202เร่อื งที่ 3 รปู เรขาคณิตสามมติ ิ รูปเรขาคณิตสามมิติ คือ ทรงเรขาคณิตที่มีความกวาง ความยาว และความสูง รูปเรขาคณิตสามมติ ิ เชน ทรงกรม ลูกบาศก พีรามดิ ปรซิ มึ ทรงกระบอก และกรวย1. ลักษณะและชนดิ ของรูปเรขาคณิตสามมิติ เม่อื นํากลองวางลงบนกระดาษแลวใชดินสอลากไปรอบขอบกนกลอ ง จะไดรปู ส่เี หลีย่ มดงั น้ี รูปใดเกิดจากการใชดินสอลากไปตามของของกนแกว รูปท่ี 1 รปู ท่ี 2นกั ศึกษาจะพบวา รปู ท่ี 2 ลากไปตามขอบของกนแกว กลอ งกระดาษ ลูกเตา แกวนาํ้ กระปอ ง หมอ ลกู บอล ฯลฯ มีสวนสูงขึน้ จากระนาบ เราเรยี กสง่ิ เหลา นว้ี า รูปเรขาคณิตสามมิติรปู เรขาคณติ สามมิติมีหลายชนิด เชน
203ลูกบาศก เปนทรงสเี่ หลย่ี มมุมฉากท่มี ีหนาทุกหนา เปนรปู สีเ่ หลย่ี มจตั ุรัส เชน ลูกเตา ลกู บาศกม ีหนา ซง่ึ เปน รปู ส่ีเหลี่ยมจัตุรสั ท้ังหมด 6 หนา ปรซิ มึ เปน ทรงสามมิติ มดี า นขางเปน รปู ส่เี หลี่ยมมมุ ฉาก แตหนาตัดอีก 2 ดา นเปนรปู เหล่ยี มใด ๆ เปน สามเหลี่ยม สเี่ หล่ียม หาเหลี่ยม เชน ท่ีอยบู นระนาบที่ขนานกัน และมีขนาดเทา กนั เรยี กวา ปริซมึ พรี ะมิด เปน ทรงสามมิติมยี อดแหลม ดานขางเปนรูปสามเหลี่ยมและฐานเปนรูปหลายเหลี่ยมหรือเรยี กวา พีระมิดพีระมิดฐานสเี่ หล่ยี ม พรี ะมิดฐานหา เหลย่ี มทรงกระบอก เปน ทรงสามมิติมีหนาตัดเปนรูปวงกลมทง้ั ดา นบนและดา นลา งและมขี นาดเทา กัน พ้นื ผิวโดยรอบมีลกั ษณะโคง แตถาคล่ีผวิ โดยรอบออกมาจะเปนรูปส่ีเหล่ียมผนื ผา กรวย เปนรูปเรขาคณติ สามมิติมียอดแหลมและมีฐานเปนวงกลมผิวดานขางมีลักษณะโคงเรยี กวา กรวย เชน กรวยทําบายศรี กรวยใสข นม ฯลฯ
204 ทรงกลม เปนรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีผวิ โคง และทกุ จดุ บนผวิ โคง จะหางจากจดุ ศูนยก ลางของทรงสามมิตินี้เปนระยะทางเทากัน ทรงสามมิตินี้ เรียกวา ทรงกลม เชน ลูกปงปอง ลูกบอลลกู แกวกิจกรรม ใหผ ูเรยี นสาํ รวจส่ิงของเครื่องใชตาง ๆ ที่มีรูปทรงสามมิติ พรอมทั้งบันทึกขอมูลตามตาราง ทรงสามมิติ สิง่ ของเครื่องใชตา ง ๆทรงกลม .......................................................................................................................ลูกบาศก .......................................................................................................................ปริซึม .......................................................................................................................พีระมิด .......................................................................................................................ทรงกระบอก .......................................................................................................................กรวย .......................................................................................................................
205เรอ่ื งที่ 4 ลูกบาศกลกู บาศกเ ปนรูปเรขาคณติ สามมติ ทิ รงสเ่ี หลีย่ มมมุ ฉาก มีหนา ทุกหนา เปนรปู สเ่ี หล่ียมจัตุรัส มีความกวาง ความยาว ความสูงเทากัน 1 หนว ย ลูกบาศกที่มีความกวาง ความยาว และความสูง 1 หนว ย 1 หนว ยจะมีปริมาตร 1 ลกู บาศกห นวย 1 ซม. 1 ม. 1 หนว ย1 ซม. 1 ซม. 1 ม. 1 ม.มีปริมาตร 1 ลกู บาศกเ ซนตเิ มตร มีปริมาตร 1 ลูกบาศกเมตร(ลบ.ซม. หรอื ซม3) (ลบ.ม. หรือ ม3)การหาปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก1. โดยการพับรูปลูกบาศก พับลกู บาศกได 30 ลูก แตล ะลกู มีปรมิ าตร 1 ลูกบาศก เซนตเิ มตร ดังนนั้ ทรงสี่เหล่ียมมุมฉากมีปรมิ าตร 30 2 ซม. ลูกบาศกเซนติเมตร ปริมาตร 30 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร หรือ 30 ลบ.ซม. หรอื 30 ซม3 5 ซม. 3 ซม. ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากขางบน มีความกวาง 3 ซม. ความยาว2. โดยวิธีการคํานวณ5 ซม. และความสูง 2 ซม.ดงั นนั้ ทรงสเ่ี หล่ียมมมุ ฉากมีปรมิ าตร = 3×5 × 2 ลบ.ซม. = 30 ลบ.ซม.แบบฝกหัด จงหาปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากตอไปนี้1. มปี รมิ าตร ตารางหนว ย2. มีปริมาตร ตารางหนวย
206เรื่องที่ 5 การสรางรูปเรขาคณิต5.1 การสรางเสนตรงใหย าวเทา กบั เสนตรงที่กาํ หนดใหกาํ หนด PQ ตามรูป จงสราง MN ใหยาวเทากบั PQ P Qวิธีสรา ง 1. ลากเสน SO ใหยาวพอประมาณและยาวกวา PQ S O2. กางวงเวียนรัศมีเทากับ PQ 3. ใช S เปนจุดศูนยกลางรัศมี PQ เขียนสวนโคงของวงกลมตัด SO ทจ่ี ดุ Q 4. จะได SQ โดยที่ PQ = SQ ตามตองการ5.2 การสรา งมุม มมุ AMR ทก่ี าํ หนดให กาํ หนดให MN∧R ใหสรา ง CA∧B มีขนาดเทากับมุม MN∧R มวี ธิ สี รางดังนี้ M NR Bวธิ ีสราง 1. ลากเสนตรง AB ใหย าวพอสมควร A
207 2. ใช N เปนจุดศูนยกลาง กางวงเวียน รัศมีพอประมาณเขียนสวนโคงตัด NR และ NM ทจี่ ดุX และ Y ตามลําดับ M XN R Y 3. ใช A เปนจุดศูนยกลาง กางวงเวียนรัศมีเทาเดิมเขียนสวนโคงของวงกลมตัด AB ที่จุด D(ดังรปู )A B D 4. ใช D เปนจุดศูนยกลางรัศมีเทากับ XY เขียนสวนโคงของวงกลมตัดสว นโคง เดมิ ท่จี ุดE (ดงั รปู ) EAD B5. ลากเสน AC ผา นจุด E จะได CAˆB โดยที่ M (CAˆB ) = M ( MNˆR ) ตามตองการดังรูป C EAD B
