112 การตดิ ยากบั การเสพยา องคก์ ารอนามยั โลกไดใ้ หก้ ารนิยามของภาวะทีเกียวขอ้ งกบั ยาเสพติดไว้ ดงั นี 1. การใชย้ าในทางทีผดิ (Harmful use, abuse) หมายถึง การใชย้ าเสพติดในลกั ษณะอนั ตรายต่อ สุขภาพ ทงั ทางดา้ นร่างกายและดา้ นจิตใจ เช่น ภาวะซึมเศร้าจากการดมื สุราอยา่ งหนกั 2. การติดสารเสพติด (Depenedence syndrome) หมายถงึ ภาวะผดิ ปกติทางดา้ นปัญญา ความคิด อ่าน และระบบสรีระร่างกายซึงเกดิ ภายหลงั จากการใชส้ ารเสพตดิ ซาํ ๆ และมอี าการตา่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปนีร่วมดว้ ย 1) มคี วามตอ้ งการอยา่ งรุนแรงทีจะใชส้ ารตวั นนั ๆ 2) มคี วามยากลาํ บากในการควบคุมการใชท้ งั ปริมาณและความถี 3) ยงั คงใชส้ ารนนั ต่อไปทงั ๆ ทรี ู้ว่าจะเป็นอนั ตรายต่อร่างกาย 4) หมกม่นุ อยกู่ บั การใชส้ ารเสพติดมากกว่าการทาํ กจิ กรรมอืนทสี าํ คญั กว่า 5) มอี าการดอื ยา คอื ตอ้ งเพิมปริมาณการใช้ เพือใหไ้ ดผ้ ลเท่าเดมิ 6) เมอื หยดุ การใชย้ าจะเกดิ อาการขาดยาหรืออยากยาทางร่างกาย (Physical with) 1.4 สาเหตขุ องการติดสารเสพตดิ 1. สาเหตุทีเกิดจากความรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ 1) อยากทดลอง เกิดจากความอยากรู้อยากเห็นซึงเป็ นนิสัยของคนโดยทวั ไป และ โดยทีไม่คิดว่าตนจะติดสิงเสพติดนีได้ จึงทาํ การทดลองใช้สิงเสพติดนัน ในการทดลองใช้ครังแรก ๆ อาจมี ความรู้สึกดีหรือไมด่ กี ต็ าม ถา้ ยงั ไมต่ ดิ สิงเสพติดนนั กอ็ าจประมาท ไปทดลองใชใ้ นสิงเสพติดนันอีก จนในทีสุดก็ ตดิ สิงเสพติดนนั หรือถา้ ไปทดลองใชส้ ิงเสพติดบางชนิด เช่น เฮโรอีน แมจ้ ะเสพเพียงครังเดียวกอ็ าจทาํ ใหต้ ิดได้ 2) ความคึกคะนอง คนบางคนมีความคึกคะนอง ชอบพูดอวดเก่งเป็ นนิสัย โดยเฉพาะวยั รุ่นมกั จะมีนิสยั ดงั กลา่ ว คนพวกนีอาจแสดงความเก่งกลา้ ของตน ในกลุ่มเพือนโดยการแสดงการใช้ สิงเสพติดใหเ้ พือนฝูงยอมรับวา่ ตนเก่ง โดยมิไดค้ าํ นึงถึงผลเสียหายหรืออนั ตรายทีจะเกิดขึนภายหลงั แต่อยา่ งไร ในทีสุดตนเองกก็ ลายเป็นคนติดสิงเสพติดนนั 3) การชักชวนของคนอืน อาจเกิดจากการเชือตามคาํ ชกั ชวนโฆษณาของผูข้ าย สินคา้ ทเี ป็นสิงเสพติดบางชนิด เช่น ยากระตุน้ ประสาทต่าง ๆ ยาขยนั ยาบา้ เป็ นตน้ โดยผูข้ ายโฆษณาสรรพคุณ ของสิงเสพติดนนั วา่ มคี ณุ ภาพดีสารพดั อยา่ งเชน่ ทาํ ใหม้ กี าํ ลงั วงั ชา ทาํ ใหม้ จี ิตใจแจ่มใส ทาํ ใหม้ ีสุขภาพดี ทาํ ใหม้ ี สตปิ ัญญาดี สามารถรักษาโรคไดบ้ างชนิด เป็นตน้ ผทู้ ีเชือคาํ ชกั ชวนโฆษณาดงั กล่าวจึงไปซือตามคาํ ชกั ชวนของ
113 เพือนฝงู ซึงโดยมากเป็นพวกทีตดิ สิงเสพติดนนั อยแู่ ลว้ ดว้ ยความเกรงใจเพือน หรือเชือเพือน หรือตอ้ งการแสดง วา่ ตวั เป็นพวกเดียวกบั เพอื น จึงใชส้ ิงเสพตดิ นนั 2. สาเหตุทีเกิดจากการถกู หลอกลวง ปัจจุบนั นีมีผขู้ ายสินคา้ ประเภทอาหาร ขนม หรือเครืองดมื บางรายใชส้ ิงเสพตดิ ผสมลงใน สินคา้ ทีขาย เพือใหผ้ ูซ้ ือสินคา้ นนั ไปรับประทานเกิดการติด อยากมาซือไปรับประทานอีกซึงในกรณีนี ผูซ้ ือ อาหารนนั มารับประทาน จะไมร่ ู้สึกว่าตนเองเกิดการติดสิงเสพติดขึนแลว้ รู้แต่เพียงว่าอยากรับประทานอาหาร ขนม หรือเครืองดืมทซี ือจากร้านนนั ๆ กวา่ จะทราบก็ต่อเมือตนเองรู้สึกผิดสังเกตต่อความตอ้ งการ จะซืออาหาร จากร้านนนั มารับประทาน หรือต่อเมอื มีอาการเสพติดรุนแรง และมสี ุขภาพเสือมลง 3. สาเหตุทีเกดิ จากความเจบ็ ป่ วย 1) คนทีมีอาการเจ็บป่ วยทางกายเกิดขึนเพราะสาเหตุต่าง ๆ เช่น ไดร้ ับบาดเจ็บ รุนแรง เป็นแผลเรือรัง มคี วามเจ็บปวดอยเู่ ป็นประจาํ เป็นโรคประจาํ ตวั บางอยา่ ง เป็นตน้ ทาํ ใหไ้ ดร้ ับทกุ ข์ทรมาน นนั ซึงวธิ ีหนึงทที าํ ไดง้ ่ายคือ การรับประทานยาทมี ีฤทธิระงบั อาการเจ็บปวดนนั ได้ ซึงไม่ใช่เป็ นการรักษาทีเป็ น ตน้ เหตุของความเจ็บป่ วย เพียงแตร่ ะงบั อาการเจบ็ ปวดใหห้ มดไปหรือลดนอ้ ยลงไดช้ วั ขณะ เมือฤทธิยาหมดไปก็ จะกลบั เจ็บปวดใหม่ ผูป้ ่ วยกจ็ ะใชย้ านนั อีก เมอื ทาํ เชน่ นีไปนาน ๆ เกดิ อาการติดยานนั ขึน 2) ผูท้ มี จี ิตใจไมเ่ ป็นปกติ เช่น มีความวิตก กงั วล เครียด มีความผิดหวงั ในชีวิต มี ความเศร้าสลด เสียใจ เป็นตน้ ทาํ ใหส้ ภาวะจิตไมเ่ ป็นปกติจนเกิดการป่ วยทางจิตขึน จึงพยายามหายาหรือสิงเสพ ติดทมี ฤี ทธิสามารถคลายความเครียดจากทางจิตไดช้ วั ขณะหนึงมารับประทาน แต่ไมไ่ ดร้ ักษาทีตน้ เหตุเมือยาหมด ฤทธิ จิตใจกจ็ ะกลบั มาเครียดอกี และผปู้ ่ วยกจ็ ะเสพสิงเสพตดิ ถา้ ทาํ เช่นนีไปเรือย ๆ ก็จะทาํ ใหผ้ ูน้ ันติดยาเสพติด ในทีสุด 3) การไปซือยามารับประทานเองโดยไม่ทราบสรรพคุณยาทีแทจ้ ริง ขนาดยาที ควรรับประทาน การรับประทานยาเกินจาํ นวนกว่าทีแพทยไ์ ดส้ ังไว้ การรับประทานยาบางชนิดมากเกินขนาด หรือรับประทานติดตอ่ กนั นาน ๆ บางครังอาจมอี าการถงึ ตายได้ หรือบางครังทาํ ใหเ้ กดิ การเสพตดิ ยานนั ได้ 4. สาเหตุอืน ๆ การอยใู่ กลแ้ หลง่ ขายหรือใกลแ้ หล่งผลิต หรือเป็ นผูข้ ายหรือผูผ้ ลิตเอง จึงทาํ ใหม้ ีโอกาส ตดิ สิงเสพตดิ ใหโ้ ทษนนั มากกวา่ คนทวั ไปเมือมีเพือนสนิทหรือพีน้องทีติดสิงเสพติดอยู่ ผูน้ นั ย่อมไดเ้ ห็นวิธีการ เสพของผูท้ ีอยใู่ กลช้ ิด รวมทงั ใจเหน็ พฤตกิ รรมตา่ ง ๆ ของเขาดว้ ย และยงั อาจไดร้ ับคาํ แนะนาํ หรือชกั ชวนจาก ผูเ้ สพดว้ ย จึงมโี อกาสติดได้ 1) คนบางคนอยใู่ นสภาพทมี ีปัญหา เช่น ว่างงาน ยากจน คา่ ใชจ้ ่ายเพิมโดยมรี ายได้ ลดลง หรือคงที มีหนีสินมาก ฯลฯ เมอื แกป้ ัญหาต่าง ๆ เหล่านีไมไ่ ดก้ ห็ นั ไปใชส้ ิงเสพติดช่วยผ่อนคลายความรู้สึก ในความทุกขย์ ากต่าง ๆ เหล่านี แมจ้ ะรู้ว่าเป็นชวั ครู่ชวั ยามกต็ าม เชน่ กลุม่ ใจทีเป็นหนีคนอืนกไ็ ปกินเหลา้ หรือสูบ กญั ชาใหเ้ มาเพอื ทีจะไดล้ ืมเรืองหนีสิน บางคนตอ้ งการรายไดเ้ พิมขนึ โดยพยายามทาํ งานใหห้ นกั และมากขึนทงั ๆ ทีร่างกายอ่อนเพลียมากจึงรับประทานยากระตุน้ ประสาทเพือให้สามารถทาํ งานต่อไปได้ เป็ นตน้ ถา้ ทาํ อยเู่ ป็ น ประจาํ ทาํ ใหต้ ิดสิงเสพตดิ นนั ได้
114 2) การเลยี นแบบ การทไี ปเหน็ ผูท้ ีตนสนิทสนมรักใคร่หรือเพอื น จึงเห็นว่าเป็ นสิง น่าลอง เป็นสิงโกเ้ ก๋ เป็นสิงแสดงความเป็นพวกเดียวกนั จึงไปทดลองใชส้ ิงเสพติดนนั จนติด 3) คนบางคนมีความผดิ หวงั ในชีวิตตนเอง ผิดหวงั ในชีวิตครอบครัว หรือผิดหวงั ในชวี ิตสังคม เพอื เป็นการประชดตนเองหรือคนอืน จึงไปใชส้ ิงเสพตดิ จนติดทงั ๆ ทีทราบว่าเป็นสิงไมด่ ีกต็ าม 1.5 อนั ตรายและโทษของสารเสพตดิ สารเสพติดให้โทษมีหลายชนิดไดแ้ พร่ระบาดเขา้ มาในประเทศไทย จะพบในหมู่เดก็ และ เยาวชนเป็นส่วนมาก นบั ว่าเป็นเรืองร้ายแรงเป็นอนั ตรายตอ่ ผูเ้ สพและประเทศชาติเป็ นอย่างยิง ผูเ้ รียนควรทราบ อนั ตรายจากสารเสพตดิ ในแตล่ ะชนิด ดงั นี 1. ฝิ น (Opium) ฝิ นจะมฤี ทธิกดประสาท ทาํ ใหน้ อนหลบั เคลบิ เคลิม ผูท้ ีติดฝิ นจะมีความคิด อ่านชา้ ลง การทาํ งานของสมอง หวั ใจ และการหายใจชา้ ลง นอกจากนี ยงั พบว่าฝิ นทาํ ใหต้ บั เสือมสมรรถภาพ ปลายประสาทและกลา้ มเนือหวั ใจอกั เสบ ระบบยอ่ ยอาหารเสือมสมรรถภาพ เบืออาหาร ทอ้ งผูก ระบบฮอร์โมน เปลียนแปลง ผหู้ ญงิ อาจเกิดการขาดประจาํ เดอื น ผูช้ ายอาจหมดสมรรถภาพทางเพศ และร่างกายทรุดโทรม อาการขาดยา จะเริมหลงั จากไดร้ ับยาครังสุดทา้ ย - ชวั โมง แลว้ ไม่สามารถหายาเสพ ไดอ้ กี จะมีอาการกระวนกระวาย หงดุ หงิด โกรธงา่ ย ตนื เตน้ ตกใจง่าย หาวนอนบ่อย ๆ นาํ มูก นาํ ตา นาํ ลาย และ เหงอื ออกมาก ขนลกุ กลา้ มเนือกระตุก ตวั สนั มา่ นตาขยาย ปวดหลงั และขามาก ปวดทอ้ ง อาเจียน ทอ้ งเดิน บาง รายมอี าการรุนแรงถงึ ขนาดถ่ายเป็นเลือด ทีภาษาชาวบา้ นเรียกวา่ “ลงแดง” ผูต้ ดิ ยาจะมีความตอ้ งการยาอยา่ งรุนแรง จนขาดเหตุผลทีถูกตอ้ ง อาการขาดยานีจะเพิมขึนในระยะ ชวั โมงแรก และจะเกิดมากทีสุดภายใน - ชวั โมง หลงั จากนนั อาการจะคอ่ ย ๆ ลดลง 2. มอร์ฟี น (Morphine) เป็นแอลคาลอยดจ์ ากฝิ นดบิ มีฤทธิทงั กดและกระตุน้ ระบบประสาท ส่วนกลาง ทาํ ใหศ้ ูนยป์ ระสาทรับความรู้สึกชา อาการเจบ็ ปวดต่าง ๆ หมดไป กลา้ มเนือคลายตวั มีความรู้สึกสบาย หายกงั วล นอกจากนียงั มีฤทธิกดศนู ยก์ ารไอทาํ ใหร้ ะงบั อาการไอ กดศนู ยค์ วบคุมการหายใจ ทาํ ให้ร่างกายหายใจ ชา้ ลง เกดิ อนั ตรายถึงแก่ชีวิตได้ ส่วนฤทธิกระตุน้ ระบบประสาทส่วนกลางจะทาํ ใหค้ ลืนไส้ อาเจียน ม่านตาหรี บางรายมอี าการตนื เตน้ ดว้ ย กระเพาะอาหารและลาํ ไส้ทาํ งานนอ้ ยลง หูรูดต่าง ๆ หดตวั เล็กลง จึงทาํ ให้มีอาการ ทอ้ งผกู และปัสสาวะลาํ บาก 3. เฮโรอีน (Heroin) สกดั ไดจ้ ากมอร์ฟี นโดยกรรมวิธีทางเคมี ซึงเกิดปฏิกริ ิยาระหวา่ งมอร์ฟี น และนาํ ยาอะซิติค แอนไฮไดรด์ เป็นยาเสพตดิ ทีตดิ ไดง้ ่ายมาก เลกิ ไดย้ าก มีความแรงสูงกว่ามอร์ฟี นประมาณ - เทา่ แรงกวา่ ฝิ น เทา่ และถา้ ทาํ ใหบ้ ริสุทธิจะมีฤทธิแรงกว่าฝิ นถึง เท่าตวั เฮโรอีนเป็ นยาเสพติดให้โทษที ร้ายแรงทีสุด ใชไ้ ดท้ งั วิธีสูบฉีดเขา้ กลา้ มเนือหรือเส้นเลือดดาํ ละลายไดด้ ีในนาํ เฮโรอีน มีฤทธิทาํ ให้ง่วงนอน งุนงง คลืนไส้ อาเจียน เบืออาหาร ร่างกายผอมลงอย่างรวดเร็ว อ่อนเพลีย ไม่กระตือรือร้น ไม่อยากทาํ งาน หงดุ หงิด โกรธงา่ ย มกั ก่ออาชญากรรมไดเ้ สมอ มกั ตายดว้ ยมโี รคแทรกซ้อน หรือใชย้ าเกนิ ขนาด 4. บาร์บิทเู รต (Barbiturates) ยาทีจดั อยใู่ นพวกสงบประสาทใชเ้ ป็นยานอนหลบั ระงบั ความ วิตกกงั วล ระงบั อาการชกั หรือป้ องกนั การชกั ทีใชก้ นั แพร่หลายไดแ้ ก่ เซดคบาร์บิตาลออกฤทธิกดสมอง ทาํ ให้ สมองทาํ งานนอ้ ยลง ใชย้ าเกินขนาดทาํ ใหม้ ีฤทธิกดสมองอย่างรุนแรง ถึงขนาดหมดความรู้สึกและเสียชีวิต จะมี อาการมึนงงในคอหงุดหงดิ เลอื นลอย ขาดความรับผดิ ชอบ มีความกลา้ อยา่ งบา้ บิน ชอบทะเลาะววิ าท กา้ วร้าว
115 ทาํ ร้ายตนเอง คลุม้ คลงั พดู ไมช่ ดั เดนิ โซเซคลา้ ยกบั คนเมาสุรา ขาดความอาย อาทิ สามารถเปลืองเสือผา้ เพือเตน้ โชวไ์ ด้ 5. ยากล่อมประสาท (Tranquilizers) เป็ นยาทีมีฤทธิกดสมอง ทาํ ให้จิตใจสงบหายกงั วล แต่ ฤทธิไมร่ ุนแรงถึงขนั ทาํ ใหห้ มดสติหรือกดการหายใจ การใชย้ าเป็ นเวลานาน จะทาํ ให้ร่างกายเกิดความตา้ นทาน ต่อยาและเกิดการเสพติดไดแ้ ละมีแนวโนม้ จะป่ วยดว้ ยโรคความดนั โลหิตตาํ โรคกระเพาะ โรคทางเดินอาหาร ฯลฯ 6. แอมเฟตามนี (Amphetamine) มชี อื ทีบคุ คลทวั ไปรู้จกั คือ ยาบา้ หรือยาขยนั เป็ นยาทีมีฤทธิ กระตุน้ ประสาทส่วนกลาง และระบบประสาทส่วนปลาย ทาํ ใหม้ ีอาการตนื ตวั หายงว่ ง พูดมาก ทาํ ใหห้ ลอดเลือด ตีบเลก็ ลง หวั ใจเตน้ เร็วขึน ความดนั เลือดสูง มือสันใจสัน หลอดลมขยาย ม่านตาขยาย เหงือออกมาก ปากแหง้ เบอื อาหาร ถา้ ใชเ้ กินขนาดจะทาํ ใหเ้ วียนศรี ษะนอนไม่หลบั ตวั สัน ตกใจง่าย ประสาทตึงเครียด โกรธง่าย จิตใจ สบั สน คลืนไส้ อาเจียน ทอ้ งเดินและปวดทอ้ งอยา่ งรุนแรง มีอาการชกั หมดสติ และตายเนืองจากหลอดเลือดใน สมองแตกหรือหวั ใจวาย 7. กัญชา (Cannabis) เป็นพชื ลม้ ลุกชนิดหนึง ขึนไดง้ า่ ยในเขตร้อน อาทิ ไทย อินเดีย เม็กซิโก ผลทีเกดิ ขนึ ต่อร่างกายจะปรากฏหลงั จากสูบ - นาที หรือหลงั จากรับประทานครึงถึง ชวั โมง ทาํ ใหม้ ีอาการ ตืนเตน้ ช่างพดู หวั เราะส่งเสียงดงั กลา้ มเนือแขนขาอ่อนเปลียคลา้ ยคนเมาสุรา ถา้ ไดร้ ับในขนาดสูง ความรู้สึกนึก คิดและการตดั สินใจเสียไป ความจาํ เสือม ประสาทหลอน หวาดระแวง ความคดิ สบั สน ไม่สนใจสิงแวดลอ้ ม การ สูบกญั ชา ยงั ทาํ ใหเ้ กดิ หลอดลมอกั เสบเรือรัง โรคหืดหลอดลม มะเร็งทีปอด บางรายมีอาการทอ้ งเดิน อาเจียน มือ สันเป็นตะคริว หลอดเลอื ดอุดตนั หวั ใจเตน้ เร็ว ความรู้สึกทางเพศลดลงหรือหมดไป และเป็ นหนทางนาํ ไปสู่การ เสพติดยาชนิดอืน ๆ ไดง้ า่ ย 8. ยาหลอนประสาท (Hallucinogen) เป็นยาทที าํ ใหป้ ระสาทการเรียนรู้ผิดไปจากธรรมดา ยาที แพร่หลายในปัจจุบนั ไดแ้ ก่ แอลเอสดี ดีเอม็ ที เอสทพี ี เมสคาลีน เห็ดขคี วาย ตน้ ลาํ โพง หวั ใจเตน้ เร็วขึน ความดนั เลือดสูง ม่านตาขยาย มือเทา้ สัน เหงือออกมากทีฝ่ ามือ บางรายคลืนไส้ อาเจียน ส่งผลต่อจิตใจ คือ มีอารมณ์ ออ่ นไหวง่าย ประสาทรับความรู้สึกแปรรวน ไมส่ ามารถควบคมุ สตไิ ด้ ทา้ ยสุดผูเ้ สพมกั ป่ วยเป็นโรคจิต 9. สารระเหย สารระเหยจะถูกดูดซึมผ่านปอด เขา้ สู่กระแสโลหิต แลว้ เขา้ สู่เนือเยือต่าง ๆ ของร่างกาย เกดิ พษิ ซึงแบ่งไดเ้ ป็น ระยะ คอื พิษระยะเฉียบพลัน ตอนแรกจะรู้สึกเป็ นสุข ร่าเริง ควบคุมตวั เองไม่ได้ คลา้ ยกบั คนเมา สุรา ระคายเคอื งเยอื บุภายในปากและจมูก นาํ ลายไหลมาก ต่อมามีฤทธิกดทาํ ใหง้ ว่ งซึม หมดสติ ถา้ เสพในปริมาณ มากจะไปกดศูนยห์ ายใจทาํ ใหต้ ายได้ พษิ ระยะเรือรัง หากสูดดมสารระเหยเป็นระยะเวลานานติดตอ่ กนั จะเกิดอาการทางระบบ ประสาท วิเวียนศีรษะ เดินโซเซ ความคิดสับสน หัวใจเตน้ ผิดปกติ เกิดการอกั เสบของหลอดลม ถ่ายทอดทาง พนั ธุกรรม เป็นเหตุใหเ้ ดก็ ทีเกดิ มามคี วามพกิ ารได้ เซลลส์ มองจะถูกทาํ ลายจนสมองฝ่ อ จะเป็ นโรคสมองเสือมไป ตลอดชวี ิต 10. ยาบ้า เป็นชอื ทีใชเ้ รียกยาเสพติดทีมสี ่วนของสารเคมปี ระเภทแอมเฟตามีน (Amphetamine) สารประเภทนีแพร่ระบาดอยู่ รูปแบบดว้ ยกนั คือ ) แอมเฟตามนี ซัลเฟต (Amphetamine Sulfate) 2) เมทแอมเฟตามนี (Methamphetamine)
116 3) เมทแอมเฟตามนี ไฮโดรคลอไรด์ (Methamphetamine Hydrochloride) ซึงจากผลการตรวจพสิ ูจน์ยาบา้ ปัจจุบนั ทพี บอยใู่ นประเทศไทยมกั พบว่า เกอื บทงั หมดมีเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอ ไรดผ์ สมอยู่ ยาบา้ จดั อยใู่ นกลุ่มยาเสพติดทีออกฤทธิกระตุน้ ประสาท มีลกั ษณะเป็ นยาเมด็ กลมแบน ขนาดเลก็ เส้นผ่านศนู ยก์ ลางประมาณ - มลิ ลิเมตร ความหนาประมาณ มลิ ลเิ มตร นาํ หนักเม็ดยาประมาณ - มิลลกิ รัม มีสีต่างๆ กนั เช่น สีส้ม สีนาํ ตาลสีม่วง สีเทา สีเหลือง และสีเขียว มีสัญลกั ษณ์ทีปรากฏบนเม็ดยา เช่น ฬ, M, PG, WY สัญลกั ษณ์รูปดาว, รูปพระจันทร์เสียว, หรือ อาจเป็ นลกั ษณะของเส้นแบ่งครึงเม็ด ซึง ลกั ษณะเหล่านีอาจปรากฏบนเมด็ ยาดา้ นหนึงหรือทงั สองดา้ นหรือ อาจเป็นเมด็ เรียบทงั สองดา้ นกไ็ ด้ อาการผู้เสพ เมือเสพเขา้ สู่ร่างกาย ในระยะแรกจะออกฤทธิทาํ ใหร้ ่างกายตนื ตวั หวั ใจเตน้ เร็ว ความดนั โลหิตสูง ใจสัน ประสาทตึงเครียด แต่เมือหมดฤทธิยา จะรู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติ ประสาทลา้ ทาํ ให้การ ตดั สินใจชา้ และผดิ พลาด เป็ นเหตุใหเ้ กิดอุบตั ิเหตุร้ายแรงได้ ถา้ ใชต้ ิดต่อกนั เป็ นเวลานาน จะทาํ ใหส้ มองเสือม เกดิ อาการประสาทหลอน เหน็ ภาพลวงตา หวาดระแวงคลมุ้ คลงั เสียสติ เป็นบา้ อาจทาํ ร้ายตนเองและผูอ้ ืนได้ หรือ ในกรณีทีไดร้ ับยาในปริมาณมาก (Overdose) จะไปกดประสาทและระบบการหายใจทาํ ใหห้ มดสติ และถึงแก่ความ ตายได้ อนั ตรายทีได้รับ การเสพยาบา้ กอ่ ใหเ้ กิดผลร้ายหลายประการ ดงั นี . ผลต่อจิตใจ เมือเสพยาบา้ เป็นระยะเวลานานหรือใชเ้ ป็ นจาํ นวนมาก จะทาํ ให้ผูเ้ สพมี ความผิดปกติทางดา้ นจิตใจกลายเป็ นโรคจิตชนิดหวาดระแวง ส่งผลให้มีพฤติกรรมเปลียนแปลงไป เช่น เกิด อาการหวาดหวนั หวาดกลวั ประสาทหลอน ซึงโรคนีหากเกิดขึนแลว้ อาการจะคงอยตู่ ลอดไป แมใ้ นช่วงเวลาที ไมไ่ ดเ้ สพยากต็ าม . ผลต่อระบบประสาท ในระยะแรกจะออกฤทธิกระตุน้ ประสาท ทาํ ใหป้ ระสาทตึง เครียด แต่เมือหมดฤทธิยาจะมีอาการประสาทลา้ ทาํ ให้การตดั สินใจในเรืองต่าง ๆ ชา้ และผิดพลาด และหากใช้ ติดต่อกนั เป็นเวลานานจะทาํ ใหส้ มองเสือม หรือกรณีทใี ชย้ าในปริมาณมาก (Overdose)จะไปกดประสาทและระบบ การหายใจ ทาํ ใหห้ มดสตแิ ละถึงแก่ความตายได้ . ผลต่อพฤติกรรม ฤทธิของยาจะกระตุน้ สมองส่วนทีควบคุมความกา้ วร้าว และความ กระวนกระวายใจ ดงั นนั เมือเสพยาบา้ ไปนาน ๆ จะก่อใหเ้ กิดพฤติกรรมทีเปลียนแปลงไป คือ ผูเ้ สพจะมีความ กา้ วร้าวเพิมขนึ และหากยงั ใชต้ อ่ ไปจะมีโอกาสเป็ นโรคจิตชนิดหวาดระแวง เกรงว่าจะมีคนมาทาํ ร้ายตนเอง จึง ตอ้ งทาํ ร้ายผูอ้ นื กอ่ น
117 . ยาอ,ี ยาเลิฟ ยาอี ยาเลิฟ เอค็ ซ์ตาซี (Ecstasy) เป็ นยาเสพติดกลุ่มเดียวกนั จะแตกต่างกนั บา้ งในดา้ น โครงสร้างทางเคมี ลกั ษณะของยาอี มที งั ทีเป็นแคปซูลและเป็ นเม็ดยาสีต่างๆ แต่ทีพบในประเทศไทย ส่วน ใหญม่ ีลกั ษณะเป็นเมด็ กลมแบน เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง . - . ซม. หนา . - . ซม. ผิวเรียบ และปรากฏสัญลกั ษณ์ บนเมด็ ยา เป็นรูปตา่ งๆ เช่น กระตา่ ย, คา้ วคาว, นก, ดวงอาทติ ย,์ PT ฯลฯ เสพโดยการรับประทานเป็ นเม็ด จะออกฤทธิภายในเวลา นาที และฤทธิยาจะอยใู่ น ร่างกายไดน้ านประมาณ - ซม. ยาอี ยาเลิฟ เอค็ ซ์ตาซี เป็นยาทีแพร่ระบาดในกลุ่มวยั รุ่นทีชอบเทียวกลางคืนออกฤทธิใน ลกั ษณะ คือ ออกฤทธิกระตุน้ ระบบประสาท ในระยะสันๆ หลกั จากนนั จะออกฤทธิหลอกประสาทอย่างรุนแรง ฤทธิของยาจะทาํ ให้ผู้เสพรู้สึกร้อน เหงือออกมาก หัวใจเตน้ เร็ว ความดนั โลหิตสูง การไดย้ ินเสียง และการ มองเห็นแสงสีตา่ ง ๆ ผิดไป จากความเป็นจริง เคลิบเคลมิ ไมส่ ามารถควบคมุ อารมณ์ของตนเองได้ อนั เป็ นสาเหตุ ทจี ะนาํ ไปสู่พฤตกิ รรมเสือมเสียต่าง ๆ และจากการคน้ ควา้ วิจยั ของแพทย์ และนกั วทิ ยาศาสตร์หลายทา่ น พบว่า ยา ชนิดนีมีอนั ตรายร้ายแรง แมจ้ ะเสพเพียง - ครัง กส็ ามารถทาํ ลายระบบภูมิคุม้ กนั ของร่างกาย ส่งผลให้ผูเ้ สพมี โอกาสติดเชอื โรคต่าง ๆ ไดง้ ่าย และยงั ทาํ ลายเซลล์สมองส่วนทีทาํ หนา้ ทีส่งสารซีโรโทนิน (Serotonin) ซึงเป็ น สาระสําคญั ในการควบคุมอารมณ์ใหม้ ีความสุข ซึงผลจากการทาํ ลายดงั กล่าว จะทาํ ให้ผูเ้ สพเขา้ สู่สภาวะของ อารมณ์ทเี ศร้าหมองหดหู่อยา่ งมาก และมแี นวโนม้ การฆา่ ตวั ตายสูงกว่าปกติ อาการผู้เสพ เหงือออกมาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ระบบประสาทการรับรู้เกิดการ เปลียนแปลงทงั หมด (Psychedelic) ทาํ ใหก้ ารไดย้ ินเสียงและการมองเห็นแสงสีต่างๆ ผิดไปจากความเป็ นจริง เคลิบเคลิม ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อันตรายทไี ด้รับ การเสพยาอี ก่อใหเ้ กดิ ผลร้ายหลายประการดงั นี . ผลต่ออารมณ์ เมอื เริมเสพในระยะแรกยาอจี ะออกฤทธิกระตุน้ ประสาทใหผ้ ูเ้ สพรู้สึก ตนื ตวั ตลอดเวลา ไมส่ ามารถควบคมุ อารมณ์ของตนเองได้ เป็นสาเหตใุ หเ้ กิดพฤตกิ รรมสาํ ส่อนทางเพศ . ผลตอ่ การรู้สึก การรับรู้จะเปลียนแปลงไปจากความเป็นจริง 3. ผลต่อระบบประสาท ยาอจี ะทาํ ลายระบบประสาท ทาํ ใหเ้ ซลลส์ มองส่วนทีทาํ หน้าที หลงั สารซีโรโทนิน (Serotonin) ซึงเป็นสาระสาํ คญั ในการควบคุมอารมณ์นนั ทาํ งานผิดปกติกล่าวคือ เมือยาอีเขา้ สู่สมองแลว้ จะทาํ ใหเ้ กิดการหลงั สาร “ซีโรโทนิน” ออกมามากเกินกว่าปกติ ส่งผลใหจ้ ิตใจสดชนื เบกิ บาน แต่เมือ ระยะเวลาผา่ นไปสารดงั กล่าวจะลดนอ้ ยลง ทาํ ใหเ้ กิดอาการซึมเศร้าหดหู่อยา่ งมาก อาจกลายเป็ นโรคจิต ประเภท ซึมเศร้า (Depression) และอาจเกิดสภาวะอยากฆา่ ตวั ตาย นอกจากนีการทสี ารซีโรโทนินลดลง ยงั ทาํ ให้ธรรมชาติ ของการหลบั นอนผดิ ปกติ จาํ นวนเวลาของการหลบั ลดลง นอนหลบั ไมส่ นิท จึงเกิดอาการอ่อนเพลียขาดสมาธิใน การเรียน และการทาํ งานอ่อนเพลยี ขาดสมาธิในการเรียน และการทาํ งาน . ผลตอ่ สภาวะการตายขณะเสพ มกั เกิดเมือผูเ้ สพสูญเสียเหงือมาก ทาํ ใหเ้ กิดสภาวะ ขาดนาํ อยา่ งฉับพลนั หรือกรณีทีเสพยาอีพร้อมกบั ดมื แอลกอฮอลเ์ ขา้ ไปมาก หรือผูท้ ีป่ วยเป็ นโรคหวั ใจ จะทาํ ให้ เกดิ อาการชอ็ กและเสียชวี ิตได้
118 สรุป สารเสพติดมีหลายชนิด มีฤทธิร้ายแรงทาํ ลายสุขภาพ มีผลต่อระบบประสาทเป็ น อยา่ งมาก ผูเ้ สพจะมอี าการในลกั ษณะทีควบคุมตนเองไม่ค่อยได้ เป็นไปตามฤทธิของยาเสพติดแต่ละชนิดเมือเสพติดต่อกนั ไประยะหนึง จะทาํ ใหม้ คี วามตอ้ งการโดยขาดไม่ได้ และจะมีความตอ้ งการเพิมขึนเรือย ๆ ในทีสุดร่างกายจะทรุด โทรมลงและเสียชวี ิตในทีสุดยาเสพติดเหล่านีไดแ้ ก่ ฝิ น มอร์ฟี น เฮโรอีน ยากล่อมประสาท กญั ชา ยาอี ฯลฯผูเ้ รียนไม่ ควรริลอง เพราะจะทาํ ใหเ้ กิดการเสพติดโดยง่าย ทาํ ใหเ้ สียการเรียน เสียอนาคตในทสี ุด เรืองที ลกั ษณะอาการของผ้ตู ดิ สารเสพตดิ ลกั ษณะการตดิ ยาเสพตดิ ยาเสพติดบางชนิดก่อให้เกิดการติดได้ทังทางร่างกายและจิตใจ แต่ยาเสพติดบางชนิดก็ กอ่ ใหเ้ กดิ การติดทางดา้ นจิตใจเพียงอยา่ งเดยี ว ลักษณะทัวไป 1. ตาโรยขาดความกระปรีกระเปร่า นาํ มกู ไหล นาํ ตาไหล ริมฝี ปากเขียวคลาํ แหง้ แตก (เสพ โดยการสูบ) 2. เหงอื ออกมาก กลนิ ตวั แรง พูดจาไม่สัมพนั ธ์กบั ความจริง 3. บริเวณแขนตามแนวเสน้ โลหิต มรี ่องรอยการเสพยาโดยการฉีดใหเ้ หน็ 4. ทที อ้ งแขนมีรอยแผลเป็นโดยกรีดดว้ ยของมีคมตามขวาง (ติดเหลา้ แหง้ ยากล่อมประสาท ยาระงบั ประสาท) 5. ใส่แวน่ ตากรอบแสงเขม้ เป็นประจาํ เพราะมา่ นตาขยายและเพือปิ ดนยั น์ตาสีแดงกาํ 6. มกั สวมเสือแขนยาวปกปิ ดรอยฉีดยา โปรดหลกี ใหพ้ น้ จากบุคคลทีมีลกั ษณะดงั กล่าว ชีวิต จะสุขสนั ตต์ ลอดกาล 7. มคี วามตอ้ งการอยา่ งแรงกลา้ ทีจะเสพยานนั ต่อไปอกี เรือย ๆ 8. มีความโนม้ เอยี งทจี ะเพิมปริมาณของสิงเสพติดใหม้ ากขึนทุกขณะ 9. ถา้ ถึงเวลาทีเกิดความตอ้ งการแลว้ ไม่ไดเ้ สพจะเกิดอาการขาดยาหรืออยากยาโดยแสดง ออกมาในลกั ษณะอาการต่าง ๆ เช่น หาว อาเจียน นาํ มูกนาํ ตาไหล ทุรนทุราย คลุม้ คลงั ขาดสติ โมโห ฉุนเฉียว ฯลฯ 10. สิงเสพติดนนั หากเสพอยู่เสมอ ๆ และเป็ นเวลานานจะทาํ ลายสุขภาพของผูเ้ สพทงั ทาง ร่างกายและจิตใจ 11. ทาํ ให้ร่างกายซูบผอมมีโรคแทรกซ้อน และทาํ ใหเ้ กิดอาการทางโรคประสาทและจิตไม่ ปกติ การติดยาทางกาย เป็นการติดยาเสพตดิ ทีผูเ้ สพมคี วามตอ้ งการเสพอยา่ งรุนแรง ทงั ทางร่างกายและจิตใจ เมือถึง เวลาอยากเสพแลว้ ไม่ไดเ้ สพ จะเกดิ อาการผดิ ปกติอยา่ งมาก ทงั ทางร่างกายและจิตใจ ซึงเรียกว่า “อาการขาดยา” เช่น การติดฝิ น มอร์ฟี น เฮโรอีน เมอื ขาดยาจะมกี ารคลืนไส้ อาเจียน หาว นาํ มูก นาํ ตาไหล นอนไม่หลบั เจ็บปวด ทวั ร่างกาย เป็นตน้
119 การตดิ ยาทางใจ เป็ นการติดยาเสพติดเพราะจิตใจเกิดความตอ้ งการหรือเกิดการติดเป็ นนิสัย หากไม่ไดเ้ สพ ร่างกายกจ็ ะไมเ่ กิดอาการผดิ ปกติ หรือทรุ นทรุ ายแต่อยา่ งใด จะมีบา้ งกเ็ พียงเกดิ อาการหงดุ หงดิ หรือกระวนกระวาย วธิ สี ังเกตอาการผู้ตดิ ยาเสพตดิ จะสังเกตว่าผูใ้ ดใชห้ รือเสพยาเสพติด ใหส้ งั เกตจากอาการและการเปลียนแปลงทงั ทางร่างกาย และจิตใจต่อไปนี 1. การเปลยี นแปลงทางร่างกาย จะสังเกตไดจ้ าก - สุขภาพร่างกายทรุดโทรม ซูบผอม ไมม่ แี รง อ่อนเพลยี - ริมฝี ปากเขยี วคลาํ แหง้ และตก - ร่างกายสกปรก เหงือออกมาก กลนิ ตวั แรงเพราะไมช่ อบอาบนาํ - ผิวหนงั หยาบกร้าน เป็นแผลพพุ อง อาจมหี นองหรือนาํ เหลอื ง คลา้ ยโรคผวิ หนงั - มีรอยกรีดดว้ ยของมคี ม เป็นรอยแผลเป็นปรากฏทีบริเวณแขน และ/หรือทอ้ งแขน - ชอบใส่เสือแขนยาว กางเกงขายาว และสวมแว่นตาดาํ เพือปิ ดบงั มา่ นตาทขี ยาย 2. การเปลยี นแปลงทางจติ ความประพฤติและบุคลกิ ภาพ สงั เกตไดจ้ าก - เป็นคนเจา้ อารมณ์ หงุดหงดิ งา่ ย เอาแตใ่ จตนเอง ขาดเหตุผล - ขาดความรับผิดชอบต่อหนา้ ที - ขาดความเชือมนั ในตนเอง - พูดจากา้ วร้าว แมแ้ ตบ่ ิดามารดา ครู อาจารย์ ของตนเอง - ชอบแยกตวั อยคู่ นเดยี ว ไม่เขา้ หนา้ ผอู้ นื ทาํ ตวั ลกึ ลบั - ชอบเขา้ หอ้ งนาํ นาน ๆ - ใชเ้ งินเปลืองผิดปกติ ทรัพยส์ ินในบา้ นสูญหายบอ่ ย - พบอปุ กรณ์เกยี วกบั ยาเสพติด เชน่ หลอดฉีดยา เขม็ ฉีดยา กระดาษตะกวั - มวั สุมกบั คนทมี ีพฤติกรรมเกียวกบั ยาเสพตดิ - ไม่สนใจความเป็นอยขู่ องตนเอง แตง่ กายสกปรก ไม่เรียบร้อย ไม่คอ่ ยอาบนาํ - ชอบออกนอกบา้ นเสมอ ๆ และกลบั บา้ นผดิ เวลา - ไม่ชอบทาํ งาน เกียจคร้าน ชอบนอนตืนสาย - อาการวติ กกงั วล เศร้าซึม สีหนา้ หมองคลาํ 3. การสังเกตอาการขาดยา ดงั ต่อไปนี - นาํ มกู นาํ ตาไหล หาวบ่อย - กระสับกระส่าย กระวนกระวาย หายใจถี ปวดท้อง คลืนไส้ อาเจียน เบืออาหาร นาํ หนกั ลด อาจมีอุจจาระเป็นเลือด - ขนลกุ เหงือออกมากผดิ ปกติ - ปวดเมอื ยตามร่างกาย ปวดเสียวในกระดกู - มา่ นตาขยายโตขนึ ตาพร่าไมส่ ู้แดด
120 - มกี ารสัน ชกั เกร็ง ไขข้ นึ สูง ความดนั โลหิตสูง - เป็นตะคริว - นอนไม่หลบั - เพอ้ คลุม้ คลงั อาละวาด ควบคุมตนเองไมไ่ ด้ เรืองที การป้ องกนั และหลกี เลียงการตดิ สารเสพติด การดาํ เนินงานป้ องกนั สารเสพติด จาํ เป็ นตอ้ งสร้างใหก้ ลุ่มเป้ าหมายมี “ภูมิคุม้ กนั ”เกิดขึนกบั ตวั เอง มที กั ษะชีวติ (Life Skill) เพยี งพอทีจะไม่ใหต้ นเองตอ้ งติดยาเสพติดและสามารถเฝ้ าระวงั พฤติกรรมเสียง ปรับเปลียนพฤติกรรมเสียง เพือป้ องกันมิให้บุคคลทีตนรัก เพือนสนิท ฯลฯ ติดยาเสพติดได้ โดยสามารถ ดาํ เนินการไดด้ งั นี 1. ป้ องกนั ตนเอง ไม่ใชย้ าโดยมิไดร้ ับคาํ แนะนาํ จากแพทย์ และจงอยา่ ทดลองเสพยาเสพติด ทกุ ชนิดโดยเดด็ ขาด เพราะติดงา่ ยหายยาก 2. ป้ องกนั ครอบครัว ควรสอดส่องดูแลเดก็ และบุคคลในครอบครัวหรือทีอย่รู ่วมกนั อยา่ ให้ เกียวขอ้ งกบั ยาเสพตดิ ตอ้ งคอยอบรมสังสอนใหร้ ู้สึกโทษและภยั ของยาเสพตดิ หากมผี ูเ้ สพยาเสพติดในครอบครัว จงจดั การใหเ้ ขา้ รักษาตวั ทีโรงพยาบาล ใหห้ ายเดด็ ขาด การรักษาแตแ่ รกเริมตดิ ยาเสพติดมีโอกาสหายไดเ้ ร็วกว่าที ปลอ่ ยไวน้ าน ๆ 3. ป้ องกนั เพอื นบ้าน โดยชว่ ยชแี จงใหเ้ พือนบา้ นเขา้ ใจถึงโทษและภยั ของยาเสพติด โดยมิ ใหเ้ พอื นบา้ นรู้เทา่ ไมถ่ งึ การณ์ ตอ้ งถกู หลอกลวง และหากพบวา่ เพือนบา้ นตดิ ยาเสพตดิ จงช่วยแนะนาํ ให้ไปรักษา ตวั ทีโรงพยาบาล 4. ป้ องกันโดยให้ความร่วมมือกับทางราชการ เมือทราบว่าบา้ นใด ตาํ บลใด มียาเสพติดแพร่ ระบาดขอให้แจ้งเจ้าหน้าทีตาํ รวจทุกแห่งทุกทอ้ งทีทราบ หรือทีศูนยป์ ราบปรามยาเสพติดให้โทษ สํานกั งาน ตาํ รวจแห่งชาติ (ศปส.ตร.) โทร. - - , - - และทีสํานักงานคณะกรรมการป้ องกันและ ปราบปรามยาเสพติด (สาํ นกั งาน ป.ป.ส.) สาํ นกั นายกรัฐมนตรี โทร. - - - การป้ องกันและหลกี เลยี งสารเสพติดในชุมชน มแี นวทางดงั นี 1. ป้ องกนั ตนเอง ทาํ ไดโ้ ดย ศึกษาหาความรู้เพือใหร้ ู้เทา่ ทนั โทษพษิ ภยั ของยาเสพตดิ ไม่ทดลองใชย้ าเสพติดทุกชนิดและปฏเิ สธเมอื ถูกชกั ชวน ระมดั ระวงั เรืองการใชย้ า เพราะยาบางชนิดอาจทาํ ใหเ้ สพติดได้ ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ เลอื กคบเพอื นดี ทีชกั ชวนกนั ไปในทางสร้างสรรค์ เมือมีปัญหาชีวิต ควรหาหนทางแกไ้ ขทีไม่ขอ้ งเกียกบั ยาเสพติดหากแกไ้ ขไม่ไดค้ วร ปรึกษาผูใ้ หญ่ 2. ป้ องกันครอบครัว ทาํ ไดโ้ ดย สร้างความรัก ความอบอุน่ และความสัมพนั ธ์อนั ดรี ะหว่างสมาชิกในครอบครัว รู้และปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหนา้ ทีของตนเอง
121 ดูแลสมาชิกในครอบครัวไม่ใหข้ อ้ งเกยี วกบั ยาเสพตดิ ใหก้ าํ ลงั ใจและหาทางแกไ้ ข หากพบวา่ สมาชิกในครอบครัวติดยาเสพตดิ 3. ป้ องกันชุมชน ทาํ ไดโ้ ดย ช่วยชุมชนในการตอ่ ตา้ นยาเสพติด เมือทราบแหลง่ เสพ แหล่งคา้ หรือผลิตยาเสพตดิ ควรแจง้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทที ราบ ทนั ทีที - สาํ นกั งาน ป.ป.ส. โทร. - - หรือ - - - ต่อ โทรสาร - - - ศูนยร์ ับแจง้ ขา่ วยาเสพตดิ สาํ นกั งานตาํ รวจแห่งชาติ โทร. สรุป สารเสพตดิ ไดแ้ พร่ระบาดเขา้ ไปถงึ กล่มุ คนทกุ กลุ่ม ส่งผลกระทบตอ่ สุขภาพของกลุ่มคน เหลา่ นนั และมผี ลตอ่ ประเทศชาตใิ นทีสุด การดาํ เนินงานป้ องกนั สารเสพติด จึงควรใหภ้ ูมิคุม้ กนั แก่กลุ่มเป้ าหมาย โดยมหี ลกั การ รูปแบบกจิ กรรมเพือป้ องกนั สารเสพติดใหโ้ ทษทชี ดั เจน กจิ กรรมที ใหผ้ ูเ้ รียนอธิบายตามประเดน็ ดงั ต่อไปนี 1. ถา้ ผเู้ รียนทราบแหล่งซือขายยาอี ยาบา้ ผูเ้ รียนจะดาํ เนินการอยา่ งไร ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... 2. ถา้ มเี พือนชกั ชวนไปเสพสารเสพติด ผูเ้ รียนจะปฏิบตั ิอยา่ งไร ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... 3. ผูเ้ รียนมีวธิ ีช่วยเหลอื อยา่ งไร เมือมเี พอื นสนิทติดสารเสพติด ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... กิจกรรมที ให้ผู้เรียนเล่าประสบการณ์การมีส่วนร่วมในการป้ องกันและแก้ปัญหาสารเสพติดทังใน สถานศึกษา สถานทีทาํ งาน และในชมุ ชน ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................
122 บทที อันตรายจากการประกอบอาชีพ สาระสําคญั ความรู้ ความเข้าใจ เกียวกบั อนั ตรายทีอาจเกิดขึนในการประกอบอาชีพตลอดจนวิธีการ ป้ องกนั แกไ้ ขและวิธีปฐมพยาบาลเมือเกิดอนั ตรายจากการประกอบอาชพี ได้ ผลการเรียนรู้ทีคาดหวงั . สามารถอธิบายถึงอนั ตรายทีอาจเกิดขึนในการประกอบอาชีพตลอดจนแนวทางการ ป้ องกนั แกไ้ ขได้ . สามารถอธิบายถึงวธิ ีการปฐมพยาบาลเมอื เกิดอนั ตรายจากการประกอบอาชีพได้ ขอบข่ายเนือหา เรืองที การป้ องกนั อนั ตรายจากการประกอบอาชีพ เรืองที การปฐมพยาบาลเบืองตน้
123 เรืองที การป้ องกันอนั ตรายจากการประกอบอาชีพ สุขภาพกบั การประกอบอาชีพมคี วามสมั พนั ธ์กนั อยา่ งมาก คือ . การประกอบอาชีพทาํ ให้เรามีความเป็ นอยู่ทีดีและในขณะเดียวกนั การทีเราจะสามารถ ประกอบอาชพี ไดจ้ าํ เป็นตอ้ งมีสุขภาพทีดที งั ร่างกายและจิตใจ ทงั สองสิงนีตอ้ งควบคู่กนั ไปจึงจะทาํ งานไดอ้ ย่างมี ประสิทธิภาพ . ความสัมพันธ์ในทางลบ คือ การประกอบอาชีพส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทาํ ใหเ้ กิดโรคและ อนั ตรายได้ ดงั นนั จึงจาํ เป็นทตี อ้ งควบคมุ และป้ องกนั โรค รวมทงั อนั ตรายจากการประกอบอาชีพ นอกจากนีควร ใหก้ ารศึกษาแกป่ ระชาชนใหป้ ระกอบอาชีพไดอ้ ยา่ งปลอดภยั ปัจจัยทีเป็ นสาเหตุของการเกิดโรคและอนั ตรายจากการประกอบอาชีพ ปัจจัยทสี ําคญั ได้แก่ 1. บุคคลผูป้ ฏบิ ตั ิงานและควบคมุ การทาํ งาน เป็นผคู้ วบคุม กาํ หนด และปฏบิ ตั ิการทาํ สิงต่าง ๆ องคป์ ระกอบต่าง ๆ ของบุคคลทีส่งผลใหเ้ กิดโรคหรืออนั ตรายจากการทาํ งาน ไดแ้ ก่ . สภาวะทางร่างกายและจิตใจ ร่างกายและจิตใจออ่ นแอทาํ ใหเ้ กิดโรคหรืออนั ตรายได้ . ลกั ษณะนิสยั การทาํ งาน ตอ้ งรักการทาํ งาน ละเอียด รอบคอบ จึงจะไม่เกิดโรคหรือ อนั ตราย . การขาดความรู้ความสามารถในการทาํ งานและประสบการณ์กเ็ ป็นอกี ปัจจยั หนึงทที าํ ใหเ้ กดิ โรค . สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ ไดแ้ ก่ สถานทีทาํ งาน แสง เสียง ฯลฯ . สารเคมี เป็นสิงทมี ีประโยชนแ์ ละโทษในการประกอบอาชีพ . เชอื โรคและพิษของเชอื โรค เมือเขา้ สู่ร่างกายอาจเกดิ อนั ตรายได้ . เครืองจกั ร เครืองมอื และในการทาํ งาน หากใชอ้ ยา่ งไม่ถกู ตอ้ ง อาจเกดิ อนั ตรายได้
124 สภาพการณ์ทีไม่ปลอดภัย (Unsafe Conditions) เครืองจกั ร : ไม่มอี ปุ กรณ์ป้ องกนั ส่วนทีเคลือนไหว หรือมไี มเ่ พยี งพอ เครืองมอื : อุปกรณ์ชาํ รุด เป็นอนั ตราย สิงของ : วสั ดุ วางไม่เป็นระเบยี บ อาคาร : สิงปลกู สร้างไมม่ นั คง สารเคมี : วตั ถมุ พี ิษไม่มที เี กบ็ โดยเฉพาะ สภาพ ความร้อน ความเยน็ แสงสว่าง เสียงดงั ฝุ่นละออง ไอระเหย ฯลฯ การกระทาํ ทีไม่ปลอดภยั (Unsafe Acts) เดนิ เครืองจกั รหรือทาํ งานทีไม่ใชห่ นา้ ทขี องตน หรือไม่รู้งาน เดินเครืองเร็วเกนิ ควร ถอดอุปกรณ์ป้ องกนั อนั ตรายออก ใชเ้ ครืองมอื ไม่ถกู วธิ ี ไม่เหมาะสม หรือไม่ปลอดภยั ทา่ ปฏบิ ตั งิ านไมเ่ หมาะสม ไม่ใชอ้ ปุ กรณ์ป้ องกนั ส่วนบคุ คล ประมาท มกั งา่ ย หรือหยอกลอ้ กนั ในขณะทาํ งาน จงใจฝ่ าฝื นกฎระเบียบ อนื ๆ . ความปลอดภยั ทวั ไปในบริเวณโรงงาน ข้อพงึ ปฏบิ ัตเิ พอื ความปลอดภัยในโรงงาน 1. หา้ มสูบบุหรีในบริเวณโรงงาน ยกเวน้ บริเวณทอี นุญาตใหส้ ูบได้ . หา้ มทิงกน้ บุหรีลงบนพืน ตอ้ งทงิ ลงในภาชนะทจี ดั ไวใ้ หเ้ ท่านนั 3. หา้ มนาํ ไมข้ ดี ไฟ หรือไฟแชค็ ชนิดจงั หวะเดยี วเขา้ ไปในบริเวณทหี า้ มสูบบหุ รี 4. หา้ มหุงตม้ อาหารในบริเวณทหี า้ มสูบบหุ รี . หา้ มนาํ อาหารหรือเครืองดมื เขา้ ไปในบริเวณทีผลติ สารเคมีอนั ตรายและคลงั พสั ดุ . หา้ มเก็บเสือผ้า รองเท้า หมวก ถุงมือ และของใช้ส่วนตวั อืน ๆ ไว้ในทีตามใจชอบ ให้ จดั เกบ็ ไวใ้ นตทู้ ีจดั ไวใ้ หเ้ ท่านนั 7. หา้ มบว้ นนาํ ลายลงบนพืนโรงงาน หรือในบริเวณทที าํ งาน . ใหท้ งิ ขยะมูลฝอยในถงั ทจี ดั ไวไ้ หเ้ ทา่ นนั . ควรรักษาความสะอาดของเครืองใชป้ ระจาํ ตวั อยา่ งสมาํ เสมอ . ตอ้ งสวมเสือผา้ รองเทา้ ใหเ้ รียบร้อยตลอดเวลาทีทาํ งานในโรงงาน และสวมหมวกพร้อม ทงั อปุ กรณ์ป้ องกนั อนั ตรายอนื ๆ ทีจาํ เป็นเมอื ทาํ งานในโรงงาน . หากมีอุบตั เิ หตเุ กิดขนึ ใหร้ ายงานตอ่ ผูบ้ งั คบั บญั ชาทนั ที . หากรู้สึกเจ็บป่ วยในเวลาทํางานให้รี บรายงานต่อผู้บังคับบัญชาเพือจะได้ทําการ รักษาพยาบาลทนั ที . ใหเ้ ดินตามทางทจี ดั ไวใ้ นโรงงาน อยา่ วิงเมอื ไมม่ เี หตจุ าํ เป็น
125 . จดั เกบ็ และเรียงสิงของใหเ้ ป็นระเบยี บ เพือใหม้ ีทางเดนิ หรือทาํ งานไดส้ ะดวกและปลอดภยั . หา้ มเลน่ เยา้ แหย่ หรือหยอกลอ้ กนั ในบริเวณทีทาํ งาน . หา้ มฝึ กขบั ขยี านพาหนะในบริเวณโรงงาน . ตอ้ งเรียนรู้ถึงวธิ ีการดบั เพลิงและการใชอ้ ปุ กรณ์ดบั เพลงิ ประเภทต่าง ๆ การใช้และเกบ็ รักษาเครืองมอื อุปกรณ์การทํางาน . ใหเ้ กบ็ เครืองมือและอปุ กรณ์ต่าง ๆ ใหเ้ ป็นระเบียบเรียบร้อยและเกบ็ รักษาให้อยูใ่ นสภาพ ทีดี เมอื จะใชห้ รือเตรียมจะใช้ ตอ้ งวางไวใ้ นทีทไี มเ่ ป็นอนั ตรายแกบ่ คุ คลอนื . ในขณะปฏิบตั ิงานบนทีสูงหา้ มวางเครืองมือหรืออุปกรณ์อืนใดบนนังร้านแท่นบนั ได หรือทีสูง เวน้ แตจ่ ะไดม้ ีทเี กบ็ ไวไ้ มใ่ หต้ ก . เครืองมือไฟฟ้ าชนิดมือถือหรือชนิดเคลือนยา้ ยได้ และไม่มีฉนวนหุ้มสองชนั จะตอ้ งมี สายไฟฟ้ าชนิดสามสายและปลกั ทีตอ่ ไปยงั สายดนิ . ผูป้ ฏิบตั ิงานทุกคนเมือพบเห็นเครืองมือเครืองใช้ หรืออุปกรณ์ซึงถ้าปล่อยทิงไวอ้ าจ ก่อใหเ้ กดิ อนั ตราย หรือพบเห็นเครืองมืออุปกรณ์ทีใชป้ ้ องกนั อนั ตรายนันไม่ไดม้ าตรฐาน ใหแ้ จง้ ผูบ้ งั คบั บญั ชา ทราบโดยทนั ที . ในการปฏิบตั งิ านแตล่ ะครัง หา้ มผูป้ ฏิบตั งิ านใชเ้ ครืองมือทชี าํ รุดบกพร่อง การใช้อปุ กรณ์ยกย้ายสิงของ . อุปกรณ์ยกของจะตอ้ งไม่บรรทกุ นาํ หนกั เกนิ กวา่ มาตรฐานการใชง้ านทกี าํ หนดไว้ . ผูป้ ฏิบัติงานทีทาํ งานเกียวกบั อุปกรณ์ยกของจะต้องสวมเครื องป้ องกันอันตรายที เหมาะสมกบั งาน เช่น หมวกนิรภยั รองเทา้ นิรภยั และถุงมอื นิรภยั ฯลฯ . การทาํ งานเกยี วกบั อปุ กรณ์ยกของจาํ เป็นทจี ะตอ้ งมีการประสานงานกบั เจา้ หนา้ ทคี นอืนที ทาํ งานอยใู่ นบริเวณเดยี วกนั . ผูใ้ ชป้ ันจนั กวา้ น และเครน จะตอ้ งเป็ นผูท้ ีมีหน้าทีและไดร้ ับอนุญาตจากผูบ้ งั คบั บญั ชา แลว้ เทา่ นนั . ก่อนทาํ การใชป้ ันจนั กวา้ น และเครนในแต่ละวนั ผูใ้ ชจ้ ะตอ้ งตรวจสอบให้แน่ใจว่า ปันจนั กวา้ น และเครนอยใู่ นสภาพทเี หมาะสมกบั การใชง้ านและสามารถใชง้ านไดอ้ ยา่ งปลอดภยั เช่น ตรวจหา รอยร้าย รอยแตก การหลดุ หลวมของน๊อตระบบไฮดรอลกิ ส์ ระบบควบคุมการทาํ งาน สมอเกียว โซ่ และเชือก เป็ นตน้ . ผูใ้ ชป้ ันจนั จะตอ้ งไม่ยกของหนักข้ามศีรษะบุคคลอืน นอกจากหวั หน้างานจะสัง และ ผูป้ ฏบิ ตั งิ านทที าํ งานอยใู่ กล้ ๆ หรืออยใู่ ตอ้ ุปกรณ์ยกของนนั จะตอ้ งระมดั ระวงั สิงของตกลงมาตลอดเวลา . ในขณะทปี ันจนั หรือเครืองยกอนื ๆ กาํ ลงั ยกของคา้ งอยู่ ผูใ้ ชจ้ ะตอ้ งเอาใจใส่และควบคุม อยา่ งดี . ในการปฏบิ ตั ิงาน ผใู้ ชป้ ันจนั หรือเครืองยกอืน ๆ ตอ้ งดูสัญญาณจากพนักงานผูม้ ีความรู้ ความชาํ นาญ และมีหนา้ ทีในเรืองนีแต่เพียงผูเ้ ดยี วเท่านนั . เมอื ใชป้ ันจนั กวา้ น และเครนในบริเวณทีมีสายไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้ าทีมีกระแสไฟฟ้ า ไหลผา่ นอยู่ ผใู้ ชจ้ ะตอ้ งไม่นาํ ส่วนหนึงส่วนใดของปันจนั กวา้ น และเครนซึงไม่มีเครืองป้ องกนั เขา้ ใกลส้ ายไฟ หรืออปุ กรณ์ไฟฟ้ านอ้ ยกวา่ ระยะทีกฎหมายกาํ หนดไว
126 . สลงิ ทีใชก้ บั เครืองยกตา่ ง ๆ จะตอ้ งเป็นชนิดทีทาํ ดว้ ยลวด โซ่เหลก็ หรือเชือกมะนิลา . สลงิ ทุกเส้นจะตอ้ งมคี วามแขง็ แรงพอทีจะรับนาํ หนกั ไดไ้ มน่ อ้ ยกว่า เทา่ ของสิงของ ทจี ะยก . กอ่ นทจี ะใชส้ ลงิ จะตอ้ งตรวจดใู หล้ ะเอียดถีถว้ นว่าจะใชไ้ ดอ้ ยา่ งปลอดภยั หรือไม่ หา้ มใชส้ ลิงทหี งิกงอหรือมเี ส้นเกลียวขาดจนทาํ ใหค้ วามแขง็ แรงนอ้ ยกว่าทกี าํ หนดไวใ้ นขอ้ . เมือจะใชส้ ลิงยกของทีมขี อบแขง็ คม จะตอ้ งใชไ้ มห้ รือสิงรองรับอนื ๆ ทีเหมาะสมรองกนั ไวไ้ มใ่ หส้ ลงิ ชาํ รุดเสียหาย การใช้เครืองกลงึ . หา้ มวางเครืองมือหรือวตั ถุต่าง ๆ ไวบ้ นแท่นเลือนของเครืองกลึง เว้นแต่เครืองมือ ที จาํ เป็นตอ้ งใชใ้ นงานทกี าํ ลงั ทาํ อยเู่ ทา่ นนั . จะตอ้ งจดั หาลงั ถงั หรือภาชนะอืน ๆ ทเี หมาะสมไวส้ าํ หรับใส่เศษวตั ถุ . ผู้ปฏิบตั ิงานทุกคนทีปฏิบตั ิงานกบั เครืองจักรกลจะตอ้ งสวมแว่นตานิรภัยเพือป้ องกัน อนั ตรายซึงอาจเกิดขึนกบั ดวงตา และตอ้ งใชแ้ ผ่นปิ ดหนา้ อกทีทาํ ดว้ ยผา้ ทีมีส่วนประกอบของใยสังเคราะห์นอ้ ย ทีสุด เพือป้ องกนั เศษโลหะทีร้อน ซึงอาจจะกระเดน็ ถกู ผิวหนงั หรือเสือผา้ ทสี วมใส่ . หา้ มวดั ขนาดชินงานขณะทเี ครืองกลงึ กาํ ลงั หมนุ . หา้ มใชม้ อื ไปจบั เพือดงึ เศษโลหะออกจากชนิ งาน โดยเฉพาะขณะทีกาํ ลงั กลึงอยู่ การใช้เครืองขัดหรือหินเจียร . จะตอ้ งติดตงั เครืองขดั หรือหินเจียรใหย้ ดึ แน่นกบั พนื โตะ๊ หรือฐานอนื ๆ ทีมนั คงแขง็ แรง . จะตอ้ งมีฝาครอบเครืองขดั เพือป้ องกนั ไม่ให้ผูป้ ฏิบตั ิงานไดร้ ับอนั ตรายจากเศษโลหะที กระเดน็ ออกมา . จะตอ้ งไมต่ งั อตั รารอบหมุนของจานขดั เกนิ อตั รารอบหมุนเร็วทีบริษทั ผูผ้ ลติ กาํ หนดไว้ . จะตอ้ งปรับแผ่นรองขดั (Work Rest) ใหพ้ อเหมาะโดยใหห้ ่างจากจานขดั ไมเ่ กิน / นิว . จานขดั ทีสึกมากจนใชก้ ารไดไ้ ม่ดี จะตอ้ งเปลยี นใหมท่ นั ที . จานขดั ทีชาํ รุดจะตอ้ งทงิ ไป อยา่ นาํ กลบั มาใชอ้ ีก . ผูป้ ฏิบตั ิงานทีปฏบิ ตั ิงานกบั เครืองขดั จะตอ้ งสวมแวน่ นิรภยั เพอื ป้ องกนั อนั ตราย อนั อาจจะ เกดิ ขนึ กบั ดวงตา และสวมเครืองกรองอากาศหายใจป้ องกนั อนั ตรายจากฝุ่นทีอาจจะเกดิ กบั ระบบหายใจ และสวม ถงุ มอื ป้ องกนั เศษโลหะ การใช้เครืองตดั . ในการทาํ งานกบั เครืองตดั ผปู้ ฏบิ ตั งิ านจะตอ้ งสวมเครืองป้ องกนั อนั ตรายส่วนบุคคล เช่น เครืองป้ องกนั ดวงตา ถุงมือ รองเทา้ ผา้ หรือหนงั กนั เศษโลหะ . เครืองตดั จะตอ้ งมเี ครืองป้ องกนั อนั ตรายประจาํ เครือง เช่น แผ่นใสนิรภยั ป้ องกนั เศษชนิ งานกระเดน็ เขา้ ตา หรือมฝี าครอบวงลอ้ . ในหอ้ งปฏิบตั งิ านจะตอ้ งมรี ะบบระบายอากาศทเี พยี งพอ เพอื กาํ จดั ฝ่ ุนโลหะทเี กดิ ขึน ถา้ ไม่มรี ะบบระบายอากาศ จะตอ้ งใหผ้ ูป้ ฏบิ ตั งิ านสวมอุปกรณ์ป้ องกนั ฝุ่นตลอดระยะเวลาทีปฏิบตั ิงานกบั เครือง ตดั ดงั กล่าว
127 การใช้เครืองปัมโลหะ . ควรใชเ้ ครืองปัมทีอยู่ในสภาพทีปลอดภยั ต่อการใชง้ าน หรือมีการติดตงั อุปกรณ์ป้ องกนั อนั ตรายแลว้ เทา่ นนั . ถา้ ตอ้ งปัมงานชนิ เลก็ หรืองานทคี ่อนขา้ งยงุ่ ยาก ควรใชเ้ ครืองมอื ช่วยจบั ชินงาน . เมอื ตอ้ งการติดตงั เคลอื นยา้ ย และปรับแต่งแม่พมิ พ์ ควรใชบ้ ลอ็ กนิรภยั ทุกครัง . การตดิ ตงั เคลือนยา้ ย หรือปรับแตง่ แมพ่ ิมพ์ ตอ้ งกระทาํ โดยบุคคลทีไดร้ ับการฝึ กอบรมแลว้ เทา่ นนั การใช้เครืองจกั รทวั ไป . ขจดั ส่วนทเี ป็นอนั ตรายทกุ ส่วนของเครืองจกั รใหห้ มดไป (อาจใชห้ ุ่นยนตช์ ว่ ยทาํ งานในจุด ทมี ีอนั ตราย เป็นตน้ ) หรือทาํ การป้ องกนั ส่วนทีมีอนั ตรายนนั เช่น ติดตงั ทีป้ องกนั หรือฝาครอบ หรือใชเ้ ครืองจักร อตั โนมตั ิ . ทาํ งานตามระเบยี บวิธีปฏิบตั งิ านอยา่ งเคร่งครัด . สวมใส่เสือผา้ ทรี ัดกุม อยา่ สวมเสือปลอ่ ยชาย . สวมใส่เครืองป้ องกนั และใชเ้ ครืองมือทีถกู ตอ้ งและเหมาะสมกบั งานทที าํ และตอ้ งระวงั ใน การใชถ้ งุ มอื เพราะถงุ มือบางอยา่ งอาจจะไม่เหมาะกบั งานบางอยา่ ง . ในการตรวจสอบ ซ่อมแซม และทาํ ความสะอาดเครืองจักรนัน จะตอ้ งหยดุ เครืองจักรให้ เรียบร้อยและมเี ครืองหมายชบี อกหรือติดป้ ายแขวนวา่ “หา้ มเดินเครือง” . ใหต้ รวจตราเครืองจกั รกอ่ นเดนิ เครืองและตรวจสอบเป็ นระยะ ๆ และระวงั อนั ตรายขณะ ตรวจตราเครืองจกั รและกอ่ นเริมเดินเครือง . เมือจะตอ้ งทาํ งานร่วมกนั จะตอ้ งแน่ใจว่าทุกคนเขา้ ใจในสัญญาณเพือการสือสารต่าง ๆ อยา่ งชดั เจนและถูกตอ้ งตรงกนั . อยา่ เขา้ ไปในส่วนทเี ป็นอนั ตรายของเครืองจกั ร หรือส่วนทีทาํ งานเคลอื นไหวตลอดเวลาถา้ จาํ เป็นตอ้ งเขา้ ไปในบริเวณนนั ตอ้ งแน่ใจวา่ เครืองจกั รไดห้ ยดุ เดนิ เครืองแลว้ การใช้เครืองมือ . เลือกใชเ้ ครืองมอื ทีเหมาะสมกบั งานทีทาํ . รักษาเครืองมือใหอ้ ยใู่ นสภาพทดี ีอยเู่ สมอ โดยตรวจสอบสภาพก่อนการใชง้ านทกุ ครัง . ซ่อมแซมหรือหาเครืองมอื ใหมท่ ดแทนเครืองมือทีชาํ รุดหรือแตกหกั โดยทนั ที . ลา้ งนาํ มนั จากเครืองมือหรือชนิ งาน เพือป้ องกนั อบุ ตั ิเหตุจาการลืนไถล . ตรวจสอบและปฏบิ ตั ติ ามขอ้ แนะนาํ การใชเ้ ครืองมือ . จบั หรือถือเครืองมือใหก้ ระชบั การจบั แบบหลวม ๆ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อบุ ตั ิเหตไุ ด้ . อยา่ เริมงานโดยไมต่ รวจสอบสภาพตา่ ง ๆ โดยรอบหรือบริเวณพืนทีทที าํ งานก่อน
128 การใช้สายพานลาํ เลียง . สายพานลาํ เลียงตอ้ งมีสวิตซ์หยุดฉุกเฉิน และตอ้ งตรวจสอบใหร้ ู้จุดทีติดตงั สวิตซ์ฉุกเฉิน กอ่ นทีจะเริมใชส้ ายพานลาํ เลยี ง . มอี ุปกรณ์ครอบหรือบงั ส่วนทีหมนุ ไดข้ องสายพาน เช่น ลกู กลิง มเู่ ล่ ฯลฯ . ถา้ ของทีลาํ เลียงมโี อกาสตกลงมาได้ ตอ้ งมสี ่วนปิ ดหรือครอบป้ องกนั . อยา่ กา้ วหรือกระโดดขา้ มสายพานลาํ เลยี งขณะทาํ งาน . เมือจาํ เป็นตอ้ งซ่อมหรือตรวจตราสายพานลาํ เลยี งเพราะมกี ารทาํ งานผิดพลาดตอ้ งปิ ดสวิตซ์ ทาํ งานกอ่ นทีจะซ่อมหรือตรวจตราสายพานลาํ เลยี งนนั การเชือมโลหะ . ขณะทาํ การเชือมดว้ ยไฟฟ้ าภายในอาคาร จะตอ้ งใชฉ้ ากกนั กาํ บงั เพือเป็ นเครืองป้ องกนั อนั ตรายแกผ่ ปู้ ฏิบตั งิ านคนอืน หรือผูท้ อี ยใู่ กลเ้ คยี ง . ขณะทาํ การเชอื มหรือการตดั ดว้ ยก๊าซหรือไฟฟ้ า ผูเ้ ชือมหรือตดั จะตอ้ งใชเ้ ครืองกาํ ลงั หน้าที เหมาะสม มีเลนส์ป้ องกนั นยั น์ตาตามประเภทของการเชือมหรือการตดั นนั และตอ้ งสวมถุงมอื หนงั ดว้ ย . จะตอ้ งมเี ครืองดบั เพลงิ ประจาํ พืนที และพร้อมทีจะใชไ้ ดเ้ สมอในกรณีเกดิ เพลงิ ไหม้ . เมือจะใชเ้ ครืองเชอื มไฟฟ้ า ผูท้ าํ การเชอื มจะตอ้ งมนั ใจว่าตนไม่ไดส้ มั ผสั กบั พนื ทเี ปี ยกชนื . หา้ มสวมถงุ มอื ทเี ปี ยกนาํ มนั หรือจาระบหี ยบิ จบั เครืองเชอื ม . ถงั ออกซิเจนและอะเซทลิ ีนจะตอ้ งมีการยึดให้แน่น เพือป้ องกนั การลม้ และจะตอ้ งไม่วาง ท่ออะเซทลิ นี นอนราบกบั พนื เป็นอนั ขาด . ใหใ้ ชไ้ กบงั คบั แรงเคลือน (Pressure Regulator) บงั คบั ใหอ้ อกซิเจนและอะเซทิลีนไหลไปยงั ไฟเชือมอยา่ งสมาํ เสมอ . ในขณะทาํ การเปิ ดลนิ ถงั ออกซิเจน หา้ มผูป้ ฏิบตั ิงานคนหนึงคนใดยนื อยู่หนา้ เครืองบงั คบั ออกซิเจน . หา้ มทาํ การเชือม ตดั หรือบดั กรีใกลต้ วั ถงั หรือทีตวั ถงั หรือภาชนะอืน ทีเคยใส่วตั ถุติดไฟ หรือวตั ถทุ ีเกิดระเบดิ ได้ จนกวา่ จะไดท้ าํ การระบายอากาศ หรือลา้ งถงั หรือภาชนะเหล่านนั ใหส้ ะอาดแลว้ . เมือทาํ การเชือมหรือเผาหรือใหค้ วามร้อนกบั ตะกวั แคดเมียม วตั ถุอาบสังกะสี หรือวตั ถุ อนื ใด รวมทงั สารทใี ชช้ ว่ ยในการเชือม จนทาํ ใหเ้ กิดควนั ขึน จะตอ้ งจดั ใหม้ รี ะบบระบายอากาศ ทีดีพอ เพือป้ องกนั มิให้ผูป้ ฏิบตั ิงานสูดควนั พิษทีเป็ นอนั ตรายเขา้ ไป ถา้ หากไม่สามารถทาํ การระบายอากาศได้ จะตอ้ งสวมหนา้ กากหรือเครืองชว่ ยหายใจทีไดร้ ับการรับรองแลว้ ตลอดเวลาทีปฏิบตั งิ าน . เมอื ทาํ การเชอื มในสถานทีอบั อากาศจะตอ้ งมกี ารระบายอากาศออกอยา่ งมีประสิทธิภาพ . การเกบ็ รักษาถงั ออกซิเจนและถงั อะเซทลิ ีนเป็นจาํ นวนมาก จะตอ้ งแยกเกบ็ ไวค้ นละแห่ง . การเชือมดว้ ยไฟฟ้ าหรือก๊าซใกลก้ บั แบตเตอรี ตอ้ งยกแบตเตอรีใหพ้ น้ จากบริเวณ การเชอื ม
129 การพ่นสี 1. ดวงโคม พดั ลมดดู อากาศและสายไฟในหอ้ งพน่ สี จะตอ้ งใชช้ นิดทีมคี วามทนทานตอ่ ไอระเหยของสีไดด้ ี . สวิตซ์ดวงโคม เตา้ เสียบ หรืออปุ กรณ์อืน ๆ ทีอาจกอ่ ใหเ้ กิดประกายไฟ จะตอ้ งไม่ติดตงั ไว้ ภายในหอ้ งพน่ สี . หา้ มสูบบหุ รี จุดไฟหรือทาํ ใหเ้ กิดประกายไฟภายในหอ้ งพ่นสี . ในขณะทาํ การพน่ สีในหอ้ งพ่นสี ผูป้ ฏบิ ตั ิงานทกุ คนจะตอ้ งสวมหนา้ กาก หมวก เสือแขนยาวไม่พบั แขน ถงุ มือ กางเกงขายาว และรองเทา้ หุม้ ส้น . ขณะทกี าํ ลงั ทาํ การพน่ สี ทกุ คนทีอยใู่ นห้องพ่นสีจะตอ้ งสวมหน้ากากแบบทีมีเครืองกรอง หรือใชผ้ า้ ปิ ดปากและจมกู การทาํ งานเกยี วกบั แบตเตอรี . หา้ มสูบบุหรี จุดไฟ หรือทาํ ให้เกิดประกายไฟภายในหอ้ งอดั แบตเตอรี หรือในหอ้ งเก็บ แบตเตอรี เพือป้ องกนั การระเบิดของกา๊ ซไฮโดรเจน . เมือจะปฏิบตั ิการใด ๆ เกียวกบั นาํ กรด ผูป้ ฏิบตั ิงานจะตอ้ งสวมถุงมือยาง แว่นตานิรภยั และผา้ กนั เปื อนทาํ ดว้ ยยาง . ในกรณีทีนาํ กรดหกหรือกระเดน็ ถูกส่วนหนึงส่วนใดของร่างกายใหใ้ ชน้ าํ สะอาดลา้ งออก ทนั ที แลว้ รีบไปพบแพทย์ . ก่อนทาํ การต่อหรือปลดสายขวั แบตเตอรี ตอ้ งแน่ใจวา่ ไดต้ ดั วงจรไฟฟ้ าแลว้ . ในการยกหรือเคลือนยา้ ยแบตเตอรี หรื อกล่องบรรจุแบตเตอรี ห้ามเอียงหรือตะแคง แบตเตอรี เพอื ป้ องกนั การหกหรือกระเดน็ ของนาํ กรด . ขวั ของแบตเตอรีขนาดใหญค่ วรปิ ดกนั ดว้ ยฉนวน เพอื ป้ องกนั การลดั วงจร . ในการเคลือนยา้ ยแบตเตอรีตอ้ งระมดั ระวงั ไม่ให้แบตเตอรีกระทบซึงกนั และกนั หรือ กระแทกกบั สิงอืนทอี าจจะทาํ ใหแ้ ตกหรือร้าวได้ และหา้ มวางแบตเตอรีซอ้ นกนั โดยเดด็ ขาด การใช้เครืองป้ องกนั นัยน์ตาและหู . เมือปฏบิ ตั งิ านในสถานทที อี าจเกิดอนั ตรายกบั นัยน์ตา จะตอ้ งสวมเครืองป้ องกนั นัยน์ตา ชนิดทไี ดม้ าตรฐาน . ผูป้ ฏิบตั ิงานทีทาํ งานเกยี วกบั การตดิ ตงั หรือซ่อมบาํ รุง และลกั ษณะงานเป็ นงานทีก่อใหเ้ กิด ประกายไฟฟ้ า เศษวตั ถกุ ระจาย จะตอ้ งสวมแว่นนิรภยั ป้ องกนั นยั น์ตา . การปฏบิ ตั ิงานในทีทมี ีเสียงดงั มาก ๆ จนเป็ นอนั ตรายต่อระบบการไดย้ นิ ของผูป้ ฏิบตั ิงาน จะตอ้ งกาํ หนดใหผ้ ูป้ ฏิบตั ิงานทุกคนใชเ้ ครืองป้ องกนั อนั ตรายตอ่ หูชนิดเสียบหรือชนิดครอบดว้ ย
130 . ความปลอดภัยในการทาํ งานเกียวกบั ไฟฟ้ า กฎข้อบังคบั ทัวไป . พนกั งานทีทาํ งานเกยี วกบั การซ่อม ตอ่ เตมิ ติดตงั อปุ กรณ์ไฟฟ้ าตอ้ งสวมเสือผา้ ทีแหง้ และ สวมรองเทา้ พนื ยาง พร้อมทงั ตดั กระแสไฟฟ้ าทีมายงั จุดทที าํ งานตลอดระยะเวลาทที าํ งานเกียวกบั ไฟฟ้ า . เครืองมอื ทใี ชก้ บั งานไฟฟ้ าชนิดใชม้ ือจบั ตอ้ งมีฉนวนซึงอยใู่ นสภาพดีหุม้ ทีดา้ มจบั . ในกรณีทมี กี ารปฏบิ ตั งิ าน ตรวจสอบ ซ่อมแซม หรือติดตงั ไฟฟ้ าทีเกียวกบั การผลิต ตอ้ งตดั สวติ ซ์ตวั ทเี กียวขอ้ ง พร้อมลอ็ กกญุ แจป้ องกนั การสบั สวติ ซ์ อุปกรณ์และเครืองจักรไฟฟ้ า . มอเตอร์ทีใชใ้ นบริเวณทีมีวตั ถุไวไฟตอ้ งเป็นชนิดกนั ระเบิด . หลอดไฟฟ้ าหรือโคมไฟ ซึงใชใ้ นบริเวณทีมีวตั ถุไวไฟ ตอ้ งเป็ นชนิดทีมีฝาครอบมิดชิด และมีตะแกรงโลหะหุม้ รอบนอกอีกชนั หนึง . สวติ ซ์ไฟฟ้ าในบริเวณทมี ีวตั ถุไวไฟตอ้ งเป็นชนิดทมี ีกล่องโลหะหุ้มมิดชิด และเตา้ เสียบที ใชต้ อ้ งเป็นชนิดทมี ีฝาปิ ด . การติดตงั สวติ ซ์ทุกตวั ตอ้ งเลอื กชนิดทีมีอตั ราทนกระแสสูงพอทีจะใชก้ บั กระแสสูงสุดใน วงจรทีใชน้ นั ได้ . การติดตงั แผงสวติ ซ์ตอ้ งมตี ปู้ ิ ดมิดชิด และตอ้ งตงั ห่างจากเครืองจกั รพอสมควร ส่วนทีเป็ น โลหะของแผงสวิตซ์ตอ้ งตอ่ ลงดนิ . เมือใชอ้ ุปกรณ์ไฟฟ้ าทงั หมดพร้อมกนั ในวงจรแต่ละวงจร จะตอ้ งมีกระแสไฟฟ้ าไม่เกิน ขนาดของกระแสไฟฟ้ าสูงสุดทียอมใหใ้ ชก้ บั ไฟฟ้ าของวงจรนนั . การติดตงั ซ่อมแซม หรือแกไ้ ขดดั แปลงหมอ้ แปลงไฟฟ้ า ซึงแปลงไฟจากไฟฟ้ าแรงสูง ตงั แต่ , โวลตข์ นึ ไป ตอ้ งตดิ ต่อขอความชว่ ยเหลอื หรือขอคาํ แนะนาํ จากเจา้ หนา้ ทีของการไฟฟ้ าเสียก่อน . ตอ้ งมีการตรวจสอบ และทดสอบเครืองกาํ เนิดไฟฟ้ าฉุกเฉิน ให้อยู่ในสภาพทีพร้อมจะใช้ งานไดอ้ ยา่ งปลอดภยั อยเู่ สมอ . ห้ามพนักงานทาํ งานเกียวกบั หมอ้ แปลงไฟฟ้ าทีมีความดนั ตงั แต่ โวลต์ขึนไปก่อน ไดร้ ับอนุญาตจากหวั หนา้ ฝ่ ายซ่อมบาํ รุง . การซ่อมแซม ดดั แปลง หรือแกไ้ ขอปุ กรณ์และเครืองจกั รไฟฟ้ าเป็ นหนา้ ทีของพนกั งาน หน่วยซ่อมบาํ รุงเทา่ นนั วธิ ีป้ องกนั อันตรายจากไฟฟ้ าช็อต . ผูป้ ฏบิ ตั ิงานทีเกยี วขอ้ งกบั ไฟฟ้ า ตอ้ งมคี วามรู้เกียวกบั ไฟฟ้ า . เมอื พบสิงผิดปกติตา่ ง ๆ เกิดขึนกบั สายไฟ ตอ้ งแจง้ ใหผ้ ูบ้ งั คบั บญั ชาทราบทนั ที . ในการปฏิบตั งิ านทเี กยี วขอ้ งกบั ไฟฟ้ า ตอ้ งใชผ้ ูช้ าํ นาญงานเท่านนั . ตอ้ งปิ ดตสู้ วิตซ์ไฟฟ้ าเสมอ และจะตอ้ งไม่มสี ิงกดี ขวางวางอยบู่ ริเวณตไู้ ฟฟ้ า . ตอ้ งติดตงั สายดนิ เสมอ . ตรวจสอบอุปกรณ์ป้ องกนั ไฟฟ้ าดดู ไฟฟ้ ารัว กอ่ นใชอ้ ปุ กรณ์ไฟฟ้ านนั ๆ เสมอ . การเปิ ดหรือปิ ดระบบไฟฟ้ า ตอ้ งแน่ใจกอ่ นวา่ ปลอดภยั แลว้
131 . เมอื เลิกใชอ้ ุปกรณ์ไฟฟ้ าแลว้ ใหเ้ กบ็ เขา้ ทเี สมอ . ถา้ ตอ้ งทาํ งานอยใู่ กลร้ ะบบไฟฟ้ า เชน่ มสี ายไฟฟ้ าอยเู่ หนือศีรษะตอ้ งระมดั ระวงั อย่าไป สัมผสั ถูกสายไฟฟ้ าดงั กลา่ ว . หา้ มทาํ งานโดยไม่สวมชุดป้ องกนั ไฟฟ้ าดดู โดยเดด็ ขาด . ความปลอดภัยในการทาํ งานกบั วัตถอุ ันตราย วัตถอุ ันตราย วตั ถุอนั ตราย หมายถงึ วตั ถุทสี ามารถลุกไหมไ้ ด้ ติดไฟได้ และระเบิดได้ วตั ถุอนั ตราย ตา่ ง ๆ เหลา่ นี มกั จะมกี ฎหมายควบคุมเป็นพิเศษ และมีขอ้ บงั คบั เพอื ใหท้ าํ งานไดโ้ ดยปราศจากอุบตั เิ หตุ วัตถอุ นั ตราย แบ่งออกไดเ้ ป็น . สารระเบิดได้ สารเหล่านีจะลุกติดไฟไดง้ ่ายและระเบิดขึนเมือมีความร้อน มีการกระแทกหรือมีการ เสียดสี สารระเบดิ ไดม้ ชี อื เรียกแตกตา่ งกนั ไป ผทู้ ีทาํ งานกบั สารเหล่านีควรจะจดจาํ ชอื สารเหล่านีใหไ้ ดแ้ ละมีการ ตดิ ป้ ายวา่ เป็นสารอนั ตราย หรือวตั ถอุ นั ตราย นอกจากนียงั ควรรู้ถึงวิธีการใชส้ ารเหล่านีอยา่ งถูกตอ้ งดว้ ย . สารลุกไหม้ได้ สารลุกไหมไ้ ด้ เชน่ สารฟอสฟอรัสแดงและสารฟอสฟอรัสเหลืองสามารถลุกติดไฟได้ เองเมือสมั ผสั กบั อากาศ ตวั อยา่ งสารลกุ ไหมไ้ ด้ เชน่ พวกคาร์ไบด์ และสารประกอบโลหะของโซเดียม ซึงจะ ลกุ ติดไฟไดเ้ มือสัมผสั กบั นาํ . สารไวไฟ ก๊าซไวไฟ เช่น กา๊ ซถา่ นหิน ก๊าซอะเซทิลีน กา๊ ซโพรเพน ฯลฯ ก๊าซเหล่านีมีคุณสมบตั ิ ไวไฟและยงั สามารถระเบิดได้อีกดว้ ยหากก๊าซเหล่านีผสมอยู่ในอากาศในสัดส่วนทีพอเหมาะ นอกจากนี สารละลายไวไฟตา่ ง ๆ เช่น นาํ มนั ทินเนอร์ กย็ งั มีคุณสมบตั ไิ วไฟและยงั สามารถระเบิดอยา่ งรุนแรงไดอ้ กี ดว้ ย สารเหลา่ นีจะก่อใหเ้ กดิ อุบตั เิ หตุไดง้ า่ ยถา้ มกี ารเคลอื นยา้ ยผดิ วิธี ดงั นนั ผูท้ ีทาํ การขนยา้ ย จะตอ้ งรู้วธิ ีขนยา้ ยทถี ูกตอ้ งดว้ ย อนั ตรายของวตั ถุอนั ตราย . ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซดเ์ กิดจากการเผาไหมท้ ีไม่สมบูรณ์ เกิดขึนไดท้ งั ในโรงงานและ ในสถานทีทาํ งาน ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซดเ์ ป็นก๊าซทีเบากว่ากา๊ ซออกซิเจนเลก็ นอ้ ย เป็นก๊าซทไี ม่มีสี ไม่มีกลิน และไม่มกี ารกระตนุ้ เตอื นใด ๆ จึงเป็นกา๊ ซทีอนั ตรายต่อร่างกาย เพราะก๊าซนีจะทาํ ใหเ้ ม็ดเลือดขนถ่ายออกซิเจน นอ้ ยลง เป็นเหตุใหเ้ กิดอาการขาดออกซิเจน (Suffocation) ได้
132 ตรวจวดั ก๊าซกอ่ น เมือตอ้ งทาํ งานในสถานทที ีมีก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ควรปฏบิ ตั ิดงั นี ppm ( . %) . ก่อนเริมงาน ตอ้ งตรวจดูความหนาแน่นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซดด์ ว้ ยเครือง . ใหร้ ะบายอากาศออกจนกว่าความหนาแน่นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซดจ์ ะตาํ กว่า . ตอ้ งสวมใส่หนา้ กากกรองทีเหมาะสม . ถา้ ความหนาแน่นของกา๊ ซคาร์บอนมอนอกไซด์สูง หรือความเขม้ ขน้ ของออกซิเจน ตาํ ใหใ้ ชเ้ ครืองชว่ ยหายใจ หรือหนา้ กากแบบมอี ากาศเสริม . สารละลายอนิ ทรีย์ (Organic Solvents) มสี ารละลายอนิ ทรียเ์ ป็นจาํ นวนมากทีใชใ้ นสถานทีทาํ งานและบา้ นพกั อาศยั สารละลาย อนิ ทรียเ์ หลา่ นีสามารถแทรกซึมเขา้ สู่ร่างกายไดห้ ลายทางทงั ทางระบบหายใจในรูปของไอระเหย เพราะเป็ นสาร ทสี ามารถระเหยไดใ้ นอณุ หภูมปิ กติ และแพร่ผ่านผิวหนงั ไดเ้ พราะเป็นตวั ทาํ ละลายไขมนั นอกจากนียงั อาจทาํ ให้ หมดสติได้ เพราะจะไปรบกวนการทาํ งานของระบบประสาทส่วนกลาง ดงั นันจึงจาํ เป็ นอย่างยิงทีจะตอ้ งรู้ คณุ สมบตั ิของสารละลายอินทรียท์ ีจะใชเ้ หลา่ นนั และจะตอ้ งใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเพือใหเ้ กดิ อนั ตรายนอ้ ยทสี ุด วธิ ปี ฏิบัตงิ านกบั สารละลายอนิ ทรีย์อย่างปลอดภัย . ระวงั อยา่ ใหส้ ารละลายอนิ ทรียห์ ก . ปิ ดฝาภาชนะบรรจุสารละลายอินทรียเ์ สมอ . ไมล่ า้ งมอื ดว้ ยสารละลายอินทรีย์ . ตรวจตราระบบระบายอากาศอยเู่ สมอ อยา่ ใหม้ ีสิงใดไปขดั ขวางทางระบายอากาศ . หา้ มใชส้ ารละลายอนิ ทรียใ์ กลบ้ ริเวณทมี ีไฟหรือบริเวณทีอาจเกิดประกายไฟ . สวมใส่อุปกรณ์ป้ องกนั ทีเหมาะสมเสมอขณะใชส้ ารละลายอินทรีย์ . ตอ้ งใชร้ ะบบระบายอากาศเสมอในขณะใชส้ ารละลายอนิ ทรีย์ . หลกี เลยี งการสมั ผสั ไอระเหยของสารละลายอินทรียใ์ หม้ ากทีสุดเท่าทจี ะทาํ ได้ . ฝ่ ุน ปกตโิ รคปอดทเี กดิ จากฝุ่นทหี ายใจเขา้ ไปจะมชี ือเรียกว่า โรคปอดฝุ่นหรือนิวโมโคนิซิส (Pneumoconiosis) ฝ่ นุ ทสี ูดดมเขา้ มาจะฝังตวั อยใู่ นปอดและปอดไมส่ ามารถขจดั สิงแปลกปลอมเหล่านีได้ เมือมีการ สะสมมากขึน ปอดจะรู้สึกแน่นอึดอดั ทาํ ใหห้ ายใจไม่ออก วิธีแกไ้ ขทีดีทีสุด คือการป้ องกนั โรคนีไวก้ ่อน โดย ปรับปรุงสภาพแวดลอ้ มในบริเวณทีทาํ งานและปรับเปลียนวธิ ีการทาํ งาน เชน่ การขจดั ฝ่ ุนในสถานทที าํ งาน หรือ การสวมใส่หนา้ กากป้ องกนั ฝ่ นุ
133 วิธีใช้หน้ากากป้ องกนั ฝ่ ุนอย่างถูกวิธี . หนา้ กากควรกระชบั กบั ใบหนา้ ซึงฝุ่นจะไม่สามารถแทรกเขา้ ไประหว่างร่องของ หนา้ กากกบั ใบหนา้ ได้ . แมส้ ภาพของสถานทที าํ งานโดยทวั ไปจะสะอาด แต่อาจจะมีฝุ่นขนาดเล็กอยู่ได้ จึง ควรสวมหนา้ กากป้ องกนั ฝ่ ุนไว้ ถา้ บริเวณนนั มีฝุ่นขนาดเลก็ อยไู่ ด้ จึงควรสวมหนา้ กากป้ องกนั ฝุ่นไว้ ถา้ บริเวณ นนั มีฝุ่นอยู่ . หา้ มสวมหนา้ กากกรองฝุ่นในบริเวณทีอบั อากาศ หรือบริเวณทมี ีกา๊ ซพิษ . ควรเกบ็ รักษาหนา้ กากไวใ้ นทที อี ากาศถา่ ยเทดี และเก็บอย่างถูกหลกั วิธี รวมทงั ควร เปลยี นไสก้ รองเมอื จาํ เป็น . หนา้ กากกนั ฝ่ นุ โดยทวั ไปจะใชส้ าํ หรับงานชวั คราวเท่านนั . สารเคมีจาํ เพาะ สารเคมีจาํ เพาะจะถูกจัดเป็ นสารเคมีอนั ตราย เพราะจะก่อใหเ้ กิดอนั ตรายต่อสุขภาพ ร่างกาย เชน่ ก่อใหเ้ กิดโรคมะเร็งจากการทาํ งาน โรงผิวหนงั ระบบประสาทเสือม ฯลฯ ปัจจุบนั มกี ารใชส้ ารเคมี อยอู่ ยา่ งกวา้ งขวางในงานอตุ สาหกรรมจึงตอ้ งระมดั ระวงั เป็นอยา่ งยงิ การป้ องกันอันตรายจากการใช้สารเคมีจําเพาะ . อยา่ ทาํ หกหรือกระเดน็ ลงบนพืน . กอ่ นเริมทาํ งานตอ้ งสวมอุปกรณ์ป้ องกนั อนั ตรายส่วนบุคคลหรือติดตงั ระบบระบาย อากาศทวั ไปในทีทาํ งาน . จดั การปฏิบตั ิงานใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บขอ้ บงั คบั ของกฎหมาย . เมือต้องการขนยา้ ยหรือเกบ็ สารเคมีเหล่านัน จะตอ้ งบรรจุลงภาชนะทีเหมาะสมให้ เรียบร้อย . หา้ มสูบบุหรี รับประทานอาหาร หรือดมื นาํ ในขณะทกี าํ ลงั ทาํ งานกบั สารเคมี . หา้ มสมั ผสั เสือผา้ ทเี ปื อนสารเคมี . จดั ใหม้ กี ารสวมชดุ ป้ องกนั หรืออุปกรณ์ป้ องกนั อนั ตรายจากสารเคมี . หา้ มนาํ สารเคมีนีออกไปหรือเขา้ ไปยงั หน่วยงานอนื โดยไม่ไดร้ ับอนุญาต . เสือผา้ ทสี วมใส่ขณะทาํ งานยอ่ มมสี ารเคมปี นเปื อนจึงควรทีจะชาํ ระลา้ งร่างกายเปลียน เสือผา้ ใหม่ ก่อนทีจะรับประทานอาหารหรือก่อนกลบั บา้ น และนาํ เสือผา้ ทีใส่ทาํ งานนนั ไปซักหรือทาํ ความ สะอาดทนั ที . สภาพไร้อากาศหรืออับอากาศ อุบตั เิ หตจุ ากการขาดอากาศหายใจมกั เกิดขึนไดใ้ นบริเวณทีเป็ นใตถ้ ุนอาคาร ถงั หรือ บริเวณอุโมงคข์ ดุ เจาะ ฯลฯ อาการขาดอากาศมีผลโดยตรงต่อการทาํ งานของสมอง และบ่อยครังทีนําไปสู่ความ สูญเสียอยา่ งใหญ่หลวง ทงั นีเพราะการอยใู่ นทแี คบหรืออบั อากาศซึงมกั ไมค่ อ่ ยมีคนไดเ้ ขา้ ไปบ่อยนกั ก็ยากทีจะพบ หรือช่วยชวี ิตไดท้ นั หากมอี ุบตั เิ หตเุ กดิ ขนึ
134 วิธีป้ องกันการขาดอากาศหายใจมดี งั นี . ตรวจสอบความหนาแน่นของออกซิเจนก่อนลงมอื ปฏบิ ตั งิ าน . จดั ระบบระบายอากาศทีเหมาะสม . มีการปฐมพยาบาลอยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม ข้อพึงปฏิบัติเมอื ต้องทาํ งานในบริเวณทมี ีสภาพไร้อากาศหรืออบั อากาศ 1. ก่อนเขา้ บริเวณอนั ตรายทีมอี อกซิเจนนอ้ ยหรือออกซิเจนใกลห้ มด เช่น ในบ่อหรือถงั จาํ เป็นตอ้ งจดั ใหม้ ีระบบระบายอากาศทีดี (อยา่ งไรกต็ ามกเ็ ป็นอนั ตรายมากเช่นกนั ถา้ ใชอ้ อกซิเจนบริสุทธิอยา่ งเดยี ว) ความหนาแน่นของออกซิเจนทเี หมาะสมคอื ไมน่ อ้ ยกว่า % . หา้ มเขา้ ไปในบริเวณทมี สี ภาพขาดออกซิเจน ยกเวน้ ผมู้ หี นา้ ทเี กียวขอ้ งเท่านนั . ผจู้ ะเขา้ ไปในบริเวณอบั อากาศ ตอ้ งมกี ารเฝ้ าดูและตดิ ตามโดยหวั หนา้ งาน หรือเพือน ร่วมงาน และระบบระบายอากาศจะตอ้ งจดั ใหม้ ีออกซิเจนอยา่ งนอ้ ย % ดว้ ย . ถ้าลกั ษณะงานไม่สามารถจัดระบบระบายอากาศได้ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจที เหมาะสม เช่น เครืองกรองอากาศ หรือระบบสายลม . ถา้ สภาพทที าํ งานนนั ขาดอากาศมาก ๆ ใหส้ วมใส่อุปกรณ์นิรภยั เช่น หนา้ กาก เข็ม ขดั นิรภยั หรือสายส่งอากาศในขณะทีปฏบิ ตั ิงานอยใู่ นบริเวณนนั . ตรวจสอบอุปกรณ์ป้ องกนั ทกุ ครังก่อนเริมทาํ งาน . ถา้ ไดร้ ับอุบตั ิเหตุจะขาดอากาศหายใจ ผูท้ าํ การช่วยเหลือจะตอ้ งสวมใส่อุปกรณ์ช่วย หายใจทีมีระบบระบายอากาศทีดี ดงั อธิบายไวใ้ นขอ้ ขา้ งตน้ (หนา้ กากป้ องกนั กา๊ ซไมไ่ ดจ้ ัดไวส้ าํ หรับกรณีขาด อากาศ ควรขนยา้ ยผูป้ ่ วยออกไปสู่ทีโล่งโดยเร็วทีสุด และช่วยหายใจดว้ ยการเป่ าปาก ฯลฯ ) การจัดให้มีระบบระบายอากาศ เพอื สุขภาพทีดคี วรจดั ใหม้ รี ะบบระบายอากาศทเี หมาะสมในสถานประกอบการ จาํ เป็ น อยา่ งยงิ ทจี ะตอ้ งจดั ระบบระบายอากาศในสถานประกอบการทีมีอุณหภูมิและความร้อนสูง หรือมีก๊าซหรือไอที เกดิ ขนึ จากตวั ทาํ ละลายอนิ ทรียห์ รือสารอนื ๆ การปล่อยปละละเลยทีจะจดั ทาํ ระบบระบายอากาศจะเป็ นสาเหตุที กอ่ ใหเ้ กดิ อาการปวดศรี ษะและวิงเวียนศีรษะได้ และปัญหาทีจะตามมากค็ ือความเจ็บป่ วยต่าง ๆ ทีมีสาเหตุจาก สารเคมีอนั ตราย การเปิ ดหน้าต่างหรือประตูนนั เป็ นการถ่ายเทอากาศทัวไปตามปกติ การติดตังระบบ ระบายอากาศเฉพาะทีหรือในตาํ แหน่งทีจําเป็ นนัน ควรติดตงั ให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของสารเคมีอนั ตรายที จะตอ้ งใช้ แต่ควรตระหนกั ไวว้ ่า ในบางครังการเปิ ดหนา้ ตา่ งอาจใหผ้ ลทีตรงขา้ มกนั กไ็ ด้ . ความปลอดภยั ในการทํางานกบั ผลิตภณั ฑ์เคมี ข้อพงึ ปฏิบัติทวั ไปในการทาํ งานกับผลิตภัณฑ์เคมี . ก่อนปฏิบตั ิงานตอ้ งทราบถึงชนิดของผลิตภัณฑ์และอนั ตรายทีอาจเกิดขึน ถ้าสงสัยให้ ปรึกษาผูบ้ งั คบั บญั ชาทเี กียวขอ้ ง
135 . ก่อนขนยา้ ยผลติ ภณั ฑต์ อ้ งสงั เกตวา่ หีบห่อไม่แตกหรือบุบสลายซึงอาจจะทาํ ให้ ตกหล่นสู่ ภายนอกได้ . หลกี เลียงการสมั ผสั กบั ผลิตภณั ฑโ์ ดยตรง ใหส้ วมเครืองป้ องกนั เช่น ถุงมอื เสือคลุม เครืองกรองอากาศ หมวก แว่นตา ฯลฯ . หา้ มรับประทานอาหาร เครืองดืม หรือสูบบุหรีในขณะปฏิบตั ิงาน . ขณะปฏิบัติงานห้ามใชม้ ือขยีตา หรือใช้มือสัมผัสกับปากจนกว่าจะลา้ งมือให้สะอาด เสียกอ่ น . กอ่ นรับประทานอาหาร สูบบุหรี หรือเขา้ หอ้ งสุขา ตอ้ งถอดอุปกรณ์ป้ องกนั อนั ตรายและ ลา้ งมอื ใหส้ ะอาดเสียกอ่ น . หา้ มผูท้ ีไม่มีหนา้ ทเี กียวขอ้ งปฏบิ ตั งิ านเกียวกบั ผลิตภณั ฑเ์ คมี . หากเกิดอุบัติเหตุ ภาชนะบรรจุผลิตภณั ฑ์แตกเสียหาย ตอ้ งรีบรายงานผูบ้ งั คบั บัญชาที รับผดิ ชอบทนั ที หรือจดั การเกบ็ กวาด เชด็ ถบู ริเวณใหส้ ะอาดตามวิธีทกี าํ หนด ไม่ควรปลอ่ ยทิงไว้ . ในขณะปฏิบตั ิงานหากพบว่า มีการเจ็บป่ วย หรือวิงเวียนศีรษะให้หยุดปฏิบตั ิงานทนั ที พร้อมทงั รายงานใหผ้ ูบ้ งั คบั บญั ชาผรู้ ับผดิ ชอบทราบ หรือทาํ การปฐมพยาบาลอยา่ งถกู ตอ้ งแลว้ รีบนาํ ไปพบแพทย์ พร้อมนาํ ฉลากหรือผลติ ภณั ฑไ์ ปดว้ ย . อปุ กรณ์ป้ องกนั อนั ตรายทีใชแ้ ลว้ ตอ้ งทาํ ความสะอาดหรือทาํ ลายทิงตามคาํ แนะนาํ ทีได้ กาํ หนดไว้ . เมือเสร็จสินการปฏิบตั ิงานแต่ละครัง ตอ้ งลา้ งมือ อาบนํา และผลดั เปลียนเสือผ้า ที สะอาด ความปลอดภยั ในการใช้ผลิตภัณฑ์เคมีในการผลิต . พนกั งานตอ้ งอ่านคาํ แนะนาํ ขา้ งกล่องบรรจุผลิตภณั ฑเ์ คมีทุกชนิดให้ละเอียดก่อน ทีจะ นาํ เขา้ โรงงานผลติ . กลอ่ งผลิตภณั ฑเ์ คมีทุกกลอ่ งทนี าํ เขา้ โรงงานผลติ ตอ้ งอยใู่ นสภาพดไี มแ่ ตกรัว . พนักงานตอ้ งสวมถุงมือ เสือคลุมแขนยาว หน้ากาก รองเทา้ หุม้ ส้น ก่อนเปิ ดกล่อง สารเคมีทจี ะนาํ มาใชใ้ นการผลติ . ตอ้ งระมัดระวงั เป็ นพิเศษในการบรรจุผลิตภณั ฑ์เคมี พยายามให้ฝุ่นหรือละอองของ สารเคมปี ลวิ กระจายนอ้ ยทสี ุด . กล่องเปล่าของผลิตภณั ฑ์เคมี หลงั จากใช้แลว้ ตอ้ งนาํ ไปเกบ็ รวมกนั ในทีมิดชิด (หาก จาํ เป็นตอ้ งมกี ุญแจปิ ด) ก่อนนาํ ไปทาํ ลาย เผาทิงหรือฝังดนิ . หลงั จากทีพนักงานทาํ งานเรียบร้อยแลว้ ให้ลา้ งมือ ลา้ งหน้าหรืออาบนาํ และเปลียน เสือผา้ ใหม่กอ่ นรับประทานอาหารหรือสูบบหุ รี . หา้ มสูบบุหรีขณะปฏิบตั งิ าน . หา้ มรับประทานอาหารหรือเครืองดมื ในบริเวณโรงงานผลติ หรือโรงงานบรรจุ
136 ความปลอดภัยในการเกบ็ ผลิตภณั ฑ์เคมีในคลงั พัสดุ . พนกั งานตอ้ งอา่ นฉลากผลติ ภณั ฑเ์ คมีทุกครังก่อนทาํ การเกบ็ เขา้ คลงั พสั ดุ . ผลิตภณั ฑเ์ คมีบางอยา่ งตอ้ งเกบ็ ในทแี หง้ สะอาด มีอากาศถ่ายเทดี และ มีอุณหภูมิ ไม่เกิน 46 C . ผลิตภณั ฑเ์ คมีตอ้ งเกบ็ ใหห้ ่างจากอาหารและภาชนะบรรจุอาหาร . ไมค่ วรเกบ็ ผลิตภณั ฑเ์ คมวี างซอ้ นกนั สูงเกนิ กวา่ เมตร . หา้ มสูบบุหรีในคลงั พสั ดุ ยกเวน้ บริเวณทีกาํ หนดให้ . พนักงานต้องสวมถุงมือ หนา้ กาก รองเทา้ และเสือแขนยาวขณะปฏิบตั ิงานซึงสัมผสั กบั สารเคมโี ดยตรง . ผลิตภณั ฑเ์ คมีทตี กหล่นตามพนื ใหก้ วาดเกบ็ ใส่ถงั อยา่ งระมดั ระวงั เพือนาํ ไปทาํ ลายหรือฝัง ดนิ ในบริเวณทีกาํ หนด ถา้ เป็นผลติ ภณั ฑช์ นิดเหลวใหใ้ ชท้ รายแหง้ กลบแลว้ กวาดเกบ็ ไปฝังดนิ หา้ มลา้ งดว้ ยนาํ . ผลติ ภณั ฑเ์ คมีทุกชนิดตอ้ งปิ ดฉลากทกุ กลอ่ งกอ่ นนาํ เขา้ เกบ็ ในคลงั พสั ดุ . คลงั เกบ็ ผลิตภณั ฑเ์ คมี ตอ้ งปิ ดกุญแจหลงั จากเลกิ งาน การเกดิ ไอเคมีไวไฟ การเกิดไอเคมไี วไฟในโรงงาน หมายถึง การปลอ่ ยไอเคมไี วไฟจาํ นวนมาก ซึงอาจลุกติดไฟ หรือระเบิดเมือมีแหล่งทีก่อใหเ้ กิดประกายไฟ หรืออาจเกิดจากการลุกไหมข้ องสารเคมีหรือก๊าซทีมีจุดวาบไฟ (Flash Point) ตาํ และมีช่วงไวไฟกวา้ ง จุดวาบไฟ (Flash Point) ของสารเคมีเหลว คือ อุณหภูมิตาํ สุดทีสารเคมีนันจะใหไ้ อเคมีที สามารถผสมกบั อากาศเป็นส่วนผสมทพี ร้อมจะลุกไหมเ้ มอื มีแหลง่ เกิดประกายไฟ ช่วงไวไฟ (Flammability Limit) คือ ช่วงระหว่างความเขม้ ขน้ ตาํ สุด และสูงสุดของไอเคมี ในอากาศซึงจะเกิดการลุกไหมไ้ ดเ้ มือมแี หล่งเกดิ ประกายไฟ ส่วนผสมของไอเคมแี ละอากาศทีตาํ กว่าช่วงไวไฟนี จะเจือจางเกนิ ไปทีจะลุกไหมไ้ ด้ และในทาํ นองเดียวกนั ส่วนผสมทีสูงกว่าชว่ งไวไฟนีจะเขม้ ขน้ เกนิ ไปทจี ะติดไฟ เมือเกิดกลุ่มไอเคมีจาํ นวนมาก หา้ มพนักงานเขา้ ไปในบริเวณทีเกิดไอเคมีนัน ควรรับแจ้ง หน่วยดบั เพลิงประจาํ โรงงานเตรียมพร้อมเพอื ทาํ การช่วยเหลอื ทนั ที วธิ ีปฏบิ ัติเมือเกดิ กลุ่มไอเคมี . ปลอดภยั ไวก้ ่อน เมอื พบไอเคมจี าํ นวนมากไม่ว่าจะเกิดจากการหกราดบนพืน หรือเกิดจาก การรัวจากท่อส่งเคมีหรือจากถงั เคมีต่าง ๆ หากมีขอ้ สงสัยให้สมมุติไวก้ ่อนว่ากาํ ลงั เกิดกลุ่มไอเคมีไวไฟ อย่า เสียเวลาไปหาเครืองวดั ประมาณไอเคมี เพราะกวา่ จะรู้ ประมาณไอและอากาศกม็ ีมากเพียงพอทีจะลุกไหมห้ รือ ระเบดิ ได้ และกเ็ ป็นเวลาทีทา่ นไดเ้ ขา้ ไปอยใู่ นกล่มุ ไอเคมไี วไฟเสียแลว้ . ออกไปให้พน้ จากบริเวณทีเกิดกลุ่มไอเคมีไวไฟทนั ที และรับแจง้ ให้หัวหน้างานหรือ ผูจ้ ดั การทราบ . ใหใ้ ชน้ าํ ฉีดเป็นฝอยเพือไล่ไอเคมี โดยใชห้ วั ฉีดนาํ จากตูด้ บั เพลิงในกรณีทีเกิดกลุ่มไอเคมี ไวไฟบริเวณรีแอกเตอร์ ใหเ้ ปิ ดวาลว์ นาํ ปลอ่ ยนาํ จากหวั ฝักบวั ซึงตดิ ตงั อยเู่ หนือรีแอกเตอร์เพอื ไล่ไอเคมี
137 . หากกลุ่มไอเคมีไวไฟกาํ ลงั ลุกติดไฟให้ฉีดนาํ หล่อเครืองมือเครืองใชห้ รือถงั ต่าง ๆ ทีอยู่ รอบ ๆ บริเวณนนั เพอื ป้ องกนั การลุกลามขยายตวั ของไฟและการระเบิด อย่าพยายามเขา้ ไปดบั ไฟทีจุดลุกไหม้ แต่ให้หาแหล่งทีมาของไอเคมีและจดั การกาํ จดั ตน้ ตอของการเกิดไอเสียก่อนโดยไม่ตอ้ ง เข้าไปในกลุ่มไอเคมี แลว้ จึงเขา้ ทาํ การดบั ไฟ . ความปลอดภัยเกยี วกบั อคั คภี ัย การป้ องกันอัคคภี ัยในบริเวณโรงงาน พนกั งานทุกคนจะตอ้ งปฏบิ ตั ดิ งั นี . รู้จกั คุณสมบตั ิเครืองดบั เพลิงทุกชนิดทีใช้อยู่ในโรงงาน และสามารถนาํ มาใชง้ านได้ ทนั ที และเหมาะสมกบั ลกั ษณะของไฟเมอื ตอ้ งการ . หา้ มนาํ เครืองดบั เพลงิ มาฉีดเลน่ หรือหยอกลอ้ กนั . ใหค้ วามสนใจกบั เครืองมือดบั เพลิงในแผนก และจะตอ้ งมีการตรวจสอบสภาพของ เครืองดบั เพลงิ อยเู่ สมอ เมือพบหรือสงสัยวา่ เครืองดบั เพลิงเครืองใดอยู่ในสภาพชาํ รุดหรือนาํ หนักพร่องไป ให้ รายงานผูบ้ งั คบั บญั ชาตามลาํ ดบั ชนั ทนั ที . จะตอ้ งไมต่ ดิ ตงั หรือวางเครืองจกั รหรือสิงของใด ๆ เอาไวใ้ นตาํ แหน่งซึงจะเป็ นอุปสรรค หรือกีดขวางการนาํ เครืองดบั เพลิงมาใชโ้ ดยสะดวก . วตั ถุซึงไวไฟหรือนาํ มนั เชอื เพลงิ ชนิดบรรจุถงั เมอื นาํ มาใชแ้ ลว้ จะตอ้ งปิ ดฝาใหส้ นิทและ ทีภาชนะบรรจุควรจะมเี ครืองหมายแสดงวา่ เป็นสารไวไฟ . หา้ มนาํ นาํ มนั เชอื เพลงิ หรือเคมภี ณั ฑไ์ วไฟใด ๆ ไปใชใ้ นการซักลา้ งเสือผา้ . พนกั งานทุกคนจะตอ้ งทาํ ความเขา้ ใจกบั วิธีปฏบิ ตั ิเมือเกิดเพลิงไหม้ พนกั งานทุกคนจะตอ้ ง ใหค้ วามร่วมมอื ในการซ้อมภาคปฏิบตั ิโดยพร้อมเพรียงกนั . ไมว่ ่าเพลิงจะเกดิ จากอะไรกต็ าม หากเกิดขึนใกลก้ บั สายไฟฟ้ า เครืองมือเครืองใชห้ รือ แผงสวติ ซ์ไฟฟ้ า ใหป้ ลดสะพานไฟตดั วงจรไฟฟ้ าทนั ที เมือเกิดเพลงิ ไหม้ . เมอื เกดิ เพลิงไหมข้ นึ ในบริเวณทีทาํ งาน จงอย่าตืนตระหนกจนเสียขวญั พยายามรักษา ขวญั และกาํ ลงั ใจไวใ้ หม้ นั การตนื ตระหนกจนเสียขวญั อาจทาํ ใหเ้ หตกุ ารณ์เลวร้ายลงอกี . รีบแจ้งให้เพือนร่ วมงานทุกคนในบริ เวณเพลิงไหม้และหน่วยดับเพลิงทราบ เพือ ดาํ เนินการดบั เพลิงและแจง้ เหตุเพลิงไหมไ้ ปยงั หน่วยดบั เพลงิ ของราชการ . พนกั งานผูไ้ ม่มีหนา้ ทเี กียวขอ้ งกบั การดบั เพลงิ ตอ้ งรีบออกจากตวั อาคารโดยเร็วตามแผน อพยพหนีไฟ และไปรวมกนั ทบี ริเวณหนา้ ประตทู างเขา้ โรงงาน เพอื รอคาํ สงั จากผูป้ ระสานงานดบั เพลงิ ตอ่ ไป . พนักงานทีได้รับมอบหมายให้เป็ นหน่วยดบั เพลิงโรงงาน จะตอ้ งเตรียมหัวฉีดสาย ดบั เพลงิ เพอื ตอ่ เขา้ กบั ขอ้ ตอ่ ท่อนาํ ดบั เพลงิ และอยใู่ นสภาพเตรียมพร้อมโดยเร็วทีสุด ในกรณีทเี พลิงอยใู่ น ตาํ แหน่งทีหวั ฉีดใหญ่จะฉีดมาถึง อาจไม่จาํ เป็ นตอ้ งใชท้ ่อดบั เพลิงและหวั เล็กฉีดต่อ ทงั นีใหข้ ึนอยู่กบั ดุลยพินิจ ของหน่วยดบั เพลงิ โรงงาน
138 การป้ องกันอัคคภี ัยในสํานักงาน . พนกั งานทุกคนจะตอ้ งทราบขอ้ บงั คบั เกียวกบั ความปลอดภยั ในสาํ นกั งานเป็นอยา่ งดี . พนกั งานทกุ คนควรฝึ กใชเ้ ครืองดบั เพลงิ ใหเ้ ป็น . พนกั งานทกุ คนตอ้ งปฏิบตั ิตามกฎขอ้ บงั คบั ความปลอดภยั ในสาํ นกั งานโดยเคร่งครัด เช่น หา้ มสูบบุหรีในบริเวณหา้ มสูบ . บริษทั อาจจดั ใหม้ กี ารซ้อมดบั เพลิงเมือเกิดเพลิงไหมห้ รือกรณีฉุกเฉิน ณ สํานักงานร่วมกบั เจา้ หนา้ ทขี องทางราชการ พนกั งานทุกคนจะตอ้ งใหค้ วามร่วมมอื ในการซ้อมโดยพร้อมเพรียงกนั . หา้ มวางสิงของกีดขวางทางออกฉุกเฉิน เมือเกดิ เพลิงไหม้ . ให้พนักงานทีพบเพลิงไหม้รีบดบั เพลิงตามความสามารถทนั ทีหากเห็นว่าไม่สามารถ ดบั เพลงิ ดว้ ยตนเองได้ ใหร้ ีบแจง้ ผูป้ ระสานงานดบั เพลิงทราบทนั ที . ผูป้ ระสานงานจะแจง้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทบี ริหารของบริษทั ทราบ และเปิ ดสญั ญาณเพลิงไหม้ . เมอื มีสญั ญาณเพลิงไหมใ้ หพ้ นกั งานทุกคนหยดุ ปฏิบตั ิงานทนั ทีและจดั เก็บเอกสารทีสําคญั พร้อมทงั ของมคี า่ ไวใ้ นทปี ลอดภยั แลว้ รีบออกจากบริเวณทีทาํ งานในทิศทางตรงขา้ มกบั บริเวณเกิดเพลงิ ไหม้ . การออกจากอาคาร หา้ มวิงและหา้ มใชล้ ฟิ ตโ์ ดยเดด็ ขาด . ใหพ้ นกั งานทอี อกจากอาคารแลว้ ทุกคนไปรวมกนั ในบริเวณทจี อดรถอาคารเพอื ตรวจสอบ จาํ นวนและรอรับคาํ สังจากผูป้ ระสานงานต่อไป . ความปลอดภยั ในสํานักงาน พืนสํานักงาน - ทางเดนิ - ประตู . ควรใหพ้ ืนสาํ นกั งานมีความสะอาดอยเู่ สมอ . พืนสาํ นกั งานควรอยใู่ นแนวระดบั ราบไม่ลาดเอียงหรืออยู่ต่างระดบั กนั หากไม่สามารถ หลกี เลียงได้ ใหใ้ ชส้ ีสันแสดงใหเ้ ห็นชดั เจน . ใหใ้ ชว้ สั ดุกนั ลืนปูทบั บนกระเบืองหรือพืนขดั มนั ทีลืน . ในขณะปฏิบตั ิงาน หา้ มวิงหรือทาํ การลืนไถลแทนการเดิน 5. ในขณะทีมกี ารขดั หรือทาํ ความสะอาดพนื ผูป้ ฏบิ ตั งิ านควรสงั เกตป้ ายคาํ เตือนและเดนิ หรือ ปฏบิ ตั งิ านดว้ ยความระมดั ระวงั มากยงิ ขนึ . ในกรณีทีมีนาํ นาํ มัน หรือสิงทีทาํ ให้เกิดการลืนบนพืนสํานกั งานให้แจง้ เจา้ หน้าทีที รับผดิ ชอบโดยทนั ที โดยก่อนแจง้ ใหแ้ สดงเครืองหมายเตือนไวด้ ว้ ย . ในกรณีทีพบเหน็ วสั ดหุ รือเครืองใชส้ าํ นกั งาน เชน่ ดนิ สอ ทีหนีบกระดาษ ยางลบ หรือ สิงอืนใดตกหล่นอยบู่ นพืน ใหเ้ กบ็ โดยทนั ทเี พราะอาจเป็นสาเหตใุ หล้ นื หกลม้ ได้ . ในขณะเดินถึงมุมตึกให้เดินทางดา้ นขวาของทางเดิน และเดินอย่างชา้ ๆ ด้วยความ ระมดั ระวงั เพือหลีกเลียงการชนกบั ผูอ้ ืนซึงกาํ ลงั เดินมาจากอกี มมุ หนึง . ควรตดิ ตงั กระจกเงาทาํ มมุ ในบริเวณมมุ อบั ทีอาจเกิดอบุ ตั ิเหตไุ ดง้ ่าย
139 . สายโทรศพั ท์ สายเครืองคิดเลข หรือสายไฟฟ้ า ควรติดตงั ใหเ้ รียบร้อย เพือไม่ใหก้ ีด ขวางทางเดิน . อยา่ ยนื หรือเดนิ ใกลบ้ ริเวณประตูทีปิ ดอยู่ เพราะบคุ คลอืนอาจจะเปิ ดประตูมากระแทกได้ . เมอื จะผา่ นเขา้ ออกบงั ตา หรือเปิ ดปิ ดประตูบานกระจก ควรเขา้ ออกหรือเปิ ดปิ ดดว้ ยความ ระมดั ระวงั อยา่ งชา้ ๆ และในการใชบ้ งั ตาหรือประตทู ีเปิ ดปิ ดสองบาน ใหใ้ ชบ้ งั ตาหรือบานประตูทางดา้ นขวา . บงั ตาหรือประตบู านกระจกทีเปิ ดปิ ดสองทาง ให้ติดเครืองหมาย “ดึง” หรือ “ผลกั ” ให้ ชดั เจน . ไม่ควรจดั เกบ็ วสั ดุอปุ กรณ์สิงของต่าง ๆ หรือปล่อยให้มีสิงกีดขวางบริเวณทางเดินหรือ ชอ่ งประตู การใช้บันได การใชบ้ นั ไดอยา่ งปลอดภยั . กอ่ นขึนหรือลงบนั ได ควรสังเกตสิงทอี าจก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายขึนได้ . ถา้ บริเวณบันไดมีแสงสว่างไม่เพียงพอ หรือราวบนั ไดหรือขนั บนั ไดชาํ รุด ให้แจ้ง เจา้ หนา้ ทีเพอื ทาํ การแกไ้ ขใหเ้ รียบร้อย . อยา่ ปลอ่ ยใหม้ ีเศษวสั ดชุ นิ เลก็ ชนิ นอ้ ยตกอยตู่ ามขนั บนั ได เชน่ เศษกรวด เศษแกว้ ฯลฯ . ไม่ควรติดตังสิงทีดึงดูดความสนใจ เช่น กระจกเงา ภาพโปสเตอร์ เครืองประดับ ตกแตง่ ตา่ ง ๆ ไวบ้ ริเวณบนั ได . ควรจดั ใหม้ พี รมหรือทเี ชด็ เทา้ บริเวณเชงิ บนั ได เพอื ความปลอดภยั . อยา่ วงิ ขนึ หรือลงบนั ได ควรขึนลงดว้ ยความระมดั ระวงั . หา้ มเล่นหรือหยอกลอ้ กนั ในขณะขนึ หรือลงบนั ได . การขึนลงบนั ได ใหข้ นึ ลงทางดา้ นขวาและจบั ราวบนั ไดทกุ ครัง . อยา่ ปลอ่ ยราวบนั ไดจนกวา่ จะมกี ารขนึ หรือลงบนั ไดเป็นทเี รียบร้อยแลว้ . ในขณะขึนหรือลงบนั ได ใหใ้ ชส้ ายตามองขนั บนั ไดทจี ะกา้ วต่อไปและหา้ มกระทาํ สิงใด ๆ ในลกั ษณะทีจะกอ่ ใหเ้ กิดอนั ตราย เช่น การอ่านหนงั สือ หรือคน้ สิงของในกระเป๋ าถือ เป็นตน้ . อยา่ ขึนหรือลงบนั ไดเป็นกล่มุ ใหญใ่ นเวลาเดียวกนั การใช้บันไดพาดและบันไดยนื อย่างปลอดภัย . กอ่ นใชบ้ นั ไดพาดหรือบนั ไดยนื ตอ้ งตรวจสอบความแขง็ แรงโดยทวั ไป ตอ้ งแน่ใจว่าไม่มี รอยหกั รอยร้าว และมยี างกนั ลนื . เมอื ใชบ้ นั ไดพาดกบั ผนงั ตอ้ งพาดใหไ้ ดป้ ระมาณ องศาและควรสูงกว่าจุดทีจะทาํ งาน อยา่ งนอ้ ย เซนตเิ มตร มอื จบั ยดึ ให้ . ถา้ เป็นไปได้ ควรยดึ หวั และทา้ ยของบนั ไดดว้ ยเชือก แต่ถา้ ทาํ ไม่ไดค้ วรใหค้ นอืนช่วยใช้ . พืนวางบนั ไดตอ้ งเรียบ และปราศจากหลมุ บ่อ หรือโหนกนูน
140 . ขณะปี นบันไดขึนหรือลงให้มองไปข้างหน้าและไม่ทาํ งานบนบนั ไดด้วยท่าทางทีไม่ เหมาะสม . กรณีมีแผน่ รองยนื บนบนั ไดยนื ขาของบนั ไดตอ้ งห่างกนั ไมเ่ กิน . เมตร และแผ่นรองยืน ตอ้ งสูงไมเ่ กิน เมตร . บนั ไดยนื ตอ้ งมีตวั ลอ็ กขาทีกางไวด้ ว้ ย . ถา้ ใชบ้ นั ไดยนื ในจุดทีไมแ่ น่ใจว่าจะมีความปลอดภยั เพียงพอตอ้ งมีผูช้ ่วยคอยยดึ จบั บนั ได นนั ไว้ . อยา่ ยนื บนแผ่นรองยนื เมอื ตอ้ งอยสู่ ูงเกนิ . เมตร โต๊ะทํางาน - เก้าอี - ตู้ 1. ตลอดเวลาการทาํ งานไม่ควรเปิ ดลนิ ชกั โตะ๊ ลินชกั ตเู้ อกสาร หรือตอู้ ืนใดคา้ งไว้ ใหป้ ิ ด ทกุ ครังทไี มใ่ ชง้ าน 2. หา้ มวางพสั ดุ สิงของ หรือกล่องใตโ้ ตะ๊ ทาํ งาน 3. หา้ มเอนหรือพิงพนกั เกา้ อี โดยใหร้ ับนาํ หนกั เพยี งขา้ งใดขา้ งหนึง 4. ใหม้ ีพนื ทเี คลอื นยา้ ยเกา้ อี สาํ หรับการเขา้ ออกทีสะดวก 5. หา้ มวางพสั ดุ สิงของตา่ ง ๆ บนหลงั ตเู้ พราะอาจตกหล่นลงมาเป็นอนั ตราย 6. อยา่ เปิ ดลนิ ชกั ตเู้ อกสารในเวลาเดียวกนั เกนิ กว่าหนึงลนิ ชกั 7. การจดั เอกสารใส่ในลินชกั ตู้ ควรจัดใส่เอกสารจากชนั ล่างสุดขึนไป เพือเป็ นการถ่วงดุล นาํ หนกั และใหห้ ลกี เลยี งการใส่เอกสารในลินชกั มากเกนิ ไป 8. ใหใ้ ชห้ ูจบั ลนิ ชกั ทุกครังเมอื จะเปิ ดปิ ดลนิ ชกั เพอื ป้ องกนั นิวถกู หนีบ 9. การจดั วางตลู้ ินชกั ตตู้ อ้ งไมเ่ กะกะชอ่ งทางเดนิ ในขณะทปี ิ ดใชง้ าน สายไฟฟ้ าและเต้าเสียบ 1. สายไฟฟ้ าทมี รี อยฉีกขาด หรือปลกั ไฟฟ้ าทีแตกร้าว ตอ้ งทาํ การเปลียนทนั ที หา้ มพนั ดว้ ย เทปพนั สายไฟหรือดดั แปลงซ่อมแซมอยา่ งใดอยา่ งหนึง 2. เตา้ เสียบทีชาํ รุดจะตอ้ งทาํ การซ่อมแซมโดยทนั ที ในระหว่างรอการซ่อมแซมจะตอ้ งปิ ด หรือครอบ เพอื ป้ องกนั ไม่ใหผ้ ูอ้ นื มาใชง้ าน 3. เครืองมือหรืออปุ กรณ์ไฟฟ้ าต่าง ๆ ทใี ชภ้ ายในสาํ นกั งาน ใหว้ างในตาํ แหน่งทใี กลเ้ ตา้ เสียบ มากทีสุด เพือหลีกเลียงสายไฟฟ้ าทีทอดยาวไปตามพืน หรือหลีกเลียงการใช้สายต่อ ในกรณีทีไม่อาจวางใน ตาํ แหน่งใกลเ้ ตา้ เสียบได้ ใหแ้ สดงเครืองหมายใหช้ ดั เจนเพอื ป้ องกนั การเดนิ สะดดุ สายไฟฟ้ า 4. ในการใชอ้ ุปกรณ์ไฟฟ้ าใหแ้ น่ใจว่าแรงดนั ไฟฟ้ าเหมาะสมกบั ความตอ้ งการแรงดนั ไฟฟ้ า ของอปุ กรณ์นนั ๆ 5. การวางหรือเคลอื นยา้ ยเครืองใชส้ าํ นกั งาน ตอ้ งระวงั อยา่ ใหม้ กี ารวางหรือเคลอื นยา้ ยไปทบั ถูก สายไฟฟ้ า
141 การใช้เครืองใช้สํานักงาน 1. ในขณะขนยา้ ยกระดาษควรระมดั ระวงั กระดาษบาดมือ 2. ใหเ้ กบ็ ปากกาหรือดนิ สอ โดยการเอาปลายชลี ง หรือวางราบในชนิ ชกั 3. ให้ทาํ การหุบขากรรไกรทีเปิ ดซองจดหมาย ใบมีดคัดเตอร์ หรือของมีคมอืน ๆ ให้เขา้ ที กอ่ นทาํ การเกบ็ 4. การใช้เครืองตัดกระดาษ ตอ้ งระวังนิวมือให้อยู่ห่างจากใบมีด ขณะทีกาํ ลงั ทาํ การตัด กระดาษ และหลีกเลียงการตดั กระดาษจาํ นวนมากเกินไปพร้อมกนั ทีเดียว ถา้ ไม่ไดใ้ ชง้ านให้ลดใบมีดลงให้ตาํ ทีสุด อยา่ ยกใบมีดคา้ งเอาไว้ 5. การแกะลวดเยบ็ กระดาษไมค่ วรใชม้ อื หรือเลบ็ ใหใ้ ชท้ ดี งึ ลวดเยบ็ กระดาษทุกครัง 6. เฟอร์นิเจอร์ทเี ป็นโลหะใหท้ าํ การลบมมุ ทกุ แห่งเพอื ความปลอดภยั 7. ควรใชบ้ นั ไดหรือชนั เหยียบ เมือตอ้ งการหยิบของในทีสูง ไม่ควรยืนบนกล่อง โต๊ะ หรือ เกา้ อีติดลอ้ 8. หลงั เลกิ งานทุกวนั ใหป้ ิ ดไฟฟ้ าทุกดวงและตดั วงจรอุปกรณ์ไฟฟ้ าภายในหอ้ งทาํ งานทงั หมด 9. เครืองใชส้ าํ นกั งานทีอาจก่อใหเ้ กดิ อนั ตราย เชน่ สายพาน ลูกกลิง เกียร์ เฟื อง ลอ้ ฯลฯ ถา้ ไมม่ ีการติดตงั อปุ กรณ์ป้ องกนั อนั ตรายเอาไว้ ใหต้ ิดตงั อุปกรณ์ป้ องกนั อนั ตรายนนั ใหเ้ รียบร้อยก่อนทีจะใชง้ าน 10. ห้ามทาํ ความสะอาด ปรับ แต่ง หรื อเปลียนแปลงส่วนประกอบใด ๆ ของเครืองใช้ สาํ นกั งานทีอาจกอ่ ใหเ้ กิดอนั ตรายในขณะทีเครืองกาํ ลงั ทาํ งาน 11. ตอ้ งทาํ การศึกษาวิธีใช้และขอ้ ควรระวงั ของเครืองใชส้ ํานักงานทีมีอนั ตรายให้ดีก่อน ปรับแต่ง 12. ถา้ มีผู้ปฏิบตั ิงานสองคน หรือมากกว่าสองคนขึนไปทาํ งานกบั เครืองใชส้ ํานักงานทีมี อนั ตรายเครืองเดยี วกนั ผูป้ ฏบิ ตั งิ านแตล่ ะคนจะตอ้ งระมดั ระวงั ซึงกนั และกนั 13. อยา่ ถอดอปุ กรณ์ป้ องกนั อนั ตรายหรือเปิ ดแผงเครืองใชส้ ํานักงานทีมีอนั ตรายโดยเด็ดขาด กรณีเครืองขดั ขอ้ งใหต้ ดิ ตอ่ ช่างเพือมาทาํ การซ่อมแซม 14. เครืองใชส้ าํ นกั งานทใี ชก้ าํ ลงั ไฟฟ้ าและมไิ ดเ้ ป็ นชนิดทีมีฉนวนหุ้มสองชนั จะตอ้ งมีระบบ สายดินติดอยทู่ คี รอบโลหะผา่ นปลกั และหา้ มมกี ารดดั แปลงปลกั เพือตดั วงจรสายดนิ ออก 15. ใหต้ ดั กระแสไฟฟ้ าของเครืองใชส้ าํ นักงานทีใชไ้ ฟฟ้ าทุกครังทีไม่ใชห้ รือเมือจะปรับแต่ง เครือง
142 การใช้ลฟิ ต์ 1. ในขณะเกดิ เพลงิ ไหม้ หา้ มทุกคนใชล้ ิฟต์ ใหใ้ ชบ้ นั ไดหนีไฟเท่านนั 2. กอ่ นใชล้ ิฟตท์ กุ ครังใหส้ งั เกตวา่ ตวั ลิฟตเ์ ลือนมาอยใู่ นระดบั เดียวกบั พืนแลว้ หรือไม่ ถา้ ตวั ลฟิ ตอ์ ยตู่ า่ งระดบั กบั พนื ใหร้ ะมดั ระวงั การสะดุดขณะเดนิ เขา้ ลิฟต์ สาํ หรับสุภาพสตรีทีสวมรองเทา้ ส้นสูงหรือส้น เลก็ ตอ้ งกา้ วขา้ ม เพือป้ องกนั การลนื และหกลม้ 3. ในการใชล้ ฟิ ต์ ใหเ้ ขา้ ลฟิ ตอ์ ยา่ งรวดเร็วและระมดั ระวงั อยา่ ลงั เลใจ 4. หา้ มสูบบหุ รีในลฟิ ต์ 5. เมือลิฟต์เลือนถึงชันทีตอ้ งการ ให้รอประตูลิฟต์เปิ ดเต็มทีแล้วกา้ วออกจากลิฟต์อย่าง รวดเร็ว 6. หา้ มใชม้ ือจบั หรือดนั ประตลู ิฟตเ์ พือใหล้ ิฟตร์ อบุคคลอืน ให้ใชป้ ่ ุมควบคุมประตูลิฟต์ทีติด ตงั อยภู่ ายในลิฟต์ 7. ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินขณะอยู่ในลิฟต์ ให้ปฏิบตั ิตามข้อแนะนาํ ซึงติดอยู่ภายในลิฟต์ พยายามควบคมุ สตใิ หไ้ ด้ อยา่ ตกใจเป็นอนั ขาด กิจกรรม ส สู่ความปลอดภยั สถานทที าํ งานจะปลอดภยั ดว้ ยการปฏิบตั ิ ส สถานทีดาํ เนินกจิ กรรม ส จะปลอดภยั กว่า ถูกสุขอนามยั กว่า และมกี ารผลติ ดีกว่า ในการทาํ ใหส้ ถานทีทาํ งานน่าอยู่ น่าดู สะดวกสบายและปลอดภยั นนั จะตอ้ งกาํ จดั สิงทีไม่ตอ้ งใชแ้ ลว้ ออกไปให้หมด และ จดั สิงทจี ะเกบ็ ใหเ้ ป็นหมวดหมู่ เพอื ความสะดวก สะอาด และสวยงาม กิจกรรม ส สะสาง : แยกรายการสิงของทีจาํ เป็นและไม่จาํ เป็น ทงิ สิงของทไี มจ่ าํ เป็น ออกไปใหม้ ากทีสุดเทา่ ทีจะทาํ ได้ สะดวก : เกบ็ เครืองมืออปุ กรณ์ไวใ้ นทที ีใชไ้ ดส้ ะดวกและเกบ็ ในสภาพทีปลอดภยั สะอาด : จดั ระเบียบการดแู ลความสะอาดของสถานทีทาํ งาน เช่น การกาํ จดั ฝ่ ุนละออง
143 สุขลกั ษณะ : ดแู ลเสือผา้ และรักษาสภาพสถานทีทาํ งานใหส้ ะอาดเรียบร้อย อยา่ ปลอ่ ย ใหส้ กปรกรกรุงรังเป็นเดด็ ขาด สร้างนิสัย : ปฏบิ ตั ิ ส ขา้ งตน้ จนเป็นนิสยั . ความปลอดภยั ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปัจจุบนั การประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีการนาํ เครืองจกั รกล เชน่ รถแทรกเตอร์ รถไถนา เครืองเกบ็ เกยี ว เครืองผอ่ นแรง เป็นตน้ และสารเคมี เช่น ป๋ ยุ เคมี สารกาํ จดั ศตั รูพืช สารฆ่าแมลง เขา้ มาใช้ อย่างมากมาย เพือช่วยเพิมผลผลิต ซึงสิงเหล่านีหากนาํ ไปใชอ้ ย่างไม่ถูกตอ้ งจะมีผลเสียต่อสุขภาพและชีวิต อนั ตรายจากการประกอบอาชพี เกษตรกรรม มี ประการ ดงั นี ประการที สารเคมี เช่น ป๋ ุย สารกาํ จัดศตั รูพืช สารฆ่าแมลง สารพิษปราบวชั พืช สารกาํ จดั เชอื รา สารกาํ จดั สัตว์ สารพษิ กาํ จดั สาหร่าย ไส้เดอื นฝอย หอยทาก สารเคมเี หล่านีหากใชถ้ กู วิธีกม็ ีประโยชน์ หาก ใชผ้ ิดวิธีเป็นโทษอยา่ งมากเชน่ กนั เกษตรกรจาํ เป็นตอ้ งทราบสิงเหล่านี วิธีเกบ็ การใช้ โดยอา่ นจากฉลากขา้ งภาชนะบรรจุ เมือใชห้ มดแลว้ ตอ้ งทาํ ลายภาชนะบรรจุโดยการเผาหรือฝัง ไมค่ วรสูบบุหรีขณะทาํ การฉีดพน่ ระวงั การสมั ผสั สารเคมที ีผิวหนงั เนืองจากสามารถดดู ซึมทางผวิ หนงั ได้ ระวงั การสูดดมหายใจเขา้ สู่ทางเดนิ หายใจ ไมย่ นื ใตล้ มขณะฉีดพ่นสารเคมี เครืองใชต้ ่าง ๆ สาํ หรับการฉีดพน่ ตอ้ งดูแลไม่ใหเ้ สือมสภาพ รัวซึม เวลาผสมยาหา้ มใชม้ ือกวน ประการที อนั ตรายจากฝุ่นทเี กดิ จากเกษตรกรรม ฝ่ นุ เกดิ ขนึ จาํ นวนมากในกิจกรรมนวด ขา้ ว และกิจกรรมอืน ๆ ในนา ปัญหาทีเกิดขึนคือ ฝุ่นจะเป็ นส่วนทีรับเอาเชือรา ละอองเกสรดอกไม้ และ พวกสเปอร์ปะปนอยู่ และจะนาํ โรคสู่คนได้ ทาํ ใหผ้ ูส้ ัมผสั เกิดเชือรา โรคปอดฝุ่นฝ้ าย โรคปอดชานออ้ ย โรคปอด ชาวนา วธิ ีป้ องกนั คอื เกษตรควรสวมหนา้ กากป้ องกนั ฝ่ นุ รักษาความสะอาดของผวิ หนงั หลงั เสร็จงานแลว้ ใชว้ ิธีพน่ นาํ เพอื ลดการฟ้ ุงกระจายของฝ่ ุน หาความรู้เพือป้ องกนั ตวั เอง รวมทงั เพือให้ทราบถึงภยั ต่าง ๆ ทีอาจเกิดขึน เช่น อาการเกดิ โรค จะไดส้ ามารถป้ องกนั ตวั เองไมใ่ หเ้ กดิ โรคลุกลามตอ่ ไป ประการที อนั ตรายจากการเป็นโรคติดเชอื จากสัตว์ ทีสาํ คญั คือ มา้ ววั ควาย แกะ แพะ สุกร สุนขั สัตวป์ ่ าทีกนิ เนือ นก เป็ด ไก่ เป็นตน้ โรคติดเชอื ทีสาํ คญั ไดแ้ ก่ โรคแอนแทรกซ์ โรคกลวั นาํ บาดทะยกั เลพโตสไปโรซีส กลากเกลือน ของเชอื รา วธิ ีป้ องกนั คือ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176