หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง พินจิ พิจารณ์ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 208 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทกลอนสุภาพ เวลา ๑ ชั่วโมง ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย ขนั้ สรุป ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปความรู้และหลกั ในการอา่ นออกเสียง บทร้อยกรองประเภทกลอนสุภาพ และนัดหมายเพื่อประเมินผลการอ่านออก เสยี งบทร้อยกรองเปน็ รายบคุ คล 201
209220029 การวดั และประเมินผล สิ่งทตี่ ้องการวัด/ประเมิน วธิ กี าร เครื่องมือทใี่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. ความหมายการอ่าน สงั เกต แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ การเรียน ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ออกเสยี งบทร้อยกรอง ๒. หลักการอ่านออกเสยี ง อ่านบทร้อยกรอง ดา้ นทักษะและกระบวนการ อ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง ๑.ประเมินการอา่ นออก ๑.แบบประเมินการอา่ นออก ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ประเภทกลอนได้ เสียงบทร้อยกรอง เสียงบทรอ้ ยกรอง รอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป ๒.สงั เกตพฤติกรรมการ ๒.แบบสังเกตพฤตกิ รรมการ ทางานกลุ่ม ทางานกลมุ่ ดา้ นคุณลักษณะ 1. มีวนิ ยั ประเมินจากคณุ ลักษณะ แบบประเมินคณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ 2. ใฝ่เรียนรู้ ระดบั ๒ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน ๔. รกั ความเปน็ ไทย ๘. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ....................................................... ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ....................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................................................................. ....... ลงชื่อ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ท.่ี ............เดือน...............พ.ศ…………. ๙. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารหรอื ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. ....................................................... .............................................................................................................................................. ...................................... ลงช่อื ...................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) วนั ท่.ี ............เดอื น...............พ.ศ………….
210220130 ใบความรู้ เรอื่ ง การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง หน่วยที่ ๓ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑ เรื่อง การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรองประเภทกลอนสุภาพ รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง เป็นการอ่านทม่ี งุ่ ให้เกดิ ความเพลดิ เพลนิ ซาบซึง้ ในรสของบทประพนั ธ์ ซง่ึ ต้องอา่ นอย่างมีจังหวะ ลีลา และท่วงทานองตามลกั ษณะคาประพันธแ์ ต่ละชนิด มวี ิธีออกเสียงได้ ๒ อยา่ ง คือ ออกเสียงการอ่านร้อยแกว้ และทานองเสนาะ ๑. การอา่ นออกเสียงการอ่านร้อยแกว้ ต้องคานงึ ถึงวรรคและจังหวะคาภายในวรรคของคาประพนั ธ์แตล่ ะ ชนดิ ๒. การอา่ นออกเสยี งร้อยกรองทานองเสนาะ มีหลกั เกณฑ์ ดังนี้ ๑) ใชท้ านองตามชนิดของคาประพนั ธ์ ๒) ออกเสียงตามแผนบงั คับของคาประพนั ธแ์ ต่ละชนิด บางครง้ั ต้องรวบคาหลายพยางคใ์ ห้ส้นั ลงให้ พอดีกบั จานวนคาตามแผนบังคบั ๓) คาท้ายบาทและทา้ ยบทท่ีเปน็ เสียงจตั วาเอ้ือนเสยี งสูงเป็นพเิ ศษ หลกั การอ่านออกเสยี งรอ้ ยกรอง หลักเกณฑ์ท่ัวไปในการอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ฟองจันทร์ สุขย่ิง และคณะ,2554:6, วาสนาบุญสม, 2541: 26) มดี งั นี้ ๑. ศึกษาลกั ษณะบังคับของคาประพนั ธ์ท่ีจะอา่ น เชน่ จานวนคา สัมผัส เสยี งวรรณยกุ ต์ เสยี งหนกั เบา รจู้ ักการแบง่ วรรคตอน อา่ นตามจงั หวะทานองเสนาะ โดยอา่ นให้ชัดเจนและใส่อารมณต์ ามใจความนนั้ ๒. อา่ นเนน้ คาในตาแหน่งสมั ผัสนอก ๓. อา่ นเอือ้ สัมผัสในเพ่ือเพม่ิ ความไพเราะเชน่ อนั รกั ษาศลี สตั ยก์ ตเวที อา่ นวา่ กดั -ตะ-เวที เพ่ือให้ สัมผสั กับ สัตย์ ๔. อา่ นถกู ต้องตามท่วงทานองเสนาะของคาประพนั ธแ์ ตล่ ะชนิด ๕. อ่านออกเสียงคาให้ชัดเจน ถูกตอ้ ง โดยเฉพาะคาท่ีออกเสียง ร ล และ คาควบกล้า ๖. อ่านเสยี งดงั พอสมควรท่ผี ู้ฟังจะไดย้ ินทวั่ ถงึ ไมด่ งั หรอื คอ่ ยจนเกนิ ไป ๗. อ่านมีจังหวะ วรรคตอน รจู้ ักทอดจงั หวะ เอ้อื นเสยี ง หรือหลบเสียง ๘. คาท่มี พี ยางคเ์ กนิ ใหอ้ ่านเรว็ และเบา เพื่อใหเ้ สยี งไปตกอยพู่ ยางคท์ ่ีต้องการ ๙. มีศลิ ปะในการใชเ้ สียง รจู้ ักเออ้ื นเสยี งใหเ้ กิดความไพเราะ และใชเ้ สียงแสดงความรู้สึกใหเ้ หมาะ
211221041 กับข้อความเพ่ือรักษาบรรยากาศของเรื่องท่ีอ่าน เมื่ออ่านถึงตอนจะจบต้องเอ้ือนเสียงและทอดจังหวะให้ช้าลง จนกระท่งั จบบท การเตรียมตัวกอ่ นการอา่ นออกเสยี ง การเตรียมตัวกอ่ นการอา่ นออกเสยี ง (จไุ รรตั น์ ลกั ษณะศริ ิและบาหยัน อิ่มสาราญ, 2547: 26) มีดังนี้ 1) อ่านบทให้เข้าใจการอ่านให้ผู้อื่นฟัง มีวัตถุประสงค์สาคัญเพ่ือให้ผู้ฟังรับรู้และเข้าใจตรงตาม เนื้อหาสาระท่ีอ่าน ฉะน้ันผ่านจึงต้องเข้าใจข้อความนั้นเสียก่อนเพ่ือความม่ันใจ และเพื่อความเข้าใจท่ีตรงกัน ระหวา่ งผสู้ ่งสารและผรู้ ับสาร ข้อความใดทอี ่านไม่เขา้ ใจหรอื สงสยั ว่าจะผดิ พลาด ต้องตรวจสอบเสยี กอ่ น 2) ทาเครื่องหมายแสดงจังหวะการอ่าน ในการอ่านเราควรทาเคร่ืองหมายลงในบทว่าตอนใดควร หยุด คาใดควรเน้น และคาใดควรทอดจังหวะ การทาเคร่ืองหมายในบทในมีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่โดยทางที่นิยม ปฏบิ ัติกัน มักทาเคร่อื งหมายง่าย ๆ ดังนี้ ก. เคร่ืองหมายขีดเฉียงขีดเดยี ว ( / ) ขดี ระหว่างคา แสดงการหยุดเว้นนิดหนึง่ เพราะมีคาหรือ ขอ้ ความอืน่ ต่อไปอีก การอ่านตรงคาทีม่ ีเครอ่ื งหมายนีจ้ ึงไม่ควรลงเสียงหนกั เพราะยงั ไม่จบประโยค ข. เคร่อื งหมายขดี เฉียงสองขีด ( // ) ขดี หลังประโยคหรือระหวา่ งคาเพ่ือแสดงใหร้ วู้ ่าให้หยุดเว้น นานหนอ่ ย ค. เครือ่ งหมายวงกลมลอ้ มคา เพ่ือบอกว่าเปน็ คาท่สี งสยั หรอื ไม่แน่ใจวา่ อา่ นอยา่ งไร ง. คาทีต่ อ้ งการเน้นให้ขีดเส้นใต้ที่คานัน้ จ. คาใดที่ทอดจังหวะ ให้ทาเส้นโค้งท่ีส่วนบนของคาน้ัน ( ⌒ ) ฉ. เครือ่ งหมายมุมคว่าหรือหมวกเจ๊กคว่า ( ^ ) แสดงวา่ ขอ้ ความนน้ั จะเน้นเสยี งขึ้นสงู และมมุ หงายหรือหมวกเจ๊กหงาย (v) แสดงการเน้นเสยี งลงต่า ๓) ซ้อมอา่ นให้คล่อง หลงั อ่านบทจนเข้าใจและทาเครอื่ งหมายแสดงจงั หวะการอ่านแล้ว ควรซอ้ ม อ่านใหค้ ล่องโดยใช้ไมโครโฟนเพอื่ ให้ผู้อื่นช่วยสังเกต หรอื บันทกึ เสยี งไวใ้ นเทปเพอื่ ฟงั และแก้ไขขอ้ บกพร่องของ ตวั เอง อาจต้องซ้อมหลายครง้ั จนกวา่ จะแก้ไขไดเ้ ป็นทนี่ ่าพอใจ การอา่ นกลอนสุภาพ กลอนสภุ าพ หรือกลอนแปด เป็นคาประพันธ์ประเภทหน่งึ ทม่ี จี านวนคาแต่ละวรรคประมาณ ๗ - ๙ คา แต่ท่ีนิยมคอื ๘ คา การอา่ นกลอนสภุ าพนิยมอา่ นเสียงสูง ๒ วรรค และเสยี งต่า ๒ วรรค การอ่านแบง่ จังหวะวรรคในการอ่านแบ่งดงั น้ี วรรคละ ๗ คา อา่ น ๒ / ๒ / ๓/ OO /OO/OOO วรรคละ ๘ คา อ่าน ๓ / ๒ / ๓/ OOO /OO/OOO วรรคละ ๙ คา อา่ น ๓ / ๓ / ๓/ OOO /OOO/OOO
212221025 บทอ่านร้อยกรองประเภทกลอนสุภาพ เร่ือง นริ าศภูเขาทอง หนว่ ยท่ี ๓ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรองประเภทกลอนสภุ าพ รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ มาถงึ บางธรณีทวโี ศก ยามวิโยคยากใจใหส้ ะอน้ื โอส้ ุธาหนาแนน่ เป็นแผ่นพน้ื ถงึ สห่ี มื่นสองแสนทั้งแดนไตร เมอ่ื เคราะห์รา้ ยกายเราก็เท่านี้ ไมม่ ีที่พสุธาจะอาศัย ล้วนหนามเหนบ็ เจบ็ แสบคับแคบใจ เหมอื นนกไร้รงั เรอ่ ยเู่ อกา ถงึ เกร็ดยา่ นบา้ นมอญแตก่ อ่ นเก่า ผหู้ ญงิ เกล้ามวยงามตามภาษา เดีย๋ วนม้ี อญถอนไรจกุ เหมอื นตกุ๊ ตา ทง้ั ผัดหน้าจบั เขมา่ เหมือนชาวไทย โอ้สามญั ผันแปรไมแ่ ทเ้ ทย่ี ง เหมือนอยา่ งเย่ียงชายหญงิ ท้งิ วิสยั นหี่ รือจติ คิดหมายมีหลายใจ ทจ่ี ิตใครจะเปน็ หนึง่ อย่าพึงคิด ถงึ บางพดู พดู ดีเป็นศรศี กั ด์ิ มคี นรักรสถ้อยอร่อยจิต แมพ้ ดู ชัว่ ตวั ตายทาลายมิตร จะชอบผิดในมนษุ ยเ์ พราะพูดจา (นิราศภูเขาทอง : สนุ ทรภ)ู่
215 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๓ เรือ่ ง พนิ จิ พจิ ารณ์ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ เวลา ๑ ชัว่ โมง กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรอ่ื ง นิราศภเู ขาทอง ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเน้อื หา รายวชิ าพืน้ ฐานภาษาไทย หลักการสรปุ เนือ้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรม จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ ด้านความรู้ ข้ันนา 1. ภาพสนุ ทรภู่ 1. ครูให้นักเรียนดูรูปเจดีย์ภูเขาทองจากจังหวัดอยุธยา แล้ว 2. ภาพเจดยี ภ์ เู ขาทอง ๑. มีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั ทีม่ าและ สนทนาว่านักเรียนรู้จักสถานที่ในภาพหรือไม่ และเพราะเหตุใด 3. ใบความร้เู ร่ือง นริ าศภูเขาทอง จดุ ประสงคใ์ นการแต่งนิราศภูเขาทอง นกั เรียนจึงร้จู ัก (ซองนักปราชญ์) 2. ครูกล่าวเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า สถานท่ีในภาพคือ เจดีย์ ๔. ใบงานเรอ่ื ง การสรปุ ความรู้เบือ้ งต้นเรื่อง ๒. บอกชวี ประวตั ิของปผแู้ระตว่งัตไดิส้ ุนทรภู่ ได้ ภูเขาทอง ที่ต้ังอยู่ในวัดภูเขาทอง เป็นวัดโบราณในจังหวัด นิราศภูเขาทอง ๓. บอกลักษณะคาประพนั ธข์ องนริ าศ เนื้อหา พระนครศรีอยุธยา เก่ียวข้องกับวรรณคดีนิราศที่มีชื่อเสียงของ ภาระงาน/ชนิ้ งาน และเรอื่ งย่อนิราศภูเขาทองได้ สุนทรภ่กู ็คอื นิราศภูเขาทอง (ภาพสุนทรภ)ู่ ครมู อบหมายใหน้ กั เรียนอา่ นวรรณคดี ด้านทกั ษะและกระบวนการ ขนั้ สอน เรือ่ งนริ าศภูเขาทองฉบับสมบูรณ์ สรปุ เนอ้ื หาวรรณคดเี ร่ืองนิราศภูเขาทองได้ 1. แบ่งกลุม่ นักเรียนเป็น 4 กลุม่ ส่งตวั แทนออกมาจับสลาก ดา้ นคณุ ลักษณะ เลอื กเรื่องเพื่อศึกษาใบความรู้เรอ่ื ง นิราศภเู ขาทอง 1. มวี ินัย (ซองนักปราชญ์) ตามลาดบั ต่อไปน้ี 2. ใฝ่เรยี นรู้ 1) ทีม่ าและจดุ ประสงคใ์ นการแตง่ นริ าศภเู ขาทอง 3. มุ่งม่ันในการทางาน 2) ประวัติสุนทรภู่ ๔. รกั ความเปน็ ไทย 3) ลกั ษณะคาประพันธ์ 4) เนอ้ื หาและเรือ่ งยอ่ นริ าศภูเขาทอง เมื่อนกั เรยี นศึกษาใบความรู้เรื่อง นิราศภูเขาทอง (ซองนักปราชญ์) แลว้ ใหเ้ ขียนสรปุ ความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศึกษาขอ้ มูล ลงในกระดาษที่ครแู จกให้ จากนน้ั ให้นกั เรยี นเปลีย่ นซองกับเพ่ือน กล่มุ อนื่ เพอื่ ศึกษาความรเู้ รื่องต่อไปจนครบทุกเรอ่ื ง และเขียน 221085
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓ เรอื่ ง พนิ จิ พจิ ารณ์ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ 216 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรื่อง นิราศภเู ขาทอง เวลา ๑ ช่วั โมง ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ รายวชิ าพ้ืนฐานภาษาไทย กิจกรรมการเรยี นรู้ สรุปความรทู้ ่ีไดจ้ ากการศกึ ษาโดยกาหนดเวลาในการสรุปความรู้ แต่ละกลมุ่ ครัง้ ละ 5 – 7 นาที 2. แตล่ ะกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมานาเสนอผลการศึกษาใบความรู้ เร่ือง นริ าศภูเขาทอง (ซองนกั ปราชญ์) 3. นักเรยี นทาใบงานเร่อื ง การสรุปความรูเ้ บื้องตน้ เร่ืองนิราศ ภเู ขาทอง ขน้ั สรปุ ครูใช้คาถามเพ่ืออภิปรายสรุปความรู้เก่ียวกับนิราศภูเขาทอง ที่มาจุดประสงค์ในการแต่งนิราศภูเขาทอง ประวัติผู้แต่ง ลักษณะ คาประพันธ์ เนื้อหาและเร่ืองย่อนิราศภูเขาทองและประโยชน์ท่ี ไดร้ บั จากการเรยี น 209
217 221170 การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการ เครื่องมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ สิ่งทตี่ ้องการวดั /ประเมิน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ การทางานกลมุ่ ทางานกล่มุ ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ด้านความรู้ ๑. มีความร้คู วามเข้าใจเก่ียวกับท่ีมาและ ตรวจใบงาน ใบงานเรือ่ ง การสรปุ ความรู้ ผา่ นเกณฑ์การประเมิน จุดประสงคใ์ นการแต่งนิราศภูเขาทอง ประเมินจาก เบื้องตน้ เรื่องนิราศภูเขาทอง รอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ๒. บอกชีวประวตั ิของประวัติสุนทรภู่ ได้ คณุ ลักษณะ แบบประเมนิ คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ ๓. บอกลักษณะคาประพันธข์ องนริ าศ ระดบั ๒ เน้อื หาและเร่ืองย่อนิราศภเู ขาทองได้ ดา้ นทักษะและกระบวนการ สรปุ เนอ้ื หาวรรณคดีเรื่องนริ าศภเู ขาทอง ได้ ดา้ นคณุ ลักษณะ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. ม่งุ มัน่ ในการทางาน ๔. รกั ความเปน็ ไทย ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ....................................................... ปัญหาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ....................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................................................................... ..... ลงชื่อ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันท่ี.............เดอื น.....................พ.ศ……….. ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชอ่ื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันท่.ี ............เดือน.....................พ.ศ………..
