4.9 ระบบวิศวกรรมท่ีเก่ยี วขอ้ ง ซ่ึงอาคารท่ีมีขนาดปานกลางและก่อสร้างติดกับ อาคารเดิมท่ีมีความเก่าแก่นั้นการเลือกฐานรากให้4.9.1 ระบบโครงสรา้ งอาคาร เหมาะสมกับโครงสร้างอาคาร มีดังน้ี 4.9.1.1 ระบบฐานรากอาคาร (Footing) ก) ฐานแบบแผ่เด่ียว ท า ห น้ า ท่ี รั บ น้ า ห นั ก จ า ก โ ค ร ง ส ร้ า ง ทั้ ง ข) ฐานรากแบบมคี านรดัหมดแล้วถ่ายน้ าหนักลงสู่เสาเข็มหรือดินโดยตรงคุณสมบัติของดินท่ีรองรับฐานรากควรมีความสามารถ ค) ฐานรากแบบแพรองรับน้าหนักบรรทุกได้โดยไม่เกิดการเคล่ือนตัวหรือ ง) ฐานรากต่อเน่ืองรบั กาแพงพงั ทลายของดินใต้ฐานรากและต้องไม่เกิดการทรุดตัวลงมากจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โครงสร้าง ซ่ึงฐานรากแต่ประเภทมีความสมารถในการรบั น้าหนักตา่ งต่างกัน ฐานราก ถกู แบ่งออกตามลักษณะได้ 2 ชนิด คือ ก) ฐานรากตนื้ (Shallow Foundation) หรอื แบบไม่มีเสาเข็มรองรับ ข) ฐานรากลึก (Deep Foundation) หรือแบบมีเสาเข็มรองรับ หมายถึงฐานรากท่ีถ่ายน้าหนักโครงสร้างลงสู่ดินด้วยเสาเขม็ ภาพท่ี 4.7 : ภาพแสดงระบบฐานรากอาคาร (บน,กลาง,ล่าง) ท่ีมา https://www.scgbuildingmaterials.com/th/LivingIdea/NewBuild/4-21
4.9.1.2 ระบบเสาและคาน ค) คานเหล็ก นิยมใช้ในอาคารขนาดใหญ่ ภาพท่ี 4.8 : ระบบเสาและคานท่ใี ช้กบั อาคาร หรอื อาคารท่ีต้องการลดระยะเวลาก่อสร้าง หรือต้องการ (Skeleton Frame or Column and beam) เ ป็ น ให้โครงสร้างโดยรวมมีน้าหนักเบากว่าใช้คอนกรีตเสริม ท่ีมา http://www.oldcastleprecastspokane.com/โครงสร้างหลักของอาคาร ในการออกแบบและก่อสร้างอาคาร ต้อง เหล็ก ไม่นิยมใช้กับอาคารขนาดเล็ก เพราะราคาจะ beam-and-columnsพิจารณาเสาคานให้เหมาะสมกับสภาพท่ีตั้งและลักษณะของอาคารท่ี ค่อนข้างแพง อกี ทั้งต้องออกแบบจุ ดต่ออย่างพิถีพิถันให้กอ่ สร้าง ม่ันคงแขง็ แรง และต้องป้องกันอัคคีภัย คานเหล็กใช้เหล็ก รูปพรรณชนิดรีดร้อนหรือเหล็กรีดเย็น ตามความจาเป็น ก) เสาเหล็ก แข็งแรงทนทานกว่าเสาไม้ สามารถส่ังซ้ือขนาดมาตรฐานต่าง ๆ ได้ เหล็กแข็งแรง ทนทาน น้าหนักเบา ก่อสร้าง คานเหล็กอาจใช้ประกอบกับเสาเหล็ก หรือเสาคอนกรีตง่าย รวดเร็ว แต่ก็ยังมีปัญหาเร่ืองสนิม และความทนไฟ จึงอาจต้อง คานเหล็กอาจใช้รองรับตงไม้ หรือตงเหล็ก อีกนัยหน่ึงหุ้มด้วยคอนกรีต หรือทาสีกันสนิมทับ นอกจากนั้นเสาเหล็กจะต้อง คานเหล็กอาจรองรบั พื้นเหล็ก พื้นคอนกรตีออกแบบรอยต่อให้ดี ไม่ว่าจะต่อกับโครงสร้างชนิดใด ไม่ว่าจะโดยวิธีเช่ือม หรือใช้สลกั เกลยี ว ง) คานคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนใหญ่หล่อ ในท่ี โดยย่ืนเหล็กเสริมเข้าไปในเสาคอนกรีตเพ่ือยึด หรือ ข) เสาคอนกรีต นิยมใช้มากท่ีสุดในปัจจุ บัน