Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภาษาไทยครูโอ๋ 1

ภาษาไทยครูโอ๋ 1

Published by Chatchai Reuwong, 2021-04-28 05:54:18

Description: ภาษาไทยครูโอ๋ 1

Search

Read the Text Version

๔.๑ คุณค่าด้านเนื้อหา คาสอนในสุภาษิตพระร่วง เป็ นการสอนอย่างกว้างๆ ครอบคลุมทง้ั คติ ทางโลกและทางธรรม สามารถนาไปปฏิบัติได้จริงในชีวติ จึงทาให้สุภาษิต พระร่วงมคี ุณค่าในด้านเนื้อหา ซึ่งแบ่งเป็ น ๑) ข้อคิดและคตทิ างโลก ๒) ข้อคดิ และคติทางธรรม

๑) ข้อคดิ และคตทิ างโลก สุ ภาษิตพระร่ วงมีเนื้อหามุ่งสอนให้ รู้ วิธีดาเนินชีวิตและการปฏิบัติท้ัง ต่อตนเองและผู้อื่นอย่างเหมาะสม เพ่ือความสงบสุขในสังคม ในด้านต่างๆ ดงั นี้ ๑.๑) ความสาคญั ของการศึกษาหาความรู้ ๑.๒) ข้อคดิ ในการทางาน ๑.๓) ความสาคญั ของการพูด ๑.๔) มารยาทในการเข้าสังคม ๑.๕) การรู้จักปรับตัวในสังคม ๑.๖) การประหยดั ๑.๗) การดาเนินชีวติ ครอบครัวให้มีความสุข ๑.๘)การให้ความสาคญั ของญาตพิ นี่ ้อง ๑.๙) การรับราชการ

๒) ข้อคดิ และคตทิ างธรรม สุภาษติ พระร่วงมคี าสอนทเ่ี ช่ือมโยงกบั หลกั ศาสนา จริยธรรม และ คุณธรรมหลายด้าน ดงั นี้ ๒.๑) สอนให้มศี ีล มธี รรม และมคี วามเมตตา ๒.๒) สอนให้มีความโอบอ้อมอารี ๒.๓) สอนให้มคี วามกตญั ญูรู้คุณ ๒.๔) สอนให้ต้งั ตนอย่ใู นความไม่ประมาท ๒.๕) สอนให้เป็ นผู้รู้ประมาณ

๔.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ สุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยร่ายสุภาพท่ีมีสัมผัสคล้องจอง จดจาง่าย มีความไพเราะ และยังให้ความรู้เรื่องคาศัพท์และสานวนเก่า ทาให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของภาษาท่ี เป็ นไปตามกาลเวลา คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ของสุภาษติ พระร่วงแบ่งได้ ดงั นี้ ๑) การใช้คาน้อยแต่กนิ ความมาก ๒) การใช้คาศัพท์คาเดยี ว ๓) การสรรคา

๑) การใช้คาน้อยแต่กนิ ความมาก เนื่องจากสุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยร่ายสุภาพ ซ่ึงมีข้อจากัดเร่ืองจานวนคา ทาให้ใน แต่ละวรรคจาเป็ นต้องใช้คาน้อยแต่ให้ได้ใจความมาก ผู้อ่านต้องตีความให้ถูกต้องจึงจะ เข้าใจความหมายทแี่ ท้จริง ดงั ตัวอย่าง อย่าปลกุ ผกี ลางคลอง มีความหมายว่า ไม่ควรรื้อฟื้ นเร่ืองราวที่ได้ยุติลงไปแล้วขึ้นมา ใหม่ ในขณะท่ีการงานกาลังดาเนินไปได้ด้วยดีหรือในระหว่างท่ี อยู่ในภาวะคบั ขัน เป็ นคาสอนที่เป็ นความเปรียบและแสดงให้เห็น ถึงความเช่ือของคนในอดีตที่ถือกันว่าเมื่อนาวิญญาณไปถ่วงน้า (คลอง) แล้ว ไม่ควรปลุกหรือเรียกวิญญาณน้ันให้ฟื้ นขึน้ มาอกี อนั เป็ นการกระทาทไ่ี ม่มเี หตุผลและไม่ก่อให้เกดิ ประโยชน์แต่อย่างใด

๒) การใช้คาศัพท์คาเดียว เป็ นการนาศัพท์มาใช้เพยี งคาเดยี วโดดๆ และแตกต่างจากคาทใี่ ช้ในปัจจุบันมาก ผู้อ่านต้องพนิ ิจพจิ ารณาจึงจะเข้าใจความหมายของคาและเนื้อความ ดงั ตัวอย่าง จงเร่งระมดั ฟื นไฟ ปัจจุบนั ใช้ ระมดั ระวงั นอบตนต่อผู้เฒ่า ปัจจุบนั ใช้ นบนอบ หรือ นอบน้อม พรรคพวกพงึ ทานกุ ปัจจุบนั ใช้ ทานุบารุง หรือ ทะนุบารุง มีสินอย่าอวดมัง่ ปัจจุบนั ใช้ มั่งมี

๓) การสรรคา ๓.๑ การเล่นเสียง เป็ นการเล่นเสียงสัมผสั ท้งั สัมผสั สระและสัมผัสอกั ษร ในวรรคเดยี วกนั เช่น สัมผสั อกั ษร อย่าเคลอื่ นคลาดคลาถอย เล่นเสียงสัมผสั อกั ษร คือ เคล่ือน-คลาด-คลา อย่ากร้ิวโกรธเนืองนิจ เล่นเสียงสัมผสั อกั ษร คือ กริ้ว-โกรธ, เนือง-นิจ สัมผสั สระ อย่าตปี ลาหน้าไซ เล่นเสียงสัมผสั สระ คือ ปลา-หน้า อย่ากอปรจิตริษยา เล่นเสียงสัมผสั สระ คือ จิต-ริษ(ยา)

