บทวิเคราะห์ ความแตกต่างระหว่าง พระราชบัญญัติจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กับ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการ พสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพม่ิ เติม กล่มุ งานวิเคราะห์กฎหมาย สานักคดี สานักงานการตรวจเงินแผน่ ดิน
วิเคราะห์ความแตกต่าง ระหว่าง พระราชบัญญตั ิการจัดซอื้ จดั จ้างและการบริหารพัสดุภาครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ กบั ระเบยี บสานกั นายกรัฐมนตรวี ่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม กลุ่มงานวเิ คราะหก์ ฎหมาย สานักคดี เน่ืองด้วยในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายเก่ียวกับการจัดซื้อจัดจ้างท่ีเป็นมาตรฐานกลาง ในระดับพระราชบัญญัติสาหรับใช้บังคับกับหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ทาให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกนั และยงั มีความแตกต่างกันในวิธีปฏิบัติของระเบียบที่ใช้บังคับจึงเป็นช่องทางหน่ึง ทก่ี ่อใหเ้ กดิ การทจุ รติ คอร์รปั ช่ันในภาครฐั เกี่ยวกับการจดั ซอื้ จดั จา้ ง ฉะน้ัน เพอื่ ให้การดาเนินการจัดซื้อ จัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐมีกรอบการปฏิบัติงานท่ีเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยการกาหนด เกณฑ์มาตรฐานกลางเพื่อให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งนาไปใช้เป็นหลักปฏิบัติ โดยมุ่งเน้นการเปิดเผย ข้อมูลต่อสาธารณชนให้มากที่สุด เพ่ือให้เกิดความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และเพื่อใหก้ ารใชจ้ ่ายเงินงบประมาณของแผน่ ดนิ เกดิ ความคุ้มค่าและประโยชน์ต่อสาธารณะมากที่สุด และเพ่ือให้มีกฎหมายกลางเก่ียวกับการจัดซ้ือจัดจ้างสาหรับให้ทุกหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติเป็น แนวทางเดียวกันอันจะทาให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดความคุ้มค่า โปรง่ ใส และตรวจสอบได้ อีกท้งั เพื่อเปน็ การป้องกนั การทุจริตในการจัดซ้ือจัดจ้างตามนโยบายรัฐบาล กรมบัญชีกลางในฐานะท่ีเป็นหน่วยงานกลางท่ีมีหน้าที่กากับดูแล กาหนดกฎระเบียบและแนวทาง ปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง จึงมีความจาเป็นอย่างย่ิงท่ีสมควรจะต้องมีกฎหมายเกี่ยวกับการ จดั ซ้ือจดั จา้ งในระดับพระราชบัญญตั ิเพอ่ื บังคบั ใช้กับทุกหน่วยงานของรฐั ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นที่มาของการตราพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและ การบริหารพัสดุภาครัฐ โดยมีหลักการที่คานึงถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งานเป็นสาคัญเพ่ือก่อให้เกิด ความคุ้มค่าในการใช้จ่ายเงิน มีการวางแผนการดาเนินงาน และมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน ซึ่งจะทาให้การจัดซ้ือจัดจ้างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมท้ังเพื่อให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล มีการส่งเสริมให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐซึ่งเป็นมาตรการหนึ่ง เพ่ือป้องกันปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ประกอบกับมาตรการอื่น ๆ เช่น การจัดซ้ือจัดจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงจะทาให้เกิดความโปร่งใสในการดาเนินการ จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ อันจะเป็นการสร้างความเช่ือมั่นให้กับสาธารณชนและก่อให้เกิดผลดีกับการ จดั ซื้อจัดจา้ งภาครัฐใหเ้ ป็นท่ยี อมรบั โดยทั่วไป อย่างไรกด็ ี เมื่อพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ มีผลใช้บังคับ จะส่งผลกระทบหน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในกากับของรัฐ ภายใต้พระราชบัญญัตินี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง ผู้ประกอบการและประชาชนท่ัวไปซ่ึงต้อง ปรับเปลี่ยนวิธีการดาเนินการที่เป็นอยู่เดิม โดยต้องทาการศึกษาและทาความเข้าใจเน้ือหาของ
๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ถ่องแท้ รวมทั้งต้องมีความระมัดระวังและรอบคอบในการดาเนินงานมากยิ่งขึ้น เพื่อมใิ หม้ ีการปฏิบตั ิท่ไี ม่ถกู ตอ้ งเป็นไปตามแนวทางพระราชบญั ญตั ิน้ีอันจะกอ่ ให้เกิดการรบั ผิดได้ สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินในฐานะท่ีเป็นองค์กรอิสระและมีหน้าท่ีตรวจสอบ ตรวจสอบการรับจ่าย การเก็บรกั ษา และการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินอื่นของหน่วยรับตรวจ หรือท่ีอยู่ ในความรับผิดชอบของหน่วยรับตรวจ และแสดงความเห็นว่าเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมตคิ ณะรฐั มนตรีหรือไม่ และอาจตรวจสอบการใช้จา่ ยเงนิ การใช้จ่ายทรัพย์สินอ่ืน หรือการจัดซื้อ จัดจ้างตามแผนงาน งานหรือโครงการของหน่วยรับตรวจ และแสดงความเห็นว่าเป็นไปตาม วัตถุประสงค์ เป็นไปโดยประหยัด ได้ผลตามเป้าหมายและมีผลคุ้มค่าหรือไม่ ดังนั้นเพ่ือประโยชน์ใน การดาเนนิ การตรวจสอบอนั เป็นภารกิจหลักของสานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กลุ่มงานวิเคราะห์จึง ได้ทาการรวบรวมแนวความคิดเก่ียวกับพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ เปรียบเทียบกับ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม โดยวิเคราะห์ในส่วน ของข้อแตกต่างระหว่างกฎหมาย ทั้งสองฉบับ พร้อมทั้งรวบรวมข้อดีและข้อเสียของพระราชบัญญัติ การจดั ซื้อจัดจ้างและการบรหิ ารพัสดุภาครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ ซง่ึ มีสาระสาคัญสรปุ เปน็ ประเด็นไดด้ งั น้ี ๑. สรุปข้อแตกต่างระหว่างระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไข เพมิ่ เติมกบั พระราชบญั ญัติการจัดซอ้ื จดั จ้างและการบรหิ ารพสั ดภุ าครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ จ า ก ก า ร ร ว บ ร ว ม แ ล ะ ศึ ก ษ า เ ป รี ย บ เ ที ย บ ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง ร ะ ห ว่ า ง ร ะ เ บี ย บ ส า นั ก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมกับพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ สามารถสรุปเปน็ ประเดน็ ไดด้ ังนี้ ๑.๑ ขอบเขตการบังคับใช้และการกาหนดข้อยกเว้นไม่ต้องใช้ระเบียบของ กระทรวงการคลัง พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้มี ผลใชบ้ ังคบั กับหนว่ ยงานของรัฐทกุ แห่ง ได้แก่ ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ องค์การมหาชน องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มหาวิทยาลัยในกากับของรัฐ หน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นที่กาหนดในกฎกระทรวง เว้นแต่ กรณดี งั ต่อไปนี้ (๑) การจดั ซ้อื จัดจา้ งของรัฐวสิ าหกิจทีเ่ ก่ียวกับการพาณิชยโ์ ดยตรง (๒) การจัดซื้อจัดจ้างยุทโธปกรณ์และการบริหารทางทหาร โดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือโดยการจัดซอ้ื จัดจา้ งจากตา่ งประเทศท่กี ฎหมายของต่างประเทศน้นั กาหนดไว้เป็นอย่างอืน่ (๓) การจัดซ้ือจัดจ้างเพ่ือการวิจัยและพัฒนา หรือการจ้างท่ีปรึกษาที่ไม่สามารถ ดาเนนิ การตามพระราชบญั ญัตินีไ้ ด้
๓ (๔) การจัดซื้อจัดจ้างโดยใช้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลต่างประเทศ องค์กร ระหว่างประเทศ สถาบันการเงินระหว่างประเทศ องค์การต่างประเทศทั้งในระดับรัฐบาลและท่ีมิใช่ ระดับรัฐบาล มูลนิธิหรือเอกชนต่างประเทศ ท่ีสัญญาหรือข้อกาหนดในการให้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือ กาหนดไว้เปน็ อยา่ งอื่น (๕) การจัดซื้อจัดจ้างโดยใช้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลต่างประเทศ องค์กร ระหว่างประเทศ สถาบันการเงินระหว่างประเทศ องค์การต่างประเทศทั้งในระดับรัฐบาลและท่ีมิใช่ ระดับรัฐบาล มูลนิธิหรือเอกชนต่างประเทศ ท่ีสัญญาหรือข้อกาหนดในการให้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือ กาหนดไว้เป็นอย่างอื่น โดยใช้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือน้ันร่วมกับเงินงบประมาณ ซึ่งจานวนเงินกู้หรือ เงนิ ชว่ ยเหลือท่ใี ชน้ ้ันเปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ทคี่ ณะกรรมการนโยบายประกาศกาหนดในราชกิจจานเุ บกษา (๖) การจัดซ้ือจัดจ้างของสถาบันอุดมศึกษาหรือสถานพยาบาลท่ีเป็นหน่วยงานของรัฐ โดยใชเ้ งินบรจิ าครวมทัง้ ดอกผลของเงนิ บริจาค โดยไมใ่ ช้เงนิ บริจาคน้ันรว่ มกับเงินงบประมาณ กรณจี งึ เหน็ ได้วา่ พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ไดก้ าหนดขอบเขตการใชบ้ ังคบั ขยายความจากเดิมตามท่ีระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่แี กไ้ ขเพิม่ เตมิ ทก่ี าหนดให้ใช้เฉพาะกับส่วนราชการซ่ึงดาเนินการเกี่ยวกับการพัสดุ โดยใชเ้ งนิ งบประมาณ เงนิ กู้ และเงนิ ช่วยเหลอื เปน็ ใหร้ วมถงึ “รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ องค์การมหาชน หนว่ ยงานอิสระ มหาวิทยาลัยใต้กากบั ของรัฐ และหน่วยงานอน่ื ตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวง” นอกจากพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ จะ ได้กาหนดขอบเขตการใช้บังคับขยายความจากเดิมแล้ว ยังกาหนดให้หน่วยงานของรัฐที่สามารถขอ ออกกฎหมายลาดับรองเก่ียวกับการจัดซ้ือจัดจ้างขึ้นใช้เองเพื่อความคล่องตัว ตามมาตรา ๖ โดย กาหนดให้รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐในต่างประเทศ หรือส่วนงานของหน่วยงานของรัฐที่ต้ังอยู่ใน ต่างประเทศ หรอื หนว่ ยงานของรฐั อนื่ ตามที่กาหนดในกฎกระทรวงสามารถขอออกกฎหมายลาดับรอง เกีย่ วกบั การจัดซ้อื จดั จ้างขนึ้ ใชเ้ อง เพ่ือให้เกิดความยดื หยนุ่ และมคี วามคล่องตัว หากหน่วยงานของรัฐ นั้น ประสงค์จะจัดให้มีระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติเก่ียวกับการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหาร พัสดุขึ้นใช้เอง ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ก็ให้กระทาได้ โดยต้องดาเนินการให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ การจัดซ้ือจัดจ้าง และการบริหารพัสดุตามแนวทางของพระราชบัญญัติน้ี เว้นแต่ในต่างประเทศที่ หน่วยงานของรัฐหรือส่วนงานของหน่วยงานของรัฐต้ังอยู่มีกฎหมาย ธรรมเนียมปฏิบัติ หรือจารีต ประเพณีแห่งท้องถ่ินของต่างประเทศนั้นเป็นการเฉพาะหรือกาหนดไว้เป็นอย่างอื่น โดยระเบียบ ข้อบังคบั หรอื ขอ้ บัญญัติดังกล่าวตอ้ งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบาย และให้ประกาศ ในราชกจิ จานเุ บกษา อย่างไรก็ตาม แม้ขอบเขตการบังคับพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหาร พัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ น้ี ใช้บังคับกับหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง แต่ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติ การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้กาหนดข้อยกเว้น การดาเนินการจัดซื้อ
๔ จดั จา้ งท่ไี ม่อยูใ่ นบงั คับของพระราชบญั ญัติฯ ได้แก่ การจัดซื้อจัดจ้างในกรณีรัฐวิสาหกิจท่ีเก่ียวกับการ พาณิชย์โดยตรง หรือยุทโธปกรณ์ และการบริการทางการทหาร โดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาลหรือตามที่มี กฎหมายต่างประเทศกาหนด หรือการวิจัยและพัฒนาการจ้างที่ปรึกษาท่ีไม่สามารถดาเนินการตาม พระราชบัญญัติได้ และการใช้เงินกู้ เงินช่วยเหลือท่ีสัญญาหรือมีข้อกาหนดไว้ ซ่ึงการกาหนด “ขอ้ ยกเวน้ ” นี้ หลกั เกณฑก์ ารยกเว้นดงั กลา่ วมีคณะกรรมการนโยบายเป็นผู้กาหนด จึงมีข้อสังเกตว่า การยกเว้นมิให้อยู่ใต้บังคับของพระราชบัญญัติจัดซ้ือจัดจ้าง เป็นการจัดซ้ือจัดจ้างที่มีงบประมาณสูง ท้ังส้ิน รวมท้ังคณะกรรมการ นโยบายเป็นผู้กาหนดหลักเกณฑ์ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ ส่งผลให้ฝ่ายการเมืองเข้ามามีส่วนในการกาหนดข้อยกเว้น เส่ียงต่อการใช้ ดุลพนิ ิจท่อี าจสง่ ผลตอ่ การเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้อง นาไปสู่การทุจริตเชิงนโยบาย และไม่ มีหลักประกันว่าหลักเกณฑ์การยกเว้นจะชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอันเป็น ชอ่ งทางใหเ้ กดิ การทจุ ริต ๑.๒ หลกั การจัดซอื้ จัดจ้าง มาตรา ๘ แหง่ พระราชบัญญัตกิ ารจัดซ้อื จดั จ้างและการบริหารพัสดภุ าครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้กาหนดหลักการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ โดยการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุของ หน่วยงานของรัฐ ต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่หน่วยงานของรัฐ และต้องสอดคล้องกับหลักการ ๔ ประการ ดังน้ี ๑. คุ้มค่า โดยพัสดุท่ีจัดซ้ือจัดจ้างต้องมีคุณภาพหรือคุณลักษณะท่ีตอบสนองวัตถุประสงค์ ในการใชง้ านของหน่วยงานของรัฐ มีราคาท่เี หมาะสม และมีแผนการบริหารพัสดุท่เี หมาะสมและชดั เจน ๒. โปร่งใส โดยการจัดซอื้ จดั จ้างและการบริหารพัสดุต้องกระทาโดยเปิดเผย เปิดโอกาส ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม มีการปฏิบัติต่อผู้ประกอบการทุกรายโดยเท่าเทียมกัน มีระยะเวลาที่ เหมาะสมและเพียงพอต่อการย่ืนข้อเสนอ มีหลักฐานการดาเนินงานชัดเจน และมีการเปิดเผยข้อมูล การจดั ซอ้ื จัดจา้ งและการบรหิ ารพสั ดใุ นทุกขั้นตอน ๓. ประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยต้องมีการวางแผนการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหาร พัสดุล่วงหน้าเพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีกาหนดเวลาที่ เหมาะสม โดยมกี ารประเมนิ และเปดิ เผยผลสมั ฤทธิ์ของการจดั ซื้อจัดจ้างและการบริหารพสั ดุ ๔. ตรวจสอบได้ โดยมีการเก็บข้อมูลการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุอย่างเป็นระบบ เพ่อื ประโยชนใ์ นการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม บทบัญญัติในมาตรา ๘ วรรคท้าย ระบุว่า “อย่างมีนัยสาคัญ” เช่น หากการ จัดซ้ือจัดจ้างไม่เป็นตามหลักการเรื่องของความคุ้มค่า ความโปร่งใส การมีประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผล และตรวจสอบได้ แต่ไม่มีผลต่อการจัดซ้ือจัดจ้างอย่างมีนัยสาคัญหรือเกิดจากกรณี เร่งด่วน หรือมีเหตุผล หรือความจาเป็นอ่ืน การจัดซื้อจัดจ้างนั้นย่อมไม่เสียไป หรือกรณีผู้มีหน้าที่