เน่ืองจาก ถ่ายน้าหนัก โดยท่ัวไปไม่ใช้คานคอนกรีตกับเสาเหล็กสามารถหล่อขึ้นรูปต่าง ๆ เช่ น อาจเป็นเสากลม หรือเหล่ียมได้ตามท่ี หรือเสาไม้ เน่ืองจากทาการเช่ือมต่อ หรือยึดกันได้ยากต้องการโดยท่ัวไปนิยมหล่อเสาคอนกรีตหน้าตัดส่ีเหล่ียมเน่ืองจากทาแบบหล่อง่ายกว่า ส่วนหน้าตัดกลมต้องใช้แบบหล่อพิเศษ เสาคอนกรีต ดังนั้นคานคอนกรีตเสริมเหล็กมักใช้ร่วมกับเสาคอนกรีตจะเสริมยืน (ท่ีมุม หรือรอบ ๆ หน้าตัด และตลอดความยาวเสา) เพ่ือ เสรมิ เหล็ก แต่คานคอนกรตี เสรมิ เหลก็ ใช้รว่ มกับระบบพน้ืช่ วยต้านทานน้าหนัก หรือแรง และเหล็กปลอกอาจเป็นวงเด่ียว ๆ ได้แทบทุกชนิด เช่น พื้นคอนกรีต (ทั้งแผ่นพื้นสาเร็จรูป(เหล็กปลอกเด่ียว) หรือเหล็กปลอกท่ีพันต่อเน่ืองเป็นเกลียว รอบ ๆ หรอื แผน่ พ้นื หลอ่ ในท่)ี พน้ื เหลก็ หรือแมแ้ ตพ่ น้ื ไม้เหล็กยืน โดยเหล็กปลอกจะช่วยตา้ นทานการวบิ ัติ 4-22
4.9.1.3 ระบบผนงั รับน้าหนกั (Bearing wall) ผนังรับน้าหนกั เป็นระบบการก่อสร้างรูปแบบหน่ึงในหลายๆรูปแบบท่ีมีใช้กันใน ปัจจุ บัน ระบบผนังรับน้าหนักจะใช้ตัวผนังเป็นทั้งตัวกันห้อง และเป็นช้ินส่วนท่ีใช้รับกาลังในแนวด่ิงต่างๆท่ีเกดิ ขึ้นกับอาคารทัง้ แรงลม น้าหนักบรรทุกจร น้าหนักบรรทุกตายตัวฯลฯ ความแตกต่างกันนี้ทาให้การออกแบบโครงสร้างต่างๆตลอดจนขั้นตอนการก่อสร้างมี ความแตกต่างกันกับระบบโครงสร้างเสาคานท่ีพบเห็นกันอยูท่ ่ัวๆไป ภาพท่ี 4.9 : โครงสร้างของผนงั รับน้าหนกั ท่ีมา https://www.scgbuildingmaterials.com/th/LivingIdea/NewBuild/4-23
4.9.1.4 ระบบโครงสร้างช่วงพาดกว้าง เน่ืองจากข้อจากัดว่าผิวผ้าต้องพลิกกลับด้านกัน มันจึงมีรูปร่างท่ีจา กัด แต่กระนั้น เราก็สามรถใช้ โดยหลักการออกแบบแล้ว เป็นโครงสร้างท่ีมี โครงเหลก็ ช่วยในจุ ดท่ีสาคัญ หรือเอา รูปร่างต่าง ๆลักษณะช่ วงพาดยาวคลุมเนื้อท่ีได้กว้าง โดยมี ท่ีมันทาได้มาประกอบเข้าด้วยกัน เกิดเป็น roofหลากหลายประเภทตามแต่การใช้งานของอาคาร โดย form ท่ีเราต้องการได้ เม่ือเกิดลมพัด Tensionระบบโครงสร้างท่นี ามาใช้กับโครงการ มดี งั น้ี Fabric Structure จะ Balance load ด้วยตัว ของ มนั เอง เพ่ือให้ทุกจุ ดบนผ้ากลบั มาตึงเท่ากนั หมด มนั ก) ระบบโครงถกั จึงใช้โครง สรา้ งเหลก็ นอ้ ยกว่า และมีราคาตอ่ ตาราง เมตรท่ีถูกกว่าหลังคาแบบมี โครง (ถ้าออกแบบให้ จะประกอบข้นึ จากชิ้นสว่ นย่อยเช่ือมต่อเข้าด้วยกัน แขง็ แรงกดเทา่ กัน)ด้วยจุ ดยึดหมุนได้ (Hinges)ให้มีลักษณะเป็นรูปร่างแบบโครงสามเหล่ียม (Triangulated Patterns) ชิ้นส่วนแต่ละ ภาพท่ี 4.10 : ลักษณะของโครงสร้างช่วงผาดกวา้ งชิ้ นจะรับเพียงแรงตามแนวแกนและแรงจะมีขนาดคงท่ี ท่ีมา http://2.bp.blogspot.com/-tuoIm4r7czY/T7_vTOaBWBI/AAAAAAAAAUg/Z50Btt3qi80/s1600/01.pngตลอดความยาวของช้ิ นส่วนนั้น ๆ จุ ดรองรับของโครงสร้างจะเป็นแบบหมุนได้ (Hinges) หรือไม่ก็แบบเล่ือนได้ (Roller) ข) โครงสร้างแบบเตน็ ทห์ รือแบบแผ่นผา้ ใบ คือการเอาผ้าใบ มาคลุมบนโครงสร้าง ท่ีอาจจะเป็นไม้ หรอื โครงเหล็กก็แล้วแต่ รูปร่างของมันก็จะเป็นไปตามรูปร่างของโครงท่ีมันไปหุ้มอยู่ เพราะฉะนั้นเต็นท์จึงจาเป็นต้องมีแปมา รองรับทุก ๆ 1-3 เมตร เม่ือมีลมพัดก็จะมกี ารเคล่ือนตัว มผี ลทาใหใ้ ยผ้าด้านในเกิดการเสียดสี และขาดเม่ือใช้งานไปนาน ๆ 4-24
4.9.2 ระบบพืน้ 4.9.2.1 พื้นสาเร็จรู ปแบบแผ่นท้องเรียบ (Precast ConcreteSlabs ) โครงสร้างของพ้ืนชนิดน้ีจะประกอบด้วยพ้ืนคอนกรีตอัดแรงสาเร็จรูปแบบแผ่นท้องเรียบ (นามาจัดวางเรียงกันเป็นพน้ื ห้องแล้วเททับด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กอีกชั้นหน่ึง พื้นประเภทนี้เป็นท่ีนิยมใช้กันแพร่หลาย พ้ืนคอนกรีตอัดแรงแบบแผ่นท้องเรียบท่ีนิยมใช้กันและมีจาหน่ายท่ัวไปในท้องตลาดนั้น ทาจากปูนซีเมนต์ชนิดแข็งตัวเร็วเสริมด้วยลวดเหล็กอดั แรงกาลังสูงสว่ นใหญ่จะเป็นพื้นสาเรจ็ รูปท่มี ขี นาดความกว้าง 30-35 เซนติเมตร หนา 5 เซนติเมตรและมีช่วงความยาว 1.0-4.5เมตร ใช้โครงลวดเหลก็ อดั แรงขนาด 4-5 มิลลเิ มตร 4.9.2.2 พ้ืนสาเร็จรูปแบบกลวง (Hollow Core Slab) เป็นพื้นคอนกรีตสาเร็จรูปอีกรูปแบบหน่ึง พ้ืนชนิดนี้จะมีช่วงผาดท่ียาวกว่าแบบท้องเรียบ โดยมีช่ วงผาดถึง 12 เมตรโดยไม่แอ่นตัวจึงไม่ต้องใช้ไม้ค้าเวลากอ่ สร้าง มีขนาดและความหนาให้เลือกมากกว่า สามารถรับน้าหนักได้ดีกว่า การเทคอนกรีตทับหน้าอาจทาหรือไม่ก็ได้ข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เน่ืองจากพื้นมีลักษณะท่ีกลวงฉะนั้นพ้ืนท่ีภายในกส็ ามารถเดินสายไฟหรือท่อน้าได้ ภาพท่ี : 4.11 ลักษณะของโครงสร้างพนื้ 1 ท่ีมา http://2.bp.blogspot.com/-tuoIm4r7czY/T7_vTOaBWBI/AAAAAAAAAUg/Z50Btt3qi80/s1600/01.png4-25
4.9.2.3 พื้นคอนกรีตหล่อในท่ี (Cast-in-Place Concrete Slabs)จะมีกระบวนการทาแบบสาหรับหล่อพื้น ผู กเหล็กเสริมของพื้นเช่ือมกับเหล็กในคาน แล้วจึงเทคอนกรีตพ้ืนให้เป็นเนื้อเดียวกับคานส่วนบน โดยสาหรับพ้ืนชั้นสองขึ้นไปต้องมีการตั้งค้ายันแบบใต้ท้องพื้นจนกว่าคอนกรีตจะแข็งตัว อย่างน้อย 14 วัน ซ่ึง พ้ืนคอนกรีตหล่อในท่ีมี 2 รูปแบบคือ พื้นคอนกรีตวางบนคาน และ พน้ื คอนกรตี วางบนดนิ 4.9.2.4 แผ่นเหล็กพ้ืนโครงสร้าง (Metal Deck) เป็นระบบท่ีเหมาะกับโครงสร้างเหล็ก ประกอบด้วยแผ่นเหล็กรีดเป็นลอนต่างๆ ซ่ึงผลิตจากโรงงานนามาวางบนคาน โดยมีหัวหมุดเหล็ก (Shear stud) ยึดกับคานเหล็กเป็นระยะๆ แล้วเทคอนกรีตด้านบน แผ่นเหล็กนี้จะเป็นทั้งแบบและเหล็กเสริมไปในตัว