๓) การสรรคา (ต่อ) ๓.๒) การเล่นคา การเล่นคาโดยเฉพาะการซ้าคาทีต่ ้นวรรค ภายในวรรค และ ระหว่างวรรค ช่วยเน้นย้าความหมายและยังได้ความไพเราะจากเสียงสัมผัสท่ี คล้องจอง เช่น - ยอครูยอต่อหน้า ยอข้าเมื่อแล้วกจิ ยอมิตรเมื่อลบั หลงั - อย่ายลเยย่ี งถ้วยแตกมิติด จงยลเยย่ี งสัมฤทธ์ิแตกมเิ สีย - รู้ทขี่ ลาดทห่ี าญ คนพาลอย่าพาลผดิ - เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า หน้าศึกอย่านอนใจ - ไปเรือนท่านอย่านั่งนาน

สรุป โคลงโลกนิติ นอกจากจะได้รับการยอมรับว่าเป็ น หนังสือที่แตส่งุภดีมาษีศิตลพปะรกะารร่วปงรแะมพ้จันะธเ์ทป็ี่โนดวดรเรด่ณน คทด้ังีทในี่มดี ้าน ถ้อยขคนาแาดละสส้ันานแตวน่คภุณาคษ่าานท้ันม่ี มีควีมาามกไมพาเยราะดแ้วลยะไอด่า้ในหเ้แขน้าใวจทง่ายงแล้ว ยงั เปใ็นกวรารณปคฏดิบีทัต่ีทิตรงนคทุณี่เคป็่านคปวรรแะกโ่กยาชรศนึก์อษยา่าแงลยะิ่งสาตม่อากรถารนาคา สอนดาใเนนเนิ ร่ืชอีงวตติ ่างๆ ไปปรับใช้ในการดาเนินชีวิตประจาวันใน ปัจจุบันได้เป็ นอย่างดี

๔หน่วยการเรียนรู้ท่ี กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา กาพยเ์ รื่องพระไชยสุริยาเป็นนิทาน ช่วยตอบสนองธรรมชาติของเดก็ นบั เป็นกศุ โลบาย อยา่ งหน่ึง มีความไพเราะคาท่ีใชเ้ ป็นคาไทยง่ายๆ มีสมั ผสั คลอ้ งจอง เหมาะสาหรับการท่องจา และ ยงั ไดเ้ รียนรู้เกี่ยวกบั มาตราตวั สะกดและลกั ษณะของการแต่งคาประพนั ธป์ ระเภทกาพย์

๑ ความเป็ นมา กาพยเ์ ร่ืองพระไชยสุริยา มีเน้ือหาเป็ นนิทานขนาดส้ัน มีความยาวเพียง ๑ เล่มสมุดไทย สุนทรภู่ไดแ้ ต่งข้ึนขณะจาพรรษาอยู่ที่จงั หวดั เพชรบุรี ราว พ.ศ. ๒๓๖๘ หรืออาจแต่งข้ึนเม่ือ คร้ังบวชอยทู่ ่ีวดั เทพธิดาราม ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๓๘๒-๒๓๘๕ สุนทรภู่แต่งกาพยพ์ ระไชยสุริยา ข้ึนเพื่อใชเ้ ป็นแบบสอนอ่านและเขียนสะกดคาในมาตราต่างๆ โดยผูกใหเ้ ป็นเร่ืองราว เพ่ือให้ เด็กมีความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกบั การอ่านและการเล่าเรียนศึกษา คร้ันต่อมาในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระยาศรีสุนทรโวหาร (นอ้ ยอาจารยางกรู ) คร้ังเป็น หลวงสารประเสริฐ เมื่อแต่งหนงั สือมูลบทบรรพกิจ สาหรับใชเ้ ป็นแบบเรียนหนังสือไทยใน โรงเรียนหลวง คงเห็นวา่ กาพยเ์ รื่องพระไชยสุริยาเป็นบทกวที ี่ไพเราะ ท้งั อ่านเขา้ ใจง่าย จึงไดน้ ามารวมไวใ้ นหนงั สือมูลบทบรรพกิจ

๒ ประวตั ิผู้แต่ง สุนทรภู่เป็ นกวีเอกคนหน่ึงของกรุงรัตนโกสินทร์ เกิดวนั จนั ทร์ เดือน 8 ข้ึน 1ค่า ปี มะเมีย ตรงกบั วนั ท่ี 26 มิถุนายน พ.ศ.2329 ซ่ึงตรงกบั รัชสมยั ของพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลท่ี 1) ต้งั แต่สุนทรภู่ยงั เดก็ สุนทรภู่เขา้ ไปอยู่ในวงั กบั มารดา ตอนยงั เป็ นเด็ก สุนทรภู่ไดเ้ ล่าเรียนท่ีวดั ชีปะขาว (วดั ศรีสุดาราม) โตข้ึนก็เขา้ รับราชการเป็ นนายระวางพระคลงั สวน ไม่ นานกล็ าออกเพราะไมช่ อบงานน้ี ชอบแต่การแต่งกลอน และแต่งสกั วาเท่าน้นั นิทานสุนทรภู่ มี 5 เร่ือง ได้แก่ 1. เรื่องโคบุตร (8 เล่มสมุดไทย) 2. เร่ืองพระอภยั มณี(94 เล่มสมุดไทย) 3. เร่ืองพระไชยสุริยา (แต่งเป็นกาพย)์ (1 เล่มสมุดไทย) 4. เรื่องลกั ษณวงศ์ (9 เล่มสมุดไทย มีแต่งต่ออีก 10 เล่มดว้ ยสานวนผอู้ ่ืน) 5. เรื่องสิงหไตรภพ (15 เล่มสมุดไทย) สุนทรภู่ไดร้ ับยกยอ่ งเป็นบุคคลสาคญั ของโลกจากองคก์ าร UNESCO

๓ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ กาพยเ์ รื่องพระไชยสุริยา แต่งดว้ ยคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ ไดแ้ ก่ กาพยย์ านี ๑๑ กาพยฉ์ บงั ๑๖ และกาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘ ขนุ นางต่างลุกวิง่ กาพย์ยานี ๑๑ พลั วนั ดนั ตึงตงั ท่านผหู้ ญิงว่งิ ยดุ หลงั พระสงฆล์ งจากกฏุ ์ิ พล้งั พลดั ตกหกคะเมน วิ่งอุตลุดฉุดมือเณร หลวงชีหนีหลวงเถร ลงโคลนเลนเผน่ ผาดโผน กาพย์ฉบงั ๑๖ กลางไพรไก่ขนั บรรเลง ฟังเสียงเพยี งเพลง ซอเจง้ จาเรียงเวียงวงั เพยี งฆอ้ งกลองระฆงั ยงู ทองร้องกะโตง้ โห่งดงั แตรสงั ขก์ งั สดาลขานเสียง

