Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ภาษาไทย ม.1 เทอม 1 ครูอทิติยา

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ภาษาไทย ม.1 เทอม 1 ครูอทิติยา

Published by ratigarn2531, 2023-06-09 16:00:27

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ภาษาไทย ม.1 เทอม 1 ครูอทิติยา

Search

Read the Text Version

68 6681 เฉลยใบงาน เรือ่ ง เสียงในภาษาไทย (เสียงสระ) หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๘ เรอ่ื ง เสียงในภาษาไทย (เสียงสระ) รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ กิจกรรมที่ ๑ คาชแี้ จง ให้นกั เรียนเขียนเครื่องหมาย ✓หนา้ ข้อความทถ่ี ูกต้อง และเขียน เคร่ืองหมาย  หนา้ ข้อความทีไ่ ม่ถูกต้อง  ๑. แหลง่ เริม่ ต้นของเสยี ง คือ ปาก (ปอด) ✓ ๒. เสยี งสระ และเสยี งพยญั ชนะนบั เปน็ เสียงในภาษา ✓ ๓. เสยี งทม่ี นุษย์ใช้เพื่อสอ่ื ความหมาย คือเสียงในภาษา  ๔. เสยี งในภาษาเกดิ จากลมเดนิ ทางจากปอดผา่ นหลอดลมออกมาทางช่องปากหรือจมูก โดยไมก่ ระทบสิง่ ใดเลย ✓ ๕. อวัยวะต่างๆ ในปาก เช่น ลิ้นไก่ ล้นิ ฟนั เพดาน และริมฝปี าก มสี ่วนในการทาให้ เกดิ เสียงในภาษาฟังเปน็ เสียงต่างกนั ออกไป กจิ กรรมที่ ๒ คาช้ีแจง ให้นกั เรียนตอบคาถามลงในช่องว่างต่อไปน้ใี หถ้ ูกตอ้ งเหมาะสม ๑. เสียงในภาษาเริ่มตน้ ที่ ลมจากปอด ๒. เสียงในภาษาไทยแบ่งออกได้ ๓ เสียง ไดแ้ ก่ เสียงพยัญชนะ เสียงสระ และเสียงวรรณยุกต์ ๓. เสียงสระทอี่ ย่ใู นคาเหล่านี้ คอื ซู่ สระ อู แซง สระ แอ งอ สระ ออ วัว สระ อัว ๔. นกั เรยี นจาแนกคาสระเสยี งเด่ียวแท้ลงในช่องว่าง กวน จดื กลงึ ตู้ ขลยุ่ เบื่อ เตรยี ม เทพ เกลด็ เพลยี กดั จาน จืด (สระอือ) กลึง สระอึ ตู้ สระอู ขลุย่ สระอุ กดั สระ อะ จาน สระ อา เทพ สระเอ เกลด็ สระเอะ (เอยี อัว เอือ ป็นสระประสมหรือสระเล่ือน) ๕. ขีดเสน้ ใต้คาทีม่ ีสระประสม (สระเลอ่ื น) ทุง่ นา ปา่ เขา หนองน้า บ้านเรอื น

69 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรื่อง พ้ืนฐานอา่ นเขียน แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๙ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภวิชาษาภาไาทษยาไทย เรอ่ื ง เสียงในภาษาไทย (เสยี งพยญั ชนะ) ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ สอื่ /แหล่งเรียนรู้ ขอบเขตเน้ือหา รายวชิ าพพน้ื ้นื ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ๑. แผนภมู พิ ยัญชนะ เสียงในภาษาไทย (เสยี งพยัญชนะ) กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนา ๒. ใบความรู้ เร่อื ง เสียงในภาษาไทย (เสยี ง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ครูให้นักเรยี นฝกึ ออกเสยี งพยัญชนะจากแผนภมู ิ ด้านความรู้ ดงั ต่อไปนี้ พยญั ชนะ) ๑. อธบิ ายความหมายเสยี งพยญั ชนะในภาษาไทย แผนภูมิพยญั ชนะ ๓. ใบงาน เร่ือง เสียงในภาษาไทย (เสยี งพยญั ชนะ) ได้ กขฃคฆง จฉชซฌญ ภาระงาน/ชิน้ งาน ๒. อธิบายลกั ษณะของเสียง พยญั ชนะในภาษาไทย ฎฏฐฑฒณ นกั เรยี นฝึกอา่ นออกเสียงพยญั ชนะ ดตถทธน ได้ บปผฝพฟภม ยรลวศษสหฬอฮ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ จาแนกเสยี งพยัญชนะในภาษาไทยได้ จากนั้นครสู นทนาซกั ถามนักเรยี นเกีย่ วกบั แหลง่ กาเนิดของเสียงพยัญชนะ ด้านคณุ ลักษณะ ขั้นสอน ๑. มวี นิ ัย ๑. นกั เรียนแบ่งกล่มุ ๔ กล่มุ ศกึ ษาใบความรู้ เรือ่ ง ๒. ใฝ่เรียนรู้ เสียงในภาษาไทย (เสยี งพยัญชนะ) ตามหวั ข้อตอ่ ไปนี้ ๓. รกั ความเป็นไทย 62 69

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรือ่ ง พื้นฐานอา่ นเขยี น แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๙ 70 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภวิชาษาภาไาทษยาไทย เรือ่ ง เสียงในภาษาไทย (เสยี งพยัญชนะ) เวลา ๑ ช่ัวโมง รายวิชาพพน้ื น้ื ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ กลุ่มท่ี ๑ ความหมายของเสียงพยัญชนะ กลุม่ ท่ี ๒ เสียงและรูปพยัญชนะ กลมุ่ ท่ี ๓ เสียงพยัญชนะตน้ กลมุ่ ท่ี ๔ เสยี งพยญั ชนะท้ายพยางค์ ๒. แตล่ ะกลุ่มระดมความคดิ และส่งตัวแทนนาเสนอ หนา้ ชั้นเรยี น ๓. ครแู จกใบงานเรื่อง เสยี งในภาษาไทย (เสียง พยัญชนะ) ให้นกั เรยี นทา ๔. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจใบงานเสนอแนะแกไ้ ข ใหถ้ ูกต้องและชมเชยนกั เรียนทท่ี าได้ถูกต้อง ข้นั สรุป ครูให้นักเรยี นช่วยกันสรปุ เรอื่ งเสยี งพยัญชนะ เพอ่ื ให้เขา้ ใจตรงกันอีกคร้งั 63

71 7641 การวัดและประเมนิ ผล ส่ิงทตี่ ้องการวัด/ประเมนิ วิธีการ เครอ่ื งมือท่ใี ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ๑. อธิบายความหมายของเสยี ง สงั เกตพฤติกรรมกลุม่ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ พยัญชนะ การทางานกลมุ่ รอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ๒. อธบิ ายลกั ษณะของเสยี ง พยัญชนะ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ จาแนกเสยี งพยญั ชนะใน ตรวจใบงาน เรือ่ ง ใบงาน เรือ่ ง ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ภาษาไทยได้ เสยี งในภาษาไทย เสียงในภาษาไทย รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป (เสียงพยญั ชนะ) (เสียงพยญั ชนะ) ดา้ นคุณลกั ษณะ ๑. มวี นิ ยั ประเมนิ คุณลักษณะ แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ๒. ใฝ่เรยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะอันพึง ระดบั ๒ ๓. รักความเป็นไทย ประสงค์ ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปัญหาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ที.่ .........เดอื น..................................พ.ศ…...…. ๙. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ ......................................ผตู้ รวจ (.........................................................) วันท.ี่ .........เดือน..................................พ.ศ…...….

72 7625 ใบความรู้ เรอื่ ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งพยัญชนะ) หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๙ เร่ือง เสยี งในภาษาไทย (เสียงพยัญชนะ) รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ความหมาย เสียงพยัญชนะ (เสียงแปร) หมายถึง เสียงท่ีเกิดจากลมท่ีออกจาก ปอด แต่ขณะที่ลมผ่านหลอดลม หรือออกมาทางช่องทางเดินของลมจะถูกสกัดก้ัน ณ ท่ีใดท่ีหน่ึง ตั้งแต่ในลาคอ ในช่องปาก หรือในช่องจมูก และลมอาจถูกสกัดกั้นไว้ทั้งหมด หรือถูกสกัดก้ันเป็นบางส่วน แล้วจึงผ่านออกมาภายนอก ทาให้เกิดเสียง พยัญชนะต่าง ๆ เสียงชนิดนี้ได้แก่เสียงท่ีอยู่ต้นพยางค์ เช่น กะ โค งู ฯลฯ เสียงพยัญชนะในภาษาไทยมี ๒๑ เสียง ๔๔ รูป ดังน้ี เสยี งพยญั ชนะไทย ๒๑ เสยี ง รปู พยญั ชนะไทย ๔๔ รูป ๑. /ก/ ก ๒. /ค/ ข ฃ ค ฅ ฆ ๓. /ง/ ง ๔. /จ/ จ ๕. /ช/ ช ฌ ฉ ๖. /ซ/ ซ ส ศ ษ ๗. /ด/ ด ฎ ๘. /ต/ ต ฏ ๙. /ท/ ท ธ ฑ ฒ ถ ฐ ๑๐. /น/ นณ ๑๑. /บ/ บ ๑๒. /ป/ ป ๑๓. /พ/ พภผ ๑๔. /ฟ/ ฟฝ ๑๕. /ม/ ม ๑๖. /ย/ ยญ ๑๗. /ร/ ร ๑๘. /ล/ ลฬ ๑๙. /ว/ ว ๒๐. /ฮ/ ฮห ๒๑. /อ/ อ

73 7636 ข้อสังเกต บางครั้งเสียงพยัญชนะเสียงเดียวมีรูปพยัญชนะมากท่ีสุดถึง ๖ ตัว เช่น เสียง ท มีรูป พยญั ชนะ ท ธ ฑ ฒ ถ ฐ เปน็ ตน้ แตบ่ างเสยี งก็มรี ูปพยัญชนะเพียงรูปเดียวเทา่ นน้ั เสียงพยัญชนะต้น เสยี งพยญั ชนะตน้ แบ่งออกเป็น ๒ ชนดิ คอื ๑. เสียงพยญั ชนะตน้ เดยี่ ว เช่น กนั ขาน คดิ ฉาน ชอบ /ก/ /ข/ /ค/ /ช/ เปน็ เสยี งพยญั ชนะตน้ ๒. เสยี งพยัญชนะควบกลา้ หมายถงึ พยญั ชนะ ๒ เสยี ง ทีอ่ อกเสยี งพรอ้ มกัน เสียงพยัญชนะควบกล้า ในภาษาไทยอยู่ไดใ้ นตาแหน่งตน้ พยางคเ์ ทา่ นั้น เชน่ กราบ ขรึม โคลง ความ /กร/ /คล/ /คว/ เปน็ ตน้ และ ยังมีพยัญชนะควบกล้าซึ่งอยู่ในต้นพยางค์ในคาที่เรารับมาจากภาษาอื่น เช่น อินทรา /ทร/ ฟรี /ฟร/ ฟลุก / ฟล/ เปน็ ตน้ พยัญชนะท้ายพยางค์ ในภาษาไทยเสียงพยัญชนะทั้ง ๒๑ เสียง ใช้เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ไม่ได้ท้ังหมด เรามีเสียง พยญั ชนะท้ายพยางค์ เพียง ๘ มาตราเท่าน้ัน ส่วนพยางค์ทไี่ มม่ ีเสยี งพยัญชนะท้ายพยางค์จัดอยูใ่ นมาตราแม่ ก กา เชน่ จะ มา ตี ครู เหาะ พอ แกะ เตะ เสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ มี ๘ มาตรา หรือ ๘ แม่ ในแต่ละมาตราอาจใช้พยัญชนะตัวเดียว พยญั ชนะควบกล้าหรอื พยญั ชนะทมี่ สี ระกากับก็ได้ดงั นี้ ๑. แม่ กก มีเสียง ก เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ก กร ข ค คร ฆ ออกเสียงเหมือน ก สะกด เชน่ ลกู จกั ร เลข นาค สมคั ร เมฆ ๒. แม่ กด มีเสียง ด เป็นเสียงพยัญชนะเป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ จ ช ขร ซ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ต ตร ถ ท ทร ธ ส ศ ษ ออกเสียงเหมือน ด สะกด เช่น กัด นิจ ราช เพชร ก๊าซ กฎ ปรากฏ รัฐ ครฑุ พัฒนา รัตน์ ฉัตร รถ พุทธ ภัทร โกรธ รส อากาศ ๓. แม่ กบ มเี สยี ง บ เป็นเสยี งพยัญชนะทา้ ยพยางค์ ใช้ บ ป พ ฟ ภ ออกเสียงเหมอื น บ สะกด เช่น บาป ภาพ กราฟ ลาภ ๔. แม่ กง มีเสียง ง เป็นตัวสะกดหรือพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ง สะกด เช่น จง ยิง สูง สังข์ สงฆ์ ๕. แม่ กน มีเสียง น เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ น ญ ณ ร ล ฬ ออกเสียงเหมือน น สะกด เช่น เงนิ เข็ญ คณุ พร กล จุฬ ๖. แม่ กม มีเสยี ง ม เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ม สะกด เชน่ ผม เค็ม ๗. แม่ เกย มีเสียง ย เปน็ เสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ย สะกด เช่น คยุ พาย สวย โอย ๘. แม่ เกอว มีเสียง ว เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ว สะกด เช่น สาว ฉิว เร็ว เปลว แล้ว นอกจากนั้นยังมีคาท่ีประสมสระเสียงสั้นหรือเสียงยาว แต่ไม่มีตัวสะกดเรียกว่า แม่ ก กา เช่น กา จะตี ดุ เสอื หนี

74 7674 ใบงาน เรื่อง เสียงในภาษาไทย (เสยี งพยญั ชนะ) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๙ เรื่อง เสียงในภาษาไทย (เสยี งพยญั ชนะ) รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนออกเสียงคาต่อไปนี้ แล้วเขียนบอกพยญั ชนะต้นเสยี งและพยัญชนะทา้ ยเสียง พยัญชนะต้นเสียง พยญั ชนะท้ายเสียง ๑. คลัง ............................... ............... ........................ .............. ๒. สาว ............................... ............... ........................ .............. ๓. เลน่ ............................... ............... ........................ .............. ๔. เคย ............................... ............... ........................ .............. ๕. มิตร ............................... ............... ........................ .............. ๖. เพลง ............................... ............... ............................... ............... ๗. ศรี ............................... ............... ............................... ............... ๘. กราฟ ............................... ............... ............................... ............... ๙. ครฑุ ............................... ............... ............................... ............... ๑๐. ถ้วย ............................... ............... ............................... ............... ๑๑. ทราม ............................... ............... ............................... ............... ๑๒. บรรยาย ............................... ............... ............................... ............... ๑๓. เตรยี มพรอ้ ม ............................... ............... ............................... ............... ๑๔. ขวนขวาย ............................... ............... ............................... ............... ๑๕. ปราบปราม ............................... ............... ............................... ............... ๑๖. เควง้ ควา้ ง ............................... ............... ............................... ............... ๑๗. พลกิ แพลง ............................... ............... ............................... ............... ๑๘. กลาดเกลอื่ น ............................... ............... ............................... ............... ๑๙. ปลาวาฬ ............................... ............... ............................... ............... ๒๐. เปย่ี มสขุ ............................... ............... ............................... ...............