2085.3 การสรา งรปู สี่เหลีย่ ม ค ง กข สําหรับการสรางรูป ผืนผามวี ธิ สี รางเชน เดียวกัน แตค วามยาว และความกวา งจะเทา กบัโจทยก าํ หนด5.4 การสรา งวงกลม การสรางวงกลมใหมีรัศมีตามตองการ เราสามารถใชวงเวียนสรางดังนี้วิธสี ราง ข้ันท่ี 1 กางวงเวียนบนไมบรรทัดยาว 2 ซม. ขน้ั ที่ 2 กาํ หนดจดุ ศูนยก ลาง ใชป ลายแหลมกดทจ่ี ดุ ศนู ยก ลาง แลว หมนุ วงเวยี นใหด นิ สอเขียนไปรอบจุด Xกิจกรรม ใหผเู รียนประดษิ ฐลวดลายโดยนําความรูเร่ือง ∆ และ มาใชประดิษฐ
209เรอ่ื งท่ี 6 การประดิษฐร ูปเรขาคณติ สามมติ ิ รูปเรขาคณิตสามมิติ คือ ทรงที่มองเห็นทั้ง 3 มิติ เห็นทรงที่เปน จริง มสี วนกวา ง ยาว และสงูเมือ่ นาํ ทรงสามมิติมาคลอี่ อก จะไดร ูปแบน ๆ ซง่ึ มสี องมติ ิ เชน รปู ปริซมึ ลูกบาศกทรงสเี่ หลี่ยมมุมฉาก ปรามิด
แบบฝก หัดท่ี 4 ค 210จงเติมคาํ ตอบ (2) ป(1) กข อบกข = …………………………. ซม. อบ = …………………………. ซม.กค = …………………………. ซม. อป = …………………………. ซม.ขค = …………………………. ซม. บป = …………………………. ซม.กขค เปนรูปสามเหลี่ยม ........................ อบป เปนรูปสามเหลี่ยม ........................ จ(3) (4) คงฉ กขงจ = …………………………. ซม. ก = …………………………. องศาจฉ = …………………………. ซม. ข = …………………………. องศางฉ = …………………………. ซม. ค = …………………………. องศางจฉ เปนรูปสามเหลี่ยม ......................... กขค เปนรูปสามเหลี่ยม ............................. ∧ก + ∧ข +∧ค = ............................................ องศา
211(5) (6) ฉ อ1งจ บ 50° 70° ป ง = …………………………. องศา อ = …………………………. องศา จ = …………………………. องศา บ = 50 องศา ฉ = …………………………. องศา ป = 70 องศา งจฉ เปนรูปสามเหลี่ยม ......................... อบป เปนรูปสามเหลี่ยม ............................. ∧ง + ∧จ +∧ฉ = ............................................ องศา ∧อ + ∧บ + ∧ป = ........................................... องศา(7) ค ฉง ก จขใน กขค ถา กข เปน ฐานแลว ................................................................... เปน สวนสูง ถา กง เปน สว นสงู แลว .............................................................. เปน ฐาน ถา กค เปนฐานแลว ................................................................... เปน สว นสงู
212แบบฝกหัดที่ 5(1) จงบอกชนดิ ของรูปส่เี หลย่ี มตอ ไปน้ี
213(2) จงเขียน หนาขอ ทถ่ี ูก และ หนาขอทผ่ี ิด................... ก. เสนทแยงมุม 2 เสน ของส่ีเหลย่ี มรปู วา วยาวเทา กัน.................. ข. เสนทแยงมุม 2 เสน ของสี่เหลย่ี มขนมเปยกปูนตดั กันเปนมุมฉาก.................. ค. เสน ทแยงมมุ เสน หนึง่ ของส่เี หล่ยี มผนื ผา แบง รูปสีเ่ หลี่ยมเปน สามเหลีย่ ม 2 รปู ท่มี ขี นาดเทา กัน................. ง. เสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมคางหมูแบงครึ่งกันและกัน................. จ. รปู สีเ่ หลย่ี มผืนผา และรูปสี่เหล่ยี มดานขนานมคี ุณสมบตั ิเก่ยี วกบั เสนทแยงมุมเหมือนกนั
214แบบฝกหัดท่ี 6(1) จงบอกชื่อสิ่งของที่มีลักษณะเปนวงกลมมา 3 สิง่(2) รูปขางลางนี้ประกอบดวยวงกลมกี่วง(3) จงเขียน หนาขอ ทถี่ ูก และ หนา ขอทีผ่ ดิ................... (1) วงกลมแตล ะวงจะมีจดุ ศนู ยก ลางเพยี งจดุ เดยี ว.................. (2) วงกลมแตล ะวงจะลากเสน ผา นศูนยก ลางไดเพยี งเสน เดยี ว.................. (3) รัศมีทุกเสนของวงกลมจะยาวเทากัน................. (4) เสน ผา นศูนยกลางจะยาวเปน 2 เทา ของรัศมีของวงกลมเดียวกัน................. (5) จุดปลายของเสน ผา นศูนยกลางจะอยูบนวงกลมแบบฝกหดั ที่ 7(1) จงเขียนรูปสามเหลี่ยม กขค ให กข = 4 ซม. กค = 5 ซม. ขค = 6 ซม.(2) จงเขยี นรปู ส่ีเหลีย่ มจัตุรัส กขคง ใหยาวดานละ 4 ซม.(3) จงเขียนรปู ส่เี หล่ยี มผนื ผา กขคง ให กข = 4 ซม. ขค = 3 ซม.(4) จงเขียนวงกลมใหมีรัศมียาว 3 ซม.(5) จงประดษิ ฐภ าพทใี่ ชร ูปสามเหลี่ยม รปู สเี่ หล่ียม และวงกลมมา 1 ภาพ
215แบบฝก หดั ท่ี 8คาํ ช้แี จง ใหน กั ศกึ ษาบอกวารปู เรขาคณติ สามมติ ิตอไปน้ี ประกอบไปดวยรูปสองมติ ิรปู ใดบา ง และมกี ร่ี ปู 1. รูปสามเหลี่ยม ............................................ รปู รปู สเ่ี หลี่ยม ................................................ รปู 2. รปู สี่เหลี่ยม ................................................. รปู รปู สเ่ี หลีย่ มคางหมู .................................... รปู 3. รูปสเ่ี หล่ียม ............................................ รปู รปู หา เหล่ียม ................................................ รปู 4. รูปสี่เหลีย่ ม ................................................ รปู รปู สามเหลยี่ ม.............................................รปู
บทที่ 7 สถติ ิและความนา จะเปนเบ้ืองตนสาระสําคัญ 1. ขอมลู หมายถึง ขอเท็จจรงิ ท่ีอาจเปนตัวเลขหรือขอความที่ใชเ ปน หลกั ในการคํานวณเปรียบเทยี บ หรอื คาดคะเน 2. การเก็บรวบรวมขอมูลอาจใชวิธสี ังเกต สอบถาม สัมภาษณ ทดลอง หรอื รวบรวมจากทะเบยี น 3. การนาํ เสนอขอ มลู อาจใชตาราง แผนภูมิรูปภาพ แผนภมู ิแทง แผนภูมิรูปวงกลม และกราฟเสน 4. ขอมูลของส่ิงเดยี วกันและมีลกั ษณะเหมือนกันต้ังแตสองชุดข้นึ ไป อาจแสดงการเปรียบเทียบโดย ใชแ ผนภูมิแทงเปรียบเทียบ 5. กราฟเสน เปนวิธีการนําเสนอขอ มูล โดยใชจุดและสว นของเสนตรงท่ีลากเช่ือมตอจุดซึง่ จดุ แตล ะ จุดจะบอกจํานวนหรือปริมาณของขอมูลแตละรายการนิยมใชกราฟเสนกับขอมูลที่แสดงการ เปลี่ยนแปลงอยางตอเนื่องตามลําดับกอนหลังของเวลา 6. การแสดงความสัมพันธระหวางขอมูล