219 วเิ ครำะหพ์ ระพทุ ธเจ้ำในฐำนะมนุษยผ์ ู้ฝึกตนไดอ้ ยำ่ งสูงสดุ คำชี้แจง อธบิ ายข้อความทก่ี าหนดให้ พรอ้ มกับยกตัวอยา่ งประกอบ พระพุทธเจำ้ เชอื่ ม่นั มนษุ ย์ประเสรฐิ สูงสุด ในศักยภำพของมนษุ ย์ ได้ด้วยกำรฝึก พระพทุ ธเจา้ ทรงมองวา่ มนษุ ย์ มนษุ ยเ์ ป็นสตั วท์ สี่ ามารถฝึก สามารถพฒั นาตนเองไดด้ ว้ ย ได้ และจาเป็นตอ้ งฝึกอยู่ แนวทางทถ่ี กู ตอ้ งเหมาะสม เสมอ เพราะความประเสรฐิ ดงั นนั้ พระพทุ ธศาสนาจึงเนน้ ของมนษุ ยอ์ ยูท่ กี่ ารฝึกฝน ยา้ ใหม้ นษุ ย์พฒั นาศกั ยภาพ อบรม และพฒั นาตนเอง คณุ ความดี ความรูู ู้ และ พระพุทธเจำ้ ในฐำนะมนุษย์ผูฝ้ กึ ความสามารถของตนเอง ตนไดอ้ ยำ่ งสงู สุด อยเู่ สมอ พระพทุ ธเจ้ำเปน็ แบบอย่ำง ของมนุษย์ผู้ใชค้ วำมเพยี รเพ่อื ควำมดงี ำม การตรสั รูข้ องพระพทุ ธเจา้ ถอื เป็นเคร่อื งหมายแหง่ ความสาเร็จในความเพยี รพยายามและการใช้ สตปิ ัญญาของพระพทุ ธเจา้ แมก้ ารตรสั รูจ้ ะมใิ ชเ่ รื่องทกี่ ระทาไดโ้ ดยงา่ ยในมนษุ ยป์ ถุ ชุ น แตแ่ บบอยา่ งทด่ี ีของพระพทุ ธเจา้ กค็ อื การแสดงออกถงึ ความเพยี รพยายาม การใชส้ ติปญั ญา และความอดทนทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงออกใหไ้ ดเ้ หน็
220 ใบงานที่ 1.2 วธิ กี ำรสอนของพระพทุ ธเจ้ำ คำช้แี จง ร่วมกนั ทาผงั มโนทศั น์ แสดงวิธกี ารสอนของพระพุทธเจ้า วิธกี ารสอน วธิ กี ารสอนของพระพทุ ธเจ้า เทคนิคการสอน
221 ใบงานที่ 1.2 วธิ ีกำรสอนของพระพุทธเจำ้ คำชี้แจง รว่ มกันทาผงั มโนทัศน์ แสดงวธิ ีการสอนของพระพทุ ธเจา้ วธิ ีสอนแบบบรรยาย วธิ ีสอนแบบตอบปัญหา วธิ ีสอนแบบวางกฎขอ้ บงั คบั วธิ ีสอนแบบธรรมสากจั ฉา หรอื วธิ ีสอนแบบสนทนา วิธีการสอน วิธกี ารสอนของพระพุทธเจ้า เทคนิคการสอน วางพระองคเ์ ป็นแบบอย่าง มีการลงโทษและการใหร้ างวลั มคี วามยดื หยนุ่ ในวธิ ีการสอน แปลงนามใหเ้ ป็นรูปธรรม ใชอ้ ุบายเลอื กสอน
222 ใบงานท่ี 1.3 กำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำตำมแนวพุทธจรยิ ำ คำชแ้ี จง ตอบคาถามเกีย่ วกบั พทุ ธจรยิ าของพระพุทธเจา้ ในประเด็นทีก่ าหนด 1. พทุ ธจรยิ า หมายถงึ อะไร 2. โลกัตถจรยิ า หมายถึงอะไร 3. ตางรางพทุ ธกิจ 5 ประการ ประกอบด้วยอะไรบ้าง 4. พทุ ธจรยิ าทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทรงบาเพญ็ ในขอ้ ญาตตั ถจรยิ า ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง
223 ใบงานท่ี 1.3 กำรเผยแผพ่ ระพทุ ธศำสนำตำมแนวพทุ ธจรยิ ำ คำชแี้ จง ตอบคาถามเกีย่ วกับพทุ ธจรยิ าของพระพทุ ธเจา้ ในประเด็นทีก่ าหนด 1. พทุ ธจริยา หมายถงึ อะไร พระจรยิ าวตั รของพระพุทธเจ้าที่ทรงบาเพ็ญประโยชน์ 3 ประการ ไดแ้ ก่ โลกัตถจริยา ญาตัตถจริยา และพทุ ธตั ถจริยา 2. โลกัตถจรยิ า หมายถงึ อะไร การบาเพ็ญประโยชน์แกช่ าวโลกของพระพทุ ธเจ้า ในฐานะท่ีพระองคท์ รงเปน็ สมาชกิ คนหนึ่งของสงั คมโลก 3. ตางรางพุทธกิจ 5 ประการ ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง 1. พทุ ธกิจภาคเชา้ คอื การออกบิณฑบาตและแสดงธรรมโปรดสรรพสัตว์ 2. พทุ ธกิจภาคบ่าย คอื การแสดงธรรมโปรดประชาชน 3. พทุ ธกิจยามท่ี 1 ของราตรี คือ ประทานโอวาทและตอบปัญหาใหก้ รรมฐานแกพ่ ระสงฆ์ 4. พทุ ธกจิ ยามท่ี 2 ของราตรี คือ ทรงตอบปญั หาใหแ้ กเ่ ทวดาทม่ี าขอเฝา้ 5. พทุ ธกิจยามที่ 3 ของราตรี คือ ทรงพจิ ารณาสอดส่องเลือกสรรวา่ วันตอ่ ไปมบี คุ คลใดบ้างทค่ี วรเสด็จ ไปโปรด 4. พทุ ธจรยิ าท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงบาเพ็ญในข้อญาตตั ถจริยา ไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง การที่พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ไปโปรดพระญาติ เช่น เม่อื ครัง้ ทเี่ สด็จไปกรงุ กบลิ พสั ด์ุ ได้ทรงแนะนาใหพ้ ระญาติ ท่ีกาลังจะทาสงครามแย่งชงิ นา้ ในแมน่ า้ โรหณิ ีไดเ้ ข้าใจเหตุผล จนสามารถปรองดองกนั ได้ เปน็ ต้น
224 ใบงานท่ี 1.4 กำรบรหิ ำรและธำรงรกั ษำพระพุทธศำสนำ ตอนที่ 1 คำชแ้ี จง อธบิ ายพฒั นาการการบรหิ ารงานทางพระพุทธศาสนาของพระพทุ ธเจา้ พฒั นำกำรกำรบรหิ ำรงำนทำงพระพทุ ธศำสนำของพระพทุ ธเจ้ำ ระยะเรมิ่ แรก ระยะสอง ระยะสำม ระยะสี่
225 ตอนที่ 2 คำช้แี จง อธิบายความสาคญั ของพทุ ธบรษิ ัทกบั การธารงรักษาพระพทุ ธศาสนา
226 ใบงานที่ 1.4 กำรบริหำรและธำรงรักษำพระพทุ ธศำสนำ ตอนที่ 1 คำชแี้ จง อธิบายพฒั นาการการบริหารงานทางพระพุทธศาสนาของพระพทุ ธเจา้ พัฒนำกำรกำรบรหิ ำรงำนทำงพระพทุ ธศำสนำของพระพุทธเจ้ำ ระยะเร่ิมแรก การบรหิ ารยังคงขึ้นอยกู่ บั พระพทุ ธเจ้าโดยตรง ทรงมอบหมาย ให้พระเถระรบั ผิดชอบงานตามความรคู้ วามสามารถ ระยะสอง เม่ือพระสงฆ์เพมิ่ ขน้ึ พระพุทธเจา้ ไดท้ รงมอบหมายใหพ้ ระอปุ ัชฌาย์เปน็ ผู้รับผดิ ชอบดูแลบนพ้ืนฐานความเห็นชอบของสงฆ์ ระยะสำม เม่อื มผี ู้เข้ามาบวชเพ่ิมมากขึน้ และกระจายไปอยู่ตามภมู ิภาคต่างๆ การอยู่ร่วมกนั ใน อารามจงึ ต้องมผี ู้บรหิ ารดูแล ไดแ้ ก่ เจ้าอาวาสและคณาจารย์ เป็นผูร้ ับผดิ ชอบใหเ้ กดิ ความสงบ เรยี บรอ้ ยภายในอารามนนั้ ๆ ระยะส่ี เมอ่ื พระพทุ ธศาสนาไดแ้ ผ่ขยายเข้าไปยังดินแดนหรือประเทศต่างๆ รูปแบบการบรหิ ารก็จะมีเจ้าอาวาสเป็น ผูร้ ับผิดชอบ โดยมพี ระธรรมวนิ ยั เปน็ หลักในการบรหิ าร
227 ตอนท่ี 2 คำชี้แจง อธิบายความสาคัญของพุทธบริษทั กับการธารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนา พทุ ธบริษทั ถือเป็นกาลังใจสาคญั ในการธารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาให้ดารงอยู่ได้ โดยการศึกษา พระธรรมคาส่ังสอนของพระพุทธเจา้ การปฏบิ ัตติ นและเปน็ แบบอย่างอนั ดโี ดยยดึ มัน่ ในหลักธรรม ของพระพุทธศาสนา ตลอดจนการรว่ มปกป้องพระพุทธศาสนาไม่ให้ถูกย่ายจี ากคนท่ีรู้เท่าไมถ่ งึ การณ์ และผู้ทปี่ ระสงคร์ ้าย คอยมงุ่ โจมตีพระพุทธศาสนา เหล่านเ้ี ป็นของพุทธบริษัทพึงกระทา เพื่อจรรโลง และรักษาพระพทุ ธศาสนา (หมายเหตุ พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยให้อย่ใู นดุลยพินจิ ของครูผู้สอน)
228 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน กำรมี ลำดับที่ ชอื่ – สกุล กำรแสดง กำรยอมรับ กำรทำงำน ควำมมี ส่วนรว่ มใน รวม ของนกั เรยี น ควำม ฟงั คนอ่นื ตำมทีไ่ ดร้ ับ นำ้ ใจ กำร 15 คดิ เหน็ มอบหมำย คะแนน ปรบั ปรุง ผลงำนกลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ำรให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน
229 บนั ทกึ หลงั กำรจัดกำรเรยี นรู้ แผนที่ 10 เรือ่ ง พทุ ธประวตั ิ ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดี พอใช้ ปรับปรุง………………………. ความเหมาะสมของเวลา ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของสือ่ ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. อน่ื ๆ……………………………………………………………………………………….....………..…………………… …........................................................................................…………………...………...................... 1. ผลท่ีเกิดขนึ้ กับผเู้ รยี น นักเรียนสามารถอธิบายอธิบายการตรัสรู้และการก่อต้ังพระพุทธศาสนาได้ วิเคราะห์พระพุทธเจ้าใน ฐานะเป็นมนุษย์ผู้ฝึกตนได้อย่างสูงสุด อธิบายวิธีการสอนของพระพุทธเจ้าได้ อธิบายการเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนาตามแนวพทุ ธจริยาได้ อธบิ ายการบรหิ ารและการธารงรักษาพระพุทธศาสนาได้ 2. ปัญหำและอุปสรรค นกั เรยี นทากิจกรรมกลมุ่ ไม่ทันตามเวลาทกี่ าหนด เนอ่ื งจากนกั เรยี นเขา้ ช้ันเรียนช้าเกนิ กว่ากาหนด 3. แนวทำงแก้ปัญหำ/ขอ้ เสนอแนะ ใช้เทคนิคการสอนท่ีตรงกับสภาพของนักเรียน และมีการกระตุ้นความสนใจโดยการมีกิจกรรม ใหน้ ักเรียนไดม้ สี ว่ นรว่ มมากข้นึ ลงชอื่ ……….........………….......….…..……. ผ้สู อน ( นายยงยทุ ธ์ ออ่ นนวล ) ตาแหน่ง : ครู 4. ควำมคิดเหน็ ของผู้อำนวยกำรโรงเรียน ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…… ลงช่ือ………...………….......…...........…..…….…. (นางสาวรพีพรรณ กตี า) ผู้อานวยการโรงเรยี น
230 แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ 11 หน่วยที่ 2 พทุ ธประวตั ิและชาดก เรอื่ ง ชำดก สาระการเรียนรูส้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 3 ช่วั โมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ผูส้ อน นายยงยุทธ์ อ่อนนวล ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด การศกึ ษาเรอ่ื งราวของพระโพธสิ ตั วท์ ที่ รงบาเพญ็ บารมีตา่ งๆ กอ่ นที่จะมาเสวยพระชาติตรัสรู้เปน็ พระพุทธเจ้า สามารถนาขอ้ คิดคติเตือนใจมาเปน็ แบบอยา่ งสาหรับยึดถือปฏิบัตใิ นการดาเนนิ ชวี ิตในสังคม ปัจจบุ นั ได้ ตัวช้ีวดั /จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ส 1.1 ม.4-ม.6/14 วิเคราะห์ข้อคดิ และแบบอยา่ งการดาเนินชวี ติ จากประวัติสาวก ชาดกเรอื่ งเล่า และศาสนกิ ชนตวั อย่างตามทก่ี าหนด 2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) เล่าเร่อื งย่อชาดกท่กี าหนดได้ 2) บอกข้อคดิ และคณุ ค่าของชาดกเรอื่ งทก่ี าหนดได้ 3) สามารถนาข้อคิดในชาดกมาเป็นแบบอย่างในการดาเนินชีวติ ได้ สำระกำรเรยี นรู้ 6.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ชาดก - เวสสนั ดรชาดก - มโหสถชาดก - มหาชนกชาดก 3.2 สาระการเรียนร้ทู อ้ งถิน่ - สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น 4.1 ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ 4.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต - กระบวนการทางานกล่มุ
231 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 4. มีวนิ ัย 5. ใฝ่เรยี นรู้ 6. มงุ่ ม่ันในการทางาน กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ (วธิ ีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการกลุ่ม) ช่ัวโมงที่ 1-2 1. ครูต้ังประเดน็ คาถามใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น ดงั นี้ - คาวา่ “ชาดก” ในความเข้าใจของนักเรยี น หมายถึงอะไร - ตัวอย่างชาดกทน่ี ักเรียนรู้จกั มีเร่อื งใดบ้าง 2. ครูสังเกตการแสดงความคดิ เห็นของนักเรียน โดยครเู ปน็ ผู้ชว่ ยเพ่ิมเติมความรู้และสรปุ ให้นักเรียน เข้าใจความหมายของชาดกวา่ เป็นเรอ่ื งราวในอดตี ชาติของพระพุทธเจา้ ก่อนท่จี ะมาถึงพระ ชาตสิ ุดท้ายที่ทรงเกดิ เป็นเจ้าชายสทิ ธตั ถะและตรสั รู้เป็นพระพุทธเจา้ 3. ครูจัดทาบัตรคาทแ่ี ต่ละใบมชี ือ่ ทศชาติสุดท้ายของพระพทุ ธเจ้า และทศบารมที ไ่ี ด้ทรงบาเพญ็ ได้แก่ 1) เตมียชาดก = เนกขมั มบารมี 2) มหาชนกชาดก = วริ ิยบารมี 3) สวุ รรณสามชาดก = เมตตาบารมี 4) เนมริ าชชาดก = อธษิ ฐานบารมี 5) มโหสถชาดก = ปัญญาบารมี 6) ภรู ทิ ัตตชาดก = ศลี บารมี 7) จันทกุมารชาดก = ขันติบารมี 8) พรหมนารถชาดก = อเุ บกขาบารมี 9) วธิ ุรชาดก = สจั จบารมี 10) เวสสนั ดรชาดก = ทานบารมี 4. ครูแบง่ บัตรคาออกเป็น 2 กอง กองแรกเป็นทศชาติ และกองที่สองเป็นทศบารมี แลว้ คละลาดบั ของทง้ั 2 กอง ไมใ่ ห้เรียงกนั 5. ใหน้ กั เรียนช่วยกันเรยี งลาดบั บัตรคาทศชาติในกองแรกต้งั แต่พระชาตแิ รกจนถึงพระชาติสุดทา้ ย
232 ก่อนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจา้ จากน้ันใหน้ ักเรยี นนาบตั รคาทศบารมมี าเรียงลาดบั ให้สอดคลอ้ งกบั ทศชาติ โดยครูมหี น้าทเ่ี ปน็ ผตู้ รวจสอบความถกู ต้อง 6. ครอู ธิบายเพมิ่ เตมิ ให้นักเรยี นเข้าใจวา่ ทศบารมีทพี่ ระโพธสิ ัตว์ทรงบาเพ็ญในสิบพระชาตสิ ดุ ทา้ ย นั้นเปน็ มหาบารมที ่ียงิ่ ใหญ่ และควรแกก่ ารนามาศกึ ษาเพอ่ื เรียนรู้ประวัติในอดตี ชาตขิ องพระพทุ ธเจา้ และนกั เรยี นยังสามารถนาเอาขอ้ คดิ และหลักธรรมทป่ี รากฏอยใู่ นชาดกมาประยุกต์ใช้ในการดาเนินชวี ติ ใน สังคมปจั จุบนั ได้ ช่ัวโมงที่ 3 1. ให้นักเรยี นจับคู่กันเพือ่ ศึกษาชาดก เรือ่ ง เวสสนั ดรชาดก มโหสถชาดก และมหาชนกชาดก จากหนังสือเรียน 2. นักเรียนแตล่ ะครู่ ว่ มกนั อภิปรายตามประเด็นท่กี าหนดใหใ้ นใบงานที่ 2.1 เร่อื ง เวสสนั ดรชาดก มโหสถชาดก และมหาชนกชาดก และชว่ ยกันเขียนสรปุ ผลการอภิปรายรว่ มกนั ลงในใบงาน 3. นกั เรยี นแตล่ ะคู่รวมกล่มุ กัน กลมุ่ ละ 4 คู่ แลว้ ผลัดกันแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ กันตามประเดน็ ที่ กาหนดในใบงานที่ 2.1 แลว้ ชว่ ยกนั สรปุ เป็นขอ้ สรุปของกลมุ่ 4. ใหแ้ ต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนผลดั กันออกมานาเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น โดยมคี รูเปน็ ผูช้ ่วยเสนอแนะ และเพิ่มเติมเน้ือหาในส่วนท่ไี ม่สมบูรณ์ 5. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะห์พทุ ธประวตั ิ ข้อคดิ และแบบอย่างการดาเนนิ ชีวติ จากชาดกท่ีได้ ศึกษา แลว้ ร่วมกนั สรปุ ความรเู้ พอ่ื จดั นทิ รรศการเร่อื ง คณุ คา่ พุทธประวตั แิ ละชาดก นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 กำรวัดและประเมินผล วิธกี ำร เคร่ืองมอื เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.1 ใบงานที่ 2.1 ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินนิทรรศการเร่อื ง แบบประเมนิ นิทรรศการเรือ่ ง คุณค่าพุทธประวัติและชาดก คุณค่าพุทธประวัตแิ ละชาดก ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น แบบทดสอบหลงั เรยี น
233 สอ่ื /แหล่งกำรเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1) หนังสือเรียน พระพุทธศาสนา ม.4-ม.6 2) บตั รคาทศชาตแิ ละทศบารมี 3) ใบงานที่ 2.1 เร่ือง เวสสันดรชาดก มโหสถชาดก และมหาชนกชาดก 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) หอ้ งจรยิ ธรรม หรอื หอ้ งพุทธศาสน์ 3) แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ http://www.thaidhammajak.com/webboard/detail http://www.buddhadasa.org/html/article