ลกั ษณะคาประพนั ธ์ (ต่อ) กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ วนั น้นั จนั ทร มีดารากร เป็ นบริ วาร ใบกา้ นอรชร เห็นสิ้นดินฟ้า ในป่ าท่าธาร มาลีคล่ีบาน วายพุ าขจร สารพนั จนั ทน์อิน วา้ วอ่ นเวยี นระวนั เยน็ ฉ่าน้าฟ้า ช่ืนชะผกา รื่นกลิ่นเกสร แตนต่อคลอ้ ร่อน แผนผงั กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘

๔ เรื่องย่อ กาพยเ์ รื่องพระไชยสุริยา เริ่มตน้ ดว้ ยบทไหวค้ รูโดยใชค้ าในมาตราแม่ ก กา จากน้นั เป็ นเน้ือความ แต่งเรียงตามมาตราตวั สะกด คือ แม่ ก กา แม่กน แม่กก แม่กง แม่ กด แม่กบ แม่กม แม่เกย เม่ือจะข้ึนมาตราใดกจ็ ะบอกไวอ้ ยา่ งชดั เจน ต่อมาเป็นเน้ือเร่ืองกล่าวถึงพระไชยสุริยาครองเมืองสาวตั ถี มีมเหสีพระนาม วา่ สุมาลีพระไชยสุริยาทรงปกครองบา้ นเมืองดว้ ยความผาสุก แต่ต่อมาบรรดาขา้ ราชการ ประพฤติตนไม่ดีไม่อยใู่ นศีลธรรม ทาให้เกิดอาเพศ น้าป่ าไหลท่วมบา้ นเมือง พระไชย สุริยาจึงทรงพานางสุมาลีลงเรือสาเภา เรือถูกพายพุ ดั อบั ปาง พระไชยสุริยาและมเหสีข้ึน ฝ่ังได้ ก็เดินทางรอนแรมกลางป่ าได้รับความทุกข์ ต่อมาพบพระอินทร์เสด็จมาสอน ธรรมะ พระไชยสุริยาและพระมเหสีจึงเสดจ็ ออกผนวชบาเพญ็ พรตตลอดพระชนมช์ ีพ

เร่ืองน่ารู้ : โอ้เอ้วหิ ารราย ความสาคญั ของกาพยเ์ รื่องพระไชยสุริยา นอกจากจะเป็นแบบเรียนสอนอ่านท่ี มีคุณค่าดา้ นเน้ือหาแลว้ ยงั มีการนามาเป็นบทสวดที่เรียกวา่ การสวดโอ้เอ้วิหารราย คือ การ สวดกาพยเ์ ป็ นทานองตามศาลารายรอบพระอุโบสถวดั พระศรี รัตนศาสดาราม ในวนั เขา้ พรรษา วนั กลางพรรษา และวนั ออกพรรษา สนั นิษฐานวา่ มีมาต้งั แต่สมยั อยธุ ยา เร่ืองที่ นิยมนามาสวด คือ มหาชาติ ต่อมาในสมยั รัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ให้มีการสวดโอเ้ อว้ ิหารรายในช่วงเขา้ พรรษาโดยนากาพยเ์ ร่ืองพระ ไชยสุริยามาสวดเป็นคร้ังแรก เนื่องจากการใชบ้ ทสวดมหาชาติมีผสู้ นใจฟังนอ้ ย

๕ เนื้อเรื่อง กาพย์เร่ืองพระไชยสุริยา สะธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา (ตวั อย่าง) พอ่ แม่แลครูบา เทวดาในราศี เขา้ มาต่อ ก กา มี ขา้ เจา้ เอา ก ข ดีมิดีอยา่ ตรีชา แกไ้ ขในเท่าน้ี พอล่อใจกมุ ารา เจา้ พาราสาวะถี จะร่าคาต่อไป มีสุดามเหสี ธรณีมีราชา อยบู่ ุรีไม่มีภยั มีกิริยาอะฌาสยั ชื่อพระไชยสุริยา ไดอ้ าศยั ในพารา ชื่อวา่ สุมาลี ชาวบุรีกป็ รีดา ไดข้ า้ วปลาแลสาลี ขา้ เฝ้าเหล่าเสนา กห็ าเยาวนารี พ่อคา้ มาแต่ไกล ทามโหรีที่เคหา เขา้ แต่หอล่อกามา ไพร่ฟ้าประชาชี โลโภพาใหบ้ า้ ใจ ทาไร่ขา้ วไถนา อยมู่ าหมู่ขา้ เฝ้า ท่ีหนา้ ตาดีดี ค่าเชา้ เฝ้าสีซอ หาไดใ้ หภ้ ริยา

๖ คาศัพท์ ความหมาย คาศัพท์ พิณสี่สาย กระจบั ป่ี ระฆงั วงเดือน กงั สดาล กาลกณิ ี ลกั ษณะที่เป็นอปั มงคล กณู ฑ์ ขอษมา ไฟ ขนั ธสันดาน ข่ือคา ขอโทษ ขออภยั อุปนิสัยที่มีมาแต่กาเนิดในตวั ของตนเอง คอโค เคร่ืองจองจานกั โทษ ทาดว้ ยไมเ้ จาะรูประกอบกบั คอและขอ้ มือ ท้งั สองขา้ งของ ฉ้อ นกั โทษ คนอินเดียเชื่อวา่ น้าในแม่น้าคงคาไหลมาจากคอของโคอุสุภราช พาหนะ ของพระอิศวรซ่ึงอยวู่ มิ านบนเขาไกรลาส โกง ข้ีโกง ใชอ้ ุบายหลอกลวง

คาศัพท์ ความหมาย เฉโก ฉลาดแกมโกง ไม่ตรงไปตรงมา ตรีชา ความหมายตามบริบท หมายถึง ติเตียน (ไม่มีความหมายใน ตะรัง พจนานุกรม) ไตรยุค ด้นั ตะบึงไป ขอษมา ทวาบรยคุ ชื่อยคุ หน่ึงในสี่ยคุ ตามคติของพราหมณ์ในยคุ น้ี ไตรสรณา ธรรมะและอายขุ องมนุษยล์ ดลงเหลือเพยี ง ๒ ใน ๔ เมื่อเทียบ ถือนา้ กบั กฤดายคุ (กฤดายคุ ไตรดายคุ ทวาบรยคุ กลียคุ ) เถื่อน บรรจถรณ์ ขอโทษ ขออภยั บา ประเวณี ท่ีพ่งึ ท้งั สามคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เเป็นการทาพธิ ีดื่มน้าสาบานถวายพระเจา้ แผน่ ดิน ป่ า ท่ีนอน ครู อาจารย์ ชายหนุ่ม ในที่น้ีใชใ้ นความหมายวา่ ประเพณี

คาศัพท์ ความหมาย ประสกสีกา ประสก มาจากคาวา่ อุบาสก สีกา มาจากคาวา่ อุบาสิกา หมายถึง ชายหญิงท่ีเป็นคฤหสั ถท์ ี่นบั ถือพระพุทธศาสนา ปัตติ ปาปัง ส่วนบุญ พระแกล พระดาบส ปาป พระยาสัมพาที หนา้ ต่าง พระแสง พทุ ธนั ดร ผบู้ าเพญ็ ตบะ ฤๅษี ไพชยนต์ พญานกในวรรณคดีเร่ืองรามเกียรต์ิพ่ีของนกสดายเุ ป็นผบู้ อก ภาษาไสย ทางไปกรุงลงกาใหแ้ ก่หนุมาน ภุมรา อาวธุ หรือเครื่องใชม้ ีคมท่ีพระมหากษตั ริยท์ รงใชส้ อย ช่วงเวลาที่วา่ งจากพระพุทธเจา้ คือช่วงเวลาหลงั จากที่ พระพทุ ธเจา้ องคห์ น่ึง นิพพานแลว้ กบั ที่พระพุทธเจา้ อีกองคห์ น่ึงจะมาตรัสรู้ ชื่อรถและวมิ านของพระอินทร์ ปราสาททวั่ ไปของหลวง ลทั ธิอนั เน่ืองดว้ ยเวทมนตร์คาถา แมลงภู่ ผ้งึ ในที่น้ีหมายถึง ตวั สุนทรภู่

คาศัพท์ ความหมาย ประสกสีกา เรือ มรคา ทาง โมทนา บนั เทิง ยนิ ดี พลอยบนั เทิง พลอยยนิ ดี ยอแสง อาการที่พระอาทิตยอ์ ่อนแสงลง เวลาจะพลบค่า เยาวนารี สาวรุ่น โยโส อวดดี รัญจวน ป่ วนใจ สะเทือนใจดว้ ยความกระสนั ถึง ราศี ลกั ษณะความดีงามของคน สิริมงคล รุกขมูล โคนตน้ ไม้ โลโภ ความโลภ ความอยากไดไ้ ม่รู้จกั พอ วบิ ัติ พิบตั ิ ความเคล่ือนคลาด ความผดิ โทษ ความตาย ความยากเขญ็ อนั ตราย สังวจั ฉระ ปี สัตถาวร แผลงมาจากคาวา่ สถาวร แปลวา่ ยงั่ ยนื

๗ บทวเิ คราะห์ ความหมาย คาศัพท์ พิณสี่สาย กระจบั ปี่ ระฆงั วงเดือน กงั สดาล กาลกณิ ี ลกั ษณะท่ีเป็นอปั มงคล กูณฑ์ ขอษมา ไฟ ขนั ธสันดาน ข่ือคา ขอโทษ ขออภยั อุปนิสัยท่ีมีมาแต่กาเนิดในตวั ของตนเอง คอโค เครื่องจองจานกั โทษ ทาดว้ ยไมเ้ จาะรูประกอบกบั คอและขอ้ มือ ท้งั สองขา้ งของ ฉ้อ นกั โทษ คนอินเดียเชื่อวา่ น้าในแม่น้าคงคาไหลมาจากคอของโคอุสุภราช พาหนะ ของพระอิศวรซ่ึงอยวู่ มิ านบนเขาไกรลาส โกง ข้ีโกง ใชอ้ ุบายหลอกลวง

๗ บทวเิ คราะห์ กาพย์พระไชยสุริยาแต่งข้ึนเพ่ือเป็ นแบบเรียนเร่ืองการสะกดและการใช้ ถอ้ ยคา เหมาะสาหรับเด็ก เนื่องดว้ ยสานวนภาษาท่ีใชใ้ นการเรียบเรียงแต่งตรงไปตรงมา เรียงตามลาดบั มาตราตวั สะกด คือ แม่ ก กา แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม แม่ เกย ส่วนแม่เกอว ไม่มีบทอ่านแยกออกมาต่างหาก แต่รวมไวใ้ นแม่เกย ลกั ษณะเน้ือหาเร่ิม สอนจากง่ายไปหายาก มีการทบทวนความรู้เดิมทุกคร้ัง เช่น บทท่ีใชค้ าในแม่กก มีการ แทรกคาในแม่ ก กา แม่กน แม่กง เพอ่ื ใหอ้ ่านทบทวน ทาใหส้ นุก น่าสนใจ น่าติดตาม

๗.๑ คุณค่าด้านเนื้อหา ๑) ให้ความรู้ตามจุดประสงค์ของผู้แต่ง คือ ใช้เป็ นส่ือในการสอนมาตรา ตวั สะกดผูท้ ่ีใชก้ าพยพ์ ระไชยสุริยาเป็ นแบบเรียนจะสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ อยา่ งถูกตอ้ งและสามารถใชท้ บทวนความรู้ทางการใชภ้ าษาได้ ๒) สะท้อนสภาพสังคมไทย สุนทรภู่เกิดหลงั การสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เพียง สามปี ไดร้ ับรู้เหตุการณ์ตอนเสียกรุงจากผูใ้ หญ่ท่ีเคยพบสภาพท้งั ก่อนเสียกรุง ขณะเสีย กรุง การกอบกูบ้ า้ นเมืองและสร้างบา้ นแปลงเมืองมา จึงสอดแทรกสภาพสังคมไทยก่อน เสียกรุง โดยสร้างตวั ละครในเรื่องวา่ ขา้ ราชบริพาร เสนาบดีไม่ใส่ใจบา้ นเมือง ฉอ้ ราษฎร์ บงั หลวง คดโกง ไม่ยุติธรรม หมกมุ่นอยู่กบั ความสนุกสนานเพลิดเพลินมวั เมาในกาม เหมือนสภาพคนไทยก่อนเสียกรุง

คุณค่าด้านเนื้อหา (ต่อ) ๓) แสดงความคดิ ความเชื่อ และค่านิยมของคนในสังคม เช่น ๓.๑) ความเช่ือเร่ืองไสยศาสตร์ กาพยเ์ รื่องพระไชยสุริยาแสดงให้ เ ห็ น ค ว า ม เ ชื่ อ ข อ ง ผู้ค น ใ น ส มัย น้ ัน ว่ า นับ ถื อ ไ ส ย ศ า ส ต ร์ ม า ก ก ว่ า ห ลัก ธ ร ร ม ท า ง พระพทุ ธศาสนา จนมีความประพฤติในทางท่ีผดิ ๓.๒) แสดงค่านิยมของครอบครัว คู่สามีภรรยายามตกทุกขไ์ ดย้ าก ตอ้ งไม่ทอดทิ้งกนั ภรรยาตอ้ งใหค้ วามเคารพและปรนนิบตั ิสามีท้งั ยามทุกขแ์ ละยามสุข ๓.๓) แสดงความเคารพในสิ่งที่ควรเคารพ การแสดงความเคารพ ศรัทธาในพระรัตนตรัย พอ่ แม่ ครูบาอาจารย์ และส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิ ๓.๔) ให้ข้อคดิ คติธรรม สาหรับนาไปใช้ในการดาเนินชีวติ • ข้าราชการท่ีดีต้องไม่คดโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง กดข่ีข่มเหง ประชาชนคนไทยไม่ควรหลงระเริ ง มัวเมาแต่ความสนุกสนาน เพลิดเพลินในกามารมณ์ • ผนู้ าของประเทศตอ้ งควบคุมดูแลขา้ ราชการ อยา่ ใหร้ ังแกประชาชน

๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑) การใช้คา ง่ายๆ บรรยายใหเ้ ห็นภาพชดั เจน ๒) ใช้ถ้อยคาให้เกดิ จนิ ตภาพ ๓) ใช้โวหารนาฏการ คือ เห็นกิริยาอาการที่ทาต่อเนื่อง ๔) การใช้ความเปรียบว่าสิ่งหน่ึงเหมือนกบั ส่ิงหน่ึง หรือ อุปมา คือ การเปรียบเทียบ ๕) การเลยี นเสียงธรรมชาติ ๖) การเล่นเสียง สัมผสั อกั ษร เช่น จง-จา ม่ิง-ไม้ ไกร-กร่าง ยาง-ยงู ปริง-ประยงค์ ฝิ่น-ฝาง พลวง-พลอง สัมผสั สระ เช่น กง-จง จา-สา กน-ปน ไม-้ ใน กร่าง-ยาง ยงู -สูง ลิง-ปริง-ปลิง ยงค-์ ทรง-ส่ง ๗) ใช้ลลี าจงั หวะในการอ่านได้สนุกและเกดิ อารมณ์ตามเนื้อเรื่อง

สรุป กาพย์พระไชยสุริยา มีลักษณะการแต่งเหมาะสมกับเน้ือหา ให้ความ สนุกสนาน เพลิดเพลิน ไม่ยาวเกินไป เหมาะสมกบั วยั ของเด็ก สามารถใชส้ อนไดผ้ ล ตามจุดประสงค์ของผูแ้ ต่ง นอกจากน้ียงั มีคุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ และดา้ นสังคมหลาย ประการ นบั เป็ นวรรณคดีที่เป็ นมรดกของชาติ ควรค่าแก่การศึกษาดว้ ยความภูมิใจ และมีความเหมาะสมที่ไดร้ ับเลือกเป็นแบบเรียนแก่เยาวชนไทย ต้งั แต่สมยั รัชกาลท่ี ๕

๕หน่วยการเรียนรู้ที่ ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา ราช าธิ ราช ถื อ เป็ นวรรณคดีร้อยแก้วท่ี มีสานวนโวหารคมคาย ไพเราะ เนื้อเรื่องชวน ติดตาม และมีข้อคิดเป็ น คติเตือนใจ ตลอดจน ปลูกฝังให้ มีความรั ก ชาติและภักดีต่อสถาบัน พระมหากษัตริย์

๑ ความเป็ นมา ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาเป็ นหนังสือที่พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระ- คลัง (หน) พระยาอินทรอัคคราช พระภิรมย์รัศมีและพระศรีภูริ ปรีชาช่วยกันแปลและเรียบเรียงแต่งขนึ้ เม่ือ พ.ศ. ๒๓๒๘ “ด้วยพระราชหฤทัยประสงค์จะให้เป็ นหิตานุหิตประโยชน์แก่พระบรมราชวงศานวุ งศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้น้อยผู้ใหญ่ในฝ่ ายทหาร ฝ่ ายพลเรือน จะได้สดับจาไว้เป็ นคติ บารุงสติปัญญาไปภายหน้า”

๒ ประวตั ผิ ู้แต่ง เจ้าพระยาพระคลงั (หน) เจ้าพระยาพระคลงั (หน) เกิดในแผ่นดนิ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สมัยอยุธยาตอนปลายและถึงแก่อสัญกรรมเม่ือ พ.ศ. ๒๓๔๘ ในแผ่นดิน พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้รับราชการมีบรรดาศักด์ิเป็ น หลวงสรวิชิต นายด่านเมืองอุทัยธานี ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ- ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เล่ือนยศเป็ นพระยาพิพัฒนโกษาและเจ้าพระยาพระ คลงั