อาจแสดงโดยใชกราฟเสน 7. แผนภมู ิรูปวงกลม เปน การนําเสนอขอมลู โดยใชพืน้ ท่ีภายในรูปวงกลมแทนจาํ นวนหรือปรมิ าณ ของขอมูลแตละรายการ 8. ความนาจะเปน หมายถึง โอกาสทเี่ หตุการณห นงึ่ ๆ จะเกิดข้นึ ซ่ึงเหตกุ ารณนั้นอาจจะเกดิ ข้ึน อยา งแนน อน อาจจะเกิดขน้ึ หรือไมกไ็ ด หรือไมเ กิดขึ้นอยางแนน อนผลการเรียนรทู ีค่ าดหวงั 1. เมอื่ กําหนดประเดน็ ตา ง ๆ ใหสามารถเก็บรวบรวมขอมูลได 2. เมื่อกําหนดแผนภมู ิแทงเปรียบเทียบให สามารถอา นขอมูลและอภปิ รายประเด็นตา ง ๆ ได 3. เมือ่ กาํ หนดขอมูลให สามารถเขียนแผนภมู แิ ทง เปรยี บเทียบได 4. เม่อื กาํ หนดกราฟเสนให สามารถอานขอมูลและอภปิ รายประเดน็ ตาง ๆ ได 5. เมื่อกําหนดขอ มลู ให สามารถเขยี นกราฟเสน ได 6. เมอ่ื กาํ หนดแผนภมู ิวงกลมให สามารถอานขอมลู และอภิปรายประเด็นตา ง ๆ ได 7. เมอ่ื กําหนดสถานการณใ ห สามารถอภิปรายเหตุการณเพื่อสรางความคนุ เคยกับคําท่มี ี ความหมายเชนเดียวกับคําวา “แนน อน” อาจจะใชหรื่อไมใช” “เปนไปไมได” และใชค ํา เหลาน้ไี ดขอบขา ยเน้ือหา เร่ืองท่ี 1 สถิตเิ บอ้ื งตน เรื่องที่ 2 ความนาจะเปนเบ้ืองตน
217เร่ืองท่ี 1 สถิติเบื้องตน ขอ มูล หมายถึง ขอ เทจ็ จริง หรือรายละเอยี ดของสิง่ ทนี่ า สนใจ อาจเปนตวั เลขในการคาํ นวณเปรียบเทียบ หรือคาดคะเนเพื่อหาความจริง ซึ่งนํามาประกอบการตัดสินใจ หรือแกปญ หาตา ง ๆ ขอ มลู ของสิง่ ทเ่ี ราสนใจ อาจรวบรวมไดจากการสังเกต สัมภาษณ ทดลอง สอบถาม หรอืรวบรวมจากทะเบียนตาง ๆ1.1 การอาน การเขียน เปรียบเทยี บแผนภมู ิรปู ภาพ และแผนภมู แิ ทง การเขยี นแผนภูมแิ ทง การเขียนแผนภมู แิ ทง เปน การนําขอมูลที่ไดจากการเก็บรวบรวมขอมูลมานําเสนอในรูปของแผนภมู แิ ทง การเขียนแผนภูมิแทงมีสวนประกอบดังตอไปนี้ 1. แผนภูมิแทงเปรียบเทียบเปนการนําเสนอขอมูล โดยใชรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากแสดงการ เปรียบเทียบจํานวนหรือปริมาณสิ่งของตางๆ ของขอมูลตั้งแตสองชุดขึ้นไป 2. มีช่ือแผนภูมิกํากับอยดู านบนเพื่อบอกใหรวู า เปนขอมลู เก่ยี วกบั อะไร 3. มีสวนของเสนตรงสองเสน ตั้งฉากกนั เสนหนง่ึ อยใู นแนวต้ัง และอกี เสน อยูใ นแนวนอน เสน ทแ่ี สดงจาํ นวนหรือปริมาณของขอมลู แตล ะรายการจะมหี วั ลกู ศรอยูที่ปลายขา งหน่งึ 4. รปู สี่เหลี่ยมมุมฉากท่ใี ชแสดงจํานวนหรือปริมาณของขอมูลแตละรายการ ตองมีความกวาง เทากัน และเร่มิ ตนเขียนจากระดับเดยี วกัน ถาเขียนในแนวตงั้ ในเริม่ จากดา นลา งขน้ึ ดา นบน ถา เขยี นในแนวนอนใหเรม่ิ จากดา นซา ยไปดา นขวา 5. ใชความสูงหรือความยาวของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากแสดงจํานวนหรือปริมาณแตละรายการ 6. ระบายสีรปู สี่เหลยี่ มมมุ ฉากหรอื ใชสญั ลกั ษณแสดงใหเ ห็นความแตกตางของขอ มลู แตล ะชุด โดยขอ มูลชดุ เดียวกนั ใหใ ชส ีหรอื สัญลักษณอ ยางเดียวกนั พรอ มท้งั เขียนรปู และคําอธิบายไว 7. ถาขอมูลแตละรายการมีจํานวนหรือปริมาณมากหรือใกลเคียงกันควรยนระยะบนแกนที่แสดง จาํ นวน 8. เพอ่ื ใหอา นขอ มลู ไดถ ูกตอง ควรเขยี นตวั เลขกํากบั ไวท ีป่ ลายสดุ ของรูปส่เี หลี่ยมแตล ะรปู 9. ถาขอมลู เปนขอ มลู จรงิ และมีแหลงทมี่ าใหร ะบแุ หลงทมี่ าของขอมูลไวใ ตแผนภมู ิ
218ตัวอยางแผนภูมแิ ทง แผนภมู แิ ทง แสดงอณุ หภมู ขิ องอากาศตั้งแตเ วลา 13.00 น. – 18.00 น. การอานและเปรียบเทียบแผนภูมแิ ทง ขอ มลู ของส่งิ เดยี วกนั และมลี ักษณะเหมอื นกันตัง้ แตส องชุดขน้ึ ไป อาจแสดงการเปรียบเทยี บโดยใหแผนภมู แิ ทง เปรียบเทยี บ ดงั รปู แสดงใหเ หน็ การเปรียบเทยี บจํานวนผเู สยี ชวี ติ จากอุบัติเหตุจราจรในชวงเทศการสงกรานต ระหวางวันที่ 11 – 17 เมษายน พ.ศ.2545 และ พ.ศ. 2546
219 แผนภูมิแทงเปรียบเทียบดังกลาวทําใหสะดวกในการเปรียบเทียบขอมูลของสิ่งเดียวกัน แผนภูมิแทงเปรียบเทียบใชแสดงการเปรียบเทียบขอมูลของสิ่งเดียวกันตั้งแตสองชุดขึ้นไป จึงตองมีสัญลักษณระบุวาเปนขอมลู ชุดใด จากขอมูลแทงเปรียบเทียบเราสามารถแปลความหมายไดดังนี้ 1. แผนภมู ิชุดนี้แสดงจํานวนผูเสียชีวติ จากอบุ ัติเหตจุ ราจรในชวงเทศการสงกรานต ระหวางวนั ที่11 – 17 เมษายน พ.ศ.2545 และ พ.ศ. 2546 2. ใน พ.ศ. 2545 วันทมี่ ีผเู สยี ชีวติ มากท่ีสุด คือ วันที่ 13 เมษายน 2545 3. ใน พ.ศ. 2545 และ พ.ศ. 2546 วันท่ี 15 เมษายน มผี ูเสียชวี ิตเทา กนั 4. วนั ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2546 มีผเู สยี ชีวิตมากทีส่ ดุ 5. วันท่ี 17 เมษายน พ.ศ. 2546 มผี ูเสยี ชีวิตนอยทีส่ ุด
220แบบฝกหดั1) นมชนิดใดมีโปรตีนมากทส่ี ุด และมีกกี่ รมั2) นมชนิดใดมีโปรตีนเทากับไขมัน และมีกีก่ รัม3) นมขน หวานและนมขนไมห วาน นมชนิดใดมโี ปรตีนมากกวา และมากกวา กนั กก่ี รมั4) นมชนิดใดมีไขมันนอ ยท่ีสุด และมีกกี่ รัม5) นมสดและหางนม นมชนิดใดมไี ขมนั นอ ยกวา และนอยกวา กนั กก่ี รมั
2211.2 การอา นกราฟเสน การวธิ อี า นกราฟเสน ใหด วู า ตําแหนง ของจดุ บนกราฟตรงกับคา ใดบนแกนตง้ั และแกนนอนเชน จุดแรกแสดงวา เวลา 13.00 น. อุณหภูมิ 32 องศาเซลเซียส ใหผ ูเรยี นดูกราฟเสน แลว ตอบคาํ ถามตอ ไปน้ี 1. กราฟเสน แสดงขอมูลเก่ยี วกับส่ิงใด 2. กราฟเสน แสดงอุณหภมู ใิ นชวงเวลาใด 3. อณุ หภูมสิ ูงสดุ เปนเทา ใด 4. อุณหภมู ิต่าํ สุดเปนเทา ใด 5. เร่ิมบันทึกขอมูล ณ เวลาใด 6. อณุ หภูมิสงุ สุดและตา่ํ สดุ ตา งกนั เทา ใด แผนภูมแิ สดงอุณหภูมิของอากาศตง้ั แตเ วลา 13.00 น. - 18.00 น.
