Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ภาษาไทย ม.1 เทอม 1 ครูอทิติยา

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ภาษาไทย ม.1 เทอม 1 ครูอทิติยา

Published by ratigarn2531, 2023-06-09 16:00:27

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ภาษาไทย ม.1 เทอม 1 ครูอทิติยา

Search

Read the Text Version

385 337885 385 385 ใบความร้เู รอ่ื ง แบบของการเขียนย่อความ หน่วยที่ ๔ แผใบนคกวาารมจรดั ูเ้กราอ่ื รงเรแยี บนบรขู้ทอี่ ๓งกเารรื่อเงขียเชนี่ยยว่อชคาวญามเขียนย่อความ รายวชิ าภาษหานไว่ ทยยทรี่ ๔หัสแผทน๒ก๑า๑รจ๐ดั๑การเรียนรภทู้ า่ี ค๓เรเรยี ่ือนงท่ีเช๑ี่ยวชาญเขียนชยนั้ อ่ มคธั วยามมศึกษาปีที่ ๑ รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ แบบของการเขยี นย่อความ แบบของแกบาบรเขขอียงนกยาร่อเคขวยี านมยอ่ ความ โดยทัว่ ไปประกอบด้วยส่วนสาคัญ ๒ สว่ น คอื แ๑บ. บสว่ขนอทงก่ีเปารน็ เคขายี นนาย่อหครวอื าสมว่ นโดทยเ่ี ปท็นั่วกไปาปรขรึน้ะกตอ้นบยด่อ้วคยวสาม่วนสส่วานคนญั จ้ี ะ๒เขสยี ่วนนนคาเอื ป็นย่อหน้าแรกเพอื่ ชแ้ี จงใหท้ ราบ วา่ ข้อคว๑าม. ทส่วยี น่อทนีเ่น้ั ปเน็ปค็นางนานาเหขียรือนสป่วรนะทเภเ่ี ปทน็ใดกามรีเขน้นึอื ตห้นาอยย่อ่าคงวไารมมสใี คว่ นรบน้าีจงะเทขายี อนะนไราเปทน็ไ่ี หยน่อหแนล้าะแเมร่ือกไเพร อื่ นชอแ้ี กจจงาใกหนท้ น้ั ราบ วย่าังใขห้อผคูอ้ วา่ านมททร่ยีา่อบนทั้นี่มเาปขน็ องาเรนือ่ เขงยี ถนา้ ปผรู้อะา่ เนภเทกใดิ ดควมาีเมนสอื้ นหใาจอเยนา่ ื้องเไรรื่อมงทีใคงั้ รหบม้าดง กทส็ าาอมะาไรถทจีไ่ะหไปนศแึกลษะาเคมน้อ่ื ไครวา้นเอพก่ิมจเตากิมนจ้ันาก ยตงัน้ ใฉหบ้ผับู้อไ่าดน้ ทราบทม่ี าของเรอ่ื ง ถ้าผอู้ า่ นเกิดความสนใจเนื้อเร่ืองท้งั หมด ก็สามารถจะไปศึกษาคน้ ควา้ เพ่ิมเตมิ จาก ตน้ ฉบบั ได้ ๑.๑ หลกั ในการข้ึนต้นย่อความสว่ นท่ีเปน็ คานางานเขียนรอ้ ยกรอง เชน่ โครง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน ฯลฯ เม่ือนามายอ่ ๑ค.ว๑ามหแลลัก้วใจนะกตา้อรงขบ้ึนอตกน้ ปยร่อะคเภวาทมขสอว่ งนคทาป่เี ปร็นะคพานั นธา์ งชาอ่ื นเรเขื่อียงนชรื่ออ้ ผยแู้ กตร่งองทีม่เชาน่ ขอโคงครางปฉรันะทพ์ นักธา์นพั้นยๆ์ กวล่าอมนา จฯาลกฯหเนมัง่อื สนอื าเมลา่มยใอ่ดคหวนาม้าใแดล้วมจีแะบตบอ้ ดงังบนอี้ กประเภทของคาประพนั ธ์ ชือ่ เรือ่ ง ชอ่ื ผ้แู ต่ง ทม่ี าของคาประพนั ธ์น้นั ๆ ว่ามา จากหนังสอื เลม่ ใด หน้าใด มีแบบดงั น้ี แบบของการเขยี นย่อความ ย่อคาประพนั ธ์ประเภท……….…แเรบือ่ บงข…อ…ง…ก…ารขเอขงีย…น…ย…่อค.…วตาอมน……...จาก…..…..หนังสือ….…หน้า…… ความว่า ย่อคาประพนั ธป์ ระเภท……….…เร่ือง…………ของ……….…ตอน……...จาก…..…..หนังสือ….…หนา้ …… ความว่า เนอ้ื ความท่ีย่อ……………………………………………………………………………………………………………………. ……………เ…นอ้ื…ค…ว…าม…ท…่ีย…อ่ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………ต…ัว…อ…ยา่…ง…………………………………………………………………………………………………………………………….. ตย่อัวกอลยอา่ งนเพลงยาว เร่อื ง อิศรญาณภาษิต ของหม่อมเจา้ อศิ รญาณ จากหนังสือเรยี นสาระการ เรียนร้พู น้ื ยฐอ่ ากนลอวรนรเณพลคงดยีวาิจวักเษร์ือ่ ชง้นั อมิศธั รยญมศาณกึ ษภาาปษีทิตี่ ๑ของหม่อมเจ้าอิศรญาณ จากหนงั สือเรียนสาระการ เรยี นรูพ้ ื้นเนฐาื้อนคววารมรทณยี่ คอ่ ด…ีว…จิ กั…ษ…์ …ช้ัน…ม…ธั …ย…มศ…ึก…ษ…า…ปีท…่ี…๑……………………………………………………………………………. ……………เ…นื้อ…ค…ว…าม…ท…ย่ี …่อ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

386 338769 ๑.๒ หลักการขึ้นตน้ ย่อความส่วนท่ีเป็นคานางานเขียนร้อยแกว้ จะต้องขึน้ ต้นด้วย ยอ่ เรอ่ื งอะไร ใครแตง่ จากหนังสืออะไร หน้าท่เี ท่าไร ความวา่ ๑.๒.๑ ย่องานเขยี นร้อยแก้วที่เป็นความเรยี ง ตานาน ประวัติ บทความ เรื่องสั้น จะขึ้นตน้ ดังนี้ แบบของการเขียนย่อความ ย่อคาประพนั ธป์ ระเภท……….…ของ……….…จาก…..…..หนา้ ……ความว่า เนอื้ ความทย่ี อ่ ……………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ตวั อยา่ ง ยอ่ ความเร่ือง เพ่ือนกัน ของชมยั ภร แสงกระจ่าง จากหนงั สือเรียนสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน วิวิธภาษา ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ความว่า เนอ้ื ความทย่ี ่อ……………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

387 338870 แบบทดสอบเร่อื ง การเขียนย่อความ หนว่ ยที่ ๔ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๓ เรอื่ ง เช่ียวชาญเขียนยอ่ ความ รายวิชาภาษาไทย รหัสแทบ๒บ๑ท๑ด๐ส๑อบ เร่อื ง กภาราเคขเยีรนียนย่อทคี่ ๑วาม ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียน ทาเคร่อื งหมาย X ทับตัวอกั ษรทถี่ กู ตอ้ ง ๑. ขอ้ ใดไมใ่ ช่หลักเกณฑ์การยอ่ ความ ก. คงคาราชาศัพท์ไว้ ข. ใชค้ าสรรพนามเดิม ค. ใชส้ านวนภาษาของผยู้ อ่ เอง ง. ถา้ เป็นรอ้ ยกรองต้องถอดคาประพันธ์ก่อน ๒. ข้อใดกล่าวถงึ การย่อความถูกต้องที่สดุ ก. การนาข้อความเดิมมาตัดต่อใหส้ น้ั ลง ข. การนาประโยคสาคัญของเรอื่ งมาเรยี งต่อกนั ค. การสรุปสาระสาคญั ด้วยสานวนภาษาของผู้ย่อความ ง. การนาสาระสาคญั ของเร่อื งเดมิ มาอธิบายขยายความใหม่ ๓. ข้อความใดกล่าวไม่ถูกต้อง ก. ใจความที่ย่อแล้วจะเป็นกีย่ ่อหน้าก็ได้ ข. ถ้าเป็นรอ้ ยกรองใหเ้ ปลย่ี นเป็นภาษาธรรมดา ค. ถา้ ไม่มชี ื่อเรอื่ งใหใ้ ช้ใจความสาคญั ตั้งชื่อเรอื่ ง ง. ถา้ เปน็ บทสนทนาต้องเปลี่ยนเปน็ แบบเล่าเรือ่ ง ๔. “ถา้ เอาออกจากบทเขียน หรือบทพดู กจ็ ะเปล่ยี นแปลงสารทงั้ หมด และขอ้ ความท่ีเหลืออยู่อาจเขา้ กันไมไ่ ด้” ขอ้ ความน้ีกล่าวถงึ ลักษณะของสิง่ ใด ก. ใจความ ข. พลความ ค. ข้อคิดเห็น ง. ข้อความแสดงอารมณ์ ๕. ข้อใดเปน็ คานาของยอ่ ความประเภทจดหมาย ก. จดหมายของ……ถงึ ….ลงวันท่ี……ความว่า ข. จดหมายของ…….ถงึ ……ความวา่ ค. จดหมายของ……ลงวันที่…..ถงึ ……ความวา่ ง. จดหมายของ…ถึง….ส่งวันท่ี……ความว่า ๖. การเขียนยอ่ ความควรใชว้ ธิ ีเขียนอยา่ งไรจงึ จะดีทสี่ ุด ก. อ่านวเิ คราะห์ไปพรอ้ มกบั เขียนย่อไป ข. ตคี วามแตล่ ะย่อหน้าแล้วนามาเขียนเรียงลาดับด้วยสานวนของตนเอง ค. อ่านจบั ใจความสาคัญแล้วจึงเรยี บเรียงเป็นข้อความดว้ ยสานวนตนเอง ง. ขีดเสน้ ใต้ขอ้ ความท่ีเป็นใจความสาคัญแล้วนามาเรียบเรียงเขยี นใหต้ ่อเนอื่ งกนั

388 338881 ๗. ขอ้ ควรทาในการเรยี บเรียงยอ่ ความคอื ข้อใด ก. เรียงใหส้ ัมพันธต์ อ่ เน่ืองกนั ข. เรียงใหก้ ลับกนั กับเรื่องเดมิ ค. เรยี งลาดับตามความพอใจขอผยู้ อ่ ง. เรียงลาดับเรื่องตามแบบเร่ืองเดมิ เสมอ ๘. ย่อความควรมกี ย่ี ่อหน้า ก. ย่อหน้าเดยี ว ข. เท่าจานวนยอ่ หนา้ ของเน้ือเรอ่ื งเดิม ค. สามย่อหน้า คือ คานา เนื้อเร่ือง สรุป ง. สองยอ่ หนา้ คือ ย่อหนา้ คานา และย่อหน้าเน้ือความซึ่งมกั ย่อเหลือเพยี งยอ่ หนา้ เดียว ๙. ข้อความใดไม่ใชป่ ระโยชน์ของการยอ่ ความ ก. การเขยี นคาตอบขอ้ สอบ ข. การตคี วามบทร้อยกรอง ค. การบันทึกรายงานการประชมุ ง. การย่อความรจู้ ากหนงั สือเรียน ๑๐. ขอ้ ใดสรปุ ความต่อไปน้ีไดเ้ หมาะสมที่สุด \"ความเคารพความอ่อนน้อมน้ีถ้าจะพิจารณากันในแง่สังคมก็มีความสาคัญอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นระเบียบวินัย ท่ีดีงามของคนเรา เป็นเครื่องร้อยรัดให้คนรวมกันเป็นหมู่เป็นคณะ ก่อให้เกิดความสามัคคีและรักษาสามัคคีไว้ได้ เพราะเป็นเหตุให้รักใคร่เมตตากรุณาต่อกัน ข้อสาคัญอยู่ท่ีว่าการแสดงความเคารพอ่อนน้อมต่อกันนั้นต้องแสดง ด้วยความบรสิ ุทธใ์ิ จจึงจะบงั เกดิ ผลดี\" ก. ความเคารพความอ่อนน้อมกอ่ ใหเ้ กดิ ความสามัคคีในหมู่คณะ ข. ความเคารพความอ่อนน้อมสาคญั สาหรบั การอยรู่ ว่ มกันในสังคม ค. ความเคารพความอ่อนน้อมเป็นเคร่ืองรอ้ ยรัดให้คนรวมกนั เป็นหม่คู ณะ ง. ความเคารพความอ่อนน้อมท่แี สดงดว้ ยความบรสิ ทุ ธ์ใิ จจะบงั เกดิ ผลดีต่อสังคม เฉลย ข้อ ๑ ข. ข้อ ๒ ค. ขอ้ ๓ ก. ขอ้ ๔ ก. ข้อ ๕ ก. ขอ้ ๖ ค ขอ้ ๗ ก ขอ้ ๘ ง ขอ้ ๙ ก ขอ้ ๑๐ ง

417 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๕ เรอ่ื ง สร้างสรรค์บทกวี เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเนอ้ื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ การอา่ นออกเสยี งร้อยแก้ว ข้นั นา ๑. ตวั อยา่ งคาถาม จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. นักเรยี นร่วมกนั สนทนาแสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ าถาม ดงั นี้ ๒. แบบทดสอบก่อนเรยี น เร่ือง ดา้ นความรู้ ๑) อา่ นได้แคง่ ู ๆ ปลา ๆ หลกั การอ่านออกเสยี ง อธบิ ายหลักการอ่านออกเสียงได้ ๒) อา่ นคลอ่ ง อ่านไม่คล่อง ๓. แบบทดสอบหลงั เรียน เร่อื ง รอ้ ยแก้วได้ ๓) การแบง่ วรรคตอนมีความสาคญั อย่างไร หลกั การอ่านออกเสยี ง ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ข้ันสอน ๔. ใบความรเู้ ร่ืองหลกั การอ่านออกเสียง อ่านออกเสยี งรอ้ ยแก้วได้ถูกตอ้ ง ๑. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เร่ือง หลักการอ่าน- ร้อยแก้ว คณุ ลกั ษณะ ออกเสยี ง ๕. ตวั อย่างข้อความ ๑. รักความเป็นไทย ๒. ครูให้นกั เรียนร่วมกนั ศึกษาใบความรู้ เรอ่ื ง หลักการอา่ นออกเสียง ๖. ใบงานเรื่อง หลกั การอ่านออกเสียง ๒. ใฝ่เรียนรู้ ร้อยแกว้ ภาระงาน/ชนิ้ งาน ๓. มงุ่ มน่ั ในการทางาน ๓. ครนู าตวั อย่างข้อความมาตดิ บนกระดาน แลว้ อ่านให้นักเรยี นฟัง ๑. สรปุ องค์ความรเู้ ปน็ แผนภาพความคิด ๔. มีจิตสาธารณะ และสงั เกตการออกเสียงของครูในประเดน็ ดังนี้ ๒. เฝนกึ อ้ื กหาารกอา่ รนออ่าอนกอเสอียกงเสียง ๕. มมี ารยาทในการอา่ น “ผ้คู นในชนบทนน้ั ไม่อาจเขา้ ใจภาษาสลบั ซับซ้อนของคนเมืองได้ เวลาคนในเมืองกล่าวว่าแม่เป็น “ขมุ ทรัพยแ์ หง่ ความรกั ” จึงซบั ซอ้ นเกินไป สาหรับพวกเขา” ทม่ี า: เมตตาภาวนา คาสอนวา่ ด้วยรัก ๔. ออกเสยี งคาตามอักขรวธิ ี ๕. การแบ่งวรรคตอนของข้อความ ๖. การเน้นเสยี งถอ้ ยคาหรอื ขอ้ ความทีเ่ ป็นใจความสาคัญ ๗. การใชน้ า้ เสยี งใหส้ อดคลอ้ งกบั เนอื้ หา 441087

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๕ เรือ่ ง สรา้ งสรรค์บทกวี แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๑ 418 เร่ือง การอา่ นออกเสียงร้อยแกว้ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ ๔. ครจู บั ฉลากคดั เลอื กนักเรียนจานวน ๓ คน ออกมาอ่านขอ้ ความ ท่ีครูได้เตรียมไวใ้ ห้ และใหเ้ พ่ือน ๆ ช่วยกนั ประเมนิ การอ่านออกเสยี งและ ครูให้ข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ ๕. ครใู หน้ กั เรียนทาใบงาน เร่อื ง หลักการอ่านออกเสียง เมอ่ื เสร็จ เรียบร้อยแล้ว รว่ มกนั เฉลยความถูกต้อง ๖. ครูมอบหมายให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น ขั้นสรปุ ๑. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเรอื่ ง หลักการอา่ นออกเสียงรอ้ ยแก้ว เปน็ แผนภาพความคิด ๒. ครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นทกุ คนหาคัดเลือกเนอื้ หาทตี่ นเองสนใจ แล้วฝกึ ฝนอา่ นออกเสียงร้อยแก้ว 409

419 414910 การวดั และประเมินผล วิธีการ เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ สิง่ ที่ต้องการวัด/ประเมิน ทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน แบบทดสอบกอ่ นเรียน- ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ดา้ นความรู้ หลังเรยี น รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป อธิบายหลักการอา่ น สงั เกตพฤตกิ รรมการอ่าน แบบสงั เกตการอ่านออกเสียง ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ ออกเสยี งร้อยแก้วได้ ระดับ ๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ อา่ นออกเสียงรอ้ ยแกว้ ได้ถูกต้อง ดา้ นคุณลกั ษณะ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แบบประเมินคณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์คณุ ภาพ ๑. รักความเป็นไทย ระดบั ๒ ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓. มงุ่ มน่ั ในการทางาน ๔. มจี ิตสาธารณะ ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ...................................... ปญั หาและอุปสรรค ................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ...................................... ลงชื่อ .............................................. ผู้สอน (.................................................................) วนั ท.่ี ......... เดือน................. พ.ศ. ........... ๙. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ที่ได้รบั มอบหมาย ลงชื่อ .............................................. ผู้ตรวจ (.................................................................) วนั ที.่ ......... เดือน................. พ.ศ. ...........

420 441210 ใบความรู้ เร่ือง ความหมายและองคป์ ระกอบของการอ่านออกเสียง หนว่ ยที่ ๕ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑ การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ความหมายของการอา่ นออกเสยี ง ความหมายของการอ่านออกเสียง คอื ศลิ ปะในการส่ือสารประสบการณ์ ความคิด และอารมณ์ของผเู้ ขียน โดยอาศัยอารมณ์ นา้ เสยี ง และสหี น้าทา่ ทางของผู้อ่าน ๑. องค์ประกอบของการอ่านออกเสียง กระบวนการส่ือสารด้วยการอา่ นออกเสียงประกอบดว้ ย ๑) ผสู้ ่งสาร คือผู้อา่ น ๒) สาร คอื ขอ้ ความทีอ่ ่าน ๓) ผู้รับสาร คือผู้ฟัง ๔) วิธตี ดิ ตอ่ ส่อื สาร คือการอ่าน ๕) การสนองตอบ คือผลของการส่ือสารซึง่ อาจเปน็ การปรบมือ การกม้ ศรี ษะ การทาตาม ฯลฯ ๒. หลักในการอา่ นออกเสยี ง ๑) ความเขา้ ใจบทอ่าน ผอู้ ่านจะตอ้ งตคี วามเขา้ ใจในบทอ่าน เพือ่ ทจ่ี ะถา่ ยทอดความเข้าใจของตนไปสู่ ผฟู้ ังได้ ๒) การยืนหรือนั่ง ควรยืนหรือน่ังในตาแหน่งท่ีอยู่ตรงหนา้ ตรงกลางของผู้ฟัง ห่างจากผู้ฟังพอสมควร การนง่ั ต้องนัง่ ใหเ้ รียบรอ้ ย หลงั ตรง ไมค่ วรนง่ั ไขว่ห้างหรอื กระดกิ ขา ๓) การถือบทอ่าน จบั เอกสารให้มนั่ บทอา่ นไม่บงั หน้า ๓. การออกเสยี งให้ถูกตอ้ งตามอักขรวธิ ี - การอ่านพยญั ชนะ ร กับ ล ผูอ้ ่านจะตอ้ งระมัดระวังโดยการอา่ น แยกความแตกต่างให้ชดั เจน - การอา่ นพยัญชนะ ร ให้ปลายล้ินกักลมที่ปมุ่ เหงอื ก หอ่ ล้ินยกตวั ไปที่เพดานแข็งรัวล้นิ หลายๆ ครง้ั การอา่ นออกเสียงคาควบกล้า คาควบกล้า คือ คาท่ีมีพยัญชนะต้น ๒ ตัว พยัญชนะต้นตัวที่ ๒ จะต้องเป็น ร ล หรือ ว การเปล่งเสียง คาควบกล้า ต้องออกเสียงพยัญชนะท้ัง ๒ ตัวไปพร้อมๆ กัน การเปล่งเสียงเพียงครั้งเดียว เช่น กรอง กลอง กวาง เป็นต้น การเว้นวรรคตอนในการอ่านออกเสียง ถ้าเว้นวรรคตอนผิด ความหมายจะผิดไปด้วย ก่อนที่จะอ่านจะต้องทดลองแบ่งวรรคตอน แบ่งคา แบง่ ประโยคให้ถูกตอ้ งกอ่ น ซง่ึ อาจใชเ้ คร่ืองหมาย/แบ่งคา ท่ีมา: นพดล จนั ทรเ์ พ็ญและคณะ. การใชภ้ าษาไทย. กรุงเทพฯ : ธเนศวรการพมิ พ.์ 2519)

421 41221 แบบทดสอบกอ่ นเรืยน เรื่อง การอา่ นออกเสียง หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑ การอา่ นออกเสยี งร้อยแก้ว รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นทาเคร่ืองหมาย ✓ หน้าขอ้ ท่ีเหน็ ว่าถูก เครื่องหมาย  หนา้ ข้อทเ่ี หน็ วา่ ผดิ ............. ๑. การอ่านแบง่ วรรคตอนผิดจะทาให้ความหมายผิดไป ............. ๒. การฝกึ กวาดสายตาไมจ่ าเปน็ กับการอ่าน ............. ๓. การอ่านออกเสียงคาควรอา่ นชา้ ชา้ ทีละคา ............. ๔. การอา่ นออกเสียงต้องอาศยั อารมณ์ น้าเสียง และสหี นา้ ทา่ ทางของผู้อ่าน ............. ๕. การเตรียมตวั อ่านควรทาความเขา้ ใจกบั วตั ถุประสงค์ของผูเ้ ขยี น ............. ๖. การพูดตามตวั หนงั สือคอื ความหมายของการอา่ นออกเสียง ............. ๗. การขีดเคร่อื งหมาย/ไม่จาเปน็ ในการอ่านออกเสยี ง ............. ๘. ท่ายืนและน่ังไม่มีความจาเปน็ ในการอ่าน ............. ๙. การอา่ นควรมนี า้ เสียงหนักเบาตามเนอ้ื หา ............. ๑๐. การปรบมือ การก้มศรี ษะเปน็ การตอบสนองการสือ่ สาร เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ๑. ✓ ๒.  ๓.  ๔. ✓ ๕. ✓ ๖. ✓ ๗.  ๘.  ๙. ✓ ๑๐. ✓

422 442123 แบบทดสอบหลังเรืยน เรอ่ื ง การอา่ นออกเสียง หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ การอา่ นออกเสียงร้อยแก้ว รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ คาชแี้ จง ให้นักเรยี นทาเครอ่ื งหมาย ✓ หน้าข้อท่ีเหน็ วา่ ถูก เคร่ืองหมาย  หน้าขอ้ ท่เี หน็ ว่าผดิ ............. ๑. การพูดตามตวั หนังสอื คอื ความหมายของการอ่านออกเสียง ............. ๒. การอา่ นแบ่งวรรคตอนผดิ จะทาให้ความหมายผดิ ไป ............. ๓. การอ่านออกเสยี งคาควรอา่ นชา้ ช้าทลี ะคา ............. ๔. การเตรียมตวั อ่านควรทาความเข้าใจกบั วตั ถุประสงคข์ องผเู้ ขยี น ............. ๕. การอ่านควรมีน้าเสียงหนกั เบาตามเน้ือหา ............. ๖. การขดี เครอื่ งหมาย/ไม่จาเป็นในการอ่านออกเสยี ง ............. ๗. ทา่ ยนื และนัง่ ไม่มีความจาเปน็ ในการอ่าน ............. ๘. การฝึกกวาดสายตาไมจ่ าเป็นกบั การอ่าน ............. ๙. การปรบมือ การก้มศรี ษะเป็นการตอบสนองการสอ่ื สาร ............. ๑๐. การอ่านออกเสยี งต้องอาศัยอารมณ์ นา้ เสยี ง และสหี น้าท่าทางของผูอ้ ่าน เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ๑. ✓ ๒. ✓ ๓.  ๔. ✓ ๕. ✓ ๖.  ๗.  ๘.  ๙. ✓ ๑๐. ✓

