Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore is55

is55

Published by thidaratchomdaeng, 2020-08-28 03:53:18

Description: is55

Keywords: วิจัย,บุคลากรม

Search

Read the Text Version

34 บทท่ี 3 วิธดี าเนินการวจิ ยั การศึกษาคร้ังน้ีเป็นการวิจัยการวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Research) เพ่ือศึกษาทัศนคติ ของบุคลากรที่เป็นคณะกรรมการบิรหารความเส่ียงของคณะ หน่วยงาน ที่มีอิทธิพลต่อการจัดทาบริหาร ความเสย่ี งของมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมรี ายละเอยี ดของวิธีการศึกษา ดังต่อไปน้ี 1. ประชากรและกลุม่ ตวั อย่างท่ีใชใ้ นการวจิ ยั 2. เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั 3. วธิ ีการเกบ็ รวบรวมข้อมลู 4. วิธีการวเิ คราะหข้อมูล 5. สถิตทิ ใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมูล 1. ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ งทใ่ี ช้ในการวจิ ยั 1.1 ประชากร ประชากรในการศึกษาครั้งนี้ คือ ประชากรที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการบริหารความเส่ียงในระดับ มหาวิทยาลัยนเรศวร ประกอบด้วยรองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี คณบดี ผู้อานวยการ ผู้อานวยการ วิทยาลัย สถาบัน สถาน สานัก กอง โครงการหอพักนิสิตในมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้แก่ คณะกรรมการ บรหิ ารความเสี่ยงของคณะ หน่วยงาน ของมหาวิทยานเรศวร (คาสั่งมหาวิทยาลัยนเรศวร ท่ี 3008/2554 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง มหาวิทยาลัยนเรศวร จานวน 66 คน และคณะกรรมการ บรหิ ารความเส่ียงระดบั คณะ หน่วยงานตา่ งๆ จานวน 488 คน รวมจานวนท้งั สนิ้ 554 คน 1.2 กล่มุ ตัวอยา่ ง กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงระดับคณะ ได้แก่ บัณฑิต วิทยาลยั คณะเกษตรศาสตร์ ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการและ สารสนเทศศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะ ศึกษาศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะสหเวชศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ วิทยาลัยพลังงานทดแทน สานักหอสมุด สถาบันเพ่ือสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน วิทยาลัยนานาชาติ วิทยาลัยโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน วิทยาลัยเพ่ือการค้นคว้าระดับรากฐาน สถานสัตว์ทดลองเพ่ือการวิจัย สถานการศึกษาอาเซียน อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือตอนล่าง สภาอาจารย์ กองกลาง กองกฎหมาย กองการบรหิ ารงานบุคคล กองการศกึ ษาทวั่ ไป กองกิจการนิสติ กองคลัง กองบริการการศึกษา กองบริการ วิชาการ กองบริหารงานการวิจัย กองพัฒนาคุณภาพการศึกษา กองแผนงาน กองพัฒนากิจการ ต่างประเทศ กองอาคารสถานที่ สถานการศึกษาต่อเนื่อง สถานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการ

35 ส่ือสาร สถานพัฒนาวิชาการด้านภาษา สถานบ่มเพาะวิสาหกิจ สถานภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิสารสนเทศภาคเหนือตอนล่าง สถานอารยธรรมศึกษาโขง-สาละวิน สานักงานตรวจสอบภายใน โครงการหอพักนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร สานักงานสภามหาวิทยาลัยนเรศวร รวมทั้งส้ิน 488 คน โดยใช้ วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) 2. เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการวิจยั เคร่ืองมือท่ีใช้ในการรวบรวมข้อมูลเพื่อการวิจัย เป็นแบบสอบถาม ซึ่งกลุ่มตัวอย่างจะเป็น ผู้กรอกแบบสอบถาม (Self-Administrated Questionnaire) เพื่อทราบระดับทัศนคติของแต่ละบุคคล และความสามารถในการจดั ทาบริหารความเสย่ี ง โดยแบบสอบถามจะแบง่ เปน็ 3 สว่ น ประกอบดว้ ย ส่วนที่ 1 ข้อมูลด้านปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ ตาแหน่งหน้าท่ีปัจจุบันของท่าน ประสบการณ์ทางานที่อยู่ในมหาวิทยาลัย และกลุ่มหน่วยงานท่ีท่านสังกัดในปัจจุบัน มีจานวน 5 ข้อ โดย ให้ผู้ตอบแบบสอบถาม ตอบรายละเอียดทีเ่ กี่ยวข้องกบั ตนเอง เปน็ แบบสอบถามเช็ครายการ (Check List) ส่วนที่ 2 ข้อมูลเก่ียวกับปัจจัยด้านทัศนคติเกี่ยวกับความเข้าใจ ความรู้สึกและพฤติกรรมในการ จัดทาบรหิ ารความเสย่ี ง ซง่ึ ประกอบด้วย ปจั จัยดา้ นความเขา้ ใจ ปัจจยั ด้านความรู้สึก ปัจจัยด้านพฤติกรรม จานวนด้านละ 5 ขอ้ รวมทง้ั สิ้น 15 ข้อ โดยแต่ละคาถามแบง่ ระดบั ทัศนคตอิ อกเป็น 5 ระดบั ซึง่ เปน็ ระดับการวัดข้อมูลแบบอัตรภาคช้ัน (Interval Scale)และได้กาหนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดงั น้ี ระดบั ทัศนคตทิ ต่ี รงกบั ผตู้ อบมากทีส่ ุด ให้นา้ หนักคะแนนเป็น 5 ระดบั ทศั นคติทต่ี รงกับผ้ตู อบมาก ให้นา้ หนกั คะแนนเป็น 4 ระดบั ทศั นคตทิ ี่ตรงกบั ผู้ตอบปานกลาง ใหน้ า้ หนกั คะแนนเปน็ 3 ระดับทศั นคติทต่ี รงกบั ผู้ตอบน้อย ใหน้ ้าหนักคะแนนเป็น 2 ระดับทศั นคตทิ ี่ตรงกับผู้ตอบนอ้ ยที่สดุ ให้นา้ หนกั คะแนนเป็น 1 วธิ ีการแปลผลแบบสอบถามส่วนนี้ ใช้ค่าเฉลีย่ ในแต่ละระดับขนั้ โดยใช้สถิตพิ น้ื ฐาน คือ การหาค่า พิสัย (ค่ามากสดุ -คา่ น้อยสดุ ) และการใชส้ ตู รการคานวนหาความกวา้ งของอตั รภาคชน้ั ดงั น้ี ค่าอัตรภาคชนั้ = คา่ สงู สดุ – ค่าตา่ สุด จานวนชัน้ ท่ตี อ้ งการ = 5-1 5 = 0.80 ดังน้ัน ส่วนที่ 2 ปัจจัยด้านทัศนคติ เกี่ยวกับ ความเข้าใจ ความรู้สึก และพฤติกรรม สามารถ กาหนดเกณฑเ์ ฉลีย่ ของระดับทัศนคติได้ดงั นี้ 4.21 – 5.00 หมายถงึ มีความสามารถในการจดั ทาบรหิ ารความเสี่ยง ระดบั มากที่สุด 3.41 – 4.20 หมายถึง มคี วามสามารถในการจดั ทาบรหิ ารความเสย่ี ง ระดบั มาก 2.61 – 3.40 หมายถึง มีความสามารถในการจัดทาบรหิ ารความเส่ยี ง ระดับปานกลาง

36 1.81 – 2.60 หมายถึง มคี วามสามารถในการจดั ทาบรหิ ารความเสย่ี ง ระดับนอ้ ย 1.00 – 1.80 หมายถึง มคี วามสามารถในการจัดทาบริหารความเส่ียง ระดับน้อยทีส่ ุด ในส่วนท่ี 3 กระบวนการจัดทาบริหารความเส่ียง มหาวิทยาลัยนเรศวร สามารถกาหนดเกณฑ์ เฉลยี่ ของระดับความสามารถไดด้ ังนี้ 4.21 – 5.00 หมายถงึ มคี วามสามารถในการจัดทาบริหารความเสยี่ ง ระดบั มากทีส่ ุด 3.41 – 4.20 หมายถึง มีความสามารถในการจดั ทาบรหิ ารความเส่ยี ง ระดบั มาก 2.61 – 3.40 หมายถงึ มคี วามสามารถในการจดั ทาบริหารความเสี่ยง ระดบั ปานกลาง 1.81– 2.60 หมายถึง มคี วามสามารถในการจัดทาบรหิ ารความเสีย่ ง ระดับนอ้ ย 1.00– 1.80 หมายถงึ มคี วามสามารถในการจัดทาบรหิ ารความเสยี่ ง ระดบั น้อยทีส่ ุด 3. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล แบบสอบถามเพอ่ื ใชใ้ นการวจิ ัยคร้งั นี้ คณะผวู้ ิจัยสรา้ งขึน้ โดยมีข้นั ตอนในการสร้างดังตอ่ ไปน้ี 3.1 รวบรวมข้อมูลจานวนของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงของคณะ หน่วยงาน ของ มหาวทิ ยาลัย 3.2 ศึกษาเอกสาร ข้อมูลหนังสือ และคู่มือบริหารความเสี่ยง ต่างๆ เพื่อท่ีจะนามาออกแบบ สอบถามในการวจิ ัยครั้งนีเ้ พื่อทีจ่ ะไดค้ รอบคลุมกับเนื้อหาและกรอบแนวคิดในการวิจัยครัง้ นี้ 3.3 รา่ งแบบสอบถาม 3.4 นาแบบสอบถามไปทดลองใชก้ ับประชากรที่ไม่ใช่กลมุ่ ตัวอย่าง จานวน 30 คน 3.5 นาผลการทดลองใช้ตามข้อ 5 มาวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดข้ึน และปรับปรุงแบบสอบถามอีก คร้ัง 3.6 พิมพ์แบบสอบถาม เพื่อใช้ในการเก็บข้อมูลต่อไป ซึ่งทาการจัดส่งเวียนไปตามคณะและ หน่วยงานของคณะกรรมการบริหารความเสย่ี งตอ่ ไป 4. วธิ ีการวิเคราะหข์ ้อมูล หลังจากท่ีผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว จะนาแบบสอบถาม ที่ได้ท้งั หมดมาลงรหสั (Coding) เพื่อไปประมวลผลและคานวนหาค่าสถิติท่ีใช้ในการวิจัย โดยใช้โปรแกรม คอมพิวเตอร์สาเรจ็ รูป ซง่ึ มีข้นั ตอนดังนี้ 4.1 ขอ้ มลู ทั่วไปเกีย่ วกับผ้ตู อบแบบสอบถามวเิ คราะห์โดยการแจกแจงความถ่ี และรอ้ ยละ 4.2 ข้อมูล ระดับปัจจัยด้านทัศนคติเก่ียวกับความเข้าใจ ความรู้สึกและพฤติกรรมในการจัดทา บริหารความเส่ียง (ส่วนท่ี 2) กระบวนการจัดทาบริหารความเสี่ยงมหาวิทยาลัยนเรศวร (ส่วนท่ี 3) และ ความสามารถในการจัดทาบริหารความเส่ียง (ส่วนท่ี 3 ตอน 2) ทั้งโดยรวมแต่ละด้าน และแต่ละข้อย่อย วิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจาแนกตามระดับทัศนคติของแต่ละบุคคลใน การศึกษาทัศนคติของบุคลากรเก่ียวกับความเข้าใจ ความรู้สึก และพฤติกรรม ในการจัดทาบริหารความ

37 เสี่ยงและความสามารถในการจัดทาบริหารความเส่ียง โดยการใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบ่ียงเบน มาตรฐาน (Standard Deviation) 4.3 การวเิ คราะห์ข้อมูลแบบสอบถามเพือ่ ประเมนิ เพือ่ วเิ คราะห์ข้อมลู ดว้ ยคอมพิวเตอร์โปรแกรม สาเร็จรูปทางสถิติ ในการวิเคราะห์คร้ังน้ีใช้สถิติเชิงพรรณา (Descriptive Statics) แสดงค่าร้อยละ คา่ เฉล่ยี และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 5. สถติ ทิ ี่ใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มลู ผู้วิจัยนาผลที่ได้จากการประมวลผลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สาเร็จรูปมาวิเคราะห์สรุปและ นาเสนอในรปู ของตารางประกอบการบรรยาย สว่ นสถิติทใี่ ช้ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู มีดังนี้ 5.1 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณา (Descriptive Statistics Analysis) โดยใช้ตาราง แจกแจงความถ่ี (Frequency) ร้อยละ (Percentage) เพื่ออธิบายลักษณะปัจจัยส่วนบุคคลของกลุ่ม ตวั อย่างประกอบดว้ ย เพศ อายุ ตาแหนง่ หน้าทีป่ จั จบุ ันของทา่ น ประสบการณ์ทางานท่ีอยู่ในมหาวิทยาลัย และกลมุ่ หนว่ ยงานทีส่ ังกดั ในปจั จุบัน ตารางแสดงค่าเฉลี่ย (Mean) เพื่อจัดลาดับค่าสูงสุด และต่าสุด และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) เพื่ออธิบายระดับปัจจัยด้านทัศนคติท่ีส่งผลต่อการจัดทาบริหารความเสี่ยงของ กลุ่มตวั อยา่ ง 5.2 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงอนุมาน (Inferential Statistics Analysis) เพื่อใช้ในการ ทดสอบสมมตฐิ านโดยใช้สถติ กิ ารทดสอบ 5.2.1 การทดสอบ T แบบสองหาง การทดสอบ T อิสระ (T-test Independent และ 2-tail ใชท้ ดสอบความแตกต่างความคดิ เห็นการบริหารความเสย่ี งจาแนกตามตัวแปร) 5.2.2 เปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉล่ียที่มีต่อการบริหารความเส่ียงจาแนกตามอายุ, ตาแหน่งและกล่มุ หน่วยงานท่สี ังกดั โดยใช้ one way Analysis of variance 5.2.3 ใช้สถิติการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple regressions) เพื่อศึกษา ความสัมพันธ์ของปจั จัยด้านทศั นคติท่ีมผี ลตอ่ การบริหารความเสยี่ งและเพื่อสรา้ งสมการพยากรณ์

38 บทท่ี 4 ผลการวจิ ยั จานวนบุคลากรท่ีตอบแบบสอบถาม “ปัจจัยส่วนบุคคลและทัศนคติของบุคลากรท่ีเป็นคณะ กรรมการบริหารความเสี่ยงของคณะหน่วยงานที่มีต่อกระบวนการจัดทาบริหารความเสี่ยงของ มหาวิทยาลัยนเรศวร” จาแนกตามกลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ จานวน 46 คน กลุ่ม วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี จานวน 18 คน กลุ่มมนุษยและสังคมศาสตร์ จานวน 31 คน หน่วยงานสนับสนุน จานวน 135 คน รวมทั้งสน้ิ 554 คน ซงึ่ มกี ารสรปุ ดงั ต่อไปน้ี

