ารณาใหน้ ำ�้ หนกั ความส�ำคญั แกห่ ลกั ฐานทมี่ อี ยู่เพอื่ ใหไ้ ด้ข้อสรปุ ที่สอดคลอ้ งกบั หลกั ฐานทป่ี รากฏ โดยผู้เช่ยี วชาญรายบุคคลหรือกลุ่มบุคคลทม่ี ที ักษะหรือ ได้รับการฝึกอบรม หรือมีประสบการณ์เฉพาะทางซึ่งเกี่ยวข้องกับสิ่งท่ีจะประเมิน ผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นผ้ทู มี่ ีเคร่อื งมอื ทางความคิด (mental tools) ทีจ่ �ำเป็นต่อการประเมนิ ได้แก่ ความรู้ในการเลือกหลักฐานท่ีจะน�ำมาใช้ในการตอบค�ำถามการประเมิน ความสามารถในการให้น�้ำหนักความส�ำคัญกับความถูกตอ้ งตรงประเด็นของหลักฐานตา่ ง ๆ และความสามารถในการตคี วามความส�ำคญั ของขอ้ เท็จจรงิ (facts) หรอื ขอ้ สนั นษิ ฐาน (assertions) ทเี่ กยี่ วขอ้ ง รวมทงั้ ความสามารถในการคดิ คน้ มมุ มองจากมวลขอ้ มลู สารสนเทศทอ่ี าจจะมขี อ้ จ�ำกดั หรอื ความขดั แยง้ ในตนเอง (self-conflicted) รวมอยดู่ ว้ ย การด�ำเนนิ การประเมินและตดั สินโดยผ้เู ชย่ี วชาญ มีรายละเอียด ดงั น้ี ๑) การก�ำหนดค�ำถามใหผ้ ูเ้ ชยี่ วชาญ (posing questions to the experts) ขั้นแรกของการพัฒนากระบวนการประเมินและตัดสินโดยผู้เชีย่ วชาญคอื การก�ำหนดวัตถปุ ระสงค์และผลิตภัณฑ์ท่พี ึงประสงค์ (desired products) การตดั สินสามารถพจิ ารณาไดจ้ ากหลักฐานตา่ ง ๆ ซ่ึงการตัดสินหลกั สตู รการสมั มนาเชิงปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผูป้ ระเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 57 และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
บางประเดน็ ตอ้ งอาศยั ขอ้ เทจ็ จรงิ ในขณะทบ่ี างประเดน็ ตอ้ งอาศยั คณุ คา่ (values) ดงั นน้ั ค�ำถามในการประเมินจึงมีบทบาทส�ำคัญต่อการตัดสินใจของผู้เช่ียวชาญ นอกจากน้ียังจ�ำเป็นต้องพัฒนาข้อความที่แสดงใหเ้ หน็ ประเดน็ การประเมนิ ตอ่ ผเู้ ชย่ี วชาญทเี่ รยี กกวา่ การก�ำหนดกรอบประเดน็ โดยการน�ำเสนอท่ีไมม่ อี คติ ทม่ี คี วามเปน็ อสิ ระจากความคดิ ความเชอ่ื ทมี่ อี ยเู่ ดมิ การเมอื ง และการอภปิ รายถงึ ผลทตี่ ามมาทอี่ าจมผี ลตอ่ การประเมนิ และตดั สนิ การก�ำหนดกรอบประเดน็ อาจใหภ้ มู หิ ลงั และอาจมเี งอ่ื นไขตา่ ง ๆท่ีรวมอยู่ด้วย กรอบประเด็นที่ก�ำหนดในรูปแบบข้อความที่จะเสนอต่อผู้เช่ียวชาญควรได้รับการตรวจสอบ โดยแนวทางที่ดที ่สี ุดคอื การตรวจสอบโดยผู้เชย่ี วชาญทไ่ี ม่ได้ มีส่วนรว่ มในกระบวนการก�ำหนดกรอบประเดน็ ๒) การคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญ (selecting the experts) การระบุผู้เช่ียวชาญจ�ำเป็นต้องก�ำหนดเกณฑค์ วามเชี่ยวชาญที่สามารถวัดได้ โดยทว่ั ไปผูเ้ ชี่ยวชาญคอื ผู้ท่มี หี รอื ถกู กล่าวถึงว่ามคี วามรเู้ กย่ี วกับข้อมูล รูปแบบ หลกั เกณฑ์ท่ีดีเลิศในสาขาวิชาเฉพาะ ซง่ึ พจิ ารณาไดจ้ ากตวั บง่ ชีค้ วามรู้ ไดแ้ ก่งานวิจยั ทมี่ กี ารตีพิมพห์ รอื ได้รับทนุ สนับสนนุ การอา้ งองิ ผลงาน ปรญิ ญา รางวัล ต�ำแหนง่ การแนะน�ำหรือได้รับการเสนอชื่อจากบุคคลท่ีน่าเชื่อถือ การเป็นคณะกรรมการต่าง ๆ เป็นต้น นอกจากน้ีแล้วผเู้ ชย่ี วชาญยงั ตอ้ งมคี ณุ สมบตั เิ พมิ่ เตมิ บางประการ เชน่ ผเู้ ชย่ี วชาญจะตอ้ งไมม่ คี วามล�ำเอยี งตอ่ สง่ิ จงู ใจ(motivational biases) ไมว่ ่าจะเปน็ ดา้ นเศรษฐกิจ การเมือง หรอื ผลประโยชนอ์ ่ืนใดทีม่ ตี อ่ การตดั สินอาจใช้ผู้เชี่ยวชาญภายในหรือผู้เช่ียวชาญภายนอกทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของความล�ำเอียงต่อส่ิงจูงใจผเู้ ชย่ี วชาญตอ้ งมคี วามเข้าใจตอ่ กระบวนการด�ำเนนิ งานโครงการ นอกจากนผ้ี เู้ ชย่ี วชาญควรเตม็ ใจทจ่ี ะเขา้ ร่วมประเมนิ และตัดสินผลและควรตอ้ งรับผดิ ชอบตอ่ ผลการตดั สินนั้นด้วย นอกจากความเชยี่ วชาญทใี่ ชเ้ ปน็ เกณฑใ์ นการก�ำหนดบคุ คลผเู้ ชยี่ วชาญแลว้ จ�ำเปน็ ตอ้ งก�ำหนดจ�ำนวนของผเู้ ชย่ี วชาญที่ใช้ในการประเมนิ และตัดสิน โดยจ�ำนวนผู้เชี่ยวชาญท่เี หมาะสมอาจ ใช้ ๓-๕คน หรอื ๓-๗ คน ขน้ึ อยกู่ บั ความซับซอ้ นของประเด็นและบริบทที่เกี่ยวข้อง โดยเลือกผู้เช่ียวชาญทีม่ ีภูมหิ ลังความรบั ผิดชอบ สาขาท่ีศกึ ษา และอืน่ ๆ ทแ่ี ตกต่างกนั เพอ่ื ใหเ้ กิดความแตกตา่ งระหว่างความเช่ือ และควรจะเลือกให้ครอบคลุมสาขาวิชาที่จ�ำเป็นต่อการประเมินและตัดสินผลเพ่ือป้องกันปัญหาความทับซ้อนกนั ของผู้เชย่ี วชาญ ๓) คณุ ภาพของการประเมนิ และตดั สนิ (the quality of judgments) เน่อื งจากการตัดสินมคี วามเปน็ อตั นยั เป็นเร่อื งสว่ นบคุ คล และแตกตา่ งกนั ระหว่างบคุ คลและชว่ งเวลา การตดั สนิ ท่ีถอื ว่าถกู ตอ้ งจงึ ตอ้ งอาศยั ขอ้ มลู หลกั ฐานทเ่ี ชอ่ื ถอื ได้ โดยการประเมนิ และตดั สนิ อาจเลอื กใชเ้ ทคนคิ การตรวจสอบขอ้ มลู สามเสา้ (data triangulation) ส�ำหรบั ตรวจสอบความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มลู โดยการพสิ จู นว์ า่ขอ้ มูลหลกั ฐานทีไ่ ดม้ านั้นถูกตอ้ งหรอื ไม่ โดยตรวจสอบแหล่งที่มา ๓ แหลง่ ไดแ้ ก่ เวลา สถานที่ และบคุ คล ๓.๑) การตรวจสอบแหลง่ เวลา หมายถงึ การตรวจสอบว่า ขอ้ มลู หลกั ฐานอยใู่ นชว่ งเวลาตา่ งกัน หรอื เหมอื นกนั ถ้าเหมือนกนั ควรตรวจสอบในชว่ งเวลาทต่ี า่ งกนั ดว้ ย58 หลกั สตู รการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผูป้ ระเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๓.๒) การตรวจสอบสถานที่ หมายถงึ การตรวจสอบขอ้ มลู หลกั ฐานอยใู่ นสถานทเี่ ดยี วกนัหรอื ไม่ หากมาจากสถานทเ่ี ดยี วกนั มผี ลออกมาเหมอื นกนั ผวู้ จิ ยั ควรตรวจสอบในแหลง่ สถานทท่ี แ่ี ตกตา่ ง ๓.๓) การตรวจสอบบุคคล หมายถึง ถ้าบุคคลผใู้ ห้ขอ้ มลู เปลีย่ นไป ข้อมลู จะเหมอื นเดมิหรือไม่ *** การตรวจสอบสามเสา้ ด้านวธิ รี วบรวมข้อมูล (methodological triangulation) คอืการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู หลกั ฐานโดยวธิ กี ารตา่ งกนั เพอ่ื รวบรวมขอ้ มลู เรอื่ งเดยี วกนั โดยอาจใชก้ ารสงั เกตควบคกู่ บั การซกั ถาม หรอื ศกึ ษาข้อมลู เพ่มิ เติมจากแหลง่ เอกสาร หรือท�ำการซกั ถามผใู้ หข้ ้อมูลส�ำคัญ ๔) การรวมผลการประเมินและตัดสินโดยอาศัยความเช่ียวชาญ (combining expertjudgements) การประเมนิ และตดั สนิ โดยผเู้ ชยี่ วชาญอาจพบวา่ ผลการประเมนิ และตดั สนิ แตกตา่ งกนัจึงจ�ำเป็นตอ้ งมีการรวมผลการประเมนิ และตัดสินท่ไี ด้จากผเู้ ชยี่ วชาญต่าง ๆ เพื่อสรปุ ผลการประเมนิวิธีการท่ีใช้รวมผลการประเมินและตัดสิน (aggregation methods) มี ๒ ประเภท คือ วิธีการทางด้านคณิตศาสตร์ (mathematical approaches) และวิธีการทางด้านพฤติกรรม (behavioralapproaches) โดยวิธีการด้านทางคณิตศาสตร์จะใช้กฎหรือสูตรในการค�ำนวณเพ่ือหาฉันทามติส่วนวธิ กี ารทางดา้ นพฤตกิ รรม เกย่ี วขอ้ งกบั การเจรจาตอ่ รองเพอ่ื ใหไ้ ดต้ วั แทนหรอื ฉนั ทามตจิ ากกลมุ่ โดยใช้เทคนคิ ตา่ ง ๆ เช่น เทคนคิ เดลฟาย เทคนิคกลมุ่ สมมตนิ ยั (nominal group technique) หรอื ใช้การเจรจาต่อรองโดยผู้อ�ำนวยความสะดวก (facilitator) พูดคุยอภิปรายกับผู้เช่ียวชาญเก่ียวกับประเด็นปัญหาที่เกิดข้ึน ผู้อ�ำนวยความสะดวกมีหน้าท่ีดึงข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญและตีความเพื่อให้ได้ฉันทามติพยานหลกั ฐานต่าง ๆ ท่แี สดงถงึ ภมู ิปัญญารวมของกล่มุ ผเู้ ชยี่ วชาญ ๕) ขอ้ ควรพจิ ารณาในการวางแผนการประเมนิ และตดั สนิ โดยอาศยั ความเชย่ี วชาญ (expertjudgment designs) การวางแผนการประเมินและตัดสินโดยอาศัยความเช่ียวชาญนอกจากจะต้องพิจารณาเก่ียวกับการระบุประเด็นการประเมินและการคัดเลือกผู้เช่ียวชาญยังมีข้อควรพิจารณาที่เกย่ี วข้อง ดังนี้ ๕.๑) การมปี ฏิสัมพนั ธ์และการแลกเปลีย่ นข้อมูลสารสนเทศระหวา่ งผเู้ ชย่ี วชาญ ๕.๒) ประเภทและปริมาณของข้อมลู สารสนเทศเบ้ืองต้นท่ีจัดเตรียมใหแ้ กผ่ ู้เชี่ยวชาญ ๕.๓) เวลาและทรพั ยากรท่ีจะจัดสรรให้เพื่อเตรยี มความพร้อมในการประเมิน ๕.๔) สถานท่ีในการประเมินและตัดสิน ๕.๕) การฝึกอบรมให้ความรแู้ ก่ผ้ทู �ำหน้าทีป่ ระเมนิ และตดั สิน ๕.๖) ความเชื่อมโยงของผลการประเมินและตัดสินกับรายช่ือของผู้เชี่ยวชาญ และการคมุ้ ครองผลการประเมนิ และตดั สินหลกั สูตรการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ตั ิการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคณุ ภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 59 และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ขอ้ ดแี ละข้อจำ�กดั ขอ้ ด:ี • สามารถด�ำเนินการได้อยา่ งรวดเร็ว • ใชท้ รัพยากรและเวลาในการด�ำเนนิ การไม่มาก • ใหผ้ ลการประเมนิ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเชอื่ ถอื ได้ (อาจเทยี บเทา่ กบั การประเมนิ ดว้ ยรปู แบบอน่ื ทใ่ี ช้ทรพั ยากรมากกว่า) ขอ้ จำ�กดั : • มลี กั ษณะเปน็ อตั วสิ ยั (ขน้ึ อยกู่ บั มมุ มองและประสบการณข์ องผปู้ ระเมนิ แตล่ ะคนหรอื คณะ) • มีความเสี่ยงต่อการเกิดความคลาดเคล่ือนหรือความล�ำเอียงตามมุมมองส่วนบุคคลข้อจ�ำกัดดา้ นเวลาและทักษะการประเมินและแรงกดดัน/เปา้ หมายทางการเมือง • ยากต่อการวัดค่าประเมินในเชิงปริมาณเพื่อส่ือความให้ผู้บริหารหรือผู้อ่านที่มีภูมิหลังในเชงิ ปริมาณเขา้ ใจและเหน็ คณุ ค่า๓. การประเมนิ โดยวธิ พี ชิ ญพจิ ารณ์ หรอื การทบทวนโดยบคุ คลระดบั เดยี วกนั (Peer review) Peer review หรอื ศพั ทบ์ ัญญัตใิ ช้ค�ำว่า พชิ ญพิจารณ์ เป็นกระบวนการตรวจเยีย่ ม ติดตามประเมิน โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสารถ และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานที่คล้ายกัน เพอื่ รว่ มกนั วเิ คราะห์ และให้ข้อสังเกต ขอ้ เสนอแนะ เชงิ พฒั นาในการปฏิบตั งิ าน โดยมนี กัวิชาการ หนว่ ยงานได้ใหแ้ นวคิด ความหมาย ดังนี้ พชิ ญพจิ ารณใ์ นการประกนั คณุ ภาพ หมายถงึ กระบวนการตรวจสอบความเหมาะสมของการบรหิ ารจดั การศกึ ษาตามเกณฑม์ าตรฐาน ผทู้ �ำหนา้ ทพ่ี ชิ ญพจิ ารณเ์ ปรยี บเสมอื นเพอ่ื นทม่ี คี วามปรารถนาดตี อ่ สถานศึกษา มีความรู้ความสามารถ มใี จเป็นกลาง ปราศจากอคติในการพิจารณ์ ไมม่ สี ว่ นได้สว่ นเสียกับส่ิงท่ีเข้าไปพิจารณ์ และให้ผลป้อนกลับในการประเมินที่น�ำไปสู่การพัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้นด้วยทา่ ทีที่เปน็ มติ ร โมเดลพชิ ญพจิ ารณ์ มี ๓ โมเดล ไดแ้ ก่ โมเดลการประเมนิ (evaluation model) โมเดลการพัฒนา (development model) และโมเดลความร่วมมือรวมพลัง (collaborative model)สองโมเดลแรกผปู้ ระเมนิ หรอื ผทู้ �ำหนา้ ทพี่ ชิ ญพจิ ารณจ์ ะมบี ทบาทเหนอื กวา่ ผถู้ กู ประเมนิ ดว้ ยความเปน็ผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ มี่ ปี ระสบการณส์ งู สามารถใชค้ วามช�ำนาญของตนเองในการตดั สนิ คณุ ภาพของการปฎบิ ตั ิงานผู้อ่นื ตา่ งกนั ทโ่ี มเดลแรกเน้นการตัดสนิ คณุ ภาพตามแบบไดต้ กมากกวา่ โมเดลที่สอง ซึ่งเนน้ การให้ข้อมูลเพื่อการปรับปรุงพัฒนาจากการวิเคราะห์หรือวินิจฉัยของผู้ประเมิน ความรู้สึกเป็นเจ้าของผลการประเมนิ ในกล่มุ ของผถู้ กู ประเมนิ จะไมม่ ใี นสองโมเดลนี้ เนื่องจากผ้รู บั การประเมินจะเปน็ ผรู้ บั ฟังผลการประเมนิ โดยไมไ่ ดม้ สี ว่ นรว่ มในการประเมนิ เหมอื นโมเดลทส่ี าม คอื โมเดลความรว่ มมอื รวมพลงั60 หลักสตู รการสัมมนาเชิงปฏบิ ัติการพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คุณภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ลักษณะของพิชญพิจารณ์ที่พึงประสงค์ควรเป็นแบบความร่วมมือรวมพลัง (collaborativepeer-supported review) เป็นการพิจารณ์แบบเปิด ยืดหยุ่น และกระบวนการไม่เป็นแบบส่ังการเปิดโอกาสให้มีการเรียนรู้เกิดข้ึน ผลการประเมินจะไม่ช้ีขาดจากมุมมองของตนเองฝ่ายเดียว ให้ผู้รับการประเมินแต่ละคนมีโอกาสเลือกและสร้างเส้นทางตามความรู้ท่ีตนเองมีอยู่ กระบวนการแบบนี้จะสนับสนนุ ให้มกี ารสะทอ้ นเชงิ วพิ ากษ์ ท�ำใหแ้ ตล่ ะคนใหค้ วามส�ำคัญกับการจดั การศกึ ษาตามมาตรฐานท่ีสง่ ผลกระทบตอ่ การพฒั นาคณุ ภาพของสถานศึกษา โดยภาพรวม พิชญพจิ ารณเ์ ป็นกระบวนการที่เกดิ จากความต้องการของผู้ท่ีเกย่ี วข้องกบั การบริหารจัดการศึกษา ท่ีต้องการได้ข้อมูลสะท้อนเชิงวิชาการ เพ่ือน�ำไปใช้ในการปรับปรุงการจัดการศึกษาหรือการปฏิบัติงาน การพิจารณ์เป็นกระบวนการท่ีท�ำให้มองเห็นปัญหาและแนวทางแก้ไขโดยอิงประสบการณ์ของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย การพิจารณ์ท่ีจะมีประสิทธิผลจึงต้องเกิดจากการเห็นคุณค่าของการไดข้ อ้ มลู สะทอ้ นทชี่ ว่ ยในการปรบั ปรงุ พฒั นา จงึ ไมค่ วรเปน็ กระบวนการทเี่ กดิ จากการถกู บงั คบัหรือสงั่ การใหต้ อ้ งท�ำ เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายของกระบวนการพิชญพิจารณ์ จึงต้องมีการส่ือสารเพ่ือช้ีให้เห็นประโยชนท์ จ่ี ะไดจ้ ากการพจิ ารณ์ ผทู้ ที่ �ำหนา้ ทพี่ ชิ ญพจิ ารณต์ อ้ งมคี วามรแู้ ละประสบการณใ์ นการท�ำงานในลกั ษณะเดยี วกบั ผถู้ กู พจิ ารณ์ ในกรณขี องการพจิ ารณก์ ารประเมนิ คณุ ภาพภายใน ควรเปน็ บคุ คลทอี่ ยู่บรบิ ทเดยี วกนั หรอื สมั พนั ธก์ บั สถานศกึ ษาทจี่ ะไปพจิ ารณ์ เปน็ ผมู้ คี ณุ สมบตั เิ หมาะสมเปน็ ไปตามเกณฑ์ท่กี �ำหนด ผา่ นการพฒั นาใหเ้ ปน็ ผู้เขา้ ใจบทบาทหน้าทแ่ี ละการปฏบิ ัติงานในกระบวนการพิชญพิจารณ์เป็นผู้ท่ีมใี จเปน็ กลาง ปราศจากอคติในการพิจารณ์ ไมม่ ีส่วนได้สว่ นเสียกบั สถานศึกษาทเี่ ข้าไปพจิ ารณ์ การประเมนิ แบบพชิ ญพจิ ารณ์ เปน็ การประเมนิ แบบเพอื่ นรว่ มวชิ าชพี ทเ่ี ปน็ กลั ยาณมติ ร ผเู้ ปน็เพือ่ นจะใหข้ ้อมูลแบบตรงไปตรงมา จรงิ ใจ ปราศจากอคติ และต้องมัน่ ใจวา่ ตนเองในฐานะผู้ประเมนิมีความสามารถในการประเมนิ จริง ที่ส�ำคญั ต้องเขา้ ใจบริบทของสถานศกึ ษา เพอ่ื จะได้ใหค้ �ำแนะน�ำท่ีเหมาะสม น�ำไปปฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ผลดตี อ่ การพฒั นาคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษานน้ั ๆ ได้ ทงั้ นี้ ตอ้ งใหค้ วามส�ำคัญกับการรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผู้ถูกประเมินดว้ ย การทํา Peer Review เปนเรื่องละเอียดออน ควรมีการทําความเขาใจอยางถองแทถึงประโยชนท จี่ ะไดร บั มงุ เนน เรอ่ื งการใหข อ มลู ยอ นกลบั อยางสรางสรรคเ พอ่ื นําไปพฒั นาตนเอง เนน การทํางานในฐานะกัลยาณมิตร เปนตน ขอควรระวังเหลานี้จะไมเปนอุปสรรคเลย หากทุกคนมองเห็นเปาหมายรวมกัน คอื การบริหารจดั การศกึ ษา และจัดประสบการณการเรียนรูที่ดแี ละมีคุณภาพเพ่ือผเู้ รยี นใหส มกบั คําวาการจัดการศกึ ษาท่ีเนนผูเรยี นเปน สําคญัหลกั สตู รการสัมมนาเชิงปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 61 และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
การทบทวนระดบั เดยี วกนั (Peer review) หรอื การทบทวนโดยผรู้ เู้ สมอกนั เปน็ การประเมนิงานโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลท่ีมีความช�ำนาญคล้ายกับคนที่ท�ำงานนั้น เป็นระบบควบคุมกันเองโดยสมาชกิ วชิ าชพี ทม่ี คี ณุ สมบตั คิ วามสามารถในสาขาทเ่ี ขา้ ประเดน็ กนั เปน็ วธิ ที ใี่ ชเ้ พอ่ื รกั ษามาตรฐานทางคณุ ภาพ เพอื่ เพมิ่ คณุ ภาพ และเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเชอื่ ถอื ในงาน ภายในกลมุ่ นกั วชิ าการ เปน็ วธิ กี ารก�ำหนดวา่ งานวิชาการนน้ั สมควรจะตพี มิ พ์หรอื ไม่ เปน็ เรอ่ื งทจี่ ดั หมวดหม่ไู ด้ตามชนดิ ของงาน หรอื ตามอาชีพเชน่ การทบทวนระดับเดียวกันทางการแพทย์ การทบทวนโดยนักวิชาการระดับเดียวกัน (Scholarly peer review หรือ refereeing)เปน็ กระบวนการตรวจสอบงานวชิ าการ งานวจิ ยั หรอื แนวคดิ โดยนกั วชิ าการในสาขาเดยี วกนั กอ่ นทจี่ ะตีพมิ พง์ านในวารสารวชิ าการหรอื ในหนงั สอื การทบทวนจะชว่ ยผตู้ พี มิ พ์ ซง่ึ กค็ อื หวั หนา้ บรรณาธกิ ารหรอืคณะบรรณาธิการ ตดั สนิ ใจว่างานนน้ั ควรจะรับ หรอื รบั ได้ถ้ามกี ารแกไ้ ข หรือปฏิเสธ เปน็ กระบวนการทีต่ อ้ งมีกลุ่มผู้เชีย่ วชาญในสาขานั้น ๆ (ซึง่ บางคร้ังจ�ำกัดอยา่ งแคบ ๆ) ผู้มีคุณสมบตั แิ ละสามารถท�ำงานทบทวนอยา่ งเปน็ กลาง ๆ ไดโ้ ดยระดับหนงึ่ แต่วา่ การทบทวนทเ่ี ป็นกลาง ๆ โดยเฉพาะในงานทีม่ ีการจ�ำกดั อยา่ งไมช่ ดั เจน หรอื เปน็ งานหลายสาขาวชิ า อาจเปน็ เรอื่ งยาก และแนวคดิ ใหม่ ๆ ทสี่ �ำคญั อาจจะไมไ่ ดก้ ารยอมรบั จากคนรนุ่ เดยี วกนั การทบทวนโดยนกั วชิ าการระดบั เดยี วกนั เปน็ สง่ิ จ�ำเปน็ เพอ่ื คณุ ภาพทางวชิ าการ และใชใ้ นวารสารวชิ าการสาขาวทิ ยาศาสตรโ์ ดยมาก แตไ่ มไ่ ดช้ ว่ ยปอ้ งกนั การพมิ พง์ านวจิ ยัทไี่ มเ่ ปน็ จรงิ ทงั้ หมด โดยปกตแิ ลว้ การทบทวนจะท�ำแบบนริ นาม แตว่ า่ ในปจั จบุ นั มงี านทบทวนท�ำแบบเปดิ เป็นจ�ำนวนพอสมควร โดยทผี่ ู้อา่ นจะเหน็ ข้อคิดเหน็ ของผทู้ บทวน โดยแสดงชอ่ื ของผ้ทู บทวนด้วย๔. การประเมนิ บนพน้ื ฐานของหลกั ฐาน (evidence-based assessment) การประเมนิ บนพนื้ ฐานของหลกั ฐาน (evidence-based assessment) เปน็ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล สังเคราะห์ และตีความข้อมูลจากหลักฐานท่ีมีความน่าเชื่อถือซ่ึงเป็นองค์ประกอบที่ส�ำคัญในการตัดสินใจผ้ปู ระเมินจงึ ตอ้ งสบื ค้น วเิ คราะห์ และน�ำขอ้ มลู หลกั ฐานทม่ี ีความชัดเจน มีเหตมุ ีผลไปใช้ประกอบการพิจารณาและการตัดสินคุณคา่ อย่างรอบคอบ หลักฐานเชิงประจักษ์ คือ ขอมูล ความรู้ ข้อเท็จจริง แนวทางปฏิบัติที่ไดรับการยอมรับท่สี งั เกตหรอื พสิ ูจนห์ รอื ยนื ยันได้ หรือผลงานวจิ ัยที่มีการประเมนิ คาดวยกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ความรู้ทผ่ี ่านการทดลองใช้หรอื พิสจู น์ในทางปฏิบัตแิ ลว้ สมมติฐานทางทฤษฎที ่ีไดร้ บั การพิสูจน์ยืนยันว่าเปน็ ความจรงิ โดยมขี อ้ มูลหรอื หลักฐานประกอบการยืนยนั เพอ่ื นํามาชวยในการตัดสนิ ใจในการปฏบิ ัตงิ าน โดยคํานงึ ถงึ ประสิทธภิ าพ และประสทิ ธผิ ลและเปน ทพี่ งึ พอใจของผทู ี่เกยี่ วขอ ง62 หลักสูตรการสมั มนาเชิงปฏบิ ตั ิการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ อาจไดม้ าดว้ ยวธิ ีการตา่ ง ๆ เชน่ การสังเกต การสมั ภาษณ์ การตรวจสอบเอกสารหลกั ฐาน หรอื ใชห้ ลายวธิ ปี ระกอบกนั เพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทมี่ คี วามถกู ตอ้ งมากทส่ี ดุ ในลกั ษณะของการตรวจสอบสามเส้า (triangulation) โดยใช้แหล่งข้อมูลต่างกัน ช่วงเวลาในการเก็บข้อมูลหรือวธิ กี ารเก็บขอ้ มูลต่างกัน ดังน้นั ผปู้ ระเมนิ จงึ ต้องมีทักษะในการจ�ำแนก รวบรวม และน�ำหลักฐานมาใชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสมตามจุดมุง่ หมายการประเมิน ผู้ประเมินอาจใช้ขอ้ ค�ำถามตอ่ ไปนป้ี ระกอบการพจิ ารณาตัดสินใจเลอื กหลักฐาน ๑. ขอ้ มลู หรอื หลักฐานทีจ่ ะใชค้ ืออะไร จะใช้ประกอบการประเมนิ ได้อยา่ งไร ๒. หลกั ฐานมีความถกู ตอ้ งนา่ เช่อื ถือหรือไม่ เพยี งใด ๓. เหตผุ ลแนวคิดเบอื้ งหลงั ในการเลือกหลักฐานนน้ั ๆ คอื อะไร ความนา่ เชอื่ ถอื ของหลกั ฐาน สามารถแบ่งได้หลายระดับ ดงั นี้ ๑. ความนา่ เชอ่ื ถอื นอ้ ย เชน่ ขอ้ มลู จากการบอกเลา่ หรอื ประสบการณส์ ว่ นตวั หรอื ขอ้ คดิ เหน็จากผู้เชยี่ วชาญ อยา่ งไรก็ตามข้อมลู เหลา่ น้ีอาจะเปน็ ประโยชนส์ �ำหรบั การศึกษาตอ่ ไป ๒. ความน่าเช่อื ถือปานกลาง เชน่ ผลการวิจยั ทที่ �ำเฉพาะกลุ่ม ไมม่ ีตวั เทยี บ (case study)การศกึ ษาแบบนี้อาจเกิดอคติได้ง่าย ๓. ความน่าเชือ่ ถอื สงู คอื ข้อมลู ที่ได้จากการศึกษาวจิ ัยทม่ี ีการสุ่มตวั อย่าง ควบคุมตัวแปรการศกึ ษาแบบน้ีจะไมจ่ �ำเพาะเจาะจง และจะมกี ารเปรียบเทียบค่อนขา้ งดีกวา่ แบบท่ี ๒ ขัน้ ตอนการประเมินบนพ้ืนฐานของหลักฐาน ๑. ระบุประเด็นการประเมิน เช่น ผลสัมฤทธ์ิของผู้เรียน ภาวะผู้น�ำของผู้บริหาร ระบบการวัดและประเมินผล การน�ำผลการประเมินไปใช้ ๒. ก�ำหนดหลกั ฐานท่ใี ชใ้ นการประเมนิ ทีเ่ ปน็ ไปได้ท้ังหมด ๓. ตรวจสอบความถูกตอ้ ง นา่ เช่อื ถอื ของหลกั ฐาน ๔. คดั เลือกหลกั ฐานท่ดี ที ่สี ดุ เพอ่ื ประกอบการพจิ ารณาตดั สิน ๕. พิจารณาตัดสนิ คุณค่าโดยเชื่อมโยงหลกั ฐานกบั ประเดน็ การประเมินหลกั สูตรการสัมมนาเชิงปฏบิ ตั ิการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 63 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
สอื่ รายการท่ี ๑/๓ ใบกิจกรรมที่ ๑.๒ สรปุ องคค์ วามรแู้ นวคดิ หลกั การดำ�เนินงานการประเมนิ คุณภาพภายในแนวใหม่ ค�ำชแ้ี จง งานกลุม่ ๑) แบง่ กลมุ่ ผเู้ ขา้ รว่ มสมั มนา กลมุ่ ละ๓-๖คนศกึ ษาเอกสาร ความรู้เกี่ยวกับการประเมินคุณภาพสถานศึกษา ตามแนวทางการประเมินคุณภาพภายในแนวใหม่ ๒) ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ วเิ คราะหแ์ ละอภปิ ราย แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ เกยี่ วกบั การประเมนิ คณุ ภาพสถานศกึ ษาตามแนวทาง การประเมินคุณภาพภายในแนวใหม่ ประกอบดว้ ย O การประเมนิ แบบองคร์ วม (holistic assessment) O การตดั สนิ โดยอาศยั ความเชยี่ วชาญ (expert judgment) O การประเมินโดยวิธีพิชญพิจารณ์ หรือการทบทวน โดยบคุ คลระดับเดียวกัน (peer review) O การประเมนิ จากหลักฐานเชิงประจักษ์ (evidence based assessment) โดยอภิปรายในประเด็น หลักการ และการนำ�ไปใช้ อยา่ งไรในการประเมนิ พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ ๓) ให้แต่ละกลุ่มสรุปเป็นแผนผังความคิดเกี่ยวกับการ ประเมนิ คณุ ภาพสถานศกึ ษาตามแนวทางการประเมนิ คณุ ภาพภายในแนวใหม่ ๔) กจิ กรรมนีใ้ ชเ้ วลา ๔๕ นาที64 หลกั สูตรการสัมมนาเชิงปฏิบัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
รายชอื่ สมาชิก กลุ่มท่ี .........๑. ช่อื -สกลุ .........................................สพป/สพม./หน่วยงาน ....................................... เลขที่ ............๒. ชอ่ื -สกลุ .........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขที่ ............๓. ชื่อ-สกลุ .........................................สพป/สพม./หน่วยงาน ....................................... เลขท่ี ............๔. ชอ่ื -สกลุ .........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขท่ี ............๕. ชอื่ -สกลุ .........................................สพป/สพม./หน่วยงาน ....................................... เลขท่ี ............๖. ช่อื -สกุล.........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขที่ ............สรุปองค์ความรู้ แนวคดิ หลักการดำ�เนินงานการประประเมินคณุ ภาพภายในแนวใหม่O การประเมินแบบองคร์ วม (holistic assessment)O การตดั สินโดยอาศยั ความเชย่ี วชาญ (expert judgment)O การประเมินโดยวธิ พี ิชญพิจารณ์ หรือการทบทวนโดยบคุ คลระดบั เดยี วกนั (peer review)O การประเมนิ จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ (evidence based assessment)หลกั การ..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................การน�ำไปใช้....................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................หลกั สูตรการสมั มนาเชิงปฏบิ ตั กิ ารพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 65 และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
MIND MAPPING66 หลกั สูตรการสมั มนาเชิงปฏบิ ัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
หนว่ ยท่ี ๒มาตรฐานการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน ตามกฎกระทรวง การประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑วตั ถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการสัมมนามีความรู้ความเข้าใจกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ และมาตรฐานการศึกษาข้ันพื้นฐานท้ังสามระดับ (มาตรฐานการศึกษาระดับปฐมวัย ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานศูนย์การศึกษาพิเศษ และการจัดท�ำมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาเน้ือหา- กฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑- มาตรฐานการศกึ ษาระดบั ปฐมวยั- มาตรฐานการศกึ ษาระดบั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน- มาตรฐานการศกึ ษาระดบั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานศนู ยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษกิจกรรม- ตรวจสอบมโนทศั น์ (๒๐ นาท)ี- ฟังบรรยาย (๖๐ นาที)- ศึกษาสอ่ื เอกสารเสริมความรู้ การปฏิบัตงิ านกล่มุ และการแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ (๖๐ นาท)ี- การน�ำ เสนอผลงานและสะท้อนผลการปฏบิ ตั ิงาน (๔๐ นาท)ีรูปแบบกิจกรรม- ตรวจสอบมโนทศั น์- ฟังบรรยาย/ชมคลิปวดี ีโอ- ศึกษาเอกสารเสริมความรู้- ทำ�กิจกรรมใบงาน- แลกเปลยี่ นเรียนรแู้ ละสะทอ้ นผลการปฏบิ ตั งิ านหลกั สตู รการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 67 และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