425 442156 ตวั อย่างข้อความ ข้อความที่ ๑ รูปแบบการพัฒนาชนบท ได้มีวิวัฒนาการเปล่ียนแปลงมาเป็นลาดับ ในสมัยก่อนท่ีจะมีการเปลี่ยนแปลง การปกครอง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลักษณะความเป็นอยู่ ของคนไทยในสมัยน้ัน เป็นชนบทโดยแท้จริง ประชาชนประกอบอาชีพการทานาเป็นส่วนใหญ่ อาศัยแรงคน และ แรงงานจากวัวควาย ใช้น้าฝนเพียงอย่างเดียว บางปีน้าท่วม บางปีก็แห้งแล้ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า- เจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดาริหามาตรการแก้ไขปัญหา โดยให้ขุดคลอง เช่น คลองรังสิต เป็นต้น เพ่ืออาศัยน้า จากคลองขุด มาชว่ ยทานาในปที ่แี หง้ แลง้ สารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชน เล่มที่ ๑๒ ขอ้ ความที่ ๒ ระบบครอบครัว และเครือญาติ หมายถึง ระบบของเครือข่ายความสัมพันธ์ของกลุ่มคน ท่ีเกี่ยวข้องกัน โดยทางสายเลือด หรือการแต่งงาน การจะนับว่า ใครเป็นญาติของเราบ้างน้ัน ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ ในแต่ละ วฒั นธรรม การจัดระบบเครอื ญาติเป็นเร่อื งทาง \"วัฒนธรรม\" ไม่ใชเ่ รื่อง \"ธรรมชาต\"ิ แม้วา่ ปรากฏการณ์ พอ่ แม่ ลูก จะเป็นเร่ืองธรรมชาติ และมีปรากฎในทุก ๆ สังคม แต่แต่ละสังคม ก็จะมีการจัดระบบเครือญาติในการกาหนด บทบาทแนวปฏิบัติ และหน้าท่ีของสมาชิกในครอบครัวต่างกันไป บางสังคมเป็นสังคมท่ีให้ความสาคัญกับญาติข้าง พ่อ เชน่ สังคมจีน สังคมอินเดยี บางสังคม ก็ให้ความสาคัญกับญาตขิ ้างแม่ เช่น สังคมกะเหรี่ยงโปว หรือบางสงั คม ก็ให้ความสาคญั กบั ญาติท้งั สองฝา่ ย เชน่ สงั คมพมา่ สังคมอนิ โดนเี ซีย สงั คมไทย เป็นตน้ สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน เล่มท่ี ๒๒ ขอ้ ความที่ ๓ ละครชาตรีเป็นศิลปะการแสดงของไทยประเภทหน่ึง พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้ให้ความหมายว่าเป็น “ละครต้นแบบของละครรา เล่นกันเป็นพื้นบ้านท่ัวไป มีตัวละครน้อย เดิมเป็นชายล้วน ตัวละครท่ีไม่สาคัญมักไม่แต่งตัวยืนเครื่อง กระบวนราไม่สู้งดงามประณีตนัก” แม้ว่าละครชาตรีจะเป็นละครราที่ มีมาต้ังแต่สมัยโบราณ แต่คนท่ัวไปอาจไม่รู้จักหรือคุ้นเคยกับละครชาตรีมากนัก บางคนอาจเคยเห็นละครราท่ี มีการจัดแสดงอยู่ที่ศาลหลักเมอื ง หรือศาลพระพรหมเอราวัณ กรุงเทพฯ โดยจดั แสดงเปน็ ตอนส้ัน ๆ ซึ่งก็คือ ละคร ชาตรี หรอื ท่เี รียกกันว่า ละครแก้บน นัน่ เอง สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน เล่มที่ ๓๖

426 หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง การอา่ นออกเสยี งรอ้ ยกรอง ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ รายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ๑. ใบความรู้ เร่อื ง การอ่านออกเสยี ง บทร้อยกรอง ขอบเขตเน้ือหา กิจกรรมการเรยี นรู้ ๒. ใบความรู้ เรือ่ ง การอา่ นออกเสียง การอา่ นออกเสยี งร้อยกรอง ขนั้ นา บทรอ้ ยกรองประเภทกาพย์ ๑. ครูให้นกั เรียนดบู ทอาขยานบทหลกั เร่อื ง รกั ษาป่า ซ่ึงมเี นอ้ื หาดังนี้ ๓. ใบงาน เรื่อง การแบ่งวรรคตอน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ รกั ษาป่า กาพย์ยานี ๑๑ ดา้ นความรู้ นกเอยนกนอ้ ยน้อย บนิ ลอ่ งลอยเป็นสุขศรี ๔. หนังสือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ขนขาวราวสาลี อากาศดีไม่มภี ัย วรรณคดีวิจกั ษ์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๑ อธิบายความหมาย หลกั การอา่ น ทกุ ทิศเจ้าเท่ยี วทอ่ ง ฟ้าสที องอันสดใส ออกเสียงรอ้ ยกรอง มีปา่ พาสุขใจ มีตน้ ไม้มลี าธาร ภาระงาน/ชิน้ งาน ด้านทกั ษะกระบวนการ ผคู้ นไมม่ โี รค นับเปน็ โชคสุขสาราญ การอา่ นออกเสียงกาพย์ยานี ๑๑ กาพยฉ์ บัง อากาศไร้พิษสาร สตั วช์ ื่นบานดนิ ช่ืนใจ อ่านออกเสยี งรอ้ ยกรองได้ถูกตอ้ ง คนสตั ว์ไดพ้ ่ึงปา่ มารกั ษาป่าไม้ไทย ๑๖ กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ เปน็ รอ้ ยกรอง คุณลกั ษณะ ส้ินปา่ เหมอื นส้นิ ใจ ชว่ ยปลกู ใหมไ่ วท้ ดแทน (นภาลยั สุวรรณธาดา, คูม่ อื การใชบ้ ทอาขยานภาษาไทย) ๑. มีมารยาทในการอา่ น ครถู ามนักเรียนวา่ บทอาขยานขา้ งต้นเป็นบทร้อยกรองประเภทใด และ ๒. รกั ความเป็นไทย มวี ิธกี ารแบง่ วรรคตอนในการอ่านอย่างไร แล้วใหน้ ักเรยี นอ่านออกเสียง ๓. ใฝ่เรียนรู้ ๔. มงุ่ มนั่ ในการทางาน ๕. มีจติ สาธารณะ พร้อมกัน ขน้ั สอน ๑. ครูสมุ่ นักเรียนออกมาชว่ ยกนั แบง่ วรรคตอนในการอา่ นบทร้อยกรอง จากเรือ่ ง กาพย์พระไชยสรุ ิยา จากหนังสือเรียนวรรณคดวี ิจักษ์ ดงั นี้ 441276

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ 427 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๕ เร่ือง สร้างสรรค์บทกวี เรื่อง การอ่านออกเสียงร้อยกรอง เวลา ๑ ชัว่ โมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ กิจกรรมการเรียนรู้ กาพยย์ านี ๑๑ สะธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา พ่อแม่แลครูบา เทวดาในราศี ขา้ เจ้าเอา ก ข เข้ามาตอ่ ก กามี แกไ้ ขในเทา่ นี้ ดีมิดีอย่าตรีชา จะรา่ คาต่อไป พอล่อใจกุมารา ธรณีมรี าชา เจา้ พาราสาวะถี ชื่อพระไชยสรุ ยิ า มีสุดามเหสี ช่อื ว่าสุมาลี อยู่บรุ ไี ม่มภี ยั ข้าเฝ้าเหลา่ เสนา มกี ิริยาอชั ฌาศัย พอ่ แมม่ าแตไ่ กล ไดอ้ าศยั ในพารา ๒. แบ่งกลุม่ นักเรยี นกลุม่ ละ ๓-๕ คน จากนั้นใหน้ ักเรียนเขา้ กลมุ่ เพือ่ รว่ มกนั ศึกษาใบความรู้เรื่อง หลักการอ่านออกเสียงร้อยกรอง และใบความรู้ เร่ือง การอา่ นออกเสียงรอ้ ยกรอง ประเภทกาพย์ แล้วรว่ มสนทนาถึงหลักการอ่าน ๓. ครูอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองกาพยย์ านี ๑๑ จากเรื่อง กาพย์พระไชยสุรยิ าให้นกั เรยี นฟงั แล้วใหน้ กั เรียนอา่ นตาม 442178

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ 428 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๕ เรอ่ื ง สร้างสรรคบ์ ทกวี เร่ือง อ่านออกเสียงรอ้ ยกรอง เวลา ๑ ชัว่ โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ๔. ให้นักเรยี นฝึกอา่ นพร้อมกันท้ังห้องจนคล่อง แนะนาแกไ้ ขให้นักเรียน อา่ นให้ถูกต้อง และอธิบายเพ่ิมเติม ๕. นกั เรียนทาใบงานการแบ่งวรรคตอนกาพย์ยานี ๑๑ ข้นั สรปุ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความรู้และหลักในการอ่านออกเสยี ง บทร้อยกรองประเภทกาพยย์ านี ๑๑ และนัดหมายเพ่ือประเมนิ ผลการอ่าน ออกเสยี งร้อยกรองเปน็ รายบุคคล 419

429 442290 การวัดและประเมนิ ผล สง่ิ ทตี่ ้องการวดั /ประเมิน วิธีการ เครื่องมือท่ใี ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ อธบิ ายความหมาย หลักการ ตรวจใบงาน ใบงาน ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ อ่านออกเสียง ร้อยกรอง รอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ดา้ นทักษะ/กระบวนการ อ่านออกเสยี งร้อยกรองได้ ประเมนิ การอ่าน แบบประเมินการ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ออกเสยี งรอ้ ยกรอง อ่านออกเสยี งร้อย ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป กรอง ด้านคณุ ลักษณะ ๑. มมี ารยาทในการอา่ น ประเมินคุณลักษณะ แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ๒. รักความเปน็ ไทย คุณลักษณะ ระดบั ๒ ๓. ใฝ่เรียนรู้ ๔. มุ่งม่ันในการทางาน ๕. มจี ิตสาธารณะ ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ...................................... ปัญหาและอปุ สรรค ................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ...................................... ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน (.................................................................) วันที.่ ......... เดือน................. พ.ศ. ........... ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. ...................................... ลงช่อื .............................................. ผู้ตรวจ (.................................................................) วันท.ี่ ......... เดือน................. พ.ศ. ...........

430 442310 ใบความรู้ เรอ่ื ง การอา่ นออกเสยี งรอ้ ยกรอง หนว่ ยที่ ๕ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๑ การอา่ นออกเสยี งร้อยกรอง รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ หลักเกณฑ์ทั่วไปในการอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ฟองจันทร์ สุขย่ิง และคณะ. ๒๕๕๔ : ๖, วาสนา บุญสม ๒๕๔๑: ๒๖) ดังน้ี ๑. ศึกษาลักษณะบังคับของคาประพันธ์ที่จะอ่าน เช่น จานวนคา สัมผัส เสียงวรรณยุกต์ เสียงหนักเบา รูจ้ กั การแบ่งวรรคตอน อา่ นตามจงั หวะทานองเสนาะ โดยอ่านให้ชดั เจนและใส่อารมณ์ตามใจความนน้ั ๒. อ่านเนน้ คาในตาแหน่งสมั ผัสนอก ๓. อ่านเอื้อนสัมผัสในเพ่ือเพ่ิมความไพเราะ เช่น อันรักษาศีลสัตย์กตเวที อ่านว่า กัด-ตะ-เว-ที เพื่อให้ สัมผัสกับ สตั ย์ ๔. อ่านถูกตอ้ งตามท่วงทานองเสนาะของคาประพันธแ์ ต่ละชนดิ ๕. อา่ นออกเสยี งคาให้ชัดเจน ถกู ตอ้ ง โดยเฉพาะคาท่อี อกเสยี ง ร ล และคาควบกลา้ ๖. อ่านเสียงดงั พอสมควรที่ผฟู้ ังจะไดย้ ินท่ัวถึง ไม่ดงั หรือคอ่ ยจนเกินไป ๗. อา่ นมีจังหวะ วรรคตอน รู้จักทอดจังหวะ เอือ้ นเสยี ง หรือหลบเลย่ี ง ๘. คาทีม่ ีพยางค์เกนิ ให้อา่ นเรว็ และเบา เพอ่ื ให้เสียงไปตกอยูพ่ ยางค์ท่ีต้องการ ๙. มศี ิลปะในการใช้เสียง รจู้ ักเออื้ นเสยี งใหเ้ กิดความไพเราะ การเตรยี มตวั ก่อนอา่ นออกเสียง (จไุ รรัตน์ ลักษณะศริ ิ และมาหยัน อ่ิมสาราญ. ๒๕๔๗ : ๒๖) มีดงั น้ี ๑. อ่านบทให้เข้าใจการอ่านให้ผู้อื่นฟัง มีวัตถุประสงค์สาคัญเพ่ือให้ผู้ฟังรับรู้และเข้าใจตรงตามเน้ือหา สาระท่ีอ่าน ฉะน้ันผู้อ่านจึงต้องเข้าใจข้อความน้ันเสียก่อนเพ่ือความมั่นใจ และเพ่ือความเข้าใจที่ตรงกันระหว่าง ผสู้ ่งสารและผูร้ บั สาร ขอ้ ความใดที่อา่ นไม่เขา้ ใจหรือสงสยั ว่าจะผิดพลาดต้องตรวจสอบเสยี ก่อน ๒. ทาเคร่ืองหมายแสดงจังหวะการอ่าน ในการอ่านเราควรทาเคร่ืองหมายลงในบทว่าตอนใดควรหยุด คาใดควรเน้น และคาใดควรทอดจังหวะ การทาเครื่องหมายในบทมีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่โดยทางที่นิยมปฏิบัติมัก ทาเครื่องหมายง่าย ๆ ดังนี้ ก. เครื่องหมายขีดเฉียงขีดเดียว (/) ขีดระหว่างคา แสดงการหยุดเว้นนิดหน่ึง เพราะมีคาหรือ ข้อความอืน่ ต่อไปอกี การอา่ นตรงคาที่มีเคร่อื งหมายน้จี ึงไมค่ วรลงเสียงหนกั เพราะยังไม่จบประโยค ข. เคร่ืองหมายขีดเฉียงสองขีด (//) ขดี หลังประโยคหรือระหว่างคาเพอื่ แสดงใหร้ ู้ว่าเว้นนาน ค. เครอ่ื งหมายวงกลมลอ้ มคา เพือ่ บอกวา่ เป็นคาท่สี งสัยหรอื ไมแ่ นใ่ จว่าอ่านอย่างไร ง. คาที่ต้องการเน้นใหข้ ีดเสน้ ใตท้ คี่ าน้ัน จ. คาใดทท่ี อดจงั หวะ ใหท้ าเสน้ โคง้ ที่ส่วนบนของคาน้ัน (⌒) ฉ. เครอื่ งหมายมุมควา่ หรือหมวกแจ๊กคว่า ∧ แสดงว่าข้อความนัน้ จะเน้นเสียงสูง และมุมหงาย หรอื หมวกแจ๊กหงาย (∨) แสดงการเนน้ เสยี งลงต่า ซ้อมอ่านให้คล่อง หลังจากอ่านบทจนเข้าใจและทาเคร่อื งหมาย แสดงจงั หวะการอา่ นแล้ว