234 แบบประเมินนิทรรศกำรเร่อื ง คุณคำ่ พทุ ธประวตั ิและชำดก กลมุ่ ท.ี่ ................................................. .............................................................................. 2. .............................................................................. สมาชกิ ของกลมุ่ 1. .............................................................................. 4. .............................................................................. .............................................................................. 6. .............................................................................. 3. 5. ลำดั รำยกำรประเมนิ คุณภำพผลงำน บท่ี 4321 1 การวเิ คราะห์พทุ ธประวัติ 2 การวเิ คราะหข์ อ้ คิด และแบบอยา่ งการดาเนินชวี ติ จากชาดก 3 การจัดนิทรรศการ รวม เกณฑ์กำรให้คะแนน ลงชอ่ื ..............................................................................ผู้ประเมิน ดมี าก = 4 / /....................... ........................... ........................ ดี = 3 เกณฑก์ ำรตดั สินคุณภำพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภำพ พอใช้ = 2 11-12 ดมี าก ปรบั ปรุง =1 9-10 ดี 7-8 พอใช้ 5-6 ปรับปรุง
235 ใบงานที่ 2.1 เวสสนั ดรชำดก มโหสถชำดก และมหำชนกชำดก คำช้ีแจง ร่วมกันอภิปรายแสดงความคดิ เห็นและสรปุ ตามประเด็นสาคัญท่กี าหนด 1. นกั เรียนคดิ ว่า พระจริยาวัตรสาคญั ของพระเวสสันดรในฐานะพระโพธิสัตว์ มลี กั ษณะอย่างไร จงอธบิ าย พรอ้ มยกตวั อยา่ ง 2. นกั เรยี นคดิ ว่า ปญั ญาบารมีท่พี ระพทุ ธเจา้ ได้ทรงบาเพ็ญเม่อื ขณะที่เสวยพระชาติเป็นมโหสถกุมาร ใน เรอ่ื ง มโหสถชาดกนนั้ พระองคท์ รงบาเพ็ญอยา่ งไร และทรงนามาใช้ให้เกดิ ประโยชน์ในเร่ืองใดบา้ ง จงอธิบาย พร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ
236 3. นกั เรยี นคดิ ว่า แบบอยา่ งคุณธรรม ความดขี องพระมหาชนกสามารถนามาเป็นแบบอย่างปฏบิ ัติในการ ดาเนนิ ชีวิตประจาวนั ได้อยา่ งไรบ้าง 4. นักเรยี นคดิ วา่ การศกึ ษาเรื่องราวในอดตี ชาติของพระพทุ ธเจา้ หรอื ท่ีเรียกวา่ “ชาดก” นน้ั เป็นประโยชน์ และมีคุณค่าแก่นกั เรียนในฐานะพุทธศาสนกิ ชนอย่างไร
237 ใบงานที่ 2.1 เวสสนั ดรชำดก มโหสถชำดก และมหำชนกชำดก คำชแ้ี จง รว่ มกันอภิปรายแสดงความคดิ เห็นและสรุปตามประเด็นสาคญั ท่กี าหนด 1. นักเรียนคดิ ว่า พระจริยาวตั รสาคญั ของพระเวสสันดรในฐานะพระโพธิสตั ว์ มลี ักษณะอยา่ งไร จงอธบิ าย พรอ้ มยกตัวอยา่ ง พระเวสสันดรทรงเป็นพระโพธิสตั วผ์ ้มู ีความเมตตากรุณาตอ่ ชาวโลก ทัง้ ในการมงุ่ มน่ั บาเพ็ญบารมีเพือ่ การ ตรัสร้เู ปน็ พระพทุ ธเจา้ เพอ่ื ทรงนาสรรพสตั ว์ให้พ้นจากความทุกข์ นอกจากนีเ้ รอ่ื งราวในเวสสนั ดรชาดกยัง สะท้อนใหเ้ ห็นพระจริยาวตั รของพระองคใ์ นการทรงบาเพญ็ ทานบารมี ทรงยอมเสียสละความสุขส่วนพระองค์ ทงั้ ประทานพระชายา พระโอรสและธดิ า ตลอดจนทรัพย์สมบัติ ส่งิ มคี า่ ต่างๆ ตลอดชวี ิตของพระเวสสนั ดรจงึ ตอ้ งทรงอดทนต่อความยากลาบากนานัปการ แต่ก็ยังทรงมปี ณิธานอนั แน่วแน่ตอ่ การบาเพ็ญคณุ ความดี ดังนั้น การให้ทานของพระเวสสนั ดรจึงเป็นการให้ทานด้วยปัญญาโดยอยู่บนพ้ืนฐานความสขุ ของมวลมนษุ ย์เปน็ สาคัญ 2. นักเรยี นคดิ วา่ ปัญญาบารมที พี่ ระพุทธเจา้ ได้ทรงบาเพ็ญเมอ่ื ขณะทเี่ สวยพระชาติเป็นมโหสถกุมาร ใน เรอ่ื ง มโหสถชาดกนั้น พระองคท์ รงบาเพญ็ อยา่ งไร และทรงนามาใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์ในเรือ่ งใดบ้าง จงอธบิ าย พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ เมื่อคร้ังที่พระพทุ ธเจ้าเสวยพระชาตเิ ป็นมโหสถกุมาร พระองค์ไดท้ รงบาเพ็ญปัญญาบารมี โดยนาเอา สตปิ ญั ญาท่ีมอี ยู่ มาชว่ ยเหลอื มนุษยผ์ ู้ตกทุกข์ได้ยากหลายคร้งั เช่น เมอ่ื ครง้ั ที่มยี กั ษ์แปลงกายมาลักขโมยทารก มโหสถกมุ ารกใ็ ช้ปัญญาชว่ ยให้เดก็ รอดพน้ จากยักษร์ า้ ย และสามารถชว่ ยให้แม่กับลูกได้อย่ดู ้วยกนั อีกคร้ัง หรอื เมือ่ ครั้งทเ่ี กิดเหตโุ จรขโมยววั ของชาวบ้าน มโหสถกมุ ารกใ็ ช้สติปญั ญาความสามารถในการพสิ จู น์หาเจ้าของวัว ทแ่ี ทจ้ ริงได้ เป็นตน้ เหล่าน้ีถอื เป็นปญั ญาที่มโหสถกมุ ารได้นามาใช้ให้เกดิ ประโยชน์แกม่ วลมนษุ ยใ์ นฐานะที่ ทรงเป็นพระโพธิสตั ว์
238 3. นกั เรียนคิดวา่ แบบอย่างคุณธรรม ความดขี องพระมหาชนกสามารถนามาเป็นแบบอย่างปฏิบัติในการ ดาเนินชวี ติ ประจาวันได้อย่างไรบ้าง คณุ ธรรมความดีซ่งึ ปรากฏในเรอ่ื ง พระมหาชนกชาดกท่ีเหน็ ได้ชดั เจนที่สุด ก็คือ คุณธรรมในเรื่องของการ บาเพญ็ ความเพียร ซึง่ พระมหาชนกได้ทรงกระทาเมือ่ ครงั้ ที่เรือเกิดอับปางกลางมหาสมทุ ร แต่พระองคก์ ็มไิ ด้ ยอมแพ้แก่โชคชะตา โดยทรงพยายามว่ายนา้ ท่ามกลางคลนื่ ลม แมม้ องไม่เห็นฝง่ั พระองค์ก็ยังทรงเพยี ร พยายามว่ายน้าไปเรอ่ื ยๆ จนกระทงั่ นางมณีเมฆขลาเหน็ คุณความดีของพระองค์ จึงได้พาเหาะขา้ มมหาสมทุ ร ไปส่งทฝ่ี ง่ั คุณธรรมดงั กลา่ วถอื เปน็ ตัวอยา่ งอนั ดีท่พี งึ นามาใชใ้ นการศกึ ษาเลา่ เรยี น เพราะแมจ้ ะมีอปุ สรรค เพียงใด หากเราในฐานะทีเ่ ป็นนกั เรียนมีความพากเพียร หมัน่ เรยี นรู้ ก็จะบงั เกดิ ผลดกี ับตัวเราทัง้ ในเรื่องของ การศึกษาและหนา้ ทกี่ ารงานในอนาคตอยา่ งแน่นอน 4. นักเรยี นคดิ วา่ การศึกษาเรอื่ งราวในอดตี ชาติของพระพุทธเจ้า หรือที่เรียกว่า “ชาดก” นัน้ เปน็ ประโยชน์ และมคี ุณค่าแก่นกั เรยี นในฐานะพทุ ธศาสนกิ ชนอย่างไร การศกึ ษาเร่ืองราวทปี่ รากฏอยใู่ นชาดกนัน้ ถือเป็นการศกึ ษาประวัตกิ ารบาเพญ็ คุณธรรมความดที ีพ่ ระ โพธิสัตว์หรอื อดตี ชาติของพระพุทธเจ้าได้ทรงบาเพ็ญบารมไี ว้ นอกจากเราจะเพลิดเพลินกบั การเรียนร้เู นอ้ื หา และเร่ืองราวอันนา่ สนใจจากชาดกเรอื่ งต่างๆแลว้ เรายังไดร้ บั คติธรรมและหลกั ธรรมสาคญั อนั ทรงคณุ ค่า ซึ่งเปน็ ประโยชนต์ ่อการนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจาวันของเรา ในฐานะพุทธศาสนกิ ชนที่พึงปฏบิ ตั ติ น ตามแบบอย่างท่ีดีในพระพทุ ธศาสนาอีกด้วย (หมายเหตุ พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยูใ่ นดุลยพนิ ิจของครูผู้สอน)
239 แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน คำช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดบั ท่ี รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การลาดับขั้นตอนของเร่อื ง 3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลุ่ม รวม ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางสว่ น เกณฑก์ ำรตัดสนิ คุณภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
240 แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน กำรมี ลำดบั ที่ ชอื่ – สกลุ กำรแสดง กำรยอมรับ กำรทำงำน ควำมมี ส่วนร่วมใน รวม ของนกั เรยี น ควำม ฟงั คนอนื่ ตำมท่ีไดร้ บั นำ้ ใจ กำร 15 คดิ เหน็ มอบหมำย คะแนน ปรบั ปรุง ผลงำนกลุม่ 321321321321321 เกณฑ์กำรให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน
241 บนั ทกึ หลังกำรจัดกำรเรียนรู้ แผนที่ 11 เร่อื ง ชำดก ความเหมาะสมของกิจกรรม ดี พอใช้ ปรับปรุง………………………. ความเหมาะสมของเนื้อหา ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเวลา ดี พอใช้ ปรบั ปรุง………………………. ความเหมาะสมของสื่อ ดี พอใช้ ปรับปรงุ ………………………. อ่นื ๆ……………………………………………………………………………………….....………..…………………… …........................................................................................…………………...………...................... 1. ผลที่เกิดขน้ึ กบั ผู้เรยี น นักเรียนเล่าเรื่องย่อชาดกที่กาหนดได้ บอกข้อคิดและคุณค่าของชาดกเรื่องท่ีกาหนดได้ และสามารถ นาข้อคิดในชาดกมาเปน็ แบบอยา่ งในการดาเนนิ ชวี ิตได้ 2. ปญั หำและอปุ สรรค นกั เรียนบางสว่ นยังขาดความสนใจในการเรียน และยังไมค่ ่อยใฝ่เรียนรู้ 3. แนวทำงแก้ปัญหำ/ข้อเสนอแนะ ใช้เทคนิคการสอนที่ตรงกับสภาพของนักเรียน และมีการกระตุ้นความสนใจโดยการมีกิจกรรม ให้นกั เรียนได้มีส่วนรว่ มมากขนึ้ ลงชอื่ ……….........………….......….…..……. ผสู้ อน ( นายยงยุทธ์ ออ่ นนวล ) ตาแหน่ง : ครู 4. ควำมคิดเห็นของผ้อู ำนวยกำรโรงเรียน ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…… ลงช่ือ………...………….......…...........…..…….…. (นางสาวรพพี รรณ กตี า) ผอู้ านวยการโรงเรียน
3 242 สำระพระพุทธศำสนำ ชน้ั มธั ยมศึกษำปีที่ 4 เวลำเรยี น 6 ช่วั โมง มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ัด ส 1.2 ม.4-6/2 ปฏบิ ัติตนถูกตอ้ งตามศาสนพิธี พธิ กี รรมตามหลักศาสนาท่ีตนนบั ถอื ม.4-6/4 วเิ คราะหห์ ลกั ธรรม คตธิ รรมทีเ่ กี่ยวเนือ่ งกบั วันสาคัญทางศาสนาและเทศกาล ที่สาคัญของศาสนาท่ีตนนับถอื และปฏิบัติตนได้ถูกตอ้ ง สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด พุทธศาสนกิ ชนทกุ คนพึงปฏบิ ัตติ นอย่างถูกต้องในศาสนพิธี พธิ ีกรรม วันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา และ แสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ ซึง่ ถอื เปน็ การธารงรกั ษาพระพุทธศาสนา สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 1) ประเภทของศาสนพิธใี นพระพุทธศาสนา - ศาสนพิธีเน่ืองด้วยพทุ ธบญั ญัติ เชน่ พธิ ีแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ พิธีเวียนเทียน ถวายสังฆทาน ถวายผ้าอาบนา้ ฝน พิธที อดกฐนิ พธิ ปี วารณา - ศาสนพิธีท่ีนาพระพทุ ธศาสนาเขา้ ไปเกย่ี วเนื่อง เช่น การทาบญุ เลย้ี งพระในโอกาส ตา่ งๆ 2) ความหมาย ความสาคญั คตธิ รรมในพิธีกรรม บทสวดมนตข์ องนกั เรยี น งานพิธี คุณค่าและประโยชน์ 3) พิธบี รรพชาอุปสมบท คณุ สมบัติของผ้ขู อบรรพชาอุปสมบท เครอื่ งอฏั ฐบรขิ าร ประโยชนข์ องการบรรพชาอุปสมบท 4) บุญพิธี ทานพธิ ี กุศลพธิ ี 5) คุณคา่ และประโยชนข์ องศาสนพิธี 6) หลักธรรม คตธิ รรมทีเ่ ก่ียวเนื่องกบั วนั สาคัญและเทศกาลท่สี าคัญในพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาอน่ื 7) การปฏิบตั ิตนทถี่ กู ตอ้ งในวันสาคัญและเทศกาลทส่ี าคัญในพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาอ่ืน 3.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิ่น - สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทกั ษะการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ
243 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต - กระบวนการสบื คน้ ขอ้ มลู - กระบวนการทางานกล่มุ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทางาน ช้ินงำน/ภำระงำน (รวบยอด) บนั ทึกผลการวเิ คราะหห์ ลักธรรมที่เกย่ี วเนอ่ื งกับวันสาคญั ทางศาสนา และแนวทางในการปฏบิ ัตติ น ท่ีเหมาะสม กำรวัดและกำรประเมนิ ผล 7.1 การประเมินก่อนเรียน - แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1) ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง หลกั ธรรมในวันและเทศกาลสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา 2) ใบงานที่ 1.2 เรอื่ ง ศาสนกิ ชนทด่ี ี 3) ใบงานที่ 2.1 เรื่อง ประเภทของศาสนพิธี 4) ใบงานท่ี 2.2 เรื่อง คุณค่าและประโยชนข์ องศาสนพิธี 5) ใบงานที่ 2.3 เรอ่ื ง ศาสนพธิ ตี ามวถิ ชี าวพุทธ 6) ประเมินการนาเสนอผลงาน 7) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 7.4 การประเมินหลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 7.4 การประเมนิ ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินบนั ทึกผลการวเิ คราะห์หลักธรรมที่เกี่ยวเนอื่ งกบั วันสาคัญทางศาสนา และแนวทางในการปฏบิ ัตติ นที่เหมาะสม
244 กำรประเมินชิน้ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) แบบประเมนิ บนั ทึกผลกำรวิเครำะหห์ ลักธรรมท่ีเก่ียวเน่อื งกับวนั สำคัญทำงศำสนำ และแนวทำงในกำรปฏิบัติตนทีเ่ หมำะสม รำยกำรประเมิน คำอธิบำยระดับคณุ ภำพ/ระดบั คะแนน 1. กำรเข้ำร่วมพิธกี รรม ดมี ำก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1) ในวันสำคญั ทำง พระพทุ ธศำสนำ รายงานการเขา้ ร่วม รายงานการเขา้ ร่วม รายงานการเขา้ ร่วม รายงานการเข้ารว่ ม พธิ ีกรรมในวนั สาคัญ พธิ กี รรมในวันสาคัญ 2. กำรปฏิบัติตนใน ทางพระพทุ ธศาสนา พธิ ีกรรมในวันสาคญั ทาง พิธกี รรมในวนั สาคัญ ทางพระพทุ ธศาสนา พธิ กี รรมในวันสำคัญ วนั ธรรมสวนะและ วันธรรมสวนะ และ ทำงพระพุทธศำสนำ เทศกาลสาคญั พร้อม พระพุทธศาสนา ทางพระพทุ ธศาสนา เทศกาลสาคัญพร้อม หลกั ฐานประกอบ หลักฐานประกอบ 3. กำรวเิ ครำะห์ จานวน 4 วันขนึ้ ไป วันธรรมสวนะ และ วันธรรมสวนะ และ จานวน 1 วัน หลักธรรมที่ รายงานแสดงถงึ การ รายงานแสดงถงึ การ ปฏิบตั ิตนในพิธกี รรม เทศกาลสาคญั พรอ้ ม เทศกาลสาคัญพร้อม ปฏบิ ัตติ นในพิธกี รรม เก่ียวเนอื่ ง ในวันสาคญั ทาง ในวนั สาคัญทาง ในวันสำคญั ทำง พระพุทธศาสนา หลกั ฐานประกอบ หลกั ฐานประกอบ พระพุทธศาสนา พระพทุ ธศำสนำ วนั ธรรมสวนะ และ วันธรรมสวนะ และ เทศกาลสาคัญ จานวน 3 วนั จานวน 2 วนั เทศกาลสาคัญ ไดถ้ กู ต้อง ไมถ่ กู ต้อง เขยี นวิเคราะห์ รายงานแสดงถงึ การ รายงานแสดงถงึ การ เขียนวิเคราะห์ หลักธรรมทีเ่ กย่ี วเนอื่ ง หลกั ธรรมท่ี ในวนั สาคญั ทาง ปฏบิ ัตติ นในพิธกี รรมใน ปฏิบัติตนในพิธกี รรม เก่ียวเน่อื ง พระพุทธศาสนา ในวนั สาคญั ทาง วนั ธรรมสวนะ และ วนั สาคญั ทาง ในวนั สาคญั ทาง พระพุทธศาสนา เทศกาลสาคญั วนั ธรรมสวนะ และ ได้ถูกต้องครบถว้ น พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา เทศกาลสาคัญ 4 วนั ไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วน วนั ธรรมสวนะ และ วนั ธรรมสวนะ และ 1 วัน เทศกาลสาคญั ได้ เทศกาลสาคญั ได้ ถกู ตอ้ งเป็นสว่ นใหญ่ ถกู ต้องเป็นบางสว่ น เขียนวิเคราะหห์ ลักธรรม เขยี นวเิ คราะห์ ทเี่ กย่ี วเนอ่ื ง หลักธรรมทเี่ กี่ยวเนอ่ื ง ในวนั สาคัญทาง ในวันสาคัญทาง พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา วนั ธรรมสวนะ และ วันธรรมสวนะ และ เทศกาลสาคญั เทศกาลสาคัญ ได้ถูกต้องครบถว้ น ได้ถกู ตอ้ งครบถว้ น 3 วนั 2 วนั
