51 ชน้ั ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.3 15. อธิบายการหักเหของแสงเม่ือ • เม่ือแสงเดินทางผ่านตัวกลางโปร่งใสท่ีแตกต่างกัน เช่น อากาศและน้ำ อากาศและแก้ว จะ ผ่านตัวกลางโปร่งใสท่ีแตกต่างกัน เกิดการหักเห หรืออาจเกิดการสะท้อนกลับหมดในตัวกลางที่แสงตกกระทบ การหักเหของ และอธิบายการกระจายแสงของ แสงผา่ นเลนส์ทำใหเ้ กิดภาพทีม่ ชี นิดและขนาดต่างๆ แ ส งข าวเมื่ อ ผ่ าน ป ริ ซึ ม จ าก • แสงขาวประกอบด้วยแสงสีต่าง ๆ เม่อื แสงขาวผ่านปริซึมจะเกิดการกระจายแสงเป็นแสงสี หลกั ฐาน เชิงประจกั ษ์ ต่างๆ เรียกว่า สเปกตรัมของแสงขาว เมื่อเคล่ือนท่ีในตัวกลางใดๆ ที่ไม่ใช่อากาศ จะมี 16. เขียนแผนภาพการเคลื่อนท่ี อัตราเร็วตา่ งกัน จึงมีการหกั เหต่างกัน ของแสงแสดงการเกิดภาพจาก เลนส์บาง 1 7 . อ ธิบ าย ป ราก ฏ ก ารณ์ ท่ี • การสะทอ้ นและการหกั เหของแสงนำไปใช้อธบิ ายปรากฏการณท์ ีเ่ กยี่ วกบั แสง เช่น รงุ้ เกี่ยวกับแสง และการทำงานของ มิราจ และอธิบายการทำงานของทัศนอุปกรณ์ เช่น แว่นขยาย กระจกโค้งจราจร กล้อง ทัศนอุปกรณ์จากข้อมูลที่รวบรวม โทรทรรศน์ กล้องจุลทรรศน์ และแว่นสายตา ได้ • ในการมองวตั ถุ เลนสต์ าจะถกู ปรบั โฟกสั เพอ่ื ให้เกดิ 18.เขียนแผนภาพการเคล่ือนท่ี ภาพชัดท่ีจอตา ความบกพร่องทางสายตา เช่น สายตาสั้น และสายตายาว เป็นเพราะ ของแสง แสดงการเกิดภาพของ ตำแหน่งที่เกิดภาพไม่ได้อยู่ที่จอตาพอดี จึงต้องใช้เลนส์ในการแก้ไขเพื่อช่วยให้มองเห็น ทศั นอุปกรณแ์ ละเลนสต์ า เหมอื นคนสายตาปกติ โดยคนสายตาสั้นใชเ้ ลนส์เว้า สว่ นคนสายตายาวใช้เลนส์นูน 19. อธิบายผลของความสว่างที่มี • ความสว่างของแสงมีผลต่อดวงตามนุษย์ การใช้สายตาในสภาพแวดล้อมท่ีมีความสว่างไม่ ต่อดวงตาจากข้อมูลท่ีได้จากการ เหมาะสมจะเป็นอันตรายต่อดวงตา เช่น การดูวัตถุในท่ีมี ความสว่างมากหรือน้อยเกินไป สบื ค้น การจ้องดูหน้าจอภาพเป็นเวลานาน ความสว่างบนพื้นที่รับแสงมีหน่วยเป็นลักซ์ ความรู้ 20. วัดความสว่างของแสงโดยใช้ เกี่ยวกับความสว่างสามารถนำมาใช้จัดความสว่างให้เหมาะสมกับการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น อปุ กรณ์วัดความสว่างของแสง การจัดความสวา่ งทเ่ี หมาะสมสำหรบั การอ่านหนังสือ 21. ตระหนักในคุณค่าของความรู้ เร่ือง ความสว่างของแสงที่มีต่อ ดวงตา โดยวิเคราะห์สถานการณ์ ปัญหาและเสนอแนะการจัดความ สว่างให้ เห ม าะ ส ม ใน ก ารท ำ กจิ กรรมตา่ ง ๆ หลกั สูตรสถานศึกษา กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
52 สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และวิวฒั นาการของเอกภพกาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทัง้ ปฏสิ ัมพนั ธ์ภายในระบบสุริยะทสี่ ง่ ผลตอ่ ส่งิ มชี วี ิต และการประยกุ ต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ ช้ัน ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.1 1. ระบุดาวที่ปรากฏบนท้องฟ้าใน • บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวซ่ึงในเวลากลางวันจะมองเห็นดวงอาทิตย์และ เวลากลางวันและกลางคืนจาก อ า จ ม อ ง เห็ น ด ว ง จั น ท ร์ บ า ง เว ล า ใน บ า ง วั น แ ต่ ไม่ ส า ม า ร ถ ม อ ง เห็ น ด า ว ข้ อ มู ล ท่ี ร ว บ ร ว ม ไ ด้ • ในเวลากลางวันมองไม่เห็นดาวสว่ นใหญ่ เน่ืองจากแสงอาทิตย์สวา่ งกว่าจึงกลบแสงของดาว 2. อธิบายสาเหตุที่มองไม่เห็นดาว ส่วนในเวลากลางคืนจะมองเห็นดาวและมองเห็นดวงจนั ทรเ์ กือบทุกคนื ส่ ว น ให ญ่ ใน เว ล า ก ล า ง วั น จ า ก หลกั ฐานเชิงประจักษ์ ป.3 1. อธิบายแบบรูปเสน้ ทางการขนึ้ • คนบนโลกมองเห็นดวงอาทิตยป์ รากฏขนึ้ ทางด้านหนง่ึ และตกทางอีกด้านหนึ่งทกุ วนั และตก ของดวงอาทิตย์โดยใช้ หมุนเวยี นเปน็ แบบรูปซำ้ ๆ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ • โลกกลมและหมุนรอบตัวเองขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้บรเิ วณของโลกได้รบั 2. อธิบายสาเหตกุ ารเกิด แสงอาทติ ย์ไม่พรอ้ มกนั โลกดา้ นที่ได้รับแสงจากดวงอาทิตยจ์ ะเป็นกลางวันสว่ นดา้ นตรงขา้ ม ปรากฏการณ์การขึ้น ทไี่ ม่ไดร้ บั แสงจะเปน็ กลางคืน นอกจากน้ีคนบนโลกจะมองเหน็ ดวงอาทติ ย์ปรากฏข้นึ ทางด้าน และตกของดวงอาทติ ย์ หน่งึ ซ่งึ กำหนดให้เป็นทิศตะวนั ออก และมองเห็นดวงอาทติ ย์ตกทางอกี ด้านหน่งึ ซ่ึง การเกดิ กลางวนั กลางคืน กำหนดใหเ้ ป็นทิศตะวันตกและเม่ือใหด้ ้านขวามอื อยทู่ างทศิ ตะวนั ออก และการกำหนดทิศ โดยใช้ ดา้ นซ้ายมอื อยทู่ างทศิ ตะวันตก ด้านหน้าจะเปน็ ทิศเหนอื และดา้ นหลังจะเปน็ ทิศใต้ แบบจำลอง • ในเวลากลางวันโลกจะได้รับพลงั งานแสงและพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้ 3. ตระหนักถึงความสำคญั ของ สงิ่ มีชวี ิตดำรงชีวติ อยู่ได้ ดวงอาทิตย์ โดย บรรยายประโยชนข์ อง ดวงอาทิตย์ต่อส่ิงมชี วี ติ ป.4 1. อธิบายแบบรูปเส้นทางการข้ึน • ดวงจนั ทร์เป็นบรวิ ารของโลก โดยดวงจันทรห์ มนุ รอบตัวเองขณะโคจรรอบโลก ขณะทโี่ ลกก็ และตกของดวงจันทร์ โดยใช้ หมุนรอบตัวเองด้วยเช่นกัน การหมุนรอบตัวเองของโลกจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออกใน หลักฐานเชิงประจกั ษ์ ทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเม่ือมองจากข้ัวโลกเหนือทำให้มองเห็นดวงจันทร์ปรากฏข้ึนทางด้าน ทศิ ตะวนั ออกและตกทางดา้ นทิศตะวนั ตกหมุนเวียนเป็นแบบรูปซ้ำ ๆ 2. สร้างแบบจำลองท่ีอธิบายแบบ • ดวงจันทรเ์ ปน็ วัตถทุ ่ีเป็นทรงกลม แต่รูปร่างของดวงจันทรท์ ่ีมองเห็นหรอื รปู ร่างปรากฏของ รปู การเปล่ียนแปลงรูปร่างปรากฏ ดวงจันทร์บนท้องฟ้าแตกต่างกันไปในแต่ละวันโดยในแต่ละวันดวงจันทร์จะมีรูปร่างปรากฏ ข อ ง ด ว ง จั น ท ร์ เป็นเสี้ยวท่ีมีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเน่ืองจนเต็มดวงจากน้ันรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์จะ และพยากรณ์รูปร่างปรากฏของ แหวง่ และมีขนาดลดลงอย่างต่อเนื่องจนมองไม่เห็นดวงจันทร์ จากน้ันรูปร่างปรากฏของดวง ดวงจนั ทร์ จันทรจ์ ะเป็นเส้ียวใหญ่ขนึ้ จนเต็มดวงอกี คร้งั การเปลยี่ นแปลงเชน่ น้ีเป็นแบบรูปซ้ำกันทุกเดือน หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
53 ช้ัน ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ป.4 3 . ส ร้ า ง แ บ บ จ ำ ล อ ง แ ส ด ง • ระบบสุริยะเป็นระบบท่ีมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางและมีบรวิ ารประกอบด้วย ดาวเคราะห์ องค์ประกอบของระบบสุรยิ ะ และ แปดดวงและบริวาร ซ่ึงดาวเคราะห์แต่ละดวงมีขนาดและระยะห่างจากดวงอาทิตย์แตกต่าง อธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจร กนั และยงั ประกอบด้วย ดาวเคราะหแ์ คระ ดาวเคราะหน์ ้อย ดาวหาง และวัตถขุ นาดเล็ก ขอ งดาวเคราะห์ ต่าง ๆ จ าก อืน่ ๆ โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์ วัตถุขนาดเล็กอื่น ๆ เมื่อเข้ามาในชั้นบรรยากาศเน่ืองจากแรง แบบจำลอง โน้มถว่ งของโลกทำใหเ้ กิดเป็นดาวตกหรอื ผพี ุง่ ไตแ้ ละอุกกาบาต ป.5 1. เปรียบเทียบความแตกต่างของ • ดาวท่ีมองเห็นบนท้องฟ้าอยู่ในอวกาศซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่นอกบรรยากาศของโลก มีท้ังดาว ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์จาก ฤกษ์และดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์เป็นแหล่งกำเนิดแสงจึงสามารถมองเห็นได้ ส่วนดาวเคราะห์ แบบจำลอง ไม่ใช่แหล่งกำเนิดแสง แต่สามารถมองเห็นได้เน่ืองจากแสงจากดวงอาทิตย์ตกกระทบดาว เคราะหแ์ ลว้ สะท้อนเข้าสู่ตา 2. ใช้แผนท่ีดาวระบุตำแหน่งและ • การมองเห็นกลุ่มดาวฤกษ์มีรูปร่างต่างๆ เกิดจากจินตนาการของผู้สังเกต กลุ่มดาวฤกษ์ เส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่ม ต่างๆ ท่ีปรากฏในท้องฟ้าแต่ละกลุ่มมีดาวฤกษ์แต่ละดวงเรียงกันที่ตำแหน่งคงท่ี และมี ดาวฤกษ์บนท้องฟ้า และอธิบาย เส้นทางการข้ึนและตกตามเส้นทางเดิมทุกคืน ซึ่งจะปรากฏตำแหน่งเดิม การสังเกตตำแหน่ง แบบรูปเส้นทางการข้ึนและตก และการขึ้นและตกของดาวฤกษ์ และกลุ่มดาวฤกษ์ สามารถทำได้โดยใชแ้ ผนท่ดี าว ซึ่งระบุมุม ของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้าใน ทิศและมุมเงยท่ีกลุ่มดาวนั้นปรากฏ ผู้สังเกตสามารถใช้มือในการประมาณค่าของมุมเงยเมื่อ รอบปี สงั เกตดาวในทอ้ งฟ้า ป.6 1. สร้างแบบจำลองท่ีอธิบายการ • เม่อื โลกและดวงจันทร์ โคจรมาอยูใ่ นแนวเส้นตรงเดยี วกันกบั ดวงอาทิตย์ในระยะทางที่ เ กิ ด แ ล ะ เ ป รี ย บ เ ที ย บ เหมาะสมทำให้ดวงจันทรบ์ งั ดวงอาทิตย์ เงาของดวงจันทรท์ อดมายงั โลก ผสู้ งั เกตที่อยู่บรเิ วณ ป ร า ก ฏ ก า ร ณ์ สุ ริ ยุ ป ร า ค า เงาจะมองเหน็ ดวงอาทิตย์มดื ไป เกดิ ปรากฏการณส์ ุริยปุ ราคาซึง่ มีทั้งสรุ ยิ ุปราคาเต็มดวง และจนั ทรุปราคา สรุ ิยุปราคาบางส่วนและสรุ ยิ ปุ ราคาวงแหวน • หากดวงจันทร์และโลกโคจรมาอยูใ่ นแนวเส้นตรงเดียวกันกบั ดวงอาทิตย์ แลว้ ดวงจันทร์ เคล่ือนท่ีผ่านเงาของโลกจะมองเห็นดวงจันทร์มืดไปเกิดปรากฏการณ์จนั ทรุปราคาซึง่ มีท้งั จันทรปุ ราคาเต็มดวง และจนั ทรุปราคาบางสว่ น 2 . อ ธิ บ า ย พั ฒ น า ก า ร ข อ ง • เทคโนโลยีอวกาศเร่ิมจากความต้องการของมนุษย์ในการสำรวจวัตถุท้องฟ้าโดยใช้ตาเปล่า เ ท ค โ น โ ล ยี อ ว ก า ศ แ ล ะ กล้องโทรทรรศน์ และได้พัฒนาไปสู่การขนส่งเพื่อสำรวจอวกาศด้วยจรวดและยานขนส่ง ยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยี อวกาศและยังคงพัฒนาอย่างต่อเน่ือง ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีอวกาศบางประเภทมา อ ว ก า ศ ม า ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้ดาวเทียมเพ่ือการสื่อสาร การพยากรณ์อากาศหรือ ในชีวิตประจำวัน จากข้อมูลที่ การสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ การใช้อุปกรณ์วัดชีพจรและการเต้นของหัวใจ หมวกนิรภัย รวบรวมได้ ชดุ กฬี า ม.1 - - ม.2 - - ม.3 1. อ ธิบ าย ก ารโคจ รขอ งดาว • ในระบบสรุ ิยะมีดวงอาทิตยเ์ ป็นศูนย์กลางโดยมีดาวเคราะหแ์ ละบริวาร ดาวเคราะห์แคระ เคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วยแรง ดาวเคราะหน์ ้อย ดาวหาง และอ่นื ๆ เชน่ วัตถคุ อยเปอร์โคจรอยูโ่ ดยรอบ ซ่ึงดาวเคราะห์ โน้มถว่ งจาก และวตั ถุเหล่าน้โี คจรรอบดวงอาทติ ย์ด้วยแรงโนม้ ถ่วงแรงโนม้ ถ่วงเป็นแรงดงึ ดูดระหวา่ งวัตถุ สมการ สองวตั ถโุ ดยเปน็ สัดส่วนกบั ผลคูณของมวลทัง้ สอง และเป็นสัดส่วนผกผันกับกำลังสองของ ระยะทางระหว่างวัตถทุ ง้ั สอง แสดงไดโ้ ดยสมการเมือ่ F แทนความโน้มถว่ งระหว่างมวลท้ัง สองG แทนค่านิจโน้มถว่ งสากล m1แทนมวลของวัตถุแรก m2 แทนมวลของวตั ถทุ ่สี อง และr แทนระยะห่างระหว่างวตั ถุท้งั สอง หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
54 ช้นั ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.3 2. สร้างแบบจำลองทอ่ี ธิบายการ • การท่ีโลกโคจรรอบดวงอาทิตยใ์ นลักษณะท่ีแกนโลกเอยี งกบั แนวต้ังฉากของระนาบทาง เกิดฤดู และการเคลื่อนท่ีปรากฏ โคจรทำใหส้ ่วนต่าง ๆ บนโลกได้รับปรมิ าณแสงจากดวงอาทิตยแ์ ตกต่างกันในรอบปี เกดิ เป็น ของดวงอาทิตย์ ฤดกู ลางวนั กลางคืนยาวไมเ่ ท่ากัน และตำแหนง่ การข้นึ และตกของดวงอาทิตยท์ ่ีขอบฟ้าและ เสน้ ทางการขึน้ และตกของดวงอาทติ ย์เปลีย่ นไปในรอบปี ซึ่งสง่ ผลตอ่ การดำรงชวี ิต 3. สร้างแบบจำลองทอ่ี ธบิ ายการ • ดวงจันทรโ์ คจรรอบโลก โลกและดวงจนั ทร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทรร์ ับแสงจากดวง เกิดข้างข้ึนข้างแรม การ อาทิตย์ครึ่งดวงตลอดเวลา เมือ่ ดวงจันทร์โคจรรอบโลกไดห้ นั สว่ นสว่างมายังโลกแตกตา่ งกัน เปลย่ี นแปลงเวลาการขึน้ และตก จงึ ทำให้คนบนโลกสังเกตส่วนสวา่ งของดวงจันทร์แตกต่างไปในแตล่ ะวันเกิดเป็นข้างข้ึน ของดวงจนั ทร์ และการเกดิ นำ้ ขึน้ ขา้ งแรม น้ำลง • ดวงจันทร์โคจรรอบโลกในทิศทางเดียวกนั กับทโี่ ลกหมนุ รอบตวั เอง จงึ ทำให้เหน็ ดวงจนั ทร์ ขนึ้ ชา้ ไปประมาณวันละ 50 นาที • แรงโนม้ ถว่ งทด่ี วงจนั ทร์ ดวงอาทิตย์กระทำตอ่ โลกทำใหเ้ กิดปรากฏการณน์ ้ำขน้ึ นำ้ ลง ซึ่ง ส่งผลต่อส่ิงแวดล้อมและสง่ิ มีชีวิตบนโลก วันท่ีน้ำมรี ะดับการข้นึ สงู สดุ และลงตำ่ สุดเรยี ก วัน นำ้ เกิดส่วนวันทร่ี ะดับนำ้ มกี ารขนึ้ และลงนอ้ ยเรยี กวนั น้ำตาย โดยวันน้ำเกดิ น้ำตาย มี ความสมั พันธ์กบั ข้างขน้ึ ข้างแรม 4. อธิบายการใชป้ ระโยชน์ของ • เทคโนโลยีอวกาศได้มบี ทบาทต่อการดำรงชวี ิตของมนุษยใ์ นปัจจบุ ันมากมาย มนุษย์ไดใ้ ช้ เทคโนโลยีอวกาศและยกตัวอยา่ ง ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยีอวกาศ เช่น ระบบนำทางด้วยดาวเทียม (GNSS) การตดิ ตามพายุ ความก้าวหนา้ ของโครงการสำรวจ สถานการณ์ไฟป่า ดาวเทียมชว่ ยภยั แล้งการตรวจคราบนำ้ มันในทะเล อวกาศ จากข้อมูลท่รี วบรวมได้ • โครงการสำรวจอวกาศต่างๆ ไดพ้ ัฒนาเพ่ิมพูนความรู้ความเข้าใจต่อโลก ระบบสุริยะและ เอกภพมากข้นึ เป็นลำดบั ตวั อย่างโครงการสำรวจอวกาศเช่น การสำรวจสิ่งมีชีวติ นอกโลก การสำรวจดาวเคราะหน์ อกระบบสรุ ิยะ การสำรวจดาวองั คารและบรวิ ารอนื่ ของดวงอาทิตย์ หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
55 สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลง ภายในโลกและบนผวิ โลก ธรณีพิบตั ิภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลก รวมทั้งผล ต่อส่งิ มีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ชนั้ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ป.1 1. อธิบายลกั ษณะภายนอกของ • หินทอี่ ยใู่ นธรรมชาติมลี กั ษณะภายนอกเฉพาะตัวท่ีสังเกตได้ เช่น สี ลวดลาย น้ำหนัก ความ หนิ จากลักษณะเฉพาะตัวที่ แขง็ และเนือ้ หนิ สังเกตได้ ป.2 1. ระบสุ ่วนประกอบของดิน และ • ดินประกอบด้วยเศษหิน ซากพืช ซากสตั วผ์ สมอยู่ในเนอื้ ดนิ มอี ากาศและนำ้ แทรกอยู่ตาม จำแนกชนิดของดินโดยใชล้ ักษณะ ช่องวา่ งในเนือ้ ดนิ ดินจำแนกเป็น ดินรว่ น ดินเหนยี ว และดนิ ทราย ตามลกั ษณะเนอ้ื ดินและ เนอื้ ดนิ และการจับตัวเป็นเกณฑ์ การจับตัวของดนิ ซงึ่ มผี ลตอ่ การอมุ้ น้ำที่แตกตา่ งกัน 2. อธิบายการใช้ประโยชนจ์ ากดิน • ดินแต่ละชนิดนำไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้แตกต่างกัน ตามลักษณะและสมบตั ิของดิน จากขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้ ป.3 1. ระบุส่วนประกอบของอากาศ • อากาศโดยทั่วไปไมม่ ีสี ไม่มีกลิน่ ประกอบด้วย บรรยายความสำคญั ของอากาศ แกส๊ ไนโตรเจน แก๊สออกซเิ จน แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ แก๊สอ่ืนๆ รวมท้ังไอน้ำ และฝุ่น และผลกระทบของมลพิษทาง ละออง อากาศมีความสำคัญต่อสิ่งมีชวี ติ หากสว่ นประกอบของอากาศไม่เหมาะสม เน่ืองจาก อากาศตอ่ สิง่ มชี ีวติ จากข้อมลู ท่ี มแี ก๊สบางชนิดหรือฝุ่นละอองในปริมาณมาก อาจเป็นอันตรายตอ่ สงิ่ มีชีวิตชนิดต่างๆจัดเป็น รวบรวมได้ มลพิษทางอากาศ 2. ตระหนักถึงความสำคญั ของ • แนวทางการปฏิบัติตนเพือ่ ลดการปลอ่ ยมลพิษทางอากาศ เช่น ใชพ้ าหนะรว่ มกัน หรอื อากาศ โดยนำเสนอแนวทางการ เลอื กใช้เทคโนโลยที ีล่ ดมลพิษทางอากาศ ปฏิบัติตนในการลดการเกิดมลพิษ ทางอากาศ 3. อธิบายการเกดิ ลมจากหลักฐาน • ลม คอื อากาศที่เคลอื่ นท่ี เกิดจากความแตกต่างกนั ของอณุ หภูมิอากาศบริเวณทอ่ี ยใู่ กลก้ นั เชงิ ประจกั ษ์ โดยอากาศบริเวณท่ีมอี ณุ หภูมสิ งู จะลอยตัวสูงขน้ึ และอากาศบริเวณที่มอี ุณหภมู ิต่ำกวา่ จะ เคลือ่ นเขา้ ไปแทนที่ 4. บรรยายประโยชน์และโทษของ • ลมสามารถนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานทดแทนในการผลติ ไฟฟ้า และนำไปใช้ประโยชน์ใน ลม จากข้อมูล การทำกิจกรรมตา่ งๆ ของมนษุ ย์ หากลมเคลือ่ นท่ีดว้ ยความเร็วสูงอาจทำให้เกดิ อนั ตรายและ ท่รี วบรวมได้ ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ป.4 - - ป.5 1. เปรยี บเทยี บปริมาณน้ำในแต่ • โลกมที ้งั น้ำจดื และน้ำเค็มซ่ึงอยใู่ นแหล่งนำ้ ต่างๆ ทมี่ ีทัง้ แหลง่ น้ำผิวดิน เชน่ ทะเล ละแหล่ง และระบุปรมิ าณน้ำที่ มหาสมุทร บงึ แม่น้ำ และแหลง่ น้ำใตด้ นิ เชน่ น้ำในดนิ และน้ำบาดาล น้ำทงั้ หมดของโลก มนุษย์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ แบง่ เป็นน้ำเค็มประมาณร้อยละ 97.5 ซึ่งอยู่ในมหาสมทุ ร ได้ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ และแหล่งน้ำอื่นๆ และทเี่ หลอื อีกประมาณรอ้ ยละ 2.5 เปน็ น้ำจดื ถ้าเรยี งลำดบั ปริมาณน้ำจดื จากมากไปนอ้ ยจะอยู่ที่ ธารนำ้ แข็ง และพดื น้ำแข็ง นำ้ ใตด้ ิน ชั้นดนิ เยอื กแข็งคงตวั และ น้ำแข็งใต้ดิน ทะเลสาบ ความช้ืนในดนิ ความชืน้ ในบรรยากาศ บงึ แม่น้ำ และน้ำในส่งิ มีชีวิต หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