433 424343 ใบงาน เรือ่ ง การแบ่งวรรคตอนกาพยย์ านี ๑๑ หน่วยท่ี ๕ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๒ การอา่ นออกเสียงร้อยกรอง รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนทาเคร่ืองหมายขีดเดียว (/) และ (//) หลงั ประโยคหรือระหว่างคาของกาพยย์ านี ๑๑ ใหถ้ กู ต้อง (๑๐ คะแนน) กาพย์ยานี ๑๑ กาพยเ์ ร่ืองพระไชยสรุ ิยา สะธสุ ะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา พอ่ แม่แลครูบา เทวดาในราศี ข้าเจา้ เอา ก ข เข้ามาต่อ ก กามี แก้ไขในเทา่ นี้ ดมี ิดีอย่าตรีชา จะร่าคาต่อไป พอล่อใจกุมารา ธรณีมีราชา เจา้ พาราสาละถี ชอื่ พระไชยสุริยา มสี ดุ ามเหสี ชือ่ วา่ สุมาลี อยบู่ รุ ไี ม่มีภยั ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มีกริ ยิ าอัชฌาศยั พอ่ แม่มาแต่ไกล ไดอ้ าศยั ในพารา ไพร่ฟ้าประชาชี อยู่บุรกี ็ปรดี า ทาไร่ขา้ วไถนา ไดข้ า้ วปลาแลสาลี อย่มู าหมู่ข้าเฝ้า ก็หาเยาวนารี ที่หน้าตาดดี ี ทามโหรที ีเ่ คหา ค่าเช้าเฝา้ สีซอ เขา้ แตห่ อล่อกามา หาไดใ้ ห้ภริยา โลโภพาให้บ้าใจ ไม่จาคาพระเจ้า เหไ่ ปเข้าภาษาไสย ถอื ดมี ีขา้ ไทย ฉ้อแต่ไพร่ใส่ชอื่ คา ทม่ี า: หนังสือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน ภาษาไทย วรรณคดวี ิจักษ์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑

442354 434 ใบความรู้ เร่อื ง การอา่ นออกเสียงร้อยกรองประเภทกาพย์ หนว่ ยที่ ๕ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ยานี ๑๑ หนง่ึ บทมี ๒ บาท บาทละ ๑๑ คา แบง่ เป็น ๒ วรรค วรรคแรก ๕ คา วรรคหลงั ๖ คา บังคับสมั ผสั ระหว่างวรรคที่ ๑, ๒ และ ๓ ทงิ้ สัมผัสวรรคที่ ๔ สมั ผสั ระหว่างบทสง่ จากท้ายบทแรกไปยงั ท้าย บาทแรกของบทต่อไป ดังตวั อย่าง ลงิ ค่าง / ครางโครกครอก// ฝงู จ้ิงจอก / ออกเห่าหอน// ชะนี / วเิ วกวอน// นกหกร่อน / นอนรังเรียง// ลกู นก / ยกปกี ป้อง// อา้ ปากร้อง / ซ้องแซเ่ สียง// แม่นก / ปกปีกเคียง// เล้ยี งลูกอ่อน / ปอ้ นอาหาร// (กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า) กาพย์ฉบงั ๑๖ กาพย์ฉบงั ๑๖ มีจงั หวะการอ่าน คอื วรรคที่ ๑ , ๓ มี ๓ จังหวะ ส่วนวรรคท่ี ๒ มี ๒ จังหวะ ดังตัวอย่าง พระไชย / สรุ ิยา / ภมู /ี / พาพระ / มเหสี มาท่ี / ในลา / สาเภา// ข้าวปลา / หาไป / ไมเ่ บา// นารี / ท่เี ยาว์ ก็เอา / ไปใน / เภตรา (กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา) กาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘ กาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘ มีจังหวะการอ่านเทา่ กันทุกวรรค คอื วรรคละ ๒ จงั หวะ ดังตวั อยา่ ง ก กา / วา่ ปน// ขึน้ ใหม่ / ในกน// เอน็ ดู / ภธู ร// ระคน / กันไป// มณฑล / ต้นไทร// มานอน / ในไพร// แทนไพชยนต์ / สถาน// (กาพย์พระไชยสุรยิ า)

435 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๓ เวลา ๑ ช่ัวโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง สร้างสรรค์บทกวี เร่ือง การสรปุ เนื้อหาวรรณคดี เร่อื ง กาพย์พระไชยสรุ ิยา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ กากราอร่าสนรบุปทครว้อายมกรเรออ่ื งง ข้ันนา ๑. หนังสือเรยี นวรรณคดีวจิ กั ษ์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ กปารพะเยภ์พทรกะาไพชยสา์ นุรยิี ๑า๑ ๑. ครเู ล่าเร่ืองการสอนหนงั สอื สาหรบั กุลบุตร กลุ ธิดาในสมัยโบราณ ๒. ใบความรู้ เรือ่ ง สรปุ เนือ้ หาวรรณคดี เรอ่ื ง จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ โดยใชก้ าพยพ์ ระไชยสรุ ยิ าสอนหนังสือและนักเรียนอภิปรายร่วมกัน กาพย์พระไชยสุรยิ า ดา้ นความรู้ ข้นั สอน ๓. ใบงาน เร่ือง สรปุ เนือ้ หาวรรณคดี เรอ่ื ง ถอสดรคปุ ำ�เปนรอ้ื ะหพานั กธา์บพทยร์พ้อรยะกไชรอยงสรุ ิยา ๒. ครใู ห้นักเรียนอ่านบทร้อยกรอง กาพย์พระไชยสรุ ยิ าใน กาพย์พระไชยสรุ ิยา ดปา้รนะเทภกั ทษกะากพรยะา์ บนวี ๑น๑การ หนังสอื เรยี นวรรณคดีจักษ์พร้อมกัน กาสพรยุป์พเรนะอื้ ไหชายกสาุรพิยาย์พระไชยสุรยิ าได้ ๓. ครูสนทนาซักถามเกยี่ วกับเนื้อเรื่องฉันทลกั ษณ์ แล้วสรปุ รว่ มกัน ภาระงาน/ชิน้ งาน ดา้ นคทุณักษละักกษรณะบะวนการ ๔. ครแู บง่ กลมุ่ นักเรียนออกเปน็ ๔ กลมุ่ ศกึ ษาใบความรู้ เรื่อง ครูมอบหมายให้นกั เรยี นอา่ นคำ�ประพนั ธ์ วิเค๑ร.าใะฝหเ่ รเ์ นยี อ้ืนหรู้าและสรุปสาะสำ�คญั การเขยี นอธบิ ายคาประพนั ธ์หรอื การถอดคาประพันธ์ ประเภทกาพย์านี ๑๑ วร๒รณ. มคุง่ดมปี ่นั รใะนเภกทารกทาาพงยาา์ นนี ๑๑ ๕. นกั เรียนทกุ กลุม่ ถอดคาประพันธเ์ ร่อื งกาพย์พระไชยสุริยา ด้า๓น.ครณุ กั ลคกัวาษมณเปะน็ ไทย ครูตรวจผลงาน อธิบายเพมิ่ เติมนักเรียนจดบันทึกลงสมดุ ๑. ใฝ่เรียนรู้ ๖. ครูมอบหมายให้นักเรยี นฝึกถอดคาประพันธ์บทร้อยกรอง ๒. มงุ่ ม่นั ในการท�ำ งาน ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ แล้วสั่งครูตามกาหนด ๓. รกั ความเป็นไทย ๗. นักเรยี นนาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียนและแต่ละกลมุ่ ทาใบงาน ๔. มมี ารยาทในการอ่าน เรื่อง สรปุ เนือ้ หาวรรณคดี เรอื่ ง กาพย์พระไชยสุริยา ข้ันสรปุ นักเรยี นทุกคนสรุปความคิดรวยยอดจากวรรณคดี เรื่อง กาพย์พระไชยสรุ ิยา 424635

436 443267 การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เคร่ืองมือที่ใช้ เกณฑ์ ส่ิงทีต่ ้องการวดั /ประเมนิ ตรวจชิ้นงาน แบบประเมนิ ผลงาน ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ดา้ นความรู้ สรปุ เนื้อหา กาพย์พระไชยสุรยิ า ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ตรวจชน้ิ งาน แบบประเมินผลงาน ผา่ นเกณฑ์การประเมิน สรปุ เนือ้ หา ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป กาพย์พระไชยสุรยิ าได้ ดา้ นคุณลกั ษณะ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ ๑. ใฝเ่ รียนใฝ่รู้ คณุ ลกั ษณะ ระดับ ๒ ๒. มุ่งมนั่ ในการทางาน ๓. รักความเปน็ ไทย ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ...................................... ปัญหาและอปุ สรรค ................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ...................................... ลงชอ่ื .............................................. ผ้สู อน (.................................................................) วนั ที่.......... เดือน................. พ.ศ. ........... ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมาย ลงช่อื .............................................. ผตู้ รวจ (.................................................................) วนั ที่.......... เดือน................. พ.ศ. ...........

437 442387 ใบความรู้ เรอ่ื ง การสรุปเน้อื หาวรรณคดี เรื่อง กาพย์พระไชยสุริยา หน่วยท่ี ๕ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓ การสรุปเน้ือหาวรรณคดี เรือ่ ง กาพยพ์ ระไชยสุริยา รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ พระไชยสุริยาเป็นพระราชาครองเมืองสาวะถี (สาวัตถี) มีมเหสีช่ือว่าสุมาลี บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ มีพ่อค้าต่างเมืองมาค้าขาย ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข ต่อมาพวกขุนนางผู้ใหญ่และข้าราชบริพารพากันประพฤติผิด ลุ่มหลงในกามคุณและอบายมุขต่าง ๆ ผู้มีอานาจกดข่ีข่มเหงราษฎรจนเดือดร้อนกันไปทั่ว การปกครองขาด ความยุติธรรม บ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ขาดเสถียรภาพ ในที่สุดเกิดน้าป่าไหลท่วมบ้านเมืองทาให้ผู้คนล้มตาย เป็นจานวนมาก ผทู้ ่ีรอดชีวิตก็หนีออกจากเมืองไปหมด พระไชยสรุ ิยาพามเหสีและบริวารพร้อมเสบียงลงเรือสาเภา หนีออกจากเมือง เรือแตกเพราะถูกพายุ บริวารท้ังหลายพลัดไปหมด พระไชยสุริยาและนางสุมาลีขึ้นฝั่งได้พากัน รอนแรมไปในป่า ตกทุกข์ได้ยากอยู่หลายวัน พระดาบสรูปหนึ่งเข้าฌานเห็นทั้งสองพระองค์เร่ร่อนอยู่ในป่า ก็สงสาร เพราะทราบว่าพระไชยสุริยาเป็นกษัตริย์ท่ีดี แต่ต้องเคราะห์ร้ายเช่นนี้เพราะหลงเช่ืออามาตย์ท่ี ฉ้อฉล พระดาบสจึงเทศนาโปรดท้ังสององค์ให้ศรัทธาถือเพศเป็นฤษีบาเพ็ญธรรมอย่างเคร่งครัดจนได้ไปเสวยสุข ในสวรรค์

443289 438 ใบงาน เร่ือง การสรปุ เน้อื หาวรรณคดี เรอ่ื ง กาพย์พระไชยสุรยิ า หนว่ ยที่ ๕ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ การสรปุ เนอ้ื หาวรรณคดี เรื่อง กาพยพ์ ระไชยสุริยา รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๑ คาชี้แจง ให้นกั เรยี นเขยี นแผนภาพความคิดสรปุ เน้อื หาวรรณคดี เร่อื ง กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา ลงในช่องว่าง ทีก่ าหนดให้