222 สรปุ กราฟเสน เปนวธิ ีการนําเสนอขอมลู โดยใชจ ุดและสว นของเสนตรงที่ลากเช่ือมตอจุด ซ่ึงจดุ แตละจดุ จะบอกจาํ นวนหรือปรมิ าณของขอมลู แตล ะรายการ กราฟเสน นิยมใชกบั ขอ มลู ท่ีแสดงการเปลี่ยนแปลงอยางตอเนื่องตามลําดับเวลากอ นหลงัการเขียนกราฟเสน สวนประกอบของกราฟเสน มีดังนี้ 1. มชี ือ่ กราฟเสนอยดู า นบน 2. มีสวนของเสนตรงสองเสนตั้งฉากกนั โดยสวนของเสน ตรงทอี่ ยใู นแนวตง้ั แสดง จาํ นวนหรือปริมาณของขอมูลแตละรายการ สว นของเสน ตรงท่ีอยใู นแนวนอนจะ แสดงรายการของขอมูล เชน ชวงเวลาในหนึ่งวัน ชวงเวลาในสัปดาห ฯลฯ 3. การสรางกราฟเสนเริ่มดวยจุดซึ่งใชแสดงจํานวนหรือปริมาณของขอมูลแตละรายการ และสว นของเสน ตรงจะเช่ือมตอ จุดจากจดุ แรกไปยงั จดุ ถัด ๆ ไปจนถงึ จดุ สุดทา ยตวั อยา ง ขัน้ ตอนการสรางกราฟเสนมีดังนี้ขน้ั ท่ี 1 เขยี นช่ือกราฟเสนขน้ั ที่ 2 เขยี นสว นของเสน ตรงสองเสน ใหตง้ั ฉากกนั สว นของเสน ตรงในแนวนอนแสดงชอ่ื เดือนและสว นของเสน ตรงในแนวตง้ั แสดงนาํ้ หนกั 1. ถาขอมูลแตละรายการมีจํานวนหรือปริมาณมากหรือใกลเคียงกันควรยนระยะบนแกน ทแ่ี สดงจาํ นวนดงั น้ี
223 ขั้นที่ 3 เขยี นจุดแสดงนาํ้ หนักแตล ะเดอื น จดุ เกดิ จากสว นของเสน ตรงที่แสดงช่ือเดือนตดั กับสว นของเสน ตรงทแ่ี สดงนาํ้ หนกั ขน้ั ที่ 4 เขียนสวนของเสน ตรงตอจดุ จากจุดแรกไปยงั จุดถดั ไปจนถงึ จุดสุดทาย ดังน้ี
224แบบฝก หัดที่ 2 ใหนักศึกษาตอบคําถามตอไปนี้1) บริษัทสงสินคาไปจําหนายตางประเทศมีมูลคามากที่สุด ในเดือนใด และมูลคาเทาไร2) บริษัทสงสินคาไปจําหนายตางประเทศมีมูลคาเทากันในเดือนใด และมีมูลคาเทาไร3) บริษัทสงสินคาไปจําหนายตางประเทศมีมูลคานอยทสี่ ดุ ในเดือนใด และมมี ลู คา เทา ไร4) ตั้งแตเดือนมกราคม ถึงเดือนสิงหาคม บริษัทสงสินคาไปจําหนายตางประเทศมีมูลคารวมกัน กี่ลา นบาท
2251.3 การอานแผนภูมิวงกลม การอานแผนภมู ิวงกลม มลี ักษณะเดยี วกบั การอานแผนภมู ิประเภทอ่ืน ๆ แผนภมู ิรูปวงกลมเปนรูปแบบของการนาํ เสนอขอมลู โดยใชพ น้ื ทภ่ี ายในรปู วงกลมแทนจาํ นวนหรือปริมาณของขอมูลทั้งหมด และแบงรูปวงกลมจากจุดศูนยกลางโดยแบงออกเปนสวน ๆ ตามจํานวนรายการของขอมูลสวนแบงของพื้นที่ภายในรูปวงกลม 1 สวน แทนจาํ นวนหรือปริมาณของขอมลู 1 รายการ แผนภมู วิ งกลมแสดงจาํ นวนแสตมปประเทศตา ง ๆ ที่ ด.ญ. ธิดารัตนสะสมขอ มูล 1 รายการ เชน ด.ญ. ธิดารัตน มีแสตมป 5 ประเทศ พื้นที่รูปวงกลมจึงถกู แบงเปน 5 สวน สว นละ 1 ประเทศ ซึ่งสวนแบงของรูปวงกลมจะมีพื้นที่มากหรือนอยขึ้นอยูกับจํานวนหรือปริมาณของขอมูลแตละรายการ สวนแบง ทม่ี ีพื้นท่ีมากกวา จะแทนจํานวนหรือปรมิ าณมากกวา ดังนน้ั จากตวั อยา งแผนภูมิรูปวงกลมนี้ จึงอานแผนภมู ิไดดังน้ี 1. แสตมปไทยมีมากที่สุด 2. แสตมปจ นี มีนอยท่สี ดุ 3. แสตมปญ ป่ี นุ มีนอยกวาแสตมปไ ทยและสหรัฐอเมรกิ า ฯลฯ
226แบบฝก หัดที่ 3 จงใชแ ผนภมู วิ งกลมตอบคําถามตอไปนี้1) ถาโรงเรยี นนีม้ ีครูและนักเรียนทง้ั หมด 1,200 คน จะเปน นักเรียนหญงิ กีค่ น2) ถา โรงเรยี นนีม้ ีครแู ละนกั เรยี นทั้งหมด 1,200 คน จะเปนนักเรยี นชายกคี่ น3) ถานักเรียนชายมากกวานักเรียนหญิง 80 คน โรงเรียนน้มี ีครูและนกั เรียนท้งั หมดก่คี น4) ถา มนี กั เรียนชาย 100 จะมคี รกู คี่ น5) ถา โรงเรียนนม้ี ีครู 30 คน จะมนี กั เรยี นกค่ี น
227 แบบฝกหดั ที่ 41. จงสรางแผนภูมิรปู ภาพ แสดงจํานวนสมสายนา้ํ ผ้ึง ที่เกบ็ ขายไดจากไรสม แหงหนึง่ ตั้งแตเดอื น มกราคม – มีนาคม ดงั น้ี เดอื นมกราคม 7,000 กโิ ลกรมั เดอื นกุมภาพันธ 6,000 กโิ ลกรมั เดอื นมีนาคม 6,500 กโิ ลกรมั เดอื นเมษายน 6,500 กโิ ลกรมั เดอื นพฤษภาคม 5,000 กโิ ลกรมั เดอื นมถิ ุนายน 5,500 กโิ ลกรมั(กาํ หนดใหจ าํ นวนสมสายน้าํ ผ้งึ 1 ผล แทน 1,000 กโิ ลกรมั )2. จงสรา งแผนภูมแิ ทงแสดงคาใชจา ยของครอบครัวหนึ่งในเดือนมกราคม จากขอมูลที่สํารวจไดดงั น้ี คาอาหาร 6,000 บาท คา เสื้อผา 2,500 บาท คาใชจายของบุตร 2 คน 5,000 บาท คาเครื่องใช/อุปกรณ 3,000 บาท คางานสังคม 2,000 บาท คา ใชจายเบ็ดเตลด็ 4,500 บาท
228เรอื่ งที่ 2 ความนา จะเปน เบ้ืองตน พิจารณาสถานการณตอ ไปนี้ และอภปิ รายรวมกนั กลองใบหนง่ึ มลี ูกปงปองสีขาว 2 ลูก สเี หลอื ง 1 ลกู สมจติ รตองการหยิบลูกปง ปองในกลอ งโดยไมม อง หรือทเ่ี ราเรยี กวาเปน การสุมหยบิ โอกาสของเหตกุ ารณทจ่ี ะเกดิ ข้ึนจากการสมุ หยิบลูกปงปองจะเปน ดังน้ี 1. หยิบลูกปงปองขึ้นมา 1 ลูก 1) หยบิ แลวไดล กู ปง ปอง เหตุการณน เี้ กดิ ข้ึนอยางแนนอน 2) หยบิ แลว ไดล กู ปง ปองสีขาว เหตกุ ารณน ี้อาจจะเกิดขน้ึ หรือไมก ไ็ ด 3) หยบิ แลว ไดล กู ปงปองสเี หลือง เหตกุ ารณนีอ้ าจจะเกดิ ขึน้ หรอื ไมก ็ได 4) หยิบแลวไดลกู ปงปองสแี ดง เหตุการณนไ้ี มเ กิดขึน้ อยางแนน อน 2. หยิบลูกปงปองขึ้นมา 2 ลูกพรอ มกนั 1) หยบิ แลว ไดสเี หลอื งทง้ั สองลูก เหตุการณน้ีไมเ กดิ ข้ึนอยางแนนอน 2) หยบิ แลวไดสีขาวทัง้ สองลูก เหตุการณน ี้อาจจะเกิดขนึ้ หรือไมก ็ได 3) หยบิ แลว ไดส ขี าวหนง่ึ ลกู เหตุการณนี้เกิดขน้ึ อยา งแนนอน ความนาจะเปนเบ้อื งตน หมายถึง โอกาสท่ีเหตกุ ารณห น่ึง ๆ จะเกดิ ขึ้น ซึ่งเหตุการณนัน้ อาจจะ เกดิ ขนึ้ อยางแนน อน อาจจะเกดิ ขน้ึ หรือไมก ็ได หรือ ไมเกิดขนึ้ อยางแนนอน
229แบบฝก หดั ที่ 5จงตอบคําถามจากสถานการณที่กําหนดใหตอไปน้ี1. ถงุ ใบหนึง่ มสี มเขียวหวานสเี หลอื ง 1 ผล และสเี ขียว 3 ผล ถาสุมหยบิ สมเขียวหวานในถงุ ขึน้ มา 1 ผล (1) โอกาสท่จี ะหยบิ ไดสมแนนอนใชห รือไม เพราะเหตใุ ด (2) โอกาสที่จะหยบิ ไดสมสีเขียวอยางแนนอนใชหรอื ไม เพราะเหตุใด (3) โอกาสทจี่ ะหยิบไดสม สีเหลืองอยา งแนนอนใชห รือไม เพราะเหตใุ ด (4) โอกาสท่ีจะหยบิ ไดสม สใี ด มากกวา เพราะเหตใุ ด (5) โอกาสทจี่ ะหยบิ ไดผ ลไมช นิดอื่นเปนไปไดห รอื ไม เพราะเหตใุ ด2. ใสลกู คิดสีแดง 3 เมด็ สนี ้ําเงนิ 3 เม็ด ลงในกลองกระดาษถาสุมหยิบลูกคิดในกลอ งขึ้นมา 1 เม็ด (1) โอกาสที่จะหยบิ ไดลูกคิดสใี ดบา ง เพราะเหตุใด (2) โอกาสท่จี ะหยิบไดลูกคิดสใี ด มากกวา เพราะเหตใุ ด (3) โอกาสทจ่ี ะหยบิ ไดล ูกคดิ สีเขียวมหี รือไม เพราะเหตใุ ด3. ในกลอ งมีบัตรตวั อักษร ก 1 ใบ บัตรตัวอกั ษร ข 5 ใบ และบัตรตวั อักษร ค 2 ใบ ถา สุมหยิบบัตรตัวอักษรขน้ึ มา 1 ใบ (1) โอกาสที่จะหยิบไดบัตรตัวอักษรใดบาง เพราะเหตุใด (2) โอกาสที่จะหยิบไดบ ัตรตัวอักษรใดมากท่สี ุด (3) โอกาสท่จี ะหยบิ ไดบ ตั รตัวอักษรใดนอ ยทีส่ ดุ (4) โอกาสท่ีจะหยิบไดบัตรตัวอักษร จ เปนไปไดหรือไม เพราะเหตุใด
2302.1 ความหมายของความนาจะเปน ความนาจะเปนคือจํานวนที่แสดงใหทราบวาเหตุการณใดเหตุการณหนึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นมากหรือนอ ยเพยี งใด โดยพิจารณาจากเหตุการณท เี่ กิดขน้ึ ดังตัวอยาง เชนเหตกุ ารณ โอกาสท่เี กดิ ข้นึ ได1. การโยนเหรียญสิบบาท 1 อนั 1 ครั้ง มี 2 เหตุการณท่ีเปน ไปได คือ เกดิ หัวหรือกอ ย2. การทอดลูกเตา 1 ลกู 1 คร้ัง มี 6 เหตกุ ารณทีเ่ ปนไปได คือ เกิดแตม 1, 2, 3, 4, 5 หรอื 63. การโยนเหรียญบาท 2 อัน 1 คร้ังพรอมกัน มี 4 เหตกุ ารณท เ่ี ปนไปได คือ 1 หวั และกอ ย 2. หวั และหวั 3. กอ ยและหวั 4. กอยและกอย2.2 การคาดเดาความเปน ไปไดข องเหตกุ ารณต า ง ๆตัวอยา งที่ 1 ภายในกลอ งใบหนึง่ มลี กู แกวสขี าว 4 ลูก และสีเหลือง 2 ลกู ความนาจะเปน ทจ่ี ะหยบิลกู แกว 1 ลกู ใหไ ดสดี งั น้ี1. สขี าว 2. สเี หลอื ง 3. สแี ดงวิธคี ดิ 1. ความนาจะเปนหรือความเปนไปไดจะหยิบลูกแกวสีขาว จึงมีความนาจะเปนไปไดมากเพราะมีลกู แกว สขี าว 4 ลูก2. ความนาจะเปนหรือความเปนไปไดจะหยิบลูกแกวสีเหลือง จึงมีความนาจะเปนไปไดนอ ยเพราะมลี กู แกวสีเหลืองเพยี ง 2 ลกู3. ความนาจะเปนหรือความเปนไปไดจะหยิบลูกแกวสีแดง จึงมีความนาจะเปนไปไมไดแนนอน เพราะไมมลี ูกแกว สีแดงอยใู นกลอ งตวั อยางที่ 2 จงหาโอกาสหรือความนาจะเปนที่จะเกิดขึ้นในการโยนเหรียญสิบบาท 1 อนั และลกู เตา 1 ลูกพรอมกัน โดยพิจารณาผลท่ีเกิดขึ้นในแตละเหตกุ ารณ ดงั น้ี1. เหตกุ ารณทเ่ี หรียญจะออกหัว (H) มกี เ่ี หตกุ ารณ2. เหตุการณทเ่ี หรียญจะออกกอ ย (T) มกี ีเ่ หตกุ ารณ3. เหตุการณทเ่ี หรยี ญจะออกหัวและกอย (H และ T) มีกี่เหตุการณ4. เหตุการณท่ลี ูกเตา จะออกแตมมากกวา 5 มีกี่เหตุการณวิธีคิด 1. โอกาสที่จะเกดิ เหตกุ ารณท่ีเหรียญจะออกหัว (H) เมอ่ื โยนเหรยี ญบาท 1 อนัและลกู เตา 1 ลกู พรอมกนั คอื(H, แตม 1) , (H, แตม 2), (H, แตม 3), (H, แตม 4), (H, แตม 5), (H, แตม 6) = 6 เหตุการณ
231 2. โอกาสท่จี ะเกดิ เหตุการณท ่ีเหรียญจะออกกอ ย (T) เมือ่ โยนเหรยี ญบาท 1 อนั และลกู เตา 1 ลกู พรอมกนั คอื (T, แตม 1) , (T, แตม 2), (T, แตม 3), (T, แตม 4), (T, แตม 5), (T, แตม 6) = 6 เหตกุ ารณ 3. โอกาสที่จะเกิดเหตุการณท่ีเหรียญจะออกหวั และกอ ยน้นั ไมเกิดขึ้นแนนอน เพราะเหรียญจะออกหวั และกอ ยพรอมกนั ไมไ ด 4. โอกาสทจี่ ะเกิดเหตุการณที่ลกู เตาออกแตม มากกวา 5 เพยี ง 2 เหตุการณ คอื (H, แตม 6) , (T, แตม 6)แบบฝก หดั ท่ี 6จงเติมคําตอบก. ในถุงใบหนง่ึ บรรจลุ ูกปงปองสีนํ้าเงนิ 4 ลกู ลูกปง ปองสีเหลือง 1 ลูก จงพจิ ารณาความนาจะเปนไปไดวา มากหรอื นอยหรือไมไ ดแนนอน ในการหยิบลูกปงปอง 1 ลกู ดังน้ี (1) หยบิ ลูกปง ปองไดสนี ้ําเงิน มีความเปนไปได ___________________ (มาก, นอ ย, ไมไ ดแ นนอน) (2) หยิบลูกปงปองไดสีเหลือง มีความเปนไปได ___________________ (มาก, นอ ย, ไมไ ดแ นนอน) (3) หยิบลูกปงปองไดสีขาว มีความเปนไปได ___________________ (มาก, นอ ย, ไมไ ดแ นนอน)ข. ในกระเปาใบหนึ่งใสเ สื้อไว 6 ตัว และกางเกงขาสั้น 2 ตัว จงพิจารณาความนา จะเปนไปไดวา มากหรือ นอ ยหรอื เปนไปไมไ ดแ นนอน ในการหยบิ 1 คร้งั 1 ตัว ดงั น้ี (1) โอกาสท่ีจะหยิบเสื้อได มีความเปนไปได ___________________ (มาก, นอ ย, ไมไ ดแ นนอน) (2) โอกาสที่จะหยิบกางเกงขาสั้นได มีความเปนไปได ___________________ (มาก, นอ ย, ไมไ ดแ นนอน) (3) โอกาสที่จะหยิบกางกางขายาวได มีความเปนไปได ___________________ (มาก, นอ ย, ไมไ ดแ นนอน)ค. จงหาโอกาสหรือความนาจะเปนที่จะเกิดเหตุการณขึ้นในการทอดลูกเตา 2 ลูกพรอมกนั จงพจิ ารณาวามโี อกาสเกิดข้นึ กี่เหตกุ ารณ (1) ลกู เตา แตมรวมกันแลว ตํ่ากวา 5 แตม มี____________________ เหตุการณ (2) ลกู เตา แตม รวมกันแลว มากกวา 10 แตมมี____________________ เหตกุ ารณ (3) ลกู เตาแตม รวมกันแลว มากกวา 12 แตม มี____________________ เหตุการณ
แบบฝก หัดที่ 1 (ก) เฉลยแบบฝก หดั 1. 5 และ ๕ บทที่ 1 จาํ นวนและการดาํ เนนิ การ 2. 7 และ ๗ 3. 9 และ ๙ 4. 4 และ ๔ 5. 8 และ ๘แบบฝก หัดที่ 1 (ข) 1234567890 ๑ ๒๓๔๕๖ ๗๘๙ ๐แบบฝกหดั ท่ี 2 (ก) 1. 19 และ ๑๙ 2. 22 และ ๒๒ 3. 37 และ ๓๗ 4. 45 และ ๔๕ 5. 68 และ ๖๘แบบฝกหดั ที่ 2 (ข) ๒๘ ๓๗ ๔๖ ๕๐ ๑๑ ๑๙ 28 34 46 50 11 19แบบฝก หดั ท่ี 2 (ค) ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๒๐ ๒๑ ๒๒ ๒๓ ๒๔ ๒๕ ๒๖ ๒๗ ๒๘ ๒๙ ๓๐31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 4142 43 44 45 46 47 48 49 50
233แบบฝก หดั ที่ 2 (ง) 2. 65 3. 77 1. 38 5. 96 6. 99 4. 81 2. หาสิบสาม 3. หกสบิ แปดแบบฝก หัดที่ 2 (จ) 5. เจด็ สบิ เกา 6. เกาสบิ เจด็ 1. สามสิบหา 4. แปดสบิ หกแบบฝก หดั ที่ 3 1. สามรอ ยสส่ี บิ หา 2. แปดพนั สบิ เจ็ด 3. สองหมื่นแปดรอยเกา สบิ เจด็ 4. สามแสนสองพันสรี่ อ ยหกสิบหก 5. หนง่ึ ลา นสามแสนหกหมน่ื เจ็ดพนั หา รอยแปดสบิ เกา 6. เจ็ดรอ ยสามลา นเกา แสนเจ็ดหม่นื หารอยแบบฝก หดั ท่ี 4 2. 5 อยูใ นหลักพนั มคี า หา พัน 1. 1 อยูใ นหลกั หมืน่ มีคา หน่ึงหม่นื 4. 1 อยใู นหลกั สิบลา น มีคา สิบลาน 3. 9 อยูในหลกั ลา น มคี า เกา ลา น 5. 4 อยใู นหลกั รอ ยลาน มีคา สรี่ อยลานแบบฝกหดั ที่ 5 1. 500,000 + 4,000 + 100 + 20 2. 400,000 + 60,000 + 8,000 + 700 + 90 + 3 3. 10,000,000 + 9,000,000 + 700,000 + 50,000 + 4,000 + 800 + 30 4. 500,000,000 + 60,000,000 + 2,000,000 + 800,000 + 40,000 + 9,000 + 300 + 20 + 1แบบฝก หดั 6 69,945 659,024 956,420 965,204 1. 69,594 10,500 111,100 110,001 1,001,001 2. 10,050 769,386 893,013 972,142 1,001,900 3. 100,119 2,403,107 2,460,710 2,471,613 2,498,789 4. 999,991
234แบบฝก หดั ท่ี 7 2. < 1. < 4. < 3. < 6. > 5. < 8. > 7. = 10. < 9. = 6. 720แบบฝก หัดท่ี 8 (ก) 7. 900 1. 50 8. 920 2. 130 9. 1,050 3. 380 10. 2,660 4. 560 5. 680 6. 1,000 7. 2,500แบบฝก หดั ท่ี 8 (ข) 8. 5,000 1. 100 9. 14,300 2. 200 10. 203,100 3. 300 4. 600 2. 55,200,000 5. 600 4. 1,004,000,000แบบฝก หัดท่ี 8 (ค) 2. = 1. 118,500,000 4. > 3. 688,600,000 5. 279,900,000,000 2. 77 4. 626แบบฝก หัดท่ี 9 (ก) 1. > 3. >แบบฝก หดั ที่ 9 (ข) 1. 68 3. 3,337
235 5. 5,859 ตอบ 263แบบฝกหัดที่ 10 (ก) 1. 100 +40 + 0 100 + 20 + 3 200 + 60 + 32. 200 + 10 + 0 ตอบ 577 300 + 0 + 4 60 + 3 500 + 70 + 73. 10,000 + 1,000 + 200 + 0 + 0 ตอบ 37,887 3,000 + 500 + 0 + 4 20,000 + 3,000 + 100 + 80 + 3 30,000 + 7,000 + 800 + 80 + 74. 200,000 + 10,000 + 0 + 200 + 50 + 0 ตอบ 697,495 400,000 + 50,000 + 4,000 + 100 + 0 + 4 30,000 + 3,000 + 100 + 40 + 1 600,000 + 90,000 + 7,000 + 400 + 90 + 5แบบฝก หัดท่ี 10 (ข) 121 1. 100 + 20 + 1 47 40 + 7 168 100 + 60 + 8 ตอบ 1682. 100 + 30 + 2 132 300 + 20 + 5 325 400 + 50 + 7 457ตอบ 457
2363. 10,000 + 2,000 + 100 12,100 400,000 + 50,000 + 4,000 + 100 + 0 + 4 454,104 30,000 + 3,000 + 100 + 40 + 1 400,000 + 90,000 + 9,000 + 300 + 40 + 5 33,141 599,345ตอบ 599,3454. 1,000,000 + 100,000 + 50,000 + 2,000 + 100 + 10 + 3 1,152,113 2,000,000 + 100,000 + 10,000 + 2,000 + 400 + 20 + 1 2,112,421 1,000,000 + 300,000 + 20,000 + 0 + 200 + 60 + 0 1,320,260 3,000,000 + 500,000 + 80,000 + 4,000 + 700 + 90 + 4 3,584,794ตอบ 3,584,794แบบฝก หดั ท่ี 11 (ก) 1. 50,000 + 4,000 + 600 + 20 + 3 + 90,000 + 3,000 + 500 + 40 + 5 = 100,000 +40,000 + 8,000 + 100 + 60 + 8 = 148,168 2. (800,000 + 70,000 + 1,000 + 400 + 90 + 6 ) + ( 200,000 + 40,000 + 7,000 + 300 + 8) = 1,000,000 + 100,000 + 10,000 + 8,000 + 800 + 4 = 1,118,804แบบฝก หัดท่ี 11 (ข) 3,486,801 1. 3,000,000 + 400,000 + 80,000 + 6,000 + 800 + 0 +1 1,670,528 1,000,000 + 600,000 + 70,000 + 0 + 500 + 20 + 8 5,157,329 5,000,000 + 100,000 + 50,000 + 7,000 + 300 + 20 + 9 ตอบ 5,157,3292. 500,000 +80,000 + 4,000 + 100 +60 + 9 584,169 900,000+50,000 + 8,000 + 700 + 80 + 2 958,782 300,000+20,000 + 1,000 + 400 + 50 + 6 321,456 1,000,000 + 800,000 + 60,000 + 4,000 + 400 + 0 + 7 1,864,407ตอบ 1,864,407
237แบบฝกหัดท่ี 12 1. 15,348 2. 47,847 3. 482,496 4. 6,500แบบฝกหัดที่ 13 2. 161 1. 500 4. 38 3. 5,010 6. 17,842 5. 6,207 8. 31,230 7. 2,113แบบฝก หดั ที่ 14 X 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 4 4 8 12 16 20 24 28 32 36 40 44 48X3 4 5 6 713 4 5 6 72 6 8 10 12 143 3 12 15 18 214 12 16 20 24 285 15 20 25 30 35X 9 10 11 126 54 60 66 727 63 70 77 848 72 80 88 969 81 90 99 10810 90 100 110 120
238แบบฝก หัดที่ 15 (ก) 2. 3 3. 40 + 7 4. 100 , 31. 75. 40 , 9แบบฝก หดั ท่ี 15 (ข) 2. 312 3. 448 4. 720 1. 84 5. 2,624แบบฝกหดั ท่ี 16 (ก) 2. 990 1. 612 4. 2,370 3. 2,200 5. 2,583แบบฝกหัดท่ี 16 (ข) 2. 1,323 3. 3,696 4. 18,656 1. 1,080 3. 46,200 4. 79,920 3. 93,132 4. 375,124แบบฝกหัดที่ 16 (ค) 2. 7,056 3. 210,960 4. 293,440 1. 4,680แบบฝก หดั ท่ี 17 (ก) 2. 45,375 1. 15,096แบบฝกหดั ที่ 17 (ข) 2. 74,880 1. 49,400แบบฝกหดั ท่ี 18 1. 150 บาท 2. 72 คน 3. 334 ตน 4. 195 คน 5. 193,500 บาท
แบบฝกหัดที่ 19 239 1. 0 3. 1 2. 4 5. 8 4. 0 6. 0 7. 210 8. 50 9. 7 10. 69 11. 5,040 3. 6 4. 7แบบฝกหัดท่ี 20 (ก) 7. 8 8. 49 1. 20 16 12 8 4 0 2. 24 18 16 6 0 3. 200 4. 1,150 3. 35 28 21 14 7 0 4. 3 ตะกรา 3. 121 4. 121 5. 9 ทอ น 2. 5 เศษ 0 4. 11 เศษ 1แบบฝกหดั ที่ 20 (ข) 2. 3 1. 3 6. 9 5. 5 9. 80แบบฝกหัดท่ี 20 (ค) 2. 112 1. 21 5. 30,796แบบฝก หดั ท่ี 20 (ง) 2. 11 1. 16 5. 8แบบฝกหดั ที่ 21 (ก) 1. 4 เศษ 1 3. 10 เศษ 7
240 5. 2 กโิ ลกรมั 6. 70 ตัว เหลือเปด 5 ตวัแบบฝก หดั ที่ 21 (ข) 2. 8 เศษ 3 1. 6 เศษ 2 4. 12 เศษ 6 3. 41 6. 193 เศษ 38 5. 20 เศษ 11แบบฝก หดั ที่ 22 1. 64,802 บาท 2. 45 บาท 3. 24,434,000 บาท 4. 90,500 บาท 5. 84 บาทแบบฝกหดั ท่ี 23 1. เปน เพราะ 4 หาร 20 ลงตัว 2. เปน เพราะ 3 หาร 18 ลงตัว 3. ไมเ ปน เปน เพราะ 7 หาร 37 ไมล งตวั 4. เปน เพราะ 9 หาร 45 ลงตัว 5. 2, 8, 12, 14 6. 3, 6, 15, 24 7. 25, 30, 35 8. 18, 24, 30, 36แบบฝกหดั ท่ี 24 1. 1, 2, 3, 4, 6, 12 2. 1, 2, 3, 4, 6, 12 3. 1, 2, 3, 6, 9, 18 4. 1, 2, 3, 6, 9, 18
241แบบฝก หดั ที่ 25 1. เปน เพราะ ไมมีเลขใดหาร 13 ลง ตวั นอกจาก 1 และ 13 2. ไมเปนเพราะ 15 มี 3 หารลงตวั 3. 23, 29 4. 51, 53, 57, 59 5. 91, 93, 97แบบฝกหดั ที่ 26 ตัวประกอบเฉพาะคือ 3x3 1. 1, 3, 9 ตัวประกอบเฉพาะคือ 2 x 11 2. 1, 2, 11, 22 ตัวประกอบเฉพาะคือ 3x3x2x2 3. 1, 2, 3, 4, 6, 9, 12, 18, 36 ตัวประกอบเฉพาะคือ 2x5x5 4. 1, 2, 5, 10 ,25 , 50 5. 37แบบฝกหัดที่ 27 (ก) 2. 6 x 4 3. 2 x 14 4. 6 x 6 1. 7 x 3 6. 17 x 3 7. 9 x 7 8. 9 x 9 5. 7 x 7 10. 9 x 10 9. 9 x 8แบบฝกหดั ท่ี 27 (ข) ตอบ ไมไ ด เพราะจาํ นวนที่ใหม าเปน จาํ นวนเฉพาะ ซ่งึ จํานวนเฉพาะจะไมมจี ํานวนใดหารลงตวั นอกจาก 1 และตวั มันเอง