56 ช้ัน ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ป.5 2. ตระหนักถงึ คณุ ค่าของนำ้ โดย • น้ำจืดที่มนุษย์นำมาใชไ้ ดม้ ปี ริมาณนอ้ ยมากจึงควรใช้นำ้ อย่างประหยดั และรว่ มกันอนุรักษ์ นำเสนอแนวทางการใช้นำ้ อย่าง นำ้ ประหยดั และการอนุรกั ษน์ ำ้ 3. สร้างแบบจำลองทอี่ ธบิ ายการ • วัฏจกั รนำ้ เป็นการหมุนเวยี นของน้ำทม่ี แี บบรปู ซำ้ เดิม และต่อเนอื่ งระหวา่ งน้ำใน หมุนเวียนของนำ้ ในวฏั จักรนำ้ บรรยากาศน้ำผวิ ดิน และน้ำใต้ดนิ โดยพฤติกรรมการดำรงชีวิตของพชื และสตั วส์ ง่ ผลตอ่ วัฏ จกั รน้ำ 4. เปรียบเทียบกระบวนการเกิด • ไอน้ำในอากาศจะควบแน่นเป็นละอองน้ำเล็กๆ โดยมีละอองลอย เช่น เกลือ ฝุ่นละออง เมฆ หมอก น้ำค้าง และนำ้ คา้ ง ละอองเรณูของดอกไม้ เปน็ อนุภาคแกนกลาง เมอื่ ละอองน้ำจำนวนมากเกาะกลมุ่ รวมกนั ลอย แขง็ จากแบบจำลอง อยู่สูงจากพ้ืนดินมาก เรียกว่า เมฆ แต่ละอองน้ำที่เกาะกลุ่มรวมกันอยู่ใกล้พ้ืนดิน เรียกว่า หมอก ส่วนไอน้ำท่ีควบแน่นเป็นละอองน้ำเกาะอยู่บนพ้ืนผิววัตถุใกล้พ้ืนดิน เรียกว่า น้ำค้าง ถา้ อณุ หภูมิใกล้พ้ืนดนิ ตำ่ กว่าจุดเยอื กแข็งน้ำคา้ งก็จะกลายเป็นนำ้ ค้างแขง็ 5. เปรยี บเทยี บกระบวนการเกดิ • ฝน หิมะ ลูกเห็บ เป็นหยาดน้ำฟ้าซ่ึงเป็นน้ำที่มีสถานะต่างๆ ท่ีตกจากฟ้าถึงพ้ืนดิน ฝนเกิด ฝน หิมะ และลูกเหบ็ จากข้อมูลที่ จากละอองนำ้ ในเมฆทร่ี วมตัวกันจนอากาศไมส่ ามารถพยุงไว้ได้จึงตกลงมา หมิ ะเกิดจากไอน้ำ รวบรวมได้ ในอากาศระเหิดกลบั เป็นผลึกน้ำแข็ง รวมตัวกันจนมนี ้ำหนกั มากขึน้ จนเกนิ กวา่ อากาศจะพยุง ไว้จึงตกลงมา ลูกเห็บเกิดจากหยดน้ำท่ีเปลี่ยนสถานะเป็นน้ำแข็งแล้วถูกพายุพัดวนซ้ำไปซ้ำ มาในเมฆฝนฟ้าคะนองท่มี ีขนาดใหญ่และอยู่ในระดับสงู จนเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ข้ึนแล้ว ตกลงมา ป.6 1. เปรยี บเทียบกระบวนการเกิด • หินเป็นวัสดุแข็งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ประกอบด้วย แร่ตั้งแต่หนึ่งชนิดขึ้นไป สามารถ หินอคั นี หินตะกอน และหนิ แปร จำแนกหินตามกระบวนการเกิดได้เปน็ 3 ประเภท ได้แก่ หินอคั นี หนิ ตะกอน และหนิ แปร และอธิบายวัฏจกั รหินจาก • หินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวของแมกมา เน้ือหินมีลักษณะเป็นผลึก ทั้งผลึกขนาดใหญ่และ แบบจำลอง ขนาดเล็ก บางชนดิ อาจเปน็ เนื้อแก้วหรอื มีรูพรนุ • หินตะกอน เกิดจากการทับถมของตะกอนเม่ือถูกแรงกดทับและมีสารเชื่อมประสานจึงเกิด เปน็ หนิ เน้ือหนิ กลุ่มน้ีสว่ นใหญ่มลี ักษณะเป็นเมด็ ตะกอนมีทั้งเนอ้ื หยาบและเนือ้ ละเอยี ด บาง ชนิดเป็นเน้ือผลึกท่ียึดเกาะกันเกิดจากการตกผลึกหรือตกตะกอนจากน้ำโดยเฉพาะน้ำทะเล บางชนดิ มลี ักษณะเป็นชั้นๆ จงึ เรยี กอกี ช่ือว่า หินชั้น • หนิ แปร เกดิ จากการแปรสภาพของหินเดิม ซ่ึงอาจเป็นหนิ อัคนี หนิ ตะกอน หรือหินแปรโดย การกระทำของความร้อน ความดัน และปฏิกิริยาเคมี เนื้อหินของหินแปรบางชนิดผลึกของ แร่เรียงตัวขนานกันเป็นแถบ บางชนิดแซะออกเป็นแผ่นได้ บางชนิดเป็นเนื้อผลึกท่ีมีความ แข็งมาก • หินในธรรมชาติทั้ง 3 ประเภท มีการเปล่ียนแปลงจากประเภทหน่ึงไปเป็นอีกประเภทหนึ่ง หรอื ประเภทเดิมได้ โดยมแี บบรปู การเปล่ยี นแปลงคงที่และตอ่ เนือ่ งเปน็ วฏั จักร หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
57 ช้นั ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ป.6 2. บรรยายและยกตวั อย่างการ • หินและแร่แต่ละชนิดมีลกั ษณะและสมบตั ิแตกต่างกนั มนุษย์ใชป้ ระโยชนจ์ ากแร่ใน ใชป้ ระโยชนข์ องหินและแร่ใน ชวี ติ ประจำวันในลักษณะต่างๆ เชน่ นำแรม่ าทำเครื่องสำอาง ยาสฟี นั เคร่ืองประดบั ชวี ติ ประจำวันจากข้อมลู ที่ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และนำหนิ มาใช้ในงานก่อสรา้ ง รวบรวมได้ ตา่ งๆ เป็นต้น 3. สร้างแบบจำลองทอ่ี ธบิ ายการ • ซากดกึ ดำบรรพ์เกิดจากการทับถมหรอื การประทบั รอยของสิง่ มชี ีวิตในอดตี จนเกิดเป็น เกิดซากดึกดำบรรพ์และคาดคะเน โครงสรา้ งของซากหรอื รอ่ งรอยของส่ิงมชี ีวติ ที่ปรากฏอยใู่ นหิน ในประเทศไทยพบซากดกึ ดำ สภาพแวดล้อมในอดตี ของซากดกึ บรรพ์ท่ีหลากหลาย เชน่ พชื ปะการัง หอย ปลา เตา่ ไดโนเสาร์ และรอยตนี สตั ว์ ดำบรรพ์ • ซากดกึ ดำบรรพส์ ามารถใชเ้ ป็นหลักฐานหน่งึ ท่ีช่วยอธิบายสภาพแวดล้อมของพน้ื ทใ่ี นอดีต ขณะเกดิ สิ่งมีชีวติ นั้น เช่น หากพบซากดกึ ดำบรรพ์ ของหอยนำ้ จืด สภาพ แวดลอ้ มบริเวณน้นั อาจเคยเป็นแหล่งน้ำจืดมากอ่ น และหากพบซากดึกดำบรรพข์ องพชื สภาพแวดล้อมบริเวณน้ันอาจเคยเป็นปา่ มากอ่ น นอกจากนซ้ี ากดึกดำบรรพ์ ยังสามารถใช้ ระบอุ ายขุ องหิน และเปน็ ขอ้ มูลในการศกึ ษาวิวัฒนาการของสง่ิ มีชีวิต 4. เปรียบเทยี บการเกิดลมบก ลม • ลมบก ลมทะเล และมรสุม เกิดจากพ้ืนดินและพื้นน้ำร้อนและเย็นไม่เท่ากันทำให้อุณหภูมิ ทะเล และมรสุม รวมทั้งอธิบาย อากาศเหนือพื้นดินและพ้ืนน้ำแตกต่างกัน จึงเกิด การเคลื่อนที่ของอากาศจากบริเวณท่ีมี ผลทมี่ ีตอ่ ส่ิงมชี ีวิตและสงิ่ แวดลอ้ ม อณุ หภมู ิต่ำ ไปยงั บริเวณทมี่ อี ณุ หภูมสิ ูง จากแบบจำลอง • ลมบกและลมทะเลเป็นลมประจำถ่ินที่พบบริเวณชายฝั่ง โดยลมบกเกิดในเวลากลางคืน ทำ ให้มลี มพัดจากชายฝั่งไปสู่ทะเล ส่วนลมทะเลเกิดในเวลากลางวัน ทำให้มีลมพัดจากทะเลเข้า สชู่ ายฝ่ัง 5. อธิบายผลของมรสุมตอ่ การเกดิ • มรสุมเป็นลมประจำฤดูเกิดบริเวณเขตร้อนของโลก ซ่ึงเป็นบริเวณกว้างระดับภูมิภาค ฤดูของประเทศไทย จากข้อมูลที่ ประเทศไทยได้รับผลจากมรสุมตะวันออกเฉยี งเหนอื ในช่วงประมาณกลางเดือนตุลาคมจนถึง รวบรวมได้ เดือนกุมภาพันธ์ทำให้เกิดฤดูหนาว และได้รับผลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงประมาณ กลางเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนตุลาคมทำให้เกิดฤดูฝน ส่วนช่วงประมาณกลางเดือน กมุ ภาพันธ์จนถึงกลางเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเปลี่ยนมรสุมและประเทศไทยอยใู่ กล้เส้นศูนย์ สูตร แสงอาทิตย์เกือบต้ังตรงและตั้งตรงประเทศไทยในเวลาเท่ียงวัน ทำให้ได้รับความร้อน จากดวงอาทิตยอ์ ยา่ งเต็มท่ี อากาศจึงร้อนอบอ้าวทำใหเ้ กดิ ฤดรู อ้ น 6. บรรยายลักษณะและ • น้ำท่วม การกดั เซาะชายฝัง่ ดนิ ถล่ม แผ่นดินไหวและสึนามิ มีผลกระทบตอ่ ชีวิตและ ผลกระทบของน้ำทว่ มการกดั เซาะ ส่งิ แวดล้อมแตกตา่ งกนั ชายฝง่ั ดินถล่มแผ่นดินไหว สึนามิ • มนุษยค์ วรเรยี นรวู้ ธิ ีปฏิบตั ิตนให้ปลอดภยั เช่นติดตามขา่ วสารอย่างสม่ำเสมอ เตรยี มถุงยงั 7. ตระหนักถงึ ผลกระทบของภัย ชีพให้พร้อมใช้ตลอดเวลา และปฏิบัติตามคำสงั่ ของผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่อยา่ งเครง่ ครัด ธรรมชาติและธรณีพิบตั ภิ ยั โดย เมอื่ เกิดภยั ธรรมชาตแิ ละธรณีพิบัติภัย นำเสนอแนวทางในการเฝ้าระวัง และปฏบิ ตั ติ นให้ปลอดภยั จากภยั ธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยทอ่ี าจ เกิดในทอ้ งถ่ิน หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
58 ช้นั ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.6 8. สร้างแบบจำลองที่อธิบายการ • ปรากฏการณ์เรือนกระจกเกิดจากแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศของโลกกักเก็บความ เกดิ ปรากฏการณ์ ร้อนแล้ว คายความร้อนบางส่วนกลับสู่ผิวโลก ทำให้อากาศ บนโลกมีอุณหภูมิเหมาะสมต่อ เรื อ น ก ร ะ จ ก แ ล ะ ผ ล ข อ ง การดำรงชีวติ ปรากฏการณ์เรอื นกระจก • หากปรากฏการณ์เรือนกระจกรุนแรงมากขึ้นจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ต่อส่งิ มีชวี ติ มนุษยจ์ งึ ควรรว่ มกันลดกิจกรรมทกี่ ่อใหเ้ กิดแกส๊ เรือนกระจก 9. ตระหนักถึงผลกระทบของ ปรากฏการณ์เรือนกระจก โดย นำเสนอแนวทางการปฏิบัติตน เพ่ือลดกิจกรรมท่ีก่อให้เกิดแก๊ส เรือนกระจก ม.1 1. สร้างแบบจำลองที่อธิบายการ • โลกมีบรรยากาศห่อหุ้ม นักวิทยาศาสตร์ใช้สมบัติและองค์ประกอบของบรรยากาศในการ แ บ่ ง ชั้ น บ ร ร ย า ก า ศ แ ล ะ แบ่งบรรยากาศของโลกออกเป็นชั้น ซ่ึงแบ่งได้หลายรูปแบบตามเกณฑ์ท่ีแตกต่างกัน เป รี ย บ เที ย บ ป ร ะ โย ช น์ ข อ ง โดยท่ัวไปนักวิทยาศาสตร์ใช้เกณฑ์การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิตามความสูงแบ่งบรรยากาศได้ บรรยากาศแตล่ ะชั้น เป็น 5 ชั้น ได้แก่ ชั้นโทรโพสเฟียร์ ชั้นสตราโตสเฟียร์ ชั้นมีโซสเฟียร์ ช้ันเทอร์โมสเฟียร์ และ ช้นั เอกโซสเฟยี ร์ • บรรยากาศแต่ละชั้นมปี ระโยชนต์ อ่ สิ่งมีชีวิตแตกต่างกัน โดยช้ันโทรโพสเฟยี รม์ ปี รากฏการณ์ ลมฟ้าอากาศที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของส่ิงมีชีวิต ชั้นสตราโตสเฟียร์ช่วยดูดกลืนรังสี อัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ไม่ให้มายังโลกมากเกินไปช้ันมีโซสเฟียร์ช่ วยชะลอวัตถุนอก โลกที่ผ่านเข้ามา ให้เกิดการเผาไหม้กลายเป็นวัตถุขนาดเล็กลดโอกาสท่ีจะทำความเสียหาย แก่ส่ิงมีชีวิตบนโลก ช้ันเทอร์โมสเฟียร์สามารถสะท้อนคล่ืนวิทยุ และชั้นเอกโซสเฟียร์เหมาะ สำหรบั การโคจรของดาวเทียมรอบโลกในระดบั ต่ำ 2. อธิบายปัจจัยท่ีมีผลต่อการ • ลมฟ้าอากาศ เป็นสภาวะของอากาศในเวลาหน่ึงของพื้นที่หนึ่งท่ีมีการเปลี่ยนแปลง เปล่ียนแปลงองค์ประกอบของลม ตลอดเวลาข้ึนอยู่กับองค์ประกอบลมฟ้าอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิอากาศ ความกดอากาศ ลม ฟ้าอากาศ จากขอ้ มลู ความช้ืน เมฆ และหยาดน้ำฟ้า โดยหยาดน้ำฟ้าท่ีพบบ่อยในประเทศไทยได้แก่ ฝน ทร่ี วบรวมได้ องคป์ ระกอบลมฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาข้ึนอยูก่ ับปจั จยั ตา่ งๆ เชน่ ปริมาณรังสีจาก ดวงอาทติ ย์และลักษณะพ้ืนผิวโลกส่งผลต่ออณุ หภูมิอากาศ อุณหภูมอิ ากาศและปริมาณไอน้ำ สง่ ผลตอ่ ความชื้น ความกดอากาศสง่ ผลตอ่ ลม ความชืน้ และลมสง่ ผลต่อเมฆ 3. เปรียบเทียบกระบวนการเกิด • พายุฝนฟ้าคะนอง เกิดจากการท่ีอากาศที่มีอุณหภูมิและความช้ืนสูงเคลื่อนท่ีข้ึนสู่ระดับ พายุ ฝนฟ้าคะนองและพายุหมุน ความสงู ท่ีมีอณุ หภูมติ ่ำลง จนกระท่งั ไอน้ำในอากาศเกิดการควบแน่นเป็นละอองน้ำ และเกิด เขตร้อน และผลท่ีมีต่อส่ิงมีชีวิต ต่อเน่ืองเป็นเมฆขนาดใหญ่ พายุฝนฟ้าคะนองทำให้เกิดฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรง ฟ้าแลบ และสิ่งแวดล้อม รวมท้ังนำเสนอ ฟ้าผา่ ซึ่งอาจก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อชีวิตและทรพั ยส์ ิน แ น ว ท า ง ก า ร ป ฏิ บั ติ ต น ให้ • พายุหมุนเขตร้อนเกิดเหนือมหาสมุทรหรือทะเล ที่น้ำมีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 26-27 องศา เหมาะสมและปลอดภัย เซลเซียส ขึ้นไป ทำให้อากาศท่ีมีอุณหภูมิและความช้ืนสูงบริเวณนั้นเคลื่อนท่ีสูงขึ้นอย่าง รวดเร็วเป็นบริเวณกว้าง อากาศจากบริเวณอื่นเคล่ือนเข้ามาแทนท่ีและพัดเวียนเข้าหา ศูนย์กลางของพายุย่ิงใกล้ศูนย์กลาง อากาศจะเคลื่อนท่ีพัดเวียนเกือบเป็นวงกลมและมี อัตราเร็วสูงที่สุด พายุหมุนเขตร้อนทำให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง ฝนตกหนัก ซ่ึงอาจก่อให้เกิด อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน จึงควรปฏิตนให้ปลอดภัยโดยติดตามข่าวสารการพยากรณ์ อากาศ และไม่เข้าไปอยใู่ นพืน้ ท่ีทีเ่ สย่ี งภัย หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
59 ชั้น ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ม.1 4. อธิบายการพยากรณ์อากาศ • การพยากรณ์อากาศเปน็ การคาดการณ์ลมฟา้ อากาศ ทจี่ ะเกดิ ขึ้นในอนาคต โดยมกี าร และพยากรณอ์ ากาศอยา่ งง่ายจาก ตรวจวดั องค์ประกอบลมฟ้าอากาศ การสื่อสารแลกเปล่ยี นขอ้ มูลองค์ประกอบลมฟ้าอากาศ ข้อมูลทรี่ วบรวมได้ ระหวา่ งพ้นื ท่ี การวิเคราะหข์ อ้ มลู และสร้างคำพยากรณอ์ ากาศ 5. ตระหนกั ถึงคณุ ค่าของการ • การพยากรณ์อากาศสามารถนำมาใชป้ ระโยชน์ดา้ นตา่ งๆ เชน่ การใชช้ ีวติ ประจำวนั การ พยากรณ์อากาศโดยนำเสนอแนว คมนาคม การเกษตร การป้องกนั และเฝ้าระวังภยั พิบตั ิ ทางธรรมชาติ ทางการปฏบิ ัติตนและ การใชป้ ระโยชนจ์ ากคำพยากรณ์ อากาศ 6. อธิบายสถานการณแ์ ละ • ภูมิอากาศโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องโดยปัจจัยทางธรรมชาติ แต่ปัจจุบันการ ผลกระทบการเปล่ียนแปลง เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ในการปลดปล่อย ภูมิอากาศโลกจากข้อมูลที่ แก๊สเรือนกระจกสู่บรรยากาศ แก๊สเรือนกระจกที่ถูกปลดปล่อยมากที่สุด ได้แก่ แก๊ส รวบรวมได้ คารบ์ อนไดออกไซด์ซ่งึ หมนุ เวยี นอยูใ่ นวัฏจกั รคาร์บอน 7. ตระหนกั ถึงผลกระทบของการ • การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เช่นการ เปล่ยี นแปลงภูมิอากาศโลก โดย หลอมเหลวของนำ้ แข็งขัว้ โลก การเพิ่มขึน้ ของระดับทะเล การเปล่ียนแปลงวัฏจักรน้ำการเกิด นำเสนอแนวทาง โรคอุบัติใหม่และอุบัตซิ ้ำ และการเกิดภัยพิบัตทิ างธรรมชาติท่ีรุนแรงขน้ึ มนุษย์จึงควรเรียนรู้ การปฏบิ ตั ิตนภายใต้การ แนวทางการปฏิบตั ิตนภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ทั้งแนวทางการปฏิบัตติ นให้เหมาะสมและ เปล่ียนแปลงภมู ิอากาศโลก แนวทางการลดกจิ กรรมที่สง่ ผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศโลก ม.2 1. เปรยี บเทยี บกระบวนการเกดิ • เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เกิดจากการเปล่ียนแปลงสภาพของซากสิ่งมีชีวิตในอดีต โดย สมบัตแิ ละการใช้ประโยชน์ กระบวนการ ทางเคมแี ละธรณีวิทยา เช้ือเพลิงซากดกึ ดำบรรพ์ ไดแ้ ก่ ถา่ นหิน หนิ น้ำมนั และ รวมท้ังอธิบายผลกระทบจากการ ปิโตรเลียม ซ่ึงเกิดจากวัตถุตน้ กำเนิด และสภาพแวดล้อมการเกิดที่แตกต่างกัน ทำให้ได้ชนิด ใชเ้ ชอื้ เพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ จาก ของเช้ือเพลิงซากดึกดำบรรพ์ท่ีมีลักษณะ สมบัติ และการนำไปใช้ประโยชน์แตกต่างกัน ข้อมลู ท่รี วบรวมได้ สำหรับปิโตรเลียมจะต้องมีการผ่านการกล่ันลำดับส่วนก่อนการใช้งานเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ท่ี เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์เป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป เนอื่ งจากตอ้ งใช้เวลานานหลายล้านปีจงึ จะเกดิ ขึ้นใหม่ได้ 2. แสดงความตระหนกั ถึงผลจาก • การเผาไหม้เช้ือเพลิงซากดึกดำบรรพ์ในกิจกรรม ต่างๆ ของมนุษย์จะทำให้เกิดมลพิษทาง การใชเ้ ชือ้ เพลงิ ซากดกึ ดำบรรพ์ อากาศ ซ่ึงส่งผลกระทบต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม นอกจากน้ีแก๊สบางชนิดท่ีเกิดจากการ โดยนำเสนอแนวทางการใช้ เผาไหม้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และไนตรัสออกไซด์ ยังเป็น เช้อื เพลิงซากดกึ ดำบรรพ์ แกส๊ เรือนกระจกซึง่ ส่งผลใหเ้ กิดการเปลยี่ นแปลงภูมิอากาศ ของโลกรุนแรงข้ึน ดังนั้นจึงควรใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ โดยคำนึงถึงผลท่ีเกิดขึ้นต่อ สิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม เช่น เลือกใช้พลังงานทดแทน หรือเลือกใช้เทคโนโลยีที่ลดการใช้ เช้อื เพลิงซากดึกดำบรรพ์ หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
60 ช้นั ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.2 3. เปรยี บเทียบขอ้ ดีและข้อจำกัด • เชื้อเพลงิ ซากดกึ ดำบรรพ์เป็นแหลง่ พลงั งานที่สำคญั ในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนษุ ย์ เนอ่ื งจาก ของพลงั งานทดแทนแต่ละ เช้อื เพลงิ ซากดึกดำบรรพม์ ปี ริมาณจำกัดและมักเพ่ิมมลภาวะในบรรยากาศมากขึน้ จงึ มกี าร ประเภทจากการรวบรวมขอ้ มูล ใช้พลังงานทดแทนมากขน้ึ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลงั งานชีว และนำเสนอแนวทาง มวลพลงั งานคล่นื พลังงานความรอ้ นใต้พภิ พพลังงานไฮโดรเจน ซ่งึ พลงั งานทดแทนแต่ละ การใช้พลงั งานทดแทน ชนิดจะมีขอ้ ดแี ละข้อจำกดั ทีแ่ ตกตา่ งกนั ทเี่ หมาะสมในท้องถ่ิน 4. สร้างแบบจำลองทอ่ี ธิบาย • โครงสร้างภายในโลกแบ่งออกเป็นชั้นตามองค์ประกอบทางเคมี ได้แก่ เปลือกโลก ซ่ึงอยู่ โครงสร้างภายในโลกตาม นอกสุด ประกอบด้วยสารประกอบของซิลิกอน และอะลูมิเนียมเป็นหลัก เนื้อโลกคือส่วนท่ี องค์ประกอบทางเคมจี ากขอ้ มลู ท่ี อยู่ใต้เปลือกโลกลงไปจนถึงแก่นโลก มีองค์ประกอบหลักเป็นสารประกอบของซิลิกอน รวบรวมได้ แมกนีเซียม และเหล็ก และแก่นโลกคือส่วนที่อยู่ใจกลางของโลก มีองค์ประกอบหลักเป็น เหล็กและนกิ เกิลซงึ่ แตล่ ะชน้ั มลี ักษณะแตกต่างกัน 5. อธิบายกระบวนการผุพังอยู่กับ • การผุพังอยู่กับที่ การกร่อน และการสะสมตัวของตะกอน เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลง ท่ี การกร่อน และการสะสมตัว ทางธรณีวิทยาท่ีทำใหผ้ ิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นภูมิลกั ษณ์แบบต่างๆ โดยมีปจั จัยสำคัญ ของตะกอ นจาก แบบ จำลอ ง คือน้ำ ลม ธารนำ้ แข็ง แรงโน้มถว่ งของโลก สิง่ มีชวี ิต สภาพอากาศ และปฏิกริ ิยาเคมี ร ว ม ท้ั ง ย ก ตั ว อ ย่ า ง ผ ล ข อ ง • การผุพงั อยูก่ บั ท่ี คือ การทห่ี ินผุพังทำลายลงด้วย กระบวนการดงั กล่าว กระบวนการต่างๆ ได้แก่ ลมฟ้าอากาศกับน้ำฝน และรวมท้ังการกระทำของต้นไม้กับ ที่ ท ำ ใ ห้ ผิ ว โ ล ก เ กิ ด ก า ร แบคทีเรยี ตลอดจนการแตกตัวทางกลศาสตร์ซง่ึ มกี ารเพ่ิมและลดอณุ หภมู ิสลับกัน เป็นตน้ เปล่ยี นแปลง • การกร่อน คือ กระบวนการหนึ่งหรือหลายกระบวนการที่ทำให้สารเปลือกโลกหลุดไป ละลายไปหรือกร่อนไปโดยมีตัวนำพาธรรมชาติ คือ ลม น้ำ และธารน้ำแข็ง ร่วมกับปัจจัย อื่นๆได้แก่ ลมฟ้าอากาศ สารละลาย การครูดถู การนำพา ทั้งน้ีไม่รวมถึงการพังทลายเป็น กลุ่มกอ้ น เช่น แผ่นดินถล่ม ภเู ขาไฟระเบดิ • การสะสมตัวของตะกอน คือ การสะสมตัวของวัตถุจากการนำพาของน้ำ ลม หรือธาร นำ้ แขง็ 6. อธิบายลักษณะของช้ันหน้าตัด • ดินเกิดจากหินท่ีผุพังตามธรรมชาติผสมคลุกเคล้ากับอินทรียวัตถุท่ีได้จากการเน่าเปื่อยของ และกระบวนการเกิดดิน จาก ซากพืชซากสัตว์ทับถมเป็นชั้นๆ บนผิวโลก ช้ันดินแบ่งออกเป็นหลายช้ัน ขนานหรือเกือบ แบบจำลอง รวมท้ังระบุปัจจัยท่ี ขนานไปกับผิวหน้าดิน แต่ละช้ันมีลักษณะแตกต่างกันเน่ืองจากสมบัติทางกายภาพ เคมี ทำให้ดินมีลักษณ ะและสมบัติ ชีวภาพและลักษณะอ่ืนๆเช่น สี โครงสร้าง เนื้อดิน การยึดตัวความเป็นกรด-เบส สามารถ แตกตา่ งกัน สังเกตได้จากการสำรวจภาคสนาม การเรียกชื่อชั้นดินหลักจะใช้อักษรภาษาอังกฤษตัวใหญ่ ไดแ้ ก่ O A E B C R • ชั้นหน้าตัดดิน เป็นช้ันดินที่มีลักษณะปรากฏให้เห็นเรียงลำดับเป็นช้ันจากชั้นบนสุดถึงช้ัน ลา่ งสดุ • ปัจจัยที่ทำให้ดินแต่ละท้องถ่ินมีลักษณะและสมบัติแตกต่างกัน ได้แก่ วัตถุต้นกำเนิด ภูมอิ ากาศ สิ่งมีชีวติ ในดิน สภาพภูมิประเทศ และระยะเวลาในการเกดิ ดนิ 7. ตรวจวัดสมบตั ิบางประการของ • สมบัติบางประการของดิน เช่น เน้ือดิน ความช้ืนดิน ค่าความเป็นกรด-เบส ธาตุอาหารใน ดิน โดยใช้เคร่ืองมือที่เหมาะสม ดิน สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจถึงแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยอาจนำไปใช้ และนำเสนอแนวทางการใช้ ประโยชน์ ทางการเกษตรหรืออื่นๆ ซ่ึงดินทีไ่ มเ่ หมาะสมต่อการทำการเกษตร เช่น ดินจืด ดิน ประโยชน์ดนิ จากข้อมูลสมบัติของ เปร้ยี ว ดินเค็ม และดินดาน อาจเกิดจากสภาพดินตามธรรมชาติหรือการใช้ประโยชน์จะต้อง ดนิ ปรับปรงุ ใหม้ สี ภาพเหมาะสม เพอ่ื นำไปใช้ประโยชน์ หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
61 ชั้น ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.2 8. อธิบายปัจจัยและกระบวนการ • แหล่งน้ำผวิ ดินเกิดจากนำ้ ฝนทตี่ กลงบนพ้ืนโลก ไหลจากที่สูงลงสทู่ ่ีต่ำดว้ ยแรงโน้มถว่ ง การ เกดิ แหล่งน้ำผิวดนิ และแหล่งน้ำใต้ ไหลของน้ำทำให้พื้นโลกเกิดการกัดเซาะเป็นร่องน้ำ เช่น ลำธาร คลอง และแม่น้ำ ซึ่งรอ่ งน้ำ ดนิ จากแบบจำลอง จะมีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน ข้ึนอยู่กับปริมาณน้ำฝน ระยะเวลาในการกัดเซาะ ชนิดดิน และหิน และลักษณะภูมิประเทศ เช่น ความลาดชัน ความสูงต่ำของพื้นท่ี เมื่อน้ำไหลไปยัง บรเิ วณที่เปน็ แอ่งจะเกิดการสะสมตัวเป็นแหลง่ น้ำ เช่น บงึ ทะเลสาบ ทะเล และมหาสมทุ ร • แหล่งน้ำใต้ดินเกิดจากการซึมของน้ำผิวดินลงไปสะสมตัวใต้พ้ืนโลก ซ่ึงแบ่งเป็นน้ำในดิน และน้ำบาดาล นำ้ ในดินเป็นน้ำท่ีอยู่รว่ มกับอากาศตามชอ่ งวา่ งระหว่างเม็ดดนิ ส่วนน้ำบาดาล เปน็ นำ้ ทีไ่ หลซมึ ลึกลงไปและถูกกักเกบ็ ไว้ ในช้นั หินหรือชั้นดนิ จนอม่ิ ตวั ไปด้วยนำ้ 9. สร้างแบบจำลองที่อธิบายการ • แหล่งน้ำผิวดินและแหล่งน้ำใต้ดินถูกนำมาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ส่งผลต่อการ ใช้น้ำ และนำเสนอแนวทางการใช้ จัดการการใช้ประโยชน์น้ำและคุณภาพของแหล่งน้ำ เน่ืองจากการเพิ่มข้ึนของจำนวน น้ำอย่างย่ังยืนในท้องถิ่นของ ประชากรการใชป้ ระโยชน์พนื้ ทใ่ี นดา้ นต่าง ๆ เช่นภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และ ตนเอง การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำฝนในพนื้ ท่ลี ุ่มน้ำ และแหล่ง น้ำผิวดินไม่เพียงพอสำหรับกิจกรรมของมนุษย์ น้ำจากแหล่งน้ำใต้ดินจึงถูกนำมาใช้มากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำใตด้ ินลดลงมากจงึ ตอ้ งมีการจัดการใช้น้ำอย่างเหมาะสมและย่ังยนื ซ่ึงอาจ ทำได้โดยการจัดหาแหล่งน้ำเพ่ือให้มีแหล่งน้ำเพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต การจัดสรรและ การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การอนุรักษ์และฟ้ืนฟูแหล่งน้ำ การป้องกันและแก้ไขปัญหา คณุ ภาพนำ้ 10. สร้างแบบจำลองท่ีอธิบาย • น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม หลุมยุบ แผ่นดินทรุด มีกระบวนการเกิดและ กระบวนการเกิดและผลกระทบ ผลกระทบท่ีแตกต่างกนั ซึง่ อาจสรา้ งความเสียหายร้ายแรง แก่ชีวติ และทรัพยส์ นิ ของน้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง • น้ำท่วม เกิดจากพื้นที่หนึ่งได้รับปริมาณน้ำเกินกว่าท่ีจะกักเก็บได้ ทำให้แผ่นดินจมอยู่ใต้น้ำ ดินถลม่ หลมุ ยบุ แผน่ ดินทรดุ โดยข้นึ อย่กู ับปริมาณนำ้ และสภาพทางธรณีวิทยาของพื้นที่ • การกัดเซาะชายฝั่ง เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของชายฝั่งทะเลท่ีเกิดขึ้นตลอดเวลาจาก การกัดเซาะของคล่ืนหรือลม ทำให้ตะกอนจากท่ีหน่ึงไปตกทับถมในอีกบรเิ วณหนึ่ง แนวของ ชายฝั่งเดิมจึงเปล่ียนแปลงไป บริเวณท่ีมีตะกอนเคลื่อนเข้ามาน้อยกว่าปริมาณที่ตะกอน เคล่อื นออกไป ถอื ว่าเป็นบริเวณทีม่ กี ารกัดเซาะชายฝ่งั • ดินถล่ม เป็นการเคล่ือนท่ีของมวลดินหรือหินจำนวนมากลงตามลาดเขา เนื่องจากแรงโน้ม ถ่วงของโลกเป็นหลัก ซ่ึงเกดิ จากปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ความลาดชนั ของพื้นท่ี สภาพธรณีวิทยา ปรมิ าณน้ำฝน พืชปกคลุมดิน และการใช้ประโยชน์พนื้ ที่ • หลมุ ยุบ คือ แอ่งหรือหลุมบนแผ่นดินขนาดต่างๆ ที่อาจเกิดจากการถล่มของโพรงถ้ำหนิ ปูน เกลอื หินใต้ดิน หรือเกดิ จากนำ้ พดั พาตะกอนลงไปในโพรงถ้ำหรือธารนำ้ ใต้ดิน • แผ่นดินทรุดเกิดจากการยุบตัวของชั้นดิน หรือ หินร่วน เม่ือมวลของแข็งหรือของเหลว ปริมาณมาก ที่รองรับอยู่ใต้ชั้นดินบรเิ วณนั้นถูกเคล่ือนย้ายออกไปโดยธรรมชาติหรือโดยการ กระทำของมนุษย์ ม.3 - - หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
62 สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดำรงชวี ิตในสงั คมที่มกี ารเปล่ียนแปลง อย่างรวดเรว็ ใชค้ วามรูแ้ ละทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อน่ื ๆ เพื่อแก้ปญั หาหรือ พฒั นางานอยา่ งมีความคดิ สร้างสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ ง เหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ิต สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.1 1 . อ ธิบ าย แ น วคิ ด ห ลั ก ข อ ง • เทคโนโลยี เป็นสิ่งท่ีมนุษย์สร้างหรือพัฒนาขึ้นซ่ึงอาจเป็นได้ทั้งชิ้นงานหรือวิธีการ เพ่ือใช้ เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันและ แกป้ ัญหา สนองความต้องการ หรือเพิ่มความสามารถในการทำงานของมนุษย์ วเิ คราะห์สาเหตุหรอื ปัจจัยท่ีส่งผล • ระบบทางเทคโนโลยี เป็นกลุ่มของส่วนต่างๆต้ังแต่สองส่วนข้ึนไปประกอบเข้าด้วยกันและ ต่ อ ก า ร เป ลี่ ย น แ ป ล ง ข อ ง ทำงานร่วมกันเพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ โดยในการทำงานของระบบทางเทคโนโลยีจะ เทคโนโลยี ประกอบไปด้วยตัวป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต (output) ท่ีสัมพันธ์ กัน นอกจากนี้ระบบทางเทคโนโลยีอาจมีข้อมูลย้อนกลับ (feedback) เพื่อใช้ปรับปรุงการ ทำงานได้ตามวัตถุประสงค์ ซ่ึงการวิเคราะห์ระบบทางเทคโนโลยีช่วยให้เข้าใจองค์ประกอบ และการทำงานของเทคโนโลยี รวมถงึ สามารถปรับปรงุ ให้เทคโนโลยที ำงานได้ตามตอ้ งการ • เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซ่ึงมีสาเหตุหรือปัจจัยมา จากหลายด้าน เช่น ปัญหา ความต้องการ ความกา้ วหนา้ ของศาสตร์ต่าง ๆ เศรษฐกจิ สังคม 2. ระบุปัญหาหรือความต้องการ • ปัญหาหรือความต้องการในชีวิตประจำวันพบได้จากหลายบริบทขึ้นกับสถานการณ์ที่ ใน ชี วิ ต ป ร ะ จ ำวั น ร ว บ ร ว ม ประสบ เชน่ การเกษตร การอาหาร วิเคราะห์ข้อมูลและแนวคิดที่ • การแก้ปัญหาจำเป็นต้องสืบค้น รวบรวมข้อมูล ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือ เก่ยี วข้องกับปญั หา นำไปสู่ การออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหา 3. ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดย • การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จำเป็น โดยคำนึงถึงเงื่อนไข และ วิเค ร าะ ห์ เป รีย บ เที ย บ แ ล ะ ทรัพยากรทมี่ อี ยู่ ช่วยใหไ้ ดแ้ นวทางการแก้ปัญหาทเ่ี หมาะสม ตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ีจำเป็น • การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำได้หลากหลายวิธี เช่น การร่างภาพ การเขียน นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ แผนภาพ การเขียนผังงาน ผู้ อ่ื น เข้ า ใ จ ว า ง แ ผ น แ ล ะ • การกำหนดข้ันตอนและระยะเวลาในการทำงานก่อนดำเนินการแก้ปัญหาจะช่วยให้ทำงาน ดำเนนิ การแกป้ ญั หา สำเร็จได้ตามเป้าหมายและลดขอ้ ผิดพลาดของการทำงานท่ีอาจเกิดขนึ้ 4. ทดสอบ ประเมินผลและระบุ • การทดสอบ และประเมินผลเป็นการตรวจสอบชิ้นงานหรือวิธีการว่าสามารถแก้ปัญหาได้ ขอ้ บกพรอ่ งทเี่ กดิ ขึ้น ตามวัตถุประสงค์ภายใต้กรอบของปัญหา เพื่อหาข้อบกพร่อง และดำเนินการปรับปรุง โดย พร้อมท้ังหาแนวทาง อาจทดสอบซำ้ เพ่อื ให้สามารถแก้ปัญหาได้ การปรับปรุงแก้ไขและนำเสนอผล • การนำเสนอผลงานเปน็ การถา่ ยทอดแนวคิดเพอื่ ให้ การแก้ปญั หา ผูอ้ ่ืนเข้าใจเก่ียวกับกระบวนการทำงานและช้ินงานหรือวิธีการที่ได้ ซ่ึงสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเขียนรายงาน การทำแผ่นนำเสนอผลงาน การจัดนิทรรศการ การนำเสนอผ่านส่ือ ออนไลน์ หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
63 ช้นั ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ม.1 5. ใช้ความรู้และทักษะเก่ียวกับ • วัสดุแต่ละประเภทมีสมบัติแตกต่างกัน เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก จึงต้องมีการวิเคราะห์ วสั ดุอปุ กรณ์ เคร่ืองมือ สมบัติเพื่อเลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน กลไก ไฟฟา้ หรืออิเลก็ ทรอนิกส์ • การสร้างชน้ิ งานอาจใช้ความรู้ เรื่องกลไก ไฟฟา้ อเิ ล็กทรอนิกส์ เช่น LED บัซเซอร์ มอเตอร์ เพ่ือแก้ปัญ หาได้อย่างถูกต้อง วงจรไฟฟา้ เหมาะสมและปลอดภัย • อุปกรณ์และเคร่ืองมือในการสร้างชิ้นงานหรือพัฒนาวิธีการมีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภยั รวมทั้งรู้จกั เกบ็ รกั ษา ม.2 1. คาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีที่ • สาเหตุหรือปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความก้าวหน้าของศาสตร์ต่างๆ การเปลี่ยนแปลงทางด้าน จะเกิดขึน้ โดย เศรษฐกิจ สังคมวฒั นธรรม ทำให้เทคโนโลยีมกี ารเปลีย่ นแปลงตลอดเวลา พิจารณาจากสาเหตุหรือปัจจัยท่ี • เทคโนโลยีแต่ละประเภทมีผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน จึงต้อง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ วิเคราะห์เปรียบเทียบขอ้ ดี ข้อเสีย และตัดสินใจเลอื กใชใ้ ห้เหมาะสม เท ค โน โ ล ยี แ ล ะ วิ เค ร า ะ ห์ เปรียบเทียบ ตัดสินใจเลือกใช้ เทคโนโลยโี ดยคำนึงถงึ ผล กระทบท่ีเกิดขึ้นต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม 2. ระบุปัญหาหรอื ความตอ้ งการ • ปัญหาหรือความต้องการในชุมชนหรอื ทอ้ งถนิ่ มหี ลายอย่าง ข้ึนกบั บรบิ ทหรอื สถานการณ์ที่ ในชุมชนหรอื ท้องถิน่ ประสบเช่น ด้านพลังงาน ส่งิ แวดล้อม การเกษตร การอาหาร สรปุ กรอบของปญั หา รวบรวม • การระบปุ ัญหาจำเป็นต้องมกี ารวเิ คราะหส์ ถานการณ์ของปัญหาเพอื่ สรปุ กรอบของปัญหา วิเคราะห์ขอ้ มูลและแนวคิดที่ แลว้ ดำเนนิ การสืบค้น รวบรวมข้อมูล ความรจู้ ากศาสตรต์ ่าง ๆ ท่เี ก่ยี วขอ้ ง เพ่อื นำไปสกู่ าร เก่ยี วข้องกบั ปญั หา ออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหา 3. ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดย • การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จำเป็น โดยคำนึงถึงเง่ือนไขและ วิเค ร าะ ห์ เป รีย บ เที ย บ แ ล ะ ทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลา ข้อมูลและสารสนเทศ วัสดุ เคร่ืองมือและอุปกรณ์ช่วยให้ ตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ีจำเป็น ไดแ้ นวทางการแกป้ ัญหาทีเ่ หมาะสม ภายใต้เงื่อนไขและทรัพยากรท่ีมี • การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำได้หลากหลายวิธี เช่น การร่างภาพ การเขียน อ ยู่ น ำ เส น อ แ น ว ท า ง ก า ร แผนภาพ การเขียนผงั งาน แก้ปัญหาให้ผู้อ่ืนเข้าใจ วางแผน • การกำหนดข้ันตอนระยะเวลาในการทำงานก่อนดำเนินการแก้ปัญหาจะช่วยให้การทำงาน ข้ันตอนการทำงานและดำเนนิ การ สำเรจ็ ไดต้ ามเปา้ หมาย และลดข้อผิดพลาดของการทำงานที่อาจเกดิ ข้ึน แก้ปัญหาอย่างเปน็ ข้นั ตอน 4. ทดสอบ ประเมินผล และ • การทดสอบและประเมินผลเป็นการตรวจสอบช้ินงาน หรือวิธีการว่าสามารถแก้ปัญหาได้ อธิบายปัญหาหรือข้อบกพร่องที่ ตามวัตถุประสงค์ภายใต้กรอบของปัญหา เพ่ือหาข้อบกพร่อง และดำเนินการปรับปรุงให้ เกิดขึ้น ภ ายใต้กรอบเงื่อนไข สามารถแกไ้ ขปัญหาได้ พร้อมทั้งหาแนวทางการปรับปรุง • การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิดเพื่อให้ผู้อ่ืนเข้าใจเก่ียวกับกระบวนการทำงาน แ ก้ ไข แ ล ะ น ำ เส น อ ผ ล ก า ร และชิ้นงานหรือวิธีการท่ีได้ ซ่ึงสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเขียนรายงานการทำแผ่น แกป้ ญั หา นำเสนอผลงาน การจดั นิทรรศการ หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
64 ชั้น ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.2 5. ใช้ความรู้ และทักษะเกี่ยวกับ • วัสดุแต่ละประเภทมีสมบัติแตกต่างกัน เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก จึงต้องมีการวิเคราะห์ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือกลไก สมบัตเิ พือ่ เลือกใช้ใหเ้ หมาะสมกบั ลักษณะของงาน ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เพ่ือ • การสรา้ งชิน้ งานอาจใช้ความรู้ เร่ืองกลไก ไฟฟ้า อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เช่น LED มอเตอร์ แก้ปัญาหรือพัฒนางานได้อย่าง บซั เซอร์ เฟอื ง รอก ลอ้ เพลา ถูกตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภัย • อปุ กรณ์และเครื่องมอื ในการสรา้ งช้ินงานหรือพฒั นาวิธกี ารมหี ลายประเภท ต้องเลอื กใช้ ให้ถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภยั รวมทั้งรูจ้ กั เก็บรักษา ม.3 1. วิเคราะห์สาเหตุ หรือปัจจัยที่ • เทคโนโลยีมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลาต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซ่ึงมีสาเหตุหรือปัจจัยมา ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ จากหลายด้าน เช่น ปญั หาหรือความต้องการของมนุษย์ ความก้าวหน้าของศาสตร์ตา่ งๆ การ เทคโนโลยีและความสัมพันธ์ของ เปลยี่ นแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรม ส่ิงแวดล้อม เท ค โ น โ ล ยี กั บ ศ า ส ต ร์ อ่ื น • เทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กับศาสตร์อ่ืน โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ โดยวิทยาศาสตร์เป็นพ้ืน โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือ ฐานความรู้ ที่นำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยี และเทคโนโลยีท่ีได้สามารถเป็นเคร่ืองมือท่ีใช้ใน คณิตศาสตร์ เพ่ือเป็นแนวทางการ การศกึ ษา ค้นคว้า เพือ่ ใหไ้ ด้มาซงึ่ องค์ความร้ใู หม่ แกป้ ญั หาหรือพัฒนางาน 2. ระบุปัญหาหรือความต้องการ • ปัญหาหรือความต้องการอาจพบได้ในงานอาชีพของชุมชนหรือท้องถ่ิน ซึ่งอาจมีหลายด้าน ของชุมชนหรอื ท้องถ่นิ เพ่ือพัฒนา เช่น ดา้ นการเกษตร อาหาร พลังงาน การขนส่ง งานอาชีพ สรุปกรอบของปัญหา • การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาช่วยให้เข้าใจเง่ือนไขและกรอบของปัญหาได้ชัดเจน จากนั้น รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลและ ดำเนินการสืบค้น รวบรวมข้อมูล ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพ่ือนำไปสู่การ แนวคิดท่ีเกี่ยวข้องกับปัญหาโดย ออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหา ค ำ นึ ง ถึ ง ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง ด้ า น ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา 3. ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดย • การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จำเป็น โดยคำนึงถึงทรัพย์สินทาง วิเค ร าะ ห์ เป รีย บ เที ย บ แ ล ะ ปัญญา เงื่อนไขและทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลา ข้อมูลและสารสนเทศ วัสดุ เครื่องมือ ตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ีจำเป็น และอุปกรณ์ ชว่ ยใหไ้ ดแ้ นวทางการแกป้ ญั หาท่ีเหมาะสม ภายใต้เง่ือนไขและทรัพยากรท่ีมี • การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำได้หลากหลายวิธีเช่น การร่างภาพ การเขียน อ ยู่ น ำ เส น อ แ น ว ท า ง ก า ร แผนภาพ การเขียนผังงาน แ ก้ ปั ญ ห าให้ ผู้ อื่ น เข้ าใจ ด้ วย • เทคนิคหรือวิธีการในการนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหามีหลากหลาย เช่น การใช้แผนภูมิ เทคนิคหรือวิธีการที่หลากหลาย ตาราง ภาพเคล่ือนไหว วางแผนขน้ั ตอน • การกำหนดข้ันตอนและระยะเวลาในการทำงานก่อนดำเนินการแก้ปัญหาจะช่วยให้การ ก า ร ท ำง าน แ ล ะ ด ำเนิ น ก า ร ทำงานสำเร็จได้ตามเป้าหมาย และลดขอ้ ผดิ พลาดของการทำงานทอี่ าจเกดิ ข้ึน แกป้ ญั หาอย่างเป็นข้ันตอน หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