218221181 ใบความรู้เร่อื ง นิราศภเู ขาทอง (ขซองนักปราชญ)์ หน่วยท่ี ๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ ๒ เรื่อง นิราศภเู ขาทอง รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ทีม่ าและจุดประสงค์ในการแตง่ นริ าศภเู ขาทอง สุนทรภู่แต่งเร่ืองนิราศภูเขาทองเมื่อปี 2373 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จ สวรรคตไปแล้ว 6 ปี (สวรรคตปี 2367) เพื่อเล่าเรื่องการเดินทางจากวัดราชบุรณ ะหรือวัดเลียบ ไปนมสั การพระเจดียภ์ ูเขาทองทีจ่ ังหวัดพระนครศรีอยุธยาหลังจากออกพรรษาแล้ว (กระทรวงศึกษาธิการ, 2554: 13) ประวัติสนุ ทรภ่โู ดยสังเขป สุนทรภู่เป็นกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และ วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ให้เปน็ บุคคลท่ีมผี ลงานดเี ดน่ ดา้ นวรรณกรรม ประวัติของทา่ นโดยสงั เขป มีดงั นี้ (ชลดา เรืองรักษล์ ขิ ิต, 2551) สุนทรภเู่ ปน็ กวที ี่มชี ่วงชีวิตอยู่ในสมัยรัตนโกสินทรต์ อนต้นต้ังแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรชั กาลที่ 4 ทา่ นเปน็ สามัญ ชน แต่มชี ีวติ ท่ีเขา้ ไปเกยี่ วขอ้ งกับราชสานักตง้ั แตป่ ฐมวยั จนถงึ ปจั ฉิมวยั ชื่อ สุนทรภู่ เป็นชื่อทคี่ นท่ัวไปเรียกกวีท่าน นี้ โดยนาคา สุนทร จากบรรดาศักดิ์ \"ขุนสุนทรโวหาร\" \"หลวงสุนทรโวหาร\" และ \"พระสุนทรโวหาร\" ทที่ ่านได้รับพระราชทานในรัชกาลท่ี 2 และรัชกาลท่ี 4 มารวมกับคาว่า ภู่ ซึ่งเป็นชื่อเดิม และเรียกมาแตค่ ร้ังท่าน ยังมชี วี ติ อยู่ สนุ ทรภู่เกิดเมื่อวันจันทร์ท่ี 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 ที่บา้ นของบิดามารดาริมคลองบางกอกน้อย ธนบุรี ใกล้บริเวณพระราชวังหลัง (ปัจจุบันสถานท่ีบริเวณพระราชวังหลัง คือ บริเวณท่ีเป็นสถานีรถไฟบางกอกน้อย โรงพยาบาลศิริราช และบริเวณใกล้เคียง) ท่านมีใจรักด้านกาพย์กลอนมาตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อเติบโตข้ึนก็ได้รับการ ถา่ ยทอดวิชาวรรณคดีและการประพันธจ์ ากพระภิกษุที่เป็นอาจารย์ ท้ังน้ีท่านยงั ศึกษาและเพ่ิมพูนประสบการณ์ใน การประพันธ์ โดยการรับจ้างแต่งเพลงยาวและบทดอกสรอ้ ยสักวา ดว้ ยลีลากลอนที่มีลักษณะเฉพาะตัวและคารมที่ คมคาย จงึ ทาใหส้ ุนทรภ่เู รม่ิ เป็นทรี่ ูจ้ ักในวงกวี ช่วงชีวิตที่ รุ่งเรืองขอ งสุน ท รภู่ คื อ ใน รัช สมั ยพ ระบ าท สม เด็จพ ระพุ ท ธเลิศ ห ล้าน ภ าลั ย เม่อื พระองคโ์ ปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับราชการในกรมพระอาลกั ษณ์ สุนทรภไู่ ด้แสดงความสามารถในเชิงกลอน จนเป็น ที่พอพระราชหฤทัยหลายคร้ัง ด้วยความดีความชอบดังกล่าว สุนทรภู่จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุน สนุ ทรโวหาร มหี น้าท่เี ป็นกวที ี่ทรงปรกึ ษาในการทรงพระราชนพิ นธบ์ ทกวีเร่ืองต่าง ๆ และโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ามเสด็จ อย่างใกล้ชิด แต่ด้วยนิสัยท่ีชอบดื่มสุราอยู่เป็นนิจจึงทาให้ชีวิตบางช่วงตกต่าและชีวิตครอบครัวไม่ราบร่ืน เช่น คร้ังหนึ่งสุนทรภู่เมาสุรา แล้วไปทาร้ายญาติผู้ใหญ่ของภรรยา จึงถูกนาตัวไปขังคุก แต่ไม่นานก็พ้นโทษ และตอนปลายรชั กาลสุนทรภู่ไดเ้ ล่ือนบรรดาศักด์เิ ป็นหลวงสุนทรโวหาร ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทาให้สุนทรภู่จงรักภักดี เทิดทูน และราลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ ดังป รากฏในงานนิพนธ์หลายเรื่องของท่าน ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เช่น ในนิราศพระประธม นิราศภูเขาทอง ตอนผ่านตาบลสามโคก และในเร่ืองพระอภัยมณี โดยกาหนดให้
219221129 วันสวรรคตของท้าวสทุ ัศน์ และพระมเหสี ซ่ึงเป็นพระบิดาและพระมารดา ของพระอภัยมณีและศรีสุวรรณ ตรงกับ วันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย อีกท้ังยังได้บรรยายความโศกสลดของพระอภัยมณี ไวอ้ ย่างสะเทอื นใจ เม่ือพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต และพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว เสดจ็ ข้ึนครองราชย์ ชีวติ ราชการของสุนทรภู่ในฐานะกวีที่ทรงปรกึ ษาก็ส้ินสุดลง สุนทรภู่ออกจากราชการและออก บวช ด้วยเห็นว่าตนไม่มีที่พึ่งและเกรง \"ราชภัย\" จากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากสุนทรภู่เคย ท้วงติงและแก้กลอนพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคร้ังดารงพระราชอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอกรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์ ในที่ประชุมกวีราชสานัก จนทาให้ไม่พอพระราชหฤทัย ในรชั กาลท่ี 3 เป็นชว่ งที่สุนทรภู่ออกบวช และลาสกิ ขา แลว้ ออกบวชอีกคร้ังหน่ึง ซึ่งได้รับการอุปการะจากเจ้านาย หลายพระองค์จนกระทงั่ ถึงแกก่ รรมใน พ.ศ. 2398 ขณะมีอายุ 69 ปี ความเป็นนิราศ นิราศ ตามความหมายจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ หมายถึง ไปจากระเหระหน ปราศจากและเรื่องราวทีพ่ รรณนาถึงการจากกันหรือจากทอี่ ยู่ไปในที่ตา่ งๆ เป็นต้น มักแต่งเป็นกลอนหรือโคลง เช่น นิราศนรนิ ทร์ นริ าศเมอื งแกลง นิราศเป็นวรรณกรรมที่นิยมแต่งมาต้ังแต่สมัยอยุธยา เดิมนิยมแต่งเป็นโคลง ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ นิยมแต่งเป็นกลอน ลักษณะเด่นของนิราศอยู่ท่ี “การพรากจากคนรัก” ซ่ึงอาจจะจากกันจริงหรือสมมุติขึ้นก็ได้ และมี “การครา่ ครวญ” รวมทั้ง “การเดินทาง” การตั้งช่ือเร่ืองนิราศ มักตามผู้แต่ง เช่น นิราศนรินทร์ หรือตั้งตามสถานที่ท่ีเป็นจุดหมายปลายทาง เช่น “นิราศลอนดอน” นิราศเมืองแกลง เป็นต้น หรือเรียกตามเน้ือหาที่พรรณนา เช่น นิราศอิเหนา นิราศเดือน (พรรณนาตามเดอื นต่าง ๆ)เป็นตน้ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ลักษณ ะคาประพันธ์ในนิราศภูเขาทองคือ กลอนนิราศ ซ่ึงก็คือกลอนสุภาพ หากแต่ต่างกัน ที่กลอนนิราศจะขึ้นต้นด้วยวรรคท่ีสอง แล้วแต่งไปเรื่อยๆ จนจบบท วรรคสุดท้ายจะลงท้ายด้วยคาว่า “เอย” มักบรรยายและพรรณนาถึงสถานที่ อารมณ์รัก และคร่าครวญถึงสตรีอันเป็นท่ีรัก โดยเอาไปผูกพัน กบั ธรรมชาตหิ รือสถานทที่ ่ีพบเหน็ เรือ่ งยอ่ นิราศภูเขาทองมีความยาว 176 คากลอน เป็นนิราศเรื่องที่ส้ันท่ีสุดของสุนทรภู่ เร่ิมเร่ืองด้วยการปรารภ ถึงสาเหตุท่ีต้องออกจากวัดราชบุรณะและการเดินทางโดยเรือพร้อมหนูพัดซ่ึงเป็นบุตรชาย ล่องไปตามลาน้า เจ้าพระยาผ่านพระบรมมหาราชวัง จนมาถึงวัดประโคนปัก ผ่านโรงเหล้า บางจาก บางพลู บางพลัด บางโพ บา้ นญวน วัดเขมา ตลาดแก้ว ตลาดขวัญ บางธรณี เกาะเกรด็ บางพูด บางเดื่อ บางหลวงเชิงราก สามโคก บ้านง้ิว เกาะราชคราม จนถึงกรุงเก่าเมื่อเวลาเย็น โดยจอดเรือพักทีท่าน้าวัดพระเมรุ ครั้นรุ่งเช้าจึงไปนมัสการเจดีย์ภูเขา ทอง ส่วนขากลับสุนทรภู่กล่าวแต่เพียงว่า เม่ือถึงกรุงเทพได้จอดเรือเทียบที่ท่าน้าหน้าวัดอรุณราชวรรามร าช วรมหาวหิ าร (ฟองจนั ทร์ สขุ ยิ่ง และคณะ, 2554: 6)
220221230 คณุ ค่าท่ีปรากฏ 1) คณุ ค่าดา้ นเนื้อหา เนื้ อ ห าท่ี ป ราก ฏ ใน นิ ร าศ ภู เข าท อ ง แ ส ด งให้ เห็ น ถึ งค ว าม ร อ บ รู้แ ล ะ ค ว าม ช่ างสั งเก ต ของสุนทรภู่ได้เป็นอย่างดี เน่ืองจากสุนทรภู่ได้บันทึกเร่ืองราวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตนได้พบเห็นตลอดเส้นทาง ตั้งแต่ออกจากวัดราชบุรณะจนถึงจังหวัด ซ่ึงสะท้อนสภาพบ้านเมืองและสังคมของวิถีชีวิตผู้คนริมฝั่งแม่น้า เจา้ พระยาในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อาทิ การตดิ ต่อค้าขาย การต้งั บ้านเรอื น ชุมชนชาวตา่ งชาติ การละเล่น และงานมหรสพเป็นต้นทั้งยังแทรกตานานสถานที่ ความเชือ่ ของคนไทย และแง่คดิ เกยี่ วกบั ความจรงิ ของชวี ติ 2) คณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์ นิราศภภูเู ขาาททอองงมมีคคี ววาามมดดีเดีเด่น่นททาางวงวรรณรณศศิลลิปป์อย์อ่ายง่างงดงงดางมามแมแ้สมุน้สทุนรทภรู่จภะจู่ใชะ้ถใช้อ้ถย้อคยาธคร�ำ รธมรดรามสดาามสัญามในญั กใานร กปารระปพรันะธพ์ ันแตธ์่ทแวต่าท่ กว็ม่าคี กว็มาคี มวลาึกมซลึ้งกซสงึ้ะเสทะอื เทนอื นารอมาณรม์ ณแล์ แะลสะรส้างรจา้ งินจตินภตาภพาไพดไ้อดยอ้ า่ ยง่าชงัดชเัดจเนจนท้ังทกง้ั ากราเรลเ่นล่นเสเสียยีงสงสัมัมผผัสัส การใช้ ความเปรียบกนิ ใจ การใช้คาเพอ่ื สร้างจินตภาพ แผนที่การเดินทางเรอ่ื งนริ าศภูเขาทอง
221222141 ใบงานเร่อื ง การสรปุ ความรเู้ บอื้ งต้นเร่ืองนิราศภูเขาทอง หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ เรอื่ ง นริ าศภูเขาทอง รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นสรปุ ความรู้เบ้ืองตน้ จากเร่ืองนริ าศภูเขาทอง ๑๒ ท่ีมาและจุดประสงค์ในการแต่ง ประวตั สิ ุนทรภู่ นิราศภเู ขาทอง ……………………………………………… …………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………… ……………………………………………… …………………………………………… นริ าศภูเขาทอ……ง………………………………………………………………………………………… …………………………………………… ……………………………………………๔… …๓………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………ค…………………………………………………ว………………………า………….……………ม…………………………เ………………………ป..………………………็น………………………น………………………………………………ิรา………………………………………………ศ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………ล…………………ัก………………………………………ษ…………………ณ…………………ะ……………………………………ค…………………า…………………ป……………………………………ระ……………………………………พ…………………นั …………………ธ…………………์……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………… …………………………………………… …………………………………………… ……………………………………………
222 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๓ เรอื่ ง พินจิ พจิ ารณ์ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ เวลา ๑ ชวั่ โมง กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เรื่อง นริ าศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเนือ้ หา หลกั การอธิบายคุณคา่ ของวรรณกรรมและ รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย วรรณคดี จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ดา้ นความรู้ ข้นั นา ๑. หนังสอื เรยี นวรรณคดวี ิจักษ์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 อธิบายคณุ คา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรม ครูซกั ถามนักเรยี นเกย่ี วกับสถานทที่ สี่ ุนทรภ่เู ดนิ ทางผ่านเมื่อ ๒. ใบงานเรอ่ื ง วิเคราะห์คุณค่าจากเร่อื งนิราศ เรือ่ งนริ าศภเู ขาทองได้ ครงั้ เดนิ ทางไปนมสั การเจดีย์ภเู ขาทอง จากน้นั เชอ่ื มโยงเข้าสู่ ภเู ขาทอง ด้านทักษะและกระบวนการ บทเรยี นเกี่ยวกับเน้ือเร่ืองและคณุ ค่าท่ไี ด้รบั จากการอา่ นเรื่อง ๓. แบบทดสอบเรื่อง นริ าศภเู ขาทอง วเิ คราะหค์ ุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรม นิราศภูเขาทอง โดยถามนักเรียนว่าเรอ่ื งนิราศภูเขาทองมคี ุณคา่ เร่ืองนริ าศภเู ขาทองได้ เร่อื งใดบ้าง ภาระงาน/ชน้ิ งาน ด้านคณุ ลักษณะ ขน้ั สอน สรุปความรู้เกี่ยวกบั เรื่องนิราศภูเขาทองในรปู แบบ 1. ครูเลา่ เรอื่ งย่อนริ าศภูเขาทองให้นกั เรยี นฟงั จากนั้นร่วมกนั ของแผนภาพความคิด 1. มีวนิ ยั อภิปรายถงึ เส้นทางการเดนิ ทางทีส่ นุ ทรภใู่ ชเ้ ดนิ ทางไปยังเจดยี ์ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ภูเขาทองโดยนักเรียนใชห้ นงั สือเรียนวรรณคดีวิจกั ษ์ 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ประกอบ ๔. รกั ความเปน็ ไทย 2. แบง่ กลุม่ นกั เรียน กลุ่มละ ๔ คน เพื่อร่วมกนั ศึกษาเน้ือหา วรรณคดีเร่ือง นริ าศภเู ขาทองจากหนงั สือเรียนและทาใบงาน เร่อื ง วิเคราะห์คุณคา่ จากเรื่องนริ าศภเู ขาทอง ๓. ครใู หต้ ัวแทนนักเรยี น ๑ - ๒ กลุ่ม ออกมานาเสนอผลงาน การทาใบงานเรือ่ ง วิเคราะห์คุณค่าจากเรอื่ งนริ าศภูเขาทอง จากนั้นครูใหข้ ้อเสนอแนะทถี่ ูกตอ้ ง ๓. นักเรยี นทาแบบทดสอบเรอื่ ง นริ าศภูเขาทอง 222125