75 7685 เฉลยใบงาน เรอื่ ง เสียงในภาษาไทย (เสียงพยัญชนะ) หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๙ เรอ่ื ง เสยี งในภาษาไทย (เสียงพยญั ชนะ) รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ คาช้แี จง ให้นักเรียนออกเสยี งคาตอ่ ไปนี้ แลว้ เขียนบอกพยญั ชนะต้นเสยี งและพยัญชนะทา้ ยเสียง ๑. คลงั พยญั ชนะตน้ เสียง พยญั ชนะทา้ ยเสียง ๒. สาว .พ...ย..ัญ...ช...น..ะ...ค..ว..บ...ก..ล..า้... ./..ค..ล.../....... .แ...ม..่ก...ง............... .../..ง../....... .พ...ย..ญั...ช...น..ะ...เ.ด..่ีย...ว........ ./..ส../.......... .แ...ม..่ก...เ.ก..อ...ว......... .../..ว../....... .พ...ย..ญั...ช...น..ะ...เ.ด..ี่ย...ว........ ./..ล../.......... .แ...ม..่ก...น............... .../..น../....... ๓. เลน่ .พ...ย..ัญ...ช...น..ะ...เ.ด..ยี่...ว........ ./..ค../.......... .แ...ม..่เ..ก..ย.............. .../..ย../....... .พ...ย..ญั...ช...น..ะ...เ.ด..ีย่...ว........ ./..ม../.......... .แ...ม..ก่...ด............... .../..ด../....... ๔. เคย .พ...ย..ญั...ช...น..ะ...ค..ว..บ...ก..ล..้า... ./..พ...ล../....... .....แ...ม..ก่..ง................... .../..ง../........ ๕. มิตร ๖. เพลง ๗. ศรี .พ...ย..ญั...ช...น..ะ...ค..ว..บ...ก..ล..้า... ./..ศ../.......... .....แ...ม..ก่....ก..า............... ...-............ .(.ค...ว..บ..ไ..ม..่แ...ท..)้............. ๘. กราฟ .พ...ย..ัญ...ช...น..ะ...ค..ว..บ...ก..ล..า้... ./..ก..ร../........ .....แ...ม..ก่..บ................... .../..บ../........ ๙. ครฑุ .พ...ย..ญั...ช...น..ะ...ค..ว..บ...ก..ล..้า... ./..ค..ร../........ .....แ...ม..่ก..ด................... .../..ด../........ .พ...ย..ญั...ช...น..ะ...เ.ด..ย่ี...ว........ ./..ถ../.......... .....แ...ม..่เ.ก...ย................. .../..ย../........ ๑๐. ถว้ ย .พ...ย..ัญ...ช...น..ะ...ค..ว..บ...ก..ล..้า... ./..ซ../.......... ....แมก่ ม................. .../..ม../........ ๑๑. ทราม ..(..ค..ว..บ...ไ.ม...่แ..ท...้)........... .พ...ย...ญั ...ช..น...ะ..เ.ด...ีย่ ..ว........ ๑๒. บรรยาย .พ...ย...ัญ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...้า.. ./..บ..././..ย../.... .....แ...ม..ก่..น....แ...ม..่เ.ก...ย...... .../..น../.../..ย../. ๑๓. เตรียมพร้อม .พ...ย...ัญ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...า้ .. ./.ต...ร../.../..พ..ร. / ...........แมก่ ม ........ .../..ม../........ ๑๔. ขวนขวาย .พ...ย...ัญ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...้า.. ./..ข..ว../........ ....แมก่ น................ .../..น../........ ๑๕. ปราบปราม .พ...ย...ัญ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...า้ .. ./..ป...ร../....... ....แมก่ บ แม่กม..... .../..บ../.../..ม.../ ๑๖. เคว้งควา้ ง .พ...ย...ญั ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...้า.. ./..ค..ว.../....... ....แมก่ ง................ .../..ง../........ ๑๗. พลกิ แพลง .พ...ย...ญั ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...า้ .. ./..พ...ล../....... .......แม่กก แม่กง.. .../..ก../.../..น../. ๑๘. กลาดเกลอ่ื น .พ...ย...ญั ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...้า.. ./..ก..ล.../....... ...แม่กด แม่กน.... .../..ด../...../.น../ ๑๙. ปลาวาฬ .พ...ย...ัญ...ช..น...ะ..เ.ด...ี่ย..ว........ ./..ป...ล../..../..ว. / .....แม่ก กา แม่กน. .../..น../........ .พ...ย...ญั ...ช..น...ะ..เ.ด...ย่ี ..ว........ ./..ป.../.../.ส.../.. .แมก่ ม แม่กก........ .../..ม../../..ก../.. ๒๐. เปี่ยมสขุ

76 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เรือ่ ง พืน้ ฐานอ่านเขียน แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑๐ เวลา ๑ ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้วิชาษาภาไาทษยาไทย เร่ือง เสียงในภาษาไทย (เสียงวรรณยุกต์) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเนื้อหา เสียงในภาษาไทย(เสยี งวรรณยกุ ต)์ รายวชิ าพพนื้ ้ืนฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย สื่อ/แหล่งเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. บตั รคา จุดประสงค์การเรยี นรู้ ข้ันนา ดา้ นความรู้ ครูนาบัตรคา ปา ป่า ปา้ ป๊า ปา๋ เสือ เสอ่ื เส้อื และ ๒. ใบความรู้ เรอ่ื ง เสียงในภาษาไทย (เสยี ง ๑. มคี วามร้คู วามเข้าใจเรอื่ งเสียงวรรณยุกต์ใน ภาษาไทย ให้นกั เรยี นวิเคราะห์คาว่าเมื่อเปลี่ยนเสยี งวรรณยุกต์ วรรณยกุ ต์) ๒. อธบิ ายความสาคญั ของเสียงวรรณยกุ ตใ์ น คานั้นจะมีการเปล่ยี นแปลงอยา่ งไร ๓. ใบงาน เรอื่ ง เสยี งในภาษาไทย (เสียงวรรณยุกต์) ข้นั สอน ภาระงาน/ช้นิ งาน ภาษาไทยได้ ๑. แบ่งนักเรยี นออกเป็นกลุ่มศึกษาใบความรู้ เรือ่ ง ครูมอบหมายใหน้ กั เรียน ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ฝกึ ผันอกั ษรโดยกำ�หนดคำ� จาแนกเสยี งวรรณยุกตไ์ ด้ เสยี งในภาษาไทย(เสยี งวรรณยุกต)์ ดงั น้ี แลว้ เปลยี่ นรปู วรรณยุกต์ กล่มุ ที่ ๑ ความหมาย พร้อมยกตัวอยา่ งคา ด้านคณุ ลกั ษณะ ๑. มวี ินยั กลุ่มที่ ๒ ความสาคญั พร้อมยกตัวอยา่ งคา ๒. ใฝ่เรยี นรู้ กลมุ่ ท่ี ๓ รปู และเสยี งวรรณยุกต์ พร้อม ยกตวั อย่างคา ๓. รักความเปน็ ไทย กลมุ่ ที่ ๔ อักษรสามหมู่ (อักษรสูง) กลุ่มท่ี ๕ อักษรสามหมู่ (อกั ษรกลาง) กลุ่มที่ ๖ อกั ษรสามหมู่ (อักษรตา่ ) กลุม่ ท่ี ๗ อักษรสามหมู่ (อักษรต่าคู่ – อักษร เดีย่ ว) 7696

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรื่อง พ้ืนฐานอ่านเขียน แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑๐ 77 กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้วิชาษาภาไาทษยาไทย เร่ือง เสียงในภาษาไทย (เสยี งวรรณยุกต์) เวลา ๑ ชวั่ โมง รายวิชาพพื้นนื้ ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ๒. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มวเิ คราะหแ์ ละรวบรวมผลงาน ตามหัวข้อที่ได้รบั มอบหมาย ๓. แต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนนาเสนอผลงานกลุ่ม ๔. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เติมเตม็ ผลงานแตล่ ะกลมุ่ ๕. ครูแจกใบงาน เร่อื ง เสียงในภาษาไทย (เสียง วรรณยุกต์) ให้นักเรยี นทาใบงาน ๖. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั ตรวจใบงาน แกไ้ ข เพิม่ เติมให้ถูกตอ้ ง ขั้นสรปุ ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ ความรู้ เรอ่ื ง เสยี ง วรรณยกุ ตใ์ ห้มีความเข้าใจตรงกนั 70 77

78 7781 การวัดและประเมินผล วิธีการ เคร่ืองมอื ที่ใช้ เกณฑ์ สงิ่ ท่ตี ้องการวัด/ประเมิน สงั เกตการทางานกลุม่ แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ดา้ นความรู้ การทางานของกลุ่ม ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป อธบิ ายความสาคญั ของเสยี ง วรรณยุกต์ ตรวจใบงาน เรอ่ื ง ใบงาน เรอื่ ง ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ เสยี งในภาษาไทย เสียงในภาษาไทย รอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป จาแนกเสยี งวรรณยกุ ตใ์ น (เสยี งวรรณยกุ ต์) (เสียงวรรณยุกต์) ภาษาไทยได้ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ ดา้ นคณุ ลักษณะ คุณลักษณะ ระดับ ๒ ๑. มวี ินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. รักความเป็นไทย ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปัญหาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ท่ี..........เดือน..................................พ.ศ…...…. ๙. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ ......................................ผตู้ รวจ (.........................................................) วันที.่ .........เดอื น..................................พ.ศ…...….

79 7729 ใบความรู้ เรือ่ ง เสียงในภาษาไทย (เสียงวรรณยุกต์) หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑๐ เร่อื ง เสียงในภาษาไทย (เสียงวรรณยุกต์) รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ความหมาย เสียงวรรณยุกต์ หมายถงึ เสยี งทมี่ ีระดับสูงต่า และเราจะได้ยินไปพร้อมกับเสยี งสระบางทีเป็นเสียงสูง บางทีก็เป็นเสียงต่า บางทีก็เป็นเสียงที่อยู่ระหว่างเสียงสูงกับเสียงต่า บางทีก็เป็นเสียงต่าแล้วค่อย ๆ เลื่อนขึ้น ไปสู่เสียงสูง เสียงวรรณยกุ ต์ในภาษาไทยนบั ว่ามีความสาคญั เพราะทาให้ความหมายของคาเปลยี่ นแปลงไปได้ เช่น เสือ มีความหมายอย่างหนึ่ง เสื้อ มีความหมายอย่างหน่ึง แต่เสียงท่ีมีระดับสูงต่าในบางภาษาไม่ได้ทาให้ ความหมายของคาเปลี่ยนไป วรรณยุกต์ในภาษาไทย มี ๔ รูป มี ๕ เสยี ง ดงั น้ี รูปวรรณยุกต์ ๑. รปู เอก ( ่ ) เช่น คาทร่ี ปู วรรณยุกต์เอก ในคา ไข่ บ่อ พล่า ๒. รปู โท ( ้ ) เชน่ คาทม่ี ีรปู วรรณยุกต์โท ในคา กลา้ คา้ ม้า ๓. รูปตรี ( ) เช่น คาท่มี ีรปู เสยี งวรรณยุกตต์ รี ในคา โตะ เปรยี๊ ะ กก๊ั ๔. รูปจตั วา ( ) เชน่ คาทีม่ ีรปู เสียงวรรณยกุ ต์จัตวา ในคา เกง แจว กวยเตย๋ี ว เสยี งวรรณยกุ ต์ ๑. เสียงสามญั เช่น คาทมี่ ีเสียงวรรณยกุ ตใ์ นคา คลอง จาน ดาว เฟอื ง ๒. เสียงเอก เช่น คาทม่ี ีเสยี งวรรณยุกตใ์ นคา ไข่ บอ่ กัด จิต ๓. เสยี งโท เชน่ คาทมี่ เี สยี งวรรณยกุ ต์ในคา กลา้ พล่า มาก เมฆ ๔. เสียงตรี เช่น คาทม่ี ีเสยี งวรรณยุกตใ์ นคา ค้า มา้ ลดั เปร๊ยี ะ ๕. เสยี งจตั วา เช่น คาทีม่ เี สยี งวรรณยกุ ตใ์ นคา จา ขอ หมอ เกง ขอ้ สงั เกต เสียงวรรณยกุ ตท์ ี่มีอยู่ในพยางค์หรอื คาตา่ ง ๆ ท่ีเราออกเสียงน้ันมิได้ตรงกับรูปวรรณยุกต์ท่ี เห็นในตัวเขียนเสมอไป เช่น รู้ เปน็ คาทม่ี รี ูปวรรณยุกต์โท แต่ออกเสยี งวรรณยุกต์ตรี ระบบวรรณยุกต์ของไทยมีความสัมพันธ์กับอักษรสูง กลาง ต่า และคาเป็น – คาตาย มาก การศึกษา เรือ่ งวรรณยกุ ต์จึงตอ้ งศึกษาไปพร้อม ๆ กับ อกั ษร ๓ หมู่ หรอื ไตรยางศ์ อักษรสงู มี ๑๑ ตัว ได้แก่ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห ผี ฝาก ถุง ขา้ ว (ฃ) สาร เศรษฐี ให้ ฉนั อกั ษรกลาง มี ๙ ตัว ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ ไก่ จิก เด็ก (ฎ) ตาย (ฏ) บน ปาก โอ่ง อักษรต่า มี ๒๔ ตัว แบ่งเป็นอักษรต่าเดยี่ ว มี ๑๐ ตัว ได้แก่ ง ญ น ณ ม ย ร ล ฬ ว งู ใหญ่ นอน อยู่ ณ รมิ วัด โม ฬี โลก

80 7830 อักษรต่าคู่ มี ๑๔ ตัว ไดแ้ ก่ อกั ษรสงู อักษรตา่ ขฃ คฅ ฉ ชฌ ศษส ซ ฐถ ฑฒทธ ผ พภ ฝ ฟ ห ฮ

81 7841 ใบงาน เร่อื ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งวรรณยุกต์) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑๐ เรอ่ื ง เสยี งในภาษาไทย (เสียงวรรณยุกต์) รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ตอนที่ ๑ คาช้แี จง ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปน้ใี หถ้ ูกต้องสมบรู ณ์ ๑. เสยี งวรรณยกุ ต์หมายถึง .................................................................................................................. ............................................................ ................................................................................. ............................................................................................. ๒. วรรณยุกตแ์ บง่ ออกเปน็ ..................รูป ไดแ้ ก่.................................................................................................. ม.ี ..............................เสยี ง ไดแ้ ก่ ......................................................................................................................... ๓. เสียงวรรณยกุ ต์มีความสาคัญแก่คาในภาษาไทยของเราหรือไม่ เพราะเหตุใด .................................................................................................................. ............................................................ ................................................................................. ............................................................................................. ตอนท่ี ๒ คาชแี้ จง ให้นักเรียนจาแนกรูปและเสยี งของวรรณยุกตค์ าตอ่ ไปนี้ รูปวรรณยุกต์ เสียงวรรณยกุ ต์ นา้ รปู โท เสียงตรี ชาติ - เสยี งโท ๑ โนต้ ............................................................................................................................ ...................... ๒. ยมื .................................................................................................................................................. ๓. จ๋ี ............................................................................................................................. ..................... ๔. หนมุ่ ............................................................................................................................. ..................... ๕. พี่ .................................................................................................................................................. ๖. ฉัน ............................................................................................................................. ........,............ ๗. คา่ .................................................................................................................................................. ๘. ฝงั ............................................................................................................................. ..................... ๙. ช่วย .................................................................................................................................................. ๑๐. น้อง .................................................................................................................................................. ๑๑. พลาง ............................................................................................................................. ..................... ๑๒. หมาย .................................................................................................................................................. ๑๓. ปู่ ............................................................................................................................. ..................... ๑๔. เปียก ............................................................................................................................. ..................... ๑๕. จอย ..................................................................................................................................................