65 ชน้ั ตัวชี้วัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ม.3 4. ทดสอบ ประเมินผล วิเคราะห์ • การทดสอบและประเมินผลเป็นการตรวจสอบชิ้นงานหรือวิธีการว่า สามารถแก้ปัญหาได้ และให้เหตุผลของปัญหาหรือ ตามวัตถุประสงค์ภายใต้กรอบของปัญหา เพื่อหาข้อบกพร่อง และดำเนินการปรับปรุง โดย ข้อบกพร่องที่เกดิ ขึ้นภายใต้ กรอบ อาจทดสอบซ้ำเพ่ือใหส้ ามารถแกไ้ ขปัญหาได้ เงื่อนไข พร้อมทั้งหาแนวทางการ • การนำเสนอผลงานเป็นการถา่ ยทอดแนวคิดเพ่ือให้ ปรับปรุงแก้ไข และนำเสนอผล ผอู้ ่ืนเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำงานและชิ้นงานหรือวิธีการที่ได้ ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี การแก้ปญั หา เช่น การเขียนรายงานการทำแผ่นนำเสนอผลงาน การจัดนิทรรศการ การนำเสนอผ่านส่ือ ออนไลน์ 5. ใช้ความรู้ และทักษะเก่ียวกับ • วัสดุแต่ละประเภทมีสมบัติแตกต่างกัน เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก เซรามิก จึงต้องมีการ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก วิเคราะหส์ มบตั เิ พ่อื เลอื กใช้ใหเ้ หมาะสมกับลกั ษณะของงาน ไฟ ฟ้ าแ ละ อิ เล็ก ท รอ นิ ก ส์ให้ • การสร้างชิ้นงานอาจใช้ความรู้ เรื่องกลไก ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เช่น LED LDR มอเตอร์ ถูกต้องกับลักษณะของงาน และ เฟอื ง คาน รอก ลอ้ เพลา ปลอดภัยเพ่อื แกป้ ัญหา • อุปกรณ์และเครื่องมือในการสร้างช้ินงานหรือพัฒนาวิธีการมีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้ หรือพัฒนางาน ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย รวมทั้งรู้จักเก็บรกั ษา หลกั สูตรสถานศึกษา กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
66 สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาทพ่ี บในชีวติ จริงอย่างเป็นขน้ั ตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปญั หาไดอ้ ย่างมี ประสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทนั และมีจรยิ ธรรม ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป.1 1. แกป้ ญั หาอย่างงา่ ยโดยใช้การ • การแกป้ ญั หาให้ประสบความสำเร็จทำได้โดยใชข้ ้ันตอนการแกป้ ญั หา ลองผดิ ลองถกู การเปรียบเทียบ • ปญั หาอย่างง่าย เชน่ เกมเขาวงกต เกมหา จุดแตกต่างของภาพ การจัดหนงั สอื ใส่กระเป๋า 2. แสดงลำดับข้ันตอนการทำงาน • การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา ทำได้โดยการเขียน บอกเลา่ วาดภาพ หรือใชส้ ัญลักษณ์ หรือการแกป้ ญั หาอยา่ งง่ายโดยใช้ • ปญั หาอย่างง่าย เช่น เกมเขาวงกต เกมหาจุด ภาพ สัญลกั ษณ์ หรือขอ้ ความ แตกตา่ งของภาพ การจดั หนังสอื ใสก่ ระเปา๋ 3. เขยี นโปรแกรมอย่างง่าย โดย • การเขียนโปรแกรมเป็นการสร้างลำดบั ของคำสงั่ ให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ใชซ้ อฟตแ์ วร์ • ตัวอย่างโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรมสัง่ ให้ หรือสือ่ ตวั ละครยา้ ยตำแหน่ง ยอ่ ขยายขนาด เปลยี่ นรปู ร่าง • ซอฟต์แวร์หรอื ส่อื ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เชน่ ใชบ้ ัตรคำส่ังแสดงการเขยี นโปรแกรม, Code.or 4. ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสร้าง • การใชง้ านอุปกรณเ์ ทคโนโลยีเบ้อื งต้น เช่น การใชเ้ มาส์ คีย์บอร์ด จอสัมผัส การเปิด-ปิด จดั เกบ็ เรยี กใช้ขอ้ มูลตาม อปุ กรณเ์ ทคโนโลยี วัตถปุ ระสงค์ • การใช้งานซอฟต์แวรเ์ บ้อื งตน้ เชน่ การเขา้ และออกจากโปรแกรม การสร้างไฟล์ การจดั เกบ็ การเรยี กใชไ้ ฟล์ ทำได้ในโปรแกรม เชน่ โปรแกรมประมวลคำ โปรแกรมกราฟิก โปรแกรม นำเสนอ • การสร้างและจดั เกบ็ ไฟลอ์ ยา่ งเป็นระบบจะทำให้เรียกใช้ คน้ หาขอ้ มลู ได้ง่ายและรวดเรว็ 5. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ ง • การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย เช่น รู้จักข้อมูลสว่ นตัว อนั ตรายจากการ ปลอดภยั ปฏิบัติตามขอ้ ตกลงใน เผยแพร่ข้อมลู ส่วนตวั และไม่บอกข้อมลู ส่วนตวั กับบคุ คลอ่ืนยกเวน้ ผู้ปกครองหรือครู การใช้คอมพิวเตอรร์ ว่ มกัน ดูแล แจง้ ผู้เก่ยี วข้องเม่อื ตอ้ งการความชว่ ยเหลือเก่ียวกับการใช้งาน รักษาอุปกรณเ์ บื้องตน้ ใช้งาน • ข้อปฏบิ ัตใิ นการใชง้ านและการดูแลรกั ษาอุปกรณ์ เช่น ไม่ขีดเขียนบนอุปกรณ์ ทำความ อย่างเหมาะสม สะอาดใชอ้ ปุ กรณ์อยา่ งถกู วิธี • การใชง้ านอยา่ งเหมาะสม เช่น จัดท่านั่งใหถ้ ูกตอ้ ง การพักสายตาเมือ่ ใช้อปุ กรณ์เป็น เวลานาน ระมัดระวงั อุบตั เิ หตุจากการใชง้ าน ป.2 1. แสดงลำดับขั้นตอนการทำงาน • การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา ทำได้โดยการเขียน บอกเล่า วาดภาพ หรือใชส้ ัญลกั ษณ์ หรือการแก้ปัญหาอย่างงา่ ยโดยใช้ • ปัญหาอย่างงา่ ย เชน่ เกมตัวต่อ 6-12 ชิ้นการแต่งตวั มาโรงเรียน ภาพ สัญลกั ษณ์ หรอื ข้อความ 2. เขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดย • ตวั อยา่ งโปรแกรม เช่น เขยี นโปรแกรมส่งั ใหต้ วั ละครทำงานตามทตี่ ้องการ และตรวจสอบ ใช้ซอฟต์แวร์ ขอ้ ผดิ พลาด ปรับแก้ไขให้ได้ผลลัพธ์ตามท่ีกำหนด หรอื ส่ือ และตรวจหาขอ้ ผิดพลาด • การตรวจหาข้อผดิ พลาด ทำไดโ้ ดยตรวจสอบคำสั่งทีแ่ จ้งข้อผดิ พลาด หรอื หากผลลัพธไ์ ม่ ของโปรแกรม เปน็ ไปตามท่ีต้องการให้ตรวจสอบการทำงานทลี ะคำส่ัง • ซอฟตแ์ วรห์ รอื สอื่ ท่ีใช้ในการเขยี นโปรแกรม เชน่ ใชบ้ ัตรคำสงั่ แสดงการเขยี นโปรแกรม, Code.org หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
67 ชนั้ ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ป.2 3. ใช้เทคโนโลยีในการสร้าง จัด • การใช้งานซอฟต์แวรเ์ บื้องต้น เชน่ การเขา้ และออกจากโปรแกรม การสรา้ งไฟล์ การจดั เก็บ หมวดหมู่ ค้นหา จัดเก็บ เรียกใช้ การเรียกใช้ไฟล์ การแก้ไขตกแต่งเอกสาร ทำได้ ในโปรแกรม เช่น โปรแกรมประมวลคำ ขอ้ มูลตามวตั ถปุ ระสงค์ โปรแกรมกราฟิก โปรแกรมนำเสนอ • การสร้าง คดั ลอก ยา้ ย ลบ เปลย่ี นชือ่ จดั หมวดหมู่ไฟล์ และโฟลเดอรอ์ ย่างเป็นระบบจะทำ ใหเ้ รียกใช้ ค้นหาขอ้ มูลไดง้ ่ายและรวดเร็ว 4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เช่น รู้จักข้อมูลส่วนตัว อันตรายจากการ ปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงใน เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว และไม่บอกข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่นยกเว้นผู้ปกครองหรือครู แจ้ง การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกัน ดูแล ผูเ้ กย่ี วขอ้ งเมื่อต้องการความช่วยเหลอื เก่ียวกับการใช้งาน รักษาอุปกรณ์ เบ้ืองต้น ใช้งาน • ข้อปฏิบัติในการใช้งานและการดูแลรักษาอุปกรณ์ เช่น ไม่ขีดเขียนบนอุปกรณ์ ทำความ อย่างเหมาะสม สะอาดใชอ้ ุปกรณอ์ ยา่ งถูกวิธี • การใช้งานอย่างเหมาะสม เช่น จัดท่านั่งให้ถูกต้อง การพักสายตาเมื่อใช้อุปกรณ์เป็น เวลานาน ระมัดระวังอบุ ตั เิ หตจุ ากการใชง้ าน ป.3 1. แสดงอัลกอริทึมในการทำงาน • อลั กอรทิ ึมเป็นขน้ั ตอนทีใ่ ช้ในการแกป้ ญั หา หรือการแก้ปัญหาอย่างงา่ ยโดยใช้ • การแสดงอัลกอรทิ ึม ทำไดโ้ ดยการเขียน บอกเลา่ วาดภาพ หรอื ใชส้ ญั ลกั ษณ์ ภาพ สัญลักษณ์ หรือขอ้ ความ • ตัวอย่างปัญหา เช่น เกมเศรษฐี เกมบันไดงูเกม Tetris เกม OX การเดินไปโรงอาหารการ ทำความสะอาดหอ้ งเรยี น 2. เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดย • การเขียนโปรแกรมเปน็ การสรา้ งลำดบั ของคำสง่ั ใหค้ อมพวิ เตอรท์ ำงาน ใชซ้ อฟต์แวร์หรอื ส่ือ และตรวจหา • ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ เขียนโปรแกรมท่สี งั่ ใหต้ ัวละครทำงานซำ้ ไม่สนิ้ สุด ขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม • การตรวจหาข้อผิดพลาด ทำได้โดยตรวจสอบคำส่ังที่แจ้งข้อผิดพลาด หรือหากผลลัพธ์ไม่ เป็นไปตามทตี่ ้องการใหต้ รวจสอบการทำงานทีละคำส่ัง • ซอฟต์แวร์หรือสื่อท่ีใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น ใช้บัตรคำส่ังแสดงการเขียนโปรแกรม , Code.org 3. ใชอ้ ินเทอร์เน็ตคน้ หาความรู้ • อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ช่วยให้การติดต่อส่ือสารทำได้สะดวกและรวดเรว็ และ เป็นแหลง่ ข้อมลู ความรู้ที่ชว่ ยในการเรยี น และการดำเนินชวี ติ • เวบ็ เบราวเ์ ซอรเ์ ปน็ โปรแกรมสำหรับอ่านเอกสารบนเว็บเพจ • การสืบค้นข้อมูลบนอนิ เทอรเ์ น็ต ทำได้โดยใช้เว็บไซต์สำหรับสืบค้น และต้องกำหนดคำค้นท่ี เหมาะสมจึงจะไดข้ อ้ มูลตามตอ้ งการ • ข้อมูลความรู้ เช่น วิธีทำอาหาร วิธีพับกระดาษ เป็นรูปต่างๆ ข้อมูลประวัติศาสตร์ชาติไทย (อาจเปน็ ความรู้ในวชิ าอ่นื ๆ หรอื เร่อื งที่เปน็ ประเดน็ ท่ีสนใจในชว่ งเวลาน้ัน) • การใช้อินเทอร์เน็ตอยา่ งปลอดภยั ควรอยู่ ในการดูแลของครู หรือผูป้ กครอง 4. รวบรวม ประมวลผล และ • การรวบรวมข้อมูล ทำไดโ้ ดยกำหนดหัวขอ้ ทตี่ ้องการ เตรยี มอปุ กรณ์ในการจดบนั ทึก นำเสนอข้อมูล โดยใช้ซอฟต์แวร์ • การประมวลผลอยา่ งงา่ ย เช่น เปรยี บเทยี บจดั กลุม่ เรียงลำดบั ตามวตั ถุประสงค์ • การนำเสนอข้อมูลทำได้หลายลักษณะตามความเหมาะสมเช่น การบอกเล่า การทำ เอกสารรายงาน การจัดทำปา้ ยประกาศ • การใช้ซอฟต์แวร์ทำงานตามวัตถุประสงค์ เช่นใช้ซอฟต์แวร์นำเสนอ หรอื ซอฟต์แวร์กราฟิก สร้างแผนภูมิรูปภาพ ใช้ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ทำป้ายประกาศหรือเอกสารรายงาน ใช้ ซอฟตแ์ วรต์ ารางทำงานในการประมวลผลข้อมูล หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
68 ชนั้ ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป.3 5. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง • การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เชน่ ปกป้องขอ้ มูลสว่ นตัว ปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงใน • ขอความช่วยเหลือจากครูหรือผู้ปกครอง เม่ือเกิดปัญหาจากการใช้งาน เมื่อพบข้อมูลหรือ การใช้อนิ เทอร์เน็ต บคุ คลทที่ ำให้ไมส่ บายใจ • การปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้อินเทอร์เน็ตจะทำให้ไม่เกิดความเสียหายต่อตนเองและ ผอู้ ืน่ เช่น ไม่ใช้คำหยาบ ล้อเลียน ดา่ ทอ ทำให้ผอู้ น่ื เสียหายหรือเสียใจ • ขอ้ ดีและขอ้ เสยี ในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสอ่ื สาร ป.4 1. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ • การใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการนำกฎเกณฑ์ หรือเงื่อนไขที่ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้ แก้ปัญหา การอธิบายการทำงาน พจิ ารณาในการแก้ปญั หา การอธิบายการทำงาน หรอื การคาดการณผ์ ลลพั ธ์ การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหา • สถานะเริม่ ต้นของการทำงานทแี่ ตกตา่ งกนั จะให้ผลลัพธ์ทแี่ ตกต่างกัน อย่างงา่ ย • ตัวอย่างปัญหา เช่น เกม OX โปรแกรมท่ีมีการคำนวณ โปรแกรมท่ีมีตัวละครหลายตัวและ มีการสั่งงานทแ่ี ตกตา่ งหรือมกี ารส่ือสารระหวา่ งกัน การเดินทางไปโรงเรียน โดยวิธีการต่าง ๆ 2. ออกแบบ และเขียนโปรแกรม • การออกแบบโปรแกรมอย่างง่าย เช่น การออกแบบโดยใช้ storyboard หรือการออกแบบ อย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือ อลั กอรทิ มึ ส่ือ และตรวจหาข้อผิดพลาด • การเขียนโปรแกรมเป็นการสร้างลำดับของคำส่ัง ให้คอมพิวเตอร์ทำงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ และแก้ไขคอมพิวเตอร์ทำงาน ตาม ความต้องการ หากมีข้อผิดพลาดให้ตรวจสอบ การทำงานทีละคำสั่ง เม่ือพบจุดที่ทำ เพื่ อ ให้ ได้ผลลัพ ธ์ต าม ค วาม ใหผ้ ลลพั ธ์ ไมถ่ ูกตอ้ ง ให้ทำการแก้ไขจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ทถ่ี กู ต้อง ต้องการ หากมีข้อผิดพลาดให้ • ตัวอย่างโปรแกรมท่ีมีเรื่องราว เช่น นิทานท่ีมีการโต้ตอบกับผู้ใช้ การ์ตูนส้ัน เล่ากิจวัตร ตรวจสอบ การทำงานทีละคำสั่ง ประจำวัน ภาพเคล่อื นไหว เมื่อพบจุดที่ทำให้ผลลัพธ์ ไม่ • การฝึกตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของผู้อ่ืนจะช่วยพัฒนาทักษะการหาสาเหตุของ ถูกต้อง ให้ทำการแก้ไขจนกว่าจะ ปญั หาไดด้ ยี ง่ิ ข้ึน ได้ผลลัพธ์ • ซอฟตแ์ วรท์ ่ใี ช้ในการเขยี นโปรแกรม เช่น Scratch, logo ท่ีถูกต้อง 3. ใชอ้ นิ เทอร์เน็ตค้นหาความรู้ • การใช้คำคน้ ทตี่ รงประเดน็ กระชับ จะทำให้ได้ ผลลัพธท์ ีร่ วดเร็วและตรงตามความต้องการ และประเมิน • การประเมินความน่าเชือ่ ถือของข้อมูล เช่น พิจารณาประเภทของเว็บไซต์ (หนว่ ยงาน ความน่าเช่อื ถอื ของข้อมูล ราชการ สำนกั ขา่ ว องค์กร) ผู้เขยี น วนั ทีเ่ ผยแพร่ขอ้ มลู การอ้างอิง • เมื่อได้ขอ้ มลู ทีต่ อ้ งการจากเวบ็ ไซต์ต่าง ๆ จะต้องนำเนอ้ื หามาพจิ ารณา เปรยี บเทียบ แล้ว เลอื กขอ้ มูลทม่ี ีความสอดคล้องและสัมพันธ์กัน • การทำรายงานหรอื การนำเสนอข้อมลู จะต้องนำขอ้ มลู มาเรียบเรยี ง สรุป เป็นภาษาของ ตนเอง ทเี่ หมาะสมกบั กล่มุ เปา้ หมายและวิธกี ารนำเสนอ (บูรณาการกบั วิชาภาษาไทย) หลกั สูตรสถานศึกษา กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
69 ชั้น ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.4 4. รวบรวม ประเมิน นำเสนอ • การรวบรวมข้อมลู ทำได้โดยกำหนดหัวขอ้ ทต่ี ้องการ เตรยี มอปุ กรณใ์ นการจดบันทึก ข้อมูลและสารสนเทศ โดยใช้ • การประมวลผลอยา่ งง่าย เชน่ เปรียบเทียบจัดกลมุ่ เรียงลำดบั การหาผลรวม ซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย เพ่ือ • วิเคราะห์ผลและสรา้ งทางเลือกท่เี ปน็ ไปได้ ประเมนิ ทางเลอื ก (เปรยี บเทยี บ ตดั สนิ ) แก้ปญั หาในชีวติ ประจำวัน • การนำเสนอข้อมูลทำได้หลายลักษณ ะตามความเหมาะสม เช่ น การบอกเล่า เอกสารรายงาน โปสเตอร์ โปรแกรมนำเสนอ • การใช้ซอฟต์แวรเ์ พื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน เช่น การสำรวจเมนูอาหารกลางวันโดยใช้ ซอฟต์แวร์สร้างแบบสอบถามและเกบ็ ข้อมลู ใชซ้ อฟต์แวร์ตารางทำงานเพ่ือประมวลผลขอ้ มูล รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการและสร้างรายการอาหารสำหรับ 5 วัน ใช้ ซอฟตแ์ วรน์ ำเสนอผลการสำรวจรายการอาหารที่เป็นทางเลือกและขอ้ มลู ด้านโภชนาการ 5. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เขา้ ใจสิทธแิ ละหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิของ ปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าท่ี ผู้อ่ืน เช่น ไม่สร้างข้อความเท็จและส่งให้ผู้อื่น ไม่สร้าง ความเดือดร้อนต่อผู้อื่นโดยการส่ง ของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่น สแปม ขอ้ ความลกู โซ่ ส่งต่อโพสตท์ ี่มีข้อมลู สว่ นตวั ของผู้อื่น ส่งคำเชิญเลน่ เกม ไม่เข้าถึงขอ้ มูล แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูลหรือ สว่ นตัวหรือการบา้ นของบุคคลอ่ืนโดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาต ไม่ใช้เครอื่ งคอมพิวเตอร์/ช่ือบัญชขี อง บคุ คลท่ี ผู้อน่ื ไมเ่ หมาะสม • การส่ือสารอยา่ งมีมารยาทและรู้กาลเทศะ • การปกป้องข้อมูลส่วนตัว เช่น การออกจากระบบเม่ือเลิกใช้งาน ไม่บอกรหัสผ่าน ไม่บอก เลขประจำตัวประชาชน ป.5 1. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ • การใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการนำกฎเกณฑ์ หรือเง่ือนไขท่ีครอบคลุมทุกกรณีมาใช้ แก้ปัญหา การอธิบายการทำงาน พจิ ารณาในการแก้ปญั หา การอธิบายการทำงาน หรือการคาดการณ์ ผลลัพธ์ การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหา • สถานะเรม่ิ ต้นของการทำงานท่ีแตกต่างกันจะใหผ้ ลลพั ธ์ทแ่ี ตกต่างกนั อยา่ งงา่ ย • ตัวอย่างปัญหา เช่น เกม Sudoku โปรแกรมทำนายตัวเลข โปรแกรมสร้างรูปเรขาคณิต ตามค่าขอ้ มลู เขา้ การจดั ลำดบั การทำงานบ้านในช่วงวันหยุด จัดวางของในครวั 2. ออกแบบ และเขยี นโปรแกรมท่ี • การออกแบบโปรแกรมสามารถทำได้โดยเขยี น เป็นข้อความหรอื ผังงาน มกี ารใช้เหตุผล • การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมีการตรวจสอบเงื่อนไขท่ีครอบคลุมทุกกรณีเพ่ือให้ได้ เชิงตรรกะอย่างง่าย ตรวจหา ผลลพั ธ์ที่ถูกตอ้ งตรงตามความตอ้ งการ ข้อผดิ พลาดและแกไ้ ข • หากมีข้อผดิ พลาดใหต้ รวจสอบการทำงานทีละคำส่ัง เมอ่ื พบจุดทท่ี ำให้ผลลพั ธไ์ มถ่ กู ตอ้ ง ใหท้ ำการแกไ้ ขจนกวา่ จะได้ผลลัพธท์ ่ีถูกต้อง • การฝึกตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของผู้อ่ืน จะช่วยพัฒนาทักษะการหาสาเหตุของ ปญั หาได้ดียิ่งขึน้ • ตัวอย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรมตรวจสอบเลขคู่เลขค่ี โปรแกรมรับข้อมูลน้ำหนักหรือ ส่วนสูงแล้วแสดงผลความสมส่วนของร่างกาย โปรแกรมสั่งให้ตัวละครทำตามเง่ือนไขท่ี กำหนด • ซอฟตแ์ วร์ท่ีใชใ้ นการเขียนโปรแกรม เชน่ Scratch, logo หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
