201 5) คมี ปอกสาย ใชส้ าหรับปอกฉนวนของสายไฟฟ้ า สายเกลียวออ่ น และสายส่งกาลงั ไฟฟ้ า คีมปอกฉนวนจะใชก้ บั สายไฟท่ีมีขนาดของลวดตวั นาเฉพาะเท่าน้นั คีมปอกสายควรหุม้ ดว้ ยฉนวน เช่น พลาสติก เพอื่ ป้ องกนั ไฟฟ้ ารั่ว หรือไฟฟ้ าดูด 2.4 สว่าน ใชใ้ นการเจาะยดึ อุปกรณ์ไฟฟ้ า เช่น สวติ ซ์ โคมไฟฟ้ า แป้ นไม้ ซ่ึงยดึ ดว้ ยน๊อตหรือสกรู จาเป็ นตอ้ งเจาะรู การเจาะสามารถทาไดโ้ ดยใชส้ วา่ น หรือบิดหล่า สวา่ นท่ีใชม้ ี 3 แบบ คือ 1) สวา่ นขอ้ เสือ 2) สวา่ นเฟื อง 3) สวา่ นไฟฟ้ า การเลือกใชส้ วา่ น และดอกสวา่ น ควรเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ขนาดของอุปกรณ์ไฟฟ้ า และขนาดของงาน การเจาะประเภทเบา ๆ เช่น การเจาะแป้ นไม้ สามารถใชส้ วา่ นเฟื อง หรือสวา่ นขอ้ เสือได้ ถา้ เป็ นการเจาะโลหะ หรือคอนกรีต หรือพ้ืนปูน ตอ้ งใชส้ วา่ นไฟฟ้ า
202 2.5 ค้อน ใชใ้ นงานตอกตะปู เพื่อยดึ เขม็ ขดั รัดสาย (clip) ใหต้ ิดกบั ผนงั หรืองานนาศูนย์สาหรับการเจาะโลหะ คอนกรีต พ้ืนปูน คอ้ นท่ีใชจ้ ะมีขนาด และน้าหนกั แตกตา่ งกนั แตท่ ่ีนิยมใชจ้ ะมีน้าหนกั 200 กรัมข้อควรระวงั ในการใชง้ านหวั คอ้ นจะตอ้ งอดั เขา้ กบั ดา้ มคอ้ นที่เป็นไมใ้ หแ้ น่น และหวั คอ้ นจะตอ้ ง ผา่ นการชุบผวิ แขง็ มาเรียบร้อยแลว้3. วสั ดุอปุ กรณ์ทใี่ ช้ในวงจรไฟฟ้ า 3.1 สายไฟ เป็นอุปกรณ์สาหรับส่งพลงั งานไฟฟ้ าจากที่หน่ึงไปยงั อีกท่ีหน่ึง โดยกระแสไฟฟ้ าจะนาพลงั งานไฟฟ้ าผา่ นไปตามสายไฟจนถึงเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ า สายไฟทาดว้ ยสารท่ีมีคุณสมบตั ิเป็ นตวั นาไฟฟ้ า (ยอมใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นไดด้ ี) ไดแ้ ก่ 1) สายไฟแรงสูง ทาดว้ ยอะลูมิเนียม เพราะอะลูมิเนียมมีราคาถูก และน้าหนกั เบากวา่ทองแดง 2) สายไฟทวั่ ไป (สายไฟในบา้ น) ทาดว้ ยโลหะทองแดง เพราะทองแดงมีราคาถูกวา่ โลหะเงิน ก. สายทนความร้อน มีเปลอื กนอกเป็ นฉนวนที่ทนความร้อน เช่น สายเตารีด ข. สายคู่ ใช้เดนิ ในอาคารบ้านเรือน ค. สายคู่ มีลกั ษณะอ่อน ใช้กบั เคร่ืองใช้ไฟฟ้ าภายในบ้าน เช่น วทิ ยุ โทรทัศน์ ง. สายเด่ียว ใช้เดินในท่อร้อยสาย
203 3.2 ฟิ วส์ เป็นอุปกรณ์ท่ีทาหนา้ ที่ป้ องกนั ไม่ใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นเขา้ มามากเกินไป ถา้ มีกระแสผา่ นมามากฟิ วส์จะตดั วงจรไฟฟ้ าโดยอตั โนมตั ิ ฟิ วส์ทาดว้ ยโลหะผสมระหวา่ งตะกวั่ กบั ดีบุกและบิสมทั ผสมอยู่ ซ่ึงเป็นโลหะท่ีมีจุดหลอดเหลวต่า มีความตา้ นทานสูง และมีรูปร่างแตกต่างกนั ไปตามความตอ้ งการใชง้ าน 3.3 สวติ ซ์ เป็นอุปกรณ์ที่ตดั หรือตอ่ วงจรไฟฟ้ าในส่วนที่ตอ้ งการ ทาหนา้ ท่ีคลา้ ยสะพานไฟโดยต่ออนุกรมเขา้ กบั เครื่องใชไ้ ฟฟ้ า สวติ ซ์มี 2 ประเภท คือ สวติ ซ์ทางเดียว และสวติ ซ์สองทาง 3.4 สะพานไฟ เป็นอุปกรณ์สาหรับตดั หรือต่อวงจรไฟฟ้ า ประกอบดว้ ย ฐาน และคนั โยกที่มีลกั ษณะเป็นขาโลหะ 2 ขา ซ่ึงมีท่ีจบั เป็นฉนวน เมื่อสับคนั โยกลงไปในช่องท่ีทาดว้ ยตวั นาไฟฟ้ ากระแสไฟฟ้ าจากมาตรไฟฟ้ าจะไหลเขา้ สู่วงจรไฟฟ้ า และเม่ือยกคนั โยกข้ึนกระแสไฟฟ้ าจะหยดุ ไหล
204 3.5 สตาร์ตเตอร์ (Starter) หมายถึง อุปกรณ์นอกเหนือสวิตชห์ ลกั ทาหนา้ ท่ีต่อหรือตดั วงจรอุ่นไส้ก่อนของหลอด สตาร์ตเตอร์แบง่ เป็น 2 ประเภท คือ ประเภท 1 สตาร์ตเตอร์ไม่มีขีดจากดั ระยะเวลาการทางาน ประเภท 2 สตาร์ตเตอร์มีขีดจากดั ระยะเวลาการทางาน ซ่ึงแบ่งเป็น 3 ชนิด ดงั ต่อไปน้ี 1) ชนิดไม่สามารถต้งั ใหมไ่ ด้ 2) ชนิดต้งั ใหมไ่ ด้ 3) ชนิดต้งั ใหมไ่ ดอ้ ตั โนมตั ิโดยการกระตุน้ ดว้ ยสวติ ช์หลกั หรือวิธีการอื่นๆ ท่ีออกแบบไวโ้ ดยมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือการจุดหลอด 3.6 บัลลาสต์ (Ballast) ทาหนา้ ท่ีเพิ่มความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้ า มีความตา้ นทานต่อไฟฟ้ ากระแสสลบัสูง บลั ลาสตท์ ่ีใชแ้ บ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.บลั ลาสตแ์ มเ่ หล็กไฟฟ้ า 2.บลั ลาสตอ์ ิเล็กทรอนิกส์ 1) บลั ลาสต์แม่เหลก็ ไฟฟ้ า (Electromagnetic Ballast) เป็นบลั ลาสตท์ ี่ใชข้ ดลวดพนั รอบแกนเหลก็ เพอ่ื ทางานเป็น Reactor ตอ่ อนุกรมกบั หลอด ภาพแสดงบลั ลาสตแ์ มเ่ หล็กไฟฟ้ า 2) บลั ลาสต์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Ballast) เป็นบลั ลาสตท์ ่ีใชว้ งจรอิเลก็ ทรอนิกส์ทางานจะมีราคาคอ่ นขา้ งแพง แต่มีขอ้ ดีกวา่ บลั ลาสตแ์ มเ่ หลก็ ไฟฟ้ าหลายขอ้ คือ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของหลอด ไมเ่ กิดการกระพริบหรือเกิดแสงวาบ สามารถเปิ ดติดทนั ทีไม่ตอ้ งใชส้ ตาร์ตเตอร์ เพ่ิมอายกุ ารใช้งานของหลอด และไม่ตอ้ งปรับปรุงเรื่องตวั ประกอบกาลงั (Power Factor P.F.) นอกจากน้ียงั ไมม่ ีเสียงรบกวน และน้าหนกั เบาอีกดว้ ย
205 ภาพแสดงบลั ลาสตอ์ ิเล็กทรอนิกส์ 3.7 มิเตอร์ไฟฟ้ า เราสามารถตรวจสอบกระแสไฟฟ้ าในเส้นลวดได้ โดยแขวนแท่งแม่เหล็กใกลๆ้ เส้นลวด แลว้สงั เกตการเบนของแท่งแม่เหล็ก แนวความคิดน้ีนาไปสู่การสร้างเคร่ืองวดั (มิเตอร์) การเบนของเขม็ บนสเกลจะบอกปริมาณของกระแสไฟฟ้ าเป็นเคร่ืองวดั ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้ าได้ แกลแวนอมิเตอร์ (Galvanometer) เป็ นเครื่องมือที่ใชต้ รวจหากระแสตรงใชห้ ลกั การของผลทางแม่เหล็ก เคร่ืองมือที่ง่ายที่สุด คือเข็มทิศวางไวใ้ กลเ้ ส้นลวดเพ่ือตรวจดูวา่ มีกระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นเส้นลวดหรือไม่ แกลแวนอมิเตอร์แบบขดลวดเคลื่อนที่ใชห้ ลกั การผลทางมอเตอร์ในการแสดงการเบนของเขม็ แอมมิเตอร์ (Ammeter) เป็ นเครื่องมือใชว้ ดั กระแสไฟฟ้ า ทาดว้ ยแกลแวนอมิเตอร์ชนิดขดลวดมีการออกแบบทาให้เข็มเบนไปตามสเกลในการวดั กระแสไฟฟ้ าค่าสูงๆ ตอ้ งเพ่ิมชนั ต์เขา้ ไปเพ่ือให้กระแสไฟฟ้ าสูงทาใหเ้ ขม็ เบนเตม็ สเกลใหม่ โวลตม์ ิเตอร์ (Voltmeter) เป็นเครื่องมือท่ีใชว้ ดั ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้ าระหวา่ งจุด 2 จุด ทาจากแกลแวนอมิเตอร์ท่ีตอ่ อนุกรม กบั ความตา้ นทานสูงความต่างศกั ยข์ นาดหน่ึงให้กระแสไฟฟ้ าท่ีทาใหเ้ ข็มเบนไปเตม็ สเกล ในการวดั ความตา่ งศกั ยส์ ูงมากๆ ตอ้ งใชม้ ลั ติไพลเออร์ มลั ติมิเตอร์ (Multimeter) เป็ นแกลแวนอมิเตอร์ท่ีต่อกบั ชนั ต(์ ดูแอมมิเตอร์)และมลั ติไพลเออร์(ดูโวลตม์ ิเตอร์)ใชว้ ดั กระแสไฟฟ้ าและความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้ า มิเตอร์ชนิดแท่งเหล็กเคล่ือนที่ (Moving iron meter) เป็ นมิเตอร์ท่ีใชว้ ดั กระแสไฟฟ้ าซ่ึงทาให้เกิดการเหน่ียวนาแม่เหลก็ ในแทง่ เหล็ก 2 อนั ดูดหรือผลกั กนั ทาใหเ้ กิดการเบนของแทง่ เหล็กน้นั
2064. การต่อวงจรไฟฟ้ า วงจรไฟฟ้ าเป็ นเส้นทางเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้ า การเคลื่อนที่จะเกิดข้ึนไดจ้ ะตอ้ งมีแหล่งกาเนิดพลงั งานไฟฟ้ าต่อเชื่อมเขา้ กบั เส้นลวดตวั นา และอุปกรณ์ไฟฟ้ าหน่ึง หรือสองชนิด เช่นสวติ ซ์ความตา้ นทาน แอมมิเตอร์โวลดม์ ิเตอร์ หรือหลอดไฟฟ้ า เป็นตน้ กระแสไฟฟ้ าจะไหลออกจากแหล่งกาเนิดไปโดยรอบวงจรท่ีต่อเช่ือมกนั วงจรไฟฟ้ าท่ีมีอุปกรณ์ต่อเช่ือมกนั และแผนผงั วงจรไฟฟ้ า นกั วทิ ยาศาสตร์นิยมใชส้ ญั ลกั ษณ์เป็นตวั แทนอุปกรณ์ไฟฟ้ าต่าง ๆ ในวงจรไฟฟ้ าเพื่อใหว้ าดง่ายและทาความเขา้ ใจไดใ้ นเวลาอนั รวดเร็ว โดยใชส้ ัญลกั ษณ์ท่ีใชแ้ ทนอุปกรณ์ไฟฟ้ าตา่ ง ๆ แสดงไวด้ งัตาราง
207 การต่อวงจรไฟฟ้ าแบบต่าง ๆ มี 2 ลกั ษณะ ดังนี้ 1. การต่อวงจรไฟฟ้ าแบบอนุกรม การต่อแบบอนุกรมเป็ นวงจรที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้ าเชื่อมต่อกนั กบั แหล่งกาเนิดไฟฟ้ า จากอุปกรณ์หน่ึงไปยงั อุปกรณ์อื่น ๆ โดยตรง มีรูปแบบเป็ นวงจรเดียว ขอ้ เสียของการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ าแบบอนุกรมก็คือ ถา้ อุปกรณ์ใดอุปกรณ์หน่ึงเสียก็จะทาใหก้ ระแสไฟฟ้ าในวงจรหยดุ ไหลไม่สามารถใชอ้ ุปกรณ์อื่นได้ สรุปลกั ษณะสาคญั ของการต่อความต้านทานแบบอนุกรม 1. สามารถหาคา่ ความตา้ นทานไดโ้ ดยการรวมกนั ดงั น้นั ความตา้ นทานรวมจะมีค่ามากข้ึน 2. ปริมาณกระแสไฟฟ้ าท่ีไหลผา่ นตวั ตา้ นทานแต่ละตวั เท่ากบั กระแสไฟฟ้ าในวงจร 3. ความตา่ งศกั ยร์ ะหวา่ งปลายท้งั สองของตวั ตา้ นทานจะเทา่ กบั ผลบวกของความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้ าระหวา่ งปลายท้งั สองของตวั ตา้ นทานจะเทา่ กบั ผลบวกของความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้ าระหวา่ งปลายท้งั สองของตวั ตา้ นทานแต่ละตวั 2. การต่อวงจรไฟฟ้ าแบบขนาน การต่อแบบขนานเป็นวงจรไฟฟ้ าท่ีแยกอุปกรณ์แตล่ ะชนิดในการเช่ือมต่อกนั กบั แผล่งกาเนิดไฟฟ้ า มีลกั ษณะของรูปแบบวงจรหลาย ๆ วงจร ในวงจรรวมดงั แผน ขอ้ ดีของการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ าแบบขนานกค็ ือ ถา้ อุปกรณ์ใดอุปกรณ์หน่ึงเสีย หรือชารุด อุปกรณ์อ่ีนก็ยงั มีกระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นได้ การตอ่ หลอดไฟฟ้ า 2 หลอด ที่ตอ่ โดยใหข้ ้วั ท้งั สองของหลอดไฟฟ้ าหลอดหน่ึงคร่อมข้วั ท้งั สองของอีกหลอดหน่ึง เราเรียกวา่ การตอ่ แบบขนาน กระแสไฟฟ้ าจากแหล่งกาเนิดที่ไหลเขา้ ไปในวงจรจะถูกแบ่งใหไ้ หลเขา้ ไปในอุปกรณ์ไฟฟ้ าต่าง ๆ ดว้ ยปริมาณที่ไมเ่ ทา่ กนั ข้ึนอยกู่ บั ความตา้ นทานของอุปกรณ์ไฟฟ้ า ถา้ อุปกรณ์ไฟฟ้ ามีความตา้ นทานสูง กจ็ ะมีปริมาณกระแสไฟฟ้ าไหลอยา่ งนอ้ ย แต่ถา้อุปกรณ์ไฟฟ้ ามีความตา้ นทานต่า จะมีปริมาณกระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นมาก และกระแสไฟฟ้ าที่ไหลผา่ น
208อุปกรณ์ไฟฟ้ าแตล่ ะอนั รวมกนั แลว้ จะเทา่ กบั กระแสไฟฟ้ าที่ไหลออกจากแหล่งกาเนิด เราใชห้ ลกั การและความสมั พนั ธ์จากกฎของโอห์มมาคานวณหาความตา้ นทาน และปริมาณกระแสไฟฟ้ าท่ีไหลในวงจรเม่ือต่อหลอดไฟฟ้ าแบบขนานได้ สรุปสาระสาคัญของการต่อความต้านทานแบบขนาน 1. ความตา้ นทานรวมของวงจรมีคา่ นอ้ ยลง และนอ้ ยกวา่ ความตา้ นทาน ตวั ท่ีนอ้ ยที่สุดท่ีนามาตอ่ ขนานกนั 2. ปริมาณกระแสไฟฟ้ ารวมของวงจรมีค่าเท่ากบั ผลบวกของกระแสไฟฟ้ าของวงจรยอ่ ย 3. ความตา่ งศกั ยร์ ะหวา่ งปลายท้งั สองของตวั ตา้ นทานแตล่ ะตวั มีคา่ เท่ากนั และเทา่ กบั ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้ าระหวา่ งปลายท้งั สองของตวั ตา้ นทานท่ีต่อขนานกนั5. กฎของโอห์ม กระแสไฟฟ้ าที่ไหลในวงจรไฟฟ้ าไดน้ ้นั เกิดจากแรงดนั ไฟฟ้ าที่จ่ายใหก้ บั วงจร และปริมาณกระแสไฟฟ้ าภายในวงจรจะถูกจากดั โดยความตา้ นทานไฟฟ้ าภายในวงจรไฟฟ้ าน้นั ๆ ดงั น้นั ปริมาณกระแสไฟฟ้ าภายในวงจรจะข้ึนอยกู่ บั แรงดนั ไฟฟ้ า และค่าความตา้ นทานของวงจร ซ่ึงวงจรน้ีเรียกวา่กฎของโอห์ม กล่าววา่ กระแสไฟฟ้ าที่ไหลในวงจรจะแปรผนั ตรงกบั แรงดนั ไฟฟ้ า และแปรผกผนั กบัความตา้ นทานไฟฟ้ า โดยเขียนความสัมพนั ธ์ไดด้ งั น้ี Current = Voltage Resistance I=V Rตัวอย่าง จงคานวณหาค่าปริมารกระแสไฟฟ้ าของวงจรไฟฟ้ าที่มีแรงดนั ไฟฟ้ าขนาด 50 โวลต์ และมีคา่ความตา้ นทานของวงจรเทา่ กบั 5 โอห์มวธิ ีทา จากสูตร I = V R แทนค่า I = 50V 50 I = 10 แอมแปร์อุปกรณ์ทดลอง 1. เคร่ืองจา่ ยไฟฟ้ ากระแสตรงปรับค่าได้ 0.30 V 2. มลั ติมิเตอร์ 3. ตวั ตา้ นทานขนาดตา่ ง ๆ จานวน 3 ตวั 4. สายไฟ
209การทดลอง 1. นาตวั ตา้ นทานแหล่งจา่ ยไฟฟ้ ากระแสตรงที่ปรับคา่ ไดต้ ่อวงจร ดงั รูป 2. ปรับคา่ โวลตท์ ่ีแหล่งจ่ายไฟประมาณ 5 คา่ และแตล่ ะคร้ังท่ีปรับคา่ โวลตใ์ หว้ ดั คา่ กระแสไฟท่ีไหลผา่ นวงจร บนั ทึกผลการทดลอง 3. หาคา่ ระหวา่ ง 4. นาคา่ ที่ไดไ้ ปเขียนกราฟระหวา่ ง V กบั 1 ดงั รูป 5. หาคา่ ความชนั เปรียบเทียบกบั ค่าที่ไดใ้ นขอ้ 3 เปรียบเทียบตวั ตา้ นทาน และทาการทดลองเช่นเดียวกนั กบั ขอ้ 1 – 4คาถาม ค่า V ท่ีทดลองไดเ้ ป็ นไปตามกฎของโอห์มหรือไม่ เพราะเหตุใด I6. การเดนิ สายไฟฟ้ า วธิ ีการเดนิ สายไฟฟ้ า แบ่งออกได้ 2 แบบ คอื แบบเดนิ บนผนังและแบบฝังในผนัง 6.1 การเดนิ สายไฟบนผนัง การเดินสายไฟแบบน้ีจะมองเห็นสายไฟ อาจทาใหด้ ูไม่เรียบร้อย ไมส่ วยงาม หากช่างเดินสายไฟไม่เรียบตรง ยงิ่ จะเสริมใหด้ ูไมเ่ รียบร้อยตกแตง่ หอ้ งใหด้ ูสวยงามยาก มีขอ้ ดีที่ค่าใชจ้ า่ ยถูกกวา่แบบฝังในผนงั สามารถตรวจสอบและซ่อมแซมไดง้ ่าย ข้นั ตอนท่ี 1 กาหนดรูปแบบจุดตาแหน่งของปลกั๊ ที่ตอ้ งการเพิม่ แ ละแนวการเดินสายไฟ ควรให้อยใู่ นแนวเดิมของสายที ู่เดินอยแู่ ลว้ ในกรณีท่ีมีสายแบบเดินลอยอยแู่ ล้ วใหใ้ ชแ้ นวสายไฟเดิมกไ็ ด้ แลว้ คอ่ ยแยกเขา้ ตาแหน ู่งที่ตอ้ งการ ข้นั ตอนท่ี 2 การเดินแนวใหม่ ควรเดินลากจากจุดต่อข้ึนบนเพดาน ก่อนแลว้ จึงเดินลงตาแหน่งท่ีตอ้ งการวดัระยะจากข อบผนงั แลว้ ตีแนวสายไฟดว้ ยดา้ ยตีเส้น
210 ข้นั ตอนท่ี 3 ตอกตะปเู ขม็ ขดั สายไฟตามแนวที่ตีเส้นเขา้ ที่ผนงั และแนวท่ีจะลงตาแหน่งท่ีติดต้งั ใหม่ดว้ ยโดยพบั เขม็ ขดั ทบั หวั ตะปูเพื่อจบั ขณะตอก ข้นั ตอนที่ 4 เวน้ ระยะห่างของเขม็ ขดั รัดสายไฟประมาณ 10-15ซม. ใ นส่วนโคง้ หรือหกั มุมของเพดานให้ตอกเขม็ ขดั ถี่ปร ะมาณช่องละ1-2 ซม. เพือ่ ที่จะรัดสายไฟใหแ้ นบสนิท กบั ผนงั ไม่โก่งงอ ข้นั ตอนที่ 5 ติดต้งั เตา้ เสียบที่ตาแหน่งใหม่ เจาะยดึ ตวั บล็ อคดว้ ยสวา่ นไฟฟ้ าและขนั ดว้ ยสกรู ยดึ ใหแ้ น่นหากเ ป็นผนงั ไมค้ วรหาโดรงไมท้ าบในผนงั ก่อนเพอ่ื ความแ ขง็ แรง ข้นั ตอนท่ี 6 เดินสายไฟในแนวตอกเขม็ ขดั ไวแ้ ละรัดสายไฟเขา้ กบั เข็มขดั ใหแ้ น่น ต่อสายใส่เขา้ กบั เตา้ เสียบใหมใ่ หเ้ รียบร้อยประกอบเขา้ บล็อค ข้นั ตอนท่ี 7 ปิ ดเมนสวทิ ช์ก่อนเช็คดูวา่ ไมม่ ีไฟเขา้ ปลก๊ั ที่จ ะต่อพว่ ง โดยใชไ้ ขควงเช็คไฟเช็คดูวา่ ไม่มีแสงไฟใ นดา้ มไขควง แลว้ จึงทาการพว่ งสายไฟเขา้ กบั ปลกั๊ เ ดิม และทดลองเปิ ดสวทิ ช์แลว้ ใชไ้ ขควงเช็คไฟที่ปลก๊ั จุดใหม่ 6.2 การเดินแบบฝังในผนัง การเดินแบบฝังในผนงั เป็ นการเดินสายไฟโดยร้อยสายผ่านท่อสายไฟซ่ึงฝังในผนงั อาคาร ทาให้ดูเรียบร้อยและตกแต่งห้องไดง้ ่ายเพราะมองไม่เห็นสายไฟจากภายนอก การเดินท่อร้อยสายตอ้ งทาควบคู่ไปพร้อมการก่อ-ฉาบ ไม่ควรประหยดั หรือปล่อยให้มีการลกั ไก่โดยการเดินสายไฟแบบฝังในผนงั โดยไม่ร้อยใส่ท่อร้อยสายไฟ เพราะหากเกิดไฟร่ัวอาจเกิดอุบตั ิเหตุกบั ผอู้ าศยั เมื่อไปสัมผสั กาแพง การติดต้งั มีค่าใชจ้ ่ายสูงกวา่ แบบเดินสายบนผนงั การติดต้งั มีความยงุ่ ยากและซบั ซ้อน การเปลี่ยนแปลงและซ่อมแซมภายหลงั จากที่ไดต้ ิดต้งั ไปแลว้ ทาไดย้ ากและเสียค่าใชจ้ ่ายมากกวา่ แบบแรกมาก การเดินสายไฟมกั จะใชว้ ธิ ีเดินสาย ลอยตามผนงั อาคาร ขณะที่การเดินท่อน้าจะเดินท่อลอยตามขอบพ้ืนและขอบผนงั เมื่อใช้งานไป หากเกิดการชารุดเสียหายข้ึนการตรวจสอบและการซ่อมแซมก็สามารถทาไดไ้ ม่ยาก แต่ในปัจจุบนั บา้ นเรือนสมยั ใหม่ มีความพิถีพิถนั ในดา้ นความสวยงามมากข้ึนการเดินสายไฟมกั จะใชว้ ธิ ีเดินสายร้อยท่อ ซ่ึงฝังอยภู่ ายในผนงั หรือเหนือเพดานขณะท่ีการเดินท่อน้าจะใชว้ ธิ ีเดินทอ่ ฝัง อยภู่ ายในผนงั หรือใตพ้ ้นื เพื่อซ่อนความรกรุงรัง ของสายไฟ และท่อน้าเอาไว้ การเดินสายไฟและท่อน้าแบบฝังน้ีแมจ้ ะเพิ่มความสวยงาม และความเป็ นระเบียบเรียบร้อย ให้แก่ตวั บา้ นแต่ก็มีขอ้ เสียแฝงอยู่ เพราะถา้ เกิดปัญหาไฟช็อต ไฟร่ัว หรือท่อน้ารั่ว ซ่ึงอาจจะมีสาเหตุมาจาก การใช้วสั ดุท่ีดอ้ ยคุณภาพ การติดต้งั อย่างผิดวิธี หรือการชารุดเสียหายอนั เนื่องมาจากการใชง้ านก็ตาม การ
211ตรวจสอบ หรือการซ่อมแซมยอ่ มทาไดล้ าบาก อาจถึงข้นั ตอ้ งทา การร้ือฝ้ าเพดานร้ือกาแพงหรือพ้ืนท่ีบางส่วนเพือ่ ทาการตรวจสอบและ แกไ้ ขปัญหาที่เกิดข้ึน ซ่ึงทาใหเ้ กิด ความเสียหายตอ่ ตวั บา้ น เสียเวลาและเสียค่าใชจ้ ่ายสูงในการวางระบบไฟฟ้ า วิธีหลีกเล่ียงปัญหาขา้ งตน้ อยา่ งง่ายๆวิธีหน่ึงก็คือการเลือกเดินสายไฟแบบลอย ซ่ึงอาจจะดูไม่เรียบร้อยนกั และเหมาะสาหรับ อาคารบา้ นเรือนขนาดเล็กเท่าน้นัแตส่ าหรับผทู้ ่ีตอ้ งการความประณีตสวยงามหรือบา้ นขนาดใหญ่ที่มีการเดินสายไฟ เป็นจานวนมาก การเดินสายไฟแบบฝัง ดูจะมีความเหมาะสมกวา่ อยา่ งไรก็ตาม ปัญหาตา่ งๆ ดงั กล่าวอาจจะป้ องกนั หรือทาให้ ลดน้อยลงไดโ้ ดยการเลือกใชว้ สั ดุท่ีมีคุณภาพ ใชว้ สั ดุที่ถูกตอ้ ง และมีขนาดท่ีเหมาะสม รวมท้งั มีการติดต้งั อยา่ งถูกวธิ ีและมีระบบ แบบแผน ข้อแนะนาในการออกแบบระบบวงจรไฟฟ้ าภายใน ระบบวงจรไฟฟ้ าภายในบา้ นควรแยกวงจรควบคุมพ้นื ท่ีต่างๆ เป็นส่วนๆ เช่น แยกตามช้นั หรือแยกตามประเภทของการใชไ้ ฟฟ้ า ทาใหง้ ่ายต่อการซ่อมแซมในกรณีไฟฟ้ าขดั ขอ้ ง หอ้ งควรแยกไวต้ ะหากเพราะหากตอ้ งดบั ไฟในบา้ น เพอ่ื ซ่อมแซมจะไดไ้ มต่ อ้ งดบั ไฟหอ้ งครัวท่ีมีตเู้ ยน็ ที่แช่อาหารไว้อาหารจะไดไ้ มเ่ สีย7. การใช้เคร่ืองใช้ไฟฟ้ าอย่างง่าย ไฟฟ้ าแสงสว่าง - ติดต้งั จานวนหลอดไฟฟ้ าเทา่ ที่จาเป็นและเหมาะสมกบั การใชง้ าน - ใชห้ ลอดไฟฟ้ าชนิดท่ีใชแ้ สงสวา่ งมากแต่กินไฟนอ้ ย และมีอายกุ ่ีใชง้ านยาวนานกวา่ เช่น หลอดฟูออเรสเซนต์ หลอดคอมแพคท์ เป็ นตน้ - ทาความสะอาดหลอดไฟฟ้ าหรือโคมไฟเป็ นประจา - ตกแตง่ ภายในอาคารสถานท่ีโดยใชส้ ีออ่ นเพ่ือเพม่ิ การสะทอ้ นของแสง - ปิ ดสวติ ซ์หลอดไฟฟ้ าทุกดวงเมื่อเลิกใชง้ าน พดั ลม - เลือกขนาดและแบบให้เหมาะสมกบั การใชง้ าน - ปรับระดบั ความเร็วลมพอสมควร - เปิ ดเฉพาะเวลาที่จาเป็นเทา่ น้นั - หมนั่ บารุงดูแลรักษาใหอ้ ยใู่ นสภาพท่ีดี เครื่องรับโทรทศั น์ - ควรเลือกขนาดท่ีเหมาะสมกบั ครอบครัวและพ้นื ท่ีในหอ้ ง - ควรเลือกชมรายการเดี่ยว หรือเปิ ดเมื่อถึงเวลาท่ีมีรายการท่ีตอ้ งการชม
212- ถอดปลก๊ั เครื่องรับโทรทศั น์ทุกคร้ังเม่ือไมม่ ีคนชมเครื่องเป่ าผม- ควรเช็ดผมใหห้ มาดก่อนใชเ้ ครื่องเป่ าผม- ควรขย้แี ละสางผมไปดว้ ยขณะใชเ้ ครื่องเป่ าผม- เป่ าผมดว้ ยลมร้อนเทา่ ท่ีจาเป็ นเตารีดไฟฟ้ า- พรมน้าเส้ือผา้ แตพ่ อสมควร- ปรับระดบั ความร้อนใหเ้ หมาะสมกบั ชนิดของเส้ือผา้- เร่ิมตน้ รีดผา้ บาง ๆ ขณะที่เตารีดยงั ร้อนไม่มาก- เส้ือผา้ ควรมีปริมาณมากพอสมควรในการรีดแต่ละคร้ัง- ถอดปลกั๊ ก่อนเสร็จสิ้นการรีด 2-3 นาที เพราะยงั คงมรความร้อนเหลือพอหม้อชงกาแฟ- ใส่น้าใหม้ ีปริมาณพอสมควร- ปิ ดฝาใหส้ นิทก่อนตม้- ปิ ดสวติ ซ์ทนั ทีเมื่อน้าเดือดหม้อหุงข้าวไฟฟ้ า- เลือกใชข้ นาดท่ีเหมาะสมกบั ครอบครัว- ถอดปลก๊ั ออกเม่ือขา้ วสุกหรือไม่มีความจาเป็นตอ้ งอุ่นให้ร้อนอีกตอ่ ไปตู้เยน็- เลือกใชข้ นาดที่เหมาะสมกบั ครอบครัว- ต้งั วางตูเ้ ยน็ ใหห้ ่างจากแหล่งความร้อน- ไม่ควรนาอาหารท่ีร้อนเขา้ ตูเ้ ยน็ ทนั ที- ไม่ควรใส่อาหารไวใ้ นตูเ้ ยน็ มากเกินไป- หมนั่ ละลายน้าแขง็ ออกสัปดาห์ละคร้ัง- หมน่ั ทาความสะอาดแผงระบายความร้อน- ไมค่ วรเปิ ดประตูตเู้ ยน็ บ่อย ๆ หรือปล่อยใหเ้ ปิ ดทิ้งไว้- ดูแลยางขอบประตูตเู้ ยน็ ใหป้ ิ ดสนิทเสมอ
213 เคร่ืองทาความร้อน - เลือกใชข้ นาดที่เหมาะสมกบั ครอบครัว - ไมค่ วรปรับระดบั ความร้อนสูงจนเกิดไป - ควรปิ ดวาลว์ บา้ งเพอ่ื รักษาน้าร้อนไวข้ ณะอาบน้า - ไม่ควรใชเ้ ครื่องทาความร้อนในฤดูร้อน - ปิ ดวาลว์ น้าและสวติ ซ์ทนั ทีเม่ือเลิกใชง้ าน เครื่องปรับอากาศ - หอ้ งที่ติดต้งั เครื่องปรับอากาศ ควรใชฝ้ ้ าเพดานที่มีคุณสมบตั ิเป็นฉนวนป้ องกนั ความร้อน - เลือกขนาดของเครื่องใหเ้ หมาะสมกบั ขนาดพ้ืนท่ีหอ้ ง - เลือกใชเ้ คร่ืองปรับอากาศท่ีไดร้ ับการรับรองคุณภาพและช่วยประหยดั พลงั งาน - ปรับระดบั อุณหภูมิและปริมาณลมใหเ้ กิดความรู้สึกสบายในแตล่ ะฤดูกาล - หมน่ั ดูแลบารุงรักษาและทาความสะอาดชิ้นส่วนอุปกรณ์และเครื่องให้อยใู่ นสภาพท่ีดีอยเู่ สมอ - ดูแลประตูหนา้ ตา่ งใหป้ ิ ดสนิทเสมอ - ใชพ้ ดั ลมระบายอากาศเท่าท่ีจาเป็น - ปิ ดเคร่ืองก่อนเลิกใชพ้ ้นื ท่ีปรับอากาศประมาณ 2-3 นาที เครื่องซักผ้า - ในการซกั แตล่ ะคร้ังควรใหป้ ริมาณเส้ือผา้ พอเหมาะกบั ขนาดเครื่อง - ควรใชว้ ธิ ีผ่งึ แดดแทนการใชเ้ ครื่องอบผา้ แหง้ - ศึกษาและปฏิบตั ิตามวธิ ีการในคูม่ ือการใช้8. ความปลอดภัยและอุบัติเหตุจากอาชีพช่างไฟฟ้ า 1) ก่อนลงมือปฏิบตั ิงานกบั อุปกรณ์ไฟฟ้ า ใหต้ รวจหรือวดั ดว้ ยเคร่ืองมือวดั ไฟฟ้ าวา่ ในสายไฟหรืออุปกรณ์น้นั มีไฟฟ้ าหรือไม่ 2) การทางานกบั อุปกรณ์ไฟฟ้ าในขณะปิ ดสวติ ช์ไฟหรือตดั ไฟฟ้ าแลว้ ตอ้ งต่อสายอุปกรณ์น้นัลงดินก่อนทางานและตลอดเวลาที่ทางาน 3) การตอ่ สายดินใหต้ ่อปลายทางดา้ น\" ดิน \"ก่อนเสมอจากน้นั จึงต่อปลายอีกขา้ งเขา้ กบั อุปกรณ์ไฟฟ้ า 4) การสมั ผสั กบั อุปกรณ์ไฟฟ้ าแรงดนั ต่าใดๆ หากไมแ่ น่ใจใหใ้ ชอ้ ุปกรณ์ทดสอบไฟวดั ก่อน 5) การจบั ตอ้ งอุปกรณ์ท่ีมีไฟฟ้ า จะตอ้ งทาโดยอาศยั เคร่ืองมือ-อุปกรณ์ และวธิ ีการที่ถูกตอ้ งเท่าน้นั 6) เครื่องมือเครื่องใชท้ ่ีทางานกบั อุปกรณ์ไฟฟ้ า เช่น คีม ไขควง ตอ้ งเป็นชนิดที่มีฉนวนหุ้ม 2 ช้นั อยา่ งดี
214 7) ขณะทางานตอ้ งมนั่ ใจวา่ ไม่มีส่วนใดส่วนหน่ึงของร่างกายหรือเครื่องมือที่ใชอ้ ยสู่ ัมผสั กบัส่วนอื่นของอุปกรณ์ที่มีกระแสไฟดว้ ยความพล้งั เผลอ 8) การใชก้ ญุ แจป้ องกนั การสบั สวติ ช์ การแขวนป้ ายเตือนหา้ มสับสวติ ช์ตลอดจนการปลดกุญแจและป้ ายตอ้ งกระทาโดยบุคคลคนเดียวกนั เสมอ 9) การข้ึนที่สูงเพอ่ื ทางานกบั อุปกรณ์ไฟฟ้ าตอ้ งใชเ้ ขม็ ขดั นิรภยั หากไม่มีการใชเ้ ชือกขนาดใหญค่ ลอ้ งเอาไวก้ บั โครงสร้างหรือส่วนหน่ึงส่วนใดของอาคาร 10) การทางานเกี่ยวกบั ไฟฟ้ าหากเป็นไปไดค้ วรมีผชู้ ่วยเหลืออยดู่ ว้ ย 8.1 ข้อควรระวงั ในการทางานเกยี่ วกบั ไฟฟ้ าทวั่ ๆ ไป - เมื่อพบวา่ ฝาครอบ หรือกล่องสวติ ชช์ ารุด หรือตกเสียหาย และควรรีบเปล่ียนและซ่อมแซมทนั ที - รักษาความสะอาดของพ้นื บริเวณท่ีซ่ึงสวติ ชอ์ ยใู่ กล้ ๆ - หมน่ั สารวจตรวจตราภายในแผงสวิตช์ ตูค้ วบคุมทางไฟฟ้ า ไม่ให้มีเศษผงทองแดงหรือโลหะท่ีนาไฟฟ้ าอยแู่ ละอยา่ นาชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในตูค้ วบคุม เช่น ฟิ วส์ ออกจากตคู้ วบคุม - การเปล่ียนฟิ วส์ ควรใชฟ้ ิ วส์เฉพาะงานน้นั ๆ และก่อนเปลี่ยนตอ้ งสับสวติ ช์ (ใหว้ งจรไฟฟ้ าเปิ ดใหเ้ รียบร้อยก่อน) - อยา่ ใชฝ้ าครอบที่ทาดว้ ยสารที่สามารถลุกติดไฟได้ เปิ ดฝาครอบสวติ ช์ - สวติ ช์แต่ละอนั ควรมีป้ ายแสดงรายละเอียดดงั น้ี * ใชก้ บั กระแสไฟตรง หรือกระแสสลบั * ความตา่ งศกั ยท์ างไฟฟ้ า (หรือแรงดนั /แรงเคล่ือนไฟฟ้ า) * กระแสไฟฟ้ า * เครื่องมือเครื่องใชท้ างไฟฟ้ าที่ตอ่ กบั สวติ ช์น้นั * ช่ือผรู้ ับ - ตอ้ งสับสวิตช์ให้วงจรไฟฟ้ าเปิ ด เมื่อตอ้ งการตรวจสอบหรือซ่อมแซมเครื่องจกั รแลว้ ให้ทาสัญลกั ษณ์หรือป้ ายท่ีสวิตช์วา่ \"กาลงั ซ่อม\"- ก่อนสับสวิตช์ให้วงจรไฟฟ้ าปิ ด ตอ้ งแน่ใจว่าทุกอยา่ งเรียบร้อยและไดร้ ับสัญญาณถูกตอ้ ง และก่อนเปิ ดทดลองเดินเครื่องควรตรวจดูว่าเครื่องจกั รน้นั ไม่มีวตั ถุอื่นใดติดหรือขดั อยู่ - การส่งสญั ญาณเกี่ยวกบั เปิ ด-ปิ ดสวติ ช์ ควรทาดว้ ยความระมดั ระวงั - อยา่ ปิ ด-เปิ ดสวติ ชข์ ณะมือเปี ยกน้า - การสบั สวติ ชใ์ หว้ งจรไฟฟ้ าปิ ดตอ้ งแน่ใจวา่ สญั ญาณน้นั ถูกตอ้ ง - การขนั สลกั เกลียวเพื่อยดึ สายไฟฟ้ า ตอ้ งขนั ใหแ้ น่น - อุปกรณ์ไฟฟ้ าท่ีชารุดอยา่ ฝืนใชง้ านจะเกิดอนั ตรายได้ 8.2 ข้อทไี่ ม่ควรกระทาในการปฏบิ ัติงานเกย่ี วกบั ไฟฟ้ า
215 - ไมค่ วรถอดปลกั๊ ไฟดว้ ยการดึงสายไฟ - ไม่ควรใชเ้ คร่ืองมือและอุปกรณ์ไฟฟ้ าท่ีชารุด - ไมค่ วรใชป้ ลก๊ั ไฟที่ชารุด - ไม่ควรต่อพว่ งไฟเกินกาลงั - ไม่ควรตอ่ ปลกั๊ ผดิ ประเภท - ไม่ควรซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้ าดว้ ยตนเองถา้ หากไมม่ ีความรู้อยา่ งแทจ้ ริง 8.3 ความปลอดภัยเกย่ี วกบั ตวั ผ้ปู ฏบิ ตั ิงาน การแต่งกาย - เครื่องแบบท่ีเหมาะสมในการปฏิบตั ิงานเก่ียวกบั เคร่ืองจกั ร คือ เส้ือและกางเกงท่ีเป็ นชิ้นเดียวกนั ซ่ึงอยใู่ นสภาพท่ีเรียบร้อย เส้ือผา้ ท่ีฉีกขาดไม่ควรนามาใช้ เพราะจะทาใหเ้ ขา้ ไปติดกบัเคร่ืองจกั รที่กาลงั หมุนได้ - ติดกระดุมทุกเมด็ ใหเ้ รียบร้อย - ไมค่ วรใส่เคร่ืองประดบั เช่น สร้อยคอ นาฬิกา แหวน - ตอ้ งใส่รองเทา้ หุม้ ส้น หรือรองเทา้ บูด๊ เพื่อป้ องกนั เศษโลหะท่ิมตา - ควรสวมแวน่ ตา เพอื่ ป้ องกนั เศษโลหะกระเด็นเขา้ ตา เช่น การเจียระไนงาน หรือแสงจากการเชื่อมโลหะ - ควรสวมหมวกในกรณีท่ีปฏิบตั ิงานเก่ียวก - ไม่ควรไวผ้ มยาวหรือมิฉะน้นั ควรสวมหมวก - สภาพการทางานที่มีเสียงดงั ควรสวมท่ีครอบหู
2169. การบริหารจัดการและการบริการทด่ี ี บริการที่ดี หมายถึง ความต้งั ใจและความพยายามในการให้บริการต่อผรู้ ับบริการ มีระดบั การปฏิบตั ิ ดงั น้ีระดับท่ี 1 สามารถให้บริการแก่ผ้รู ับบริการ ด้วยความเต็มใจ o ใหบ้ ริการท่ีเป็นมิตรภาพ o ใหข้ อ้ มูลขา่ วสารท่ีถุกตอ้ งชดั เจนแกผ้ รู้ ับบริการ o แจง้ ใหผ้ รู้ ับบริการทราบความคืบหนา้ ในการดาเนินเร่ือง หรือข้นั ตอนงานต่าง ๆ ท่ีใหบ้ ริการอยู่ o ประสานงานใหแ้ ก่ผรู้ ับบริการไดอ้ ยา่ งตอ่ เนื่องและรวดเร็วระดบั ที่ 2 ช่วยแก้ปัญหาให้แก่ผู้รับบริการ o ช่วยแกป้ ัญหาหรือหาแนวทางแกไ้ ขปัญหาท่ีเกิดข้ึนแกผ้ รู้ ับบริการอยา่ งรวดเร็วไม่บ่ายเบ่ียง ไม่ แกต้ วั หรือปัดภาระ o ผูร้ ับบริการได้รับความพึงพอใจและนาข้อขัดขอ้ งท่ีเกิดจากการให้บริการไปพฒั นาให้การ บริการดียงิ่ ข้ึนระดับที่ 3 ให้บริการทเี่ กนิ ความคาดหวงั แม้ต้องให้เวลาหรือความพยายามอย่างมาก o ใหเ้ วลาแก่ผรู้ ับบริการเป็นพิเศษ เพื่อช่วยแกป้ ัญหาใหแ้ ก่ผรู้ ับบริการ o นาเสนอวธิ ีการในการใหบ้ ริการที่ผรุ ับบริการจะไดร้ ับประโยชนส์ ูงสุดระดับที่ 4 เข้าใจและให้บริการทตี่ รงตามความต้องการทแ่ี ท้จริงของผู้รับบริการได้ o พยายามทาความเขา้ ใจด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อให้บริการได้ตรงตามความตอ้ งการที่แทจ้ ริงของ ผรู้ ับบริการ o ใหค้ าแนะนาที่เป็นประโยชน์แกผ้ รู้ ับบริการ เพือ่ ตอบสนองความตอ้ งการระดับที่ 5 ให้บริการทเ่ี ป้ นประโยชน์อย่างแท้จริงให้แก่ผู้รับบริการ o คิดถึงประโยชน์ของผรู้ ับบริการในระยะยาว o เป็นท่ีปรึกษาท่ีมีส่วนช่วยในการตดั สินใจท่ีผรู้ ับบริการไวว้ างใจ o สามารถให้ความเห็นที่แตกต่างจากวีการหรือข้นั ตอนท่ีผรู้ ับบริการตอ้ งการให้สอดคลอ้ งกบั ความจาเป็น ปัญหา โอกาส เพ่ือประโยชน์อยา่ งแทจ้ ริงของผรู้ ับบริการ
21710. โครงงานวทิ ยาศาสตร์สู่อาชีพ อาชีพช่างไฟฟ้ า เป็ นอาชีพสาคญั จาเป็ นกบั สังคมเทคโนโลยีในทุกยุคทุกสมยั ผูม้ ีอาชีพช่างไฟฟ้ า ตอ้ งมีความชานาญเฉพาะทาง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างผลงาน นอกเหนือจากการติดต้งัซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้ า และยงั สามารถสร้างสรรคผ์ ลงานเป็ นอุปกรณ์เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ า สาหรับครัวเรือนเพ่ือความสะดวกสบายในชีวิตประจาวนั ของมนุษย์ ดงั น้นั ช่างไฟฟ้ า นอกจากเป็ นอาชีพเพื่อบริการ ยงันาไปสู่เพอื่ การพาณิชยไ์ ดด้ ี โดยผเู้ รียนนาความรู้ ผลงาน จากโครงงานเร่ืองไฟฟ้ า ไปต่อยอดสู่อาชีพไดอ้ ยา่ งหลากหลาย อาทิเช่น การประดิษฐ์โคมไฟเพ่ือประดบั ตกแต่ง โคมไฟเพื่ออ่านหนงั สือ เครื่องเตือนภยั น้าท่วมอยา่ งง่าย ฯลฯตัวอย่างที่ 1 การประดิษฐ์โคมไฟเพอ่ื ประดบั ตกแต่งวสั ดุทใ่ี ช้ ราคาประมาณ 30 บาท 1. สวทิ ซ์ไฟ สาหรับเปิ ดปิ ด ราคาประมาณ 79 บาท 2. หลอดไฟฟลูออเรสเซนตแ์ บบยาว นากลบั มาใชใ้ หม่ (reuse) 3. แผน่ ซีดี 61 แผน่ ราคาประมาณ 30 บาท 4. สายไฟ 1.8 เมตรวธิ ีทาโคมไฟจากแผ่นซีดี วธิ ีทาโคมไฟจากแผน่ ซีดี แผน่ ซีดีที่เสียแลว้ ใครจะเชื่อวา่ สามารถนามาทาโคมไฟอนั สวยหรูมีระดบั อยา่ งท่ีใครนึกไม่ถึงมากก่อน สนใจละซิ ลองมาทาดูวา่ เขาทากนั อยา่ งไรทาใหไ้ ดโ้ คมไฟสวยสดุดใจ โดยใชต้ น้ ทุนประมาณ 139 บาท ดงั น้ี
218 หลอดไฟท่ีใช้ถอดส่วนประกอบหลอดไฟออก เพื่อจะไดแ้ ยกเอาสวทิ ซ์กบั หลอดไฟ ไวส้ าหรับติดนอกกล่องโคมไฟ นามากะระยะวา่ สวทิ ซ์ กบั หลอดไฟจะอยตู่ าแหน่งไหน
219ตดั แผน่ ไมอ้ ดั หนาขนาด 3/8 นิ้ว เป็นรูปวงกลมขนาด แผน่ ซีดี จานวน 18 แผน่ แผน่ ไมอ้ ดั ที่ตดั ออกมา ทาดว้ ยกาวร้อน แลว้ ใชส้ กรูอดั ใหแ้ น่น ทิ้งไวใ้ หก้ าวแหง้ ประมาณ 20 นาที
220ใชส้ วา่ นเจาะช่องตรงกลางไมใ้ หใ้ ส่หลอดไฟได้ เจาะช่องใหส้ ายไฟ กบั สวทิ ซไ์ ฟใส่ได้ วางหลอดไฟใส่ลงไปในช่องน้ี
221 ใส่สวทิ ซ์ไฟ กบั สายไฟตามช่องที่เจาะไว้เจาะรูตรงกลางแผน่ ซีดี ใหก้ วา้ งพอที่จะใส่หลอดไฟได้ เจาะใหใ้ ส่หลอดไฟไดแ้ บบน้ี
222 จบั แผน่ ซีดีสองแผน่ มาจบั คู่ประกบกนั โดยหนั ดา้ นท่ีมนั วาวออกท้งั สองดา้ น แลว้ ใชก้ าวร้อนทาทิ้งไวใ้ หแ้ หง้ แลว้ เจาะรู 3 รู ไวส้ าหรับใส่น็อตยาวเป็นเสาขา 3 ขา ดงั ภาพ ช้นั แรกใส่แผน่เดียว จากน้นั คอ่ ยใส่วงแหวน รองเพ่ือให้เป็นช้นั ๆ มีช่องวา่ งใหแ้ สงกระจายออก ใส่ไปเรื่อยๆจนถึงช้นั สุดทา้ ย ใชแ้ ผน่ ซีดี 4 แผน่ ทากาวประกบกนั ปิ ดเป็ นฝาขา้ งบน เวลาจะเปล่ียนหลอดไฟขา้ งใน กไ็ ขน็อตออก แลว้ หยบิ หลอดไฟมาเปล่ียน ประกอบเสร็จแลว้ เม่ือเปิ ดไฟ จะไดภ้ าพดงั น้ีที่มา http://www.yousaytoo.com/tensionnot/how-to-make-a-cool-cd-lamp/4877
223ตัวอย่างท่ี 2 ส่ิงประดิษฐ์เคร่ืองเตือนภัยน้าท่วมอย่างง่ายวสั ดุทใ่ี ช้1. สวทิ ซ์และกริ่งไฟฟ้ าแบบไร้สาย ราคาประมาณ 100-150 บาท2. เศษโฟม นากลบั มาใชใ้ หม่ (reuse)3. ถุงพลาสติก นากลบั มาใชใ้ หม่ (reuse)วธิ ีทา 1. หาซ้ือกริ่งประตบู า้ นแบบไร้สายมีขายเกือบทุกหา้ ง (ราคาประมาณร้อยกวา่ บาทถึงหา้ ร้อยบาท) เอาแบบกดคา้ งแลว้ ร้องต่อเน่ือง นอนหลบั แลว้ จะไดต้ ื่น (บางยหี่ อ้ กดคา้ งแลว้ ร้องคร้ังเดียว) 2. หาอุปกรณ์ดงั น้ี ตระกร้าทรงเต้ีย แผน่ โฟม ซองซิปกนั น้า เทปกาว กาวสองหนา้ กอ้ นอิฐหรือหิน 3. นากร่ิงตวั ลูก(สวติ ซ์ที่กดกร่ิง)มาติดกาวสองหนา้ บริเวณท่ีกดใหท้ ่ีกดนูนข้ึน(ไม่ตอ้ งลอกกระดาษอีกดา้ นออก) แลว้ ใส่ซองซิปไม่ใหน้ ้าเขา้ 4. ตดั โฟมใหม้ ีขนาดเลก็ กวา่ ตะกร้าเลก็ นอ้ ย นากริ่งตวั ลูกที่อยใู่ นซองซิปไปวางกลางโฟมแลว้ติดเทปกาวบนโฟม
224 5. หาที่เหมาะๆวางโฟมที่พ้ืน ท่ีตอ้ งการทราบวา่ น้าทว่ มแลว้ เช่นประตูร้ัว ครอบโฟมดว้ ยตะกร้า ทบั ตะกร้าดว้ ยอิฐหรือหิน (ระยะสัญญาณประมาณ100เมตรจากตวั แม่) 6. เสียบปลก๊ั ตวั แม่(สญั ญาณกระดิ่ง)ไวใ้ นบา้ น 7. เมื่อน้าท่วมโฟมจะลอยตัวดันสวิตซ์ท่ีกดกริ่งกับก้นตะกร้าท่ีถูกทบั ไวด้ ้วยอิฐหรือหินทาใหส้ ญั ญาณร้องเตือนที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=653105
22511. คาศัพท์ทางไฟฟ้ า ช่างไฟฟ้ าทุกคนจะตอ้ งเขา้ ใจคาจากดั ความทวั่ ไปของคาศพั ทท์ ่ีใชใ้ นทางช่างไฟฟ้ า เพื่อให้การสั่งวสั ดุอุปกรณ์ และการอ่านรายละเอียดของวสั ดุอุปกรณ์ของบริษทั ผผู้ ลิตอยา่ งมีประสิทธิภาพ ผสู้ ่ังและผอู้ ่านจะตอ้ งมีความคุน้ เคยกบั ภาษาท่ีใชใ้ นทางช่างไฟฟ้ าดว้ ย ดงั น้นั จึงควรอ่านคาจากดั ความแต่ละคาอยา่ งระเอียดให้เขา้ ใจ และควรพลิกดูคาเหล่าน้ีทุกครั่งเม่ือมีความจาเป็ น นอกจากน้ียงั มีรายละเอียดเก่ียวกบั คานิยามของคาศพั ทเ์ หล่าน้ีเพิม่ เติมในทา้ ยเล่มของหนงั สือเล่มน้ีดว้ ย พลงั งาน (energy) : ความสามารถในการทางาน กาลงั ม้า (horsepower) : หน่วยวดั การทางานของเคร่ืองจกั รกลพวกมอเตอร์และเครื่องยนต์ เราจะใชอ้ กั ษรยอ่ HP หรือ hp แทน โดยทว่ั ไปกาลงั มา้ น้ีจะใชบ้ ่งบอกเอาทพ์ ุทของมอเตอร์ไฟฟ้ า ไฟฟ้ า (electricity) : การเคล่ือนท่ีของอิเลก็ ตรอนผา่ นตวั นาไฟฟ้ า ตวั นาไฟฟ้ า (conductor) : สสารท่ียอมใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นตวั มนั เองไดง้ ่าย ความนาไฟฟ้ าหรือความเป็ นส่ือไฟฟ้ า (conductance) : ความสะดวกสบายต่อการไหลผา่ นของกระแสไฟฟ้ าในวงจร ฉนวนไฟฟ้ า (insulator) : วตั ถุที่มีคุณสมบตั ิดา้ นตา้ นทานการไหลของกระแสไฟฟ้ า อาจจะกล่าวไดว้ า่ สสารน้นั ขดั ขวางการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน อานาจแม่เหลก็ (magnetism) : คุณสมบตั ิอยา่ งหน่ึงของสสารท่ีแสดงอานาจดึงดูดเหล็กได้ ข้วั ไฟฟ้ า (polarity) : คุณสมบตั ิของประจุไฟฟ้ าท่ีแสดงออกมา ซ่ึงจะมีค่าเป็นบวกหรือเป็นลบ แม่เหลก็ ไฟฟ้ า (electromagnet) : ขดลวดตวั นาไฟฟ้ าที่แสดงอานาจหรือคุณสมบตั ิทางแม่เหล็กเมื่อมีกระแสไฟฟ้ า ไหลผา่ นขดลวดน้นั ขดปฐมภูมิ (primary) : ขดลวดของหมอ้ แปลงไฟฟ้ า ซ่ึงต่ออยกู่ บั แหล่งจ่ายไฟฟ้ าและรับพลงั งาน น้นั กค็ ือดา้ นรับไฟฟ้ าขา้ วของหมอ้ แปลงไฟฟ้ า ขดทตุ ยิ ภูมิ (secondary) : ขดลวดของหมอ้ แปลงไฟฟ้ าที่ติดอยกู่ บั โหลด (ภาระทางไฟฟ้ า) โดยจะรับพลงั งานดว้ ยหลกั การเหนี่ยวนาทางอานาจแม่เหล็กไฟฟ้ าจากขดลวดปฐมภูมิไปสู่โหลดน้นั ก็คือดา้ นจา่ ยไฟออกของหมอ้ แปลงไฟฟ้ า กาลงั ไฟฟ้ า (electric power) : อตั ราการผลิตหรือใชพ้ ลงั งานทางทาวงไฟฟ้ าในหน่ึงหน่วยเวลา วตั ต์ (watt) : หน่วยวดั กาลงั ไฟฟ้ า เราเรียนอกั รยอ่ ตวั พิมพใ์ หญ่ W แทน กาลงั ไฟฟ้ ามีจะเป็ นอกั ษรบอกพลงั งานไฟฟ้ าท่ีมีอุปกรณ์ไฟฟ้ าแต่ละตวั ในการทางาน อยา่ งเช่น หลอดไฟ 1,000 วตั ต์ เครื่องปิ้ งขนมปัง 1,000 วตั ต์ กโิ ลวัตต์ (kilowatt) : หน่วยกาลงั ไฟฟ้ าที่มีค่าเท่ากบั 1,000 วตั ต์ เราใชต้ วั ยอ่ วา่ KW เพราะเหตุวา่ ในทางปฏิบตั ิน้นั โหลด หรือภาระทางไฟฟ้ ามีจานวนมากๆ จึงมีค่าวตั ตส์ ูงๆ หน่วยวตั ตซ์ ่ึงทาใหก้ ารเรียกหรือบนั ทึกค่ายุง่ ยากและเสียเวลา เราจึงนิยมใชก้ ิโลวตั ตซ์ ่ึงเป็ นหน่วยที่ใหญ่ข้ึนน้ีแทน และยงั มี
226หน่วยใหญ่กวา่ กิโลวตั ตอ์ ีกก็คือ เมกกะวตั ต์ (megawatt) ซ่ึงเท่ากบั 1,000 กิโลวตั ต์ หรือเขียนยอ่ ๆ วา่ 1MW กิโลวัตต์ – ชั่วโมง (kilowatt – hour) : หน่วยวดั การใชก้ าลงั ไฟฟ้ าในเวลา 1 ชว่ั โมง เราจาใช้อกั ษรย่อพิมพต์ วั ใหญ่ KWH แทน ปกติแลว้ การใชพ้ ลงั งานไฟฟ้ าตามบา้ นจะวดั ค่าออกจากเครื่องวดัพลงั งาน (หรือที่เราเรียกกนั วา่ หมอ้ มิเตอร์) มีหน่วยเป็ นกิโลวตั ต์ – ชวั่ โมง หรือท่ีเรียกกนั วา่ ยนู ิต (unit)แลว้ คิดราคาไฟฟ้ าที่เราตอ้ งจ่ายเทา่ กบั จานวนยนู ิตที่เราตอ้ งใชค้ ูณดว้ ยราคาไฟฟ้ าตอ่ หน่ึงยนู ิต ไฟฟ้ ากระแสสลับ (alternating current) : ระบบไฟฟ้ าท่ีทิศทางการวิ่งของอิเล็กตรอนมีการสลบั ไปมาตลอดเวลา เราใชส้ ัญลกั ษณ์แทนดว้ ยอกั ษรตวั พิมพใ์ หญ่ AC และมกั นิยมใชเ้ ป็ นระบบไฟฟ้ าตามบา้ น อาคาร โรงงานทวั่ ๆ ไป ไฟฟ้ ากระแสตรง (direct current) : ระบบไฟฟ้ าท่ีอิเล็กตรอนมีการวิ่งไปทางเดียวกนัตลอดเวลา และต่อเนื่องกนั มกั จะพบว่าใช้กนั อยู่ทวั่ ๆ ไป ก็คือ เครื่องชาร์จแบตเตอร่ี ถ่านไฟฉายแบตเตอร่ีรถยนตเ์ ป็นตน้ ใชอ้ กั ษรตวั พิมพใ์ หญ่ DC เป็นสญั ลกั ษณ์แทน วงจรไฟฟ้ า (circuit) : ทางเดินไฟฟ้ าท่ีต่อถึงกัน และไฟฟ้ าไหลผ่านได้ดีวงจรอนุกรมหรือวงจรอนั ดบั (series circuit) : วงจรไฟฟ้ าที่มีทางเดินไฟฟ้ าไดเ้ พียงทางเดียว จากแหล่งจา่ ยไฟฟ้ าผา่ นวงจรไฟฟ้ าไปครบวงจรอีกข้วั ของแหล่งจ่ายไฟ และในวงจรน้ีอาจจะมีอุปกรณ์พวกฟิ วส์ สวติ ซ์ เซอร์กิต – เบรกเกอร์ โดยต่อเป็นวงจรอนั ดบั เขา้ ไปเพือ่ ป้ องกนั และควบคุมวงจร วงจรขนาน (parallelcircuit):วงจรไฟฟ้ าที่มีทางเดินไฟฟ้ าของกระแสไฟฟ้ าผา่ นไดม้ ากกวา่ 1ทางเดินข้ึนไป และจะมีอุปกรณ์เช่นพวกเตา้ เสียบหลอดไฟต่อขนานกนั และขอ้ ดีของวงจรก็คือ ถ้าอุปกรณ์ตวั หน่ึงตวั ใดไมท่ างาน ขดั ขอ้ งหรือเสียข้ึนมา วงจรทางเดินไฟฟ้ าจะไม่ขนาน ซ่ึงตรงกนั ขา้ มกบัวงจรอนุกรม อุปกรณ์ในวงจรขนานตวั อ่ืนๆ ยงั คงทางานไดต้ อ่ ไปดงั รูปท่ี2 รูปวงจรขนาน วงจรเปิ ด (open circuit) : สภาวการณ์ที่ทางเดินไฟฟ้ าเกิดขาดวงจร เกิดวงจร หรือไม่ตลบวงจรทาใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลไม่ได้ วงจรลัด (short circuit) : สภาวการณ์ท่ีเกิดมีการลดั วงจรทางเดินของกระแสไฟฟ้ า อนัเน่ืองมาจากรอยตอ่ ของสายตา่ งๆ พลาดถึงกนั มีกระแสไฟฟ้ ารั่วต่อถึงกนั เป็นตน้ แอมแปร์ (ampere) : หน่วยการวดั ค่าอตั ราการไหลของไฟฟ้ าท่ีผา่ นตวั นา เราจะใชอ้ กั ษรย่อตวั พิมพใ์ หญ่ A หรือ amp แทน ปกติแลว้ หน่วยแอมแปร์น้ีนิยมใชร้ ะบุขอบของการใชก้ ระแสไฟฟ้ าดา้ น
227สูงสุดในการทางานของอุปกรณ์เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ าน้นั อยา่ งปลอดภยั อยา่ งเช่น เตา้ เสียบ 15 แอมแปร์ ฟิ วส์30 แอมแปร์ เฮิร์ตซ์ (hertz) : หน่วยความถ่ีมีค่าเป็นรอบต่อวนิ าที การที่อิเล็กตรอนว่ิงไปในทิศทางหน่ึงแลว้วกกลบั มาสู่แหล่งจ่ายไฟฟ้ าจากน้นั ก็มีอิเล็กตรอนว่งิ ออกมาจากแหล่งจ่ายไฟไปในทิศทางหน่ึงวกกลบัมา โดยทิศทางการวิ่งของอิเล็กตรอนท้งั 2 คร้ังวิ่งสวนทางกนั (หรือพดู อีกนบั หน่ึงก็คือ ว่งิ สลบั ไปสลบัมาน้นั เอง) เราเรียกว่า 1 รอบ ความถี่ของระบบไฟฟ้ าบา้ นเราใช้ความถ่ี 50 เฮิร์ตซ์ ใชส้ ัญลกั ษณ์ HZแสดงแทน โอห์ม (ohm) : หน่วยความตา้ นทานทางไฟฟ้ าใชส้ ัญลกั ษณ์แทนดว้ ยตวั โอเมกา้ ( ? ) ความตา้ นทานจะพยายามตอ่ ตา้ นการไหลของกระแสไฟฟ้ า ความตา้ นทานเป็ นไดท้ ้งั ผทู้ างานให้หรือขดั ขวางการทางานใหผ้ ใู้ ชไ้ ฟ มนั ทางานให้ในขณะท่ีใชม้ นั เป็ นฉนวนหรือใชค้ วบคุมวงจร ตวั อยา่ งเช่น เทปพนัสายไฟ เตา้ เสียบท่ีทาจากพลาสติก จะป้ องกนั อนั ตรายใหก้ บั ผใู้ ชไ้ ฟได้ และใชค้ วามตา้ นทานแบบปรับค่าได้ (rheostat) ปรับความสวา่ งของหลอดไฟฟ้ า แตม่ นั จะขดั ขวางการทางานเมื่อผใู้ ชไ้ ฟ ใชส้ ายไฟเส้นเล็ก และยาวมากๆ หรือมีสนิมตามจุดสัมผสั ตา่ งๆ ของตวั นา จะเป็นสาเหตุของการเพ่ิมค่าความตา้ นทานทาใหเ้ กิดความร้อนมากเกินไป พร้อมท้งั เกิดการสูญเสียกาลงั ไฟฟ้ าไปในสายตวั นาดว้ ย กฎของโอห์ม (Ohm’s law) : กฎท่ีวา่ ดว้ ยความสัมพนั ธ์ระหว่างแรงดนั กระแส และความตา้ นทานในวงจรไฟฟ้ า กฎน้ีกล่าววา่ คา่ กระแสไฟฟ้ า (I) จะเป็ นสัดส่วนโดยตรงกบั ค่าแรงดนั ไฟฟ้ า (E)และเป็นสัดส่วนผกผนั กบั คา่ ความตา้ นทาน (R) สูตร I = E / R โวลต์ (volt) : หน่วยวดั แรงดนั ไฟฟ้ า แรงดนั ไฟฟ้ าหรือแรงดนั ท่ีทาให้เกิดมีการเคล่ือนที่ของอิเล็กตรอนภายในตวั นาไฟฟ้ า เราใชต้ วั ยอ่ แทนแรงดนั ไฟฟ้ าดว้ ย V, E หรือ EMF ปกติจะใช้ E และEMF แทนแรงดนั ที่เกิดจากการเคล่ือนท่ีของประจุไฟฟ้ าหรือ electromotive force (ซ่ึงเป็ นอีกนิยามหน่ึงของคาว่า โวลต์) เช่นเดียวกับคาว่า แอมแปร์แรงดนั ซ่ึงระบุไวท้ ี่ตวั อุปกรณ์เคร่ืองใช้ไฟฟ้ าจะเป็ นตวั กาหนดขอบเขตการใชแ้ รงดนั ไฟฟ้ าขณะทางานไดโ้ ดยปลอดภยั เช่น มอเตอร์ 220 โวลต์ เคร่ืองเป่ าผม 110 โวลต์ เราจะตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์ไฟฟ้ ากบั แรงดนั ไฟฟ้ าตามท่ีระบุไวเ้ ท่าน้นั แอมมิเตอร์ (ammeter) : เป็นเครื่องวดั ทางไฟฟ้ าชนิดหน่ึง ใชว้ ดั ค่ากระแสไฟฟ้ าที่ไหลในวงจรที่เราตอ้ งการวดั โดยปกติเราจะใช้เคร่ืองมือน้ีต่ออนุกรมกบั วงจรที่เราตอ้ งการวดั ค่ากระแส แต่ก็มีเคร่ืองมือวดั ชนิดพิเศษท่ีไม่ตอ้ งต่อวงจรอนั ดบั เขา้ กบั วงจรไฟฟ้ าน้นั จะไดก้ ล่าวถึงในบทต่อๆ ไป โอห์มมิเตอร์ (ohm meter) : เป็ นเคร่ืองวดั ทางไฟฟ้ าชนิดหน่ึง ใชว้ ดั ค่าความตา้ นทานไฟฟ้ าเวลาใชจ้ ะตอ้ งไมม่ ีการจา่ ยไฟจากแหล่งจา่ ยไฟใดในวงจรไฟฟ้ าน้นั โวลต์มเิ ตอร์ (volt meter) : เป็นเคร่ืองมือวดั ทางไฟฟ้ าชนิดหน่ึง ใชว้ ดั คา่ แรงดนั ไฟฟ้ า มัลตมิ เิ ตอร์ (multimeter) : เป็นเครื่องมือวดั ทางไฟฟ้ าชนิดหน่ึงท่ีสามารถวดั ค่าแรงดนั กระแสและความตา้ นทานไดใ้ นเคร่ืองวดั ตวั เดียวกนั
228 National Electric Code : เป็ นหนงั สือคู่มือรวบรวมขอ้ แนะนาและกฎขอ้ บงั คบั ในการติดต้งัอุปกรณ์ไฟฟ้ าให้มีความปลอดภยั แมว้ า่ จะมีเน้ือหามากมายแต่หนงั สือคู่มือน้ีก็ไม่มีจุดมุ่งหมายสาหรับการสอน หรือใชแ้ ก่บุคคลที่ไม่เคยผ่านการอบรมมาก่อน ส่วนของไทยเราก็มีคู่มือพวกน้ีหลายแห่งดว้ ยกนั เช่น คู่มือของการไฟฟ้ านครหลวง การพลงั งานแห่งชาติ การไฟฟ้ าส่วนภูมิภาค ซ่ึงหลกั การและกฎขอ้ บงั คบั ส่วนใหญก่ ค็ ลา้ ยๆ กบั ของ NEC (National Electric Code) ของต่างประเทศนนั่ เอง สวิตซ์อัตโนมัติหรือเซอร์กิตเบรกเกอร์ (circuit breaker) : เป็ นอุปกรณ์ป้ องกนั ท่ีใชจ้ ากดักระแสไฟฟ้ าสูงสุดในวงจร เม่ือกระแสเกินค่าจากดั เซอร์กิตเบรกเกอร์จะเปิ ดวงจรไม่ให้กระแสไฟฟ้ าไหลสู่วงจรอีก จนกว่าจะกดป่ ุมทางานใหม่ ปัจจุบนั ใช้แทนสวติ ซ์ฟิ วส์กนั มาก เนื่องจากสามารถต่อวงจรเขา้ ไปใหม่ไดท้ นั ที ในขณะท่ีฟิ วส์ตอ้ งสลบั เปลี่ยนตวั ใหมเ่ ขา้ ไปแทน และยิง่ ในระบบไฟฟ้ า 3 เฟสดว้ ยแลว้ ถา้ เกิดขาดที่ฟิ วส์เพียงเส้นเดียวเหลือไฟฟ้ ามาแค่ 2 เฟสเท่าน้นั อาจเกิดการเสียหายไหมข้ ้ึนที่มอเตอร์ 3 เฟสได้ หลกั การทางานของเซอร์กิตเบรกเกอร์จะทางานโดยอาศยั อานาจแม่เหล็ก เมื่อมีกระแสไฟฟ้ าในวงจรไหลเขา้ มามากๆ สนามแม่เหล็กจะดึงสวติ ซ์ให้ตดั วงจรออก และบางแบบจะมีตวัป้ องกนั กระแสเกินขนาดดว้ ยความร้อนต่อร่วมมาดว้ ยโดยอาศยั การที่มีกระแสไหลผา่ นความตา้ นทานของตวั ไบเมตอลลิก (bimetallic) (ไบเมตอลลิก เป็ นโลหะท่ีขยายตวั เม่ืออุณหภูมิสูงข้ึนและหดตวั เมื่ออุณภูมิต๋าลง) เมื่อกระแสไหลผา่ นมากจะเกความร้อนมาก ตวั ไบเมตอลลิกจะขยายตวั ดึงให้สวิตซ์ตดัวงจรออก เราใชต้ วั อกั ษรยอ่ แทนเซอร์กิตเบรกเกอร์ดว้ ย CB ฟิ วส์ (fuse) เป็ นอุปกรณ์ป้ องกนั ที่ใชจ้ ากดั กระแสไฟฟ้ าสูงสุดในวงจร เมื่อกระแสเกินค่าจากดัฟิ วส์จะเกิดความร้อนมากข้ึนจนกระทงั่ หลอมละลายขาดจากกนั วงจรก็จะเปิ ด ฟิ วส์จะตอ้ งอยา่ งอนุกรมกบั วงจร หม้อแปลง (transformer) : เป็ นอุปกรณ์ที่ใชเ้ ปล่ียนแรงดนั ไฟฟ้ าให้สูงข้ึนหรือต่าลง เพ่ือให้ตรงกบั แรงดนั ท่ีใชก้ บั อุปกรณ์ไฟฟ้ าต่างๆ เช่น มีเครื่องซกั ผา้ แรงดนั 110 โวลต์ แต่มีไฟฟ้ าแรงดนั 220โวลต์ เราก็ตอ้ งใช้หมอ้ แปลงแรงดนั 220 โวลต์ ให้เป็ นแรงดนั 110 โวลต์ จึงจะใช้เคร่ืองซักผา้ ได้นอกจากน้ีเรายงั นิยมใชห้ มอ้ แปลงกบั เคร่ืองติดต่อภายใน และระบบเสียงกริ่งเรียก เป็นตน้ เฟส (phase) : หมายถึงชนิดของระบบไฟฟ้ าท่ีใชม้ ีท้งั ระบบ 1 เฟส 2 สาย แล 3 เฟส 4 สายอุปกรณ์ไฟฟ้ า 1 เฟส 2 สาย จะใชต้ ามบา้ นท่ีอยอู่ าศยั ส่วนระบบไฟฟ้ า 3 เฟส 4 สาย นิยมใชก้ บั ธุรกิจใหญก่ บั โรงงานอุตสาหกรรม
229บรรณานุกรมการไฟฟ้ าแห่งประเทศไทย. (2551). ระบบไฟฟ้ า การเดินสายไฟฟ้ าภายในบ้านแบบติดผนังลอยตัว. กรุงเทพฯ.------------. (2551). ระบบไฟฟ้ า การเดินสายไฟฟ้ าภายในอาคารแบบติดผนังลอลอดท่อ. กรุงเทพฯ.จินดา ภทั รพงษ์ และอจั ฉริยา ทองป้ อง. (2551). สื่อและสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น การศึกษานอกโรงเรียน. พิมพท์ ่ี 3 กรุงเทพฯ. หนา้ 221-223.บญั ชา แสนทวี และคณะ. (2550). ส่ือการเรียนรู้การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) หมวดวิชาวิทยาศาสตร์ SC 20 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น. บริษทั วฒั นาพานิช จากดั , กรุงเทพฯ. หนา้ 241.สราวุธ ญาณยุทธ. (2547). หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พืน้ บาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ช่วงชั้นที่ 3 ระดับ มธั ยมศึกษาตอนต้น การงานอาชีพและเทคโนโลยี งานช่าง. สานกั พมิ พแ์ มค๊ จากดั . หนา้ 59-62.สานักงาน กศน. (2547). ชุดการเรียนทางไกล หมวดวิชาพัฒนาอาชีพ รหัส พอ20 ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น. โรงพมิ พอ์ งคก์ รการรับส่งสินคา้ และพสั ดุภณั ฑ,์ กรุงเทพฯ. หนา้ 70, 79 – 81.------------. (2553). หนังสือเรียนสาระทักษณะความรู้พืน้ ฐาน รายวิชาวิทยาศาสตร์ พว.11001 หลักสูตร การศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์คร้ังท่ี 1/2553. บริษทั เอกพิมพไ์ ท จากดั กรุงเทพฯ. หนา้ 159 – 160.สุชาติ วงศส์ ุวรรณ.(2546). การเรียนรู้สาหรับศตวรรษที่ 21 การเรียนรู้ท่ีผู้เรียนเป็ นผู้สร้ างความรู้ด้วย ตนเองโครงงานเอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาการจัดกระบวนการ เรียนรู้แบบบรู ณาการ. โรงเรียนหาดใหญ่วทิ ยาลยั สมบูรณ์กุลกนั ยา จงั หวดั สงขลา.
230 ภาคผนวก1. แนวทางการพฒั นาศักยภาพทางวทิ ยาศาสตร์เพอื่ การประกอบอาชีพ การประกอบอาชีพมีความสาคญั ต่อการดารงชีวติ ของมนุษยเ์ ป็นอนั มาก ท้งั น้ี เพราะอาชีพไม่ใช่จะสนองตอบความตอ้ งการของมนุษยเ์ พียงดา้ นเศรษฐกิจเท่าน้นั แต่ยงั สนองความตอ้ งการดา้ นอื่น เช่นดา้ นสังคม และจิตใจ เป็ นตน้ การเลือกอาชีพจึงมีความสาคญั ต่อชีวิตของบุคคล ถา้ เราเลือกอาชีพได้เหมาะสมก็มีแนวโนม้ ที่จะประสบความสาเร็จในการประกอบอาชีพมีความเจริญกา้ วหนา้ เป็ นอนั มากในทางตรงกนั ขา้ ม ถา้ เลือกอาชีพไดไ้ มเ่ หมาะสมโอกาสท่ีจะประสบความลม้ เหลวในการประกอบอาชีพกม็ ีมาก ซ่ึงไดก้ าหนดแนวทางแทง่ หลกั สูตรของ 5 กลุ่มอาชีพ ดงั น้ีตาราง วิเคราะห์การพฒั นาศกั ยภาพทางวทิ ยาศาสตร์เพอ่ื การประกอบอาชีพ ด้านกล่มุ อาชีพ ลกั ษณะอาชีพ เนือ้ หาตามสาระ อาชีพทเ่ี กยี่ วข้อง1. เกษตรกรรม 1. กสิกรรม หมายถึง การ 1. กระบวนการทาง 1.ปศุสัตว์ เพาะปลูกพืช เช่น การทานา วทิ ยาศาสตร์ ในการนา ตวั อยา่ ง อาชีพทางดา้ นการ การทาสวน การทาไร่ เป็นตน้ ความรู้เกี่ยวกบั กระบวนการ ปศุสัตว์ ฟาร์มขนาดใหญ่ 2. ปศุสัตว์ หมายถึง การ ทางวทิ ยาศาสตร์และ ไดแ้ ก่ เล้ียงไก่พนั ธุ์พ้นื เมือง ประกอบอาชีพเล้ียงสัตวบ์ น โครงงานไปใช้ เทคโนโลยี เล้ียงหมู เล้ียงโคเน้ือ โคนม บก เช่น เล้ียงววั เล้ียงหมู กบั ชีวติ เล้ียงผ้งึ เล้ียงแพะ เล้ียงกบ หรือเล้ียงสตั วจ์ าพวกสัตวป์ ี ก 2. สิ่งมีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม เล้ียงหอยแมลงภูแ่ บบแขวน เป็นตน้ ในการจดั กลุ่มของสิ่งมีชีวติ เชือก หอยนางรม เล้ียงไหม 3. การประมง หมายถึง การ ระบบนิเวศ เกษตร เล้ียงปลาเกาในกระดง้ ประกอบอาชีพการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ ปลาดุก ปลาตะเพยี น เล้ียง ทางน้า เช่น การเล้ียงสตั วน์ ้า ส่ิงแวดลอ้ ม การอนุรักษ์ ภู เป็ดเทศ เป็นตน้ การจบั สตั วน์ ้า เป็นตน้ มิปัญาทอ้ งถิ่น และ 2.ทาไร่ ทาสวน 4. ดา้ นป่ าไม้ หมายถึง การ เทคโนโลยชี ีวภาพ 3.ทานา ประกอบอาชีพเก่ียวกบั ป่ า 3. พลงั งานใน ตวั อยา่ ง อาชีพการทาไร่ทา เช่น การปลูกป่ าไมเ้ ศรษฐกิจ ชีวติ ประจาวนั และการ สวน เช่น การทาไร่ออ้ ย การนาผลผลิตจากป่ ามาแปร อนุรักษพ์ ลงั งาน ไร่กระชาย สวนส้มโอ สวน รูปใหเ้ กิดประโยชน์ เป็นตน้ 4. ดาราศาสตร์เพอื่ ชีวติ มะม่วง สวนมงั คุด สวน ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งดวง ทุเรียน สวนมะลิ สวนไม้
231 ด้านกลุ่มอาชีพ ลกั ษณะอาชีพ เนือ้ หาตามสาระ อาชีพทเ่ี กย่ี วข้อง2. อุตสาหกรรม อาทิตย์ โลก และดวงจนั ทร์ ดอกไมป้ ระดบั ปลูกพืชสวน และปรากฎการณ์ ครัว เป็ นตน้ 1. อาชีพช่างอุตสาหกรรม 1. กระบวนการทาง 1. การผลิตสินคา้ แปรรูป เกษตร เช่นฟาร์มโคนม การ วทิ ยาศาสตร์ ในการนา ผลิตภณั ฑ์ อุตสาหกรรมหรือ ปลูกพืชไร้ดิน โรงงานผลิต ความรู้เกี่ยวกบั กระบวนการ หตั ถกรรมในครัวเรือน ลาไยกระป๋ อง และ ทางวทิ ยาศาสตร์และ อุตสาหกรรมแปรรูปผลิตผล โครงงานไปใช้ เทคโนโลยี ทางเกษตรฯลฯ กบั ชีวติ 2. อาชีพช่างอุตสาหกรรม 2. ส่ิงมีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม 2. การผลิตสินคา้ จาพวก ผลิตสินคา้ สาเร็จรูป เช่น ในการจดั กลุ่มของสิ่งมีชีวติ อะไหล อุปกรณ์ไฟฟ้ า และ โรงงานผลิตเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ า ระบบนิเวศ ซ่อมบารุง โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และ โรงงานผลิตรถจกั รยาน ฯลฯ ส่ิงแวดลอ้ มและการอนุรักษ์ 3. อาชีพช่างอุตสาหกรรม ภมู ิปัญาทอ้ งถ่ิน และ 3. การผลิตสินคา้ ในครัวเรือน ผลิตวตั ถุดิบ เช่น เทคโนโลยชี ีวภาพ เช่นน้ามนั พชื ปาลม์ ฯลฯ โรงงานผลิตยางดิบ 3. สารเพ่อื ชีวิต ธาตุ โรงงานผลิตน้ามนั ปาลม์ สารประกอบ สารละลาย 4. อาชีพช่างอุตสาหกรรม สารและผลิตภณั ฑใ์ นชีวติ 4. การผลิตเครื่องนอน การ ผลิตสินคา้ อุตสาหกรรม เช่น สารสงั เคราะห์ ผลกระทบท่ี ผลิตตุก๊ ตาผา้ โรงงานผลิตเส้นใยสังเคราะห์ เกิดจากสาร และผลิตภณั ฑ์ โรงงานผลิตเหล็กรีดร้อนและ ท่ีมีต่อสิ่งแวดลอ้ ม เหล็กรีดเยน็ 4. แรงและพลงั งานเพื่อชีวิต 5. อาชีพช่างอุตสาหกรรม การอนุรักษพ์ ลงั งาน และ 5. การผลิตสินคา้ พลาสติก น้ามนั เช่น การสารวจแหล่ง พลงั งานทดแทน ผงซกั ฟอก ขวดน้า ฯลฯ น้ามนั และการขดุ เจาะน้ามนั โรงกลน่ั น้ามนั เพื่อผลิตน้ามนั ชนิดต่าง ๆ ฯลฯ 6. อาชีพช่างอุตสาหกรรม 6. การรับช่วงงานบาง เคร่ืองจกั รกล เช่น ข้นั ตอนของการผลิตมา โรงงานผลิต คอมเพลสเซอร์ ดาเนินการ เครื่องปรับอากาศ ตวั อยา่ ง การผลิตสินคา้ ดา้ น
232 ด้านกล่มุ อาชีพ ลกั ษณะอาชีพ เนือ้ หาตามสาระ อาชีพทเ่ี กย่ี วข้อง3. พาณิชยกรรม โรงงานผลิตป๊ัมน้า อุตสาหกรรมในครัวเรือน โรงงานผลิตเครื่องยนตเ์ ล็ก เช่น ทอผา้ ตีนจก,ผา้ มดั หมี่,ผา้ โรงงานประกอบ ไหม จกั รสาน ,ทอเสื่อ เยบ็ รถจกั รยานยนต์ เป็นตน้ ผา้ ใบ ทายางแผน่ ทาเส้ือยดื 7. อาชีพช่างอุตสาหกรรม ผา้ ปาติก ประดิษฐท์ ่ีติดผม รถยนต์ เช่น โรงงาน ประดิษฐส์ ิ่งของจากกระดาษ ประกอบรถยนต์ โรงงาน สา ประดิษฐข์ องท่ีระลึกและ ประกอบตวั ถงั รถยนต์ ฯลฯ ของชาร่วย ร้อยพวงมาลยั ดอกพดุ ส่งร้านขายพวงมาลยั เยบ็ เส้ือสาเร็จรูป เผาถ่าน ทา ไส้กรอกอีสาน ทาขนมจีบ เป็ นตน้ การคา้ และบริหารท่ีเกี่ยวกบั 1. กระบวนการทาง 1.คา้ ขายสินคา้ รับทาจา้ ง การคา้ ทุกชนิดไม่วา่ จะเป็ น วทิ ยาศาสตร์ ในการนา บญั ชี การคา้ ปลีก คา้ ส่ง การส่งออก ความรู้เก่ียวกบั กระบวนการ 2.บริการ การธนาคาร การประกนั ภยั ทางวทิ ยาศาสตร์และ ผลิตอาหารสาเร็จรูป เช่น - และปัญญาประดิษฐใ์ นวงการ โครงงานไปใช้ คา้ ขายของท่ีระลึก ขายสินคา้ คอมพิวเตอร์เพ่ือพาณิชย 2. สิ่งมีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม พ้ืนเมือง ขายก๋วยเตี๋ยว ขาย กรรม ในการจดั กลุ่มของส่ิงมีชีวติ อาหาร ขายสินคา้ เบด็ เตล็ด ระบบนิเวศ ขายของชา ขายสินคา้ ทรัพยากรธรรมชาติ และ สาเร็จรูป ขายขนม ขายผลไม้ ส่ิงแวดลอ้ มและการอนุรักษ์ ขายอาหารและเคร่ืองดื่ม ขาย 3. พลงั งานใน ลอตเตอรี่ ขายตุก๊ ตา ขา่ ย ชีวติ ประจาวนั และการ ปาทอ่ งโก๋ ขายอาหารทะเล อนุรักษพ์ ลงั งาน สด 4. เทคโนโลยี 3.เป็ นคนกลางรับซ้ือ-ขาย ตวั อยา่ ง อาชีพคา้ ขาย เช่น อาชีพพอ่ คา้ แม่คา้ คนกลาง การบริการลูกคา้ ขายสตั วเ์ ล้ียง ขายตวั๋ เคร่ืองบิน ขายเฟอร์นิเจอร์
233 ด้านกลุ่มอาชีพ ลกั ษณะอาชีพ เนือ้ หาตามสาระ อาชีพทเี่ กย่ี วข้อง4. ความคิด กลุ่มอาชีพท่ีส่งเสริมความคิด 4. เวชภณั ฑ์ เช่น ขายยาสร้างสรรค์ สร้างสรรค”์ (Creative Profession) ขายเครื่องสาอาง ขาย 1) ประเภทมรดกทาง เครื่องประดบั ทาดว้ ยเงิน วฒั นธรรม (Heritage or Cultural Heritage) เป็นกลุ่ม ขายทองรูปพรรณ ขาย อุตสาหกรรมที่เก่ียวเนื่องกบั ประวตั ิศาสตร์ โบราณคดี ดอกไมส้ ด ขายแก็สหุงตม้ วฒั นธรรม ประเพณี ความ เช่ือ และสภาพสังคม เป็นตน้ ขายตรงเคร่ืองสาอาง แบง่ ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม การแสดงออกทางวฒั นธรรม ขายผลผลิตทางการเกษตร แบบด้งั เดิม (Traditional Cultural Expression) เช่น สินคา้ อุตสาหกรรมที่ตนเอง ศิลปะและงานฝีมือ เทศกาล งานและงานฉลอง เป็นตน้ เป็นผผู้ ลิต เป็นตน้ และกลุ่มที่ต้งั ทางวฒั นธรรม (Cultural Sites) เช่น 1. กระบวนการทาง แบ่งออกเป็น 9 กลุ่มไดแ้ ก่ โบราณสถาน พพิ ิธภณั ฑ์ หอ้ งสมุด และการแสดง วทิ ยาศาสตร์ ในการนา 1) งานฝีมือและหตั ถกรรม นิทรรศการ เป็ นตน้ ความรู้เกี่ยวกบั กระบวนการ (Crafts) 2) ประเภทศิลปะ (Arts) ทางวทิ ยาศาสตร์และ 2) งานออกแบบ (Design) โครงงานไปใช้ เทคโนโลยี 3) แฟชน่ั (Fashion) กบั ชีวติ 4) ภาพยนตร์และวดิ ีโอ (Film 2. ส่ิงมีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม & Video) ในการจดั กลุ่มของสิ่งมีชีวติ 5) การกระจายเสียง ระบบนิเวศ (Broadcasting) ทรัพยากรธรรมชาติ และ 6) ศิลปะการแสดง สิ่งแวดลอ้ มและการอนุรักษ์ (Performing Arts) 3. สารเพอ่ื ชีวิต ธาตุ 7) ธุรกิจโฆษณา สารประกอบ สารละลาย (Advertising) และ สารและผลิตภณั ฑใ์ นชีวติ ธุรกิจการพมิ พ์ (Publishing) สารสังเคราะห์ ผลกระทบท่ี 9) สถาปัตยกรรม เกิดจากสาร และผลิตภณั ฑ์ (Architecture) ที่มีตอ่ สิ่งแวดลอ้ ม 4. แรงและพลงั งานเพอื่ ชีวิต การอนุรักษพ์ ลงั งาน และ พลงั งานทดแทน 5. พลงั งานใน ชีวติ ประจาวนั และการ
ด้านกลุ่มอาชีพ ลกั ษณะอาชีพ เนือ้ หาตามสาระ 234 อาชีพทเี่ กย่ี วข้อง เป็ นกลุ่มอุตสาหกรรม อนุรักษพ์ ลงั งาน สร้างสรรคบ์ นพ้ืนฐานของ ศิลปะ และวฒั นธรรม แบ่ง ออกเป็ น 2 กลุ ่ม คือ งาน ศิลปะ (Visual Arts) เช่น ภาพวาด รูปป้ัน ภาพถ่าย และ วตั ถุโบราณ เป็นตน้ รวมท้งั ศิลปะการแสดง (Performing Arts) เช่น การแสดงดนตรี การแสดงละคร การเตน้ รา โอเปร่า ละครสัตว์ และการ เชิดหุ่นกระบอก เป็ นตน้ 3) ประเภทส่ือ (Media) เป็น กลุ่มส่ือผลิตงาน สร้างสรรคท์ ี่สื่อสารกบั คน กลุ่มใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ งานส่ือส่ิงพิมพ์ (Publishing and Printed Media) เช่น หนงั สือ หนงั สือพิมพ์ และสิ่งตีพมิ พ์ อ่ืนๆ เป็ นตน้ และงานโสต ทศั น์ (Audiovisual) เช่น ภาพยนตร์โทรทศั น์ วทิ ยุ และ การออกอากาศอ่ืนๆ เป็ นตน้ 4) ประเภทสร้างสรรคง์ าน (Functional Creation) เป็น กลุ่มของสินคา้ และบริการท่ี ตอบสนองความตอ้ งการของ ลูกคา้ ที่แตกตา่ งกนั แบ่ง ออกเป็ น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มการออกแบบ (Design)
235 ด้านกลุ่มอาชีพ ลกั ษณะอาชีพ เนือ้ หาตามสาระ อาชีพทเี่ กยี่ วข้อง5. บริหารจดั การ เช่น การออกแบบภายในและบริการ กราฟิ ค แฟชน่ั อญั มณี และ ของเดก็ เล่น เป็นตน้ ส่วนกลุ่ม New Media ไดแ้ ก่ ซอฟตแ์ วร์ วดิ ีโอเกม และ เน้ือหาดิจิตอล เป็ นตน้ และกลุ่มบริการทางความคิด สร้างสรรค์ (Creative Services) ไดแ้ ก่ บริการทาง สถาปัตยกรรม โฆษณา วฒั นธรรมและนนั ทนาการ งานวจิ ยั และพฒั นา และ บริการอื่นท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ดิจิตอล และความคิด สร้างสรรค์ เป็นตน้ อาชีพการใหบ้ ริการ (Service 1. กระบวนการทาง ตวั อยา่ ง อาชีพบริการ Sector) เป็นอาชีพที่ วทิ ยาศาสตร์ ในการนา ช่างซ่อม เช่น ช่างซ่อม ผปู้ ระกอบการมีสินคา้ เป็น ความรู้เก่ียวกบั กระบวนการ มอเตอร์ไซด์ ช่างซ่อม การบริการ เพ่ืออานวยความ ทางวทิ ยาศาสตร์และ รถยนต์ ช่างเคาะปะผแุ ละพน่ สะดวกใหแ้ ก่ผซู้ ้ือบริการหรือ โครงงานไปใช้ เทคโนโลยี สีรถยนต์ ช่างซ่อมเบาะ ลูกคา้ คุณภาพของสินคา้ กบั ชีวติ รถยนต์ ช่างซ่อมโทรทศั น์ บริการ คือความพงึ พอใจจาก 2. ส่ิงมีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม วทิ ยุ ช่างซ่อมเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ า การใชบ้ ริการน้นั ๆ รายได้ ในการจดั กลุ่มของส่ิงมีชีวติ ช่างเช่ือมโลหะ ช่างทา คือ คา่ ตอบแทนที่ไดจ้ ากการ ระบบนิเวศ หลงั คาอะลูมิเนียม บริการ การประกอบอาชีพ ทรัพยากรธรรมชาติ และ ประเภทน้ีตอ้ งการเงินลงทุน ส่ิงแวดลอ้ มและการอนุรักษ์ เสริมสวยความงาม เช่น ช่าง ไมม่ ากนกั เมื่อเทียบกบั การ 3. สารเพ่ือชีวติ ธาตุ ตดั เยบ็ เส้ือผา้ ช่างเสริมสวย- ลงทุนดา้ นการผลิตสินคา้ สารประกอบ สารละลาย ช่างแตง่ หนา้ นวดหนา้ ช่าง กระบวนการไมซ่ บั ซอ้ น สารและผลิตภณั ฑใ์ นชีวติ ทาผม ช่างตดั ผมบุรุษ เพยี งแตผ่ ใู้ หบ้ ริการตอ้ งเป็ นผู้ สารสังเคราะห์ ผลกระทบท่ี ช่างศิลป์ ช่างเขียน ที่มีความรู้ความสามารถและ เกิดจากสาร และผลิตภณั ฑ์ ภาพเหมือน ช่างศิลป์ ทา
236ด้านกลุ่มอาชีพ ลกั ษณะอาชีพ เนือ้ หาตามสาระ อาชีพทเ่ี กยี่ วข้อง มีประสบการณ์ หรือ เช่ียวชาญในอาชีพ ที่มีต่อส่ิงแวดลอ้ ม โปสเตอร์โฆษณา ช่าง 4. แรงและพลงั งานเพ่ือชีวิต ก่อสร้าง ช่างจดั ดอกไมส้ ด, การอนุรักษพ์ ลงั งาน และ ดอกไมแ้ หง้ พลงั งานทดแทน พลงั งาน ไฟฟ้ า พลงั งานแสง รับจา้ งทวั่ ไป เช่น รับเล้ียงเด็ก พลงั งานเสียง พลงั งานใน ออ่ น บริการซกั อบรีด ชีวติ ประจาวนั และการ บริการใหเ้ ช่าวดี ีโอ,หนงั สือ อนุรักษพ์ ลงั งาน อา่ นเล่น บา้ นพกั ตาก อากาศ,หอพกั สกตู เตอร์ชาย หาด,รถเช่า ขบั รถแทก็ ซี่, มอเตอร์ไซดร์ ับจา้ ง,รถรับจา้ ง ระหวา่ งหม่บู า้ น,สามลอ้ บริการถ่ายเอกสาร,รับพิมพ์ รายงาน เล่นดนตรีใน ร้านอาหาร รับเหมาแกะหอย นางรม รับเหมาสับตระไคร้ ส่งโรงงาน รับเหมาก่อสร้าง เป็ นตน้
237บรรณานุกรมสานกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งชาติ. 2549. รู้ใช้ รู้เทคนิค ในห้องปฏิบัตกิ าร. กรุงเทพ ฯ : รักลูกแฟมิล่ีกรุ๊ป จากดั .เอกรินทร์ ส่ีมหาศาล และคณะ. วทิ ยาศาสตร์ ป.6 .กรุงเทพฯ : อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จากดั .http://www.nc.ac.th/WEB%20E_BOOK/unit1_4_4.htmhttp://my.thaimail.com/mywebboard/readmess.php3?user=mr.neo&idroom=2&idforum=45&login=&keygen=&nick=http://www.panyathai.or.th/wiki/index.phphttp://www.school.net.th/library/create-web/10000/science/10000-6250.htmlhttp://www.maceducation.com/e-knowledge/2412212100/16.htmhttp://th.wikipedia.org/wikihttp://gotoknow.org/file/chiew-buncha/salt_farm.jpghttp://media.photobucket.com/image/http://www.thaitambon.com/thailand/Trat/230103/0683184742/FB849_1674A.jpghttp://www.boatbook.co.th/prdimg/600-6075.jpghttp://www.bloggang.com/data/oordt/picture/1228099928.jpghttp://www.thaidbmarket.com/uploads/20090309-130917-.jpghttp://www.siamonlineshop.com/picpost/Qshow51637.jpghttp://www.thaitarad.com/shop/kaisong/images/product/711996b4c4e3881b5dd42c07395cc02e.jpghttp://www.lancome-th.com/upload/product/thumbnail/pm-299-5421.jpghttp://www.igetweb.com/www/shoppergirl/catalog/p_32791.jpghttp://www.panyathai.or.th/wiki/index.phphttp://www.dbh2008.com/lesson/show.php?id=21
238 คณะผ้จู ดั ทาทป่ี รึกษา เลขาธิการ กศน. 1. นายประเสริฐ บุญเรือง รองเลขาธิการ กศน. 2. นายชยั ยศ อิ่มสุวรรณ์ รองเลขาธิการ กศน. 3. นายวชั รินทร์ จาปี ผเู้ ช่ียวชาญเฉพาะดา้ นพฒั นาสื่อการเรียนการสอน 4. นางวทั นี จนั ทร์โอกลุ ผเู้ ช่ียวชาญเฉพาะดา้ นเผยแพร่ทางการศึกษา 5. นางชุลีพร ผาตินินนาท หวั หนา้ หน่วยศึกษานิเทศก์ 5. นางอญั ชลี ธรรมวธิ ีกลุ ผอู้ านวยการกลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 6. นางศุทธินี งามเขตต์ผู้เขยี นและเรียบเรียง อุทยานวทิ ยาศาสตร์พระจอมเกลา้ ณ หวา้ กอ 1. นายสงดั ประดิษฐส์ ุวรรณ์ จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์เพอ่ื การศึกษาสมุทรสาคร 2. นายประกิต จนั ทร์ศรี ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา 3. นายสุชาติ มาลากรรณ์ ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์เพอ่ื การศึกษาตรัง 4. นายชยั กิจ อนนั ตนิรัติศยัผ้บู รรณาธิการ และพฒั นาปรับปรุง อุทยานวทิ ยาศาสตร์พระจอมเกลา้ ณ หวา้ กอ 5. นายสงดั ประดิษฐส์ ุวรรณ์ จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์เพอ่ื การศึกษาสมุทรสาคร 6. นายประกิต จนั ทร์ศรี ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์เพ่อื การศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา 7. นายสุชาติ มาลากรรณ์ ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์เพื่อการศึกษาตรัง 8. นายชยั กิจ อนนั ตนิรัติศยั ขา้ ราชการบานาญ 9. นางธญั ญวดี เหล่าพาณิชย์ ขา้ ราชการบานาญ 10. นางสาวชนิตา จิตตธ์ รรมคณะทางาน กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 1. นายสุรพงษ์ มนั่ มะโน กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 2. นายศุภโชค ศรีรัตนศิลป์ กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 3. นางสาววรรณพร ปัทมานนท์ กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 4. นางสาวศริญญา กุลประดิษฐ์ กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 5. นางสาวเพชรินทร์ เหลืองจิตวฒั นา
239คณะบรรณาธกิ ารและพฒั นาปรับปรุง คร้ังที่ 21. นายสงดั ประดิษฐสุวรรณ ผอู้ านวยการอุทยานวทิ ยาศาสตร์พระจอมเกลา้ ณ หวา้ กอ จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์2. นายมาโนชฐ์ ลาภจิตร รองผอู้ านวยการศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์เพือ่ การศึกษานครราชสีมา3. นางจนั ทร์ศรี อาจสุโพธ์ิ รองผอู้ านวยการศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์เพื่อการศึกษาอุบลราชธานี4. นางณฐั พร มนูประเสริฐ ครูชานาญการพิเศษ ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์เพื่อการศึกษาขอนแก่น5. นางอญั อฑิกา คชเสนีย์ ครูชานาญการพเิ ศษ ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์เพือ่ การศึกษาสมุทรสาคร6. นายชยั พฒั น์ พนั ธุ์วฒั นสกุล นกั วชิ าการศึกษาชานาญการพิเศษ กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239