หลักสตู รและกิจกรรมหน่วยท่ี ๒ เรอื่ ง มาตรฐานการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑๑. สาระส�ำ คญั “มาตรฐานการศกึ ษา” เปน็ ขอ้ ก�ำหนดเกย่ี วกบั คณุ ลกั ษณะ คณุ ภาพทพี่ งึ ประสงค์ เพอ่ื ใชเ้ ปน็หลกั ในการเทยี บเคียง ส�ำหรบั ส่งเสริม ก�ำกับดูแล ตรวจสอบ ประเมินผล และเพือ่ การประกนั คณุ ภาพการศึกษา สถานศึกษาแต่ละแห่งจัดท�ำมาตรฐานการศึกษาสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานการศกึ ษาแตล่ ะระดบั และประเภทการศกึ ษา และจดั ใหม้ รี ะบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาภายในสถานศึกษา โดยมีกลไกในการตรวจสอบระบบบริหารคุณภาพการศึกษาท่ีสถานศึกษาจัดขึ้น จัดท�ำแผนพฒั นาการจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษาทม่ี งุ่ คณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาและด�ำเนนิ การตามแผนท่ีก�ำหนดไว้ จดั ใหม้ กี ารประเมนิ ผลและตรวจสอบคณุ ภาพการศกึ ษาภายในสถานศกึ ษา เพอื่ พฒั นาสถานศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา เน้นการประเมินเชิงคุณภาพตามบริบทของสถานศึกษา สะท้อนคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาได้ชัดเจนเพ่ือให้เกิดการพัฒนาและสร้างความเช่ือมั่นให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและสาธารณชนว่าสถานศึกษาน้ันสามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาและบรรลุเป้าประสงคข์ องหนว่ ยงานต้นสังกดั หรอื หน่วยงานทีก่ �ำกบั ดูแล และจัดส่งรายงานผลการประเมินตนเองให้แก่หน่วยงานต้นสังกัดหรือหน่วยงานท่ีก�ำกับดูแลสถานศึกษาเป็นประจ�ำทกุ ปี๒. วตั ถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ารับการสัมมนามีความรู้ความเข้าใจกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ และมาตรฐานการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานทงั้ สามระดบั (มาตรฐานการศกึ ษาระดบั ปฐมวยั ระดบัการศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานศูนย์การศึกษาพิเศษ และการจัดท�ำมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา๓. รูปแบบการจดั กิจกรรม ๓.๑ การตรวจสอบมโนทัศน์ ๓.๒ การฟังบรรยายจากวทิ ยากร68 หลกั สูตรการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผู้ประเมนิ คุณภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๓.๓ การศกึ ษาเอกสารเสรมิ ความรู้ ๓.๔ การแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ๓.๕ การปฏิบตั ิงานกล่มุ ๓.๖ การน�ำเสนอผลงานและการสะท้อนผล๔. ข้นั ตอนการจัดกิจกรรม ขนั้ ตอน ระยะเวลา สือ่ และเอกสารประกอบ๑. ตรวจสอบมโนทศั น์ ๒๐ นาที ใบกจิ กรรมที่ ๒.๑ ตรวจสอบมโนทัศน์ จ�ำนวน ๑๕ ข้อ๒. ฟงั การบรรยาย ๖๐ นาที powerpoint เรื่อง มาตรฐานการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานจากวิทยากร เพอื่ การประกนั คุณภาพภายในของสถานศกึ ษา๓. ศึกษาสื่อเอกสารเสริม ๖๐ นาที เอกสารเสริมความรู้ เรอื่ ง มาตรฐานการศกึ ษาข้ันพื้นฐานเพ่อืความรู้ การปฏิบัติงานกลุม่ การประกนั คณุ ภาพภายในของสถานศึกษาและการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ๔๐ นาที๔. การน�ำเสนอผลงาน ใบกิจกรรมท่ี ๒.๒ การก�ำหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษาและการสะท้อนผล ๕. การวดั และประเมนิ ผล ๕.๑ ประเมินพฤตกิ รรมการมสี ่วนร่วมกจิ กรรมของผู้เข้าสัมมนา ๕.๒ ประเมินผลงานจากใบกจิ กรรมที่ ๒.๑ และ ๒.๒๖. เกณฑ์การประเมินผลกิจกรรมหน่วยที่ ๒ ราย ปรับปรงุ ระดบั คุณภาพ ดีมากการประเมิน พอใช้ ดี๑. พฤติกรรมการ ผูเ้ ข้าร่วมการสมั มนา ผเู้ ขา้ รว่ มการสัมมนา ผู้เข้ารว่ มการสัมมนา ผเู้ ข้าร่วมการสมั มนาเขา้ รว่ มกิจกรรม สนใจ ตง้ั ใจ มสี ว่ น สนใจ ตั้งใจ มสี ่วน สนใจ ตง้ั ใจ มีสว่ น สนใจ ตั้งใจ มีส่วน ร่วมกิจกรรม และมี ร่วมกิจกรรม และมี ร่วมกิจกรรม และมี ร่วมกิจกรรม และมี ส่วนรว่ มในการแสดง สว่ นรว่ มในการแสดง ส่วนรว่ มในการแสดง สว่ นรว่ มในการแสดง ความคิดเหน็ นอ้ ยกว่า ความคิดเห็นรอ้ ยละ ความคิดเหน็ รอ้ ยละ ความคดิ เห็นตั้งแต่ ร้อยละ ๕๐ ๕๐ - ๕๙ ๖๐ - ๗๙ ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไปหลักสตู รการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ัติการพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 69 และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ราย ปรับปรุง ระดับคณุ ภาพ ดมี ากการประเมิน พอใช้ ดี๒. ผลการประเมนิ นอ้ ยกว่า ๙ คะแนน ๙ - ๑๐ คะแนน ๑๑ - ๑๒ คะแนน ๑๓ - ๑๕ คะแนนใบกิจกรรมที่ ๒.๑๓. ผลการ - มแี นวทาง/วธิ กี าร - มแี นวทาง/วิธีการ - มแี นวทาง/วธิ ีการ - มีแนวทาง/วิธีการประเมนิ ใบ ที่ไดม้ าซ่งึ มาตรฐาน ทไ่ี ด้มาซึง่ มาตรฐาน ท่ไี ดม้ าซง่ึ มาตรฐาน ทไี่ ดม้ าซ่งึ มาตรฐานกจิ กรรมท่ี ๒.๒ สถานศึกษาชัดเจน สถานศึกษาชัดเจน สถานศึกษาชดั เจน สถานศกึ ษาชัดเจน จากข้อมลู สารสนเทศ จากข้อมลู บรบิ ทของ จากขอ้ มลู บริบทของ จากข้อมูล บรบิ ทของ - การก�ำหนด โรงเรยี น โรงเรียน และชมุ ชน โรงเรียน ชุมชนและ มาตรฐานสถาน - การก�ำหนด - การก�ำหนด การมีสว่ นร่วมของ ศึกษาครอบคลุม มาตรฐานสถานศกึ ษา มาตรฐานสถาน ทุกภาคส่วน มาตรฐานของตน้ ชัดเจนครอบคลมุ ศึกษาชัดเจน - การก�ำหนด สงั กัด ตามมาตรฐานของ ครอบคลมุ ตาม มาตรฐานสถาน - มีกิจกรรม/ ตน้ สงั กดั ขาดความ มาตรฐานของตน้ ศึกษาชดั เจน โครงการท่สี อดคลอ้ ง เหมาะสมกบั สถาน สังกัด มีความเหมาะ ครอบคลมุ ตาม ตามมาตรฐานการ ศกึ ษาและเกิด สมกบั สถานศึกษา มาตรฐานของตน้ ศกึ ษาของสถาน ประโยชน์ เกิดประโยชน์ สังกดั มคี วามเหมาะ ศกึ ษาทต่ี อ่ เน่ือง - มีกิจกรรม/ - มกี จิ กรรม/ สมกบั สถานศกึ ษา โครงการทีส่ อดคล้อง โครงการที่สอดคลอ้ ง เกิดประโยชนแ์ ละ และสง่ ผลต่อการ และสง่ ผลต่อการ น�ำสูก่ ารปฏิบตั ิได้ ประกันคณุ ภาพตาม ประกันคุณภาพตาม - มกี ิจกรรม/ มาตรฐานการศกึ ษา มาตรฐานการศกึ ษา โครงการท่สี อดคล้อง ของสถานศกึ ษา ของสถานศึกษาท่ีตอ่ และส่งผลตอ่ การ เนอื่ ง ประกันคณุ ภาพตาม มาตรฐานการศึกษา ของสถานศึกษาท่ีต่อ เนอื่ งและเกดิ ยั่งยนื๗. เกณฑก์ ารผ่านกจิ กรรมหน่วยท่ี ๒ ผู้เข้ารับการสัมมนาเชิงปฏิบัติการวิทยากรแกนน�ำต้องได้รับการตัดสินคุณภาพกิจกรรมหน่วยท่ี ๒ ในระดับดขี น้ึ ไปทกุ รายการประเมนิ70 หลักสตู รการสมั มนาเชิงปฏิบัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
สอ่ื รายการท่ี ๒/๑ ใบกิจกรรมที่ ๒.๑ ตรวจสอบมโนทศั น์มาตรฐานการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ งานเดย่ี ว ค�ำช้ีแจง ๑. วทิ ยากรแจกใบกจิ กรรมท่ี ๒.๑ ตรวจสอบ มโนทศั น์มาตรฐานการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน ตามกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. ผู้เขา้ รบั การสมั มนาตรวจสอบมโนทัศน์ ใช้เวลา ๒๐ นาที ๓. วทิ ยากรสรุปและสะทอ้ นผลการตรวจสอบ มโนทัศน์หลกั สตู รการสมั มนาเชิงปฏบิ ัตกิ ารพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 71 และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
สือ่ รายการท่ี ๒/๒ ใบกิจกรรมที่ ๒.๒ งานกลุม่ การกำ�หนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ค�ำชี้แจง ๑. แบง่ กลุ่มผู้เขา้ รว่ มสมั มนากลุ่มละ ๘-๑๐ คน ๒. ศกึ ษาเอกสาร เรอื่ งมาตรฐานการศกึ ษา ระดบั ปฐมวยั / ระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน/ ระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน ศูนย์การศึกษาพิเศษ และร่วมกันอภิปราย วิเคราะห์ และจดั ทำ�ให้เป็นผลงานกลุ่มตามหวั ข้อตอ่ ไปน้ี ๒.๑ แนวทางดำ�เนินการจัดทำ�มาตรฐานการศึกษา ของสถานศึกษา ๒.๒ ก�ำ หนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาและ ก�ำ หนดคา่ เป้าหมายของสถานศกึ ษา ๒.๓ วิธีดำ�เนินการให้บรรลุเป้าหมายของสถานศึกษา พร้อมกิจกรรม/โครงการ ๓. คัดเลือกตัวแทนกลุ่มเพื่อนำ�เสนอผลงานกลุ่ม กลุ่มละ ๕ นาท ี ๔. ร่วมกันสะทอ้ นผลการน�ำ เสนอของกลุ่ม72 หลักสูตรการสัมมนาเชงิ ปฏิบัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมินคุณภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
รายชือ่ สมาชิก กลุ่มที่ ......... ๑. ชอื่ -สกลุ .........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขท่ี ............ ๒. ชอ่ื -สกลุ .........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขที่ ............ ๓. ชอื่ -สกลุ .........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขที่ ............ ๔. ชอื่ -สกลุ .........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขที่ ............ ๕. ชอ่ื -สกลุ .........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขท่ี ............ ๖. ชอ่ื -สกลุ .........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขที่ ............ ๗. ชอื่ -สกลุ .........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขที่ ............ ๘. ชอื่ -สกลุ .........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขที่ ............ ๙. ชอื่ -สกลุ .........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขที่ ............๑ ๐. ชอ่ื -สกลุ .........................................สพป/สพม./หนว่ ยงาน ....................................... เลขท่ี ............การกำ�หนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา ๑. วธิ ีการ/แนวทางในการจัดท�ำมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...................................……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………….............................................………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...................................หลักสตู รการสัมมนาเชิงปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 73 และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๒. ก�ำหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาและคา่ เปา้ หมายของสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. วธิ กี าร/แนวทางด�ำเนนิ การให้บรรลเุ ปา้ หมายของสถานศึกษา พรอ้ มกจิ กรรม/โครงการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………74 หลกั สตู รการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผ้ปู ระเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
สอ่ื รายการที่ ๒/๓ เอกสารเสรมิ ความรู้เร่ือง กฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑หลกั สูตรการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ตั ิการพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมินคณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 75 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
76 หลักสตู รการสมั มนาเชิงปฏิบัตกิ ารพัฒนามาตรฐานผ้ปู ระเมินคณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
หลกั สูตรการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั ิการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมนิ คุณภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 77 และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
สอื่ รายการที่ ๒/๔ เอกสารเสรมิ ความรู้ ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ให้ใชม้ าตรฐานการศกึ ษาระดบั ปฐมวยั ระดับการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน และระดับการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานศนู ย์การศึกษาพิเศษ78 หลกั สตู รการสมั มนาเชิงปฏิบัตกิ ารพัฒนามาตรฐานผ้ปู ระเมนิ คณุ ภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรฐานการศึกษา ระดับปฐมวยั แนบทา้ ยประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง ใหใ้ ช้มาตรฐานการศกึ ษา ระดบั ปฐมวยั ระดบั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน และระดับการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐานศูนยก์ ารศึกษาพเิ ศษ ฉบบั ลงวนั ที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรฐานการศกึ ษา ระดบั ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๑ มจี �ำนวน ๓ มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานที่ ๑ คณุ ภาพของเดก็ มาตรฐานท่ี ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ มาตรฐานที่ ๓ การจัดประสบการณท์ เ่ี น้นเดก็ เป็นส�ำคญัแต่ละมาตรฐานมรี ายละเอยี ดดงั น้ีมาตรฐานท่ี ๑ คณุ ภาพของเด็ก ๑.๑ มพี ฒั นาการดา้ นร่างกาย แขง็ แรง มสี ุขนิสยั ที่ดี และดูแลความปลอดภัยของตนเองได้ ๑.๒ มีพฒั นาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจ ควบคุม และแสดงออกทางอารมณไ์ ด้ ๑.๓ มีพัฒนาการดา้ นสงั คม ช่วยเหลอื ตนเอง และเป็นสมาชิกท่ดี ีของสังคม ๑.๔ มพี ัฒนาการด้านสติปัญญา ส่ือสารได้ มีทกั ษะการคิดพืน้ ฐาน และแสวงหาความร้ไู ด้มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ ๒.๑ มหี ลกั สตู รครอบคลมุ พัฒนาการทัง้ ๔ ดา้ น สอดคลอ้ งกับบรบิ ทของท้องถ่ิน ๒.๒ จัดครูใหเ้ พียงพอกับช้นั เรียน ๒.๓ ส่งเสรมิ ใหค้ รมู คี วามเชี่ยวชาญด้านการจัดประสบการณ์ ๒.๔ จัดสภาพแวดล้อมและส่ือเพอ่ื การเรยี นรู้ อยา่ งปลอดภัย และเพยี งพอ ๒.๕ ใหบ้ รกิ ารสอ่ื เทคโนโลยสี ารสนเทศและสอ่ื การเรยี นรเู้ พอ่ื สนบั สนนุ การจดั ประสบการณ์ ๒.๖ มีระบบบรหิ ารคณุ ภาพท่ีเปดิ โอกาสให้ผ้เู ก่ยี วขอ้ งทุกฝา่ ยมีส่วนร่วมมาตรฐานท่ี ๓ การจัดประสบการณท์ ี่เน้นเด็กเปน็ สำ�คญั ๓.๑ จัดประสบการณท์ ส่ี ง่ เสริมใหเ้ ดก็ มีพฒั นาการทกุ ดา้ นอย่างสมดุลเตม็ ศักยภาพ ๓.๒ สร้างโอกาสให้เดก็ ไดร้ บั ประสบการณต์ รง เล่นและปฏิบัติอยา่ งมคี วามสขุ ๓.๓ จดั บรรยากาศทเี่ ออ้ื ตอ่ การเรยี นรใู้ ช้ส่อื และเทคโนโลยที ่เี หมาะสมกบั วัย ๓.๔ ประเมนิ พฒั นาการเดก็ ตามสภาพจรงิ และน�ำผลการประเมนิ พฒั นาการเดก็ ไปปรบั ปรงุการจดั ประสบการณ์และพัฒนาเดก็หลกั สตู รการสัมมนาเชงิ ปฏิบัติการพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 79 และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ค�ำ อธิบายมาตรฐานการศกึ ษา ระดบั ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๑มาตรฐานท่ี ๑ ดา้ นคณุ ภาพเด็ก คำ�อธบิ าย ผลพัฒนาการเด็กในด้านรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ัญญา รายการพิจารณา ๑.๑ มีพฒั นาการด้านรา่ งกาย แขง็ แรง มสี ุขนสิ ัยท่ดี ี และดูแลความปลอดภยั ของตนเองได้ คำ�อธบิ าย เด็กมีน�้ำหนัก ส่วนสูงตามเกณฑ์มาตรฐาน เคลื่อนไหวร่างกายคล่องแคล่ว ทรงตัวได้ดีใช้มอื และตาประสานสมั พันธไ์ ด้ดี ดแู ลรกั ษาสขุ ภาพอนามัยสว่ นตนและปฏบิ ัติจนเปน็ นสิ ยั ปฏิบตั ิตนตามขอ้ ตกลงเกยี่ วกบั ความปลอดภยั หลกี เลยี่ งสภาวะทเ่ี สยี่ งตอ่ โรค สง่ิ เสพตดิ และระวงั ภยั จากบคุ คลสง่ิ แวดลอ้ ม และสถานการณท์ ี่เสยี่ งอนั ตราย ๑.๒ มีพัฒนาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ ควบคุมและแสดงออกทางอารมณ์ได้ คำ�อธบิ าย เด็กร่าเริงแจ่มใส แสดงอารมณ์ความรู้สึกได้เหมาะสม รู้จักยับยั้งช่ังใจ อดทนในการรอคอย ยอมรับและพอใจในความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อื่น มีจิตส�ำนึกและค่านิยมที่ดีมีความมน่ั ใจ กลา้ พดู กลา้ แสดงออก ช่วยเหลือแบง่ ปัน เคารพสิทธิ ร้หู นา้ ทรี่ ับผดิ ชอบ อดทนอดกลนั้ซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม จริยธรรมตามท่ีสถานศึกษาก�ำหนดช่ืนชมและมีความสุขกับศิลปะ ดนตรีและการเคลื่อนไหว ๑.๓ มีพฒั นาการด้านสงั คม ช่วยเหลอื ตนเอง และเป็นสมาชกิ ทีด่ ีของสงั คม ค�ำ อธบิ าย เด็กช่วยเหลือตนเองในการปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวัน มีวินัยในตนเอง ประหยัดและพอเพียงมีส่วนร่วมดูแลรักษาส่ิงแวดล้อมในและนอกห้องเรียน มีมารยาทตามวัฒนธรรมไทย เช่น การไหว้การยม้ิ ทกั ทาย และมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ เป็นต้น ยอมรับหรอื เคารพความแตกต่างระหว่างบคุ คลเช่น ความคดิ พฤตกิ รรม พื้นฐานครอบครัว เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม เป็นตน้ เล่นและท�ำงานร่วมกับผู้อ่ืนได้ แกไ้ ขขอ้ ขัดแย้ง โดยปราศจากการใชค้ วามรนุ แรง80 หลักสตู รการสัมมนาเชงิ ปฏิบตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๑.๔ มีพฒั นาการด้านสตปิ ัญญา ส่ือสารได้ มีทกั ษะการคิดพน้ื ฐาน และแสวงหาความรไู้ ด้ ค�ำ อธิบาย เด็กสนทนาโต้ตอบและเล่าเร่ืองให้ผู้อื่นเข้าใจ ตั้งค�ำถามในสิ่งที่ตนเองสนใจหรือสงสัยและพยายามคน้ หาค�ำตอบ อ่านนทิ านและเล่าเร่อื งทตี่ นเองอา่ นไดเ้ หมาะสมกับวัย มคี วามสามารถในการคิดเชิงเหตุผลทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ คิดแก้ปัญหาและสามารถตัดสินใจในเร่ืองงา่ ย ๆไดส้ รา้ งสรรคผ์ ลงานตามความคดิ และจนิ ตนาการ เชน่ งานศลิ ปะ การเคลอื่ นไหวทา่ ทาง การเลน่ อสิ ระเปน็ ต้น และใชส้ อ่ื เทคโนโลยี เช่น แวน่ ขยาย แมเ่ หลก็ กล้องดิจิตอล เปน็ เครอื่ งมือในการเรียนรู้และแสวงหาความรไู้ ด้มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ คำ�อธบิ าย สถานศึกษาด�ำเนินการบริหารและจัดการสถานศึกษาท่ีครอบคลุมด้านวิชาการ ด้านครูและบคุ ลากรดา้ นขอ้ มลู สารสนเทศ ดา้ นสภาพแวดลอ้ มและสอ่ื เพอ่ื การเรยี นรู้ และดา้ นระบบประกนั คณุ ภาพภายใน โดยเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ กยี่ วขอ้ งทกุ ฝา่ ยมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษา มกี ารก�ำกบั ตดิ ตามการด�ำเนนิงานอย่างเปน็ ระบบและต่อเน่อื ง เพอื่ สรา้ งความม่นั ใจตอ่ คณุ ภาพการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา รายการพิจารณา ๒.๑ มหี ลักสตู รครอบคลมุ พัฒนาการทงั้ ๔ ด้าน สอดคล้องกับบรบิ ทของท้องถิน่ คำ�อธิบาย สถานศึกษามีหลักสูตรสถานศึกษาท่ียืดหยุ่น และสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยโดยสถานศึกษาออกแบบการจัดประสบการณ์ที่เตรียมความพร้อมและไม่เร่งรัดวิชาการ เน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่นและการลงมือปฏิบัติ ตอบสนองความต้องการและความแตกต่างของเด็กปกติและกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ และสอดคลอ้ งกับวิถชี ีวติ ของครอบครัว ชมุ ชนและท้องถ่นิ ๒.๒ จัดครูให้เพียงพอกบั ช้ันเรียน ค�ำ อธิบาย สถานศึกษาจัดครูให้เหมาะสมกับภารกิจการเรียนการสอนหรือจัดครูที่จบการศึกษาปฐมวัยหรอื ผ่านการอบรมการศกึ ษาปฐมวยั อยา่ งพอเพยี งกบั ชัน้ เรียน ๒.๓ ส่งเสริมใหค้ รูมคี วามเช่ยี วชาญด้านการจัดประสบการณ ์ ค�ำ อธิบาย พฒั นาครแู ละบคุ ลากรใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถในการวเิ คราะหแ์ ละออกแบบหลกั สตู รสถานศึกษา มีทักษะในการจัดประสบการณ์และการประเมินพัฒนาการเด็ก ใช้ประสบการณ์ส�ำคัญในการออกแบบการจัดกิจกรรม มีการสังเกตและประเมินพัฒนาการเด็กเป็นรายบุคคล มีปฏิสัมพันธ์ท่ีดีกับเด็ก และครอบครวัหลักสตู รการสมั มนาเชงิ ปฏิบัตกิ ารพัฒนามาตรฐานผู้ประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 81 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๒.๔ จัดสภาพแวดล้อมและส่ือเพอ่ื การเรยี นรู้ อย่างปลอดภัยและเพียงพอ คำ�อธบิ าย สถานศึกษาจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกห้องเรียนที่ค�ำนึงถึงความปลอดภัยสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การเรยี นรเู้ ปน็ รายบคุ คลและกลมุ่ เลน่ แบบรว่ มมอื รว่ มใจ มมี มุ ประสบการณห์ ลากหลายมีสื่อการเรียนรู้ เช่น ของเล่น หนังสือนิทาน สื่อจากธรรมชาติ สื่อส�ำหรับเด็กมุด ลอด ปีนป่ายส่ือเทคโนโลยี สอื่ เพ่อื การสบื เสาะหาความรู้ ๒.๕ ให้บริการส่ือเทคโนโลยีสารสนเทศและส่ือการเรียนรู้เพ่ือสนับสนุนการจัดประสบการณส์ ำ�หรบั ครู ค�ำ อธิบาย สถานศึกษาอ�ำนวยความสะดวก และให้บริการส่ือเทคโนโลยีสารสนเทศวัสดุ และอุปกรณ์เพื่อสนบั สนนุ การจัดประสบการณแ์ ละพฒั นาครู ๒.๖ มรี ะบบบรหิ ารคุณภาพทเ่ี ปิดโอกาสใหผ้ ู้เก่ียวข้องทุกฝ่ายมสี ่วนร่วม คำ�อธิบาย สถานศึกษาก�ำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาที่สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาปฐมวัย และอัตลักษณ์ที่สถานศึกษาก�ำหนดจัดท�ำแผนพัฒนาการศึกษาของสถานศึกษาท่ีสอดรับกับมาตรฐานที่สถานศึกษาก�ำหนดและด�ำเนินการตามแผน มีการประเมินผลและตรวจสอบคุณภาพภายใน ตดิ ตามผลการด�ำเนินงานและจัดท�ำรายงานผลการประเมนิ ตนเองประจ�ำปี น�ำผลการประเมนิไปปรบั ปรุงและพัฒนาคุณภาพสถานศกึ ษา โดยผปู้ กครองและผู้เก่ยี วข้องทุกฝ่ายมีสว่ นรว่ มและจัดสง่รายงานผลการประเมินตนเองให้หนว่ ยงานต้นสังกัดมาตรฐานที่ ๓ การจดั ประสบการณท์ ี่เนน้ เดก็ เปน็ ส�ำ คัญ คำ�อธบิ าย ครูจัดประสบการณ์ให้เด็กมีพัฒนาการทุกด้านอย่างสมดุล เต็มศักยภาพ รู้จักเด็กเป็นรายบคุ คลและสรา้ งโอกาสใหเ้ ดก็ ทกุ คนไดร้ บั ประสบการณต์ รง เลน่ และลงมอื กระท�ำผา่ นประสาทสมั ผสัจดั บรรยากาศทเ่ี ออ้ื ตอ่ การเรยี นรู้ ใช้สื่อและเทคโนโลยีท่เี หมาะสมกับวัย มกี ารวจิ ยั ติดตาม ประเมนิผลพัฒนาการเดก็ อยา่ งเป็นระบบ82 หลักสตู รการสัมมนาเชิงปฏิบตั กิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมนิ คณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
รายการพิจารณา ๓.๑ จดั ประสบการณท์ ี่สง่ เสริมให้เด็กมพี ัฒนาการทุกด้านอยา่ งสมดลุ เตม็ ศกั ยภาพ ค�ำ อธบิ าย ครูจัดท�ำแผนการจัดประสบการณ์ จากการวิเคราะห์มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ในหลักสตู รสถานศกึ ษา โดยมกี จิ กรรมที่สง่ เสรมิ พัฒนาการเดก็ ครบทกุ ด้าน ทั้งด้านรา่ งกาย ด้านอารมณ์จิตใจ ด้านสงั คม และดา้ นสตปิ ญั ญา ไมม่ ่งุ เนน้ การพัฒนาดา้ นใดด้านหน่ึงเพียงด้านเดียว ๓.๒ สร้างโอกาสใหเ้ ดก็ ไดร้ บั ประสบการณต์ รง เล่น และปฏิบัตอิ ย่างมีความสขุ ค�ำ อธิบาย ครูจัดประสบการณ์ท่ีเช่ือมโยงกับประสบการณ์เดิม ให้เด็กมีโอกาสเลือกท�ำกิจกรรมอย่างอสิ ระ ตามความต้องการ ความสนใจ ความสามารถ ตอบสนองตอ่ วิธีการเรยี นรูข้ องเดก็ เป็นรายบุคคลหลากหลายรปู แบบ จากแหลง่ เรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย เดก็ ไดเ้ ลอื กเลน่ เรยี นรู้ ลงมอื กระท�ำ และสรา้ งองค์ความรดู้ ้วยตนเอง ๓.๓ จัดบรรยากาศท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ ใชส้ อ่ื และเทคโนโลยที ่ีเหมาะสมกบั วัย คำ�อธิบาย ครจู ดั ห้องเรียนใหส้ ะอาด อากาศถา่ ยเท ปลอดภยั มพี นื้ ที่แสดงผลงานเด็ก พืน้ ทีส่ �ำหรบั มุมประสบการณ์และการจัดกจิ กรรม เดก็ มสี ่วนร่วม ในการจดั สภาพแวดลอ้ มในห้องเรียน เช่น ป้ายนิเทศการดแู ลต้นไม้ ครูจดั หาสอ่ื ดิจทิ ัลท่ีเหมาะสมกบั ชว่ งอายุ ระยะความสนใจ และวถิ ีการเรยี นรขู้ องเดก็เชน่ กล้องดิจิตอล คอมพวิ เตอรส์ �ำหรบั การเรยี นรู้กลุ่มย่อย ส่อื ของเลน่ ท่ีกระตนุ้ ใหค้ ิดและหาค�ำตอบ ๓.๔ ประเมินพัฒนาการเด็กตามสภาพจริง และนำ�ผลการประเมินพัฒนาการเด็กไปปรับปรุงการจดั ประสบการณแ์ ละพฒั นาเดก็ คำ�อธิบาย ครูประเมินพัฒนาการเด็กจากกิจกรรมและกิจวัตรประจ�ำวันด้วยเครื่องมือและวิธีการทหี่ ลากหลาย ไมใ่ ชแ้ บบทดสอบ วเิ คราะหผ์ ล การประเมนิ พฒั นาการเดก็ โดยผปู้ กครองและผเู้ กย่ี วขอ้ งมสี ว่ นร่วม และน�ำผลการประเมินท่ีไดไ้ ปปรับปรงุ และพฒั นาคณุ ภาพหลกั สูตรการสมั มนาเชิงปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 83 และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรฐานการศกึ ษา ระดบั การศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน แนบทา้ ยประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เรื่อง ให้ใช้มาตรฐานการศกึ ษา ระดับปฐมวยั ระดับการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน และระดบั การศึกษาขนั้ พ้ืนฐานศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษ ฉบบั ลงวันท่ี ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑มาตรฐานการศึกษา ระดับการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๖๑ มีจ�ำนวน ๓ มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานท่ี ๑ คุณภาพของผู้เรยี น ๑.๑ ผลสัมฤทธทิ์ างวชิ าการของผู้เรียน ๑.๒ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ของผเู้ รียน มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ มาตรฐานที่ ๓ กระบวนการจัดการเรยี นการสอนที่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ ส�ำคัญแตล่ ะมาตรฐานมีรายละเอียดดังนี้มาตรฐานที่ ๑ คณุ ภาพของผู้เรียน ๑.๑ ผลสัมฤทธทิ์ างวชิ าการของผู้เรียน ๑) มีความสามารถในการอ่าน การเขยี น การสอื่ สาร และการคดิ ค�ำนวณ ๒) มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ และแก้ปัญหา ๓) มคี วามสามารถในการสร้างนวัตกรรม ๔) มีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร ๕) มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นตามหลักสูตรสถานศึกษา ๖) มคี วามรู้ ทกั ษะพ้นื ฐาน และเจตคตทิ ด่ี ีต่องานอาชพี ๑.๒ คุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงคข์ องผู้เรยี น ๑) การมคี ณุ ลักษณะและคา่ นิยมทดี่ ีตามทีส่ ถานศึกษาก�ำหนด ๒) ความภูมใิ จในท้องถ่นิ และความเป็นไทย ๓) การยอมรับทจ่ี ะอยู่ร่วมกนั บนความแตกตา่ งและหลากหลาย ๔) สุขภาวะทางรา่ งกาย และจิตสงั คม84 หลกั สูตรการสมั มนาเชงิ ปฏิบัติการพฒั นามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ ๒.๑ มีเปา้ หมายวิสยั ทศั น์และพนั ธกจิ ทสี่ ถานศกึ ษาก�ำหนดชดั เจน ๒.๒ มรี ะบบบริหารจดั การคุณภาพของสถานศกึ ษา ๒.๓ ด�ำเนินงานพัฒนาวิชาการท่ีเน้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้านตามหลักสูตรสถานศึกษาและทุกกล่มุ เปา้ หมาย ๒.๔ พฒั นาครแู ละบุคลากรให้มคี วามเชย่ี วชาญทางวชิ าชีพ ๒.๕ จดั สภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมทเี่ ออื้ ต่อการจัดการเรียนรอู้ ยา่ งมคี ณุ ภาพ ๒.๖ จัดระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือสนับสนนุ การบริหารจดั การและการจัดการเรยี นรู้มาตรฐานท่ี ๓ กระบวนการจัดการเรยี นการสอนท่เี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำ�คัญ ๓.๑ จดั การเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏบิ ัตจิ รงิ และสามารถน�ำไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตได้ ๓.๒ ใช้สอ่ื เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหล่งเรียนร้ทู ่เี อ้อื ตอ่ การเรียนรู้ ๓.๓ มีการบริหารจัดการชั้นเรยี นเชิงบวก ๓.๔ ตรวจสอบและประเมนิ ผเู้ รียนอยา่ งเป็นระบบ และน�ำผลมาพัฒนาผเู้ รียน ๓.๕ มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้และให้ข้อมูลสะท้อนกลับเพื่อพัฒนาและปรับปรุงการจัดการเรยี นรู้ หลกั สูตรการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ตั ิการพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 85 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
คำ�อธิบายมาตรฐานการศกึ ษา ระดบั การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๖๑มาตรฐานท่ี ๑ ด้านคณุ ภาพผู้เรยี น คำ�อธบิ าย ผลการเรียนรู้ท่ีเป็นคุณภาพของผู้เรียนท้ังด้านผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ ประกอบด้วยความสามารถในการอ่าน การเขียน การสอื่ สาร การคิดค�ำนวณ การคิดประเภทต่าง ๆ การสร้างนวตั กรรมการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นตามหลกั สตู ร การมคี วามรู้ ทกั ษะพน้ื ฐานและเจตคตทิ ดี่ ตี อ่ วชิ าชพี และดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ทเี่ ปน็ คา่ นยิ มทดี่ ตี ามทสี่ ถานศกึ ษาก�ำหนด ความภมู ใิ จในทอ้ งถน่ิ และความเปน็ ไทยการยอมรบั ทจี่ ะอยรู่ ว่ มกนั บนความแตกตา่ งและหลากหลาย รวมทงั้ สุขภาวะทางรา่ งกายและจติ สงั คม รายการพิจารณา ๑.๑ ผลสมั ฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรยี น ๑) มคี วามสามารถในการอ่าน การเขียน การสือ่ สาร และการคิดคำ�นวณ ค�ำ อธบิ าย ผู้เรียนมีทักษะในการอ่าน การเขียน การส่ือสาร และการคิดค�ำนวณตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำหนดในแตล่ ะระดบั ช้นั ๒) มคี วามสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ อภปิ รายแลกเปลย่ี นความคิดเห็น และแก้ปญั หา ค�ำ อธบิ าย ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดจ�ำแนกแยกแยะ ใคร่ครวญไตร่ตรอง พิจารณาอย่างรอบคอบโดยใช้เหตุผลประกอบการตัดสินใจ มีการอภิปรายแลกเปล่ียนความคิดเห็น และแก้ปัญหาอยา่ งมีเหตผุ ล ๓) มีความสามารถในการสร้างนวตั กรรม คำ�อธบิ าย ผู้เรียนมีความสามารถในการรวบรวมความรู้ได้ทั้งด้วยตัวเองและการท�ำงานเป็นทีมเชอื่ มโยงองคค์ วามรู้ และประสบการณม์ าใชใ้ นการสรา้ งสรรคส์ ง่ิ ใหม่ ๆ อาจเปน็ แนวความคดิ โครงการโครงงาน ชน้ิ งาน ผลผลิต ๔) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร คำ�อธิบาย ผู้เรียนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการพัฒนาตนเองและสงั คมในด้านการเรยี นรู้ การสื่อสาร การท�ำงาน อยา่ งสร้างสรรค์ และมีคุณธรรม86 หลกั สูตรการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ัติการพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๕) มผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา คำ�อธิบาย ผเู้ รยี นบรรลผุ ลและมคี วามกา้ วหนา้ ในการเรยี นรตู้ ามหลกั สตู รสถานศกึ ษาจากพน้ื ฐานเดิมในด้านความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ กระบวนการต่าง ๆ รวมทั้งมีความก้าวหน้าในผลการทดสอบระดับชาติ หรือผลการทดสอบอื่น ๆ ๖) มคี วามรู้ ทักษะพื้นฐาน และเจตคตทิ ดี่ ีตอ่ งานอาชพี คำ�อธิบาย ผูเ้ รยี นมคี วามรู้ ทักษะพน้ื ฐานในการจัดการ เจตคตทิ ด่ี พี ร้อมที่จะศกึ ษาตอ่ ในระดบั ชั้นที่สูงขึ้น การท�ำงานหรอื งานอาชพี ๑.๒ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ของผู้เรียน ๑) มคี ณุ ลกั ษณะและค่านิยมท่ีดตี ามทส่ี ถานศกึ ษากำ�หนด คำ�อธิบาย ผู้เรียนมีพฤติกรรมเป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม เคารพในกฎกติกา มีค่านิยมและจิตส�ำนกึ ตามท่ีสถานศึกษาก�ำหนดโดยไมข่ ดั กบั กฎหมายและวฒั นธรรมอนั ดขี องสงั คม ๒) มีความภมู ใิ จในทอ้ งถ่นิ และความเป็นไทย ค�ำ อธบิ าย ผู้เรยี นมีความภูมิใจในทอ้ งถิน่ เห็นคุณคา่ ของความเป็นไทย มสี ว่ นรว่ มในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและประเพณไี ทย รวมท้ังภมู ิปญั ญาไทย ๓) ยอมรับทจี่ ะอยรู่ ว่ มกนั บนความแตกต่างและหลากหลาย คำ�อธบิ าย ผูเ้ รียนยอมรบั และอยรู่ ว่ มกนั บนความแตกต่างระหว่างบคุ คลในด้าน เพศ วยั เชอ้ื ชาติศาสนา ภาษาวฒั นธรรม ประเพณี ๔) มีสขุ ภาวะทางร่างกาย และจิตสังคม ค�ำ อธบิ าย ผเู้ รยี นมกี ารรกั ษาสขุ ภาพกายสขุ ภาพจติ อารมณ์และสงั คมและแสดงออกอยา่ งเหมาะสมในแตล่ ะชว่ งวยั สามารถอยู่รว่ มกับคนอ่ืนอย่างมคี วามสุข เขา้ ใจผอู้ ่นื ไม่มคี วามขดั แย้งกับผู้อนื่หลักสตู รการสมั มนาเชิงปฏิบตั ิการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 87 และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรฐานท่ี ๒ กระบวนการบริหารและการจัดการ ค�ำ อธบิ าย เปน็ การจดั ระบบบรหิ ารจดั การคณุ ภาพของสถานศกึ ษา มกี ารก�ำหนดเปา้ หมายวสิ ยั ทศั นแ์ ละพันธกิจอย่างชัดเจน สามารถด�ำเนินงานพัฒนาวิชาการท่ีเน้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้านตามหลักสูตรสถานศกึ ษาในทกุ กลมุ่ เป้าหมาย จัดท�ำแผนพัฒนาคณุ ภาพการจัดการศกึ ษา ด�ำเนินการพัฒนาครูและบุคลากรใหม้ ีความเชี่ยวชาญทางวชิ าชพี และจดั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ เพื่อสนับสนนุ การบริหารจดั การและการเรียนรู้ รวมทงั้ จัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสงั คมทเ่ี ออ้ื ตอ่ การจัดการเรยี นรู้ รายการพจิ ารณา ๒.๑ มีเป้าหมาย วิสยั ทัศน์ และพันธกิจทส่ี ถานศกึ ษาก�ำ หนดชดั เจน คำ�อธบิ าย สถานศึกษาก�ำหนดเป้าหมาย วิสยั ทัศน์ และพนั ธกิจ ไว้อยา่ งชดั เจน สอดคลอ้ งกบั บริบทของสถานศกึ ษา ความต้องการของชุมชน ท้องถน่ิ วตั ถุประสงคข์ องแผนการศึกษาแห่งชาติ นโยบายของรฐั บาล และของต้นสังกดั รวมท้ังทันตอ่ การเปล่ยี นแปลงของสังคม ๒.๒ มรี ะบบบรหิ ารจัดการคุณภาพของสถานศกึ ษา ค�ำ อธิบาย สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการคุณภาพของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบทั้งในส่วนการวางแผนพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา การน�ำแผนไปปฏิบัติเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา มีการตดิ ตามตรวจสอบประเมนิ ผล และปรบั ปรงุ พฒั นางานอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง มกี ารบรหิ ารอตั ราก�ำลงั ทรพั ยากรทางการศึกษา และระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีระบบการนิเทศภายใน การน�ำข้อมูลมาใช้ในการพัฒนา บคุ ลากรและผู้ท่เี ก่ยี วขอ้ งทุกฝา่ ยมีสว่ นร่วมการวางแผน ปรับปรงุ และพัฒนา และร่วมรบั ผิดรับชอบตอ่ ผลการจัดการศกึ ษา ๒.๓ ดำ�เนินงานพัฒนาวิชาการที่เน้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้านตามหลักสูตรสถานศึกษาและทกุ กลมุ่ เป้าหมาย ค�ำ อธบิ าย สถานศึกษาบริหารจัดการเกี่ยวกับงานวิชาการ ท้ังด้านการพัฒนาหลักสูตร กิจกรรมเสริมหลักสูตร ท่ีเน้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้าน เชื่อมโยงวิถีชีวิตจริง และครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายหมายรวมถึงการจดั การเรยี นการสอนของกลุ่มทีเ่ รียนแบบควบรวมหรือกลุ่มทเ่ี รียนร่วมด้วย ๒.๔ พฒั นาครแู ละบคุ ลากรให้มคี วามเชย่ี วชาญทางวชิ าชีพ ค�ำ อธบิ าย สถานศึกษาส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาครู บุคลากร ให้มีความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพและจดั ใหม้ ชี มุ ชนการเรียนรทู้ างวชิ าชพี มาใชใ้ นการพฒั นางานและการเรียนร้ขู องผเู้ รยี น88 หลักสูตรการสัมมนาเชิงปฏิบัติการพฒั นามาตรฐานผู้ประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๒.๕ จัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสงั คมท่เี ออ้ื ตอ่ การจดั การเรยี นรู้ คำ�อธิบาย สถานศึกษาจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพท้ังภายในและภายนอกห้องเรียน และสภาพแวดลอ้ มทางสงั คม ท่ีเอ้ือต่อการจัดการเรยี นรู้ และมีความปลอดภยั ๒.๖ จดั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ สนับสนุนการบริหารจัดการและการจัดการเรียนรู้ คำ�อธิบาย สถานศึกษาจัดระบบการจัดหา การพัฒนาและการบริการ เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือใช้ในการบรหิ ารจัดการและการจัดการเรียนรู้ ท่ีเหมาะสมกบั สภาพของสถานศกึ ษา มาตรฐานที่ ๓ กระบวนการจัดการเรียนการสอนทเ่ี นน้ ผู้เรียนเป็นสำ�คัญ คำ�อธบิ าย เป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอนตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตรสถานศึกษา สร้างโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติจริงมีการบริหารจัดการชน้ั เรยี นเชิงบวก สร้างปฏิสัมพนั ธท์ ี่ดี ครูรจู้ กั ผ้เู รียนเป็นรายบคุ คล ด�ำเนนิ การตรวจสอบและประเมนิผู้เรียนอย่างเป็นระบบและน�ำผลมาพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้และน�ำผลท่ีได้มาให้ขอ้ มลู ปอ้ นกลบั เพ่อื พัฒนาและปรับปรุงการจดั การเรียนรู้ รายการพิจารณา ๓.๑ จัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติจริง และสามารถนำ�ไปประยุกต์ใช้ในการด�ำ เนินชีวติ คำ�อธิบาย จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดของหลักสูตรสถานศึกษาที่เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติจริง มีแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีสามารถน�ำไปจัดกจิ กรรมไดจ้ รงิ มรี ปู แบบการจดั การเรยี นรเู้ ฉพาะส�ำหรบั ผทู้ ม่ี คี วามจ�ำเปน็ และตอ้ งการความชว่ ยเหลอืพิเศษ ผู้เรียนได้รับการฝึกทักษะ แสดงออกแสดงความคิดเห็น สรุปองค์ความรู้ น�ำเสนอผลงานและสามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตได้ ๓.๒ ใช้สอ่ื เทคโนโลยสี ารสนเทศ และแหลง่ เรยี นรู้ท่ีเออ้ื ต่อการเรียนรู้ ค�ำ อธิบาย มีการใช้สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหล่งเรียนรู้ รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถ่ินมาใช้ในการจดั การเรียนรู้ โดยสร้างโอกาสให้ผู้เรียนไดแ้ สวงหาความรดู้ ้วยตนเองจากสื่อทีห่ ลากหลายหลกั สตู รการสัมมนาเชิงปฏบิ ัติการพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 89 และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๓.๓ มีการบรหิ ารจดั การช้นั เรยี นเชิงบวก คำ�อธบิ าย ครูผู้สอนมีการบริหารจัดการช้ันเรียน โดยเน้นการมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวก ให้เด็กรักครูครูรักเด็ก และเดก็ รกั เด็ก เดก็ รักทจ่ี ะเรียนรู้ สามารถเรยี นรูร้ ว่ มกันอยา่ งมีความสขุ ๓.๔ ตรวจสอบและประเมนิ ผูเ้ รียนอย่างเปน็ ระบบ และน�ำ ผลมาพัฒนาผู้เรียน ค�ำ อธิบาย มกี ารตรวจสอบและประเมนิ คณุ ภาพการจดั การเรยี นรอู้ ยา่ งเปน็ ระบบ มขี นั้ ตอนโดยใชเ้ ครอื่ งมือและวิธีการวัดและประเมินผลท่ีเหมาะสมกับเป้าหมายในการจัดการเรียนรู้ และให้ข้อมูลย้อนกลับแกผ่ เู้ รียนเพื่อน�ำไปใชพ้ ฒั นาการเรยี นรู้ ๓.๕ มีการแลกเปลีย่ นเรียนรูแ้ ละให้ขอ้ มูลปอ้ นกลับเพื่อปรับปรุงและพัฒนาการจดั การเรียนรู้ คำ�อธิบาย ครแู ละผมู้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งรว่ มกนั แลกเปลยี่ นความรแู้ ละประสบการณร์ วมทง้ั ใหข้ อ้ มลู ปอ้ นกลบัเพ่ือน�ำไปใชใ้ นการปรบั ปรุงและพฒั นาการจัดการเรียนร้ ู90 หลักสูตรการสัมมนาเชิงปฏิบตั ิการพฒั นามาตรฐานผู้ประเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรฐานการศกึ ษา ระดับการศึกษาข้นั พ้นื ฐานศนู ย์การศกึ ษาพิเศษ แนบทา้ ยประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง ใหใ้ ชม้ าตรฐานการศกึ ษา ระดบั ปฐมวัย ระดบั การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน และระดบั การศกึ ษาข้นั พื้นฐานศูนย์การศกึ ษาพเิ ศษ ฉบับลงวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑มาตรฐานการศกึ ษา ระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานศนู ยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษ พ.ศ. ๒๕๖๑ มจี �ำนวน ๓ มาตรฐานได้แก่ มาตรฐานที่ ๑ คุณภาพของผูเ้ รียน ๑.๑ ผลการพัฒนาผูเ้ รยี น ๑.๒ คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ของผเู้ รยี น มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ มาตรฐานท่ี ๓ กระบวนการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผเู้ รียนเปน็ ส�ำคัญแตล่ ะมาตรฐานมีรายละเอียดดังนี้มาตรฐานท่ี ๑ คุณภาพของผูเ้ รียน ๑.๑ ผลการพฒั นาผูเ้ รยี น ๑) มีพัฒนาการตามศักยภาพของแต่ละบุคคล ท่ีแสดงออกถึงความรู้ ความสามารถทักษะ ตามท่ีระบุไว้ในแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล หรือ แผนการให้บริการช่วยเหลือเฉพาะครอบครวั ๒) มคี วามพรอ้ มสามารถเขา้ สบู่ รกิ ารชว่ งเชอื่ มตอ่ หรอื การสง่ ตอ่ เขา้ สกู่ ารศกึ ษาในระดบัที่สงู ข้นึ หรือการอาชีพหรอื การด�ำเนินชวี ิตในสงั คมได้ตามศักยภาพของแต่ละบุคคล ๑.๒ คุณลักษณะที่พงึ ประสงคข์ องผูเ้ รยี น ๑) มคี ณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ตามทีส่ ถานศกึ ษาก�ำหนด ๒) มีความภูมิใจในทอ้ งถน่ิ และความเปน็ ไทย ตามศักยภาพของผเู้ รียนแตล่ ะบคุ คลมาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบริหารและการจัดการ ๒.๑ มเี ปา้ หมายวิสัยทัศนแ์ ละพนั ธกิจทส่ี ถานศึกษาก�ำหนดชัดเจน ๒.๒ มีระบบบรหิ ารจัดการคุณภาพของสถานศกึ ษา ๒.๓ ด�ำเนินงานพฒั นาวิชาการท่ีเน้นคุณภาพผู้เรียนรอบดา้ นตามหลักสูตรสถานศกึ ษาและทกุ กลุ่มเป้าหมาย ๒.๔ พฒั นาครูและบุคลากรให้มคี วามเชีย่ วชาญทางวิชาชีพ ๒.๕ จดั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสงั คมที่เอื้อตอ่ การจัดการเรยี นรู้อยา่ งมีคณุ ภาพ ๒.๖ จัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนบั สนุนการบรหิ ารจัดการและการจัดการเรียนรู้หลักสตู รการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ัติการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมนิ คณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 91 และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรฐานที่ ๓ กระบวนการจดั การเรียนการสอนที่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำ�คญั ๓.๑ จัดการเรยี นร้ผู ่านกระบวนการคดิ และปฏบิ ตั จิ รงิ และสามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ได้ ๓.๒ ใช้ส่อื เทคโนโลยสี ารสนเทศ และแหลง่ เรยี นรทู้ ีเ่ อื้อตอ่ การเรยี นรู้ ๓.๓ มกี ารบริหารจดั การช้ันเรยี นเชงิ บวก ๓.๔ ตรวจสอบและประเมินผู้เรยี นอย่างเปน็ ระบบ และน�ำผลมาพัฒนาผูเ้ รยี น ๓.๕ มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้และให้ข้อมูลสะท้อนกลับเพ่ือพัฒนาและปรับปรุงการจัดการเรยี นรู้92 หลักสูตรการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ค�ำ อธบิ ายมาตรฐานการศกึ ษา ระดบั การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานศูนย์การศึกษาพเิ ศษ พ.ศ. ๒๕๖๑มาตรฐานที่ ๑ คณุ ภาพของผูเ้ รยี น คำ�อธบิ าย ผลการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนท่ีแสดงออกถึงความรู้ ความสามารถ ทักษะตามท่ีระบุไว้ในแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบคุ คล หรือ แผนการให้บรกิ ารชว่ ยเหลอื เฉพาะครอบครัว พัฒนาความสามารถและคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงคใ์ นทกุ ดา้ นไดส้ งู สดุ ตามศกั ยภาพของตน ยอมรบั ตนเองตามความเปน็ จรงิ เหน็ คณุ คา่ ในตนเอง พากเพยี รในการพฒั นาตนเองอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และใชช้ วี ติ ทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ตนเองและสงั คมสว่ นรวม มคี วามพรอ้ มในการท�ำงาน การศกึ ษาตอ่ หรอื การใชช้ วี ติ ในชมุ ชนตามความสามารถและศกั ยภาพของตน และผู้เรียนแสดงคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงคต์ ามท่ีสถานศกึ ษาก�ำหนด รายการพจิ ารณา ๑.๑ ผลการพัฒนาผูเ้ รยี น ๑) มีพัฒนาการตามศักยภาพของแต่ละบุคคล ที่แสดงออกถึงความรู้ ความสามารถทักษะ ตามท่ีระบุไว้ในแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล หรือ แผนการให้บริการช่วยเหลือเฉพาะครอบครวั ค�ำ อธบิ าย ผู้เรียนมีพัฒนาการตามศักยภาพของแต่ละบุคคล ทั้งในด้านที่มีพัฒนาการปกติและด้านที่มีความบกพร่องหรือความแตกต่างทางการเรียนรู้หรือความสามารถพิเศษ ตามท่ีระบุไว้ในแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลหรือแผนการให้บริการช่วยเหลือเฉพาะครอบครัว ซ่ึงจัดท�ำขึ้นบนพนื้ ฐานความตอ้ งการจ�ำเป็นเฉพาะของผเู้ รียน ๒) มีความพร้อมสามารถเข้าสู่บริการช่วงเช่ือมต่อ หรือการส่งต่อเข้าสู่การศึกษาในระดบั ที่สูงขน้ึ หรือการอาชพี หรือการด�ำเนินชีวติ ในสงั คมไดต้ ามศักยภาพของแต่ละบุคคลค�ำอธบิ าย ผู้เรียนมคี วามพร้อมสามารถเขา้ ส่บู รกิ ารชว่ งเชอ่ื มต่อ (Transitional Services) หรือการสง่ ตอ่ (Referral) เข้าสู่การศึกษาในระดบั ท่ีสูงขึ้น หรอื การอาชพี หรือการด�ำเนนิ ชวี ติ ในสงั คมได้ตามศักยภาพของแต่ละบคุ คลหลกั สูตรการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ัติการพัฒนามาตรฐานผ้ปู ระเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 93 และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202