70 ชน้ั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ป.5 3. ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูล • การค้นหาข้อมลู ในอินเทอรเ์ น็ต และการพิจารณาผลการค้นหา ติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกัน • การติดต่อส่อื สารผา่ นอนิ เทอร์เน็ต เชน่ อีเมล บลอ็ ก โปรแกรมสนทนา ประเมินความนา่ เช่ือถอื ของขอ้ มลู • การเขยี นจดหมาย (บรู ณาการกับวิชาภาษาไทย) • การใช้อินเทอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกัน เช่น ใช้นัดหมายในการประชุม กลุ่ม ประชาสัมพันธ์กิจกรรมในห้องเรียน การแลกเปล่ียนความรู้ ความคิดเห็นในการเรียน ภายใต้การดแู ลของครู • การประเมนิ ความน่าเชอื่ ถือของขอ้ มูล เช่น เปรยี บเทียบความสอดคล้อง สมบรู ณข์ องขอ้ มูล จากหลายแหลง่ แหล่งตน้ ตอของข้อมูล ผ้เู ขยี น วนั ท่เี ผยแพร่ข้อมูล • ข้อมลู ทีด่ ตี ้องมีรายละเอียดครบทกุ ด้าน เชน่ ขอ้ ดแี ละขอ้ เสีย ประโยชน์และโทษ 4. รวบรวม ประเมิน นำเสนอ • การรวบรวมข้อมูล ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล จะทำให้ไดส้ ารสนเทศเพื่อใชใ้ น ข้ อ มู ล แ ล ะ ส าร ส น เท ศ ต าม การแก้ปญั หาหรอื การตดั สนิ ใจได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ วัตถุประสงคโ์ ดยใช้ซอฟต์แวร์หรือ • การใชซ้ อฟต์แวร์หรอื บริการบนอินเทอร์เนต็ ท่ีหลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสร้าง บ ริ ก า ร บ น อิ น เท อ ร์ เน็ ต ท่ี ทางเลือก ประเมินผล นำเสนอ จะช่วยให้ การแก้ปัญหาทำได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และ หลากหลาย เพ่ือแกป้ ัญหา แมน่ ยำ ในชวี ิตประจำวนั • ตัวอย่างปัญหา เช่น ถ่ายภาพ และสำรวจแผนที่ ในท้องถ่ินเพ่ือนำเสนอแนวทางในการ จัดการพ้ืนท่ีว่างให้เกิดประโยชน์ ทำแบบสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ และวิเคราะห์ข้อมูล นำเสนอขอ้ มลู โดยการใช้ blog หรือ web page 5. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง • อนั ตรายจากการใชง้ านและอาชญากรรมทางอนิ เทอรเ์ นต็ ปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสิทธิ • มารยาทในการติดตอ่ ส่อื สารผ่านอินเทอร์เน็ต (บูรณาการกับวิชาที่เกยี่ วข้อง) และหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิ ของผู้อื่น แจ้งผู้เกี่ยวข้องเม่ือพบ ขอ้ มลู หรือบุคคลท่ไี ม่เหมาะสม ป.6 1. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ • การแก้ปญั หาอย่างเป็นข้ันตอนจะชว่ ยให้แกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ อธิบ ายแ ละอ อก แบ บ วิธีก าร • การใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการนำกฎเกณฑ์ หรือเงื่อนไขที่ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้ แก้ปัญหาท่พี บในชีวิตประจำวนั พจิ ารณาในการแกป้ ญั หา • แนวคดิ ของการทำงานแบบวนซำ้ และเงอื่ นไข • การพิจารณากระบวนการทำงานที่มีการทำงานแบบวนซ้ำหรือเงื่อนไขเป็นวิธีการที่จะช่วย ใหก้ ารออกแบบวิธกี ารแก้ปญั หาเปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ • ตัวอย่างปัญหา เช่น การค้นหาเลขหน้าท่ีต้องการให้เร็วที่สุด การทายเลข 1-1,000,000 โดยตอบให้ถูกภายใน 20 คำถาม การคำนวณเวลาในการเดินทาง โดยคำนึงถึงระยะทาง เวลาจดุ หยดุ พัก 2. ออกแบบและเขียนโปรแกรม • การออกแบบโปรแกรมสามารถทำได้โดยเขียน เป็นขอ้ ความหรอื ผังงาน อยา่ งงา่ ย เพ่อื • การออกแบบและเขยี นโปรแกรมที่มกี ารใชต้ วั แปร การวนซำ้ การตรวจสอบเง่อื นไข แ ก้ ปั ญ ห าใน ชี วิต ป ร ะ จ ำวั น • หากมีข้อผดิ พลาดให้ตรวจสอบการทำงานทีละคำสั่ง เม่ือพบจุดท่ีทำให้ผลลัพธ์ไม่ถูกต้องให้ ต ร ว จ ห า ข้ อ ผิ ด พ ล า ด ข อ ง ทำการแก้ไขจนกวา่ จะได้ผลลพั ธท์ ่ถี ูกตอ้ งการฝึกตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของ โปรแกรมและแกไ้ ข ผอู้ น่ื จะช่วยพฒั นาทกั ษะการหาสาเหตขุ องปญั หาได้ดียงิ่ ขึน้ • ตัวอยา่ งโปรแกรม เชน่ โปรแกรมเกม โปรแกรมหาค่า ค.ร.น. เกมฝกึ พมิ พ์ • ซอฟต์แวรท์ ่ใี ชใ้ นการเขียนโปรแกรม เช่น Scratch, logo หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
71 ชัน้ ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ป.6 3. ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหา • การค้นหาอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการค้นหาข้อมูลท่ีได้ตรงตามความต้องการในเวลาที่ ขอ้ มูลอยา่ งมีประสิทธิภาพ รวดเรว็ จากแหล่งข้อมูลทนี่ า่ เช่อื ถือหลายแหลง่ และข้อมูล มคี วามสอดคล้องกนั • การใช้เทคนิคการค้นหาข้ันสูง เช่น การใช้ตัวดำเนินการ การระบุรูปแบบของข้อมูลหรือ ชนิดของไฟล์ • การจดั ลำดับผลลพั ธจ์ ากการคน้ หาของโปรแกรมคน้ หา • การเรียบเรียง สรุปสาระสำคญั (บรู ณาการกับวชิ าภาษาไทย) 4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำงาน • อนั ตรายจากการใชง้ านและอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต แนวทางในการปอ้ งกนั ร่วมกันอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิ • วิธีกำหนดรหสั ผา่ น และหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิ • การกำหนดสิทธ์ิการใชง้ าน (สทิ ธ์ิในการเขา้ ถงึ ) ของผู้อ่ืน แจ้งผู้เกี่ยวข้องเม่ือพบ • แนวทางการตรวจสอบและปอ้ งกนั มัลแวร์ ข้อมลู หรอื บุคคลท่ีไม่เหมาะสม • อันตรายจากการตดิ ตง้ั ซอฟตแ์ วรท์ ี่อยบู่ นอนิ เทอร์เน็ต ม.1 1. อ อ ก แ บ บ อั ล ก อ ริทึ ม ที่ ใช้ • แนวคิดเชิงนามธรรม เป็นการประเมินความสำคัญของรายละเอียดของปัญหา แยกแยะ แ น ว คิ ด เชิ ง น า ม ธ ร ร ม เพ่ื อ สว่ นทีเ่ ปน็ สาระสำคญั ออกจากสว่ นทไ่ี ม่ใช่สาระสำคญั แก้ปัญหาหรืออธบิ ายการทำงานที่ • ตัวอย่างปัญหา เช่น ต้องการปหู ญา้ ในสนาม พบในชวี ิตจรงิ ตามพ้ืนท่ีที่กำหนด โดยหญ้าหนึ่งผืนมีความกว้าง 50 เซนติเมตร ยาว 50 เซนติเมตร จะใช้ หญ้าทั้งหมดกี่ผืน 2. ออกแบบและเขยี นโปรแกรม • การออกแบบและเขยี นโปรแกรมท่ีมีการใชต้ ัวแปร เงอ่ื นไข วนซ้ำ อย่างง่ายเพอื่ แกป้ ญั หาทาง • การออกแบบอลั กอริทึม เพือ่ แก้ปัญหา คณิตศาสตร์หรอื วิทยาศาสตร์ ทางคณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตรอ์ ย่างง่าย อาจใช้แนวคิดเชงิ นามธรรมในการออกแบบ เพอื่ ให้ การแกป้ ัญหามีประสิทธิภาพ • การแกป้ ญั หาอย่างเป็นข้ันตอนจะช่วยใหแ้ กป้ ัญหาได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ • ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น Scratch, python, java, c • ตวั อยา่ งโปรแกรม เช่น โปรแกรมสมการการเคลื่อนที่ โปรแกรมคำนวณหาพนื้ ที่ โปรแกรม คำนวณดชั นีมวลกาย 3. รวบรวมข้อมูลปฐมภมู ิ • การรวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมลู ปฐมภมู ิ ประมวลผล สรา้ งทางเลอื ก ประเมินผล จะทำ ประมวลผล ประเมินผล นำเสนอ ให้ได้สารสนเทศเพอ่ื ใช้ในการแก้ปญั หาหรือการตดั สินใจไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ข้อมูล และสารสนเทศ ตาม • การประมวลผลเป็นการกระทำกบั ข้อมูล เพอ่ื ให้ได้ผลลัพธ์ทม่ี ีความหมายและมีประโยชน์ วัตถปุ ระสงค์โดยใช้ซอฟตแ์ วร์ ตอ่ การนำไปใชง้ าน สามารถทำไดห้ ลายวธิ ี เช่น คำนวณอตั ราส่วน คำนวณค่าเฉลีย่ หรือบรกิ ารบนอินเทอรเ์ น็ต • การใช้ซอฟตแ์ วรห์ รอื บริการบนอินเทอรเ์ นต็ ท่หี ลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสร้าง ท่ีหลากหลาย ทางเลือก ประเมินผล นำเสนอ จะชว่ ยใหแ้ ก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ถกู ต้อง และแมน่ ยำ • ตัวอยา่ งปัญหา เน้นการบรู ณาการกบั วชิ าอ่ืนเช่น ตม้ ไขใ่ หต้ รงกบั พฤตกิ รรมการบริโภค ค่า ดัชนมี วลกายของคนในทอ้ งถน่ิ การสร้างกราฟผลการทดลองและวิเคราะห์แนวโน้ม หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
72 ชนั้ ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.1 4. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ ง • ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย เชน่ การปกป้องความเป็นสว่ นตัวและอัตลกั ษณ์ ปลอดภยั ใช้สอื่ และแหล่งขอ้ มูล • การจดั การอัตลกั ษณ์ เช่น การตั้งรหัสผ่าน การปกป้องข้อมูลสว่ นตวั ตามขอ้ กำหนดและขอ้ ตกลง • การพิจารณาความเหมาะสมของเนื้อหา เชน่ ละเมิดความเป็นสว่ นตัวผอู้ ื่น อนาจาร วจิ ารณ์ ผู้อน่ื อย่างหยาบคาย • ขอ้ ตกลง ขอ้ กำหนดในการใช้สือ่ หรือแหล่งขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เช่น Creative commons ม.2 1. ออกแบบอัลกอริทมึ ทีใ่ ช้ • แนวคดิ เชงิ คำนวณ แนวคิดเชงิ คำนวณในการ • การแกป้ ัญหาโดยใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณ แก้ปัญหา หรือการทำงานท่ีพบใน • ตัวอย่างปัญหา เชน่ การเขา้ แถวตามลำดับความสงู ให้เร็วที่สดุ จัดเรยี งเส้อื ใหห้ าได้ง่ายท่ีสุด ชีวติ จริง 2. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมท่ี • ตวั ดำเนินการบูลีน ใช้ตรรกะ • ฟงั ก์ชัน และฟังก์ชนั ในการแก้ปัญหา • การออกแบบและเขยี นโปรแกรมที่มกี ารใชต้ รรกะ และฟังก์ชนั • การออกแบบอลั กอรทิ ึม เพ่อื แก้ปัญหาอาจใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการออกแบบ เพื่อให้ การแก้ปญั หามีประสิทธภิ าพ • การแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นข้นั ตอนจะช่วยใหแ้ กป้ ญั หาได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ • ซอฟตแ์ วร์ท่ีใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, python, java, c • ตัวอยา่ งโปรแกรม เช่น โปรแกรมตัดเกรดหาคำตอบทง้ั หมดของอสมการหลายตัวแปร • ตัวดำเนนิ การบูลนี • ฟังก์ชัน • การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมีการใช้ตรรกะ และฟงั กช์ ัน • การออกแบบอัลกอริทึม เพื่อแกป้ ัญหาอาจใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการออกแบบ เพือ่ ให้ การแกป้ ัญหามปี ระสิทธิภาพ • การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นข้นั ตอนจะช่วยใหแ้ ก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธภิ าพ • ซอฟตแ์ วร์ทีใ่ ช้ในการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, python, java, c • ตวั อยา่ งโปรแกรม เช่น โปรแกรมตัดเกรด หาคำตอบท้งั หมดของอสมการหลายตัวแปร 3. อภิปรายองค์ประกอบและ • องคป์ ระกอบและหลกั การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ ห ลั ก ก า ร ท ำ ง า น ข อ ง ร ะ บ บ • เทคโนโลยกี ารส่อื สาร คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการ • การประยกุ ตใ์ ช้งานและการแกป้ ญั หาเบือ้ งต้น ส่ือสาร เพ่ือประยุกต์ใช้งานหรือ แก้ปัญหาเบ้ืองต้น 4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง • ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย โดยเลือกแนวทางปฏิบัติเม่ือพบเนื้อหาท่ีไม่ ปลอดภัย มีความรับผดิ ชอบ สรา้ ง เหมาะสม เช่น แจ้งรายงานผู้เกี่ยวข้อง ป้องกันการเขา้ มาของข้อมูลที่ไม่เหมาะสม ไม่ตอบโต้ และแสดงสิทธิในการเผยแพร่ ไมเ่ ผยแพร่ ผลงาน • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีความรับผิดชอบ เช่น ตระหนักถึงผลกระทบในการ เผยแพร่ขอ้ มูล • การสร้างและแสดงสทิ ธคิ วามเป็นเจา้ ของผลงาน • การกำหนดสทิ ธกิ ารใช้ข้อมลู หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
73 ชัน้ ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.3 1. พัฒนาแอปพลิเคชนั ที่มกี าร • ขน้ั ตอนการพฒั นาแอปพลิเคชัน บู ร ณ าก าร กั บ วิช าอ่ื น อ ย่ า ง • Internet of Things (IoT) สร้างสรรค์ • ซอฟต์แวร์ท่ีใช้ในการพฒั นาแอปพลิเคชัน เช่น Scratch, python, java, c, AppInventor • ตวั อย่างแอปพลเิ คชนั เช่น โปรแกรมแปลงสกลุ เงิน โปรแกรมผันเสียงวรรณยุกต์ โปรแกรม จำลองการแบง่ เซลล์ ระบบรดนำ้ อัตโนมัติ 2. รวบรวมข้อมูล ประมวลผล • การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล นำเสนอข้อมูลและ ประเมินผล จะทำให้ได้สารสนเทศเพ่อื ใชใ้ นการแก้ปญั หา สารสนเทศตามวัตถุประสงค์ โดย หรือการตดั สนิ ใจไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ใช้ ซอ ฟ ต์แ วร์ห รือ บ ริก ารบ น • การประมวลผลเป็นการกระทำกับข้อมูล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ท่ีมีความหมายและมีประโยชน์ อินเทอร์เนต็ ท่ี ตอ่ การนำไปใช้งาน หลากหลาย • การใช้ซอฟต์แวรห์ รอื บริการบนอนิ เทอรเ์ น็ตที่หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล สร้างทางเลอื ก ประเมินผล นำเสนอ จะชว่ ยให้แกป้ ญั หาได้อย่างรวดเร็ว ถูกตอ้ ง และแม่นยำ • ตัวอย่างปัญหา เช่น การเลือกโปรโมช่ันโทรศัพท์ให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้งาน สินค้า เกษตรทตี่ ้องการและสามารถปลกู ได้ในสภาพดินของท้องถ่นิ 3. ประเมินความนา่ เช่ือถอื ของ • การประเมินความน่าเช่อื ถือของข้อมลู เช่นตรวจสอบและยนื ยนั ข้อมลู โดยเทียบเคยี งจาก ข้อมลู วเิ คราะหส์ ่อื และผลกระทบ ข้อมลู หลายแหล่ง แยกแยะข้อมลู ท่ีเป็นข้อเทจ็ จริงและขอ้ คดิ เห็น หรือใช้ PROMPT จากการใหข้ ่าวสารทผ่ี ิด เพ่ือการ • ประเมินความนา่ เช่อื ถอื ของขอ้ มลู วิเคราะหส์ ื่อและผลกระทบจากการให้ข่าวสารท่ผี ิด เพื่อ ใช้งานอย่างรู้เทา่ ทัน การใชง้ านอย่างรเู้ ทา่ ทัน • การประเมินความน่าเชอื่ ถอื ของข้อมลู เช่น ตรวจสอบและยืนยันข้อมูล โดยเทียบเคียงจาก ขอ้ มูลหลายแหล่ง แยกแยะข้อมูลที่เปน็ ข้อเท็จจริงและข้อคดิ เห็น หรอื ใช้ PROMPT 4. ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่าง • การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย เชน่ การทำธุรกรรมออนไลน์ การซื้อสนิ ค้าซอ้ื ปลอดภัย และมีความรับผดิ ชอบ ซอฟต์แวร์ ค่าบรกิ ารสมาชกิ ซอ้ื ไอเท็ม ตอ่ สงั คม ปฏิบตั ิตามกฎหมาย • การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างมีความรับผดิ ชอบ เช่น ไม่สรา้ งข่าวลวง ไมแ่ ชร์ขอ้ มลู เก่ียวกับคอมพิวเตอร์ ใช้ลิขสิทธิ์ โดยไมต่ รวจสอบข้อเท็จจรงิ ของผ้อู น่ื โดยชอบธรรม • กฎหมายเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ • การใชล้ ิขสทิ ธข์ิ องผอู้ ่ืนโดยชอบธรรม (fair use) หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
74 คำอธบิ ายรายวิชา/โครงสร้างรายวิชา กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 คำอธิบายรายวชิ า รายวชิ าพนื้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง รหสั วิชา ว 11101 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 ศึกษาและเรยี นรเู้ ก่ียวกับพืชและสัตวท์ ่ีอาศัยอยู่บริเวณต่าง ๆ ในชุมนุมวังนำ้ เขียว ลักษณะและหนา้ ท่ี ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์ และพืช รวมทง้ั การทำหน้าทร่ี ่วมกนั ของสว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกายมนษุ ย์ ความสำคญั ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตนเองและการดแู ลสว่ นต่าง ๆ อย่างถกู ต้อง ปลอดภัย และรักษาความ สะอาดอยู่เสมอ สมบัติที่สังเกตได้ของวัสดุที่ใช้ทำวัตถุ ซึ่งทำจากวัสดุชนิดเดียวหรือหลายชนิดประกอบกัน ชนิดของวสั ดุและจดั กลุม่ วสั ดุตามสมบตั ทิ ่ีสังเกต การเกดิ เสียง และทิศทางการเคลอ่ื นที่ของเสียง ดาวท่ปี รากฏ บนท้องฟ้าในเวลากลางวันและกลางคืน และลักษณะภายนอกของหินศึกษาการใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยี เบื้องต้น การใช้งานซอฟต์แวร์ในชีวิตประจำวัน การสร้างและจัดเก็บไฟล์อย่างเป็นระบบศึกษาการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ข้อปฏิบัติในการใช้งานและการดูแลรักษาอุปกรณ์เทคโนโลยี รวมถึงการ ใช้งานอปุ กรณเ์ ทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยมุ่งหวังใหผ้ ู้เรียนไดเ้ รยี นรู้ทางวิทยาศาสตร์ดว้ ยกระบวนการแกป้ ัญหาอยา่ งงา่ ย ต่างๆ ใช้การ ลองผดิ ลองถูก การเปรียบเทียบภาพสญั ลกั ษณ์ หรือ ข้อความ เขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ เพอ่ื กำหนดให้ตัวละครสามารถเคลือ่ นไหวได้ตามคำสง่ั ใช้ส่อื เทคโนโลยีในการสรา้ งจดั เก็บเรยี กใชข้ อ้ มลู ซ่งึ เน้นการเชือ่ มโยงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี กบั กระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ สร้าง องค์ความรู้ ด้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้และการแก้ปญั หาในชีวิตประจำวนั เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีคุณลักษณะเเละทักษะทจ่ี ำเป็นในศตวรรษที่ 21 สร้างสรรค์ พฒั นานวัตกรรม มีส่วนรว่ มในการเรียนรู้ทกุ ขั้นตอน รวมทง้ั ส่งเสรมิ ให้ผู้เรยี นเกิดจติ วิทยาศาสตร์และมีเจตคติ ที่ ดีต่อการเรียน วิท ยาศาสตร์ ตลอดจน น ำความรู้ความ เข้าใจใน วิช าวิท ยาศาสตร์ และไป ใช้ ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถ ในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ท่ีมีจิตวิทยา ศาสตร์มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์ มาตรฐานและตวั ชว้ี ัด ว 1.1 ป.1/1 ป.1/2 ว 1.2 ป.1/1 ป.1/2 ว 2.1 ป.1/1 ป.1/2 ว 2.3 ป.1/1 ว 3.1 ป.1/1 ป.1/2 ว 3.2 ป.1/1 ว 4.2 ป.1/1 ป.1/2 ป.1/3 ป.1/4 ป.1/5 รวม 15 ข้อ หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