๕ ดาเนินการจัดซ้ือจัดจา้ งต้องไม่เปน็ ผ้มู สี ว่ นไดเ้ สยี กบั ผยู้ ืน่ ข้อเสนอหรือคู่สัญญา แต่ไม่มีผลต่อการจัดซื้อ จัดจ้างอย่างเป็นนัยสาคัญ ตามมาตรา ๑๓ วรรคสอง และในกรณีหน่วยงานของรัฐดาเนินการจัดซื้อ จัดจ้างในขั้นตอนหนึ่งขั้นตอนใดผิดพลาด หรือผิดหลงเล็กน้อยแต่ไม่มีผลต่อการจัดซ้ือจัดจ้างอย่าง มีนัยสาคัญ การจัดซื้อจัดจ้างน้ันย่อมไม่เสียไป ตามมาตรา ๑๔ วรรคแรก ทาให้ผู้มีอานาจหน้าท่ี สามารถใช้ดุลพินิจและตีความได้กว้าง และไม่มีหลักประกันว่าการใช้ดุลพินิจจะชอบด้วยกฎหมาย หรือเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอนั เป็นชอ่ งทางให้เกิดการทจุ รติ หรอื แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดย ชอบด้วยกฎหมายสาหรับตนเองหรอื ผูอ้ ื่นได้ การจดั ทาแผนการจดั ซอ้ื จดั จา้ ง มาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้กาหนดเร่ืองการจัดทาแผนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยให้หน่วยงานของรัฐจัดทาแผนการจัดซื้อจัดจ้าง ประจาปเี ม่อื ทราบยอดเงนิ แล้ว และประกาศเผยแพร่ในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง และของหน่วยงานของรัฐตามวิธีการที่กรมบัญชีกลางกาหนด และให้ปิดประกาศโดยเปิดเผย ณ สถานที่ปิดประกาศของหน่วยงานของรัฐนั้น ทั้งนี้ ยังได้กาหนดข้อยกเว้นไว้ในบางกรณีท่ีไม่ต้อง ปิดประกาศเปดิ เผยไว้ดังน้ี (๑) กรณีท่มี คี วามจาเปน็ เร่งด่วนหรือเป็นพัสดุที่ใช้ในราชการลับ ทั้งน้ี ตามมาตรา ๕๖ (๑) (ค) หรอื (ฉ) (๒) กรณีที่มีวงเงินในการจัดซ้ือจัดจ้างตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวงหรือมีความจาเป็น ต้องใช้พสั ดุ โดยฉกุ เฉนิ หรอื เปน็ พสั ดุทจ่ี ะขายทอดตลาด ท้ังน้ี ตามมาตรา ๕๖ (๒) (ข) (ง) หรือ (ฉ) (๓) กรณีที่เป็นงานจ้างที่ปรึกษาท่ีมีวงเงินค่าจ้างตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวงหรือที่มี ความจาเป็นเรง่ ด่วนหรือท่เี ก่ยี วกบั ความมัน่ คงของชาติ ทงั้ นี้ ตามมาตรา ๗๐ (๓) (ข) หรอื (ฉ) (๔) กรณีท่ีเป็นงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้างท่ีมีความจาเป็นเร่งด่วนหรือ ที่เก่ียวกับความม่นั คงของชาตติ ามมาตรา ๘๒ (๓) ทัง้ น้ี หลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และรายละเอยี ดการจดั ทา แผนการจัดซ้ือจัดจ้างตามวรรคหนึ่ง และการเปลย่ี นแปลงแผน ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบทร่ี ัฐมนตรกี าหนด จากบทบญั ญตั ดิ ังกล่าวขา้ งตน้ จะเห็นได้ว่ามีการกาหนด “ข้อยกเว้น” การประกาศเผยแพร่ จัดซ้ือจัดจ้าง ตามมาตรา ๑๑ (๑) กรณีเป็นเร่งด่วนหรือเป็นพัสดุที่ใช้ในราชการลับ (๒) กรณีจาเป็น ต้องใช้พัสดุโดยฉุกเฉินหรือเป็นพัสดุจะขายทอดตลาด (๓) กรณีงานจ้างท่ีปรึกษาหรือความจาเป็น เร่งด่วนหรือเกี่ยวกับความม่ันคงของชาติ (๔) เก่ียวกับเป็นงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง ท่จี าเป็นเร่งด่วนหรือความม่ันคงของชาติ การยกเว้นมิให้ประกาศเผยแพร่แผนจัดซ้ือจัดจ้าง มีท้ังกรณี จาเป็น เร่งด่วน ฉุกเฉิน ราชการลับ และความมั่นคงของชาติ ย่อมขัดต่อหลักการและเหตุผลของ
๖ พระราชบัญญัติท่ีมุ่งเน้นการเปิดเผยข้อมูลเพ่ือความโปร่งใส และทาให้เปิดโอกาสในการดาเนินการ จัดซื้อจัดจา้ งทีม่ ใี หป้ ระชาชนได้ตรวจสอบ นอกจากน้ี ยังมีการกาหนด “ยกเว้น” มิให้เปิดเผยข้อเสนอของผู้ยื่นข้อเสนอในส่วนท่ี เป็นสาระสาคญั และเป็นข้อมลู ทางเทคนคิ ของผู้ยื่นข้อเสนอตามมาตรา ๑๐ โดยเหตุแห่งการได้เปรียบ เสียเปรียบของผู้ยื่นข้อเสนอ การยกเว้นมิให้เปิดเผยย่อมขัดต่อหลักการเหตุผลของพระราชบัญญัติฯ ทีม่ ่งุ เน้นการเปดิ เผยขอ้ มูลตอ่ สาธารณะให้มากทส่ี ดุ เพอ่ื ให้เกิดความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน อย่างเปน็ ธรรม นอกจากนัน้ ยงั เปน็ การยกเวน้ พระราชบัญญัตขิ ้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ อันมผี ลกระทบต่อ “สิทธิไดร้ ู้” (right to know) ซงึ่ เปน็ สทิ ธิพน้ื ฐานของประชาชนตามรัฐธรรมนญู การมีสว่ นรว่ มของภาคประชาชนและผู้ประกอบการในการปอ้ งกันการทุจริต พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้ หน่วยงานของรฐั อาจจดั ให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการจัดซ้ือจัดจ้างได้ โดยอาจทา ในรูปแบบของการทาข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact)๑ ตามโครงการความร่วมมือป้องกันการ ทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซ่ึงเป็นการทาข้อตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐเจ้าของ โครงการและผู้เข้ายื่นข้อเสนอโดยทั้งสองฝ่ายต้องตกลงกันว่าจะไม่กระทาการทุจริต เพ่ือให้เกิดความ โปร่งใสในการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ โดยจัดทาบันทึกข้อตกลงคุณธรรม ตามข้อกาหนดของ คณะกรรมการ คปท. กาหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์ ต้ังแต่การจัดทาร่าง TOR จนถึงส้ินสุดโครงการ รวมท้ังให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ ผู้เสนอราคา และผู้สังเกตการณ์ ซึง่ มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่จาเป็นต่อโครงการจัดซ้ือจัดจ้างน้ัน ๆ ๑ ข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) คือ ข้อตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐและผู้ต้อง การเข้าร่วม การจัดซ้ือจดั จา้ งในโครงการลงทนุ ของรฐั ว่าจะปฏบิ ตั ิหนา้ ทข่ี องตนโดยซือ่ สตั ย์สจุ ริต ไมม่ ีการเรยี กรับเงนิ สินบนหรือ ประโยชน์อ่ืนใด รวมทั้งจะต้องเปิดเผยข้อมูลโครงการที่สาคัญในทุกกระบวนการให้โปร่งใส โดยยอมรับให้มีบุคคล ที่สามที่มาจากภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ (Observer) ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างนั้นๆ ตั้งแต่เร่ิมเขียนทีโออาร์จนส้ินสุดโครงการ โครงการน้ีริเริ่มโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) มีสานักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เป็น หนว่ ยงานของรัฐที่รว่ มดูแลโครงการ
๗ อีกทั้งตอ้ งมีความเป็นกลางและไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในโครงการจัดซื้อจัดจ้างนั้น เข้าร่วมสังเกตการณ์ ในกระบวนการจัดซ้ือจัดจา้ ง คาวา่ “ภาคประชาชน” ในกรณีนี้ หมายความรวมถงึ ภาคสว่ นต่าง ๆ ท่ีมิใช่รฐั เชน่ ภาคธรุ กิจ ภาคประชาสังคม นักวิชาการ เครือข่ายหรือองค์กรท่ีทางานโดยไม่แสวงหาผลกาไร เป็นต้น ดังนั้น ภาคประชาชนท่ีต้องการมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ จึงควรประกอบไปด้วยผู้ท่ีมี ความรู้ มปี ระสบการณ์ มีองคค์ วามรู้ที่หลากหลาย และมจี านวนมาก โดยภาคประชาชนเหล่านี้อาจเป็น ผทู้ ีม่ สี ว่ นได้เสียและไม่มีส่วนได้เสียทั้งทางตรงและทางอ้อมกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐโครงการน้ัน ๆ ก็ได้ แตท่ ีส่ าคัญต้องเป็นการเข้ามามีส่วนร่วมด้วยความสมัครใจ เป็นอิสระ ฉะนั้น การเข้าร่วมของภาคประชาชน เช่นนี้ จะสามารถช่วยขจัดปัญหาของภาครัฐที่มีข้อจากัดด้านงบประมาณ จานวนบุคลากร ทัศนคติ การขาดประสบการณ์และความชานาญต่อการจัดซื้อจัดจ้างท่ีมีจานวนมาก มีความหลากหลายของ ชนิด ประเภท และมขี อ้ มูลจาเพาะมากมาย คณะกรรมการ ตามพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีการ บัญญัติเพ่ิมจานวน “คณะกรรมการกลาง” ในการพิจารณาข้ันตอนจัดซื้อจัดจ้าง โดยแบ่ง คณะกรรมการเป็น ๕ ชุด เพ่ือให้การจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และ ตรวจสอบได้ จากเดมิ ท่ีระเบยี บสานักนายกรฐั มนตรวี ่าดว้ ยการพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม กาหนดใหม้ ีเพียง คณะกรรมการวา่ ด้วยการพัสดุ เพยี งชดุ เดียว องค์ประกอบและอานาจหน้าที่ของคณะกรรมการนั้นเป็นไปตามหมวด ๓ (มาตรา ๒๐ - ๔๕) แหง่ พระราชบญั ญตั กิ ารจดั ซือ้ จัดจ้างและการบรหิ ารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ อนั ประกอบดว้ ย ๑. คณะกรรมการนโยบายการจัดซ้ือจัดจ้างและการบรหิ ารพสั ดภุ าครัฐ มีอานาจกาหนด นโยบาย กฎ ระเบียบ (อธบิ ดกี รมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน เป็นกรรมการโดยตาแหนง่ ) ๒. คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัด ซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ มีอานาจ ตคี วามและวินิจฉัยปัญหา ข้อหารือ เกี่ยวกับการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. กฎกระทรวง หรือระเบียบที่ออก ตามความใน พ.ร.บ. นี้ (ผูแ้ ทนกรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถิน่ เป็นกรรมการโดยตาแหนง่ ) ๓. คณะกรรมการราคากลางและข้ึนทะเบียนผู้ประกอบการ มีอานาจในการกาหนด หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการกาหนดราคากลาง ๔. คณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต (ค.ป.ท.) มีอานาจในการกาหนดแนวทาง การทาขอ้ ตกลงคณุ ธรรม ๕. คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน มีอานาจในการพิจารณาข้อร้องเรียน พิจารณาอุทธรณ์ (ผแู้ ทนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่นิ เปน็ กรรมการโดยตาแหน่ง)
๘ องค์ประกอบและอานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการ ในส่วนของคณะกรรมการนโยบาย การจัดซื้อจดั จา้ งและการบริหารพัสดุภาครัฐ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือรัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน และมีปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการเป็นกรรมการ โดยตาแหน่งรวมท้ัง ปลัดกระทรวงการคลังด้วย โดยเฉพาะกาหนดให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง ยังมีอานาจแต่งต้ังกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก ๕ - ๗ คน มีอานาจหน้าที่สาคัญ คือ กาหนดนโยบาย เสนอแนะ กากับดูแล วินิจฉัยปัญหา วินิจฉัยความเป็นโมฆะของสัญญาหรือข้อตกลง ตีความวนิ จิ ฉยั ปัญหาข้อหารอื กาหนดแนวทางวิธปี ฏิบตั ิแบบตัวอย่างเกี่ยวกบั การปฏบิ ัตติ ามระเบยี บ สาหรับคณะกรรมการอีก ๔ คณะ ซึ่งมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานทุกคณะ ได้แก่ คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ คณะกรรมการราคา กลางและข้ึนทะเบียนผู้ประกอบการ คณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต และ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน โดยปลัดกระทรวงการคลังยังมีอานาจแต่งต้ัง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก ๕ - ๗ คน อานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการทั้ง ๔ คณะ เป็นหน้าท่ีท่ีสาคัญ เช่น การตีความและวินิจฉัยปัญหาข้อหารือ/ยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงหรือ ระเบยี บ/เสนอความเห็นใหผ้ ้ยู ่ืนข้อเสนอหรือคู่สัญญาเป็นผู้ท้ิงงาน เพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงาน/พิจารณา อุทธรณ์คาส่ังลงโทษผู้ท้ิงงาน/กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกาหนดราคากลาง/ตีความและวินิจฉัย ปัญหาข้อหารือเก่ียวกับหลักเกณฑ์และวิธีกาหนดราคากลาง/ยกเว้นหรือผ่อนผันที่ไม่สามารถปฏิบัติ ตามหลกั เกณฑ์หรือวิธีกาหนดราคากลาง/ออกประกาศกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการ ข้ึนทะเบียนผู้ประกอบการที่มีสิทธิเป็นผู้ยื่นข้อเสนอต่อหน่วยงานรัฐ/คัดเลือกผู้สังเกตการณ์เพ่ือเข้า ร่วมโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตจัดซ้ือจัดจ้าง/พิจารณาและวินิจฉัยอุทธรณ์ รวมถึงกรณีท่ี ยงั ไม่ไดท้ าสัญญาสามารถระงับการดาเนินการจัดซื้อจัดจ้างไว้ก่อนได้ กรณีจึงมีข้อสังเกตว่า การปฏิบัติหน้าท่ีของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะมีหลักประกันใน ความเป็นอิสระหรือไม่ และโดยท่ีกระทรวงการคลังอยู่ในกากับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง การปฏิบัติหน้าที่ของปลัดกระทรวงการคลังย่อมอยู่ในการกากับของรัฐมนตรี จึงไม่มีหลักประกัน ในความเป็นอิสระของปลัดกระทรวงการคลังในการปฏิบัติหน้าท่ีที่อาจถูกแทรกแซงโดย “ฝ่ายบริหาร” ผา่ นการใชอ้ านาจกากบั นอกจากนี้ กลไกกฎหมายได้ให้อานาจแก่คณะกรรมการในการใช้ดุลพินิจท่ีกว้างมาก เพอ่ื ให้เกดิ ความรวดเร็วในการปฏิบัตหิ นา้ ท่ี แตห่ ากผู้ปฏิบัติไม่ใช้ดุลพินิจในหลักธรรมาภิบาลแล้วก็จะ เป็นโอกาสให้เกดิ การทุจริตได้ ในขณะเดียวกัน หัวหน้าส่วนราชการเป็นกรรมการโดยตาแหน่งในบาง ตาแหน่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ เช่น ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นกรรมการนโยบายจัดซื้อจัดจ้างและ บริหารพัสดุภาครัฐ หรือกรณีผู้แทนสานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นกรรมการราคากลางและข้ึน ทะเบียนผู้ประกอบการ และกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน ผู้แทนสานักงาน
๙ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต แม้ใน ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้กาหนดให้มีคณะกรรมการว่าด้วยการ พัสดุท่ีมีองค์กรตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ และองค์กรกระบวนการยุติธรรม หากเกิดกรณีกล่าวหา คณะกรรมการต่าง ๆ เก่ียวกับการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะเกิดปัญหาท่ีองค์กรตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ เขา้ ไปมีสว่ นรว่ ม อาจเกิดผลประโยชน์ทบั ซอ้ นได้ สาหรบั อยั การสูงสุด เปน็ กรรมการนโยบายจัดซื้อจัด จ้างและการบริหารพสั ดภุ าครฐั รวมทัง้ กรณผี ู้แทนอยั การสงู สดุ เป็นกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อ จดั จา้ งและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรรมการร่วมมือป้องกันการทุจริตและกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และข้อร้องเรียน เป็นหน้าท่ีขัดกันในหลักของผู้ทาหน้าท่ีกาหนดนโยบาย และขณะเดียวกันทาหน้าท่ี วินิจฉัยปัญหา และพิจารณาอุทธรณ์ข้อร้องเรียน และที่สาคัญคือเป็นการปฏิบัติหน้าท่ีไม่เป็นไปตาม ตาแหน่งทีท่ าหน้าทเี่ ป็นผฟู้ ้องคดขี องรฐั การมีส่วนไดเ้ สียกับผยู้ น่ื ข้อเสนอหรอื คู่สญั ญา ตามพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓ กาหนดให้ในการจัดซื้อจัดจ้างผู้ท่ีมีหน้าที่ดาเนินการ เช่น เจ้าหน้าท่ีพัสดุ คณะกรรมการต่าง ๆ ผู้มีอานาจ อนุมัติต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียกับผู้ย่ืนข้อเสนอหรือคู่สัญญาในงานนั้น อย่างไรก็ตาม บทบัญญัติ ดังกล่าว มิได้บังคับให้หน่วยงานของรัฐจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมซึ่งเป็นการขัดต่อหลักการ เหตผุ ลของพระราชบัญญตั ทิ ่สี ่งเสรมิ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการจัดซ้ือจัดจ้าง ซ่ึงเป็น มาตรการหนึ่งเพ่ือป้องกันปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบ ซ่ึงมิได้มีกาหนดไว้ในระเบียบสานัก นายกรฐั มนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเติม องค์กรสนับสนนุ ดแู ลการจัดซื้อจัดจา้ งและการบรหิ ารพัสดภุ าครฐั บทบญั ญัตใิ นหมวด ๔ (มาตรา ๔๖ ถึงมาตรา ๕๐) แหง่ พระราชบัญญตั ิการจดั ซ้ือจัดจ้าง และการบริหารพัสดภุ าครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้กรมบัญชีกลางทาหน้าท่ีเป็นองค์กรสนับสนุนดูแล การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ มีอานาจหน้าท่ีดูแลและพัฒนาระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ จัดทาฐานข้อมูลราคาอ้างอิงของพัสดุ ประเมินผลการปฏิบัติงานของ หนว่ ยงานของรฐั รวมทง้ั จัดฝึกอบรมเพ่ือส่งเสริมและพัฒนาเจ้าหน้าที่ให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ซ่ึงการกาหนดให้กรมบัญชีกลางมีหน้าที่เพียงองค์กร เดยี วให้รับผดิ ชอบการจัดซอ้ื จัดจ้างของประเทศทง้ั ระบบ โดยมีหนว่ ยย่อยในกรมบัญชกี ลางรับผิดชอบ ในแต่ละหน้าท่ี อาจไม่สามารถต้านทานต่ออิทธพิ ลของผู้ประสงค์จะทาการทุจริตได้ นอกจากน้ี ยังกาหนดให้เจ้าหน้าท่ีซ่ึงผ่านการฝึกอบรมจากกรมบัญชีกลางและได้รับ แต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งท่ีมีหน้าที่เก่ียวกับการจัดซ้ือจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุเป็นตาแหน่งที่มี เหตุพิเศษและมสี ทิ ธิไดร้ ับเงนิ เพิม่ สาหรับตาแหน่งท่ีมสี ิทธไิ ดร้ บั เงินอน่ื ทานองเดยี วกันตามกฎหมาย
๑๐ การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ตามพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ได้ กาหนดให้ผู้ประกอบการงานก่อสร้างท่ีจะเข้าเป็นผู้ย่ืนข้อเสนอต่อหน่วยงานของรัฐได้น้ันต้องขึ้น ทะเบียนไว้กับกรมบัญชีกลางเท่านั้นหรือให้ผู้ประกอบการพัสดุอ่ืนนอกเหนือจากผู้ประกอบการงาน ก่อสร้างที่จะเข้าร่วมเป็นผู้ย่ืนข้อเสนอต่อหน่วยงานของรัฐได้ผู้ประกอบการนั้นต้องเป็นผู้ที่ได้ข้ึ น ทะเบียนไว้กับกรมบัญชีกลางก็ได้ ซึ่งแต่เดิมได้กาหนดให้ส่วนราชการใดประสงค์จะคัดเลือกผู้มี คุณสมบัติเบ้ืองต้นในการซื้อและการจ้าง ให้แต่ละส่วนราชการกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก ประกาศให้ผู้ที่สนใจทราบโดยเปิดเผย ซ่ึงการที่พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ ภาครัฐได้กาหนดให้ข้ึนทะเบียนไว้ที่กรมบัญชีกลางท่ีเดียวเพื่อให้การพิจารณาจัดช้ันผู้ประกอบการ ก่อสร้างเปน็ มาตรฐานเดยี วกนั ซึ่งทาให้เกิดการรวมศนู ย์ไวท้ ่ีกรมบัญชกี ลาง ดังน้ัน อาจทาให้งานของกรมบัญชีกลางเพ่ิมขึ้นเป็นจานวนมาก ท้ังงานควบคุม ตรวจสอบ กากับ อนุญาต เห็นชอบ ตีความ มาที่กรมบัญชีกลางหมด ซ่ึงอาจทาให้เกิดปัญหาด้าน ทรัพยากรบคุ คลได้ การจดั ซ้อื จัดจ้าง ตามระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรีว่าด้วยพัสดุ พ.ศ. 2535 ในการดาเนินการจัดหาพัสดุ มีวิธีการจัดหาพัสดุได้ ๖ วิธี ได้แก่ วิธีตกลงราคา วิธีสอบราคา วิธีประกวดราคา วิธีพิเศษ วิธีกรณี พิเศษ วิธีประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหน้าที่โดยตรงของเจ้าหน้าท่ีพัสดุโดย ดาเนินการตามระเบยี บพสั ดุและระเบียบอ่ืนๆ ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ในการจัดหาพัสดุโดยวิธีตกลงราคาซ่ึงเป็นวิธีการจัดหาท่ีหน่วยงานใช้ในการดา เนินการ มากที่สุด เนื่องจากเป็นการจัดซ้ือพัสดุส้ินเปลือง ที่ใช้ในหน่วยงานเป็นประจาหรือเป็นการจ้างเหมา บริการต่างๆ ปัญหาทพี่ บคือ หนว่ ยงานเจา้ ของงบประมาณมักจะดาเนินการจัดหาพัสดุไปก่อนที่จะขอ อนุมัติหัวหน้าส่วนราชการซ่ึงบางคร้ังเจ้าหน้าท่ีมักเข้าใจว่าเป็นการจัดหาพัสดุแบบเร่งด่วนสามารถ ดาเนินการไปก่อนได้ จึงไมเ่ ป็นการปฏบิ ัตติ ามระเบียบฯ พัสดุ สาหรบั การดาเนนิ การจดั ซอื้ จัดจ้างตามนัยระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๓๔ กาหนดให้หัวหน้าส่วนราชการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อปฏิบัติตามระเบียบ พรอ้ มทัง้ มีระยะเวลากาหนดไว้ให้ดาเนินการด้วย หากคณะกรรมการในแตล่ ะคณะที่ได้รับแต่งต้ังมิได้มี ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดหาพัสดุแล้วย่อมเป็นโอกาสของบุคคลที่มุ่งแสวงหาประโยชน์ท่ีมิ ชอบด้วยกฎหมายจากการจดั หาพสั ดนุ ัน้ ๆได้ ทาใหท้ างราชการได้รับความเสียหายสูญเสียงบประมาณ เปน็ จานวนมาก พระราชบญั ญัติการจัดซ้ือจัดจา้ งและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 กาหนดวิธีการ จัดซื้อจัดจ้างไว้ตามนัยมาตรา ๕๔ ถึงมาตรา ๖๘ โดยเปิดกว้างกว่าระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม เพื่อให้มีการแข่งขันกันเสนอราคา โดยไม่กาหนด
๑๑ วงเงินหรือราคาการจัดซ้ือจัดจ้าง แต่เน้นท่ีคุณภาพของสินค้า ในขณะท่ีระเบียบพัสดุกาหนดให้ คณะกรรมการพิจารณาผลการดาเนนิ การจากผูท้ ี่เสนอราคาตา่ สุด กล่าวโดยสรุปการจัดซ้ือจัดจ้างใช้วิธีประกาศเชิญชวนไปก่อน หากไม่ได้ผลก็ใช้วิธี คัดเลือก และหาก วิธีเชิญชวนและวิธีคัดเลือกไม่ได้ผลให้ใช้วิธีเฉพาะเจาะจง จากผู้ประกอบการ โดยตรงได้ เว้นแต่มีเหตุจาเป็นอ่ืนๆ เช่น จาเป็นเร่งด่วนเพ่ิมเติม หรือ มีข้อจากัดทางเทคนิค หรือ ราชการลับ หลักการจัดซ้ือจัดจ้างตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ มีข้ันตอนที่ชัดเจนตามกฎหมาย และมีราคากลางท่ีกาหนดมาจากส่วนกลาง ทาให้ เจ้าหน้าท่ีปฏิบัติตามได้ง่าย ถือเป็นข้อดีประการหน่ึงเป็นการควบคุมให้ข้าราชการต้องปฏิบัติทาตาม กรอบท่ีกฎหมายกาหนดเป็นการลดการกระทาผิดของเจ้าหน้าท่ีลงได้ ทาให้การทุจริตลดลงได้ขจัด ปัญหาเจ้าหน้าท่ีไม่ปฏิบัติตามระเบียบ หรืออาศัยอานาจหน้าท่ีแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และ ในทางกลับกันทาให้ผู้ปฏิบัติมีเกราะป้องกันตัวได้ในระดับที่ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะมีการเสนอราคา แขง่ ขันกนั ตามความเป็นจรงิ หลักการพิจารณาคัดเลอื กขอ้ เสนอ ตามพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 หลักการ พิจารณาคัดเลือกข้อเสนอตาม “วิธีประกาศเชิญชวน” หรือ “วิธีการคัดเลือก” ต้องคานึงถึง ราคา และเกณฑ์ ดงั นี้ 1.ต้นทนุ ตลอดอายุการใชง้ าน 2.มาตรฐานสนิ คา้ /บริการ 3.บริการหลงั การขาย 4.เป็นพสั ดุทรี่ ัฐตอ้ งการส่งเสริมและสนบั สนนุ 5.การประเมนิ ผลการปฏบิ ัติงานของผูป้ ระกอบการ (กรมบัญชกี ลางจัดทาผลการประเมิน) 6.ขอ้ เสนอด้านเทคนิค/ข้อเสนออื่น 7.เกณฑ์อนื่ ตามกฎกระทรวง ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพัสดุ พ.ศ. 2535 ได้กาหนดให้การจัดหาพัสดุน้ันใช้เกณฑ์ราคาที่ต่าที่สุดเพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้คานึงถึง “คุณภาพ” ในการจัดซื้อจัดจ้างแต่ละครั้ง แต่ตามพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหาร พัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ได้กาหนดให้การจัดซ้ือจัดจ้างแต่ละคร้ังนั้นต้องคานึงถึงประโยชน์ของ หน่วยงานของรัฐ และวัตถุประสงค์ของการใช้งานเป็นสาคัญ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายเงิน ใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพมากที่สุด
๑๒ งานจ้างทีป่ รกึ ษา ตามพระราชบญั ญตั กิ ารจัดซอ้ื จัดจ้างและการบริหารพสั ดภุ าครฐั พ.ศ.2560 กาหนดให้ การจา้ งทปี่ รกึ ษาสามารถกระทาได้ 3 วธิ ี ดังตอ่ ไปน้ี 1.วธิ ปี ระกาศเชญิ ชวนทว่ั ไป 2.วิธีคดั เลอื ก 3.วธิ เี ฉพาะเจาะจง ตาม พระราชบญั ญตั กิ ารจัดซ้อื จดั จ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ฉบับใหม่ น้ี วิธีการงานจ้างท่ีปรึกษาจะเปิดกว้างและละเอียดกว่าเดิม เน้นท่ี “วิธีการแข่งขัน” เพ่ือการแข่งขัน กันเสนอราคา กล่าวอีกนัยหนึ่ง เดิมการจ้างที่ปรึกษากาหนด “วงเงิน”แต่ตามพระราชบัญญัติฉบับ ใหม่ “ไมก่ าหนดวงเงนิ ” ในการจา้ งท่ีปรึกษาแตอ่ ยา่ งใด กล่าวโดยสรุปการจ้างที่ปรึกษาให้ใช้วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไปไปก่อน หากไม่ได้ผลก็ใช้ วิธีคัดเลือก และหากวิธีเชิญชวนท่ัวไปและวิธีคัดเลือกไม่ได้ผลให้ใช้วิธีเฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ตาม กฎหมายใหม่ตอ้ งคานึงถงึ ความคุ้มคา่ และวัตถุประสงค์ของงานจ้างท่ปี รึกษาเปน็ สาคญั การจา้ งออกแบบและควบคมุ งานกอ่ สร้าง ตามพระราชบญั ญตั ิการจดั ซ้ือจดั จ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 กาหนดให้ การจัดซอื้ จดั จา้ งสามารถกระทาได้ 4 วธิ ี ดงั ต่อไปนี้ 1.วธิ ีประกาศเชญิ ชวนทว่ั ไป 2.วิธีคดั เลอื ก 3.วิธีเฉพาะเจาะจง 4.วิธีประกวดแบบ ตามพระราชบญั ญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ฉบับใหม่ นี้ วิธีการงานจ้างออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างจะเปิดกว้างและละเอียดกว่าเดิม เน้นที่ “วิธีการ แข่งขัน” เพื่อการแข่งขันกันเสนอราคา กล่าวอีกนัยหนึ่ง เดิมการจ้างออกแบบและควบคุมงาน กอ่ สร้างกาหนดโดย “วงเงินหรอื ราคา”แต่ตามพระราชบัญญัติฉบับใหม่ “ไม่กาหนดวงเงินหรือราคา” ในการจา้ งออกแบบและควบคมุ งานก่อสรา้ งแตอ่ ย่างใด กล่าวโดยสรุปการจ้างออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างให้ใช้วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไป ก่อน หากไม่ได้ผลก็ใช้วิธีคัดเลือก และหากวิธีเชิญชวนทั่วไปและวิธีคัดเลือกไม่ได้ผลให้ใช้วิธี เฉพาะเจาะจง แต่ถ้าเป็นงานออกแบบงานก่อสร้างท่ีมีลักษณะพิเศษ เป็นท่ีเชิดชูคุณค่าทางด้าน ศิลปกรรมหรือสถาปัตยกรรมของชาติก็ให้ใช้ “วิธีประกวดแบบ” ซ่ึงเป็นวิธีท่ีเพิ่มเติมเข้ามาตาม พระราชบญั ญตั กิ ารจัดซอ้ื จัดจ้างและการบรหิ ารพสั ดุภาครฐั พ.ศ.2560
๑๓ แบบของสญั ญา เนอ้ื หาสาระของสัญญา และการจัดหาตา่ ง ๆ พ.ร.บ.การจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้แบบของ สัญญาต้องเป็นไปตามทคี่ ณะกรรมการกาหนดนโยบายกาหนดโดยความเหน็ ชอบของสานักงานอัยการ สูงสุด และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีพัสดุว่าด้วยการ พัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ให้อานาจ กวพ. เป็นผู้กาหนดแบบสัญญา และไม่ต้อง ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ในกรณีทห่ี นว่ ยงานของรัฐไม่ทาสัญญาตามแบบสัญญา ไม่แก้ไขสัญญา ตามความเห็นของสานักงานอัยการสูงสุด หรือคู่สัญญาไม่ตกลงหรือยินยอมให้แก้ไขสัญญาตาม ความเห็นของสานักงานอัยการสูงสุด หากเป็นส่วนท่ีเป็นสาระสาคัญหรือเป็นกรณีผิดพลาดอย่าง ร้ายแรง ตามมาตรา ๑๐๔ ใหถ้ ือวา่ สัญญาน้นั เป็นโมฆะ และตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและ การบรหิ ารพัสดภุ าครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ กาหนดไว้ชดั เจนว่าหา้ มคู่สญั ญาทาการจ้างช่วง แต่หากจะทาการ จ้างช่วงต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐท่ีเป็นคู่สัญญา ตลอดจนการกาหนดค่าปรับ เป็นการ กาหนดเพ่ิมเตมิ ใหม่ การจัดหาต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้จัดทาขอ้ ตกลงเปน็ หนงั สือโดยไมจ่ าเป็นต้องทาตามแบบสัญญาก็ได้ และในกรณีที่การจัดซ้ือ จัดจ้างมีวงเงินเล็กน้อยตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง ต้องมีหลักฐานในการจัดซ้ือจัดจ้าง โดยไม่ จาเปน็ ต้องทาข้อตกลงเป็นหนังสือไว้ตอ่ กนั กไ็ ด้ ในกรณแี บบของสัญญา เน้ือหาสาระของสัญญาน้ี ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ กาหนดชัดเจนว่าห้ามมีการจ้างช่วง หรือการกาหนดค่าปรับ หรือกาหนดเงื่อนไขอ่ืนๆ ที่เป็นการเพ่ิมเติมใหม่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐที่เป็น คู่สัญญา และกรณีท่ีการจัดซ้ือจัดจ้างมีวงเงินเล็กน้อยตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง ไม่จาเป็นต้องทา ข้อตกลงเป็นหนังสือก็ได้ เพียงแค่มีหลักฐานในการจัดซื้อจัดจ้างก็เพียงพอแล้ว เป็นการกาหนดที่มี ความชัดเจนขึ้น โดยตามระเบียบพัสดุ ไม่ได้กาหนดให้ชัดเจนว่า ห้ามมิให้จ้างช่วง เพียงแต่ได้กาหนด ไว้ในสัญญาเท่าน้ัน อันจะมีผลทาให้คู่สัญญาท่ีกระทาการจ้างช่วงผิดสัญญาจ้าง แต่ตาม พ.ร.บ.การ จัดซื้อจัดจา้ งฯ หากคู่สัญญากระทาการดังกล่าว โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐ จะมีผลทา ใหค้ ่สู ญั ญานั้นกระทาการท่ี ผดิ กฎหมายทนั ที อีกประการหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ยงั กาหนดชัดเจนในกรณีของการจัดหาต่าง ๆ ว่าจะทาข้อตกลงเป็นหนังสือ โดยไม่จาเป็นต้อง ทาตามแบบสัญญาก็ได้ หรือในกรณีท่ีการจัดซื้อจัดจ้างมีวงเงินเล็กน้อยตามที่กาหนดในกฎกระทรวง ต้องมีหลักฐานในการจัดซ้ือจัดจ้าง โดยไม่จาเป็นต้องทาข้อตกลงเป็นหนังสือไว้ต่อกันก็ได้ เป็นการ กาหนดที่มีความยดื หยุ่นมากข้นึ ในการปฏบิ ตั งิ าน เป็นการลดขั้นตอน เพื่อให้มีการดาเนินการตามการ จัดหาได้รวดเร็วยงิ่ ข้ึน
๑๔ การแกไ้ ขสัญญา พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้ส่งร่าง สัญญาท่ีแก้ไขก่อนมีการลงนามไปให้สานักงานอัยการสูงสุดพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แต่หาก การแก้ไขสัญญาหรือข้อตกลงที่ได้ลงนามไปแล้วผู้มีอานาจสามารถพิจารณาแก้ไขได้ แต่ต้องเป็นการ แก้ไขในกรณีดงั ต่อไปน้ี (๑) เป็นการแก้ไขตามมาตรา ๙๓ วรรคห้า (๒) ในกรณีท่ีมีความจาเป็นต้อง แก้ไขสัญญาหรือข้อตกลง หากการแก้ไขน้ันไม่ทาให้หน่วยงานของรัฐ เสียประโยชน์ (๓) เป็นการ แก้ไขเพื่อประโยชน์แก่หน่วยงานของรัฐหรือประโยชน์สาธารณะ (๔) กรณีอ่ืนตามท่ีกาหนดใน กฎกระทรวง เมื่อมีการแก้ไขสัญญาแล้ว มีผลทาให้วงเงินเพิ่มขึ้นหรือลดลง ให้ผู้มีอานาจอนุมัติส่ังซ้ือ หรือสั่งจ้างตามวงเงินเดิม เป็นผู้อนุมัติการแก้ไขสัญญาหรือข้อตกลงด้วย ซ่ึงเป็นการลดข้ันตอนการ ทางาน และขอ้ ถกเถียงกนั ภายในหน่วยงานรัฐด้วย การเผยแพร่สัญญา พ.ร.บ.การจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้ต้องมีการ ประกาศเผยแพร่สาระสาคัญของสัญญาหรือข้อตกลงที่ได้ลงนามแล้ว การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา หรือข้อตกลงในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง และของหน่วยงานของรัฐตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที่กรมบัญชีกลางกาหนดรายละเอียด วิธีการ ขั้นตอนการทาสัญญาท่ีไม่ได้ บัญญัติไว้ในหมวดน้ี ให้เป็นไปตามระเบียบที่รฐั มนตรกี าหนด กรณีการเผยแพร่สัญญาดังกล่าวน้ี เป็นข้อกาหนดใหม่ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัด จ้างและการบรหิ ารพัสดภุ าครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ ซ่ึงเปน็ ประโยชน์ในการบริการการพัสดุ เพราะประชาชน จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่าย หน่วยงานรัฐต่าง ๆ ก็สามารถทราบได้ว่า มีการแก้ไขเปล่ียนแปลง สัญญาหรือไม่ อย่างไร สาหรับการตรวจสอบของสานักงานการตรวจเงินแผ่นดินก็จะสามารถ ตรวจสอบไดโ้ ดยงา่ ย โดยไมต่ อ้ งใหห้ น่วยรับตรวจจัดส่งเอกสารมาให้ตรวจสอบ ซึ่งเป็นการลดข้ันตอน และลดเอกสารด้วย การบอกเลกิ สญั ญา ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรวี า่ ดว้ ยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม การ จะบอกเลิกสัญญาได้มีเพียงเหตุเดียว คือ มีเหตุอันเช่ือได้ว่าผู้รับจ้างไม่สามารถทางานให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาท่ีกาหนด ในขณะท่ีพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ กาหนดเหตุในการบอกเลิกสัญญาเพม่ิ เติม คือ (๑) เหตตุ ามท่กี ฎหมายกาหนด (๒) เหตุอัน เชื่อได้ว่าผู้ขายหรือผู้รับจ้างไม่สามารถส่งมอบงานหรือทา งานให้แล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาท่ี กาหนด (๓) เหตุอื่นตามท่ีกาหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือในสัญญาหรือข้อตกลง (๔) เหตุอ่ืนตาม ระเบียบทีร่ ัฐมนตรกี าหนด
๑๕ พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ ยังได้กาหนด เพ่ิมเติมอีกว่า หากคู่สัญญาเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย คู่สัญญาจะยื่นคาขอ ต่อหน่วยงานของรฐั ให้พจิ ารณาชดใช้คา่ เสียหายก็ได้ โดยให้หน่วยงานของรัฐต้องออกใบรับคาขอให้ไว้ เป็นหลักฐาน และพิจารณาคาขอน้ันโดยไม่ชักช้า พร้อมทั้งแจ้งผลการพิจารณาให้แก่คู่สัญญาด้วย หากคู่สญั ญายงั ไม่พอใจในผลการพิจารณาก็ให้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาล เพื่อเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหายตาม สัญญาต่อไป ทั้งน้ี หลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการพิจารณาคาขอของหน่วยงานของรัฐ ให้ เป็นไปตามระเบียบท่ีรัฐมนตรีกาหนด ซึ่งอย่างน้อยต้องกาหนดให้หน่วยงานของรัฐแต่งต้ัง คณะกรรมการข้ึน เพื่อพิจารณาค่าเสียหาย และการกาหนดวงเงินค่าเสียหายที่ต้องรายงานต่อ กระทรวงการคลงั เพอ่ื พจิ ารณาใหค้ วามเห็นชอบ การกาหนดเหตุในการบอกเลิกสัญญาเพิ่มเติมดังกล่าวข้างต้น เป็นกระบวนการขั้นตอน เยียวยาให้แก่คู่สัญญา ก่อนท่ีจะมีการฟ้องร้อง ดาเนินคดีทางศาล ซ่ึงจะทาให้คดีที่หน่วยงานรัฐเป็น จาเลยหรอื ผูถ้ ูกฟอ้ งคดี มจี านวนลดลง การงด ลด คา่ ปรับ และขยายระยะเวลา พระราชบัญญตั ิการจัดซอ้ื จดั จา้ งและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ ได้กาหนดเหตุ ทีจ่ ะงด ลด ค่าปรับให้แกค่ สู่ ญั ญา หรือการขยายเวลาทาการตามสญั ญาหรอื ข้อตกลง ดังน้ี (๑) เหตุเกิด จากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วยงานของรัฐ (๒) เหตุสุดวิสัย (๓) เหตุเกิดจากพฤติการณ์ อันหน่ึงอันใดที่คู่สัญญาไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย (๔) เหตุอ่ืนตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง ทั้งน้ี หลักเกณฑ์และวธิ ีการทกี่ ระทาการดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกาหนด ในกรณีของ การงด ลด ค่าปรับ และขยายระยะเวลานี้ พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ ได้เพิ่มเหตุอ่ืนตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง และกาหนดว่าหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่ีกระทาการดังกล่าว ให้เป็นไปตามระเบียบท่ีรัฐมนตรีกาหนด แต่ตามระเบียบพัสดุ กาหนดให้ ส่วนราชการระบุไว้ในสัญญาว่าคู่สัญญาต้องแจ้งเหตุให้ส่วนราชการทราบภายใน ๑๕ วัน นับแต่เหตุ นนั้ ไดส้ นิ้ สดุ ลง หากมิไดแ้ จ้งภายในเวลาที่กาหนด คู่สัญญาจะยกมากล่าวอ้างเพื่อขอลดหรืองดค่าปรับ หรือขอขยายเวลาในภายหลังมิได้ เว้นแต่กรณีที่เหตุเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วยงาน ของรฐั ซ่ึงมหี ลกั ฐานชดั แจ้งหรือส่วนราชการทราบดีอยู่แล้วตงั้ แตต่ น้ ในกรณีน้ีการกาหนดหลกั เกณฑ์ วิธีการงด ลดค่าปรับให้แก่คู่สัญญา หรือการขยายเวลา ทาการตามสัญญาหรือข้อตกลงให้เป็นไปตามระเบียบท่ีรัฐมนตรีกาหนด จะเห็นได้ว่า เมื่อกาหนด เชน่ นี้ จะทาใหห้ น่วยงานรัฐมีมาตรฐานเดยี วกนั ในกระบวนการพิจารณาการงด ลด ค่าปรับ หรือขยาย ระยะเวลาทาการ และก่อให้เกิดความเปน็ ธรรมแกค่ ่สู ัญญาของรฐั ด้วย
๑๖ การทห่ี น่วยงานรัฐไมป่ ฏิบัติตาม พ.ร.บ.การจดั ซือ้ จัดจ้างและการบรหิ ารพัสดุภาครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ กรณีน้ีระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไข เพิ่มเติมไมไ่ ดก้ าหนดไว้ แต่ พ.ร.บ.การจัดซ้ือจัดจ้างฯ กาหนดเพ่ิมเติม ในกรณีท่ีสัญญาหรือข้อตกลงที่ หน่วยงานของรัฐ มิได้ปฏิบัติตามพ.ร.บ.การจัดซ้ือจัดจ้างฯ น้ี หากข้อสัญญาหรือข้อตกลงน้ัน ไม่ใช่ สาระสาคัญหรือข้อผิดพลาดไม่ร้ายแรง สัญญา ข้อตกลง ไม่เป็นโมฆะ และให้คณะกรรมการนโยบาย มีอานาจกาหนดว่า กรณีใดเป็นสาระสาคัญ ผิดพลาดอย่างร้ายแรง หรือไม่เป็นสาระสาคัญ ไม่เป็น ผิดพลาดไม่ร้ายแรง และให้มีอานาจวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเก่ียวกับความเป็นโมฆะของสัญญาหรือ ข้อตกลง การท่ีให้อานาจคณะกรรมการนโยบายมีอานาจกาหนดว่า กรณีใดเป็นสาระสาคัญ ผิดพลาดอย่างรา้ ยแรง หรอื ไมเ่ ป็นสาระสาคัญไม่เป็นผิดพลาดไมร่ ้ายแรง และใหม้ ีอานาจวินิจฉัยช้ีขาด ปญั หาเก่ียวกับความเป็นโมฆะของสัญญาหรือข้อตกลง หากหน่วยงานรัฐจะไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การ จัดซื้อจัดจ้างฯ น้ี ต้องให้คณะกรรมการนโยบายวินิจฉัยช้ีขาดปัญหาเก่ียวกับความเป็นโมฆะของ สัญญาหรือข้อตกลง ซึ่งเป็นการถ่วงดุลอานาจของผู้มีอานาจอนุมัติในการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ให้ใช้ ดุลพนิ จิ ทีจ่ ะเอ้ือประโยชนใ์ ห้แก่คู่สญั ญา ข้ันตอน การปฏบิ ตั ิ การบรหิ ารสญั ญาและการตรวจรับพัสดุ พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ กาหนดว่า รายละเอียดวธิ กี ารและขน้ั ตอนการบริหารสัญญาและการตรวจรับพัสดุท่ีไม่ได้บัญญัติไว้ในหมวดนี้ ให้ เป็นไปตามระเบียบท่รี ัฐมนตรกี าหนด กรณีนเ้ี ป็นการกาหนดท่ีมีข้อดี คือ ไม่เกิดความลักล่ันกันในการ ปฏิบัติงาน และจะไดเ้ ป็นแนวทางปฏิบัตแิ นวเดียวกนั สาหรับหน่วยงานรฐั ทุกแหง่ การประเมินผลการปฏบิ ัตงิ านของผปู้ ระกอบการ พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ หมวด ๑๑ เป็นหมวดที่ว่าด้วยการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการ ซึ่งกาหนดเพ่ิมเติมขึ้นใหม่เพ่ือ เป็นหลกั เกณฑ์ วิธีการ ให้แก่หน่วยงานรัฐ ในการพิจารณาคัดเลือกคู่สัญญาอย่างมีประสิทธิภาพ โดย พิจารณาความสามารถในการปฏิบัติงานให้แล้วเสร็จของคู่สัญญาเป็นสาคัญ ประกอบไปด้วย ๓ มาตรา ดงั น้ี “มาตรา ๑๐๖ เพ่ือประโยชน์ของหน่วยงานของรัฐ ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ยื่น ข้อเสนอที่จะเข้ามาเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้หน่วยงานของ รฐั ประเมินผลการปฏบิ ตั ิงานของผู้ประกอบการท่เี ข้าร่วมการจดั ซื้อจัดจ้างกบั หน่วยงานของรฐั การประเมินผลการปฏิบัติงานตามวรรคหน่ึง ให้พิจารณาถึงความสามารถในการ ปฏิบัติงานให้แล้วเสร็จตามสัญญาของคู่สัญญาเป็นสาคัญผู้ประกอบการรายใดที่มีผลการประเมิน
๑๗ ไม่ผ่านเกณฑ์ท่ีกาหนด จะถูกระงับการย่ืนข้อเสนอหรือทาสัญญากับหน่วยงานของรัฐไว้ช่ัวคราว จนกว่าจะมผี ลการปฏบิ ัติงานเป็นไปตามเกณฑ์ที่กาหนด หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการประเมนิ ผลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการตามวรรคหนึ่ง วรรค สองและวรรคสาม ใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บทีร่ ฐั มนตรกี าหนด” มาตรา ๑๐๗ ผลการประเมนิ การปฏิบตั ิงานของผู้ประกอบการตามมาตรา ๑๐๖ ให้เป็น ส่วนหน่ึงของเกณฑใ์ นการพิจารณาคดั เลือกผยู้ ่นื ข้อเสนอกับหนว่ ยงานของรัฐ มาตรา ๑๐๘ ในกรณีท่เี ห็นสมควร รัฐมนตรอี าจออกระเบยี บกาหนดการประเมินผลการ ปฏบิ ัติงานอืน่ นอกเหนอื จากความสามารถในการปฏิบัติงานใหแ้ ล้วเสร็จตามสัญญาก็ได้ เพ่ือประโยชน์ ในการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ให้มี ประสิทธิภาพย่ิงขึ้น และให้นาบทบัญญัติมาตรา ๑๐๖ วรรคสามและวรรคสี่ มาใช้บังคับกับการ ประเมินผลการปฏิบตั งิ านอ่นื โดยอนุโลม ซึ่งระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.๒๕๓๕ มิได้มีการกาหนดผลการประเมินการปฏิบัติงานของผู้เสนอราคาไว้แต่มีการกาหนดผลงานขั้นต่าได้ไม่ เกินร้อยละ ๕๐ ของวงเงินงบประมาณ หรือวงเงินประมาณการตามหนังสือสานักนายกรัฐมนตรี ท่ี นร (กวพ) ๑๓๐๕/ว ๗๙๑๔ ลว. ๒๒ ก.ย. ๔๓ ประกอบมติ ครม. ๒๘ ธ.ค. ๓๖ – ด่วนมาก นร ๐๒๐๒/ว ๑ ลว. ๓ ม.ค. ๓๗ ตอ้ งเป็นผลงานในสัญญาเดียวเทา่ น้ัน นร (กวพ) ๑๒๐๔/ว ๑๑๔๔๑ ลว. ๒๘ พ.ย. ๓๙ การทิ้งงาน พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ กาหนดการ กระทาอันมีลักษณะเป็นการท้ิงงานตามมาตรา ๑๐๙ (๑) – (๖) และกาหนดหลักเกณฑ์วิธีการพิจารณา ส่ังให้ผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญาเป็นผู้ทิ้งงาน และการแจ้งเวียนรายชื่อผู้ทิ้งงาน ให้เป็นไปตามระเบียบที่ รัฐมนตรีกาหนด แต่ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม กาหนดรายละเอียดการพิจารณาเปน็ ผู้ท้ิงงานเป็นกรณี ๆ ไป ตามประเภทการจัดซ้ือจดั จ้าง ส่วนอานาจในการสั่งให้เป็นผู้ท้ิงงาน พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหาร พัสดุภาครัฐ พ.ศ.๒๕๖๐ กาหนดให้เป็นอานาจของปลัดกระทรวงการคลังท่ีจะส่ังให้ผู้ยื่นข้อเสนอหรือ คู่สัญญาเป็นผู้ท้ิงงาน และให้ (๑) แจ้งเวียนรายชื่อผู้ท้ิงงานให้หน่วยงานของรัฐทราบ (๒) แจ้งเวียนใน ระบบเครอื ข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง (๓) แจง้ ใหผ้ ู้ทิ้งงานทราบด้วย มาตรา ๑๐๙ ในกรณีท่ปี รากฏว่าผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐกระทา การดังต่อไปนี้ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้ถือว่าผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญาน้ันกระทาการอันมี ลกั ษณะเปน็ การท้งิ งาน (๑) เป็นผู้ย่ืนข้อเสนอที่ได้รับการคัดเลือกแล้วไม่ยอมไปทาสัญญาหรือข้อตกลงเป็น หนงั สอื กับหนว่ ยงานของรัฐภายในเวลาทก่ี าหนด (๒) คู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐหรือผู้รับจ้างช่วงที่หน่วยงานของรัฐอนุญาตให้รับช่วง งานได้ไมป่ ฏบิ ตั ิตามสญั ญาหรือข้อตกลงเปน็ หนังสอื น้ัน
๑๘ (๓) เม่ือปรากฏว่าผู้ย่ืนข้อเสนอหรือคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐกระทาการอันมี ลกั ษณะเป็นการขัดขวางการแขง่ ขันราคาอยา่ งเป็นธรรม หรอื กระทาการโดยไม่สจุ ริต (๔) เมื่อปรากฏว่าผลการปฏิบัติตามสัญญาของท่ีปรึกษาหรือผู้ให้บริการงานจ้าง ออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้างมีข้อบกพร่อง ผิดพลาด หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงาน ของรฐั อยา่ งรา้ ยแรง (๕) เมื่อปรากฏว่าผู้ให้บริการงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้างหรือ ผปู้ ระกอบการงานก่อสรา้ งไมป่ ฏิบตั ติ ามมาตรา ๘๘ (๖) การกระทาอ่นื ตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง ให้ปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้มีอานาจสั่งให้ผู้ย่ืนข้อเสนอหรือคู่สัญญาเป็นผู้ทิ้งงาน และให้แจ้งเวียนรายช่ือผู้ท้ิงงานให้หน่วยงานของรัฐทราบกับแจ้งเวียนในระบบเครือข่ายสารสนเทศ ของกรมบัญชกี ลางรวมทง้ั แจ้งให้ผ้ทู งิ้ งานทราบดว้ ย ในกรณีท่ีนิติบุคคลเป็นผู้ท้ิงงาน ถ้าการกระทาดังกล่าวเกิดจากหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอานาจในการดาเนินงานในกิจการของนิติบุคคลน้ัน ให้ส่ังให้ บุคคลดังกลา่ วเปน็ ผูท้ ้ิงงานด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาสั่งให้ผู้ย่ืนข้อเสนอหรือคู่สัญญาเป็นผู้ทิ้งงาน และการ แจง้ เวียนรายชือ่ ผทู้ ง้ิ งาน ใหเ้ ป็นไปตามระเบียบทร่ี ัฐมนตรกี าหนด การเพิกถอนการเปน็ ผทู้ ง้ิ งาน พ.ร.บ.การจดั ซอื้ จดั จา้ ง ฯ กาหนดเพิม่ เตมิ ให้ผทู้ ถ่ี ูกสง่ั ใหเ้ ป็นผู้ท้ิงงาน สามารถร้องขอให้ เพิกถอนการเป็นผู้ทิ้งงานได้ โดยอย่างน้อยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ (๑) เป็นผู้ท่ีมีฐานะ การเงินม่ันคง (๒) มีการชาระภาษีโดยถูกต้องตามกฎหมาย และ (๓) ได้พ้นกาหนดระยะเวลาการ แจง้ เวียนรายช่อื ให้เป็นผทู้ ้งิ งานตามระเบยี บทร่ี ฐั มนตรีกาหนด สาหรบั รายละเอยี ดหลกั เกณฑ์และวิธีการในการขอเพิกถอน และการพิจารณาเพิกถอน การเป็นผทู้ ้งิ งาน ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบที่รฐั มนตรกี าหนด มาตรา ๑๑๐ ผู้ที่ถูกสง่ั ให้เปน็ ผู้ทิง้ งานตามมาตรา ๑๐๙ อาจรอ้ งขอใหไ้ ด้รับการเพิกถอน การเปน็ ผ้ทู ้งิ งานได้ โดยอย่างนอ้ ยต้องเปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปน้ี (๑) เปน็ ผทู้ ่ีมฐี านะการเงินม่ันคง (๒) มีการชาระภาษีโดยถูกตอ้ งตามกฎหมาย และ (๓) ได้พ้นกาหนดระยะเวลาการแจ้งเวียนรายชื่อให้เป็นผู้ทิ้งงานตามระเบียบที่รัฐมนตรี กาหนด หลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารในการขอเพิกถอนการเป็นผู้ทิ้งงานและการพิจารณาเพิกถอนการ เปน็ ผทู้ ง้ิ งานให้เป็นไปตามระเบียบท่รี ฐั มนตรีกาหนด
๑๙ ผลของการเปน็ ผ้ทู ง้ิ งาน พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง ฯ มาตรา ๑๑๑ กาหนดว่า เมื่อได้มีการแจ้งเวียนรายชื่อผู้ทิ้ง งานตามมาตรา ๑๐๙ แล้ว ไมใ่ ห้หน่วยงานของรัฐทาการจัดซื้อจัดจา้ งกับผู้ทิ้งงาน และนิติบุคคลที่ผู้ท้ิง งานเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการผู้บริหาร หรือผู้มีอานาจในการดาเนินงานในกิจการของ นิตบิ คุ คลน้นั ด้วย เวน้ แตจ่ ะไดม้ ีการเพิกถอนการเปน็ ผ้ทู ้งิ งานตามมาตรา ๑๑๐ แล้ว การบรหิ ารพัสดุ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม กาหนด เร่ืองการบริหารพัสดุและรายละเอียดของระเบียบไว้ในหมวด 3 โดยกาหนดแยกประเภทไว้ทั้ง การเกบ็ รักษา การเบิก-จ่าย การยืม การแลกเปลี่ยน การเช่า การจาหน่าย การจาหน่ายเป็นสูญ การ ส่งออกบัญชีหรือทะเบียน แต่พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดรวมเรื่องดังกล่าวไว้ในหัวข้อการบริหารพัสดุ ตามมาตรา 112 และ 113 โดย รายละเอียดแยกออกมาประกาศตามท่ีรัฐมนตรีกาหนด ซึ่งการที่รัฐมนตรีมาจากฝ่ายการเมืองเป็นผู้ สามารถกาหนดขอ้ กฎหมายเก่ียวกับการบริหารพัสดุของภาครัฐได้ด้วยตัวเอง อาจทาให้มีการกาหนด ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารพัสดุของรัฐให้เอื้อประโยชน์แก่ข้าราชการการเมืองและ บุคคลท่ี เกี่ยวขอ้ งไดง้ า่ ยขึ้น การอทุ ธรณ์คาสัง่ เกี่ยวกับการจดั ซือ้ จดั จ้าง พระราชบญั ญัติการจัดซอ้ื จัดจา้ งฯ ให้สิทธิอุทธรณ์กับผู้ยื่นข้อเสนอเพ่ือการจัดซ้ือจัดจ้าง ทุกรายท่ีเห็นว่าหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบที่กาหนดใน พระราชบัญญัติการ จดั ซือ้ จัดจ้างฯ หรอื กฎกระทรวง หรือระเบยี บอน่ื ๆ ทีเ่ ป็นเหตใุ หต้ นไมไ่ ดร้ บั การประกาศผลเป็นผู้ชนะ หรือไม่ได้รับการคัดเลือกภายใน 7 วัน นับแต่การประกาศผลการจัดซ้ือจัดจ้างในระบบของ กรมบัญชีกลาง แตกต่างจากระเบียบสานักนายกฯ เดิม ที่ให้สิทธิอุทธรณ์ต่อผู้เสนอราคาจากการถูก ตดั สิทธกิ ารเป็นผเู้ สนอราคาใน 3 วนั หลังจากได้รบั แจ้งการตดั สทิ ธิ นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวผู้พิจารณาอุทธรณ์จากปลัดกระทรวง กระทรวงการคลังเป็นเปล่ียนเป็นส่วนราชการนั้น ๆ ที่ตัดสิทธิของผู้เสนอราคาหรือทาการจัดซ้ือจัด จ้าง ซ่ึงหน่วยราชการท่ีทาการจัดซ้ือจัดจ้างดังกล่าวจะต้องพิจารณาและวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จ ภายใน 7 วนั ทาการนับแต่วนั ที่ได้รบั เรือ่ งอุทธรณ์ โดยการพิจารณาอุทธรณ์หากเห็นด้วยกับผู้อุทธรณ์ กใ็ หห้ น่วยราชการนัน้ ๆ ดาเนินการตามท่ีขออุทธรณ์ หากไม่เห็นด้วยไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วนกับ การอุทธรณ์นั้นให้หน่วยงานน้ัน ๆ รายงานความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังคณะกรรมการพิจารณา อุทธรณ์ ภายใน 3 วันทาการนับแต่พ้นกาหนด 7 วัน ท่ีส่วนราชการจะต้องพิจารณาอุทธรณ์ให้เสร็จ ดังกลา่ ว
๒๐ ท้ังนี้ คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์มีเวลาพิจารณาเร่ืองอุทธรณ์ 30 วันนับแต่วันได้รับ รายงานหากพิจารณาไม่ทันกาหนดให้ขยายเวลาได้ 2 คร้ัง คร้ังละไม่เกิน 15 วัน ซ่ึงการวินิจฉัยของ กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ถือเป็นสิ้นสุดแม้ว่ากรรม การวินิจฉัยอุทธรณ์จะพิจารณาไม่ทัน พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฯ ก็ให้ถือว่าให้ยุติเร่ืองและแจ้งผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้รับการ คัดเลือกทราบและทาให้การจัดซ้ือจัดจ้างต่อไป หรือหากมีมติประการใดก็ให้ถือปฏิบัติตามหากผู้ใด ขัดขืนให้ถือว่ามีความผิดฐานขัดคาส่ังเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ตาม มาตรา 121 แห่ง พระราชบัญญัติการจัดซือ้ จดั จา้ งฉบบั นี้ อย่างไรก็ตาม แม้ตามพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างฯ จะกล่าวว่าคาวินิจฉัยของ คณะกรรมการวินจิ ฉัยอุทธรณถ์ อื เปน็ สน้ิ สดุ แตก่ เ็ ปิดช่องให้ผู้อุทธรณ์ว่าหากยังเห็นว่าหน่วยงานของรัฐ ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายยังคงมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลเพ่ือเรียกให้หน่วยงานของรัฐชดใช้ ค่าเสียหายก็ยังสามารถทาได้ โดยการใช้สิทธิอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฯ ดังกล่าว ต้องไมใ่ ชข่ อ้ ที่ตอ้ งหา้ มอุทธรณต์ ามมาตรา 115 แหง่ พระราชบัญญัตกิ ารจดั ซือ้ จดั จ้างฯ ฉบบั นี้ จากข้อกฎหมายดังกล่าวมีข้อสังเกตว่าระยะเวลาอุทธรณ์จะเพิ่มข้ึนและมีการกาหนด ระยะเวลาและหน่วยงานตลอดจนรูปแบบของการอุทธรณ์และพิจารณาอุ ทธรณ์ไว้ชัดเจนใน พระราชบัญญัติดังกล่าว แต่การทีเร่ืองอุทธรณ์ท่ีพ้นกาหนดระยะเวลาในการพิจารณาของ คณะกรรมการพจิ ารณาอุทธรณ์ถือว่ายุติเร่ืองและให้ดาเนินการจัดซ้ือจัดจ้างต่อไปได้นั้นเห็นว่าจะเป็น ชอ่ งโหว่ของการปฏิบตั ไิ ด้ หากว่ามกี ารดึงเวลาพจิ ารณาใหเ้ ลยระยะเวลาก็อาจทาให้การป้องกันความ เสียหายท่ีจะเกิดจากการจัดซ้ือจัดจ้างท่ีไม่ถูกต้องไม่อาจกระทาได้อย่างมีประสิทธิผล เพราะแม้ผู้มี สิทธิอุทธรณ์จะยังมีสิทธิในทางศาลแต่ตาม พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างฯ กาหนดว่าผลของคา ตดั สนิ ในทางศาลไมอ่ าจมผี ลกระทบตอ่ การจดั ซอ้ื จดั จ้างที่ได้ลงนามไปแล้ว บทกาหนดโทษ ตามนัยมาตรา ๑๒๐ แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารภาครัฐ พ.ศ. 2560 ได้บัญญัติกาหนดโทษของเจ้าหน้าที่หรือผู้มีอานาจหน้าท่ีในการดาเนินการเก่ียวกับการจัดซ้ือ จัดจ้างหรือการบริหารพัสดุ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดซ้ือจัดจ้างหรือการบริหาร พัสดุ...เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดซ้ือจัด จ้างหรือการบริหารพัสดุ... โดยทุจริต ต้องระวางโทษ... แต่ตามข้อ ๑๐ แห่งระเบียบสานัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.๒๕๓๕ กาหนดให้ผู้ท่ีมิได้ปฏิบัติตามระเบียบมีความผิดวินัยตาม กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการหรือตามกฎหมายเฉพาะของส่วนราชการนั้น ภายใต้หลักเกณฑ์... ทั้งน้ีการลงโทษทางวินัยไม่เป็นเหตุให้ผู้กระทาหลุดพ้นจากความรับผิดทางแพ่งตามกฎหมายและ ระเบียบของทางราชการทเี่ กีย่ วขอ้ งหรอื ความรบั ผดิ ทางอาญา (ถา้ ม)ี
๒๑ ดงั นนั้ จึงเหน็ ได้ว่า พระราชบญั ญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารภาครัฐ พ.ศ. 2560 มกี ารกาหนดโทษที่ชัดเจนขึ้น ซง่ึ อาจทาให้ผเู้ กย่ี วขอ้ งกบั การจดั ซื้อจัดจา้ งเกรงกลวั ต่อการกระทาผิดไดบ้ ้าง ข้อดีและขอ้ เสียของพระราชบัญญตั กิ ารจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดภุ าครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดกรอบ มาตรฐานกลางใช้เป็นแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของภาครัฐ ซึ่งจะทาให้เป็น มาตรฐานเดียวกัน (Single Procurement Standard) โดยการกาหนดเกณฑ์มาตรฐานกลาง เพื่อให้ หน่วยงานของรัฐทุกแห่งนาไปใช้ เป็นหลักปฏิบัติ มุ่งเน้นการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชน เพื่อให้เกิด ความโปร่งใส และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม มีการดาเนินการจัดซ้ือ จัดจ้างที่คานึงถึง วัตถุประสงค์ของการใช้งานเป็นสาคัญ ซ่ึงจากการรวบรวมแนวความคิดและข้อแตกต่างกับระเบียบ สานักนายกรฐั มนตรีฯ แลว้ พอที่จะวิเคราะหส์ รปุ ขอ้ ดี และข้อเสียได้ ดงั น้ี ๑. ขอบเขตการใช้บังคับ ขอ้ ดี ข้อเสีย พ.ร.บ.การจัดซ้ือจัดจ้างฯ มีการขยาย พ.ร.บ.การจัดซ้ือจัดจ้างฯ มีข้อยกเว้นไม่ใช้ ขอบเขตการใช้บังคับกับหน่วยงานรัฐเพิ่มข้ึน บงั คับแก่กรณกี ารจัดซ้อื จัดจ้างบางกรณี เชน่ (๑) การ กล่าวคือ จากเดิมท่ีให้ใช้เฉพาะกับส่วนราชการ เป็น จัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจที่เก่ียวกับการพาณิชย์ ให้รวมถึงรัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ องค์การมหาชน โดยตรง (๒) การจัดซ้ือจัดจ้างยุทโธปกรณ์ และการ หน่วยงานอิสระ มหาวิทยาลัยภายใต้กากับของรัฐ บรกิ ารทางทหารโดยวธิ รี ัฐบาลตอ่ รัฐบาล (จที ูจ)ี หรอื ซึ่งการขยายขอบเขตการใช้บังคับนี้ ทาให้การ โดยการจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศ ท่ีกฎหมาย ดาเนินการจดั ซอ้ื จัดจา้ งเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ของประเทศน้ันกาหนดไว้เป็นอย่างอ่ืน (๓) การจัดซื้อ นอกจากนี้ พ.ร.บ.ฉบับน้ี ยังกาหนดให้ จดั จ้างเพือ่ การวิจยั และพฒั นา หรอื การจ้างที่ปรึกษา หน่วยงานของรัฐสามารถขอออกกฎหมายลาดับรอง ท่ีไมส่ ามารถดาเนนิ การ ตาม พ.ร.บ.ฉบบั น้ีได้ เป็นตน้ เกี่ยวกับการจัดซ้ือจัดจ้างขึ้นใช้เองได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ การยกเวน้ ไม่ใช้บงั คบั กบั กรณดี งั กล่าวข้างต้น เป็นการ เกดิ ความยดื หย่นุ และคลอ่ งตวั ในการปฏิบัตงิ าน เอื้อประโยชน์ หรือเปิดช่องให้มีการทุจริต กล่าวคือ หากรฐั วิสาหกิจมีการจัดซ้ือจัดจ้าง ซ่ึงมีโครงการหนึ่งท่ี ต้องใช้งบประมาณหลายพันล้าน หรอื กรณีการจัดซื้อ อาวุธ ทั้งรถถังและเรือดาน้าของกองทัพหรือ กระทรวงกลาโหม การจัดซ้ือจัดจ้างดังกล่าว จะถูก ปกปิดเป็นความลับ ไม่สามารถตรวจสอบได้ และ อาจส่งผลให้มีการใช้ดุลยพินิจท่ีเอ้ือประโยชน์ต่อ ตนเองและพวกพ้อง นาไปสกู่ ารทุจรติ เชิงนโยบาย
๒๒ ๒. การใชข้ ้อตกลงคณุ ธรรม (Integrity Pact) ข้อดี ขอ้ เสยี มีการกาหนดกระบวนการท่ีเกี่ยวข้องกับ ก า ร จัด ซื้อ จัด จ้า ง ที่ต้อ ง จัด ทา ข้อ ต ก ล ง การตรวจสอบ โดยนาหลักการทาข้อตกลงคุณธรรม คุณธรรม ต้องเป็นไปตามที่คณะกรรมการ ค.ป.ท. เข้ามา ทาให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามา ประกาศกาหนด และอาจกาหนดแนวทาง วิธีการ มีส่วนร่วมตรวจสอบโครงการหลังจากมีการลงนาม ต่าง ๆ ในการดาเนินงานโครงการ รวมถึงแบบของ ในสัญญาแล้ว โดยในการกาหนดเช่นน้ี เพื่อให้เกิด ข้อตกลงคุณธรรม เพื่ออานวยความสะดวกให้ภาค ความโปร่งใสในการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งเป็น ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐก็ได้ มาตรการป้องกันการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง มีความ ท้ังน้ี ให้เป็นไป ตามท่ีคณะกรรมการ ค.ป.ท. ประกาศ คล่องตัวและความยืดหยุ่นในการดาเนินงาน และ กาหนดในราชกิจจานเุ บกษา เปน็ การวางหลักคิด บรรทัดฐานให้เกิดความโปร่งใส การกาหนดให้นาข้อตกลงคุณธรรมมาใช้ใน ทุกข้ันตอนภายใต้การตรวจสอบของสาธารณะ และ กระบวนการจัดซ้ือจัดจ้างน้ี อาจไม่สามารถใช้ได้กับ บงั คับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีพันธะสัญญา เช่น ฝ่ายรัฐ ทุกโครงการ และตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ ต้องให้ความเท่าเทยี ม ยุตธิ รรมและเปิดเผย คู่ค้าต้อง ยังขาดบทลงโทษ และบทบาทอานาจของผู้สังเกตการณ์ ซื่อตรง ตั้งใจจริงและเปิดเผยขณะที่ผู้สังเกตการณ์ ที่ชัดเจน แม้ว่าการทาข้อตกลงคุณธรรมภาคเอกชน กต็ ้องซ่ือสัตย์ ทุ่มเทและเปดิ เผยเชน่ กนั และภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบ โ ค ร ง ก า ร ห ลัง จ า ก ล ง น า ม ใ น สัญ ญ า แ ล้ว ก็ต า ม แต่คณะกรรมการ ค.ป.ท. ก็ยงั คงมีอานาจในการกาหนด แนวทาง วิธีการต่าง ๆ รวมถึงแบบของข้อตกลง คุณธรรม ในการดาเนินงานโครงการ ซ่ึงภาคเอกชน หรอื ประชาชนยังไม่มีส่วนรว่ มอยา่ งแท้จริง ๓. การเพ่ิมจานวนคณะกรรมการกลาง ขอ้ ดี ข้อเสีย การพิจารณาขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง มีการ การแต่งตั้งคณะกรรมการฯ จากผู้ทรงคุณวุฒิ เพ่ิมคณะกรรมการกลางขึ้นมาเป็นจานวน ๕ ชุด และข้าราชการระดบั สูงตาแหนง่ ระดบั อธบิ ดหี รือผู้แทน ดังนี้ (๑) คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้าง อาจเกิดปัญหาทางปฏิบัติได้ กล่าวคือ ข้าราชการ และการบริหารพัสดุภาครัฐ (๒) คณะกรรมการ ระดับสูงตา่ งกม็ ีงานประจาที่ต้องปฏิบัติในส่วนของตน วินิจฉัยปัญหาการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุ อยู่แล้ว อาจทาให้งานคณะกรรมการฯ ที่รับมอบหมาย ภาครัฐ (๓) คณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียน ล่าช้าและไม่ต่อเน่ืองได้ งานการจัดซื้อจัดจ้าง ถือเป็น ผปู้ ระกอบการ (๔) คณะกรรมการความร่วมมือป้องกัน งานฝาก อาจทาให้ไมไ่ ด้ศึกษาขอ้ มลู เตรียมการลว่ งหนา้ การทุจริต (๕) คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และ ก่อนเข้าที่ประชุมพิจารณาคณะกรรมการฯ และอาจ ข้อร้องเรียน โดยกาหนดให้มีการแต่งตั้งจาก ทาให้เกิดกรณีท่ีมีผู้แทนฯ มาประชุมแทนไม่ก่อให้เกิด ผทู้ รงคุณวุฒแิ ละข้าราชการระดบั สูง ตาแหนง่ ระดบั ความต่อเนือ่ งของงาน ทาให้ผลการประชมุ ในแต่ละคราว
๒๓ ข้อดี ขอ้ เสีย อธิบดีหรือผู้แทน การมีคณะกรรมการต่าง ๆ จะทา ถูกต้องครบถ้วนในการกาหนดคณะกรรมการต่าง ๆ ให้กระบวนการของการจัดซื้อจัดจ้างดาเนินการไป และมีการให้อานาจแก่คณะกรรมการในการใช้ ด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และสามารถ ดลุ พนิ จิ ทีก่ ว้างขวางมาก อาจก่อให้เกิดปัญหาในการ ตรวจสอบได้ ใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการ และอาจเกิดปัญหา ความไมเ่ ปน็ อสิ ระของผู้ปฏบิ ัตหิ นา้ ทก่ี รรมการ ๔. การข้ึนทะเบยี นแบบรวมศนู ยไ์ ว้กับกรมบญั ชกี ลาง ข้อดี ขอ้ เสยี การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการแบบรวม การแต่งตั้งคณะกรรมการฯ จากผู้ทรงคุณวุฒิ ศูนย์ไว้กับกรมบัญชีกลาง ทาให้ตรวจสอบได้ง่าย และข้าราชการระดับสูงตาแหน่งระดับ อธิบดีหรือ และข้อมูลมีความน่าเช่ือถือมากกว่าที่จะให้ ผู้แทน อาจเกิดปัญหาทางปฏิบัติได้ กล่าวคือ หน่วยงานแตล่ ะหน่วยงานต่างข้ึนทะเบียน เนื่องจาก ข้าราชการระดับสูงต่างก็มีงานประจาท่ีต้องปฏิบัติ ขอ้ มูลได้ถูกรวบรวมไว้เพียงกรมบัญชีกลางแห่งเดียว ในส่วนของตนอย่แู ล้ว อาจทาใหง้ านคณะกรรมการฯ ไมก่ ระจัดกระจายทาให้ประชาชนเข้าถงึ ขอ้ มลู ได้มากข้นึ ที่รับมอบหมายล่าช้าและไม่ต่อเนื่องได้ งานการ ในกรณีท่ีสานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จะตรวจสอบ จัดซ้ือจัดจ้าง ถือเป็นงานฝาก อาจทาให้ไม่ได้ศึกษา การจัดซ้ือจัดจ้าง หรือตรวจสอบคุณสมบัติของ ข้อมูลเตรียมการล่วงหน้าก่อนเข้าท่ีประชุมพิจารณา ผู้ประกอบการท่ีเข้าเสนอราคา ก็สามารถตรวจสอบ คณะกรรมการฯ และอาจทาให้เกิดกรณีท่ีมีผู้แทนฯ ได้จากระบบของกรมบัญชีกลาง ซ่ึงเป็นการย่น มาประชุมแทนไม่ก่อให้เกิดความต่อเนื่องของงาน ระยะเวลาในการตรวจสอบ ทาให้ผลการประชุมในแต่ละคราวถูกต้องครบถ้วน ในการกาหนดคณะกรรมการต่าง ๆ และมีการให้ อ า น า จ แ ก ่ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ใ น ก า ร ใ ช ้ด ุล พ ิน ิจ ท่ี กว้างขวางมาก อาจกอ่ ให้เกิดปญั หาในการใชด้ ลุ พินจิ ของคณะกรรมการ และอาจเกิดปัญหาความไม่เป็น อสิ ระของผ้ปู ฏบิ ัติหน้าทกี่ รรมการ
๒๔ ๕. วิธกี ารจดั ซ้อื จัดจ้าง วธิ กี ารจา้ งท่ปี รึกษา วธิ ีการจา้ งออกแบบและควบคมุ งาน ขอ้ ดี ขอ้ เสยี วิธีการจดั ซ้ือจดั จ้างและวิธีการจ้างที่ปรกึ ษา การพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอในการจัดซื้อ มี ๓ วิธี คือ ประกาศเชิญชวนท่ัวไป คัดเลือก และ จัดจา้ ง วธิ กี ารจา้ งที่ปรึกษา วธิ กี ารจ้างออกแบบและ เฉพาะเจาะจง ส่วนวธิ ีการจ้างออกแบบและควบคุม ควบคุมงาน โดยให้พิจารณาประโยชน์ วัตถุประสงค์ งาน มี ๔ วิธี คือ ประกาศเชิญชวนท่ัวไป คัดเลือก ของงานเป็นสาคัญ และให้คานึงถงึ เกณฑต์ ่าง ๆ ด้าน เฉพาะเจาะจง และประกวดแบบ ซึ่งการกาหนดวิธี คุณภาพประกอบ โดยไม่จาเป็นต้องใช้เกณฑ์ราคา ต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นนี้ เป็นการเปิดกว้างให้แก่ ต่าสุด และให้รัฐมนตรีออกระเบียบกาหนด ผู้รับจ้าง โดยไม่กาหนดวงเงินหรือราคาต่าสุด หลักเกณฑ์เกี่ยวกับมาตรฐานของสินค้าบริการ แต่ให้คานึงถึงคุณภาพและความคุ้มค่าของเงิน บริการหลังการขาย ข้อเสนอด้านเทคนิค ฯลฯ นั้น เป็นสาคัญ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรัฐมากกว่าการใช้ อาจเป็นการเปิดช่องให้ มีการใช้ดุลพินิจไปในทางท่ี เกณฑ์ราคาต่าสุด เนื่องจากจะได้รับสินค้าและบริการ เอ้ือประโยชน์แก่ผู้รับจ้าง หรือผู้ซื้อรายใดรายหน่ึง ท่ีมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพมากขึ้น ซ่ึงแตกต่างจาก และอาจทาการตรวจสอบไดย้ าก เนื่องจากให้อานาจ การกาหนดราคากลางขั้นต่า กล่าวคือ การกาหนด การใชด้ ลุ พินิจในการพจิ ารณาคัดเลอื กมากเกินไป ราคากลางข้ันต่าท่ีเป็นราคาเพดานสูงสุดในการ จัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ น้ัน ทาให้รัฐสูญเสียประโยชน์ที่ จะไดร้ บั สนิ คา้ และบรกิ ารที่ดีมีคุณภาพ เพราะเมื่อราคา ต่ากว่าราคาท้องตลาดทั่วไป สินค้าและบริการก็จะ ด้อยคุณภาพ ตามไปดว้ ย ๖. การประเมนิ ผลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการ ข้อดี ข้อเสีย กา ร ป ระ เมิ น ผล ก า รป ฏิ บั ติ งา น ข อง หลักเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงาน ผู้ประกอบการ โดยกาหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของ ของผู้ประกอบการ ให้อานาจรัฐมนตรีออกระเบียบ เกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ย่ืนข้อเสนอกับ กาหนดการประเมินผลการปฏิบัติงาน ในกรณีท่ี หน่วยงานของรัฐและให้พิจารณาความสามารถ เห็นสมควร ซึ่งเป็นการให้อานาจใช้ดุลพินิจมาก ในการปฏิบัติงานแล้วเสร็จของคู่สัญญาเป็นสาคัญ เกินไป อาจก่อให้เกิดการออกระเบียบ ท่ีเอื้อ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่หน่วยงานรัฐในการพิจารณา ประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่ง และ คดั เลือกคูส่ ญั ญาได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ อาจทาการตรวจสอบไดย้ าก
๒๕ ๗. การอทุ ธรณ์ ขอ้ ดี ข้อเสยี ให้สิทธิอุทธรณ์กับผู้ยื่นข้อเสนอเพ่ือการ ผู้พิจารณาอุทธรณ์ คือ ส่วนราชการท่ีตัด จัดซื้อจัดจ้างทุกรายท่ีเห็นว่าหน่วยงานของรัฐมิได้ สิทธิของผู้เสนอราคาหรือทาการจัดซื้อจัดจ้าง หาก ปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติจัดซ้ือจัดจ้างฯ เห็น ด้ว ยกั บผู้ อุท ธร ณ์ให้ส่ว นร าช กา รนั้ น ๆ หรอื กฎกระทรวง หรอื ระเบยี บอนื่ ๆ ทีเ่ ป็นเหตใุ หต้ น ดาเนินการตามทขี่ ออุทธรณ์ หากไม่เห็นด้วยไม่ว่าจะ ไม่ได้รับการประกาศผลเป็นผู้ชนะหรือไม่ได้รับการ ทั้งหมดหรือบางส่วนให้รายงานความเห็นพร้อม คัดเลือกภายใน ๗ วัน นับแต่การประกาศผลการ เหตุผลไปยังคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และ จัดซ้ือจัดจ้างในระบบของกรมบัญชีกลาง ซ่ึงขยาย คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ ต้องพิจารณาเร่ือง ระยะเวลาจากเดมิ ท่ีระเบยี บสานกั นายกฯ กาหนดให้ ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันได้รับรายงาน หากพิจารณา สิทธิอุทธรณ์เป็นเวลาแค่เพียง ๓ วัน หลังจากได้รับ ไม่ทันกาหนดให้ขยายเวลาได้ ๒ ครั้ง ครั้งละไม่เกิน แจ้งการตดั สทิ ธิ ๑๕ วัน การวินิจฉัยของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ ถื อ เ ป็ น สิ้ น สุ ด แ ม้ ว่ า ก ร ร ม ก า ร วิ นิ จ ฉั ย อุ ท ธ ร ณ์ จะพิจารณาไม่ กใ็ หถ้ ือว่าใหย้ ตุ เิ ร่อื ง การที่ให้ส่วนราชการท่ีตัดสิทธิของผู้เสนอ ราคาหรือทาการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นผู้พิจารณา อุทธรณ์ อาจก่อให้เกิดการพิจารณาท่ีคลาดเคลื่อน ไม่ตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากการพิจารณาไปใน ลกั ษณะท่ีเออื้ ประโยชน์ให้แก่หน่วยงานตนเอง ทั้ง ๆ ท่ี ส่วนราชการน้ัน ๆ มิได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ จดั ซ้อื จดั จา้ งฯ กฎกระทรวง หรือระเบียบอ่ืน ๆ อีกประการหนึ่งกรณีอุทธรณ์พ้นกาหนด ระยะเวลาการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณา อุทธรณ์ให้ถือว่ายุติเร่ือง และให้ดาเนินการจัดซื้อ จัดจ้างต่อไปได้นั้น อาจจะเป็นช่องโหว่ของการ ปฏบิ ัตงิ านได้เนอื่ งจากอาจมีการประวิงการพิจารณา ให้ล่วงเลยระยะเวลา ซ่ึงจะทาให้กระบวนการจัดซ้ือ จัดจา้ งไมถ่ กู ตอ้ ง ไม่อาจกระทาไดอ้ ย่างมีประสิทธิผล แต่อย่างไรก็ตาม แม้ผู้มีสิทธิอุทธรณ์จะมีสิทธิ ฟ้องร้องต่อศาล พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างฯ กาหนดว่า ผลของคาพิพากษาของศาลไม่มีผลกระทบ ต่อการจัดซื้อจัดจ้างที่ได้ลงนามไปแล้ว ซึ่งแสดง ให้เห็นวา่ พ.ร.บ. การจัดซอ้ื จดั จา้ งฯ น้ี มีผลบังคับใช้ เหนอื กว่าผลแหง่ คาพิพากษาของศาล
๒๖ ๘. บทกาหนดโทษ ข้อดี ขอ้ เสยี มกี ารกาหนดโทษทางอาญาสาหรับเจ้าหน้าที่ ของรัฐท่ีไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การจัดซ้ือจัดจ้างฯ จากเดิมที่ระเบียบสานักนายกฯ กาหนดเพียงโทษ ทางวินัยเท่าน้ัน เปล่ียนเป็นการให้ผู้มีอานาจหน้าที่ โดยตรงต้องรับโทษถึงสองเท่า นอกจากน้ี ยังมีการ เปลี่ยนแปลงบทกาหนดโทษโดยให้ตัวการและ ผูส้ นบั สนุน ตอ้ งรับผดิ เท่ากัน ในการน้ี เป็นการกาหนดบทลงโทษที่ชัดเจน และเข้มงวดมากขัน้ อันจะทาให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ด้วยความระมัดระวัง รอบคอบมากขึ้น ซึ่งเป็นการ ปอ้ งกนั ความเส่ยี งต่อการทุจรติ ไดใ้ นระดบั หนง่ึ ๓. พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกับการป้องกันการทุจริตในการ จัดซอ้ื จดั จา้ งภาครฐั ในแต่ละประเทศเม่ือการทุจริตเร่ิมแพร่ขยายและฝังตัวอยู่ในระบบ จะเป็นการยากท่ีจะ กาจัดการทุจริตให้หมดไป และการทุจริตจะกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในการดาเนินธุรกิจที่ผู้มีส่วน เก่ียวข้องต้องปฏิบัติตาม ส่งผลให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ยอมรับการทุจริตโดยท่ีการทุจริตน้ันจะถูก ควบคุมโดยความสัมพันธท์ ีซ่ บั ซ้อนระหวา่ งผปู้ ระกอบการ เจ้าหนา้ ที่ภาครัฐที่เกยี่ วข้องกับกระบวนการ จัดซ้ือจัดจ้าง ผู้บริหารระดับสูงภาครัฐ และนาไปสู่ระบบอุปถัมภ์และผลประโยชน์ต่างตอบแทน และเนอื่ งจากการทจุ รติ การจดั ซื้อจดั จา้ งจะกระทากันอย่างลับ ๆ การประเมินมูลค่าการทุจริต จึงเป็น เร่ืองยาก แต่คนส่วนใหญ่ก็รับรู้ว่าการทุจริตน้ันได้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการใช้จ่ายของรัฐ เป็นจานวนมหาศาล การทุจรติ จดั ซื้อจัดจ้างไม่ไดท้ าใหเ้ กดิ ความเสียหายเฉพาะในรูปตัวเงินเท่าน้ัน แต่ ยังส่งผลถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน เช่น การก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานทาให้อาคารบ้านเรือนถล่ม การต่อสู้กับปัญหาการทุจริตสามารถทาได้หลายมิติ เช่น การปลูกฝังค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม การออกกฎระเบียบเพ่ือปฏิบัติ การปราบปราบด้วยอานาจของกฎหมาย เป็นต้น แต่ก็ยังไม่มีประเทศใด ในโลกที่สามารถป้องกันการทุจริตได้ทั้งหมด เพียงแต่สามารถควบคุมให้น้อยลงและสร้างความเสียหาย แก่เศรษฐกิจและสังคมน้อยลงเท่าน้ัน นอกจากนี้ จานวนการดาเนินคดีทุจริตไม่สามารถนามาประเมิน สถานการณ์การทุจริตท่ีแท้จริงในแต่ละประเทศได้ โดยในส่วนของการออกกฎเพ่ือป้องกันการทุจริต ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐอาจไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตได้มากนัก เนื่องจากเท่าท่ีผ่านมาได้มี การแกไ้ ขรายละเอยี ดของระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุอย่างต่อเน่ืองตลอด แต่การทุจริต ในเร่อื งน้กี ็ยงั คงมีอยู่
๒๗ การยกระดับกฎหมายและระเบียบปฏิบัติท่ีเก่ียวกับการจัดซ้ือจัดจ้างให้เป็นระดับ พระราชบัญญัติโดยจะส่งผลต่อการบังคับใช้กฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างที่ดีข้ึน โดยแนวนโยบายและ ระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐจะได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา นาไปสู่การบังคับใช้ และตรวจสอบจากหลายส่วนทาให้ระดับของการบังคับใช้จะมีความเข้มข้นกว่าการเป็นระเบียบ สานักนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะในด้านของ (๑) ขอบเขตอานาจการบังคับใช้ท่ีครอบคลุมนิติบุคคล และประชาชนทั่วไป (๒) การมีส่วนร่วมที่จะส่งผลต่อการปิดกั้นการเข้าร่วมการเข้าประมูลในปัจจุบัน (๓) ไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายได้ ส่งผลให้เกิดการสร้างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ (Accountability) และประสทิ ธภิ าพในการกาหนดนโยบายเชิงเศรษฐกิจและสังคมตลอดจนวิธีปฏิบัติ ของฝา่ ยบริหาร (รัฐบาล) อย่างไรก็ตาม แม้การตราพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐจะมีโครงสร้าง กฎหมายเป็นหนึ่งเดียวกันเพ่ือใช้ในการปฏิบัติงานและใช้เป็นหลักสากลกับหน่วยงานของรัฐทุก ประเภท และเร่ืองสัญญาคุณธรรมจะสามารถช่วยในการป้องกันได้มาก อีกทั้งเป็นการเพิ่มความ ระมัดระวัง ในการตัดสินใจของแต่ละหน่วยงาน แต่อย่างไรก็ตาม พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ไม่มีมาตรการป้องกันการมีผลประโยชน์ทับซ้อนโดยเฉพาะ เรื่องกรรมการจัดซ้ือจัดจ้าง การแข่งขันในแต่ละสถานการณ์ การกาหนดข้อกาหนดต่าง ๆ เพื่อให้ แน่ใจว่าผู้เชีย่ วชาญไมม่ สี ่วนเกยี่ วข้อง ฉะนั้น ย่อมจะเห็นได้ว่า พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นเครื่องมอื ป้องปรามการทจุ ริตและเพิ่มความโปรง่ ใสของภาครฐั เพอื่ ให้เกิดความรัดกุม ในทกุ ขัน้ ตอน รวมถงึ บทลงโทษก็มคี วามรนุ แรง แตก่ ฎหมายดังกล่าวยังมีช่องว่างท่ีเปิดโอกาสให้มีการ ทุจริตขึ้นได้ โดยเฉพาะกรณีท่ีพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้มีวิธีการจัดซื้อจัดจ้างท่ีเปิดกว้าง ไม่ได้กาหนดวงเงินหรือราคาในการจัดซื้อจัดจ้าง เพียงแต่คานึงถึงเร่ืองคุณภาพและความคุ้มค่าและวัตถุประสงค์ของการใช้งานเป็นสาคั ญโดยไม่ จาเป็นต้องใช้ราคาต่าสุดเสมอไป อาจเป็นช่องว่างให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐมากเกินไปในการจัดซื้อจัด จ้างและส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบ นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐยัง ต้องคานงึ ถงึ ดา้ นจรยิ ธรรมในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในประเด็นของการหลอกลวงและการทุจริตใน การดาเนินงานซึ่งจาเป็นจะต้องจัดลาดับความสาคัญของปัญหาควบคู่กับการคานึงถึงปัจจัยอ่ืนๆ ที่เก่ียวข้องกัน โดยเฉพาะในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนซึ่งเป็นประเด็นที่มีความสัมพันธ์อย่าง ใกล้ชิดกับคณุ ภาพการดาเนินงานของกระบวนการจัดซ้ือจัดจ้างซ่ึงจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมนาไปสู่ การคัดเลอื กผู้ยนื่ ข้อเสนอตามคุณภาพของสินค้าและบริการท่ีเสนอเท่าน้นั
เปรียบเทยี บพระราชบญั ญัติการจัดซ้ือจัดจา้ กบั ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรวี ่าด้วยก พระราชบัญญตั ิการจดั ซอื้ จดั จา้ ง ระเบยี บสานกั นายกร และการบริหารพสั ดภุ าครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แ มาตรา ๔ “หน่วยงานของรัฐ” ได้แก่ ราชการส่วนกลาง ข้อ ๕ “ส่วนราชก ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถ่ิน รัฐวิสาหกิจตาม ทบวง กรม สานักงาน หร กฎหมาย ว่าด้วยวิธีการงบประมาณ องค์การมหาชน องค์กรอิสระ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค หร องค์กรตามรฐั ธรรมนญู หน่วยธุรการของศาล มหาวิทยาลัยใน รัฐวสิ าหกิจ หนว่ ยงานตามก กากบั ของรฐั หน่วยงานสังกัดรัฐสภา หรือในกากับของรัฐสภา ราชการ สว่ นท้องถ่นิ หรือห หน่วยงานอิสระของรฐั และหนว่ ยงานอนื่ ท่ีกาหนดในกฎกระทรวง ใหม้ ีฐานะเป็นราชการบริหา มาตรา ๔ “ราคากลาง” หมายความว่า ราคาเพื่อใช้ ข้อ ๒๗ กอ่ นดำเน เป็นฐานสาหรับเปรยี บเทยี บราคาที่ผู้ย่ืนข้อเสนอได้ยื่นเสนอไว้ กำรซื้อท่ีดินและหรือสิ่งก่อ ซ่งึ สามารถจัดซอ้ื จัดจ้างได้จรงิ ตามลาดบั ดังต่อไปน้ี พัสดุจัดทารายงานเสนอหัว (๑) ราคาท่ีได้มาจากการคานวณตามหลักเกณฑ์ที่ ดงั ต่อไปนี้ คณะกรรมการราคากลางกาหนด (๑) เหตุผลและคว (๒) ราคาที่ได้มาจากฐานข้อมูลราคาอ้างอิงของพัสดุ (๒) รายละเอยี ดขอ ทก่ี รมบัญชกี ลางจัดทา (๓) ราคามาตรฐ (๓) ราคามาตรฐานที่สานักงบประมาณหรือหน่วยงาน ราชการ หรือราคาท่ีเคย กลางอน่ื กาหนด ระยะเวลา ๒ ปงี บประมาณ (๔) ราคาท่ไี ดม้ าจากการสืบราคาจากทอ้ งตลาด (๔) วงเงินที่จะซ (๕) ราคาทีเ่ คยซ้ือหรือจ้างคร้ังหลังสุดภายในระยะเวลา ประมาณ วงเงินตามโครงก
างและการบริหารพัสดภุ าครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ การพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่แี กไ้ ขเพ่ิมเติม รฐั มนตรีวา่ ดว้ ยการพัสดุ ขอ้ แตกต่าง และท่ีแก้ไขเพ่มิ เตมิ การ” หมายความว่า กระทรวง พระราชบญั ญัติการจัดซอื้ จัดจ้างและการบริหาร รือหน่วยงานอ่ืนใดของรัฐ ทั้งใน พัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ แก้ไขบทนิยามศัพท์คาว่า รือในต่างประเทศ แต่ไม่รวมถึง “หนว่ ยงานของรฐั ” กฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บบริหาร หน่วยงานอนื่ ซึง่ มีกฎหมายบัญญัติ ารสว่ นทอ้ งถนิ่ นิ การซ้ือหรือจ้ำงทุกวิธี นอกจำก พระราชบญั ญตั ิการจดั ซือ้ จัดจ้างและการบริหาร อสร้ำงตำมข้อ ๒๘ ให้เจ้าหน้าท่ี พัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดบทนิยามศัพท์คาว่า วหน้าส่วนราชการตามรายการ “ราคากลาง” วามจาเป็นทต่ี อ้ งซือ้ หรอื จ้าง องพัสดุท่จี ะซอื้ หรืองานท่จี ะจ้าง ฐาน หรือราคากลางของทาง ยซ้ือหรือจ้างคร้ังหลังสุดภายใน ณ ซื้อหรือจ้างโดยให้ระบุวงเงินงบ การเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือท่ีจะ
๒ พระราชบญั ญตั กิ ารจัดซ้อื จดั จา้ ง ระเบยี บสานกั นายกร และการบรหิ ารพสั ดภุ าครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แ สองปีงบประมาณ ซื้อหรือจา้ งในครั้งน้ันท้งั หม (๖) ราคาอื่นใดตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือแนวทาง วงเงินทีป่ ระมาณว่าจะซอื้ ห ปฏบิ ตั ิของหน่วยงานของรฐั น้ัน ๆ (๕) กาหนดเวลา ในกรณีที่มีราคาตาม (๑) ให้ใชร้ าคาตาม (๑) กอ่ น ใน งานน้ันแล้วเสร็จ กรณีที่ไม่มีราคาตาม (๑) แต่มีราคาตาม (๒) หรือ (๓) ให้ใช้ (๖) วธิ ที ่จี ะซอ้ื หรือ ราคาตาม (๒) หรือ (๓) ก่อน โดยจะใช้ราคาใดตาม (๒) หรือ จา้ งโดยวธิ ีนน้ั (๓) ให้คานึงถึงประโยชน์ของหน่วยงานของรัฐเป็นสาคัญ ใน (๗) ข้อเสนออ่ืน กรณที ไ่ี มม่ ีราคาตาม (๑) (๒) และ (๓) ให้ใช้ราคาตาม (๔) (๕) หรือ (๖) โดยจะใช้ราคาใดตาม (๔) (๕) หรือ (๖) ให้คานึงถึง คณะกรรมการต่าง ๆ ทจ่ี ำเ ประโยชน์ของหน่วยงานของรัฐเป็นสาคญั ประกำศสอบรำคำหรือประ การซื้อหรอื จ้างโด ๑๐,๐๐๐ บาท และการซ้ือ เร่งด่วนตามข้อ ๒๓ (๒) ห รายงานตามปกติได้ เ ผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติ วรรคหนึง่ เฉพาะรายการทเ่ี มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอ้ ๔ ใหป้ ลัดกระ รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอานาจออก ตำมระเบยี บน้ี กฎกระทรวงและระเบยี บเพือ่ ปฏิบัตกิ ารตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี
๒ รัฐมนตรีวา่ ด้วยการพสั ดุ ข้อแตกต่าง และท่แี กไ้ ขเพิม่ เติม มด ถ้ำไม่มีวงเงินดังกล่ำวให้ระบุ หรอื จ้างในครั้งนั้น าที่ต้องการใช้พัสดุน้ัน หรือให้ อจ้าง และเหตุผลที่ต้องซ้ือหรือ ๆ เช่น การขออนุมัติแต่งต้ัง เป็นในกำรซื้อหรือจ้ำง กำรออก ะกำศประกวดรำคำ ดยวิธีตกลงราคาในวงเงินไม่เกิน อหรือการจ้างโดยวิธีพิเศษกรณี หรือ ข้อ ๒๔ (๓) ซ่ึงไม่อาจทา เจ้าหน้าที่พัสดุหรือเจ้าหน้าท่ี ราชการน้ันจะทารายงานตาม เห็นว่าจาเป็นกไ็ ด้ ะทรวงกำรคลงั เปน็ ผูร้ ักษำกำร พระราชบญั ญัติการจัดซอื้ จัดจ้างและการบริหาร พัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลังรักษาการตาม พรบ.
๓ พระราชบัญญตั กิ ารจัดซื้อจดั จา้ ง ระเบยี บสานักนายกร และการบริหารพสั ดภุ าครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แ มาตรา ๖ เพ่ือให้การปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับการจัดซื้อจดั จา้ ง - และการบริหารพัสดุโดยใช้เงินงบประมาณเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่าต่อภารกิจของรัฐ และป้องกัน ปัญหาการทุจริต ให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติตามแนวทางของ พระราชบัญญัตินี้ และกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศท่ี ออกตามความในพระราชบัญญตั ินี้ เพื่อให้การดาเนินงานของรัฐวิสาหกิจ มหาวิทยาลัย ในกากับของรฐั หน่วยงานของรฐั ในต่างประเทศ หรือส่วนงาน ของหน่วยงานของรัฐที่ตั้งอยู่ในประเทศ หรือหน่วยงานของรัฐอื่น ตามที่กาหนดในกฎกระทรวงเกิดความยืดหยุ่นและมีความ คล่องตัว หากรัฐวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยในกากับของรัฐ หรือ หน่วยงานของรัฐน้ัน ประสงค์จะจัดให้มีระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ ขึ้นใช้เองท้ังหมดหรือแต่บางส่วน ก็ให้กระทาได้ โดยต้อง ดาเนินการให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างและ การบริหารพัสดุตามแนวทางของพระราชบัญญัติน้ี เว้นแต่ ในต่างประเทศท่ีหน่วยงานของรัฐหรือส่วนงานของหน่วยงาน ของรัฐตั้งอยู่มีกฎหมาย ธรรมเนียมปฏิบัติ หรือจารีตประเพณี แห่งท้องถิ่นของต่างประเทศน้ันเป็นการเฉพาะหรือกาหนดไว้ เป็นอย่างอ่ืน ระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติตามวรรคสอง จะกาหนดให้การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือกหรือวิธีเฉพาะ เจาะจงตามมาตรา ๕๖ เป็นอยา่ งอนื่ ก็ได้
๓ รฐั มนตรวี า่ ดว้ ยการพัสดุ ข้อแตกตา่ ง และที่แกไ้ ขเพิม่ เติม พระราชบญั ญตั ิการจดั ซอื้ จัดจ้างและการบริหาร ไมม่ ี - พสั ดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้หน่วยงานของรัฐบาง หน่วยงานสามารถออกกฎหมายลาดับรองเกี่ยวกับการ จัดซ้ือจัดจ้างขึ้นใช้เองเพื่อความคล่องตัว ซ่ึงเป็น บทบัญญัติที่เพิ่มเติมแตกต่างจากระเบียบสานักนายก รัฐมนตรวี า่ ด้วยการพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่แี กไ้ ขเพมิ่ เติม ท่ไี มไ่ ด้บญั ญตั ิเรือ่ งดงั กลา่ วไว้
๔ พระราชบัญญตั กิ ารจดั ซอ้ื จดั จา้ ง ระเบียบสานกั นายกร และการบรหิ ารพสั ดุภาครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติตามวรรคสองและ วรรคสาม ต้องไดร้ ับความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการนโยบาย และใหป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๗ พระราชบัญญัตนิ ี้มใิ หใ้ ชบ้ งั คบั แก่ ข้อ ๖ ระเบียบ (๑) การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจท่ีเก่ียวกับการ ดาเนินการ เก่ียวกับการพัส พาณิชยโ์ ดยตรง และเงนิ ชว่ ยเหลอื (๒) การจัดซ้ือจัดจ้างยุทโธปกรณ์และการบริการท่ี เกี่ยวกับความม่ันคงของชาติโดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาลหรือโดย การจัดซ้ือจัดจ้างจากต่างประเทศท่ีกฎหมายของประเทศนั้น กาหนดไวเ้ ปน็ อย่างอื่น (๓) การจัดซื้อจัดจ้างเพ่ือการวิจัยและพัฒนา เพ่ือ การให้บรกิ ารทางวชิ าการของสถาบนั อุดมศึกษาหรือการจ้างที่ ปรกึ ษา ทงั้ นี้ ท่ีไมส่ ามารถดาเนินการตามพระราชบัญญัติน้ไี ด้ (๔) การจัดซ้ือจัดจ้างโดยใช้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือ จากรัฐบาลต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศ สถาบัน การเงินระหว่างประเทศ องค์การต่างประเทศทั้งในระดับ รฐั บาลและที่มิใชร่ ะดับรัฐบาล มูลนิธิ หรือเอกชนต่างประเทศ ท่ีสัญญาหรือข้อกาหนดในการให้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือ กาหนดไวเ้ ป็นอยา่ งอ่นื (๕) การจัดซ้ือจัดจ้างโดยใช้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือ จากรัฐบาลต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศ สถาบัน
๔ ข้อแตกตา่ ง รฐั มนตรวี า่ ด้วยการพัสดุ และทแี่ ก้ไขเพ่ิมเติม บนี้ใช้บังคับแก่ส่วนราชการซึ่ง พระราชบัญญัติการจดั ซ้ือจัดจ้างและการบริหาร สดุโดยใช้เงินงบประมาณ เงินกู้ พัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดขอบเขตการใช้บังคับ ขยายความจากเดิมตามท่ีระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม โดยให้ รวมถึง “รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ องค์การมหาชน หน่วยงานอิสระ มหาวิทยาลัยใต้กากับของรัฐ และ หน่วยงานอนื่ ตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง”
๕ พระราชบญั ญตั ิการจดั ซอ้ื จดั จา้ ง ระเบยี บสานกั นายกร และการบรหิ ารพสั ดุภาครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แ การเงินระหว่างประเทศ องค์การต่างประเทศทั้งในระดับ รฐั บาลและทมี่ ิใช่ระดับรัฐบาล มูลนิธิ หรือเอกชนต่างประเทศ ท่ีสัญญาหรือข้อกาหนดในการให้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือ กาหนดไว้เป็นอย่างอื่น โดยใช้เงินกู้หรือเงินเหลือนั้นร่วมกับ เงินงบประมาณ ซึ่งจานวนเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือที่ใช้นั้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการนโยบายประกาศ กาหนดในราชกิจจานุเบกษา (๖) การจัดซื้อจัดจ้างของสถาบันอุดมศึกษาหรือ สถานพยาบาลทีเ่ ปน็ หนว่ ยงานของรัฐโดยใช้เงินบริจาครวมทั้ง ดอกผลของเงินบริจาค โดยไม่ใช้เงินบริจาคนั้นร่วมกับเงิน งบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้างตาม (๑) (๒) และ (๓) ที่ได้รับ ยกเว้นมิให้นาพระราชบัญญัติน้ีมาใช้บังคับต้องเป็นไปตาม หลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกาหนดในราช กิจจานุเบกษา โดยประกาศดังกล่าวจะกาหนดให้หน่วยงาน ของรัฐเสนอเรอื่ งการจัดซ้อื จดั จา้ งใดตาม (๑) (๒) หรือ (๓) ต่อ คณะกรรมการนโยบายเพ่ืออนุมัติให้ได้รับยกเว้นเป็นรายกรณี ไปกไ็ ด้ การยกเว้นมใิ หน้ าบทบัญญัตแิ หง่ พระราชบญั ญตั นิ ้ีมา ใช้บังคับแก่การจัดซื้อจัดจ้างใดท้ังหมดหรือแต่บางส่วน นอกเหนือจากการยกเว้นตามวรรคหน่ึง ให้ตราเป็นพระราช กฤษฎกี าตามขอ้ เสนอของคณะกรรมการนโยบาย
๕ ขอ้ แตกตา่ ง รฐั มนตรวี า่ ดว้ ยการพสั ดุ และทแี่ กไ้ ขเพิม่ เติม
๖ พระราชบญั ญตั กิ ารจดั ซอ้ื จดั จา้ ง ระเบียบสานักนายกร และการบรหิ ารพสั ดภุ าครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แ กรณีตามวรรคหนึ่งและวรรคสาม ให้หน่วยงานของ รัฐจัดให้มีกฎหรือระเบียบเก่ียวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการ บริหารพัสดตุ ามหลกั เกณฑ์และแนวทางของพระราชบัญญัตินี้ โดยอย่างนอ้ ยต้องมีหลักการตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง การจัดซื้อจัดจ้างตาม (๖) นอกจากสถาบันอุดมศึกษา หรือสถานพยาบาลท่ีเป็นหน่วยงานของรัฐต้องดาเนินการตาม วรรคส่ีแล้ว ให้สถาบันอุดมศึกษาหรือสถานพยาบาลท่ีเป็น หน่ ว ยง าน ของรั ฐนั้ น รา ยง าน ผล การ ปฏิ บั ติ งา นต่ อ คณะกรรมการนโยบายตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่ี คณะกรรมการนโยบายกาหนด มาตรา ๘ การจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุของ - หน่วยงานของรัฐต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่หน่วยงาน ของรฐั และตอ้ งสอดคลอ้ งกบั หลักการ ดังต่อไปนี้ (๑) คมุ้ ค่า โดยพัสดุที่จดั ซ้อื จัดจ้างต้องมีคุณภาพหรือ คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ ท่ี ต อ บ ส น อ ง วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ใ น ก า ร ใ ช้ ง า น ข อ ง หน่วยงานของรัฐ มีราคาท่ีเหมาะสม และมีแผนการบริหาร พสั ดทุ ี่เหมาะสมและชัดเจน (๒) โปร่งใส โดยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ ต้องกระทาโดยเปิดเผย เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม มี ก า ร ป ฏิ บั ติ ต่ อ ผู้ ป ร ะ ก อ บ ก า ร ทุ ก ร า ย โ ด ย เ ท่ า เ ที ย ม กั น มีระยะเวลาที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการยื่นข้อเสนอ
๖ ข้อแตกต่าง รัฐมนตรวี า่ ด้วยการพัสดุ และทีแ่ ก้ไขเพิ่มเติม ไมม่ ี - พระราชบญั ญตั ิการจัดซ้อื จัดจ้างและการบริหาร พัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้การจัดซื้อจัดจ้างและ การบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐต้องสอดคล้องกับ หลักการ ๔ ประการ ได้แก่ คุ้มค่า โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล และตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นบทบัญญัติ ทเี่ พิ่มเติมแตกตา่ งจากระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ย การพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ท่ีไม่ได้บัญญัติ เรอ่ื งดังกลา่ วไว้
๗ พระราชบญั ญตั กิ ารจัดซ้ือจดั จา้ ง ระเบยี บสานกั นายกร และการบรหิ ารพสั ดภุ าครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แ มีหลักฐานการดาเนินงานชัดเจน และมีการเปิดเผยข้อมูลการ จัดซื้อจัดจา้ งและการบริหารพัสดุในทกุ ขัน้ ตอน (๓) มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยต้องมีการ วางแผนการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุล่วงหน้าเพื่อให้ การจัดซอ้ื จดั จา้ งและการบริหารพสั ดุเป็นไปอย่างต่อเนื่องและ มีกาหนดเวลาท่ีเหมาะสมโดยมีการประเมินและเปิดเผย ผลสมั ฤทธข์ิ องการจัดซื้อจดั จา้ งและการบรหิ ารพสั ดุ (๔) ตรวจสอบได้ โดยมกี ารเก็บข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุอย่างเป็นระบบเพ่ือประโยชน์ในการ ตรวจสอบ ใหห้ นว่ ยงานของรัฐใช้หลักการตามวรรคหน่ึงเพอ่ื เปน็ แนวทางในการปฏิบตั ิเกย่ี วกบั การจดั ซ้อื จดั จา้ งและการบรหิ ารพสั ดุ หากการจัดซ้ือจัดจ้างไม่เป็นไปตามหลักการดังกล่าว แต่ไม่มี ผลต่อการจัดซ้ือจัดจ้างอย่างมีนัยสาคัญ หรือเกิดจากกรณี เร่งด่วน หรือมีเหตุผลหรือความจาเป็นอื่น การจัดซ้ือจัดจ้าง นน้ั ย่อมไมเ่ สียไป ให้ใช้หลักการตามวรรคหนึ่งเป็นแนวทางในการ ป ฏิ บั ติ ต า ม อ า น า จ ห น้ า ท่ี ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร น โ ย บ า ย คณะกรรมการวินิจฉัยคณะกรรมการรา คา กลา ง คณะกรรมการ ค.ป.ท. และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โดยอนโุ ลม
๗ ขอ้ แตกตา่ ง รฐั มนตรวี า่ ดว้ ยการพสั ดุ และทแี่ กไ้ ขเพิม่ เติม
๘ พระราชบญั ญตั กิ ารจัดซ้ือจดั จา้ ง ระเบยี บสานกั นายกร และการบริหารพสั ดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แ มาตรา ๑๑ ให้หน่วยงานของรัฐจัดทาแผนการจัดซ้ือ ข้อ ๑๓ หลังจากไ จัดจ้างประจาปี และประกาศเผยแพร่ในระบบเครือข่าย การจัดหาแลว้ ให้สว่ นราชก สารสนเทศของกรมบัญชีกลางและของหน่วยงานของรัฐตาม แผน และตามขั้นตอนของร วิธีการที่รมบัญชีกลางกาหนด และให้ปิดประกาศโดยเปิดเผย หรือส่วนท่ี ๔ แล้วแต่กรณ ณ สถานที่ปิดประกาศของหนว่ ยงานของรัฐนนั้ เว้นแต่ ทนั ทีเม่อื ได้รับอนมุ ัตทิ างกา (๑) กรณีทีม่ ีความจาเปน็ เร่งดว่ นหรือเป็นพัสดุท่ีใช้ใน ราชการลบั ทั้งนี้ ตามมาตรา ๕๖ (๑) (ค) หรอื (ฉ) (๒) กรณีท่ีมีวงเงินในการจัดซื้อจัดจ้างตามท่ีกาหนด ในกฎกระทรวงหรือมีความจาเปน็ ต้องใช้พัสดุ โดยฉุกเฉินหรือเป็นพัสดุที่จะขายทอดตลาด ท้ังนี้ ตามมาตรา ๕๖ (๒) (ข) (ง) หรอื (ฉ) (๓) กรณีท่ีเป็นงานจ้างที่ปรึกษาที่มีวงเงินค่าจ้าง ตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวงหรือท่ีมีความจาเป็นเร่งด่วนหรือ ที่เก่ียวกับความม่ันคงของชาติ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๗๐ (๓) (ข) หรอื (ฉ) (๔) กรณีท่ีเป็นงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงาน กอ่ สรา้ งทมี่ ีความจาเป็นเรง่ ดว่ นหรือท่ีเกี่ยวกับความม่ันคงของ ชาติตามมาตรา ๘๒ (๓) หลักเกณฑ์ วิธีการ และรายละเอียดการจัดทาแผน การจัดซื้อจัดจ้างตามวรรคหนึ่ง และการเปลี่ยนแปลงแผนให้ เป็นไปตามระเบยี บทรี่ ฐั มนตรีกาหนด
๘ รัฐมนตรีวา่ ด้วยการพัสดุ ขอ้ แตกต่าง และทีแ่ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ ได้ทราบยอดเงนิ ที่จะนามาใชใ้ น พระราชบัญญตั ิการจดั ซ้อื จัดจ้างและการบริหาร การรบี ดาเนินการให้เป็นไปตาม พัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้หน่วยงานของรัฐ ระเบียบน้ี ในส่วนที่ ๒ ส่วนท่ี ๓ จัดทาแผนการจัดซื้อจัดจ้างประจาปี และประกาศเผยแพร่ ณี เพื่อให้พร้อมที่จะทาสัญญาได้ ในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลางและ ารเงนิ แล้ว ของหน่วยงานของรัฐ ซ่ึงแตกต่างจากระเบียบสานัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไข เพิ่มเติม ท่ีไม่ได้กาหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องประกาศ เผยแพร่แผนการจดั ซื้อจัดจ้างประจาปี
๙ พระราชบญั ญตั กิ ารจัดซ้ือจดั จา้ ง ระเบยี บสานกั นายกร และการบรหิ ารพสั ดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แ มาตรา ๑๓ ในการจัดซื้อจัดจ้าง ผู้ที่มีหน้าท่ีดาเนินการ - ต้องไมเ่ ป็นผมู้ ีส่วนไดเ้ สียกับผ้ยู ืน่ ข้อเสนอหรือคู่สญั ญาในงานน้ัน ในกรณที ป่ี รำกฏในภำยหลังว่ำผู้ที่มีหน้ำท่ีดำเนินกำร ตำมวรรคหนึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญำ ในขั้นตอนหนึง่ ข้นั ตอนใดของการจัดซื้อจัดจ้าง หรือเป็นกรรมการ ในคณะกรรมกำรกำรจัดซ้ือจัดจ้ำง แต่ไม่มีผลต่อกำรจัดซ้ือ จัดจ้างอยา่ งมีนัยสาคัญ การจดั ซอื้ จดั จา้ งนั้นยอ่ มไมเ่ สียไป หมวด ๒ การมสี ว่ นร่วมของภาคประชาชนและผปู้ ระกอบการในการ ปอ้ งกนั การทจุ รติ มาตรา ๑๖ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการจัดซื้อจัด จา้ งภาครฐั ใหห้ น่วยงานของรัฐจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม ในการสังเกตการณ์ขั้นตอนหนึ่งข้ันตอนใดของการจัดซื้อจัด จา้ งของหน่วยงานของรฐั ตามที่กาหนดไวใ้ นหมวดน้ี มาตรา ๑๗ ในการดาเนินการตามมาตรา ๑๖ คณะ กรรมการ ค.ป.ท. อาจกาหนดให้มีการจัดทาข้อตกลงคุณธรรม ตามโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัด จ้างภาครัฐตามมาตรา ๑๘ ก็ได้ ทั้งน้ี การจัดซ้ือจัดจ้างท่ีต้อง จัดทาข้อตกลงคุณธรรมดังกล่าวใหเ้ ป็นไปตามที่คณะกรรมการ ค.ป.ท. ประกาศกาหนดในราชกจิ จานเุ บกษา โดยอย่างน้อยให้ คานึงถึงวงเงินของการจัดซ้ือจัดจ้าง มาตรการป้องกันการ
๙ ขอ้ แตกตา่ ง รฐั มนตรวี า่ ดว้ ยการพัสดุ และที่แกไ้ ขเพิม่ เติม ไมม่ ี - พระราชบัญญตั กิ ารจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหาร พัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้มีการส่งเสริมให้ภาค ประชาชน มีส่วนร่วมในการตรวจสอบการจัดซ้ือจัดจ้าง ภาครัฐเพอื่ ป้องกันปัญหาการทจุ รติ และประพฤติมิชอบใน การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ต่างจากระเบียบสานักนายก รฐั มนตรีวา่ ดว้ ยการพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ทีไ่ มไ่ ด้บัญญัติเรอื่ งดังกล่าวไว้
๑ พระราชบญั ญตั ิการจดั ซ้ือจดั จา้ ง ระเบยี บสานกั นายกร และการบริหารพสั ดุภาครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แ ทุจรติ การจัดซื้อจัดจ้างที่มีความเส่ียงต่อการทุจริต และความ - ค ล่ อ ง ตั ว ใ น ก า ร ด า เ นิ น ง า น ข อ ง ห น่ ว ย ง า น ข อ ง รั ฐ เ พ่ื อ ประกอบการพิจารณาด้วย คณะกรรมการ ค.ป.ท. อาจกาหนดวิธีการนอกเหนือ จากวรรคหนง่ึ เพ่ืออานวยความสะดวกให้ภาคประชาชนมีส่วน รว่ มในการจดั ซื้อจดั จ้างภาครัฐก็ได้ ท้ังนี้ ตามที่คณะกรรมการ ค.ป.ท. ประกาศกาหนดในราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๑๘ ข้อตกลงคุณธรรมตามโครงการความ ร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ให้จัดทา เปน็ ข้อตกลงรว่ มกนั ระหวา่ งหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการ และผู้ประกอบการท่ีจะเขา้ ยื่นขอ้ เสนอ โดยฝ่ายหน่วยงานของ รฐั เจา้ ของโครงการและฝา่ ยผู้ประกอบการที่จะเข้าย่ืนข้อเสนอ ต้องตกลงกันว่าจะไม่กระทาการทุจริตในการจัดซ้ือจัดจ้าง และให้มีผู้สังเกตการณ์ซึ่งมีความรู้ ความเช่ียวชาญ หรือ ประสบการณ์ ที่จาเป็นตอ่ โครงการจดั ซ้ือจดั จ้างน้ัน ๆ เข้าร่วม สังเกตการณ์ในการจัดซื้อจัดจ้างต้ังแต่ข้ันตอนการจัดทาร่าง ขอบเขตของงานหรือรายละเอียดของพัสดุที่จะทาการจัดซ้ือ จัดจ้างและร่างเอกสารเชิญชวนจนถึงข้ันตอนสิ้นสุดโครงการ โดยผู้สังเกตการณ์ต้องมีความเป็นกลางและไม่เป็นผู้มีส่วนได้ เสียในโครงการการจัดซื้อจัดจ้างนั้น แล้วให้รายงานความเห็น พรอ้ มขอ้ เสนอแนะต่อคณะกรรมการ ค.ป.ท. ทราบดว้ ย
๑๐ ข้อแตกตา่ ง รฐั มนตรวี า่ ดว้ ยการพัสดุ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไม่มี - พระราชบญั ญัตกิ ารจัดซอื้ จัดจ้างและการบริหาร พัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดให้มีการจัดทาข้อตกลง คุณธรรมระหว่างหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและ เอกชน ต่างจากระเบียบสานักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการ พัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่แี กไ้ ขเพิ่มเติม ที่ไมไ่ ดบ้ ญั ญตั ิเรอื่ ง ดงั กลา่ วไว้
๑ พระราชบัญญตั กิ ารจัดซื้อจดั จา้ ง ระเบยี บสานกั นายกร และการบรหิ ารพสั ดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แ แนวทางและวิธีการในการดาเนินงานโครงการ แบบ ของข้อตกลงคุณธรรม การคัดเลือกผู้สังเกตการณ์และการ จัดทารายงานตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามท่ีคณะกรรมการ ค.ป.ท. ประกาศกาหนดในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๑๙ ผู้ประกอบการท่ีอยู่ในประเภทหรือมี วงเงินในการจัดซื้อจัดจ้างตามท่ีคณะกรรมการ ค.ป.ท. ประกาศ กาหนดในราชกิจจานุเบกษา หากประสงค์จะเข้าย่ืนข้อเสนอ กบั หน่วยงานของรัฐในการจัดซ้ือจัดจ้างตามพระราชบัญญัติน้ี ต้องจัดให้มีนโยบายในการป้องกันการทุจริตและมีแนวทาง ปอ้ งกันการทจุ รติ ในการจัดซอ้ื จดั จ้างท่เี หมาะสม มาตรฐานขั้นต่าของนโยบายและแนวทางปอ้ งกันการ ทุจริตในการจัดซ้ือจัดจ้างที่ผู้ประกอบการต้องจัดให้มีตาม วรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามท่ีคณะกรรมการ ค.ป.ท. ประกาศ กาหนดในราชกิจจานเุ บกษา
๑๑ ขอ้ แตกตา่ ง รฐั มนตรีวา่ ด้วยการพสั ดุ และที่แกไ้ ขเพมิ่ เติม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142