แบบฝกหดั ท่ี 28 2. 4,416 242 1. 2 x 3 5. 2,950 2. 2 x 7 3. 5,670 3. 2 x 14 2. 8 6. 8,192 4. 7 x 5 5. 2 3. 9 5. 6 x 6 6. 10 6. 26 x 2 7. 9 x 5 8. 10 x 6 9. 9 x 8 10. 10 x 10แบบฝก หดั ท่ี 29 1. 3 x 3 2. 3 x 13 3. 2 x 3 x 7 4. 2 x 2 x 2 x 7 5. 2 x 2 x 7 6. 6 x 4 x 4 7. 5 x 5 x 10 8. 2 x 2 x 2 x 27แบบฝกหดั ท่ี 30 1. 1,656 4. 6,104แบบฝกหัดท่ี 31 1. 6 4. 1
แบบฝกหดั ที่ 32 243 1. 2 4. 1 2. 3 3. 14 7. 2 5. 4 6. 6 8. 10 9. 9แบบฝกหัดท่ี 33 1. 4 2. 5 3. 2 4. 1 5. 7 6. 2 7. 7 8. 15 9. 9แบบฝกหัดท่ี 34 2. 4 3. 3 1. 1 5. 2 6. 5 4. 5 2. 4 3. 18แบบฝก หัดที่ 35 5. 24 6. 40 1. 30 4. 30 2. 150 3. 90 5. 60 6. 45แบบฝก หดั ที่ 36 8. 240 1. 30 4. 60 2. 45 3. 72 7. 112 5. 140 6. 240 8. 396แบบฝกหดั ที่ 37 1. 48 4. 96 7. 196
แบบฝก หัดท่ี 1 (2) 2 เฉลยแบบฝก หัด (5) 2ก. บทที่ 2 เศษสว น 4 3 (1) 1 (3) 4 (4) 4 3. เศษเจด็ สว นเกา 2 86 5. 3ข. 2. เศษสส่ี ว นแปด 1. เศษหา สว นหก 5. เศษหกสว นเจ็ด 5 4. เศษหนง่ึ สว นเจด็ 4. >ค. 2. 2 3. 7 4. 6 8. > 1. 5 12. < 39 7 16. > 8 20. > 2. < 3. <แบบฝก หัดที่ 2 6. > 7. < 4. 5 1. < 10. > 11. < 5. < 14. > 15. < 7 9. < 18. > 19. < 13. < 8. 0 17. < 12. 0แบบฝก หดั ที่ 3 2. 9 3. 7 4. 16 1. 5 5 8 21 7 6. 1 7. 7 5. 1 9 9 10 10. 0 11. 1 9. 3 2. 10 3. 23 7 12 40แบบฝก หัดท่ี 4 1. 9 6. 47 10 156 5. 13 20
แบบฝก หดั ที่ 5 2. 19 245 1. 5 27 3. 2 4. 25 9 6. 19 5 29 5. 11 87 3. 2 4. 3 23 94แบบฝก หัดที่ 6 2. 3 1. 2 7 5แบบฝก หดั ท่ี 7 1. 8 ของถุง 9 2. 5 ลติ ร 7 3. 5 ถว ยตวง 6 4. 4 แปลง 5 5. 4 ของกระถาง 5แบบฝกหดั ท่ี 8 1. 6 กระสอบ 13 2. สดุ าปลกู ไดมากกวา 3 ของแปลง 11 3. 6 ของกลอ ง 12 4. 1 กโิ ลเมตร 15 5. 2 กโิ ลเมตร 7แบบฝกหัดที่ 9 2. 16 3. 9 11 4. 7 5 1. 11 4 6. 815 12 14 15 18 5. 78 7 10
แบบฝกหัดท่ี 10 2. 6 3. 14 246 1. 16 5 45 4. 11 21 2. 4 1 3. 2 4 30 5. 5 11 7 4. 5 5 9 6. 2 1 7. 4 1 6แบบฝก หัดที่ 11 1. 5 1 5 3 8. 412 4 17 5. 3 9 13แบบฝก หัดท่ี 12 1. 250 ตารางวา 2. 900 คน 3. 40 เมตร 4. 10 ตวั 5. 25 ตนแบบฝกหัดท่ี 13 7. 18ตอนท่ี 1 25 1. 16 8. 8 2. 7 9. 14 = 2 4 3. 1 55 9 10. 9 4. 2 62 15 11. 45 5. 1 58 6. 1 12. 7 = 1 2 55
247ตอนท่ี 2 1. 18 11 2. 6 3 วนั 4 3. 1 ของบอ 6 4. 3 กระปองแบบฝก หดั ที่ 14ตอนท่ี 1 1. 39 64 2. 7 4 3. 5 49 4. 11 1 7 5. 14 3 11 6. 12 35 7. 1 26 45 8. 28 5 24ตอนที่ 2 1. 3 1 กโิ ลกรมั 12 2. 38 1 เมตร 3 3. 4 ชว่ั โมง 4. 40 แปลง 5. 30 กโิ ลเมตร 6. 3,000 บาท
แบบฝก หัดที่ 1 เฉลยแบบฝกหดั 4. 0.4ก. บทที่ 3 ทศนิยม 1. 0.2 2. 0.5 3. 0.3ข. 2. ศนู ยจ ดุ แปดศูนย 1. ศนู ยจ ุดหกส่ี 4. ศนู ยจ ดุ แปดสอง 3. ศูนยจ ดุ ศูนยเกา 5. ศูนยจดุ ส่เี กา 2. 0.70 3. 0.02 5. 0.95 6. 0.88ค. 1. 0.89 4. 0.48แบบฝกหัดที่ 2 2. 0.7 3. 0.04ก. 5. 0.6 3. 0.65 1. 0.03 2. 0.31 6. 0.48 4. 0.06 5. 0.12ข. 1. 0.84 4. 0.29แบบฝกหัดที่ 3 2. < 3. > 1. < 5. < 6. > 4. <แบบฝกหดั ท่ี 4 2. > 3. > 4.> 5. < 1. >
249แบบฝก หัดท่ี 5 2. 0.7 3. 0.8ก. 5. 0.1 6. 0.2 1. 0.3 2. 0.80 3.. 0.50 4. 0.4 5. 0.40 6. 0.30ข. 16.09 3.108 0.80 1. 0.90 6.024 108.009 4. 0.70 26.44ค. 57.468ง. 0.04แบบฝก หัดท่ี 6 2) 0.471. 4) 0.003 1) 0.40 2) 809 3) 0.1062. 100 1) 3 4) 98043 10 1000 3) 1082 100แบบฝก หดั ที่ 7 1. 9 และ 43 2. 35.08 และ 74.76 3. 0.667 และ 0.429แบบฝก หัดที่ 8 1) 40.30 2) 104.63 3) 176.87 4) 185.48 5) 315.74
แบบฝกหัดที่ 9 250 1. 1.75 บาท 2. 4.3 กโิ ลกรมั 4) 0.07605 3. 133.5 กโิ ลกรมั 4. 700 เมตร หรือ 0.7 กโิ ลเมตร 5. 0.02 เมตรแบบฝกหัดท่ี 10 2) 3.531 3) 6.0562 1. 1) 29.5 2. 10,762.5 บาท 3. 22,507.55 บาท 4. 38,632.5 บาทแบบฝก หดั ที่ 11 1. 3.04 2. 9.2 3. 1.13 4. 5 5. 20.6 6. 47.5 7. 735 8. 54.4775 9. 86.786 10. 260.927 11. 35.5 12. 12 เทยี่ ว 13. 1.65 เมตร 14. 14 วนั
เฉลยแบบฝก หัด บทที่ 4 รอยละแบบฝกหัดที่ 1 1. ประชาชน 100 คน เสียภาษเี พยี ง 60 คน 2. เดก็ เกดิ ใหม 100 คน จะตาย 2 คน 3. นักทองเท่ียว 100 คน ที่มาเที่ยวในจังหวัดเรา เปนชาวตางประเทศ 5 คนแบบฝก หดั ท่ี 2 2. 17 %ก. 4. 25 % 1. 12 % 2. 20 3. 20 % 5. 30 % 100ข. 4. 30 1. 15 100 100 3. 27 100 5. 35 100แบบฝก หดั ท่ี 3 1. 75% 2. 90% 3. 85% 4. 100%แบบฝกหดั ท่ี 4 2. 1 1. 1 4 20 4. 49 3. 11 50 50 6. 87 5. 9 100 20
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275