245 รำยกำรประเมนิ คำอธบิ ำยระดับคณุ ภำพ/ระดบั คะแนน 4. กำรวเิ ครำะห์ผลของ ดีมำก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1) กำรปฏบิ ตั ิตนในกำร ร่วมพธิ ีกรรมในวนั เขียนวเิ คราะหผ์ ลของ เขยี นวิเคราะหผ์ ลของ เขียนวิเคราะห์ผลของ เขียนวเิ คราะหผ์ ลของ สำคญั ทำง การปฏบิ ัติตนในการ การปฏิบตั ิตนในการ พระพทุ ธศำสนำ รว่ มพธิ กี รรมในวัน การปฏิบัตติ นในการ การปฏิบตั ิตนในการ ร่วมพธิ กี รรมในวัน สาคญั ทาง สาคัญทาง พระพุทธศาสนา ร่วมพิธกี รรมในวัน รว่ มพธิ กี รรมในวัน พระพทุ ธศาสนา วันธรรมสวนะ และ วนั ธรรมสวนะ และ เทศกาลสาคญั สาคัญทาง สาคญั ทาง เทศกาลสาคัญ ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล ไม่ถูกต้อง ถกู ตอ้ ง ครบถ้วน พระพทุ ธศาสนา พระพทุ ธศาสนา วนั ธรรมสวนะ และ วนั ธรรมสวนะ และ เทศกาลสาคัญ เทศกาลสาคญั ได้อยา่ งมีเหตุผล ถูกต้อง ไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล เปน็ ส่วนใหญ่ ถูกต้องบางส่วน เกณฑก์ ำรตัดสินคณุ ภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ 14-16 ดมี าก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 5-7 ปรับปรงุ
246 กิจกรรมกำรเรียนรู้ นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 เรอื่ งที่ 1 วันสำคญั ทำงพระพุทธศำสนำ วิธสี อนโดยกำรจดั เรยี นรแู้ บบร่วมมอื : เทคนคิ กำรต่อ เวลำ 3 ช่วั โมง เร่ืองรำว (Jigsaw) 1. ครนู าสนทนาเก่ยี วกบั พิธเี วียนเทียนในวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา แล้วใหน้ ักเรียนช่วยกนั แสดง ความคดิ เหน็ วา่ วนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนาใดบ้าง ท่จี ดั ให้มีพิธีเวียนเทยี น และนกั เรยี นเคยมี โอกาสไปเขา้ ร่วมพิธีบา้ งหรือไม่ โดยใหค้ รูเลอื กตวั แทนนกั เรียนทเี่ คยได้ไปร่วมกิจกรรมใน วนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา 2-3 คน ออกมาถา่ ยทอดประสบการณ์ใหเ้ พ่ือนๆฟงั หน้าชน้ั เรยี น 2. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรียนเขา้ ใจถึงความหมายและความสาคญั ของวันสาคัญทางพระพุทธศาสนาท่ีมีตอ่ เราในฐานะท่เี ปน็ พทุ ธศาสนกิ ชน 3. ครแู บง่ นักเรยี นเปน็ กลมุ่ กล่มุ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถเพ่ือปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยกาหนด หมายเลขประจาตวั ของสมาชกิ ในกล่มุ เรียกวา่ กล่มุ บา้ น นกั เรยี นหมายเลข เดียวกนั ไปเข้ากลมุ่ เดยี วกัน จะมที ้ังหมด 4 กลุ่ม เป็นกลมุ่ ใหม่ เรียกว่า กลุ่มผ้เู ชี่ยวชาญ 4. ให้กล่มุ ผเู้ ชีย่ วชาญแตล่ ะกล่มุ ศกึ ษาความร้ตู ามประเด็นที่กาหนด จากหนังสือเรียน 5. ใหก้ ลุ่มผูเ้ ชย่ี วชาญแตล่ ะหมายเลขกลับเข้าสู่กลมุ่ บ้าน เพื่อใหค้ วามรู้เกี่ยวกับวันและเทศกาลสาคัญ ทางพระพทุ ธศาสนาท่ตี นไดศ้ กึ ษาจนเชย่ี วชาญ ตามลาดบั หมายเลข 1-4 จนครบ 6. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง หลกั ธรรมในวนั และเทศกาลสาคญั ทางพระพุทธศาสนา 7. ใหแ้ ต่ละกลุ่มทารายงานเรื่องที่ศึกษา โดยจัดทาเปน็ รูปเล่มรายงานและหาภาพประกอบทีเ่ กี่ยวกับ เน้อื หาตามความเหมาะสม ครูนดั หมายการนาเสนอผลงานและรูปเลม่ รายงาน 8. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั วางแผนการนาเสนอผลงาน แล้วส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลงาน 9. ให้นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรุปความรทู้ ่ีได้จากการนาเสนอของนกั เรยี นท้ัง 4 กลุม่ 10. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง ศาสนกิ ชนท่ีดี
247 เร่อื งท่ี 2 ศำสนพิธี วิธีสอนโดยกำรจดั กำรเรยี นรแู้ บบรว่ มมือ : เทคนิคกำรจัดทมี เวลำ 3 ชว่ั โมง แข่งขนั , เทคนคิ คู่คดิ 1. ครูต้งั ประเด็นคาถามว่า นกั เรยี นเคยไปร่วมเขา้ ศาสนพิธหี รอื ไม่ ครสู ังเกตจากการตอบคาถามของ นักเรยี น และใหเ้ ลอื กตวั แทนนกั เรยี น 1-2 คน ออกมาเลา่ ประสบการณใ์ นการไปเขา้ รว่ มศาสนพธิ ี ใหเ้ พือ่ นฟงั หนา้ ชัน้ เรยี น 2. ใหน้ ักเรียนรว่ มกนั เล่นเกม จัดหมวดหมู่พุทธศาสนพิธี โดยครแู บ่งนกั เรยี นออกเปน็ 4 ทีม แลว้ ให้ แตล่ ะกลุม่ ส่งตวั แทนออกมารับใบงานที่ 2.1 เรอื่ ง ประเภทของศาสนพิธี ให้ครเู รม่ิ การแข่งขนั เกม โดยวธิ กี ารเล่นเกมในเอกสารประกอบการสอน 3. ใหน้ ักเรียนศกึ ษาความรู้เรอ่ื ง คุณค่าและประโยชน์ของศาสนพิธี จากหนงั สอื เรยี น และทาใบงาน ท่ี 2.2 เร่ือง คณุ คา่ และประโยชนข์ องศาสนพิธี 4. ครูตง้ั คาถามเพ่อื สารวจข้อมูลว่า นกั เรยี นแต่ละคนเคยมสี ่วนร่วมในศาสนพธิ ใี ดบ้าง 5. ครเู ลอื กตัวแทนนักเรียนทเ่ี คยไปเข้าร่วมศาสนพธิ ี ออกมาเลา่ ว่าในงานที่นักเรยี นไปนนั้ เปน็ การ ประกอบพธิ ีใด และข้ันตอนในพิธีมอี ะไรบ้าง เพราะเหตใุ ดนกั เรียนจงึ ได้มโี อกาสไปเข้าร่วม ในพธิ นี ัน้ 6. ให้นกั เรยี นศกึ ษาความรู้เรือ่ ง ศาสนพิธีเนอ่ื งดว้ ยพุทธบัญญัติ และศาสนพธิ ที น่ี าพระพทุ ธศาสนา เขา้ ไปเก่ยี วเนือ่ ง จากหนงั สือเรียน 7. ให้นกั เรยี นนาความรทู้ ีไ่ ดจ้ ากการศึกษาเกีย่ วกบั ศาสนพธิ ีมาเขียนตอบลงในใบงานที่ 2.3 เรอ่ื ง ศาสนพิธตี ามวถิ ชี าวพุทธ เพอ่ื เปน็ การทดสอบความรคู้ วามเขา้ ใจในเรอ่ื งท่ไี ดศ้ กึ ษาไป และ เม่ือทาเสร็จแลว้ ใหจ้ บั คู่กบั เพื่อนอภปิ รายคาตอบแตล่ ะข้อตามใบงาน เพอ่ื หาคาตอบท่ีถูกตอ้ ง 8. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วิเคราะหห์ ลักธรรมทีเ่ ก่ยี วเนื่องกับวันสาคัญทางศาสนา และบอกแนวทางในการ ปฏบิ ัติตนที่เหมาะสม 9. ให้นักเรียนแตล่ ะคนสรปุ ผลการวเิ คราะห์หลักธรรมที่เกีย่ วเนื่องกับวันสาคญั ทางศาสนา และบอก แนวทางในการปฏิบตั ิตนทเ่ี หมาะสมของตนเองลงในแบบบันทึก 10. ครูนดั หมายการสง่ แบบบนั ทึกผลการวิเคราะห์หลักธรรมท่เี กยี่ วเน่ืองกบั วนั สาคญั ทางศาสนา และ แนวทางในการปฏบิ ัติตนทเี่ หมาะสม นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3
248 สอื่ /แหลง่ กำรเรียนรู้ 9.1 สื่อการเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี น พระพุทธศาสนา ม.4-ม.6 2) เอกสารประกอบการสอน 3) ใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง หลักธรรมในวันและเทศกาลสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา 4) ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง ศาสนกิ ชนทด่ี ี 5) ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง ประเภทของศาสนพธิ ี 6) ใบงานที่ 2.2 เรอ่ื ง คุณค่าและประโยชนข์ องศาสนพธิ ี 7) ใบงานที่ 2.3 เร่อื ง ศาสนพิธีตามวิถชี าวพุทธ 9.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องสมดุ 2) ห้องจรยิ ธรรม หรือหอ้ งพุทธศาสน์ 3) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ http://www.thaidhammajak.com/webboard/detail http://www.buddhadasa.org/html/article http://www.panyathai.or.th/wiki/jndex
249 แบบทดสอบก่อนเรยี น – หลังเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 คำช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นเลอื กคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสดุ เพียงข้อเดยี ว 1. “โอวาทปาฏโิ มกข์” เปน็ พระธรรมเทศนาทพี่ ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงในวนั ใด ก. วันมาฆบูชา ข. วันวสิ าขบูชา ค. วันเข้าพรรษา ง. วนั ออกพรรษา 2. หลักธรรมทเี่ ก่ยี วเนื่องกบั วนั วิสาขบชู า ได้แก่หลักธรรมในขอ้ ใด ก. อิทธิบาท 4 ข. อรยิ สัจ 4 ข. สังคหวัตถุ 4 ง. กลุ จริ ฏั ฐิติธรรม 4 3. หลกั ธรรมทค่ี วรยึดถือปฏิบตั ิในวนั อัฏฐมีบูชา ไดแ้ ก่หลกั ธรรมในเรอ่ื งใด ก. ความดี ข. ความมกั นอ้ ย ค. ความวริ ยิ ะอตุ สาหะ ง. ความไมป่ ระมาท 4. วันอาสาฬหบูชา มีความสาคญั ตรงกบั ขอ้ ใด ก. เปน็ วนั ที่พระพทุ ธเจา้ ทรงตรสั รู้ ข. เปน็ วันทม่ี พี ระรตั นตรัยครบบริบูรณ์ ค. เปน็ วันที่พระพุทธเจา้ ทรงเสด็จโปรดพุทธมารดา ง. เป็นวนั ทีพ่ ระสงฆม์ าประชมุ กันโดยมไิ ดน้ ัดหมาย 5. การเวียนเทยี นในวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา พุทธศาสนกิ ชนควรตง้ั จติ ราลกึ ส่ิงใดในการ เวียนเทียนรอบท่ี 1 ก. พระพุทธคุณ ข. พระธรรมคณุ ค. พระสงั ฆคณุ ง. พระบรสิ ุทธคิ ุณ 6. หลกั ธรรมสาคญั ในวนั ธรรมสวนะ ไดแ้ ก่ข้อใด ก. การหา่ งไกลจากกเิ ลส ข. การชาระจิตใจให้ผอ่ งใส ค. การสนทนาธรรมตามกาล ง. การหมนั่ สร้างคณุ งามความดี
250 7. วันใดทพ่ี ุทธศาสนิกชนนยิ มนาเทียนพรรษาไปถวายวดั ก. วันวสิ าขบูชา ข. วนั ธรรมสวนะ ค. วนั เขา้ พรรษา ง. วนั ออกพรรษา 8. ประเพณที ่พี ทุ ธศาสนิกชนนยิ มทากันในวนั เข้าพรรษามหี ลายประการ ยกเว้นข้อใด ก. ทาบุญตักบาตร ข. ถวายผ้าอาบน้าฝน ค. ฟงั พระธรรมเทศนา ง. ประกอบพิธปี วารณา 9. คาวา่ “ศาสนพิธี” มคี วามหมายตรงกบั ขอ้ ใดมากท่สี ดุ ก. พิธีกรรมทจ่ี ดั ข้นึ ในพระพทุ ธศาสนา ข. เอกลักษณใ์ นทางวฒั นธรรมของชาวพทุ ธ ค. ขั้นตอนพธิ ีกรรมในการปฏิบตั ขิ องวันสาคัญทางพระพุทธศาสนา ง. ระเบียบแบบแผนของพิธีกรรมทางศาสนาท่ีศาสนิกชนปฏิบตั ิตามเปน็ แนวทางเดยี วกนั 10. ข้อใด ไมใ่ ชป่ ระเภทของพทุ ธศาสนพธิ ี ข. มงคลพิธี ก. กศุ ลพธิ ี ง. ปกณิ กพธิ ี ค. ทานพิธี 11. พิธเี วยี นเทยี นในวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา จัดเปน็ ศาสนพิธีในข้อใด ก. กุศลพิธี ข. บญุ พิธี ค. ทานพธิ ี ง. ปกณิ กพธิ ี 12. ขอ้ ใด คอื คุณคา่ และประโยชน์ของศาสนพิธี ก. ทาใหเ้ กิดความสุขกายสบายใจ ข. ผู้ร่วมพธิ ไี ดร้ บั การยอมรบั จากสงั คม ค. ได้รบั ความสนกุ สนานและความบันเทิง ง. กอ่ ใหเ้ กดิ ความศรทั ธาต่อพระพทุ ธศาสนา 13. การถวายสังฆทาน มีความหมายวา่ อย่างไร ก. ทานท่ถี วายแด่พระสงฆร์ ปู เดยี ว ข. ส่ิงของเครื่องใชท้ ถี่ วายพระสงฆ์ ค. ทานทถ่ี วายแด่พระสงฆท์ ั่วไป โดยไมก่ าหนดว่าจะถวายรปู ใด ง. ทานทีถ่ วายเพื่อมุ่งหวังให้พระสงฆท์ ่รี ับได้นาไปใชป้ ระโยชน์
251 14. พิธถี วายผา้ อาบนา้ ฝน นยิ มถวายในวันใด ก. วนั ขึ้น 15 ค่า เดือน 3 ข. วันขน้ึ 15 คา่ เดอื น 6 ค. วนั ขน้ึ 15 คา่ เดอื น 8 ง. วันขนึ้ 15 ค่า เดือน 11 15. ข้อใด เปน็ สง่ิ ท่ี ไม่นยิ มกระทาในการทาบญุ เล้ียงพระในงานมงคล ก. วงดา้ ยสายสญิ จน์รอบอาคาร ข. เตรยี มภษู าโยงสาหรับบงั สุกุล ค. ตั้งภาชนะสาหรับทานา้ พระพทุ ธมนต์ ง. นมิ นตพ์ ระสงฆ์ประพรมนา้ พระพทุ ธมนต์ 16. การกระทาของบคุ คลในข้อใด ถือว่า ไมเ่ หมำะสมในพธิ ที าบญุ เล้ียงพระ ก. ธิดา จดั น้าเย็นมารบั รองพระที่เพิง่ มาถงึ สถานที่ประกอบพธิ ี ข. ขวญั ใจ จัดเตรียมเครอ่ื งไทยธรรมสาหรับถวายพระสงฆ์ครบตามจานวนพอดี ค. คุณรุจน์ เปน็ เจ้าภาพจุดธปู เทยี นบชู าพระรตั นตรยั แลว้ ก้มลงกราบเบญจางคประดิษฐ์ ง. ตน้ ขา้ ว ลมื จัดภัตตาหารสาหรบั ถวายแด่พระพุทธรูปที่หนา้ โต๊ะหมบู่ ูชาในวนั เลีย้ งพระ 17. การถวายผา้ กฐนิ มขี ้อกาหนดใหก้ ระทาได้ในช่วงใด ก. ระหวา่ ง 3 เดอื นในช่วงเขา้ พรรษา ข. หลงั ออกพรรษาประมาณ 1 เดอื น ค. กระทาได้ทกุ วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ง. สามารถทาไดต้ ลอดทง้ั ปไี ม่มีกาหนดวันไว้แนน่ อน 18. พทุ ธศาสนิกชนนิยมไปเวียนเทยี นในวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ยกเว้นวันใด ก. วนั วสิ าขบูชา ข. วนั อาสาฬหบูชา ค. วันธรรมสวนะ ง. วนั มาฆบชู า
252 19. ผู้เข้าร่วมในพิธีกรรมสาคัญทางพระพทุ ธศาสนานัน้ ควรจะตอ้ งร้ใู นเร่ืองใดเป็นลาดับแรก ก. จดุ มงุ่ หมาย ข. การเตรยี มการ ค. เจ้าภาพผู้จัดงาน ง. กาหนดการของงาน 20. การกระทาในขอ้ ใดควรเอาเปน็ แบบอย่างในการร่วมศาสนพธิ ใี นวนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนา ก. เสยี่ องอาจ ใส่ทองและเครอื่ งประดับอย่างเต็มที่มาทาบุญทวี่ ดั ข. แสนภูมิ ชวนเพอื่ นๆ ลงจากศาลาการเปรียญมาเล่นท่ีลานวดั ขณะที่พระกาลงั เทศน์ ค. คุณนายไขแสง พดู คยุ เรื่องสามีกับเพื่อนสนิทท่มี าทาบุญพรอ้ มกนั ในศาลาการเปรียญ ง. ใบเตย แตง่ กายด้วยผา้ ซิ่นสีสุภาพมาเวยี นเทยี นรอบพระอโุ บสถด้วยอาการสงบสารวม เฉลย 1. ก 2. ข 3. ง 4. ข 5. ก 6. ค 7. ค 8. ง 9. ง 10. ข 11. ก 12. ง 13. ค 14. ค 15. ข 16. ง 17. ข 18. ค 19. ก 20. ง
253 แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี 12 หน่วยที่ 2 พทุ ธประวตั ิและชาดก เรือ่ ง วันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลา 3 ช่วั โมง ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ผ้สู อน นายยงยุทธ์ อ่อนนวล ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา เปน็ วนั ทพ่ี ทุ ธศาสนิกชนทุกคนจะไดม้ ีโอกาสรว่ มทากิจกรรมตา่ งๆ และ ปฏิบตั ิตามหลักธรรม หรอื คติธรรมคาสอนของพระพทุ ธเจ้าทเ่ี กย่ี วเนอ่ื งกบั วนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนาโดย นามาคดิ พจิ ารณา และปฏิบตั ิตนตามแบบอย่างอนั ดงี ามของพระพทุ ธเจ้าไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม ตวั ช้วี ดั /จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 ตัวช้ีวดั ส 1.2 ม.4-6/4 วเิ คราะห์หลกั ธรรม คติธรรมทีเ่ กยี่ วเนื่องกบั วันสาคญั ทางศาสนาและ เทศกาลที่สาคัญของศาสนาท่ีตนนับถอื และปฏบิ ัติตนได้ถูกตอ้ ง 2.2 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) วเิ คราะหห์ ลกั ธรรมทเี่ ก่ียวเนอ่ื งกบั วนั สาคัญและเทศกาลสาคญั ทางพระพุทธศาสนาได้ 2) นาหลักธรรมท่ีเกยี่ วเน่ืองกบั วันและเทศกาลสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนามาประยกุ ต์ใชไ้ ด้ อย่างถกู ต้องเหมาะสม สำระกำรเรยี นรู้ 3.1สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 1) หลักธรรม คตธิ รรมที่เกย่ี วเนื่องกับวนั สาคญั และเทศกาลที่สาคัญในพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาอืน่ 2) การปฏบิ ัตติ นท่ถี กู ต้องในวนั สาคญั และเทศกาลท่ีสาคญั ในพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาอน่ื 3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถนิ่ - สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ
254 4.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - กระบวนการสบื คน้ ขอ้ มลู - กระบวนการทางานกลมุ่ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทางาน กิจกรรมกำรเรยี นรู้ (วธิ สี อนโดยการจัดการเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื : เทคนิคการต่อเรื่องราว ( Jigsaw)) นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 ช่ัวโมงท่ี 1-2 1. ครนู าสนทนาเกยี่ วกบั พิธีเวยี นเทยี นในวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา แล้วใหน้ ักเรียนช่วยกันแสดง ความคิดเหน็ วา่ วันสาคญั ทางพระพุทธศาสนาใดบ้าง ท่ีจดั ใหม้ พี ิธเี วียนเทียน และนักเรียนเคยไดม้ ี โอกาสไปเขา้ รว่ มพิธบี า้ งหรือไม่ โดยใหค้ รเู ลือกตวั แทนนักเรยี นทเี่ คยไปเข้ารว่ มกจิ กรรมในวันสาคัญ ทางพระพุทธศาสนา 2-3 คน ออกมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้เพ่อื นๆฟังหน้าชนั้ เรียน 2. ครอู ธบิ ายใหน้ ักเรียนเข้าใจถึง ความหมายและความสาคญั ของวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนาท่มี ี ตอ่ เราในฐานะที่เปน็ พทุ ธศาสนิกชน 3. ครูแบง่ นักเรียนเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ แล้วกาหนดหมายเลขประจาตวั ของสมาชิกในกลุ่ม เรยี กวา่ กลมุ่ บา้ น เพ่อื ศึกษาความรแู้ ละฝึกปฏิบัตกิ ิจกรรม 12 12 12 12 34 34 34 34 4. นกั เรยี4นหมายเลขเดยี วกันไปเขา้4กลมุ่ เดยี วกนั จะมที งั้ หม4ด 4 กลุม่ เปน็ กล่มุ ให4ม่ เรียกว่า กลมุ่ ผู้เช่ยี วชาญ ใหก้ ลมุ่ ผู้เชย่ี วชาญแต่ละกลุ่มศึกษาความรู้ จากหนังสือเรียน ดังนี้ 11 22 33 44 1๔๕1 2๔๕2 3 ๔๕3 ๔๕ 44 4 44 4
255 - กลมุ่ ผู้เชยี่ วชาญหมายเลข 1 ศึกษาเรอื่ ง หลกั ธรรมทเ่ี ก่ยี วเน่อื งในวนั มาฆบูชา และวนั วิสาขบชู า - กลุ่มผเู้ ชย่ี วชาญหมายเลข 2 ศกึ ษาเรอ่ื ง หลกั ธรรมท่ีเก่ียวเน่ืองในวนั อัฏฐมีบูชา และวนั อาสาฬหบูชา - กลมุ่ ผเู้ ชี่ยวชาญหมายเลข 3 ศึกษาเรอื่ ง หลักธรรมทีเ่ ก่ียวเนื่องในวันธรรมสวนะ และวนั เข้าพรรษา - กลุ่มผู้เช่ียวชาญหมายเลข 4 ศกึ ษาเรือ่ ง หลักธรรมท่ีเก่ียวเน่ืองในวนั ออกพรรษา และวนั ตักบาตรเทโวโรหณะ 5. ครเู นน้ ยา้ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศึกษา อภปิ ราย และสรปุ ความรู้ จนมีความเชยี่ วชาญทุกคน และครูเข้ารว่ มสงั เกตการณ์การศกึ ษาของกลมุ่ ย่อยทกุ กลมุ่ 6. ครตู รวจสอบความรู้ผเู้ ชยี่ วชาญแต่ละกลมุ่ วา่ มีความรู้และความสามารถทจี่ ะไปถ่ายทอดความรู้ ใหแ้ กเ่ พือ่ นในกล่มุ บ้าน 7. กลุ่มผ้เู ชย่ี วชาญแตล่ ะหมายเลขกลับเข้าสู่กลมุ่ บา้ น เพือ่ ใหค้ วามรู้เกีย่ วกับวนั และเทศกาลสาคัญ ทางพระพุทธศาสนาทต่ี นได้ศึกษาจนเชย่ี วชาญ ตามลาดับหมายเลข 1-4 จนครบ 8. ให้นกั เรียนทาใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง หลกั ธรรมในวันและเทศกาลสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา 9. ใหต้ วั แทนนักเรียนออกมาสรุปความรูท้ ไ่ี ดเ้ ก่ียวกบั หลกั ธรรมท่ีเกี่ยวเน่อื งกับวนั สาคญั ทาง พระพทุ ธศาสนา 10. ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ทารายงานเรือ่ งทศ่ี ึกษา โดยจัดทาเป็นรปู เลม่ รายงานและหาภาพประกอบ ที่เก่ียวกบั เนอื้ หาตามความเหมาะสม ครูนดั หมายการนาเสนอผลงานและรูปเลม่ รายงาน ช่ัวโมงท่ี 3 1. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันวางแผนการนาเสนอผลงาน แล้วใหแ้ ต่ละกล่มุ ส่งตวั แทนออกมา นาเสนอผลงาน โดยเรม่ิ ต้ังแต่ - กลุ่มท่ี 1 ออกมารายงาน กลุ่มท่ี 2 วิจารณ์ - กลมุ่ ท่ี 2 ออกมารายงาน กลุ่มที่ 3 วจิ ารณ์ - กลมุ่ ที่ 3 ออกมารายงาน กลมุ่ ท่ี 4 วิจารณ์ - กลมุ่ ท่ี 4 ออกมารายงาน กลุ่มที่ 1 วจิ ารณ์ โดยครูกาหนดเวลาในการนาเสนอและวิจารณ์ผลงานกลุ่มละประมาณ 10-15 นาที 2. เมือ่ แตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี นครบทุกกลมุ่ ใหน้ กั เรยี นและครูรว่ มกนั สรุปความรู้ ทไี่ ดจ้ ากการนาเสนอของนกั เรียนทง้ั 4 กลุ่ม 3. ให้นกั เรยี นทา ใบงานที่ 1.2 เร่ือง ศาสนิกชนที่ดี เป็นการบา้ น
256 กำรวัดและประเมนิ ผล วิธกี ำร เคร่อื งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน แบบทดสอบกอ่ นเรียน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานที่ 1.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.2 ใบงานท่ี 1.2 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจรายงาน แบบประเมินการเขียนรายงาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการนาเสนอผลงาน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ส่อื /แหล่งกำรเรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนังสือเรียน พระพทุ ธศาสนา ม. 4-6 2) ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง หลักธรรมในวันและเทศกาลสาคัญทางพระพุทธศาสนา 3) ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง ศาสนกิ ชนท่ดี ี 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องสมดุ 2) หอ้ งจรยิ ธรรม หรอื หอ้ งพทุ ธศาสน์ 3) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.thaidhammajak.com/webboard/detail http://www.buddhadasa.org/html/article http://www.panyathai.or.th/wiki/jndex
257 ใบงานท่ี 1.1 หลกั ธรรมในวนั และเทศกำลสำคัญทำงพระพทุ ธศำสนำ ตอนท่ี 1 คำช้ีแจง เลอื กวันสาคัญหรือเทศกาลสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา มาคนละ 1 วนั แล้วอธบิ ายประวตั ิความเปน็ มา พิธีกรรม และหลักธรรมสาคญั วัน ประวัตคิ วำมเป็นมำ พธิ ีกรรม และควำมสำคญั หลักธรรมสำคัญทเ่ี กีย่ วเน่ือง
258 ตอนท่ี 2 คำช้ีแจง แสดงความคิดเห็นตามประเดน็ ทก่ี าหนด หลักธรรมในวันสำคญั หรอื เทศกำลสำคญั ทำงพระพทุ ธศำสนำ มปี ระโยชนต์ อ่ เรำในฐำนะทีเ่ ปน็ พุทธศำสนกิ ชนอยำ่ งไรบ้ำง
259 ใบงานท่ี 1.1 หลกั ธรรมในวนั และเทศกำลสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ ตอนท่ี 1 คำชีแ้ จง เลือกวนั สาคญั หรอื เทศกาลสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา มาคนละ 1 วนั แลว้ อธบิ ายประวตั คิ วามเปน็ มา พิธกี รรม และหลกั ธรรมสาคญั วัน วสิ าขบชู า ประวตั คิ วำมเป็นมำ พิธีกรรม และควำมสำคัญ หลักธรรมสำคญั ท่เี กี่ยวเนอ่ื ง วนั วิสาขบชู า ตรงกบั วันเพญ็ เดอื น 6 ของทุกปี หลักธรรมสาคญั ท่ีเกี่ยวเนือ่ งในวันวิสาขบูชา หากเดอื นใดมีเดือน 8 สองหนก็เลอื่ นมาเปน็ คอื อรยิ สัจ 4 ซง่ึ เปน็ หวั ใจของพระพุทธศาสนา วันเพญ็ เดอื น 7 วนั นี้มีความสาคญั เนื่องจากเปน็ ประกอบดว้ ย ทกุ ข์ สมุทัย นโิ รธ และมรรค วนั คลา้ ยวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินพิ พาน ของ พระพุทธเจ้า โดยในวนั วิสาขบชู านี้ พทุ ธศาสนกิ ชน มักทาบุญตกั บาตรในช่วงเช้า และไปรว่ มพิธี เวยี นเทยี นรอบพระอโุ บสถในช่วงคา่
260 ตอนที่ 2 คำชแ้ี จง แสดงความคิดเหน็ ตามประเด็นทก่ี าหนด หลกั ธรรมในวนั สำคญั หรือเทศกำลสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ มีประโยชน์ ตอ่ เรำในฐำนะท่เี ปน็ พุทธศำสนิกชนอย่ำงไรบำ้ ง หลกั ธรรมในวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนามีประโยชนต์ ่อเราในเรื่องของการนามาประยุกต์ใช้ และเป็นแบบอยา่ งปฏิบัติในชวี ติ ประจาวนั เพอ่ื ให้ถึงพรอ้ มด้วยจรยิ ธรรม คณุ ความดี และสติปัญญา ซ่งึ จะทา ใหเ้ ราใช้ชีวิตอยใู่ นสังคมได้อย่างเปน็ ปกติสุข
261 ใบงานท่ี 1.2 ศำสนกิ ชนท่ีดี ตอนที่ 1 คำชี้แจง พจิ ารณาภาพ แลว้ อธิบายว่า ภาพที่เหน็ เกี่ยวข้องกบั วนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนาอย่างไร
262 ตอนที่ 2 คำชีแ้ จง นักเรยี นจะปฏิบตั ิตนอยา่ งไร เมื่อมโี อกาสไปวัดในวนั สาคญั หรอื เทศกาลสาคัญ ทางพระพุทธศาสนา
263 ใบงานที่ 1.2 ศำสนกิ ชนทดี่ ี ตอนท่ี 1 คำชีแ้ จง พิจารณาภาพ แลว้ อธิบายว่า ภาพทเ่ี ห็นเกย่ี วขอ้ งกบั วนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนาอย่างไร ในวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา พทุ ธศาสนกิ ชน นยิ มทาบุญตกั บาตรพระสงฆใ์ นช่วงเชา้ ทงั้ อาหาร คาวหวาน และขา้ วสารอาหารแหง้ เพอื่ เป็นการ สรา้ งสมบญุ บารมีและอทุ ศิ ใหก้ บั ญาตทิ ลี่ ว่ งลบั พธิ ีเวยี นเทยี น เป็นพธิ ีทจี่ ดั ขนึ้ ในวนั สาคญั ทาง พระพทุ ธศาสนา ไดแ้ ก่ วนั มาฆบูชา วนั วสิ าขบชู า วนั อาสาฬหบูชา โดยจะประกอบพธิ ีเวยี นเทยี นรอบ พระอโุ บสถ 3 รอบ เพอื่ ระลกึ นกึ ถงึ พระพทุ ธคณุ พระธรรมคณุ และพระสงั ฆคณุ การแสดงพระธรรมเทศนาในวนั สาคญั ทาง พระพทุ ธศาสนา ถอื เป็นอกี กิจกรรมสาคญั เนอื่ งจากในวนั นพี้ ระสงฆจ์ ะแสดงพระธรรม เทศนาทเี่ กีย่ วเนอื่ งกบั วนั สาคญั นนั้ ๆ เพอื่ ให้ พทุ ธศาสนกิ ชนนอ้ มนาเอาขอ้ คดิ คตธิ รรมมาเป็น แบบอย่างปฏบิ ตั ใิ นชีวติ ประจาวนั
264 พธิ ีแหเ่ ทยี นพรรษา เป็นพธิ ีทปี่ ฏบิ ตั กิ นั ในวนั เขา้ พรรษาเท่านนั้ โดยพทุ ธศาสนกิ ชนนยิ มแห่เทยี น ขนาดใหญ่นาไปถวายพระสงฆ์ทวี่ ดั เพอื่ ใหพ้ ระ จุดถวายเป็นพทุ ธบูชา และใหแ้ สงสวา่ งภายใน พระอุโบสถตลอดช่วงทเี่ ขา้ พรรษาทงั้ 3 เดอื น การนง่ั สมาธิเจรญิ จิตภาวนา ถอื เป็นอกี กจิ กรรม ทพี่ ทุ ธศาสนกิ ชนนยิ มปฏบิ ตั ใิ นวนั สาคญั ทาง พระพทุ ธศาสนา เพอื่ กลอ่ มเกลาจิตใจใหส้ งบ เป็นสมาธิ สาหรบั เตรยี มพรอ้ มในการดาเนนิ ชีวติ ประจาวนั ต่อไป ตอนที่ 2 คำช้ีแจง นกั เรียนจะปฏบิ ัตติ นอย่างไร เมือ่ มโี อกาสไปวัดในวันสาคัญหรอื เทศกาลสาคัญ ทางพระพุทธศาสนา เมอ่ื มีโอกาสไดไ้ ปร่วมพธิ กี รรมในวันสาคัญทางพระพุทธศาสนาท่วี ัด สิ่งแรกทีค่ วรคานงึ คือ การแต่งกาย ทตี่ อ้ งมีความสุภาพเรยี บร้อย ให้ความเคารพสถานท่ี และไมใ่ ส่เสอื้ ผ้าสีฉูดฉาดเกนิ ไปนกั โดยเมอ่ื ไปถงึ บริเวณสถานที่ประกอบพิธกี ็ควรอยู่ในอาการท่สี งบสารวม และร่วมในพธิ ีกรรมด้วยความ สุภาพเรียบร้อย
265 แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน คำช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดบั ท่ี รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเนอื้ หา 2 การลาดับขั้นตอนของเร่อื ง 3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกล่มุ รวม ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางส่วน เกณฑ์กำรตัดสินคณุ ภำพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภำพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ
266 แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน กำรมี ลำดับที่ ชอื่ – สกุล กำรแสดง กำรยอมรับ กำรทำงำน ควำมมี ส่วนรว่ มใน รวม ของนกั เรยี น ควำม ฟงั คนอนื่ ตำมท่ีได้รบั นำ้ ใจ กำร 15 คดิ เหน็ มอบหมำย คะแนน ปรบั ปรุง ผลงำนกลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ำรให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน
267 บนั ทกึ หลังกำรจดั กำรเรียนรู้ แผนท่ี 12 เรื่อง วันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเน้ือหา ดี พอใช้ ปรับปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเวลา ดี พอใช้ ปรบั ปรุง………………………. ความเหมาะสมของส่อื ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. อ่ืนๆ……………………………………………………………………………………….....………..…………………… …........................................................................................…………………...………...................... 1. ผลทเ่ี กิดขน้ึ กับผูเ้ รียน นักเรียนวิเคราะห์หลักธรรมท่ีเก่ียวเนื่องกับวันสาคัญและเทศกาลสาคัญทางพระพุทธศาสนาได้ นาหลักธรรมทเี่ กยี่ วเนือ่ งกบั วันและเทศกาลสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนามาประยุกต์ใช้ได้อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม 2. ปัญหำและอปุ สรรค นกั เรียนบางสว่ นยังขาดความสนใจในการเรียน และยงั ไม่ค่อยใฝ่เรียนรู้ 3. แนวทำงแกป้ ัญหำ/ข้อเสนอแนะ ใช้เทคนิคการสอนที่ตรงกับสภาพของนักเรียน และมีการกระตุ้นความสนใจโดยการมีกิจกรรม ให้นกั เรียนไดม้ ีส่วนรว่ มมากข้นึ ลงชือ่ ……….........………….......….…..……. ผสู้ อน ( นายยงยุทธ์ ออ่ นนวล ) ตาแหนง่ : ครู 4. ควำมคิดเห็นของผู้อำนวยกำรโรงเรียน ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…… ลงช่อื ………...………….......…...........…..…….…. (นางสาวรพีพรรณ กีตา) ผูอ้ านวยการโรงเรยี น
268 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 13 หน่วยท่ี 2 พุทธประวตั แิ ละชาดก เรื่อง ศำสนพิธี สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลา 3 ชัว่ โมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ผ้สู อน นายยงยทุ ธ์ ออ่ นนวล ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด ศาสนพิธีถือเป็นระเบยี บแบบแผนทางศาสนาที่ไดก้ าหนดไว้ใหพ้ ุทธศาสนกิ ชนทุกคนได้ยึดถือ และปฏบิ ตั ิเปน็ แบบอย่างเดียวกัน ตวั ชว้ี ดั /จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 2.1ตัวช้วี ัด ส 1.2 ม.4-6/2 ปฏบิ ตั ิตนถกู ต้องตามศาสนพิธี พิธีกรรมตามหลกั ศาสนาท่ีตนนับถอื 2.2 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ปฏิบัตติ นถูกต้องตามศาสนพธิ ี พิธกี รรมตามหลักศาสนาที่ตนนับถอื 2) บอกคุณค่าและประโยชนข์ องศาสนพธิ ีได้ สำระกำรเรยี นรู้ 3.1สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 1) ประเภทของศาสนพิธีในพระพทุ ธศาสนา - ศาสนพธิ ีเนื่องดว้ ยพุทธบัญญตั ิ เช่น พธิ แี สดงตนเป็นพทุ ธมามกะ พธิ เี วียนเทียน ถวายสังฆทาน ถวายผา้ อาบนา้ ฝน พธิ ที อดกฐนิ พธิ ีปวารณา - ศาสนพิธีทน่ี าพระพุทธศาสนาเข้าไปเกี่ยวเนอื่ ง เช่น การทาบุญเลีย้ งพระในโอกาส ต่างๆ 2) ความหมาย ความสาคัญ คตธิ รรมในพธิ ีกรรม บทสวดมนตข์ องนักเรยี น งานพธิ ี คณุ ค่าและประโยชน์ 3) พิธีบรรพชาอุปสมบท คณุ สมบตั ิของผูข้ อบรรพชาอปุ สมบท เคร่อื งอฏั ฐบริขาร ประโยชน์ของการบรรพชาอปุ สมบท 4) บญุ พธิ ี ทานพิธี กุศลพธิ ี 5) คณุ ค่าและประโยชน์ของศาสนพธิ ี 3.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่ -
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265