ดังนั้นเหล็กเสริมจะน้อยกว่าแผ่นพื้นระบบอ่ืนๆ แต่ยังคงต้องเสริมเหลก็ ในคอนกรีตเพ่ือกันการแตกร้าว นอกจากนี้ ท้องแผ่นเหล็กใช้เป็นฝ้าเพดานสาหรับชั้นใต้พื้นนั้นได้ด้วย พ้ืนชนิดนี้ค่อนข้างเบาและก่อสร้างรวดเรว็ สามารถใช้ทาหลังคาดาดฟ้ารวมถึงพื้นท่ีเปียกได้ โดยควรทาระบบกันซึมเพ่ิมเติม อย่างไรก็ตาม ราคาค่าก่อสร้างโดยรวมยังสูงกว่าระบบพ้ืนประเภทอ่ืน และควรพ่นหรอื ทาสกี นั สนิมและกันไฟเพ่ิมเติมดว้ ย ภาพท่ี 4.12 : ลักษณะของโครงสร้างพ้นื 2 ท่ีมา http://2.bp.blogspot.com/-tuoIm4r7czY/T7_vTOaBWBI/AAAAAAAAAUg/Z50Btt3qi80/s1600/01.png 4-26
4.9.3 ระบบผนงั ภาพท่ี : 4.13 ลักษณะการกอ่ ผนังท่ใี ช้กบั โครงการ 4.9.3.1 ผนังกอ่ อฐิ ฉาบปูน ท่ีมา https://www.scgbuildingmaterials.com/th/LivingIdea/NewBuild/ ผนังอาคารท่ีใช้วัสดุก่อ อย่างเช่ น อิฐมอญ อิฐมวลเบา คอนกรีตบล็อก ฯลฯ หรือหล่อคอนกรีตเสริมเหล็ก (ทั้งแบบหล่อในท่ีและ ผนังคอนกรีตสาเร็จรูปท่ีเรียกว่าผนัง Precast) โดยอาจจะมีการฉาบปูนทับ ท่ีผิวหน้า หรือโชว์ผิวของวัสดุก่อ (ผนังก่ออิฐโชว์แนว) หรือผิวของ คอนกรีต (ผนังคอนกรีตเปลือย/ผนังปูนเปลือย) นิยมใช้ในงานก่อสร้าง อาคารทุกประเภทตั้งแต่บ้านชั้นเดียวไปจนถึงอาคารสูง เน่ืองจากมีความ แข็งแรงทนทาน และเป็นเทคนิคการก่อสร้างท่ีช่างบ้านเราคุ้นเคย แต่ผนังท่ี หนารวมประมาณ 10 ซม. จะมีน้าหนักค่อนข้างมากประมาณ 90 - 240 กิโลกรัมต่อตารางเมตร โดยลักษณะการก่อนั้นมีด้วยกัน 3 ลักษณะ ข้ึนอยู่ กบั ความเหมาะสมในการเลอื กใช้กับอาคาร ก) ผนงั ก่ออิฐคร่งึ แผ่น ข) ผนังก่ออิฐเตม็ แผน่ ค) ผนังกอ่ อฐิ สองชั้น4-27
4.9.3.2 ระบบผนังกระจก ผนังกระจก คือ ผนังท่ีทาจากกระจกทั้งผืนโดยมีความสูงตั้งแต่พ้ืนถึงท้องคาน หรือท้องพ้ืนชั้นบน หรืออาจสูงต่อเน่ืองมากกว่าหน่ึงชั้น มีทั้งบานกระจกแบบติดตาย และบานกระจกท่ีเป็นช่ องเปิ ดประตู-หน้าต่าง หรือจะติดตัง้ ทัง้ สองแบบไว้ร่วมกัน สามารถแบ่งตามรูปแบบการติดตงั้ ไดเ้ ป็น 2 แบบตามแตล่ ักษณะการใช้งานและความสวยงามของอาคาร ก) ระบบโครงสร้างผนังกระจก (Structural Glass Wall หรือ GlassWall) - โครงสรา้ งเหลก็ (Steel Structure System) - โครงสานเหล็กรบั แรงดึง (Tension Rod System) - โครงสนั กระจก (Glass Rib System) - โครงเคเบลิ ขึง (Cable Net System) ข) ระบบผนัง Curtain wall ภาพท่ี 4.14 : ลักษณะผนังกระจกและโครงสรา้ ง ท่ีมา https://www.scgbuildingmaterials.com/th/LivingIdea/NewBuild/ 4-28
4.9.4 ระบบสขุ าภบิ าล จ) ระบบท่อระบายอากาศ หรือเรียกสั้นๆว่า ท่อ อากาศ ท่อน้ีจะติดตั้งเข้ากับระบบท่อระบายน้าเพ่ือป้องกันปัญหา 4.9.4.1 ระบบน้าภายในอาคาร สุญญากาศในท่อระบายน้าทาให้ระบบระบายน้าสามารถทางานได้ อยา่ งสะดวก การนาน้ามาใช้ ในอาคารต้องมีการจัดระบบน้าประปา ระบบการกาจัดน้าท้ิงและกาจัดน้าโสโครกท่ีดี ฉ) ระบบท่อระบายน้าฝน ทาหน้าท่ีลาเลียงน้าท่ีเกิดจากเพ่ือให้เกิดความสะดวกในการใช้ งานและการบารุ งรักษา ฝนตก ออกจากตัวอาคารให้เหมาะสมกับลักษณะใช้งาน เพ่ือประสิทธิภาพในการใช้งาน ระบบท่อสขุ าภบิ าลในอาคารมอี ยู่ 7ระบบ ได้แก่ ช) ระบบระบายน้าภายนอกตัวอาคาร เป็นระบบท่อท่ี ระบายน้าบรเิ วณโดยรอบอาคารเข้าส่รู ะบบระบายน้าสาธารณะ ก) ระบบน้าดี (หรือน้าประปา) เป็นระบบท่อท่ีใช้งานในการลาเลียงน้าสะอาดไปใช้ตามจุ ดตา่ งๆภายในโครงการ ระบบสุขาภิบาลทั้ง 7 ระบบนี้ทางวิศวกรจะทาการ ออกแบบแนวทอ่ ให้การทางานแต่ละสว่ นสามารถทางานร่วมกันได้ ข) ระบบระบายน้าโสโครก เป็นระบบท่อท่ีนาน้าเสียท่ี รวมถงึ ขนาดและการเช่ือมตอ่ ของระบบท่อถูกใช้งานจากโถส้วมหริโถปั สสาวะออกจากตัวอาคารและเขา้ สู่ระบบบาบดั น้าเสียกอ่ นปล่อยออกสู่ภายนอกโครงการ ระบบน้าดีจะเป็นระบบท่อท่ีต้องการแรงดันน้ าจากปั้ ม เพ่ือผลกั ดันน้าไปยงั สว่ นต่างๆของอาคารไดต้ ามต้องการ ค) ระบบระบายน้าท้ิง เป็นระบบท่อท่ีนาน้าเสียจากการใช้งานกจิ กรรมอ่ืนๆ ออกจากตัวอาคารและเข้าสู่ระบบ ท่อระบายนัน้ จะอาศัยแรงดึงดูดของโลกในการลาเลียงบาบัดน้าเสียก่อนปล่อยออกสภู้ ายนอกโครงการ ฉะนนั้ การวางแนวท่อระบายน้าควรคานึงถึงทิศทางการไหลของน้า ในทอ่ เสมอด้วยหลักท่วี ่า น้าไหลจากท่สี งู ลงสทู่ ่ีต่า ง) ระบบบาบัดน้าเสีย เป็นระบบท่ีใช้บาบัดน้าท่ีถูกใช้งานภายในโครงการให้มีค่าคุณสมบัติต่างๆของน้าอยู่ในเกณฑม์ าตรฐานก่อนปลอ่ ยคนื สู่ธรรมชาติ ภาพท่ี 4.15 : ภาพแสดงระบบสุขาภิบาล ท่มี า ภาพถา่ ยโดย นาย ธนชิต บาเพ็ญผล ,25594-29
4.9.4.1 ระบบบาบดั น้าเสียในอาคาร น้าท่ีผ่านการใช้งานภายในอาคารจะเปล่ียนสภาพกลายเป็นน้าเสีย เน่ืองจากปนเปื้ อน ส่ิงสกปกต่างๆ โดยท่ัวไปแล้วประเภทของระบบบาบัดน้าเสยี มีอยู่ 2 ระบบ ก) ระบบบาบัดน้าทิ้ง (Waste Water System) ข) ระบบบาบดั น้าโสโครก (Soil Water System) ซ่ึ งการบาบัดน้ าเสียก่อนระบายกลับสู่สาธารณะตามกฎหมายบาบัดน้าโสโครกท่นี ยิ มใช้กันท่ัวไป มี 2 ระบบ - บอ่ เกรอะ บอ่ ซึม - ระบบถงั บาบัดสาเรจ็ รูป ค) บ่อดกั ไขมัน (Grease Trap) ภาพท่ี 4.16 : ผังการระบายน้าทง้ิ ภายในอาคาร ท่มี า https://www.scgbuildingmaterials.com/th/LivingIdea/NewBuild/ 4-30
4.9.5 ระบบไฟฟ้า ภาพท่ี 4.17 : อุปกรณค์ วบคมุ ไฟฟ้าในอาคาร 4.9.5.1 ระบบไฟฟ้าภายในอาคาร ท่ีมา https://www.scgbuildingmaterials.com/th/LivingIdea/NewBuild/ระบบไฟฟ้าเป็นระบบสาธารณูปโภคท่ีมีความสาคัญ โดยส่งจากแหล่งกาเนิดไปยังผู้ใช้ไฟฟ้า ตามประเภทการใช้งาน ซ่ึงมีลาดับการส่งกระไฟฟ้าจากสถานไี ฟฟ้าแรงสงู สถานีไฟฟ้าย่อย หม้อแปลงไฟฟ้า ให้กระแสไฟฟ้าต่าลงและเข้าสู้ตัวอาคาร โดยระบบไฟฟ้าแบง่ ออกเป็น 2 ระบบ ดงั น้ี ก) ระบบไฟฟ้า 1 เฟส 3 สาย มีแรงดันไฟฟ้าขนาด220 โวลท์ เหมาะสาหรบั บา้ นพักอาศยั ท่วั ไป ข) ระบบไฟฟ้ า 3 เฟส 5 สาย มีแรงดันไฟฟ้ าระหว่างระหว่างเฟสกับนิวทรัลเท่ากับ 220 โวลท์ และแรงดันไฟฟ้าระหว่างเฟสดว้ ยกนั เทา่ กบั 380 โวลท์ 4.9.3.2 การเดินสายไฟภายในอาคาร ก) การเดินสายไฟแบบเปิด การเดินสายไฟฟ้าไปตามผนังหรือเพดาน โดนใช้เข็มขัดรัดสายเป็นตัวยึดสายไฟ ข้อดีคือสามารถตรวจสอบซอมแซมไดง้ ่าย4-31
4.9.5.2 ระบบการให้แสงสว่างของอาคาร ระบบการให้แสงรอง ระบบการให้แสงสว่างนั้นข้ึนอยู่กับการใช้งานของ ก) แสงสว่างแบบส่องเน้น (Accent Lighting) เป็นห้อง ผู้อยู่ในห้อง การมองเห็น และสไตล์การตกแต่ง การให้แสงแบบส่องเน้นท่ีวัตถุใดวัตถุหน่ึงเพ่ือให้เกิดความระบบการให้แสงสว่างโดยพ้ืนฐานประกอบด้วย ระบบการ สนใจ โดยท่ัวไปแสงประเภทน้ีไดม้ าจากแสงสปอตใหแ้ สงหลัก และระบบการใหแ้ สงรอง ข) แสงสว่างแบบเอฟเฟค หมายถึงแสงเพ่ือสร้าง ระบบการให้แสงหลัก บรรยากาศท่ีน่าสนใจ แต่ไม่ได้ส่องเน้นวัตถุเพ่ือเรียกร้อง ความสนใจ เช่ นโคมท่ีติดตั้งท่ีเพดานเพ่ือสร้างรูปแบบของ ก) แสงสว่างท่ัวไป คือ การให้แสงกระจายท่ัวไป แสงท่ีกาแพง เป็นต้นเท่ากันทั้งบริเวณพื้นท่ีใช้งาน ซ่ึงใช้กับการให้แสงสว่างไม่มากเกินไป แสงสว่างดังกล่าวไม่ได้เน้นเร่ืองความสวยงาม ค) แสงสว่างตกแต่ง เป็นแสงท่ีได้จากโคมหรือมากนัก ดังนั้นการประหยัดพลังงานสามารถทาได้ในแสง หลอดท่สี วยงามเพ่ือสร้างจุ ดสนใจในการตกแต่งภายในสวา่ งท่ัวไปนี้ ง) แสงสว่างงานสถาปั ตย์ บางทีก็เรียก ข) แสงสว่างเฉพาะท่ี คือ การให้แสงสว่างเป็นบาง Structural Lighting ให้แสงสว่างเพ่ือให้สัมพันธ์กับงานบริเวณเฉพาะท่ีทางานเท่านั้น เพ่ือการประหยัดพลังงาน ทางด้านสถาปัตยกรรม เช่น การให้แสงไฟจากหลืบ การไฟฟ้า โดยไม่ต้องให้สม่าเสมอเหมือนแบบแรก เช่น การให้ ใหแ้ สงจากบงั ตา หรอื การใหแ้ สงจากท่ซี ่อนหลอดแสงสว่างจากฝ้ าเพดานโดยติดตั้งเฉพาะเหนือโต๊ะหรือบริเวณใช้งานใหไ้ ด้ความสอ่ งสวา่ งตามต้องการ จ) แสงสว่างตามอารมณ์ แสงสว่างประเภทน้ี ไม่ใช่ เทคนิคการให้แสงพิเศษแต่อย่างใด แต่อาศัยการใช้ สวิตช์หรือตัวหร่ีไฟเพ่ือสร้างบรรยากาศของแสงให้ได้ระดับ ภาพท่ี 4.18 : ลกั ษณะของไฟฟ้าสอ่ งสวา่ งของอาคาร ความส่องสวา่ งตามการใช้งานท่ีตอ้ งการ ท่ีมา https://i.ytimg.com/ 4-32
4.9.6 ระบบปรับอากาศ 4.9.4.1 ประเภทของระบบปรับอากาศ ก) ระบบปรบั อากาศแบบแยกสว่ น เป็นระบบปรับอากาศท่ีติดตั้งใช้งานง่าย มีความ ยืดหยุ่นในการใช้งานสูงแต่ประสิทธิภาพต่า กว่า เหมาะ สาหรับอาคารท่ีแบ่งเป็นพื้นท่ีขนาดเล็กหลายๆ ส่วนเช่ น อาคารชุดพักอาศัย ข) ระบบปรับอากาศแบบชุดหรอื แพ็คเกจ เป็นระบบท่ีติดตั้งง่าย แต่สาหรับเคร่ืองท่ีมีขนาด ใหญ่ อาจจาเป็นต้องมีห้องเคร่ืองและงานระบบส่งจ่ายลม เย็น โดยท่ัวไปมีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบยากส่วน เหมาะ สาหรับอาคารท่ีแบ่งพื้นท่ีเป็นชั้นและต้องการเปิ ด -ปิ ดใช้ งานอยา่ งอิสสระภาพท่ี 4.19 : ภาพแสดงระบบปรบั อากาศท่ีมา http://www.americancoolingandheating.com/wp-content/uploads/2011/11/Trane-14-SEER-Package-Heat-Pump.jpg 4-33
4.9.7 ระบบขนสง่ ภายในอาคาร ภาพท่ี 4.20 : ภาพประกอบบนั ไดท่ใี ช้กับโครงการ ท่มี า ภาพถา่ ยโดย นาย ธนชิต บาเพญ็ ผล ,2558 4.9.5.1 รูปแบบของบนั ได ก) บันไดช่ วงเดียวหรือบันไดทางตรง เป็นบันไดท่ีไม่มีการเล้ียวโค้ง เหมาะกับอาคารท่ีมีหน้าแคบแต่ทรงยาว และสามารถใช้โครงสร้างให้เป็นประโยชน์ได้บันไดทางตรงค่อนข้างเล่นลุกเล่นได้เยอะ ทั้งในเร่ืองโครงสรา้ ง วัสดุ ราวบันได ข) บันไดแบบหักฉากหรือบันไดรูปตัวแอล มีลักษณะของบันไดเลี้ยวหักเป็นมุมฉาก 90 องศา แบ่งบันไดได้ 2 ช่ วง โดยมีชานพักกลาง จานวนขั้นบันไดช่วงแรกกับช่วงท่ีสองไม่จาเป็นต้องเท่ากันก็ได้ แล้วแต่ลักษณะของพื้นท่ี ซ่ึงจะประหยดั พ้นื ท่ไี ด้มากข้นึ ค) บันไดแบบหักกลับ มีลักษณะของบันไดแบบหักกลับ 180 องศา จะพบเห็นได้ในบ้านส่วนใหญ่เหมาะสาหรับอาคารท่ีมีแปลนของแต่ละ่ ชั้นคล้ายๆกัน ง) บันไดแบบโค้งวงกลม เหมาะสาหรับอาคารท่ีมีขนาดใหญ่ ซ่ึงสามารถเปิ ดมุมมองให้กับผู้ใช้งานได้เห็นพนื้ ท่ีต่างๆภายในโครงการ มกั อยู่ด้านหน้าอาคารท่ีดเู ป็นทางการ จ) บันไดเกลียวหรือบันไดเวียน เหมาะสาหรับอาคารท่ีมีขนาดเล็กและต้องการประหยัดพ้ืนท่ีใช้สอยแต่อาจจะไมส่ ะดวกต่อการใช้งาน 4-34
4.9.8 ระบบป้องกนั อคั คีภยั 4.9.8.3 เคร่อื งดบั เพลิงแบบมอื ถือ การออกแบบอาคาร คือการออกแบบให้ตัวอาคารมี เป็นอุ ปกรณ์ขนาดเล็ก ข้างในบรรจุ สารเคมี ความสามารถในการทนไฟ หรืออย่างน้อยให้มีเวลาพอ สาหรับดับเพลิงแบบต่าง ๆ ในกรณีท่ีเพลิงมีขนาดเล็ก ก็ สาหรับหนีไฟได้ นอกเหนือจากนั้น ต้องมีการออกแบบท่ีทา สามารถใช้เคร่ืองดับเพลิงขนาดเล็กหยุดยั้งการลุกลามของ ให้การเข้าดับเพลิงทาได้ง่าย และมีการอพยพคนออกจาก ไฟได้ อาคารได้สะดวก มีทางหนไี ฟท่ดี มี ปี ระสทิ ธิภาพ 4.9.8.4 ระบบควบคุมควันไฟ การสาลักควันไฟเป็น 4.9.8.1 รูปแบบการป้องกันอัคคีภัย สาเหตุหลักของการเสียชีวิตในเหตุไฟไหม้ อาคารจึงต้องมี ก) การป้องกันอัคคภี ยั วิธกี าร PASSIVE ระบบ ท่ีจะทาให้มีการชะลอ การแพร่ ของควันไฟ โดยมาก ข) การป้องกนั อคั คีภยั วธิ ี Active จะใช้การอัดอากาศลงไปในจุ ดท่ีเป็นทางหนีไฟ, โถงบันได และโถงลิฟต์ โดยไม่ให้ควันไฟลามเข้าไป ในส่วนดังกล่าว 4.9.8.2 ระบบดบั เพลิงดว้ ยน้า เพ่ิมระยะเวลาการหนีออกจากอาคาร และมีการดูดควันออก คือระบบท่ีมีการเก็บกักน้ าสารอง ท่ีมีแรงดัน จากตัวอาคารดว้ ย พอสมควร และเม่ือมีเหตุเพลิงไหม้จะสามารถใช้ระบบ ดับเพลงิ ในการดับไฟได้ระบบน้จี ะประกอบไปด้วย ภาพท่ี 4.21 : ภาพประกอบระบบป้องกนั อัคคีภยั ภายในอาคาร ท่ีมา https://www.scgbuildingmaterials.com/th/LivingIdea/NewBuild/ ก) ถึงน้าสารองดับเพลงิ ข) เคร่ืองสบู ระบบท่อ แนวตงั้ แนวนอน ค) หัวรับน้าดบั เพลงิ ง) สายส่งน้าดับเพลงิ จ) หวั กระจายน้าดับเพลิง4-35
ภาพท่ี 4.22 : ภาพประกอบการป้องกันอคั คภี ัยท่ีมา http://moveast.me/ 4-36
บรรณานกุ รมและขอ้ มูลเว็บไซต์สานกั จัดการส่ิงแวดลอ้ มธรรมชาติและศลิ ปกรรม. (2553). ความเป็นมาเมืองเกา่ ตะก่วั ป่ า. สบื คน้ เม่ือ มถิ นุ ายน, 2560, จาก ช่ือเว็บไซต:์ www.onep.go.thสานักจัดการธรรมชาติและศิลปกรรม. (2553). สภาพชุมชนและสงั คม. สบื คน้ เม่ือ กรกฎาคม, 2560, จาก ช่ือเวบ็ ไซต์: www.onep.go.thสานกั จัดการส่งิ แวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม. (2553). แนวทางการอนุรกั ษ์และพฒั นาเมอื งเกา่ ตะก่ัวป่ า . สบื ค้นเม่อื กรกฎาคม, 2560, จาก ช่ือเว็บไซต:์ www.onep.go.thภูสทิ ธ์ ขันตกิ ลุ . (2553). แนวทางการพัฒนาบนวถิ ีชีวิตไทย. สบื ค้นเม่อื กรกฎาคม, 2560, จาก ช่ือเว็บไซต:์ www.onep.go.thสยุมภู ยมนา. (2555). สถาปัตยกรรมในมุมมองท่เี งียบเหงา. สืบคน้ เม่ือ กรกฎาคม, 2560, จาก ช่ือเวบ็ ไซต์: http://www.lib.su.ac.th/โครงการนามาตรฐานคณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ มศลิ ปกรรม ประเภทยา่ นชุมชนเก่า . (2558). ประเภทของส่งิ ท่คี วรอนรุ ักษ.์ สืบคน้ เม่ือ กรกฎาคม, 2560, จาก ช่ือเว็บไซต์ : www.kpi.msu.ac.thชาวบาบ๋าฝ่ังทะเลอนั ดามัน. (2559). อตั ลักษณแ์ ละการแต่งกายชาวบาบา๋ ฝ่ังทะเลอันดามัน. ,2560 สืบคน้ เม่อื กรกฎาคม, 2560, จาก ช่ือเว็บไซต์: www.andaman365.blogspot.comศุภชัย ชัยจันทร์ และ ณรงพน ไลป่ ระกอบทรพั .์ (2559). แนวคดิ สาธารณะของพ้ืนท่ีสาธารณะ. ,2560 สืบคน้ เม่อื สิงหาคม, 2560, จาก ช่ือเว็บไซต์: www.arch.kku.ac.thสานักทะเบียนทอ้ งถ่นิ เทศบาลเมอื งตะก่ัวป่ า (2559). สถติ ิประชากรในเทศบาลตะก่ัวป่ า. ,2560 สบื ค้นเม่ือ สิงหาคม, 2560, จาก ช่ือเว็บไซต์: www.takuapacity.go.th/กลุม่ งานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด . (2560). แผนพัฒนาจังหวัดพงั งา พ.ศ. 2560-2564. สืบค้นเม่ือ สิงหาคม, 2560, จาก ช่ือเวบ็ ไซต:์ www.phangnga.go.th/ ช
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118