441 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๕ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๔ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรอ่ื ง ฉนั ทลักษณก์ าพย์ยานี ๑๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ขอบเขตเนือ้ หา รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย ฉันทลักษณค์ ำประพนั ธ์ประเภท กำพยย์ ำนี ๑๑ กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหล่งเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ขั้นนา ๑. ใบควำมรู้ เรอ่ื ง ฉนั ทลกั ษณ์กำพย์ยำนี ๑๑ ดา้ นความรู้ ๑. นักเรียนอำ่ นออกเสียงคำประพนั ธ์จำกเรื่อง กำพย์พระไชย- ๒. แผนผังกำพย์ยำนี ๑๑ สรุ ิยำ จำกหนังสือเรียนวรรณคดีวิจักษ์ หนำ้ ๘๑ เป็นทำนองเสนำะ ๓. หนงั สือเรียน รำยวชิ ำพน้ื ฐำน ภำษำไทย ๑. มคี วำมรู้ควำมเขำ้ ใจเกย่ี วกับฉันทลักษณ์ จำนวน ๔ บท ตั้งแต่บท \"สะธุสะจะขอไหว้ จนถึง อยูบ่ รุ ีไม่มภี ัย\" วรรณคดวี จิ ักษ์ ช้นั มธั ยมศึกษำปีที่ ๑ ของกำพย์ยำนี ๑๑ ๒. นกั เรียนสงั เกตลกั ษณะคำประพันธท์ ่ีอ่ำนทำนองเสนำะ ๔. ใบงำน เรื่อง ฉนั ทลักษณ์กำพยย์ ำนี ๑๑ แล้วรว่ มกนั วิเครำะห์ว่ำเปน็ ลักษณะคำประพันธ์ประเภทใดและ ๒. อธบิ ำยฉันทลกั ษณข์ องกำพยย์ ำนี ๑๑ ได้ มีลักษณะท่ีแตกต่ำงจำกกลอนสภุ ำพอยำ่ งไร ภาระงาน/ช้ินงาน ทักษะ/กระบวนการ ข้นั สอน นักเรยี นท�ำ แผนภาพความคิด เขยี นแผนผังของฉันทลกั ษณ์คำประพนั ธ์ ๑. ครตู ดิ แผนผังคำประพนั ธป์ ระเภทกำพย์ยำนี ๑๑ บนกระดำน บทร้อยกรองประเภทกาพย์ยานี ๑๑ ประเภทกำพยย์ ำนี ๑๑ ได้ แล้วให้นักเรียนสังเกตพร้อมกับตอบคำถำมในประเดน็ ดังน้ี ด้านคณุ ลักษณะ ๑) คำประพนั ธ์ ๑ บท มีจำนวนกว่ี รรค ๒) คำประพันธ์ ๑ วรรค มจี ำนวนกีค่ ำ ๑. มวี นิ ัย ๓) ในแต่ละวรรคมีคำสัมผัสบังคับอย่ำงไร ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๒. ครแู จกใบควำมรู้ เรอ่ื ง ฉนั ทลักษณก์ ำพยย์ ำนี ๑๑ เพื่อใช้ ๓. ม่งุ มัน่ ในกำรทำงำน ในกำรทบทวนควำมรู้ ใชเ้ วลำประมำณ ๕ นำที ๔. รักควำมเปน็ ไทย กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นสอน ๓. ครูสมุ่ นกั เรียนเป็นรำยบคุ คลเพื่อสรุปควำมรู้เกี่ยวกับ 443421

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง สรา้ งสรรค์บทกวี แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๔ 442 กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เรื่อง ฉันทลักษณก์ าพยย์ านี ๑๑ เวลา ๑ ชัว่ โมง ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย แผนผังของฉนั ทลกั ษณ์คำประพันธป์ ระเภทกำพยย์ ำนี ๑๑ ๔. นักเรียนทำใบงำน เรื่อง ฉนั ทลกั ษณก์ ำพย์ยำนี ๑๑ ใช้เวลำประมำณ ๕ นำที พร้อมเฉลยคำตอบร่วมกัน ขน้ั สรุป นักเรียนร่วมกันสรุปควำมคดิ รวบยอดเกย่ี วกบั ฉนั ทลักษณ์ ของคำประพันธ์ประเภทกำพย์ยำนี ๑๑ 433

443 443434 การวดั และประเมนิ ผล ส่ิงท่ีต้องการวดั /ประเมนิ วธิ ีการ เครื่องมือท่ีใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ๑. ใบงำน ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ ๑. มีควำมรคู้ วำมเขำ้ ใจ ๑. ตรวจชนิ้ งำน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป เกี่ยวกับฉนั ทลักษณ์ของ ๒. แบบสังเกต กำพยย์ ำนี ๑๑ พฤติกรรม ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ ๒. อธิบำยฉนั ทลกั ษณข์ อง ๒. สงั เกตพฤติกรรม ใบงำน เร่ือง ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป กำพย์ยำนี ๑๑ ได้ ฉนั ทลกั ษณ์ ผ่ำนเกณฑ์คณุ ภำพ ทักษะ/กระบวนการ กำพย์ยำนี ๑๑ ระดับ ๒ เขียนแผนผังของ ตรวจใบงำน แบบประเมนิ ฉนั ทลักษณ์คำประพนั ธ์ คุณลกั ษณะ ประเภทกำพยย์ ำนี ๑๑ ได้ ด้านคณุ ลักษณะ ๑. มีวินยั ประเมินคุณลกั ษณะ ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๓. มุ่งมัน่ ในกำรทำงำน ๔. รักควำมเป็นไทย ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลกำรเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ....................................... ปญั หำและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทำงแก้ไข ............................................................................................................................. ....................................... ลงช่ือ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ท่ี.............เดอื น.................พ.ศ........... ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรือผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ............................................. ลงชือ่ ...................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) วนั ที่.............เดอื น.................พ.ศ...........

444 443454 ใบความรู้ เรอื่ ง ฉันทลกั ษณก์ าพยย์ านี ๑๑ หนว่ ยที่ ๕ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ ฉนั ทลกั ษณ์กาพย์ยานี ๑๑ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ จดุ ประสงค์ ให้นกั เรยี นศึกษำฉันทลักษณ์ของคำประพนั ธป์ ระเภทกำพย์ยำนี ๑๑ ฉนั ทลักษณ์กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ยานี เป็นคำประพันธไ์ ทยประเภทกำพย์ท่ีกวนี ิยมแต่งมำก ปรำกฏกำรแต่งตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยำ มที งั้ แต่งสลับกบั คำประพันธ์ประเภทอน่ื และแต่งเพียงลำพัง กำพย์ยำนบี ทหนงึ่ มีสองบำท บำทละ ๑๑ คำ คนท่วั ไป จงึ นิยมเรียกวำ่ กำพย์ยำนี ๑๑ แผนผังกาพย์ยานี ๑ บท สัมผสั ระหว่างบท ๑ บท คณะของกาพย์ยานี กำพย์ยำนี ๑ บท มี ๒ บำท บำทหนงึ่ มี ๒ วรรค วรรคหน้ำมี ๕ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ รวมเป็น ๑๑ คำ การส่งสมั ผัส คำสุดท้ำยของวรรคท่ี ๑ สง่ สมั ผัสไปยังคำทส่ี ำม ของวรรคท่ี ๒ (อำจเลือ่ นมำส่งสัมผสั คำท่ี ๑ หรือ ๒ ได้) คำสุดท้ำยของวรรคท่ี ๒ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ำย ของวรรคท่ี ๓ (หำกส่งสัมผัสไปยังคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ในวรรคที่ ๔ ได้ จะเพ่มิ ควำมไพเรำะในคำประพันธ์เพ่ิมขึ้น) ในกำรแต่งกำพย์ยำนมี ำกกว่ำ ๑ บท ตอ้ งส่งสัมผสั ระหว่ำงบท โดยคำสุดท้ำยของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสไปยัง คำสุดทำ้ ยของวรรคท่ี ๒ ในบทถดั ไป

445 444356 คาสัมผสั ในคาประพันธ์ กำรแตง่ คำประพนั ธจ์ ะมลี ักษณะเฉพำะคือกำรสง่ สมั ผัส ซ่ึงมกี ำรสง่ สัมผัสแบ่งเป็น ๒ ชนดิ ไดแ้ ก่ สมั ผสั ในและสมั ผสั นอก สมั ผัสใน เป็นสมั ผสั ท่ีไมบ่ งั คับเพียงแตเ่ ป็นสัมผัสทเี่ พ่ิมควำมไพเรำะและแสดงถงึ ควำมสำมำรถของผแู้ ต่ง โดยแบง่ แยกสัมผัสในออกเปน็ ๒ ชนดิ คือ สัมผสั สระและสมั ผสั พยัญชนะ สมั ผัสนอก เปน็ สัมผสั บังคบั โดยแบง่ ยอ่ ยออกเปน็ สัมผัสระหว่ำงวรรคและสมั ผสั ระหวำ่ งบท โดยสมั ผัส นอกนั้นต้องเปน็ สมั ผสั สระเท่ำนน้ั สมั ผสั พยญั ชนะ คือคำสัมผัสในคำประพันธ์ที่อยใู่ นวรรคเดียวกนั ทม่ี เี สยี งพยัญชนะตน้ เสียงเดยี วกัน อำจเรียกว่ำ “สัมผัสอักษร” ตัวอยำ่ งเช่น คำ่ เช้ำเฝ้ำสซี อ อย่บู ุรีไมม่ ีภัย ไพร่ฟำ้ ประชาชี โลโภพาใหบ้ ้ำใจ ฉอ้ แต่ไพร่ใส่ขื่อคา วำ่ โงเ่ งา่ เตำ่ ปปู ลา สัมผัสสระ คอื คำสมั ผัสในวรรค สมั ผัสระหว่ำงวรรคหรือสัมผัสระหว่ำงบท ท่ีมีเสียงสระเสียงเดยี วกนั และอยู่ในมำตรำตัวสะกดเดยี วกนั ดว้ ย ตัวอย่ำงเช่น บ้ำนชอ่ งคลองเล็กใหญ่ บ้ำงต่นื ไฟตกใจโจน ปลุกเพ่ือนเตือนตะโกน ลกุ โลดโผนโดนกนั เอง พณิ พาทยร์ ะนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเปน็ เพลง ระฆังดังวังเวง โหง่งหงำ่ งเหง่งเก่งก่ำงดงั ทม่ี ำ กำพยพ์ ระไชยสุริยำ: หนงั สอื เรยี นวรรณคดีวจิ กั ษ์ ม.๑

446 443476 ใบงาน เร่อื ง ฉันทลักษณก์ าพย์ยานี ๑๑ หน่วยท่ี ๕ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ ฉันทลกั ษณก์ าพยย์ านี ๑๑ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ คาชีแ้ จง ตอนท่ี ๑ จงเตมิ คำลงในชอ่ งว่ำงตอ่ ไปนี้ (๑๐ คะแนน) ๑. กำพย์ยำนี ๑๑ จำนวน ๑ บท มี บำท วรรค ๒. กำพย์ยำนี ๑๑ จำนวน ๑ บำท มี ๓. กำพย์ยำนี ๑๑ แบง่ ออกเปน็ วรรค จำนวน คำ และวรรค จำนวน คำ ๔. คำสดุ ท้ำยของวรรคที่ ๑ สง่ สมั ผสั ไปยงั คำที่ ของวรรคท่ี ๒ ๕. คำสุดท้ำยของวรรคท่ี ๒ สง่ สมั ผสั ไปยังคำสุดทำ้ ยของวรรคที่ ๖. คำสัมผัสระหวำ่ งบทนน้ั ให้คำสดุ ท้ำยของวรรคที่ สง่ สมั ผสั ไปยงั คำสุดทำ้ ยของวรรคที่ ของบทถดั ไป ตอนท่ี ๒ จงโยงเส้นสมั ผสั ฉันทลักษณ์ของคำประพันธ์ประเภทกำพยย์ ำนี ๑๑ (๕ คะแนน) ชอ่ื ชั้น ม. เลขท่ี