จากน้ันครูให้ข้อเสนอแนะทถี่ ูกต้อง ๓. นักเรยี นทาแบบทดสอบเรอื่ ง นริ าศภูเขาทอง หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๓ เรอ่ื ง พินิจพจิ ารณ์ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๓ 223 กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย เรื่อง นิราศภูเขาทอง เวลา ๑ ชว่ั โมง ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับคุณค่าท่ีได้รับจาก เร่ืองนิราศภูเขาทอง จากนั้นมอบหมายงานให้นักเรียนสรุป ความรู้เกี่ย วกับ เร่ือ งนิ ร าศภู เขาท องใน รู ปแบ บ ของแผ น ภ าพ ความคดิ 216
224222174 การวัดและประเมินผล สง่ิ ทีต่ ้องการวดั /ประเมิน วธิ ีการ เครือ่ งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ อธบิ ายคุณค่าของวรรณคดี สังเกตพฤติกรรมการ การทางานกลมุ่ ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป เรื่องนิราศภูเขาทองได้ ทางานกลุ่ม ดา้ นทักษะและกระบวนการ ๑. ตรวจใบงาน ๑. ใบงานเรื่อง วเิ คราะห์ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ วเิ คราะห์คุณคา่ ของ วรรณคดีเร่ืองนริ าศ ๒. ตรวจแบบทดสอบ คณุ ค่าจากเร่ืองนิราศ ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ภูเขาทองได้ ๓. ประเมนิ ความสามารถ ภูเขาทอง ในการเขยี นแผนภาพ ๒. แบบทดสอบเรื่อง ความคดิ นิราศภเู ขาทอง ๓. แบบประเมิน ความสามารถในการเขียน แผนภาพความคิด ด้านคุณลักษณะ 1. มีวินยั ประเมนิ จากคุณลักษณะ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ 2. ใฝ่เรียนรู้ ระดับ ๒ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน ๔. รักความเป็นไทย ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ....................................................... ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................. ....................................................................... ลงชื่อ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ที่.............เดอื น....................พ.ศ…….. ๙. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ทไี่ ด้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่อื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ท.่ี ............เดือน....................พ.ศ……..
225222185 ใบงานเรอื่ ง วิเคราะห์คุณคา่ จากเรื่องนริ าศภเู ขาทอง หนว่ ยที่ ๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ ๓ เร่อื ง นริ าศภเู ขาทอง รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ตอนท่ี ๑ ให้นกั เรยี นอ่านบทประพันธ์ท่กี าหนด แล้วตอบคาถาม ๑. ถงึ บางพดู พดู ดีเปน็ ศรศี กั ด์ิ มีคนรกั รสถอ้ ยอรอ่ ยจติ แม้นพูดชว่ั ตัวตายทาลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา นักเรยี นเหน็ ดว้ ยกบั บทประพันธน์ ห้ี รือไม่ อย่างไร ๒. มาจอดทา่ หน้าวดั พระเมรุข้าม ริมอารามเรือเรยี งเคียงขนาน บา้ งข้นึ ล่องรอ้ งราเลน่ สาราญ ทั้งเพลงการเก้ยี วแก้กันแซ่เซง็ บ้างฉลองผา้ ป่าเสภาขบั ระนาดรับรัวคลา้ ยกับนายเส็ง มโี คมรายแลอรา่ มเหมอื นสามเพ็ง เมอื่ คราวเครง่ ก็มิใคร่จะไดด้ ู บทประพนั ธ์น้ีสะท้อนให้เหน็ สภาพสงั คมเปน็ อย่างไร ๓. ถงึ หนา้ วงั ดังหนง่ึ ใจจะขาด คิดถึงบาทบพิตรอดศิ ร โอ้ผ่านเกลา้ เจา้ ประคณุ ของสุนทร แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทกุ เชา้ เย็น พระนพิ พานปานประหนง่ึ ศรี ษะขาด ด้วยไรญ้ าติยากแค้นถงึ แสนเขญ็ ท้งั โรคซ้ากรรมซัดวิบัติเป็น ไมเ่ ล็งเหน็ ที่ซึง่ จะพึ่งพา บทประพนั ธน์ ก้ี ลา่ วถึงบคุ คลใด อยา่ งไร
226222196 ตอนท่ี ๒ ใหน้ ักเรียนวิเคราะห์และอธิบายคุณค่าด้านวรรณศลิ ปจ์ ากวรรณคดเี ร่ือง นริ าศภเู ขาทอง ๑. ถงึ บางเด่ือโอ้มะเดื่อเหลอื ประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวมี่ ีในไส้ เหมือนคนพาลหวานนอกยอ่ มขมใน อุปไมยเหมือนมะเดอ่ื เหลือระอา ๒. ดนู า้ วงิ่ กลง้ิ เชี่ยวเป็นเกลยี วกรอก กลบั กระฉอกฉาดฉัดฉวดั เฉวยี น บ้างพลุ่งพลุง่ วุ้งวงเหมอื นกงเกวียน ดเู วยี นเวยี นควา้ งคว้างเปน็ หว่างวน ๓. เหน็ โศกใหญ่ใกล้นา้ ระกาแฝง ทงั้ รักแซมแซงสวาทประหลาดเหลือ เหมือนโศกพ่ที ี่ระกาก็ชา้ เจือ เพราะรักเรอื้ แรมสวาทมาคลาดคลาย ๔. ไมเ่ หน็ คลองต้องค้างอยู่กลางท่งุ พอหยดุ ยงุ ฉู่ชมุ มารุมกดั เปน็ กลุ่มกลมุ่ กลุ้มกายเหมอื นทรายซัด ตอ้ งนง่ั ปัดแปะไปมิได้นอน ๕. ถึงบา้ นงว้ิ เห็นแต่ง้ิวละลิ่วสงู ไมม่ ฝี ูงสัตว์สิงกิ่งพฤกษา ด้วยหนามดกรกดาษระดะตา นกึ กน็ ่ากลัวหนามขามขามใจ งิว้ นรกสิบหกองคลุ แี หลม ดงั ขวากแซมเสย้ี มแทรกแตกไสว ใครทาชู้ค่ทู ่านคร้นั บรรลยั กต็ ้องไปปนี ต้นน่าขนพอง ความรทู้ ่ีได้รบั จากบทประพันธ์ ขอ้ คิดทีไ่ ด้รับ แนวทางในการนาความรู้และขอ้ คิดไปใช้ในชีวติ ประจาวัน
227222270 เฉลยใบงาน เร่ือง วิเคราะห์คณุ ค่าจากเรอ่ื งนิราศภเู ขาทอง หน่วยที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ ๓ เรื่อง นริ าศภเู ขาทอง รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ตอนท่ี ๑ ใหน้ ักเรียนอ่านบทประพันธ์ที่กาหนดให้ แล้วตอบคาถาม ๑. ถึงบางพดู พดู ดีเปน็ ศรศี ักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอรอ่ ยจติ แม้นพูดช่วั ตวั ตายทาลายมิตร จะชอบผิดในมนุษยเ์ พราะพดู จ นกั เรียนเห็นดว้ ยกับบทประพนั ธ์นี้หรือไม่ อย่างไร ......................................................................................... เหน็ ดว้ ย เพราะการพดู สามารถใหค้ ุณและโทษแก่ผู้พูดได้ ซึ่งถา้ รู้จกั พูด พูดแตส่ งิ่ ดจี ะทาใหเ้ กดิ มงคลแก่ตน มีแต่คนรกั และปรารถนาดี แตถ่ ้าหากพูดไม่ดีก็จะเป็นการสรา้ งศัตรูได้ ๒. มาจอดทา่ หนา้ วดั พระเมรขุ า้ ม ริมอารามเรอื เรียงเคียงขนาน บ้างขน้ึ ล่องร้องราเลน่ สาราญ ทงั้ เพลงการเกี้ยวแก้กันแซ่เซ็ง บา้ งฉลองผ้าป่าเสภาขับ ระนาดรับรัวคล้ายกับนายเสง็ มโี คมรายแลอร่ามเหมือนสามเพ็ง เมื่อคราวเครง่ ก็มใิ ครจ่ ะไดด้ ู บทประพนั ธน์ ้ีสะท้อนให้เหน็ สภาพสังคมเป็นอยา่ งไร สะทอ้ นใหเ้ หน็ วถิ ชี วี ิตของคนท่ีอาศัยอยู่รมิ แมน่ า และการละเลน่ เพ่ือเปน็ การเฉลิมฉลองงานผา้ ปา่ ทีจ่ ดั ขึนในท้องถ่ินทมี่ ีการประดับประดาโคมไฟอยา่ งสวยงาม ๓. ถงึ หนา้ วังดังหนึ่งใจจะขาด คดิ ถงึ บาทบพติ รอดศิ ร โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสนุ ทร แต่ปางกอ่ นเคยเฝ้าทกุ เช้าเย็น พระนพิ พานปานประหน่ึงศีรษะขาด ดว้ ยไรญ้ าติยากแค้นถงึ แสนเข็ญ ทัง้ โรคซ้ากรรมซัดวบิ ตั ิเป็น ไม่เล็งเหน็ ทซี่ ึง่ จะพ่ึงพา บทประพนั ธน์ ีก้ ลา่ วถึงบุคคลใด อยา่ งไร กล่าวถึงพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลัย ซ่ึงพระองคเ์ ปน็ ผ้ทู ่ีมพี ระคุณต่อสุนทรภู่ เมอ่ื สนิ พระองค์ไปแลว้ ทาให้ชีวติ ของสนุ ทรภตู่ ้องตกยาก
228222281 ตอนท่ี ๒ ใหน้ กั เรียนวเิ คราะหแ์ ละอธิบายคณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ปจ์ ากวรรณคดีเรื่อง นิราศภเู ขาทอง ๑. ถงึ บางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลอื ประหลาด บังเกดิ ชาตแิ มลงหวม่ี ีในไส้ เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดอ่ื เหลือระอา มคี วามดีเดน่ ด้านการใชค้ วามเปรียบท่ีลกึ ซงึ กนิ ใจ เขา้ ใจง่าย โดยเปรยี บเทียบให้เหน็ ถงึ คนท่ีมจี ิตใจไม่ดี เปรยี บไดก้ ับผลมะเด่ือทภ่ี ายนอกมีสสี ันสวยงาม แต่ขา้ งในกลับเต็มไปด้วยแมลงหวี่ทช่ี อนไชอย่ขู ้างใน ๒. ดูน้าวิ่งกลิ้งเช่ียวเปน็ เกลียวกรอก กลบั กระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวยี น บ้างพลงุ่ พลงุ่ วงุ้ วงเหมอื นกงเกวยี น ดเู วียนเวียนคว้างคว้างเป็นหวา่ งวน มีความดเี ดน่ ด้านการเลน่ เสียง โดยเฉพาะการเลน่ เสยี งสมั ผัสในวรรค เชน่ วง่ิ -กลงิ เชย่ี ว-เกลยี ว ฉอก-ฉาด-ฉดั -ฉวัด-เฉวียน ๓. เห็นโศกใหญ่ใกล้นา้ ระกาแฝง ทงั้ รักแซมแซงสวาทประหลาดเหลอื เหมือนโศกพี่ที่ระกากช็ ้าเจือ เพราะรักเรอ้ื แรมสวาทมาคลาดคลาย ความดเี ดน่ เรื่องการ เล่นคา คือคาว่า โศก รัก และระกา ซง่ึ หมายถงึ ตน้ ไม้ และความร้สู ึก ๔. ไมเ่ ห็นคลองต้องคา้ งอยู่กลางท่งุ พอหยดุ ยุงฉู่ชมุ มารุมกดั เปน็ กลมุ่ กลุม่ กลุ้มกายเหมอื นทรายซดั ตอ้ งนัง่ ปดั แปะไปมิได้นอน ความดเี ดน่ ด้านการเลยี นเสยี งธรรมชาติ (สัทพจน)์ เสียงยงุ ฉู่ เสียงปัดยงุ แปะ ๕. ถงึ บา้ นงิ้วเหน็ แต่งว้ิ ละล่วิ สงู ไม่มฝี งู สัตว์สงิ กิ่งพฤกษา ด้วยหนามดกรกดาษระดะตา นกึ กน็ า่ กลัวหนามขามขามใจ งวิ้ นรกสบิ หกองคลุ ีแหลม ดงั ขวากแซมเสยี้ มแทรกแตกไสว ใครทาชคู้ ่ทู ่านครนั้ บรรลยั ก็ตอ้ งไปปีนตน้ น่าขนพอง ความรู้ทไี่ ด้รบั จากบทประพนั ธ์ ความเช่อื เรือ่ งต้นงวิ ในนรกภูมิ ขอ้ คิดทไ่ี ดร้ ับ ไมม่ ักมากในกาม แนวทางในการนาความรู้และขอ้ คิดไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน ใหเ้ ปน็ ผู้มศี ลี ธรรม
229222229 แบบทดสอบเรอื่ ง นิราศภเู ขาทอง หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๓ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๓ เร่ือง นิราศภเู ขาทอง รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ๑. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้องเก่ียวกับนิราศ ก. ครา่ ครวญถึงพ่อแมท่ ี่ต้องเดนิ ทางจากมา ข. ใชเ้ หก่ ล่อมเจา้ นายเพ่ือให้ข้อคิด คติเตือนใจ ค. มจี ดุ มุง่ หมายในการยอพระเกียรติของกษัตริย์ ง. นิยมแต่งเพ่ือพรรณนาการเดนิ ทางพร้อมราพึงถึงการจากหรือการพลัดพราก ๒. ขอ้ ใดมีความหมายเหมือนกับบทประพนั ธท์ ก่ี าหนด ถึงบางพูดพูดดเี ปน็ ศรีศักด์ิ มคี นรักรสถ้อยอร่อยจิต แมน้ พดู ชว่ั ตวั ตายทาลายมติ ร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา ก. พดู จนลิงหลบั ข. พดู ดเี ปน็ ศรีแกป่ าก ค. นา้ ทว่ มทงุ่ ผกั บุง้ โหรงเหรง ง. พดู ไปสองไพเบย้ี นงิ่ เสยี ตาลึงทอง ๓. ขอ้ ใดแสดงให้เห็นถึงการประกอบอาชพี ประมง ก. มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย ข. ตรงหนา้ โรงโพงพางเขาวางราย ค. ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง ง. ทั้งของสวนล้วนเรอื อยู่เรียงราย ๔. เพราะเหตุใดพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงต้ังช่ือวา่ เมอื งปทุมธานี ตามบทประพันธ์ “ถงึ สามโคกโศกถวิลถึงปนิ่ เกล้า พระพทุ ธเจ้าหลวงบารุงซึ่งกรุงศรี ประทานนามสามโคกเปน็ เมอื งตรี ช่อื ปทุมธานเี พราะมบี ัว” ก. เพราะมดี อกบัวขน้ึ อยู่มาก ข. เพราะเปน็ ตลาดคา้ บวั ขนาดใหญ่ ค. เพราะเจา้ เมอื งท่ีปกครองช่อื เจ้าบวั ง. เพราะเป็นเมืองท่ีแห้งแล้งมาก่อนจงึ ตั้งแก้เคล็ด ๕. คาในข้อใดมคี วามหมายว่า ดอกบัว ทุกคา ข. บษุ บนั บษุ บา บุษกร ก. บุษบา บุบผา กชกร ค. ปทุม มาลี กชกร ง. อบุ ล บษุ กร ปทมุ ๖. การอธิษฐานในข้อใดใหป้ ระโยชน์สูงสุดแกช่ วี ิต ก. ท้ังทกุ ข์โศกโรคภยั อยา่ ใกล้กราย แสนสบายบริบรู ณป์ ระยรู วงศ์ ข. ทงั้ โลโภโทโสและโมหะ ให้ชนะใจได้อยา่ ใหลหลง ค. ขอฟุ้งเฟ่ืองเรืองวิชาปัญญายง ท้งั ใหท้ รงศลี ขันธใ์ นสนั ดาน ง. อกี สองส่ิงหญิงร้ายและชายช่ัว อย่าเมามัวหมายรักสมัครสมาน ๗. ขอ้ ความใดชใี้ ห้เห็นสภาพสังคมไทยสมัยก่อนได้ชัดเจนท่สี ดุ
222330230 ก. ไปพน้ วดั ทัศนารมิ ท่านา้ แพประจาจอดรายเขาขายของ ข. ขอเดชะอานุภาพพระทศพล ใหผ้ อ่ งพน้ ภัยพาลสาราญกาย ค. สามฤดูอย่ดู ีไม่มีภยั มาจาไกลอารามเมื่อยามเย็น ง. อายุยืนหม่ืนเทา่ เสาศิลา อย่คู ู่ฟ้าดินได้ดงั ใจปอง ๘. ข้อความใดมีสมั ผัสอกั ษรมากท่ีสุด ข. มพี ่วงแพแพรพรรณเขาคา้ ขาย ก. ครรไลล่องเลยทางมากลางหน ง. แม้นมอดมว้ ยกลับชาตวิ าสนา ค. กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวดั เฉวียน ข. โอร้ ินรนิ กล่ินดอกไม้ใกลค้ งคา ๙. ขอ้ ความใดเปรียบเทยี บให้รจู้ ักคน ง.เหมือนคนพานหวานนอกย่อมขมใน ก. โอส้ ามัญผนั แปรไม่แท้เทีย่ ง ค. เด๋ยี วนม้ี อญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน ๑๐. “ดนู า้ ว่ิงกลิ้งเช่ียวเป็นเกลยี วกลอก ดเู วียนเวยี นควา้ งคว้างเป็นหว่างวน” บา้ งพลงุ่ พลงุ่ วุง้ วงเหมอื นกงเกวียน ข. เลน่ สัมผัสสระ ลักษณะใดไม่ปรากฏในคาประพันธ์นี้ ง. มกี ารเลน่ คาพ้องเสียง ก. เล่นสมั ผัสอักษร ค. มีการซา้ คา
231 222341 เฉลยแบบทดสอบเร่ืองนริ าศภเู ขาทอง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๓ นริ าศภเู ขาทอง รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ๑. ง ๒. ง ๓. ข ๔. ก ๕. ง ๖. ค ๗. ก ๘. ค ๙. ง ๑๐. ค
๒๒๙ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๔ หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๓ เรอ่ื ง พินิจพิจารณ์ เร่ือง หลกั การเขยี นแสดงความคิดเห็น เวลา ๑ ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเนื้อหา ความหมายการเขยี นแสดงความคิดเห็น กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ หลกั การแสดงความคิดเห็น ขน้ั นำ ๑. ใบความรูเ้ รือ่ ง การเขียนแสดงความคิดเห็น จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ ครูซกั ถา มกระตนุ้ ควา มสนใจนกั เรียนเรื่องกา รเขียนแสดงความ ๒. หนังสืออา่ นนอกเวลาชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๑. อธบิ ายความหมายการเขียนความคดิ เหน็ ได้ ๒. อธิบายหลกั การเขียนแสดงการคิดเหน็ ได้ คิดเหน็ โดยถามความหมาย หลกั การและมารยาทในการเขียน ภาระงาน/ชน้ิ งาน ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ เขยี นแสดงความคิดเหน็ ได้ถกู ตอ้ งตามหลกั นักเรียนตอบคำถามครูอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ผลงานการเขยี นแสดงความเหน็ จากบทความ การเขยี นและมีมารยาทในการเขียน ด้านคณุ ลักษณะ ข้นั สอน 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ ๑. ครูแจกใบความรูเ้ ร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เห็น นักเรียน 3. ม่งุ มั่นในการทำงาน ศกึ ษาใบความรู้ แลว้ ครอู ธิบายสรุปความรู้ นกั เรยี นจดบันทึกลงสมุด ๒. ครูแบง่ กลมุ่ นกั เรียนออกเป็น ๔ กลมุ่ ใหน้ ักเรยี นเขยี นแสดง ควา มคิดเห็น จากหนงั สืออา่ นนอกเวลา ช้นั มัธยมศกึ ษา ปีที่ ๑ โดยให้นักเรยี นทุกคนเขยี นแสดงความคิดเห็นตามหลกั การเขียนแสดง ความคดิ เห็น แล้วนำเสนอภายในกล่มุ ของตนเอง ครสู งั เกต แล้ววพิ ากษ์ ผลงานร่วมกนั ๓. ครูมอบหมา ยใหน้ ักเรียนทกุ คนเขยี นแสดงควา มคิดเห็น บทความทน่ี ักเรยี นสนใจ สง่ ครตู ามกำหนด ขั้นสรปุ ๑. ครูและนักเรยี นสรุปหลกั กา รเขยี นแสดงควา มคดิ เหน็ แล้ว บันทึกลงสมดุ 227
235222385 การวัดและประเมินผล สิง่ ท่ตี ้องการวดั /ประเมิน วิธกี าร เครือ่ งมือท่ีใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ๑. ความหมายการเขยี นแสดง สังเกตพฤติกรรม การทางานกลุ่ม ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ความคิดเห็น การทางานกลมุ่ ๒. หลกั การแสดงความ คดิ เห็น ด้านทกั ษะและกระบวนการ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ๑. อธิบายความหมายการ ตรวจผลงาน แบบประเมินการเขยี นแสดง รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป เขียนความคิดเห็นได้ ความคิดเห็น ๒. อธบิ ายหลกั การเขียน แสดงการคิดเห็นได้ ดา้ นคณุ ลักษณะ 1. มีวนิ ยั ประเมนิ จาก แบบประเมินคุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ 2. ใฝเ่ รียนรู้ คณุ ลกั ษณะ ระดบั ๒ 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ....................................................... ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................ ........................................................................ ลงช่ือ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันที่.............เดอื น......................พ.ศ……… ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ทไี่ ด้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่อื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันที่.............เดือน......................พ.ศ………
237223370 ใบความรูเ้ รื่อง การเขียนแสดงความคิดเหน็ หนว่ ยที่ ๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ ๔ เร่ือง การเขียนแสดงความคดิ เหน็ รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ การเขยี นแสดงความคิดเห็น ความหมายการเขียนแสดงความคิดเห็น คือ การเขียนท่ีประกอบด้วยข้อมูลเป็นข้อเท็จจริงกับการแสดง ความคิดเห็นต่อเร่ืองใดเร่ืองหน่ึง ความคิดเห็นควรจะมีเหตุผลและเป็นไปในทางสร้างสรรค์ ผู้รับสารเร่ืองเดียวกัน ไม่จาเป็นต้องมีความเห็นเหมือนกัน เป็นการมองต่างมุมและเป็นความคิดเห็นเฉพาะบุคคล การแสดงความคิดเห็น มกั ปรากฏในรปู ของบทความส่อื สิ่งพิมพ์ตา่ ง ๆ เชน่ หนงั สือพิมพ์ วารสาร นติ ยสาร เป็นตน้ หลักการเขียนแสดงความคดิ เห็น ๑. การเลอื กเร่อื ง ผู้เขียนควรเลือกเร่ืองท่ีเป็นท่ีสนใจของสังคมหรือเป็นเร่ืองที่ทันสมัยอาจเก่ียวกับ เหตุการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ หรือข่าวเหตุการณ์ประจาวัน ท้ังนี้ผู้เขียน ต้องมีความรแู้ ละเข้าใจเรอื่ งที่ตนจะแสดงความคดิ เห็นเป็นอย่างดี เพอ่ื จะแสดงความคดิ เห็นอย่างลกึ ซึง้ ๒. การให้ข้อเท็จจริง ข้อมูลที่เลือกมาน้ันจะต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่มาของเรื่อง ความสาคัญและ เหตุการณ์ เป็นต้น ดังนั้นควรศึกษาเรื่องท่ีจะเขียนอย่างละเอียด จับใจความสาคัญของเรื่องได้ และศึกษาเร่ืองที่ เกี่ยวข้องจากแหล่งความรู้อ่ืน ๆ ประกอบ จากนั้นจึงพิจารณาข้อเด่นข้อด้อย พร้อมท้ังยกเหตุผลประกอบ ขอ้ คิดเหน็ ๓. การแสดงความคดิ เหน็ ผเู้ ขยี นอาจแสดงความคิดเหน็ ต่อเร่อื งได้ ๓ ลักษณะ ดงั น้ี คือ ๑) การแสดงความคิดเห็นเพือ่ ตั้งขอ้ สงั เกต เชน่ การเติบโตของธุรกิจอนิ เตอรเ์ น็ต ความนิยมรบั ประทาน อาหารเสริมสุขภาพ ๒) การแสดงความคิดเห็นเพ่ือโตแ้ ยง้ ขอ้ เท็จจริง เชน่ หวั ขอ้ เรื่องการกินยาลดความอว้ นของวยั รุน่ การเปดิ เสรกี ารค้านา้ เมาของภมู ิปัญญาชาวบ้าน ๓) การแสดงความคดิ เห็นเพื่อประเมนิ ค่า เชน่ หวั ขอ้ เรื่องการวจิ ารณ์เรื่องส้นั ท่ีได้รับรางวลั วรรณกรรม ยอดเยยี่ มแห่งอาเซยี นหรือรางวลั ซีไรต์ ๔. การเรยี บเรยี ง ๑) การตั้งช่ือ ควรตง้ั ช่ือเรื่องให้เรา้ ความสนใจผู้อา่ นและสอดคล้องกับเนื้อหาทจี่ ะเขียน เพราะช่ือเร่ือง เป็นส่วนทผ่ี อู้ า่ นจะต้องอา่ นเป็นอันดบั แรก และเปน็ การบอกขอบเขตของเรื่องด้วย ๒) การเปิดเรือ่ ง ใชห้ ลกั การเขียนเช่นเดียวกนั กับคานาและควรเปิดเรอื่ งใหน้ า่ สนใจ ชวนให้ผูอ้ ่าน ตดิ ตามเรือ่ งต่อไป ๓) การลาดับ ควรลาดับเรือ่ งใหม้ ีความต่อเน่อื งสอดคล้องกนั ตงั้ แต่ตน้ จนจบ ไม่ควรเขียนวกไปวนมา เพราะผู้อา่ นจะเกดิ ความสับสนจนไม่สามารถแยกแยะได้วา่ ส่วนใดเปน็ ข้อเท็จจรงิ และส่วนใดเปน็ การแสดง ความคดิ เห็น
238223381 ๔) การปดิ เรื่อง ใช้หลกั การเชน่ เดียวกับการสรุปและควรปดิ เรอ่ื งใหผ้ ู้อา่ นประทับใจ ๕ การใช้ภาษาอยา่ งสละสลวย ชัดเจน ไม่เย่ินเยอ้ มีการใช้สานวนโวหารเหมาะสมกับเรอ่ื ง นอกจากน้ันยัง ต้องใช้ถ้อยคาท่ีส่ือความหมายได้ตรงตามอารมณ์และความรู้สึกของผู้เขียน ท้ังน้ีควรเขียนอย่างเป็นกลาง และ หลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคาที่แสดงอารมณร์ ุนแรง ซึง่ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความขดั แย้งอย่างรนุ แรง Wcp1.blogspot.com
๒๓๔ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๕ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๓ เร่ือง พินิจพจิ ารณ์ เรอ่ื ง การเขียนแสดงความคิดเหน็ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ขอบเขตเนอ้ื หา ความหมายการเขียนแสดงความคิดเห็น กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ หลักการแสดงความคดิ เหน็ ขั้นนำ 1. ตัวอย่างงานเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ ครูและนักเรยี นสนทนาถึงงานเขียนการแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั คติธรรม ๑. อธิบายความหมายการเขียนความคิดเห็นได้ ๒. อธิบายหลักการเขียนแสดงการคิดเห็นได้ โดยยกตวั อย่างงานเขียนเกีย่ วกบั คตธิ รรมมาอ่านใหน้ ักเรยี นฟงั ๒. ใบความรู้ เรอ่ื งการเขยี นแสดงความคิดเหน็ ด้านทกั ษะและกระบวนการ เขียนแสดงความคิดเห็นไดถ้ กู ต้องตาม แล้วใหน้ กั เรยี นวพิ ากษ์งานเขียน ภาระงาน/ชิ้นงาน หลกั การเขยี นและมมี ารยาทในการเขยี น ด้านคณุ ลักษณะ ข้ันสอน ศกึ ษาค้นคว้างานเขียน ๑. มวี นิ ยั ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๑. ครใู หน้ กั เรียนสนทนาแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับสถานการณ์ เกยี่ วกบั การแสดงความคิดเห็น ๓. มุ่งม่ันในการทำงาน ๔. มีมารยาทในการเขียน “โรคอว้ น” “ของขวญั วนั ปีใหม่” จากการแสดงความคิดเห็นให้ นักเรยี นถ่ายทอดและส่อื สารเปน็ ภาษาเขียน ๒. ครูให้นกั เรียนศกึ ษาใบความรเู้ รื่อง การเขียนแสดงความคดิ เห็น แล้วซักถามอภปิ ราย ๓. นกั เรยี นเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เรอ่ื ง “สมุนไพรรกั ษาโรค” ลงในสมดุ ขั้นสรุป ครแู ละนกั เรียนสรปุ หลกั การเขียนแสดงความคดิ เหน็ ร่วมกัน 232
240223430 การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เครือ่ งมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ ส่งิ ท่ีตอ้ งการวดั /ประเมิน สังเกตจากการเรยี น แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์การประเมนิ และการตอบคาถาม การเรียนรายบคุ คล ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ด้านความรู้ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ๑. อธบิ ายความหมายการ ประเมินจากการเขียน แบบประเมนิ ช้ินงาน ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป เขยี นความคิดเห็นได้ แสดงความคิดเห็น การเขียนแสดงความคิดเห็น ๒. อธิบายหลกั การเขยี น ประเมนิ จาก แบบประเมินคณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ แสดงการคิดเหน็ ได้ คณุ ลักษณะ ระดับ ๒ ด้านทกั ษะและกระบวนการ เขยี นแสดงความคิดเหน็ ได้ ถูกต้องตามหลักการเขยี น และมมี ารยาทในการเขยี น ด้านคุณลักษณะ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ....................................................... ปญั หาและอปุ สรรค ......................................................................................................................................................... ........................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ท่ี.............เดอื น......................พ.ศ……… ๙. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ รหิ ารหรอื ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันท่ี.............เดอื น......................พ.ศ………
241 223441 ตัวอย่างงานเขยี นแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับคตธิ รรม หนว่ ยท่ี ๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ ๕ เรอ่ื ง การเขียนแสดงความคดิ เหน็ รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ธรรมเป็นปัจจัยท่ีห้าของชีวิต แต่เราสนใจกันเพียงปัจจัยสี่ทางวัตถุสาหรับร่างกาย ชีวิตท่ีขาดปัจจัยท่ีห้า นัน้ เป็นชีวติ ท่ตี ายแล้ว และเปน็ ความสูญเสียย่ิงไปกวา่ การตายทางร่างกายเพราะขาดปจั จัยสี่, อย่างที่จะเปรียบกัน ไม่ได้เลย ความมีชีวิตที่ปราศจากธรรมะนั้น เป็นความทุกข์ของแต่ละคน และจะทาอันตรายแก่กันและกัน จนกระทัง้ ถึงระดับมิคสญั ญเี ปน็ ทส่ี ุด (คาปรารภการจัดพิมพ์หนังสือชดุ หนนุ ลอ้ ธรรมจักรของพทุ ธทาสภิกข)ุ ย่อหน้านี้มีลักษณะของการใช้ภาษาเพ่ือแสดงทรรศนะ คือ แสดงความคิดเห็นที่ประกอบด้วยเหตุผล โดยท่านพุทธทาสได้สร้างศัพท์ข้ันใหม่ว่าธรรมะนั้นคือ “ปัจจัยท่ีห้า” หากสังเกตจะพบว่า ข้อความที่ขีดเส้นใต้น้ัน เป็นคาสาคัญท่ีท่านพุทธทาสต้องการเน้นย้า เป็นวิธีทาให้ผู้อ่านจดจาคาสอนได้ง่ายข้ึน ความหมายของข้อความ ทขี่ ีดเสน้ ใต้คือเน้ือความในสว่ นต้นของประโยค ดงั น้ี ปจั จัยทห่ี า้ หมายถึง ธรรมะ จากประโยคว่า ธรรมะ เปน็ ปัจจยั ที่ห้าของชวี ติ ชีวิตที่ตายแล้ว หมายถึง ชีวิตที่ขาดปัจจัยท่ีห้าหรือขาดธรรมะ (จากประโยคว่า ชีวิตที่ขาดปัจจัยที่ห้าน้ัน เป็นชีวติ ท่ตี ายแลว้ ) ความทุกข์ของแต่ละคน หมายถึง ความมีชีวิตท่ีปราศจากธรรมะ (จากประโยคท่ีว่าความมีชีวิต ท่ีปราศจากธรรมะนน้ั เป็นความทุกข์ของแตล่ ะคน) อนั ตรายแก่กันและกัน หมายถงึ ความมีชีวิตท่ีปราศจากธรรมะ (จากประโยคท่ีว่าความมีชวี ิตที่ปราศจาก ธรรมะนน้ั จะทาอนั ตรายแก่กนั และกนั ) หลกั ภาษาและการใช้ภาษาเพื่อการส่ือสาร ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๖. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย.
242224325 ใบความรู้ เรื่อง การเขียนแสดงความคดิ เห็น หน่วยท่ี ๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ ๕ เรอื่ ง การเขียนแสดงความคิดเห็น รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ การเขียนแสดงความคิดเห็น คือการแสดงอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด และข้อสันนิษฐานน้ันออกมาให้ ผู้อ่านได้รับรู้ การเขียนแสดงความคิดเห็นนั้น จาเป็นต้องเขียนด้วยข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง มีเหตุและมีผล และ เป็นไปในทางท่ีสร้างสรรค์ ผู้เขียนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่จะแสดงความคิดเห็นเป็นอย่างดี เพื่อที่จะ แสดงความคดิ เหน็ ไดอ้ ย่างเขา้ ใจและตรงประเด็น หลักในการเขียนแสดงความคิดเห็น - การแสดงความคิดเห็นเพอ่ื ตง้ั ข้อสังเกตในเร่ืองน้ัน ๆ - การแสดงความคดิ เหน็ เพือ่ สนับสนนุ ขอ้ เท็จจริง - การแสดงความคดิ เห็นเพอ่ื ประเมินคา่ การแสดงความคดิ เหน็ ประกอบดว้ ยส่วนลาดบั ๓ ส่วน คอื ๑. ทมี่ า คอื เรอื่ งราวท่ีช้ีใหเ้ ห็นถึงความจาเป็นท่ีต้องแสดงความคิดเหน็ นั้น ๆ ทาใหผ้ ู้รับสารเกิดความเขา้ ใจ พรอ้ มรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ตอ่ ไป ๒. ข้อสนับสนุน คือ ข้อเท็จจริง หลักการ กฎเกณฑ์ ความคิด และมติท่ีนามาใช้ประกอบให้เป็นเหตุที่ใช้ สนบั สนนุ ข้อสรปุ ๓. ข้อสรุป คือ ส่วนที่สาคัญที่สุดของการแสดงความคิดเห็น อาจเป็นข้อเสนอแนะ ข้อวินิจฉัย หรือข้อ สนั นิษฐานเพ่ือประเมินค่า เพ่ือให้ผู้อ่านพิจารณายอมรับหรือนาไปปฏิบัติและแก้ไขได้ และหลักสาคัญในการเขียน แสดงความคดิ เหน็ ประการสุดทา้ ยท่สี าคัญ คอื มารยาทในการแสดงความคิดเหน็ * ภาษาทใี่ ช้ต้องชดั เจน เขา้ ใจง่าย และใชถ้ อ้ ยคาสุภาพ สมเหตุสมผลตรงประเด็นไปออกนอกเรอื่ ง * ขอ้ มลู และหลักฐานทนี่ ามาใช้ประกอบตอ้ งเป็นเรือ่ งจรงิ ไมใ่ ชข่ อ้ มลู เทจ็ หรือมจี ดุ ประสงคเ์ พอ่ื หลอกลวง * ไม่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวในลักษณะการใช้อารมณ์ความรู้สึกท้ังหมด โดยปราศจากเหตุผลหรือ ขอ้ เท็จจริง * ใชค้ าและภาษาท่สี ุภาพให้เกียรติผู้เขียน ไมก่ า้ วรา้ ว หยาบคาย หรือใช้คาท่คี ะนองเปน็ ตน้ JANTHAI Blog Blog.janthai.com
244 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ เร่อื ง พินจิ พิจารณ์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๖ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอ่ื ง การพดู แสดงความคิดเหน็ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ขอบเขตเนอื้ หา รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ความหมายการพดู แสดงความคิดเหน็ หลกั การพดู แสดงความคดิ เหน็ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ขน้ั นา 1. นิทาน เร่ือง กบหหู นวก ด้านความรู้ 1. ครเู ล่านทิ านเรอ่ื ง กบหูหนวก จากน้ันครสู มุ่ ถามนกั เรียน 2. นทิ านชาดก เรือ่ ง กกณั ฏกชาดก วา่ ดว้ ยกิง้ กา่ ๑. อธิบายความหมายการพูดแสดงความ เก่ยี วกับเน้อื หาและขอ้ คดิ ท่ีได้จากการชมวดี ิทัศน์ และสอบถาม ไดท้ รัพย์ คดิ เหน็ นกั เรยี นว่าวดี ิทัศน์ท่ชี มไปดีหรอื ไม่ดอี ยา่ งไรบา้ ง จากนน้ั ครูเชอื่ มโยง ๓. ใบความรู้ เร่อื ง การพดู แสดงความคดิ เห็น ๒. อธิบายหลักการพูดแสดงความคดิ เห็น เขา้ สู่เรอื่ งการพูดแสดงความคิดเหน็ ๔. ใบงาน เรื่อง การพูดแสดงความคดิ เห็น ดา้ นทักษะและกระบวนการ ขน้ั สอน ภาระงาน/ชิน้ งาน พูดแสดงความคิดเห็นจากส่ือทไ่ี ดร้ ับได้ ๑. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง การพูดแสดงความคดิ เหน็ นักเรยี นศกึ ษาข้อมูลเกย่ี วกบั หลกั เกณฑ์ทางภาษา มมี ารยาทในการฟงั การดู ครูอธิบายเพิ่มเตมิ การพดู ลักษณะตา่ งๆ ดแลา้ นะกคาณุ รพลกัูดษณะ ๒. นักเรียนศึกษาใบงานนิทานชาดก เรอื่ ง กกัณฏกชาดก ว่าด้วย ดา้ ๑น.คมณุ ีวลนิ ักยษณะ กง้ิ กา่ ไดท้ รัพย์ โดยมีการสนทนาแลกเปล่ยี นความคิดเหน็ จากเน้อื หา ๒1. ใมฝีว่เินรียั นรู้ ของนิทานในเชงิ สรา้ งสรรค์ ๓2. มใฝุง่ เ่มรั่นยี ในนรกู้ ารทำ�งาน ๓. ครูใหน้ ักเรยี นทุกคนเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากการอ่าน ๔3. มีมุง่ มา่นัรยในาทกใานรทการงาพนดู นิทานชาดกเรื่อง กกัณฏกชาดก วา่ ด้วยกิ้งก่าได้ทรัพย์ ลงใน ใบงานเรื่อง การพูดแสดงความคิดเห็น ๔. ครูสุ่มนักเรียน ๑ - ๒ คนออกมาพดู แสดงความคิดเห็นจาก นิทานชาดกเรือ่ ง กกัณฏกชาดก ท่ีได้ดูหนา้ ชั้นเรียน เพ่อื เป็น ตวั อย่างใหเ้ พ่ือนๆ ในช้นั เรยี นได้เหน็ หลกั และวธิ กี ารพดู แสดงความ คดิ เห็น โดยครเู ปน็ ผู้ให้ข้อเสนอแนะในสิง่ ท่ถี ูกต้อง 223474
ตัวอยา่ งให้เพอ่ื นๆ ในชัน้ เรยี นได้เห็นหลกั และวธิ ีการพูดแสดงความ คดิ เหน็ โดยครเู ป็นผู้ใหข้ ้อเสนอแนะในสิง่ ทถี่ ูกต้อง หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ เรอ่ื ง พนิ จิ พจิ ารณ์ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๖ 245 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรือ่ ง การพูดแสดงความคดิ เหน็ เวลา ๑ ชวั่ โมง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั สรุป ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปความรู้ เร่ือง การพูดแสดงความ คดิ เห็น และนัดหมายนกั เรยี นทเ่ี หลอื พดู แสดงความคิดเหน็ นอก เวลาเรยี นเพื่อเก็บเป็นคะแนน 238
246223469 การวดั และประเมินผล สงิ่ ทตี่ ้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครอ่ื งมอื ที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ๑. บอกความหมายการพูด สงั เกตจากการเรียน การเรียนรายบุคคล ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป แสดงความคิดเห็น และการตอบคาถาม ๒. บอกหลกั การพูดแสดง ความคิดเหน็ ดา้ นทักษะและกระบวนการ พดู แสดงความคิดเห็นจาก ๑. ประเมนิ การพูด ๑. แบบประเมินการพดู ผ่านเกณฑ์การประเมิน สอ่ื ทไี่ ด้รบั ไดห้ ลักเกณฑท์ าง แสดงความคดิ เห็น แสดงความคิดเห็น ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป ภาษา มมี ารยาทในการฟงั ๒. ตรวจใบงาน ๒. ใบงานเรอ่ื ง การพดู การดูและการพูด แสดงความคดิ เหน็ ด้านคุณลักษณะ 1. มวี ินัย ประเมินจาก แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์คณุ ภาพ 2. ใฝ่เรียนรู้ คุณลกั ษณะ ระดับ ๒ 3. มุง่ มน่ั ในการทางาน ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ....................................................... ปัญหาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ....................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................................................................... ..... ลงช่อื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ที่.............เดอื น..................พ.ศ………. ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย .............................................................................................................................. ...................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันที.่ ............เดือน..................พ.ศ……….
247224470 นิทาน เรอื่ ง กบหูหนวก หนว่ ยท่ี ๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ ๖ เรือ่ ง การพูดแสดงความคิดเหน็ รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ครั้งหนง่ึ .. มกี ลุ่มของลูกกบตัวเล็กๆกลุม่ หนึ่ง ได้มาจัดการแขง่ ขนั เพ่ือจะปีนข้นึ ไปยอดเสา ไฟฟ้าแรงสงู มกี ลุม่ ชนชาวกบมากมาย มารอชม และเชียร์การแขง่ ขันครั้งน้ี การแขง่ ขันเรมิ่ ข้ึน พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีชนชาวกบตัวใด จะเช่อื ว่ากบตัวเล็ก ๆ เหล่านจ้ี ะปนี ขึ้น ไปจนถงึ ยอดได้ มีเสยี งพูดลอยมาให้ไดย้ นิ เป็นต้นว่า “เขาไม่มีทางจะขนึ้ ไปถึงยอดหรอก มันยากลาบากขนาดน้ัน” หรอื “เขาไม่มโี อกาสจะประสบความสาเรจ็ หรอก เสามนั สงู ขนาดนน้ั ” เจ้ากบตัวนอ้ ยๆ เหล่านี้ ก็เรม่ิ ทจี่ ะร่วงหลน่ ลงไปทีละตวั ๆ ยกเวน้ เจ้าตัวหน่ึงซ่ึงยังปนี อย่างมงุ่ มน่ั สูงขน้ึ และสูงข้นึ ฝงู กบกเ็ รม่ิ ส่งเสยี งรอ้ งตะโกน “มันยากเกินไป ไมม่ ีใครทาได้หรอก” กบสว่ นใหญเ่ ริ่มเหน่ือย และยอมแพ้ แตม่ ีกบตัวหนงึ่ ทีย่ ังต้งั หน้าตั้งตาปีนสูงขึ้น สูงข้ึน เจ้าตัวนไี้ ม่ ยอมแพ้ เมอื่ ส้ินสุดการแข่งขัน กบตวั อ่นื ๆ ต่างยอมแพท้ ี่จะปีนส่ยู อดเสาจนหมดสนิ้ ยกเวน้ กบตวั เลก็ ๆตัวหนง่ึ ด้วยความพยายามสดุ กาลัง มันก็สามารถปนี ข้ึนสยู่ อดเสา ได้ กบทกุ ๆ ตัวอยากรวู้ า่ เจา้ กบตัวเล็ก ๆ ตวั นีท้ าไดอ้ ย่างไร กบคู่แขง่ ขนั ต่างอยากรู้วา่ เจา้ กบตัวเล็ก ๆ ตวั นีม้ พี ลังปนี ขึ้นสยู่ อดเสาอันเป็นเปา้ หมายจนประสบความสาเรจ็ ไดอ้ ย่าง ไร เรอื่ งกลับกลายเปน็ ว่า… กบผู้ชนะตัวน้ันหหู นวก!!!! เรอื่ งนบี้ อกใหร้ วู้ ่า อย่าฟังคาพดู ในดา้ นลบ หรือการมองในแง่ลบจากคนอืน่ เพราะเขาเหล่าน้นั จะดงึ ความฝัน ความปรารถนาในหัวใจคณุ ออกไป ให้ระวังในพลังของคาพูดเสมอ เพราะทุกสิ่งท่ีคุณไดย้ นิ และได้อา่ นมัน จะส่งผลต่อการกระทาของคุณ เพราะฉะน้นั ตลอดเวลาขอให้เป็นคนคิดบวก และเหนอื จากนัน้ จงทาเปน็ หูหนวกตอ่ คาพดู ที่บอกว่า คุณไม่สามารถทาความฝนั ของคุณให้เป็นจริงได้ ให้คิดเสมอว่า คณุ สามารถทาได้ กระตุน้ เตือนตวั เองอยา่ งน้ี ตลอดเวลา (นทิ านนา้ ใจไมตรี ๐๖๙)
248224481 นิทานชาดก เร่อื ง กกัณฏกชาดก ว่าด้วยกิ้งกา่ ได้ทรพั ย์ หนว่ ยที่ ๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ ๖ เร่ือง การพดู แสดงความคดิ เหน็ รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ความนา พระพทุ ธเจา้ ทรงอาศยั พระนครสาวตั ถี ประทับอยู่ ณ วดั พระเชตวันมหาวหิ าร ทรงปรารภพระปัญญา บารมีของพระองค์ในอดตี ชาติ ได้ตรสั พระธรรมเทศนาคอื คาถาท่ีปรากฏ ณ เบ้อื งต้น ปัจจุบนั ชาติ มีเรือ่ งย่อเล่าว่า วันหนึง่ พวกภิกษไุ ดน้ ่ังคุยกันในโรงธรรมสภา เมือ่ จะสรรเสริญ พระปัญญาบารมีของ พระผมู้ ีพระภาคเจา้ ได้สรรเสริญพระคุณดงั นวี้ ่า “ดกู ่อนอาวโุ สท้ังหลาย พระตถาคตเจ้านัน้ ช่างเปน็ ผ้ทู ท่ี รงมีพระปัญญาทยี่ ่ิงใหญ่เหลอื เกิน พระองค์ สามารถท่ีจะปราบวาทะของผู้อ่นื ได้ ทาคนเหล่านั้นใหส้ ิน้ พยศและไดป้ ระทานบรรพชาให้ตง้ั อยู่ในมรรคผล ทัง้ นี้ก็ เพราะพระองคท์ รงมีพระปัญญาที่ลึกซงึ้ นั้นเอง” ในขณะนน้ั พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ผ่านมาถึง เมื่อทรงทราบเร่อื งจึงตรสั ว่า “ดกู ่อนภกิ ษทุ งั้ หลาย มิใช่แต่ใน บัดนี้เท่านั้นนะ ทตี่ ถาคตมีปญั ญา แม้ในอดีตกาลเม่อื ญาณยังไม่แก่กล้า ขณะทีก่ าลงั บาเพ็ญบุรพจริยาเพ่ือพระ โพธญิ าณอยู่ เราก็เปน็ ผู้มีปัญญามาแลว้ เหมือนกัน” ครัน้ ตรัสเสร็จแลว้ พระพุทธองคท์ รงประทบั นงิ่ อยู่ เหล่าภิกษุท้งั หลายจงึ กราบทูลวงิ วอนใหท้ รง ประกาศเรื่องราวแตห่ นหลัง จงึ ทรงนาอดีตนิทานมาแสดงตอ่ ไปน้ี อดตี ชาตเิ นือ้ หาชาดก ในอดีตกาล มพี ระราชาพระนามวา่ วิเทหะ เสวยราชสมบตั อิ ยใู่ นกรุงมถิ ิลา ในแควน้ วเิ ทหะ พระเทวี ของพระองคม์ ีพระนามวา่ อทุ ุมพรเทวี ตอ่ มา พระองค์ไดม้ โหสถมารบั ราชการ เขาเป็นอามาตย์ที่ทรงโปรดปราน มาก วนั หนงึ่ เมื่อพระเจ้าวิเทหราชเสดจ็ ไปพระราชอุทยานกับมโหสถบณั ฑติ ในขณะนัน้ มกี ง่ิ ก่าตวั หน่งึ อยบู่ น ปลายเสาค่าย มนั เห็นพระราชาเสด็จมาก็ลงจากเสาคา่ ยมาหมอบที่แผน่ ดินแลว้ ทาการผงกหัวอย่ไู ปมา พระราชา ทอดพระเนตรเห็นกริ ิยาของมันแลว้ จงึ ตรสั ถามว่า “แนะ่ บัณฑติ กง้ิ ก่ากาลงั ทาอะไรของมนั ” มโหสถจงึ กราบทูลว่า “ก้ิงก่ากาลงั ถวายตวั แดพ่ ระองค์อยู่ พระเจ้าขา้ ” พระราชาทรงพอพระทยั จงึ มีรบั สงั่ ว่า “เมื่อมนั ถวายตัว ก็จงให้ ทรพั ย์แก่มันเถิด” มโหสถจงึ กราบทูลใหท้ รงทราบว่า “ขอเดชะ กงิ้ กา่ ไม่ต้องการทรัพย์ ขอเพยี งพระราชทานแค่ เนือ้ กเ็ พยี งพอแล้ว” จึงมีรบั สั่งโปรดใหร้ าชบุรุษซ้ือเน้ือใหแ้ กม่ ันวันละก่ึงมาสก ต่อมาวนั หนงึ่ เป็นวนั อุโบสถซง่ึ ในวนั นจ้ี ะไมม่ ีการฆ่าสตั ว์ ราชบุรุษหาเนอื้ ไมไ่ ด้จงึ เอาเหรยี ญกง่ึ มาสก นั้นมาเจาะรแู ลว้ เอาด้ายร้อยผกู เปน็ เคร่ืองประดับท่คี อมัน
249224429 ตง้ั แต่น้นั มา มนั ก็เกดิ มานะความถอื ตวั จดั เพราะอาศัยทรัพย์ท่หี ้อยคอน่ันเอง ถดั มาอกี หนึง่ วัน เมื่อมันได้พบพระราชาอีกครง้ั ในพระราชอุทยาน มันก็ทาตนเสมอพระราชาดว้ ย เข้าใจวา่ ตนเองมที รัพยเ์ สมอกับพระราชา จึงไม่ยอมลงมาจากเสาคา่ ยได้แตห่ มอบยกหัวรอ่ นไปมาบนปลายเสาคา่ ย พระเจ้าวเิ ทหราชไดท้ อดพระเนตรเหน็ กริ ิยาของมนั ทรงแปลกพระทยั ในกิริยาทีแ่ ปลกไปของมัน จึง ตรสั ถามถึงสาเหตุกะมโหสถด้วยคาถาท่ี ๑ ว่า กิ้งก่าน้ีไมล่ งจากปลายเสาค่ายหมอบเหมือนในกอ่ น เจา้ ร้หู รือไม่ว่าเพราะเหตไุ ร เจ้าก้ิงกา่ ตัวนจี้ งึ กระด้างถือตวั ลาดับน้นั มโหสถบณั ฑติ เมื่อตรวจพิจารณาด้วยปญั ญาจงึ ร้วู า่ วันน้ีเปน็ วนั อุโบสถ โดยปกตใิ นวันน้ีจะ ไม่มีการฆา่ สตั วก์ นั ราชบรุ ุษเม่อื หาเน้ือไมไ่ ด้จึงเอาทรพั ย์ก่ึงมาสกซ่งึ เปน็ ค่าอาหารมาผูกคอใหม้ ันแทน เพราะอาศยั ทรพั ย์นีเ่ องจงึ ทาใหก้ ิ้งก่าเกิดความความถือตวั จึงกราบทูลใหท้ ราบดว้ ยคาถาท่สี องน้วี ่า กงิ้ ก่าได้ทรัพย์ก่ึงมาสกซง่ึ ไม่เคยได้มาก่อน ตวั มันจึงทาการดูหม่ินพระเจา้ วิเทหราช ผทู้ รงทาการ สงเคราะห์ชาวกรงุ มิถิลา ความหมายของคาถา พระราชาทรงแปลกพระทยั ที่ไมท่ รงเห็นมนั ลงมาจากปลายเสาค่ายเหมือนอย่างแตก่ ่อนจึงมรี บั ส่ัง ถามมโหสถถึงเหตุปจั จยั ทที่ าใหม้ ันเกดิ อาการกระด้างกระเด่อื ง ไม่อ้อนน้อมถ่อมตนเหมือนอยา่ งแต่ก่อนดว้ ยคาถา ท่ี ๑ ฝา่ ยมโหสถจงึ กราบทูลให้ทราบถงึ เหตทุ ่ีทาให้มันยกตนข่มทา่ นเพราะทรัพย์ทีร่ าชบุรุษเจาะร้อยคอให้มันแค่ เพยี งกึ่งมาสกจึงได้กราบทูลให้ทรงทราบด้วยคาถาที่ ๒ พระราชาได้ฟงั คากราบทูลเชน่ นนั้ จึงมีรับสั่งใหเ้ รียกราช บุรุษมาสอบสวน จึงได้ทราบความจรงิ เหมอื นอยา่ งที่มโหสถได้กราบทูลใหท้ รงทราบ ทรงมคี วามเลอื่ มใสต่อมโหสถ ยงิ่ นักท่ีรแู้ มก้ ระทั่งนสิ ัยของสัตวเ์ ดรจั ฉานอยา่ งกง้ิ ก่าไม่ตา่ งอะไรกบั พระสัพพัญญูพุทธเจ้าท่ที รงรู้อธั ยาศยั ของปวง สัตว์โลก จึงพระราชทานสว่ ยทปี่ ระตทู ้ัง ๔ แกม่ โหสถ ทรงมีรบั ส่งั ใหฆ้ า่ กงิ้ ก่าตัวนั้นเสีย แต่มโหสถได้ทลู ทัดทานไว้ โดยกราบทูลวา่ “ธรรมดาว่าสัตวเ์ ดรัจฉานย่อมไม่มีปัญญาเป็นเร่ืองธรรมดา ขอพระองค์ไดโ้ ปรดพระราชทานอภยั โทษ แก่มันด้วยเถิด พระเจ้าขา้ ” คนโงเ่ ขลา เยอ่ หยิ่ง เพราะทรัพย์ ซงึ่ ไม่ได้มีคณุ คา่ อย่างแทจ้ รงิ (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗)
250224530 ใบความรู้ เรือ่ ง การพูดแสดงความคิดเหน็ หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ ๖ เรอื่ ง การพดู แสดงความคดิ เหน็ รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ การพูดแสดงความคิดเห็น หมายถึง การพูดเพื่อแสดงความรู้สึก หรือแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเรื่องใด เรื่องหนึ่งอย่างมีเหตุผล มีความสอดคล้องกับเร่ืองท่ีพูด ในการพูดแสดงความคิดเห็น ผู้พูดอาจแสดงความคิดเห็น ที่เกี่ยวกับเรื่องทางวิชาการ เศรษฐกิจหรือสังคมก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโอกาสในการพูด เช่น การให้สัมภาษณ์ การประชมุ การสมั มนา การอภปิ ราย การบรรยาย ลกั ษณะของการพดู แสดงความคิดเหน็ ท่ีดี ๑. ผพู้ ดู จะต้องมีความรูใ้ นเรือ่ งทจ่ี ะแสดงความคดิ เหน็ เป็นอยา่ งดี ๒. การแสดงความคิดเห็นเร่ืองใดเรอ่ื งหนึง่ ควรมีหลกั การแสดงความคิดเห็นในเชงิ ขัดแยง้ และเชงิ วิจารณ์ ๓. ใช้ภาษาสุภาพเหมาะสมกับโอกาสโดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นในเชิงขัดแย้งและเชิงวิจารณ์เพื่อ รักษาความสมั พนั ธท์ ด่ี ีตอ่ ผพู้ ูดและผู้ฟัง ๔. การแสดงความคิดเห็นใดๆ ก็ตาม ควรแสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อ สว่ นรวม https://my.dek-d.com
251224541 ใบงาน เร่อื ง การพูดแสดงความคิดเหน็ หนว่ ยท่ี ๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ ๖ เร่อื ง การพูดแสดงความคดิ เห็น รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นอ่านทานชาดกเรือ่ ง กกณั ฏกชาดก ว่าด้วยกิง้ ก่าได้ทรัพย์ แลว้ เขยี นแสดงความคดิ เห็น ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................................................................. ....... ............................................................................................................................ ........................................................ ............................................................................................................................. ....................................................... ................................................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ .................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ..................................................................................................................................................................... ............... .................................................................................................................... ................................................................ ............................................................................................................................. ....................................................... ......................................................................................................................................... ........................................... ........................................................................................ ............................................................................................
254 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๓ เรอื่ ง พินจิ พิจารณ์ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๗ เวลา ๑ ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เรือ่ ง คานาม ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ ขอบเขตเนือ้ หา รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชนิดและหนา้ ทขี่ องคา จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ ดา้ นความรู้ ข้ันนา 1. บตั รคา จานวน ๓ คา ได้แก่ คาวา่ ลงิ บ้าน 1. ครูขออาสาสมัครนักเรียน ๑ คนเพ่ือออกมาหน้าช้ันเรียน และหม้อขา้ ว อธบิ ายความหมายและชนดิ ของคานามได้ จากน้ันให้นักเรียนใบ้คาจากบัตรคาจานวน ๓ คา ได้แก่ คาว่า ลิง 2. ใบความรู้เรอ่ื ง คานาม ด้านทกั ษะและกระบวนการ บ้าน และหม้อข้าว เมื่อเพ่ือนในห้องทายคาจนครบ ครูเขียนคาท้ัง ๓. เกม “รวบรวมคานาม” สามคาไว้บนกระดานแล้วถามนักเรียนว่าท้ังสามคามีลักษณะ ภาระงาน/ช้นิ งาน วิเคราะห์ชนิดของคานามได้ เหมอื นกนั อยา่ งไร เพอื่ เชอื่ มโยงเข้าสู่เร่ืองคานาม นักเรียนจดั ทาสมดุ รวบรวมคานามประกอบ ดา้ นคุณลักษณะ ขนั้ สอน ภาพ 1. ครูซักถามนักเรียนว่าเรื่องความหมายของคานาม ควรมี 1. มวี นิ ัย ลักษณะอย่างไร ครูประมวลคาตอบแล้วสรุปความหมายของ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ คานาม นักเรยี นจดบนั ทึก 3. มุ่งม่นั ในการทางาน 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม จานวน ๕ กลุ่ม แล้วจับสลากศึกษาใบ ความรู้ เรอื่ ง ชนดิ ของคานามดงั น้ี กลุม่ ท่ี ๑ ศกึ ษาเรอื่ งคาสามานยนาม กลุ่มท่ี ๒ ศึกษาเรื่องคาวสิ ามานยนาม กลุ่มท่ี ๓ ศกึ ษาเรื่องคาสมุหนาม กลุ่มที่ ๔ ศึกษาเรอ่ื งคาลกั ษณะนาม กล่มุ ท่ี ๕ ศกึ ษาเร่ืองคาอาการนาม เม่ือแต่ละกลุ่มศึกษาชนิดของคาแต่ละชนิดแล้วให้นาเสนอ ความรขู้ องกลมุ่ ตนเองใหเ้ พ่ือนฟัง 224574
กกหหลลนน่มุุ่ม่่ววสสยยาากกรราาะะรรกกเเรราายีียรรนนเเรรรรยียี ทูู้ท้ นน่ี่ี รร๓๓้ภูู้ภาาเเษษรรื่ออื่าางงไไททพพยยินนิ ิจจิ พพิิจจาารรณณ์์ รรแแาาผผยยนนววกกิิชชาาาาเเรรรรพพจจ่อืือ่ ื้นนื้ดัดั งงฐฐกกคคาาาานนรราาเเนนภภรราาาายีียมมษษนนาารรไไูทู้้ททที่ี่ ยย๗๗ 225555 ๕๕ตคสตสคคขตตคคอขอคแแถค ่่ธธรระะาาาางงันน้ั้ลลูกนนว 4433รรคคนนตตบิิบววนนแแ๔ตาสสะะเเออจจรรัั....นนววาาอาาาามอ้รรอถถ.บบแูแู สสมมยยนนแแมมนนนนงปุุปถููงงงกกนลลออเเปปรททกัักแแััจกกรรู((พพกตตักะะบบคคู้รรจลลเเะู้นนเเจจตม่มิ่ิรร้้นนเออรระะาาคคัเะะกัรออกกยยีี ปเเ้ีีอนนยยกกัักกงงววคคตตีใยออนนใใ็นเเอองจจนนาาหาารรมมิินรรหหกกลลคมมมมบบกะะููมมนน้ไยียีคคล้้มมะะไไททำถถ�ดลภภเเออนนาาววดดกกะปปาาทููกกงั้งัุ้่้มมาาเเบบาารร้้หหลลกมมสส็็ ตตนนพพีมมท่่่านวว๕๕หหุุ่่มมลนนนน้้าาออกรรมมกกี่ไักมมเเุ่ม้้กกดูู้้งงาาออชชกกทลลลลเาาคคชชเ้คนนรททคคัันน่น่นุุ่่ี่มมยยสลาา้ั้ันนีะยิดิดวว่่ีีสสเเสสภภุด่ททททนกกแเเนาา))รรุุ ดดรราาใีี่่่ี่ีนนเมมไไนมมุปุปรรเนกีียยรรดดใใขัักกนออรรคคะะม““เนนนน้้ คคีเเยูู้้วททบบววงงรรรรเเเะะลนาาาาีี่่“ลลียียมตตววเเววพพแแนนมมาบบะะรนนื่อนนลล กรรนน่ื่ืใใออวรรเเค๓ไไาา๓๓หหู้เ้เูลขขบววแแดดนนรรร๐้้ีียยนน๐๐ุ่มมมขข่ื่ื้้ออบรศศ๓๓นนัักกคคเเว่่ใงงงงึึกกววว๐๐มมด๕คคเเขขาามษษกกิิินนรรนื่่ื นนออเััววนนคีียยขลลาาราาาววาาาาคคกกำ�ททนนุุ่่มมอีมมทิิยมมนนมมรรัันนนีีบใใจจนาาีหห””าาแแบบดดารรโััททดดจไมมททตตดเเมววโโดททึงีีขขลลาาดด๕๕่ลล่ีียบบ”ส้มีียยาายยะะโโยยะะครรรสสนนแแดดากกโรรจจรรุปววรมมดกลลไไออลลยยะะออมมูตคดดุุดดะะทยบบุุ่่เเมมคคบบคคระลล้้มมชชรรเีนน่สวรรแาาจจล่่นนาาววนนโโัักกููจุนนดเเกกนึึดดงง่นบบททดิิดปปเเสสสททแาานยยรร้ัั้รรเงงขข็็ นนกอมมลสสียียีี่่รรสสคคววออุุบมทท้ิ้ปปิมมนนนนุุะดดผผรรงงูู่ีีูู่้้ ชช้ั้ันนมมเเธััธววยยลลมมาาศศ๑๑ึกึกษษชชาาว่ัั่วปปโโีทีทมมงง่ีี่ ๑๑ 248
256225496 การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการ เคร่อื งมอื ที่ใช้ เกณฑ์ สิ่งทีต่ ้องการวดั /ประเมนิ สงั เกตจากการเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ การเรียน ร้อยละ ๘๐ข้นึ ไป ด้านความรู้ บอกความหมายและชนดิ ของคานามได้ ด้านทักษะและกระบวนการ สงั เกตพฤติกรรมการ แบบสังเกตพฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ วเิ คราะห์ชนดิ ของคานามได้ ทการงทานำ�กงาลนมุ่ กลุ่ม กทารงทานำ�งกาลน่มุ กลมุ่ ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ด้านคุณลักษณะ 1. มีวนิ ัย ประเมนิ จากคณุ ลักษณะ แบบประเมนิ คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ 2. ใฝ่เรยี นรู้ ระดบั ๒ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ....................................................... ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................. ....................................................................... ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันที่.............เดอื น.....................พ.ศ……. ๙. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่อื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันที่.............เดอื น.....................พ.ศ…….
257225570 ใบความรู้ เรื่อง คานาม หนว่ ยท่ี ๓ แผนการจดั การเรียนรู้ ๗ เร่อื ง คานาม รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คานาม คือ คาที่ใช้เรียกชื่อสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ทั้งรูปธรรมและนามธรรม เช่น คน สัตว์ พืช ส่ิงของ สถานท่ี อารมณ์ ความรสู้ ึก ฯลฯ คานามแบ่งออกเป็น 5 ชนดิ คอื 1) สามานยนาม คือ คาที่ใช้เรียกชื่อนามทั่วๆไป ไม่เจาะจง ระบุความหมายกว้างๆ เช่น คน สัตว์ พืช หมา แมว ต้นไม้ ดอกไม้ วัด โรงเรียน กวี นักวทิ ยาศาสตร์ นักกฬี า ทหาร นักร้อง ฯลฯ 2๒) วิสสาามมาานนยยนนาามมคคือือคคาทำ�ที่ใชี่ใ้เชร้เียรกียชก่ือชนื่อานมาทม่ีเฉทพี่เฉาพะเาจะาเะจจางะจรงะบรุคะวบาุคมวหามมาหยแมคาบยแลคะบชแ้ีเลฉะพชาี้ะเฉเชพ่นาะนเชาย่น นจนัายหจนั วหดนเขวี้ยดวเขีย้เจว้าตเินจา้ตตินนิ (สตุนินขั (ส) ุนมัขา)ดอมนาดนอ่าน(น่าักร(น้องัก)รอ้ เงต)รียเมตอรยีุดมอศดุึกมษศากึ (ษโรางเ(รโรียงนเร)ยี สนุน) ทสรุนภทู่ รบภลิู่ คบลลิ นิ ตคันลินบตโี ธัน บเฟีโนธ เฟลนโี อนลาโี โอดนดาโาดวนิ ดซาีวินซทีกั ษทณิ ักษชณิ นิ วตัชรินวัตชรวนชหวลนกี ภหยัลีกภัย 3) สมุหนาม คือ คาทีใ่ ช้เรยี กชื่อนามท่ีเป็นหมวดหมู่ บ่งบอกจานวนมาก เช่น คณะ ฝูง กอง นิกาย บริษัท สารับ ก๊ก เหล่า ชุด กลมุ่ โขลง หมู่ ฯลฯ 4) ลักษณนาม คือ คาที่ใช้บอกลักษณะรูปพรรณสัณฐานของสามานยนาม ลักษณนามเป็นเอกลักษณ์ ของภาษาไทยประการหนง่ึ แสดงให้เหน็ ถงึ ความละเอียดลออในการใช้ภาษา ลกั ษณนามแบง่ ออกเป็น 6 กลุ่มดงั น้ี 4.1) บอกชนดิ เชน่ พระภิกษ,ุ สามเณร,บาทหลวง - รปู ยกั ษ,์ ฤาษี - ตน ชา้ งป่า - ตวั ช้างบา้ น - เชือก 4.2) บอกอาการ เชน่ บุหรี่ - มวน พลู - จีบ ไต้ - มัด ขนมจนี - จบี ,หัว ผา้ - พับ คมั ภีร์ใบลาน - ผกู 4.3) บอกรูปร่าง เชน่ รถ - คัน บา้ น, เปยี โน, จักร – หลงั ดินสอ - แท่ง ปากกา - ดา้ ม กลว้ ย - เครือ,หวี,ลูก 4.4) บอกหมวดหมู่ เช่น ฟืน - กอง ทหาร - หมวด พระ - นิกาย นักเรียน - คณะ ละคร - โรง กับขา้ ว - สารบั 4.5) บอกจานวน มาตรา เช่น ตะเกยี บ - คู่ ดินสอ – โหล เงนิ , ทอง - บาท ผ้า - เมตร ท่ดี นิ - ไร่, งาน, ตารางวา 4.6) ซา้ คานามข้างหน้า เช่น วัด - วัด โรงเรียน - โรง คะแนน - คะแนน คน - คน อาเภอ - อาเภอ จงั หวดั - จังหวัด 5) อาการนาม คือ คานามท่ีบอกกิริยาอาการ อารมณ์ความรู้สึก สภาวะในจิตใจท่ีเป็นนามธรรมใช้ การ และความนาหน้าคากริยาและวิเศษณ์ เช่น การว่ิง การเดิน การนอน การอ่านหนังสือ การออกกาลังกาย ความดี ความชั่ว ความงว่ ง ความงาม ความสะอาด ความสขุ * ขอ้ สงั เกต ถ้าการและความตามดว้ ยคานาม ถือว่าเป็นคาประสม ซึง่ จะจัดเป็น สามานยนาม เช่น การบา้ น การเมือง การไฟฟ้า การรถไฟ การทางพิเศษ ความแพ่ง ความอาญา
258225581 หนา้ ทีข่ องคานาม 1. คานามทาหนา้ ทเี่ ปน็ ประธานของประโยค เช่น มนษุ ย์ ทกุ คนต้องการความสขุ โรงเรียนของฉันอยู่ในกรงุ เทพ นกั การเมอื ง คนนีไ้ มร่ ักษาสญั ญาทใี่ ห้ไว้กับประชาชน พอ่ แม่ ทางานหนักเพ่ือลกู ๆ 2. คานามทาหน้าทเี่ ป็นกรรมหรือผถู้ กู กระทา เช่น ครูสอนนักเรยี น แมวกินปลา ฉันดทู วี ี พ่อตีนอ้ ง 3. คานามทาหนา้ ทเ่ี ป็นบทขยายนามอนื่ เพื่อให้ใจความชัดเจนยงิ่ ขนึ้ เช่น ภราดร ศรชี าพันธุ์นักเทนนิสมือหนึ่งของไทย นกั เรยี นโรงเรียนเตรยี มอดุ มศกึ ษา 4. คานามทาหน้าท่ีขยายกริยา และใชต้ ามหลงั คาบุพบท เพอ่ื บอกสถานที่ เชน่ ฉนั วง่ิ ออกกาลงั กายท่ีสนามหญ้า คณะกรรมการนัดพบกันในห้องประชมุ ครทู ุ่มเททางานเพื่อนกั เรยี น เขากลบั ตัวไดเ้ พราะคาสอนของครู 5. คานามทาหน้าทีข่ ยายกริยาหรือคานามอื่น โดยใช้บอกเวลา ฉนั ชอบอา่ นหนังสอื ตอนเช้าๆ ร้านตดั ผมปิดวันพธุ ขา่ วเทย่ี งวนั ได้รบั ความนิยมมาก เขาลดความอ้วนโดยอดอาหารเยน็ 6. คานามใช้เปน็ คาเรยี กขาน เพ่อื เนน้ หรอื บอกความรูส้ ึก เชน่ พระคุณเจา้ นมิ นต์ทางนค้ี รับ นักเรียน เงยี บๆหน่อยไดไ้ หม เด็ก ๆ ทาการบ้านเสร็จแล้วหรอื ยัง ต๊กิ จะไปดหู นังกบั เราไหม
259 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๓ เรอื่ ง พนิ จิ พิจารณ์ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๘ เวลา ๑ ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เรื่อง คานาม ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ขอบเขตเนอื้ หา รายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ชนิดและหนา้ ทข่ี องคานาม จุดประสงค์การเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ ด้านความรู้ ขัน้ นา ๑. เกม “บงิ โกคานาม” ๑. ครูให้นักเรียนเล่นเกม “บิงโกคานาม” พร้อมเฉลยคาที่เป็น ๒. ใบงาน เรอ่ื ง ชนดิ และหน้าทข่ี องคานาม อธิบายหนา้ ท่ีของคานามได้ คานาม ๓. แบบทดสอบ เร่อื ง คานาม ดา้ นทักษะและกระบวนการ ๒. ครูสรปุ อธบิ ายหาคาท่เี ปน็ คานามเพิ่มเติม ภาระงาน/ชิน้ งาน ข้นั สอน สรปุ ความร้เู รื่องชนิดและหนา้ ทขี่ องคานามใน ๑. วิเคราะห์ชนิดและหน้าท่ีของคานามได้ 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๓ คน จากน้ันครูกาหนด รปู แบบแผนภาพความคิด ๒. ใช้คานามในประโยคได้ถกู ต้อง คานามจานวน ๓ คา บนกระดาน ได้แก่ คาว่า ตารวจ โรงงาน ดา้ นคณุ ลักษณะ นายสมชาย จากนนั้ ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั แต่งประโยค โดย 1. มีวินัย ให้มีคาท่ีกาหนดให้อยู่ในประโยค ประโยคละ ๑ คา ซึ่งคาท่ี 2. ใฝเ่ รยี นรู้ กาหนดจะตอ้ งไม่อยใู่ นตาแหนง่ เดียวกันในประโยค 3. มุ่งม่ันในการทางาน 2. ครูให้นักเรียน จานวน ๒ กลุ่ม นาเสนอประโยคที่นักเรียน แต่งมาให้เพ่ือน ดู จากน้ันให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ว่า คาที่ กาหนดให้อยู่ในตาแหน่งใดในประโยคและทาหน้าท่ีใด จากน้ันครู ใหน้ ักเรยี นให้คาจากัดความ เรอ่ื ง หนา้ ทขี่ องคานาม 3. ครูอธบิ าย เรื่อง หน้าทข่ี องคานาม เพ่ิมเตมิ โดยยกตวั อย่าง ประกอบ บันทึกความรูล้ งในสมุดบันทกึ 4. นักเรียนทาใบงาน เรื่อง ชนิดและหน้าที่ของคานาม จากน้ัน ครูเฉลยคาตอบทถ่ี ูกต้อง ๕. นกั เรยี นทาแบบทดสอบ เรื่อง คานาม 259 252
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ เร่ือง พนิ ิจพจิ ารณ์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๘ 260 กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย เร่ือง คานาม เวลา ๑ ชว่ั โมง ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ รายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั สรปุ ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับความรู้ เรื่อง ชนิดและหน้าท่ีของ คานามเพ่ือเป็นการสรุปความรู้ จากน้ันมอบหมายงานให้นักเรียน แต่ละคนไปสรุปความรู้เร่ืองชนิดและหน้าท่ีของคานามในรูปแบบ แผนภาพความคดิ แลว้ นาส่งครู ตามที่ครูกาหนด 253
261225614 การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เครอ่ื งมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ ส่ิงท่ตี ้องการวดั /ประเมนิ ๑. สังเกตจากการเรยี น และการทางานกลุ่ม ๑. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์การ ด้านความรู้ ๒. ประเมนิ การทางานกล่มุ กปารระปเมรินะรเม้อนิ ยรล้อะยละ อธบิ ายหนา้ ท่ขี องคานาม แผนภาพความคิด ๒. แบบประเมนิ ๘๐ขึ้นไป ความสามารถในการเขยี น ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ แผนภาพความคิด ๑. วเิ คราะหช์ นดิ และหนา้ ท่ี คานามได้ ๑. ตรวจใบงาน ๑. ใบงาน เร่ือง ชนิดและ ผ่านเกณฑ์การ ๒. ใชค้ านามในประโยคได้ ๒. ตรวจแบบทดสอบ หนา้ ทข่ี องคานาม กปารระปเมรนิะรเม้อนิ ยรล้อะยละ ถกู ต้อง ๒. แบบทดสอบ เร่อื ง ๘๐ ข้นึ ไป คานาม ด้านคุณลกั ษณะ 1. มวี ินยั ประเมินจากคณุ ลักษณะ แบบประเมินคณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ระดับ ๒ 3. มุ่งมน่ั ในการทางาน ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ....................................................... ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................ ........................................................................ ลงชอื่ ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ท่.ี ............เดอื น................พ.ศ…..…… ๙. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชอ่ื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันท.ี่ ............เดอื น................พ.ศ…..……
262226525 ใบงาน เร่อื ง ชนดิ และหนาท่ีของคํานาม หนวยท่ี ๓ แผนการจดั การเรียนรู ๘ เรื่อง คาํ นาม รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ ๑ ตอนท่ี ๑ คาํ ช้แี จง จงบอกคําที่เปน ตวั ทึบเปน คาํ นามชนดิ ใดและทาํ หนาทีใ่ นประโยค ๑. จอมขวัญปลูกกล้วยไม้สชี มพู จอมขวญั เป็น............................................... ทำหน้ำท่ี................................................................... ๒. แมซ่ อื้ หมากพลูมำฝำกยำย หมำกพลู เป็น............................................... ทำหน้ำท.่ี .................................................................. ๓. เสอื ไฟมีรูปร่ำงคล้ำยแมว แมว เปน็ ............................................... ทำหนำ้ ที.่ ................................................................. ๔. นภำวรรณเขยี นบทควำม ๑ เร่อื ง เรอ่ื ง เปน็ ............................................... ทำหน้ำที่.................................................................. ๕. ความรกั ทำใหค้ นตำบอด ควำมรัก เปน็ ............................................... ทำหนำ้ ท่.ี ................................................................. ๖. กอ้ ยให้อำหำรสตั วเ์ ล้ยี งก่อนออกจำกบ้ำน สตั ว์เล้ียง เปน็ ............................................... ทำหน้ำท.ี่ ................................................................. ๗. สมควรยามรักษาการณ์เปน็ คนมีวินัย ยำมรกั ษำกำรณ์ เปน็ ............................................... ทำหน้ำท่.ี ................................................................. ๘. แม่ไปตลาด ตลำด เป็น............................................... ทำหน้ำท่ี................................................................... ๙. นายช่างครับรถผมเสีย นำยช่ำง เป็น............................................... ทำหน้ำท.ี่ .................................................................. ๑๐. เรำอยบู่ า้ นทกุ วนั บ้ำน เป็น................................................ ทำหนำ้ ท่ี...................................................................
263226536 ตอนท่ี ๒ คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นนาคานามที่กาหนดใหเ้ ตมิ ลงประโยคใหถ้ ูกต้อง ตลาด แมว คณะลิเก ผักและผลไม้ ผู้ใหญบ่ ้าน เดก็ ๆ ขนม โรงเรียน คุณครู สนุ ัข ๑. ..................พากันว่ิงเล่นบนสนามหญ้าหนา้ หม่บู ้าน ๒. คุณพ่อไปประชุมท่ีศาลากลางหมูบ่ ้านตามท่ี...........................นดั หมาย ๓. ในวนั หยดุ คุณแมจ่ ะต่นื แตเ่ ชา้ เพ่ือไปซอื้ ของที่..................... ๔. เดก็ ๆ ต้องทาการบ้านมิฉะนั้นจะถกู ...................ลงโทษ ๕. คุณยายและคุณย่าชวนกนั ไปด.ู .....................แสดงที่งานประจาปขี องวัด ๖. ...................เปน็ สตั ว์ท่รี กั สงบ ไม่ชอบยุ่งกบั คน ๗. หลังจากทีข่ โมยขึน้ บา้ น คุณพ่อจึงอยากได้.................พนั ธ์ุดีมาเฝา้ บ้าน ๘. เนื้อสัตว์ แป้งนม ไข่ และ ............................ เปน็ อาหารท่ีเหมาะสาหรับเด็กวัยรนุ่ ๙. การเลอื กรับประทาน......................ควรเลอื กท่มี ีคุณค่าทางอาหารและให้พลงั งานท่เี หมาะสม ๑๐. ...................... เปน็ สถานทท่ี ่ีใหค้ วามรู้และอบรมบม่ นสิ ัย เฉลย ผู้ใหญ่บ้าน ตลาด คณุ ครู คณะลิเก เด็กๆ สุนขั ผกั และผลไม้ ขนม โรงเรียน แมว
264225674 แบบทดสอบ เร่ือง คํานาม หนวยท่ี ๓ แผนการจัดการ เรยี นรู ๘ เร่อื ง คํานาม รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี ๑ คาํ ชี้แจง : ใหน ักเรียนเลือกคําตอบท่ถี กู ตองท่ีสุดเพียงขอ เดยี วเทา นั้น ๑. ขอ ใดอธบิ ายความหมายของคํานามถูกตองทสี่ ุด ก. ที่ใช้เรียกชอื่ คน สัตว์ สิ่งของ ข. คำที่ใชเ้ รียกชอื่ คน สตั ว์ สงิ่ ของทัง้ ทีเ่ ปน็ รปู ธรรมและนำมธรรม ค. คำท่ีใช้เรียกช่ือสถำนที่ อำคำร สภำพ และลักษณะทงั้ ส่ิง มีชีวติ และไมม่ ชี วี ิต ง. คำท่ีใช้เรยี กช่อื คน สตั ว์ สงิ่ ของ สถำนที่ อำคำร สภำพและลกั ษณะ ทั้งสง่ิ มีชวี ติ และไม่มชี วี ติ ทัง้ ท่เี ปน็ รูปธรรมและนำมธรรม ๒. คำนำมจำแนกออกเป็นชนิดย่อย ๆ มอี ะไรบำ้ ง ก. สำมำนยนำม วิสำมำนยนำม ลกั ษณนำม สมหุ นำม และอำกำรนำม ข. สำมำนยนำม วิสำมำนยนำม สรรพนำม สมุหนำม และอำกำรนำม ค. สำมำนยนำม วิสำมำนยนำม สรรพนำม สมหุ นำม และลักษณนำม ง. สำมำนยนำม วิสำมำนยนำม สรรพนำม ลักษณนำม และสมหุ นำม ๓. คำ \"ขัน\" ในข้อใดเป็นคำนำม ข. ขนั เชอื กใหแ้ น่น ก. ไกข่ นั ตอนเช้ำ ง. เขำช่วยกันทำงำนอย่ำงแข็งขัน ค. หยบิ ขันตักนำ้ มำลำ้ งหน้ำ ๔. ข้อใดมนี ำมเฉพำะ (วลิ ำมำนยนำม) ข. มะละกอสุกมรี สหวำน ก. คนครวั หงุ ข้ำวใหเ้ รำ ง. นิรำศภูเขำทองเป็นผลงำนของชนิ้ เอกสนุ ทรภู่ ค. ลกู เสอื ต้องมีควำมซ่ือสตั ย์ ๕. ขอ้ ใดมีสมหุ นำม ข. เสือ้ ผ้ำกองนี้ซกั แล้ว ก. ผักแปลงใหญง่ ำมดี ง. ข้ำวหลำมกระบอกนี้มนั มำก ค. คณะนักแสดงพรอ้ มข้ึนเวที ๖. ประโยคใดมที ั้งกรรมตรงและกรรมรอง ข. วรรณคดีเป็นหนังสือที่แตง่ ดี ก. ฉันชอบควำมคดิ ของเธอ ง. เรำซ้อื ขำ้ วหลำมหนองมนมำฝำกเพ่ือน ค. ฉันบริจำคเสือ้ ผ้ำใหเ้ ด็กกำพรำ้
258 265265 ๗. คำนำมท่ีพิมพ์ตวั หนำในข้อใดทำหน้ำทขี่ ยำยคำนำมอนื่ ก. เรำคอื คนไทยทัง้ แทง่ ข. พระสงฆ์ทำวัตรเวลาเยน็ ค. เดก็ ๆ ควรมีความประพฤติเรียบรอ้ ย ง. ประเทศไทยผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟา้ ได้สำเรจ็ ๘. ขอ้ ใดคำนำมทำหนำ้ ท่ีเป็นประธำนของประโยค ข. เธอคอื ครขู องฉัน ก. ผู้รำ้ ยถูกตำรวจจับ ง. ฉนั ซ้ือก๋วยเต๋ียวแห้งมำฝำกเธอ ค. วชิ ำเป็นทรัพย์อันประเสริฐ ๙. “ฉันไปทำบุญทว่ี ดั ในวันเข้าพรรษา” คำที่พมิ พต์ ัวหนำทำหน้ำทต่ี รงกบั ขอ้ ใด ก. กรรมตรง ข. กรรมรอง ค. ขยำยกริยำ (บอกเวลำ) ง. ขยำยกริยำ (บอกสถำนท)ี่ ๑๐. “อนงค์สวยเหมือนแม่” คำทพ่ี ิมพ์ตัวหนำทำหนำ้ ท่ีตรงกบั ข้อใด ก. กรรมตรง ข. กรรมรอง ค. สว่ นเตมิ เต็ม ง. ขยำยคำนำม เฉลย ๑. ง ๒. ก ๓. ค ๔. ง ๕. ค ๖. ง ๗. ง ๘. ค ๙. ค ๑๐. ก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368