75 โครงสรา้ งรายวิชา รายวชิ าพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ชั่วโมง รหสั วชิ า ว 11101 ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 ท่ี ช่อื หน่วยการ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคญั ความคิดรอบยอด เวลา น้ำหนกั คะแนน เรยี นรู้ และตัวช้ีวดั (ชั่วโมง) 16 1 สงิ่ มชี วี ติ ใน ว 1.1 ป.1/1 ป.1/2 1. พืชคือสิ่งมีชีวิตนอกเหนือจากคน และสัตว์ สร้าง 16 สงิ่ เเวดลอ้ ม ว 1.2 ป.1/1 อาหารได้เองสืบพันธุไ์ ด้ เคล่ือนไหวไดแ้ ตเ่ คลอื่ นที่ ในชุมชน ป.1/2 ไมไ่ ด้ สัตวค์ ือสง่ิ มชี วี ติ ซงึ่ แตกตา่ งไปจากพรรณไม้ วงั นำ้ เขยี ว ส่วนมากมีความรสู้ ึกและเคล่อื นไหวยา้ ยทไ่ี ปได้เอง ซึ่ง ทัง้ 2 สง่ิ มชี วี ิตน้มี ีความสำคญั ตอ่ สง่ิ แวดล้อมของชมุ นุม ของประเทศ และของโลก ประชากรโลกควรอนุรักษ์ ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้มีสภาพที่เหมาะสมต่อ การดำรงชวี ิตของพืชและสัตว์ 2. สัตว์มีหลายชนิดแต่ละชนิดมีส่วนต่างๆ ท่ีมีลักษณะ และหนา้ ที่แตกต่างกันเพื่อใหเ้ หมาะสมในการดำรงชวี ติ 3. พืชมีส่วนต่างๆท่ีมีลักษณะและหน้าท่ีแตกต่างกัน เพ่อื ให้เหมาะสมในการดำรงชวี ิตโดยทั่วไปรากมลี ักษณะ เรียวยาวและแตกแขนงเป็นรากเลก็ ๆทำหนา้ ท่ี ดูดนำ้ ลำต้นมลี กั ษณะเปน็ ทรงกระบอกต้ังตรงและมีก่ิง กา้ นทำหนา้ ท่ชี กู ง่ิ กา้ นใบและดอกใบมีลักษณะเปน็ แผน่ แบนทำหน้าที่สรา้ งอาหารนอกจากน้พี ชื หลายชนิด อาจมีดอกท่ีมสี รี ปู รา่ งตา่ งๆทำหนา้ ทสี่ ืบพันธร์ุ วมทัง้ มผี ลทม่ี เี ปลือกมีเน้อื หอ่ หมุ้ เมล็ดและมเี มลด็ ซึ่งสามารถ งอกเป็นต้นใหม่ได้ 4. อวัยวะทุกส่วนของร่างกายเรา มีความสำคัญและทำ หน้าที่แตกต่างกัน เพ่ือให้ร่างกาย มีชีวิตอยู่ และ เจริญเติบโตได้ตามปกติเราควรตระหนักถึงความสำคัญ ของส่วนต่างๆของร่างกายตนเองดูแลส่วนต่างๆอย่าง ถกู ต้องให้ปลอดภยั และรักษาความสะอาดอย่เู สมอ หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
76 โครงสร้างรายวชิ า รายวิชาพื้นฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง รหัสวชิ า ว 11101 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 ท่ี ชอ่ื หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ ความคิดรอบยอด เวลา น้ำหนกั คะแนน เรียนรู้ เรยี นรูแ้ ละตัวชวี้ ัด (ชวั่ โมง) 14 2 วสั ดใุ น ว 2.1 ป.1/1 ป.1/2 วสั ดุคือวัตถุท่ีนำมาใชง้ าน หรอื ประกอบเป็นส่งิ ต่างๆซ่ึง 14 ชีวติ ประจำวนั 10 (สะเตม็ ศกึ ษา) การประดิษฐ์ของเล่นของใช้ควรเลือกใช้วัสดุตามชนิด 10 และสมบัติของวัสดุให้เหมาะสมเพื่อให้ส่ิงประดิษฐ์ 10 ต่างๆ มีความคงทน ปลอดภัยต่อการใช้สอยโดย เช่ือมโยงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิ ตศาสตร์ เทคโนโลยี กับกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ 3 เสยี งที่ได้ยิน ว 2.3 ป.1/1 เสียงเกิดจากการสั่นของวัตถุ วัตถุท่ีทำให้เกิดเสียงเป็น 10 แหล่งกำเนิดเสียง ซึ่งมีทั้งแหล่งกำเนิดเสียงตาม ธรรมชาติและแหล่งกำเนิดเสียงที่มนุษย์สร้างข้ึน เสียง เคล่อื นท่อี อกจากแหลง่ กำเนิดเสียงทุกทศิ ทาง 4 หนิ ในธรรมชาติ ว 3.2 ป.1/1 หินคือมวลของแข็งที่ประกอบด้วยแร่ชนิดเดียว หรือ 10 หลายชนิด รวมตัวกันอยู่ตามธรรมชาติหินที่อยู่ใน ธรรมชาติและในชุมชนวังน้ำเขียวมีลักษณะภายนอก เฉพาะตัวท่ีสังเกตได้ เช่น สี ลวดลาย น้ำหนัก ความ แขง็ และเน้ือหนิ 5 ปรากฏการณ์ ว 3.1 ป.1/1ป.1/2 บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวซึ่งในเวลา 10 บนทอ้ งฟา้ กลางวันจะมองเห็นดวงอาทิตย์และอาจมองเห็นดวง จันทร์บางเวลาในบางวันแต่ไม่สามารถมองเห็นดาว เนื่องจากในเวลากลางวันแสงอาทิตย์สว่างกว่าจึงกลบ แสงของดาว ส่วนในเวลากลางคืนจะมองเห็นดาวและ มองเห็นดวงจันทรเ์ กือบทกุ คนื หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
77 โครงสรา้ งรายวชิ า รายวชิ าพ้นื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ชั่วโมง รหัสวชิ า ว 11101 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ ความคดิ รอบยอด เวลา น้ำหนัก (ช่ัวโมง) คะแนน เรยี นรู้ และตัวชี้วดั 20 20 6 วิทยาการ ว 4.2 ป.1/1 ป.1/2 เรยี นรทู้ างวิทยาศาสตรด์ ้วยกระบวนการแก้ปัญหาอย่าง คำนวณ 80 10 ป.1/3 ป.1/4 งา่ ย ใชภ้ าพ สัญลกั ษณ์ หรอื ข้อความ เขียนโปรแกรม 10 100 ป.1/5 อย่างง่าย โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ หรือ สื่อตา่ งๆ ใชก้ ารลอง ผดิ ลองถูก การเปรียบเทียบ ใชเ้ ทคโนโลยีใน การ สรา้ งจัดเกบ็ เรยี กใช้ข้อมลู สร้างสรรคพ์ ฒั นานวัตกรรม ในชีวติ จริง ซึง่ เนน้ การเชอ่ื มโยงความรูท้ างวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี กับกระบวนการทาง วิศวกรรมศาสตร์ สรา้ งองค์ความรู้ ดว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละการแกป้ ญั หาในชีวติ ประจำวนั ตระหนักถึงการใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศอยา่ ง ปลอดภัย ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงใน การใชค้ อมพวิ เตอร์ รว่ มกันดแู ลรกั ษา อปุ กรณ์เบื้องตน้ ใช้งานอยา่ ง เหมาะสม ทดสอบปลายภาคเรยี นท่ี 1 ทดสอบปลายภาคเรียนที่ 2 รวมท้ังสิน้ ตลอดปี หมายเหตุ 1. อัตราส่วนคะแนนระหว่างเรียนกับการสอบ 80 : 20 2. เวลารวมตลอดปีไม่รวมกับการสอบปลายภาคเรยี นท่ี 1 เเละการสอบปลายภาคเรียนท่ี 2 หลกั สูตรสถานศึกษา กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
78 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 คำอธิบายรายวิชา รายวชิ าพืน้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง รหัสวิชา ว 12101 ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 2 ศึกษาและเรียนรู้พืชต้องการแสงและน้ำ เพื่อการเจริญเติบโตโดยดูแลพืชให้ได้รับสิ่งต่าง ๆ สร้าง แบบจำลองวัฏจักรชีวิตของพืชดอกที่ปลูกในชุมนุมวงั น้ำเขยี ว ลกั ษณะของสงิ่ มชี ีวิตและสิ่งไม่มชี วี ิต สมบตั ิการ ดูดซับน้ำของวัสดุ สมบตั ิท่สี ังเกตได้ของวัสดุทเี่ กิดจากการนำวัสดุมาผสมกัน การนำวสั ดุท่ใี ช้แล้วกลับมาใชใ้ หม่ ประโยชน์ของการนำวัสดุท่ีใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ การเคลื่อนที่ของแสงจากแหล่งกำเนิดแสง การมองเห็นวัสดุ แนวทางป้องกันอันตรายจากการมองวัตถุ ท่ีอยู่ในบริเวณที่มีแสงสว่างไม่เหมาะสม ส่วนประกอบของดิน จำแนกชนิดของดิน ลักษณะเนอ้ื ดิน และประโยชน์จากดินในท้องถิ่นศึกษาการใช้งานซอฟต์แวร์เบื้องต้น การใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศในการสรา้ ง และจัดการกับข้อมลู อยา่ งเปน็ ระบบ รวมถึงการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างปลอดภัย โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการแก้ปัญหาอย่างง่าย ใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือ ข้อความ เขียนโปรแกรมสร้างลำดับของคำส่ังให้คอมพิวเตอร์ทำงาน และตรวจหา ข้อผิดพลาดของโปรแกรม ศกึ ษาการใช้งานซอฟต์แวรเ์ บอ้ื งตน้ ใชเ้ ทคโนโลยีใน การสรา้ งจดั เก็บเรยี กใช้ขอ้ มูล ซึ่งเน้นการเช่ือมโยงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี กับกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ สร้างองคค์ วามรู้ ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ ละการแกป้ ญั หาในชีวติ ประจำวัน เพ่ือให้ผเู้ รียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีคุณลักษณะเเละทักษะทจี่ ำเป็นในศตวรรษที่ 21 สร้างสรรค์ พฒั นานวัตกรรม มสี ่วนร่วมในการเรียนรู้ทกุ ขัน้ ตอน รวมทั้งสง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รียนเกิดจิตวิทยาศาสตร์และมีเจตคติ ที่ดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่อสังคม และการดำรงชีวิตจนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการ แก้ปัญหา การจัดการทักษะในการส่ือสาร ความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้มีจิตวิทยาศาสตร์ มี คุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมในการใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ มาตรฐานและตัวช้ีวัด ว 1.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ว 1.3 ป.2/1 ว 2.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 ว 2.3 ป.2/1 ป.2/2 ว 3.2 ป.2/1 ป.2/2 ว 4.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 รวม 16 ตัวช้ีวดั หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
79 โครงสร้างรายวิชา รายวิชาพ้นื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง รหสั วชิ า ว 12101 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั การเรียนรู้ และตัวช้ีวัด (ชว่ั โมง) คะแนน 1 สง่ิ แวดล้อม ว 1.3 ป.2/1 สิ่งท่ีอยู่รอบ ตัวเรามีทั้งที่เป็นส่ิงมีชีวิตและ 10 10 รอบตัวเรา ส่ิงไม่มีชีวิต สิ่งมีชีวิตต้องการอาหาร มีการหายใจ เจริญเติบโต ขับถ่าย เคล่ือนไหว ตอบสนองต่อสิ่ง เรา้ และสบื พนั ธ์ุไดล้ ูกท่ีมีลักษณะคลา้ ยคลงึ กับพ่อ แม่ สว่ นสง่ิ ไม่มีชวี ิตจะไมม่ ีลักษณะดงั กล่าว 2 เรียนรชู้ ีวติ ว 1.2 ป.2/1 ป.2/2 พืชตอ้ งการน้ำ แสง เพ่ือการเจริญเติบโตพืชดอกเมื่อ 10 10 พชื ใน ป.2/3 เจริญเติบโตและมีดอก ดอกจะมีการ สืบพันธุ์ ท้องถน่ิ เปลี่ยนแปลงไปเป็นผล ภายในผลมีเมล็ด เม่ือเมล็ด งอก ต้นอ่อนที่อยู่ภายในเมล็ดจะ เจริญเติบโตเป็น พืชต้นใหม่ พืชต้นใหม่จะ เจริญเติบโตออกดอก เพื่อ สืบพันธุ์มีผลต่อไปได้อีก หมุนเวียนต่อเนื่องเป็นวัฏ จกั รชวี ิตของพชื ดอก 3 วัสดุใน ว 2.1 ป.2/1 ป.2/2 วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติการดูดซับน้ำ แตกต่าง กัน 20 20 ชวี ิตประจำ ป.2/3 ป.2/4 จึงนำไปทำวัตถุเพ่ือใช้ประโยชน์ได้แตกต่างกัน เช่น วัน ใช้ผ้าที่ดูดซับน้ำได้มากทำผ้าเช็ดตัว ใช้ พลาสติกซ่ึง (สะเตม็ ไม่ดูดซับน้ำ ทำร่มวัสดุบางอย่างสามารถนำมาผสม ศึกษา) กัน ซึ่งทำให้ ได้สมบัติท่ีเหมาะสม เพื่อนำ ไปใช้ ประโยชน์ตามต้องการแล้วนำวัสดุมาทำเป็นวัตถุมา ใช้งานตาม วัตถุประสงค์ขึ้นอยู่กับสมบัติของวัสดุ โดยเชือ่ มโยงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี กับกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ หลกั สูตรสถานศึกษา กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
80 โครงสร้างรายวชิ า รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ชั่วโมง รหสั วิชา ว 12101 ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 2 ที่ ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก การเรียนรู้ และตัวช้ีวัด (ชั่วโมง) คะแนน 4 แสงในชีวติ ว 2.3 ป.2/1 ป.2/2 แสงเคล่ือนที่จากแหล่งกำเนิดแสงทุกทิศทาง เป็น 10 10 ประจำ แนวตรง เมื่อมีแสงจากวัตถุมาเข้าตาจะทำให้ วัน ม อ งเห็ น วัต ถุ น้ั น ก าร ม อ งเห็ น วัต ถุ ที่ เป็ น แหล่งกำเนิดแสง แสงจากวัตถุน้ันจะเข้าสู่ตา โดยตรง ส่วนการมองเห็นวัตถุท่ีไม่ใช่แหล่งกำเนิด แสง ต้องมีแสงจากแหล่งกำเนิดแสงไปกระทบวตั ถุ แล้วสะท้อนเข้าตา ถ้ามแี สงท่สี วา่ งมาก ๆ เข้าสู่ตา อาจเกดิ อันตรายต่อตาได้ จึงตอ้ งหลีกเลยี่ งการมอง หรือใช้แผ่นกรองแสงท่ีมีคุณภาพเม่ือจำเป็น และ ต้องจัดความสว่างให้เหมาะสมกับการทำกิจกรรม ต่าง ๆ เช่น การอ่านหนังสือ การดูจอโทรทัศน์ การ ใช้โทรศัพท์เคล่ือนทีแ่ ละแท็บเลต็ 5 ดนิ ในชุมชน ว 3.2 ป.2/1 ป.2/2 ดินประกอบด้วยเศษหิน ซากพืช ซากสตั ว์ผสม อยู่ 10 10 วงั นำ้ เขยี ว ในเนื้อดิน มีอากาศและน้ำแทรกอยู่ตามช่องว่าง ในเนื้อดิน ดินจำแนกเป็น ดินร่วน ดินเหนียว และ ดินทราย ตามลักษณะเน้ือดินและการจับตัวของ ดิน ซึ่งมีผลต่อการอุ้มน้ำท่ีแตกต่างกัน ดินแต่ละ ชนดิ นำไปใชป้ ระโยชน์ได้แตกต่างกนั ตามลกั ษณะ และสมบตั ขิ องดิน หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
81 โครงสร้างรายวชิ า รายวิชาพ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง รหัสวิชา ว 12101 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 2 ที่ ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก การเรยี นรู้ และตัวช้ีวัด (ชั่วโมง) คะแนน 6 วิทยาการ ว 4.2 ป.2/1 ป.2/2 1.การแก้ปัญหาเป็นส่ิงที่เกิดข้ึนในชีวิตประจำวัน จึง 20 20 คำนวณ ป.2/3 ป.2/4 ต้องเรียนรู้ข้ันตอนการ แก้ปัญหาเพ่ือให้สามารถ 80 10 10 แก้ปัญ หาที่เกิดขึ้นได้อย่าง ถูกต้องและรวดเร็ว 100 ข้ันตอนของการแก้ปัญหามี 4 ข้ันตอน ดังน้ี 1) พิจารณาและทำความเข้าใจปัญหา 2) วางแผนการ แก้ปญั หา 3) ลงมอื แก้ปัญหา4) ผลการแกป้ ัญหา 2.การเขียนโปรแกรม คือ การเขียนชุดคำส่ังให้ คอมพิวเตอร์ทำงานตามเงื่อนไขที่กำหนด การเขียน โปรแกรมแบบวนซ้ำ เป็นการเขียน โปรแกรมทำงาน ซ้ำกนั หลายรอบ 3. การจัดการไฟล์เป็นการจัดระเบียบไฟล์งานบน เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ต้ังแต่การสร้าง คัดลอก ย้าย ลบ เปลี่ยนชื่อ และจัดหมวดหมู่ เพ่ือให้สะดวกรวดเร็วใน การใช้งาน 4. การดูแลรกั ษาอุปกรณ์เทคโนโลยี และการใชง้ าน อุปกรณเ์ ทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสม จะชว่ ยยดื อายุ การใชง้ านของอปุ กรณเ์ ทคโนโลยีให้ใช้ งานได้นานมาก ขึ้น ตลอดจนสามารถใชง้ านไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธภิ าพ ทดสอบปลายภาคเรียนท่ี 1 ทดสอบปลายภาคเรยี นท่ี 2 รวมท้ังส้ินตลอดปี หมายเหตุ 1. อตั ราสว่ นคะแนนระหว่างเรียนกบั การสอบ 80 : 20 2. เวลารวมตลอดปไี มร่ วมกับการสอบปลายภาคเรียนท่ี 1 เเละการสอบปลายภาคเรยี นท่ี 2 หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 82 คำอธบิ ายรายวชิ า วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง รายวชิ าพ้นื ฐาน กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว 13101 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 ศึกษาปัจจัยท่ีจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์ วัฏจักรชีวิตของสัตว์ วตั ถรุ อบตวั เรา วตั ถุทีท่ ำจากชิน้ ส่วนย่อยชนิดเดียวกนั ประกอบกัน และการเปลี่ยนแปลงของวัสดุเมือ่ ทำให้รอ้ น หรือเย็น แรงกับการเคล่ือนท่ีของวัตถุ ผลของแรงต่อการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุ แรงสัมผัสและแรง ไม่สัมผัสที่มีผลต่อการเคลื่อนท่ีของวัตถุ แม่เหล็กและสมบัติของแม่เหล็ก แหล่งพลังงานและไฟฟ้า การเปลี่ยน พลังงาน การทำงานของเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า แหล่งพลังงานท่ีใช้ผลิตไฟฟ้า ประโยชน์ อันตราย และการรู้จักใช้ ไฟฟ้า การเคล่ือนที่ของดวงอาทิตย์ แบบรปู เส้นทางการข้ึนและตกของดวงอาทิตย์กลางวัน กลางคืน ทิศ และ ความสำคัญของดวงอาทิตย์ อากาศรอบตัวเรา ส่วนประกอบของอากาศความสำคัญของอากาศ มลพิษทาง อากาศ รวมทั้งการเกิดลมและอิทธิพลของลมท่ีมีต่อมนุษย์แสดงอัลกอริทึมในการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่าง ง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหา ข้อผิดพลาดของโปรแกรม ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ รวบรวม ประมวลผล และนำเสนอข้อมูล โดยใช้ ซอฟต์แวร์ตามวตั ถุประสงค์ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงในการใชอ้ ินเทอร์เนต็ โดยใช้แนวการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง ด้วยวิธีการสอนแบบสืบสอบ แนวการสอน 5 ขัน้ ตอนGPAS 5 ขั้นตอน รูปแบบวงจรการเรยี นรู้ 5 ขน้ั ตอน การเรียนรู้ผ่านการใช้กจิ กรรมต่าง ๆ เพื่อสืบสอบ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ รวมท้ังการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียงและเน้นการ เชื่อมโยงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี กับกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ สร้างองค์ ความรู้ ด้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละการแกป้ ัญหาในชวี ิตประจำวนั เพื่อให้ผู้เรยี นเกิดความรู้ ความเข้าใจ มคี ุณลักษณะเเละทักษะทจี่ ำเป็นในศตวรรษท่ี 21 สร้างสรรค์ พฒั นานวตั กรรม มสี ว่ นรว่ มในการเรียนรทู้ ุกขั้นตอน รวมทัง้ ส่งเสริมใหผ้ ้เู รยี นเกดิ จติ วิทยาศาสตร์และมีเจตคติ ท่ีดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่อสังคม และการดำรงชีวิตจนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการ แก้ปัญหา การจัดการทักษะในการส่ือสาร ความสามารถในการตัดสินใจ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมใน การใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ มาตรฐานและตวั ชว้ี ดั ว 1.2 ป.3/1 ป.3/2ป.3/3ป.3/4 ว 2.1 ป.3/1ป.3/2 ว 2.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ว 2.3 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ว 3.1 ป.3/1ป.3/2 ป.3/3 ว 3.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ว 4.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ป.3/5 รวม 25 ตัวช้ีวัด หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
83 โครงสรา้ งรายวชิ า รายวชิ าพน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ชั่วโมง รหสั วชิ า ว 13101 ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 ที่ ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั การเรยี นรู้ และตวั ช้ีวัด (ชั่วโมง) คะแนน 1 ตัวเรา ว 1.2 ป.3/1ป.3/2 1. มนุษย์และสัตว์ต้องการอาหารน้ำ และอากาศ 10 10 เพอื่ การดำรงชวี ิตและการเจริญเติบโต 2. อาหารช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและเจริญเติบโต น้ำช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติ อากาศใช้ใน การหายใจ 2 ชวี ิตสตั ว์ ว 1.2 ป.3/1ป.3/2 1. มนุษย์และสัตว์ต้องการอาหารน้ำ และอากาศ 10 10 เพื่อการดำรงชวี ิตและการเจรญิ เตบิ โต 2. อาหารช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและเจริญเติบโต น้ำช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติ อากาศใช้ใน การหายใจ 3 วฏั จักร ว 1.2 ป.3/3ป.3/4 1. สัตว์เม่ือเป็นตัวเต็มวัยจะสืบพันธ์ุมีลูก เม่ือลูก 10 10 ชวี ติ เจรญิ เตบิ โตเป็นตวั เตม็ วัยก็สืบพันธุม์ ีลูก ต่อไปได้อีก หมุนเวียนต่อเนื่องเป็นวัฏจักรชีวิตของ สัตว์ ซึ่งสัตว์แต่ละชนิด เช่น ผีเสื้อ กบ ไก่ มนุษย์ จะ มวี ัฏจกั รชวี ติ ทีเ่ ฉพาะและแตกต่างกัน 4 วตั ถุ ว 2.1 ป.3/1ป.3/2 1. วัตถุอาจทำจากชิ้นส่วนย่อย ๆซึ่งแต่ละชิ้นมี 10 10 รอบตัวเรา ลกั ษณะเหมือนกนั มาประกอบเข้าด้วยกัน เมื่อแยกชิ้นส่วนย่อย ๆ แต่ละชิ้นของวัตถุออกจาก กัน สามารถนำชิ้นส่วนเหลา่ น้ันมาประกอบเป็นวัตถุ ช้นิ ใหม่ได้ เชน่ กำแพงบา้ นมกี ้อนอิฐหลาย ๆ ก้อนประกอบเข้าด้วยกัน และสามารถนำก้อนอิฐจาก กำแพงบ้านมาประกอบเป็นพืน้ ทางเดนิ ได้ 2. เม่ือให้ความร้อนหรือทำให้วัสดุร้อนข้ึน และเมื่อ ลดความร้อนหรือทำให้วัสดุเย็นลง วัสดุจะเกิดการ เปล่ียนแปลงได้ เชน่ สีเปลี่ยน รูปรา่ งเปล่ยี น หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
โครงสร้างรายวิชา 84 รายวชิ าพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง รหสั วิชา ว 13101 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 ที่ ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั การเรยี นรู้ และตัวช้ีวดั (ช่วั โมง) คะแนน 5 แรงกบั การ ว 2.2 ป.3/1ป.3/2 1.การดึงหรือการผลักเป็นการออกแรงกระทำต่อ 10 10 เคลื่อนท่ี ป.3/3ป.3/4 วัตถุ แรงมีผลตอ่ การเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถุ ของวตั ถุ แรงอาจทำให้วัตถุเกิดการเคล่ือนท่ีโดยเปล่ียน ตำแหน่งจากทหี่ นง่ึ ไปยงั อกี ท่ีหนึง่ 2. การเปล่ยี นแปลงการเคล่อื นท่ีของวัตถุ ไดแ้ ก่ วัตถุ ท่อี ยูน่ ่งิ เปลย่ี นเป็นเคลอ่ื นที่ วตั ถทุ กี่ ำลังเคลอ่ื นที่ เปล่ียนเป็นเร็วข้ึนหรือช้าลง หรือหยุดน่ิง หรือ เปลี่ยนทศิ ทาง การเคลอื่ นท่ี 3. การดึงหรือการผลักเป็นการออกแรงท่ีเกิดจาก วัตถุหน่ึงกระทำกับอีกวัตถุหนึ่ง โดยวัตถุท้ังสองอาจ สัมผัสหรือไม่ต้องสัมผัสกัน เช่น การออกแรงโดยใช้ มอื ดึงหรือการผลักโต๊ะใหเ้ คลอื่ นท่ีเปน็ การออกแรงที่ วัตถุต้องสัมผัสกนั แรงนี้จงึ เป็นแรงสัมผัส ส่วนการท่ี แม่เหล็กดึงดูดหรือผลักระหว่างแม่เหล็กเป็นแรงท่ี เกิดขึ้นโดยแม่เหล็กไม่จำเป็นต้องสัมผัสกัน แรง แมเ่ หลก็ น้ีจึงเป็นแรงไม่สมั ผสั 4. แม่เหลก็ สามารถดึงดูดสารแมเ่ หล็กได้ 5. แรงแม่เหล็กเปน็ แรงทเ่ี กดิ ขน้ึ ระหวา่ งแม่เหลก็ กับ สารแม่เหล็กหรือแม่เหล็กกับแม่เหล็กแม่เหล็กมี 2 ขั้ว คือ ข้ัวเหนือและขั้วใต้ ขั้วแม่เหล็กชนิดเดียวกัน จะผลักกนั ตา่ งชนิดกนั จะดึงดูดกนั หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
โครงสรา้ งรายวิชา 85 รายวชิ าพ้นื ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ชั่วโมง รหัสวิชา ว 13101 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 3 ท่ี ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก การเรียนรู้ และตวั ช้ีวัด (ช่วั โมง) คะแนน 6 แหลง่ ว 2.3 ป.3/1ป.3/2 1.พลังงานเป็นปริมาณท่ีแสดงถึงความสามารถใน 10 10 พลงั งาน ป.3/3 การทำงานพลังงานมีหลายแบบ เช่น พลังงานกล และไฟฟ้า พลงั งานไฟฟา้ พลังงานแสง พลงั งานเสยี ง และพลังงานความร้อนโดยพลังงานสามารถเปล่ียน จากพลังงานหนึ่งไปเป็นอีกพลังงานหน่งึ ได้ เช่น การ ถูมือจนรูส้ กึ ร้อนเปน็ การเปล่ียนพลงั งานกล เป็นพลังงานความร้อน แผงเซลล์สุริยะเปลี่ยน พลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า เปลย่ี นพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานอนื่ 2. ไฟฟ้าผลิตจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าซึ่งใช้พลังงาน จากแหลง่ พลังงานธรรมชาตหิ ลายแหลง่ เชน่ พลังงานจากลม พลังงานจากน้ำพลังงานจากแก๊ส ธรรมชาติ 3. พลังงานไฟฟ้ามีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน การใชไ้ ฟฟา้ นอกจากต้องใช้อยา่ งถูกวิธี ประหยัด และคมุ้ ค่าแล้ว ยังตอ้ งคำนงึ ถงึ ความปลอดภยั ดว้ ย 7 การ ว 3.1 ป.3/1ป.3/2 1. คนบนโลกมองเห็นดวงอาทิตยป์ รากฏขึ้นทางดา้ น 10 10 เคล่ือนที่ ป.3/3 หนึ่งและตกทางอกี ด้านหนึง่ ทุกวัน หมุนเวยี นเป็น ของดวง แบบรปู ซ้ำ ๆ อาทิตย์ 2. โลกกลมและหมุนรอบตัวเองขณะโคจรรอบดวง อาทติ ย์ทำให้บริเวณของโลกได้รับแสงอาทติ ย์ไม่พร้อม กัน โลกด้านที่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์จะเป็น กลางวันส่วนด้านตรงข้ามท่ีไม่ได้รับแสงจะเป็น กลางคืน นอกจากนี้คนบนโลกจะมองเห็นดวง อาทิตย์ปรากฏขึ้นทางด้านหน่ึงซง่ึ กำหนดใหเ้ ป็นทิศ ตะวันออก และมองเห็นดวงอาทิตย์ตกทางอีกด้าน หนึ่ง ซึ่งกำหนดให้เป็นทิศตะวันตก และเมื่อให้ด้าน ขวามืออยู่ทิศตะวันออก ด้านซ้ายมืออยู่ทางทิศ ตะวันตก ด้านหนา้ จะเป็นทศิ เหนอื และด้านหลังจะ เป็นทศิ ใต้ หลกั สูตรสถานศึกษา กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
โครงสรา้ งรายวิชา 86 รายวชิ าพืน้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง รหสั วชิ า ว 13101 ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 ที่ ชือ่ หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั การเรยี นรู้ และตัวช้ีวดั (ช่ัวโมง) คะแนน 3. ในเวลากลางวันโลกจะได้รับพลังงานแสงและ พลงั งานความรอ้ นจากดวงอาทติ ย์ ทำใหส้ งิ่ มีชวี ติ ดำรงชีวติ อยไู่ ด้ 8 อากาศ ว 3.2 ป.3/1ป.3/2 1. อากาศโดยทั่วไปไม่มีสี ไม่มีกล่ินประกอบด้วย 5 5 รอบตวั เรา ป.3/3ป.3/4 แ ก๊ ส ไ น โ ต ร เ จ น แ ก๊ ส อ อ ก ซิ เ จ น แ ก๊ ส คาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สอน่ื ๆรวมท้ังไอน้ำ และฝุ่น ละอองอากาศมีความสำคัญ ต่อส่ิงมีชีวิตหาก สว่ นประกอบของอากาศไม่เหมาะสม เน่ืองจากมีแก๊ส บางชนิ ดห รื อ ฝุ่ น ล ะ อ อ งใน ป ริ ม า ณ ม า ก อ า จ เป็ น อันตรายตอ่ ส่งิ มชี วี ิตต่าง ๆจัดเปน็ มลพษิ ทางอากาศ 2. แนวทางการปฏิบัติตนเพ่ือลดการปล่อยมลพิษ ทางอากาศเช่น ใช้พาหนะร่วมกัน หรือเลือกใช้ เทคโนโลยีทลี่ ดมลพษิ ทางอากาศ 3.ลม คือ อากาศท่ีเคล่ือนที่เกิดจากความแตกต่าง กั น ข อ งอุ ณ ห ภู มิ อ า ก า ศ บ ริ เว ณ ที่ อ ยู่ ใก ล้ กั น โ ด ย อากาศบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงจะลอยตัวสูงข้ึน และ อากาศบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจะเคลื่อนเข้าไป แทนท่ี 4. ลมสามารถนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานทดแทนใน การผลิตไฟฟ้า และนำไปใช้ประโยชน์ในการทำ กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ หากลมเคล่ือนท่ีด้วย ความเร็วสูงอาจทำใหเ้ กิดอันตรายและความเสียหาย ตอ่ ชวี ิตและทรัพย์สินได้ หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
87 โครงสรา้ งรายวชิ า รายวิชาพื้นฐาน กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ช่ัวโมง รหสั วชิ า ว 13101 ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 ท่ี ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก การเรียนรู้ และตวั ชี้วัด (ชั่วโมง) คะแนน 9 วทิ ยาการ ว 4.2 ป.3/1 ป.3/2 1. ก ารแ ก้ ปั ญ ห าโด ย ก ารแ ส ด งอั ล ก อ ริ ทึ ม 5 5 คำนวณ ป.3/3 ป.3/4 ป.3/5 (Algorithm) เป็ น ก ร ะ บ ว น ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า ท่ีสามารถอธิบายออกมาเป็นข้ันตอนท่ีชัดเจน เช่น การนำเข้าข้อมูลแล้วจะได้ผลลัพธ์อย่างไร ซ่ึงทำได้ โดยการเขียนบอกเล่า การวาดภาพ หรือการใช้ สัญลักษณเ์ พ่ือใหไ้ ด้ผลลัพธต์ ามทต่ี อ้ งการ 2. การเขียนโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์ทำงานตาม ข้ันตอนที่ได้ออกแบบไว้นั้น บางครั้งจะเกิดปัญหา ซ่ึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเขียนโปรแกรมในแต่ละ ข้ันตอนของคำสั่งน้ัน เรียกว่า ข้อผิดพลาด (Bug) ส่ วน ก าร ต รวจ ส อ บ ข้ อ ผิ ด พ ล า ด แ ล ะ แ ก้ ไข ข้อผิดพลาดท่ีเกิดข้ึนน้ัน เราจะเรียกว่า Debugging คำส่งั จะแจ้งเตือนข้อผิดพลาดที่เกิดขนึ้ เพ่ือให้มกี าร ทบทวนแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น พร้อมท้ังแนะนำ วิธีการแกไ้ ขกอ่ นทจี่ ะดำเนนิ การตอ่ ไป 3. การรวบรวมข้อมูล คือ การนำข้อมูลท่ีสามารถ รับรู้ได้จากประสาทสัมผัสท้ัง 5 และประเภทต่างๆ จากแหล่งข้อมูลมารวมกันไว้ในรูปแบบที่เหมาะสม ด้วยวิธีการต่างๆ ตามขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล แ ล ะ น ำ ข้ อ มู ล ที่ ร ว บ ร ว ม ม า ป ร ะ ม ว ล ผ ล จ า ก ก า ร เปรียบเทียบ จัดกล่มุ เรียงลำดบั หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
โครงสรา้ งรายวิชา 88 รายวชิ าพืน้ ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 80 ชั่วโมง รหัสวิชา ว 13101 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 ท่ี ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั การเรียนรู้ และตวั ช้ีวัด (ชวั่ โมง) คะแนน 4. Software (ซอฟต์แวร์) เป็นองค์ประกอบของ 10 10 คอมพิวเตอรท์ ี่เราไมส่ ามารถสมั ผัสจบั ต้องไดโ้ ดยตรง 100 เป็นชุดคำสั่งหรือโปรแกรม (Program) ที่เขียนข้ึน เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ซอฟต์แวร์จึงเป็นเสมือน ตัวเช่ือมระหว่างผู้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ให้สามารถ เข้าใจกันได้ 5. อินเทอร์เน็ตคือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีเชื่อมต่อ กันครอบคลุมไปท่ัวโลก และเป็นแหล่งข้อมูลที่ช่วย ในการเรียนและดำเนินชีวิต การใช้อินเทอร์เน็ตใน การสืบค้นข้อมูลจากเว็บเบราว์เซอร์ต่าง ๆ โดยการ ใช้คำค้นหา(Keyword) ที่ตรงประเด็นและกระชับ เพื่อให้ได้ผลลพั ธ์ทีร่ วดเรว็ และตรงตามความต้องการ และยงั ต้องคำนงึ ถงึ ขอ้ ตกลงในการใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต ทดสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ทดสอบปลายภาคเรียนท่ี 2 รวมท้ังสิ้นตลอดปี 80 หมายเหตุ 1. อัตราส่วนคะแนนระหว่างเรยี นกบั การสอบ 80: 20 2. เวลารวมตลอดปี ไม่รวมกับเวลาการทดสอบปลายภาคเรียนท่ี 1 และปลายภาคเรยี นท่ี 2 หลกั สูตรสถานศึกษา กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 89 คำอธิบายรายวชิ า วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 120 ช่ัวโมง รายวิชาพน้ื ฐาน กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว 14101 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับส่วนต่าง ๆ ของพืชดอกทำหน้าที่แตกต่างกันของ ลำต้น ใบและดอก ของ พืชดอกในชุมชนวังน้ำเขียว ความเหมือนและความแตกต่าง ในลักษณะของส่ิงมีชีวิต ของกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ไม่ใช่พชื และสัตว์ จำแนกพืชดอกและพืชไมม่ ีดอกในชุมชนวงั น้ำเขียว การจำแนกสัตว์มีกระดูกสัน หลงั และสัตวไ์ มม่ กี ระดูกสนั หลงั สมบตั ิทางกายภาพ ด้านความแข็ง สภาพยืดหยุน่ การนำความรอ้ น และการ นำไฟฟ้าของวัสดุ ออกแบบช้ินงานตามสมบัติต่างๆ ของวัสดุ สมบัติของสสารท้ัง 3 สถานะ ใช้เครื่องมือวัด มวลและปรมิ าตรของสสาร ท้ัง 3 สถานะ ผลของแรงโน้มถ่วงท่ีมตี ่อวัตถุ การใช้เคร่ืองชั่งสปริงวัดน้ำหนักของ วัตถุ มวลของวตั ถุท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ของวัตถุ ตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และ วัตถุทึบ การข้ึนและตกของดวงจันทร์ การเปล่ียนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ และพยากรณ์รูปร่าง ปรากฏของดวงจันทร์องค์ประกอบของระบบสุริยะคาบโคจรของดาวเคราะห์ต่าง ๆ ศึกษาการใช้อินเทอร์เน็ต ค้นหาความรู้ การใช้คำค้นที่ตรงประเด็น กระชับ การประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล ศึกษาการรวบรวม ข้อมูล การประมวลผลอย่างง่าย วิเคราะห์ผลและสร้างทางเลือกท่เี ป็นไปได้ ตลอดจนประเมินทางเลือก พร้อม ทั้งการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบตามความเหมาะสม ศกึ ษาการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปญั หาในชวี ิตประจำวัน การ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เขา้ ใจสิทธแิ ละหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิในสิทธิของผ้อู ่ืน โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะแก้ปัญหา อธิบาย สร้าง แบบจำลอง คาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหาอย่างง่าย ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ ซอฟต์แวร์ หรือส่ือและตรวจหา ข้อผิดพลาดและแก้ไข ใช้อินเทอร์เน็ต ค้นหาความรู้และประเมินความน่าเช่ือถือของ ข้อมลู ใชเ้ ทคโนโลยีในการนำเสนอข้อมูล และสารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวร์ ท่หี ลากหลาย ซงึ่ เน้นการเชอ่ื มโยง ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี กับกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ สร้างองค์ความรู้ ด้วย กระบวนการสบื เสาะหาความรู้และการแก้ปญั หาใน ชวี ติ ประจำวัน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษท่ี 21 สร้างสรรค์พัฒนานวัตกรรม มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกข้ันตอน รวมท้ังส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดจิตวิทยาศาสตร์และมีเจตคติท่ีดีต่อการเรียน วิทยาศาสตร์ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยไี ปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ สังคม และการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ จัดการทักษะในการส่ือสาร และความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์ หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
90 มาตรฐานและตัวช้วี ัด ว 1.2 ป.4/1 ว 1.3 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ว 2.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ว 2.2 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ว 2.3 ป.4/1 ว 3.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ว 4.2 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ป.4/5 รวม 21 ข้อ หลกั สูตรสถานศึกษา กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
91 โครงสร้างรายวชิ า รายวชิ าพน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 120 ช่ัวโมง รหสั วิชา ว 14101 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 ที่ ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก การเรียนรู้ และตัวชี้วดั (ชัว่ โมง) คะแนน 1 พืชใน ว 1.2 ป.4/1 1. ส่วนตา่ ง ๆ ของพชื ดอกทำหน้าที่แตกตา่ งกัน 18 12 ท้องถ่ิน ว 1.3 ป.4/1 ป.4/2 รากทำหน้าท่ีดดู นำ้ และธาตอุ าหารขน้ึ ไปยงั ลำต้น ลำตน้ ทำหนา้ ท่ลี ำเลียงนำ้ ตอ่ ไปยงั ส่วนต่าง ๆ ของพชื ใบทำหน้าท่ีสร้างอาหาร อาหารท่ีพืชสร้างข้ึน คือ น้ำตาลซ่ึงจะเปล่ียนเป็นแป้งดอกทำหน้าที่สืบพันธุ์ ประกอบดว้ ยสว่ นประกอบตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่กลีบเล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี ซงึ่ หน้าทขี่ องส่ง ต่างๆ ทำให้พชื สามารถดำรงชวี ติ อยู่ได้ 2. กลุ่มพืชคือสร้างอาหารเองไดแ้ ละเคลือ่ นที่ด้วยตนเอง ไม่ได้ส่วนกลุ่มสัตว์คือกินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหารและ เคล่ือนท่ีได้ และกลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสัตว์เช่น เห็ด รา จุลนิ ทรีย์ 3. พืชสามารถใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ในการจำแนกได้ เป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอก ซึ่งพืชดอกคือพืชท่ีเม่ือ เจรญิ เตบิ โตเต็มที่แลว้ จะมีดอกให้เห็น พืชดอกจัดเป็นพืชช้ันสูงท่ีมีอวัยวะต่างๆ ครบสมบูรณ์ คือ ราก ลำต้นใบ ตา ดอกและ เมลด็ มไี วเ้ พ่อื สำหรับ ขยายพันธพ์ุ ชื ดอกมีอยทู่ ัว่ ไปหลายชนิด มีท้ังท่ีอยู่บนบกและอยู่ในน้ำ ส่วนพืชไม่มีดอกคือพืช ชนิดหน่ึงที่ไม่มีดอก ไม่สามารถสืบพันธุ์โดยใช้เมล็ด แต่ พชื ไรด้ อกจะใช้การผสมพนั ธุ์โดยแบง่ เซลล์ การแตกหนอ่ และการใช้ สปอร์ หลกั สูตรสถานศึกษา กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
92 โครงสร้างรายวชิ า รายวิชาพ้ืนฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 120 ชั่วโมง รหสั วิชา ว 14101 ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ท่ี ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก เรยี นรู้ และตัวช้ีวดั (ช่ัวโมง) คะแนน 2 สตั ว์น่ารู้ ว 1.3 ป.4/3 ป.4/4 สัตว์มีกระดูกสันหลังคือกระดูกสันหลังจะอยู่เป็นแนว 12 8 ยาวไปตามด้านหลังของสัตว์ กระดูกสันหลังจะต่อกัน เป็นข้อๆ ยืดหยุ่น เคล่ือนไหวได้มีหน้าท่ีช่วยพยุง ร่างกายให้เป็นรูปร่างทรวดทรงอยู่ได้และยังช่วย ป้องกันเส้นประสาท แบ่งออกเป็น 5 พวก ได้แก่ ปลา สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ปีก สตั ว์เล้ียงลูกด้วยน้ำนมส่วนสตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลังคือ สตั ว์ท่ไี ม่มแี ท่งกระดูกสันหลังสำหรับยึดติดให้เปน็ สว่ น เดียวกันของร่างกาย จัดเป็นสัตว์ประเภทท่ีไม่มี กระดูก และไม่มีกระดูกอ่อนอยภู่ ายในร่างกาย 3 แรงโน้มถว่ ง ว 2.2 ป.4/1 ป.4/2 1. แรงโน้มถ่วงของโลกคือเป็นแรงซ่ึงโลกกระทำต่อ 9 6 ป.4/3 วตั ถุทกุ ชิ้น โดยมีทศิ ทางเข้าสู่ศนู ย์กลางโลก เป็นแรงที่ ยดึ เหนีย่ ววตั ถุใหต้ ดิ อยกู่ ับพน้ื โลก 2. เครื่องชั่งสปริงคือเคร่ืองมือวัดขนาดของน้ำหนัก และมวลของวัตถุซึ่งเราควรระวังอย่าให้เครื่องชั่งตก หล่น กระแทกพ้ืนและเลือกใช้ขนาดของเครื่องช่ังให้ เหมาะสมกบั นำ้ หนักของสิ่งของท่จี ะช่ัง 3. มวล คือ ปริมาณเน้ือของสสารท้ังหมดที่ประกอบ กัน เป็ น วัต ถุ ซ่ึ งมี ผ ล ต่ อค วาม ย ากง่าย ใน การ เป ลี่ ย น แ ป ล งก ารเค ลื่ อน ที่ ของวัต ถุ วัต ถุ ที่ มี มวลมากจะเปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่ได้ยากกว่า วตั ถทุ มี่ ีมวลนอ้ ย 4 ตัวกลางของ ว 2.3 ป.4/1 วัตถุต่างๆ เมื่อมาก้นั แสงจะทำให้ลกั ษณะการมองเห็น 9 6 แสง ส่งิ นั้นๆ ชัดเจนตา่ งกัน จงึ จำแนกวตั ถทุ ี่มากั้นออกเป็น ตวั กลางโปรง่ ใส ซ่งึ ทำให้มองเหน็ สิ่ง ต่างๆ ได้ชัดเจนตัวกลางโปร่งแสงทำให้มองเห็นสิ่ง ตา่ งๆ ไดไ้ ม่ชัดเจน และวัตถุทึบแสงทำใหม้ องไมเ่ หน็ ส่งิ ต่างๆ ดังนั้นเราควรเลือกใชว้ ัสดุตามสมบัติดังกล่าวให้ เหมาะสมกับการใช้งาน หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
93 โครงสรา้ งรายวชิ า รายวิชาพืน้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 120 ชั่วโมง รหัสวชิ า ว 14101 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ท่ี ชือ่ หน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก เรยี นรู้ และตัวช้ีวดั (ชวั่ โมง) คะแนน 5 วัสดุใน ว 2.1 ป.4/1 ป.4/2 ความแขง็ คือ ความต้านทานต่อแรงกด การขัดสีและ 18 12 ชีวติ ประจำวัน การกลึงของวัสดุ สภาพยืดหยุ่น คือ วัสดุท่ีออกแรง (สะเต็มศึกษา) กระทำแล้วเปลี่ยนแปลงรูปรา่ งหรือขนาดและเม่ือหยุด ออกแรงก็คืนสภาพเดิม การนำความร้อน คือการ สง่ ผ่านความรอ้ นจากจุดทีม่ ีอณุ หภมู สิ งู กว่าไปยังจุดทีมี อุณหภูมติ ่ำกว่า การนำไฟฟา้ ของวสั ดุ คอื วสั ดทุ ีย่ อม ให้ประจุไฟฟ้าเคล่ือนท่ีผ่านได้ ซึ่งการนำสมบัติต่างๆ ของวัสดุมาออกแบบชิ้นงานควรคำนึงถึงประเภทของ การใช้งานเพ่ือความปลอดภัยในการใช้ประโยชน์ใน ชีวติ ประจำวัน 6 สารและสมบัติ ว 2.1 ป.4/3 ป.4/4 1. สสารคือสิ่งต่างๆ ท่ีอยู่รอบตัวของเรา เป็นส่ิงที่มี 9 6 ของสาร มวล มตี ัวตน ต้องการท่ีอยู่ สัมผสั ได้ซึ่งอาจจะมองเห็น หรอื มองไม่เห็นก็ได้ไมว่ ่าจะเป็นส่ิงแวดล้อมตา่ งๆ หรือ อากาศ เป็นต้นโดยท่ีสสารมีอยู่ด้วยกัน 3 สถานะ ได้แก่ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส 2. สมบัติของแข็ง ปริมาตรคงที่ไม่ข้ึนอยู่กับขนาด ภาชนะที่บรรจุ มีรูปร่างคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงตาม รูปร่างของภาชนะ มีอนุภาคอยู่ชิดติดกันอย่างมี ระเบียบ 3. สมบัติของเหลว ปริมาตรไม่คงท่ีขึ้นอยู่กับขนาด ภาชนะท่ีบรรจุ มีรูปร่างไม่คงที่เปล่ียนแปลงตาม รปู ร่างของภาชนะ มีอนุภาคอยู่ห่างกัน 4. สมบัติแก๊ส ปริมาตรไม่แน่นอนข้ึนอยู่กับขนาด ภาชนะท่ีบรรจุ มีรูปร่างไม่แน่นอนเปลี่ยนแปลงตาม รปู รา่ งของภาชนะ มีอนภุ าคฟงุ้ กระจาย 5. เคร่ืองมือในการวัดมวลและปริมาตรของสาร เช่น ตราชง่ั สปรงิ ถว้ ยตวง หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
94 โครงสร้างรายวชิ า รายวชิ าพ้นื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 120 ชั่วโมง รหัสวชิ า ว 14101 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ที่ ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั การเรยี นรู้ และตัวชี้วัด (ชวั่ โมง) คะแนน 7 รอบรู้ ว 3.1 ป.4/1 ป.4/2 1. ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก เป็นวัตถทุ ี่เป็นทรงกลม 18 12 ระบบสุริยะ ป.4/3 โดยดวงจันทรห์ มนุ รอบตวั เองและโคจรรอบโลก ด้วยเช่นกนั การหมุนรอบตัวเองของโลกจากทศิ ตะวนั ตกไปทิศตะวันออกในทศิ ทางทวนเขม็ นาฬกิ า เมื่อมองจากขัว้ โลกเหนอื ทำใหม้ องเห็นดวงจนั ทร์ปรากฏ ข้นึ ทางด้านทิศตะวันออกและตกทางด้านทศิ ตะวนั ตก หมนุ เวยี นเป็นแบบรูปซำ้ ๆ กนั ซึง่ การมองเห็น ดวงจันทร์บนท้องฟ้าแต่รปู รา่ งของดวงจนั ทร์ทม่ี องเหน็ หรอื รปู รา่ งปรากฏของ ดวงจันทรบ์ นทอ้ งฟ้าแตกตา่ งกันไปในแต่ละวนั โดยในแต่ ละวันดวงจนั ทร์จะมรี ปู รา่ ง ปรากฏเปน็ เสย้ี วทมี่ ขี นาดเพิม่ ขึ้นอยา่ งต่อเนอื่ งจนเตม็ ดวงจากน้ันรปู ร่างปรากฏของ ดวงจันทรจ์ ะแหว่งและมขี นาดลดลงอย่างตอ่ เนอื่ งจน มองไมเ่ หน็ ดวงจนั ทร์ 2. ระบบสรุ ยิ ะเปน็ ระบบทมี่ ีดวงอาทติ ย์เป็นศูนยก์ ลาง และมีบรวิ ารประกอบด้วย ดาวเคราะห์แปดดวงและ บริวาร2 ซงึ่ ดาวเคราะหแ์ ต่ละดวงมีขนาดและระยะห่าง จากดวงอาทิตยแ์ ตกตา่ งกัน และยงั ประกอบดว้ ย ดาว เคราะหแ์ คระ ดาวเคราะหน์ อ้ ย ดาวหาง และวตั ถขุ นาด เลก็ อนื่ ๆ โคจรอยรู่ อบดวงอาทิตย์ วตั ถุขนาดเล็กอนื่ ๆ เมื่อเขา้ มาในชั้นบรรยากาศเนอ่ื งจากแรงโน้มถว่ งของ โลกทำให้เกดิ เป็นดาวตกหรอื ผพี ่งุ ไตแ้ ละอกุ กาบาต 8 วิทยาการ ว 4.2 ป.4/1 ป.4/2 1. ขั้นตอนวธิ ีหรืออัลกอริทึม คือกระบวนการแก้ปัญหา 27 18 คำนวณ ป.4/3 ป.4/4 ที่มีลำดับชัดเจน สามารถคาดคะเน ผลลัพธ์ได้ การ ป.4/5 อธิบายอัลกอริทึมแบ่งได้เป็นการแสดงอัลกอริทึมด้วย ขอ้ ความ การแสดงอลั กอริทมึ ด้วยรหสั จำลอง และการ แสดงอัลกอริทมึ ด้วยผังงาน หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
โครงสรา้ งรายวิชา 95 รายวชิ าพืน้ ฐาน กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 120 ช่ัวโมง รหัสวิชา ว 14101 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 ที่ ชอื่ หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก การเรียนรู้ และตวั ช้ีวัด (ชวั่ โมง) คะแนน หมายเหตุ 2.โปรแกรม Scratch สามารถนำมาใช้พัฒนาซอฟต์แวร์ เชิงสร้างสรรค์ การเขียนโปรแกรมเป็นการสร้างลำดับ ของคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน เพื่อให้ได้ ผลลัพธ์ตาม ความต้องการ หากมีข้อผิดพลาดให้ตรวจสอบ การ ทำงานทีละคำสั่ง เม่ือพบจุด ท่ีทำให้ผลลัพธ์ ไม่ถูกต้อง ใหท้ ำการแกไ้ ขจนกว่าจะได้ผลลัพธท์ ถ่ี ูกต้อง การฝึกตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของผู้อ่ืนจะ ช่วยพฒั นาทักษะการหาสาเหตุ ของปญั หาได้ดียงิ่ ข้นึ 3. อินเตอร์เน็ต คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีเช่ือมต่อกัน จำนวนมากและครอบคลุมไปท่ัวโลก การค้นหาข้อมูล ความรู้จากอินเตอร์เน็ต ควรใช้คำค้นที่ตรงประเด็น กระชับ จะทำให้ ได้ผลลัพธ์ท่ีรวดเร็วและตรงตามความ ตอ้ งการ 4. การนำเสนอข้อมูลโดยใช้โปรแกรมต่างๆ เช่น ไมโครซอฟต์เวิร์ดไมโครซอฟต์เอ็กเซลไมโครซอฟต์ เพาเวอร์พอยด์ 5. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในยุคดิจิทัลอย่าง ปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิ ของผู้อื่นเช่น ไม่สร้างข้อความเท็จและส่งให้ผู้อื่น ไม่ สรา้ งความเดอื ดร้อนตอ่ ผอู้ ่ืนโดยการสง่ สแปม 6. การปกปอ้ งข้อมูลส่วนตวั เชน่ การออกจากระบบเมอ่ื เลิกใช้งาน ไม่บอกรหัสผ่าน ไม่ บอกเลขประจำตัว ประชาชน ทดสอบปลายภาคเรยี นที่ 1 10 ทดสอบปลายภาคเรยี นท่ี 2 10 รวมทั้งสน้ิ ตลอดปี 120 100 1. อตั ราส่วนคะแนนระหว่างเรียนกบั การสอบ 80 : 20 2. เวลารวมตลอดปไี มร่ วมกับการสอบปลายภาคเรียนท่ี 1 เเละการสอบปลายภาคเรยี นที่ 2 หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 5 96 คำอธิบายรายวชิ า วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 120 ช่ัวโมง รายวิชาพน้ื ฐาน กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว 15101 ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและลักษณะของส่ิงมีชีวิตที่เหมาะสมในแต่ละแหล่งที่อยู่ ความสัมพันธ์ระหวา่ งส่ิงมีชีวิต กบั สิ่งมีชีวิต และความสัมพนั ธ์กับสิ่งไม่มีชีวิต โซ่อาหารและบทบาทหน้าท่ีของ ส่งิ มีชีวติ ที่เป็นผู้ผลิตและผู้บรโิ ภคในโซ่อาหาร คุณคา่ ของสิง่ แวดล้อมที่มีต่อการดำรงชีวติ ของส่งิ มีชีวิตในชมุ นุม วัดวังน้ำเขียว ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกของพืช สัตว์ และมนุษย์ ลักษณะท่ี คล้ายคลึงกันของตนเองกับพ่อแม่ การหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุ การเขียน แผนภาพแสดงแรงที่กระทำต่อวัตถทุ ี่อยู่ในแนวเดียวกันและแรงลพั ธ์ท่ีกระทำต่อวัตถุ การใช้เคร่ืองชั่ง สปรงิ ใน การวัดแรงท่ีกระทำต่อวัตถุ ผลของแรงเสียดทานท่ีมีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุ การเขียน แผนภาพแสดง แรงเสียดทานและแรงที่อยู่ในแนวเดียวกันท่ีกระทำต่อวัตถุ การได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง การ เกิดเสียงสงู เสียงต่ำ การเกิดเสียงดัง เสยี งค่อย การวัดระดับเสียงโดยใช้เคร่ืองมือวัดระดบั เสยี ง แนวทางในการ หลีกเล่ียงและลดมลพิษทางเสียง ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การใช้แผนท่ีดาวระบุตำแหน่งและเส้นทางการ ข้ึนและตกของกลุ่มดาวฤกษ์ เส้นทางการขึ้นและตก ของกลุ่มดาว ฤกษ์บนท้องฟ้า ในรอบปี การหมุนเวียน ของน้ำในวัฏจักรน้ำ กระบวนการเกิด เมฆ หมอก น้ำค้าง และ น้ำค้างแข็ง กระบวนการเกิด ฝน หิมะ และ ลูกเห็บ และตระหนักถึงคุณค่าของแหล่งน้ำในชุมชนวัดวังน้ำเขียว ศึกษาการใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูล ตดิ ต่อสื่อสารและทำงานรว่ มกัน ประเมินความน่าเชอ่ื ถือของข้อมูล การรวบรวม ประเมิน นำเสนอข้อมูล และ สารสนเทศตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตที่หลากหลายเพ่ือแก้ปัญหาใน ชวี ิตประจำวัน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มมี ารยาท เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเอง เคารพ ในสทิ ธขิ องผอู้ น่ื และแจ้งผ้เู ก่ยี วข้องเมอ่ื พบขอ้ มูลหรือบุคคลทไี่ มเ่ หมาะสม โดยม่งุ หวังใหผ้ ูเ้ รยี นไดเ้ รยี นรู้ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะแก้ปญั หา การอธบิ าย การทำงานการคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหาอย่างง่าย ออกแบบ และ เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ ซอฟต์แวร์หรือสื่อและตรวจหา ข้อผิดพลาดและแก้ไข ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้และประเมินความ น่าเชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู ใช้เทคโนโลยใี นการนำเสนอขอ้ มลู และสารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวร์ ท่ีหลากหลาย ซ่ึงเน้น การเชอ่ื มโยงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี กบั กระบวนการทางวศิ วกรรมศาสตร์ สร้างองค์ ความรู้ ดว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้และการแกป้ ญั หาใน ชวี ติ ประจำวัน เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีคุณลักษณะและทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 สร้างสรรค์ พัฒนานวัตกรรม มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกข้ันตอน รวมท้ังส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดจิตวิทยาศาสตร์และมีเจต คติที่ดตี ่อการเรียนวิทยาศาสตร์ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใชใ้ หเ้ กิด ประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิตจนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการ หลกั สูตรสถานศึกษา กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
97 แก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการส่ือสาร ความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้มีจิตวิทยาศาสตร์ มี คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด ว 1.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ว 1.3 ป.5/1 ป.5/2 ว 2.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ว 2.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ว 2.3 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ว 3.1 ป.5/1 ป.5/2 ว 3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ว 4.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 รวม 32 ตัวช้ีวัด หลกั สูตรสถานศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
98 โครงสรา้ งรายวิชา รายวิชาพืน้ ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 120 ช่ัวโมง รหสั วชิ า ว 15101 ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ที่ ช่อื หน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก เรยี นรู้ และตัวช้ีวดั (ช่วั โมง) คะแนน 1 สิ่งมชี วี ติ กับ ว 1.1 ป.5/1 ป.5/2 ส่ิงมีชีวิตท้ังพืชและสัตว์ต่างๆ จะมีโครงสร้าง 9 6 สงิ่ แวดลอ้ มใน ป.5/3 ป.5/4 และลักษณะที่ เหมาะสมในแต่ละแหล่งท่ีอยู่ ชมุ ชนวงั น้ำ เพื่อให้ดำรงชีวิตและอยู่รอดได้ ซึ่ง ในแหล่งท่ี เขียว อยหู่ นงึ่ ๆ สงิ่ มีชีวติ จะมคี วามสมั พนั ธ์ซง่ึ กันและ กนั และสมั พันธ์กับสิ่งมีชีวิต เพื่อประโยชน์ต่อ การดำรงชีวิต ส่ิงมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ และ มนุษย์ เม่ือเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะ มีการ สืบพันธ์ุเพื่อเพิ่มจำนวนและดำรงชวี ิต 2 การถา่ ยทอด ว 1.3 ป.5/1 ป.5/2 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมคือได้รับการ 9 6 ทางพันธุกรรม ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ หรือรุ่นปู่ ย่า ตา ยาย จึงทำให้มี ลักษณะที่ คล้ายกับพ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ตามลักษณะ เดน่ และลกั ษณะด้อยทรี่ ุน่ ลูกไดร้ บั หลกั สูตรสถานศึกษา กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
99 โครงสรา้ งรายวิชา รายวิชาพ้นื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 120 ชั่วโมง รหัสวชิ า ว 15101 ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 ที่ ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั เรียนรู้ และตัวชี้วดั (ช่วั โมง) คะแนน 3 แรงในชีวิต ว 2.2 ป.5/1 ป.5/2 แรงลัพธ์ คือ ผลรวมของแรงหลายแรงที่กระทำ 15 10 ประจำ ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ต่อวัตถุ เดียวกันในทิศทางเดียวกัน หรือผลต่าง วัน ของแรงสองแงที่กระทำต่อ วัตถุในทิศทางตรง ขา้ มกัน สำหรับวัตถุที่อย่นู ิ่งแรงลพั ธ์จะมีค่าเป็น ศูนย์ แรงเสียดทาน คือ แรงท่ีเกิดข้ึนระหว่าง ผิวสัมผัสของวัตถุสอง ชนิด เพื่อต้านการ เคลื่อนท่ีของวัตถุนั้นๆ และมที ิศทางตรงข้ามกับ การเคลอื่ นทข่ี องวัตถุนน้ั ๆ 4 พลงั งานเสยี ง ว 2.3 ป.5/1 ป.5/2 เสียงเกิดจากการส่ันสะเทือนของวัตถุท่ีเป็น 21 14 (สะเตม็ ศึกษา) ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 แหล่งกำเนิดเสยี ง เสียงเคล่ือนท่ีได้ทุกทิศทาง โดยอาศัยตัวกลาง ได้แก่ ของแข็ง ของเหลว และอากาศ มาถึงหูของเรา เสียงจาก แหล่งกำเนิดเสียงต่างๆ จะมีเสียงสูง เสียงต่ำ หรือมี เสียงดัง เสียงค่อย แตกต่างกัน หาก เสียงมีความดังมากๆ จะ ก่อให้เกิดอันตราย ต่อการไดย้ ินเสยี งของเรา หลกั สูตรสถานศึกษา กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขยี ว
โครงสรา้ งรายวชิ า 100 รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 120 ช่ัวโมง รหสั วิชา ว 15101 ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ที่ ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั เรียนรู้ และตัวชี้วดั (ชว่ั โมง) คะแนน 5 การ ว 2.1 ป.5/1 ป.5/2 1.การเปล่ี ยนสถานะของสสารเป็ นการ 15 10 เปล่ียนแปลง ป.5/3 ป.5/4 เปล่ยี นแปลงทางกายภาพ ทีไ่ มท่ ำให้เกิดสารใหม่ ของสารใน และสามารถทำให้สสารนั้นกลับคืนสู่สภาพ เดิม ชวี ิตประจำ ได้ โดยเม่ือเพิ่มความร้อนให้กับสสารถึงระดับ วนั หนึ่งจะทำให้ สสารทเี่ ป็นของแข็งเปล่ียนสถานะ เป็นของเหลว เรียกว่า การหลอมเหลว และเม่ือ เพ่ิมความร้อนต่ อไปจนถึงอีกระดั บหนึ่ง ของเหลวจะเปล่ียนเป็นแก๊ส เรียกว่า การ กลายเป็นไอ แต่เม่ือลดความร้อนลงถึงระดับ หนึ่ง แก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรยี กว่า การควบแน่น และถ้าลดความรอ้ นตอ่ ไป อีกจนถึงระดับ หนึ่งของเหลวจะเปล่ียนสถานะ เป็นของแข็ง เรียกว่า การแข็งตวั สสารบางชนิด สามารถเปล่ียนสถานะจากของแข็งเป็นแกส๊ โดย ไม่ ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า การระเหิด ส่วนแก๊สบางชนิด สามารถเปล่ียนสถานะเป็น ของแข็งโดยไม่ผ่านการเป็นของเหลว เรียกว่า การระเหดิ กลบั 2. การละลาย คอื การทใี่ สส่ ารลงในน้ำแล้ว สารน้นั ผสมรวมเปน็ เนอ้ื เดยี วกันกับนำ้ ได้ทุก สว่ น แสดงวา่ สารเกดิ การละลาย เรยี ก สาร ผสมทไ่ี ดว้ า่ สารละลาย การละลายเป็นการ เปลีย่ นแปลงทางกายภาพ เพราะไมท่ ำให้เกดิ สารใหม่ หลกั สูตรสถานศึกษา กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนวดั วงั น้าเขียว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171