82 8725 เฉลยใบงานเร่ืองเสียงในภาษาไทย (เสียงวรรณยกุ ต)์ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๐ เร่อื ง เสียงในภาษาไทย (เสียงวรรณยุกต์) รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ตอนท่ี ๑ คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนีใ้ ห้ถูกต้องสมบูรณ์ ๑. เสียงวรรณยุกต์หมายถงึ เสยี งท่ีมรี ะดับสูงตำ่ และเรำจะได้ยนิ ไปพรอ้ มกับเสยี งสระบำงทเี ป็นเสยี งสูง บำงทีก็เปน็ เสยี งต่ำบำงทีก็เป็นเสียงท่ีอยูร่ ะหว่ำงเสียงสงู กับเสยี งต่ำบำงทกี เ็ ปน็ เสียงต่ำแล้วค่อยๆ เลื่อนข้นึ ไปสเู่ สยี งสูง ๒. วรรณยกุ ตแ์ บ่งออกเป็น ๔ รูป ได้แก่ รปู เอก ่ รปู โท ้ รปู ตรี รูปจัตวำ มี ๕ เสยี ง ไดแ้ ก่ เสียงสำมัญ เสยี งเอก เสยี งโท เสยี งตรี เสียงจัตวำ ๓. เสยี งวรรณยุกตม์ ีความสาคญั แก่คาในภาษาไทยของเราหรือไม่ มี เพรำะทำ่ ใหค้ วำมหมำยของค่ำ เปลี่ยนแปลงไปได้ เชน่ เสอื มีควำมหมำยอยำ่ งหนึ่ง เส้อื มีควำมหมำยอยำ่ งหนึ่ง ตอนที่ ๒ คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นจาแนกรปู และเสยี งของวรรณยกุ ตค์ าตอ่ ไปน้ี รูปวรรณยุกต์ เสยี งวรรณยุกต์ เสียงตรี น้า รูปโท เสยี งโท ชาติ - เสียงตรี เสียงสำมัญ ๑. โน้ต รูปโท เสียงจตั วำ ๒. ยืม - เสยี งเอก ๓. จ๋ี รปู จตั วำ เสยี งโท ๔. หนุ่ม รปู เอก เสยี งจตั วำ เสยี งโท ๕. พี่ รปู เอก เสยี งจตั วำ ๖. ฉัน - เสียงโท ๗. คา่ รูปเอก เสยี งตรี ๘. ฝัง - เสยี งสำมญั ๙. ชว่ ย รปู เอก เสยี งจัตวำ ๑๐. นอ้ ง รูปโท เสยี งเอก เสียงสำมัญ ๑๑. พลาง - เสียงจัตวำ ๑๒. หมาย - ๑๓. ปู่ รปู เอก ๑๔. เปยี ก - ๑๕. จอย รปู จัตวำ

83 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอื่ ง พ้ืนฐานอ่านเขียน เรอื่ ง ไตรยางศ์ เวลา ๑ ชัว่ โมง กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้วิชาษาภาไาทษยาไทย ขอบเขตเน้ือหา รารยาวยชิวาชิ พา้นื พฐ้นื าฐนาภนาภษาษไทายไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ไตรยางศ์ (อักษร ๓ หมู่) กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรู้ ขน้ั นา ๑. บตั รคาพยัญชนะ อธบิ ายความสาคญั ของไตรยางคไ์ ด้ ครนู าบตั รคาพยัญชนะ ๔๔ ตวั ใหน้ ักเรียนจาแนก ๒. แผนภูมอิ กั ษรสามหมู่ ด้านทักษะกระบวนการ จาแนกอกั ษรสามหมู่ได้ ออกเปน็ อักษร ๓ หมู่ คืออักษรสงู อักษรกลาง ๓. ใบความรู้ เรือง ไตรยางศ์ ดา้ นคุณลกั ษณะ อักษรตา พร้อมซักถามนักเรยี น การแบ่งพยัญชนะ ภาระงาน/ช้ินงาน ๑. มีวินยั ออกเปน็ ๓ หมู่ ทเี รยี กว่าไตรยางศ์ มีความสาคัญ ศกึ ษาเรืองคาเปน็ คาตาย ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ อยา่ งไร ๓. รักความเปน็ ไทย ขัน้ สอน ๑. ครสู นทนาเรอื งอักษรสามหมู่ โดยติดแผนภมู ิ อักษรสามหมบู่ นกระดานดา ไดแ้ ก่ อักษรสูง อักษรกลาง อักษรตา ครใู ห้นักเรียนฝกึ อ่านออกเสียง พยญั ชนะพร้อม ๆ กนั ๒. ครตู ้งั ข้อสังเกตเวลานกั เรียนเปล่งเสยี งพยัญชนะ จะมคี วามร้สู ึกถึงระดับสูงหรอื ไม่ อยา่ งไร ครูและ นักเรยี นอธบิ ายความรูร้ ว่ มกนั โดยศกึ ษาใบความรู้ เรอื ง ไตรยางศป์ ระกอบ 76 83

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เร่อื ง พ้ืนฐานอา่ นเขียน แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑๑ 84 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภวิชาษาภาไาทษยาไทย เรอ่ื ง ไตรยางศ์ เวลา ๑ ชว่ั โมง รายวิชาพพ้ืนน้ื ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ๓. ครูใหน้ ักเรยี นแบง่ กลมุ่ ออกเปน็ ๓ กลุ่มแล้วจดั กลุ่มพยัญชนะ เปน็ ๓ หมู่ คือ อกั ษรสงู อกั ษรกลาง อกั ษรตา แล้วระดมความคดิ เรยี งความสาคัญของ การจาแนกอักษร ๓ หมู่และนาเสนอผลงาน ข้ันสรปุ ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปลกั ษณะและความสาคญั ของอักษร ๓ หมู่หรอื ไตรยางศ์พร้อมกบั ศกึ ษาเพิมเติม ในเรอื งคาเปน็ คาตายซึงเกียวข้องกบั การผันเสียง วรรณยกุ ต์ 77

85 7885 การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ สง่ิ ที่ต้องการวดั /ประเมนิ สังเกตพฤติกรรม สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ดา้ นความรู้ ประเมนิ คุณลักษณะ รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป ความสาคัญของไตรยางค์ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ด้านทักษะ/กระบวนการ รอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป จาแนกอักษรสามหมู่ได้ แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ ด้านคณุ ลกั ษณะ คุณลกั ษณะ ระดับ ๒ ๑. มีวินยั ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓. รักความเปน็ ไทย ๘. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ......................................................................................................................... ..................................................... ลงชอื ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ที..........เดือน..................................พ.ศ…...…. ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ ริหารหรอื ผู้ทไี่ ด้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื ......................................ผ้ตู รวจ (.........................................................) วนั ที..........เดือน..................................พ.ศ…...….

86 8769 ใบความรู้ เรื่อง ไตรยางศ์ หหนน่วว่ ยยกกาารรเรเรียยี นนรรู้ทูท้ ่ี ๑ี่ ๑ แแผผนนกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรียียนนรรู้ททู้ ี่ ๑ี่ ๙๑ เเรรอ่ื อ่ื งงไไตตรรยยาางงศศ์ ์ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ ไตรยางศ์ คือ อักษร ๓ หมู่ซึงจัดแยกออกมาเป็นพวกๆ จากพยัญชนะ ๔๔ ตัว ได้แก่ อักษรสูง อกั ษรกลาง อักษรตา อกั ษรสงู มี ๑๑ ตัวคือ ข ฅ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห อักษรกลางมี ๙ ตัวคอื ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ อักษรตามี ๒๔ ตวั คอื ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ฒ ฑ ณ ท ธ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ การทีจัดแยกพยัญชนะออกเป็นอักษร ๓ หมู่ (ไตรยางศ์) น้ันก็โดยถือเอาเสียงเป็นสาคัญ คือ พยัญชนะตวั ใดพื้นเสียงทยี ังมไิ ด้ผันดว้ ยรปู วรรณยุกต์ มีสาเนียงอยูใ่ นระดับสูงก็จัดเป็นพวกอักษรสูง พยญั ชนะ ตวั ใดพนื้ เสียงทียังมิไดผ้ นั ดว้ ยรูปวรรณยกุ ต์ มีสาเนียงอย่ใู นระดบั กลางกจ็ ัดเป็นพวกอักษรกลาง พยญั ชนะตวั ใด พ้ืนเสียงทียังมิได้ผันด้วยรูปวรรณยุกต์ มีสาเนียงอยู่ในระดับตาก็จัดเป็นพวกอักษรตา ทีเรียกตัวอักษรตาน่าจะ หมายถึงเสียงตากวา่ อักษรพวกข้างต้น ลองออกเสียงอักษรกลางกับอกั ษรตาเทยี บกันจะรู้สึกในข้อน้ี เพราะล้ิน ทาหน้าทตี า่ งกนั ประโยชนข์ องการจาแนกพยัญชนะออกเป็นอกั ษรสงู อกั ษรกลาง อักษรตา่ ๑. สามารถผันคาให้มีเสียงและรูปต่าง ๆ เมือเสียงและรูปต่างกับความหมายก็ต่างกันด้วย เช่น ไผ ไผ่ ไผ้ ย่อมแสดงความหมายคลคี ลายไปจากเดิมเชน่ เดียวกัน ๒. สามารถนาคาบาลแี ละสันสกฤต มาเป็นแนวสาเนยี งของคนไทย ได้สนทิ สนม เชน่ เลห่ ์ สนเทห่ ์ พุท โธ สมทุ ร ฯลฯ ๓. ไมต่ ้องเขยี นเครืองหมายวรรณยุกต์กากับลงไปทุกคา เช่น “ชา” ไม่ต้องเขียนเปน็ “คา” ทั้งน้ีนบั ว่า ชว่ ยให้การเขียนหนงั สือสะดวกและรวดเรว็ ยงิ ขึ้น

87 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑๒ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๑ เร่อื ง พืน้ ฐานอ่านเขยี น เร่อื ง การผนั วรรณยุกต์ เวลา ๑ ชวั่ โมง กล่มุ สาระการเรยี นรภู้วิชาษาภาไาทษยาไทย ขอบเขตเน้ือหา รายวชิ าพพื้น้ืนฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การผันวรรณยกุ ต์ กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหลง่ เรยี นรู้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ ขัน้ นา ๑. บัตรคา อธบิ ายวิธกี ารผันวรรณยุกต์ ด้านทักษะกระบวนการ ๑. ครูนาบตั รคา คาว่า แม่ ดุ เมฆ นก ตบ กด ฟงั คน ๒. แผนภูมติ ารางผันวรรณยกุ ต์ สามารถผันวรรณยุกต์ของคาในภาษาไทยได้ ยาม เชย พราว ให้นกั เรยี นวเิ คราะห์วา่ คาใดเปน็ คาเปน็ ๓. ใบความรู้ เรื่อง การผันวรรณยกุ ต์ ในภาษาไทยได้ คาตาย ๔. ใบงาน เร่ือง การผนั วรรณยุกต์ ดา้ นคณุ ลักษณะ ๑. มวี ินัย ๒. ครูสนทนากบั นักเรียนวา่ คาเป็น คาตาย มี ภาระงาน/ชิ้นงาน ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ความเกี่ยวข้องกับการผนั เสียงวรรณยกุ ตห์ รือไม่อย่างไร ครูมอบหมายให้นกั เรียนฝึกผันวรรณยุกต์ตามอักษร ๓. รกั ความเป็นไทย ขน้ั สอน สามหมู่ ๔. จติ สาธารณะ ๑. ครูตดิ แผนภมู ิตารางผนั วรรณยกุ ต์บนกระดานดา จากนนั้ ใหน้ ักเรียนอา่ นออกเสียง สังเกต ซักถาม ๒. ครแู บ่งกลมุ่ นักเรยี นออกเป็น ๓ กลุ่ม ช่ือกลุ่ม อกั ษรสูง อกั ษรกลาง อักษรต่า ศึกษาโดยใช้ใบความรู้ เรื่อง การผันวรรณยุกต์ นักเรียนสง่ ตัวแทนสรปุ เร่ือง การผนั วรรณยุกต์ในภาษาไทย ตามหัวข้อที่ครู กาหนดให้ ดงั น้ี อักษรสงู อกั ษรกลาง อักษรต่า ผนั วรรณยกุ ต์ได้กเ่ี สยี ง ๓. นักเรยี นทาใบงาน เร่อื ง การผันวรรณยุกต์ 8870

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ เรื่อง พื้นฐานอา่ นเขยี น แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๒ 88 กลุม่ สาระการเรียนรภู้วิชาษาภาไาทษยาไทย เร่อื ง การผนั วรรณยกุ ต์ รายวชิ าพพ้ืน้นื ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย เวลา ๑ ชัว่ โมง ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ข้ันสรุป ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปความสาคญั ของรปู และ เสยี งวรรณยุกต์ ขอ้ สงั เกตการผันเสยี งวรรณยุกต์ อกั ษรกลาง คาเป็น อักษรกลาง คาตาย อักษรสงู คาเป็น อักษรสงู คาตาย อักษรต่า คาเปน็ อักษรต่า คาตายสระเสยี งส้ันและคาตายสระเสียงยาว 81

89 8829 การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เครื่องมือทีใ่ ช้ เกณฑ์ สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมิน สงิ่ ทตี่ ้องการวัด/ประเมิน รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป ดา้ นความรู้ ตรวจใบงาน เรอ่ื ง ใบงาน เร่อื งการผัน การผันวรรณยุกต์ การผนั เสยี งวรรณยุกต์ เสยี งวรรณยุกต์ ผ่านเกณฑ์การประเมิน (อักษรสูง กลาง ตา่ ) รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป การจาแนกเสยี งวรรณยุกต์ ความสาคัญของการผันเสียง วรรณยกุ ต์ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ผนั วรรณยกุ ตค์ าในภาษาไทยได้ ดา้ นคุณลกั ษณะ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ ๑. มีวินัย คณุ ลักษณะ ระดับ ๒ ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓. รกั ความเป็นไทย ๘. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ......................................................................................................................... ..................................................... ลงชอ่ื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันท่ี..........เดอื น..................................พ.ศ…...…. ๙. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ ริหารหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื ......................................ผ้ตู รวจ (.........................................................) วนั ที.่ .........เดือน..................................พ.ศ…...….

90 8930 ใบความรู้ เร่อื ง การผันวรรณยกุ ต์ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑๒ เร่ือง การผนั วรรณยกุ ต์ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ การที่ภาษาไทยผันเสียงไล่เสียงได้ นอกจากจะทาให้มีคาใช้มากขึ้นแล้ว ยังทาให้ภาษาไทยไพเราะ เพราะระดับเสียงต่าง ๆ ของคาทาให้เกิดเป็นเสียงอย่างดนตรี การไล่เสียง สูง - ต่านั้นทาให้ความหมาย เปล่ียนไปด้วย เป็นการผันอักษรหรือผันวรรณยุกต์ซ่ึงได้จัดระบบไว้อย่างดี ใช้ง่าย ไม่ยุ่งยากท้ังการเขียนและ การอ่านเพียงแต่ตอ้ งทาความเข้าใจระบบการใชว้ รรณยกุ ต์เทา่ น้ัน คาว่า “ผันวรรณยุกต์” มีตาราหลายเล่มใช้ว่า “ผันอักษร” การผันวรรณยุกต์หรือการผันอักษร คือ การเปลี่ยนระดับเสียงของคาโดยใช้รูปวรรณยุกต์กากับ เราเรียกคาที่ผันแล้วนี้ว่า “วรรณยุกต์มีรูป” คาที่ยัง ไมไ่ ดผ้ ันจงึ เรียกวา่ “วรรณยกุ ต์ไมม่ รี ูป” ซ่ึงก็คอื คาท่ีเป็น “พนื้ เสียง” พระยาอุปกิตศิลปสาร (น่ิม กาญจนาชีวะ ; ๒๔๗๔) อธิบายเร่ืองจาแนกวรรณยุกต์เป็น ๒ ประเภท ดงั นี้ ๑. วรรณยกุ ตม์ ีรปู คือ วรรณยกุ ต์ทีต่ ้องใชร้ ูปวรรณยกุ ตค์ อื ไม่ ่ ้ บงั คบั ข้างบน เช่น กา่ ก้า กา กา, ข่า (ข้า,ค่า) ค้า ดังน้ี เป็นตน้ วรรณยุกต์มีรูปนี้มีแค่ ๔ เสียง คือ เอก โท ตรี จัตวา เท่าน้ัน เสียง สามญั ไมม่ ี ๒. วรรณยุกต์ไม่มีรูป คือวรรณยุกต์ที่ไม่ต้องใช้รูปวรรณยุกต์บังคับข้างบนสังเกตเสียง วรรณยุกต์ได้ด้วยวิธีกาหนดตัวพยัญชนะเป็น สูง กลาง ต่า แล้วประสมกับสระ-พยัญชนะ อ่านเป็นเสียง วรรณยุกต์ไดต้ ามพวก เช่น คาง ขาก คาก คกั ขาง ดังนี้ เป็นต้น วรรณยุกต์ไมม่ รี ูปนี้ มีครบทั้ง ๕ เสยี ง ครบครนั เรื่อง วรรณยุกต์ พศิ ศรี กมลเวชช,๒๕๕๒

91 8941 ตารางการผันวรรณยกุ ต์ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑๒ เรื่อง การผนั วรรณยกุ ต์ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๑ อักษร ๓ หมู่ สามัญ เสียง หมายเหตุ ไตรยางศ์ เอก โท ตรี จัตวา ปา อกั ษรกลาง - ป่า ป้า ป๊า ป๋า คาเปน็ พ้ืนเสยี งสามญั กจฎฏดตบปอ กัด กด้ั กดั๊ ก๋ดั คาตาย พ้ืนเสียงเอก - คาเปน็ ผนั ได้ ๕ เสียง - ข่า ขา้ - ขา คาเปน็ พ้ืนเสยี งจัตวา คาตาย ผันได้ ๔ เสียง ขดั ขด้ั - - คาตาย พน้ื เสยี งเอก คา อักษรสูง - คา่ ค้า - คาเปน็ พนื้ เสียงสามัญ ขฃฉฐถผฝศษสห ถ้ารวมกับอักษรสูงจะผนั ได้ครบ ๕ คาเปน็ ผันได้ ๓ เสียง เสยี ง คาตาย ผันได้ ๒ เสยี ง - คา่ บ ค้าบ คาบ เชน่ คา ข่า ข้า (คา่ ) ค้า ขา - ค่ะ คะ คะ คาตาย พนื้ เสียงเอก อกั ษรตา่ อักษรท่ีเหลอื ๒๔ ตวั คาเปน็ ผันได้ ๓ เสยี ง คาตาย สระเสยี งยาว - คาตาย สระเสียงส้นั - หมายเหตุ คาเปน็ คือ คาทีม่ ลี ักษณะข้อใดขอ้ หนง่ึ ดงั นี้ ๑. คาที่ประสมสระเสียงยาว ไมม่ ีตวั สะกด เช่น ตา มี หมู เมยี ตัว ๒. คาที่มตี ัวสะกดในแม่ กง กน กม เกย เกอว เชน่ คง กนิ นม เนย แลว้ ๓. คาทปี่ ระสมกบั สระ อา ใอ ไอ เอา เช่น จา ใจ ไป เอา คาตาย คอื คาท่มี ีลักษณะข้อใดขอ้ หนึ่งดงั นี้ ๑. คาท่ีประสมสระเสยี งสน้ั ไม่มีตวั สะกด เชน่ พระ ดุ แกะ ๒. คาทม่ี ตี วั สะกดในแม่ กก กบ กด (แม่ กบฏ) เชน่ จาก รถ ศพ

92 8925 ใบงาน เรอื่ ง การผนั วรรณยุกต์ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๑ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑๒ เรื่อง การผนั วรรณยกุ ต์ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ตอนท่ี ๑ จงพจิ ารณาว่า คาต่อไปนี้มเี สียงวรรณยุกตใ์ ด เพราะเหตุใด ตวั อยา่ ง ๑) แกว้ มเี สยี งวรรณยกุ ต์ โท เพราะ ก เป็นอกั ษรกลาง รูปวรรณยกุ ตต์ รงกับเสยี ง ๒) พรอ้ ม มีเสียงวรรณยุกต์ ตรี เพราะ พ เป็นอักษรต่า รูปวรรณยกุ ต์โทมีเสยี งตรี ๑. เกีย๊ ว มเี สยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๒. ชา้ มเี สียงวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๓. ไหน มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๔. วง่ิ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๕. เส้ือ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๖. เฒา่ มเี สยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๗. แปร มีเสยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๘. อวน มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๙. พลงั้ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๑๐.เปร้ียว มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ตอนท่ี ๒ จงพจิ ารณาวา่ คาต่อไปนี้มเี สยี งวรรณยุกตใ์ ด เพราะเหตุใด ตวั อยา่ ง ๑) ชก มีเสียงวรรณยกุ ต์ ตรี เพราะ ช เป็นอักษรต่า คาตาย ประสมด้วยสระเสยี งสัน้ ๒) โชก มีเสยี งวรรณยุกต์ โท เพราะ ช เป็นอักษรต่า คาตาย ประสมด้วยสระเสยี งยาว ๑. เงอื ก มเี สียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๒. พจน์ มีเสียงวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๓. เทพ มีเสยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๔. รูป มีเสียงวรรณยุกต์ .....................เพราะ........................................................................................... ๕. โชค มีเสยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๖. งก มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๗. เชด็ มีเสยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๘. นบั มเี สยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๙. เพศ มีเสยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................ ๑๐.นอ็ ค มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

93 8936 เฉลยใบงาน เร่ือง การผนั วรรณยุกต์ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑๒ เรือ่ ง การผันวรรณยุกต์ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ตอนที่ ๑ จงพิจารณาวา่ คาต่อไปนี้มเี สียงวรรณยุกตใ์ ด เพราะเหตใุ ด ๑. เกย๊ี ว มเี สียงวรรณยุกต์ ........ต...ร..ี........เพราะ.....ก.....เ.ป...็น...อ...ัก...ษ...ร..ก...ล...า..ง....ร..ปู...ว...ร..ร..ณ....ย...ุก...ต...์ต...ร.ง...ก..บั...เ..ส...ีย..ง....... ๒. ช้า มเี สียงวรรณยกุ ต์ .......ต...ร...ี ........เพราะ.....ช....เ..ป...น็...อ...กั ...ษ...ร..ต...า่ ....ร..ูป...ว...ร..ร..ณ....ย...กุ...ต...์โ..ท...เ.ส...ยี...ง..ต...ร..ี ............. ๓. ไหน มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .....จ...ตั ...ว..า........เพราะ.....น.....เ.ป...็น...อ...กั...ษ...ร..ต...า่....ไ..ม...ม่...ีร..ูป...ว...ร..ร..ณ....ย...ุก..ต...์เ..ส...ยี ..ง..จ...ัต...า.......... ๔. วิง่ มเี สียงวรรณยุกต์ ........โ..ท...........เพราะ.....ว.....เ.ป...็น...อ...ัก...ษ...ร..ต...า่....ร..ูป...ว...ร..ร...ณ....ย..กุ...ต...์เ.อ...ก...เ.ส...ีย...ง..โ..ท.............. ๕. เสื้อ มเี สียงวรรณยกุ ต์ .........โ.ท...........เพราะ......ส....เ..ป...น็ ...อ...กั ..ษ...ร...ส...งู ...ร...ปู ...ว..ร...ร..ณ....ย...กุ ..ต...์โ..ท...เ..ส..ีย...ง..โ..ท................ ๖. เฒา่ มีเสียงวรรณยุกต์ ........โ..ท...........เพราะ.....ฒ......เ.ป...็น...อ...ัก...ษ...ร..ต...่า....ร...ูป...ว..ร...ร..ณ....ย...กุ ..ต...์เ..อ..ก...เ..ส..ีย...ง..โ..ท............. ๗. แปร มเี สียงวรรณยกุ ต์ ....ส...า..ม...ญั.........เพราะ.....ป.....เ.ป...น็...อ...ัก...ษ...ร..ก...ล...า..ง....ร..ูป...ว...ร..ร...ณ....ย..กุ...ต...์ต...ร..ง..ก...บั ...เ.ส...ยี...ง....... ๘. อวน มีเสยี งวรรณยุกต์ ....ส...า..ม...ัญ.........เพราะ.....อ....เ..ป...น็ ...อ...ัก..ษ....ร..ก...ล..า...ง...ร...ปู ...ว...ร..ร..ณ....ย...กุ ...ต..ต์...ร..ง..ก...บั...เ.ส...ยี...ง........ ๙. พลงั้ มีเสียงวรรณยุกต์ ........ต..ร...ี ........เพราะ.....พ.....เ.ป....น็ ...อ..ัก...ษ...ร...ต..่า....ร...ปู ...ว..ร...ร..ณ....ย...ุก..ต...์โ..ท...เ..ส..ยี...ง..ต...ร..ี............. ๑๐.เปรย้ี ว มเี สยี งวรรณยกุ ต์ ........โ..ท...........เพราะ......ป....เ..ป...น็ ...อ...ัก..ษ...ร...ก..ล...า..ง....ร...ูป...ว..ร...ร..ณ....ย...ุก..ต...ต์...ร..ง..ก...บั...เ..ส...ีย..ง....... ตอนที่ ๒ จงพิจารณาว่า คาต่อไปนี้มีเสียงวรรณยกุ ต์ใด เพราะเหตใุ ด ๑. เงือก มีเสียงวรรณยกุ ต์ ......โ..ท.............เพราะ...ง....อ...ัก..ษ....ร..ต...่า....ค..่า...ต...า..ย....ป...ร...ะ..ส...ม...ด...ว้ ..ย...ส...ร..ะ..เ..ส..ีย...ง..ย...า..ว.......... มีเสียงวรรณยกุ ต์ ......ต...ร..ี..........เพราะ...พ.....อ...กั...ษ...ร..ต...่า....ค...่า..ต...า..ย.....ป...ร..ะ..ส...ม...ด...ว้...ย..ส...ร..ะ...เ.ส...ีย...ง..ส...ั้น.......... ๒. พจน์ มเี สยี งวรรณยุกต์ ......โ..ท.............เพราะ...ท.....อ..ัก...ษ...ร...ต..่า....ค...่า...ต..า...ย....ป...ร..ะ...ส...ม...ด..ว้...ย...ส..ร...ะ..เ..ส..ยี...ง..ย...า..ว......... ๓. เทพ มเี สยี งวรรณยุกต์ .....โ..ท..............เพราะ..ร....อ...กั...ษ...ร..ต...่า....ค...่า..ต...า..ย.....ป...ร..ะ..ส...ม...ด...ว้...ย..ส...ร..ะ...เ.ส...ีย...ง..ย...า.ว.......... ๔. รปู มเี สียงวรรณยุกต์ ......โ..ท.............เพราะ...ช.....อ...กั ..ษ....ร..ต...่า....ค..า่...ต...า..ย....ป...ร...ะ..ส...ม...ด...ว้ ..ย...ส...ร..ะ..เ..ส...ีย..ง...ย..า...ว........ ๕. โชค มีเสียงวรรณยกุ ต์ ......ต..ร...ี ..........เพราะ...ง...อ...กั...ษ...ร..ต...า่....ค...า่..ต...า...ย....ป...ร..ะ...ส...ม..ด...้ว...ย...ส..ร...ะ..เ..ส..ยี...ง..ส..น้ั............. ๖. งก มเี สยี งวรรณยุกต์ ......ต...ร...ี .........เพราะ....ช....อ...ัก...ษ...ร..ต...่า....ค...่า..ต...า..ย.....ป...ร..ะ..ส...ม...ด...ว้ ..ย...ส...ร..ะ...เ.ส...ยี...ง..ส..ั้น........... ๗. เชด็ มีเสียงวรรณยกุ ต์ ......ต...ร..ี..........เพราะ...น.....อ..กั...ษ...ร...ต..่า....ค...า่...ต..า..ย.....ป...ร..ะ...ส..ม...ด...้ว...ย..ส...ร...ะ..เ.ส...ยี...ง..ส...ั้น........... ๘. นบั มเี สยี งวรรณยกุ ต์ ......โ..ท.............เพราะ...พ.....อ...กั...ษ...ร..ต...่า....ค...า่ ..ต...า..ย.....ป...ร..ะ..ส...ม...ด...ว้...ย..ส...ร..ะ...เ.ส..ยี...ง..ย...า..ว......... ๙. เพศ มีเสียงวรรณยุกต์ ......ต...ร..ี..........เพราะ...น.....อ...ัก...ษ...ร..ต...่า....ค...า่ ..ต...า..ย....ป....ร..ะ..ส...ม...ด...้ว..ย...ส...ร..ะ...เ.ส...ีย...ง..ย..า...ว........ ๑๐.น็อค

114 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๒ เรอื่ ง เรยี นรู้สภุ าษติ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรอื่ ง การตคี วามคายาก ขอบเขตเนอื้ หา รายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ ความหมายการอา่ นตคี วาม ข้นั นา ๑. ใบความรู้เร่ือง การอา่ นตีความ หลกั เกณฑ์การอา่ นตีความ ครสู นทนากบั นักเรียนเรื่องการอ่าน ในสถานการณ์ ๒. ใบงานเรอื่ ง การตีความคายาก จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ทีน่ ักเรยี นอ่านคาทน่ี ักเรยี นไม่ทราบความหมาย ๓. บทความทางวิชาการ ดา้ นความรู้ นักเรียนทาอย่างไรจึงทราบความหมายของคาน้นั ขัน้ สอน ภาระงาน/ชิ้นงาน อธิบายความหมายการอา่ นตคี วาม ๑. ครยู กตัวอยา่ งข้อความ นกั เรียนคน้ คว้าคายากจากบทความทางวิชาการ อธบิ ายหลกั เกณฑ์การอ่านตคี วาม “สตางค์หนูก็มีค่ะ” เด็กหญิงตบกระเปา๋ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ กระโปรงให้ดูประกอบ “แตว่ ่าหนคู อยให้นา้ ลายไหล ๑. จาแนกความหมายของคายากได้ เสียกอ่ นถึงจะซ้ือ” ๒. หาความหมายคายากจากพจนานุกรมได้ (รอใหน้ ้าลายไหลเสียกอ่ น : ศุทธนิ ี) ๓. ตีความคายากจากบริบทได้ “นิทานเรื่องสงั ข์ทองมีความเกา่ แก่ และ ดา้ นคุณลกั ษณะ แพรห่ ลายมานานแลว้ ทง้ั ในรูปนทิ านมุขปาฐะ ท่ี ๑. ซอื่ สัตยส์ จุ รติ ถ่ายทอดกันปากต่อปาก และทเ่ี ปน็ ลายลักษณ์อักษร” ๒. มวี ินยั ให้นักเรียนอธบิ ายความหมายคาท่ขี ีดเส้นใตต้ ามที่ ๓. ใฝ่เรยี นรู้ นักเรยี นเข้าใจ ๔. มงุ่ มั่นในการทางาน ๒. นักเรยี นแบง่ กลุม่ ศึกษาใบความรูเ้ รื่องการอา่ น ตคี วาม ทาความเขา้ ใจ และส่งตัวแทนนาเสนอหน้าช้นั เรยี น ๓. ครแู จกใบงานเรื่อง การตีความคายาก และให้ นกั เรยี นตคี วามหมายคายาก พร้องส่งตวั แทนนาเสนอ 111074

นักเรยี นตคี วามหมายคายาก พรอ้ งสง่ ตวั แทนนาเสนอ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ เรอ่ื ง เรียนรสู้ ุภาษิต แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๑ 115 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรือ่ ง การตคี วามคายาก เวลา ๑ ช่ัวโมง รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ผลงานหน้าช้ันเรียน ๔. ครมู อบหมายนักเรยี นค้นควา้ คาศัพท์ยาก บทความทางวิชาการจากสื่อสิ่งพมิ พ์ตา่ ง ๆ ข้นั สรปุ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปคายากทีป่ รากฏใน ข้อความตา่ ง ๆ ซง่ึ บางคาต้องใชพ้ จนานกุ รม ในการ บอกความหมาย บางคาบางคาต้องอาศยั การอ่านทา ความเข้าใจตามบริบท หรือข้อความแวดล้อม รวมทั้งแงค่ ดิ ในการนาไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวัน 108

116 111096 การวัดและประเมินผล ส่ิงท่ีต้องการวัด/ประเมิน วธิ กี าร เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ๑. อธบิ ายความหมาย นาเสนอผลงาน แบบนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ การอา่ นตีความ การประเมิน ๒. อธิบายหลกั เกณฑ์ รอ้ ยละ ๘๐ การอา่ นตคี วาม ขึน้ ไป ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ๑. จาแนกความหมายของคายาก ๑.ตรวจใบงานเร่ือง ๑.ใบงานเร่อื ง การตีความ ผ่านเกณฑ์ ๒. หาความหมายคายากจาก การตีความคายาก คายาก การประเมิน พจนานกุ รม ๒.สงั เกตพฤติกรรม ๒.แบบสังเกตพฤตกิ รรม ร้อยละ ๘๐ ๓. ตคี วามคายากจากบริบท การทางานกลมุ่ ของ การทางานกล่มุ ของ ข้ึนไป นกั เรยี น นกั เรียน ดา้ นคุณลกั ษณะ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แบบประเมนิ คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ๑. ซื่อสัตยส์ จุ รติ ๒. มวี นิ ยั คณุ ภาพระดับ ๒ ๓. ใฝ่เรียนรู้ ๔. มุ่งมัน่ ในการทางาน ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ......................................................................................................................... ..................................................... ลงชอ่ื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ที่.............เดือน...............พ.ศ…………. ๙. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ รหิ ารหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ ...................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) วันท.ี่ ............เดือน...........................พ.ศ.

117 111170 ใบควำมรู้เร่อื ง กำรอำ่ นตคี วำม หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๒ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๑ กำรตีควำมคำ้ ยำก รำยวิชำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรยี นที่ ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๑ การอา่ นตีความ การอา่ นตคี วาม เปน็ การอา่ นที่จะตอ้ งทาความเข้าใจกับความหมายแฝง ที่เป็นแก่นของเรื่องท่แี ทจ้ ริงที่ ผู้เขียนต้องการจะส่ือ เนื่องจากบางคร้ังผู้เขียนไม่ได้ต้องการสื่อความหมายตรงตามถ้อยคาท่ีเขียน แต่ยังแฝง ความคิดที่ลึกซ้ึงด้วยศิลปะการเขียนที่ใช้สัญลักษณ์หรือถ้อยคาเปรียบเทียบเพื่อให้ผู้อ่านใช้ปัญญาคิดวิเคราะห์ เน้ือความนั้น ๆ เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่าน หรือบางคร้ังผู้เขียนอาจไม่กล่าวถึงเรื่องราวบางประการอย่าง ตรงไปตรงมา ซ้ึงอาจเป็นเรื่องผิดกฎหมายหรือเสียมารยาททางสังคม ผู้เขียนจึงหลีกเล่ียงวิธีการเขียนโดยไม่ กล่าวตรง ๆ แต่ไปใช้คาเปรียบเทียบหรือใช้สัญลักษณ์แทน ผู้อ่านจึงต้องใช้ประสบการณ์การอ่านและ สตปิ ญั ญาในการอ่านตีความใหเ้ ขา้ ใจสารอย่างแทจ้ ริง หลักเกณฑใ์ นการอา่ นตีความมี ดังนี้ ๑. อา่ นเรอ่ื งท่จี ะตีความน้ันให้ละเอยี ด แลว้ พยายามจบั ประเดน็ สาคัญใหไ้ ด้ ๒. ขณะท่ีอ่านต้องพยายามคิดหาเหตุผลและใคร่ครวญอย่างรอบคอบ แล้วนามาประมวลเข้ากับ ความคิดของตนเองว่า ข้อความหรือเรอ่ื งนนั้ มคี วามหมายถงึ สงิ่ ใด ๓. พยายามทาความเข้าใจถ้อยคาท่ีเห็นว่ามีความสาคัญ และจะต้องไม่ลืมตรวจดูบริบท (context) ด้วยว่าบริบทหรือสงิ่ แวดล้อมนัน้ ไดก้ าหนดความหมายของคานนั้ อย่างไร ๔. ต้องระลึกไว้เสมอว่า การตีความไม่ใช่การถอดคาประพันธ์ เพราะการตีความเป็นการจับใจความ สาคญั และคงไวซ้ ง่ึ คาของขอ้ ความเดมิ ๕. การเขียนเรียบเรียงถ้อยคาทไ่ี ด้จากการตีความนน้ั จะตอ้ งให้มีความหมายชัดเจน ๖. การตคี วามเกี่ยวกับเน้ือหาหรือน้าเสียง เป็นการตีความตามความรู้ ความคดิ และประสบการณ์ของ ผ้ตู คี วามเอง ดงั นนั้ ผอู้ ่ืนจึงไมอ่ าจเหน็ พ้องตามกไ็ ด้ ตวั อย่างการอ่านตีความ “โต้ตอบอย่าเสียคา” ตีความได้ว่า ในการสนทนาหรือโต้คารมไม่ควรกล่าวคาพูดให้ผู้อ่ืนเส่ือมเสีย จากสุภาษิตข้างต้นถ้าอ่านเพียงเพื่อเข้าใจความหมายอย่างตรงไปตรงมาก็จะได้ความว่า “การพยายามโต้ตอบ ด้วยบางสง่ิ บางอย่างเป็นเร่อื งท่ดี ี” “อยา่ ขุดคนด้วยปาก” ตีความไดว้ ่า ไม่ควรพูดค่อนขอดหรือกล่าวหาว่าร้ายใคร จากสภุ าษติ ข้างต้นถ้า อ่านเพียงเพื่อเข้าใจความหมายอย่างตรงไปตรงมาก็จะไดค้ วามว่า “หา้ มไมใ่ ห้ใชป้ ากคนขดุ หาของ” “น้าเชี่ยวอย่าขวางเรือ” ตีความได้ว่า ในขณะท่ีเหตุการณ์รุนแรงยังดาเนินอยู่อย่างร้อนรนเราไม่ควร เข้าไปยุ่งเกี่ยวจากสุภาษิตข้างต้นถ้าอ่านเพียงเพื่อเข้าใจความหมายอย่างตรงไปตรงมาก็จะได้ความว่า “ห้าม พายเรือหรือนาเรอื ไปขวางตอนทีน่ ้ากาลังไหลเชย่ี ว” “ผมมนี ้ำผ้ึงในปาก แตไ่ ม่มีมีดในดวงใจ”

118 111181 น้าผึง้ หมายถึงความจริงใจ ความอ่อนหวาน มดี หมายถงึ ความไมจ่ รงิ ใจ “เด็กหญงิ ตวั เล็ก ๆ คนนัน้ ยนื อยูท่ ี่นัน่ นานนักหนาบางทีอาจจะก่อนที่ข้าพเจา้ จะเขา้ ไปซ้ือ ของในร้านเสยี อีก ดวงตาเปน็ ประกายของแม่หนจู บั จ้องอยู่ทขี่ วดโหลท่บี รรจุทอฟฟ่ีชนิดตา่ ง ๆ อมยมิ้ ลกู กวำด และขนมปังกรอบหลากหลายชนิด น้วิ แกใสอ่ ยใู่ นปาก ท่าทางเหมือนกับพิสมัยขนมในขวดโหลน้ัน เป็นกำ้ ลงั จนกระท่ังตัดสินใจไมถ่ ูกว่าควรจะเลือกซ้ืออะไรกันแน่” ทอฟฟ่ี หมายถงึ ของหวานแบบฝรัง่ ใช้อมให้ละลายทลี ะน้อย ทาด้วยนา้ ตาลกวนกับนมหรอื เนย เป็นตน้ ปั้นเปน็ ก้อนกลมหรอื เหล่ียม แล้วห่อกระดาษบดิ หวั ท้าย, ลกู อม ก็เรียก. อมย้ิม หมายถงึ ขนมหวานประเภทลูกอมชนิดหนึง่ ทาด้วยน้าตาลเปน็ รปู กลม ๆ หรือแบน ๆ มไี มเ้ สียบดา้ นล่างสาหรับถือ มสี ีต่าง ๆ. ลกู กวำด หมายถึง ของหวานทาดว้ ยน้าตาล มลี ักษณะเป็นเมด็ กลม ทาเปน็ หลายสี ใช้เค้ียว หรืออมให้ละลายทีละนดิ . พสิ มัย หมายถึง รกั , ชอบ ในท่ีนห้ี มายถงึ อยากได้

119 111129 ใบงำน เร่ืองกำรตคี วำมคำ้ ยำก หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๑ กำรตีควำมคำ้ ยำก รำยวชิ ำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรียนที่ ๑ ช้ันมัธยมศึกษำปที ่ี ๑ ค้ำชี้แจง ใหน้ กั เรียนบอกความหมายคาท่ขี ดี เส้นใต้ ๑. “แหม เจา้ ประคณุ เอย๋ วนั น้ันเรากนิ ขา้ วกลางวนั กนั จนทอ้ งหลาม ขา้ วสกุ ไม่เหลือตดิ กน้ จานแมเ้ มด็ เดยี วไมม่ ีหกตกหลน่ อร่อยข้าวคลุกเห็ดโคนต้มน้าปลา” หลงทาง : ขรรคช์ ยั บนุ ปาน ทอ้ งหลาม หมายถงึ ........................................................................................................................................... ๒. “ระวางนั้น โสมทัตต์ตรงรี่เขา้ ไปหาคู่รกั ของตน ส่วนครู่ กั กล็ ุกข้นึ มาต้อนรบั ออกเสียงอุทานแต่เบา ข้าพเจา้ เหน็ เขาเปน็ เช่นน้นั กเ็ ตรยี มตวั สงบใจให้หายอุธจั เพ่ือเข้าไปหานางผูห้ าท่ีเปรยี บมิไดข้ องขา้ พเจ้าบ้าง” กามนติ : เสถียรโกเศศและนาคะประทีป อุธัจ หมายถงึ ............................................................................................................................. ...................... ๓. “บ้านอยู่ถัดไป ตรงลานหนา้ บ้านมหี มอ้ และชามดินพ่ึงปั้นเสร็จใหม่ ๆ วางอยู่เรียงราย อนั เป็น การงานแหง่ เจ้าของบา้ นท่ีพากเพียรลงแรงทาเป็นสมั มาอาชีพได้ในวันน้นั เครื่องปั้นหม้อยงั คงวางอยู่ใต้ ตน้ มะขามใหญ,่ ขณะนัน้ กุมภการชา่ งปั้นหม้อกาลังเอาชามดนิ ดบิ ออกจากเครื่องป้ัน ขนเอามาวางเรียงรวมกัน ไว้” กามนติ : เสถยี รโกเศศและนาคะประทปี กมุ ภการ หมายถงึ .......................................................................................................................................... .... ๔. ขอเพยี งเห็นดาวรงุ่ ที่มุ่งฝัน เปน็ สาคัญว่าอุทยั ใกล้แล้วหนอ อีกเมื่อไรจะสว่างเหมือนอย่างรอ : อชุ เชนี อทุ ัย หมายถงึ ............................................................................................................................. .....................

120 111230 เฉลยใบงำน เรอ่ื งกำรตคี วำมคำ้ ยำก หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๒ แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ่ี ๑ กำรตีควำมคำ้ ยำก รำยวิชำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรียนท่ี ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษำปที ี่ ๑ คำ้ ชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นบอกความหมายคาที่ขีดเส้นใต้ แหม เจ้าประคุณเอย๋ วนั นนั้ เรากินข้าวกลางวนั กันจนท้องหลาม ข้าวสกุ ไมเ่ หลือติด ก้นจานแม้ เมด็ เดียวไม่มีหกตกหล่น อร่อยขา้ วคลุกเหด็ โคนต้มนา้ ปลา หลงทาง : ขรรค์ชยั บุนปาน ทอ้ งหลาม หมายถึง ท้องใหญ่เกินพอดี ระวางน้นั โสมทัตตต์ รงร่เี ข้าไปหาครู่ กั ของตน สว่ นคู่รกั กล็ ุกขนึ้ มาต้อนรบั ออกเสยี งอุทานแตเ่ บา ขา้ พเจา้ เห็นเขาเป็นเชน่ นนั้ กเ็ ตรียมตัวสงบใจใหห้ ายอุธัจ เพ่ือเขา้ ไปหานางผู้หาที่เปรยี บมิไดข้ องขา้ พเจา้ บา้ ง กามนติ : เสฐียรโกเศศและนาคะประทีป อุธจั หมายถงึ ความประหม่า ความขวยเขิน บ้านอยู่ถดั ไป ตรงลานหน้าบ้านมหี ม้อและชามดินพึง่ ปน้ั เสร็จใหม่ ๆ วางอยเู่ รยี งราย อันเป็นการ งานแหง่ เจ้าของบา้ นทพ่ี ากเพียรลงแรงทาเปน็ สมั มาอาชีพได้ในวันนนั้ เครื่องป้ันหม้อยังคงวางอยใู่ ต้ตน้ มะขาม ใหญ่, ขณะนน้ั กุมภการชา่ งป้ันหม้อกาลังเอาชามดนิ ดบิ ออกจากเครื่องปัน้ ขนเอามาวางเรยี งรวมกันไว้ กามนิต : เสฐยี รโกเศศและนาคะประทีป กุมภการ หมายถงึ ชา่ งปนั้ หม้อ ขอเพยี งเหน็ ดาวรุง่ ที่มงุ่ ฝัน เป็นสาคญั ว่าอทุ ยั ใกลแ้ ลว้ หนอ อทุ ัย หมายถึง พระอาทติ ยแ์ รกขึ้น อีกเมื่อไรจะสวา่ งเหมือนอย่างรอ : อชุ เชนี

121 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๒ เร่อื ง เรียนร้สู ภุ าษิต แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอื่ ง การตคี วามคายาก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ขอบเขตเน้อื หา รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย ส่อื /แหลง่ เรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ใบงานเร่ือง การอา่ นตีความคายาก การตคี วามคายาก ขนั้ นา ๒. บทความทางวิชาการเรื่องช้อนปลาในบ่อเพื่อน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ครยู กตัวอยา่ งข้อความท่มี ีคายากในบรบิ ท ดังนี้ “คลื่นทม่ี ากระทบ ไม่หยุดหยอ่ น พอลกู แรก ภาระงาน/ชิ้นงาน ดา้ นความรู้ กระแทกฝง่ั ยงั ไม่ทันซ่า คลืน่ ลูกทส่ี องก็ตามมา ยังไม่ นักเรียนรวบรวมบทความ ความหมายคายากในเอกสารโดยพิจารณาบรบิ ท ทันจะได้ปรับตัวเตรียมใจกม็ คี ลนื่ ลกู ใหมถ่ าโถม ทางวิชาการท่ีน่าสนใจ วนเวียนซา้ แล้วซ้าเล่าหาจดุ จบไมไ่ ด้ ทาไมนะชวี ิตชีวติ มาคนละ ๒-๓ บทความ จากเร่ืองทอี่ ่าน ดา้ นทักษะและกระบวนการ ตอนนจี้ งึ ไดม้ แี ต่ปัญหา” ๑. จาแนกคายากได้ ๒. เขยี นความหมายคายากจากพจนานุกรมได้ และใหน้ กั เรียนร่วมวเิ คราะห์คาศัพท์ท่ตี ้องใชบ้ รบิ ท และคายากจากบริบทได้ และอธบิ ายความหมายของคาศพั ท์ ด้านคณุ ลักษณะ ๑. ซื่อสัตยส์ ุจรติ ขน้ั สอน ๒. มีวินัย ๑. นักเรยี นเข้ากลุม่ ครูแจกบทความเอกสารทาง ๓. ใฝเ่ รยี นรู้ วิชาการเรื่อง ช้อนปลาในบ่อเพอื่ น ใหน้ ักเรยี นหาคา ๔. มุง่ มนั่ ในการทางาน ยาก และบอกความหมายตามบรบิ ทและตาม พจนานกุ รม ๒. ตัวแทนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานการตีความ คายาก ขั้นสรุป ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปลักษณะการอ่าน ตคี วามคายากท่ใี ช้บริบทเพื่อให้นักเรยี นนาใชใ้ น การอ่าน 112141

122 112125 การวดั และประเมินผล สง่ิ ที่ต้องการวัด/ประเมิน วธิ ีการ เครือ่ งมอื ท่ใี ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ความหมายคายากใน ตรวจใบงานเรอ่ื ง ใบงานเรอื่ งการตีความ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ เอกสารโดยพจิ ารณาบริบทจาก การตคี วามคายาก คายาก รอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป เร่อื งที่อ่าน ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ นาเสนอผลงาน แบบนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ๑. จาแนกคายากได้ รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป ๒. เขยี นความหมาย คา ยากจากพจนานุกรม และ คายากจากบรบิ ทได้ ประเมนิ แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ด้านคณุ ลักษณะ คณุ ลกั ษณะ คณุ ลกั ษณะ ระดบั ๒ ๑. ซื่อสัตยส์ ุจรติ ๒. มีวินัย ๓. ใฝ่เรยี นรู้ ๔. มุง่ มัน่ ในการทางาน ๘. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หาและอุปสรรค .......................................................................................................................................... .................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ...................................................................................................................................................................... ........ ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันท่ี.............เดอื น...............พ.ศ…………. ๙. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ...................................................ผูต้ รวจ .................................................................) วันท่.ี ............เดอื น...........................พ.ศ.

123 112136 ใบงาน เรือ่ ง การตคี วามคายาก หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๒ แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี ๒ เร่อื ง กำรตคี วำมคำยำก รำยวชิ ำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรียนที่ ๑ ช้นั มธั ยมศึกษำปที ี่ ๑ คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นบอกความหมายศัพทต์ ่อไปนี้โดยใชบ้ ริบทและพจนานกุ รม ชอ้ นปลำในบอ่ เพ่ือน โดยทั่วไปกอ่ นเล้ียงปลาเป็นอาชพี เกษตรกรต้องตระเตรียมพน้ื ที่ท่ีจะลงทุนแรงขุดบอ่ สาหรบั เลีย้ ง ปลา จากนน้ั จึงซอ้ื ลูกปลาพันธ์ุท่ตี ้องการมาเลี้ยงตั้งแตย่ ังเล็ก ต้องใชเ้ วลาสมควรในการดูแลเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ อยา่ งมีคณุ ภาพเพ่ือจะได้จับขายถอนทนุ หวังผลกาไร แต่วันดีคนื ดีก็มีมือดีแอบมาชอ้ นปลาหรือมาตกปลาไป พฤติกรรมเชน่ นี้เปน็ การเอาเปรยี บดว้ ยวิธมี ักงา่ ยเพยี งเพื่อใหต้ นไดผ้ ลประโยชน์โดยไมต่ ้องลงทนุ ลงแรง ยง่ิ ถ้า เปน็ การกระทาของคนที่คนุ้ เคยก็ยอ่ มจะสร้างความไม่พอใจและสลดหดห่ใู จแกเ่ จ้าของบ่อปลา ไดม้ กี ารนา “ชอ้ นปลาในบ่อเพ่อื น” มาใชเ้ ปน็ สานวนทางการเมอื งให้มคี วามหมายเปรียบถึงการ กระทาของพรรคการเมอื งบางพรรคท่ีใช้วิธเี อาเปรยี บพรรคอนื่ ๆ เพ่ือชักจูงนกั การเมืองท่ีมีชื่อเสียงอยู่แล้วใน พรรคนน้ั ๆ ใหย้ ้ายมาอยู่พรรคของตนโดยไม่ตอ้ งสร้างนักการเมืองใหม่ ๆ เอง เชน่ ตอนนส้ี พุ ลซ่ึงเป็นคอ การเมืองคุยวพิ ากษว์ ิจารณก์ ับกลุ่มเพ่ือนอยา่ งออกรสวา่ “ไอว้ ิธชี ้อนปลาในบ่อเพ่ือนนม่ี ันเป็นวิธกี ารเห็นแกไ่ ด้ อย่างนา่ อดสู แพรร่ ะบาดรวดเร็วเหมอื นโรครา้ ย แตบ่ างพรรคก็ยงั ทากนั อยา่ งหน้าตาเฉย” บางคนใช้เป็นสานวน “ตกปลาในบ่อเพื่อน” ซ่งึ ก็มีจุดม่งุ หมายในการพดู คลา้ ยกนั แต่จะเน้นที่การใช้ เหย่อื เพื่อล่อใหป้ ลามาฮบุ กนิ ดว้ ยวิธกี ารตกเบด็ ๑. ถอนทุน ความหมาย .................................................................................................................... ......... ๒. วันดคี นื ดี ความหมาย ............................................................................................................................. ๓. มือดี ความหมาย ............................................................................................................................. ๔. ชอ้ นปลา ความหมาย ............................................................................................................................. ๕. คอการเมือง ความหมาย .................................................................................................................... ......... ๖. อย่างออกรส ความหมาย ............................................................................................................................. ๗. วธิ ชี ้อนปลา ความหมาย .................................................................................................................... ......... ๘. หนา้ ตาเฉย ความหมาย ............................................................................................................................. ๙. เหยื่อ ความหมาย .................................................................................................................... ......... ๑๐. ฮุบ ความหมาย .................................................................................................................... .........

124 112174 เฉลยใบงาน เร่ือง การตีความคายาก หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี ๒ เรือ่ ง กำรตคี วำมคำยำก รำยวชิ ำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศึกษำปที ่ี ๑ คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนบอกความหมายศัพท์ต่อไปนี้โดยใชบ้ ริบทและพจนานุกรม ชอ้ นปลำในบ่อเพื่อน โดยท่วั ไปกอ่ นเลีย้ งปลาเปน็ อาชีพ เกษตรกรตอ้ งตระเตรียมพื้นที่ที่จะลงทุนแรงขดุ บ่อสาหรับเล้ยี ง ปลา จากนนั้ จึงซอื้ ลกู ปลาพนั ธุ์ทต่ี ้องการมาเล้ียงต้ังแต่ยังเล็ก ต้องใชเ้ วลาสมควรในการดูแลเลยี้ งดใู หเ้ ตบิ ใหญ่ อย่างมีคุณภาพเพ่ือจะไดจ้ ับขายถอนทนุ หวงั ผลกาไร แต่วันดคี นื ดีกม็ ีมอื ดีแอบมาช้อนปลาหรือมาตกปลาไป พฤติกรรมเชน่ นเ้ี ป็นการเอาเปรยี บด้วยวธิ มี ักงา่ ยเพยี งเพ่ือให้ตนได้ผลประโยชน์โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง ยิง่ ถา้ เป็นการกระทาของคนที่ค้นุ เคยกย็ ่อมจะสรา้ งความไม่พอใจและสลดหดห่ใู จแกเ่ จ้าของบ่อปลา ไดม้ ีการนา “ชอ้ นปลาในบ่อเพื่อน” มาใช้เป็นสานวนทางการเมอื งใหม้ คี วามหมายเปรยี บถงึ การ กระทาของพรรคการเมืองบางพรรคที่ใช้วธิ เี อาเปรยี บพรรคอ่นื ๆ เพ่ือชักจูงนักการเมืองท่ีมชี ่ือเสยี งอยู่แลว้ ใน พรรคน้นั ๆ ใหย้ า้ ยมาอยู่พรรคของตนโดยไม่ต้องสรา้ งนักการเมอื งใหม่ ๆ เอง เชน่ ตอนนสี้ พุ ลซงึ่ เป็นคอ การเมืองคยุ วิพากษว์ ิจารณ์กับกล่มุ เพื่อนอย่างออกรสว่า “ไอว้ ธิ ชี อ้ นปลาในบ่อเพ่ือนนม่ี ันเป็นวธิ กี ารเห็นแก่ได้ อย่างน่าอดสู แพร่ระบาดรวดเรว็ เหมือนโรครา้ ย แต่บางพรรคกย็ ังทากนั อยา่ งหนา้ ตาเฉย” บางคนใชเ้ ป็นสานวน “ตกปลาในบ่อเพ่ือน” ซึง่ ก็มีจุดม่งุ หมายในการพูดคลา้ ยกนั แต่จะเนน้ ท่กี ารใช้ เหย่ือ เพ่ือล่อให้ปลามาฮุบกนิ ดว้ ยวธิ กี ารตกเบด็ ๑. ถอนทุน ความหมาย เอาทุนคนื หวงั กาไร วันหนงึ่ ๒. วนั ดคี ืนดี ความหมาย ขโมย จบั ปลา ๓. มอื ดี ความหมาย ผมู้ ีความสนใจเรื่องการเมืองเป็นพิเศษ อยา่ งสนุกสนาน เปน็ ทชี่ อบอกชอบใจ ๔. ช้อนปลา ความหมาย การเอาเปรยี บ หน้าดา้ น ทาเปน็ ไม่รไู้ ม่ชี้ ๕. คอการเมือง ความหมาย ผลประโยชน์ กิน ๖. อย่างออกรส ความหมาย ๗. วธิ ชี อ้ นปลา ความหมาย ๘. หนา้ ตาเฉย ความหมาย ๙. เหยือ่ ความหมาย ๑๐. ฮบุ ความหมาย

125 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เร่ือง เรยี นร้สู ภุ าษิต แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๓ เวลา ๑ ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง สานวน สุภาษิต คาพงั เพย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเน้ือหา รายวชิ าพ้นื ฐานภาษาไทย สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ภำพสำนวนไทย สำนวนทเ่ี ปน็ คำพงั เพยและสุภำษติ ขนั้ นา ๒. ใบควำมรู้เรือ่ ง สำนวน สภุ ำษิต คำพงั เพย จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. ครนู กั เรยี นทำยภำพสำนวนไทย ๓. แผนภำพควำมคิด ด้านความรู้ ภาระงาน/ช้ินงาน ตำนำพริกละลำยแมน่ ำ ศกึ ษำคน้ ควำ้ เร่ืองสำนวนสุภำษิตและคำพงั เพย อธิบำยควำมหมำยของสำนวน สุภำษติ และคำ อย่ำเห็นกงจกั รวำ่ เป็นดอกบวั พงั เพยได้ และบอกควำมหมำยสำนวน ดา้ นทักษะและกระบวนการ ๒. ครใู หน้ กั เรียนวิเครำะห์ลักษณะควำมหมำย สำนวน “อยำ่ เห็นกงจักรว่ำเป็นดอกบวั ” “ตำนำพริก จำแนกควำมแตกตำ่ งของสำนวนทีเ่ ปน็ สุภำษิต ละลำยแมน่ ำ” มีควำมเหมือนและตำ่ งกันหรือไม่ และคำพังเพยได้ อยำ่ งไร ด้านคุณลักษณะ ขนั้ สอน ๑. ครูให้นกั เรียนแบ่งกลุ่มศกึ ษำควำมหมำยของ ๑. มวี ินัย สำนวน สุภำษติ คำพงั เพยจำกใบควำมรู้เรื่อง สำนวน ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ สุภำษติ คำพังเพย ๓. มงุ่ มั่นในกำรทำงำน ๒. นักเรยี นทำแผนภำพควำมคิด จำแนกควำม ๔. รกั ควำมเปน็ ไทย เหมอื นควำมแตกต่ำงของสำนวน สภุ ำษติ และคำ พังเพย ๓. ตัวแทนกลมุ่ นำเสนอแผนภำพควำมคดิ จำแนก สำนวน สุภำษติ และคำพงั เพย ๔. ครูให้นักเรยี นไปคน้ คว้ำสภุ ำษิต และคำพงั เพย จำกสำนวนในสือ่ ตำ่ ง ๆ เพอื่ นำมำใชใ้ นกำรเรยี น 111285

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เรื่อง เรียนรู้สุภาษิต แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๓ 126 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรือ่ ง สานวน สภุ าษิต คาพังเพย เวลา ๑ ชว่ั โมง รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ชว่ั โมงถดั ไป ขนั้ สรุป ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ลกั ษณะที่เหมือนและ แตกต่ำงกนั ระหวำ่ งสำนวน สุภำษติ คำพงั เพย 119

127 112270 การวัดและประเมนิ ผล สงิ่ ทตี่ ้องการวดั /ประเมิน วิธกี าร เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ๑. ควำมหมำยของสำนวน นำเสนอผลงำน แบบนำเสนอผลงำน ผ่ำนเกณฑ์กำรประเมนิ ๒. ควำมหมำยของสภุ ำษิต รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ ไป ๓. ควำมหมำยของคำพังเพย ด้านทักษะและกระบวนการ เขยี นแผนภำพ แบบประเมินกำรเขยี น ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ จำแนกควำมแตกตำ่ งของ ควำมคิด แผนภำพควำมคิด ร้อยละ ๘๐ ขนึ ไป สำนวนทเี่ ปน็ สุภำษติ และคำ พงั เพยได้ ด้านคุณลกั ษณะ ๑. มวี นิ ัย ประเมิน แบบประเมิน ผ่ำนเกณฑ์คุณภำพ ๒. ใฝ่เรยี นรู้ คุณลกั ษณะ คุณลกั ษณะ ระดบั ๒ ๓. มุง่ มัน่ ในกำรทำงำน ๔. รักควำมเปน็ ไทย ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลกำรเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หำและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทำงแก้ไข .......................................................................................................................... .................................................... ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันท.ี่ ............เดือน...............พ.ศ…………. ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผ้บู รหิ ารหรือผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื ...................................................ผตู้ รวจ (.................................................................) วันท.ี่ ............เดอื น...........................พ.ศ.

128 112281 ทายภาพ เร่อื งสานวน สภุ าษติ คาพงั เพย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๓ สานวน สุภาษิต คาพงั เพย รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑

129 112229 ใบความรู้เร่ือง สานวน สภุ าษติ คาพงั เพย หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๓ สานวน สุภาษิต คาพงั เพย รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน (๒๕๕๔ : ๑๒๒๗) ได้อธิบายความหมาย “สานวน” ไวว้ า่ “ถ้อยคาที่เรียบเรียง, โวหาร, บางทกี ็ใชว้ ่าสานวนโวหาร ; ถอ้ ยคาหรือข้อความที่กล่าวสบื ตอ่ กันมาชา้ นานแล้ว มคี วามหมายไม่ตรงตามตัวหรือมีความหมายอื่นแฝงอยู่ เช่น สอนจระเข้ใหว้ า่ ยนา ราไมด่ ีโทษปีโทษกลอง” สานวน จึงเปน็ ถ้อยคาท่ีมีความหมายไม่ตรงตามตัวอกั ษร เปน็ คากล่าวเชิงเปรียบเทยี บเพื่อใช้อธิบาย การกระทา พฤตกิ รรม หรือส่ิงใดสงิ่ หน่ึงทผี่ ู้พูดไมไ่ ด้กลา่ วถึงโดยตรง มคี วามหมายไมต่ รงรปู คา แตเ่ ปน็ ที่เข้าใจ ความหมายกนั ระหว่างผสู้ ง่ สารกับผรู้ ับสาร เชน่ นาท่วมทงุ่ ตที า้ ยครัว หม้อข้าวไม่ทันดา สภุ าษิต คือ ถ้อยคาที่กลา่ วไว้เปน็ คติหรอื เตือนใจ มักเป็นถ้อยคาที่กลา่ วสบื ตอ่ กันมาช้านานแลว้ มี จุดมงุ่ หมายเพ่อื สงั่ สอนและเป็นข้อเตือนใจใหป้ ฏบิ ัติตาม โดยมามคี าวา่ “อย่า” หรือ “ให้” ปรากฏในสุภาษติ นันด้วย เช่น นาเชย่ี วอย่าขวางเรือ คบคนให้ดหู น้า ซือผ้าให้ดูเนอื คาพังเพย คือ ถ้อยคาที่กลา่ วให้ข้อคิด โดยจะกล่าวถึงพฤติกรรม การกระทาบางอยา่ งในสถานการณ์ ต่าง ๆ เชน่ ปดิ ทองหลงั พระ ดงั นนั สุภาษิตคาพังเพย จงึ จัดรวมอยใู่ น “สานวน” ด้วยกันทงั คู่ เพราะมีความหมายในเชิง เปรยี บเทยี บ และเปน็ ถอ้ ยคาท่ใี ช้สืบเนื่องกันมานาน ลกั ษณะของสภุ าษิต และคาพงั เพย สภุ าษติ มลี กั ษณะเปน็ ถอ้ ยคาทีม่ ักใชส้ ัน ๆ กะทัดรัด แต่มคี วามหมายลึกซึง มสี ัมผัสคลอ้ งจอง หรอื บางครงั อาจใช้คาแปลกชวนให้สะดดุ ใจ คดิ ตีความ สว่ นใหญ่สภุ าษิตที่ใชก้ นั ในสังคมไทย มักมที ี่มาจากคาสอน ทางพุทธศาสนา ธรรมะในพทุ ธศาสนา หรอื อาจนามาจากธรรมชาติ และสง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตัว สภุ าษิตเปน็ ถ้อยคา ทกี่ ล่าวสืบตอ่ กันมาแต่โบราณ มักพบในวรรณคดเี ร่ืองต่าง ๆ เชน่ สภุ าษติ พระรว่ ง โคลงโลกนิติ สุภาษิตสอน หญิง เปน็ ตน้ ตัวอย่าง  ทาดีได้ดี สอนว่าหากทาดกี ็จะได้รับผลดีตอบแทน  ทาชวั่ ไดช้ วั่ สอนว่าหากทาช่วั ก็จะได้รบั ส่ิงไมด่ ตี อบแทน  นาขนึ ให้รบี ตกั สอนใหร้ บี ทาเม่ือมโี อกาสดี  นาขุ่นอยู่ใน นาใสอย่นู อก สอนให้เกบ็ ความไม่พอใจเอาไว้ แสดงท่าทีเป็นมติ ร  อยา่ ไว้ใจทาง อยา่ วางใจคน สอนไม่ให้ไวใ้ จหรือเช่อื อะไรใครง่าย ๆ  พงึ เอาชนะความโกรธด้วยความไมโ่ กรธ สอนใหร้ ู้จกั ระงบั ความโกรธ

130 112330 คาพงั เพย มลี กั ษณะเป็นถอ้ ยคาทใี่ ห้ข้อคิด โดยกลา่ วถงึ พฤติกรรม หรือธรรมชาตริ อบตัว โดยมากมัก เปน็ ถอ้ ยคาทีเ่ ปน็ ขอ้ สรปุ การกระทาหรือพฤติกรรมทวั่ ไป อาจมีทีม่ าจากนทิ าน ตานาน วรรณคดี เป็นตน้ ตัวอย่าง  ทองไมร่ ู้ร้อน หมายถึง ทาตวั ไมม่ ีความรสู้ กึ ไม่มีปฏกิ ิรยิ า  ขมินกบั ปนู หมายถงึ ไม่ถกู กนั ทะเลาะกนั เปน็ ประจา  กบเลอื กนาย หมายถงึ คนช่างเลือก เลอื กมากจนตวั เองเดอื ดรอ้ น  ทาคณุ บชู าโทษ หมายถงึ ทาความดแี ต่กลบั ไดร้ ับสงิ่ ไม่ดีตอบแทน  ราไม่ดโี ทษป่โี ทษกลอง หมายถึง ตนเองทาผดิ แตโ่ ทษวา่ เป็นความผิดของผ้อู ่ืน  มือไมพ่ าย เอาเท้ารานา หมายถงึ ตนเองไมช่ ่วยทา แลว้ ยงั ขัดขวางการทางานของผู้อนื่ คุณคา่ ของสานวนไทย สานวนไทยมีคุณคา่ หลายประการ ดังนี ๑. ชว่ ยพัฒนาปญั ญาของคนไทยในสงั คม ๒. เป็นมรดกแห่งภมู ิปญั ญาทางภาษาไทย ๓. เป็นแนวทางประพฤตทิ ี่ดีใหแ้ ก่คนในสังคม ๔. เปน็ แบบแผนควบคมุ พฤติกรรมของคนในสงั คม ๕. สะท้อนวัฒนธรรม ประเพณี ศาสนาและวถิ ีชีวิตความเป็นอยูข่ องคนไทย สรุป สภุ าษติ และคาพงั เพยนัน จัดเปน็ “สานวน” ด้วยกันทงั คู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคาที่ใชส้ ืบเนอ่ื งกันมานาน สภุ าษติ เป็นถ้อยคาทมี่ ักใช้คาสนั ๆ กะทดั รัดแต่มคี วามหมายลึกซึง มี สมั ผัสคลอ้ งจอง สว่ นใหญส่ ภุ าษิตท่ีใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคาสอนทางพุทธศาสนา หรอื อาจนามาจาก ธรรมชาติ และส่งิ ต่าง ๆ รอบตัว คาพงั เพยเปน็ ถอ้ ยคาท่ีให้ข้อคิด โดยกล่าวถงึ พฤติกรรมหรอื ธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมกั เปน็ ถอ้ ยคาท่เี ป็นข้อสรุปการกระทาหรอื พฤติกรรมท่วั ไป อาจมีทมี่ าจากนทิ าน ตานาน วรรณคดี สานวนไทยมคี ุณคา่ หลายประการ เชน่ สะท้อนวัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา และวถิ ีชวี ิตความเปน็ อยู่ของคน ไทย ช่วยพฒั นาปัญญาของคนในสงั คมไทย เป็นแนวทางประพฤตทิ ี่ดใี ห้แก่คนในสงั คม

131 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๔ เวลา ๑ ช่วั โมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ เรอ่ื ง เรยี นรสู้ ภุ าษิต เรือ่ ง สานวน สุภาษิต คาพงั เพย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ ข้นั นา ๑. เกมต่อสำนวน สำนวนทีเ่ ป็นคำพงั เพยและสุภำษิต ๑. ครูใหน้ กั เรยี นเลน่ เกมต่อคำสำนวนไทย ๒. ใบควำมรู้ เรอื่ ง สำนวน สภุ ำษิต คำพังเพย จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ และครูซักถำมนกั เรียนควำมหมำยของสำนวน ๓. ใบงำน เรือ่ ง สำนวน สุภำษิต คำพงั เพย ดา้ นความรู้ สุภำษติ คำพังเพย ๔. แบบทดสอบ เร่ือง สำนวน สุภำษติ คำพังเพย ๒. นกั เรยี นยกตวั อย่ำงสำนวนไทยพร้อม ภาระงาน/ช้นิ งาน อธิบำยควำมหมำยของสำนวน สภุ ำษติ และ สถำนกำรณ์ท่นี กั เรียนเคยนใชำ�้ส�ำ นวนมาใช้ รวบรวมสำนวนและควำมหมำย คำพงั เพยได้ ขั้นสอน ดา้ นทักษะและกระบวนการ ๑. แบง่ นักเรยี นออกเป็นกลุม่ ครแู จกใบงำน เรื่อง ๑. จำแนกสุภำษติ และคำพังเพยได้ สำนวน สภุ ำษิต คำพงั เพย ๒. ใช้สำนวนที่เปน็ สภุ ำษิตและคำพังเพยได้ ๒. นักเรียนระดมควำมคิดวเิ ครำะห์ และ ด้านคุณลักษณะ สังเครำะหเ์ รื่อง สำนวน สภุ ำษติ คำพังเพยและชว่ ยกนั ๑. มีวนิ ัย ทำใบงำน เร่ือง สำนวน สุภำษติ คำพังเพย ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๓. ครูใหต้ ัวแทนกลุ่มนำผลงำนนำเสนอหน้ำชนั้ ๓. มุ่งมัน่ ในกำรทำงำน หเรนยี ้านชน้ั เรยี น ๔. รกั ควำมเปน็ ไทย ๔. ครูและนกั เรียนร่วมแสดงควำมคดิ เหน็ สรปุ ใหข้ อ้ เสนอแนะกำรนำเสนอผลงำน ๕. นกั เรยี นทำแบบทดสอบ เรอ่ื ง สำนวน สภุ ำษิต คำพังเพย 121431

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๒ เร่อื ง เรยี นรู้สุภาษติ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๔ 132 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรือ่ ง สานวน สภุ าษิต คาพงั เพย เวลา ๑ ชวั่ โมง ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ รายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย ๖. ครแู ละนำให้นักเรยี นรวบรวมสำนวนและ ควำมหมำยจำกหนังสือเรียนหรอื แหลง่ เรียนรู้ตำ่ ง ๆ เพอ่ื นำไปประยุกต์ใช้เป็นคตสิ อนใจในกำรดำเนินชวี ิต ขน้ั สรปุ นกั เรยี นและครูชว่ ยกันสรุปควำมรู้และคณุ ค่ำ ของสำนวน สภุ ำษิตและคำพังเพย 125

133 113236 การวัดและประเมินผล สง่ิ ท่ีต้องการวดั /ประเมนิ วธิ ีการ เครื่องมือทีใ่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ แบบทดสอบ ผำ่ นเกณฑ์ กำรประเมิน อธิบำยควำมหมำยของ ทดสอบ ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป สำนวน สุภำษติ และ คำพงั เพยได้ ด้านทกั ษะและระบวนการ ๑. จำแนกสุภำษิตและคำ ตรวจใบงำน เรอื่ ง เกมต่อสำนวน ผำ่ นเกณฑ์ กำรประเมนิ พังเพยได้ สำนวน สภุ ำษิต ใบงำน เรอ่ื ง สำนวน รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ๒. ใช้สำนวนท่ีเป็นสุภำษติ คำพงั เพย สุภำษิต คำพงั เพย และคำพังเพยได้ ดา้ นคุณลกั ษณะ ๑. มีวินัย ประเมนิ จำก แบบประเมนิ ผำ่ นเกณฑ์คณุ ภำพ ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ คุณลักษณะ ระดบั ๒ ๓. มงุ่ ม่ันในกำรทำงำน ๔. รกั ควำมเป็นไทย ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลกำรเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปัญหำและอุปสรรค ............................................................................................................................. ................................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทำงแก้ไข ..................................................................................................................................................................... ......... ลงชอ่ื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ท่ี.............เดือน........................พ.ศ…… ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผู้ท่ีได้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื ...................................................ผ้ตู รวจ (.................................................................) วันที่.............เดอื น.........................พ.ศ……

134 112374 เกมตอ่ สำนวน เรื่องสำนวน สุภำษติ คำพังเพย หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๒ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๑ สำนวน สุภำษิต คำพังเพย รำยวิชำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๑ ๑. กรวดน้ำ.......................... ๒. กลิ้งครก.......................... ๓. กลนื ไมเ่ ขำ้ ....................... ๔. กนิ ปูน.................................... ๕. ใกล้เกลอื ............................... ๖. ...........................คนงำมเพรำะแต่ง ๗. ..........................ข้ำงในเปน็ โพรง ๘. ..........................ออกตำมประตู ๙. ..........................ถำกดว้ ยตำ ๑๐. ............................ลบด้วยเท้ำ ๑๑. คบั ท่ี...............คับใจ................... ๑๒. งำนหลวง.....................งำนรำษฎร์............... ๑๓. จระเข.้ ...................อยถู่ ำ้ เดียวกัน................. ๑๔. จอดเรอื ........................ขมี้ ้ำ.................... ๑๕. ช้ำงตำย....................เอำใบบวั ......................... เฉลย ๒. กลง้ิ ครก ขน้ึ เขา.......................... ๑. กรวดนำ้ ควา่ ขนั ๔. กินปนู ร้อนทอ้ ง ๓. กลนื ไมเ่ ขำ้ คายไม่ออก ๖. ไก่งามเพราะขน คนงำมเพรำะแตง่ ๕. ใกล้เกลือ กนิ ด่าง ๘. เขา้ ตามตรอก ออกตำมประตู ๗. ข้างนอกสกุ ใส ข้ำงในเปน็ โพรง ๑๐. เขยี นดว้ ยมือ ลบดว้ ยเทำ้ ๙. ขดุ ดว้ ยปาก ถำกด้วยตำ ๑๒. งำนหลวงไมใ่ หข้ าด งำนรำษฎร์ไมใ่ หเ้ สยี ๑๑. คบั ท่ี อยู่ได้ คับใจอย่ยู าก ๑๔. จอดเรอื ไมด่ ทู า่ .ขี้มำ้ ไม่ดูทาง ๑๓. จระเขส้ องตัวอยู่ถ้ำเดยี วกนั ไม่ได้ ๑๕. ช้ำงตำยทั้งตัวเอำใบบวั มาปดิ

135 112385 ใบงำน เร่อื งสำนวน สุภำษติ คำพังเพย ๔๐ หน่วยกำรเรียนใรบู้ทงี่ ำ๒น แเรผื่อนงกสำำรนจวดั นกำสรุภเำรษียนติ รแทู้ลี่ะ๔คำสพำงันเวพนย สภุ ำษติ คำพงั เพย ชือ่ .........ร...ำ..ย..ว..ชิ...ำ..ภ...ำ..ษ...ำ..ไ.ท...ย....ร..ห..ั.ส...ท...๒..ส๑ก๑ลุ ๐..๑.................ภ...ำ..ค..เ..ร..ีย..น...ท..ี่..๑.............ชชน้ั ้ันมม.ัธ๑ยม/.ศ...กึ ..ษ. เำลปขที ที่ ี่.๑.......... ตอนท่ี ๑ จงตอบคำถำมต่อไปนีใ้ หถ้ กู ต้องสมบรู ณ์ สภุ ำษติ คำพังเพย จดั รวมอยใู่ น “สำนวน” ดว้ ยกนั ท้ังคู่ เพรำะ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ตอนท่ี ๒ จงจำแนกสำนวนไทยตอ่ ไปนว้ี ำ่ สำนวนใดเป็นสภุ ำษิตสำนวนใดเปน็ คำพงั เพย ๑. บัวไม่ใหช้ ำ้ น้ำไม่ให้ขุ่น เป็น ..................................................................... ๒. มสี ลึงพึงบรรจบให้ครบบำท เปน็ ..................................................................... ๓. มอื ถอื สำก ปำกถือศีล เปน็ ..................................................................... ๔. นำ้ ข้ึนใหร้ ีบตัก เปน็ ..................................................................... ๕. กบเลอื กนำย เป็น ..................................................................... ๖. ขมน้ิ กบั ปูน เป็น ..................................................................... ๗. น้ำขนุ่ อยูใ่ น น้ำใสอยู่นอก เป็น ..................................................................... ๘. อยำ่ ไวใ้ จทำง อยำ่ วำงใจคน เป็น ..................................................................... ๙. ทำคุณบชู ำโทษ เปน็ ..................................................................... ๑๐. พงึ เอำชนะควำมโกรธด้วยควำมไม่โกรธ เป็น ..................................................................... ๑๑. คบคนให้ดูหนำ้ ซ้อื ผำ้ ใหด้ ูเนอ้ื เปน็ ..................................................................... ๑๒. เข้ำเมอื งตำหล่วิ ต้องหล่วิ ตำตำม เป็น .................................................................... ตอนที่ ๓ จงบอกควำมหมำยของสำนวนต่อไปน้ี ๑. สู้จนยิบตำ หมำยถงึ .............................................................................................................................................................................. ๒. งอมพระรำม หมำยถึง ............................................................................................................................................................................. ๓. เจำ้ ไมม่ ีศำล สมภำรไม่มวี ัด หมำยถึง .............................................................................................................................................................................. ๔. ตนี แมว หมำยถงึ .............................................................................................................................................................................. ๕. เข้ำตำมตรอกออกตำมประตู หมำยถึง .............................................................................................................................................................................

136 112369 ตอนท่ี ๔ จงเติมสำนวนลงในชอ่ งวำ่ งให้ถกู ต้องตรงควำมหมำย ๑. หำประโยชน์ใส่ตนโดยขูดรดี จำกคนอน่ื ............................................................................................................................................................................. ๒. สรำ้ งเรื่องไม่จริงใหเ้ ปน็ เรอื่ งจริง ............................................................................................................................. ................................................ ๓. คำพูดตรง แต่ไมน่ ่ำฟัง ............................................................................................................................................................................. ๔. เอำควำมลับไปบอกใหใ้ คร ๆ รู้ .......................................................................................................... ................................................................... ๕. ชอบว่ำคนอ่ืนไมด่ ี แต่ตวั กับทำเสียเอง ............................................................................................................................. ................................................ ตอนที่ ๕ คำช้ีแจง : พจิ ำรณำสถำนกำรณ์ตอ่ ไปน้วี ่ำตรงกบั สำนวนใด ๑. สมชำยไม่ชว่ ยเพ่อื นทำรำยงำน แลว้ ยังเปดิ วทิ ยเุ สยี งดงั รบกวนเพอ่ื น ตรงกบั สำนวนใด ....................................................................................... ...................................................................................... ๒. พ่อแม่อตุ สำ่ ห์กหู้ น้ยี ืมสินหำเงนิ มำใหเ้ รยี นหนังสือกลับหนีโรงเรียนเอำเงินไปเท่ยี วกับเพอ่ื น ตรงกับสำนวนใด ............................................................................................................................. ๓. ครูของฉนั สอนลูกศิษย์ไดผ้ ลดียงิ่ ลูกศษิ ย์สอบไดย้ กชั้นทุกปี ทำ่ นทำงำนมำเกือบสบิ ปีแล้วเพ่ิงได้ เงนิ เดอื นข้ึนครง้ั เดียวเทำ่ นน้ั ทง้ั นเ้ี พรำะทำ่ นไม่ตอ้ งกำรโฆษณำควำมดีของท่ำน กำรกระทำของ ครูนี้ ตรงกบั สำนวนใด ....................................................................................................................... ...................................................... ๔. นักกำรเมือง ๒ คนน้ี เขำรู้จุดออ่ นและเล่หเ์ หลย่ี มของกันและกัน ตรงกับสำนวนใด .......................................................................................................................... ................................................... ๕. นำยแดงเป็นคนจน งำนหำเลย้ี งชีพก็ไมม่ ีทำ แตน่ ำยแดงชอบแตง่ ตัวหรหู รำจนคนอื่น ๆ เข้ำใจวำ่ เป็นคนรำ่ รวย ลกั ษณะของนำยแดงตรงกบั สำนวนใด .............................................................................................................................................................................

137 113370 เฉลเยฉใลบยงใำบนงำเรนื่องเรสอื่ ำงนสวำนนวสนุภำสษุภิตำแษลติ ะคคำำพพังังเเพพยย หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๒ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๔ สำนวน สุภำษิต คำพังเพย รำยวิชำภำษำไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภำคเรียนที่ ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษำปีที่ ๑ ตอนท่ี ๑ จงตอบคำถำมต่อไปนใี้ ห้ถกู ตอ้ งสมบูรณ์ สุภำษติ คำพังเพย จัดรวมอยู่ใน “สำนวน” ด้วยกนั ทั้งคู่ เพรำะมีควำมหมำยในเชิงเปรียบเทยี บ และเปน็ ถ้อยคำท่ใี ช้สืบเน่ืองกันมำนำน ตอนที่ ๒ จงจำแนกสำนวนไทยต่อไปนี้วำ่ สำนวนใดเปน็ สภุ ำษิตสำนวนใดเปน็ คำพงั เพย ๑. บัวไม่ให้ชำ้ นำ้ ไมใ่ หข้ นุ่ เป็น สุภำษิต ๒. มีสลงึ พึงบรรจบให้ครบบำท เปน็ สุภำษติ ๓. มอื ถอื สำก ปำกถือศลี เปน็ คำพงั เพย ๔. นำ้ ขนึ้ ใหร้ ีบตัก เปน็ สุภำษติ ๕. กบเลอื กนำย เป็น คำพังเพย ๖. ขมิ้นกับปนู เป็น คำพงั เพย ๗. น้ำขนุ่ อยู่ใน น้ำใสอย่นู อก เป็น สภุ ำษิต ๘. อย่ำไว้ใจทำง อยำ่ วำงใจคน เปน็ สภุ ำษิต ๙. ทำคุณบชู ำโทษ เป็น คำพังเพย ๑๐. พึงเอำชนะควำมโกรธด้วยควำมไม่โกรธ เปน็ สภุ ำษิต ๑๑. มะกอสำมตะกร้ำปำไม่ถูก เปน็ คำพงั เพย ๑๒. ปลำหมอตำยเพรำะปำก เปน็ คำพังเพย ตอนที่ ๓ จงบอกควำมหมำยของสำนวนต่อไปน้ี ๑. สู้จนยิบตำ หมำยถึง สู้จนถึงทส่ี ุด สไู้ ม่ถอย ๒. งอมพระรำม หมำยถงึ มีควำมทุกข์ควำมลำบำกเตม็ ท่ี ๓. เจำ้ ไม่มีศำล สมภำรไม่มวี ดั หมำยถึง ผู้ไม่มีท่ีอย่เู ปน็ หลกั แหลง่ ๔. ตีนแมว หมำยถงึ พวกยอ่ งเบำ ขโมย ๕. เขำ้ ตำมตรอกออกตำมประตู หมำยถึง ทำตำมธรรมเนียมเร่อื งกำรสูข่ อ ตอนท่ี ๔ จงเติมสำนวนลงในชอ่ งว่ำงให้ถูกต้องตรงควำมหมำย ๑. หำประโยชน์ใส่ตนโดยขดู รดี จำกคนอ่นื รีดเลอื ดกับปู ๒. สร้ำงเรือ่ งไม่จรงิ ให้เปน็ เรื่องจริง ปั้นนำ้ เป็นตัว ๓. คำพูดตรง แต่ไมน่ ำ่ ฟัง ขวำนผำ่ ซำก ๔. เอำควำมลบั ไปบอกใหใ้ คร ๆ รู้ ฆอ้ งปำกแตก กนิ ในท่ลี ับไขในท่แี จง้ ๕. ชอบวำ่ คนอื่นไมด่ ี แตต่ ัวกับทำเสียเอง วำ่ แตเ่ ขำอเิ หนำเป็นเอง