447 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๔ เร่ือง สร้างสรรคบ์ ทกวี แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๕ เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย เรือ่ ง การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเนือ้ หา ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ รายวิชาพนื้ ฐานภาษาไทย ๑. ตวั อย่างคาประพนั ธ์ การแตง่ คาประพันธป์ ระเภทกาพยย์ านี ๑๑ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๒. ใบความรู้ เรือ่ ง ฉนั ทลักษณ์ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ขั้นนา กาพย์ยานี ๑๑ ดา้ นความรู้ ๓. กจิ กรรมงกู ินหาง ๑. ครยู กตัวอย่างบทประพันธป์ ระเภทกาพย์ยานี ๑๑ บนกระดาน ๔. บัตรคาไวพจน์ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกับการแต่ง- แล้วใหน้ กั เรยี นอา่ นออกเสียงเปน็ ทานองเสนาะพร้อมกนั คาประพนั ธ์ประเภทกาพยย์ านี ๑๑ ได้ ภาระงาน/ช้ินงาน ดา้ นทักษะ/กระบวนการ มัสม่นั แกงแก้วตา หอมยหี่ ร่ารสรอ้ นแรง การแต่งคาประพันธบ์ รรยายภาพ ชายใดไดก้ ลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา แตง่ คาประพันธป์ ระเภทกาพยย์ านี ๑๑ ได้ ยาใหญ่ใสส่ ารพัด วางจานจัดหลายเหลอื ตรา ทนนี่ักเกั รเียรนยี กนำ�เลหือนกดเหอัวงข้อดว้ ยตนเอง ด้านคุณลักษณะ รสดดี ้วยนาปลา ญ่ปี ่นุ ลายายวนใจ ท่มี า กาพย์เหช่ มเครอ่ื งคาวหวาน: รัชกาลท่ี ๒ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. มีวินยั ไก่ฟ้าอ้าสดแสง หวั สกุ แดงแทงเดือยแนม ๓. ใฝ่เรยี นรู้ ปกี หางต่างสีแกม สีแตม้ ตา่ งอยา่ งวาดเขียน ๔. มงุ่ มัน่ ในการทางาน ทีม่ า กาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง: เจ้าฟ้ากงุ้ ๕. รักความเปน็ ไทย ๒. นักเรียนสงั เกตความไพเราะของคาประพนั ธท์ ี่ได้อา่ น พรอ้ มทัง 443487

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๔ เรอื่ ง สรา้ งสรรค์บทกวี แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๕ 448 กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย เร่อื ง การแตง่ คาประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ เวลา ๑ ชัว่ โมง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ช่วยกนั พจิ ารณาความงามทางภาษาทปี่ รากฏในคาประพันธข์ ้างต้น ข้ันสอน ๑. ครูใหน้ ักเรยี นฝึกหัดการใชค้ าคล้องจองโดยทากิจกรรม \"งูกนิ หาง\" ครเู ป็นผู้กาหนดคาคล้องจอง ๒ พยางค์ แลว้ ให้นักเรียนทุกคนแต่งต่อกัน ตามลาดบั ตัวอย่าง เต้นรา ทานา ปลาเผา เข้าทรง ลงโทษ ฯลฯ ๒. นักเรยี นทบทวนความรูเ้ กยี่ วกับคาสมั ผัสจากใบความรู้ เรอื่ ง ฉนั ทลักษณ์กาพย์ยานี ๑๑ ๓. ครูฝึกฝนนกั เรียนใหร้ จู้ ักการเลือกสรรคามาใช้ในการแต่ง คาประพันธ์ โดยครแู จกบัตรคาต่าง ๆ ใหน้ ักเรยี นคนละ ๑ คา เพ่ือให้ นักเรยี นเข้ากลุ่ม \"คาไวพจน์\" ให้ถูกต้อง ซึ่งครูนาคาไวพจน์ทเ่ี ปน็ ความหมายไปติดไวม้ ุมต่าง ๆ ของห้องเรยี น ใชเ้ วลาทากิจกรรม ประมาณ ๕ นาที ตวั อย่าง นา = นที, วารี, สาคร, ธารา, สายชล, ชลธาร ป่า = พนา, ไพร, ไพรสณฑ์, วนา, เถ่อื น, พนัส ชา้ ง = กญุ ชร, คช, กรี, หตั ถี, ไอยรา, สาร ๔. ครูนาภาพทีเ่ กย่ี วข้องกับชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย์ ให้นักเรยี นดู 434948

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๔ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ 449 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เร่อื ง การแตง่ คาประพันธ์ประเภทกาพยย์ านี ๑๑ เวลา ๑ ชัว่ โมง ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ๕. ครูขึนต้นคาประพนั ธใ์ ห้นกั เรียนจานวน ๑ วรรค เช่น \"รักชาตศิ าสน์กษัตรยิ \"์ แลว้ ให้นกั เรียนทังชนั ช่วยกันแต่งคาประพันธ์ จนเสร็จสมบรู ณ์ ๖. ครูมอบหมายให้นกั เรยี นแตง่ คาประพันธ์ ประเภทกาพยย์ านี ๑๑ จานวน ๒ บท ตามภาพทีน่ ักเรียนเลอื กเอง ขน้ั สรปุ นักเรียนรว่ มกนั สรุปความคดิ รวบยอดเก่ยี วกบั การแต่ง คาประพนั ธ์ประเภทกาพยย์ านี ๑๑ 440

450 444510 การวดั และประเมินผล สงิ่ ท่ีต้องการวดั /ประเมนิ วิธีการ เครื่องมือท่ีใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ มีความรู้ ความเขา้ ใจ สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมิน เกีย่ วกับการแตง่ คาประพนั ธ์ นักเรียน รอ้ ยละ ๘๐ ขึนไป ประเภทกาพยย์ านี ๑๑ ได้ ทักษะ/กระบวนการ แตง่ คาประพันธ์ประเภท ตรวจชินงาน แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ กาพย์ยานี ๑๑ ได้ การแตง่ คาประพนั ธ์ ร้อยละ ๘๐ ขึนไป ด้านคุณลักษณะ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ประเมินคุณลักษณะ แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ ๒. มวี ินยั คุณลักษณะ ระดับ ๒ ๓. ใฝเ่ รียนรู้ ๔. มงุ่ ม่ันในการทางาน ๕. รักความเปน็ ไทย ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ....................................... ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ....................................... ลงชื่อ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันท.ี่ ............เดือน...............พ.ศ............. ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผู้ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. ............................................. ลงชือ่ ...................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) วนั ท่ี.............เดอื น...............พ.ศ.............

453 445434 ใบความรู้ เร่ือง ฉันทลักษณ์กาพยย์ านี ๑๑ หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๕ การแต่งคาประพนั ธป์ ระเภทกาพยย์ านี ๑๑ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ฉนั ทลกั ษณก์ าพย์ยานี ๑๑ กาพย์ยานี เป็นคาประพันธไ์ ทยประเภทกาพย์ท่ีกวีนิยมแต่งมาก ปรากฏการแต่งตังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีทังแตง่ สลับกับคาประพันธป์ ระเภทอน่ื และแต่งเพียงลาพัง กาพย์ยานบี ทหนึ่งมีสองบาท บาทละ ๑๑ คา คนทั่วไป จงึ นยิ มเรียกวา่ กาพยย์ านี ๑๑ แผนผงั กาพยย์ านี ๑ บท สัมผสั ระหว่างบท ๑ บท คณะของกาพยย์ านี กาพยย์ านี ๑ บท มี ๒ บาท บาทหนงึ่ มี ๒ วรรค วรรคหน้ามี ๕ คา วรรคหลงั มี ๖ คา รวมเปน็ ๑๑ คา การสง่ สมั ผัส คาสุดท้ายของวรรคท่ี ๑ สง่ สมั ผัสไปยังคาที่สาม ของวรรคท่ี ๒ (อาจเลือ่ นมาส่งสัมผสั คาที่ ๑ หรอื ๒ ได)้ คาสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ส่งสัมผัสไปยังคาสุดท้าย ของวรรคท่ี ๓ (หากส่งสัมผัสไปยังคาที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ในวรรคท่ี ๔ ได้ จะเพิ่มความไพเราะในคาประพนั ธเ์ พ่ิมขนึ ) ในการแต่งกาพย์ยานีมากกว่า ๑ บท ต้องส่งสมั ผสั ระหว่างบท โดยคาสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสไปยัง คาสดุ ทา้ ยของวรรคที่ ๒ ในบทถดั ไป

454 445454 คาสัมผสั ในคาประพนั ธ์ การแตง่ คาประพนั ธจ์ ะมลี ักษณะเฉพาะคือการสง่ สัมผสั ซ่งึ มกี ารส่งสัมผัสแบง่ เป็น ๒ ชนดิ ไดแ้ ก่ สมั ผสั ในและสมั ผัสนอก สัมผัสใน เปน็ สมั ผัสทไี่ มบ่ งั คับเพียงแต่เปน็ สัมผสั ทเ่ี พ่ิมความไพเราะและแสดงถงึ ความสามารถของผ้แู ต่ง โดยแบ่งแยกสมั ผสั ในออกเป็น ๒ ชนดิ คือ สัมผัสสระและสมั ผัสพยญั ชนะ สัมผัสนอก เป็นสมั ผสั บังคบั โดยแบง่ ย่อยออกเปน็ สมั ผัสระหว่างวรรคและสมั ผัสระหวา่ งบท โดยสมั ผสั นอกนันต้องเป็นสมั ผสั สระเท่านนั สมั ผสั พยัญชนะ คือคาสัมผสั ในคาประพันธท์ ี่อยู่ในวรรคเดียวกัน ทมี่ เี สียงพยัญชนะต้นเสยี งเดยี วกัน อาจเรียกวา่ “สมั ผัสอักษร” ตัวอย่างเช่น ค่าเชา้ เฝา้ สีซอ อยู่บรุ ีไม่มีภัย ไพร่ฟ้าประชาชี โลโภพาใหบ้ า้ ใจ ฉอ้ แต่ไพร่ใส่ขอื่ คา ว่าโงเ่ ง่าเตา่ ปูปลา สมั ผัสสระ คอื คาสัมผสั ในวรรค สมั ผสั ระหวา่ งวรรคหรอื สัมผัสระหว่างบท ทีม่ เี สยี งสระเสียงเดยี วกัน และอยู่ในมาตราตัวสะกดเดียวกนั ดว้ ย ตวั อยา่ งเช่น บา้ นช่องคลองเล็กใหญ่ บา้ งต่นื ไฟตกใจโจน ปลกุ เพอื่ นเตือนตะโกน ลุกโลดโผนโดนกันเอง พณิ พาทยร์ ะนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง ระฆงั ดังวังเวง โหงง่ หงา่ งเหงง่ เก่งกา่ งดงั ทม่ี า กาพย์พระไชยสรุ ยิ า: หนงั สือเรียนวรรณคดวี จิ ักษ์ ม.๑

455 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๕ เร่อื ง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๖ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เรื่อง การเขียนจดหมายกิจธุระ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเน้อื หา รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ซองจดหมายตวั อย่าง การเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ ข้ันนา ๒. ใบความรู้ เรอ่ื ง หลักการเขียนจดหมาย จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ครูและนกั เรียนสนทนากับเร่อื งการส่ือสารจากอดตี จนถึงปจั จบุ ัน กิจธรุ ะ ดา้ นความรู้ ว่ามชี ่องทางในการส่ือสารอย่างไรบ้าง เชน่ จดหมาย โทรเลข โทรศพั ท์ ๓. ใบงาน เร่ือง การเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ ไปรษณีย์อเิ ล็กทรอนิกส์ เปน็ ตน้ มีความรู้ความเขา้ ใจในหลกั การเขยี น ข้นั สอน ภาระงาน/ชนิ้ งาน จดหมายกิจธรุ ะ ๑. ครูนาซองจดหมายมาให้นกั เรียนดูแล้วซกั ถามและสนทนารว่ มกนั จเขดยี หนมจาดยหกมิจาธยุรกะจิ (ธจรุดะห(มจาดยหลมาากยจิ ล)ากิจ) ด้านทักษะกระบวนการ เก่ยี วกับความสาคัญของการใชจ้ ดหมาย ประโยชน์ รวมไปถงึ ประเภท ของจดหมายชนดิ ต่าง ๆ เขียนจดหมายกิจธุระได้ ๒. นกั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ เรอ่ื ง หลกั การเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ ด้านคุณลกั ษณะ ใช้เวลาประมาณ ๕ นาที ๓. นักเรียนสนทนารว่ มกนั เกี่ยวกบั หลักการเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ ๑. มวี นิ ยั ในประเด็น ดังน้ี ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๑) รปู แบบของจดหมายกจิ ธุระ ๓. มุง่ มั่นในการทางาน ๒) ภาษาทใี่ ชใ้ นการเขียนจดหมายกิจธรุ ะ ๓) ส่วนประกอบของจดหมายกจิ ธุระ ๔) การเขียนจ่าหน้าซองจดหมาย ๔. ครแู จกใบงาน เร่ือง การเขยี นจดหมายกจิ ธุระใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั ิ กิจกรรมในช้นั เรียน 445456

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๕ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๖ 456 กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง การเขียนจดหมายกจิ ธุระ เวลา ๑ ชั่วโมง รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ๕. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนทกุ คนเขยี นจดหมายกจิ ธุระ (จดหมายลากิจ) คนละ ๑ ฉบับ พรอ้ มใสซ่ องและจ่าหนา้ ซอง ขน้ั สรุป นกั เรยี นสรุปความคดิ รวบยอดเกยี่ วกับหลักการเขยี นจดหมาย กจิ ธรุ ะ 447

457 444587 การวดั และประเมินผล ส่ิงท่ีต้องการวดั /ประเมนิ วิธีการ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ มีความรู้ความเขา้ ใจ ตรวจช้นิ งาน ระดบั ๒ ในหลกั การเขยี นจดหมาย กิจธุระ แบบประเมินการเขยี น ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะ/กระบวนการ จดหมายกิจธรุ ะ รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป เขียนจดหมายกจิ ธุระได้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ประเมนิ คุณลักษณะ แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ ๑. มวี ินยั คณุ ลักษณะ ระดับ ๒ ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓. มุ่งม่ันในการทางาน ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ....................................... ปัญหาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ....................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ....................................... ลงชอ่ื ........................................................ผสู้ อน (.................................................................) วันท.่ี ............เดือน.............พ.ศ............... ๙. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารหรอื ผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย ....................................................................................... ................................................................................... ลงชอ่ื .........................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) วันท่.ี ............เดอื น.............พ.ศ...............

458 445489 ใบความรู้ เรอื่ ง หลกั การเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ หน่วยท่ี ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๖ การเขียนจดหมายกิจธรุ ะ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ จดหมาย จดหมายเป็นเครอื่ งมือในการสง่ สารชนิดหนึ่ง เนื้อหาในจดหมายข้ึนอยู่กับวัตถุประสงคข์ องผสู้ ่งว่าต้องการ แนะนาตน เล่าเรื่อง สอบถาม แสดงความคิดเห็นหรือแสดงความรู้สึก ภาษาของจดหมายจะเป็นระดับใดข้ึนอยู่กับ เน้ือหา ความสมั พนั ธร์ ะหว่างผู้สง่ กับผู้รบั และสถานภาพทางสงั คม จดหมายกจิ ธุระเป็นจดหมายท่ีขึ้นโดยมวี ตั ถปุ ระสงค์สาคัญเพอื่ งานหรอื กิจธุระบางประการ เช่น จดหมาย ที่ส่งไปยังนิตยสารเพ่ือขอความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ จดหมายลาป่วยถึงครูประจาชั้น จดหมายที่เขียนถึงบริษัทเพื่อ สมัครงานระหว่างปิดภาคเรียน ผู้เขียนจดหมายประเภทน้ีจะใช้ภาษาระดับกึ่งทางการหรือภาษาท่ีเป็นทางการ ขน้ึ อยูก่ บั จดหมายฉบับนัน้ เขียนขึน้ เพ่ืองานส่วนตวั หรอื เขยี นในนามขององค์กรหรือหนว่ ยงาน ในการเขียนจดหมาย ผู้เขียนต้องคานึงถึงวัตถุประสงค์ ความสัมพันธ์ และสถานภาพทางสังคมของผู้ส่ง และผรู้ ับ เนอ้ื หาสาระ ระดบั ภาษา ตลอดจนการใช้คาให้เหมาะสม โดยคานงึ ถงึ วธิ กี ารเขียนดังน้ี ๑. เขียนใหถ้ กู รูปแบบตามทนี่ ิยมใชก้ ัน ๒. ใจความในจดหมายต้องให้ชดั เจน สมบรู ณ์ครบถว้ น ๓. เลือกใช้กระดาษทสี่ าหรบั เขยี นจดหมาย และ ซองจดหมายสสี ุภาพ เหมาะสมกับระดับของบุคคล ( ผรู้ บั ) ๔. เขยี นดว้ ยลายมอื ที่อา่ นงา่ ย เป็นระเบียบ สะอาดเรยี บร้อย พยายามอยา่ ใหม้ รี อย ลบ ขดู ขดี ฆา่ ๕. ใชภ้ าษาให้ถูกตอ้ งตามหลักภาษา และตามความนยิ ม สุภาพถกู กาลเทศะ ๖. ที่อยขู่ องผู้เขยี นทาใหผ้ ู้รับทราบว่าผเู้ ขียนจากทีใ่ ด ๗. ถดั มาเป็นวนั ที่ทีจ่ ดหมาย ชว่ ยบอกใหท้ ราบว่าผู้เขียนเขยี นจดหมายเมอ่ื ใด ๘. ใชค้ าข้ึนต้น คาสรรพนามแทนผ้เู ขียนนนั้ ควรถูกต้องเหมาะสมตามระดับของบุคคล ๙. คาลงทา้ ย ต้องใหถ้ ูกตามกาลเทศะ ๑๐. ควรมีการตรวจสอบจดหมายท้งั ฉบับให้เรียบร้อยก่อนสง่ ถงึ ผู้รบั ทีม่ า : หนังสอื เรียนววิ ิธภาษา ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑

459 445590 ใบงาน เรื่อง การเขยี นจดหมายกิจธรุ ะ หนว่ ยที่ ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๖ การเขยี นจดหมายกิจธุระ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ คาชี้แจง ตอนท่ี ๑ จงเขยี นจดหมายกิจธุระ (ลาปว่ ย) ลงในชอ่ งวา่ งท่กี าหนดให้ (๑๐ คะแนน) ()

460 445610 ตอนที่ ๒ จงเขียนซองจดหมายกจิ ธรุ ะ (ลาป่วย) ลงในชอ่ งวา่ งที่กาหนดให้ (๑๐ คะแนน) ชอ่ื และที่อยู่ผู้ฝาก ชอ่ื และท่ีอยู่ผ้รู บั

463 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๕ เรือ่ ง สร้างสรรค์บทกวี แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๗ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย เร่อื ง การเขียนแนะนาสถานที่สาคัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเนือ้ หา สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ๑. ภำพสถำนที่สำคญั เขยี นแนะนำสถำนทสี่ ำคัญ กิจกรรมการเรียนรู้ ๒. ใบควำมรู้ เรอ่ื ง กำรเขียนแนะนำสถำนที่ จุดประสงค์การเรียนรู้ ขั้นนา สำคัญ ด้านความรู้ ๓. ใบงำน เรื่อง กำรเขียนแนะนำสถำนที่ ๑. นกั เรยี นจบั กลมุ่ ประมำณ ๔-๖ กลมุ่ แล้วครแู จกภำพสถำนที่ สำคญั มคี วำมร้คู วำมเข้ำใจเกีย่ วกับกำรเขียนแนะนำ สำคญั ในประเทศไทยให้กลมุ่ ละ ๑ ภำพ ๔. ตัวอย่ำงกำรเขยี นแนะนำสถำนสำคัญ สถำนทสี่ ำคญั ดา้ นทักษะกระบวนการ ๒. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ สงั เกตภำพและให้เขียนรำยละเอียดของภำพ ภาระงาน/ชิน้ งาน ว่ำปรำกฏรำยละเอยี ดใดในภำพบ้ำง (ใชเ้ วลำประมำณ ๕ นำท)ี ๑. กำรเขยี นแนะนำถำนท่ีสำคัญในจังหวัด เขียนแนะนำสถำนทีส่ ำคัญไดถ้ ูกตอ้ งตำม ประจวบครี ีขนั ธ์ หลกั กำรเขยี น ๓ นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอภำพและรำยละเอยี ดของภำพ ดา้ นคุณลักษณะ ขน้ั สอน ๑ รักชำติ ศำสน์ กษัตรยิ ์ ๑. ครชู ้แี จงนกั เรียนถึงหลกั สำคญั ของกำรเขยี นแนะนำสถำนที่ ๒. มวี ินัย สำคัญวำ่ มีองค์ประกอบใดบ้ำง โดยครูใหน้ ักเรียนศึกษำใบควำมรู้ ๓. ใฝ่เรยี นรู้ ประกอบกำรเรียนรู้ ๔. มงุ่ ม่นั ในกำรทำงำน ๕. รกั ควำมเปน็ ไทย ๒. ครอู ำ่ นตัวอยำ่ งกำรเขยี นแนะนำสถำนที่สำคัญใหน้ กั เรียนทุกคน ๖. มีมารยามในการเขียน ฟงั เพื่อเป็นตวั อยำ่ งในกำรเขยี นบรรยำย ๓. ครูแจกใบงำน เรอื่ ง กำรเขยี นแนะนำสถำนทสี่ ำคัญ เพ่อื ฝึกให้ นกั เรียนไดใ้ ช้ทักษะกำรเขียนในกำรถำ่ ยทอดควำมรู้ ควำมคิด และ ประสบกำรณ์ในสถำนที่ตำ่ ง ๆ รวมไปถงึ กำรใชถ้ ้อยคำภำษำท่ี เหมำะสมกบั รปู แบบ 445634

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๕ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๗ 464 กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เรือ่ ง การเขียนแนะนาสถานทส่ี าคญั เวลา ๑ ชั่วโมง ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ข้ันสรปุ นกั เรยี นร่วมกันสรปุ ควำมคิดรวบยอดเก่ยี วกับหลกั กำรเขียน แนะนำสถำนท่สี ำคญั 455

465 465 45656 465 การวัดและประเมนิ ผล กสาร่ิงวทัดีต่ แ้อลงกะปารรวะัดเม/นิปผระลเมนิ ดสา้ น่ิงทคต่ีว้อามงกราู้ รวัด/ประเมิน วิธกี าร เครอ่ื งมือท่ีใช้ เกณฑ์ วธิ กี าร เครื่องมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ ด้านมคีคววาำมมรรู้ ู้ควำมเขำ้ ใจ ๑. สังเกตพฤติกรรม ๑. แบบสังเกต ๑. ผำ่ นเกณฑค์ ุณภำพ เกีย่ วมกีคับวกำำมรรเู้คขวยี ำนมแเนข้ำะในจำ ๑. สงั เกตพฤติกรรม พ๑ฤ. ตแบิกรบรสมงั เกต ร๑ะ.ดผับำ่ น๒เกณฑ์คณุ ภำพ สเกถีย่ ำวนกทับ่สี กำำครญั เขยี นแนะนำ ๒. ตรวจชนิ้ งำน ๒พฤ. ตแบิกรบรปมระเมนิ ๒ระ.ดผบั ่ำน๒เกณฑ์ สถำนทส่ี ำคญั ๒. ตรวจชิ้นงำน ๒กำ.รแเบขยีบนปแรนะเะมนินำ ๒กำ.รผป่ำรนะเเกมณินฑรอ้์ ยละ สกถำรำเนขทียสี่นำแคนัญะนำ ๘กำ๐รปขร้นึ ะไเปมนิ รอ้ ยละ ทักษะ/กระบวนการ สถำนทสี่ ำคญั ๘๐ ขึน้ ไป ทกั ษะเข/ียกนระแบนวะนกำสารถำนที่ ตรวจชนิ้ งำน แบบประเมนิ กำรเขียน ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมิน สำคัญเขไดยี ้ถนกูแตน้อะงนตำำสมถำนที่ ตรวจชนิ้ งำน แบนะบนปำรสะถเมำินกทำส่ี รำเคขัญียน รผ้อำ่ นยลเกะณ๘ฑ๐์กำขรนึ้ ปไรปะเมิน หสำลคกั ญั กำไดรเ้ถขกู ยี ตน้องตำม แนะนำสถำนทสี่ ำคัญ ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป หดา้ลนกั คกำณุ รลเขักยี ษนณะ ดา้ ๑น.ครณุ กั ลชักำตษิ ณศำะสน์ กษตั รยิ ์ ประเมินคุณลักษณะ แบบประเมนิ ผ่ำนเกณฑ์คณุ ภำพ ๑๒. มรกัวี ชนิ ำยั ติ ศำสน์ กษตั รยิ ์ ประเมนิ คุณลักษณะ คแบุณบลปักรษะณเมะิน ผระ่ำดนบั เกณ๒ ฑ์คุณภำพ ๓๒. ใมฝวี ่เนิรียั นรู้ คณุ ลกั ษณะ ระดับ ๒ ๔๓. มใฝงุ่ ่เมร่ันยี ในนรกู้ ำรทำงำน ๔๕. มรกังุ่ มค่ันวำในมเกปำน็รทไทำยงำน ๕๖. มรักมี คาวรยำมาทเปใ็นไกทายรเขยี น ๘. บันทึกผลหลังสอน ๘. บันทกึผผลลกหำรลเังรสียอนนรู้ ..............ผ...ล..ก...ำ..ร.เ..ร..ีย..น...ร..ู้ ......................................................................................... ....................................... ..............ป...ัญ...ห...ำ..แ..ล...ะ..อ..ุป...ส..ร..ร..ค.................................................................................. ....................................... ..............ป...ัญ...ห...ำ..แ..ล...ะ..อ..ุป...ส..ร..ร..ค......................................................................................................................... ..............ข...้อ..เ.ส...น..อ...แ..น...ะ..แ..ล...ะ..แ..น...ว..ท...ำ..ง.แ...ก..้ไ..ข...................................................................................................... ..............ข...อ้ ..เ.ส...น..อ...แ..น...ะ..แ..ล...ะ..แ..น...ว..ท...ำ.ง..แ...ก..้ไ..ข...................................................................................................... ....................................................................................ล...ง.ช...่ือ...........................................................ผ..สู้...อ..น........ ลง(.ช..่ือ...........................................................ผ..สู้.)อน (ว.นั...ท...่ี .............เ.ด..ือ...น................พ....ศ...................) ๙. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ที่ไดวร้ นับทม่.ี อ...บ..ห...ม...า.เยดือน..............พ.ศ.............. ๙......ค..ว...า..ม..ค...ดิ ..เ..ห..น็.../..ข..อ้...เ.ส..น...อ...แ..น...ะ..ข..อ...ง..ผ..ูบ้...ร..หิ...า..ร..ห...ร..ือ..ผ...ู้ท..ไี่..ด...ร้ ..บั ..ม...อ..บ...ห...ม..า...ย.............................................................. ............................................................................................................................. ............................................. ลงช่ือ...................................................ผู้ตรวจ ล(..ง.ช...ือ่ ......................................................ผ..ู้ต..ร.)วจ (..ว..ัน...ท...ี่ ............เ..ด..อื..น.................พ....ศ................) วันที่.............เดือน..............พ.ศ..............

466 445676 ใบความรู้ เรอ่ื ง การเขียนแนะนาสถานท่สี าคญั หนว่ ยที่ ๕ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๗ การเขียนแนะนาสถานท่สี าคญั รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ความหมายการเขียนแนะนาสถานท่ีสาคญั กำรเขียนแนะนำสถำนที่สำคัญเป็นกำรเขยี นเล่ำเหตุกำรณ์ใดเหตุกำรณ์หนึ่งทเ่ี กิดขึ้นเพื่อให้ผู้อ่ำนเห็นภำพ เหตุกำรณ์ ลำดับเวลำ สถำนที่ บุคคล ผู้เขียนควรกล่ำวถึงเหตุกำรณ์ให้ชัดเจน โดยมีข้อมูลและเน้ือหำสำระของ เร่ืองทจ่ี ะแสดงควำมคดิ จดุ มงุ่ หมายของการเขยี นแนะนาสถานท่ีสาคญั กำรเขียนแนะนำสถำนที่สำคัญใช้แสดงควำมคิดเห็นได้หลำยรูปแบบ เป็นกำรเขียนเล่ำข้อเท็จจริงหรือ รำยละเอยี ดของเรื่องตำมท่ีเป็นอย่โู ดยคำนึงถึงควำมต่อเนื่องและรำยละเอียดของเรื่อง บุคคลหรอื สถำนทีน่ ั้น ๆ ขอ้ สังเกตการเขียนแนะนาสถานทส่ี าคญั กำรเขียนแนะนำสถำนท่ีสำคัญเป็นกำรเขียนที่ต้องสำมำรถใช้เป็นหลักฐำนอ้ำงอิงได้ มีสถำนที่ บุคคลจริง ไม่มกี ำรสอดแทรกอำรมณ์หรือควำมรสู้ กึ ลงไปในงำนเขียน

467 445687 คาชแี้ จง ใบงาน เรื่อง การเขียนแนะนาสถานทส่ี าคัญ หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๗ การเขียนแนะนาสถานที่สาคญั รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ จงเขียนแนะนาสถานทส่ี าคัญในจงั หวัดประจวบคีรขี นั ธ์ (เลอื กเอง) ตดิ ภาพและเขียนลงใน ช่องว่างที่กาหนดให้ (๑๐ คะแนน) ชือ่ เร่ือง

468 446589 ตวั อยา่ งการเขียนแนะนาสถานทส่ี าคัญ หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๗ การเขยี นแนะนาสถานทีส่ าคัญ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ วัดวชิรธรรมสาธติ วรวิหาร: วัดประจารชั กาลท่ี ๑๐ วดั วชริ ธรรมสาธิตวรวิหาร หรอื วดั ทุ่งสาธติ วดั ประจารชั กาลท่ี ๑๐ นั้น ตง้ั อยู่แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรงุ เทพมหานคร สรา้ งข้ึนประมาณพุทธศกั ราช ๒๓๙๙ โดยคหบดีชาวลาวช่ือ นายวนั ดี ทอ่ี พยพมาจากเวียงจนั ทน์ แต่เมือ่ คหบดีท่านนถ้ี งึ แก่กรรม รวมถึงเจ้าอาวาสรูปสุดทา้ ยมรณภาพ ทาให้ไมม่ ีใครสบื สานตอ่ จนกลายเปน็ วัดร้าง จากวัดร้างกลางทุ่ง มีแต่กองอิฐ กองปูน ซากปรักหักพัง ภายในเวลา ๒ ปี กลับกลายเป็นวัดท่ีสวยงาม สงบ ร่มรื่น ทาให้เป็นที่เคารพและเลื่อมใสของชาวพระโขนงเป็นอย่างมาก ด้วยพระอาจารย์สาธิต ฐานวโร มีใจเคารพในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงเป็นองค์เอกอัคร- ศาสนูปถัมภก และเพ่ือเปน็ การถวายความจงรักภักดี ทา่ นจึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถวายวัดทุ่งสาธิต แด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ (พระอิสริยยศในขณะน้ัน) และเมื่อวันที่ ๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๐๘ รัชกาลที่ ๙ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ทรงรับวัดทุ่งสาธิตไว้ใน พระอปุ ถัมภพ์ ร้อมไดพ้ ระราชทานนามวัดใหมว่ ่า “วัดวชิรธรรมสาธติ วรวหิ าร”

471 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๘ เวลา ๑ ช่วั โมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๕ เรอ่ื ง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี เรอ่ื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากส่อื ในชวี ติ ประจาวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ ขัน้ นา ๑. ตวั อย่างขา่ วจากหนังสือพิมพ์ การเขียนแสดงความคิดเห็นจากสอ่ื ๑. ครคู ัดเลือกประเดน็ ขา่ วในสงั คมปัจจบุ นั มาอ่านให้ ๒. ใบความรู้ เรื่อง การเขียนแสดงความคดิ เห็น ในชีวติ ประจาวนั นักเรยี นฟงั จากสือ่ ในชวี ิตประจาวนั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒. นักเรียนร่วมกันพูดแสดงความคิดเหน็ จากประเดน็ ๓. ใบงาน เร่ือง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ดา้ นความรู้ ขา่ วทีไ่ ด้ฟัง จากส่อื ในชีวติ ประจาวนั ขัน้ สอน มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับการเขียนแสดง ๑. ครแู จกตวั อยา่ งข่าว ให้นักเรียนคนละ ๑ แผน่ แลว้ ให้ ภาระงาน/ชิน้ งาน ความคิดเหน็ จากสอื่ ในชีวติ ประจาวนั นกั เรยี นศึกษาข่าวน้นั (ใช้เวลาประมาณ ๕ นาที) การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากข่าว ด้านทักษะกระบวนการ ๒. ครูสุ่มนักเรียนให้พดู แสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับข่าว ที่ได้ฟงั เขยี นแสดงความคิดเหน็ จากสื่อ ๓. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรอ่ื ง การเขียนแสดง- ในชีวิตประจาวันได้ ความคิดเห็นจากส่อื ในชวี ิตประจาวนั ด้านคณุ ลักษณะ ๔. ครูอภิปรายซกั ถามความรู้และอธบิ ายเพิม่ เติม ๕. ครูใหน้ ักเรยี นฝึกเขียนวเิ คราะห์ข้อเทจ็ จริงและ ๑. มีวินยั ขอ้ คิดเห็นและแสดงความคดิ เหน็ จากใบงานท่ีแจกให้ ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๖. ครสู ุ่มนกั เรียนนาเสนอผลงานหนา้ ชัน้ เรยี น ๓. ม่งุ ม่นั ในการทางาน ๔. รกั ความเป็นไทย ๕. มีมารยาทในการเขียน 447621

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๕ เรื่อง สรา้ งสรรคบ์ ทกวี แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๘ 472 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรื่อง การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากสอื่ ในชวี ติ ประจาวนั เวลา ๑ ชว่ั โมง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ขนั้ สรปุ ๑. นกั เรยี นร่วมกนั สรุปความคิดรวบยอดเรื่อง การเขยี น แสดงความคิดเหน็ จากสอ่ื ในชวี ิตประจาวนั ๒. ครมู อบหมายชิ้นงานให้นักเรียนคัดเลอื กข่าวทีส่ นใจ แลว้ เขียนแสดงความคดิ เหน็ 463

473 447634 การวัดและประเมนิ ผล ส่ิงทตี่ ้องการวดั /ประเมิน วธิ กี าร เคร่ืองมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์คณุ ภาพ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ตรวจช้นิ งาน ระดับ ๒ เกีย่ วกับการเขียนแสดง ประเมินคุณลกั ษณะ ความคดิ เหน็ จากส่อื ใน แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ชีวิตประจาวนั การเขยี นแสดง ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป ทักษะ / กระบวนการ ความคิดเห็น ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ แบบประเมิน ระดับ ๒ เขยี นแสดงความ- คณุ ลกั ษณะ คดิ เห็นจากสอ่ื ใน ชีวติ ประจาวนั ได้ ด้านคณุ ลักษณะ ๑. มีวนิ ัย ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. มงุ่ มนั่ ในการทางาน ๔. รกั ความเปน็ ไทย ๘. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ....................................... ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ....................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................... ลงช่อื ...................................................ผสู้ อน (.................................................................) วนั ท.ี่ ............เดือน...............พ.ศ............. ๙. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. ............................................. ลงชอื่ ...................................................ผู้ตรวจ (.................................................................) วนั ที่.............เดอื น...............พ.ศ.............

474 447654 ใบความรู้ เร่อื ง การเขียนแสดงความคิดเห็นจากสอื่ ในชีวิตประจาวัน หนว่ ยที่ ๕ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๘ การเขียนแสดงความคดิ เห็นจากส่อื ในชวี ิตประจาวนั รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ความหมายของการเขยี นแสดงความคดิ เห็น การเขียนแสดงความคิดเห็น คือ การเขียนท่ีประกอบด้วยข้อมูลทเี่ ป็นข้อเท็จจริงกับการแสดงความคิดเห็น ต่อเรอื่ งใดเร่อื งหนึง่ ความคดิ เห็นน้นั ควรจะมีเหตุผลและเป็นไปในทางสร้างสรรค์ หลกั การเขยี นแสดงความคิดเหน็ ๑. การเลือกเร่ืองผู้เขียนควรเลือกเรื่องท่ีเป็นท่ีน่าสนใจของสังคมเป็นเร่ืองที่พ้นสมัย อาจเกี่ยวกับ เหตุการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ หรือข่าว เหตุการณ์ประจาวัน ทั้งนี้ผู้เขียน แสดงความคิดเห็นควรจะมีความรู้และความเข้าใจเรอื่ งทีจ่ ะแสดงความคิดเหน็ อย่างลกึ ซ้งึ ๒. การให้ข้อเท็จจริง ข้อมูลท่ีเลือกมานั้นจะต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ท่ีมาของเรื่อง ความสาคัญและ เหตุการณ์ เป็นต้น ๓. การแสดงความคิดเหน็ ผ้เู ขียนอาจแสดงความคิดเหน็ ได้ ๔ ลกั ษณะ คอื ๑) การแสดงความคดิ เห็นเพ่ือต้งั ขอ้ สังเกต เชน่ การรักษาสขุ ภาพของคนสมัยใหม่ ๒) การแสดงความคิดเห็นเพอื่ สนบั สนุนข้อเทจ็ จริง เช่น การใชเ้ ทคโนโลยีในทางทีผ่ ิดของวัยร่นุ ๓) การแสดงความคิดเห็นเพื่อโต้แย้งข้อเทจ็ จริง เช่น การกนิ ยาลดความอว้ นของวัยรุน่ ๔) การแสดงความคิดเห็นเพื่อประเมินค่า เช่น การวจิ ารณ์เรอ่ื งส้นั ที่ไดร้ ับรางวลั การเรียบเรียง ๑) การต้ังช่ือเรื่อง ควรตั้งชื่อเรื่องให้เร้าความสนใจผู้อ่านและสอดคล้องกับเน้ือหาท่ีจะเขียนเพราะชื่อเร่ือง เป็นส่วนท่ผี ู้อ่านจะต้องอ่านเป็นลาดับแรกและเป็นการบอกขอบเขตของเร่ืองดว้ ย ๒) การเปิดเรื่องใช้หลักการเขียนเช่นเดียวกับการเขียนคานาและควรเปิดเร่ืองให้น่าสนใจชวนให้ผู้อ่าน ติดตาม ๓) การลาดับเรื่อง ควรลาดับเรื่องให้มีความต่อเน่ืองสามารถแยกแยะได้ว่าส่วนใดเป็นข้อเท็จจริงและ สว่ นใดเปน็ การแสดงความคิดเห็น ๔) การปดิ เร่อื งใช้หลักการเชน่ เดียวกับการเขียนสรุปและควรปิดเรื่องใหผ้ ู้อ่านประทบั ใจ การใชภ้ าษา ควรใช้ภาษาอย่างสละสลวย ชัดเจน ไม่เยิ่นเย้อมีการใช้สานวนโวหารอย่างเหมาะสมกับเรอ่ื ง นอกจากน้ียังต้อง ใช้คาที่ส่ือความหมายได้ตรงตามอารมณ์ของผู้เขียน ทั้งนี้พึงหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคาที่แสดงอารมณ์รุนแรง ซึ่งอาจ กอ่ ให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงตามมาในภายหลัง