Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภาษาไทยครูโอ๋ 1

ภาษาไทยครูโอ๋ 1

Published by Chatchai Reuwong, 2021-04-28 05:54:18

Description: ภาษาไทยครูโอ๋ 1

Search

Read the Text Version

๒) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ (ต่อ) ๒.๒) การใช้สานวนเปรียบเทยี บคมคาย ราชาธิราชตอนที่จดั มาใหเ้ รียนน้ีมีความ โดดเด่นดา้ นความเปรียบเกือบตลอดท้งั เร่ือง เช่น เปรียบกบั ตานานเรื่องเล่าที่เป็นท่ีรับรู้ ในสงั คมไทยเป็นอยา่ งดี ดงั ความวา่ “...เจ้าสมงิ พระรามได้เห็นรูปโฉมธิดาเราเท่าน้ัน ยงั มทิ นั จะเข้าใกล้ได้กลนิ่ กจ็ ะ มีความปลื้มปลาบจนสุดจิตไหนจะคิดกลับเมืองหงสาวดีได้ เพราะพระธิดา ของเรางามเป็ นเสน่ห์อยู่ทั่วกาย ซึ่งข้าพเจ้าคิดทาดังนีเ้ ปรียบประดุจนางเมขลา เทพธิดาล่อแก้วให้รามสูรเห็น รามสูรหรือจะไม่รักแก้ว...”

๒) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ (ต่อ) ๒.๒) การใช้สานวนเปรียบเทียบคมคาย นอกจากเปรียบกบั ตานานเรื่องเล่าแลว้ ยงั ใช้ การเปรียบเทียบที่แฝงขอ้ คิดและใหภ้ าพชดั เจน ดงั ตอนท่ีวา่ “...ซึ่งลูกเปรียบชาติเขาเหมือนกาน้ันก็ชอบอยู่ แต่เขาประกอบศิลปศาสตร์ วชิ าการเป็ นทหารมฝี ี มือหาผู้เสมอมิได้ กเ็ ปรียบเหมือนกาขาวมใิ ช่กาดาสมเด็จ พระราชบิดาจะทรงชุบขึน้ แล้วกค็ งเป็ นหงส์ ซ่ึงเปรียบเหมือนเสือน้ัน ถ้าพระ- ราชบิดาชุบย้อมแล้วกค็ งจะกลบั เป็ นราชสีห์...”

สรุป ราชาธิราชเป็ นหนังสือท่ีมีคุณค่าอย่างสูง เนื้อเร่ืองช่วย เพิ่มพูนความรู้ทางสติปัญญาแก่ผู้อ่าน การดาเนินเร่ืองสนุกสนาน ชวนติดตาม และมีศิลปะแห่งการร้อยเรียงถ้อยคาสละสลวย เป็ น วรรณคดีที่ถือเป็ นแบบฉบับได้เป็ นอย่างดี หากมีเวลาผู้เรียนควรหา โอกาสอ่านราชาธิราชในตอนอื่นๆ ประกอบ เพื่อเพ่ิมพูนความรู้และ สตปิ ัญญา

๖หน่วยการเรียนรู้ท่ี กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวาน เมื่อพูดถงึ อาหารไทย ในวรรณคดี ย่อมนึกถึงพระ- ราชนิพนธ์ในรัชกาลท่ี ๒ ท่ี ทรงพรรณนาถึงอาหารคาว หวาน ผลไม้หลากชนิด ท้งั รูปลกั ษณ์ สีสันวธิ ีการตกแต่ง อย่างวจิ ิตร อกี ท้งั ยงั สะท้อน ให้เห็นสภาพความเป็ นอยู่ ของผู้คนในสมยั รัชกาลท่ี ๒ อกี ด้วย

๑ ความเป็ นมา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั รัชกาลที่ ๒ ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้น เพื่อชมสมเด็จพระศรีสุริเยน- ทราบรมราชินี ด้วยทรงมีความสามารถเป็ นเลศิ ในการปรุงเครื่องเสวย และเพ่ือใช้ เป็ นบทเห่เรือเสด็จประพาสส่ วนพระองค์ ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี ๕ ได้ใช้ กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานในการเห่เรือของทางราชการคู่กบั บทเห่เรือของเจ้าฟ้า- ธรรมธิเบศร

๒ ประวตั ิผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๔ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ เป็ นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราชและสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้ าน วรรณศิลป์ ผลงานด้านภาษา ศิลปะ และวัฒนธรรมของพระองค์เป็ นที่ประจักษ์เด่นชัด แก่สายตาชาวโลก จึงทรงได้รับการเทิดพระเกียรติจากยูเนสโก (UNESCO) เนื่องใน อภิลักขิตสมัยครบ ๒๐๐ ปี แห่งพระบรมราชสมภพ เม่ือ พ.ศ. ๒๕๑๑ ในฐานะบุคคล สาคญั ของโลก และรัฐบาลไทยจึงถือเอาวนั คล้ายวนั พระราชสมภพวนั ท่ี ๒๔ กมุ ภาพนั ธ์ ของทุกปี เป็ นวนั ศิลปิ นแห่งชาติ จนถงึ ทุกวนั นี้

๓ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวาน แต่งเป็ นกาพย์เห่ ประกอบด้วย โคลงสี่สุภาพและกาพย์ยานี ๑๑ โดยมีโคลงส่ีสุภาพ ๑ บท เป็ นบท นา หรือบทขึ้นต้น แล้วแต่งกาพย์ ยานี ๑๑ อกี หลายบทให้มีเนื้อความ สอด คล้ องและ สั มพันธ์ กับโคล ง บทนา

๔ เนื้อเรื่อง กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ มี เนื้อความพรรณนาถึงอาหารคาวหวานและผลไม้แต่ละชนิด โดยเร่ิมท่ี การเห่ชมเคร่ืองคาว ดงั ต่อไปนี้ มสั ม่ัน ยาใหญ่ ตบั เหลก็ ลวก หมูแนม ก้อยก้งุ แกงเทโพ นา้ ยา แกงอ่อม ข้าวหุงเคร่ืองเทศ แกงควั่ ส้มหมูป่ าใส่ระกา พล่าเนื้อ ล่าเตยี ง หรุ่ม รังนก ไตปลา แสร้งว่า

๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ) เห่ชมผลไม้ ผลชิด ลูกตาล ลูกจาก มะปราง มะม่วง ลนิ้ จ่ี ลูกพลบั น้อยหน่า ผลเกด ทบั ทมิ ทุเรียน ลางสาด เงาะ สละ

๔ เนื้อเรื่อง (ต่อ) เห่ชมเครื่องหวาน ข้าวเหนียวสังขยา ซ่าหริ่ม ลาเจยี ก มศั กอด ลุดต่ี ขนมจบี ขนมเทยี น ทองหยบิ ขนมผงิ รังไร ทองหยอด ทองม้วน จ่ามงกฎุ บวั ลอย ช่อม่วง ฝอยทอง

บอกเล่าเก้าสิบ ขนมมงคล ๙ อย่าง ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน มีการกล่าวถึงช่ือขนม ต่างๆ ไว้หลายชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความไพเราะและส่ือให้เห็นถึงความหมายอนั เป็ นมงคล ตวั อย่างขนมมงคล ๙ อย่าง มดี งั นี้ เสน่ห์จันทร์ ทองเอก จ่ามงกฎุ ขนมถ้วยฟู ขนมช้ัน ทองหยบิ เมด็ ขนุน ทองหยอด ฝอยทอง

๕ บทวเิ คราะห์ กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวาน นับเป็ นวรรณคดที ี่สาคญั อีกเร่ืองหนึ่งท่ี แสดงพระปรีชาสามารถในเชิงกวีของรัชกาลที่ ๒ แม้เนื้อเรื่องจะไม่มาก นัก ทว่าให้คุณค่าที่เป็ นประโยชน์หลายประการ ดังจะวิเคราะห์ให้เห็น คุณค่า ๒ ประการ ดงั นี้ ๕.๑ คุณค่าด้านเนื้อหา ๕.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์

๕.๑ คุณค่าด้านเนื้อหา วรรณคดีเรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เป็ นวรรณคดีท่ีให้ สาระประโยชน์และความรู้แก่ผู้อ่านมากมาย ได้แก่ ๑) ให้ความรู้เกยี่ วกบั วฒั นธรรมด้านอาหารการกนิ ของคนไทยสมัยโบราณ ๒) สะท้อนสภาพบ้านเมืองในสมัยอดตี

๑) ให้ความรู้เกยี่ วกบั วฒั นธรรมด้านอาหารการกนิ ของคนไทยสมัยโบราณ สะท้อนให้เห็นถึงความละเอยี ดอ่อน พถิ ีพถิ ันในทุกข้ันตอนของการทาอาหาร โดยอาหาร บางชนิดน้ันไม่ปรากฏแพร่หลายในปัจจุบัน ในท่นี ีจ้ ะขอยกตวั อย่างและให้รายละเอยี ด ดงั นี้ แสร้งว่า เป็ นอาหารประเภทยา วิธีทา นาก้งุ ชีแฮ้ ย่างไฟพอน้าตก ปอก เปลือกแล้วเอาเส้นดาท่ีหลังออก นาน้ามะนาวหรื อมะกรูด ผสมกับเกลือป่ นให้เข้ากัน เทลงในถ้วยกุ้งเคล้าให้เข้ากนั โรย ตะไคร้ห่ันซอย หัวหอมเล็กซอย ขิงอ่อนซอย ต้นหอม ผักชี พริกแดงพริกเหลืองหั่นโรย คลุกเคล้าให้เข้ากัน รับประทาน พร้อมกบั ผกั แตงกวา มะเขือ

๑) ให้ความรู้เกย่ี วกบั วฒั นธรรมด้านอาหารการกนิ ของคนไทยสมัยโบราณ (ต่อ) ล่าเตยี ง เป็ นอาหารว่าง วธิ ีทา นารากผกั ชี กระเทียมพริกไทยที่บดแล้ว ผัดจนหอมใส่หอมแดง หมูบด กุ้งแห้ง ปรุงรสด้วยน้าปลา น้าตาล ผัดจนแห้ง ใส่ถ่ัวลสิ งคั่วบดตักใส่จาน ตีไข่ไก่ ๑ ฟอง ไข่เป็ ด ๓ ฟองจนเข้ากัน ใช้นิ้วจุ่มไข่ โรยไข่ในกระทะให้เป็ น รูปตารางส่ีเหลี่ยม ลอกใส่จาน วางพริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็ นเส้น ยาวบนแผ่นไข่ วางทับด้วยผักชี ใส่ ไส้ ที่ผัดไว้ห่ อเป็ นรูป สี่เหลย่ี มขนาดพอคา

๑) ให้ความรู้เกย่ี วกบั วฒั นธรรมด้านอาหารการกนิ ของคนไทยสมยั โบราณ (ต่อ) จ่ามงกฎุ เป็ นสุดยอดขนมไทยที่ร่าลือกันว่ายากนัก เพราะต้องใช้มือกวาด เมล็ดแตงโมในกระทะทองเหลืองท่ีต้ังบนเตาไฟ จนน้าเช่ื อมท่ี พรมลงไปจับที่ผิวเมล็ดแตงโมจนขึ้นเป็ นหนามพราว เอาไปติด ประดับรอบๆ ตัวขนม ท่ีต้องทาฐานเป็ นถ้วยขนมก่อน โดยป้ัน ขนมจากแป้งสาลีและไข่แดงเป็ นทองเอกกลมๆ วางตรงกลาง ใช้ มีดปลายแหลมผ่าเป็ น ๖ พู เหมือนเม็ดมะยม แล้วป้ันเป็ นก้อน เล็กๆ วางบนยอดขนม ใช้ทองคาเปลวตัดเป็ นส่ีเหล่ียมเล็กๆ ติด ตรงยอดมองเห็นเหมือนมงกฎุ

๑) ให้ความรู้เกยี่ วกบั วฒั นธรรมด้านอาหารการกนิ ของคนไทยสมยั โบราณ (ต่อ) ช่อม่วง เป็ นขนมไทยท่ีต้องใช้ฝี มือในการทาอย่างมาก โดยผสมแป้งกบั น้าดอกอัญชัน คนในกระทะทองเหลืองด้วยไฟอ่อนๆ ให้ สุก นามานวด แบ่ งเป็ นก้อน ก่อนจะนาแป้งมาแผ่ตักไส้ ที่ มี ส่วนผสมของถั่วน่ึงบดกับฟัก ผสมน้าตาลทรายและเกลือ คน ในกระทะทองเหลือง ทิง้ ให้เยน็ ห่อแป้งให้มดิ ใช้ที่หนีบขนมจบั จบี ให้เป็ นกลบี ดอกไม้น่ึงจนสุกแล้วใช้หัวกะทิพรมไม่ให้ติดกนั

๒) สะท้อนสภาพบ้านเมืองในสมัยอดตี การติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ เช่น ชาวจีน ชาวอินเดีย หรือชาวเปอร์เซีย ทาให้มีการ แลกเปลย่ี นวฒั นธรรมด้านอาหารการกนิ ในเร่ืองกล่าวถงึ อาหารคาวหวานทไ่ี ทยได้รับกรรมวิธีการ ทามาจากชาวต่างชาติ ดงั ตัวอย่างบทประพนั ธ์ ข้าวหงุ ปรุงอย่างเทศ รสพเิ ศษใส่ลกู เอ็น ใครหงุ ปรุงไม่เป็ น เช่นเชิงมติ รประดษิ ฐ์ทา

๒) สะท้อนสภาพบ้านเมืองในสมยั อดตี (ต่อ) นอกจากนีย้ งั มอี าหารทเ่ี รียกว่า ลุดต่ี มลี กั ษณะเป็ นแผ่น ทาจากข้าวเจ้าที่โม่ใหม่ๆ โดยนาไข่ไก่ มาตผี สมกบั แป้งข้าวเจ้า แล้วผสมด้วยสีเหลืองทไี่ ด้จากหญ้าฝร่ันหรือขมนิ้ ผง เสร็จแล้วตกั แป้ง หยอดลงกระทะ ให้เป็ นแผ่นกลม เมื่อแป้งสุกจะมสี ีเหลืองนวล รับประทานกบั แกงไก่ ลดุ ต่นี ้ีน่าชม แผ่แผ่นกลมเพยี งแผ่นแผง โอชาหน้าไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลนิ่ อาย

๕.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ วรรณคดีเร่ืองกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กวีสามารถพรรณนา อาหารคาวหวาน ผลไม้แต่ละชนิดได้อย่างเห็นภาพ เข้าใจชัดเจน มี การใช้ถ้อยคาเปรียบเทียบลึกซึ้งกินใจและไพเราะ ดังจะวิเคราะห์ แบ่งเป็ นประเภทได้ ดงั นี้ ๑) การเล่นเสียงพยญั ชนะและการเล่นเสียงวรรณยุกต์ ๒) การใช้โวหารเปรียบเทยี บ ๓) การใช้โวหารเกนิ จริง ๔) การเล่นคา

๑) การเล่นเสียงพยญั ชนะและการเล่นเสียงวรรณยุกต์ กวสี ามารถใช้กลวธิ ีการเล่นเสียงพยัญชนะและการเล่นเสียงวรรณยุกต์ได้อย่างไพเราะ เหมาะสม ช่วยให้บทประพนั ธ์เกดิ ความคล้องจองไพเราะสละสลวยมากขนึ้ ดงั ตวั อย่าง เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน เจ็บไกลใจอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง ... ทาประณตี นา้ ตาลกวน พลบั จีนจักด้วยมีด ยลยง่ิ พลบั ยบั ยบั พรรณ คดิ โอษฐ์อ่อนยมิ้ ยวน

๒) การใช้โวหารเปรียบเทยี บ การใช้โวหารเปรียบเทียบหรืออุปมาเป็ นกลวิธีที่ช่วยให้ผู้อ่านเกิดเกิดจินตภาพ อนั จะทาให้มคี วามเข้าใจในเนื้อหามากยิง่ ขนึ้ ดงั ตวั อย่างบทประพนั ธ์ ทบั ทมิ พริ้มตาตรู ใส่ จานดูดุจเม็ดพลอย สุกแสงแดงจกั ย้อย อย่างแหวนก้อยแก้วตาชาย

๓) การใช้โวหารเกนิ จริง การใช้โวหารเกนิ จริงหรืออติพจน์เป็ นกลวธิ ีทช่ี ่วยเน้นยา้ ความหมายของข้อความ หรือบทประพนั ธ์ ดงั ที่กวแี สดงให้ผู้อ่านเห็นถึงฝี มือการปรุงอาหารทเี่ ป็ นเลศิ ยากจะ หาใครเทยี บได้ ดงั ตัวอย่างบทประพนั ธ์ ก้อยก้งุ ปรุงประทนิ่ วางถึงลนิ้ ดนิ้ แดโดย รสทพิ ย์หยบิ มาโปรย ฤๅจะเปรียบเทยี บทนั ขวญั

๔) การเล่นคา การเล่นคา คือการท่ีกวีเลือกใช้คาพ้องรูปและพ้องเสียงและต่างความหมายกัน นามาแต่งบทประพันธ์ เพ่ือสร้ างอารมณ์สะเทือนใจแก่ผู้อ่าน ดังตัวอย่างบท ประพนั ธ์ ผลจากเจ้าลอยแก้ว บอกความแล้วจากจาเป็ น จากช้านา้ ตากระเดน็ เป็ นทุกข์ท่าหน้านวลแตง

สรุป อาหารคาว หวาน และผลไม้ท่ีปรากฏในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน สามารถเล่าเร่ืองราวได้มากมาย ท้ังวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และสภาพ บ้ านเมือง ทาให้ ภูมิใจในเอกลักษณ์ ของอาหารไทยท่ีมีความงดงามวิจิตร ละเอยี ดอ่อน และพถิ พี ถิ ันในทุกข้นั ตอนการทา ซึ่งผู้เรียนสามารถนาความรู้ท่ีได้รับ จากการอ่านวรรณคดีเร่ืองนี้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้ รวมท้ังสามารถ ถ่ายทอดความรู้ทไี่ ด้รับให้กบั บุคคลใกล้ชิดหรือคนในสังคมให้เห็นถงึ ความประณีต ในการปรุงอาหารของคนไทย ซึ่งยากจะหาชาติใดเทียบได้

๗หน่วยการเรียนรู้ท่ี นิทานพืน้ บ้าน นิ ทานพื้นบ้ า น เป็ นเรื่องราวท่ีเล่าขาน กันสื บมา มีเนื้อหาท่ี แฝงเร้ นไว้ ด้ วยสาระท่ี เป็ นประโยชน์ และยัง สะท้อนให้เห็นถึงภูมิ- ปั ญ ญ า แ ล ะ ทั ศ น ค ติ ของมนุษย์ ในแต่ ละ สังคม ในแต่ละด้านได้ เป็ นอย่างดี

๑ ความเป็ นมา นิทานพื้นบ้าน คือ เรื่องราวท่ีเล่าสืบทอดกันมาปากต่อปากจาก ความทรงจา โดยไม่อาจสืบสาวได้ว่าใครเป็ นผู้แต่งหรือผู้เล่าเป็ นคร้ังแรก บอกได้แต่เพียงว่าเป็ นเร่ืองเก่าท่ีเล่าสืบกันมา แล้วในภายหลังจึงได้มีการ ถ่ายทอดเร่ืองเล่าเหล่าน้ันเป็ นลายลกั ษณ์ด้วยการเขียนหรือการพมิ พ์ นิทาน พืน้ บ้านถือเป็ นมรดกทางวัฒนธรรมท่ีปรากฏอยู่ในทุกท้องถิ่นของไทย ดัง จะแสดงให้เห็นถงึ ความสาคัญ และ ประเภท ของนิทานพืน้ บ้าน ดังนี้

๑.๑ ความสาคญั และประโยชน์ของนิทานพืน้ บ้าน ๑) ให้ความบนั เทงิ แก่ผู้ฟัง สังคมไทยในอดีตโดยเฉพาะสังคมชนบทนิยมเล่าและฟังนิทานเป็ น กิจกรรมบันเทิงใจ เนื่องจากนิทานสามารถนามาเล่าได้โดยไม่ต้องมีพิธีรีตอง นิทานจึงได้รับการสืบทอดและแพร่หลายในทุกท้องถิ่น แม้เนื้อหาของนิทานจะมี หลายรูปแบบ แต่จุดประสงค์ด้ังเดิมของการเล่านิทานกค็ ือเพื่อเป็ นสิ่งบันเทิงใจใน ยามว่างจากการงาน

๑.๑ ความสาคญั และประโยชน์ของนิทานพืน้ บ้าน (ต่อ) ๒) ให้ความรู้ นิทานพื้นบ้านส่ วนใหญ่หลายๆ เร่ือง มักมีความรู้สอดแทรกอยู่ เช่น ความรู้เกี่ยวกับจารีต ประเพณี พิธีกรรม ศาสนา และประวัติศาสตร์ อันเป็ นสิ่งท่ี ช่วยเพมิ่ พนู ความรู้ ความคดิ ซึ่งนับเป็ นสารประโยชน์แก่ผ้อู ่านอย่างยงิ่

๑.๑ ความสาคญั และประโยชน์ของนิทานพืน้ บ้าน (ต่อ) ๓) ให้แนวทางในการดาเนินชีวิต นิทานพื้นบ้ านโดยทั่วไปมักมีแก่นหรื อแนวคิดสาคัญของเร่ื องอิงอยู่กับ หลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา ดังน้ัน การเล่า การอ่าน หรือการแสดงนิทาน พื้นบ้านในท่ีประชุมชน จึงมีส่วนปลูกฝังจริยธรรมพร้อมๆ กับความบันเทิงแก่ ผู้ฟัง เช่น ชีวิตหรือพฤติกรรมของตวั เอกฝ่ ายดแี ละฝ่ ายไม่ดี เป็ นแบบอย่างให้ผู้ฟัง นามาใช้ และละเว้ นการปฏิบัติในการดาเนินชีวิตหรื อนามาอบรมบุตรหลานของ ตนต่อไป

๑.๑ ความสาคญั และประโยชน์ของนิทานพืน้ บ้าน (ต่อ) ๔) ให้คาอธิบาย ความเป็ นมาของชุมชนและเผ่าพนั ธ์ุ นิทานพื้นบ้านบางส่วนมีเนื้อหาเป็ นตานานหรืออธิบายถึงความเป็ นมา ของชุมชนหรือเผ่าพันธ์ุท่ีต้ังรกรากอยู่ในแต่ละท้องถ่ินของไทย เช่น เรื่อง ท้าว- แสนปม เป็ นนิทานพื้นบ้านท่ีอธิบายความเป็ นมาของบรรพบุรุษ ของชาวภาค กลาง เร่ือง ขนุ บรม อธิบายความเป็ นมาของบรรพบุรุษของชาวอสี าน เป็ นต้น

๑.๑ ความสาคญั และประโยชน์ของนิทานพืน้ บ้าน (ต่อ) ๕) ให้แรงจูงใจชาวบ้านในการไปวดั ชาวไทยในอดีตนิยมไปวัดเพ่ือฟังธรรม ซ่ึงมักมีนิทานสอดแทรกอยู่ ด้วย เพราะเช่ือว่าการฟังธรรมเป็ นกศุ ลผลบุญอย่างหน่ึงทม่ี อี านิสงส์สูงมาก ความ เชื่อเรื่องนีไ้ ด้สืบต่อกนั มา โดยเฉพาะจะพบเห็นได้อย่างชัดเจนเม่ือนิทานพืน้ บ้าน อยู่ในรูปของวรรณกรรมลายลกั ษณ์

๑.๑ ความสาคญั และประโยชน์ของนิทานพืน้ บ้าน (ต่อ) ๖) ให้เนื้อเรื่องแก่การแสดงพืน้ บ้าน การละเล่นและการแสดงพื้นบ้านในแต่ละท้องถิ่น ส่วนหน่ึงมักสัมพันธ์ กบั นิทานพื้นบ้าน เนื่องด้วยนักแสดงหรือนักเล่านิทานย่อมได้รับอิทธิพลหรือได้ เนื้อเรื่องบางส่วนบางตอนมาจากนิทานพืน้ บ้าน

๑.๑ ความสาคญั และประโยชน์ของนิทานพืน้ บ้าน (ต่อ) ๗) ให้อทิ ธิพลต่อศิลปกรรมพืน้ บ้าน นิทานพืน้ บ้านมอี ทิ ธิพลต่อศิลปกรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะนิทานพืน้ บ้าน ท่ีมีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาและชาดก เช่น ภาพจิตรกรรมฝาผนัง เร่ือง คันธกุมารหรือคัชนาม ท่ีวิหารจัตุรมุข วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน ภาพ จติ รกรรมฝาผนังเร่ือง สินไซ ทพ่ี ระอโุ บสถวดั ฝั่งแดง จังหวดั นครพนม เป็ นต้น

๑.๒ ประเภทของนิทานพืน้ บ้าน ๑) นิทานมหัศจรรย์ นิทานมหัศจรรย์หรือนิทานประโลมโลกหรือนิทานจักรๆ วงศ์ๆ มักมี เนื้อเร่ืองที่ให้ความสนุกสนาน เล่าถึงการผจญภัยของตัวเอก ของวิเศษ อิทธิฤทธ์ิ ต่างๆ โดยมีแนวคิดหลัก คือ ธรรมะย่อมชนะอธรรม เช่ น เรื่องท้าวก่ากาดา โสนน้อยเรือนงาม มโนห์รา เป็ นต้น

๑.๒ ประเภทของนิทานพืน้ บ้าน (ต่อ) ๒) นิทานวรี บุรุษ เป็ นเรื่องราวของวรี บุรุษประจาท้องถิ่นทีเ่ ชื่อกนั ว่าบุคคลเหล่าน้ันมชี ีวิตจริง มชี ื่อปรากฏอยู่ในประวตั ิศาสตร์ และได้สร้างวีรกรรมไว้ โดยนาเนื้อเรื่องมาผูกกับ อิทธิฤทธ์ิปาฏิหาริย์และความเก่งกล้าเหนือมนุษย์ธรรมดามากกว่าที่จะเล่าตาม ข้อเทจ็ จริง เช่น เรื่องพระร่วงมวี าจาสิทธ์ิเป็ นกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ท้าวแสนปม คือ พระเจ้าอ่ทู อง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยธุ ยา เป็ นต้น

๑.๒ ประเภทของนิทานพืน้ บ้าน (ต่อ) ๓) นิทานประจาถน่ิ เป็ นเรื่องท่ีเล่าสืบต่อกนั มาในท้องถ่ิน ซ่ึงส่วนใหญ่มักเป็ นการอธิบายชื่อ สถานทหี่ รือประวตั ิความเป็ นมาของโบราณสถาน โดยนาเนื้อเรื่องหรือตวั ละครมา เกี่ยวพันกับสถานที่ในท้องถ่ิน และเช่ือกันว่าเป็ นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึน้ เม่ือคร้ัง อดีตกาลนานมาแล้ว เช่น เร่ืองพระยากงพระยาพาน เร่ืองท้าวปาจิต-นางอรพิม เร่ืองเจ้าแม่ลม่ิ กอเหนี่ยว เป็ นต้น

๑.๒ ประเภทของนิทานพืน้ บ้าน (ต่อ) ๔) นิทานอธิบายเหตุ เป็ นนิทานท่ีตอบคาถามเกี่ยวกับความเป็ นมาของสิ่งของต่างๆ และ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ส่ วนใหญ่มีขนาดส้ันๆ เล่ากันกว้างขวางไม่จากัด ท้องถ่นิ เช่น ทาไมจงึ มรี ูปกระต่ายในดวงจันทร์ ทาไมข้าวจึงมเี มลด็ เลก็ ทาไมหมา กบั แมวเป็ นศัตรูกัน หรืออธิบายความเชื่อและพิธีกรรม เช่น นิทานเร่ืองธงจระเข้ ในงานทอดกฐิน ประเพณีการปล่อยปลา เร่ืองบวชนาค เป็ นต้น

๑.๒ ประเภทของนิทานพืน้ บ้าน (ต่อ) ๕) นิทานเทพนิยาย เป็ นนิทานทอี่ ธิบายถึงการสร้างโลก กาเนิดโลก กาเนิดมนุษย์ เทวดา และ ส่ิงศักด์ิสิทธ์ิท้ังหลายหรืออธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติและพิธีกรรม เช่น เร่ือง พระยาแถนสร้างโลก เรื่องเมขลารามสูรที่อธิบายเรื่องฟ้าแลบฟ้าผ่า เร่ืองท้าว มหาสงกรานต์ทอี่ ธิบายประเพณีวนั ตรุษสงกรานต์ เร่ืองพญาคนั คากท่ีอธิบายเรื่อง การแห่บ้งั ไฟ เป็ นต้น

๑.๒ ประเภทของนิทานพืน้ บ้าน (ต่อ) ๖) นิทานคตธิ รรม นิทานคติธรรมหรือนิทานสอนใจ นิทานประเภทนีน้ าหลักธรรมมาผูก เป็ นเรื่องให้สนุกสนาน ตัวละครเป็ นบุคคลท่ีปรากฏอยู่ในพุทธประวัติบ้าง อัคร- สาวกบ้าง และสัตว์บ้าง เนื้อเรื่องชี้ให้เห็นการทาดีได้ดี ทาช่ั วได้ชั่ว แสดงถึง คุณธรรมต่างๆ เพ่ือสอนใจในการดาเนินชีวิต เช่น นิทานชาดก นิทานสุภาษิต นิทานทเ่ี กย่ี วข้องกบั พุทธประวตั ิ เป็ นต้น

๑.๒ ประเภทของนิทานพืน้ บ้าน (ต่อ) ๗) นิทานมุกตลก เป็ นนิทานที่มุ่งเสนอความขบขัน ให้ความบันเทิงใจแก่ผู้ฟังเนื้อเรื่อง ส่วนใหญ่เป็ นเร่ืองส้ันๆ ตอนเดียวจบ ผูกเรื่องขึ้นเพื่อความขบขัน เช่น เรื่องศรี- ธนญชัย เป็ นต้น

๒ นิทานพืน้ บ้านไทยในท้องถิน่ ต่างๆ นิทานพ้ืนบา้ นของไทยมี มากมายหลากหลายและ แตกต่างกนั ไปในแต่ละ ทอ้ งถิ่น ในที่น้ีจะขอนาเสนอ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook