151 บทท่ี 8 ความนา จะเปนสาระสําคญั 1. การนับจํานวนผลลัพธทัง้ หมดทีเ่ กิดจากการกระทํา หรือการทดลองใดๆ ตองอาศัยกฎเกณฑการ นับจึงจะทําใหงายและสะดวก รวดเรว็ 2. ความนาจะเปน คือ จํานวนที่แสดงใหทราบวาเหตุการณใดเหตุการณหนึ่ง มีโอกาสเกิดขึน้ มาก หรือนอยเพียงใด สิ่งที่จําเปนตองทราบทําความเขาใจ คือ - การทดลองสุม (Random Experiment) - แซมเปลสเปซ (Sample Space) - เหตกุ ารณ (Event) 3. ความนาจะเปนของเหตุการณใดๆ เปนการเปรียบเทียบจํานวนสมาชิกของเหตุการณนัน้ ๆ กับ จํานวนสมาชิกของแซมเปลสเปซ ซึ่งเปนคาที่จะชวยในการพยากรณหรือการตัดสินใจไดผลการเรยี นรูท่ีคาดหวงั 1. หาจํานวนผลลัพธทีอ่ าจเกิดขึ้นของเหตุการณ โดยใชกฎเกณฑเบือ้ งตนเกีย่ วกับการนับและ แผนภาพตนไมอยา งงา ยได 2. อธิบายการทดลองสุม เหตุการณ ความนาจะเปนของเหตุการณและหาความนาจะเปนของ เหตกุ ารณท่ีกาํ หนดใหได 3. นําความรูเกี่ยวกับความนาจะเปนไปใชในการคาดการณและชวยในการตัดสินใจขอบขา ยเน้ือหา เรื่องที่ 1 กฎเบ้อื งตนเก่ยี วกบั การนับและแผนภาพตน ไม เร่ืองที่ 2 ความนาจะเปนของเหตุการณ เร่ืองท่ี 3 การนําความนาจะเปนไปใช
1521. กฎเบือ้ งตน เกย่ี วกับการนับและแผนภาพตน ไม ในชีวิตประจําวันของคนเรามีการกระทําหรือการทดลองหลายอยางที่สามารถมีวิธีการที่จะเกิดผลลัพธไ ดห ลายวธิ ี การหาจํานวนรูปแบบหรือจาํ นวนวธิ ีทอี่ าจเกิดขึ้นไดจ ากการนบั ท้ังหมด โดยมกี ฎเบื้องตนเกี่ยวกับการนับจากการทํางานดังนี้ 1. 1. การทํางานทมี่ ี 2 อยา งหรือสองขน้ั ตอน ถางานอยางแรกมีวธิ ที าํ ได n1 วิธี และในแตล ะวธิ ีทาํ งานอยา งแรกมีวธิ ีท่จี ะทาํ งานอยางท่สี องไดn2 วิธี แลวจาํ นวนวธิ ที ท่ี าํ งานท้งั สองอยางเทา กบั n1 n2 วธิ ีสามารถเขียนแผนผังการทํางานไดดังนี้งานอยางที่ 1 งานอยางที่ 2นบั ได n1 วธิ ี × n2 วธิ ีจํานวนวิธีทํางานทั้งสองอยาง = n1 × n2 วธิ ีเพื่อความเขาใจใหงายขึ้นสามารถแจกแจงผลการนบั แตละวิธีไดโดยใช แผนภาพตนไม ดังตัวอยา งตอ ไปน้ี ตวั อยางท่ี 1 โยนเหรยี ญ 2 อันพรอ มกัน 1 คร้งั เกิดผลลัพธไ ดท ้ังหมดกวี่ ธิ ี วิธที ํา โยนเหรยี ญ 2 อันพรอมกัน 1 ครั้ง เปนการทํางาน 2 อยา งเหรียญท่ี 1 เหรียญท่ี 2 จัดได 2 × 2 งานอยา งแรก การเกดิ ของเหรียญที่ 1 เกดิ ได 2 วิธี คืออาจเกดิ หัว (H ) หรอื อาจเกดิ กอ ย(T ) กไ็ ด และในแตล ะวิธีท่เี กิดเหรยี ญท่ี 1 ยงั มีวธิ ีเกิดเหรียญที่ 2 ไดอ ีก งานอยางที่ 2 การเกดิ ของเหรยี ญท่ี 2 เกิดได 2 วธิ ี คอื อาจเกดิ หวั (H) หรอื อาจเกดิ กอ ย (T)ดงั น้นั การโยนเหรยี ญ 2 อนั พรอมกัน 1 ครัง้ เกดิ ได = 2 ×2 = 4 วิธี
153 การโยนเหรยี ญ 2 อันพรอมกัน เปนการทํางานที่มี 2 อยา งหรอื 2 ขั้นตอน สามารถแสดงเหตุการณท ่ีเกดิ โดยใชแ ผนภาพตนไมไ ดด งั นี้ เหรยี ญที่ 1 เหรียญที่ 2 เหตุการณท ่ีเกิดข้นึนนั่ คือ โยนเหรยี ญ 2 เหรยี ญพรอมกนั 1 คร้ัง เกดิ ได 4 วิธี คือ HH, HT, TH, TT ตอบ ตวั อยา งที 2 ชายคนหน่งึ มเี ส้อื เชต้ิ ตา งกนั 5 ตวั และกางเกงขายาวตา งกนั 3 ตัว วธิ ที ํา เราสามารถใชแ ผนภาพตนไมชว ยในการหาวิธีทั้งหมดที่เปน ไปไดแ สดงไดด งั แผนภาพขา งลา งน้ี จากแผนภาพตน ไมจ ะพบวา การแตง กายของชายคนนท้ี แ่ี ตกตา งกนั นบั ไดท ง้ั หมด 15 วธิ ี
154ตวั อยางที่ 3 โยนลูกเตา 2 ลกู พรอมกนั 1 คร้ัง เกดิ ไดทงั้ หมดกีว่ ธิ ีวิธีทํา โยนลกู เตา 2 ลูกพรอ มกนั 1 ครั้ง เปนการทํางาน 2 อยา ง ลกู ท่ี 1 ลกู ท่ี 2 จดั ได 6 × 6 งานอยา งแรก การเกิดของลกู เตา ลูกท่ี 1 ซึง่ มี 6 หนา เกิดได 6 วธิ ี คอื อาจหงายหนา 1 ,2, 3 …., หรือ 6 ) ∴ โยนลกู เตา 2 ลูกพรอมกัน 1 ครง้ั เกิดได = 6 ×6 = 36 วธิ ี สามารถแจกแจงผลลัพธ ไดด งั นี้ ( 1 , 1) ( 1 , 2 ) (1 , 3 ) ( 1 , 4) ( 1 , 5) ( 1 , 6) ( 2 , 1) ( 2 , 2 ) (2 , 3 ) ( 2 , 4) ( 2 , 5) ( 2 , 6) ( 3 , 1) ( 3 , 2 ) (3 , 3 ) ( 3 , 4) ( 3 , 5) ( 3 , 6) ( 4 , 1) ( 4 , 2 ) (4 , 3 ) ( 4 , 4) ( 4 , 5) ( 4 , 6) ( 5 , 1) ( 5 , 2 ) (5 , 3 ) ( 5 , 4) ( 5 , 5) ( 5 , 6) ( 6 , 1) ( 6 , 2 ) (6 , 3 ) ( 6 , 4) ( 6 , 5) ( 6 , 6) ตอบ 36 วธิ ี 1. 2. การทาํ งานทม่ี ี 3 อยา งหรือสามข้ันตอน การนบั จะมแี นวคิดในทํานองเดียวกัน แตจํานวนขน้ั ตอนในการเขียนแผนภาพตนไม หรอืการหาผลคูณคารท ีเซียน จะมี 3 งานหรือ 3 ขัน้ ตอนท่ีตองทาํ ตอ เนื่องกัน ดงั ตวั อยา งตอไปน้ีตัวอยางท่ี 4 บรษิ ทั รถยนตแหงหนึง่ ผลติ ตวั ถงั รถยนตออกมา 2 แบบ มเี ครือ่ งยนต 2 ขนาด และสีตา ง ๆ กัน 3 สี ถาตอ งการแสดงรถยนตใหค รบทุกแบบ ทกุ ขนาด และทุกสี จะตองใชร ถยนตอ ยา งนอยทส่ี ุดก่คี นั
วธิ ที ่ี 1 โดยใชแ ผนภาพตนไม (Tree Diagram ) จะไดผ ลดงั น้ี 155การทํางานมี 3 ขน้ั คือ ผลงาน ข้ันที่ 1 ขนั้ ที่ 2 ขัน้ ท่ี 3 สี ตวั ถัง เคร่ืองดังนนั้ จะตอ งมีรถยนตแ สดงอยางนอ ย 12 คัน จึงจะครบทุกแบบทุกสีทุกขนาดวธิ ีท่ี 2 โดยใชผลคูณคารท เี ซียนให A เปน เซตของตัวถงั รถยนต A = { ถ1 , ถ2 } B เปน เซตของเครอ่ื งยนต B = { ค1 , ค2 } C เปนเซตของสตี าง ๆ B = { ส1 , ส2 , ส3 }นําตัวถงั และเคร่ืองยนตมาประกอบกันไดด ังน้ีA × B = { (ถ1 , ค1) , (ถ1 , ค2) , (ถ2,ค4) , (ถ2 , ค2)}n(AxB) = n(A) x n(B) = 4 แบบนาํ ตัวถึงกบั เครื่องทปี่ ระกอบแลว มาทาสีตา ง ๆ( A × B ) × C = { (ถ1 , ค1, ส1 ), (ถ1 , ค1, ส2 ), (ถ1 , ค1, ส3 ), (ถ1 , ค2, ส1 ), (ถ1 , ค2, ส2 ), (ถ1 , ค2, ส3 ), (ถ2 , ค1, ส1 ), (ถ2 , ค1, ส2 ), (ถ2 , ค1, ส3 ), (ถ2 , ค2, ส1 ), (ถ2 , ค2, ส2 ), (ถ2 , ค2, ส3 )}N ( A ×B× C ) = n(AxB) x n(C)= n(A) x n(B) x n(C)= 2 x 2 x 3 = 12ดงั น้ัน ตองใชร ถยนตแสดงอยา งนอย 12 คัน
156 เม่อื พิจารณาแผนภาพตนไมแ ละวิธกี ารของผลคณู คารท ีเซียนแลว พบวา สามารถหาจํานวนวธิ ีหรือจํานวนรูปแบบในการทํางานไดเชนเดียวกัน จากหลักการของทั้งสองวิธี จึงสามารถนํามาสรางเปนกฎเบื้องตนเกี่ยวกับการหาจํานวนวิธีในการทํางานอยางใดอยางหนึ่งได โดยสรุปเปนกฎไดด งั น้ีสรปุ ข้นั ตอนในการใชกฎการนับแกโ จทยปญหา1. พจิ ารณาวางานหรือเหตกุ ารณท่โี จทยก ําหนดมานั้นคอื อะไร จดั แบง ออกเปน กี่ข้ันตอนท่ีตอ เน่ืองกนั2. พิจารณาเงื่อนไขตาง ๆ ท่กี าํ หนดมาในแตล ะขัน้ ตอน บนั ทึกไว3. หาจํานวนวิธีที่สามารเลือกทํางานไดในแตละขั้น โดยตองเร่มิ จากขั้นท่ีมเี งื่อนไขมากทส่ี ุดกอนแลว จึงพิจารณาขนั้ อ่ืน ๆ ทีม่ เี ง่ือนไขรองลงมา ตามความสาํ คญั4. นําจาํ นวนวิธที ีไ่ ดในแตละข้ันตอนคณู กัน จะไดจาํ นวนรูปแบบหรือจํานวนวธิ ที ี่อาจเกิดขนึ้ ไดท งั้ หมดตัวอยางท่ี 4 ในการเลอื กต้ังกรรมการชุดหน่ึงจะประกอบไปดว ย ประธาน รองประธาน เหรัญญิก และเลขา โดยกรรมการแตละคนจะดาํ รงตําแหนงไดเพียงตาํ แหนง เดยี วเทาน้ัน ถามผี สู มคั รทงั้ หมด 6 คนเปนชาย 2 คน เปนหญิง 4 คน ผลการเลือกตั้งกรรมการชดุ นจี้ ะมีไดท ้งั หมดกี่แบบตางกนั โดยท่ี1. ไมมีเง่ือนไขเพ่มิ เตมิ2. กําหนดใหประธานเปนชาย และเลขาตองเปนหญิง3. กรรมการตองเปนหญิงลวน ๆวธิ ีทํา มผี ูสมัคร 6 คน เปนชาย 2 คน เปนหญงิ 4 คน ใหเ ลอื กกรรมการ 4 ตาํ แหนง ประธาน รองประธาน เหรญั ญิก เลขา1) ไมม เี ง่ือนไขเพิ่มเตมิ แตละคนเปน ไดต ําแหนงเดยี วตําแหนง ประธาน เลอื กได 6 วธิ ีตาํ แหนง รองประธาน เลือกได 5 วธิ ีตําแหนง เหรญั ญิก เลอื กได 4 วธิ ีตําแหนงเลขา เลือกได 3 วธิ ีดังนั้น จํานวนวธิ ีในการเลอื กกรรมการมี = 6 × 5 × 4 × 3 = 360 วธิ ี2) กาํ หนดประธานเปน ชาย และเลขาตอ งเปนหญงิตาํ แหนง ประธานเปนชาย เลอื กได 2 วธิ ีตาํ แหนง เลขาทีเ่ ปน หญิง เลือกได 4 วธิ ีตาํ แหนง เหรญั ญกิ (คนท่ีเหลือ) เลอื กได 4 วธิ ีตาํ แหนง รองประธาน เลอื กได 3 วธิ ี (คนท่ีเหลอื สุดทา ย )ดังนั้น จาํ นวนวธิ ใี นการเลือกกรรมการมี = 2 × 4 × 3 × 4 = 96 วธิ ี
1573) กรรมการตองเปน ผหู ญงิ ลว น ๆตาํ แหนง ประธานเปนชาย เลอื กได 2 วธิ ีตาํ แหนง เลขาเปน หญงิ เลือกได 4 วธิ ีตําแหนง รองประธาน เลือกได 4 วธิ ี ( เฉพาะหญงิ ท่ีเหลอื )ตาํ แหนง เหรัญญกิ เลอื กได 3 วธิ ี ( เฉพาะหญงิ ท่ีเหลอื )ดงั น้ัน จํานวนวิธใี นการเลือกกรรมการมี = 2 × 4 × 3 × 4 = 96 วธิ ี0020ตัวอยา งที่ 5 จากอกั ษรในคาํ วา “ PHYSIC” นํามาสรางคําใหมประกอบดวย 3 อกั ษร ตางกนั( ไมสนใจความหมายของคําเหลานั้น) โดยที่ 1. ไมมีเงื่อนไขเพ่ิมเติม 2. ตองเปนพยัญชนะทั้งหมดวธิ ที าํ อกั ษรในคําวา PHYSIC เปน สระ 1 ตวั และพยญั ชนะ 5 ตวั รวมทั้งหมด 6 ตวั อักษร อักษรตัวที่ 1 2 3 1. สรางคําประกอบดวย 3 ตวั อักษร สรางได = 6 × 5 × 4 = 120 วธิ ี 2. มเี งื่อนไขวาตอ งเปนพยญั ชนะทัง้ หมด สรางได = 5 × 4 × 3 = 60 วธิ ีตัวอยางท่ี 6 หองประชุมแหง หนง่ึ มี 3 ประตู จงหาวธิ ใี นการเดนิ เขา - ออกหองประชุม โดยมีเงื่อนไขตางกันดงั น้ี 1. จาํ นวนวธิ ใี นการเดินเขา 2. จาํ นวนวธิ ใี นการเดินเขา - ออก 3. จาํ นวนวธิ ใี นการเดินเขา - ออก โดยไมซา้ํ ประตกู ัน 4. จาํ นวนวธิ ใี นการเดินเขา - ออก โดยใชประตูเดมิวธิ ที ํา ประตูหองประชุมมี 3 ประตู หมายเลข 1 2 และ 3การเดนิ เขา ออก1. จาํ นวนวธิ เี ดนิ เขา หอ งประชุม = 3 วธิ ี2. จาํ นวนวธิ กี ารเดิน เขา - ออก = 3 × 3 = 9 วธิ ี ( ใชประตซู ้ําได)3. จาํ นวนวธิ กี ารเดินเขา - ออก โดยไมซ ํา้ ประตูกัน = 3 × 2 = 6 วธิ ี
158 4. จาํ นวนวธิ กี ารเดินเขา - ออก โดยใชป ระตูเดมิ = 3 × 1 = 3 วธิ ีตัวอยางท่ี 7 ครมู ีหนงั สอื 5 เลม แตกตา งกนั ตองการแจกใหนกั เรียน 4 คน จงหาจาํ นวนวีธแี จกหนงั สอื โดยท่ี 1. ไมมีเงื่อนไขเพ่มิ เติม 2. ไมมใี ครไดห นงั สือเกิน 1 เลมวิธที ํา การแจกหนงั สือตอ งพจิ ารณาการแจกทลี ะเลม หนงั สอื เลมท่ี 1 2 3 4 1. ไมมีเงอื่ นไข (แจกซ้ําได ) ดงั นน้ั แจกได = 5 × 5 × 5 × 5 = 625 วธิ ี 2. ไมม ใี ครไดเ กิน 1 เลม แปลวา ไมมใี ครไดซ ้ํา ไดแลวจะไมแ จกใหอ กี ดงั นน้ั จะมีวธิ ีแจกหนังสอื = 5 × 4 × 3 ×2 = 120 วธิ ี
159 แบบฝกหัดที่ 11. โยนเหรยี ญ 1 เหรยี ญ 3 ครั้ง จงหาจํานวนที่เหรยี ญจะขน้ึ หนาตางๆ โดยวธิ ีเขียนแผนภูมิตนไม2. ในการทดสอบวชิ าคณิตศาสตร ประกอบดวย โจทยแ บบปรนัย 4 ตัวเลือก จาํ นวน 5 ขอโจทยแ ตล ะขอ มีคําตอบทถี่ กู ตองเพียงหน่ึงตวั เลอื กเทาน้นั แลวจาํ นวนวิธีการตอบคาํ ถามท่ีเปน ไปไดทง้ั หมดมีก่วี ธิ ี3. มนี ักเรียน 5 คน ยืนเขา แถวเพ่ือซอ้ื อาหารกลางวันของรานหน่ึง จงหาวา จาํ นวนวิธที ยี่ ืนเขา แถวท่ีแตกตา งกนั มที ง้ั หมดกีว่ ิธี4. มีชาย 6 คน หญิง 5 คน ตองการจดั คแู ขงขนั ระหวางชาย 1 คน หญงิ 1 คนในการแขงขันกีฬาเทนนสิ มีจาํ นวนทั้งหมดก่วี ิธี5. เพอ่ื น 3 คน นกั กันไปรับประทานอาหารเย็นทภี่ ัตตาคารและ ซือ้ ของท่หี า งสรรพสินคา โดยเลือกที่จะไปรับประทานอาหารและซื้อของ ซึ่งมีภัตตาคาร 5 แหง และมหี า งสรรพสนิ คา 4 แหง ทง้ั สามคนน้จี ะมวี ิธเี ลอื กกระทําดังกลา วไดท้ังหมดกวี่ ธิ ี6. บริษัทแหงหนึ่งเปดรับสมัครพนักงานเขาทํางาน โดยพิจารณาจากเงื่อนไขคือ เพศชาย หญิงระดับอายุมี 6 ระดับ และมีสาขาวิชาชีพ 10 ประเภท แลว บริษทั นจี้ ะมวี ิธีการจําแนกผสู มัครไดท ั้งหมดกีว่ ิธี7. จากการสัมภาษณรับคนเขาทํางานจํานวน 8 คน จะมวี ิธจี ะคัดเลือกไดพ นักงานหนึ่งคนจากผูเขาสัมภาษณท ัง้ หมด8. จงเขยี นแผนภาพตนไมเ พื่อแสดงผลที่เกดิ ข้ึนจากการโยนเหรียญ 1 เหรยี ญ 4 คร้ัง จงหาจํานวนวธิ ที ่ีแตกตา งกนั ในการโยนเหรยี ญครง้ั น้ี โดยที่1. ไมม หี นา หวั เลย 2. มหี นาหัวเพยี ง 1 ครง้ั3. มีหนาท้งั 2 ครง้ั 4. มีหนา หัวเพยี ง 3 คร้ัง5. มหี นา หวั 4 ครัง้
1602. ความนาจะเปนของเหตกุ ารณ ในชีวิตประจําวันมักพบกับการคาดคะเน หรือการประมาณเหตุการณ หรือโอกาส เพือ่ ใชในการตัดสินใจ โอกาสที่เหตุการณนัน้ จะเกิดไดมีมากนอยเพียงใด ขึ้นอยูกับอัตราสวนระหวางจํานวนสมาชิกของเหตกุ ารณน้ัน กับจํานวนครงั้ ของการทํางานผูเรยี นจึงตองทราบ และทําความเขาใจ กับคําเหลานี้1. การทดลองสุม (Random Experiment) คือ การทดลองทีไ่ มสามารถระบุผลลัพธไดอยางแนนอน แตบอกไดวา ผลลัพธข องการทดลองนัน้ มีโอกาสเกดิ อะไรขึน้ ไดบางตัวอยางที่ 1 การทดลองโยนลูกเตา 1 ลูก 1 ครั้ง แตมทีจ่ ะเกิดขึน้ ได คือ แตม 1, 2, 3, 4, 5 หรือ 6ซึ่งไมสามารถบอกไดวาจะเปนแตมอะไรใน 6 แตม น้ี ดังน้ันผลลพั ธท ้งั หมดทีจ่ ะเกิดขึน้ คือแตม 1, 2, 3, 4, 5, 6ตวั อยา งท่ี 2 การหยิบลูกปงปอง 1 ลกู จากกลอง ซ่งึ มี 5 ลกู 5 สี ลกู ปง ปองที่หยิบไดอ าจจะเปน ลกู ปงปองสีขาว ฟา แดง เขยี ว หรอื สม ดังนน้ั ผลลพั ธทงั้ หมดทจ่ี ะเกิดขน้ึ คือ ลูกปงปองสขี าว ฟา แดง เขยี ว หรอื สมตวั อยา งที่ 3 จงเขียนผลท่อี าจจะเกิดข้นึ ไดท ้ังหมดในการโยนเหรียญบาท 1 เหรียญ และเหรยี ญหาสบิสตางค 1 เหรยี ญวิธีทาํ ในการโยนเหรยี ญบาท 1 เหรยี ญ ผลที่อาจเกิดขึน้ คือหวั หรอื กอย ถาให H แทน หวั และให T แทน กอ ย ในการหาผลที่อาจเกิดขึ้นไดทั้งหมดจากการโยนเหรียญบาทและเหรียญหาสิบสตางคอยางละ 1เหรยี ญ อาจใชแผนภาพชวยไดด ังนี้
161 ฉะนนั้ ถาเราใชคูอ นั ดับเขียนผลท้งั หมดทีอ่ าจเกดิ ข้ึนไดโดยใหส มาชิกตวั หนง่ึ ของคอู ันดบั แทนผลที่อาจเกิดขึ้นจากเหรียญบาท สมาชกิ ตัวท่สี องของคูอันดับแทนผลที่อาจเกิดข้นึ จากเหรียญหาสิบสตางค จะได ผลทง้ั หมดท่อี าจจะเกดิ ขนึ้ ได คอื (H, H), (H, T), (T, H) และ (T, T)2. แซมเปลสเปซ (Sample Space ) เปนเซตที่มีสมาชิกประกอบดวยสิ่งที่ตองการ ทั้งหมด จากการทดลองอยางใดอยางหนึ่ง ( บางครั้งเรียกวา Universal Set ) เขยี นแทนดว ย Sเชน ตวั อยางที่ 4 ในการโยนลูกเตาถาตอ งการดวู าหนาอะไรจะขนึ้ มาจะได ผลลพั ธทีอ่ าจจะเกิดข้นึ ไดค ือ ลูกเตาขึ้นแตม 1 หรือ 2 หรือ 3 หรอื 4 หรอื 5 หรือ 6 ดังนัน้ แซมเปล สเปซทไ่ี ด คือ S = { 1, 2, 3, 4, 5, 6 } ตวั อยางท่ี 5 จากการทดลองสุมโดยการทดลองทอดลูกเตา 2 ลูก 1. จงหาแซมเปลสเปซของแตมของลูกเตาที่หงายขึ้น วธิ ที ํา 1. เนื่องจากโจทยสนใจแตมของลูกเตาที่หงายขึ้น ดังนั้นเราตองเขียนแตมของลูกเตาที่มีโอกาส ที่จะหงายขึ้นมาทั้งหมด และเพื่อความสะดวกให (a , b) แทนผลลัพธท ีอ่ าจจะเกิดขนึ้ โดยท่ี a แทนแตม ทหี่ งายข้ึนของลกู เตาลูกแรก b แทนแตม ท่ีหงายข้นึ ของลูกเตาลกู ท่ีสอง ดังนั้นแซมเปลสเปซของการทดลองสุมคือ S = {(1,1),(1,2),(1,3),(1,4),(1,5),(1,6), (2,1),(2,2),(2,3),(2,4),(2,5),(2,6), (3,1),(3,2),(3,3),(3,4),(3,5),(3,6), (4,1),(4,2),(4,3),(4,4),(4,5),(4,6), (5,1),(5,2),(5,3),(5,4),(5,5),(5,6), (6,1),(6,2),(6,3),(6,4),(6,5),(6,6)}
1623. เหตุการณ (event) คือ เซตทเี่ ปน สบั เซตของ Sample Space หรือเหตกุ ารณที่เราสนใจ จากการทดลองสมุตวั อยางท่ี 7 ในการโยนลูกเตา 1 ลูก 1 ครงั้ ถา ผลลพั ธท ่ีสนใจคอื จาํ นวนแตม ท่ีได จะได S = {1, 2, 3, 4, 5, 6} ถา ให E1 เปน เหตกุ ารณท ไี่ ดแ ตม ซงึ่ หารดว ย 3 ลงตวั จะได E1 = {3, 6} E2 เปนเหตุการณทไ่ี ดแตมมากกวา 2 จะได E2 = {3, 4, 5, 6}ตัวอยา งท่ี 8 ถุงใบหนึ่งมีลูกบอลสีขาว 3 ลกู สแี ดง 2 ลูก หยิบลูกบอลออกจากถุง 2 ลูก จงหา 1. แซมเปลสเปซของสีของลูกบอล และเหตุการณท่จี ะไดลกู บอลสขี าว 2. แซมเปลสเปซของลูกบอลที่หยิบมาได และเหตกุ ารณที่จะไดลูกบอลเปนสขี าว 1 ลกู สแี ดง1 ลูกวิธีทํา 1. เน่ืองจากเราสนใจเกยี่ วกบั สีของลกู บอล และลูกบอลมอี ยูสองสีคือสีขาวและสีแดง ดงั นน้ั แซมเปลสเปซ S = {ขาว, แดง} สมมตใิ ห B เปน เหตุการณที่จะไดล กู บอลสขี าว ดังน้นั B = {ขาว} 2. เนื่องจากเราสนใจแซมเปล สเปซของลูกบอลแตละลูกท่ีถูกหยบิ ขน้ึ มา ดงั นน้ั แซมเปล สเปซ S คือ S = {ข1ข2,ข1ข3,ข1ด1,ข1ด2,ข2ด3,ข2ด1,ข2ด2,ข3ด1,ข3ด2,ด1ด2} ให C เปนเหตกุ ารณท ี่ผลลัพธเปน ลกู บอลสีขาว 1 ลกู และ สแี ดง 1 ลูก ดงั นั้น เหตกุ ารณ C คอื C = {ข1ด1,ข1ด2,ข2ด1,ข2ด2,ข3ด1,ข3ด2}หมายเหตุ ข แทน ขาว และ ด แทน แดงตัวอยา งท่ี 10 โยนเหรียญบาท 1 เหรยี ญ 2 คร้ัง จงหาผลลัพธของเหตุการณที่จะออกหัวอยางนอ ย1 ครั้ง การหาผลลัพธทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการโยนเหรียญบาท 1 เหรยี ญ 2 ครัง้โดยใชแผนภาพตนไม ดงั นี้
163ผลลพั ธท ัง้ หมดทอ่ี าจจะเกิดขึ้นจากการทดลองสุม มี 4 แบบ คือ HH, HT, TH และ TTนนั่ คอื ผลลัพธของ เหตุการณท่ีจะออกหวั อยา งนอย 1 ครงั้ มี 3 แบบ คือ HH, HT และ TH4. ความนาจะเปน ของเหตุการณ ความนาจะเปน ของเหตุการณ คือ จาํ นวนทแี่ สดงใหท ราบวาเหตกุ ารณใดเหตุการณห นึ่งมีโอกาสเกดิ ขนึ้ มากหรอื นอยเพยี งใด ความนาจะเปน ของเหตกุ ารณใด ๆ เทา กับอตั ราสวนของจาํ นวนเหตกุ ารณทเี่ ราสนใจ (จะใหเ กดิ ข้นึหรือไมเกดิ ขึน้ ก็ได) ตอจํานวนผลลัพธท ้งั หมดทอี่ าจจะเกิดขนึ้ ได ซึง่ มสี ูตรในการคดิ คํานวณดงั นี้ จํานวนผลลพั ธข องเหตุการณท ีเ่ ราสนใจ ความนา จะเปน ของเหตกุ ารณ = จํานวนผลลพั ธท ัง้ หมดท ี่อาจจะเกดิ ข้นึ ไดเม่ือผลทงั้ หมดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทดลองสุมแตละตัวมีโอกาสเกดิ ข้ึนไดเ ทา ๆ กนั กาํ หนดให E แทน เหตุการณท ี่เราสนใจ P(E) แทน ความนาจะเปนของเหตุการณ n(E) แทน จํานวนสมาชิกของเหตุการณ n(S) แทน จํานวนสมาชกิ ของผลลพั ธทง้ั หมดท่ีอาจจะเกิดขึน้ ได ดังน้ัน P( E ) = n(E) n(S )ตัวอยา งท่ี 1 มีลูกปงปอง 4 ลูก เขียนหมายเลขกํากับไวดังนี้คือ 0, 1, 2, 3 ถา สมุ หยบิ มา 2 ลกู จงหาความนาจะเปนที่จะไดผลรวมของตัวเลขมากกวา 3วธิ ที าํ ให S เปน แซมเปล สเปซ S = {(0, 1),(0, 2),(0, 3),(1, 2),(1, 3),(2, 3) }จะได n(S) = 6E เปน เหตุการณห รือสงิ่ ทโ่ี จทยอ ยากทราบ E = {(1, 3),(2, 3)}จะได n (E) = 2 n(E) n(S )นน่ั คอื จากสูตรขางบนคือ p(E ) = แทนคา ได P(E) = 2 = 1 63 ความนาจะเปนที่จะไดผลรวมของตัวเลขมากกวา 3 เทา กับ 1 3
164ขอสงั เกต 1. สมาชกิ ทกุ ตัวในเหตกุ ารณ E ตองเปนสมาชิกในอยูในแซมเปลสเปซ S ดังนน้ั 0 ≤ n(E)≤n(S) 2. ถา E เปนเหตกุ ารณใด ๆ ในแซมเปล สเปซ S จะไดว า 2.1 0≤P(E)≤1 2.2 ถา P(E)=1 หมายถงึ เหตกุ ารณนั้นตอ งเกดิ ขึ้นแนนอน ถา P(E)=0 หมายถึงเหตกุ ารณน้นั ตองไมเ กดิ 2.3 ถา S เปน แซมเปล สเปซ จะไดว า P(S)=1
165 แบบฝกหดั ที่ 21. จากการทดลองสุมตอไปนี้ จงเขียนแซมเปลสเปซและเหตุการณที่สนใจในการทดลองนั้นๆ (1) ไดห วั สองเหรยี ญจากการโยนเหรียญสองอนั หน่งึ ครั้ง (2) ไดผลรวมของแตมบนหนาลูกเตาทั้งสองเปน 2 หรือ 6 จากการโยนลูกเตา สองลูกหนงึ่ ครงั้ (3) หยบิ ไดส ลากหมายเลข 5 หรอื 6 หรือ 7 หรอื 8 จากสลาก 10 ใบซึ่งเขียนหมายเลข 1 ถงึ 10 กาํ กบั ไว (4) ไดนักเรยี นทถ่ี นัดมือซายในหอ งเรียนทท่ี า นเรยี นอยู (5) ไดสลากที่มีรางวัลจากการจับสลากที่ประกอบดวยสลากที่มีรางวัล 3 ใบ และไมมี รางวัล 7 ใบ (6) ไดคําตอบจากครอบครัว 3 ครอบครวั วามีจักรเย็บผาใชทั้งสามครอบครัว (7) ไดลกู บอลสีขาว 2 ลูก สีดาํ 1 ลกู ในการหยบิ ลูกบอล 3 ลกู จากกลองซึ่งบรรจุลกู บอลสี ขาว 3 ลกู และสดี าํ 2 ลูก (8) ไดแ ตม ทเ่ี หมอื นกันหรือไดแ ตม 2 จากลูกเตาลกู ใดลูกหนึ่งในการทอดลกู เตา พรอมกัน สองลูก (9) ไดห วั และแตม ทม่ี ากกวา 4 จากการโยนเหรยี ญหนงึ่ เหรียญและทอดลูกเตาหน่ึงลกู หนง่ึ คร้ัง (10) ไดสีที่ชอบคือ สีฟาหรือสีชมพูจากการสอบถามนางสาวสุชาดาถึงสีของกระดาษ เช็ดหนาที่ชอบสองสีจากสีทั้งหมด 5 สี คอื ขาว ฟา ชมพู เขียว และเหลอื ง1. ถา S = {0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 }Ε1 = { 0, 2, 4, 6, 8 }Ε2 = {1, 3 ,5 ,7 ,9 }Ε3 ={ 2, 3, 4, 5 }และ Ε4 = { 1, 6, 7 }จงหาสมาชิกของ S ทีอ่ ยูในเหตกุ ารณต อไปน้ี(1) Ε1 Ε3 (2) Ε1 Ε2(3) Ε′3 (4) (Ε′3 Ε4) Ε2(5) (S Ε3 )′ (6) (Ε′1 Ε′2) Ε′3
1662. จากเหตกุ ารณ Ε1 , Ε2 , Ε3 ในขอ 2 จงเขียนแผนภาพของเวนน – ออยเลอรแสดงเหตุการณตอ ไปน้ี(1) Ε1 Ε′2 (3) (Ε1 Ε3) Ε2(2) (Ε1 Ε2)′ (4) (Ε′1 Ε′2) Ε′33. ในการสาํ รวจอายุของผูปวยแผนกเด็ก (อายไุ มเ กนิ 15 ป ) ของโรงพยาบาลแหงหนึ่งถา Ε1 เปน เหตุการณท ผี่ ูปวยมอี ายตุ ง้ั แต 1 ถงึ 9 ปΕ2 เปนเหตุการณท ผ่ี ูป วยมีอายุนอยกวา 5 ปและ Ε3 เปนเหตกุ ารณท ี่ผปู วยมอี ายมุ ากกวา 9 ปจงหา (1) Ε1 Ε2 (3) (Ε1 Ε3 ) Ε2 (2) Ε1 Ε2 (4) Ε2 Ε34 ในการจับสลาก 1 ใบ จากสลาก 10 ใบ ซึง่ มเี ลข 0 ถงึ 9 กํากับอยู ถาสนใจเลขทีเ่ ขียนกาํ กบั ไวใ นสลากใบท่จี บั ได โดยให Ε1 เปน เหตุการณท ี่เลขทเ่ี ขียนกาํ กบั ไวเ ปนจํานวนคู Ε2 เปน เหตุการณท่เี ลขที่เขยี นกํากบั ไวเ ปน จาํ นวนค่ี Ε3 เปนเหตกุ ารณที่เลขท่ีเขียนกํากับไวเ ปนจํานวนเฉพาะ Ε4 เปนเหตกุ ารณทเ่ี ลขที่เขียนกาํ กับไวเปน จํานวนทห่ี ารดว ย 3 ลงตวัจงเขยี นเหตกุ ารณตอไปนี้ในรปู Ε1 , Ε2 , Ε3 หรอื Ε4 พรอมทั้งแจกแจงสมาชิกเมื่อ (1) เลขท่ีเขียนกาํ กับไวเปน จํานวนคหู รือคหี่ รือจํานวนเฉพาะ (2) เลขทเ่ี ขียนกาํ กบั ไวเปนจํานวนเฉพาะท่ีหารดวย 3 ลงตวั (3) เลขท่เี ขยี นกาํ กับไวไมเปน จาํ นวนค่ี และไมเ ปนจํานวนที่หารดว ย 3 ลงตวั (4) เลขท่ีเขยี นกาํ กบั ไวเ ปนจาํ นวนคูท ่ีเปน จาํ นวนเฉพาะ
1674. การนําความนาจะเปนไปใช การนําความนาจะเปนไปใช ตองการใหผูที่ศึกษาทราบวาเหตุการณตางๆนั้นมีโอกาสจะเกิดขึ้นมาก หรือนอยเพยี งใด เพ่ือชวยในการประกอบการตดั สนิ ใจ เชนตวั อยา งที่ 1 ไพสาํ รบั หนงึ่ มี 52 ใบ แบงเปน 2 สี 4 ชนดิ คือ สีแดง ไดแ กโ พแดงกบั ขา วหลามตดัสีดํา ไดแ ก โพดํากบั ดอกจิก แตล ะชนดิ มี 13 ใบ จงหาความนาจะเปนที่หยิบมา 1 ใบแลว ไดโ พดาํ หรือสีแดงวิธที าํ S = ไพทั้งหมดมี 52 ใบ หยิบมาทีละ 1 ใบจะได 52 วธิ ี ดงั นัน้ n(S) = 52 E = ไพโพดํามี 13 ใบ และไพส แี ดงมี 26 ใบ ดงั น้ัน n(E) = 13 + 26 = 39 n(E) จากสตู ร p(E) = n(S ) แทนคา ได P(E) = 39 = 3 52 4 ความนาจะเปนที่หยิบไพ 1 ใบแลว ไดโ พดาํ หรอื สีแดง เทากบั 3 4สรุปไดว า ไพ 1 ใบ แลวไดไ พโพดํา หรือโพแดงมีโอกาสเกดิ ขึน้ 75 % ถือวามโี อกาสเปน ไปไดสูงตัวอยางท่ี 2 ในการหยิบสลาก 1 ใบจากสลาก 10 ใบ ซึง่ มีเลข 0 - 9 กาํ กบั อยู จงหาความนาจะเปนที่จะหยบิ ไดเ ปน จาํ นวนเฉพาะสลากมีเลข 2 เลข 3 เลข 5 เลข 7วิธีทํา S = สลากมี 10 ใบ หยิบมาทีละ 1 ใบ จงึ หยิบได 10 วธิ ี S = {0,1,2,3,4,5,6,7,8,9,} n(S)=10 E = สลากที่เปนจํานวนเฉพาะ E ={2,3,5,7,} n(E)=4 n(E) n(S ) จากสตู ร p(E) = แทนคา ได P(E) = 4 = 2 10 5 ความนาจะเปน ที่จะหยบิ ไดเ ปนจํานวนจําเพาะ เทากบั 2 5 สรุปไดว า ความนาจะเปนที่จะหยิบไดเปนจํานวนจําเพาะ มโี อกาสเกดิ ข้ึน 40 % ถือวามโี อกาสเกดิ ขน้ึ นอย
168ตวั อยา งที่ 3 ในการทอดลูกเตา 2 ลูก พรอมกัน 1 ครงั้ จงหาโอกาสที่ผลรวมของแตมเปน 13วธิ ที ํา ลูกเตา 2 ลูกจะมีผลรวมสงู สุดคือ 6 + 6 = 12 โจทยตองการทราบผลรวมของแตมที่จะเปน 13 จงึ เปนเหตุการณท ี่เปนไปไมได โอกาสที่ผลรวมของแตมเปน 13 เทากับ 0สรุปไดวา โอกาสที่จะทอดลูกเตา 2 ลกู แลว ผลรวมของแตมเปน 13 น้ัน ไมม ีโอกาสเกดิ ขนึ้ เลย
169 แบบฝกหดั ที่ 31. ในการโยนลกู เตา 1 ลูก 1 ครั้ง จงหาความนา จะเปนของเหตกุ ารณ และสรุปถึงโอกาสท่ีจะเกิดข้ึนวามีมากหรือนอ ยเพียงใด 1) ไดแ ตม 4 2) ไดแ ตม คู 3) ไดแตมมากกวา 4 4) ไดแตม นอยกวา 7 5) ไดแ ตม มากกวา 0 6) ไดแตม มากกวา 6 หรือเปนแตม ค่ี 7) ไดแตมมากกวา 3 และเปนแตม ค่ี..........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................2. ทอดลูกเตา 2 ลูกสองครั้ง ความนาจะเปนที่จะไดแตมรวมเปน 7 ในครง้ั แรกและไดแ ตม รวมเปน 10ในครั้งที่ 2 เทากับเทาใด..........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................3. ชา งกอสรา งกลุมหนึง่ มี 10 คน ประกอบดวย ชา งปนู 6 คน และชางไม 4 คน ถาตอ งการเลือกชาง7 คน จากกลุมน้ี ความนา จะเปนทีจ่ ะไดช า งปนู 4 คน และชางไม 3 คน เทากับเทาใด..........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................4. กลอ งใบหนง่ึ บรรจหุ ลอดไฟสแี ดง 6 หลอดซง่ึ เปน หลอดดี 4 หลอดและหลอดไฟสนี าํ้ เงนิ 4 หลอดซงึ่ เปน หลอดดี 2 หลอด ในการสมุ หยิบหลอดไฟครั้งละ 1 หลอด 2 ครง้ั แบบไมใสค ืน ความนา จะเปน ทีจ่ ะไดห ลอดไฟสเี ดยี วกัน และเปน หลอดดีท้งั สองครั้ง มีคา เทา กับเทา ใด.......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................5. กลองใบหนง่ึ มีลกู บอลสีแดง 3 ลูก และสขี าวจํานวนหนึง่ โดยทจี่ าํ นวนวธิ กี ารหยิบลกู บอล 2 ลกูเปน ลกู บอลสเี หมอื นกนั เทา กบั 9 ถา สุมหยบิ ลูกบอลพรอ มพัน 2 ลูก แลว ความนาจะเปนท่ีจะไดลูกบอลสีขาวทั้ง 2 ลูกเทากับเทาใด.......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
170 บทที่ 9 การใชท กั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตรใ นงานอาชพีสาระสําคัญ การประกอบอาชีพในสังคมและในกลมุ ประชาคมอาเซียนนั้น มีหลากหลายสาขาอาชีพทั้งในดานอุตสาหกรรม เกษตรกรรม พณิชยกรรม ความคิดสรางสรรค และการบริหารจัดการ อาชีพในวงการดงั กลา วลว นมีการใชทกั ษะกระบวนการทางคณิตศาสตรเ ขาไปเกยี่ วขอ งเกือบทกุ กลุม อาชพี ซึ่งผเู รยี นสามารถนําความรูและทักษะที่ไดเรียนคณิตศาสตรในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมาประยุกตใชผลการเรยี นรูท คี่ าดหวงั 1. สามารถวิเคราะหงานอาชีพในสังคมและกลมุ ประชาคมอาเซียนทใี่ ชทักษะทางคณิตศาสตร 2. มีความสามารถในการเชื่อมโยงความรูตาง ๆ ทางคณิตศาสตรกับงานอาชีพไดขอบขา ยเน้ือหา ลักษณะ ประเภทของงานอาชีพที่ใชทักษะทางคณิตศาสตร เรื่องท่ี 1 การนําความรูทางคณิตศาสตรไปเชื่อมโยงกับงานอาชีพในสังคมและ เร่ืองที่ 2 ประชาคมอาเซียน
171เร่อื งท่ี 1 ลักษณะ ประเภทของงานอาชพี ที่ใชทักษะทางคณิตศาสตร 1.1 กลมุ อาชพี เกษตรกรรม ไดแ ก อาชีพ การทํานา ทําไร การปลกู ผัก การเลยี้ งสตั ว ประมง ฯลฯ (1) ลกั ษณะงานเบ้อื งตนที่ใชทกั ษะทางคณติ ศาสตร 1. การสํารวจของตลาดที่จะปลูกพืชเกษตรกรรม 2. การเตรียมพน้ื ท่ดี ิน ซง่ึ ขึน้ อยูกบั ความกวา ง ความยาวของพื้นท่วี า ผูประกอบการใชพ ื้นทก่ี ี่ไร กง่ี าน กี่ตารางวา ในการทําแปลง ขุดรอง เพือ่ ใชเปน พ้ืนทนี่ า 1 สวน พื้นที่ปลกู ผกั 1 สว น บอนาํ้ 1 สว น การเลยี้ งสัตว 1 สว น พืน้ ท่ีอยอู าศัย 1 สว น เปนตน 3. การเตรยี มเมลด็ พันธุขา ว ผัก และพืชพันธอุ นื่ ๆ 4. การเตรยี มปุย วาใชข นาดก่ีกโิ ลกรัมตอไร 5. การรดนํ้า พรวนดนิ ซึ่งตองกําหนดวา รดนาํ้ วนั ละ 2 ครั้ง ในปริมาณมากนอย เทาไร 6. การฉีดยาฆาแมลงโดยใชสารกําจัดศัตรูพืชทางชีวภาพ เชน สะเดา และ สมนุ ไพรอืน่ ๆ เปนตน ใชความรูเร่ืองอตั ราสวน สดั สวน เพือ่ ผสมยากาํ จดั ศตั รูพชื กบั น้ํากอนฉดี พน 7. การเก็บเกีย่ วผลผลติ ซ่งึ ตองใชทักษะการคํานวณระยะเวลาตง้ั แตก ารปลูก จนถึงระยะการเก็บเกี่ยวผลผลิต - การตรวจสอบความช้ืนของวัสดแุ ละสถานทเี่ ก็บผลผลิต - การคํานวณพื้นทีใ่ นการเก็บรกั ษาผลผลิต 8. การจําหนา ยผลผลติ ซ่งึ ตองใชท กั ษะการจดั ทาํ บญั ชีรับ – จา ย การจดบนั ทกึ จํานวนผลผลติ ทไี่ ด 9. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา
172 (2) เคร่ืองมือและเทคโนโลยที ี่ใช 1. เคร่ืองคดิ เลข 2. สมดุ บันทึกรายรบั รายจา ยหรอื คอมพวิ เตอรโนตบุค 3. สมุดจดบันทึกระยะเวลาการเจริญเตบิ โตตง้ั แตการปลกู จนถงึ การเกบ็ เกย่ี วผลผลิต (3) ความรูทางคณติ ศาสตรท ใ่ี ช 1. การวัดความยาว การหาพื้นที่ 2. อัตราสวนในการผสมปุยตอความกวางความยาวของพน้ื ทด่ี ิน 3. การช่งั ผลผลิตท่ไี ด 4. การกําหนดราคาขายตอกิโลกรัม 5. การบวก ลบ คูณ หาร เร่ือง คา จางแรงงานและอน่ื ๆ 6. การทําบัญชีรายรับ รายจายประจําวัน 7. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา 1.2 กลุมอาชีพอุตสาหกรรม ไดแ ก อาชีพพนกั งานในโรงงานอตุ สาหกรรมตางๆ ไดแ ก อุตสาหกรรมหองเย็น ถว ยชามอปุ กรณเซรามคิ ผาขนหนู กระดาษและสงิ่ พิมพ สแตนเลส เหล็ก พลาสตกิ ปูนซีเมนต ฯลฯ (1) ลกั ษณะงานเบอื้ งตน ที่ใชท กั ษะคณติ ศาสตร 1. การคํานวณเงินรายไดประจําวัน 2. การคํานวณเงินคาทํางานลวงเวลา 3. การคาํ นวณเงนิ กแู ละดอกเบย้ี คงท่ีหรือดอกเบี้ยทบตน 4. การทําบัญชีรายรับ – รายจายประจําวัน 5. การจดั ทําบัญชีพัสดุ (การจัดซือ้ การเบิกจายพสั ดุ)
173 6. การสํารวจและวิจัยการตลาด 7. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา (2) เครอ่ื งมือและเทคโนโลยที ่ใี ช 1. เคร่ืองคดิ เลข 2. เคร่ืองคอมพวิ เตอร 3. เคร่ืองจกั รอตุ สาหกรรมในแตละสาขาอุตสาหกรรม 4. เครื่องบรรจุภัณฑล งกลองหรอื แพค็ เปน พลาสติกหอหมุ (3) ความรแู ละทักษะทางคณิตศาสตรทใ่ี ช 1. การคาํ นวณเงนิ รายไดป ระจาํ สปั ดาห ประจาํ เดือนโดยหักวนั ลาหยดุ 2. การคํานวณเงินคาทํางานลวงเวลาเปนจํานวนชั่วโมงตอคาจางรายชัว่ โมง 3. การคํานวณเงินกแู ละดอกเบี้ย (ดอกเบี้ยคงที่, ดอกเบี้ยทบตน) 4. การทําบัญชีรับ – จา ยประจาํ วนั 5. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา 1.3 กลมุ อาชีพพาณชิ ยกรรม ไดแก อาชีพคาขาย ผปู ระกอบการรา นอาหารและเครอื่ งดม่ืผูประกอบการขายปลีกและขายสง ธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย ธรุ กจิ การซอ้ื ขายหุนในตลาดหลักทรพั ย อาชีพการทําบญั ชี การตลาด เปนตน (1) ลักษณะงานเบอ้ื งตนทใี่ ชทักษะคณติ ศาสตร 1. การจดั เตรียมสถานท่ี การคาํ นวณการจัดวางโตะ เกาอ้ี หรอื วัสดุอปุ กรณใ น การขาย 2. การจัดซอื้ วัตถุดิบในการคาขายปลกี หรือขายสง
174 3. การจาํ หนายสินคา การคาํ นวณราคาสินคาตอหนวย การทอนเงนิ 4. การจัดทาํ บัญชีพัสดุ (การจัดซือ้ การเบิกจายพสั ด)ุ 5. การจัดทําบัญชีรับ – จายประจําวนั 6. การฝากเงิน การถอนเงิน การออมเงิน 7. การประชาสัมพันธในงานธุรกิจคาขายหรือพาณิชยกรรม ซึ่งตองใชทักษะใน การคาํ นวณขนาดของปา ยโฆษณา ขนาดตวั อกั ษร ขนาดและจาํ นวนแผน พบั หรอื ใบปลิวโฆษณา 8. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา (2) เครอ่ื งมอื และเทคโนโลยีทใี่ ช 1. เคร่ืองคดิ เลข 2. เคร่ืองเกบ็ เงิน – ทอนเงนิ 3. เคร่ืองคอมพวิ เตอร 4. เคร่ืองไมโครเวฟ 5. เครื่องปน นา้ํ ผลไม (3) ความรูและทักษะทางคณติ ศาสตรที่ใช 1. การคาํ นวณขนาดของพ้ืนที่ใชสอยเพ่อื จดั วาง โตะ เกาอห้ี รอื วสั ดุ อปุ กรณใ นการขาย 2. การคํานวณปริมาณการจดั ซ้อื วัตถุดิบในแตล ะวัน 3. การคาํ นวณในการจดั ซ้ือพัสดุ 4. การจัดทําบัญชีรับ – จา ยประจําวนั 5. การคํานวณขนาดของปายโฆษณา ประชาสัมพันธหรอื แผนพับ แผน ปลวิ โฆษณา 6. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา 1.4 กลมุ อาชีพดานความคิดสรา งสรรค ไดแก ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจการออกแบบตกแตง ท่อี ยอู าศัยสาํ นักงานและสวนหยอ ม การจดั ดอกไมแ ละแจกันประดับ ธุรกจิ การทาํ พวงหรดี การจดั กระเชา ของขวญั เปนตน
175(1) ลกั ษณะงานเบ้ืองตนทใี่ ชท ักษะคณิตศาสตร 1. การจัดเตรียมขนาด ปริมาตร รูปทรงของพื้นที่หรือชิ้นงานในการจัดทําธรุ กิจ ซึ่งตองใชการวัดความกวาง ความยาว ความสูงของพื้นที่หรือชิ้นงาน การออกแบบรูปทรงโดยใชรูปเรขาคณิตสามมิติ 2. การคาํ นวณปริมาณของวัสดอุ ุปกรณใ นการใชป ระดิษฐสรางสรรคชิ้นงาน หรอื การจดั ตกแตง สวนหยอ ม 3. การคํานวณเพื่อกําหนดราคาขายสินคา 4. การจัดทําบัญชพี ัสดุ (การจัดซ้อื การเบิกจายพสั ด)ุ 5. การจัดทําบัญชีรับ – จา ย ประจาํ วัน 6. การประชาสัมพันธในอาชีพธุรกิจทุกประเภท ซึ่งตองใชทักษะในการคํานวณ เปน พ้ืนฐานในการจัดทาํ แผนปายประชาสัมพนั ธหรอื แผนพับ แผนปลิว 7. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา(2) เครอ่ื งมอื และเทคโนโลยีท่ีใช 1. เคร่ืองคดิ เลข 2. เคร่ืองคอมพวิ เตอร 3. โปรแกรมสําเร็จรูปในการออกแบบสินคา(3) ความรูและทักษะทางคณติ ศาสตรท ใ่ี ช 1. การคาํ นวณพ้ืนที่ผิว ปริมาตรของพ้นื ที่หรอื ออกแบบรูปทรงท่ใี ชใน การทํางานอาชีพ 2. การคํานวณปริมาณของวัสดุ อุปกรณท ี่ใชประดิษฐ สรา งสรรค ช้นิ งาน 3. การคํานวณตนทุนและกําไร เพื่อกําหนดราคาขายสินคา 4. การจัดทําบัญชีพัสดุ (การจัดซือ้ การเบกิ จายพสั ดุ) 5. การจัดทําบัญชีรับ – จายประจําวัน 6. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา
176 1.5 กลมุ อาชีพบริหารจดั การและการบริการ ไดแก อาชีพกลุมงานบริการและการทองเที่ยวงานบริการรักษาความปลอดภัย บริการดูแลทารกและเด็ก บริการดูแลผูสูงอายุ บริการสันทนาการและการกฬี า เปน ตน (1) ลักษณะงานเบอื้ งตน ทใี่ ชทักษะคณิตศาสตร 1. การสาํ รวจพ้ืนท่ใี นการใหบรกิ าร การคํานวณระยะทางในการใหบริการ 2. การจัดซื้อวัสดุ อุปกรณในการใหบรกิ าร 3. การรับสมัครและกําหนดเงินเดือนตามตําแหนงงานของเจาหนาที่ใน การใหบ รกิ าร 4. การจัดทําตารางเวลา การอยูเวร - ยามของเจาหนาที่ประจําสํานักงาน 5. การจัดทํากําหนดการทองเที่ยวและการใหบริการ รวมทั้งกําหนดราคาขาย บริการในแตละพืน้ ท่ี 6. การคํานวณการใชน้ํามันเชื้อเพลิงของยานพาหนะที่ใหบริการ 7. การจัดทาํ บัญชพี สั ดุ และการเบิกจา ยพสั ดุ 8. การจัดทําบัญชีรับ – จายประจาํ วนั 9. การจัดทําแผนปายโฆษณา ประชาสัมพันธการใหบริการ 10. การจัดทําสรุปรายงานและการนําเสนอขอมูล 11. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา (2) เครือ่ งมือและเทคโนโลยีที่ใช 1. เคร่ืองคดิ เลข 2. เคร่ืองคอมพวิ เตอร 3. เครื่องออกกําลังกาย 4. อุปกรณในการเตรียมอาหาร น้าํ ดื่ม นมแกทารกเดก็ และผสู งู อายุ 5. ยานพาหนะในการใหบ รกิ าร 6. แผนทีข่ องสถานทห่ี รอื จดุ ท่ีใหบ รกิ าร
177 (3) ความรแู ละทักษะทางคณติ ศาสตรทใ่ี ช 1. การคาํ นวณพนื้ ท่ีและการวัดระยะทาง 2. การคํานวณปริมาณของวสั ดุ อปุ กรณท ี่จําเปนตองจดั ซื้อ จดั หาเพ่ือใหบ ริการ 3. การคํานวณเงนิ เดอื นและกาํ หนดตาํ แหนง งานของเจา หนา ท่ี 4. การจัดทําตารางการปฏิบัติงาน 5. การคํานวณการใชเชื้อเพลิงรถยนตตอระยะทางที่ใหบริการ 6. การจัดทําบัญชีเบื้องตน 7. การใชสถิติในการจัดทําสรุปรายงานหรือนําเสนอขอมูล 8. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดาเรือ่ งที่ 2 การนาํ ความรูทางคณติ ศาสตรไปเช่ือมโยงกับงานอาชีพในสงั คมและประชาคมอาเซียน ในการนําความรูคณิตศาสตรไปเชื่อมโยงกับงานอาชีพทั้ง 5 กลุมงานอาชีพทั้งกลุมงานอาชีพเกษตรกรรม กลุมงานอาชีพอุตสาหกรรม กลุมงานอาชีพพาณิชยกรรม กลุมงานอาชีพความคิดสรางสรรคและกลุมงานอาชีพดานบริหารจัดการและบริการที่ตองนําทักษะความรูทางคณิตศาสตรมาใชทุกกลุมอาชีพ เชน การจดั ทาํ บัญชีรายรบั – รายจา ยประจาํ วัน ประจําเดือน การคํานวณเงินคาจาง การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา เปนตน กลุมอาชีพทุกกลุมอาชีพอาจจะใชทักษะความรูคณิตศาสตรตางกันออกไป ดังนั้น ในบทนี้จะนาํ เสนอตัวอยางท่ีเปนทักษะทางคณิตศาสตรท่ีใชกันมากเทา นนั้2.1 ทกั ษะการจัดทาํ บัญชีรับ - จายประจาํ วันตวั อยางท่ี 1 การจัดทําบัญชีรายรับ – รายจายประจําวันของเกษตรกรปลูกผัก วันท่ี 10 ตุลาคม 2554 จายคาเมล็ดพนั ธุแ ละปยุ 2,000 บาท คาน้ํา คาไฟ 480 บาท จายคาอาหาร 200 บาท ไดรับเงินจากการขายผัก 1,500 บาท วนั ท่ี 12 ตุลาคม 2554 จายคาอาหาร 280 บาท จายคาโทรศัพท 590 บาท จายคา นํา้ มันรถยนต 1,100 บาท ไดรับเงินจากการขายผัก 3,600 บาท วันที่ 15 ตุลาคม 2554 จายคาหนังสือ 300 บาท จายคาอาหาร 500 บาท จา ยคาน้ําดม่ื 250 บาท จายคาเสื้อผา 1,800 บาท ไดรับเงินจากการขายผัก 2,200 บาท วนั ที่ 16 ตุลาคม 2554 จายคาอาหาร 300 บาท จายคาบัตรชมภาพยนตร 400 บาท จายคาถุงพลาติก 480 บาท ไดรับเงินจากการขายผัก 3,000 บาท
178วนั เดือน ป รายการรบั จาํ นวนเงนิ วนั เดือน ป รายการจาย จาํ นวนเงนิ10 ต.ค. 54 รับเงินจากการขายผัก บาท สต.12 ต.ค. 54 รับเงินจากการขายผัก บาท สต.15 ต.ค. 54 รับเงินจากการขายผัก 1,500 - 10 ต.ค. 54 คา เมล็ดพนั ธแุ ละปุย 2,000 - คา น้ํา คา ไฟฟา 480 -16 ต.ค. 54 รับเงินจากการขายผัก 200 - รวม คาอาหาร 280 - 590 - 3,600 - 12 ต.ค. 54 คาอาหาร 1,100 - คาโทรศัพท 300 - 500 - คานาํ้ มันรถยนต 250 - 1,800 - 2,200 - 15 ต.ค. 54 คา หนงั สอื 300 - 400 - คาอาหาร 480 - คานํา้ ดืม่ 8,680 - คาเสือ้ ผา 1,620 - 3,000 - 16 ต.ค. 54 คาอาหาร คาบัตรชมภาพยนตร คาถุงพลาสติก 10,300 - รวม ยอดคงเหลือยกไป2.2 ทักษะการคํานวณเงนิ คาจา งตัวอยางท่ี 2 พเยาวเปนพนักงานทําความสะอาดของบริษัทแหง หนง่ึ ซ่ึงกาํ หนดเวลาทาํ งานวนั จันทร ถงึ วนั เสารไดรบั คา จางเปนรายวัน ๆ ละ 320 บาท พเยาวมีสทิ ธิไดรบั คาจา งในวันหยุด ตามประเพณีและวันหยุดพกั ผอ นประจําปโ ดยไมต อ งทาํ งาน ในเดือนตุลาคม พเยาวม า ทํางานทุกวันในวันทํางานตามเวลาทํางานปกติ และวันที่ 1 ตุลาคมตรงกับวันจนั ทรใ น เดือนน้มี วี ันหยุดตามประเพณี 1 วัน คอื วันที่ 23 ตุลาคม อยากทราบวาในเดือนนี้พเยาว ไดรับคาจางเทาไร
179วิธีทาํ เดือนตลุ าคม อาทติ ย จนั ทร องั คาร พุธ พฤหสั ศกุ ร เสาร 123456 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 เดือนตุลาคม พเยาวไดรับคาจางในวันทํางาน 26 วัน และมีสทิ ธิไดร ับคาจางในวันหยุดตามประเพณี 1 วนั และไดร บั คา จางวนั ละ 320 บาท ดงั นนั้ พเยาวไ ดรบั คาจา งในเดอื นตุลาคม = (26 + 1) × 320 = 8,640 บาท2.3 ทกั ษะการคํานวณเงินคานายหนา และเงินปนผลตวั อยางท่ี 3 นายสัญชัยเปนตัวแทนขายเครื่องไฟฟา ซึ่งมีราคา 4,500 บาทใหกบั บริษทั แหง หนึ่งวธิ ที ํา บริษัทคิดคานายหนา 10% อยากทราบวา สัญชัยตองสงเงินใหบริษัทเทาไร บาํ เหนจ็ ตวั แทนในการขาย = 10 × 4,500 = 450 บาท 100 ดงั นน้ั สัญชยั ตองสงเงินใหบริษัท = 4,500 – 450 = 4,050 บาทตวั อยา งท่ี 4 ภทั รามหี ุน ปุรมิ สิทธิของบรษิ ัทจําหนา ยเครือ่ งใชไ ฟฟาแหงหนงึ่ จํานวน 150 หุน มูลคาวธิ ีทาํ หนุ ละ 100 บาท อัตราเงินปนผล 10% สิน้ ปเขาจะไดร บั เงินปนผลท้งั ส้ินเทาไร เงินปนผลตอหนุ ของหุนปุรมิ สิทธิ = อัตราเงินปนผล × มูลคาหนุ ปุริมสิทธิ = 10% × 100 = 10 × 100 100 = 10 บาท ภัทรามีหุน ปุรมิ สทิ ธิจํานวน 150 หนุ ดังนัน้ ภทั ราจะไดรบั เงินปนผลทง้ั ส้ิน = 150 × 10 = 1,500 บาท
1802.4 ทกั ษะการใชส ถิติในการสรปุ รายงานหรอื นาํ เสนอขอมูลตวั อยางที่ 4 การสรุปรายงานการดําเนินงานโครงการอบรมคอมพิวเตอรสําหรับพนักงานผลการดาํ เนินงาน บรษิ ัทนํา้ มันแหงหนึ่งไดจัดทําโครงการอบรมคอมพิวเตอรสําหรับพนักงาน โดยดําเนินการเปน3 รนุ ดงั นี้ รนุ ที่ โปรแกรมอบรม วนั ท่ีอบรม จํานวนผูเขา อบรม 1 การใชโปรแกรมไมโครซอฟท Excel 5 – 9 ก.ย. 54 10 2 การใชโ ปรแกรม PhotoShop 12 – 16 ก.ย. 54 10 3 การใชโปรแกรมไมโครซอฟท Access 19 – 23 ก.ย. 54 10 เมอ่ื ดาํ เนนิ การอบรมและมกี ารประเมินผลการอบรมโดยผูจดั การอบรมไดดาํ เนินการทดสอบความรู ความเขาใจแกพนักงาน โดยใชแบบทดสอบกอนและหลังการอบรม เพ่ือตรวจสอบความกา วหนาวา ภายหลงั การอบรมพนักงานไดร ับความรเู พม่ิ ขึ้นจากชวงกอนเขารบั การอบรมมากนอยเพียงใด โดยพจิ ารณาจากคะแนนเฉล่ียของผเู ขารบั การอบรมในแตละรุน ซงึ่ สรปุ ขั้นตอนการคาํ นวณและผลการดาํ เนนิ การไดด งั น้ี 1. นําแบบทดสอบวัดความรู ความเขาใจในเนื้อหาการอบรมใหผูเขาอบรมทุกคนทั้ง 10 คนตรวจใหค ะแนนของผูเขา อบรมแตล ะคนวา ไดค นละก่ีคะแนน ซง่ึ แตล ะรนุ แบบทดสอบจะมคี ะแนนเตม็20 คะแนน เทา กนั ท้งั 3 รนุ แลว นาํ มากรอกคะแนนเปน รายบคุ คลต้งั แตคนท่ี 1 – 10 ลงในแบบบันทึกคะแนน เพ่ือคาํ นวณคา เฉลย่ี ของคะแนน ( x ) ในแตล ะรนุ ดงั นี้ คะแนนกอนการอบรม คะแนนหลังการอบรม (คะแนนเตม็ 20 คะแนน) (คะแนนเตม็ 20 คะแนน)คนท่ี โปรแกรมรนุ โปรแกรมรนุ โปรแกรมรนุ โปรแกรมรนุ โปรแกรมรนุ โปรแกรมรนุ ที่ 1 ที่ 2 ท่ี 3 ท่ี 1 ที่ 2 ท่ี 31 8 9 7 15 14 142 7 6 8 14 13 133 9 5 9 17 12 154 10 7 8 16 15 125 7 5 7 15 11 166 8 8 6 14 13 147 6 7 10 16 12 13
181 8 11 10 9 18 14 15 9 9 6 8 13 12 1310 10 5 7 14 13 12คะแนนรวม 85 68 79 152 129 137ของทงั้ 10 คนคาํ นวณคะแนน ( x ) = 85 ÷ 10 ( x ) = 68 ÷ 10 ( x ) = 79 ÷ 10 ( x ) = 152 ÷ 10 ( x ) = 129 ÷ 10 ( x ) = 137 ÷ 10เฉลีย่ โดยนาํ = 8.5 = 6.8 = 7.9 = 15.2 = 12.9 = 13.7คะแนนรวม ∴ คะแนน ∴ คะแนน ∴ คะแนน ∴ คะแนน ∴ คะแนน ∴ คะแนนหารดว ยจํานวน เฉลย่ี = เฉลย่ี = เฉลย่ี = เฉลย่ี = เฉลย่ี = เฉลย่ี =คนทงั้ หมด คอื 8.5 คะแนน 6.8 คะแนน 7.9 คะแนน 15.2 คะแนน 12.9 คะแนน 13.7 คะแนน10 คน 8.5×100 6.8×100 7.9×100 15.2×100 12.9×100 13.7×100คาํ นวณรอ ยละ = 20 = 20 = 20 = 20 = 20 = 20ของคะแนนเตม็ 20 คะแนน = 42.50 % = 34.00 % = 39.50 % = 76.00 % = 64.50 % = 68.5 %2. นาํ คะแนนเฉลย่ี ทค่ี าํ นวณไดแ ละผลการคํานวณวา คะแนนเฉลี่ยนั้นคิดเปนรอยละเทาไรของคะแนนเต็ม จากขอ 1 มากรอกลงในตารางสรุปรายงาน ดังนี้ คะแนนเฉลย่ี ( x ) คะแนนเฉลย่ี ( x ) จากคะแนนเตม็ 20 คะแนน จากคะแนนเตม็ 20 คะแนน โปรแกรมการอบรม คดิ เปนรอ ยละ คดิ เปนรอ ยละ ของคะแนนเตม็ ของคะแนนเตม็ กอ นการอบรม หลังการอบรมรุนที่ 1 การใชโ ปรแกรม 8.50 42.50 15.20 76.00ไมโครซอฟท Excelรุนที่ 2 การใชโ ปรแกรม 6.80 34.00 12.90 64.50PhotoShopรุนที่ 3 การใชโ ปรแกรม 7.90 39.50 13.70 68.50ไมโครซอฟท Access จากตาราง พบวา เมือ่ พจิ ารณาจากคะแนนเฉลีย่ ของผูเ ขา รับการอบรมหลงั การอบรมท้ัง 3 รนุจะเหน็ ไดวา มคี ะแนนเฉล่ียเพิ่มขนึ้ จากคะแนนเฉลย่ี กอ นการอบรมทกุ รุน กลา วคอื แสดงวา ผเู ขารบั การอบรมสวนใหญไดร ับความรู ความเขา ใจเพ่มิ มากข้ึนในเน้ือหาทีบ่ ริษทั ไดจ ัดอบรมใหพนักงาน และพบวารุนที่ 1 ไดคะแนนเฉลี่ยมากท่ีสุด คือ ไดคะแนนเฉล่ยี 15.20 คะแนน คดิ เปน รอ ยละ 76.00 ของคะแนนเตม็รองลงมา คือ รนุ ท่ี 3 ไดค ะแนนเฉลยี่ 13.70 คะแนน คิดเปนรอ ยละ 68.50 ของคะแนนเตม็ สวนรุนท่ี 2 นน้ัไดค ะแนนเฉล่ียนอยทสี่ ุด คอื ไดค ะแนนเฉล่ีย 12.90 คะแนน คดิ เปน รอ ยละ 64.50 ของคะแนนเตม็
1822.5 ทักษะการคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดาตวั อยา ง นายโชคไดรับเงินเดอื น ๆ ละ 28,000 บาท ส้นิ ปสามารถหกั คาใชจ ายไดร อ ยละ 40 ของเงินได พงึ ประเมิน แตไ มเกนิ 60,000 บาท หกั คาลดหยอนผมู เี งินได 30,000 บาท หกั คา เบ้ยี ประกันชีวติ 25,000 บาท หกั ดอกเบี้ยเงนิ กยู มื เพอื่ ซือ้ บา น 36,450 บาท สน้ิ ปน ายโชคยน่ื แบบแสดงรายการ ภาษเี งนิ ไดบคุ คลธรรมตองชาํ ระภาษหี รือไม ถา ชาํ ระตอ งชาํ ระภาษีเปน เงินเทาไรวิธีทํา เงนิ ไดพ งึ ประเมนิ ของนายโชค = 28,000 × 12 = 336,000 บาท หัก คา ใชจาย รอยละ 40 ของเงนิ ไดพึงประเมิน แตไ มเกิน 60,000 บาท 40 คา ใชจา ย 100 × 336,000 = 134,400 บาท แตค า ใชจายของนายโชคคาํ นวณได 134,400 บาท แตส ามารถหกั ไดแ ค 60,000 บาทเทา นน้ั หกั คา ลดหยอ นผมู ีเงนิ ได 30,000 บาท คาเบีย้ ประกันชีวติ 25,000 บาท ดอกเบย้ี เงนิ กูยมื เพือ่ ซอ้ื บา น 36,450 บาท รวมหกั คา ลดหยอนได = 30,000 + 25,000 + 36,450 = 91,450 บาท เงนิ ไดส ทุ ธขิ องนายโชค = เงนิ ไดพ งึ ประเมนิ – (คา ใชจ า ย + หกั คาลดหยอน) = 336,000 – (60,000 + 91,450) = 184,550 บาท ตามตารางอตั ราการเสยี ภาษีเงินไดบ คุ คลธรรมดา เงนิ ไดสุทธิ 0 – 150,000 บาท ไมต องเสยี ภาษีสวนทเี่ กนิ 150,000 – 500,000 บาท เสยี ภาษี 10% นายโชคมีเงนิ ไดส ุทธทิ ่ตี อ งเสยี ภาษี = 184,550 – 150,000 =34,550 บาท 10 = 34,550 × 100 = 3,455 บาท ∴ นายโชคเสยี ภาษี 3,455 บาท ตารางอตั ราภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา เงินไดสทุ ธิขน้ั เงนิ ไดสุทธิตั้งแต จํานวนสูงสดุ เงนิ ไดสุทธิ อตั ราภาษี ภาษีเงนิ ได ภาษใี นแตล ะ ภาษสี ะสม แตล ะข้ัน รอ ยละ ข้นั เงนิ ได สงู สดุ ของขน้ั ของขน้ั 0 0 ถงึ 100,000 100,000 .......... .... 5 .............. .... ยกเวน 0 เกนิ 100,000 ถงึ 150,000 50,000 .......... .... 10 .............. .... ยกเวน 35,000 เกนิ 150,000 ถงึ 500,000 350,000 .......... .... 10 .............. .... 35,000 135,000 เกนิ 500,000 ถงึ 1,000,000 500,000 .......... … 20 .............. … 100,000 1,035,000เกนิ 1,000,000 ถงึ 4,000,000 3,000,000 .......... … 30 .............. … 900,000 เกนิ 4,000,000 บาทขน้ึ ไป .......... … 37 .............. … รวม →
1832.6 การคํานวณในการจัดทําแผน ปายโฆษณาเพ่ือประชาสมั พันธก ารใหบ รกิ ารตวั อยา ง ทาํ แผน โฆษณาเชิญชวนการทองเทยี่ วในจงั หวัด โดยมีขนาดแผนโฆษณาทีท่ าํ ดวยแผนไวนลิมขี นาดกวาง 1.2 เมตร ยาว 1.5 เมตร ทางรานคิดคาออกแบบ 400 บาท คาจัดทําตารางเมตรละ250 บาท จะตองจายเงินทั้งหมดเทาไรวธิ ที าํ พน้ื ทแ่ี ผนไวนิลทีใ่ ชโฆษณา = กวาง × ยาว = 1.2 × 1.5 = 1.8 ตารางเมตรคาจดั ทาํ = 1.8 × 250 = 450 บาท∴ จะตองจายเงนิ ท้งั หมด = คาจัดทํา + คาออกแบบ = 450 + 400 = 850 บาท
184 แบบฝกหดั ที่ 11. ศุภางคเปนพนักงานของโรงงานเย็บเสื้อผาสําเร็จรูปแหงหนึ่ง ซึ่งกําหนดเวลาทํางานตามปกติวันละ 8 ชั่วโมง ไดรบั เงินเดือน ๆ ละ 9,000 บาท จงหาวา ศุภางคมีรายไดวันละเทาไร และศุภางคมีรายได ชั่วโมงละเทาไร______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________2. สุภาพเปนพนกั งานของโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศแหงหนึง่ ซ่งึ กาํ หนดเวลาทาํ งานวนั จันทรถึง วนั ศุกรไดรับคา จา งเปน รายวนั ๆ ละ 370 บาท สุภาพมสี ิทธิไดรับคาจางในวันหยุดตามประเพณีและ วันหยุดพักผอนประจําปโดยไมตองทํางานในเดือนธันวาคม สุภาพมาทํางานทุกวันในวันทํางานตาม เวลาทํางานปกติและวันที่ 1 ธนั วาคม ตรงกบั วันอาทิตยใ นเดอื นนม้ี วี ันหยดุ ตามประเพณี 3 วัน คือ วนั ที่ 5, 10 และ 31 จงหาวาในเดือนธันวาคมนี้ สุภาพไดรับคาจางเทาไร______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
1853. ธิดาเปนพนักงานของบริษัทแหงหนึ่ง ซึ่งกําหนดเวลาทํางานวันจันทรถึงวันศุกร เวลาทํางานปกติตั้งแตเวลา 08.00 – 17.00 น. หยุดพกั ระหวา งเวลา 12.00 – 13.00 น. ธดิ ามรี ายไดเ ดอื นละ 12,000 บาทในเดอื นสงิ หาคม วนั ท่ี 1 ตรงกบั วนั จนั ทรแ ละในเดือนนม้ี วี นั หยดุ ตามประเพณี 1 วัน คอื วันที่ 12สิงหาคม ธิดามีสิทธิไดรับคาจางในวันหยุดทุกประเภทโดยไมตองทํางาน ในเดือนนี้ธิดามาทํางานทุกวัน ทํางานตามเวลาทํางานปกติ ถานายจางใหธิดามาทํางานในวันหยุดตามประเพณี 1 วนั ไดรบัคาจางอีก 1 เทา และทาํ งานในวนั เสารไ ดร บั คา จางเพมิ่ เปน 2 เทาของคาจางปกติอกี 4 วนั ระหวา งเวลา 09.00 – 12.00 น. จงหาคา ทาํ งานในวนั หยดุ ทง้ั หมดและรายไดท ง้ั หมดของธดิ าในเดอื นสงิ หาคมน้ี____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________4. จงทําบัญชีรายรับ – จายของตัวเองใน 1 สปั ดาหบัญชีรายรับ – จายของ ...................................................วนั เดือน ป รายการรบั จาํ นวนเงนิ วนั เดือน ป รายการจาย จาํ นวนเงนิ บาท สต. บาท สต.
1865. นางอัญชลีเปนตัวแทนขายเครื่องครัวที่มีราคา 45,000 บาท ใหกับบริษัทแหง หน่ึง บริษัทคิดคานายหนา 30% อยากทราบวานางอัญชลีไดเงินคานายหนาเทาไร____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________6. พจมานถือหุนปุรมิ สิทธขิ องบริษทั ผลติ กระเบื้องแหงหน่งึ จาํ นวน 1,500 หนุ มูลคา หุนละ 160 บาท อัตราเงินปนผล 5% เมื่อสิ้นปพจมานจะไดเงินปนผลทั้งหมดเทาไร____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
1877. สุภัทราเปนพนักงานบริษัทผลิตแชมพูสระผมแหงหนึ่งไดรับมอบหมายจากบริษัทใหทําการสํารวจ ความนิยมของสขี วดทใ่ี ชบรรจุแชมพูสาํ หรับกลมุ เปาหมายวยั รุน จํานวน 50 คน สภุ ัทราจะดาํ เนนิ การ อยางไรต้ังแตการสํารวจจนถงึ การนําเสนอขอมูล_________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________8. ศักดิม์ รี ายไดเ ดือนละ 25,000 บาท สิ้นปสามารถหักคาใชจายไดรอยละ 40 ของเงินไดพึงประเมิน แต ไมเ กิน 60,000 บาท สามารถหักคาลดหยอนผูมีเงินได 30,000 บาท หักคา เบย้ี ประกนั ชวี ิต 50,000 บาท หักคา เบีย้ ประกนั สุขภาพของมารดาของนายศักดิ์ 20,000 บาท สิ้นปนายศักดิ์ยื่นแบบแสดงรายการ ภาษีเงนิ ไดบ คุ คลธรรมดาตอ งชาํ ระภาษหี รือไม ถาชําระภาษเี ปน เงนิ เทา ไร____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
1889. แผน ไวนิลโฆษณาเชิญชวนการบริจาคชวยเหลือผูประสบภัย มีขนาดกวาง 0.90 เมตร ยาว 1.8 เมตร ทางรานคิดคาออกแบบ 500 บาท คาจัดทําตารางเมตรละ 250 บาท จะตองจายเงินทั้งหมดเทาไร________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
189เฉลยแบบฝกหัด
190 เฉลย บทท่ี 1 ระบบจํานวนจริงแบบฝกหัดท่ี 11.จาํ นวนทก่ี าํ หนดใหต อไปนจ้ี าํ นวนใดเปน จาํ นวนนบั จํานวนเตม็ จาํ นวนตรรกยะ หรือจาํ นวนอตรรกยะขอ จาํ นวนจรงิ จาํ นวนนบั จาํ นวนเตม็ จาํ นวนตรรกยะ จาํ นวนอตรรกยะ1 − 9,− 7 ,5 2 , 2,0,1 1 0, 1, -9 -9, − 7 , 5 2 ,0 ,1 2 23 3, 12 23 2 3 , 12 -132 5,−7 7 ,3,12, 5 − 7 7 ,3 ,12 , 5 34 343 2.01,0.666...,-13 , 2.01, 0.666, …,-134 2.3030030003..., 2.3030030003...5 − π ,− 1 , 6 , 2 ,−7.5 6 , -7, 5 −1, 6 , -7.5 −π, 2 33 2 3 33 2 25, -17, 3, 25, -17, −12 ,6 25,−17,− 12 , 9,3,12, 1 π 25, 3 , 12 1π 52 12, 9 5 2 9 , 3, 122. จงพจิ ารณาวา ขอ ความตอไปน้เี ปนจริงหรอื เทจ็ 1) จรงิ 2) จรงิ 3) เทจ็ 4) จรงิ 5) จรงิ 6) เทจ็
191แบบฝกหัดที่ 21. ใหผเู รยี นเติมชองวา งโดยใชส มบัตกิ ารเทา กัน 9. ถา a = b แลว a +5 = b + 510. ถา a = b แลว -3a = -3b11. ถา a + 4 = b + 4 แลว a = b12. ถา a +1 = b +2 และ b + 2 = c - 5 แลว a +1 = c + 513. ถา x2 + 2x + 1 = (x + 1)2 แลว (x + 1)2 = x2 + 2x + 114. ถา x = 3 y แลว 2x = 3y 215. ถา x2 + 1 = 2x แลว (x −1)2 = x2 − 2x + 1 16. ถา ab = a + b แลว 1 (ab) = 1 (a + b) 222. กาํ หนดให a , b และ c เปนจํานวนจริงใดๆ จงบอกวาขอความในแตละขอตอไปนี้เปนจริงตามสมบัติใด1) 3 + 5 = 5 + 3 สมบัติการสลับที่ของการบวก2) (1+2)+3 = 1+(2+3) สมบัติการเปลี่ยนกลุมของการบวก3) (-9)+5 = 5 +(-9) สมบัติการสลับที่ของการบวก4) (8 × 9) เปน จาํ นวนจรงิ สมบัติปดของการคูณ5) 5 × 3 = 15 = 3 × 5 สมบัติการสลับที่ของการคูณ6) 2(a+b) = 2a +2b การแจกแจง7) (a + b) + c = a+( b + c) สมบัติการเปลี่ยนกลุมของการบวก8) 9a +2a = 11 a = 2a + 9a สมบัติการสลับที่ของการบวก9) 4 × (5 + 6) = (4 × 5) + (4 × 6) การแจกแจง10) c(a +b) = ac +bc การแจกแจง3 . เซตทีก่ าํ หนดใหใ นแตล ะขอ ตอไปน้ี มีหรือไมมีสมบัติปดของการบวกหรือสมบัติปดของการคูณ1) { 1 , 3 , 5 } มีสมบัติปดการบวก, การคูณ2) { 0 } มีสมบัติปดการบวก3) เซตของจาํ นวนจรงิ มี4) เซตของจาํ นวนตรรกยะ มี5) เซตของจํานวนที่หารดว ย 3 ลงตวั มี
1924. จงหาอินเวอรส การบวกของจาํ นวนในแตล ะขอ 1) อินเวอรสการบวกของ 8 คือ -8 2) อนิ เวอรส การบวกของ - 5 คอื 5 3) อนิ เวอรส การบวกของ - 0.567 คอื 0.567 4) อนิ เวอรส การคณู ของ 3 − 2 คอื 1 3− 2 5) อนิ เวอรส การคูณของ 1 คือ 5 − 3 5− 3
193แบบฝกหัดที่ 31. ใหผ เู รียนบอกสมบตั ิการไมเ ทากัน (เม่ือตวั แปรเปน จาํ นวนจรงิ ใดๆ)9. ถา x < 3 แลว 2x <6 สมบัติการคูณดว ยจํานวนเทากับที่ไมเทากับศูนย10. ถา y>7 แลว -2y -14 สมบัตกิ ารคูณดว ยจํานวนเทากบั ท่ีไมเทากับศูนย11. ถา x+1 > 6 แลว x+2 > 7 สมบัตกิ ารบวกดวยจํานวนท่ีเทา กัน12. ถา y+3 < 5 แลว y< 2 สมบัติการตัดออกสําหรับการบวก13. ถา x< 7 และ 7< y แลว x<y สมบัติการถายทอด14. ถา a > 0 แลว a+1 > 0 +1 สมบตั ิการบวกดว ยจํานวนที่เทา กัน15. ถา b< 0 แลว b + (-2) < 0+(-2) สมบัติการบวกดว ยจาํ นวนทเี่ ทากัน16. ถา c> -2 แลว (-1)c < (-1)(-2) สมบตั ิการคูณดวยจํานวนเทา กนั ทไี่ มเทากับศูนย2. จงใชเ สน จาํ นวนแสดงลกั ษณะของชว งของจาํ นวนจริงตอ ไปน้ี 1) (2,7)2) [3,6]3) [-1,5)4) (-1,4]5) (2, ∞ )
1946) (- ∞ ,4)7) (0,8)8) [-5,4)
195แบบฝก หัดท่ี 4 เซตคําตอบคําตอบของอสมการ คือ { x | x ≤ -2 หรอื x ≥ 2} -3 < x < 3เซตคําตอบคําตอบของอสมการ คือ { x | -3 < x <3}เซตคําตอบคําตอบของอสมการ คือ { x |1< x <7} − X ≤ −5 หรือ − X ≥ 1 X ≥ 5 หรือ X ≤ −1เซตคําตอบคําตอบของอสมการ คือ {x|x ≥ 5 หรอื x ≤ -1}5 – x < 0 หรอื 5 – x > 0 0 ≤ 5–x ≤ 0 -5 ≤ -x ≤ -5-x < -5 -x > -5 5≥x≥5 x>5 x<5 -8 < 3x – 4 < 8-1 ≤ 2x – 9 ≤ 1 - 8 +4 < 3x < 8 +4-1 + 9 ≤ 2x ≤ 1 + 9 -4 < 3x < 12 8 ≤ 2x ≤ 10 −4 < x<4 3 4 ≤x ≤5 |2 – 4x < 0 หรอื 12 – 4x > 00 ≤ 6 – 3x ≤ 0 -4x < -12 หรอื – 4x > -12-6 ≤ -3x ≤ -6 x > 3 หรอื x < 32 ≥x ≥ 0
196แบบฝกหดั ท่ี 1 เฉลย บทที่ 2 เลขยกกาํ ลัง1. จงบอกฐานและเลขชก้ี าํ ลงั ของเลขยกกาํ ลงั ตอ ไปน้ี1) ฐานคือ 6 เลขชีก้ ําลงั คือ 32) ฐานคือ 1.2 เลขชีก้ ําลังคือ -53) ฐานคือ -5 เลขชี้กาํ ลังคือ 0 4) ฐานคือ 1 เลขชี้กําลังคอื 3 22. จงหาคาของเลขยกกาํ ลังตอ ไปน้ี1) - 1,0242) 1 6253) 1.7284) 273. จงทําใหอ ยูในรปู อยางงายและเลขช้ีกําลังเปนจํานวนเตม็1. a82. 12 = 56 = 15,625 53. 2 20 34. (1.1)155. x10
197แบบฝก หัดท่ี 21. จงหาคาของรากที่ n ของจํานวนจริงตอไปนี้ 1) 5 2) 8 3) -3 4) -5 5) 2 3 6) 2 7) 5 8) − 64 ≠ 8 ไมเ ปนจาํ นวนจรงิ 9) -2 10) 4 −16 ≠ 2 ไมเ ปน จาํ นวนจรงิ2. จงเขยี นจํานวนตอไปนใี้ หอยูในรูปอยางา ย โดยใชส มบตั ิของ รากที่ n1) 52 = 5 2) 3 23 = 23) 3 (−2)3 = (-2) 4) 5 (−2)5 = (-2)5) (−3)2 = (-3) 5) 4 (−2)4 = (-2)6) 200 = 10 2 7) 75 = 5 38) 3 240 = 23 30 9) 45 = 3 510) 5 15 = 75 = 5 3 11) 3 81 ⋅ 3 32 = 63 1212) 4 = 4 = 2 13) 5 = 35 9 93 3 82
198แบบฝก หดั ที่ 3 3 50 + (6)(5)1. จงทําจํานวนตอไปนใ้ี หอ ยูในรูปอยางงา ย 15 2 + 30 1) 2x 2 2) 4 3) 2 y 2 4) (-2) 5) 6 2 − 2 + 4 2 = 9 2 6) (3 5)( 10)+ (3 5)(2 5) = = 7) 3 8a3 = 2a 8) 33 2 × 3 4 = 33 8 = 6แบบฝกหดั ท่ี 41. จงทําจํานวนตอไปนี้ใหอยูในรูปอยางงาย1) 8x2วิธีทํา 8x2 = 2×2×2×x×x = 2x 22) 3 = 3 3 − 27 3 (− 3)(− 3)(− 3)วิธีทํา 3 3 − 27 = 3 = -1 (− 3)3) ( 2 + 8 + 18 + 32)2วธิ ีทํา ( 2 + 8 + 18 + 32)2 ( )= 2 2+2 2 +3 2+4 2 = (10 )2 2 = (100)(2) = 200
1994) 5 −32 + 26 3 27 3 (64) 2 5 −32 26 (− 2) + 64 วิธีทํา 3 27 + ( )= 3 3 3 82 2 (64) 2 = (− 2) + 64 3 (8)3 = (− 2) + 1 38 = −16 + 3 = −13 24 24 24 21 ( )2 5) 8 3 ⋅ 18 2 = 23 3 × 18 4 144 6 4 144 6 21 = 4×3 วธิ ที าํ 83 ⋅ 182 24 9 4 144 6 = 23 49 1 6) 3 −125 + 32 3 (−8)2 −1 (27) 2 1 วธิ ีทํา 3 −125 + 32 = (− 5) − 1 3 (−8)2 −1 49 (27) 2 = − 45 − 4 = − 49 = −113 − 36 36 36
200 เฉลย แบบฝก หดั บทที่ 3 เซตแบบฝกหดั ที่ 1 1. จงเขียนเซตตอไปนี้แบบแจกแจงสมาชิก 1) { สมุทรสาคร,สมุทรสงคราม,สพุ รรณบุรี,สรุ นิ ทร,สุราษฏรธานี,สมุทรปราการ,สงขลา,สระแกว, สระบรุ ี,สิงหบรุ ี} 2) { a,e,i,o,u } 3) { 100,101,…,999} 4) {2,4,6,8,10,12,14,16,18} 5) { -121,-122,-123,….} 6) { 6,7,8,9,10,11,12,13,14} 7) { φ } 2. จงบอกจํานวนสมาชิกของเซตตอไปนี้ 1) 1 2) 6 3) 24 4) 8 3. จงเขียนเซตตอไปนี้แบบบอกเง่ือนไข 1) { x | x เปน จาํ นวนเตม็ คูและ 2 ≤ x ≤ 8 } 2) { x | x เปน จาํ นวนเตม็ บวก } 3) { x | x = x2 เปน จาํ นวนเตม็ ซงึ่ x = 1,2,3,… } 4. จงพิจารณาเซตตอไปนี้ เปนเซตวา งเรอื เซตจาํ กัดหรือเซตอนันต 1) เซตจาํ กดั 2) เซตจาํ กดั 3) เซตอนนั ต 4) เซตวา ง 5) เซตวา ง 6) เซตวา ง 7) เซตจาํ กดั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252