๓ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา แปลและเรียบเรียงแต่งเป็ นร้อย- แก้ว ใช้ประโยคที่มีขนาดส้ันยาวได้จังหวะ มีคารมคมคาย ใช้โวหารต่างๆ ได้ อย่างจบั ใจ และมกี ลวธิ ีในการดาเนนิ เรื่องแบบเร่ืองเล่าลกั ษณะคล้ายนิทาน

๔ เร่ืองย่อ พระเจ้ากรุงต้าฉิงแห่งเมืองจีนยกทัพมาล้อมกรุงอังวะ ต้องการให้ พระเจ้ามณเฑียรทองออกไปถวายบังคม และขอให้ส่งทหารออกมาขี่ม้ารา ทวนต่อสู้กันตัวต่อตัวกับกามะนีทหารเอกของเมืองจีน ถ้าฝ่ ายกรุงรัตนบุระ องั วะแพ้ต้องยกเมืองให้ฝ่ ายจีน แต่ถ้าฝ่ ายจีนแพ้กจ็ ะยกทัพกลบั ทนั ที

๔ เร่ืองย่อ (ต่อ) พระเจ้ามณเฑยี รทองประกาศหาผู้ท่ี จะอาสาออกรบ เมื่อสมิงพระรามทราบข่าว ก็คิดตรึกตรองว่า หากจีนชนะคร้ังนี้ จีนคง จะยกทัพไปตีเมืองหงสาวดีของตนต่อเป็ น แน่ ควรคิดป้องกันไว้ก่อนจึงอาสาออกรบ ในระหว่างการรบ สมิงพระรามได้หลอกล่อ ให้กามะนีราตามในท่าต่างๆ สมิงพระราม เห็นช่องใต้รักแร้กับบริเวณเกราะซ้ อนท้าย หมวกเปิ ดออกได้ เม่ือได้ทีก็สอดทวนแทง ซอกใต้รักแร้ แล้วฟันย้อนกลีบเกราะตัด ศีรษะของกามะนีขาด นามาถวายพระเจ้า มณเฑียรทอง

บอกเล่าเก้าสิบ : หงสาวดี หงสาวดี หรือทเี่ รียกอกี ช่ือหน่ึงว่า พะโค เป็ นหนึ่งในหลายเมืองสาคญั ของมอญท่ี ปรากฏอยู่ในเรื่องราชาธิราช ต้งั อยู่ทางตอนใต้ของประเทศพม่า ในอดตี หงสาวดเี คยเป็ นเมือง ของมอญ ก่อนที่พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ จะยดึ ครองได้ใน พ.ศ. ๒๐๘๒ หงสาวดเี จริญรุ่งเรืองถึง ขดี สุดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง พระองค์ได้โปรดให้สร้างพระราชวงั ทช่ี ื่อว่า กมั โพชธานี เป็ นพระราชวังที่มีขนาดใหญ่ไว้เป็ นทป่ี ระทับ พระราชวัง (จาลอง) ทปี่ ระทับของพระเจ้าบุเรงนองทเี่ มืองหงสาวดี

๕ บทวเิ คราะห์ ราชาธิราชเป็ นเรื่องแต่งที่มเี รื่องราวสนุกสนานเพลดิ เพลนิ การดาเนินเร่ืองชวน ติดตามเรียบเรียงด้วยสานวนภาษาสละสลวย นับเป็ นวรรณคดที ี่ถือเป็ นแบบฉบับในการ เขียนความเรียงท่ีดเี รื่องหน่ึงและมขี ้อคดิ เป็ นคตเิ ตือนใจหลายประการ แบ่งตามหัวข้อได้ ดงั ต่อไปนี้ ๕.๑ แนวคดิ หรือสาร ๕.๒ ตวั ละคร ๕.๓ กลวธิ ีการแต่ง ๕.๔ คุณค่าด้านเนื้อหาและวรรณศิลป์

๕.๑ แนวคดิ หรือสาร เรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา กวไี ด้สอดแทรกแนวคิด หรือคติท่ีสามารถ นามาปรับใช้ในการดาเนินได้อย่างลกึ ซึ้งและเหมาะสม โดยแนวคิดที่สาคัญมี ๒ แนวคิด ดงั นี้ ๑) ปัญญาย่อมนามาสู่ความสาเร็จ ๒) การรักษาคาสัตย์ย่อมเป็ นทส่ี รรเสริญ

๑) ปัญญาย่อมนามาสู่ความสาเร็จ แนวคิดสาคัญของเร่ือง คือ คุณค่าของสติปัญญาเพราะความสาเร็จเกิดขึ้นได้ด้วย สตปิ ัญญาและฝี มือ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดๆ กต็ าม ควรใช้ความรอบคอบ คดิ ไตร่ตรองให้ถ้วนถ่ี ดงั สมงิ พระรามเม่ือคร้ังอาสาประลองฝี มือทวนกบั กามะนี ได้ทูลขอม้าฝี เท้าดฝี ึ กม้า จนรู้จกั ทานองรุกรับได้ท้งั ยงั ใช้อุบายอนั ชาญฉลาด “จาจะขับเคย่ี วกันไปก่อนจงึ จะหย่อนกาลงั ลง เห็นจะเสียทีทานองจงึ เอาชัยชนะได้โดยง่าย” สมงิ พระรามสังเกต “เห็นเป็ นช่องใต้รักแร้ทง้ั สองเป็ นหว่างอย่พู อจะสอดทวนแทงได้” ทาให้สามารถสังหารกามะนีได้ในทสี่ ุด

๒) การรักษาคาสัตย์ย่อมเป็ นที่สรรเสริญ ผู้รักษาวาจาย่อมได้รับความนับถือจากผู้คนทวั่ ไป ผู้ทจ่ี ะปกครองผู้อื่นได้น้ันต้องมี น้าใจนักกฬี า รู้แพ้รู้ชนะ มใี จเป็ นธรรม และรักษาคาสัตย์ ดงั พระเจ้ากรุงจนี และพระเจ้า ฝรั่งมังฆ้องทย่ี ดึ ม่นั ในวาจาย่ิงกว่าชีวติ พระเจ้ากรุงจนี ตรัสว่า “...เราเป็ นกษตั ริย์ผ้ใู หญ่อันประเสริฐ ได้ให้คาม่นั สัญญาไว้ แก่เขาแล้ว จะกลับคาไปดงั น้ันหาควรไม่ พม่าทง้ั ปวงจะชวนกนั ดูหม่นิ ได้ว่าจนี พูดมจิ ริง เรารักสัตย์ยงิ่ กว่าทรัพย์...” พระเจ้าฝรั่งมงั ฆ้องตรัสว่า “...เราเป็ นกษตั ริย์อนั ประเสริฐ ได้ออกวาจาแล้วถงึ จะตาย กห็ าเสียดายชีวิตไม่ เพราะรักสัตย์ยงิ่ กว่ารักชีวิตได้ร้อยเท่า...”

๕.๒ ตวั ละคร เร่ืองราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ปรากฏตัวละครมากมายท้งั กษตั ริย์ ทหาร และชาวบ้าน ในที่นีจ้ งึ ขอคดั เลือกตัวละครทีส่ าคญั นามาวเิ คราะห์ ดังนี้ ๑) สมิงพระราม ๒) พระเจ้าฝรั่งมงั ฆ้อง ๓) พระอคั รมเหสีของพระเจ้าฝรั่งมงั ฆ้อง

๑) สมงิ พระราม ทหารเอกของพระเจ้าราชาธิราชกษัตริย์มอญแหง่กรุงหงสาวดี มฝี ี มือการรบเก่งกาจและยึดม่นั ในการรักษาวาจาสัตย์ อกี ท้งั ยังมีความซื่อสัตย์จงรักภักดี ต่อพระเจ้าราชาธิราชแต่ผู้เดยี ว ดงั ตวั อย่างบทประพนั ธ์ “สมงิ พระรามน้ีขชี่ ้างข่มี ้าสันทดั ดี ฝี มอื เข้มแขง็ แกล้วกล้าในการสงคราม หาผ้เู สมอตัวยาก” “ครั้นเราจะหนีไปกจ็ ะเสียสัตย์หาควรไม่” “คร้ันจะรับอาสาบดั น้ีเล่า กเ็ หมอื นหาบสองบ่าอาสาสองเจ้าหาควรไม่”

๒) พระเจ้าฝรั่งมงั ฆ้อง กษัตริย์พม่าครองกรุงรัตนบุระอังวะ เป็ นนักปกครองที่ รักษาคาสัตย์มุ่งมั่นในการรักษาบ้านเมือง คร้ันสมิงพระรามไม่ขอรับพระราชทานรางวัลใดๆ พระองค์ทรงเกลยี้ กล่อมและโดยให้เหตุผล ดงั นี้ “...ถึงมาตรว่าจะมิรับด้วยท่านคานึงถึงพระเจ้าราชาธิราชอยู่ ก็จงรับเสีย แต่พอเป็ นเหตุตามสัญญาเถิด อย่าให้เราเสียสัตย์เลย อน่ึงเราเกรงคนท้ัง ปวงจะครหานินทาได้ ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มีความชอบเป็ นอันมาก มิได้รับบาเหน็จรางวลั ส่ิงใด นานไปเบื้องหน้า ถ้าบ้านเมืองเกดิ จลาจลหรือ ข้าศึกมายา่ ยเี หลือกาลงั กจ็ ะไม่มผี ้ใู ดรับอาสาอกี แล้ว...”

๓) พระอคั รมเหสีของพระเจ้าฝร่ังมงั ฆ้อง ทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย จากพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องให้ดูแลกิจการฝ่ ายใน มีความเฉลยี วฉลาดรู้ซึ้งถึงจิตใจคน โน้มน้าวใจ พระราชธิดาให้ละทิฐิยอมอภิเษกกับสมิงพระรามเพื่อบ้านเมือง ดงั ตัวอย่างบทประพนั ธ์ “ซ่ึงลูกเปรียบชาติเขาเหมือนกานั้นก็ชอบอยู่ แต่เขาประกอบศิลปศาสตร์ วิชาการเป็ นทหารมีฝี มือหาผู้เสมอมิได้ ก็เปรียบเหมือนกาขาวมิใช่กาดา สมเด็จพระราชบิดาจะทรงชุบข้ึนแล้วกค็ งเป็ นหงส์ ซึ่งเปรียบเหมือนเสือ น้ัน ถ้าพระราชบิดาชุบย้อมแล้ว กค็ งจะกลบั เป็ นราชสีห์”

๕.๓ กลวธิ ีการแต่ง คล้ายกบั นวนิยายในปัจจุบนั ท้ังการดาเนินเร่ือง ตวั ละคร ฉาก การเขยี นบรรยายความ ส่วน บทสนทนามิได้แยกให้เห็นชัดเจนอย่างนวนิยาย แต่ผู้อ่านสามารถสังเกตจากคาเชื่อม “ว่า” ดังเช่น จึงตรัสว่า จึงพูดว่า จึงตอบว่า กราบทูลว่า เป็ นต้น และสรรพนามแทนตัวผู้พูดใน ข้อความน้ันๆ ดังตัวอย่างบทประพนั ธ์ “...สมิงพระรามจึงทูลว่าลักษณะช้างดีต่อเม่ือขี่จึงรู้ว่าดี ม้าดีได้ต้องเอามือ ต้องหลังดูก่อนจึงจะรู้ว่าดี ทแกล้วทหารก็ดี ถ้าอาสาออกสงครามทาศึกจึง จะรู้ว่าดี ทองนพคุณเล่าขีดลงหน้าศิลาก่อนจึงจะรู้ว่าดี สตรีรูปงามถ้า พร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาทต้องอย่างจึงควรนับว่างาม ถ้าจะให้รู้รส อร่อยได้สัมผสั ถูกต้องก่อนจึงนับถอื ว่ามโี อชาอร่อย...”

๕.๔ คุณค่าด้านเนื้อหาและวรรณศิลป์ เรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา นับเป็ นวรรณคดีแปลเร่ืองสาคัญเร่ืองหน่ึง ของไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเช่ือ ค่านิยมที่สอดแทรกอยู่ในบทประพันธ์ท่ีมีเนื้อหา ไพเราะคมคาย ดงั จะวเิ คราะห์โดยแบ่งเป็ น ๒ ด้าน ดงั นี้ ๑) คุณค่าด้านสังคม ค่านิยม และความเชื่อ ๒) คุณค่าด้านวรรณศิลป์

๑) คุณค่าด้านสังคม ค่านิยม และความเชื่อ ๑.๑) ความเชื่อถือในเร่ืองฤกษ์ เช่น ตอนพระเจา้ กรุงตา้ ฉิงยกทพั มายงั กรุงรัตนบุระองั วะ ตอ้ งรอใหไ้ ดฤ้ กษด์ ีก่อนจะยกทพั มาได้ ดงั ความวา่ “...พระเจ้ากรุงจีนได้ทรงฟังก็พระทัยยินดีนัก จึงสั่งให้ จัด พระพยุหเสนาท้ังปวงเป็ นอันมากจะนับประมาณมิได้ ครั้นได้ ศุภฤกษ์แล้วพระองค์ ก็เสด็จทรงม้าพระท่ีน่ังยกทัพบกมายัง กรุงรัตนบุระอังวะ...”

๑) คุณค่าด้านสังคม ค่านิยม และความเชื่อ (ต่อ) ๑.๒) ขนบธรรมเนียมของการส่งเคร่ืองราชบรรณาการไปเพ่ือตอบแทน เช่น การส่ง เคร่ืองราชบรรณาการพร้อมพระราชสาส์นจากพระเจา้ กรุงตา้ ฉิง ไปยงั พระเจา้ ฝร่ังมงั ฆอ้ ง ดงั ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ ครั้นพระเจ้ากรุงจีนให้ต้ังค่ายม่ันลงแล้วกใ็ ห้แต่งพระราชสาส์นฉบับหนึ่ง แล้วให้จัดแพรลายมังกรร้อยม้วน แพรลายทองร้อยม้วน กับเคร่ืองยศ ประดับหยกอย่างกษัตริย์สารับหน่ึงให้ขุนนางในตาแหน่งฝ่ ายพลเรือน ช่ือโจเปี ยวพูดภาษาพม่าได้ กับไพร่พอสมควร เชิญพระราชสาส์นกับ เครื่องราชบรรณาการเข้ามาถวายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง

๑) คุณค่าด้านสังคม ค่านิยม และความเช่ือ (ต่อ) ๑.๓) การรักษาสัจจะของบุคคลท่ีอยู่ในฐานะกษัตริย์ เช่น การรักษาคาพูดของพระเจา้ กรุงตา้ ฉิงเมื่อกามะนีแพก้ ย็ กทพั กลบั ไปโดยไม่ทาอนั ตรายแก่ผใู้ ดเลย ตามท่ีไดพ้ ดู ไว้ ดงั ตอน ท่ีวา่ “...พระเจ้ากรุงจนี ได้ฟังกต็ รัสห้าม นายทพั นายกองทแกล้วทหารท้ังปวง ว่าเราเป็ นกษตั ริย์ผู้ใหญ่อนั ประเสริฐได้ให้คามัน่ สัญญาไว้แก่เขาแล้วจะ กลบั คาไปดงั น้ัน หาควรไม่ พม่าท้งั ปวงจะชวนกนั ดูหมน่ิ ได้ว่าจีนพดู มจิ ริง เรารักสัตย์ยงิ่ กว่าทรัพย์...”

๑) คุณค่าด้านสังคม ค่านิยม และความเช่ือ (ต่อ) ๑.๔) ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สมิงพระรามแมจ้ ะอาสารบใหก้ บั พระเจ้าอังวะ แต่โดยใจจริ งแล้วก็ทาเพ่ือบ้านเมืองของตนและยังคงจงรักภักดี ต่อ พระมหากษตั ริยข์ องตนเสมอ ดงั ความตอนหน่ึงวา่ “...เห็นศึกจีนจะกาเริบยกล่องเลยลงไปตดิ กรุงหงสาวดีด้วยเป็ นมั่นคง ตัว เราเล่าก็ต้องจองจาตรากตราอยู่ ถ้าเสียกรุงองั วะแล้วจะหมายใจว่าจะรอด คืนไปเมืองหงสาวดไี ด้กใ็ ช่ที่ จาเราจะรับอาสาตดั ศึกเสียจึงจะชอบ อย่าให้ ศึกจนี ยกลงไปตดิ กรุงหงสาวดไี ด้...”

๑) คุณค่าด้านสังคม ค่านิยม และความเชื่อ (ต่อ) ๑.๕) การปูนบาเหน็จรางวัลให้แก่ผู้ทาคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็ นการสร้าง กาลงั ใจและผูกใจคน ดงั ตอนท่ีพระเจา้ องั วะให้เหตุผลต่อสมิงพระราม เมื่อคร้ันรู้ว่าสมิง พระรามจะไม่รับบาเหน็จจากการอาสารบ “...อนึ่งเราเกรงคนท้ังปวงจะครหานินทาได้ ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มี ความชอบเป็ นอันมาก มิได้รับบาเหน็จรางวัลส่ิงใด นานไปเบื้องหน้าถ้าบ้านเมือง เกดิ จลาจลหรือข้าศึกมายา่ ยเี หลือกาลงั กจ็ ะไม่มผี ู้ใดรับอาสาอกี แล้ว...”

๒) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๒.๑) การเล่าเรื่องใช้บรรยายโวหาร รูปประโยคไม่ซบั ซอ้ นแต่ผูกประโยคยาวไดอ้ ยา่ ง เหมาะสมและเลือกสรรถอ้ ยคาได้จินตภาพเด่นชดั ภาษาท่ีใชส้ ละสลวย ดงั เช่น บทชมโฉม พระราชธิดาพระเจา้ ฝรั่งมงั ฆอ้ ง ความวา่ “สมบูรณ์ด้วยลักษณะและสิริมารยาทงามยง่ิ นัก ถ้าบุรุษผู้ใดได้เห็นและได้ น่ังใกล้แล้วเม่ือใดก็มิอาจจะดารงจิตอยู่ได้ ดวงกมลก็จะหว่ันไหวไปด้วย ความปฏพิ ทั ธ์”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook