/ แผนการจัดการเรียนรู้ มุ่งเน้นสมรรถนะอาชีพและบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง วิชา การบัญชีบริษัทจำกัด รหัสวิชา 30201-0003 หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวิชาชีพ (ปวส.) พุทธศักราช 2563 จดั ทำโดย นางสาวจอมขวัญ ศรสี วัสดิ์ พนกั งานราชการ(ครู) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการอาชีพสอยดาว อาชีวศึกษาจงั หวัดจนั ทบุรี สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา
ข โครงการสอน หลักสูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ชั้นสูง พุทธศักราช 2563 รหัส 30201-0003 การบัญชบี รษิ ทั จำกัด จำนวน 3 หน่วยกติ 5 ชั่วโมง/สปั ดาห์ จดุ ประสงค์รายวชิ า 1.เข้าใจหลกั การและกระบวนการปฏิบตั งิ านบัญชขี องบรษิ ัทจำกดั 2.มีทกั ษะปฏิบตั ิงานบัญชตี ามข้ันตอนการจัดทำบัญชีและการนำเสนอ งบการเงนิ สำหรบั บรษิ ทั จำกัด 3.มีกจิ นิสัย มีระเบียบ ละเอยี ดรอบคอบ ซือ่ สัตย์ มีวินยั ตรงต่อเวลาและมเี จตคติท่ีดีต่อวชิ าชพี บัญชี สมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความรู้เกยี่ วกบั บญั ชีสําหรับบริษทั จำกัด 2. บันทึกบัญชีสำหรบั บริษัทจาํ กัดตามข้ันตอนการจัดทำบัญชี 3. จดั ทำงบการเงนิ ตามประกาศกรมพฒั นาธรุ กจิ การค้า คำอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏบิ ัตเิ กี่ยวกบั ความหมาย กฎหมายทเ่ี ก่ียวกบั บริษทั จำกดั การจดั ทำบญั ชเี กยี่ วกับการ จัดต้งั บริษัท การจำหน่ายหุ้นทนุ การรบิ หุ้น การเพิ่มทุน การลดทุน การจัดสรรกำไร โดยตง้ั สำรองตาม กฎหมายและสำรองอืน่ การจดั ทำงบการเงนิ ของบรษิ ทั จำกดั การเลกิ กิจการและการชำระบญั ชี รวมท้ังการ แกไ้ ขข้อผดิ พลาดทางบัญชี
ค หน่วยการเรยี นรแู้ ละสมรรถนะรายวชิ า หนว่ ยที่ เรือ่ ง/หนว่ ยการสอน สมรรถนะรายวิชา 1 ความรทู้ วั่ ไปเก่ียวกบั บริษทั จากดั 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับการ 1.ความหมายของบรษิ ทั จากดั และบรษิ ทั มหาชนจากดั 2.กฎหมายทเี่ กย่ี วกบั บรษิ ทั จากดั คำนวณสนิ ทรพั ย์ หน้ีสิน สว่ น 3.ทนุ ของบรษิ ทั จากดั ของเจา้ ของ รายได้ คา่ ใช้จ่าย 4.หลกั แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตามหลักการบัญชีเดย่ี วเพ่ือ จัดทำงบการเงิน 2 การจาหน่ายห้นุ ทุน และการจดั ทาทะเบยี นผถู้ อื ห้นุ 2. คำนวณสนิ ทรัพย์ หน้ีสิน ส่วน 1.การจาหน่ายหุน้ ทนุ 2.วธิ กี ารจาหน่ายหุน้ ทนุ 3.ทะเบยี นผูถ้ อื หุน้ ของเจ้าของ รายได้ และ ค่าใช้จา่ ยตามหลักการบญั ชี 3 การจดั ทาบญั ชีเก่ียวกบั การจดั ตงั้ บริษทั จากดั และการบญั ชี จาหน่ายห้นุ ทุน 1.การจาหน่ายหนุ้ ทนุ ของบรษิ ทั จากดั เดยี่ ว 2.การจาหน่ายหนุ้ ทุนของบรษิ ทั มหาชนจากดั 3.ค่าใชจ้ ่ายในการจดั ตงั้ 3. จดั ทำงบการเงินตามหลกั การ บรษิ ทั บัญชเี ดย่ี ว 4.การจาหน่ายหนุ้ โดยวธิ อี น่ื 4 การริบห้นุ 4. จัดทำงบกระทบยอดเงนิ ฝาก ธนาคารและเงินสดยอ่ ย 1.ความหมายของการรบิ หนุ้ 2.การรบิ หนุ้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 3.การขายทอดตลาด 4.ค่าใชจ้ ่ายในการขายทอดตลาด 5.ดอกเบย้ี คา่ หนุ้ คา้ งชาระ 6.การชาระบญั ชรี ะหว่างบรษิ ทั และผถู้ ูกรบิ หุน้ 7.วธิ ปี ฏบิ ตั เิ ก่ยี วกบั การรบิ หนุ้ 5 การคำนวณโดยใช้อตั รากำไรขัน้ ตน้ 1.อัตรากำไรขั้นต้น 2.การคำนวณยอดซอ้ื สินค้า 3.การคำนวณยอดเจ้าหน้ี 4.การคำนวณยอดขายสนิ คา้ 5.การคำนวณยอดลูก 6.การคำนวณสนิ ค้าคงเหลอื
ง หนว่ ยที่ เรอื่ ง/หนว่ ยการสอน สมรรถนะรายวิชา 6 การกระทบยอดเงินฝากธนาคาร 1.ความหมายของใบแจง้ ยอดเงินฝากธนาคาร 2.ขั้นตอนการหารายการกระทบยอดเงินฝากธนาคาร 3.วธิ กี ารทำงบกระทบยอดเงนิ ฝากธนาคาร 4.เงินเบิกเกนิ บัญชีธนาคาร 7 การบัญชีเกี่ยวกับเงินสดยอ่ ย 1.ความหมายของเงนิ สดยอ่ ย 2.หนา้ ท่ขี องผู้รกั ษาเงินสดย่อย 3.ประโยชน์ของเงินสดยอ่ ย 4.การตัง้ วงเงนิ สดยอ่ ยและการบนั ทกึ บัญชี 5.การเบิกชดเชยเงินสดย่อยและการบันทกึ บัญชี 6.การเพ่ิมหรือลดวงเงนิ สดยอ่ ยและการบนั ทกึ บญั ชี
จ ตารางวเิ คราะห์สมรรถนะการเรียนรู้ ลำดับ เร่อื ง/รายการสอน ระดบั สมรรถนะทพี่ งึ ประสงค์ กิจ จำนวน ท่ี ความรู้ ทกั ษะ นิสัย คาบ 2 3 4 561 2 12 (ชม.) 1 1 ความรูเ้ กี่ยวกับระบบบัญชีเด่ียว 1 1 1 1 -- 3 3 - 8 2 การคำนวณยอดซอ้ื และค่าใช้จ่าย 2 3 2 2 - - 3 3 - 12 3 การคำนวณยอดขายและรายได้ 2 3 2 2 -- 3 3 - 8 4 การคำนวณยอดสินทรัพย์ หนส้ี นิ และ สว่ นของเจา้ ของและการจัดทำงบ 2 3 2 2 - - - 3 3 - 12 การเงิน 5 การคำนวณโดยใช้อัตรากำไรขัน้ ต้น 2 3 2 2 - - - 3 3 - 8 6 การกระทบยอดเงนิ ฝากธนาคาร 2 3 2 2 - - - 3 3 - 8 7 การบัญชีเกย่ี วกบั เงินสดย่อย 2 3 2 2 --- 3 3 - 8 สรุปเน้ือหา/สอบกลางภาค - - - - --- - - - 4 สรุปเน้ือหา/สอบปลายภาค - - - - --- - - - 4 รวม 13 19 13 13 - - - 21 21 - 72 ความสำคัญ/สดั ส่วนคะแนน (ร้อยละ) - 1 2 3 - - - - - - ระดบั สมรรถนะ ความรู้ 1 = ความจำ 2 = ความเข้าใจ 3 = การนำไปใช้ 4 = วิเคราะห์ 5 = สังเคราะห์ 6 = ประเมนิ ค่า ทกั ษะ 1 = การทำตามแบบ 2 = ถกู ตอ้ งแม่นยำ กิจนิสยั 1 = การประเมินคณุ คา่ 2 = การจดั ระบบ
ฉ การประเมินผล 40 % ประกอบด้วย 1. ดา้ นความรู้ 1.1 ประเมนิ ตามสภาพจริงจากแบบประเมนิ 40 % ประกอบด้วย 1.2 ประเมินสรปุ ผลการเรยี นรู้ 2. ดา้ นทกั ษะการปฏิบัติ 20 % ประกอบด้วย 2.1 ประเมนิ ตามสภาพจรงิ จากแบบประเมนิ 100 % 2.2 งานบรกิ ารนอกหอ้ งเรียน 3. ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม 3.1 ประเมนิ ตามสภาพจริงจากแบบประเมนิ รวม การตัดสินผลการเรยี น เกณฑ์การประเมนิ ระดบั คะแนน 80 - 100 4 75 - 79 3.5 70 - 74 3 65 - 69 2.5 60 - 64 2 55 - 59 1.5 50 - 54 1 0 - 49 0 แหล่งการศกึ ษาคน้ ควา้ 1. หนังสืออา้ งอิง 2. หอ้ งสมดุ ของวิทยาลยั ฯ และหอ้ งสมุดประชาชน 3. การสืบค้นขอ้ มลู จาก Internet เว็บไซนต์ า่ งๆ ทเ่ี กย่ี วข้อง
ช ตารางวิเคราะห์หนว่ ยการเรียนรู้และเวลาทใี่ ช้ในการจัดการเรียนรู้ แผนการ เรอื่ ง/หนว่ ยการสอน สปั ดาห์ ช่ัวโมง เรียนรู้ท่ี ท่ี ท่ี 1-2 1-8 1 ความรูเ้ ก่ยี วกบั ระบบบัญชเี ดยี่ ว 3-5 9-20 1.ความหมายของระบบบัญชเี ด่ยี ว 6-7 21-28 2.สมดุ ท่ใี ช้ในการบันทึกบญั ชีตามระบบบัญชเี ดี่ยว 8-11 29-44 3.การคำนวณกำไรขาดทนุ ตามระบบบัญชีเด่ยี ว 12-13 45-52 4.ขอ้ บกพรอ่ งของระบบบญั ชีเด่ียว 5.การเปลี่ยนวธิ ีการระบบบัญชเี ดีย่ วเป็นระบบบญั ชีคู่ 2 การคำนวณยอดซื้อและค่าใช้จา่ ย 1.การคำนวณยอดซ้อื สนิ ค้า 2.การชำระหนด้ี ว้ ยตัว๋ เงินจา่ ย 3.การคำนวณคา่ ใช้จ่ายต่าง ๆ 4.การคำนวณค่าเสือ่ มราคาของสนิ ทรพั ย์ 3 การคำนวณยอดขายและรายได้ 1.การคำนวณยอดขายสินคา้ 2.การรบั ชำระหน้ีด้วยตว๋ั เงินรับ 3.การคำนวณรายได้ต่าง ๆ 4 การคำนวณยอดสินทรพั ย์ หนี้สนิ และสว่ นของเจ้าของและการจดั ทำ งบการเงนิ 1.การคำนวณยอดสนิ ทรัพย์ หนส้ี ินและส่วนของเจ้าของ 2.การจดั ทำงบการเงนิ ตามระบบบญั ชเี ด่ียว 3.การจดั ทำงบการเงนิ ตามมาตรฐานบญั ชี 5 การคำนวณโดยใชอ้ ัตรากำไรขั้นตน้ 1.อัตรากำไรขน้ั ต้น 2.การคำนวณยอดซอ้ื สินค้า 3.การคำนวณยอดเจ้าหนี้ 4.การคำนวณยอดขายสินคา้ 5.การคำนวณยอดลกู 6.การคำนวณสินค้าคงเหลอื
แผนการ เรอ่ื ง/หนว่ ยการสอน ซ เรยี นรูท้ ี่ สปั ดาห์ ช่วั โมง 6 การกระทบยอดเงนิ ฝากธนาคาร ท่ี ท่ี 1.ความหมายของใบแจ้งยอดเงินฝากธนาคาร 14-15 53-60 2.ข้ันตอนการหารายการกระทบยอดเงนิ ฝากธนาคาร 3.วธิ ีการทำงบกระทบยอดเงินฝากธนาคาร 16-17 61-68 4.เงนิ เบิกเกนิ บัญชีธนาคาร 18 69-72 7 การบญั ชเี ก่ียวกบั เงินสดยอ่ ย 72 1.ความหมายของเงนิ สดย่อย 2.หน้าทข่ี องผู้รกั ษาเงนิ สดยอ่ ย 3.ประโยชนข์ องเงนิ สดย่อย 4.การตง้ั วงเงนิ สดย่อยและการบันทึกบญั ชี 5.การเบิกชดเชยเงินสดย่อยและการบันทึกบัญชี 6.การเพ่มิ หรือลดวงเงนิ สดย่อยและการบนั ทึกบญั ชี สรุปเนือ้ หา/สอบปลายภาค รวม
ฌ แผนการจดั การเรยี นร้แู บบบรู ณาการที่ 1 หน่วยท่ี 1 รหสั วิชา 20201-2003 การบญั ชีบริษทั จากดั 1-4-3 สอนครงั้ ท่ี 1 (1-5) ชื่อหน่วย/เรอ่ื ง ความรทู้ วั่ ไปเก่ียวกบั บริษทั จากดั จานวน 5 ช.ม. แนวคิด การประกอบธรุ กจิ ในรปู แบบบรษิ ทั จากดั ผูป้ ระกอบการตอ้ งคานึงถงึ องคป์ ระกอบทสี่ าคญั หลายประการ เชน่ ลกั ษณะการดาเนินกจิ การ เงนิ ทุน ความรูค้ วามสามารถในการดาเนินธรุ กจิ เป็นตน้ เพอ่ื ใหธ้ ุรกจิ นนั้ ประสบผลสาเรจ็ นามาซง่ึ ผลประโยชน์และกาไรสงู สดุ บรษิ ทั จากดั คอื องคก์ รธรุ กจิ ทตี่ งั้ ขน้ึ ดว้ ยการแบ่งทุน เป็นหนุ้ มมี ูลคา่ เทา่ ๆ กนั ผู้ ถอื หุน้ ต่างรบั ผดิ ชอบจากดั เพยี งไม่เกนิ จานวนเงนิ ทต่ี นยงั ส่งใชไ้ มค่ รบมลู ค่าหนุ้ ทตี่ นถอื สาหรบั ประเทศไทย บรษิ ทั จากดั แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื (1) บรษิ ทั เอกชนจากดั ตงั้ ขน้ึ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และ (2) บรษิ ทั มหาชนจากดั ตงั้ ขน้ึ ตามพระราชบญั ญตั บิ รษิ ทั มหาชนจากดั พ.ศ.2535 ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง 1.อธบิ ายความหมายของบรษิ ทั จากดั และบรษิ ทั มหาชนจากดั ได้ 2.อธบิ ายกฎหมายทเี่ กยี่ วกบั บรษิ ทั จากดั ได้ 3.อธบิ ายทนุ ของบรษิ ทั จากดั ได้ 4.อธบิ ายและประยกุ ต์ใชห้ ลกั แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้ 5.มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผูส้ าเรจ็ การศกึ ษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทคี่ รูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่อื ง 5.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 5.6 การประหยดั 5.2 ความมวี นิ ัย 5.7 ความสนใจใฝ่รู้ 5.3 ความรบั ผดิ ชอบ 5.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั 5.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 5.9 ความรกั สามคั คี 5.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 5.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1.แสดงความรูเ้ กยี่ วกบั บญั ชสี าหรบั บรษิ ทั จากดั 2.บนั ทกึ บญั ชสี าหรบั บรษิ ทั จากดั ตามขนั้ ตอนการจดั ทาบญั ชี 3.จดั ทางบการเงนิ ตามประกาศกรมพฒั นาธรุ กจิ การค้า สาระการเรียนรู้ 1.ความหมายของบรษิ ทั จากดั และบรษิ ทั มหาชนจากดั 2.กฎหมายทเ่ี กย่ี วกบั บรษิ ทั จากดั 3.ทุนของบรษิ ทั จากดั 4.หลกั แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ญ กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าสูบ่ ทเรียน 1.ผูเ้ รยี นรบั ฟังจดุ ประสงคก์ ลมุ่ วชิ า คาอธบิ ายรายวชิ าและสมรรถนะรายวชิ าของหลกั สูตร ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ของสานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา แนวทางวดั ผลและการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ พรอ้ มทงั้ ซกั ถามและแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การเรยี น 2.ครูกล่าวถงึ การปฐมนเิ ทศเป็นการสรา้ งกจิ กรรมในการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมของผูเ้ รยี นใหป้ ฏบิ ตั ิ ตนสอดคลอ้ งกบั กฎระเบยี บและแนวปฏบิ ตั ขิ องสถานศกึ ษา เพ่อื ใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ ความรูส้ กึ รกั ศรธั าในเพ่อื นร่วมชนั้ เรยี น ในตวั ครอู าจารย์ ในวชิ าทเี่ รยี นและในสถานศกึ ษาทาใหเ้ กดิ ความกระตอื รอื รน้ ขยนั มคี วามรบั ผดิ ชอบในงานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย สามารถทางานร่วมกนั เป็นหมคู่ ณะไดเ้ ป็นอย่างดี 3.ผูเ้ รยี นแนะนาตนเอง ครแู นะนาการเรยี นการสอน และช่วยกนั ระดมความคดิ เกยี่ วกบั เรอ่ื งต่าง ๆ 4.และผูส้ อนและผูเ้ รยี นกลา่ วถงึ บรษิ ัทจากดั โดยทวั่ ไป ผูส้ อนซกั ถามเกยี่ วกบั บรษิ ทั ต่างๆ ที่ผเู้ รยี นคุ้นเคย และยกตวั อย่างรายช่อื บรษิ ัทประกอบ ขนั้ สอน 5.ครูผสู้ อนอธบิ ายความหมายบรษิ ทั จากดั โดยจะกลา่ วถงึ ลกั ษณะในทางกฎหมายของ “บริษทั ” ในประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 1012 ไดก้ ล่าวไวว้ า่ “อนั วา่ สญั ญาจดั ต้งั หา้ งหุน้ ส่วนหรือบริษทั น้นั คอื สัญญา ซ่ึงบุคคลต้งั แต่สองคนข้ึนไปตกลงเขา้ กนั เพอ่ื กระทากิจการร่วมกนั ดว้ ยประสงคจ์ ะแบง่ ปันกาไรอนั จะพงึ ได้แต่กิจการทท่ี า น้นั ” นอกจากน้นั ก็มีกล่าวไวใ้ นมาตรา 1013 อีกว่า “อนั ห้างหุ้นส่วนหรือบริษทั น้นั ท่านกาหนดเป็นสามประเภท คอื (1) ห้างหุน้ ส่วนสามญั (2) หา้ งหุ้นส่วนจากดั (3) บริษทั จากดั ” จากขอ้ กาหนดในมาตราดงั กล่าวจะพบว่าธุรกิจในรูปแบบ บริษทั ที่กล่าวถงึ ก็คือ “บริษทั จากดั ” ซ่ึงไดม้ ีการใหค้ าจากดั ความไวใ้ นมาตรา 1096 คอื “อนั วา่ บริษทั จากดั น้นั คือ บริษทั ประเภทซ่ึงต้งั ข้ึนดว้ ยแบ่งทุนเป็นหุน้ มีมูลค่าเท่า ๆ กนั โดยผถู้ ือหุน้ ต่างรับผดิ จากดั เพียงไมเ่ กินจานวนเงินท่ตี นยงั ส่งใชไ้ ม่ ครบมลู คา่ ของหุ้นท่ีตนถือ” 6.ครูอธบิ ายกฎหมายที่เก่ียวกบั บรษิ ัทจากดั และยกตวั อย่างการจดั ตงั้ ธุรกจิ ในรูปแบบบรษิ ทั จากกฎหมายท่ี เกี่ยวขอ้ งกบั ธุรกิจในรูปแบบของบริษทั ดงั ที่กลา่ วอา้ งถึงขา้ งตน้ สามารถสรุปได้ว่ารูปแบบในการจดั ต้งั ธุรกิจข้นึ เป็นบริษทั น้นั ประกอบด้วย 2 รูปแบบ ไดแ้ ก่ (1) บริษทั จากัด (Company Limited; Co., Ltd. Or Corporation Limited; Corp., Ltd. Or Limited; Ltd.) และ (2) บริ ษัทมห าชนจากัด (Public Company Limited; PCL.) 7.ครูอธิบายและยกตวั อย่างการจดั ต้งั บริษทั (Formation of a Corporation) หลงั จากได้ทราบถึง รูปแบบของบริษทั ท่ีธุรกิจสามารถเลอื กจดั ต้งั และดาเนินงานแลว้ เพื่อให้เกิดความเขา้ ใจในการเรียนรู้ถึงวธิ ีการทางการบญั ชี ทเ่ี ก่ียวขอ้ งในลาดบั ถดั ไป จึงจาเป็ นอย่างยิ่งที่จะตอ้ งทราบถึงข้นั ตอนและกระบวนการต่างๆ ในการจดั ต้งั บริษทั ในแต่ละ รูปแบบ โดยรายละเอยี ดที่จะกลา่ วถงึ ต่อไปน้ีจะเป็นกระบวนการตา่ งๆ ทจี่ ะเกิดข้นึ ตามลาดบั โดยสงั เขป 8.ครแู ละผูเ้ รยี นชว่ ยกนั อธบิ ายและเปิด VDO ดขู นั้ ตอนการจดั ตงั้ บรษิ ทั จากดั ซ่งึ สรปุ ดงั น้ี 8.1 มบี คุ คลซง่ึ จะเป็นบคุ คลธรรมดาหรอื นิตบิ คุ คลกไ็ ด้ จานวนตงั้ แต่ 3 คนขน้ึ ไปซ่งึ เรยี กว่า “ผูเ้ รมิ่ กอ่ การ” ร่วมกนั จดั ทาและขอจดทะเบยี นหนงั สอื บรคิ ณหส์ นธิ (Memorandum of association) ซง่ึ ประกอบดว้ ย (1) ช่อื บรษิ ทั ซ่งึ ต้องมคี าว่า “บรษิ ทั ” นาหน้า และตอ่ ทา้ ยดว้ ยคาว่า “จากดั ” เสมอ (2) สานักงานทตี่ งั้ บรษิ ทั (3) วตั ถปุ ระสงคท์ งั้ หลายของบรษิ ทั (4) ถ้อยคาแสดงวา่ ความรบั ผดิ ของผูถ้ อื หนุ้ จะมจี ากดั
ฎ (5) จานวนทนุ เรอื นหนุ้ (Capital Stock) ทบ่ี รษิ ทั คดิ ว่าจะจดทะเบยี นแบง่ ออกเป็นกห่ี นุ้ และมมี ลู คา่ หนุ้ ละ เท่าใด (6) ชอ่ื สานัก อาชวี ะ และลายมอื ช่ือของบรรดาผูเ้ รมิ่ ก่อการ และจานวนหนุ้ ทผี่ ู้เรม่ิ ก่อการได้ลงชอ่ื ซ้อื ไว้ (ซ่งึ จะต้องซ้อื อย่างน้อย 1 หนุ้ ) 8.2 จดั ใหม้ ผี ูเ้ ขา้ ช่อื ซ้อื หนุ้ ทเ่ี หลอื จากสว่ นของผูเ้ รม่ิ ก่อการทงั้ หมด (ถา้ ม)ี ใหค้ รบถว้ นทกุ หนุ้ และ ดาเนินการเรยี กผูเ้ ขา้ ชอ่ื ซอ้ื หนุ้ ทกุ คนเพอ่ื “ประชุมตงั้ บรษิ ทั ” (Statutory Meeting) จะมวี าระเร่อื งต่างๆ ดงั น้ี (1) การกาหนดขอ้ บงั คบั ต่างๆ ของบรษิ ทั (2) การให้สัตยาบันแก่สญั ญาต่างๆ ที่ผู้เรม่ิ ก่อการได้ทาไว้ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ท่ีเก่ียวกับการก่อตงั้ บรษิ ทั ทผี่ ูเ้ รมิ่ ก่อการไดจ้ ่ายไป (3) การกาหนดจานวนเงนิ ซง่ึ จะใหแ้ กผ่ ูเ้ รม่ิ กอ่ การ (4) การกาหนดจานวนหนุ้ บรุ มิ สทิ ธิ ถ้าต้องการจะใหม้ ี (จะตอ้ งระบุไวใ้ นหนงั สอื บรคิ ณหส์ นธแิ ลว้ ) รวมทงั้ ตอ้ งกาหนดบุรมิ สทิ ธหิ รอื สทิ ธพิ เิ ศษทจี่ ะใหแ้ กห่ ุ้นเหล่าน้ี (กรณีทปี่ ระชุมไมอ่ นุมตั ใิ หม้ หี นุ้ บุรมิ สทิ ธิ แต่ ไดร้ ะบไุ วใ้ นหนังสอื บรคิ ณห์สนธแิ ลว้ กใ็ ห้ชดเชยดว้ ยการออกหนุ้ สามญั เท่ากบั จานวนทนุ สว่ นของหุน้ บุรมิ สทิ ธิท่แี จ้งไว้ หรอื ไม่ก็ต้องแจง้ แก้ไขจานวนทุนในหนังสอื บรคิ ณห์สนธิให้เหลือเท่ากบั ทุนส่วน ของหนุ้ สามญั ทแ่ี จง้ ไวเ้ ท่านนั้ ) (5) การกาหนดจานวนหนุ้ สามญั หรอื หนุ้ บุรมิ สทิ ธซิ ่งึ ออกใหเ้ หมอื นหน่ึงว่าไดใ้ ช้เตม็ มูลค่าแลว้ หรอื ไดใ้ ช้ แตบ่ างสว่ นแลว้ เพราะใชใ้ หด้ ว้ ยอยา่ งอน่ื (ทงั้ สนิ ทรพั ยอ์ น่ื และแรงงาน) นอกจากตวั เงนิ (ปกติของการ ชาระค่าหนุ้ กฎหมายกาหนดใหช้ าระเป็นตวั เงนิ เทา่ นนั้ ) และกาหนดวา่ เพยี งใดซง่ึ จะถอื เอาเป็นว่าไดใ้ ชเ้ งนิ แลว้ ถ้าหากจะมหี นุ้ เชน่ นนั้ ในบรษิ ทั (6) การเลอื กตงั้ กรรมการและพนกั งานสอบบญั ชอี นั เป็นชุดแรกของบรษิ ทั และวางกาหนดอานาจของคน เหล่าน้ดี ว้ ย 8.3 ผูเ้ รมิ่ ก่อการมอบหมายการงานทงั้ ปวง เอกสารและสทิ ธหิ นา้ ทท่ี งั้ หลายแก่กรรมการชุดแรกของ บรษิ ทั จากนนั้ กรรมการกจ็ ะดาเนินการเรยี กใหบ้ รรดาผูเ้ ขา้ ช่อื ซ้อื หนุ้ ทงั้ หลายจา่ ยชาระค่าหนุ้ ซง่ึ ต้องจ่ายเป็นตวั เงนิ โดย การเรยี กชาระค่าห้นุ นี้จะเรียกจนครบถ้วนทงั้ หมดก็ได้ หรือถือเป็นการเรียกชาระครงั้ แรกโดยต้องไม่ต่ากว่า รอ้ ยละ 25 ของมูลคา่ ห้นุ และในกรณีทอ่ี อกหุน้ จาหน่ายในราคาสูงกว่ามูลคา่ (ต้องกาหนดไว้ในหนังสอื บรคิ ณหส์ นธิ
ฏ ดว้ ย) กจ็ ะตอ้ งเรยี กจานวนทส่ี งู กว่ามูลคา่ ดงั กลา่ วใหช้ าระมาพรอ้ มกบั การชาระคา่ หนุ้ ครงั้ แรกน้ีดว้ ย การชาระค่าหนุ้ นัน้ จะใชว้ ธิ กี ารหกั กลบลบหน้กี บั บรษิ ทั ไมไ่ ด้ 8.4 กรรมการบรษิ ทั ไปดาเนนิ การขอจดทะเบยี นบรษิ ทั ทงั้ น้จี ะตอ้ งดาเนินการขอจดทะเบยี นบรษิ ทั ภายใน 3 เดอื นนบั จากวนั ทปี่ ระชุมตงั้ บรษิ ทั เสรจ็ สน้ิ 9.ครูเปิด CD การจดั ตงั้ บรษิ ทั มหาชนจากดั สรุปไดด้ งั น้ี 9.1 มบี ุคคลซ่งึ จะต้องเป็นบุคคลธรรมดาเท่านนั้ จานวนตงั้ แต่ 15 คนขน้ึ ไปซ่งึ เรยี กว่า “ผูเ้ รม่ิ จดั ตงั้ บรษิ ทั ” ร่วมกนั จดั ทาและขอจดทะเบยี นหนังสอื บรคิ ณหส์ นธิ ซง่ึ ประกอบดว้ ยรายการดงั ต่อไปน้ี (1) ช่อื บรษิ ทั ซง่ึ ต้องมคี าวา่ “บรษิ ทั ” นาหนา้ และต่อทา้ ยดว้ ยคาว่า “จากดั (มหาชน)” หรอื จะใชอ้ กั ษรยอ่ วา่ “บมจ.” นาหน้าแทนกไ็ ด้ (2) ความประสงคข์ องบรษิ ทั ทจี่ ะเสนอขายหนุ้ ต่อประชาชน (3) วตั ถุประสงคท์ งั้ หลายของบรษิ ทั (4) ทนุ จดทะเบยี นซ่งึ ต้องแสดงชนิด จานวน และมลู คา่ ของหนุ้ (5) สานักงานทต่ี งั้ บรษิ ทั (6) ช่อื วนั เดอื นปีเกดิ สญั ชาตแิ ละทอ่ี ย่ขู องผูเ้ รมิ่ จดั ตงั้ บรษิ ทั และจานวนหนุ้ ทผ่ี ูเ้ รม่ิ จดั ตงั้ บรษิ ทั ไดล้ งช่อื จองไว้ (ผเู้ รมิ่ จดั ตงั้ บรษิ ทั จะตอ้ งจองหนุ้ และชาระค่าหนุ้ เป็นตวั เงนิ รวมกนั ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 5 ของทนุ จดทะเบยี น) 9.2 ย่นื เร่อื งขอเสนอขายหุน้ ต่อประชาชนพรอ้ มย่นื แบบแสดงรายการขอ้ มูลการเสนอขายหุ้นและรา่ งหนังสอื ช้ี ชวน (Prospectus) ตามขอ้ บงั คบั ในกฎหมายว่าดว้ ยหลกั ทรพั ยแ์ ละตลาดหลกั ทรพั ย์ตอ่ สานักงานคณะกรรมการกากบั หลกั ทรพั ยแ์ ละตลาดหลกั ทรพั ย์ (ก.ล.ต.) (ไมจ่ าเป็นว่าจะเป็นบรษิ ทั ท่ีจดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรพั ยห์ รอื ไม่) เมอ่ื ไดร้ บั อนุญาตแล้วกใ็ หด้ าเนินการประกาศชช้ี วนใหป้ ระชาชนจองซ้อื หุ้น ซ่งึ จานวนหุน้ ทน่ี ามาประกาศให้จองซ้ือนัน้ จะต้องมี ไม่ต่ากว่ารอ้ ยละ 50 ของจานวนหนุ้ ทไี่ ด้ 10.ครแู สดงตวั อย่าง หนังสอื บรคิ ณหส์ นธใิ หผ้ ู้เรยี นดู และชใ้ี หเ้ หน็ รายละเอยี ดที่กาหนดไวใ้ นหนงั สอื บรคิ ณห์ สนธิ เม่อื มีผู้เข้าช่อื จองซ้ือหุ้นครบตามจานวนท่ีประกาศในหนังสอื ชช้ี วนแลว้ ให้ผู้เรม่ิ จัดตงั้ บรษิ ัทดาเนินการ เรยี ก ประชุมจดั ตงั้ บรษิ ทั ภายในระยะเวลาไม่เกนิ 2 เดอื นนบั จากวนั ทม่ี ผี ูจ้ องซ้อื หนุ้ ครบตามจานวนในหนังสอื ชช้ี วน แต่ต้อง ไม่เกนิ 6 เดือนนับจากวนั ทจ่ี ดทะเบยี นหนังสอื บรคิ ณหส์ นธิ ในกรณีไม่สามารถดาเนินการเรยี กประชุมได้ทนั ภายใน กาหนดเวลาดงั กล่าว จะต้องย่นื คาขอ อนุญาตขยายเวลาต่อนายทะเบยี นภายใน 7 วนั ก่อนถึงวนั ครบกาหนด 6 เดอื น ซ่งึ หากไดร้ บั อนุญาตกจ็ ะสามารถต่อเวลาไดอ้ ีกไม่น้อยกว่า 1 เดอื นแต่ไม่เกิน 3 เดือน หากไม่สามารถประชุมจดั ตงั้ บรษิ ทั ภายในเวลาทข่ี ยายใหอ้ กี ถอื ว่าหนังสอื บรคิ ณหส์ นธทิ ี่จดทะเบยี นไวน้ นั้ เป็นอนั หมดอายุ 11.ครบู อกรายละเอยี ดในการประชมุ จดั ตงั้ บรษิ ทั นนั้ จะประกอบดว้ ยวาระต่างๆ ดงั น้ี (1) การพจิ ารณาขอ้ บงั คบั ของบรษิ ทั (2) การใหส้ ตั ยาบนั แก่กจิ การทผ่ี ูเ้ รม่ิ จดั ตงั้ บรษิ ทั ทาไวแ้ ละอนุมตั คิ า่ ใชจ้ า่ ยทไ่ี ดจ้ ่ายในการจดั ตงั้ บรษิ ทั (3) การกาหนดจานวนเงนิ ทจ่ี ะใหแ้ กผ่ ูเ้ รม่ิ จดั ตงั้ บรษิ ทั ถา้ ระบไุ วเ้ ชน่ นัน้ ในหนังสอื ชช้ี วน (4) กาหนดลกั ษณะแห่งหนุ้ บรุ มิ สทิ ธิ (ถ้าม)ี (5) กาหนดจานวนหนุ้ สามญั หรอื หนุ้ บรุ มิ สทิ ธทิ จ่ี ะออกใหแ้ กบ่ ุคคลใดเสมอื นว่าไดร้ บั ชาระเงนิ ค่าหนุ้ เตม็ มูลค่า แล้ว เพราะบุคคลนัน้ เป็นผู้ให้ทรพั ย์สนิ อ่ืนนอกจากตวั เงิน หรือให้หรอื ให้ใช้ลิขสทิ ธิใ์ นงานวรรณกรรม ศิลปะหรอื วทิ ยาศาสตร์ สทิ ธิบตั ร เคร่อื งหมายการคา้ แบบหรอื หุ่นจาลอง แผนผงั สูตร หรอื กรรมวธิ ีลบั ใดๆ หรอื ให้ข้อสนเทศ เกยี่ วกบั ประสบการณ์ทางอุตสาหกรรม การพาณิชยห์ รอื วทิ ยาศาสตร์ (6) เลอื กตงั้ กรรมการ (7) เลอื กตงั้ ผูส้ อบบญั ชแี ละกาหนดจานวนเงนิ ค่าสอบบญั ชขี องบรษิ ัท 12.ครูอธบิ ายถึงผู้เรม่ิ จดั ตงั้ บรษิ ัทมอบกิจการและเอกสารทัง้ ปวงแก่คณะกรรมการภายใน 7 วนั นับจากวนั ท่ี เสรจ็ สน้ิ การประชมุ จดั ตงั้ บรษิ ทั จากนัน้ คณะกรรมการจะต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้จองหุ้นชาระเงินค่าหุ้นให้เต็ม
ฐ จานวนภายในเวลาทีแ่ จง้ ในหนังสอื ซ่งึ จะต้องไม่นอ้ ยกวา่ 14 วนั หลงั จากวนั ที่ไดร้ บั หนังสอื แจง้ และกรณีทผ่ี ูจ้ องหุน้ ตอ้ ง ชาระคา่ หนุ้ ดว้ ยทรพั ยส์ นิ อ่นื ทม่ี ใิ ช่ตวั เงนิ ใหด้ าเนนิ การทาหลกั ฐานการโอนกรรมสทิ ธใิ์ นทรพั ยส์ นิ นนั้ ใหแ้ ก่บรษิ ัท ใหเ้ สรจ็ สน้ิ ภายในเวลาในหนงั สอื แจง้ เชน่ กนั แตจ่ ะต้องไม่นอ้ ยกว่า 1 เดอื นนบั จากวนั จดทะเบยี นบรษิ ทั การชาระค่า หนุ้ จะหกั กลบลบหน้กี บั ผูเ้ รม่ิ จดั ตงั้ บรษิ ทั หรอื บรษิ ทั ไมไ่ ด้ 13.ครกู ลา่ วถงึ คณะกรรมการ ดาเนินการขอจดทะเบยี นบรษิ ทั ภายใน 3 เดอื นนับจากวนั ประชมุ จดั ตงั้ บรษิ ัทเสร็จส้นิ การดาเนินการขอจดทะเบยี นใดๆ ท่กี ลา่ วถึงในกระบวนการจดั ตงั้ บรษิ ัททงั้ 2 รูปแบบนัน้ จะต้องไป ดาเนินการกบั กรมพฒั นาธุรกจิ การค้า กระทรวงพาณิชยซ์ ่งึ จะมคี ่าธรรมเนียมต่างๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ งตามกระบวนการโดย คา่ ธรรมเนียมเหล่าน้จี ะถอื เป็นส่วนหนึ่งของค่าใชจ้ ่ายในการจดั ตงั้ บรษิ ทั ท่ีจะกล่าวถงึ ต่อไปและผลของการจดทะเบยี น บรษิ ทั ทกี่ ล่าวถงึ ในกระบวนการสุดทา้ ยขา้ งต้น กค็ อื บรษิ ทั ทไี่ ดร้ บั การจดทะเบยี นแลว้ นนั้ จะถอื เป็นบคุ คลตามกฎหมาย บุคคลหน่งึ ซ่งึ เรยี กว่า “นติ บิ ุคคล” (Juristic Person) นับแตว่ นั ทนี่ ายทะเบยี นไดร้ บั จดทะเบยี นบรษิ ทั นนั้ 14.ครูและผู้เรียนแสดงตัวอย่างค่าใช้จ่ายในการจดั ตงั้ บรษิ ัท (Organization Cost) ค่าใช้จ่ายในการจดั ตัง้ บรษิ ทั นนั้ กค็ อื บรรดาค่าใชจ้ ่ายต่างๆ ซ่งึ เกยี่ วข้องกบั กระบวนการทจ่ี ะทาใหบ้ รษิ ทั ไดเ้ ป็นรูปรา่ งและสามารถจดั ตงั้ และ ดาเนินงานไดต้ ามท่ผี ู้เรมิ่ ก่อการหรอื ผู้เร่ิมจดั ตงั้ บรษิ ทั ไดจ้ า่ ยออกไปทงั้ หมดและได้รบั การใหส้ ตั ยาบนั จากทีป่ ระชมุ ตงั้ บรษิ ทั แลว้ รวมทงั้ ค่าใชจ้ ่ายตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การจดทะเบยี นบรษิ ทั ในช่วงตอ่ มาดว้ ย หรอื อาจกลา่ วโดยสรปุ งา่ ยๆ กค็ อื คา่ ใชจ้ ่ายต่างๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ ก่อน บรษิ ทั จะเรมิ่ ดาเนนิ งาน (Preoperating Expenses) ได้ อยา่ งถกู ต้องตามกฎหมาย โดยค่าใชจ้ า่ ยต่างๆ มกั จะประกอบดว้ ย คา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั ทาหนังสอื บรคิ ณหส์ นธแิ ละคา่ ธรรมเนยี มในการจดทะเบยี นหนังสอื บรคิ ณหส์ นธิ คา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั ทาเอกสารยน่ื เพอ่ื ขออนุญาตจาหน่ายหุน้ ใหแ้ ก่ประชาชน ค่ า ใ ช้ จ่ า ย ต่ า ง ๆ เกย่ี วกบั การโฆษณาชช้ี วนใหป้ ระชาชนซ้อื หนุ้ (กรณีเฉพาะการจดั ตงั้ บรษิ ทั มหาชนจากดั เทา่ นนั้ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การแจง้ และการดาเนนิ การประชุมตงั้ บรษิ ทั การจดั ทาเอกสารประกอบการ ประชุม ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวกบั ผู้ให้บรกิ ารทางวชิ าชีพเฉพาะ เช่น ทนายความ เพ่อื ให้เอกสารทงั้ หลายที่ เกย่ี วขอ้ งถกู ต้องตามกฎหมายสาหรบั การย่นื ขอจดทะเบยี นบรษิ ทั ค่าใช้จ่ายต่างๆ เก่ียวกบั การออกหุ้นทุนและการเรยี กชาระค่าหุ้นในช่วงก่อนท่ีจะมกี ารจดทะเบียนบรษิ ัท เช่น ใบหุ้น สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น สมุดบัญชีและเอกสารหลักฐานต่างๆ สาหรับการ บันทึกข้อมูลทางการบัญชี ค่าธรรมเนยี มและค่านายหนา้ เป็นตน้ ค่าธรรมเนยี มต่างๆ ในการยน่ื ขอจดทะเบยี นบรษิ ทั 15.ครูใชเ้ ทคนิควธิ ีสอนแบบใช้โสตทศั นวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวธิ สี อนท่ี นาอปุ กรณโ์ สตทศั น์วสั ดมุ าช่วยพฒั นาคุณภาพการเรยี นการสอน โสตทศั น์วสั ดุดงั กล่าว ไดแ้ ก่ VDO และ Power Point เพ่อื แสดงใหผ้ ูเ้ รยี นได้เรยี นรู้ทุนของบรษิ ัทจากดั โดยครูและผู้เรยี นช่วยกนั อธบิ ายและยกตวั อย่างหุ้นทุนของบรษิ ัท จากรายละเอยี ดทไี่ ดเ้ รยี นรูใ้ นหวั ขอ้ ก่อน จะเหน็ ไดว้ า่ หนุ้ ทุนของบรษิ ทั นนั้ ประกอบดว้ ยหนุ้ หลกั ซ่ึงก็คือ “หุ้นสามัญ ” และหนุ้ ทอี่ าจกาหนดใหม้ เี พมิ่ เตมิ หรอื ทเี่ รยี กวา่ หนุ้ ชนิดพเิ ศษ คอื “หุน้ บรุ มิ สทิ ธ”ิ ซ่ึงจะต้องถูกกาหนดและจดแจง้ ไวใ้ น หนังสอื บรคิ ณหส์ นธิ โดยหนุ้ วทุนทงั้ 2 ประเภทดงั กลา่ วกค็ อื เครอ่ื งมอื หลกั ในการจดั หาเงนิ ทุนของธรุ กจิ 16.ครแู ละผูเ้ รยี นอธบิ ายและยกตวั อยา่ งหนุ้ สามญั (Common Stock) ซ่งึ หนุ้ สามญั เป็นหนุ้ ทุนพน้ื ฐานทจี่ าเป็น จะต้องมใี นธรุ กจิ รูปแบบบรษิ ทั ซง่ึ ตา่ งจากหุน้ บุรมิ สทิ ธทิ จ่ี ะถกู กาหนดใหม้ หี รอื ไม่มกี ็ได้ และนอกจากนนั้ สทิ ธแิ ละ หนา้ ทตี่ า่ งๆ ในทางกฎหมายเกยี่ วกบั หนุ้ และผูถ้ อื หนุ้ ในบรษิ ทั นนั้ กจ็ ะเกยี่ วขอ้ งกบั หนุ้ สามญั เป็นหลกั ดงั นนั้ เมอ่ื ขอ้ กาหนดของกฎหมายกลา่ วในลกั ษณะทว่ี ่าทนุ ของบรษิ ทั จะต้องแบง่ ออกเป็นหนุ้ นนั้ คาว่า “หนุ้ ” ในทนี่ ้ี กค็ อื การมุ่งไป ทห่ี นุ้ สามญั เป็นหลกั รวมถงึ การกล่าวถงึ เจา้ ของบรษิ ทั นนั้ กจ็ ะหมายถงึ เฉพาะผูท้ ถี่ อื หนุ้ สามญั เชน่ กนั เน่อื งจากสทิ ธิ และหน้าทใี่ นทางกฎหมายของผูถ้ อื หนุ้ สามญั นนั้ กค็ อื การมสี ทิ ธใิ นการเขา้ รว่ มประชุมออกเสยี งลงมตใิ นการบรหิ าร จดั การงานของบรษิ ทั ไมว่ า่ จะในรูปแบบใดๆ การมสี ทิ ธติ รวจสอบเอกสารหลกั ฐานทางการค้าและการบญั ชตี า่ งๆ ซ่งึ ลว้ นแตเ่ ป็นเรอ่ื งของการมสี ว่ นไดเ้ สยี ในการดาเนนิ งานของบรษิ ทั โดยตรงทงั้ สน้ิ
ฑ 17.ครูและผูเ้ รยี นอธบิ ายและยกตวั อย่างเกยี่ วกบั หนุ้ บรุ มิ สทิ ธิ (Preferred Stock) โดยหนุ้ บุรมิ สทิ ธเิ ป็นหนุ้ ทุน ชนดิ ทผี่ ูถ้ อื หนุ้ จะมสี ทิ ธพิ เิ ศษมากกว่าผูถ้ อื หนุ้ สามญั โดยสทิ ธพิ เิ ศษน้จี ะต้องถูกกาหนดไวใ้ นเอกสารของการ ประชุมตงั้ บรษิ ทั ซง่ึ เกดิ จากความเหน็ ชอบของมตทิ ปี่ ระชุมตงั้ บรษิ ทั 18.ครูเปิด Power Point เพอ่ื อธบิ ายถงึ สทิ ธพิ เิ ศษของหนุ้ บรุ มิ สทิ ธทิ จ่ี ะถูกกาหนดนนั้ มกั จะเกยี่ วขอ้ งกบั สทิ ธทิ ่ี ดกี ว่าหนุ้ สามญั ในเรอ่ื งของการรบั เงนิ ปันผล 19.ครูใหค้ วามรูเ้ พม่ิ เตมิ นอกเหนือจากเน้อื หาการเรยี นการสอน เกยี่ วกบั เงื่อนไขตามหลกั เศรษฐกิจ พอเพยี ง ในการตดั สนิ ใจและการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่าง ๆ ใหอ้ ยู่ในระดบั พอเพยี งนนั้ ต้องอาศยั ทงั้ ความรู้ และคุณธรรม เป็นพน้ื ฐาน กล่าวคอื (1) เงอ่ื นไขความรู้ เป็นความรอบรเู้ กย่ี วกบั วชิ าการต่าง ๆ ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ความรอบคอบทจ่ี ะนาความรูเ้ หล่านัน้ มาพจิ ารณาใหเ้ ช่อื มโยงกนั เพอ่ื การวางแผน และความระมดั ระวงั ในขนั้ ปฏบิ ตั ิ (2) เง่อื นไขคณุ ธรรม เป็นสง่ิ ทตี่ อ้ งเสรมิ สรา้ งใหม้ คี วามตระหนักในคุณธรรม มคี วามซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ และมคี วาม อดทน มคี วามเพยี ร ใชส้ ตปิ ัญญาในการดาเนนิ ชวี ติ 20.ครใู หค้ วามรูใ้ นการทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย ซ่ึงเป็นการจดบนั ทึกเหตุการณ์ตา่ ง ๆ เกี่ยวกบั การเงนิ หรือ บางส่วนเกี่ยวขอ้ งกบั การเงนิ โดยผ่านการวิเคราะห์ จดั ประเภทและบนั ทึกไวใ้ นแบบฟอร์มท่ีกาหนด เพอื่ แสดงฐานะ การเงนิ และผลการดาเนินงานของตนเองหรือครอบครวั ในช่วงระยะเวลาหน่ึง เป็นวธิ ีชว่ ยตรวจสอบการใชจ้ า่ ยของ ครอบครัววา่ มรี ายจ่ายสมดลุ กบั รายรับ และใชจ้ ่ายอย่างมีเหตุผลตามความจาเป็น พอเหมาะกบั สภาพครอบครวั หรือไม่ หาก สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เพอ่ื ลดรายจ่ายทไี่ ม่จาเป็นเกินตนได้ จะช่วยใหม้ เี งินเก็บออมเพอื่ เป็นรากฐาน สรา้ งภมู คิ ุม้ กนั ทีดีในชีวิตได้ 21.ครใู หค้ วามรูเ้ กยี่ วกบั การทาบญั ชีรายรับ-รายจา่ ย หมายถงึ การจดบนั ทึกเหตุการณต์ า่ ง ๆ เก่ียวกบั การเงนิ หรือ บางส่วนเก่ียวขอ้ งกบั การเงิน โดยผา่ นการวิเคราะห์ จดบนั ทึกเพ่ือแสดงฐานะการเงนิ และผลการดาเนินงานของตนเองหรือ ครอบครัวในช่วงระยะเวลาหน่ึง ตวั อยา่ งแบบบนั ทกึ บญั ชีรายรบั -รายจา่ ย ว.ด.ป. รายรบั จานวนเงิน ว.ด.ป. รายรบั จานวนเงิน บาท สต. บาท สต. ผูเ้ รยี นบนั ทกึ รายรบั -รายจ่ายในครวั เรอื นของตนเองในภาคเรยี นน้ตี ามแบบฟอรม์ ทก่ี าหนดให้ สมดุ บนั ทึก รายรบั -รายจ่าย ในครวั เรอื น ของนาย/นาง/นางสาว....................................................... ประจาภาคเรยี นท.ี่ ../........ระหว่างเดอื น..................ถงึ เดอื น................พ.ศ ...........
ฒ วนั รายการ รายรบั รายจ่าย คงเหลอื เดือน ปี หมายเหตุ ถา้ ไมพ่ อใหใ้ ชก้ ระดาษ A-4 ตแี บบฟอรม์ เพม่ิ เตมิ ได้ สรปุ และการประยกุ ต์ 22.ครูและผู้เรยี นสรุป โดยการถามตอบ และผู้เรยี นกรอกรายละเอียดลงในแบบ บอจ.1 ให้ดาวน์โหลดจาก เวบ็ ไซต์กรมพฒั นา ธรุ กจิ การคา้ 23.ผูเ้ รยี นทาแบบฝึกหดั และใบงาน ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น วชิ าการบญั ชีบริษทั จากดั 2. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส,์ VDO และ Power Power 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4. รปู ภาพประกอบ หลกั ฐาน 1. บนั ทกึ การสอน 2. ผลงาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ 4. ใบเชค็ ชอ่ื เขา้ หอ้ งเรยี น การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ตรวจแบบฝึกประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3 ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 4 สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ 5 การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ (โดยครู) 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผู้เรยี น) 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครูและผู้เรยี น ร่วมกนั ประเมนิ เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
ณ 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ า่ น 50% 5. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กบั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.ศกึ ษาการจดั ตงั้ บรษิ ทั จากดั ตามกฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งจากกรมพฒั นาธุรกจิ การค้า 2.ฝึกทกั ษะทาแบบฝึกหดั และใบงาน แบบประเมินผลการส่งเสริมคณุ ธรรมพืน้ ฐาน คาชี้แจง เพอ่ื ใหก้ ารขบั เคลอ่ื นคุณธรรมพน้ื ฐานมคี วามชดั เจน เกดิ ประสทิ ธภิ าพสูงสุด และนาไปสู่การปฏบิ ตั ไิ ด้ อย่างเป็นรูปธรรม จงึ มกี ารประเมนิ รายการแต่ละข้อแลว้ เขยี นเคร่อื งหมาย ลงในช่องระดบั คุณภาพตามความเป็น จรงิ โดยกาหนดน้าหนกั คะแนน ดงั น้ี 5 = ดมี าก, 4 = ด,ี 3 = พอใช,้ 2 = ควรปรบั ปรงุ , 1 = ใชไ้ มไ่ ด้ รายการ พฤติกรรมบง่ ชี้ ระดบั คุณภาพ 54321 1.ความขยนั ผทู้ มี่ คี วามขยนั คอื ผูท้ ตี่ งั้ ใจทาจรงิ จงั ต่อเน่อื งในเรอ่ื งทถี่ กู ทคี่ วร สูง้ าน มี ความพยายาม ไมท่ อ้ ถอย อดทน กลา้ เผชญิ อปุ สรรค 2.ประหยดั ผทู้ มี่ คี วามประหยดั คอื ผทู้ ดี่ าเนนิ ชวี ติ ความเป็นอยู่เรยี บง่าย รจู้ กั ฐานะ 3.ความซอ่ื สตั ย์ การเงนิ ของตน คดิ ก่อนใชค้ ดิ กอ่ นซอ้ื เกบ็ ออม ถนอมใชท้ รพั ยส์ นิ สง่ิ ของอย่าง 4.ความมวี นิ ยั คมุ้ คา่ ไม่ฟ่มุ เฟือย ฟ้งุ เฟ้อ รจู้ กั ทาบญั ชรี ายรบั -รายจา่ ยของตนเองเสมอ ผทู้ มี่ คี วามซ่อื สตั ย์ คอื ผทู้ ม่ี คี วามประพฤตติ รงทงั้ ตอ่ หนา้ ที่ ต่อวชิ าชพี ตรง ตอ่ เวลา ไมใ่ ชเ้ ล่ห์กล คดโกง รบั รหู้ นา้ ทขี่ องตนเองและปฏบิ ตั เิ ตม็ ทถี่ ูกตอ้ ง ผทู้ มี่ วี นิ ัย คอื ผทู้ ปี่ ฏบิ ตั ติ นในขอบเขต กฎ ระเบยี บสถานศกึ ษา สถาบนั / องคก์ ร/สงั คมและประเทศ โดยทย่ี นิ ดปี ฏบิ ตั อิ ยา่ งเตม็ ใจ
ด 5.ความสภุ าพ ผทู้ ม่ี คี วามสภุ าพ คอื ผทู้ อี่ อ่ นน้อมถอ่ มตนตามสถานภาพและกาลเทศะ ไม่ 6.ความสะอาด กา้ วรา้ ว วางอานาจข่มผูอ้ ่นื เรยี บรอ้ ย อ่อนโยน ละมนุ ละม่อม มกี ริ ยิ ามารยาทดี 7.ความสามคั คี งาม มสี มั มาคารวะ แต่ในเวลาเดยี วกนั ยงั คงมคี วามมนั่ ใจในตนเอง วางตน 8.ความมนี ้าใจ เหมาะสมตามวฒั นธรรมไทย ผทู้ คี่ วามสะอาด คอื ผรู้ กั ษารา่ งกาย ทอี่ ยอู่ าศยั สง่ิ แวดลอ้ มถกู ต้องตาม สุขลกั ษณะ ปราศจากความมวั หมองทงั้ กาย ใจและสภาพแวดลอ้ ม มคี วามผอ่ ง ใสเป็นทเ่ี จรญิ ตาแก่ผพู้ บเหน็ ผทู้ มี่ คี วามสามคั คี คอื ผทู้ เี่ ปิดใจกวา้ งรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื รบู้ ทบาท ของตนในฐานะผนู้ าและผตู้ ามทดี่ ี มงุ่ มนั่ ต่อการรวมพลงั ช่วยเหลอื เก้อื กูลกนั เพ่อื ใหง้ านสาเรจ็ แก้ปัญหาและขจดั ความขดั แยง้ ได้ มเี หตุผล ยอมรบั ความ แตกตา่ งหลากหลายทางวฒั นธรรม ความคดิ ความเช่อื พรอ้ มทจ่ี ะปรบั ตวั เพ่ือ อยู่ร่วมกนั อย่างสนั ติ ผทู้ ม่ี นี ้าใจ คอื ผใู้ หแ้ ละผอู้ าสาช่วยเหลอื สงั คม รจู้ กั แบ่งปัน เสยี สละความสุข สว่ นตน เพอ่ื ประโยชนแ์ ก่ผูอ้ ่นื เขา้ ใจ เหน็ ใจผทู้ มี่ คี วามเดอื ดรอ้ น ลงมอื ปฏบิ ตั กิ ารเพ่อื บรรเทาปัญหา หรอื ร่วมสรา้ งสรรค์สงิ่ ดงี ามใหเ้ กิดข้นึ ในชมุ ชน รวมคะแนนทไี่ ด.้ .....................................คะแนน ขอ้ คิดเหน็ เพ่ิมเติม……….…………………………………….………………….………………………………… เกณฑ์การประเมินระดบั คณุ ภาพ ผูป้ ระเมนิ .....……………............. 28-30 คะแนน = ดมี าก 15-19 คะแนน = ควรปรบั ปรงุ 25-27 คะแนน = ดี 0-14 คะแนน = ใชไ้ ม่ได้ 20-24 คะแนน = พอใช้ แบบประเมินผลการเรียนรู้ คาชี้แจง ใหป้ ระเมนิ รายการแต่ละขอ้ แลว้ เขยี น เครอ่ื งหมาย / ลงในชอ่ งระดบั คุณภาพตามความเป็นจรงิ โดยกาหนด น้าหนกั คะแนน ดงั น้ี- 5 = ดมี าก, 4 = ด,ี 3 = พอใช,้ 2 = ควรปรบั ปรงุ , 1 = ใชไ้ มไ่ ด้ รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 5 43 2 1 1.ผลการเรยี นทค่ี าดหวงั มคี วามชดั เจน ครอบคลมุ พฤตกิ รรมทุกด้าน (KAP) 2.เน้อื หาสาระมคี วามถูกต้อง ครอบคลุม และชดั เจน 3.กจิ กรรมการเรยี นรูส้ อดคลอ้ งกบั ผลการเรยี นรูท้ ค่ี าดหวงั 4.กจิ กรรมการเรยี นรูม้ คี วามหลากหลาย น่าสนใจและเน้นกระบวนการคดิ การฟัง การพูด การอ่าน การดแู ละการเขยี น 5.กจิ กรรมการเรยี นรูเ้ นน้ ใหผ้ ูเ้ รยี นลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ 6.กจิ กรรมการเรยี นรูส้ ง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นคน้ พบคาตอบดว้ ยตนเอง 7.กจิ กรรมการเรยี นรูเ้ พยี งพอทจี่ ะสง่ ผลใหบ้ รรลุผลการเรยี นรูท้ ค่ี าดหวงั 8.กจิ กรรมการเรยี นรูท้ ก่ี าหนดสามารถนาไปปฏบิ ตั กิ ารสอนไดจ้ รงิ 9.มสี อ่ื ทสี่ อดคลอ้ งกบั กจิ กรรมและเป็นสอ่ื ทเี่ น้นกระบวนการคดิ 10.มกี ารวดั ผลประเมนิ ผลทสี่ อดคลอ้ งกบั ผลการเรยี นรูท้ คี่ าดหวงั 11.วธิ กี ารวดั ผลสอดคลอ้ งกบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 12.มกี ารกาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ ผลไวอ้ ยา่ งชดั เจนและเหมาะสม รวม
ต ข้อคิดเหน็ เพ่ิมเติม 1.กระบวนการคดิ ทใี่ ช้ คอื ……….…………………………………….………………….……………….……… ……….……………………………………………………………………………..………................................ 2.สง่ิ ทค่ี วรปรบั ปรุง คอื ……….…………………………………….…..…………………………….…..….…….. …………………………………………………………………………….…………………………………………… ผูป้ ระเมนิ …………………………………………… บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน ................................................................................................................... ................................ ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................. . ................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ปัญหาท่ีพบ ........................................................................................................................................ ........... ................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................... ................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................... .................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................. ...................... ............................................................................................................................. ...................... ................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................... แนวทางแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................. . ................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................
ถ ................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................... ................................................................................................................................................... ......................................................................................................................... .......................... .............................................................................................................................................. ..... ................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................... แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบรู ณาการที่ 2 หนว่ ยท่ี 2 รหสั วชิ า 20201-2003 บญั ชีบรษิ ทั จากดั 1-4-3 สอนครงั้ ที่ 2 (6-10) ช่ือหน่วย/เรื่อง การจาหน่ายห้นุ ทุน และการจดั ทาทะเบียนผ้ถู อื ห้นุ จานวน 5 ช.ม. แนวคิด เมอื่ ผูเ้ ริ่มก่อการจดั ต้งั บริษทั และดาเนินการตามข้นั ตอนเรียบร้อยแลว้ กจ็ ะเรียกชาระค่าหุ้นตามราคาหุ้นทุนที่ ออกจาหน่ายตามกฎหมาย คอื การจาหน่ายหุ้นของบริษทั จากดั ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา 1105 สามารถจาหน่ายได้ 2 ราคา คอื ราคาตามมลู ค่า และราคาสูงกว่ามูลค่า ส่วนการจาหน่ายหุ้นของบริษทั มหาชนจากดั ตาม พระราชบญั ญตั ิบริษทั มหาชนจากดั สามารถจาหน่ายได้ 3 ราคา คอื ราคาตามมลู ค่าราคาสูงกว่ามลู ค่า และราคาตา่ กว่า มูลค่า ผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั 1.อธบิ ายการจาหน่ายหนุ้ ทุนได้ 2.จาหน่ายหนุ้ ทุนตามวธิ ตี า่ งๆ ได้ 3.อธบิ ายและจดั ทาทะเบยี นผูถ้ อื หนุ้ ได้ 4.มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผู้สาเรจ็ การศกึ ษา สานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทคี่ รูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเรอ่ื ง 4.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 4.6 การประหยดั 4.2 ความมวี นิ ยั 4.7 ความสนใจใฝ่รู้ 4.3 ความรบั ผดิ ชอบ 4.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั 4.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ 4.9 ความรกั สามคั คี 4.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 4.10 ความกตญั ญูกตเวที สมรรถนะรายวิชา 1.แสดงความรูเ้ กย่ี วกบั บญั ชสี าหรบั บรษิ ทั จากดั 2.บนั ทกึ บญั ชสี าหรบั บรษิ ทั จากดั ตามขนั้ ตอนการจดั ทาบญั ชี 3.จดั ทางบการเงนิ ตามประกาศกรมพฒั นาธุรกจิ การค้า สาระการเรียนรู้ 1.การจาหน่ายหนุ้ ทุน 2.วธิ กี ารจาหน่ายหนุ้ ทนุ
ท 3.ทะเบยี นผูถ้ อื หนุ้ กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น 1.ครูกล่าวถงึ เม่อื ผูเ้ รมิ่ ก่อการจดั ตงั้ บรษิ ทั จดั ใหม้ ผี ูเ้ ขา้ ช่อื ซอ้ื หนุ้ จนครบแลว้ .ผูเ้ รมิ่ กอ่ การเรยี กประชุมผูซ้ อ้ื หนุ้ เพอ่ื จดั ตงั้ บรษิ ทั และเลอื กคณะกรรมการบรษิ ทั บรษิ ทั จะเรยี กคา่ หนุ้ ครงั้ แรกอย่างนอ้ ย 25% ของมูลคา่ หนุ้ เม่อื ไดร้ บั ชาระค่าหนุ้ ครบถ้วนแลว้ จงึ ไปขอจดทะเบยี นบรษิ ทั 2.ครูนาแบบ บอจ. 5 และ บอจ.6 สาเนาบญั ชรี ายช่อื ผถู้ อื หนุ้ มาใหผ้ ูเ้ รยี นดเู ป็นตวั อย่าง เพ่อื ใหเ้ หน็ ความสาคญั และความจาเป็นในการกรอกขอ้ มลู ใหส้ มบูรณต์ อ่ ไป 3.ครูและผูเ้ รยี นสนทนาเกย่ี วกบั หนุ้ บรุ มิ สทิ ธแิ ละหนุ้ สามญั โดยกฎหมายไดม้ กี ารกาหนดใหบ้ รษิ ทั จะต้องออก ใบหนุ้ เพ่อื เป็นหลกั ฐานการถอื หนุ้ ให้แก่ผูถ้ อื หนุ้ แตล่ ะประเภท ซง่ึ กรณที เี่ ป็นบรษิ ทั จากดั นนั้ ใบหนุ้ ทจี่ ะออกใหแ้ ก่ ผูถ้ อื หนุ้ นัน้ แยกไดเ้ ป็น 2 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ (1) ใบหุน้ ชนดิ ระบชุ อ่ื (The name certificate) (2) ใบหนุ้ ชนิดออกใหแ้ ก่ ผูถ้ อื (The certificate to bearer) ขนั้ สอน 3.ครใู ชเ้ ทคนคิ วธิ สี อนแบบใชโ้ สตทศั นวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวธิ สี อนทน่ี า อุปกรณ์โสตทศั น์วสั ดมุ าช่วยพฒั นาคุณภาพการเรยี นการสอน โสตทศั น์วสั ดุดงั กลา่ ว ไดแ้ ก่ Power Point เพ่อื แสดงให้ ผูเ้ รยี นไดเ้ รยี นรูก้ ารจาหน่ายหนุ้ ทุน และใชเ้ ทคนคิ Demonstration Method การจดั การเรยี นรูแ้ บบสาธติ เพอ่ื แสดง ตวั อย่างใบหนุ้ และทะเบยี นผูถ้ อื หนุ้ สาหรบั รายละเอยี ดตา่ งๆเกย่ี วกบั หนุ้ ทอี่ อกและ ตวั ผูถ้ อื หนุ้ นัน้ โดยบรษิ ทั จากดั ผูอ้ อกหนุ้ จะตอ้ งจดั ทาทะเบยี นผูถ้ อื หนุ้ ซง่ึ จะมขี อ้ มลู ทป่ี ระกอบดว้ ย (1) ช่อื และสานกั กบั อาชวี ะ ถา้ วา่ มขี องผูถ้ อื หนุ้ ขอ้ แถลงเร่อื งหนุ้ ของผูถ้ อื หนุ้ คนหน่งึ ๆ แยกหนุ้ ออก ตามเลขหมายและจานวนเงนิ ทไี่ ดใ้ ชแ้ ลว้ หรอื ทไ่ี ดต้ กลงกนั ใหถ้ อื ว่าเป็นอนั ไดใ้ ช้แลว้ ในหนุ้ ขอผูถ้ อื หนุ้ คนหน่งึ ๆ (2) วนั เดอื นปีซง่ึ ไดล้ งทะเบยี นบคุ คลหนึ่งๆ เป็นผูถ้ อื หนุ้ (3) วนั เดอื นปีซง่ึ บคุ คลคนใดคนหน่งึ ขาดจากการเป็นผูถ้ อื หนุ้ (4) เลขหมายใบหนุ้ และวนั ทลี่ งในใบหนุ้ ชนิดออกใหแ้ กผ่ ูถ้ อื และเลขหมายของหุน้ ซง่ึ ไดล้ งไวใ้ นใบหนุ้ (5) วนั ทไ่ี ดข้ ดี ฆ่าใบหนุ้ ชนิดระบชุ อ่ื หรอื ชนดิ ออกใหแ้ กผ่ ูถ้ อื สาหรบั กรณีบรษิ ทั มหาชนจากดั นนั้ ตามกฎหมายจะกาหนดให้ทะเบยี นผูถ้ อื หนุ้ นนั้ อย่างน้อยตอ้ งมี รายการ (1) ชอ่ื สญั ชาติ และทอี่ ยขู่ องผูถ้ อื หนุ้ (2) ชนิด มูลค่า เลขทใ่ี บหนุ้ และจานวนหนุ้ และ (3) วนั เดอื นปี ท่ี ลงทะเบยี นเป็นหรอื ขาดจากการเป็นผูถ้ อื หนุ้ 4.ครอู ธบิ ายวธิ กี ารจาหน่ายหนุ้ ทุน โดยใชส้ ่อื Power Point ประกอบ ซ่งึ มี 2 วธิ ี ไดแ้ ก่ 4.1. จาหน่ายหุน้ โดยใหช้ าระค่าหุ้นครงั้ เดยี ว
ธ 4.2. จาหน่ายหุน้ โดยใหช้ าระค่าหุ้นเป็นงวดๆ หรอื จาหน่ายโดยการสงั่ จองหุน้ 5.ครูและผูเ้ รยี นอธบิ ายและยกตวั อยา่ งทะเบยี นผูถ้ อื หนุ้ โดยทะเบยี นผูถ้ อื หุน้ คอื สมดุ ทจ่ี ดบนั ทกึ เกย่ี วกบั หุ้น และผูถ้ อื หุน้ ของบรษิ ทั เพอ่ื ใหร้ ูว้ า่ ใคร เป็นผูถ้ อื หุน้ ของบรษิ ทั บา้ ง คนละเท่าใด ตงั้ แต่เม่อื ใด ตลอดจนรายละเอยี ด เกยี่ วกบั การโอนหนุ้ และการเปลยี่ นแปลงรายการต่างๆ ทบี่ นั ทกึ ไวต้ ามทก่ี ฎหมายกาหนด.และกรรมการมหี น้าทเ่ี กบ็ รกั ษา สมดุ ทะเบยี นผูถ้ อื หุน้ นนั้ ไวต้ ามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 1168.(2) สมุดทะเบยี น ผูถ้ อื หุน้ . จะต้องมรี ายการตามทร่ี ะบไุ ว้ ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1138 6.ครูแนะนาใหใ้ ชค้ วามรอบคอบ ระมดั ระวงั ในกรอกขอ้ มูลในแบบ บอจ. 5 และ บอจ.6 สาเนาบญั ชรี ายชอ่ื ผู้ ถอื หุน้ เพอ่ื ฝึกทกั ษะประสบการณใ์ หเ้ กดิ ความชานาญในการนาไปปฏบิ ตั ิ 7.ครใู หค้ วามรูเ้ กยี่ วกบั ความรู้ ความคิด และการปฏิบตั ิ คือ ควรนาแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงใน กระบวนการทางานทุกประเภทน้นั จะเนน้ สัจจะซ่ึงเป็นตวั คณุ ธรรม จริยธรรม เนน้ ความซ่ือสัตยส์ ุจริต เนน้ ให้ช่วยกนั คิด ชว่ ยกนั ทา เนน้ ใหร้ ู้จกั ความพอดี พอประมาณ มเี หตุผล ท้งั หมดน้ีคือ หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถนาไป ประยุกต์ใชก้ บั การดาเนินชวี ติ ของทุกคนได้ ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 8.ผสู้ อนและผูเ้ รียนร่วมกนั สรุปตามหัวขอ้ ในสาระการเรียนรู้ และชว่ ยกนั ต้งั คาถามและตอบคาถามร่วมกนั และ ผูเ้ รยี นกรอกขอ้ มูลเอกสารทะเบยี นหนุ้ 9.ทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และใบงาน 10.ผูเ้ รยี นตอบคาถามเป็นรายบุคคลหรอื กลมุ่ แลว้ แต่ความสะดวกในสภาพจรงิ ของการเรยี นการสอน
น ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ 1.หนงั สอื เรยี น วชิ าการบญั ชีบริษทั จากดั 2.รูปภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.สอ่ื อกิ เลก็ ทรอนิกส์ , VDO และPower Point หลกั ฐาน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายชอ่ื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. ตรวจแบบประเมนิ ลผลการเรยี นรู้ 4. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่ืองมือวัดผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ 3. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 4. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครูและผู้เรยี นร่วมกนั ประเมนิ เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไม่มชี ่องปรบั ปรุง 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ า่ น 50% 5 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กบั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ ทบทวนบทเรยี นโดยการศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั ทะเบยี นหนุ้
บ แบบประเมินผลการสง่ เสริมคณุ ธรรมพน้ื ฐาน คาชี้แจง เพอ่ื ใหก้ ารขบั เคลอ่ื นคุณธรรมพน้ื ฐานมคี วามชดั เจน เกดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สุด และนาไปสู่การปฏบิ ตั ไิ ด้ อย่างเป็นรปู ธรรม จงึ มกี ารประเมนิ รายการแต่ละข้อแลว้ เขยี นเคร่อื งหมาย ลงในช่องระดบั คุณภาพตามความเป็น จรงิ โดยกาหนดน้าหนกั คะแนน ดงั น้ี 5 = ดมี าก, 4 = ด,ี 3 = พอใช,้ 2 = ควรปรบั ปรุง, 1 = ใชไ้ ม่ได้ รายการ พฤติกรรมบ่งชี้ ระดบั คุณภาพ 54321 1.ความขยนั ผทู้ ม่ี คี วามขยนั คอื ผทู้ ต่ี งั้ ใจทาจรงิ จงั ตอ่ เน่อื งในเรอ่ื งทถี่ กู ทค่ี วร สูง้ าน มี ความพยายาม ไมท่ อ้ ถอย อดทน กลา้ เผชญิ อุปสรรค 2.ประหยดั ผทู้ ม่ี คี วามประหยดั คอื ผทู้ ด่ี าเนนิ ชวี ติ ความเป็นอยเู่ รยี บง่าย รจู้ กั ฐานะ 3.ความซอ่ื สตั ย์ การเงนิ ของตน คดิ กอ่ นใชค้ ดิ กอ่ นซ้อื เกบ็ ออม ถนอมใชท้ รพั ยส์ นิ สง่ิ ของอย่าง 4.ความมวี นิ ัย คมุ้ คา่ ไม่ฟุ่มเฟือย ฟ้งุ เฟ้อ รจู้ กั ทาบญั ชรี ายรบั -รายจา่ ยของตนเองเสมอ 5.ความสภุ าพ ผทู้ มี่ คี วามซ่อื สตั ย์ คอื ผทู้ มี่ คี วามประพฤตติ รงทงั้ ตอ่ หนา้ ที่ ตอ่ วชิ าชพี ตรง 6.ความสะอาด ตอ่ เวลา ไมใ่ ชเ้ ลห่ ์กล คดโกง รบั รหู้ นา้ ทข่ี องตนเองและปฏบิ ตั เิ ต็มทถี่ กู ต้อง ผทู้ มี่ วี นิ ยั คอื ผทู้ ป่ี ฏบิ ตั ติ นในขอบเขต กฎ ระเบยี บสถานศกึ ษา สถาบนั / องค์กร/สงั คมและประเทศ โดยทย่ี นิ ดปี ฏบิ ตั อิ ยา่ งเตม็ ใจ ผทู้ มี่ คี วามสภุ าพ คอื ผทู้ อี่ อ่ นนอ้ มถ่อมตนตามสถานภาพและกาลเทศะ ไม่ กา้ วรา้ ว วางอานาจข่มผอู้ ่นื เรยี บรอ้ ย ออ่ นโยน ละมุนละม่อม มกี ริ ยิ ามารยาทดี งาม มสี มั มาคารวะ แตใ่ นเวลาเดยี วกนั ยงั คงมคี วามมนั่ ใจในตนเอง วางตน เหมาะสมตามวฒั นธรรมไทย ผทู้ คี่ วามสะอาด คอื ผรู้ กั ษาร่างกาย ทอี่ ยู่อาศยั สงิ่ แวดลอ้ มถกู ตอ้ งตาม สขุ ลกั ษณะ ปราศจากความมวั หมองทงั้ กาย ใจและสภาพแวดล้อม มคี วามผ่อง ใสเป็นทเี่ จรญิ ตาแกผ่ พู้ บเหน็
ป 7.ความสามคั คี ผทู้ ม่ี คี วามสามคั คี คอื ผทู้ เ่ี ปิดใจกวา้ งรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ่นื รบู้ ทบาท 8.ความมนี ้าใจ ของตนในฐานะผนู้ าและผตู้ ามทดี่ ี มุ่งมนั่ ตอ่ การรวมพลงั ชว่ ยเหลอื เก้อื กลู กนั เพอ่ื ใหง้ านสาเรจ็ แก้ปัญหาและขจดั ความขดั แยง้ ได้ มเี หตุผล ยอมรบั ความ แตกต่างหลากหลายทางวฒั นธรรม ความคดิ ความเชอ่ื พรอ้ มทจ่ี ะปรบั ตวั เพ่อื อยู่รว่ มกนั อย่างสนั ติ ผทู้ ม่ี นี ้าใจ คอื ผใู้ หแ้ ละผอู้ าสาช่วยเหลอื สงั คม รจู้ กั แบ่งปัน เสยี สละความสขุ สว่ นตน เพ่อื ประโยชน์แกผ่ อู้ น่ื เขา้ ใจ เหน็ ใจผทู้ ม่ี คี วามเดอื ดรอ้ น ลงมอื ปฏบิ ตั กิ ารเพ่อื บรรเทาปัญหา หรอื รว่ มสรา้ งสรรคส์ ง่ิ ดงี ามใหเ้ กดิ ขน้ึ ในชุมชน รวมคะแนนทไี่ ด.้ .....................................คะแนน ขอ้ คิดเหน็ เพ่ิมเติม……….…………………………………….………………….………………………………… เกณฑก์ ารประเมินระดบั คุณภาพ ผูป้ ระเมนิ .....……………............. 28-30 คะแนน = ดมี าก 15-19 คะแนน = ควรปรบั ปรงุ 25-27 คะแนน = ดี 0-14 คะแนน = ใชไ้ มไ่ ด้ 20-24 คะแนน = พอใช้ แบบประเมินผลการเรียนรู้ คาชี้แจง ใหป้ ระเมนิ รายการแต่ละขอ้ แลว้ เขยี น เครอ่ื งหมาย / ลงในชอ่ งระดบั คุณภาพตามความเป็นจรงิ โดยกาหนด น้าหนักคะแนน ดงั น้ี- 5 = ดมี าก, 4 = ด,ี 3 = พอใช,้ 2 = ควรปรบั ปรงุ , 1 = ใชไ้ ม่ได้ รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 5 43 2 1 1.ผลการเรยี นทคี่ าดหวงั มคี วามชดั เจน ครอบคลมุ พฤตกิ รรมทกุ ด้าน (KAP) 2.เน้อื หาสาระมคี วามถูกต้อง ครอบคลุม และชดั เจน 3.กจิ กรรมการเรยี นรูส้ อดคลอ้ งกบั ผลการเรยี นรูท้ คี่ าดหวงั 4.กจิ กรรมการเรยี นรูม้ คี วามหลากหลาย น่าสนใจและเนน้ กระบวนการคดิ การฟัง การพดู การอ่าน การดูและการเขยี น 5.กจิ กรรมการเรยี นรูเ้ น้นใหผ้ ูเ้ รยี นลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ 6.กจิ กรรมการเรยี นรูส้ ง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นคน้ พบคาตอบดว้ ยตนเอง 7.กจิ กรรมการเรยี นรูเ้ พยี งพอทจ่ี ะสง่ ผลใหบ้ รรลผุ ลการเรยี นรูท้ ค่ี าดหวงั 8.กจิ กรรมการเรยี นรูท้ กี่ าหนดสามารถนาไปปฏบิ ตั กิ ารสอนไดจ้ รงิ 9.มสี อ่ื ทส่ี อดคลอ้ งกบั กจิ กรรมและเป็นสอ่ื ทเ่ี นน้ กระบวนการคดิ 10.มกี ารวดั ผลประเมนิ ผลทส่ี อดคลอ้ งกบั ผลการเรยี นรูท้ ค่ี าดหวงั 11.วธิ กี ารวดั ผลสอดคลอ้ งกบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 12.มกี ารกาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ ผลไวอ้ ย่างชดั เจนและเหมาะสม รวม ข้อคิดเหน็ เพ่ิมเติม 1.กระบวนการคดิ ทใี่ ช้ คอื ……….…………………………………….………………….……………….……… ……….……………………………………………………………………………..………................................ 2.สง่ิ ทค่ี วรปรบั ปรุง คอื ……….…………………………………….…..…………………………….…..….…….. …………………………………………………………………………….…………………………………………… ผูป้ ระเมนิ ……………………………………………
ผ บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ........................................................................................................ .......................................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .............................................................................................................................................. .... แนวทางแก้ปัญหา ............................................................................................................... ................................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. .....................
ฝ .................................................................................................................................................. แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการที่ 3 หน่วยท่ี 3 รหสั วชิ า 20201-2003 การบญั ชีบริษทั จากดั 1-4-3 สอนครง้ั ท่ี 3 (11-15) ช่ือหน่วย/เร่ือง การจดั ทาบญั ชีเกีย่ วกบั การจดั ต้งั บรษิ ทั จากดั และการบญั ชี จานวน 5 ช.ม. จาหน่ายหุน้ ทนุ แนวคิด การบนั ทกึ รายการเกย่ี วกบั การจาหน่ายหนุ้ ทนุ ของบรษิ ทั จากดั สามารถบนั ทกึ การจาหน่ายหนุ้ โดยใหช้ าระคา่ หนุ้ ครงั้ เดยี วและจาหน่ายหนุ้ โดยใหช้ าระเป็นงวดๆ. มกี ารจองหนุ้ และชาระเป็นงวดๆ. สว่ นการบนั ทกึ รายการบญั ชขี อง บรษิ ทั มหาชนจากดั นนั้ สามารถบนั ทกึ ไดว้ ธิ เี ดยี วคอื การจาหน่ายหนุ้ โดยชาระครงั้ เดยี วและจาหน่ายหนุ้ ทุนต่ากว่ามลู ค่า ได้ สาหรบั ค่าใชจ้ ่ายในการจดั ตงั้ บรษิ ัทเป็นคา่ ใชจ้ ่ายก่อนทจ่ี ะมกี ารดาเนินกจิ การ นอกจากน้บี รษิ ทั ยงั สามารถออกหนุ้ โดยวธิ อี ่นื ซง่ึ มใิ ช่การจาหน่ายหนุ้ โดยตรงคอื .การออกหนุ้ เพอ่ื ชาระคา่ บรกิ าร การออกหนุ้ เพอ่ื แลกกบั สนิ ทรพั ย์ และ การออกหนุ้ เพ่อื รบั โอนกจิ การหา้ งหนุ้ ส่วน ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 1.อธบิ ายและบนั ทกึ บญั ชกี ารจาหน่ายหนุ้ ทุนของบรษิ ทั จากดั ได้ 2.อธบิ ายและบนั ทกึ บญั ชกี ารจาหน่ายหนุ้ ทนุ ของบรษิ ทั มหาชนจากดั ได้ 3.อธบิ ายและบนั ทกึ บญั ชคี า่ ใชจ้ ่ายในการจดั ตงั้ บรษิ ทั ได้ 4.อธบิ ายและบนั ทกึ บญั ชกี ารจาหน่ายหนุ้ โดยวธิ อี น่ื ได้ 5.มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผูส้ าเรจ็ การศกึ ษาสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทคี่ รสู ามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่อื ง 5.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 5.6 การประหยดั 5.2 ความมวี นิ ัย 5.7 ความสนใจใฝ่รู 5.3 ความรบั ผดิ ชอบ 5.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนัน 5.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ 5.9 ความรกั สามคั คี 5.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 5.10 ความกตญั ญูกตเวที สมรรถนะรายวิชา 1.แสดงความรูเ้ กย่ี วกบั บญั ชสี าหรบั บรษิ ทั จากดั 2.บนั ทกึ บญั ชสี าหรบั บรษิ ทั จากดั ตามขนั้ ตอนการจดั ทาบญั ชี 3.จดั ทางบการเงนิ ตามประกาศกรมพฒั นาธรุ กจิ การค้า สาระการเรยี นรู้ 1.การจาหน่ายหนุ้ ทนุ ของบรษิ ทั จากดั 2.การจาหน่ายหนุ้ ทุนของบรษิ ทั มหาชนจากดั 3.คา่ ใชจ้ ่ายในการจดั ตงั้ บรษิ ทั
พ 4.การจาหน่ายหนุ้ โดยวธิ อี ่นื กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าสูบ่ ทเรียน 1. ครสู นทนากบั ผูเ้ รยี นว่าหลงั จากไดเ้ รยี นรูร้ ายละเอยี ดเกย่ี วกบั กระบวนการจดั ตงั้ บรษิ ทั พอสงั เขปจาก หน่วยเรยี นกอ่ นแลว้ ลาดบั ตอ่ ไปกค็ อื การเรยี นรูถ้ งึ เน้อื หาหลกั สาหรบั รายวชิ าน้ี ซ่งึ กค็ อื หลกั ปฏบิ ตั ทิ างการบญั ชที ี่ เกย่ี วขอ้ งกบั ธุรกจิ ในรูปแบบบรษิ ทั ตามลาดบั โดยจะเรม่ิ ต้นเรยี นรูต้ งั้ แต่กระบวนแรก คอื การจดั ตงั้ และจดั หาเงนิ ทุน เรม่ิ ต้นโดยการออกหนุ้ ทุนจาหน่ายตามทม่ี กี ารระบุไวใ้ นหนงั สอื บรคิ ณหส์ นธิ เพอ่ื เตรยี มพรอ้ มสาหรบั เงนิ ทนุ ทจ่ี ะใชใ้ น การดาเนินงานและขบั เคล่อื นธุรกจิ ใหป้ ระสบความสาเรจ็ และเตบิ โตในอนาคตตอ่ ไป 2.ผูเ้ รยี นและครูผสู้ อนชว่ ยกนั ยกตวั อย่างบางส่วน เพอ่ื เช่อื มโยงเขา้ สูเ่ น้อื หาการเรยี นการสอน ขนั้ สอน 3.ครใู ชเ้ ทคนคิ วธิ สี อนแบบใชโ้ สตทศั นวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวธิ สี อนทนี่ า อปุ กรณโ์ สตทศั น์วสั ดมุ าช่วยพฒั นาคุณภาพการเรยี นการสอน โสตทศั น์วสั ดดุ งั กลา่ ว ไดแ้ ก่ Power Point เพอ่ื แสดงให้ ผูเ้ รยี นไดเ้ รยี นรูก้ ารจาหน่ายหนุ้ ทนุ ของบรษิ ทั จากดั โดยบรษิ ทั จากดั หรอื บรษิ ทั เอกชนจากดั สามารถจาหน่ายหนุ้ ได้ 2 ราคา คอื ราคาตามมูลค่า และราคาสูงกวา่ มูลค่า ตามกฎหมายของไทยหา้ มมใิ หจ้ าหน่ายหนุ้ ในราคาต่ากว่ามลู ค่า การ ทจี่ ะจาหน่ายหนุ้ ไดน้ นั้ ต้องจดทะเบยี นชนดิ ของหนุ้ จานวนหนุ้ และมลู ค่าหนุ้ ซง่ึ จะตอ้ งบนั ทกึ รายการ จดทะเบยี นหนุ้ ใน สมุดรายวนั ทวั่ ไป โดยบนั ทกึ ความจา (Memorandum) ก่อนจงึ บนั ทกึ การจาหน่าย หนุ้ ตามวธิ ตี ่างๆ ดงั น้ี 3.1. การจาหน่ายหนุ้ โดยใหช้ าระค่าหุน้ ครงั้ เดยี ว จาหน่ายหนุ้ ในราคาตามมูลคา่ จะบนั ทกึ บญั ชโี ดย จาหน่ายหนุ้ ในราคาสูงกวา่ มลู ค่า จะบนั ทกึ บญั ชโี ดย 3.2 การจาหน่ายหุน้ ทนุ โดยการเปิดให้จองและเรยี กชาระเป็นงวดๆ
ฟ 4.ครแู ละผูเ้ รยี นอธบิ าย และแสดงการคานวณการจาหน่ายหนุ้ ทนุ ของบรษิ ทั มหาชนจากดั โดยบรษิ ทั มหาชน จากดั จาหน่ายหนุ้ ได้ 3 ราคา คอื ราคาตามมลู ค่า ราคาสงู กว่ามูลค่า และ ราคาต่ากว่ามูลคา่ มหี ลกั ในการบนั ทกึ บญั ชี ดงั น้ี 5.ครูและผูเ้ รยี นอธบิ ายและสาธติ คา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั ตงั้ บรษิ ทั โดยค่าใชจ้ า่ ยในการจดั ตงั้ บรษิ ทั . (Organization.Expense).หรอื ค่าใชจ้ ่ายในการจาหน่ายหนุ้ (Stock Issue Cost).เป็นคา่ ใชจ้ ่ายทเ่ี กดิ ขน้ึ ในการ ดาเนินการจดั ตงั้ บรษิ ทั จากดั .ในขณะทที่ าการจดทะเบยี นและจาหน่ายหุน้ 6.ครูและผูเ้ รยี นแสดงการคานวณ และบนั ทกึ บญั ชี ในการปฏบิ ตั ทิ างบญั ชขี องคา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั ตงั้ บรษิ ทั จากดั มี 2 วธิ ี คอื 6.1 บนั ทกึ เป็นค่าใชจ้ ่ายในการจดั ตงั้ บรษิ ทั ถอื เป็นคา่ ใชจ้ า่ ยในปีแรก จะบนั ทกึ บญั ชโี ดย 6.2 บนั ทกึ เป็นค่าใชจ้ ่ายในการจดั ตงั้ บรษิ ทั ถอื เป็นสนิ ทรพั ยร์ อตดั จ่าย จะบนั ทกึ บญั ชโี ดย
ภ 7.ครูและผูเ้ รยี นอธบิ ายและสาธติ การจาหน่ายหนุ้ โดยวธิ อี น่ื กจิ การบรษิ ทั จากดั นาหนุ้ ทุนออกจาหน่าย โดยให้ ชาระคา่ หนุ้ ครงั้ เดยี ว หรอื ชาระค่าหนุ้ เป็นงวดๆ นนั้ จะไดเ้ งนิ สดมาบรหิ ารกจิ การจากการออกหนุ้ สามญั หรอื หนุ้ บรุ มิ สทิ ธิ และสามารถออกหนุ้ โดยวธิ อี ่นื ซ่งึ มใิ ชก่ ารจาหน่ายหนุ้ โดยตรงคอื 7.1. การออกหุน้ เพอ่ื ช าระคา่ บรกิ าร เช่น 7.2. การออกหนุ้ เพ่อื แลกกบั สนิ ทรพั ย์ 7.3. การออกหนุ้ เพอ่ื รบั โอนกจิ การหา้ งหนุ้ สว่ น 8.ผูเ้ รยี นทากจิ กรรม ดงั น้ี 1. ผูเ้ รยี นทุกคนศกึ ษาหาความรูเ้ ร่อื งการจาหน่ายหนุ้ ทุน และการบนั ทกึ รายการเกย่ี วกบั การจาหน่าย หนุ้ ทุนของบรษิ ทั จากดั และบรษิ ทั มหาชนจากดั 2. ผูเ้ รยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน โดยคละความสามารถเรยี นเกง่ ปานกลาง และอ่อน แตง่ ตงั้ กรรมการบรหิ ารจดั การของแตล่ ะกลุ่มเอง 3. ทกุ กล่มุ ส่งตวั แทนนาเสนอขอ้ มูลความรูต้ ามขอ้ 1 โดยมกี รณีศกึ ษาประกอบการบนั ทกึ รายการบญั ชี ในสมุดรายวนั ทวั่ ไปทงั้ 3 กรณี คอื 3.1 บนั ทกึ รายการบญั ชตี ามมูลค่า 3.2 บนั ทกึ รายการบญั ชสี ูงกวา่ มูลคา่ 3.3 บนั ทกึ รายการบญั ชตี ่ากวา่ มลู ค่า 4.เปิดโอกาสใหท้ ุกคนมสี ว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะ 5.ทุกกลุ่มนาผลงานส่งครูผสู้ อน 6.ผูเ้ รยี นทุกคนสรุปเน้อื หาและกรณศี กึ ษาส่งครผู สู้ อน 9.ผูเ้ รยี นบนั ทกึ รายการบญั ชกี ารจ าหน่ายหนุ้ โดยช าระค่าหนุ้ ครงั้ เดยี ว ซ่งึ จะบนั ทกึ บญั ชตี ามราคาทข่ี าย
ม ในราคาตามมูลคา่ ราคาต่ากวา่ มลู คา่ และราคาสูงกว่ามูลค่า ตามโจทยท์ กี่ าหนดให้ 10.ครูเน้นผูเ้ รยี นใหม้ คี วามละเอียดรอบคอบ มคี วามอดทน มีควาเข้มแขง็ มคี วามเพยี รพยายาม ใหม้ คี วามสามารถฝึกปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ นอกจากนนั้ ยงั ให้ระมดั ระวงั ความปลอดภยั ในการฝึกปฏบิ ตั งิ านทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ได้ โดยไม่ไดต้ งั้ ใจ เพราะในการประกอบอาชพี จรงิ ๆ ผูเ้ รยี นตอ้ งรบั ผิดชอบในงานทลี่ ูกคา้ นามาใหท้ า ดงั นนั้ ผูเ้ รยี นตอ้ ง ฝึกทกั ษะความชานาญเหล่าน้ใี ห้มปี ระสทิ ธภิ าพ เพอ่ื สรา้ งรายไดท้ ด่ี ีในอนาคตต่อไป และพรอ้ มรบั ผลกระทบและความ เปลยี่ นแปลงทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต คอื ทาใหเ้ ขม้ แขง็ กจ็ ะทาใหค้ รอบครวั มเี งนิ ออมอนั เกดิ จากการทางานของเราได้ ถอื เป็นเงื่อนไขสาคญั คอื เร่อื งคณุ ธรรม ลกั ษณะดงั กลา่ วน้กี จ็ ะเป็นการสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ที่ดีในตวั เอง รวมทงั้ มคี วาม อดทน มีความเพียรพยายามในการทางานในชวี ติ ประจาวนั ไดใ้ นอนาคตต่อไปเป็นอย่างดี ขนั้ สรปุ และการประยุกต์ 11.ผูเ้ รยี นสรปุ การบนั ทึกรายการเกี่ยวกบั การออกหุ้นทุน โดยสุ่มผเู้ รียนบางคนบนั ทึกรายการใน สมุดรายวนั ทวั่ ไป และจดั ทางบการเงนิ 12.ผูเ้ รยี นทาใบงาน และแบบประเมนิ ผล 13.ครใู หค้ วามรูเ้ กยี่ วกบั การทาบญั ชีรายรับ-รายจา่ ย หมายถึง การจดบนั ทึกเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ เก่ียวกบั การเงนิ หรือ บางส่วนเกี่ยวขอ้ งกบั การเงิน โดยผา่ นการวเิ คราะห์ จดบนั ทึกเพือ่ แสดงฐานะการเงนิ และผลการดาเนินงานของตนเองหรือ ครอบครวั ในช่วงระยะเวลาหน่ึง ตวั อย่างแบบบนั ทกึ บญั ชีรายรบั -รายจา่ ย ว.ด.ป. รายรบั จานวนเงิน ว.ด.ป. รายรบั จานวนเงิน บาท สต. บาท สต. ผูเ้ รยี นบนั ทกึ รายรบั -รายจา่ ยในครวั เรอื นของตนเองในภาคเรยี นน้ตี ามแบบฟอรม์ ทกี่ าหนดให้ สมุดบนั ทึก รายรบั -รายจา่ ย ในครวั เรือน ของนาย/นาง/นางสาว....................................................... ประจาภาคเรยี นท.ี่ ../........ระหวา่ งเดอื น..................ถงึ เดอื น................พ.ศ ........... วนั รายการ รายรบั รายจ่าย คงเหลือ เดอื น ปี หมายเหตุ ถ้าไม่พอใหใ้ ชก้ ระดาษ A-4 ตแี บบฟอรม์ เพม่ิ เตมิ ได้ สอื่ และแหลง่ การเรียนรู้
ย 1.หนงั สอื เรยี น วชิ าการบญั ชบี รษิ ทั จากดั 2.รปู ภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ , Power Point 5.ตวั อยา่ งการคานวณ หลกั ฐาน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายช่อื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ 3 ตรวจกจิ กรรม 4. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครื่องมือวัดผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ 3. แบบประเมนิ กจิ กรรม 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครูและผู้เรยี น รว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไม่มชี อ่ งปรบั ปรุง 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. ตอบคาถามในกจิ กรรมจงึ จะถอื วา่ ผา่ น เกณฑก์ ารประเมนิ มเี กณฑ์ 4 ระดบั คอื 4= ดมี าก, 3 = ด,ี 2 = พอใช,้ 1= ควรปรบั ปรุง 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ ่าน 50% 7 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.ทบทวนบทเรยี น
ร 2.ทากจิ กรรมและแบบฝึกหดั บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ................................................................................................................................... ............... ................................................................................................................... ............................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .............................................................................................................................. .................... แนวทางแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................................... ... ............................................................................................................................. .....................
ล แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการท่ี 4 หน่วยท่ี 4 รหสั วิชา 20201-2003 การบญั ชีบรษิ ทั จากดั 1-4-3 สอนคร้งั ท่ี 4 (16-20) ชื่อหน่วย/เรื่อง การริบห้นุ จานวน 5 ช.ม. แนวคิด การรบิ หนุ้ เป็นการยกเลกิ สทิ ธใิ นการเป็นเจา้ ของบรษิ ทั จากดั โดยบรษิ ทั ส่งจดหมายลงทะเบยี นส่งคาบอกกลา่ ว ใหผ้ ูจ้ องหนุ้ มาชาระค่าหุน้ ถ้าผถู้ อื หนุ้ ผดิ นดั ไม่ชาระค่าหนุ้ บรษิ ทั กจ็ ะส่งจดหมายลงทะเบยี นเตอื นใหช้ าระคา่ หนุ้ พรอ้ ม ดอกเบย้ี และเง่อื นไข ถา้ ไมช่ าระตามก าหนดจะทาการรบิ หนุ้ หากผูถ้ อื หนุ้ ไม่สามารถนาเงนิ มาชาระตามที่แจง้ ได้ บรษิ ทั กจ็ ะทาการรบิ หนุ้ สว่ นการบนั ทกึ บญั ชเี กยี่ วกบั การรบิ หนุ้ จะมกี ารรบิ หนุ้ ไดก้ ต็ ่อเม่อื ต้องมกี ารนาหนุ้ ออกใหจ้ อง และมกี ารรบั ชาระคา่ หุน้ บางส่วน ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวงั 1.อธบิ ายความหมายของการรบิ หนุ้ ได้ 2.อธบิ ายการรบิ หนุ้ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชยไ์ ด้ 3.อธบิ ายและบนั ทกึ บญั ชกี ารขายทอดตลาดได้ 4.อธบิ ายและบนั ทกึ บญั ชคี ่าใชจ้ ่ายในการขายทอดตลาดได้ 5.อธบิ ายและบนั ทกึ บญั ชดี อกเบย้ี คา่ หนุ้ คา้ งชาระได้ 6.อธบิ ายการชาระบญั ชรี ะหวา่ งบรษิ ทั และผูถ้ กู รบิ หนุ้ ได้ 7.อธบิ ายและบนั ทกึ บญั ชเี กยี่ วกบั การรบิ หนุ้ ได้ 8.มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผูส้ าเรจ็ การศกึ ษาสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 8.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 8.6 การประหยดั 8.2 ความมวี นิ ยั 8.7 ความสนใจใฝ่รู 8.3 ความรบั ผดิ ชอบ 8.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั 8.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 8.9 ความรกั สามคั คี 8.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 8.10 ความกตญั ญูกตเวที สมรรถนะรายวิชา 1.แสดงความรูเ้ กย่ี วกบั บญั ชสี าหรบั บรษิ ทั จากดั 2.บนั ทกึ บญั ชสี าหรบั บรษิ ทั จากดั ตามขนั้ ตอนการจดั ทาบญั ชี 3.จดั ทางบการเงนิ ตามประกาศกรมพฒั นาธุรกจิ การค้า สาระการเรียนรู้ 1.ความหมายของการรบิ หนุ้ 2.การรบิ หนุ้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ 3.การขายทอดตลาด 4.ค่าใชจ้ ่ายในการขายทอดตลาด
ว 5.ดอกเบ้ยี คา่ หนุ้ คา้ งชาระ 6.การชาระบญั ชรี ะหวา่ งบรษิ ทั และผูถ้ กู รบิ หนุ้ 7.วธิ ปี ฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั การรบิ หนุ้ กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรียน 1.ครแู นะนาการเรยี นทน่ี อกเหนอื จาการอธบิ าย และการสาธติ ใหผ้ ูเ้ รยี นไดร้ ูถ้ งึ จุดประสงค์ เช่น การ เรยี นรูโ้ ดยใชร้ ปู แบบการเรยี นแบบ TAI (Team Assisted Individualization) เพอ่ื เนน้ การเรยี นของ แต่ละบคุ คล ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจและนาทกั ษะการเรยี นรูไ้ ปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ในเร่ืองการเรยี นรูห้ ลกั เกณฑท์ างการ บญั ชเี กยี่ วกบั การออกหนุ้ ทุนในหวั ขอ้ ทก่ี ลา่ วมาแลว้ นัน้ จะเป็นลกั ษณะของสถานการณท์ ไี่ ม่มปี ัญหาเกดิ ขน้ึ กบั การ ชาระคา่ หนุ้ ของผูเ้ ขา้ ช่อื ซ้อื หนุ้ อย่างไรกต็ าม ในความเป็นจรงิ แลว้ บางครงั้ อาจเกดิ เหตุการณ์ทผี่ ูเ้ ขา้ ช่อื ซอ้ื หนุ้ ไม่ชาระ เงนิ ตามกาหนด 2.ผูเ้ รยี นระบตุ วั อยา่ งการบนั ทกึ บญั ชี ขนั้ สอน 3.ครูและผูเ้ รยี นใชเ้ ทคนิควธิ สี อนแบบใชโ้ สตทศั นวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวธิ ี สอนทนี่ าอปุ กรณโ์ สตทศั น์วสั ดุมาช่วยพฒั นาคุณภาพการเรยี นการสอน โสตทศั น์วสั ดุดงั กล่าว ไดแ้ ก่ Power Point เพอ่ื คานวณ และบนั ทกึ บญั ชกี ารรบิ หุน้ เป็นการทผี่ ูจ้ องซอ้ื หนุ้ ไม่ชาระค่าหนุ้ ทเ่ี หลอื หลงั จากชาระงวดแรกไม่นอ้ ยกว่า 25% ของมูลคา่ หนุ้ บรษิ ทั จงึ ยกเลกิ การจองหนุ้ และนาหนุ้ ทถี่ ูกรบิ ออกขายทอดตลาดทนั ที 4.ครูและผูเ้ รยี นชว่ ยกนั สาธติ การรบิ หนุ้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การบนั ทกึ บญั ชเี กยี่ วกบั การรบิ หนุ้ จะมคี วามแตกต่างกนั ไปขน้ึ อยู่กบั ชนิดของหนุ้ ทอี่ อกใหว้ ่าบรษิ ทั ออกหนุ้ ชนิดระบชุ ่อื ผูถ้ อื หนุ้ หรอื ไมร่ ะบุชอ่ื ผูถ้ อื และ ราคาหนุ้ ทข่ี าย สามารถบนั ทกึ บญั ชโี ดย 5.ครแู ละผูเ้ รยี นแสดงการคานวณและบนั ทกึ บญั ชีการขายทอดตลาด โดยการขายทอดตลาด คอื การนาหนุ้ จานวนเดมิ ทร่ี บิ มาไดอ้ อกจาหน่ายไปอกี ครงั้ หนึ่ง โดยวธิ กี ารประมูลราคา ผูเ้ สนอราคาซ้อื สงู สุดจะเป็นผู้มสี ทิ ธซิ ้อื หนุ้ จานวนนนั้ ตามราคาทเี่ สนอซ้อื และจะเป็นผูถ้ อื หนุ้ แทนผูถ้ อื หนุ้ รายเดมิ ทบ่ี รษิ ทั รบิ หนุ้ มา
ศ 6.ครแู ละผูเ้ รยี นแสดงการคานวณ และบนั ทกึ บญั ชคี ่าใชจ้ า่ ยในการขายทอดตลาด เม่อื บรษิ ทั ต้องจา่ ยคา่ ใชจ้ ่ายน้ี ไปกจ็ ะ บนั ทกึ บญั ชผี ูถ้ ูกรบิ หนุ้ ไวโ้ ดยบนั ทกึ บญั ชดี งั น้ี 7.ครแู ละผูเ้ รยี นแสดงการบนั ทกึ บญั ชดี อกเบ้ยี คา่ หนุ้ ค้างชาระ บรษิ ทั จงึ ตอ้ งบนั ทกึ บญั ชรี ายไดจ้ านวนน้เี ขา้ ไป กบั บญั ชเี จา้ หน้ผี ูถ้ อื หุน้ ทถ่ี กู รบิ จะบนั ทกึ บญั ชโี ดย 8.ครแู ละผูเ้ รยี นอธบิ าย สาธติ การคานวณ และการบนั ทกึ บญั ชกี ารชาระบญั ชรี ะหว่างบรษิ ทั และผูถ้ ูกรบิ หนุ้ หลงั จากทบ่ี รษิ ทั รบิ หนุ้ และนาออกขายทอดตลาด และคดิ ค่าใชจ้ า่ ยระหว่างกนั เรยี บรอ้ ยแลว้ บรษิ ทั ตอ้ งชาระบญั ชี ระหวา่ งบรษิ ทั และผูถ้ ูกรบิ หนุ้ สามารถทาไดโ้ ดย 8.1. คานวณหาจานวนเงนิ สดคงเหลอื จากการขายหนุ้ และหกั ค่าใชจ้ ่ายต่างๆ ดงั น้ี 8.2. คานวณโดยพจิ ารณาจากยอดคงเหลอื ในบญั ชี “เจา้ หน้ผี ูถ้ อื หนุ้ ทถี่ กู รบิ ” ถ้าบญั ชผี ูถ้ กู รบิ หนุ้ มยี อดคงเหลอื ดา้ นเดบติ แสดงว่าผูถ้ กู รบิ หนุ้ เป็นลกู หน้บี รษิ ทั บรษิ ทั จะรบั เงนิ คนื แตถ่ ้าบญั ชี เจา้ หน้ผี ูถ้ อื หนุ้ ทถี่ ูกรบิ อยดู่ า้ นเครดติ แสดงวา่ ผูถ้ ูกรบิ หนุ้ เป็นเจา้ หน้บี รษิ ทั บรษิ ทั ตอ้ งคนื เงนิ ให้ **กรณบี รษิ ทั จ่ายเงนิ คนื ให้ผูถ้ ูกรบิ หนุ้ จะบนั ทกึ บญั ชโี ดย 9.ผูเ้ รยี นฝึกทกั ษะคานวณ และฝึกทกั ษะการบนั ทกึ บญั ชกี ารรบิ หนุ้ 10.ผูเ้ รยี นทากจิ กรรมใบงาน
ษ 11.ครเู นน้ การทางานแบบประหยดั พลงั งาน และเนน้ ความรอบคอบ ความอดทน ความเพยี รพยายาม ในการทางาน และสรา้ งความเข้มแขง็ ใหก้ บั ตนเองในทุกสภาวะ และสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ใหก้ บั ตนเอง ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 12.ผเู้ รียนสรุปโดยยกตวั อยา่ งรายการริบหุน้ และแสดงวิธีทาหนา้ ช้นั เรียนเป็นรายบุคคล 13.ผูเ้ รยี นกจิ กรรม และแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้ 1.หนงั สอื เรยี น วชิ าการบญั ชีบริษทั จากดั 2.รูปภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ , PowerPoint 5.ตวั อยา่ งการคานวณ หลกั ฐาน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายช่อื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 3 ตรวจกจิ กรรม 4. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่ืองมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ 3. แบบประเมนิ กจิ กรรม 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครูและผู้เรยี น รว่ มกนั ประเมนิ เกณฑ์การประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มชี อ่ งปรบั ปรุง 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. ตอบคาถามในกจิ กรรมจงึ จะถอื วา่ ผ่าน เกณฑก์ ารประเมนิ มเี กณฑ์ 4 ระดบั คอื 4= ดมี าก, 3 = ด,ี 2 = พอใช้ , 1= ควรปรบั ปรุง
ส 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ า่ น 50% 6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.ทากจิ กรรมเพ่อื ฝึกทกั ษะการคานวณหา ปฏิบตั ิกิจกรรมการริบหุน้ ท 2.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั การสอน .................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... ..................................................................................................................................................
ห ............................................................................................................................. ..................... แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................... ................... ............................................................................................................... ................................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. แผนการจัดการเรียนรูแ้ บบบูรณาการท่ี 5 หน่วยท่ี 4 รหสั วิชา 20201-2003 การบญั ชีบรษิ ทั จากดั 1-4-3 สอนคร้งั ท่ี 4 (21-25) ช่ือหน่วย/เร่ือง การริบห้นุ (ต่อ) จานวน 5 ช.ม. แนวคิด การรบิ หนุ้ เป็นการยกเลกิ สทิ ธใิ นการเป็นเจา้ ของบรษิ ทั จากดั โดยบรษิ ทั ส่งจดหมายลงทะเบยี นสง่ คาบอกกล่าว ใหผ้ ูจ้ องหนุ้ มาชาระค่าหุน้ ถา้ ผถู้ อื หนุ้ ผดิ นดั ไม่ชาระค่าหนุ้ บรษิ ทั กจ็ ะสง่ จดหมายลงทะเบยี นเตอื นใหช้ าระคา่ หนุ้ พรอ้ ม ดอกเบ้ยี และเง่อื นไข ถ้าไมช่ าระตามก าหนดจะทาการรบิ หนุ้ หากผูถ้ อื หนุ้ ไม่สามารถนาเงนิ มาชาระตามทแ่ี จง้ ได้ บรษิ ทั กจ็ ะทาการรบิ หนุ้ สว่ นการบนั ทกึ บญั ชเี กย่ี วกบั การรบิ หนุ้ จะมกี ารรบิ หนุ้ ไดก้ ต็ ่อเมอ่ื ต้องมกี ารนาหนุ้ ออกใหจ้ อง และมกี ารรบั ชาระค่าหุ้นบางสว่ น ผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวงั 1.อธบิ ายความหมายของการรบิ หนุ้ ได้ 2.อธบิ ายการรบิ หนุ้ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยไ์ ด้ 3.อธบิ ายและบนั ทกึ บญั ชกี ารขายทอดตลาดได้ 4.อธบิ ายและบนั ทกึ บญั ชคี า่ ใชจ้ ่ายในการขายทอดตลาดได้ 5.อธบิ ายและบนั ทกึ บญั ชดี อกเบย้ี คา่ หนุ้ คา้ งชาระได้ 6.อธบิ ายการชาระบญั ชรี ะหวา่ งบรษิ ทั และผูถ้ กู รบิ หนุ้ ได้ 7.อธบิ ายและบนั ทกึ บญั ชเี กย่ี วกบั การรบิ หนุ้ ได้ 8.มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผูส้ าเรจ็ การศกึ ษาสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่อื ง 8.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 8.6 การประหยดั 8.2 ความมวี นิ ัย 8.7 ความสนใจใฝ่รู 8.3 ความรบั ผดิ ชอบ 8.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั 8.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 8.9 ความรกั สามคั คี 8.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 8.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา
ฬ 1.แสดงความรูเ้ กย่ี วกบั บญั ชสี าหรบั บรษิ ทั จากดั 2.บนั ทกึ บญั ชสี าหรบั บรษิ ทั จากดั ตามขนั้ ตอนการจดั ทาบญั ชี 3.จดั ทางบการเงนิ ตามประกาศกรมพฒั นาธุรกจิ การค้า สาระการเรยี นรู้ 1.ความหมายของการรบิ หนุ้ 2.การรบิ หนุ้ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ 3.การขายทอดตลาด 4.ค่าใชจ้ ่ายในการขายทอดตลาด 5.ดอกเบย้ี ค่าหนุ้ คา้ งชาระ 6.การชาระบญั ชรี ะหวา่ งบรษิ ทั และผูถ้ ูกรบิ หนุ้ 7.วธิ ปี ฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั การรบิ หนุ้ กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเขา้ สูบ่ ทเรียน 1.ครแู นะนาการเรยี นทนี่ อกเหนือจาการอธบิ าย และการสาธติ ใหผ้ ูเ้ รยี นไดร้ ูถ้ งึ จุดประสงค์ เชน่ การ เรยี นรูโ้ ดยใชร้ ปู แบบการเรยี นแบบ TAI (Team Assisted Individualization) เพ่อื เนน้ การเรยี นของ แตล่ ะบคุ คล ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจและนาทกั ษะการเรยี นรูไ้ ปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ในเร่อื งการเรยี นรูห้ ลกั เกณฑท์ างการ บญั ชเี กย่ี วกบั การออกหนุ้ ทนุ ในหวั ขอ้ ทก่ี ลา่ วมาแลว้ นัน้ จะเป็นลกั ษณะของสถานการณ์ทไ่ี ม่มปี ัญหาเกดิ ขน้ึ กบั การ ชาระค่าหนุ้ ของผูเ้ ขา้ ช่อื ซ้อื หนุ้ อยา่ งไรกต็ ามในความเป็นจรงิ แลว้ บางครงั้ อาจเกดิ เหตุการณท์ ผี่ ูเ้ ขา้ ชอ่ื ซ้อื หนุ้ ไมช่ าระ เงนิ ตามกาหนด 2.ผูเ้ รยี นระบตุ วั อยา่ งการบนั ทกึ บญั ชี ขนั้ สอน 3.ครแู ละผูเ้ รยี นใชเ้ ทคนคิ วธิ สี อนแบบใชโ้ สตทศั นวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวธิ ี สอนทนี่ าอปุ กรณโ์ สตทศั น์วสั ดุมาชว่ ยพฒั นาคุณภาพการเรยี นการสอน โสตทศั น์วสั ดุดงั กล่าว ได้แก่ Power Point เพอ่ื คานวณ และบนั ทกึ บญั ชกี ารรบิ หุน้ เป็นการทผ่ี ูจ้ องซอ้ื หนุ้ ไม่ชาระค่าหนุ้ ทเ่ี หลอื หลงั จากชาระงวดแรกไม่นอ้ ยกวา่ 25% ของมูลคา่ หุน้ บรษิ ทั จงึ ยกเลกิ การจองหนุ้ และนาหนุ้ ทถ่ี กู รบิ ออกขายทอดตลาดทนั ที 4.ครูและผูเ้ รยี นสาธติ การบนั ทกึ บญั ชีการไม่ชาระเงนิ ค่าหุ้นที่จองซ้ือและการริบหุ้น 5.ครแู ละผูเ้ รยี นวเิ คราะหร์ ายการคา้ และบนั ทกึ บญั ชที เ่ี กยี่ วกบั การรบิ หนุ้ 6.ครแู ละผูเ้ รยี นคานวณเงนิ ทจี่ า่ ยคนื เม่อื ชาระบญั ชกี บั ผูถ้ กู รบิ หนุ้ จากกรณีตวั อย่างไม่วา่ จะบนั ทกึ ตาม แนวทางใด สุดทา้ ยจะเหน็ วา่ ยอดคงเหลอื ในบญั ชผี ูถ้ ูกรบิ หนุ้ จะมยี อดอยูท่ างดา้ นเครดติ ซ่งึ เป็นจานวนเงนิ ท่ี คณะกรรมการบรษิ ทั จะต้องจา่ ยคนื ใหผ้ ูถ้ กู รบิ หนุ้ โดยหากจะแสดงการคานวณเงนิ จา่ ยคนื ผูถ้ กู รบิ หนุ้ ต่อหุ้นแลว้ 7.ครูและผูเ้ รยี นแสดงการคานวณและบนั ทกึ บญั ชีการขายทอดตลาด โดยการขายทอดตลาด คอื การนาหนุ้ จานวนเดมิ ทร่ี บิ มาไดอ้ อกจาหน่ายไปอกี ครงั้ หนึง่ โดยวธิ กี ารประมลู ราคา ผูเ้ สนอราคาซ้อื สงู สดุ จะเป็นผู้มสี ทิ ธซิ ้อื หนุ้ จานวนนนั้ ตามราคาทเี่ สนอซ้อื และจะเป็นผูถ้ อื หนุ้ แทนผู้ถอื หนุ้ รายเดมิ ทบี่ รษิ ทั รบิ หนุ้ มา
อ วิธีท่ี 3 บรษิ ทั คนื เงนิ ใหแ้ ก่ผูถ้ อื หนุ้ ทถ่ี ูกรบิ ดว้ ยเงนิ ทชี่ าระมาแลว้ ทงหั้ มด วิธีที่ 4 บรษิ ทรั บิ เงนิ ทผ่ี ูจ้ องซ้อื หนุ้ ไดช้ าระมาแลว้ ทงั้ หมด 8.ผูเ้ รยี นทากจิ กรรม ดงั ต่อไปน้ี 8.1 ผูเ้ รยี นทกุ คนศกึ ษาหาความรูข้ องเน้อื หาเก่ียวกบั ความหมายของการรบิ หนุ้ .วธิ กี ารรบิ หนุ้ และ ขนั้ ตอนการบนั ทกึ บญั ชเี กยี่ วกบั การรบิ หนุ้ ตามกฎหมายไทย 8.2 ผูเ้ รยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละประมาณ 4-5 คน โดยวธิ นี ับ 1 ถงึ 4 หรอื 5 8.3 กาหนดใหท้ ุกกลุ่มจดั ทากรณีศกึ ษาประกอบการนาเสนอ กล่มุ ละ 1 ขอ้ 8.4 ทกุ กลุ่มส่งตวั แทนอภปิ รายและแสดงการบนั ทกึ รายการบญั ชตี ามกรณศี กึ ษาของกลุม่ 8.5 เปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นทุกคนรว่ มแสดงความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะ 8.6 นาผลงานสง่ ครผู สู้ อนเพ่อื ประเมนิ ผล 9.ผูเ้ รยี นอา่ นเน้อื หาของประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชยส์ ่วนท่ี 2 หนุ้ และผูถ้ อื หนุ้ มาตรา 1117 ถงึ มาตรา 1127 แลว้ สรปุ สาระส าคญั และเรยี บเรยี งเป็นความเรยี งใหเ้ ขา้ ใจ 10.ผูเ้ รยี นฝึกทกั ษะโดยทากจิ กรรมฝึกทกั ษะ และแบบฝึกหดั 11.ครใู ชเ้ ทคนิค Small Group Discussion การจดั การเรยี นรูโ้ ดยใชก้ ารอภปิ รายกลุ่มยอ่ ย คอื กระบวนการ เรยี นรูท้ ผ่ี ูส้ อนจดั กล่มุ ผูเ้ รยี นออกเป็นกลุ่มยอ่ ยประมาณ 4 – 5 คน ใหผ้ ูเ้ รยี นในกลุ่มมโี อกาสสนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มลู
ฮ ความคดิ เหน็ ประสบการณใ์ นประเดน็ หรอื ปัญหาทก่ี าหนด และสรุปผลการอภปิ รายออกมาเป็นขอ้ สรุปของกลมุ่ โดย ผูเ้ รยี นอภปิ รายในหวั ขอ้ เร่อื งการรบิ หนุ้ ดงั น้ี กลุ่ม ① 1.ความหมายของการรบิ หนุ้ 2.การรบิ หนุ้ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ 3.การขายทอดตลาด 4.ค่าใชจ้ ่ายในการขายทอดตลาด 5.ดอกเบ้ยี ค่าหนุ้ คา้ งชาระ 6.การชาระบญั ชรี ะหวา่ งบรษิ ทั และผูถ้ กู รบิ หนุ้ 7.วธิ ปี ฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั การรบิ หนุ้ วิธีท่ี 1 บรษิ ทั นาหนุ้ ทถี่ กู รบิ ขายทอดตลาด กลมุ่ ② 1.ความหมายของการรบิ หนุ้ 2.การรบิ หนุ้ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ 3.การขายทอดตลาด 4.ค่าใชจ้ ่ายในการขายทอดตลาด 5.ดอกเบ้ยี คา่ หนุ้ คา้ งชาระ 6.การชาระบญั ชรี ะหวา่ งบรษิ ทั และผูถ้ ูกรบิ หนุ้ 7.วธิ ปี ฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั การรบิ หนุ้ วิธีที่ 2 บรษิ ทั ออกใบหนุ้ ใหบ้ างสว่ นเทา่ กบั จานวนเงนิ ทชี่ าระมาแลว้ กลุ่ม ③ 1.ความหมายของการรบิ หนุ้ 2.การรบิ หนุ้ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ 3.การขายทอดตลาด 4.ค่าใชจ้ ่ายในการขายทอดตลาด 5.ดอกเบ้ยี ค่าหนุ้ คา้ งชาระ 6.การชาระบญั ชรี ะหว่างบรษิ ทั และผูถ้ กู รบิ หนุ้ 7.วธิ ปี ฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั การรบิ หนุ้ วิธีท่ี 3 บรษิ ทั คนื เงนิ ใหแ้ กผ่ ูถ้ อื หนุ้ ทถ่ี ูกรบิ ดว้ ยเงนิ ทช่ี าระมาแลว้ ทงหั้ มด กลมุ่ ④ 1.ความหมายของการรบิ หนุ้ 2.การรบิ หนุ้ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ 3.การขายทอดตลาด 4.คา่ ใชจ้ ่ายในการขายทอดตลาด 5.ดอกเบ้ยี คา่ หนุ้ คา้ งชาระ 6.การชาระบญั ชรี ะหวา่ งบรษิ ทั และผูถ้ ูกรบิ หนุ้ 7.วธิ ปี ฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั การรบิ หนุ้ วิธีท่ี 4 บรษิ ทรั บิ เงนิ ทผ่ี ูจ้ องซอ้ื หนุ้ ไดช้ าระมาแลว้ ทงั้ หมด 12.เม่อื คานวณการจ่ายเงนิ เสรจ็ แลว้ ครูและผูเ้ รยี นกแ็ สดงการบนั ทกึ บญั ชใี นสมุดรายวนั ทวั่ ไป และผา่ น รายการไปบญั ชแี ยกประเภททวั่ ไป 13.ครเู น้นใหผ้ ูเ้ รยี นน้อมนาหลกั เศรษฐกิจพอเพียง ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการฝึกปฏบิ ตั เิ รอ่ื งของความรบั ผดิ ชอบ ความอดทน ความเพยี รพยายาม ความมสี ติ ความมปี ัญญาในการนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสุด นอกจากน้ยี งั สามารถนาความรูท้ ไี่ ดร้ บั กลบั ไปประกอบอาชพี ไดอ้ ย่างพอเพยี งอกี ดว้ ย เช่น เปิดกจิ การรบั ทาบญั ชี ฯลฯ ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์
กก 14.ผเู้ รียนสรุปโดยยกตวั อย่างรายการริบหุน้ และแสดงวธิ ีทาหนา้ ช้นั เรียนเป็นรายบคุ คล 15.ผูเ้ รยี นกจิ กรรม และแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ส่อื และแหล่งการเรียนรู้ 1.หนังสอื เรยี น วชิ าการบญั ชีบริษทั จากดั 2.รปู ภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.ส่อื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ , PowerPoint 5.ตวั อย่างการคานวณ หลกั ฐาน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายชอ่ื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวัดผลและการประเมนิ ผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ 3 ตรวจกจิ กรรม 4. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่ืองมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. แบบประเมนิ กจิ กรรม 4. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครูและผู้เรยี น ร่วมกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไม่มชี ่องปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. ตอบคาถามในกจิ กรรมจงึ จะถอื ว่าผา่ น เกณฑก์ ารประเมนิ มเี กณฑ์ 4 ระดบั คอื 4= ดมี าก, 3 = ด,ี 2 = พอใช้ , 1= ควรปรบั ปรงุ 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ ่าน 50% 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
ขข กิจกรรมเสนอแนะ 1.ทากจิ กรรมเพ่อื ฝึกทกั ษะการคานวณหา ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการริบหุน้ 2.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ......................................................................................................................................... ......... ......................................................................................................................... ......................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................... .............. ปัญหาท่ีพบ ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .....................
คค แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................... ................... ............................................................................................................... ................................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... แผนการจัดการเรียนรูแ้ บบบูรณาการท่ี 6 หน่วยท่ี 5 รหสั วิชา 20201-2003 การบญั ชีบรษิ ทั จากดั 1-4-3 สอนคร้งั ที่ 6 (26-30) ชื่อหน่วย/เรอ่ื ง การเพ่ิมทนุ และการลดทุน จานวน 5 ช.ม. แนวคิด บรษิ ทั จากดั และบรษิ ทั มหาชนจากดั อาจตอ้ งเพม่ิ ทุนเพ่อื ขยายกจิ การ ในขณะเดยี วกนั บรษิ ทั จากดั อาจ จาเป็นต้องลดทนุ ลงดว้ ยสาเหตุหลายประการและบรษิ ทั อาจซ้อื หนุ้ คนื จากผูถ้ ือหนุ้ ทอี่ อกเสยี งไม่เหน็ ดว้ ยกบั มตขิ องท่ี ประชุมผูถ้ อื หนุ้ ซง่ึ แกไ้ ขขอ้ บงั คบั ของบรษิ ทั เกยี่ วกบั สทิ ธใิ นการออกเสยี งลงคะแนนและสทิ ธใิ นการรบั เงนิ ปันผล ซ่งึ เหน็ วา่ ตนไมไ่ ดร้ บั ความเป็นธรรม และการซ้อื หนุ้ คนื ของบรษิ ทั เพ่อื บรหิ ารทางการเงนิ เมอ่ื มกี าไรสะสม และสภาพคลอ่ ง สว่ นเกนิ .รวมทงั้ การจาหน่ายหนุ้ และการตดั หนุ้ จดทะเบยี นสว่ นทจี่ าหน่ายไมไ่ ดเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารที่ กาหนด ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง 1. อธบิ ายการจดทะเบยี นเพมิ่ ทุนของบรษิ ทั จากดั ได้ 2.อธบิ ายการจดทะเบยี นเพมิ่ ทุนของบรษิ ทั มหาชนจากดั ได้ 3.บนั ทกึ บญั ชกี ารเพม่ิ ทนุ ได้ 4.อธบิ ายการจดทะเบยี นลดทุนของบรษิ ทั จากดั ได้ 5.อธบิ ายการจดทะเบยี นลดทนุ ของบรษิ ทั มหาชนจากดั ได้ 6.บนั ทกึ บญั ชกี ารลดทนุ ได้ 7.อธบิ ายหนุ้ ทุนซอ้ื คนื ได้ 8.บนั ทกึ บญั ชหี นุ้ ทนุ ซ้อื คนื ได้ 9.มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผูส้ าเรจ็ การศกึ ษาสานกั งาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทคี่ รูสามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง 9.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 9.7 ความสนใจใฝ่รู้ 9.2 ความมวี นิ ัย 9.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั 9.3 ความรบั ผดิ ชอบ 9.9 ความรกั สามคั คี 9.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ 9.10 ความกตญั ญูกตเวที
งง 9.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 9.6 การประหยดั สมรรถนะรายวิชา 1.แสดงความรูเ้ กยี่ วกบั บญั ชสี าหรบั บรษิ ทั จากดั 2.บนั ทกึ บญั ชสี าหรบั บรษิ ทั จากดั ตามขนั้ ตอนการจดั ทาบญั ชี 3.จดั ทางบการเงนิ ตามประกาศกรมพฒั นาธรุ กจิ การค้า สาระการเรียนรู้ 1.การจดทะเบยี นเพม่ิ ทุนของบรษิ ทั จากดั 2.การจดทะเบยี นเพมิ่ ทนุ ของบรษิ ทั มหาชนจากดั 3.การบนั ทกึ บญั ชกี ารเพม่ิ ทนุ 4.การจดทะเบยี นลดทุนของบรษิ ทั จากดั 5.การจดทะเบยี นลดทนุ ของบรษิ ทั มหาชนจากดั 6.การบนั ทกึ บญั ชกี ารลดทุน 7.หนุ้ ทนุ ซอ้ื คนื 8.การบนั ทกึ บญั ชหี ุ้นทุนซอ้ื คนื กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรยี น 1.ครสู นทนากบั กบั ผูเ้ รยี นอภปิ รายการเพมิ่ ทุน (Capital Increase) หมายถงึ การทบี่ รษิ ทั ต้องการเงนิ ทนุ หมนุ เวยี นมากขน้ึ หรอื ต้องการขยายกจิ การ แต่ไมต่ ้องการกยู้ มื เงนิ จงึ ด าเนินการจดทะเบยี นเพมิ่ ทนุ โดยเพม่ิ จ านวน หนุ้ ทนุ เพอ่ื น าออกไปขายเพม่ิ ซ่งึ บรษิ ทั จ ากดั ตอ้ งเสนอขายแก่ผูถ้ อื หนุ้ เดมิ ก่อน ถ้าเหลอื จงึ น าไป ขาย บุคคลภายนอก แต่ถา้ เป็นบรษิ ทั มหาชนไมจ่ าเป็นต้องขายใหแ้ ก่ผูถ้ อื หนุ้ เดมิ 2.ครูและผูเ้ รยี นยกตวั อย่างการเพม่ิ ทนุ และการลดทนุ ของบรษิ ทั จากดั ขนั้ สอน 3.ครใู ชเ้ ทคนิควธิ สี อนแบบใชโ้ สตทศั นวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวธิ สี อนทน่ี า อุปกรณโ์ สตทศั น์วสั ดมุ าชว่ ยพฒั นาคุณภาพการเรยี นการสอน โสตทศั น์วสั ดุดงั กลา่ ว ไดแ้ ก่ Power Point เพ่อื อธบิ าย และสาธติ การจดทะเบยี นเพมิ่ ทุนของบรษิ ทั จากดั วธิ กี ารจดทะเบยี นเพม่ิ ทนุ แบง่ เป็นดงั น้ี 3.1.กรณียงั ไม่ไดข้ ายหนุ้ ออกใหม่ใหย้ ่นื จดทะเบยี นมตพิ เิ ศษใหเ้ พมิ่ ทนุ ภายใน 14 วนั 3.2.กรณขี ายหนุ้ ออกใหม่เป็นคราวๆ.ใหจ้ ดทะเบยี นมตพิ เิ ศษเพม่ิ ทุนภายใน.14.วนั ตามจ านวนหนุ้ ทข่ี ายได้ และจดทะเบยี นแกไ้ ขหนังสอื บรคิ ณหส์ นธิ ขอ้ 5 (ทนุ ) ใหส้ อดคลอ้ งกบั ทุนทเ่ี พมิ่ การแกไ้ ขหนังสอื บรคิ ณหส์ นธิ ขอ้ 5 (ทุน) ใหส้ อดคลอ้ งกบั ทนุ ทเี่ พมิ่ เป็นคราวๆ ไปนนั้ ตอ้ งไดร้ บั อนุมตั จิ ากทป่ี ระชมุ ผูถ้ อื หนุ้ ซ่งึ เป็นการประชมุ คราว เดยี วกบั การประชมุ มตพิ เิ ศษเพมิ่ ทุนกไ็ ด้ 3.3 กรณขี ายหนุ้ ออกใหม่ทงั้ หมดในคราวเดยี วกนั ใหย้ ่นื จดทะเบยี นมตพิ เิ ศษใหเ้ พม่ิ ทุน จดทะเบยี นเพมิ่ ทนุ และแกไ้ ขหนงั สอื บรคิ ณหส์ นธิ ขอ้ 5 (ทุน) พรอ้ มกนั จะตอ้ งจดทะเบยี นมติ พเิ ศษใหเ้ พม่ิ ทุนภายใน 14 วนั นับจากวนั ท่ี มมี ตพิ เิ ศษใหเ้ พม่ิ ทนุ 4.ครูแนะนาเทคนิคการสอนแบบศนู ยก์ ารเรยี นเป็นกระบวนการในการสอนใหผ้ ูเ้ รยี นบรรลุ วตั ถุประสงคท์ กี่ าหนด โดยใหศ้ กึ ษาหาความรูด้ ว้ ยตนเองจากศนู ยก์ ารเรยี นหรอื มมุ ความรู้ ซง่ึ ครไู ดจ้ ดั เตรยี ม
จจ เน้อื หาสาระและกจิ กรรมทใ่ี ชส้ ่อื การสอนหลายๆ อย่างประสมกนั เอาไวใ้ หผ้ ูเ้ รยี นไดเ้ รยี นรูด้ ว้ ยตนเอง ปกตศิ ูนย์ การเรยี นจะมหี ลายศูนย์ แต่ละศนู ยจ์ ะมเี น้อื หาสาระเบด็ เสรจ็ ในตวั เอง ผูเ้ รยี นจะหมนุ เวยี นกนั เขา้ ศนู ยต์ า่ งๆ จน ครบทกุ ศูนย์ โดยมศี ูนยส์ ารองไวส้ าหรบั นกั เรยี นทเ่ี รยี นรูไ้ ดเ้ รว็ และทากจิ กรรมเสรจ็ ก่อนคนอน่ื ๆ ครูทาหนา้ ที่ เป็นผูจ้ ดั เตรยี มศนู ยก์ ารเรยี น ใหค้ าแนะนาชว่ ยอานวยความสะดวกแก่ผูเ้ รยี นและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5.ครูและผูเ้ รยี นอธบิ าย โดยใชส้ ่อื Power Point ประกอบเน้อื หาของการเพม่ิ ทนุ ของบรษิ ทั มหาชนจากดั ตาม พระราชบญั ญตั บิ รษิ ทั มหาชนจากดั พ.ศ. 2535 หมวด 10 (แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ พ.ศ. 2551) บรษิ ทั จะเพมิ่ ทุนจากจานวนท่ี จดทะเบยี นไวแ้ ลว้ ไดโ้ ดยการออกหนุ้ ใหม่เพมิ่ ขน้ึ สามารถทาไดด้ งั น้ี 6.ครแู ละผูเ้ รยี นอธบิ าย และสาธติ การบนั ทกึ บญั ชกี ารเพมิ่ ทุน สามารถปฏบิ ตั ไิ ดต้ ามวธิ ใี ดวธิ หี น่งึ ดงั น้ี 6.1. เพมิ่ จานวนหนุ้ 6.2. เพม่ิ มูลคา่ หนุ้ 6.3. เพม่ิ ทงั้ จานวนหนุ้ และมลู ค่าหนุ้ 7.ครูและผูเ้ รยี นคานวณและสาธติ การบนั ทกึ บญั ชเี กย่ี วกบั การเพมิ่ ทนุ โดยออกหนุ้ ใหม่ 2 วธิ ดี งั น้ี วธิ ที ี่ 1 การออกหนุ้ ใหม่โดยการน าออกจ าหน่าย ตามกฎหมายก าหนดใหบ้ รษิ ทั ตอ้ งเสนอ ขายหนุ้ ใหแ้ กผ่ ูถ้ อื หนุ้ เดมิ ตามสดั ส่วนของจ านวนหนุ้ ทถี่ อื กอ่ น ถา้ มหี นุ้ เหลอื จงึ จะเสนอขาย แกบ่ ุคคลภายนอกได้ วธิ กี ารบญั ชกี เ็ หมอื นการขาย หนุ้ โดยปกติ ดงั น้ี
ฉฉ วิธีที่ 2 การออกหุ้นใหม่โดยจา่ ยเป็นหุน้ ปันผล.(Stock.Dividend) บรษิ ทั จะออกหนุ้ ปันผลได้ จานวนกห่ี นุ้ นัน้ สามารถคานวณไดด้ งั น้ี วิธีการบนั ทึกบญั ชีเกี่ยวกบั การออกหุน้ ใหม่โดยจา่ ยเป็นหุน้ ปันผลมีดงั น้ี 8.ครแู ละผูเ้ รยี นอธบิ ายการจดทะเบยี นลดทุนของบรษิ ทั จากดั โดยใชส้ อ่ื Power Point ประกอบดงั น้ี ขนั้ ตอนที่ 1 จดทะเบยี นมตพิ เิ ศษใหล้ ดทุน
ชช ขนั้ ตอนท่ี 2 การจดทะเบยี นลดทุนและแก้ไขหนงั สอื บรคิ ณหส์ นธขิ อ้ 5 (ทุน) 9.ครแู ละผูเ้ รยี นอธบิ ายการจดทะเบยี นลดทนุ ของบรษิ ทั มหาชนจากดั โดยใชส้ อ่ื Power ประกอบ โดยตามพระราชบญั ญตั บิ รษิ ทั มหาชนจากดั พ.ศ. 2535 หมวด 10 (แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ พ.ศ. 2551) บรษิ ทั จะลดทุนจาก จานวนทจี่ ดทะเบยี นไวแ้ ลว้ สามารถทาไดด้ งั น้ี
ซซ 10.ครแู ละผูเ้ รยี นแสดงการคานวณและสาธติ การบนั ทกึ บญั ชเี กยี่ วกบั การบนั ทกึ บญั ชกี ารลดทุน ในการลดทุนนัน้ จะมวี ธิ กี ารบญั ชตี ามวตั ถปุ ระสงค์ของการลดทุน 2 วธิ ี คอื 10.1.ลดทุนเพ่อื คนื ทุนใหแ้ กผ่ ูถ้ อื หนุ้ มหี ลกั ในการบนั ทกึ บญั ชโี ดย 10.2. ลดทุนเพ่อื ลบลา้ งผลขาดทนุ
ฌฌ 11.ครใู ชเ้ ทคนิควธิ สี อนแบบใชโ้ สตทศั นวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวธิ สี อนทนี่ า อปุ กรณ์โสตทศั น์วสั ดุมาช่วยพฒั นาคุณภาพการเรยี นการสอน โสตทศั น์วสั ดดุ งั กล่าว ไดแ้ ก่ Power Point และ VDO เพ่อื อธบิ ายมวลอะตอม เพอ่ื สอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นเขา้ ใจไดง้ ่ายขน้ึ เกย่ี วกบั หนุ้ ทุนซอ้ื คนื โดยหนุ้ ทนุ ซอ้ื คนื . (Treasury.Stock).หมายถงึ หนุ้ สามญั /หุน้ บุรมิ สทิ ธิ และตราสารทุนอ่นื ทเ่ี ทยี บเท่าหุน้ สามญั ของกจิ การ.ซ่งึ บรษิ ทั มหาชนจากดั ไดจ้ าหน่ายและออกใบหนุ้ ให้แลว้ แต่บรษิ ทั มหาชนจากดั ซ้อื คนื กลบั มาจากผูถ้ อื หนุ้ ไวเ้ องโดยมไิ ดย้ กเลกิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127