39 ส่วนที่ 1 ขอ้ มูลท่วั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตาราง 1 แสดงจานวนและคา่ รอ้ ยละของข้อมลู ท่วั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม (N =231) รายการ จานวน ร้อยละ (n) เพศ ชาย 66 28.60 หญงิ 165 71.40 อายุ อายุ 20 – 25 ปี 14 6.10 53 23.00 อายุ 26 – 30 ปี 50 21.70 59 25.70 อายุ 31 -35 ปี 28 12.20 26 11.30 อายุ 36 -40 ปี 35 15.20 อายุ 41-45 ปี 125 54.30 10 4.30 อายุ 46 ปี ขนึ้ ไป 57 24.80 ตาแหน่งหนา้ ทป่ี จั จบุ ัน ลูกจา้ งชว่ั คราว 3 1.30 พนกั งานมหาวิทยาลยั 68 32.90 139 67.10 พนักงานราชการ 46 20.00 ขา้ ราชการ 18 7.80 31 13.50 อ่ืนๆ 135 58.70 ประสบการณ์ทางานท่อี ยู่ในมหาวทิ ยาลยั นเรศวร น้อยกวา่ 5 ปี มากกวา่ 5 ปี กลมุ่ หน่วยงานท่ที า่ นสงั กัดในปจั จบุ ัน กลมุ่ วิทยาศาสตรส์ ุขภาพ กลุ่มวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี กลมุ่ มนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ หน่วยงานสนบั สนนุ จากตาราง 1 พบว่า ในกลุ่มของผู้ตอบแบบสอบถามท้ังหมด จานวน 231คน เป็นเพศชาย จานวน 66 คน คิดเป็นร้อยละ 28.60 และเป็นเพศหญิง 165 คน คิดเป็นร้อยละ 71.40 ผู้ตอบ แบบสอบถามมีอายุในช่วง 20 – 25 ปี จานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 6.10 อายุ 26 – 30 ปี จานวน 53 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 23.00 อายุ 31 -35 ปี จานวน 50 คน คิดเป็นร้อยละ 21.70 อายุ 36 – 40 ปี จานวน 59 คน คิดเป็นร้อยละ 25.70 อายุ 41 – 45 ปี จานวน 28 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 12.20 และอายุ 46 ปีขึ้นไป จานวน 26 คนคิดเป็นร้อยละ 11.30 ผู้ตอบแบบสอบถามอยู่ในตาแหน่งหน้าที่ลูกจ้างชั่วคราว จานวน 35 คน คิดเป็น ร้อยละ 15.20 พนักงานมหาวิทยาลัย จานวน 125 คน คิดเป็นร้อยละ 54.30 พนักงาน ราชการ จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 4.30 ข้าราชการ จานวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 24.80 และอ่ืนๆ

40 จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.30 ผู้ตอบแบบสอบถามท่ีประสบการณ์ทางานอยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวร น้อยกว่า 5 ปี จานวน 68 คน คิดเป็นร้อยละ 32.90 และมากกว่า 5 ปี จานวน 139 คน คิดเป็นร้อยละ 67.10 สว่ นผู้ตอบแบบสอบถามอยู่หน่วยงานท่ีสังกัดกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ จานวน 46 คน คิดเป็นร้อย ละ 20.00 กลุ่มวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี จานวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 7.80 กลุ่มมนุษยศาสตร์และ สงั คมศาสตร์ จานวน 31 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 13.50 และกลมุ่ หนว่ ยงานสนับสนุน จานวน 135 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 58.70

41 ตาราง 2 แสดงทัศนคติดา้ นความเขา้ ใจของผู้ตอบแบบสอบถาม (N =232) รายการ x S.D ระดบั คณุ ภาพ ปจั จัยด้านความเขา้ ใจ 1. ความเขา้ ใจหนา้ ที่ และบทบาทคณะกรรมการบริหารความเสีย่ ง 3.21 0.81 ปานกลาง ภายในหน่วยงานของท่าน 2. ความเขา้ ใจในประกาศมหาวทิ ยาลัยนเรศวร เร่อื ง นโยบายการ 3.10 0.77 ปานกลาง บริหารความเส่ียงของมหาวทิ ยาลัยนเรศวร 3. ความเข้าใจเพยี งใด เมื่อมีการจัดทาบริหารความเสย่ี งเมอ่ื ทาเสรจ็ 3.19 0.78 ปานกลาง แลว้ ต้องนาแผนและผลของการจัดทาบริหารความเส่ียงมาตอบใน องคป์ ระกอบท่ี 7.4 การบริหารความเสี่ยงการศึกษา (สกอ.) 4. ความเข้าใจในกระบวนการและขั้นตอนการจดั ทาการบริหาร 3.07 0.80 ปานกลาง ความเสีย่ ง 5. ความเขา้ ใจในเนื้อหาของคู่มอื การบริหารความเสย่ี งมหาวทิ ยาลัย 2.98 0.77 ปานกลาง นเรศวร จากตาราง 2 พบวา่ ทัศนคติของผู้ท่ีตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับด้านความเข้าใจ ใน 5 ด้าน ตาม ความคิดเหน็ ของผู้ตอบแบบสอบถาม มรี ายละเอียดดังน้ี ทัศนคติด้านความเข้าใจของผู้ตอบแบบสอบถามได้ดีสุด คือ ความเข้าใจหน้าท่ี และบทบาท คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงภายในหน่วยงานของท่าน ( x = 3.21, S.D.=0.8) รองลงมาได้แก่ ความ เขา้ ใจเพียงใด เม่ือมีการจัดทาบริหารความเสี่ยงเม่ือทาเสร็จแล้ว ต้องนาแผนและผลของการจัดทาบริหาร ความเสี่ยงมาตอบในองค์ประกอบท่ี 7.4 การบริหารความเส่ียงการศึกษา (สกอ.) ( x =3.19, S.D.=0.78) และความเข้าใจในประกาศมหาวิทยาลัยนเรศวร เรื่อง นโยบายการบริหารความเสี่ยงของมหาวิทยาลัย นเรศวร ( x =3.10, S.D=0.77) ส่วนทัศนคติด้านความเข้าใจของผู้ตอบแบบสอบถามได้น้อยท่ีสุด คือ ความเข้าใจในเนือ้ หาของค่มู อื การบรหิ ารความเสี่ยงมหาวิทยาลัยนเรศวร ( x =2.98, S.D=0.77)

42 ตาราง 3 แสดงทศั นคติด้านความรู้สึกของผู้ตอบแบบสอบถาม (N =232) รายการ x S.D ระดับคุณภาพ ปจั จยั ด้านความรูส้ ึก 6. ความรู้สกึ กงั วลเมื่อได้รับมอบหมายในการจัดทาบริหารความ 3.19 0.93 ปานกลาง เสีย่ ง 7. ความรสู้ ึกไม่แนใ่ จในเรื่องกระบวนการจดั ทาบรหิ ารความเส่ยี ง 3.21 0.84 ปานกลาง 8. ความรสู้ กึ ไม่กลา้ ซกั ถามในเรอื่ งที่ไม่เข้าใจในการจดั ทาบรหิ าร 2.55 0.88 นอ้ ย ความเส่ียง 9. ความรู้สึกวา่ ความรแู้ ละความเขา้ ใจเก่ียวกบั การบริหารความเส่ียง 3.35 0.86 ปานกลาง ยงั น้อยไป 10. ความรสู้ ึกวา่ การจดั ทาบริหารความเส่ียง ทางมหาวิทยาลยั 3.84 0.85 มาก นเรศวรตอ้ งมีการจดั อบรมแบบเน้นประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ล มากกวา่ นี้ จากตาราง 3 พบว่า ทัศนคติของผู้ที่ตอบแบบสอบถามเก่ียวกับด้านความรู้สึกใน 5 ด้าน ตาม ความคดิ เหน็ ของผตู้ อบแบบสอบถาม มรี ายละเอยี ดดงั นี้ ทศั นคติด้านความรู้สกึ ของผูต้ อบแบบสอบถามได้ดีสุด คือ มีความรู้สึกว่าการจัดทาบริหารความ เสี่ยง ทางมหาวิทยาลัยนเรศวรต้องมีการจัดอบรมแบบเน้นประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากกว่านี้ ( x =3.84, S.D.=0.85) รองลงมา ได้แก่ มีความรู้สึกว่าความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารความ เส่ียงยังน้อยไป ( x =3.35, S.D.=0.86) และมีความรู้สึกไม่แน่ใจในเรื่องกระบวนการจัดทาบริหารความ เสี่ยง ( x =3.21, S.D.= 0.84) ส่วนทัศนคติด้านความรู้สึกของผู้ตอบแบบสอบถามได้น้อยท่ีสุด คือ มีความรสู้ ึกไม่กล้าซักถามในเรื่องท่ีไม่เข้าใจในการจดั ทาบรหิ ารความเส่ยี ง ( x =2.55, S.D.=0.88)

43 ตาราง 4 แสดงทัศนคตดิ า้ นพฤตกิ รรมของผู้ตอบแบบสอบถาม (N =232) รายการ x S.D ระดบั คณุ ภาพ ปัจจัยดา้ นพฤตกิ รรม 11. สามารถจดั ทาบริหารความเส่ยี งได้ครบตามกระบวนข้นั ตอน 2.97 0.82 ปานกลาง อยา่ งถูกต้อง 12. สามารถทาแผนบรหิ ารความเสีย่ งได้อย่างถูกตอ้ ง 2.88 0.84 ปานกลาง 13. เมอ่ื ทาแผนบรหิ ารความเส่ียงไดเ้ สร็จแลว้ สามารถจดั การความ 3.05 0.79 ปานกลาง เสย่ี งเหลา่ นั้นตามแผนความเสย่ี งท่รี ะบไุ ว้ได้ 14. สามารถรายงานการประเมนิ ผลการบริหารความเส่ียงได้อยา่ ง 2.97 0.82 ปานกลาง ถกู ต้อง 15. สามารถลงมือทาบรหิ ารความเส่ยี งไดด้ ้วยตนเองตามคู่มือ 2.96 0.82 ปานกลาง บริหารความเสยี่ งมหาวทิ ยาลัยนเรศวร จากตาราง 4 พบวา่ ทัศนคตขิ องผู้ที่ตอบแบบสอบถามเกย่ี วกับด้านพฤติกรรม 5 ด้าน ตามความ คดิ เห็นของผูต้ อบแบบสอบถาม มรี ายละเอยี ดดงั น้ี ทศั นคติด้านพฤติกรรมของผู้ตอบแบบสอบถามได้ดีสุด คือ เมื่อทาแผนบริหารความเส่ียงได้เสร็จ แลว้ สามารถจัดการความเสี่ยงเหล่านั้นตามแผนความเส่ียงท่ีระบุไว้ได้ ( x =3.05, S.D.=0.79) รองลงมา ได้แก่ สามารถจัดทาบริหารความเส่ียงได้ครบตามกระบวนข้ันตอนอย่างถูกต้อง ( x =2.97, S.D.=0.82) และสามารถรายงานการประเมินผลการบริหารความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง ( x =2.97, S.D.=0.82) ส่วน ทศั นคติด้านพฤตกิ รรมของผู้ตอบแบบสอบถามไดน้ ้อยท่ีสุด คือ สามารถทาแผนบริหารความเส่ียงได้อย่าง ถูกตอ้ ง ( x =2.88, S.D.=0.84)

44 ตาราง 5 แสดงทศั นคติกระบวนการจดั ทาบริหารความเสีย่ งมหาวทิ ยาลยั นเรศวร 11 ด้าน ของผ้ตู อบแบบสอบถาม (N =231) รายการ x S.D ระดับคณุ ภาพ กระบวนการจดั ทาบรหิ ารความเสีย่ งมหาวทิ ยาลยั นเรศวร 1. ความสามารถวเิ คราะหต์ ารางผลพิจารณาคดั เลอื กโครงการและจดั ทา 2.84 0.76 ปานกลาง ลาดับความสาคญั ของโครงการตามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนด หรือ (NU.RM1) ไดอ้ ย่างถกู ต้อง 2. ความสามารถวิเคราะหก์ ระบวนการและจัดทาในตาราง (NU.RM.2) 2.87 0.79 ปานกลาง ได้อย่างถูกต้อง 3. ความสามารถวเิ คราะหก์ ระบวนการและจดั ทาในตาราง (NURM.3) 2.86 0.78 ปานกลาง ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 4. ความสามารถวเิ คราะหจ์ ัดทาตารางการระบคุ วามเสยี่ งตามหลกั 2.83 0.78 ปานกลาง ธรรมาภบิ าล (NURM.4) ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 5. ความสามารถวเิ คราะห์เกณฑ์มาตรฐานการกาหนดคา่ ประเมนิ ผลกระทบ 2.85 0.78 ปานกลาง และมาตรฐานระดบั โอกาสที่เกิดความเส่ยี ง (NU.RM.5) ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 6. ความสามารถวเิ คราะหเ์ กณฑ์มาตรฐานระดบั ของความเสี่ยง (Degree of 2.87 0.83 ปานกลาง Risk) (NU.RM.6) ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 7. ความสามารถวเิ คราะหจ์ ัดทาการประเมินความเสีย่ ง (NU.RM.7) ไดอ้ ย่าง 2.86 0.81 ปานกลาง ถกู ต้อง 8. ความสามารถวเิ คราะหจ์ ัดทาการประเมนิ การควบคุม (NURM.8) ไดอ้ ยา่ ง 2.86 0.80 ปานกลาง ถูกตอ้ ง 9. ความสามารถวิเคราะหจ์ ดั ทาแผนการบริหารความเส่ียง (NURM.9) 2.84 0.79 ปานกลาง ได้อย่างถกู ตอ้ ง 10. ความสามารถวิเคราะหจ์ ัดทารายงานการประเมนิ ผลการบริหารความ 2.90 0.83 ปานกลาง เส่ยี ง (NU.RM.10) ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง 11. ความสามารถทาใหค้ วามเสย่ี งลดลง จากทที่ าการวเิ คราะหแ์ ผนการ 2.87 0.81 ปานกลาง บรหิ ารความเสี่ยง (NU.RM.9) ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ จากตาราง 5 พบว่า ทัศนคติของผู้ที่ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับกระบวนการจัดทาบริหารความ เสี่ยงมหาวิทยาลยั นเรศวร 11 ด้าน ตามความคิดเห็นของผ้ตู อบแบบสอบถาม มรี ายละเอยี ดดงั น้ี ทัศนคติด้านกระบวนการจัดทาบริหารความเสี่ยงมหาวิทยาลัยนเรศวรของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้ดีสุด คือ ความสามารถวิเคราะห์จัดทารายงานการประเมินผลการบริหารความเสี่ยง (NU.RM.10) ได้ อย่างถูกต้อง ( x =2.90, S.D.=0.83) รองลงมา ได้แก่ ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาใน ตาราง (NU.RM.2) ได้อย่างถกู ต้อง ( x =2.87, S.D.=0.79) ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานระดับ

45 ของความเสย่ี ง (Degree of Risk) (NU.RM.6) ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ( x =2.87, S.D.=0.83) และความสามารถ ทาให้ความเสี่ยงลดลง จากที่ทาการวิเคราะห์แผนการบริหารความเสี่ยง (NU.RM.9) ได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ ( x =2.87, S.D.=0.81) สว่ นทศั นคตดิ ้านกระบวนการจัดทาบริหารความเส่ียงมหาวิทยาลัย นเรศวร ของผู้ตอบแบบสอบถามได้น้อยที่สุด คือ ความสามารถวิเคราะห์จัดทาตารางการระบุความเส่ียง ตามหลักธรรมาภิบาล (NURM.4) ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง ( x =2.83, S.D.=0.78) ตาราง 6 แสดงจานวนและรอ้ ยละความสามารถในการจัดทาบรหิ ารความเสี่ยงของข้อมลู ผูต้ อบแบบสอบถาม (N =227) ความสามารถจดั ทาบรหิ ารความเส่ยี งไดท้ ุกกระบวนการตามข้ันตอน รายการ จานวน ร้อยละ ได้อย่างถกู ต้อง ได้ 91 40.10 ความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate, Transfer, Treat และTake ไมไ่ ด้ 136 59.90 ได้อยา่ งถูกตอ้ ง 47.30 ได้ 107 52.70 ความสามารถนาแนวทางในการลดความเสี่ยงไปปฏิบัติในหน่วยงาน ไมไ่ ด้ 119 ของท่านได้อย่างมปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผล 26.90 ได้ 61 73.10 ความสามารถนาความรู้และความเข้าใจในการจัดทาบริหารความ ไม่ได้ 166 35.20 เสย่ี ง สามารถถ่ายทอดให้บคุ ลากรในองคก์ รของท่านได้อยา่ งถูกต้อง 64.80 ได้ 80 ไม่ได้ 147 จากตาราง 6 พบว่า ในกลุ่มของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด จานวน 227 คน ความสามารถ จัดทาบริหารความเส่ียงได้ทุกกระบวนการตามข้ันตอนได้อย่างถูกต้อง ท่ีบอกว่าทาได้ จานวน 91 คน คิด เปน็ ร้อยละ 40.10 และท่ีบอกว่าทาไม่ได้ จานวน 136 คน คิดเป็นร้อยละ 59.90 ความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate Transfer Treat และ Take ได้อย่างถูกต้องท่ีบอกว่าได้ จานวน 107 คน คิดเป็นร้อยละ 47.30 และที่บอกว่าทาไม่ได้ จานวน 119 คน คิดเป็นร้อยละ 52.70 ความสามารถนาแนวทางในการลด ความเสีย่ งไปปฏิบตั ิในหนว่ ยงานของความไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ท่ีบอกว่าได้ จานวน 61 คน คิดเป็นร้อยละ 26.90 และท่ีบอกว่าทาไม่ได้จานวน 166 คน คิดเป็นร้อยละ 73.10 ความสามารถนา ความรู้และความเข้าใจในการจัดทาบริหารความเส่ียง สามารถถ่ายทอดให้บุคลากรในองค์กรของความได้ อย่างถูกต้อง ทบ่ี อกวา่ ได้ จานวน 80 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 35.20 และท่บี อกวา่ ทาไมไ่ ด้ จานวน 147 คน คิด เป็นรอ้ ยละ 64.80

46 ทดสอบสมมติฐาน ทดสอบสมมตฐิ านท่ี 1 ปัจจยั ส่วนบคุ คลสง่ ผลตอ่ กระบวนการจัดทาบรหิ ารความเสยี่ ง ตาราง 7 แสดงการเปรียบเทียบค่าเฉล่ียความคิดเห็นต่อกระบวนการจัดทาบริหารความเสี่ยงโดย จาแนกตามอายุ ตาแหน่งหน้าที่ กลุ่มหน่วยงานท่ีสังกัด โดยใช้สถิติ one way Analysis of variance (N=229) กระบวนการจดั ทาบริหารความเส่ียงมหาวทิ ยาลัยนเรศวร x S.D F F-Sig. 1.568 0.170 อายุ 20 – 25 ปี 24.07 7.42 1.798 0.130 อายุ 26 – 30 ปี 24.19 7.15 1.647 0.179 อายุ อายุ 31 – 35 ปี 25.86 7.25 อายุ 36 – 40 ปี 27.00 5.61 อายุ 41 -45 ปี 24.64 6.98 อายุ 46 ปีขน้ึ ไป 27.35 6.99 ลกู จา้ งช่วั คราว 23.69 7.35 พนกั งานมหาวทิ ยาลัย 25.39 6.82 ตาแหนง่ พนกั งานราชการ 26.10 7.77 ข้าราชการ 27.42 5.97 อืน่ ๆ 27.00 9.00 กลุ่มวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ 26.85 6.60 กลมุ่ หนว่ ยงาน กลุ่มวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี 23.53 7.79 ที่สงั กดั กลุ่มมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 27.06 7.92 หน่วยงานสนบั สนนุ 25.23 6.45 หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 7 พบว่าในช่วงอายุ ตาแหน่งหน้าท่ี และกลุ่มหน่วยงานท่ีสังกัดของแต่ละบุคคล ไม่สง่ ผลต่อความเข้าใจในกระบวนการบริหารความเส่ยี งมหาวทิ ยาลยั นเรศวร

47 ตาราง 8 แสดงการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความคิดเห็นต่อความสามารถทาให้ความเส่ียงลดลงจากที่ทา การวิเคราะห์แผนการบรหิ ารความเส่ียง (NU.RM.9) ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยจาแนกตาม อายุ ตาแหน่งหน้าท่ี กลุ่มหน่วยงานท่ีสังกัด โดยใช้สถิติ one way Analysis of variance (N=229) ความสามารถทาให้ความเส่ียงลดลง จากท่ีทาการวิเคราะห์ แผ นก า รบ ริ หา ร คว า มเ ส่ี ยง ( NU.RM.9) ได้ อ ย่า ง มี x S.D F F-Sig. 1.128 0.346 ประสทิ ธภิ าพ 0.84 0.82 1.803 0.129 อายุ 20 – 25 ปี 2.64 0.81 1.213 0.272 0.74 อายุ 26 – 30 ปี 2.77 0.93 0.80 อายุ อายุ 31 – 35 ปี 2.86 0.80 อายุ 36 – 40 ปี 3.00 0.81 0.79 อายุ 41 -45 ปี 2.75 0.84 0.00 อายุ 46 ปขี น้ึ ไป 3.08 0.80 0.99 ลกู จา้ งช่ัวคราว 2.69 0.88 0.77 ตาแหนง่ พนกั งานมหาวิทยาลยั 2.82 พนกั งานราชการ 2.80 ข้าราชการ 3.11 อ่นื ๆ 3.00 กลุ่มวทิ ยาศาสตร์สุขภาพ 2.93 กลมุ่ หน่วยงาน กล่มุ วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี 2.650 ที่สงั กัด กลุ่มมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ 3.13 หนว่ ยงานสนับสนุน 2.82 หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 8 พบว่าในช่วงอายุ ตาแหน่งหน้าท่ี และกลุ่มหน่วยงานท่ีสังกัดของแต่ละบุคคล ไม่ส่งผลต่อความสามารถทาให้ความเส่ียงลดลง จากท่ีทาการวิเคราะห์แผนการบริหารความเสี่ยง (NU.RM.9) ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ

48 ตาราง 9 แสดงการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความคิดเห็นต่อความสามารถวิเคราะห์จัดทารายงานการ ประเมินผลการบริหารความเสี่ยง (NU.RM.10) ได้อย่างถูกต้องโดยจาแนกตามอายุ ตาแหน่งหน้าที่ กลุ่มหน่วยงานที่สังกัด โดยใช้สถิติ one way Analysis of variance (N=229) ความสามารถวิเคราะห์จัดทารายงานการประเมินผลการ x S.D F F-Sig. บรหิ ารความเสีย่ ง (NU.RM.10) ได้อยา่ งถูกตอ้ ง อายุ 20 – 25 ปี 2.71 0.83 0.833 0.528 อายุ 26 – 30 ปี 2.75 0.87 อายุ อายุ 31 – 35 ปี 2.90 0.80 อายุ 36 – 40 ปี 3.02 0.73 อายุ 41 -45 ปี 2.89 1.07 อายุ 46 ปขี นึ้ ไป 3.04 0.77 ลกู จา้ งชัว่ คราว 2.66 0.87 2.064 0.087 พนกั งานมหาวทิ ยาลยั 2.85 0.78 ตาแหนง่ พนกั งานราชการ 2.90 0.88 ขา้ ราชการ 3.14 0.88 อน่ื ๆ 3.00 1.00 กลุ่มวทิ ยาศาสตร์สุขภาพ 3.04 0.92 1.598 0.191 กลุม่ หนว่ ยงาน กล่มุ วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี 2.88 1.05 ที่สงั กัด กลมุ่ มนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ 3.10 0.91 หนว่ ยงานสนับสนนุ 2.81 0.75 หมายเหตุ * คือ Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 9 พบว่าในช่วงอายุ ตาแหน่งหน้าท่ี และกลุ่มหน่วยงานท่ีสังกัดของแต่ละบุคคล ไม่ส่งผลต่อความสามารถวิเคราะห์จัดทารายงานการประเมินผลการบริหารความเสี่ยง ( NU.RM.10) ได้อย่างถูกต้อง

49 ตาราง 10 แสดงข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการจัดทาบริหารความเสี่ยง มหาวิทยาลัยนเรศวรแตกต่าง ระหวา่ งกลุม่ เพศของผู้ตอบแบบสอบถาม (N=230) กระบวนการจดั ทาบริหารความเส่ียงมหาวิทยาลัยนเรศวร ชาย หญงิ Sig. Mean S.D Mean S.D 1. ความสามารถวเิ คราะห์ตารางผลพิจารณาคัดเลอื กโครงการ 2.64 0.91 2.91 0.69 0.027* และจัดทาลาดับความสาคญั ของโครงการตามหลกั เกณฑท์ ี่ กาหนด หรือ (NU.RM1) ได้อย่างถูกตอ้ ง 2. ความสามารถวเิ คราะหก์ ระบวนการและจัดทาในตาราง 2.68 0.97 2.94 0.71 0.052 (NU.RM.2) ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง 3. ความสามารถวเิ คราะห์กระบวนการและจดั ทาในตาราง 2.67 0.92 2.93 0.70 0.036* (NURM.3) ได้อยา่ งถกู ต้อง 4. ความสามารถวิเคราะหจ์ ัดทาตารางการระบุความเส่ยี งตาม 2.64 0.95 2.90 0.69 0.043* หลกั ธรรมาภบิ าล (NURM.4) ได้อยา่ งถูกต้อง 5. ความสามารถวเิ คราะห์เกณฑ์มาตรฐานการกาหนดคา่ 2.64 0.94 2.93 0.69 0.022* ประเมนิ ผลกระทบ และมาตรฐานระดบั โอกาสท่ีเกดิ ความ เสี่ยง (NU.RM.5) ได้อย่างถกู ต้อง 6. ความสามารถวิเคราะหเ์ กณฑม์ าตรฐานระดบั ของความ 2.70 0.94 2.95 0.77 0.061 เสีย่ ง (Degree of Rick) (NU.RM.6) ไดอ้ ย่างถกู ต้อง 7. ความสามารถวเิ คราะหจ์ ัดทาการประเมนิ ความเสย่ี ง 2.68 0.96 2.93 0.73 0.059 (NU.RM.7) ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 8. ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินการควบคมุ 2.67 0.95 2.93 0.72 0.043* (NURM.8) ไดอ้ ย่างถกู ต้อง 9. ความสามารถวิเคราะหจ์ ัดทาแผนการบริหารความเสย่ี ง 2.65 0.95 2.92 0.70 0.04* (NURM.9) ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 10. ความสามารถวเิ คราะหจ์ ดั ทารายงานการประเมินผลการ 2.76 0.95 2.95 0.78 0.144 บริหารความเสี่ยง (NU.RM.10) ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 11. ความสามารถทาใหค้ วามเสยี่ งลดลง จากทที่ า่ นทาการ 2.65 0.95 2.96 0.74 0.021* วิเคราะห์แผนการบรหิ ารความเสยี่ ง (NU.RM.9) ไดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ

50 จากตาราง 10 พบว่ากระบวนการจัดทาบริหารความเส่ียงมหาวิทยาลัยนเรศวรส่งผลไม่แตกต่าง และแตกตา่ งดังต่อไปนี้ กลุ่มที่ไม่แตกต่างกนั สรุปดังตอ่ ไปนี้ สรุปผลได้ว่า ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง (NU.RM.2) ได้อย่าง ถูกต้อง (Sig.=0.052), ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานระดับของความเสี่ยง (Degree of Rick) (NU.RM.6) ได้อย่างถูกต้อง (Sig. =0.061), ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินความเส่ียง (NU.RM.7) ได้อย่างถูกต้อง (Sig. =0.059) และความสามารถวิเคราะห์จัดทารายงานการประเมินผลการ บริหารความเสี่ยง (NU.RM.10) ได้อยา่ งถกู ต้อง (Sig. =0.144) กลุ่มทแ่ี ตกต่างกนั สรุปดังตอ่ ไปน้ี สรุปผลได้ว่า ความสามารถวิเคราะห์ตารางผลพิจารณาคัดเลือกโครงการและจัดทาลาดับ ความสาคัญของโครงการตามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนด หรือ (NU.RM1) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=0.027*, เพศ หญิง S.D=0.69), ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง (NURM.3) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=0.036*, เพศหญิง S.D=0.70), ความสามารถวิเคราะห์จัดทาตารางการระบุความเส่ียงตามหลักธรร มาภิบาล (NURM.4) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=0.043*, เพศหญิง S.D=0.069), ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์ มาตรฐานการกาหนดค่าประเมินผลกระทบ และมาตรฐานระดับโอกาสที่เกิดความเส่ียง (NU.RM.5) ได้ อย่างถูกต้อง (Sig.=0.022*, เพศหญิง S.D=0.69), ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินการควบคุม (NURM.8) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=0.043*, เพศหญิง S.D=0.72), ความสามารถวิเคราะห์จัดทาแผนการ บริหารความเสี่ยง (NURM.9) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=0.04*, เพศหญิง S.D=0.70) และความสามารถทาให้ ความเสี่ยงลดลง จากที่ทาการวิเคราะห์แผนการบริหารความเส่ียง (NU.RM.9) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Sig.=0.021*, เพศหญงิ S.D=0.74)

51 ตาราง 11 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างเพศกับความสามารถจัดทาบริหารความเส่ียงได้ทุก กระบวนการตามขัน้ ตอนได้อย่างถูกตอ้ ง (N=226) ความสามารถจดั ทาบริหารความเส่ยี งได้ทุกกระบวนการ เพศ รวม ชาย ตามขน้ั ตอนไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง หญิง ไม่ได้ จานวน (คน) 36 55 91 รอ้ ยละ 54.50 % 34.40 % 40.30 % ได้ จานวน (คน) 30 105 135 ร้อยละ 45.50 % 65.50 % 59.70 % รวม จานวน (คน) 66 160 226 รอ้ ยละ 100 % 100 % 100 % Pearson Chi-Square , Sig. = 0.005* หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 11 พบวา่ กลมุ่ เพศมีความสมั พันธร์ ะหวา่ งความสามารถจดั ทาบรหิ ารความเสี่ยงได้ทุก กระบวนการตามขัน้ ตอนไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง รายละเอยี ดดงั น้ี ความสามารถจัดทาบรหิ ารความเส่ยี งได้ทุกกระบวนการตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง ผู้ที่ตอบว่า (ทาไม่ได้) มากท่ีสุดเป็นเพศ หญิง จานวน 55 คน (ร้อยละ 34.40) และรองลงมาคือ เพศชาย จานวน 36 คน (ร้อยละ 54.50) สาหรับความสามารถจัดทาบริหารความเส่ียงได้ทุกกระบวนการตามข้ันตอนได้อย่างถูกต้องผู้ท่ี ตอบว่า (ทาได้) มากที่สุดเป็นเพศหญิง จานวน 105 คน (ร้อยละ 65.50) และรองลงมาคือ เพศชาย จานวน 30 คน (ร้อยละ 45.50)

52 ตาราง 12 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างเพศกับความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate Transfer Treat และTake ได้อย่างถูกตอ้ ง (N=225) ความสามารถใช้กลยทุ ธ์ Terminate, Transfer, Treat เพศ รวม ชาย และTake ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง หญงิ ไม่ได้ จานวน (คน) 38 69 107 รอ้ ยละ 57.6% 43.4% 47.6% ได้ จานวน (คน) 28 90 118 ร้อยละ 42.4% 56.6% 52.4% รวม จานวน (คน) 66 159 225 รอ้ ยละ 100% 100% 100% Pearson Chi-Square , Sig. = 0.052 หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 12 พบว่ากลุ่มเพศไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate Transfer Treat และTake ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง

53 ตาราง 13 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างเพศกับความสามารถนาแนวทางในการลดความเสี่ยงไป ปฏิบตั ใิ นหนว่ ยงานของท่านไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพและประสิทธิผล (N=226) ค ว า ม ส า ม า ร ถ น า แ น ว ท า ง ใ น ก า ร ล ด ค วา ม เ สี่ ย ง ไ ป ป ฏิ บั ติ ใ น เพศ รวม ชาย หน่วยงานของทา่ นได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผล 24 หญิง 61 36.40% 37 27.00 % ไม่ได้ จานวน (คน) 42 23.10% 165 รอ้ ยละ 63.60% 123 73.00% 66 76.90% 226 ได้ จานวน (คน) 100 % 160 100 % รอ้ ยละ 100 % รวม จานวน (คน) ร้อยละ Pearson Chi-Square , Sig. = 0.041* หมายเหตุ * คือ Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 13 พบว่ากลุ่มเพศมีความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถนาแนวทางในการลดความ เสย่ี งไปปฏบิ ัติในหน่วยงานของท่านไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รายละเอยี ดดังน้ี ความสามารถนาแนวทางในการลดความเสี่ยงไปปฏิบัติในหน่วยงานของท่านได้อย่างมี ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ผู้ท่ีตอบว่า (ทาไม่ได้) มากที่สุดเป็นเพศ ชาย จานวน 24 คน (ร้อยละ 36.40) และรองลงมาคอื เพศหญงิ จานวน 37 คน (รอ้ ยละ 23.10) สาหรับความสามารถนาแนวทางในการลดความเส่ียงไปปฏิบัติในหน่วยงานของท่านได้อย่างมี ประสิทธิภาพและประสทิ ธิผล ผ้ทู ต่ี อบว่า (ทาได้) มากท่ีสดุ เปน็ เพศ หญิง จานวน 123 คน (ร้อยละ 76.90) และรองลงมาคือ เพศชาย จานวน 42 คน (ร้อยละ 63.60)

54 ตาราง 14 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างเพศกับท่านสามารถนาความรู้และความเข้าใจในการ จัดทาบริหารความเส่ียง สามารถถ่ายทอดให้บุคลากรในองค์กรของท่านได้อย่างถูกต้อง (N=226) ความสามารถนาความรู้และความเข้าใจในการจัดทาบริหาร เพศ ชาย หญิง ความเส่ียง สามารถถ่ายทอดให้บุคลากรในองค์กรของท่านได้ รวม อย่างถูกต้อง 80 35.40% ไม่ได้ จานวน (คน) 31 49 146 รอ้ ยละ 47.00% 30.60% 64.60% 35 111 226 ได้ จานวน (คน) 53.00% 69.40% 100 % รอ้ ยละ 66 160 100 % 100 % รวม จานวน (คน) ร้อยละ Pearson Chi-Square , Sig. = 0.019* หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 14 พบว่ากลุ่มเพศมีความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถนาความรู้และความเข้าใจใน การจัดทาบริหารความเส่ียง สามารถถ่ายทอดให้บุคลากรในองค์กรของท่านได้อย่างถูกต้อง รายละเอียด ดังนี้ ความสามารถนาความรู้และความเข้าใจในการจัดทาบริหารความเสี่ยง สามารถถ่ายทอดให้ บุคลากรในองค์กรของท่านได้อย่างถูกต้อง ผู้ท่ีตอบว่า (ทาไม่ได้) มากที่สุดเป็นเพศ หญิง จานวน 49 คน (ร้อยละ 30.60) และรองลงมาคอื เพศชาย จานวน 31 คน (รอ้ ยละ 47.00) สาหรับความสามารถนาความรู้และความเข้าใจในการจัดทาบริหารความเสี่ยง สามารถถ่ายทอด ให้บุคลากรในองค์กรของท่านได้อย่างถูกต้อง ผู้ท่ีตอบว่า (ทาได้) มากที่สุดเป็นเพศหญิง จานวน 111 คน (รอ้ ยละ 69.40) และรองลงมาคือ เพศชาย จานวน 35 คน (ร้อยละ 53.00)

55 ตาราง 15 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างช่วงอายุกับความสามารถจัดทาบริหารความเส่ียงได้ทุก กระบวนการตามข้นั ตอนได้อย่างถูกต้อง (N=225) ความสามารถจัดทาบริหารความ อายุ เ สี่ ย ง ไ ด้ ทุ ก ก ร ะ บ ว น ก า ร ต า ม อายุ อายุ อายุ อายุ อายุ อายุ 46 ปี รวม ขัน้ ตอนได้อยา่ งถูกต้อง 2 0 -2 5 26-30 ปี 31-35 ปี 36-40 ปี 41-45 ปี ขึ้นไป ปี 13 ไมไ่ ด้ จานวน (คน) 5 30 19 16 48.10% 7 90 39.60% 27.60% 14 26.90% 40.00% รอ้ ยละ 35.70% 57.70% 29 42 51.90% 19 135 60.40% 72.40% 27 73.10% 60.00% ได้ จานวน (คน) 9 22 48 58 100 % 26 225 100 % 100 % 100 % 100 % รอ้ ยละ 64.30% 42.30% รวม จานวน (คน) 14 52 รอ้ ยละ 100 % 100 % Pearson Chi-Square , Sig. = 0.021* หมายเหตุ * คือ Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 15 พบว่ากลุ่มอายุมีความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถจัดทาบริหารความเสี่ยงได้ ทุกกระบวนการตามขน้ั ตอนไดอ้ ย่างถกู ต้อง รายละเอยี ดดงั นี้ ความสามารถจัดทาบริหารความเส่ียงได้ทุกกระบวนการตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง ผู้ท่ีตอบว่า (ทาไม่ได้) มากที่สุดอยู่ในช่วงอายุ 26 -30 ปี จานวน 30 คน (ร้อยละ 57.70) รองลงมาคือ ช่วงอายุ 31 – 35 ปี จานวน 19 คน (ร้อยละ 39.60) และช่วงอายุ 36 -40 ปี จานวน 16 คน (ร้อยละ 27.6) สาหรบั ความสามารถจัดทาบริหารความเส่ียงได้ทุกกระบวนการตามข้ันตอนได้อย่างถูกต้อง ผู้ที่ ตอบว่า (ทาได้) มากที่สุดอยู่ในช่วงอายุ 36 -40 ปี จานวน 42 คน (ร้อยละ 72.40) รองลงมาคือ ช่วงอายุ 31 – 35 ปี จานวน 29 คน (รอ้ ยละ 60.40) และช่วงอายุ 26 -30 ปี จานวน 22 คน (รอ้ ยละ 42.30)

56 ตาราง 16 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างช่วงอายุกับความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate Transfer Treat และTake ได้อยา่ งถกู ต้อง (N=224) ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ ช้ ก ล ยุ ท ธ์ อายุ อายุ อายุ Terminate Transfer Treat อายุ อายุ 31-35 ปี 36-40 ปี อายุ อายุ 46 ปี รวม และTake ได้อย่างถูกต้อง 26-30 ปี 23 20 41-45 ปี ขนึ้ ไป 20-25 ปี 33 47.90% 35.10% 15 8 106 63.50% 25 37 55.60% 30.80% 47.30% ไม่ได้ จานวน (คน) 7 19 52.10% 64.90% 12 18 118 ร้อยละ 50.00% 36.50% 48 57 44.40% 69.20% 52.70% 52 100 % 100 % 27 26 224 ได้ จานวน (คน) 7 100 % 100 % 100 % 100 % รอ้ ยละ 50.00% รวม จานวน (คน) 14 ร้อยละ 100 % Pearson Chi-Square , Sig. = 0.029* หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 16 พบว่ากลุ่มอายุมีความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate Transfer Treat และ Take ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง รายละเอียดดังน้ี ความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate, Transfer, Treat และTake ได้อย่างถูกต้อง ผู้ท่ีตอบว่า (ทาไม่ได้) มากที่สุดอยู่ในช่วงอายุ 26 -30 ปี จานวน 33 คน (ร้อยละ 63.50) รองลงมาคือ ช่วงอายุ 31 – 35 ปี จานวน 23 คน (รอ้ ยละ 47.90) และชว่ งอายุ 36 - 40 ปี จานวน 20 คน (รอ้ ยละ 35.10) สาหรับความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate Transfer Treat และ Take ได้อย่างถูกต้อง ผู้ท่ี ตอบว่า (ทาได้) มากที่สุดอยู่ในช่วงอายุ 36 -40 ปี จานวน 37 คน (ร้อยละ 64.90) รองลงมาคือ ช่วงอายุ 31 – 35 ปี จานวน 25 คน (ร้อยละ 52.10) และชว่ งอายุ 26 -30 ปี จานวน 19 คน (ร้อยละ 36.50)

57 ตาราง 17 แสดงขอ้ มูลความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งชว่ งอายกุ บั ความสามารถนาแนวทางในการลดความเสี่ยง ไปปฏบิ ตั ิในหน่วยงานของทา่ นไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล (N=225) ความสามารถนาแนวทางในการ อายุ ล ด ค ว า ม เ สี่ ย ง ไ ป ป ฏิ บั ติ ใ น อายุ อายุ อายุ อายุ อายุ อายุ 46 ปี รวม ห น่ ว ย ง า น ข อ ง ท่ า น ไ ด้ อ ย่ า ง มี 20-25 ปี 26-30 ปี 31-35 ปี 36-40 ปี 41-45 ปี ขนึ้ ไป ประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ล 16 9 ไม่ได้ จานวน (คน) 4 30.8% 12 13 33.3% 6 60 ร้อยละ 28.6% 36 25% 22.4% 18 23.1% 26.7% 69.2% 36 45 66.7% 20 165 ได้ จานวน (คน) 10 52 75% 77.6% 27 76.9% 73.3% รอ้ ยละ 71.4% 100 % 48 58 100 % 26 225 100 % 100 % 100 % 100% รวม จานวน (คน) 14 ร้อยละ 100 % Pearson Chi-Square , Sig. = 0.86 หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 17 พบว่ากลุ่มอายุไม่ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถนาแนวทางในการลดความ เส่ยี งไปปฏบิ ัติในหน่วยงานของทา่ นได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ล

58 ตาราง 18 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างช่วงอายุกับความสามารถนาความรู้และความเข้าใจใน การจัดทาบริหารความเสย่ี ง สามารถถ่ายทอดให้บคุ ลากรในองค์กรของท่านได้อย่างถูกต้อง (N=225) ความสามารถนาความรู้และ อายุ ความเข้าใจในการจัดทาบริหาร ความเส่ียง สามารถถ่ายทอดให้ อายุ อายุ อายุ อายุ อายุ อายุ 46 ปี รวม 26-30 ปี 31-35 ปี 36-40 ปี 41-45 ปี ข้นึ ไป บุคลากรในองค์กรของท่านได้ 20-25 ปี 23 9 อย่างถกู ต้อง 44.2% 33.3% 29 18 ไมไ่ ด้ จานวน (คน) 4 55.8% 21 15 66.7% 7 79 รอ้ ยละ 28.6% 52 43.8% 25.9% 27 26.9% 35.1% 100 % 27 43 100 % 19 146 ได้ จานวน (คน) 10 56.2% 74.1% 73.1% 64.9% รอ้ ยละ 71.4% 48 58 26 225 100 % 100 % 100 % 100 % รวม จานวน (คน) 14 รอ้ ยละ 100 % Pearson Chi-Square , Sig. = 0.24 หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 18 พบว่ากลุ่มอายุไม่ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถนาความรู้และความเข้าใจ ในการจัดทาบริหารความเสย่ี ง สามารถถา่ ยทอดใหบ้ คุ ลากรในองคก์ รของท่านได้อย่างถกู ต้อง

59 ตาราง 19 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างตาแหน่งหน้าที่ในปัจจุบันกับความสามารถจัดทาบริหาร ความเสย่ี งได้ทุกกระบวนการตามขนั้ ตอนได้อย่างถกู ต้อง (N=225) ความสามารถจัดทาบริหารความ ตาแหนง่ หนา้ ทใี่ นปจั จบุ ันของท่าน เสี่ยงได้ทุกกระบวนการตาม ลกู จ้าง พนกั งาน พนกั งาน ขา้ ราช อนื่ ๆ รวม ขั้นตอนได้อยา่ งถกู ตอ้ ง ชั่วคราว มหาวิทยาลัย ราชการ การ 1 89 33.3% 39.6% ไม่ได้ จานวน (คน) 18 48 3 19 2 136 ร้อยละ 51.4% 66.7% 60.4% 39% 33.3% 34.5% 3 225 100 % 100% ได้ จานวน (คน) 17 75 6 36 รอ้ ยละ 48.6% 61% 66.7% 65.5% รวม จานวน (คน) 35 123 9 55 รอ้ ยละ 100 % 100 % 100 % 100 % Pearson Chi-Square , Sig. = 0.583 หมายเหตุ * คือ Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 19 พบว่าตาแหน่งหน้าท่ีไม่ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถจัดทาบริหารความ เส่ยี งได้ทกุ กระบวนการตามขนั้ ตอนได้อยา่ งถกู ต้อง

60 ตาราง 20 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างตาแหน่งหน้าที่ในปัจจุบันกับความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate Transfer Treat และTake ได้อยา่ งถูกต้อง (N=224) ความสามารถใช้กลยุทธ์ ตาแหน่งหนา้ ทใ่ี นปจั จุบันของท่าน Terminate Transfer Treat ลกู จ้าง พนกั งาน พนักงาน ขา้ ราช อ่ืนๆ รวม และ Take ได้อย่างถูกตอ้ ง ชวั่ คราว มหาวทิ ยาลัย ราชการ การ ไมไ่ ด้ จานวน (คน) 20 61 3 20 1 105 ร้อยละ 57.1% 50% 33.3% 36.4% 33.3% 46.9% ได้ จานวน (คน) 15 61 6 35 2 119 รอ้ ยละ 42.9% 50% 66.7% 63.6% 66.7% 53.1% รวม จานวน (คน) 35 122 9 55 3 224 รอ้ ยละ 100 % 100 % 100 % 100 % 100 % 100 % Pearson Chi-Square , Sig. = 0.259 หมายเหตุ * คือ Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 20 พบว่าตาแหน่งหน้าที่ไม่ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate Transfer Treat และ Take ได้อยา่ งถูกตอ้ ง

61 ตาราง 21 แสดงขอ้ มลู ความสัมพันธร์ ะหว่างตาแหน่งหน้าที่ในปัจจุบันกับความสามารถนาแนวทางใน การลดความเส่ียงไปปฏิบัติในหน่วยงานของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ถูกตอ้ ง (N=225) ความสามารถนาแนวทางในการลด ตาแหนง่ หนา้ ท่ีในปัจจุบนั ของทา่ น ความเส่ียงไปปฏิบัติในหน่วยงานของ ลกู จ้าง พนักงาน พนักงาน ข้าราช อื่นๆ รวม ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ชัว่ คราว มหาวิทยาลยั ราชการ การ ประสทิ ธิผล 0 60 13 0.00% 26.7% ไม่ได้ จานวน (คน) 12 32 3 23.6% 3 165 33.3% 42 100% 73.3% ร้อยละ 34.3% 26% 76.4% 3 225 55 100 % 100 % ได้ จานวน (คน) 23 91 6 100 % 66.7% รอ้ ยละ 65.7% 74% รวม จานวน (คน) 35 123 9 100 % ร้อยละ 100 % 100 % Pearson Chi-Square , Sig. = 0.623 หมายเหตุ * คือ Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 21 พบว่าตาแหน่งหน้าทไี่ มค่ วามสมั พนั ธ์ระหว่างความสามารถนาแนวทางในการลด ความเส่ียงไปปฏิบตั ิในหนว่ ยงานของทา่ นไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

62 ตาราง 22 แสดงข้อมูลความสัมพนั ธ์ระหว่างตาแหน่งหน้าท่ีในปัจจุบันกับความสามารถนาความรู้และ ความเขา้ ใจในการจดั ทาบรหิ ารความเสี่ยง สามารถถ่ายทอดให้บุคลากรในองค์กรของท่าน ได้อยา่ งถูกตอ้ ง (N=225) ค ว า ม ส า ม า ร ถ น า ค ว า ม รู้ แ ล ะ ค ว า ม ตาแหนง่ หนา้ ที่ในปจั จบุ ันของท่าน พนักงาน พนกั งาน ข้าราช เข้าใจในการจัดทาบริหารความเสี่ยง ลูกจา้ ง มหาวทิ ยาลัย ราชการ การ อน่ื ๆ รวม สามารถถ่ายทอดให้บุคลากรในองค์กร ชัว่ คราว ของท่านไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ไมไ่ ด้ จานวน (คน) 17 43 3 15 0 78 ร้อยละ 48.6% 35% 33.3% 27.3% 0.00 % 34.7% 18 80 6 40 3 147 ได้ จานวน (คน) 51.4% 65% 66.7% 72.7% 100 % 65.3% รอ้ ยละ 35 123 9 55 3 225 100 % 100 % 100 % 100 % 100 % 100 % รวม จานวน (คน) ร้อยละ Pearson Chi-Square , Sig. = 0.205 หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 22 พบว่าตาแหน่งหน้าท่ีไม่ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถนาความรู้และความ เข้าใจในการจดั ทาบริหารความเสี่ยง สามารถถ่ายทอดให้บุคลากรในองค์กรของท่านได้อยา่ งถูกต้อง

63 ตาราง 23 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างประสบการณ์ทางานที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวรกับ ความสามารถจัดทาบริหารความเสี่ยงได้ทุกกระบวนการตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง (N=203) ความสามารถจัดทาบริหารความเส่ียงไ ด้ทุก ประสบการณท์ างานที่อยูใ่ น รวม กระบวนการตามขน้ั ตอนได้อย่างถูกต้อง มหาวิทยาลัยนเรศวร 80 น้อยกว่า 5 ปี มากกว่า 5 ปี 39.4% 123 ไม่ได้ จานวน (คน) 31 49 60.6% ร้อยละ 46.3% 36% 203 100 % ได้ จานวน (คน) 36 87 รอ้ ยละ 53.7% 64% รวม จานวน (คน) 67 136 รอ้ ยละ 100 % 100 % Pearson Chi-Square , Sig. = 0.16 หมายเหตุ * คือ Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 23 พบว่าประสบการณ์ทางานท่ีอยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวรไม่ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสามารถจดั ทาบริหารความเสี่ยงไดท้ ุกกระบวนการตามขน้ั ตอนได้อย่างถกู ต้อง

64 ตาราง 24 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างประสบการณ์ทางานท่ีอยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวรกับ ความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate Transfer Treat และ Take ได้อย่างถูกต้อง (N=202) ความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate Transfer ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ท า ง า น ที่ อ ยู่ ใ น Treat และTake ได้อยา่ งถูกตอ้ ง มหาวิทยาลยั นเรศวร นอ้ ยกว่า 5 ปี มากกว่า 5 ปี รวม ไม่ได้ จานวน (คน) 37 60 97 ร้อยละ 55.2% 44.4% 48% ได้ จานวน (คน) 30 75 105 ร้อยละ 44.8% 55.6% 52% รวม จานวน (คน) 67 135 202 ร้อยละ 100 % 100 % 100 % Pearson Chi-Square , Sig. = 0.149 หมายเหตุ * คือ Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 24 พบว่าประสบการณ์ทางานที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวรไม่ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสามารถใช้กลยทุ ธ์ Terminate Transfer Treat และ Take ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง

65 ตาราง 25 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างประสบการณ์ทางานที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวรกับ ความสามารถนาแนวทางในการลดความเส่ียงไปปฏิบัติในหน่วยงานของท่านได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล (N=203) ความสามารถนาแนวทางในการลดความเสี่ยงไป ประสบการณ์ทางานท่ีอยู่ใน ปฏิบัติในหน่วยงานของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร และประสทิ ธิผล น้อยกว่า 5 ปี มากกว่า 5 ปี รวม ไมไ่ ด้ จานวน (คน) 19 37 56 รอ้ ยละ 28.4% 27.2% 27.6% ได้ จานวน (คน) 48 99 147 รอ้ ยละ 71.6% 72.8% 72.4% รวม จานวน (คน) 67 136 203 รอ้ ยละ 100 % 100 % 100 % Pearson Chi-Square , Sig. = 0.863 หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 25 พบว่าประสบการณ์ทางานท่ีอยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวรไม่ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสามารถนาแนวทางในการลดความเส่ียงไปปฏิบัติในหน่วยงานของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ประสทิ ธิผล

66 ตาราง 26 แสดงข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างประสบการณ์ทางานที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวรกับ ความสามารถนาความรู้และความเข้าใจในการจัดทาบริหารความเส่ียง สามารถถ่ายทอด ให้บุคลากรในองค์กรของทา่ นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (N=203) ความสามารถนาความรู้และความเข้าใจในการ ประสบการณ์ทางานท่ีอยู่ใน จัดทาบริหารความเสี่ยง สามารถถ่ายทอดให้ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร บุคลากรในองคก์ รของท่านได้อย่างถูกตอ้ ง น้อยกว่า 5 ปี มากกว่า 5 ปี รวม ไม่ได้ จานวน (คน) 26 46 72 ร้อยละ 38.8% 33.8% 35.5% ได้ จานวน (คน) 41 90 131 ร้อยละ 61.2% 66.2% 64.5% รวม จานวน (คน) 67 136 203 ร้อยละ 100 % 100 % 100 % Pearson Chi-Square , Sig. = 0.485 หมายเหตุ * คือ Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 26 พบว่าประสบการณ์ทางานท่ีอยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวรไม่ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสามารถนาความรู้และความเข้าใจในการจัดทาบริหารความเส่ียง สามารถถ่ายทอดให้บุคลากรใน องคก์ รของทา่ นไดอ้ ยา่ งถูกต้อง

67 ตาราง 27 แสดงข้อมูลความสัมพันธร์ ะหวา่ งกลมุ่ หน่วยงานทีท่ า่ นสงั กัดอยู่ในปัจจุบันกับความสามารถ จัดทาบริหารความเสย่ี งได้ทุกกระบวนการตามข้ันตอนไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง(N=225) ความสามารถจัดทาบรหิ าร กล่มุ หน่วยงานทีท่ า่ นสังกดั ในปจั จุบัน ความเสี่ยงได้ทุกกระบวน กลุ่มวิทยาศาสตร์ กลุ่มวิทยาศาสตร์ กลุ่มมนุษยศาสตร์ ห น่ ว ย ง า น รวม การตามข้นั ตอนไดอ้ ยา่ ง สขุ ภาพ เทคโนโลยี และสังคมศาสตร์ สนบั สนุน ถูกต้อง ไม่ได้ จานวน (คน) 14 9 10 57 90 รอ้ ยละ 30.4% 60% 32.3% 42.9% 40% ได้ จานวน (คน) 32 6 21 76 135 รอ้ ยละ 69.6% 40% 67.7% 57.1% 60% รวม จานวน (คน) 46 15 31 133 225 รอ้ ยละ 100% 100% 100% 100% 100% Pearson Chi-Square , Sig. = 0.14 หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 27 พบว่ากลุ่มหน่วยงานที่ท่านสังกัดในปัจจุบันไม่ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสามารถจดั ทาบริหารความเสยี่ งไดท้ ุกกระบวนการตามข้ันตอนได้อยา่ งถูกต้อง

68 ตาราง 28 แสดงขอ้ มูลความสมั พันธ์ระหวา่ งกลมุ่ หน่วยงานที่ทา่ นสังกัดอยู่ในปัจจุบันกับความสามารถ ใชก้ ลยทุ ธ์ Terminate Transfer Treat และ Take ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง (N=224) ความสามารถใชก้ ลยทุ ธ์ กลุ่มหน่วยงานท่ที า่ นสังกดั ในปจั จบุ นั Terminate Transfer กลุ่มวิทยาศาสตร์ กลุ่มวิทยาศาสตร์ ก ลุ่ ม ม นุ ษ ย ศ า ส ต ร์ ห น่ ว ย ง า น รวม Treat และ Take ได้อยา่ ง สุขภาพ เทคโนโลยี และสงั คมศาสตร์ สนบั สนุน ถูกต้อง ไมไ่ ด้ จานวน (คน) 18 10 13 65 106 รอ้ ยละ 40% 66.7% 41.9% 48.9% 47.3% ได้ จานวน (คน) 27 5 18 68 118 ร้อยละ 60% 33.3% 58.1% 51.1% 52.7% รวม จานวน (คน) 45 15 31 133 224 รอ้ ยละ 100% 100% 100% 100% 100% Pearson Chi-Square , Sig. = 0.295 หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 28 พบว่ากลุ่มหน่วยงานที่ท่านสังกัดในปัจจุบันไม่ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสามารถใชก้ ลยทุ ธ์ Terminate Transfer Treat และ Take ได้อย่างถกู ต้อง

69 ตาราง 29 แสดงขอ้ มลู ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกลุ่มหน่วยงานท่ที า่ นสงั กัดอยู่ในปัจจุบันกับความสามารถ นาแนวทางในการลดความเสย่ี งไปปฏิบัติในหน่วยงานของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ประสทิ ธผิ ล(N=225) ความสามารถนาแนวทางใน กลมุ่ หนว่ ยงานทที่ ่านสงั กัดในปจั จบุ นั การลดความเสี่ยงไปปฏิบัติใน กลุ่มวิทยาศาสตร์ ก ลุ่ ม วิ ท ยา ศ าส ต ร์ ก ลุ่ ม ม นุ ษ ย ศ า ส ต ร์ หน่วยงาน รวม หน่วยงานของท่านได้อย่างมี สุขภาพ เทคโนโลยี และสงั คมศาสตร์ สนบั สนุน ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไมไ่ ด้ จานวน (คน) 9 7 6 39 61 รอ้ ยละ 19.6% 46.7% 19.4% 29.3% 27.1% ได้ จานวน (คน) 37 8 25 94 164 รอ้ ยละ 80.4% 53.3% 80.6% 70.7% 72.9% รวม จานวน (คน) 46 15 31 133 225 ร้อยละ 100% 100% 100% 100% 100% Pearson Chi-Square , Sig. = 0.139 หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 29 พบว่ากลุ่มหน่วยงานท่ีท่านสังกัดในปัจจุบันไม่ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสามารถนาแนวทางในการลดความเสี่ยงไปปฏิบัติในหน่วยงานของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล

70 ตาราง 30 แสดงข้อมลู ความสัมพันธ์ระหว่างกลมุ่ หนว่ ยงานท่ที า่ นสงั กดั อยู่ในปัจจุบันกับความสามารถ นาความรู้และความเข้าใจในการจัดทาบริหารความเส่ียง สามารถถ่ายทอดให้บุคลากรใน องคก์ รของทา่ นไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง (N=225) ความสามารถนาความรู้และ กลุ่มหน่วยงานท่ที ่านสงั กดั ในปัจจบุ ัน ความเข้าใจในการจัดทา บริหารความเส่ียง สามารถ ก ลุ่ ม วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ กลุ่มวิทยาศาสตร์ กลุ่มมนุษยศาสตร์และ หน่วยงาน รวม ถ่ า ย ท อ ด ใ ห้ บุ ค ล า ก ร ใ น สุขภาพ เทคโนโลยี สงั คมศาสตร์ สนับสนุน อ ง ค์ ก ร ข อ ง ท่ า น ไ ด้ อ ย่ า ง ถกู ตอ้ ง ไม่ได้ จานวน (คน) 12 8 7 52 79 รอ้ ยละ 26.1% 53.3% 22.6% 39.1% 35.1% ได้ จานวน (คน) 34 7 24 81 146 ร้อยละ 73.9% 46.7% 77.4% 60.9% 64.9% รวม จานวน (คน) 46 15 31 133 225 ร้อยละ 100% 100% 100% 100% 100% Pearson Chi-Square, Sig. = 0.12 หมายเหตุ * คือ Sig. ≤ 0.05 จากตาราง 30 พบว่ากลุ่มหน่วยงานที่ท่านสังกัดในปัจจุบันไม่ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสามารถนาความรู้และความเข้าใจในการจัดทาบริหารความเสี่ยง สามารถถ่ายทอดให้บุคลากรใน องค์กรของท่านไดอ้ ยา่ งถูกต้อง

71 ทดสอบสมมติฐานที่ 2 ปัจจัยด้านทัศนคติด้านความเข้าใจ ด้านความรู้สึก ด้านพฤติกรรมส่งผลต่อ กระบวนการจัดทาบรหิ ารความเสี่ยง ตาราง 31 แสดงความสัมพันธ์ปัจจัยด้านความเข้าใจที่มีผลต่อกระบวนการจัดทาบริหารความเส่ียง โดยใช้สถิติการวเิ คราะหก์ ารถดถอยพหคุ ณู Unstandardized Standardized ปัจจัยดา้ นความเข้าใจ Coefficients Coefficients t Sig. 10.161 .000 B Std. Error Beta .620 .496 (Constant) 6.882 .677 .356 -.926 .304 1. ความสามารถวิเคราะห์ตารางผลพิจารณาคัดเลือกโครงการและจัดทาลาดับ .303 .612 .067 1.030 .240 -1.178 .145 ความสาคัญของโครงการตามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนด หรือ (NU.RM1) ได้อย่าง 1.461 .309 1.019 .963 ถูกต้อง .046 .244 1.169 .462 2. ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง (NU.RM.2) ได้อย่าง -.947 1.024 -.216 .738 .133 -1.510 .331 ถกู ต้อง .974 3. ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง (NURM.3) ได้อย่าง 1.309 1.270 .294 ถกู ต้อง 4. ความสามารถวิเคราะห์จัดทาตารางการระบุความเสี่ยงตามหลักธรรมาภิบาล -.753 .640 -.171 (NURM.4) ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 5. ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานการกาหนดค่าประเมินผลกระทบ 1.153 .789 .261 และมาตรฐานระดบั โอกาสทเ่ี กดิ ความเสย่ี ง (NU.RM.5) ไดอ้ ย่างถกู ต้อง 6. ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานระดับของความเส่ียง (Degree of .760 .746 .181 Rick) (NU.RM.6) ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 7. ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินความเส่ียง (NU.RM.7) ได้อย่าง .040 .866 .009 ถกู ต้อง 8. ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินการควบคุม (NURM.8) ได้อย่าง .944 .808 .219 ถูกต้อง 9. ความสามารถวิเคราะห์จัดทาแผนการบริหารความเสี่ยง (NURM.9) ได้อย่าง .676 .916 .154 ถกู ต้อง 10. ความสามารถวิเคราะห์จัดทารายงานการประเมินผลการบริหารความเสี่ยง -.910 .603 -.218 (NU.RM.10) ได้อย่างถกู ตอ้ ง 11. ความสามารถทาให้ความเสี่ยงลดลง จากที่ท่านทาการวิเคราะห์แผนการ .473 .486 .112 บริหารความเส่ียง (NU.RM.9) ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05, คา่ R = .695, R2 = .483, F-test (ANOVA) = .000 จากตาราง 31 พบว่าในปัจจัยด้านความเข้าใจไม่ส่งผลต่อความสามารถวิเคราะห์ตารางผล พิจารณาคัดเลือกโครงการและจัดทาลาดับความสาคัญของโครงการตามหลักเกณฑ์ที่กาหนด หรือ (NU.RM1) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.620) ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง (NU.RM.2) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.356) ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง

72 (NURM.3) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.304) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาตารางการระบุความเส่ียงตามหลัก ธรรมาภิบาล (NURM.4) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.240) ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานการ กาหนดค่าประเมินผลกระทบ และมาตรฐานระดับโอกาสท่ีเกิดความเส่ียง (NU.RM.5) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.145) ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานระดับของความเส่ียง (Degree of Rick) (NU.RM.6) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.309) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินความเส่ียง (NU.RM.7) ได้อย่าง ถูกต้อง (Sig.=.963) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินการควบคุม (NURM.8) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.244) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาแผนการบริหารความเส่ียง (NURM.9) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.462) ความสามารถวิเคราะห์จัดทารายงานการประเมินผลการบริหารความเสี่ยง (NU.RM.10) ได้ อยา่ งถกู ต้อง (Sig.=.133) และความสามารถทาให้ความเสี่ยงลดลง จากที่ทาการวิเคราะห์แผนการบริหาร ความเสยี่ ง (NU.RM.9) ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ (Sig.=.331) สมการพยากรณใ์ นรูปของคะแนนดิบ ̂= 6.882 + 0.303(X1) + -0.947(X2) + 1.309(X3) + -0.753(X4) + 1.153(X5) + 0.760(X6) + 0.040(X7) + 0.944(X8) + 0.676(X9) + -0.910(X10) + 0.473(X11) สมการพยากรณใ์ นรูปของคะแนนมาตรฐาน ̂ = 6.882 + 0.067(Z1) + -0.216(Z2) + 0.294(Z3) + -0.171(Z4) + 0.261(Z5) + 0.181(Z6) + 0.009(Z7) + 0.219(Z8) + -0.154(Z9) + -0.218(Z10) + 0.112(Z11)

73 ตาราง 32 แสดงความสมั พนั ธ์ปัจจัยดา้ นความรู้สึกที่มีผลต่อกระบวนการจัดทาบริหารความเส่ียง โดย ใช้สถิติการวิเคราะห์การถดถอยพหคุ ูณ Unstandardized Standardized ปจั จัยดา้ นความรสู้ กึ Coefficients Coefficients t Sig. 23.278 .000 B Std. Error Beta .511 -.659 (Constant) 19.079 .820 .212 1.252 .252 1. ความสามารถวเิ คราะหต์ ารางผลพิจารณาคดั เลอื กโครงการและจดั ทา -.488 .740 -.118 -1.148 .685 -.406 .301 ลาดบั ความสาคัญของโครงการตามหลกั เกณฑท์ ก่ี าหนด หรอื (NU.RM1) 1.037 .228 ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง -1.209 .973 -.034 .431 2. ความสามารถวิเคราะหก์ ระบวนการและจดั ทาในตาราง (NU.RM.2) 1.550 1.239 .388 .790 .996 -.005 .468 ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง -.727 .839 -.203 3. ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจดั ทาในตาราง (NURM.3) -1.765 1.537 -.436 ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 4. ความสามารถวิเคราะห์จดั ทาตารางการระบคุ วามเส่ียงตามหลัก -.315 .774 -.078 ธรรมาภบิ าล (NURM.4) ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 5. ความสามารถวิเคราะหเ์ กณฑ์มาตรฐานการกาหนดคา่ ประเมินผล .990 .955 .246 กระทบ และมาตรฐานระดับโอกาสทเ่ี กิดความเสี่ยง (NU.RM.5) ไดอ้ ยา่ ง ถกู ตอ้ ง 6. ความสามารถวิเคราะห์เกณฑม์ าตรฐานระดับของความเส่ยี ง (Degree -1.091 .902 -.285 of Rick) (NU.RM.6) ได้อย่างถูกตอ้ ง 7. ความสามารถวิเคราะห์จดั ทาการประเมินความเส่ยี ง (NU.RM.7) ได้ -.036 1.048 -.009 อยา่ งถกู ต้อง 8. ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินการควบคุม (NURM.8) ได้ .772 .977 .196 อย่างถกู ตอ้ ง 9. ความสามารถวเิ คราะหจ์ ดั ทาแผนการบรหิ ารความเสยี่ ง (NURM.9) -.005 1.109 -.001 ได้อย่างถูกตอ้ ง 10. ความสามารถวิเคราะหจ์ ดั ทารายงานการประเมินผลการบรหิ าร -.530 .729 -.139 ความเสย่ี ง (NU.RM.10) ได้อยา่ งถกู ต้อง 11. ความสามารถทาใหค้ วามเส่ียงลดลง จากทที่ า่ นทาการวเิ คราะห์ -.120 .588 -.031 แผนการบรหิ ารความเสยี่ ง (NU.RM.9) ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ หมายเหตุ * คือ Sig. ≤ 0.05, คา่ R = .294, R2 = .087, F-test (ANOVA) = .044 จากตาราง 32 พบว่าในปัจจัยด้านความรู้สึกไม่ส่งผลต่อความสามารถวิเคราะห์ตารางผล พิจารณาคัดเลือกโครงการและจัดทาลาดับความสาคัญของโครงการตามหลักเกณฑ์ที่กาหนด หรือ (NU.RM1) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.511) ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง (NU.RM.2) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.212) ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง (NURM.3) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.252) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาตารางการระบุความเสี่ยงตามหลัก

74 ธรรมาภิบาล (NURM.4) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.685) ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานการ กาหนดค่าประเมินผลกระทบ และมาตรฐานระดับโอกาสท่ีเกิดความเส่ียง (NU.RM.5) ได้อย่างถูกต้อง (Sig. =.301) ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานระดับของความเสี่ยง (Degree of Rick) (NU.RM.6) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.228) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินความเส่ียง (NU.RM.7) ได้อย่าง ถูกต้อง (Sig.=.973) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินการควบคุม (NURM.8) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.431) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาแผนการบริหารความเส่ียง (NURM.9) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.996) ความสามารถวิเคราะห์จัดทารายงานการประเมินผลการบริหารความเส่ียง (NU.RM.10) ได้ อยา่ งถูกต้อง (Sig.=.468) และความสามารถทาให้ความเส่ียงลดลง จากที่ทาการวิเคราะห์แผนการบริหาร ความเสย่ี ง (NU.RM.9) ได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ (Sig.=.839) สมการพยากรณใ์ นรปู ของคะแนนดิบ ̂=19.079 + -0.488(X1) + 1.550(X2) + -1.765(X3) + -0.315(X4) + 0.990(X5)+ -1.091(X6) +-0.036(X7) + 0.772(X8) + -0.005(X9) + -0.530(X10) + -0.120(X11) สมการพยากรณ์ในรปู ของคะแนนมาตรฐาน ̂=19.079+ -0.118(Z1) + 0.388(Z2) + -0.436(Z3) + -0.078(Z4) + 0.246(Z5)+ -0.285(Z6) + -0.009(Z7) + 0.196(Z8) + -0.001(Z9) + -0.139(Z10) + -0.031(Z11)

75 ตาราง 33 แสดงความสัมพันธ์ปัจจัยด้านพฤติกรรมที่มีผลต่อกระบวนการจัดทาบริหารความเสี่ยง โดยใช้สถติ ิการวเิ คราะห์การถดถอยพหคุ ณู Unstandardized Standardize ปจั จัยดา้ นพฤติกรรม Coefficients d t Sig. Coefficients B Std. Error Beta (Constant) 5.039 .680 7.407 .000 1. ความสามารถวเิ คราะหต์ ารางผลพจิ ารณาคัดเลอื กโครงการและจัดทา ลาดับความสาคัญของโครงการตามหลักเกณฑท์ กี่ าหนด หรือ (NU.RM1) -.050 .614 -.010 -.082 .935 ได้อย่างถูกตอ้ ง 2. ความสามารถวเิ คราะห์กระบวนการและจดั ทาในตาราง (NU.RM.2) -.927 1.028 -.198 -.902 .368 ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 3. ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง (NURM.3) 1.747 1.276 .368 1.369 .172 ได้อยา่ งถูกตอ้ ง 4. ความสามารถวเิ คราะห์จดั ทาตารางการระบคุ วามเส่ยี งตามหลกั -.938 .642 -.199 -1.460 .146 ธรรมาภบิ าล (NURM.4) ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 5. ความสามารถวเิ คราะหเ์ กณฑม์ าตรฐานการกาหนดค่าประเมินผล กระทบ และมาตรฐานระดับโอกาสทีเ่ กดิ ความเส่ียง (NU.RM.5) ได้อยา่ ง .536 .793 .114 .676 .500 ถูกตอ้ ง 6. ความสามารถวเิ คราะห์เกณฑ์มาตรฐานระดับของความเสย่ี ง (Degree .718 .749 .160 .958 .339 of Rick) (NU.RM.6) ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 7. ความสามารถวเิ คราะหจ์ ัดทาการประเมินความเส่ยี ง (NU.RM.7) -.022 .870 -.005 -.026 .980 ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 8. ความสามารถวิเคราะหจ์ ดั ทาการประเมนิ การควบคมุ (NURM.8) 1.213 .811 .263 1.496 .136 ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 9. ความสามารถวิเคราะหจ์ ดั ทาแผนการบรหิ ารความเส่ียง (NURM.9) -1.166 .920 -.249 -1.268 .206 ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 10. ความสามารถวิเคราะห์จดั ทารายงานการประเมนิ ผลการบรหิ าร 1.315 .605 .295 2.172 .031* ความเสี่ยง (NU.RM.10) ไดอ้ ย่างถกู ต้อง 11. ความสามารถทาให้ความเสี่ยงลดลง จากทที่ ่านทาการวเิ คราะห์ .968 .488 .214 1.984 .049* แผนการบริหารความเสย่ี ง (NU.RM.9) ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05, ค่า R = .543, R2 = .519, F-test (ANOVA) = .000 จากตาราง 33 พบว่าในปัจจัยด้านความเข้าใจไม่ส่งผลต่อความสามารถวิเคราะห์ตารางผล พิจารณาคัดเลือกโครงการและจัดทาลาดับความสาคัญของโครงการตามหลักเกณฑ์ที่กาหนด หรือ (NU.RM1) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.935) ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง (NU.RM.2) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.368) ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง

76 (NURM.3) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.172) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาตารางการระบุความเส่ียงตามหลัก ธรรมาภิบาล (NURM.4) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.146) ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานการ กาหนดค่าประเมินผลกระทบ และมาตรฐานระดับโอกาสที่เกิดความเสี่ยง (NU.RM.5) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.500) ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานระดับของความเสี่ยง (Degree of Rick) (NU.RM.6) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.339) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินความเสี่ยง (NU.RM.7) ได้อย่าง ถูกต้อง (Sig.=.980) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินการควบคุม (NURM.8) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.136) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาแผนการบริหารความเสี่ยง (NURM.9) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=.206) แต่ส่งผลในเรื่องความสามารถวิเคราะห์จัดทารายงานการประเมินผลการบริหารความเสี่ยง (NU.RM.10) ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง (Sig.=.031*) และความสามารถทาให้ความเสี่ยงลดลง จากท่ีทาการวิเคราะห์ แผนการบรหิ ารความเส่ียง (NU.RM.9) ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ (Sig.=.049*) สมการพยากรณ์ในรปู ของคะแนนดิบ ̂= 5.039 + -0.05(X1) + -0.927(X2) + 1.747(X3) + -0.938(X4) + 0.536(X5) + 0.718(X6) + -0.022(X7) + 1.213(X8) + -1.166(X9) + 1.315(X10) + 0.968(X11) สมการพยากรณ์ในรูปของคะแนนมาตรฐาน ̂=5.039+ -0.010(Z1) + -0.198(Z2) + 0.368(Z3) + -0.199(Z4) + 0.114(Z5) + 0.160(Z6) + -0.005(Z7) + 0.263(Z8) + -0.249(Z9) + 0.295(Z10) + 0.214(Z11)

77 ตาราง 34 แสดงความสมั พนั ธ์ปัจจัยด้านทัศนคติท้งั หมดท่มี ผี ลต่อกระบวนการจัดทาบริหารความ เสย่ี ง โดยใชส้ ถติ ิการวเิ คราะหก์ ารถดถอยพหคุ ูณ Unstandardized Standardized ปัจจยั ดา้ นพฤติกรรม Coefficients Coefficients t Sig. B Std. Error Beta (Constant) 31.807 1.189 26.070 .000 1. ความสามารถวิเคราะหต์ ารางผลพิจารณาคดั เลือก โครงการและจดั ทาลาดับความสาคัญของโครงการตาม -0.234 1.074 -0.029 -0.218 0.827 หลักเกณฑ์ทกี่ าหนด หรือ (NU.RM1) ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. ความสามารถวิเคราะหก์ ระบวนการและจัดทาใน -0.324 1.797 -0.042 -0.180 0.857 ตาราง (NU.RM.2) ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง 3. ความสามารถวิเคราะหก์ ระบวนการและจัดทาใน 1.291 2.230 0.163 0.579 0.563 ตาราง (NURM.3) ได้อย่างถูกตอ้ ง 4. ความสามารถวิเคราะห์จดั ทาตารางการระบคุ วาม -2.006 1.123 -0.256 -1.786 0.075 เสี่ยงตามหลักธรรมาภิบาล (NURM.4) ได้อยา่ งถูกต้อง 5. ความสามารถวเิ คราะห์เกณฑม์ าตรฐานการกาหนดคา่ ประเมินผลกระทบ และมาตรฐานระดบั โอกาสท่ีเกดิ 2.679 1.386 0.342 1.934 0.054 ความเสยี่ ง (NU.RM.5) ไดอ้ ย่างถกู ต้อง 6. ความสามารถวเิ คราะหเ์ กณฑม์ าตรฐานระดับของ ความเสยี่ ง (Degree of Rick) (NU.RM.6) ได้อย่าง 0.386 1.309 0.052 0.295 0.768 ถกู ต้อง 7. ความสามารถวิเคราะหจ์ ดั ทาการประเมนิ ความเสย่ี ง -0.018 1.521 -0.002 0.12 0.991 (NU.RM.7) ได้อยา่ งถูกต้อง 8. ความสามารถวิเคราะหจ์ ดั ทาการประเมนิ การควบคมุ 2.929 1.418 0.382 2.066 0.040* (NURM.8) ได้อยา่ งถูกต้อง 9. ความสามารถวิเคราะหจ์ ดั ทาแผนการบริหารความ -0.496 1.608 -0.064 -0.308 0.758 เสยี่ ง (NURM.9) ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 10. ความสามารถวิเคราะหจ์ ัดทารายงานการประเมนิ ผล -0.126 1.058 -0.017 -0.119 0.906 การบรหิ ารความเสย่ี ง (NU.RM.10) ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 11. ความสามารถทาใหค้ วามเส่ยี งลดลง จากท่ที า่ นทา การวิเคราะหแ์ ผนการบรหิ ารความเสยี่ ง (NU.RM.9) ได้ 1.322 0.853 0.175 1.549 0.123 อย่างมีประสทิ ธิภาพ หมายเหตุ * คอื Sig. ≤ 0.05, คา่ R = .704, R2 = .495, F-test (ANOVA) = .000

78 จากตาราง 34 พบว่าในปัจจัยด้านทัศนคติท้ังหมดไม่ส่งผลต่อความสามารถวิคราะห์ ความสามารถวิเคราะห์ตารางผลพิจารณาคัดเลือกโครงการและจัดทาลาดับความสาคัญของโครงการตาม หลักเกณฑ์ท่ีกาหนด หรือ (NU.RM1) ได้อย่างถูกต้อง (Sig.=0.827) ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการ และจัดทาในตาราง (NU.RM.2) ได้อย่างถูกต้อง (Sig. = 0.857) ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและ จัดทาในตาราง (NURM.3) ได้อย่างถูกต้อง (Sig = 0.563) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาตารางการระบุ ความเสี่ยงตามหลกั ธรรมาภบิ าล (NURM.4) ไดอ้ ย่างถูกต้อง (Sig. = 0.075) ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์ มาตรฐานการกาหนดค่าประเมินผลกระทบ และมาตรฐานระดับโอกาสท่ีเกิดความเสี่ยง (NU.RM.5) ได้ อย่างถูกต้อง (Sig. = 0.054) ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานระดับของความเสี่ยง (Degree of Rick) (NU.RM.6) ได้อย่างถูกต้อง (Sig. = 0.768) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินความเส่ียง (NU.RM.7) ได้อย่างถูกต้อง (Sig. = 0.991) ความสามารถวิเคราะห์จัดทาแผนการบริหารความเส่ียง (NURM.9) ได้อย่างถกู ตอ้ ง (Sig. =0.758) ความสามารถวิเคราะหจ์ ัดทารายงานการประเมินผลการบริหาร ความเสี่ยง (NU.RM.10) ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง (Sig. = 0.906) และความสามารถทาใหค้ วามเส่ยี งลดลง จากท่ีทา การวิเคราะห์แผนการบรหิ ารความเสี่ยง (NU.RM.9) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Sig. = 0.123) แต่ส่งผลในเรื่องความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินการควบคุม (NURM.8) ได้อย่าง ถกู ต้อง (Sig. = 0.040) สมการพยากรณ์ในรูปของคะแนนดิบ ̂=31.807+ -0.234(X1) + -0.324(X2) + 1.291(X3) + -2.006(X4) + 2.679(X5) + 0.386(X6) + -0.018(X7) + 2.929(X8) + -0.496(X9) + -0.126(X10) + 1.322(X11) สมการพยากรณ์ในรปู ของคะแนนมาตรฐาน ̂=31.807+ -0.029(Z1) + -0.042(Z2) + 0.163(Z3) + -0.256(Z4) + 0.342(Z5) + 0.052(Z6) + -0.002(Z7) + 0.382(Z8) + -0.064(Z9) + -0.017(Z10) + 0.175(Z11)

79 บทท่ี 5 บทสรปุ การวิจยั ครง้ั ในนมี้ วี ัตถุประสงค์ เพอ่ื ศกึ ษาปัจจัยด้านสว่ นบุคคลที่ส่งผลต่อการจัดทาบริหารความ เส่ียง ศึกษาปัจจัยด้านทัศนคติที่ส่งผลต่อการจัดทาบริหารความเสี่ยง และเพื่อนาผลการวิจัยในคร้ังน้ีเป็น แนวทางในการพฒั นาดา้ นความเสีย่ งต่อไป โดยทาการเก็บตัวอย่างท้ังหมดจากคณะกรรมการบริหารความ เสี่ยง มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งมีจานวน 554 คน และซึ่งเม่ือนาส่งกลับมา จานวน 230 ชุด จากน้ันสร้าง เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย เป็นแบบสอบถามด้านทัศนคติปัจจัยทางด้านความเข้าใจ ปัจจัยทางด้าน ความรู้สึก ปัจจัยทางด้านพฤติกรรม ทาการเก็บข้อมูลด้วยตนเอง และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพ้ืนฐาน ไดแ้ ก่ ร้อยละ คา่ เฉล่ยี ( x ) ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D) สรปุ ผลการวิจยั ตอนท่ี 1 การวิเคราะหข์ ้อมลู ท่ัวไปของผูต้ อบแบบสอบถาม พบวา่ ผลสารวจจากผูต้ อบแบบสอบถามท้ังหมด 231 คน พบว่าเป็นเพศหญิงมากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 71.40 อยูใ่ นชว่ งอายุ 36 – 40 ปี มากท่ีสดุ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 25.70 ส่วนใหญ่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยมาก ท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 54.30 เป็นผู้มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี มากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 67.10 ผู้ตอบ แบบสอบถามส่วนใหญ่เปน็ กล่มุ หน่วยงานสนบั สนนุ มากท่ีสดุ คดิ เป็นร้อยละ 58.70 ตอนที่ 2 ระดบั ทัศนคติของผูต้ อบแบบสอบถาม 2.1 ระดับทัศนคตปิ จั จัยด้านความเข้าใจของผตู้ อบแบบสอบถาม ดงั ตอ่ ไปนี้ ความเข้าใจหน้าที่ และบทบาทคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงภายในหน่วยงานของท่าน ความเขา้ ใจในประกาศมหาวิทยาลัยนเรศวร เรอื่ ง นโยบายการบริหารความเสี่ยงของมหาวิทยาลัยนเรศวร ความเข้าใจเพียงใด เมื่อมีการจัดทาบริหารความเส่ียงเม่ือทาเสร็จแล้ว ต้องนาแผนและผลของการจัดทา บริหารความเส่ียงมาตอบในองค์ประกอบท่ี 7.4 การบริหารความเส่ียงการศึกษา (สกอ.) ความเข้าใจใน กระบวนการและขั้นตอนการจัดทาการบริหารความเสี่ยงและความเข้าใจในเน้ือหาของคู่มือการบริหาร ความเสี่ยงมหาวทิ ยาลัยนเรศวร อยู่ในระดับปานกลาง สรุป คา่ เฉลี่ยรวมทัศนคติด้านความเขา้ ใจ อยู่ในระดับปานกลาง 2.2 ระดับทศั นคตปิ จั จยั ดา้ นความรสู้ กึ ของผตู้ อบแบบสอบถาม ดังต่อไปนี้ ความรู้สึกว่าการจัดทาบริหารความเส่ียง ทางมหาวิทยาลัยนเรศวรต้องมีการจัดอบรมแบบเน้น ประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากกวา่ นี้ อยู่ในระดบั มาก

80 ความรู้สึกกังวลเมื่อได้รับมอบหมายในการจัดทาบริหารความเส่ียง ความรู้สึกไม่แน่ใจในเร่ือง กระบวนการจัดทาบรหิ ารความเส่ียง ความรู้สึกว่าความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงยัง นอ้ ยไป อยู่ในระดบั ปานกลาง ความร้สู ึกไม่กลา้ ซกั ถามในเร่อื งที่ไมเ่ ข้าใจในการจัดทาบรหิ ารความเส่ียง อย่ใู นระดบั น้อย สรปุ ค่าเฉลย่ี รวมทัศนคตดิ า้ นความรสู้ กึ อยู่ในระดบั ปานกลาง 2.3 ระดับทัศนคตปิ ัจจยั ดา้ นพฤตกิ รรมของผูต้ อบแบบสอบถาม ดงั ต่อไปนี้ ความสามารถจัดทาบริหารความเสยี่ งได้ครบตามกระบวนขั้นตอนอย่างถูกต้อง ความสามารถทา แผนบรหิ ารความเสย่ี งไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง เม่อื ทาแผนบรหิ ารความเสีย่ งไดเ้ สร็จแลว้ ความสามารถจัดการความ เส่ยี งเหลา่ นั้นตามแผนความเสี่ยงทีร่ ะบุไว้ได้ ความสามารถรายงานการประเมินผลการบริหารความเสี่ยงได้ อยา่ งถกู ตอ้ งและ ความสามารถสามารถลงมอื ทาบรหิ ารความเส่ยี งได้ดว้ ยตนเองตามคมู่ ือบริหารความเสี่ยง มหาวิทยาลยั นเรศวร อยใู่ นระดบั ปานกลาง สรุป ค่าเฉลี่ยรวมทัศนคตดิ ้านพฤติกรรม อยู่ในระดับ ปานกลาง ตอนที่ 3 ส่วนที่ 1 ทัศนคติเกี่ยวกับกระบวนการจัดทาบริหารความเสี่ยง มหาวิทยาลัยนเรศวรของ ผู้ตอบแบบสอบถาม ระดับทัศนคติเกยี่ วกบั กระบวนการจดั ทาบรหิ ารความเสย่ี ง มหาวิทยาลยั นเรศวร ดังต่อไปน้ี ความสามารถวิเคราะห์ตารางผลพิจารณาคัดเลือกโครงการและจัดทาลาดับความสาคัญของ โครงการตามหลักเกณฑ์ที่กาหนด หรือ (NU.RM1) ได้อย่างถูกต้อง สามารถวิเคราะห์กระบวนการและ จัดทาในตาราง (NU.RM.2) ได้อย่างถูกต้อง ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง (NURM.3) ได้อย่างถูกต้อง ความสามารถวิเคราะห์จัดทาตารางการระบุความเส่ียงตามหลักธรรมาภิบาล (NURM.4) ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานการกาหนดค่าประเมินผลกระทบ และ มาตรฐานระดับโอกาสที่เกิดความเสี่ยง (NU.RM.5) ได้อย่างถูกต้อง ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์ มาตรฐานระดับของความเสี่ยง (Degree of Risk) (NU.RM.6) ได้อย่างถูกต้อง ความสามารถวิเคราะห์ จัดทาการประเมินความเสี่ยง (NU.RM.7) ได้อย่างถูกต้อง ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินการ ควบคุม (NURM.8) ได้อย่างถูกต้อง, ความสามารถวิเคราะห์จัดทาแผนการบริหารความเส่ียง (NURM.9) ได้อย่างถูกต้อง ความสามารถวิเคราะห์จัดทารายงานการประเมินผลการบริหารความเสี่ยง (NU.RM.10) ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง และความสามารถทาให้ความเส่ียงลดลง จากท่ีท่านทาการวิเคราะห์แผนการบริหารความ เสี่ยง (NU.RM.9) ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ อย่ใู นระดับปานกลาง สรุป ค่าเฉล่ียรวมทัศนคติเก่ียวกับกระบวนการจัดทาบริหารความเส่ียง มหาวิทยาลัยนเรศวร อยู่ในระดบั ปานกลาง

81 ตอนที่ 3 ส่วนที่ 2 ทัศนคติกับความสามารถในการจัดทาบริหารความเสี่ยง มหาวิทยาลัยนเรศวรของ ผตู้ อบแบบสอบถาม พบว่า ผลสารวจจากผู้ตอบแบบสอบถามท้ังหมด พบว่าความสามารถจัดทาบริหารความเส่ียงได้ทุก กระบวนการตามขัน้ ตอนไดอ้ ย่างถูกต้อง ทาไม่ได้มากทสี่ ุด คิดเป็นร้อยละ 59.90 และทาได้ คิดเป็นร้อยละ 40.10 ส่วนใหญ่ ความสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate Transfer Treat และ Take ได้อย่างถูกต้อง ทา ไม่ไดม้ ากท่สี ุด คดิ เป็นรอ้ ยละ 52.70 และทาได้ คดิ เป็นรอ้ ยละ 47.30 และความสามารถนาแนวทางในการ ลดความเสยี่ งไปปฏบิ ตั ใิ นหน่วยงานของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทาไม่ได้มากที่สุด คิด เปน็ รอ้ ยละ 73.10 และทาได้ คดิ เปน็ ร้อยละ 26.90 และส่วนใหญ่ความสามารถนาความรู้และความเข้าใจ ในการจัดทาบรหิ ารความเสีย่ ง สามารถถา่ ยทอดให้บุคลากรในองค์กรของท่านได้อย่างถูกต้อง ทาไม่ได้มาก ทสี่ ดุ คิดเปน็ ร้อยละ 64.80 และทาได้ คิดเปน็ รอ้ ยละ 35.20 อภิปรายผลการวิจยั สมมุตฐิ านที่ 1 ปัจจัยสว่ นบุคคลมผี ลตอ่ การจดั ทาบริหารความเสย่ี ง 1. เพศ มคี วามแตกตา่ งกับกระบวนการจดั ทาบริหารความเสี่ยง มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ดงั ต่อไปนี้ 1.1 เรื่อง ความสามารถวิเคราะห์ตารางผลพิจารณาคัดเลือกโครงการและจัดทาลาดับ ความสาคญั ของโครงการตามหลักเกณฑ์ที่กาหนด หรือ (NU.RM1) ได้อย่างถูกต้อง มีค่าเท่ากับ 0.027 ซึ่ง น้อยกวา่ ระดับนยั สาคญั ที่ 0.05 (แตกตา่ งในเพศหญงิ ( x = 2.91)) 1.2 เรื่อง ความสามารถวิเคราะห์กระบวนการและจัดทาในตาราง (NURM.3) ได้อย่าง ถกู ตอ้ ง มีคา่ เท่ากบั 0.036 ซ่งึ นอ้ ยกวา่ ระดบั นยั สาคัญ 0.05 (แตกตา่ งในเพศหญงิ ( x = 2.93)) 1.3 เรื่อง ความสามารถวิเคราะห์จัดทาตารางการระบุความเสี่ยงตามหลักธรรมาภิบาล (NURM.4) ได้อย่างถูกต้อง มีค่าเท่ากับ 0.043 ซ่ึงน้อยกว่าระดับนัยสาคัญ 0.05 (แตกต่างในเพศหญิง ( x = 2.90)) 1.4 เร่ือง ความสามารถวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐานการกาหนดค่าประเมินผลกระทบ และ มาตรฐานระดับโอกาสที่เกิดความเสี่ยง (NU.RM.5) ได้อย่างถูกต้อง มีค่าเท่ากับ 0.022 ซ่ึงน้อยกว่าระดับ นัยสาคญั 0.05 (แตกตา่ งในเพศหญิง ( x = 2.93)) 1.5 เรื่อง ความสามารถวิเคราะห์จัดทาการประเมินการควบคุม (NURM.8) ได้อย่างถูกต้อง มีคา่ เทา่ กบั 0.043 ซึ่งน้อยกวา่ ระดับนัยสาคัญ 0.05 (แตกตา่ งในเพศหญิง ( x = 2.93)) 1.6 เรื่อง ความสามารถวิเคราะห์จัดทาแผนการบริหารความเสี่ยง (NURM.9) ได้อย่าง ถูกต้อง มีค่าเท่ากับ 0.04 ซึง่ นอ้ ยกว่า ระดบั นัยสาคัญ 0.05 (แตกต่างในเพศหญงิ ( x = 2.92)) 1.7 เรื่อง ความสามารถทาให้ความเส่ียงลดลง จากที่ทาการวิเคราะห์แผนการบริหารความ เส่ียง (NU.RM.9) ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ มคี า่ เทา่ กับ 0.021 ซึ่งนอ้ ยกวา่ ระดับนัยสาคัญ 0.05 (แตกต่างใน เพศหญิง ( x = 2.96))

82 ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคิดของ (Giffeth, Hom และ Gaerner (2000, PP.463 – 488) อ้างอิงใน ธนวรรธ ตั้งสินทรพั ย์ศิริ, 2550, หน้า 44 – 45) ได้กล่าววา่ เพศกับการทางาน มีความแตกตา่ งกันน้อยมาก ระหว่างเพศหญิงกบั เพศชายในเร่อื งของความสามารถเกี่ยวกับการแก้ปัญหาในการทางาน ทักษะในการคิด วิเคราะห์แรงกระตุ้นเพื่อต่อสู้เมื่อมีการแข่งขันแรงจูงใจ การปรับตัวทางสังคม ความสามารถในการเรียนรู้ และความพึงพอใจในการทางาน อย่างไรก็ตามจากการศึกษาของนักจิตวิทยาพบว่า เพศหญิงจะมีลักษณะ คลอ้ ยตามมากกวา่ เพศชาย 2. อายุ มีความแตกตา่ งกบั เร่อื ง ความสามารถวเิ คราะห์ตารางผลพิจารณาคัดเลือกโครงการและ จัดทาลาดับความสาคัญของโครงการตามหลักเกณฑ์ทกี่ าหนด หรอื (NU.RM1) ได้อย่างถูกต้อง มีค่าเท่ากับ 0.037 ซ่งึ น้อยกว่าระดับนยั สาคัญท่ี 0.05 (ในช่วงอายุ ระหว่าง อายุ 46 ปี ขนึ้ ไป ( x = 3.04)) ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคิดของ (Giffeth, Hom และ Gaerner (2000, PP.463 - 488) อ้างอิงใน ธนวรรธ ตั้งสินทรัพย์ศิริ, 2550, หน้า 44 - 45) ได้กล่าวว่า อายุกับการทางาน เป็นท่ียอมรับกันว่าผลงาน ของบุคคลจะลดน้อยถอยลงในขณะท่ีมีอายุเพ่ิมข้ึน แต่อย่างไรก็ตามสาหรับบุคคลท่ีมีอายุ 55 ปี ข้ึนไปนั้น ถอื วา่ มปี ระสบการณ์ในการทางานสูงและสามารถจะปฏิบัติหนา้ ที่การงานท่ีก่อให้เกิดผลผลติ สงู ได้ 3. ตาแหนง่ งาน มีความแตกตา่ งกับเรื่อง ความสามารถวิเคราะห์จัดทาตารางการระบุความเส่ียง ตามหลักธรรมาภิบาล (NURM.4) ได้อย่างถูกต้อง มีค่าเท่ากับ 0.021 ซ่ึงน้อยกว่าระดับนัยสาคัญที่ 0.05 (ในตาแหนง่ ขา้ ราชการ ( x = 3.07)) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ (Giffeth, Hom และ Gaerner (2000, PP.463 - 488) อ้างอิงใน ธนวรรธ ต้ังสินทรัพย์ศิริ, 2550, หน้า 44 - 45) ได้กล่าวว่า พบว่าตาแหน่งผู้ท่ีมีระยะเวลาการทางานใน องค์กรมานานหรือผู้ท่ีมีอาวุโสการทางานจะมีผลงานสูงกว่าพนักงานใหม่ หรือตาแหน่งงานที่ม่ันคงจะมี อัตราการขาดงานน้อยและการลาดออกออกน้อยซึ่งความเป็นอาวุโสในการทางานจะบ่งชี้ถึงผลงานได้เป็น อย่างดี 4. เพศ มีความสัมพันธ์ระหว่าง ความสามารถจัดทาบริหารความเส่ียงได้ทุกกระบวนการตาม ข้ันตอนได้อยา่ งถูกตอ้ ง มคี า่ เท่ากับ 0.005 ซึง่ น้อยกวา่ ระดบั นยั สาคญั ท่ี 0.05 คือ 4.1 เพศชายส่วนใหญบ่ อกว่า (ทาไม่ได)้ รอ้ ยละ 54.50 4.2 เพศหญิงส่วนใหญ่บอกวา่ (ทาได้) รอ้ ยละ 65.50 5. เพศ มีความสัมพันธ์ระหว่าง ความสามารถนาแนวทางในการลดความเส่ียงไปปฏิบัติใน หนว่ ยงานของท่านได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล มคี า่ เท่ากบั 0.041 ซึ่งน้อยกว่าระดับนัยสาคัญท่ี 0.05 คอื 5.1 เพศชายส่วนใหญบ่ อกว่า (ทาไมไ่ ด้) ร้อยละ 36.40 5.2 เพศหญิงส่วนใหญ่บอกว่า (ทาได)้ รอ้ ยละ 76.90 6. เพศ มีความสัมพันธ์ระหว่าง ความสามารถนาความรู้และความเข้าใจในการจัดทาบริหาร ความเสี่ยง สามารถถ่ายทอดให้บุคลากรในองค์กรของท่านได้อย่างถูกต้อง มีค่าเท่ากับ 0.019 น้อยกว่า ระดบั นัยสาคัญที่ 0.05 คอื

83 6.1 เพศชายส่วนใหญบ่ อกวา่ (ทาไมไ่ ด้) รอ้ ยละ 47.00 6.2 เพศหญิงส่วนใหญ่บอกว่า (ทาได)้ ร้อยละ 69.40 ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ (Giffeth, Hom และ Gaerner (2000, PP.463 – 488) อ้างอิงใน ธนวรรธ ต้ังสินทรัพยศ์ ริ ,ิ 2550, หนา้ 44 – 45) ได้กล่าววา่ เพศกบั การทางาน มีความแตกต่างกันน้อยมาก ระหวา่ งเพศหญงิ กับเพศชายในเรื่องของความสามารถเกย่ี วกับการแกป้ ญั หาในการทางาน ทักษะในการคิด วเิ คราะห์แรงกระตุ้นเพ่ือต่อสู้เม่ือมีการแข่งขันแรงจูงใจ การปรับตัวทางสังคม ความสามารถในการเรียนรู้ และความพึงพอใจในการทางาน อย่างไรก็ตามจากการศึกษาของนักจิตวิทยาพบว่า เพศหญิงจะมีลักษณะ คลอ้ ยตามมากกวา่ เพศชาย 7. ช่วงอายุ มีความสมั พันธ์ระหวา่ งความสามารถจดั ทาบริหารความเส่ียงได้ทุกกระบวนการตาม ขน้ั ตอนไดอ้ ย่างถกู ต้อง มีค่าเทา่ กบั 0.021 นอ้ ยกว่า ระดบั นยั สาคัญท่ี 0.05 คือ 7.1 ช่วงอายุ 26-30 ปี ส่วนใหญบ่ อกวา่ (ทาไมไ่ ด้) ร้อยละ 57.70 7.2 ช่วงอายุ 46 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่บอกวา่ (ทาได)้ รอ้ ยละ 73.10 8. ชว่ งอายุ มคี วามสัมพันธ์ระหว่าง ท่านสามารถใช้กลยุทธ์ Terminate, Transfer, Treat และ Take ได้อยา่ งถูกต้อง มีคา่ เท่ากับ 0.029 น้อยกวา่ ระดับนยั สาคญั ที่ 0.05 คือ 8.1 ชว่ งอายุ 26-30 ปี สว่ นใหญบ่ อกว่า (ทาไม่ได้) รอ้ ยละ 63.50 8.2 ชว่ งอายุ 46 ปีข้นึ ไป สว่ นใหญ่บอกว่า (ทาได้) ร้อยละ 69.20 ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคิดของ (Giffeth, Hom และ Gaerner (2000, PP.463 - 488) อ้างอิงใน ธนวรรธ ต้ังสินทรัพย์ศิริ, 2550, หน้า 44 - 45) ได้กล่าวว่า อายุกับการทางาน เป็นท่ียอมรับกันว่าผลงาน ของบุคคลจะลดน้อยถอยลงในขณะที่มีอายุเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามสาหรับบุคคลท่ีมีอายุ 55 ปี ขึ้นไปน้ัน ถือว่ามีประสบการณใ์ นการทางานสูงและสามารถจะปฏิบตั หิ นา้ ที่การงานท่ีก่อใหเ้ กดิ ผลผลิตสงู ได้ สมมุตฐิ านที่ 2 ปจั จยั ทัศนคติมีผลต่อการจดั ทาบรหิ ารความเสีย่ ง 1. ดา้ นความเขา้ ใจ ไม่ส่งผลต่อกระบวนการจดั ทาบริหารความเส่ยี ง มหาวทิ ยาลยั นเรศวร 2. ดา้ นความร้สู กึ ไมส่ ง่ ผลต่อกระบวนการจัดทาบรหิ ารความเสี่ยง มหาวทิ ยาลัยนเรศวร 3. ด้านพฤติกรรมส่งผลต่อกระบวนการจัดทาบริหารความเส่ียง มหาวิทยาลัยนเรศวร คือ กระบวนการในความสามารถวิเคราะห์จัดทารายงานการประเมินผลการบริหารความเส่ียง (NU.RM.10) ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง มีค่าเท่ากับ 0.031 น้อยกว่า ระดับนัยสาคัญท่ี 0.05 และกระบวนการในความสามารถทา ให้ความเส่ียงลดลง จากท่ีท่านทาการวิเคราะห์แผนการบริหารความเสี่ยง (NU.RM.9) ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ มีคา่ เทา่ กบั 0.49 น้อยกวา่ ระดบั นยั สาคัญที่ 0.05 ซ่งึ สอดคล้องกบั แนวคิดของ ธนวรรธ ต้ังสินทรัพย์ศิริ (2550, หน้า 62) กล่าวว่า ผลกระทบจาก ทัศนคติของพนักงาน (Effect of Employee Attitudes) ทัศนคตินับเป็นสิ่งชี้วัดถึงพฤติกรรมของ บุคลากรได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นส่ิงที่สามารถบ่งบอกถึงการแสดงออกในพฤติกรรมต่างๆ ได้ กล่าวคือ ทัศนคติต่องานในเชิงบวกจะช่วยบ่งชี้ถึงพฤติกรรมในเชิงสร้างสรรค์ท่ีจะมีขึ้นในตัวพนักงาน ตรงข้ามกับ ทัศนคติตอ่ งานเชงิ ลบ กจ็ ะช่วยให้เหน็ พฤติกรรมในเชงิ ลบได้เชน่ กัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook