แผนยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาระบบราชการ ๔.๐ ของกระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕)
สารบัญ เรอื่ ง หน้า คำนำ 1-12 สำรบญั บทสรปุ ผู้บริหำร บทที่ 1 บรบิ ทของกระทรวงศึกษำธิกำร บทท่ี 2 ควำมสอดคล้องของโครงกำรที่สำคญั ตำมแผนยุทธศำสตร์ 13-53 กำรพฒั นำระบบรำชกำร ๔.๐ (พ.ศ. 2564-2565) ของกระทรวงศึกษำธกิ ำร ตอ่ แผนย่อยตำมแผนแมบ่ ทภำยใตย้ ุทธศำสตร์ชำติ ประเด็น (๒๐) กำรบริกำรประชำชน และประสิทธภิ ำพภำครัฐ บทท่ี 3 สำระสำคญั ของแผนยุทธศำสตร์กำรพัฒนำระบบรำชกำร ๔.๐ ของกระทรวงศึกษำธิกำร 54-87 (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) บทท่ี 4 กำรติดตำมและประเมินผลกำรดำเนนิ งำนตำมแผนยุทธศำสตร์กำรพฒั นำระบบรำชกำร ๔.๐ 88-90 ของกระทรวงศึกษำธิกำร (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) ภาคผนวก - คำส่งั แต่งตัง้ คณะทำงำนจดั ทำแผนยุทธศำสตร์กำรพัฒนำระบบรำชกำรของกระทรวงศกึ ษำธกิ ำร (พ.ศ. 2564-2565)
บทสรปุ ผูบ้ ริหาร ๑. ความเป็นมา ภาครัฐของไทยกาลังเผชิญความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงโลกอย่างรวดเร็ว รนุ แรง และผนั ผวน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การเมือง เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และการบริหาร จัดการภายในองค์กร โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้ภาครัฐต้องเร่งพัฒนาและเพ่ิมประสิทธิภาพ ในการบริการสาธารณะ ปรับเปล่ียนรูปแบบการบริการประชาชนให้เป็นรูปแบบดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ มกี ารปฏิรูปโครงสร้างและระบบการบริหารจัดการท่ียืดหยุ่นเหมาะสมกับบริบทการพัฒนาประเทศ หน่วยงาน ภาครัฐในยุคใหม่จาเป็นต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อท่ีจะสามารถสนองตอบต่อความต้องการ และพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้ หน่วยงานภาครัฐ จาเป็นต้องทางานในเชิงรุก และจาเป็นต้องมีการเปล่ียนแปลงอย่างมีนัยสาคัญท่ีเน้นการมองภาพกว้าง และมองไกลในทกุ มิติ ดังน้ัน หน่วยงานรัฐต้องร่วมมือและช่วยเหลือกันในการปฏิบัติหน้าที่ มีระบบการบริหาร จัดการที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส ให้การบริหารราชการแผ่นดินทั้งราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถ่ิน และงานของรัฐต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี และสร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชน รวมทั้งต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทางานที่ให้ความสาคัญกับการใช้ ข้อมลู การวิเคราะหส์ าหรบั การกาหนดนโยบาย การบรกิ ารประชาชน และการบริหารจัดการภายใน รวมท้ังต้อง สามารถแข่งขันกับภาคส่วนอ่ืน โดยเฉพาะภาคเอกชน มีความสามารถในการดึงดูดและรักษาผู้มีความรู้ ความสามารถ สาหรับการขับเคล่ือนภารกิจที่มีผลกระทบสูงต่อชีวิตประชาชน อันจะนามาสู่ภาครัฐที่มี ความโปรง่ ใส ตรวจสอบไดแ้ ละสามารถตอบสนองตอ่ ความต้องการทท่ี วคี ูณและความคาดหวังท่เี ปลยี่ นแปลงไป จากความเปลี่ยนแปลงดงั กล่าวสง่ ผลใหห้ น่วยงานภาครัฐตอ้ งปรบั เปล่ียนแนวคิดและวิธีการทางานใหม่ เพ่ือพลิกโฉม (transform) ให้สามารถเป็นท่ีเช่ือถือไว้วางใจ และเป็นพ่ึงของประชาชนได้อย่างแท้จริงภายใต้ แนวทาง ดังน้ี ๑.๑ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๖๕ รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทาแผนต่างๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกันเพื่อให้เกิดเป็น พลงั ผลักดันรว่ มกนั ไปส่เู ปา้ หมายดังกลา่ ว มาตรา ๗๖ รัฐพึงพัฒนาระบบการบริหารราชการแผ่นดินท้ังราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และงานของรัฐอย่างอื่น ให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยหน่วยงานของรัฐ ตอ้ งรว่ มมือและชว่ ยเหลือกันในการปฏิบัติหน้าท่ีเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน การจัดทาบริการสาธารณะ และการใช้จ่ายเงินงบประมาณมีประสิทธิภาพสูงสุด เพ่ือประโยชน์สุขของประชาชน รวมตลอดท้ังพัฒนา เจ้าหน้าท่ีของรัฐให้มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีทัศนคติเป็นผู้ให้บริการประชาชนให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ไมเ่ ลือกปฏบิ ตั ิ และปฏบิ ัตหิ น้าทีอ่ ย่างมีประสิทธิภาพ มาตรา ๒๕๘ ใหด้ าเนินการปฏิรปู ประเทศอยา่ งน้อยในด้านต่างๆ ให้เกดิ ผล ดังตอ่ ไปนี้ ข. ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน (๑) ให้มีการนาเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมมาประยุกต์ใช้ ในการบริหารราชการแผ่นดิน และการจัดทาบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน และเพ่ืออานวยความสะดวกให้แก่ประชาชน (๒) ให้มีการบูรณาการฐานข้อมูลของหน่วยงานของรัฐ ทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน เพ่ือให้เป็นระบบข้อมูลเพื่อการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการประชาชน (๓) ใหม้ กี ารปรบั ปรุงและพัฒนาโครงสร้าง และระบบการบริหารงานของรัฐและแผนกาลังคน ภาครัฐให้ทันต่อ การเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ๆ โดยต้องดาเนินการให้เหมาะสมกับภารกิจของ หน่วยงานของรัฐ แต่ละหน่วยงานท่ีแตกต่างกัน (๔) ให้มีการปรับปรุงและพัฒนาการบริหารงานบุคคลภาครัฐเพื่อจูงใจให้ -ก-
ผู้มีความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริงเข้ามาทางานในหน่วยงานของรัฐ และสามารถเจริญก้าวหน้าได้ ตามความสามารถ และผลสมั ฤทธ์ิของงานของแต่ละบคุ คล มีความซ่ือสัตย์สจุ รติ กล้าตดั สินใจ และกระทาในส่ิง ที่ถูกต้อง โดยคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว มีความคิดสร้างสรรค์และคิดค้นนวัตกรรม ใหม่ๆ เพื่อให้การปฏิบัติราชการและการบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีมาตรการ คมุ้ ครองปอ้ งกันบุคลากรภาครัฐจากการใช้อานาจโดยไมเ่ ปน็ ธรรมของผู้บังคบั บัญชา และ (๕) ให้มีการปรับปรุง ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้มีความคล่องตัว เปิดเผย ตรวจสอบได้ และมีกลไกในการป้องกันการทุจริต ทุกขัน้ ตอน ๑.๒ พระราชบญั ญัติการจดั ทายุทธศาสตรช์ าติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕ ใหม้ ียทุ ธศาสตรช์ าตเิ ปน็ เป้าหมายในการพัฒนาประเทศอย่างย่ังยืน ตามหลักธรรมาภิบาล เพอ่ื ใช้เป็นกรอบในการจดั ทาแผนต่างๆ ให้สอดคลอ้ งและบรู ณาการกัน อันจะก่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกัน ไปสเู่ ปา้ หมายดังกลา่ ว ตามระยะเวลาทกี่ าหนดไว้ในยทุ ธศาสตร์ชาติ ซ่งึ จะตอ้ งไมน่ อ้ ยกว่ายส่ี บิ ปี การประกาศใช้ยุทธศาสตร์ชาติให้ทาเป็นประกาศพระบรมราชโองการ และเม่ือได้ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้ และหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยมีหน้าท่ีดาเนินการเพื่อให้บรรลุ เป้าหมายตามทก่ี าหนดไวใ้ นยทุ ธศาสตร์ชาติ มาตรา ๗ การจัดทายุทธศาสตร์ชาติต้องคานึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติ ความต้องการและ ความจาเป็นในการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามหลกั ธรรมาภบิ าล และเป้าหมายการปฏิรูปประเทศตามที่รัฐธรรมนูญบัญญตั ิ มาตรา ๑๐ วรรคสอง “แผนแมบ่ ทและแผนการปฏริ ปู ประเทศตามกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอน การดาเนินการปฏิรูปประเทศต้องมีความสอดคล้องกัน แผนแม่บทที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้มีผลผูกพันหน่วยงานของรัฐที่เก่ียวข้องที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไป ตามน้ัน รวมท้งั การจดั ทางบประมาณรายจา่ ย ประจาปงี บประมาณต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทด้วย” ๑.๓ พระราชบญั ญัติแผนและขั้นตอนการดาเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ กาหนดเป้าหมาย และวิธีการในการจัดทาแผนการปฏิรูป ไว้ดังน้ี มาตรา ๕ การปฏิรูปประเทศต้องดาเนินการเพื่อให้บรรลุ เป้าหมายท่ีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ดังต่อไปนี้ (๑) ประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อยมีความสามัคคีปรองดอง มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมีความสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุ กับการพัฒนาด้านจิตใจ (๒) สังคมมีความสงบสุข เป็นธรรม และมีโอกาสอันทัดเทียมกันเพื่อขจัดความเหล่ือมล้า (๓) ประชาชนมีความสุข มีคุณภาพชีวิตท่ีดี และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ และการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขการปฏิรูปประเทศต้องสอดคล้อง และเป็นไปในทิศทาง เดียวกับยทุ ธศาสตร์ชาติ มาตรา ๖ ให้มีแผนการปฏิรูปประเทศเพ่ือกาหนดกลไก วิธีการ และขั้นตอนการดาเนินการ ปฏิรูปในด้านต่างๆ แต่ละด้านตามมาตรา ๘ รวมทั้งผลอันพึงประสงค์ของการปฏิรูปประเทศในด้านนั้นๆ ตามระยะเวลาท่ีกาหนดไว้ในแผนปฏิรูปประเทศ การจัดทาแผนปฏิรูปประเทศแต่ละด้านจะทาเป็น แผนเดียวกันหรือแยกเป็นแผนแต่ละด้าน หรือหลายด้านรวมกันก็ได้ แต่ทั้งน้ีต้องสอดคล้องกับแผนแม่บท และเมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และรายงานต่อรัฐสภาเพื่อทราบแล้ว ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และใช้บังคับต่อไป หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยมีหน้าท่ีดาเนินการให้เป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศ เพ่ือให้ การปฏิรูปประเทศบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามระยะเวลาท่ีกาหนดไว้ในแผนการปฏิรูปประเทศให้เป็นหน้าที่ ของคณะรฐั มนตรที ่จี ะกากับดูแล และสนับสนนุ ใหห้ น่วยงานของรฐั ทกุ หน่วยดาเนินการใหเ้ ป็นไปตามวรรคสาม -ข-
๑.๔ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ประเด็นที่ (๔.๓) ภาครัฐมีขนาดเล็กลง เหมาะสมกับภารกิจ ส่งเสริมให้ประชาชนและทุกภาคส่วน มีส่วนร่วม ในการพัฒนาประเทศ พร้อมท้ังมีการกาหนดความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารราชการ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถ่ินให้มีความชัดเจน ไม่ซ้าซ้อนกัน รวมท้ังมีการถ่ายโอนภารกิจท่ีสาคัญ และการกระจายอานาจ ในระดับที่เหมาะสมเพื่อให้ชุมชนและท้องถิ่นเข้มแข็ง และ (๔.๔) ภาครัฐมีความทันสมัยทันการเปลี่ยนแปลง และมีขีดสมรรถนะสูง สามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เทียบได้กับมาตรฐานสากล สามารถรองรับกับสภาพแวดล้อม ในการปฏิบัติงานที่มีความหลากหลายซับซ้อนมากข้ึน และทันการเปล่ียนแปลง ในอนาคต ๑.๕ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๒๐) ประเด็นการบริการประชาชน และประสิทธิภาพ ภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๑–๒๕๘๐) มุ่งเน้นพัฒนาการให้บริการของรัฐให้มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพเป็นท่ียอมรับ ของผใู้ ช้บริการ และเป็นการพฒั นาแบบครอบคลุมท่ัวถึง บูรณาการไร้รอยต่อ โดยให้ความสาคัญกับการพัฒนา บริการดิจิทัล ดาเนินการพัฒนาระบบอานวยความสะดวกในการบริการภาครัฐ เพื่อให้ประชาชน และผู้รับบริการทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส หลากหลายช่องทาง ตรวจสอบได้ ไม่มีข้อจากัดของเวลา พ้ืนที่ และกลุ่มคน รวมท้ังนานวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่ม ประสทิ ธภิ าพ ลดค่าใช้จา่ ยของประชาชน ประกอบไปดว้ ย ๕ แผนย่อย ได้แก่ แผนย่อย (๑) การพัฒนาบริการประชาชน เน้นการให้บริการภาครัฐที่สามารถอานวย ความสะดวกให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว โปร่งใส ให้เป็นภาครัฐของประชาชน เพ่ือประชาชน ซึ่งจะทาให้ เกดิ การนาเทคโนโลยดี ิจทิ ลั และนวัตกรรมมาประยกุ ตใ์ ช้ในการให้บริการประชาชน แผนย่อย (๒) การบริหารจัดการการเงินการคลัง เน้นการบูรณาการเช่ือมโยงภาครัฐ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของการใช้งบประมาณ การจัดการรายได้รายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และประหยดั ท่จี ะก่อใหเ้ กดิ การพัฒนาประเทศทเ่ี ปน็ ไปในทิศทางเดยี วกนั อยา่ งมีจุดมุ่งหมาย แผนย่อย (๓) การปรับสมดุลภาครัฐ เน้นการให้ภาคส่วนอื่นๆ อาทิ ภาคประชาชน ภาคเอกชน หรือประชารัฐโมเดล สามารถเข้ามาแบ่งเบาภาระในการแก้ไขและตอบสนองความต้องการ ของตวั เองในพ้ืนที่ ส่งผลให้ภาครัฐมีขนาดที่เหมาะสม และทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเพื่อก่อให้เกิด บริการสาธารณะเพ่ือประชาชน แผนย่อย (๔) การพัฒนาระบบบริหารงานภาครัฐ เน้นการพัฒนาระบบฐานข้อมูลภาครัฐ และการนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพ่ือประโยชน์ในการบริหารการตัดสินใจและการบริการท่ีเป็นเลิศ รวมทั้งการเปิดโอกาสให้เอกชน ประชาชน เข้าถึงข้อมูลข่าวสารภาครัฐ เพ่ือเพ่ิมโอกาสในการแข่งขัน และประโยชนใ์ นการใชช้ วี ติ ใหว้ ิธีการทางานของหน่วยงานราชการเป็นไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพ แผนย่อย (๕) การสร้างและพัฒนาบุคลากรภาครฐั เนน้ การสรา้ งและพัฒนาบุคลากรภาครัฐ ให้เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม มีจิตสานึก และเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถในการทางานรับใช้ ประเทศชาตแิ ละประชาชน ๑.๖ แผนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ได้กาหนดเร่ืองและประเด็นปฏิรูปไว้ ๖ ประการ สรปุ ไดด้ ังต่อไปนี้ เรื่องและประเด็นปฏิรูปท่ี ๑ : บริการภาครัฐ สะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ชีวิตประชาชน เรื่องและประเด็นปฏิรูปที่ ๒ : ระบบข้อมูลภาครัฐมีมาตรฐาน ทันสมัย และเช่ือมโยงกัน กา้ วสูร่ ฐั บาลดิจทิ ัล เร่ืองและประเด็นปฏิรูปท่ี ๓ : โครงสร้างภาครัฐกะทัดรัด ปรับตัวได้เร็วและระบบงาน มผี ลสัมฤทธ์ิสูง -ฃ-
เร่อื งและประเดน็ ปฏริ ปู ท่ี ๔ : กาลังคนภาครัฐมีขนาดที่เหมาะสมและมีสมรรถนะสงู พรอ้ มขับเคล่ือน เรื่องและประเด็นปฏิรูปท่ี ๕ : ระบบบริหารงานบุคคลที่สามารถดึงดูด สร้างและรักษาคนดีคนเก่ง ไวใ้ นภาครฐั ได้ เร่ืองและประเด็นปฏิรูปที่ ๖ : การจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ คล่องตัว โปร่งใส และมีกลไกป้องกัน การทุจริต ๑.๗ พระราชบัญญตั ิ การบริหารงานและการให้บริการภาครฐั ผา่ นระบบดจิ ทิ ัล พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๔ เพ่ือให้การบริหารงานภาครัฐและการจัดทาบริการสาธารณะเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อการให้บริการและการอานวยความสะดวกแก่ประชาชนให้หน่วยงานของรัฐ จัดให้มีการบริหารงาน และการจัดทาบริการสาธารณะในรูปแบบและช่องทางดิจิทัล โดยมีการบริหารจัดการ และการบูรณาการข้อมูลภาครัฐ และการทางานให้มีความสอดคล้องกัน และเช่ือมโยงเข้าด้วยกันอย่างม่ันคงปลอดภัย และมีธรรมาภิบาล โดยมุ่งหมายในการเพ่ิมประสิทธิภาพ และอานวยความสะดวกในการให้บริการ และการเข้าถึง ของประชาชน และในการเปิดเผยข้อมลู ภาครัฐต่อสาธารณะ และสร้างการมีสว่ นรว่ มของทุกภาคสว่ น ๑.๘ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑแ์ ละวิธีการบริหารกจิ การบ้านเมอื งที่ดี (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคหน่ึงของมาตรา ๑๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย หลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบา้ นเมืองทดี่ ี พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนีแ้ ทน มาตรา ๑๖ ให้ส่วนราชการจัดทาแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการนั้นโดยจัดทาเป็นแผนห้าปี ซ่ึงต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แหง่ ชาติ นโยบายของคณะรัฐมนตรีท่แี ถลงต่อรฐั สภา และแผนอ่นื ท่ีเกยี่ วข้อง มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหน่ึงของมาตรา ๓๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวธิ กี ารบริหารกจิ การบ้านเมืองทดี่ ี พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแี้ ทน มาตรา ๓๓ ให้ส่วนราชการจัดให้มีการทบทวนภารกิจของตนว่าภารกิจใดมีความจาเป็น หรือสมควรที่จะยกเลิก ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงการดาเนินการต่อไปหรือไม่ โดยคานึงถึงยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท แผนการปฏริ ปู ประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายของคณะรัฐมนตรีท่ีแถลง ต่อรัฐสภา และแผนอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง รวมถึงกาลังเงินงบประมาณของประเทศ ความคุ้มค่าของภารกิจและ สถานการณอ์ น่ื ประกอบกัน ๑.๙ ระบบราชการ ๔.๐ : เพ่ือรองรับต่อยุทธศาสตร์ประเทศไทย ๔.๐ ภาครัฐหรือระบบราชการ จะต้องทางานโดยยึดหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี เพ่ือประโยชน์สุขของประชาชน (Better Governance, Happier Citizens) หมายความว่า ระบบราชการต้องปรับเปล่ียน แนวคิดและวิธีการ ทางานใหม่เพื่อพลิกโฉม (transform) ให้สามารถเป็นท่ีเช่ือถือไว้วางใจ และเป็นพ่ึงของประชา ชน ได้อย่างแท้จริง (Credible and Trusted Government) ที่มีการทางานอย่าง เปิดกว้างและเช่ือมโยงถึงกัน (Open & Connected Government) มีการทางานโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง (Citizen-Centric Government) เป็นองค์การท่ีมีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย (Smart & High Performance Government) โดยอาศัยปัจจัยหลักสาคัญคือ การสานพลัง ทุกภาคส่วน (Collaboration) การสร้างนวัตกรรม (Innovation) และการปรับเข้าสู่การเป็นดิจิทัล (Digitization/ Digitalization) ทั้งนี้ต้องปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลของ การ บริห าร กิจ การบ้าน เมืองที่มุ่งเน้น ปร ะโ ย ช น์สุ ขของปร ะช าช นเป็น หลั กเพ่ือให้ สามารถเป็นที่ไว้วางใจ และเปน็ ทีพ่ ่งึ พิงได้ของประชาชน -ค-
นอกจากนี้ระบบราชการ ๔.๐ หรือกลไกของภาครัฐยังถือเป็นเครื่องมือสาคัญที่จะสามารถช่วยขับเคล่ือน การพัฒนาประเทศตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติทุกประเด็น เพ่ือบูรณาการท้ังในเชิงประเด็น เชิงภารกิจ และเชิงพื้นท่ีมีการเชื่อมโยงการทางานทุกระดับให้สอดรับกับเป้าหมายที่กาหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ และการพัฒนาดังกล่าวจะต้องบูรณาการกันอย่างมีเอกภาพและสอดประสานกัน มีการประสา นงาน บนความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ต้ังแต่ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ ภาคประชาชน และภาคส่วนอื่นในสังคม ระบบการเงินการคลังของประเทศจะต้องสนับสนุนการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ชาติ ระบบงบประมาณ และการจัดสรรงบประมาณตอบสนองความเร่งด่วน และมีเป้าหมายร่วมกันทั้งในระดับ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ภารกิจ และพ้ืนที่ ซ่ึงสามารถติดตามประเมินผลสาเร็จของการบรรลุ เปา้ หมายของยทุ ธศาสตรช์ าติทุกระดับ เพ่อื ให้การพฒั นาประสทิ ธภิ าพอย่างต่อเน่ือง ๑.๑๐ สานักงาน ก.พ.ร. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักท่ีจะขับเคล่ือนให้ภาครัฐหรือระบบราชการเข้าสู่ ระบบราชการ ๔.๐ ดังกล่าวข้างต้น จึงได้พัฒนาเครื่องมือประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐในการเป็น ระบบราชการ ๔.๐ หรือ PMQA ๔.๐ พร้อมทั้งได้จัดทาคู่มือประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐ ในการเป็น ระบบราชการ ๔.๐ ขึ้น เพ่ือให้หน่วยงานใช้เป็นแนวทางประกอบการพิจารณาการประเมินสถานะของตนเอง โดยเป็นการประเมินระบบบริหารของหน่วยงานภาครัฐในเชิงบูรณาการท่ีมีการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของหน่วยงาน กับเปา้ หมายและทศิ ทางของการพฒั นาประเทศ ๑.11 กระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานของรัฐหน่ึงท่ีจะต้องดาเนินงานตามเง่ือนไขของข้อกฎหมายต่างๆ ที่เก่ียวข้องดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งต้องดาเนินงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายของคณะรัฐมนตรี ที่แถลงต่อรัฐสภา และแผนอ่ืนท่ีเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังได้กาหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่าในอีก ๓ ปีข้างหน้า (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) กระทรวงศึกษาธิการวางระบบเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้-ทักษะ มีทัศนคติที่ถูกต้อง ต่อบ้านเมือง มีพน้ื ฐานชีวิตทม่ี นั่ คง มีคณุ ธรรม มงี านทา มอี าชีพ และเป็นพลเมอื งที่เข้มแข็ง ๑.12 กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สังกัดสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานหลัก ในการทาหน้าท่ีพัฒนาการบริหารของสานักงานปลัดกระทรวงและกระทรวงให้เกิดผลสัมฤทธ์ิ มีประสิทธิภาพ และคมุ้ คา่ โดยมหี น้าท่ีและอานาจ ดงั นี้ (๑) เสนอแนะ และให้คาปรึกษาแก่ปลัดกระทรวงเก่ียวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบ ราชการภายในสานกั งานปลดั กระทรวงและกระทรวง (๒) ติดตาม ประเมินผล และจัดทารายงานเก่ียวกับการพัฒนาระบบราชการภายใน สานกั งานปลดั กระทรวงและกระทรวง (๓) ประสานและดาเนินการเก่ียวกับการพัฒนาระบบราชการร่วมกับหน่วยงานกลางต่างๆ และหนว่ ยงานในสงั กัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เพ่ือให้กระทรวงศึกษาธิการเข้าสู่ระบบราชการ ๔.๐ มีความทันสมัย มีขีดสมรรถนะสูง มีความเป็นเลิศ มีระบบการบริหารงานในเชิงบูรณาการ และมีกระบวนการทางานที่เช่ือมโยงตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งภายใน และงานท่ีข้ามส่วนราชการ รวมทั้งเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการกับเป้าหมาย และทิศทางการพัฒนาของประเทศ จนสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เทียบได้กับ มาตรฐานสากล รองรับกับสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานที่มีความหลากหลายซับซ้อนมากขึ้น และทันการ เปลีย่ นแปลงในอนาคต -ฅ-
จากความเป็นมา และความสาคัญดังกล่าว กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักที่จะขับเคลื่อนให้ส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็น “ระบบราชการ ๔.๐” มีการพัฒนาองค์กรให้มีขีดสมรรถนะสูง ทันสมัย บุคลากรมีความเป็นมืออาชีพ อีกทั้งมีการวางระบบการบริหารงานราชการแบบบูรณาการและแบบร่วมมือกัน ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ด้วยการทบทวนบทบาทภารกิจ อานาจหน้าท่ี โครงสร้าง และระบบงาน ทั้งในภาพรวม ของกระทรวงศึกษาธิการ และส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง มีการปรับสมดุลในการทางานร่วมกับภาคส่วนอ่ืนอย่างมีคุณภาพ มีการทางานแบบบูรณาการด้วยการใช้ ยุทธศาสตร์ชาติเป็นตัวนา มีภูมิคุ้มกันที่ดีสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมท้ังภายใน และภายนอก เพ่ือตอบสนองความต้องการของประชาชน และผู้รับบริการอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมท้ังยกระดับความโปร่งใส และความเชื่อม่ันศรัทธาในการบริหารราชการแผ่นดิน ในการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมาย และดาเนินการไปในทิศทางเดียวกับเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ และเป้าหมายการพัฒนาประเทศ ดังน้ันเพื่อให้ทุกส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นองค์กรท่ีมีขีดสมรรถนะสูง และทันสมัย ยกระดับองค์กรสู่ระบบราชการ ๔.๐ ให้บรรลุเป้าหมายได้น้ัน กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สานักงาน ปลัดกระทรวงจึงได้จัดทา “แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ ๔.๐ ของกระทรวงศึกษาธิการ” เพือ่ ทจ่ี ะให้ส่วนราชการสังกดั กระทรวงศกึ ษาธกิ ารใชเ้ ป็นกรอบแนวทางในการจัดทาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา ระบบราชการ ๔.๐ ของส่วนราชการตนเอง อันจะเป็นประโยชน์อย่างย่ิงต่อการนาองค์กรสู่ระบบราชการ ๔.๐ ไปในทิศทางเดียวกันและก่อให้เกิดการบรรลุเป้าหมายตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๒๐) ประเด็น การบรกิ ารประชาชนและประสทิ ธภิ าพภาครัฐ และแผนปฏิรปู ประเทศดา้ นการบริหารราชการแผน่ ดนิ ๒. วัตถุประสงค์ เพื่อกาหนดทิศทางในการพัฒนาระบบราชการของกระทรวงศึกษาธิการให้สอดคล้องตามเป้าหมาย ของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๒๐) ประเด็นการบริการประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐ อันส่งผลต่อ การบรรลุเป้าหมายตามยทุ ธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี ๖ ด้านการปรับสมดุลและการพัฒนาระบบ การบริหารจัดการภาครัฐ แผนปฏริ ปู ประเทศดา้ นการบรหิ ารราชการแผน่ ดิน ๓. ขัน้ ตอนการดาเนนิ งานและกรอบระยะเวลา ๑) ดาเนินการกจิ กรรมท่ี ๑ ประชมุ เชงิ ปฏบิ ัตกิ ารจดั ทากรอบแผนยทุ ธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ 4.0 ของกระทรวงศกึ ษาธิการ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) เพ่ือร่วมกันอภิปรายในการกาหนดกรอบแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาระบบราชการของกระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) ในระหว่างวันที่ ๙-๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ ณ โรงแรมเอสดี อเวนวิ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ๒) ดาเนินการกิจกรรมที่ 2 ประชุมเชิงปฏิบัติการกาหนดกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาระบบราชการ 4.0 ของกระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) เพื่อร่วมกันออกแบบกลยุทธ์ ในการขับเคล่ือนแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการของกระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) ในระหวา่ งวันท่ี 17-19 มถิ นุ ายน ๒๕๖๓ โรงแรมเอสดี อเวนวิ เขตบางพลัด กรงุ เทพมหานคร 3) ดาเนินกิจกรรมท่ี 3 ประชุมเชิงปฏิบัติการออกแบบแผนงาน/โครงการ เพ่ือขับเคล่ือนการดาเนินการ ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ 4.0 ของกระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. 2564-2565) ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ณ โรงแรมบยี อนด์ สวีท เขตบางพลัด กรงุ เทพมหานคร 4) กลุ่มพัฒนาระบบบริหารในฐานะฝ่ายเลขานุการจัดทา (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบ ราชการ 4.0 เสนอผู้บรหิ ารเหน็ ชอบตามลาดับ -ง-
5) เผยแพร่แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ 4.0 ของกระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. 2564-2565) ให้ส่วนราชการท่ีเกี่ยวขอ้ งในสังกดั กระทรวงศกึ ษาธิการ และผ้เู กี่ยวข้องทราบผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงศึกษาธิการ และของกลมุ่ พัฒนาระบบบริหาร สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 4. การใชป้ ระโยชน์ นา “แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ ๔.๐ ของกระทรวงศึกษาธิการ” ท่ีผ่านความเห็นชอบ ไปเป็นข้อมูลสารสนเทศท่ีจาเป็นและสาคัญให้คณะผู้บริหารของส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการใช้เป็น กรอบแนวทางในการจัดทาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ ๔.๐ ของส่วนราชการตนเอง และนาไปสู่การปฏิรูปองค์การให้มีขีดสมรรถนะสูง และยกระดับองค์การเข้าสู่ระบบราชการ ๔.๐ ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น (๒๐) การบริการประชาชน และประสิทธิภาพภาครัฐ สร้างสถาปัตยกรรมองค์กรแห่งอนาคตยุค ๔.๐ เพ่ือให้มีความพร้อมในการปรับตัวเข้าสู่ความเป็นสานักงาน สมัยใหม่ ตลอดจนสร้างสภาพแวดล้อมให้ข้าราชการมีความผูกพันต่อองค์การ ต่อการปฏิบัติราชการได้อย่าง เหมาะสมกับบทบาทของตน รวมท้ังนาโครงการท่ีสาคัญตาม “แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ ๔.๐ ของกระทรวงศึกษาธิการ” ไปใช้เป็นข้อมูลสารสนเทศประกอบการตัดสินใจในการออกแบบระบบการบริหาร ในเชิงบูรณาการผ่านระบบดิจิทัล ตามแนวทางประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐในการเป็นระบบราชการ ๔.๐ (PMQA ๔.๐) ออกแบบการจัดโครงสร้างองค์การเชิงซ้อน (Matrix Organization) เนื่องจากในการบริหาร และจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการท้ังระดับกระทรวง ภาค และจังหวัด ตามคาส่ังหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ ท่ี ๑๙/๒๕๖๐ เร่ือง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการน้ัน มุ่งเน้นการบริหารและการจัดการศึกษาแบบบูรณาการ และมีความรับผิดชอบร่วมกันทุกภาคส่วนในการ ให้บริการด้านการศึกษาแก่ประชาชน ดังน้ันกระทรวงศึกษาธิการจึงต้องเป็น “กระทรวงศึกษาธิการ ๔.๐” เพื่อให้การดาเนินงานของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาเกิดความคล่องตัว ยืดหยุ่น และรวดเร็วในการ บริหารและการจัดการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้ทันท่วงที และผู้เรียน เม่ือเรียนจบแล้วก็มีงานทาตามสมรรถนะของงานในแต่ละจังหวัด เป็นต้น ซ่ึงเป็นการเชื่อมโยง เป้าหมาย ของสว่ นราชการ เปา้ หมายกระทรวง กับเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ และเป้าหมายการพัฒนาของประเทศสู่การ ปฏิบัตอิ ย่างเปน็ รปู ธรรมท่แี ท้จริง -จ-
บทท่ี 1 บรบิ ทของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร การพัฒนาประเทศภายใต้โมเดล “ประเทศไทย ๔.๐” ให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวต้องอาศัยหลายกลไก การขับเคล่ือนและ “การศึกษา” ก็เป็นอีกกลไกหนึ่งท่ีสาคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศ ทัง้ นี้เนอ่ื งจาก “การศกึ ษา” เป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการพัฒนาทุนมนุษย์ให้มีคุณภาพและมีบทบาท ท่ีสาคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและยืนหยัดในเวทีโลก รวมท้ังสร้างคนไทยให้พร้อมรับมือ ต่อแรงกดดันภายนอกจากกระแสโลกาภิวัตน์ และแรงกดดันภายในประเทศที่เป็นปัญหาและวิกฤตท่ีต้องเผชิญ อยา่ งหลีกเลีย่ งไม่ได้ การศึกษาในยุคโลกาภวิ ัตน์ และการศึกษาในยคุ Thailand ๔.๐ หมายถงึ (๑) หนังสือเรื่องการศึกษาเพื่อการอารยธรรมที่ย่ังยืนโดยพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ได้ให้ ความหมาย “การศึกษาในยุคโลกาภวิ ตั น์” หมายถึง การศึกษาเพื่อการพัฒนา “ทรัพยากรมนุษย์” “ทรัพยากร มนุษย”์ คือ “คนในฐานะเปน็ ทุนหรือปจั จัยในการผลติ ทางเศรษฐกิจ และเป็นส่วนประกอบที่จะนามาใช้ในการ สร้างสรรคค์ วามเจรญิ ของสงั คม”และ (๒) นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ : ได้แสดงทัศนะไว้ : การศึกษาในยุค Thailand ๔.๐ นั้น เป็นยุคท่ีการศึกษาเป็นเร่ืองที่มากกว่าการเตรียมความพร้อมของคนหรือให้ความรู้กับคนเท่านั้น แต่เป็นการ เตรยี มมนษุ ย์ให้เปน็ มนษุ ย์ดว้ ย กลา่ วคอื นอกจากใหค้ วามร้แู ล้ว จะต้องสง่ เสริมให้ผู้เรียนรักท่ีจะเรียน มีคุณธรรม สามารถอยรู่ ว่ มในสงั คมได้อย่างเหมาะสม จากความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเห็นได้ว่าทรัพยากรมนุษย์ และทุนมนุษย์เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสาคัญ ในการยกระดับการพัฒนาประเทศในทุกมิติไปสู่ เป้าหมายการเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วท่ีขับเคล่ือนโดย ภูมิปัญญาและนวัตกรรม ดังนั้นประเทศไทยจึงได้ปรับเปล่ียนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการพัฒนาทุน มนุษย์ ให้กา้ วทนั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงขึ้นภายใต้บริบทต่างๆดังนี้ ๑. บรบิ ทภายนอกประเทศ ๑.๑ เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ Sustainable Development Goals (SDGs) : เป้าหมาย ที่ ๔ สร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาท่ีมีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม และสนับสนุนโอกาส ในการเรียนรตู้ ลอดชีวติ ๑.๒ องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือท่ีเรียกกันย่อๆ ว่ายูเนสโก (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization–UNESCO) เป็นองค์การชานัญพิเศษ แห่งหน่ึงขององค์การสหประชาชาติ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมสันติภาพ โดยส่งเสริมความร่วมมือของ นานาชาติทางการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม เพื่อให้ทั่วโลกเคารพในความยุติธรรม กฎหมาย สิทธิ และเสรีภาพที่มนุษย์พึงมีโดยไม่ถือเช้ือชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา ตามกฎบัตรสหประชาชาติและได้จัดตั้ง หน่วยงานเพ่ือประสานงานเก่ียวกับยูเนสโกคือ สานักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (Secretariat of the Thai National Commission for UNESCO) ของแต่ละประเทศสมาชิก สารับประเทศไทยในปัจจุบันสานักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติของประเทศไทย ต้ังอยู่ท่ีสานักความสัมพันธ์ ต่างประเทศ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ -๑-
๑.๓ องค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ องค์การซีมีโอ (Southeast Asian Ministers of Education Organization – SEAMEO) โดยมีภารกิจในการเสริมสร้างความร่วมมือ ทางด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม ระหว่างประเทศสมาชิกซีมีโอ และสร้างความเป็นเอกภาพ ในระดบั ภมู ิภาคระหวา่ งประเทศสมาชกิ เพ่อื พฒั นาคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างศักยภาพทางการศึกษาในประเทศ สมาชิก และการส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างย่ังยืน สาหรับประเทศไทยรับเป็นท่ีต้ังสานักงาน เลขาธิการองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ สานักงานเลขาธิการซีมีโอ (Southeast Asian Ministers of Education Organization Secretariat : SEAMEO Secretariat) โดยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี ในปี ๒๕๑๐ และมอบให้กระทรวงศึกษาธิการรับดาเนินการผลักดันนโยบายตามที่ สภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) ได้กาหนดไว้เพ่ือการพัฒนาการศึกษาของภูมิภาค โดยประสานความรว่ มมือกบั ศนู ย์ระดับภมู ิภาคของซมี ีโอ กระทรวงศกึ ษาธิการของประเทศต่าง ๆ และหน่วยงาน ที่เก่ยี วข้องในด้านการพัฒนาการศึกษาและอืน่ ๆ ๑.๔ ความร่วมมือด้านการศึกษาในอาเซียน ASEAN ommitteeonEducation (ASCOE) : กลไกการบริหารความร่วมมืออาเซียนด้านการศกึ ษามลี กั ษณะท้ังเชงิ นโยบายและในเชิงปฏบิ ตั ดิ งั นี้ (๑) การจัดการศึกษาในอาเซียนเป็นรากฐานสาคัญในการสร้างความเข้มแข็ง และความ เจรญิ รงุ่ เรอื งทางเศรษฐกจิ ของอาเซียนและเศรษฐกิจโลก (๒) การศกึ ษาม่งุ เนน้ พัฒนาหลักสตู รและพัฒนาศักยภาพผเู้ รียน (๓) การศึกษาแบบเชื่อมโยง การหลอมรวมความหลากหลายบนพ้ืนฐานของเอกลักษณ์ และความแตกตา่ งการพัฒนาและประสานความรว่ มมือและแลกเปลีย่ นวิชาการระหวา่ งชาติ (๔) มีการจัดทาเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน เพื่อเช่ือมโยงกับมหาวิทยาลัยของภูมิภาค และจัดต้ังมหาวิทยาลัยอาเซียนเพ่ือส่งเสริมการรวมกลุ่มมหาวิทยาลัยและสถาบัน วิจัย โดยใช้อินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยกี ารศึกษาทางไกลอน่ื ๆ (๕) การศึกษาแบบเช่ือมโยง การหลอมรวมความหลากหลายบนพ้ืนฐานของเอกลักษณ์และ ความแตกต่างการพฒั นาและประสานความรว่ มมือและแลกเปลี่ยนวชิ าการระหว่างชาติ ๑.๕ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) ได้จัดให้มีโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียน มาตรฐานสากล (Programme for International Student Assessment หรือ PISA) โดยมีวัตถุประสงค์ เพ่ือประเมินคุณภาพของระบบการศึกษาของประเทศต่าง ๆ ในการเตรียมความพร้อมให้เยาวชนมีศักยภาพ หรือความสามารถพื้นฐานที่จาเป็นต่อการดารงชีวิตในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง โดย PISA เน้นการประเมิน สมรรถนะของนักเรียนเก่ียวกับการใช้ความรู้และทักษะในชีวิตจริงมากกว่าการเรียนรู้ตามหลักสูตรในโรงเรียน และ จะประเมินความฉลาดรู้ (Literacy) ในสามด้าน ได้แก่ ความฉลาดรู้ด้านการอ่าน (Reading Literacy) ความฉลาดรู้ด้านคณิตศาสตร์ (Mathematical Literacy) และความฉลาดรู้ด้านวิทยาศาสตร์ (Scientific Literacy) รวมทั้งเป็นการสารวจข้อมูลพ้ืนฐานของนักเรียน ปัจจุบันมีประเทศจากทั่วโลกเข้าร่วม PISA มากกว่า 80 ประเทศ สาหรับประเทศไทยได้มีสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ดาเนินโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล หรือ PISA โดยประสาน ความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้การดาเนินงานเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมาย สาหรับการดาเนินงานภายในประเทศ สสวท. ได้แต่งต้ังคณะกรรมการระดับชาติ ซ่ึงประกอบไปด้วยผู้แทนจากสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สานักงานเลขาสภาการศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนสานักงานคณะกรรมการ -๒-
การอุดมศึกษา สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สานักการศึกษา กรุงเทพมหานคร และสานักประสาน และพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถ่ิน กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย โดยมีบทบาทหน้าท่ี ในการใหค้ าปรึกษา ขอ้ เสนอแนะ และติดต่อประสานงานกับโรงเรียนกลุ่มตัวอย่าง และการจัดการเรียนการสอน PISA เลอื กประเมินนกั เรียนอายุ ๑๕ ปี ซึง่ เป็นวยั ทีจ่ บการศกึ ษาภาคบงั คับ การสุ่มตัวอย่างนักเรียนทาตามระบบ อย่างเคร่งครัด เพ่ือประกันว่านักเรียนเป็นตัวแทนของนักเรียนท้ังระบบ อีกทั้งการวิจัยในทุกข้ันตอนต้องอยู่ ภายใต้การควบคุมดูแลของ OECD ทุกประเทศต้องทาตามกฎเกณฑ์และวิธีการท่ีกาหนดอย่างเคร่งครัด เพ่ือให้การวิจัยมีคุณภาพอยู่ในระดับเดียวกัน และข้อมูลของทุกประเทศมีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้สามารถ นามาวิเคราะห์ร่วมกันได้ ๑.๖ สถาบันเพ่ือพัฒนาการจัดการนานาชาติ (International Institute for Management Development: IMD) ได้พิจารณาจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศตามปัจจัยหลักท่ีสาคัญ ๔ ด้าน คือ (๑) สมรรถนะทางเศรษฐกิจ (Economic Performance) (๒) ประสิทธิภาพของภาครัฐ (Government Efficiency) (๓) ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ (Business Efficiency) และ (๔) โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ประเมินครอบคลุมข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ สุขภาพ และส่ิงแวดล้อม รวมถึงปัจจัย ด้านการศึกษาด้วย และความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษาของประเทศ ไทย ในปี ๒๕๖๑ IMD ได้จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษา ซ่ึงเป็น ๑ ใน ๕ ของปัจจัยย่อย ในปัจจัยหลักด้านโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทยมีอันดับด้านการศึกษาอยู่ในอันดับ ๕๖ ลดลง ๒ อันดับ เม่ือเปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๐ หากเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน พบว่า ไทยมีอันดับดีกว่า อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ (อันดับ ๕๗, ๖๑) ส่วนมาเลเซียและสิงคโปร์ ได้อันดับดีกว่าประเทศไทย (อันดบั ๓๔,๒) โดยสงิ คโปรม์ ี สมรรถนะดน้ กรศกึ ษาสงู เป็นอันดบั 2 ของโลก ผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษาของประเทศไทย ตามกรอบ การประเมินของ IMD จานวน ๑๘ ตวั ชี้วัด ในปี ๒๕๖๑ เปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๐ พบว่า ตัวช้ีวัดที่มีอันดับดีขึ้น มี ๕ ตัวชี้วัด เป็นตัวช้ีวัดที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลสถิติ ๒ ตัวชี้วัด ได้แก่ (๑) งบประมาณด้านการศึกษา ต่อประชากร (๒) อัตราส่วนครูต่อนักเรียนระดับมัธยมศึกษา และตัวชี้วัดที่ได้จากการสารวจความคิดเห็นจาก ผู้บริหารภาคเอกชน ๓ ตัวช้ีวัด ได้แก่ (๑) ความคิดเห็นต่อการสอนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน (๒) ความคิดเห็น ต่อการจัดการศึกษาที่ตอบสนองต่อความต้องการของภาคธุรกิจ ตัวช้ีวัดท่ีมีอันดับเท่าเดิม มี ๗ ตัวชี้วัด เป็นตัวช้ีวัดที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลสถิติ ๕ ตัวช้ีวัด ได้แก่ (๑) งบประมาณด้านการศึกษารายหัวต่อนักเรียน ระดับมัธยมศึกษา (๒) ร้อยละของผู้หญิงที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีข้ึนไป (๓) จานวนนักศึกษาต่างชาติ ท่ีเข้ามาเรียนระดับอุดมศึกษาในประเทศต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน (๔) จานวนนักศึกษาต่างชาติที่ไปศึกษาต่อ ระดับอุดมศึกษาต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน (๕) ผลการทดสอบ PISA และตัวชี้วัดท่ีได้จากการสารวจความ คิดเห็นจากผู้บริหารภาคเอกชน ๒ ตัวช้ีวัด ได้แก่ (๑) ความคิดเห็นต่อระบบการศึกษาที่ตอบสนอง ต่อความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ (๒) ความคิดเห็นต่อการตอบสนอง ความสามารถในการแข่ง ทางเศรษฐกิจของการอุดมศึกษา ตัวช้ีวัดที่มีอันดับลดลง มี ๖ ตัวชี้วัด ตัวช้ีวัดท่ีได้จากการรวบรวมข้อมูลสถิติ ๕ ตัวชี้วัด ได้แก่ (๑) งบประมาณด้านการศึกษาต่อ GDP (๒) อัตราส่วนครูต่อนักเรียนระดับประถมศึกษา (๓) อัตราการเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษา (๔) ผลสัมฤทธิ์ของการอุดมศึกษา (๕) ความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษ (TOEFL) และ (๖) อัตราการไม่รู้หนังสือของประชากรอายุ ๑๕ ปี ขึ้นไป และตัวชี้วัดที่ได้จากการ สารวจความคิดเห็นจากผู้บริหาร ภาคเอกชน ๑ ตัวช้ีวัด คือ ความคิดเห็นต่อทักษะทางภาษาที่ตอบสนองต่อ ความต้องการของผ้ปู ระกอบการ -๓-
๒. บริบทจากภายในประเทศ ๒.๑รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ หมวด ๔ หน้าที่ของปวงชนชาวไทย มาตรา ๕๐ บุคคลมีหน้าที่ (๔) เข้ารับการศึกษาอบรม ในการศกึ ษาภาคบงั คับ หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๔ รัฐต้องดาเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็นเวลา สิบสองปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย รัฐต้องดาเนินการ ให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษาตามวรรคหน่ึง เพ่ือพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัยอารมณ์ สังคม และสติปญั ญาให้สมกับวัย โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนเข้ามา มสี ว่ นร่วมในการดาเนินการด้วย รัฐต้องดาเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการในระบบต่างๆ รวมท้ังส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิตและจัดให้มีการร่วมมือกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ในการจัดการศึกษาทุกระดับ โดยรัฐมีหน้าที่ดาเนินการ กากับ ส่งเสริมและสนับสนุนให้การจัด การศึกษา ดังกล่าวมีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล ท้ังน้ีตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติซึ่งอย่างน้อย ต้องมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดทาแผนการศึกษาแห่งชาติและการดาเนินการและตรวจสอบการดาเนินการ ใหเ้ ปน็ ไปตามแผนการศึกษาแห่งชาติด้วย การศึกษาทั้งปวงต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้ ตามความถนัดของตนและมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ในการดาเนินการให้ เด็กเล็ กไ ด้รับการดูแลและพั ฒนาตามวรรคสองหรือให้ประชาชนได้รับ การศึกษาตาม วรรคสาม รัฐต้องดาเนินการให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษาตามความถนัด ของตน ให้จัดต้ังกองทุนเพ่ือใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพ่ือลดความเหลื่อมล้าในการศึกษา และเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู โดยให้รัฐจัดสรรงบประมาณให้แก่กองทุนหรือใช้ มาตรการหรือกลไกทางภาษีรวมท้ังการให้ผู้บริจาคทรัพย์สินเข้ากองทุนได้รับประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีด้วย ทง้ั น้ตี ามท่กี ฎหมายบญั ญัติซงึ่ กฎหมายดังกลา่ วอย่างน้อยต้อง มาตรา ๖๙ รัฐพึงจัดให้มีและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและศิลป วิทยาการแขนงต่างๆ ให้เกิดความรู้ การพัฒนา และนวัตกรรมเพื่อความเข้มแข็งของสังคม และเสริมสร้าง ความสามารถของคนในชาติ มาตรา ๗๑ วรรค ๒ รัฐพึงส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพ และความสามารถสูงขึน้ มาตรา ๗๖ รัฐพึงพัฒนาระบบการบริหารราชการแผ่นดินท้ังราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถ่ินและงานของรัฐอย่างอ่ืนให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยหน่วยงานของรัฐต้อง ร่วมมือและช่วยเหลือกันในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน การจัดทาบริการสาธารณะ และการใช้จ่ายเงินงบประมาณมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน รวมตลอดทั้งพัฒนา เจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีทัศนคติเป็นผู้ให้บริการประชาชนให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ไม่เลอื กปฏบิ ตั ิและปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีอย่างมีประสิทธิภาพ หมวด ๑๔ การปกครองส่วนท้องถ่ิน มาตรา ๒๕๐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าท่ี และอานาจดูแลและจัดทาบริการสาธารณะ และกิจกรรมสาธารณะเพ่ือประโยชน์ของประชาชนในท้องถ่ิน ตามหลกั การพฒั นาอย่างยั่งยนื รวมทง้ั สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การจดั การศึกษาให้แกป่ ระชาชนในทอ้ งถ่นิ -๔-
๒.๒ พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔ “การศึกษา” หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพ่ือความเจริญงอกงามของบุคคล และสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลง ความกา้ วหนา้ ทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัย เกอ้ื หนนุ ให้ บุคคลเรยี นร้อู ย่างตอ่ เนือ่ งตลอดชวี ิต “การศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน” หมายความวา่ การศกึ ษาก่อนระดบั อุดมศึกษา “การศึกษาตลอดชีวิต” หมายความว่า การศึกษาท่ีเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษา ในระบบการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต “สถานศึกษา” หมายความว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชนที่มีอานาจหน้าที่หรือมี วตั ถุประสงคใ์ นการจดั การศึกษา “สถานศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน” หมายความว่า สถานศึกษาท่ีจัดการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน มาตรา ๑๒ นอกเหนือจากรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ให้บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น มีสิทธิ ในการจัดการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน ท้ังนี้ ใหเ้ ป็นไปตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๕ การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั (๑) การศึกษาในระบบ เปน็ การศกึ ษาท่ีกาหนดจดุ มุ่งหมาย วธิ ีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลา ของการศึกษา การวัดและประเมนิ ผล ซ่ึงเป็นเงือ่ นไขของการสาเรจ็ การศึกษาท่ีแน่นอน (๒) การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาท่ีมีความยืดหยุ่นในการกาหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซ่ึงเป็นเง่ือนไขสาคัญของการสาเร็จ การศึกษา โดยเนื้อหา และหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหา และความต้องการของ บุคคลแตล่ ะกลมุ่ (๓) การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาท่ีให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพความพร้อม และโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาพแวดล้อม สื่อ หรือแหล่ง ความรูอ้ ่นื ๆ มาตรา ๑๖ การศึกษาในระบบมีสองระดับ คือ การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และการศึกษา ระดับอดุ มศกึ ษา การศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วย การศึกษาซึ่งจัดไม่น้อยกว่าสิบสองปีก่อนระดับอุดมศึกษา การแบง่ ระดับ และประเภทของการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานให้เป็นไปตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง การศกึ ษาระดบั อดุ มศกึ ษาแบ่งเป็นสองระดบั คอื ระดับต่ากวา่ ปรญิ ญา และระดับปริญญา การแบ่งระดับหรือการเทียบระดับการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอัธยาศัยให้เป็นไป ตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง ๒.๓ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความ ในมาตรา ๓๑ และมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติม โดยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “มาตรา ๓๑ กระทรวงมีอานาจหนา้ ทเี่ กี่ยวกบั การส่งเสริมและกากับดูแลการศึกษาทุกระดับ ทุกประเภท และการอาชีวศึกษา -๕-
แต่ไม่รวมถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาท่ีอยู่ในอานาจหน้าที่ของกระทรวงอ่ืน ท่ีมีกฎหมายกาหนดไว้เป็นการ เฉพาะ กาหนดนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา สนับสนุนทรัพยากร เพื่อการศึกษา ส่งเสริม และประสานงานการศาสนา ศลิ ปะ วฒั นธรรม และการกฬี า ทัง้ น้ี ในส่วนท่เี กี่ยวกับการศึกษา รวมท้ังการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการจัดการศึกษา และราชการอื่นตามที่มี กฎหมายกาหนดให้เป็นอานาจหน้าที่ ของกระทรวงหรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวง มาตรา ๓๒ การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวงให้มี องค์กรหลกั ที่เปน็ คณะบคุ คล ในรปู สภาหรือในรูปคณะกรรมการจานวนสามองค์กร ไดแ้ ก่ สภาการศกึ ษา คณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน และคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อพิจารณาให้ความเห็น หรอื ใหค้ าแนะนาแกร่ ัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี และมอี านาจหนา้ ท่ีอ่นื ตามท่ีกฎหมายกาหนด ” มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๔๗ ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพ่ือพัฒนาคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษา ของการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาระดับอุดมศึกษา ประกอบด้วย ระบบการประกัน คณุ ภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก มาตรา ๔๙ ให้มีสานักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็น องค์การมหาชน ทาหน้าท่ีพัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทาการประเมินผล การจัดการ ศึกษาท่ีมิใช่การจัดการอุดมศึกษาซ่ึงอยู่ในอานาจหน้าที่ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม หรือกระทรวงอื่น เพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา โดยคานึงถึงความมุ่งหมาย หลักการ และแนวการจัดการศึกษาในแต่ละระดับตามท่ีกาหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ให้มีการประเมิน คุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหน่ึงคร้ังในทุกห้าปีนับต้ังแต่การประเมินคร้ังสุดท้าย และเสนอผลการประเมนิ ตอ่ หนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ ง และสาธารณชน” มาตรา ๙ ใหย้ กเลิกความในมาตรา ๕๑ แหง่ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซงึ่ แกไ้ ขเพิม่ เติมโดยพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้แี ทน “มาตรา ๕๑ ในกรณีที่ผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาใดไม่ได้ตามมาตรฐาน ท่ีกาหนด ให้สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา จัดทาข้อเสนอแนะการปรับปรุงแก้ไข ตอ่ หนว่ ยงานต้นสังกัด เพอ่ื ให้สถานศกึ ษาปรบั ปรงุ แก้ไขภายในระยะเวลาทีก่ าหนด หากมิได้ดาเนินการดังกล่าว ให้สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา รายงานต่อคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน หรอื คณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพือ่ ดาเนนิ การใหม้ ีการปรบั ปรุงแกไ้ ข” ๒.๔ พระราชบัญญัติ สง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๔ “การศึกษานอกระบบ” หมายความว่ากิจกรรมการศึกษาท่ีมีกลุ่มเป้าหมาย ผู้รับบริการและวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ที่ชัดเจน มีรูปแบบ หลักสูตร วิธีการจัดและระยะเวลาเรียน หรอื ฝกึ อบรม ที่ยืดหยนุ่ และหลากหลายตามสภาพความต้องการและศักยภาพในการเรียนรู้ของกลุ่มเป้าหมาย น้ัน และมีวิธีการวัดผลแลประเมินผลการเรียนรู้ท่ีมีมาตรฐานเพ่ือรับคุณวุฒิทางการศึกษาหรือเพื่อจัดระดับ ผลการเรียนรู้ “การศึกษาตามอัธยาศัย” หมายความว่า กิจกรรมการเรียนรู้ในวิถีชีวิตประจาวันของบุคคล ซึ่งบคุ คลสามารถเลอื กทจ่ี ะเรียนรูไ้ ด้อย่างตอ่ เนอื่ งตลอดชีวิตตามความสนใจ ความต้องการ โอกาส ความพร้อม และศักยภาพในการเรยี นรขู้ องแตล่ ะบคุ คล -๖-
มาตรา ๖ การส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ใหย้ ึดหลกั ดงั ต่อไปนี้ (๑) การศึกษานอกระบบได้แก่ (ก) ความเสมอภาคในการเข้าถึงและได้รับการศึกษาอย่าง กว้างขวาง ทั่วถึง เป็นธรรม และมีคุณภาพเหมาะสมกับสภาพชีวิตของประชาชน (ข) การกระจายอานาจ แก่สถานศึกษาและการให้ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ (๒) การศึกษาตามอัธยาศัย ได้แก่ (ก) การเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับความสนใจ และวิถีชี วิตของผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมาย (ข) การพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ให้มีความหลากหลายทั้งส่วนที่เป็นภูมิปัญญาท้องถ่ิน และส่วนท่ีนาเทคโนโลยี มาใช้เพื่อการศกึ ษา (ค) การจดั กรอบหรือแนวทางการเรยี นรูท้ ี่เป็นคุณประโยชน์ต่อผ้เู รียน มาตรา ๗ การสง่ เสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบ ให้ดาเนินการเพื่อเป้าหมายในเร่ือง ดังต่อไปน้ี (๑) ประชาชนได้รับการศึกษาอย่างต่อเน่ือง เพ่ือพัฒนาศักยภาพกาลังคนและสังคมท่ีใช้ความรู้ และภูมิปัญญาเป็นฐานในการพัฒนา ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม ความม่ันคง และคุณภาพชีวิต ท้ังน้ี ตามแนวทางการพัฒนาประเทศ (๒) ภาคีเครือข่ายเกิดแรงจูงใจและมีความพร้อมในการมีส่วนร่วม เพอื่ จดั กจิ กรรมการศึกษา มาตรา ๘ การส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาตามอัธยาศัยให้ดาเนินการเพ่ือเป้าหมาย ในเรื่องดังตอ่ ไปน้ี (๑) ผู้เรียนได้รับความรู้และทักษะพ้ืนฐานในการแสวงหาความรู้ท่ีจะเอื้อต่อการเรียนรู้ตลอด ชีวิต (๒) ผู้เรียนได้เรียนรู้สาระที่สอดคล้องกับความสนใจและความจาเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตท้ังใน ด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (๓) ผู้เรียนสามารถนาความรู้ท่ีได้รับไปใช้ประโยชน์ และเทียบ โอนผลการเรยี นกบั การศกึ ษาในระบบ และการศึกษานอกระบบ มาตรา ๙ ให้กระทรวงศกึ ษาธิการส่งเสริม และสนับสนุนการศึกษานอกระบบ และการศึกษา ตามอัธยาศัยโดยให้ความสาคัญแก่ผู้เก่ียวข้องตามบทบาทและหน้าที่ดังต่อไปน้ี (๑) ผู้เรียนซ่ึงเป็นผู้ท่ีได้รับ ประโยชน์ มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ และสามารถเลือกรับบริการได้หลากหลายตามความต้องการ ของตนเอง (๒) ผู้จัดการเรียนรู้สาหรับการศึกษานอกระบบ และผู้จัดแหล่งการเรียนรู้สาหรับการศึกษา ตามอัธยาศัย มีการดาเนินการท่ีหลากหลายตามศักยภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เรียนโดยบูรณา การความรู้ ปลูกฝังคุณธรรม และค่านิยมท่ีดีงาม (๓) ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน ซ่ึงเป็นผู้ท่ีเอื้อประโยชน์ให้แก่ เรียน และผู้จัดการเรียนรู้ มีการดาเนินการท่ีหลากหลายเพ่ือส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้อย่าง ตอ่ เน่ือง ๒.๕ กฎกระทรวงว่าด้วยการแบง่ ระดบั และประเภทของการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๔๖ ข้อ ๑ การศึกษาในระบบท่ีเปน็ การศึกษาขั้นพ้ืนฐานให้แบ่งเป็นสามระดบั ดงั นี้ (๑) การศึกษาระดบั กอ่ นประถม (๒) การศึกษาระดบั ประถม (๓) การศึกษาระดบั มธั ยมศึกษา แบง่ เป็นสองระดบั (ก) การศึกษาระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ (ข) การศึกษาระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ข้อ ๒ การศึกษาระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ตามข้อ๑ (๓) (ข) แบ่งเปน็ 2 ประเภท (๑) ประเภทสามัญศกึ ษา (๒) ประเภทอาชีวศกึ ษา -๗-
๒.๖ คําส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๖๐ เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ ข้อ ๒ ให้มีคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ในภูมิภาคโดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการและ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นกรรมการและเลขานุการ ข้อ ๕ ให้มีสานักงานศึกษาธิการภาคจานวนสิบแปดภาค สังกัดสานักงาน ปลัดกระทรวงกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อปฏิบัติภารกิจของ กระทรวงศึกษาธิการในระดับพ้ืนท่ี ทาหน้าท่ี ขับเคล่ือนการศึกษาในระดับภาคและจังหวัดโดยการอานวยการ ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการศึกษาแบบ ร่วมมือและบูรณาการกับหน่วยงานในสังกัด กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานอ่ืนหรือภาคส่วนที่เก่ียวข้อง ในพน้ื ท่ีนั้นๆ ข้อ ๗ ในแต่ละจงั หวัด ให้มคี ณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด เรียกโดยย่อว่า “กศจ.” ประกอบด้วย (๑) ผู้วา่ ราชการจงั หวัดหรอื รองผวู้ า่ ราชการจังหวัดท่ไี ด้รบั มอบหมาย เป็นประธานกรรมการ (๒) ศึกษาธิการภาค ในพื้นที่ท่ีรับผิดชอบ เป็นรองประธานกรรมการ ศึกษาธิการจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ และรองศึกษาธิการจังหวัด เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รวมทั้งข้อ ๑๑ ให้มีสานักงานศึกษาธิการจังหวัด สังกัดสานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อปฏิบัติภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการเก่ียวกับการ บริหารและการจัดการศึกษาตามท่ีกฎหมายกาหนด การปฏิบัติราชการตามอานาจหน้าที่ นโยบาย และยุทธศาสตร์ของสว่ นราชการต่างๆ ท่ีมอบหมาย และให้มอี านาจหนา้ ที่ในเขตจงั หวดั เป็นต้น ๒.๗ พระราชบญั ญตั ิพ้ืนท่ีนวัตกรรมการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๕ พน้ื ทน่ี วตั กรรมการศึกษาจดั ตั้งขึน้ เพือ่ วัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้ (๑) คิดค้นและพัฒนา นวัตกรรมการศึกษาและการเรียนรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียน รวมท้ังเพื่อดาเนินการให้มี การขยายผลไปใช้ในสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานอื่น (๒) ลดความเหลื่อมล้าในการศึกษา (๓) กระจายอานาจและ ให้อิสระแก่หน่วยงานทางการศึกษาและสถานศึกษานาร่องในพ้ืนที่นวัตกรรมการศึกษาเพื่อเพิ่มความคล่องตัว ในการบริหารและการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพและ ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และ (๔) สร้างและพัฒนากลไกในการ จัดการศึกษาร่วมกันระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่ นวัตกรรมการศกึ ษา มาตรา ๑๙ ในแต่ละพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษาให้มีคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรม การศึกษาโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ และศึกษาธิการจังหวัดเป็นกรรมการ และเลขานุการ มาตรา ๒๔ ให้สานักงานศึกษาธิการจังหวัดในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ทาหน้าที่รับผิดชอบ งานธุรการ ของคณะกรรมการขับเคลื่อน ๒.๘ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ระบุ เหตุผลเพื่อแก้ไขเพ่ิมเติมกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ เพ่ือกาหนด โครงสร้าง และตาแหน่งต่างๆ ให้สอดคล้องกับอานาจหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการท่ีเปล่ียนแปลงไปตามที่ ถูกระบุ ในกฎหมายหลกั ท่ีว่าดว้ ยการศึกษาแหง่ ชาติและกฎหมายท่วี า่ ด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม อันจะทาให้ การจัดระบบการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ระบุข้อมาตราในประเด็นสาคัญท่ี เกี่ยวข้อง กับกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้ (๑) ให้จัดระเบียบราชการกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ ระเบียบบริหารราชการ ในส่วนกลาง ระเบียบบริหารราชการเขตพื้นท่ีการศึกษา และระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐ ที่จัดการศึกษาระดับปริญญาท่ีเป็นนิติบุคคลแต่ไม่รวมถึงการจัดการศึกษาที่อยู่ในอานาจหน้าที่ของกระทรวงอื่น ที่มีกฎหมายกาหนดไว้เปน็ การเฉพาะ (๒) การแบ่งส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการให้มีหัวหน้า ส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ สานักงานรัฐมนตรี สานักงานปลัดกระทรวง สานกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสานักงาน คณะกรรมการ การอาชีวศกึ ษา -๘-
๒.๙ มติคณะรัฐมนตรี เมื่อ วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ได้กําหนดหน่วยงานเจ้าภาพขับเคล่ือน ใน ๓ ระดับ ได้แก่ (๑) ประเด็นแผนแม่บทฯ (๒) เป้าหมายระดับประเด็นของแผนแม่บทฯ และ (๓) เป้าหมาย ระดับแผนย่อยของแผนแม่บทฯ โดยมีภารกิจหลักในการประสานและบูรณาการการดาเนินงานระหว่าง หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง โดยเฉพาะการให้ข้อเสนอแนะในการจัดทาแผนระดับที่ ๓ และโครงการ/การดาเนินงาน ที่สอดคล้องกัน ตามหลักความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล (Causal Relationship : XYZ) สาหรับ กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานเจ้าภาพขับเคล่ือนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๑๑) การพัฒนา ศกั ยภาพคนตลอดช่วงชวี ติ แผนย่อย : การพัฒนาช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น เป้าหมายคือ วัยเรียน/วัยรุ่น มีความรู้และ ทักษะในศตวรรษท่ี ๒๑ ครบถ้วน รู้จักคิด วิเคราะห์ รักการเรียนรู้ มีสานึกพลเมือง มีความกล้าหาญทาง จริยธรรม มีความสามารถในการแก้ปัญหา ปรับตัว สื่อสาร และทางานร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีประสิทธิผลตลอด ชีวิตดีข้ึน ตัวช้ีวัดในปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ คะแนนความสามารถในการแข่งขันการพัฒนาทุนมนุษย์ด้านทักษะ (Skill) ของ World Economic Forum (WEF) เพิ่มข้ึนร้อยละ ๒๐ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๑๒) ประเด็น การพัฒนาการเรียนรู้ เป้าหมาย คือ ๑) คนไทยมีการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลเพ่ิมข้ึน มีทักษะ ที่จาเป็นของโลกศตวรรษท่ี ๒๑ สามารถในการแก้ปัญหา ปรับตัว สื่อสาร และทางานร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมี ประสิทธิผลเพ่ิมข้ึน มีนิสัยใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต ๒) คนไทยได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพตาม ความถนัดและความสามารถของพหุปัญญาดีข้ึน รวมท้ังได้กาหนดตัวช้ีวัดในปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ ไว้จานวน ๓ ตัวช้วี ดั ประกอบดว้ ย (๑) คะแนน PISA ด้านการอ่าน คณติ ศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์มีคะแนนเฉล่ีย ๔๗๐ คะแนน (๒) ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านการศึกษาอยู่อันดับท่ี ๔๕ และ (๓) ความสามารถในการ แข่งขนั ของประเทศไทยในระดับสากลดขี ้ึน (GTCI) ไม่นอ้ ยกว่า ๕๐.๑ คะแนน ๒.๑๐ แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ ได้กาหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า : คนไทยทุกคนได้รับ การศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดารงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง และการเปล่ียนแปลงของโลกศตวรรษท่ี ๒๑ และได้กาหนดเป้าหมายของการจัดการศึกษา (Aspirations)ไว้ ๕ ประการ ดังน้ี (๑) ประชากรทุกคนเข้าถึงการศึกษาท่ีมีคุณภาพและมีมาตรฐานอย่างท่ัวถึง (Access) (๒) ผู้เรียนทุกคน ทุกกลุ่มเป้าหมายได้รับบริการการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน อย่างเท่าเทียม (Equity) (๓) ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ สามารถพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุขีดความสามารถเต็มตามศักยภาพ (Quality) (๔) ระบบการบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ เพ่ือการลงทุนทางการศึกษาท่ีคุ้มค่าและบรรลุ เป้าหมาย (Efficiency) และ (๕) ระบบการศึกษาท่ีสนองตอบและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกท่ีเป็นพลวัต และ บรบิ ททเ่ี ปลี่ยนแปลง (Relevancy) ๒.๑๑ มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ใหค้ วามหมาย “มาตรฐานการศึกษาของชาติ” หมายถึง ข้อกาหนดเก่ียวกับคุณลักษณะ คุณภาพ ท่ีพึงประสงค์ของคนไทย เพ่ือให้สถานศึกษาทุกแห่งยึดเป็นกรอบสาหรับสร้างคนไทย ๔.๐ ท่ีแม้แตกต่าง ตามบริบท ของท้องถ่ินและของสถานศึกษา แต่มีจุดหมายร่วมคือ “ธารงความเป็นไทยและแข่งขันได้ในเวที โลก” สามารถเปน็ กาลงั สาคญั ในการพฒั นาประเทศท้งั ในมติ ิเศรษฐกิจ มติ สิ ังคม และมิตกิ ารเมอื ง ๒.๑๒ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ หรือ สทศ. ได้จัดให้มีการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ขั้นพื้นฐาน (Ordinary National Education Test : O-NET) ขึ้น ซ่ึงเป็นการจัดสอบสาหรับนักเรียน ช้ัน ป.๖ ม.๓ และ ม.๖ เพ่ือชี้วัดคุณภาพและมาตรฐานทางการศึกษานักเรียนว่าแต่ละโรงเรียนน้ันมีคุณภาพ ในการสอนเพียงใด เพราะข้อสอบ O-NET จะเป็นข้อสอบฉบับเดียวกันสอบวัดเด็กระดับเดียวกันทั้งประเทศ โดยมวี ชิ าสอบของนักเรยี น ป.๖ ม.๓ ประกอบดว้ ย คณติ ศาสตร์ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิชา -๙-
สอบของนกั เรียน ม.๖ ประกอบดว้ ย สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และวิทยาศาสตร์ ๓. วิสยั ทศั น์ กระทรวงศกึ ษาธิการในปี พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ไดก้ ําหนดไว้ดังนี้ วิสัยทัศน์ : กระทรวงศึกษาธิการวางระบบเพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้-ทักษะ มีทัศนคติที่ถูกต้อง ต่อบ้านเมือง มพี น้ื ฐานชวี ติ ที่มั่นคง มีคุณธรรม มงี านทา มอี าชพี และเปน็ พลเมืองที่เข้มแขง็ ” ๔. เป้าหมายหลกั 1. คณุ ภาพการศึกษาของไทยดีขน้ึ ผเู้ รยี นมลี ักษณะตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ 2. ครูมสี มรรถนะตามมาตรฐานวชิ าชีพ 3. สถานศึกษาพ้นื ฐานในภมู ภิ าค มีทรัพยากรพื้นฐานทเ่ี พียงพอตามเกณฑ์มาตรฐาน 4. ผู้เรียนทุกกล่มุ ทกุ ชว่ งวยั ได้รับโอกาสในการเรยี นรู้อยา่ งตอ่ เน่ืองตลอดชีวติ 5. ระบบและวธิ ีการคัดเลือกเพอ่ื การศกึ ษาต่อ ได้รบั การพัฒนา ปรับปรุงแกไ้ ข 6. ผู้เรยี นในแต่ละระดับการศกึ ษา ได้รับการเพ่มิ เติมความรู้ ทักษะในการประกอบอาชีพที่ตรงกับสภาพ ตลาดแรงงานในพ้นื ทชี่ มุ ชน สังคม จังหวัด และภาค 7. กาลังคนได้รบั การผลติ และพัฒนาตามกรอบคุณวุฒิแหง่ ชาติ 8. ผู้เรียนปฐมวัยได้รับการเตรียมความพร้อมในด้านสุขภาพและโภชนาการ ร่วมกับหน่วยงานที่ เก่ยี วข้อง 9. มีองค์ความรู้ นวัตกรรม ส่ิงประดิษฐ์ ที่สนับสนุนการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาในพื้นที่ระดับจังหวัด และภาค 10. ระดบั บรหิ ารจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ได้รบั การปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับ พ้ืนทน่ี วตั กรรมการศึกษารว่ มกบั ทุกภาคส่วน ๕. พันธกิจ 1. ยกระดบั คณุ ภาพการจดั การศึกษา 2. ลดความเหลือ่ มล้าทางการศกึ ษา 3. มงุ่ ความเปน็ เลิศและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ 4. ปรับปรุงระบบการบริหารจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร เพื่อความคล่องตัวในการ รองรบั ความหลากหลายของการจัดการศึกษา และสร้างเสรมิ ธรรมาภิบาล ๖. ยทุ ธศาสตร์ 1. พฒั นาหลกั สูตร กระบวนการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมนิ ผล 2. พัฒนาครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา 3. ผลิตและพัฒนากาลงั คน รวมท้งั วิจัยท่ีสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของประเทศ 4. เพ่มิ โอกาสใหค้ นทุกช่วงวยั เขา้ ถึงบริการทางการศกึ ษาอย่างต่อเนื่องตลอดชวี ิต 5. ส่งเสรมิ และพัฒนาระบบเทคโนโลยดี จิ ทิ ัลเพือ่ การศึกษา 6. พฒั นาระบบบรหิ ารจัดการและสง่ เสรมิ ใหท้ กุ ภาคสว่ นมสี ว่ นร่วมในการจดั การศึกษา -๑๐-
๗. โครงสร้างกระทรวงศึกษาธกิ าร -๑๑-
๑- ที่มา : พระราชบญั ญัตริ ะเบียบบริหาราชการกระทวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. 2546 และกฎกระทรวงแบ่งสว่ นราชการ
ดังนั้นการดาเนินงานให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้น้ัน กระทรวงศึกษาธิการในฐานะท่ีมีบทบาท ภารกิจ และอานาจหน้าท่ีเก่ียวกับการส่งเสริม กากับดูแลการบริหารและการจัดการศึกษาทุกระดับ ทุกประเภท เป็นศูนย์บัญชาการในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเจ้าภาพในการกากบั ติดตามการดาเนนิ งานของส่วนราชการและหน่วยงานในสังกัดให้เป็นไปตามแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศ กาหนดยุทธศาสตร์และแผนการดาเนินงานเพ่ือขับเคล่ือนพ้ืนที่ นวัตกรรมการศึกษา รวมท้ังปฏิบัติภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการในระดับพื้นท่ีทาหน้าที่ขับเคล่ือนการศึกษา และพัฒนาการศึกษาแบบร่วมมือและบูรณาการกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานอื่น หรือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพ้ืนท่ีระดับภาค และปฏิบัติภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการเก่ียวกับการบริหารและ การจัดการศึกษาตามที่กฎหมายกาหนดในเขตจังหวัด เป็นต้น จะต้องมี “แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบ ราชการ ๔.๐” ท่ีสามารถขบั เคลอื่ นการบริหารและการจดั การศึกษาแบบบูรณาการทั้งในเชิงประเด็น เชิงภารกิจ และเชิงพ้ืนท่ีมีการเช่ือมโยงการทางานทุกระดับให้สอดรับกับเป้าหมายที่กาหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ และต้องบูรณาการกันอย่างมีเอกภาพ มีประสิทธิภาพ สอดประสานกัน มีการประสานงานบนความร่วมมือ ของภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ ภาคประชาชนและภาคส่วนอื่น ในสังคมจนก่อให้เกิดพลังผลักดันร่วมกันไปสู่การบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ส่วนราชการ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการยังต้องนาองค์กรและบุคลากรเข้าสู่ระบบราชการ ๔.๐ โดยท่ีการทางานจะต้องมี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยการบริหารจัดการอย่างมีสมรรถนะและทักษะสูง (More Productive) ต้องปฏิบัติงาน “มากข้ึน” (Do more) “ดีข้ึน” (Do better) แต่ “ใช้งบประมาณและทรัพยากรเท่าเดิม” (Do with the same amount of taxes) ต้องมีการพลิกโฉมองค์กร (Transformation) มีธรรมาภิบาลและการกากับดูแล ที่มีประสิทธิผลมากข้ึน (More Effective Governance) ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการปฏิรูปการทางาน และพัฒนาผลงานของระดับปฏิบัติการท่ีใกล้ชิดกับการให้บริการ (Frontline Operations) ประชาชนอย่าง แท้จริง รวมทั้งจาเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทางาน ไปสู่การผลิตร่วม (Co-Production) มีระบบบริการ ร่วมกัน (Shared-Services) ตลอดจนต้องปรับเปล่ียนโครงสร้าง ระบบการทางานและวิธีการบริหารจัดการ ในลักษณะท่ีต้องมีความเช่ือมโยงกัน (Joined-Up Government) ดังน้ันผู้บริหารและเจ้าหน้าท่ี ของกระทรวงศึกษาธิการตอ้ งมที ศั นคตแิ บบใหม่ (Mindsets) เปล่ียนแนวคิด ทัศนคติ พฤติกรรม และสร้างสมดุล ระหว่างภารกิจ บทบาท อานาจหน้าที่ตามกฎหมาย กับการสร้างความเข้มแข็งในการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เก่ียวกับการบริหารและจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เป็นเอกภาพ และมุ่งเน้นประโยชน์สุข ของประชาชนเป็นหลกั เพือ่ ให้สามารถเปน็ ทีไ่ วว้ างใจ และเปน็ ท่ีพึง่ พิงไดข้ องประชาชน -๑๒-
บทที่ 2 ความสอดคล้องของโครงการทีส่ ําคัญตามแผนยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาระบบราชการ ๔.๐ (พ.ศ. 2564-2565) ของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารต่อแผนยอ่ ยตามแผนแม่บทภายใตย้ ทุ ธศาสตร์ชาติ ประเดน็ (๒๐) การบรกิ ารประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐ กรอบแนวทางการดําเนินงานดังนี้ ๑. มติคณะรฐั มนตรีเม่อื วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ เห็นชอบการจําแนกแผนเปน็ ๓ ระดบั คือ ระดับท่ี ๑ ยุทธศาสตร์ชาติ หมายถึง ยุทธศาสตร์ชาติตามกฎหมายว่าด้วยการจัดทา ยุทธศาสตร์ชาติ ซ่ึงเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลเพ่ือใช้เป็นกรอบในการ จัดทาแผนต่างๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกันเพื่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมายดังกล่าว (รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ หมวด ๖ แนวนโยบายแหง่ รัฐ มาตรา ๖๕) ระดับที่ ๒ ประกอบด้วย ๔ แผน ดงั นี้ (๑) “แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ” หมายความว่า แผนแม่บทเพ่ือบรรลุเป้าหมายตามท่ี กาหนดไว้ในยุทธศาสตรช์ าติ (พระราชบัญญตั ิการจดั ทายทุ ธศาสตรช์ าติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๓) (๒) “แผนปฏิรูปประเทศ” หมายถึง แผนและข้ันตอนการดาเนินการปฏิรูปประเทศ ตามพระราชบัญญตั แิ ผนและข้ันตอนการดาเนนิ การปฏริ ูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ (๓) “แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” หมายความว่า แผนสาหรับถ่ายทอด ยทุ ธศาสตร์ชาติสู่กรอบและแนวทางในการพฒั นาประเทศในแต่ละชว่ งระยะเวลา ๕ ปี (๔) “แผนความมั่นคง” หมายถึง “นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ” ตามกฎหมายว่าด้วยความม่ันคงแห่งชาติ ซ่ึงเป็นนโยบายและแผนหลักของชาติที่เป็นกรอบหรือทิศทางในการ ดาเนนิ การปอ้ งกัน แจง้ เตือน แกไ้ ข หรอื ระงับยบั ยัง้ ภยั คุกคามเพ่อื ธารงไว้ซ่ึงความมั่นคงแห่งชาติ แผนระดับท่ี ๓ หมายถึง แผนที่จัดทาขึ้นเพ่ือสนับสนุนการดาเนินงานของแผนระดับที่ ๑ และแผนระดับท่ี ๒ ให้บรรลุเป้าหมายที่กาหนดไว้ หรือจัดทาข้ึนตามที่กฎหมายกาหนด หรือจัดทาข้ึน ตามพันธกรณีหรืออนุสัญญาระหว่างประเทศ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติผ่านแผนระดับที่ ๓ ตามนัยยะมติ คณะรฐั มนตรี เมอื่ วันท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ นั้น แผนระดับที่ ๓ เป็นแผนปฏิบัติการของหน่วยงานของรัฐท่ีต้องมี ความสอดคล้องและส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายและวิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ชาติผละแผนระดับท่ี ๒ ท่ีเกี่ยวข้องได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยแผนระดับที่ ๓ ประกอบด้วย ๒ แผนหลัก ได้แก่ (๑) แผนปฏิบัติการด้าน... ซ่ึงเป็นแผนการพัฒนาท่มี กี ารบรู ณาการระหวา่ งหนว่ ยงานท่เี ก่ยี วข้องมากกว่า ๑ หน่วยงาน และ (๒) แผนปฏิบัติ ราชการระยะ ๕ ปี และรายปี ซึ่งเป็นแผนของส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าและระดับอ่ืนๆ ตามบทบัญญัติของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี พ.ศ. ๒๕๔๖ และฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๒ การจัดกลุ่มแผนระดับ ๓ เพ่ือลดความซ้าซ้อน รวมท้ังแสดงความเช่ือมโยง และจัดลาดับความสาคัญแนวทางปฏิบัติต่างๆให้มีความชัดเจน โดยมีแนวทางการจัดทาแผนระดับที่ ๓ ในส่วน ของแผนปฏิบัติการด้าน.... ประกอบด้วย (๑) การถ่ายระดับแผนระดับท่ี ๑ และ ๒ โดยแผนปฏิบัติการด้าน.... ต้องขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ชาติและแผนระดับที่ ๒ ไปสู่การปฏิบัติให้ชัดเจน และนาไปสู่การบรรลุเป้าหมาย และวิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ชาติ และเป้าหมายของแผนแม่บทฯได้อย่างเป็นรูปธรรม (๒) การพิจารณา ความจาเป็นของการจดั ทาแผนมีหลักเกณฑ์ ดังน้ี -๑๓-
(๒.๑) มีกฎหมายบญั ญัตใิ หจ้ ดั ทาแผน (๒.๒) กรณีไม่มีกฎหมายบัญญัติให้จัดทาแผนและแนวทางการพัฒนาในแผนแม่บทและแผน ปฏิรูปประเทศที่เก่ียวข้องยังไม่ครอบคลุมในรายละเอียดจะต้องมีเหตุจาเป็นโดยหากไม่มีแผนจะก่อให้เกิดความ เสียหายหรือผลกระทบวงกว้างต่อประเทศอย่างรนุ แรงซึ่งแผนตอ้ งเป็นประเด็นการพัฒนาท่ีสาคัญละส่งผลต่อการ บรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ รวมท้ังไม่ใช่การดาเนินการท่ีมีลักษณะเป็นภารกิจปกติ โดยต้องพิจารณา แผนปฏิบัติการด้านที่เก่ียวข้องหรือสอดคล้องกับแผนที่จัดทาขึ้น เพ่ือพิจารณาควบรวมเป็นแผนเดียวกัน หรือจัดทาในรูปแบบแผนปฏิบัติราชการกระทรวง/กรม หรือไม่ต้องจัดทาแผนการกาหนดระยะเวลาการ ดาเนินงานของแผน (๒.๓) การกาหนดระยะเวลาการดาเนินงานของแผนงาน ต้องมีระยะเวลาสอดคล้องกับ หว้ งเวลาของแผนแมบ่ ทฯโดยในระยะแรกเป็นการดาเนินการระหวา่ งปี ๒๕๖๓-๑๕๖๕ (๒.๔) การกาหนดช่ือแผนปฏิบัติการทุกแผนหากไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายกาหนดช่ือไว้ อย่างชัดเจนต้องกาหนดช่อื แผนฯว่า “แผนปฏิบตั ิการดา้ น....ระยะท่ี .. (พ.ศ.....-....) (๒.๕ ) ทุกหน่วยงานของรัฐต้องมีแผนปฏิบัติราชการระยะ ๕ ปี และรายปีเพื่อเป็นแผนระดับ ท่ี ๓ หลักในการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ชาติ แผนระดับท่ี ๒ นโยบายรัฐบาล รวมทั้งแผนระดับที่ ๓ ท่ีเกี่ยวข้อง ไปสกู่ ารปฏบิ ัติท่ีชดั เจนและเปน็ รปู ธรรม ๒ . วิเคราะห์แนวทางการพัฒนาการเป็นระบบราชการ ๔.๐ จาก PMQA Flame Work (PMQA ๔๐) เพื่อให้การทางานบรรลุเป้าหมายของแผนย่อยตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็น (๒๐) การบริการ ประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐและเป้าหมายตามยทุ ธศาสตร์ชาติ สรปุ ได้ดงั น้ี -๑๔-
ตารางที่ ๑ แนวทางการพัฒนาการเป็นระบบราชการ ๔ ตาม PMQA Flame Work (PMQ ระบบราชการ ๔.๐ PMQA Flame Work (PMQA ๔.๐) ประกอบดว้ ย ๘ องค์ประกอบ คอื (๑) องค์ประกอบ (๑) การให้ความรว่ มมือ (Collaboration) และพฒั นาการทางาน นโย ในเชงิ ให้ความร่วมมือ (Cooperation) ไปสู่การบรู ณการวางแผนการทางานรว่ มกนั (๒) (Integration) และต่อยอดไปส่กู ารทางานในเชิงร่วมกนั คิด รว่ มกนั ทางาน กระ ใหไ้ ด้คาตอบทด่ี ี (Collective Solution) ในแ องค์ประกอบ (๒) นวตั กรรม (Innovation) (๓) : พัฒนาจากนวตั กรรมของกระบวนการภายในหนว่ ยงาน (Internal Process ในก Innovation) ไปสู่นวัตกรรมของผลผลติ และการบรกิ าร (Service Innovation) (๔) เพ่ือยกระดับประสทิ ธิภาพการให้บรกิ ารประชาชน ไปสูน่ วัตกรรมเชงิ นโยบาย (๕) (Policy/Outcome) เปน็ การคดิ รเิ ริ่มนโยบาย กฎหมายและกฎระเบียบใหม่ๆ คาด ให้ทนั สมัย เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ (๖) องค์ประกอบ (๓) ความเปน็ ดิจทิ ลั (Digitalization) (๗) : พัฒนาจากการใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการจดั เก็บข้อมูลและสามารถส่อื สารได้ (๘) ฉบั ไว รวดเรว็ ข้ึน (Usage/ data base Collection of Data & (๙) Communication) ไปสู่ระบบดิจิทลั ทใ่ี ชใ้ นการใหบ้ ริการแก่ผ้รู ับบริการ หรือ ท่ีสา ประชาชนทาใหป้ ระชาชนประทับใจหรือสามรถ ติดตามกระบวนการต้ังแต่ต้นจนถึง (๑๐ ปลายได้รวดเร็ว (Citizen Experience, End to End Process) เชน่ ระบบเตือน ตอบ ไปยัง ผู้รับบริการล่วงหน้าโดยไมต่ ้องใชร้ ะบบบัตรควิ หรือการนัง่ รอ ไปสู่ระบบ (๑๑ ดจิ ทิ ัลทีบ่ รู ณาการทุกภาคสว่ นและสามารถแบ่งปันข้อมูลกนั ได้ ปฏ -๑๕-
QA ๔๐) แนวทางการพัฒนาการเป็นระบบราชการ ๔.๐ ให้บรรลุเป้าหมายของแผนย่อย ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตรช์ าติ ประเดน็ (๒๐) การบรกิ ารประชาชน และประสิทธิภาพภาครัฐและเปา้ หมายตามยทุ ธศาสตร์ชาติ การทางานรว่ มกันแบบบูรณาการอยา่ งแทจ้ ริงในเชิงยุทธศาสตร์ตั้งแตร่ ะดับการวาง ยบายไปจนถึงการนาไปปฏิบตั ิ การทางานมกี ารเช่ือมโยงผ่านระบบดิจทิ ัลอย่างเตม็ รปู แบบต้งั แต่ต้นจนจบ ะบวนการเชอ่ื มโยงทุกส่วนราชการในการบริการประชาชนและมกี ารบงั คบั บัญชา แนวนอน ให้บริการตามความต้องการเฉพาะบุคคลซ่ึงสามารถออกแบบ /เลือกรปู แบบ/วธิ ีการ การขอรับบริการได้ ระบบการทางานท่ีปรับเป็นดจิ ิทัลเตม็ รูปแบบ การดาเนนิ งานท่ตี อบสนองทันที/ทันเวลา/เชงิ รุก ทันต่อการเปลย่ี นแปลงมีการ ดการณไ์ ว้ล่วงหนา้ สรา้ งนวัตกรรม มีการควบคุมอยา่ งชาญฉลาดมุ่งผลสัมฤทธ์ิในการปฏิบัตงิ าน ปฏิบัติงานโดยเน้นใหป้ ระชาชนเปน็ ศูนย์กลาง สร้างคุณคา่ ในการให้บริการแก่ประชาชน ทาน้อยได้มาก เปิดเผยข้อมูลเป็นปกติ (default) ในรูปแบบ ามารถนาไปใชไ้ ด้ทนั ทีโดยไม่ตอ้ งรอ้ งขอ (Open system, Open access) ๐) สามารถแก้ไขปัญหาโดยไม่จาเปน็ ต้องใชว้ ธิ กี ารทางานรูปแบบเดิมและสามารถ บสนองได้ทันที ๑) แบง่ ปนั ทรพั ยากรในการทางานร่วมกัน เพ่ือลดต้นทุนเพิม่ ประสิทธิภาพในการ ฏบิ ตั งิ าน ๕-
ระบบราชการ ๔.๐ PMQA Flame Work (PMQA ๔.๐) (Integrated and Connectedness) ที่เช่ือมโยงถงึ กันและสามารถดูได้ทุกท่ี (๑๒ ทกุ เวลา มคี วามสะดวก ประชาชนและผู้ใชง้ านสามารถใช้งานได้โดยไมต่ ้องรอ้ งขอ สาม องคป์ ระกอบ (๔) ผรู้ ับบรกิ าร (Customer) (๑๓ : พฒั นาจากการให้ บริการทมี่ ีคุณภาพเปน็ ท่ีพึงพอใจของผ้รู ับบริการ (Service (๑๔ Quality and Customer Satisfaction) ไปสู่การให้บริการในเชงิ รุกและการแก้ไข และ ข้อร้องเรียนอยา่ งมปี ระสิทธผิ ล (Proactive Services, Compliant Resolution เหต Management (CRM)) คอื มีการวางแผนรองรับการบรกิ ารทอ่ี าจมีการ (๑๕ เปลย่ี นแปลง มองเห็นปญั หาและมีกระบวนการในการแก้ไขข้อร้องเรียน อย่างเป็น (๑๖ ระบบ และพฒั นาไปสู่การใหบ้ ริการที่สามารถออกแบบตรงกับความตอ้ งการของ (๑๗ ประชาชน (Personalized Services) หรือคดิ ร่วมกันเพ่ือสรา้ งกลไกข้ึนมาใหม่ (๑๘ (Government Innovation Lab) เบด็ องค์ประกอบ (๕) กระบวนการ (Process) (๑๙ : การจัดการกระบวนการคือการทางานอย่างเป็นระบบได้มาตรฐานมีการจัดทา วาง คมู่ ือมาตรฐานในการทางานและบริการ (Standardization) มกี ารปรับปรงุ (๒๐ ตามวงจร P-D-C-A ไปสเู่ ชงิ รุกในการปรับปรุงกระบวนการโดยวิเคราะห์จากข้อมลู ในล ทง้ั ภายในและภายนอก (Data-driven Improvement) (๒๑ เพ่ือให้ทราบถึงสาเหตุท่ีแจ้จริงวา่ ปัญหาอยตู่ รงไหนและปรบั ปรงุ อย่างเป็นระบบ วิเค การกระตนุ้ ใหเ้ กดิ การสรา้ งนวัตกรรมจนสามารถเทยี บเคยี ง (Benchmark) กับ (๒๒ กระบวนการทางานกับองค์กรอ่ืนเพอ่ื ใชป้ รับปรุงกระบวนการทางานให้เป็นเลศิ (๒๓ (Integrated Process Improvement Operational Excellence) ทาง (๒๔ -๑๖-
แนวทางการพัฒนาการเปน็ ระบบราชการ ๔.๐ ให้บรรลุเป้าหมายของแผนย่อย ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเดน็ (๒๐) การบรกิ ารประชาชน และประสิทธิภาพภาครฐั และเปา้ หมายตามยทุ ธศาสตร์ชาติ ๒) ปฏิบตั ิงานบนพ้นื ฐานของข้อมูลความต้องการของประชาชน และวางนโยบายท่ี มารถนาไปปฏบิ ตั ิให้เกดิ ผลได้ ๓) บริการประชาชนตลอดเวลา ๔) มีความสามารถในการใช้ความรู้ สติปัญญา ะขอ้ มูลสารสนเทศเพ่ือแก้ไข ปัญหาและสรา้ งคุณคา่ มีความสามารถในการเรียนรู้ มี ตผุ ลในเชงิ จริยธรรม) ๕) มีความเปน็ ผ้ปู ระกอบการสาธารณะ ๖) ทางานอย่างเปิดเผย โปร่งใส เออ้ื ให้ บคุ คลภายนอกและประชาชนเข้าถึง ข้อมูลได้ ๗) ทางานเชงิ รุก แก้ไขปัญหา ตอบสนองความต้องการของประชาชน และสรา้ งคณุ ค่า ๘) แบ่งปนั ขอ้ มูลระหว่างหนว่ ยงานเชื่อมโยงการทางานซ่ึงกันอยา่ งเปน็ เอกภาพ ดเสร็จในจุดเดียว ๙) ใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจดั การ มีฐานข้อมูลที่ทันสมัยเพื่อสนับสนุนการ งแผนยุทธศาสตร์และการตัดสินใจในการทางาน ๐) ปรบั รูปแบบการทางานใหค้ ลอ่ งตวั รองรบั การประสานงานแนวระนาบและ ลกั ษณะเครือข่าย ๑) ทางานอย่างเตรียมการไวล้ ว่ งหนา้ ตอบสนองต่อสถานการณ์ทันเวลา มกี าร คราะหค์ วามเส่ียงทัง้ ในระดับองค์การและในระดบั ปฏบิ ตั ิการ ๒) เปิดกวา้ งใหภ้ าคส่วนอนื่ เขา้ มามีสว่ นร่วม ถ่ายโอนภารกจิ ไปดาเนินการแทนได้ ๓) สง่ เสริมให้เกดิ นวตั กรรม ความคดิ ริเร่มิ และการประยุกตใ์ ช้องค์ความรู้ ในการ งานท่ีทันต่อการเปลี่ยนแปลง ๔) บุคลากรทุกระดับพรอ้ มปรับเปลีย่ น ตวั เองสู่องค์การท่ีมีความทันสมัยและมงุ่ เน้น ๖-
ระบบราชการ ๔.๐ PMQA Flame Work (PMQA ๔.๐) องค์ประกอบ (๖) บคุ ลากร (People) ผลง : จากการท่ีบุคลากรท่ีปฏบิ ัติตามระเบียบตอบสนองและทางานตามการสัง่ การจาก (๒๕ ระดบั บนสรู่ ะดับล่าง (Rule-base, Responsive, Top-down) พัฒนาไปสู่เชงิ รกุ ตาม คือเป็นบคุ ลากรท่มี จี ิตสานึก มีความเช่ยี วชาญ มีความคล่องตวั มคี วามสามารถ ดา้ น ที่หลากหลาย (Integrity, Professional, Tran-disciplinary) ไปสกู่ ารเปน็ บุคลากรท่แี กป้ ญั หาเปน็ มีความคิดริเร่มิ และมีความเปน็ ผู้ประกอบการภาครัฐ (Public Entrepreneurship) องค์ประกอบ (๗) ผ้นู า (Leadership) : พัฒนาจากการเปน็ ผู้นาทม่ี ีวิสัยทัศน์ นาเป็น คดิ เป็น (Effective Leadership) ไปสกู่ ารเปน็ ผนู้ าท่ที างานแขง็ ขนั จริงจงั ใส่ใจในรายละเอยี ด (Actively Engaged, Pay Attention to Details) และ เป็นผ้นู าสาหรับศตวรรษ ท่ี ๒๑ (21st Century Leadership) องค์ประกอบ (๘) ผลลพั ธ(์ Results) จากการบรรลุผลตามยุทธศาสตร์องค์การ (Organization) ไปสูก่ ารบรรลผุ ลตามยทุ ธ์พ้ืนท่ี (Sector) และจนไปสู่การบรรลุผล ตามยุทธศาสตร์ชาติ (National Strategy) -๑๗-
แนวทางการพัฒนาการเปน็ ระบบราชการ ๔.๐ ให้บรรลุเป้าหมายของแผนย่อย ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเดน็ (๒๐) การบริการประชาชน และประสิทธภิ าพภาครัฐและเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ งานทีด่ ี ๕) ให้ความสาคญั กบั บุคลากร ดึงดูดบคุ ลากรท่ีมีศักยภาพสงู พัฒนาอย่าง เหมาะสม มบทบาทหนา้ ที่สร้างความผกู พัน สรา้ งแรงจูงใจ มแี ผนเชงิ รุกรองรบั การเปลยี่ นแปลง นบคุ ลากร ๗-
๓. วิเคราะห์ สังเคราะห์ ลกั ษณะงานจากแนวทางพฒั นาของแผนย่อยตามแผนแ ภาครัฐและเป้าหมายตามยทุ ธศาสตร์ชาติ ปรากฏรายละเอียดดงั น้ี ตารางที่ ๒ การวิเคราะห์ลกั ษณะงานจากแนวทางพัฒนาของแผนย่อยตามแผนแม่บทภายใ แผนยอ่ ย แนวทางพัฒนา (๑) การพัฒนาบริการ ประชาชน (๑) พัฒนารูปแบบบริการภาครัฐเพอ่ื อานวยความสะดวก ในการใหบ้ ริการประชาชน ผปู้ ระกอบการ และภาคธุรกจิ (๒) การบริหารจดั การ (๒) พัฒนาการใหบ้ ริการภาครัฐผา่ นการนาเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลมา การเงินการคลงั ประยุกตใ์ ช้ ตั้งแตต่ น้ จนจบกระบวนการและปฏิบัติงานเทียบได กับมาตรฐานสากลอยา่ งคุ้มค่า มีความรวดเร็ว โปรง่ ใส เสียค่าใช้จา่ ยน้อย ลดข้อจากัดทางกายภาพ เวลา พื้นที่และตรวจสอบได้ (๓) ปรบั วธิ ีการทางาน จาก “การทางานตามภารกจิ ที่กฎหมาย กาหนด” เปน็ “การใหบ้ ริการทใี่ หค้ วามสาคัญกบั ผู้รับบรกิ าร” (๑) รักษาและเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกจิ มหภาค -๑๘-
แมบ่ ทภายใตย้ ทุ ธศาสตรช์ าติประเด็น (๒๐) การบริการประชาชนและประสิทธิภาพ ใตย้ ุทธศาสตร์ ประเดน็ (๒๐) การบริการประชาชนและประสิทธภิ าพภาครัฐ ลกั ษณะงาน/สิ่งที่ต้องทํา (๑) จัดรูปแบบบริการทเี่ ชื่อมโยงหลายหน่วยงานแบบเบ็ดเสร็จ ครบวงจร และหลากหลายรปู แบบตามความต้องการของผู้รบั บรกิ าร (๒) จดั ช่องทางการบริการใหเ้ ข้าถึงงา่ ย มที างเลือกผ่านระบบเทคโนโลยดี ิจทิ ัล ด้ (๓) จดั ใหม้ คี ู่มอื การปฎบิ ตั ิงานและค่มู ือการใหบ้ ริการประชาชนโดยเทียบกับมา ฐานสากลผ่านระบบเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลท่ีคุ้มค่า มคี วามรวดเร็ว โปร่งใส เสยี คา่ ใช้จา่ ยน้อย ลดข้อจากัดทางกายภาพ เวลา พน้ื ที่ ย (๔) จดั ให้มีเชื่อมโยงเกย่ี วกบั วิธกี ารทางานของหนว่ ยงานท่ีเก่ียวข้องผ่านระบบ ดจิ ิทัลอยา่ งเต็มรูปแบบต้งั แต่ตน้ จนจบ (๑) รักษาวนิ ัยการเงินการคลงั ภายใต้กรอบความยั่งยนื ทางการคลัง (๒) พัฒนาระบบการคลงั ล่วงหน้าระยะปานกลางและระยะยาว (๓) ดาเนนิ ตามกรอบนโยบายการเงินและการคลังท่โี ปรง่ ใส ยืดหย่นุ รักษาเสถยี รภาพระบบการเงนิ (๔) พฒั นาเครื่องมือทางนโยบายใหม่ ๆ เพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ จากปจั จยั ภายในและภายนอก (๕) พัฒนาประสิทธภิ าพของระบบการเงินท้ังตลาดเงิน ตลาดทนุ และการ ประกันภยั ๘-
แผนย่อย แนวทางพัฒนา (๒) พัฒนาระบบเตือนภยั ทางด้านเศรษฐกิจ การเงินและการค้า ใหท้ ันต่อความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยี นวัตกรรม รวมท้ังการ เคลอ่ื นย้ายทุนและแรงงาน รูปแบบการคา้ ตลอดจนการกีดกัน ทางการคา้ รูปแบบใหม่ ๆ (๓) จดั ทางบประมาณตอบสนองต่อเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ช (๔) ทบทวน ศกึ ษา ปรบั ปรุงและพฒั นาโครงสรา้ ง ระบบและ มาตรการทางภาษี (๕) กาหนดใหม้ ีการติดตามประเมินผลสมั ฤทธก์ิ ารดาเนินการต ยุทธศาสตรช์ าติและผลสัมฤทธ์ิของแผนงาน/โครงการท้ังในภาร พืน้ ฐาน ภารกจิ ยทุ ธศาสตร์ และภารกิจพ้ืนท่ี -๑๙-
ลักษณะงาน/ส่ิงท่ีต้องทํา (๖) สรา้ งบรรยากาศท่ีเอ้ือต่อการนาเทคโนโลยมี าใช้ในการให้บรกิ ารทางการเงนิ และพัฒนาโครงสรา้ งพ้ืนฐานกลางทางการเงิน (๗) ดูแลความม่นั คงและปลอดภยั ของระบบการชาระเงินหลักของประเทศ า (๘) พฒั นาระบบเตือนภัยทางดา้ นเศรษฐกิจ การเงินและการคา้ น ชาติ (๙) จัดทางบประมาณตอบสนองต่อเป้าหมายตามยทุ ธศาสตรช์ าติ (๑๐) ทบทวน ศึกษา ปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้าง ระบบและมาตรการทาง ภาษี ตาม (๑๑) ตดิ ตามประเมนิ ผลสัมฤทธกิ์ ารดาเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและ รกิจ ผลสัมฤทธิ์ของแผนงาน/โครงการทั้งในภารกจิ พ้นื ฐาน ภารกจิ ยทุ ธศาสตร์ และ ภารกิจพ้ืนท่ี (๑๒) พัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อให้สามารถตรวจสอบ และนาไปสู่การปรับ แนวทาง การดาเนินงานที่เหมาะสมได้อยา่ งต่อเนื่อง (๑๓) เปิดโอกาสใหผ้ ู้มีส่วนได้ส่วนเสยี เข้ามามีสว่ นรว่ มในการติดตามประเมนิ ผล (๑๔) จัดใหม้ ีการรายงานการตดิ ตามประเมนิ ผลในการบรรลเุ ปา้ หมายต่อ สาธารณะเป็นประจา รวมท้ังการตรวจสอบโดยองค์กรอสิ ระต้องเป็นไปเพื่อ สง่ เสรมิ การขบั เคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ๙-
แผนย่อย แนวทางพฒั นา (๓) การปรับสมดลุ (๑) เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนรว่ มในการดาเนนิ การ ภาครฐั บรกิ ารสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะอยา่ งเหมาะสม (๒) สง่ เสริมบทบาทองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน -๒๐-
ลกั ษณะงาน/ส่ิงทีต่ ้องทาํ ร (๑) เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเขา้ มามสี ่วนร่วมในการดาเนนิ การบริการ สาธารณะและกิจกรรมสาธารณะอย่างเหมาะสม (๒) กาหนดความสัมพันธแ์ ละการพฒั นาบทบาทในฐานะของหุ้นสว่ นในการ ดาเนนิ ภารกจิ ทสี่ าคัญระหว่างการบรหิ ารราชการสว่ นกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วน ท้องถ่นิ (๓) สนับสนนุ ใหภ้ าคีการพฒั นาตา่ ง ๆ โดยเฉพาะชมุ ชน เอกชน ในรปู แบบ โมเดลประชารฐั มารว่ มดาเนินการในบริการสาธารณะและกจิ กรรมสาธารณะ ตา่ ง ๆ (๔) จดั ให้มีการตรวจสอบความซ้าซ้อน การวิเคราะห์และทบทวนภารกจิ ของภาครฐั ให้สอดคล้องกับการขบั เคลื่อน ยทุ ธศาสตร์ชาติ เพ่ือกาหนดภารกจิ หลกั ทีใ่ ห้ภาครฐั ดาเนินการ (๕) กาหนดแนวทางการพัฒนาภาครฐั ท่สี าคัญ สามารถตรวจสอบการทางานของภาครัฐได้อย่างเหมาะสม (๖) กากับดูแลการแปลงนโยบายสูก่ ารปฏิบัติ การกากับการให้บริการสาธารณะ ให้เปน็ ไปตามมาตรฐานและมีการคานงึ ถึงความมั่นคงของมนุษยแ์ ละรฐั (๗) กาหนดกฎระเบียบทีไ่ ม่เป็นอปุ สรรคต่อการดาเนินธุรกิจภาคเอกชนทุก ขนาดและสอดคล้องกบั ทิศทางการพัฒนาประเทศในระยะยาว (๘) พฒั นาและสร้างความเขม้ แข็งใหก้ บั องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นให้เปน็ หน่วยงานท่ีมสี มรรถนะสูง (๙) มีระบบภาษีและรายไดข้ องทอ้ งถนิ่ อย่างเหมาะสมต่อการจัดสรรงบประมาณ กาลังบุคลากร และองค์ความรู้ในการแกไ้ ขปญั หา พัฒนาพื้นท่ี ๐-
แผนย่อย แนวทางพัฒนา (๔) การพัฒนาระบบ (๑) พัฒนาหนว่ ยงานภาครฐั ให้เป็น “ภาครัฐทันสมัย เปิดกวา้ ง บริหารงานภาครฐั เป็นองค์กรขีดสมรรถนะสูง”สามารถปฏิบตั งิ านอยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ มีความค้มุ ค่า เทียบไดก้ บั มาตรฐานสากล (๒) กาหนดนโยบายและการบรหิ ารจัดการทต่ี ้ังอยู่บนข้อมลู และหลักฐานเชิงประจักษ์ มุ่งผลสัมฤทธิ์ มีความโปร่งใส ยืดหย และคล่องตวั สูง -๒๑-
ลกั ษณะงาน/สิ่งท่ตี ้องทํา (๑) นานวัตกรรมและเทคโนโลยดี ิจทิ ลั การพัฒนาใหม้ ีการนาขอ้ มูลและข้อมูล ขนาดใหญ่มาใชใ้ นการพฒั นานโยบาย การตัดสินใจ การบริหารจดั การ การ ให้บรกิ าร (๒) พฒั นานวตั กรรมภาครัฐ รวมถงึ การเช่ือมโยงการทางานและข้อมลู ระหวา่ ง องคก์ รทั้งภายในและภายนอกภาครฐั แบบอัตโนมตั ิ (๓) การสร้างแพลตฟอรม์ ดจิ ทิ ัลทภ่ี าครฐั สามารถใชร้ ว่ มกันเพ่ือเพ่ิมโอกาสในการ เขา้ ถึงข้อมูลที่สะดวกและรวดเร็ว เชอ่ื มโยงขอ้ มูลของหนว่ ยงานภาครัฐให้มี มาตรฐานเดียวกันและข้อมลู ระหวา่ งหน่วยงานที่เกีย่ วข้อง ตลอดจนเพื่อใหภ้ าค ธรุ กิจ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมลู ในการ ขยายโอกาสทางการค้าทง้ั ในประเทศและต่างประเทศ (๔) กาหนดนโยบายและการบรหิ ารจัดการทต่ี ้ังอยู่บนข้อมูลและหลักฐานเชงิ ย่นุ ประจักษ์ มุ่งผลสัมฤทธิ์ มีความโปรง่ ใส ยดื หย่นุ และคลอ่ งตัวสูง (๕) นานวตั กรรม เทคโนโลยี ขอ้ มลู ขนาดใหญ่ ระบบการทางานทีเ่ ป็นดิจิทลั มาใชใ้ นการบริหารและการตัดสนิ ใจ (๖) พฒั นาข้อมลู เปิดภาครฐั ใหท้ กุ ภาคสว่ นสามารถเข้าถงึ แบง่ ปัน และใชป้ ระโยชน์ได้อยา่ งเหมาะสมและสะดวก รวมท้ังนาองค์ความรู้ ในแบบสหสาขาวชิ าเข้ามาประยุกต์ใช้ เพ่ือสร้างคุณค่าและแนวทางปฏิบตั ิ ท่เี ปน็ เลิศในการตอบสนองกับสถานการณต์ ่างๆ ได้อยา่ งทนั เวลา (๗) มีการจัดการความร้แู ละถ่ายทอดความรู้อย่างเปน็ ระบบเพ่ือพัฒนาภาครัฐ ใหเ้ ปน็ องค์กรแหง่ การเรยี นรู้การเสริมสรา้ งการรบั รู้ สรา้ งความเข้าใจ การพัฒนาวฒั นธรรมองค์กร เพอื่ ส่งเสรมิ การพฒั นาระบบบริการและการบรหิ าร จดั การภาครัฐอย่างเต็มศกั ยภาพ ๑-
แผนย่อย แนวทางพฒั นา (๓) ปรับเปลยี่ นรูปแบบการจัดโครงสร้างองค์การและออกแบบ ระบบการบรหิ ารงานใหม่ ให้มีความยดื หยุ่น คล่องตัว กระชับ ทันสมยั (๕) การสร้างและพัฒนา (๑) ปรับปรุงกลไกในการกาหนดเป้าหมายและนโยบายกาลังคน บุคลากรภาครัฐ ในภาครฐั ให้มีมาตรฐานและเกิดผลในทางปฏบิ ัติได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ (๒) เสริมสร้างความเข้มแข็งในการบริหารงานบุคคลในภาครัฐ ใหเ้ ปน็ ไปตามระบบคุณธรรมอยา่ งแท้จริง -๒๒-
ลักษณะงาน/ส่ิงทตี่ ้องทํา บ (๘) ปรับเปล่ียนรูปแบบการจัดโครงสร้างองค์การและออกแบบระบบการ บรหิ ารงานใหม่ ใหม้ ีความยืดหยุ่น คล่องตวั กระชับ ทนั สมัย (๙) วางกฎระเบียบได้เองอย่างเหมาะสมตามสถานการณท์ ี่เปล่ียนแปลงไป (๑๐) ทางานแบบบูรณาการไร้รอยต่อและเชื่อมโยงเปน็ เครือข่ายกับทุกภาคส่วน ท้งั นี้ เพอ่ื มุ่งไปสคู่ วามเปน็ องค์การที่มขี ีดสมรรถนะสูงสามารถปฏบิ ัตงิ านและมี ผลสัมฤทธ์ิเทียบไดก้ ับมาตรฐานระดับสากล (๑๑) มีความเป็นสานักงานสมัยใหม่ ใชป้ ระโยชนจ์ ากข้อมลู ขนาดใหญ่เพื่อวเิ คราะหค์ าดการณล์ ว่ งหน้า (๑๒) ทางานในเชิงรุก สามารถนาเทคโนโลยอี ันทันสมัยเข้ามาประยกุ ต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธภิ าพและสรา้ งคุณค่าในการทางาน น (๑) ปรบั ปรงุ กลไกในการกาหนดเป้าหมายและนโยบายกาลังคนในภาครฐั ใหม้ ี มาตรฐานและเกิดผลในทางปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ (๒) ปรบั ปรงุ เปลีย่ นแปลงกลไกการวางแผนกาลังคน รปู แบบการจ้างงาน การสรร หา การคัดเลอื ก การแต่งตั้ง เพื่อเอื้อให้เกดิ การหมนุ เวยี น ถ่ายเทแลกเปลี่ยน และโยกย้ายบุคลากรคุณภาพในหลากหลายระดบั ระหวา่ งภาคสว่ นตา่ ง ๆ ของ ประเทศได้อยา่ งคล่องตวั (๓) สรรหาและคดั เลอื กบุคคลท่ีมีความรคู้ วามสามารถ มีคุณธรรมจรยิ ธรรม และจติ สานกึ สาธารณะ (๔) มรี ะบบบริหารจัดการและพฒั นาบุคลากรใหส้ ามารถสนองความต้องการ ในการปฏิบตั ิงาน มีความก้าวหนา้ ในอาชีพ สามารถจูงใจให้คนดคี นเก่งทางาน ในภาครฐั (๕) ประเมนิ ผลและเล่ือนระดับตาแหน่งของบุคลากรภาครัฐตามผลสมั ฤทธ์ิ ๒-
แผนย่อย แนวทางพัฒนา (๓) พัฒนาบุคลากรภาครฐั ทกุ ประเภทให้มีความรู้ความสามารถ มีทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ์ ละการปรบั ตัวใหท้ ันต่อการ เปล่ยี นแปลง -๒๓-
ลักษณะงาน/สิ่งท่ตี ้องทาํ ของงานและพฤติกรรมในการปฏิบตั งิ าน โดยมีกลไกการปอ้ งกันการแทรกแซง และการใช้ดลุ ยพนิ จิ โดยมิชอบ (๖) สร้างความก้าวหนา้ ให้กับบคุ ลากรภาครฐั ตามความรู้ความสามารถ และศกั ยภาพในการปฏบิ ตั งิ าน (๗) สร้างกลไกใหบ้ ุคลากรภาครฐั สามารถโยกย้ายและหมุนเวยี นได้อยา่ ง คล่องตวั เพื่อประโยชน์ของภาครฐั (๘) พฒั นาระบบการจา้ งงานบุคลากรภาครัฐทุกประเภทใหม้ ีรปู แบบ ที่หลากหลายเหมาะสมกบั ภารกิจในรูปตา่ งทบทวนและปรับเปล่ยี นระบบ ค่าตอบแทนท่เี ป็นธรรมมีมาตรฐาน เหมาะสมสอดคล้องกับภาระงาน โดยปรบั ปรุงวธิ กี ารกาหนดและพิจารณาค่าตอบแทนและสทิ ธปิ ระโยชน์ ของบคุ ลากรภาครฐั ให้มีมาตรฐาน เหมาะสมกับลักษณะงานและภารกจิ รวมถึง สามารถเทียบเคยี งกับตลาดการจ้างงานไดอ้ ย่างสมเหตุสมผล โดยไม่ใหเ้ กิด ความเหลอื่ มล้าของค่าตอบแทนและสิทธปิ ระโยชน์ต่าง ๆ ระหวา่ งบคุ ลากร ของรัฐ ถสูง (๙) มีระบบการพฒั นาขีดความสามารถบุคลากรภาครฐั ใหม้ ีสมรรถนะใหม่ๆ ทกั ษะการใชภ้ าษาองั กฤษและภาษาทสี่ าม ทักษะด้านดจิ ทิ ลั มีทัศนคติและ กรอบความคิดในการทางานเพื่อให้บริการประชาชนและอานวยความสะดวก ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมเพ่ือประโยชนข์ องการพัฒนาประเทศ (๑๐) มีการเสรมิ สร้างคุณธรรมและจรยิ ธรรม การปรบั เปล่ยี นแนวคิดใหก้ าร ปฏิบตั ิราชการเปน็ มืออาชีพ มีจิตบรกิ าร ทางานในเชิงรกุ และมองไปขา้ งหน้า สามารถบรู ณาการการทางานร่วมกบั ภาคส่วนอืน่ ได้อยา่ งเป็นรปู ธรรม และมี สานกึ ในการปฏบิ ัติงานดว้ ยความรับผดิ รับชอบและความสุจริต ปฏิบัตงิ านตาม ๓-
แผนย่อย แนวทางพัฒนา (๔) สร้างผ้นู าทางยทุ ธศาสตร์ในหน่วยงานภาครฐั ทุกระดบั อยา่ ต่อเน่ืองและเปน็ ระบบเพื่อให้ผ้นู าและผบู้ รหิ ารภาครัฐมีความค เชงิ กลยทุ ธ์ มีความเขา้ ใจสภาพเศรษฐกจิ สงั คม และวัฒนธรรม ระดบั ทอ้ งถน่ิ ระดับประเทศ ระดับภมู ิภาค และระดบั โลก -๒๔-
ลักษณะงาน/สิ่งท่ตี ้องทํา หลกั การและหลักวิชาชีพด้วยความเป็นธรรมและเสมอภาค กลา้ ยนื หยดั ในการ กระทาที่ถูกต้อง คานึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าประโยชนข์ องส่วนตน (๑๑) ส่งเสริมให้มกี ารคมุ้ ครองและปกป้องบุคลากรภาครฐั ที่กลา้ ยดื หยัดในการ กระทาท่ีถูกต้องและมีพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ิงานตามจริยธรรมและจรรยาบรรณ วิชาชีพ าง (๑๒) สร้างผ้นู าทางยทุ ธศาสตร์ในหน่วยงานภาครฐั ทุกระดับอย่างต่อเนอื่ ง คดิ และเป็นระบบ มทั้ง ๔-
จากการวเิ คราะหแ์ นวทางและลกั ษณะงานดังกลา่ ขา้ งตน้ สรุปรายละเอียดดงั นี้ ๑ : แนวทางการพัฒนาการเป็นระบบราชการ ๔.๐ จาก PMQA Flame Work (PMQA ๔๐) ประกอบด้วย ๘ องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบ (๑) การให้ความร่วมมือ (Collaboration) องค์ประกอบ (๒) นวัตกรรม (Innovation) องค์ประกอบ(๓) ความเป็นดิจิทัล (Digitalization) องค์ประกอบ (๔) ผู้รับบริการ (Customer) องค์ประกอบ (๕) กระบวนการ (Process) องค์ประกอบ (๖) บุคลากร (People) องค์ประกอบ (๗) ผู้นา (Leadership) และองค์ประกอบ (๘) ผลลัพธ์(Results) พบว่ามีแนวทางการพัฒนาการเป็นระบบ ราชการ ๔.๐ให้บรรลุเป้าหมายของแผนย่อยตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็น (๒๐) การบริการ ประชาชนและประสทิ ธิภาพภาครฐั และเป้าหมายตามยุทธศาสตรช์ าติจานวนทั้งสิน้ ๒๕ แนวทาง ๒ : ลักษณะงานจากแนวทางพัฒนาของแผนย่อยตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น(๒๐) การบริการประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐ ประกอบด้วย ๕ แผนย่อย มีแนวทางพัฒนา จํานวน ๑๕ แนวทาง และมีลักษณะงานที่ต้องทําจากแนวทางพัฒนารวมท้ังสิ้น ๕๐ ลักษณะงานโดยมี รายละเอียดดังน้ี แผนย่อย (๑) การพัฒนาบริการประชาชน: ประกอบด้วย ๓ แนวทางพัฒนา มีลักษณะงาน ท่ีต้องดาเนินการจานวน ๔ ลักษณะงาน แผนย่อย (๒) การบริหารจัดการการเงินการคลัง ประกอบด้วย ๕ แนวทางพัฒนา มีลักษณะงานท่ีต้องดาเนินการจานวน ๑๓ ลักษณะงาน แผนย่อย (๓) การปรับสมดุลภาครัฐ ประกอบด้วย ๒ แนวทางพัฒนา มีลักษณะงานท่ีต้องดาเนินการจานวน ๙ ลักษณะงาน แผนย่อย (๔)การพัฒนา ระบบบริหารงานภาครัฐ ประกอบด้วย ๓ แนวทางพัฒนา มีลักษณะงานที่ต้องดาเนินการจานวน ๑๒ ลักษณะ งาน และแผนย่อย (๕) การสรา้ งและการพฒั นาบุคคลากรภาครฐั ประกอบด้วย ๒ แนวทางพัฒนา มีลักษณะงาน ทต่ี ้องดาเนินการจานวน ๑๒ ลกั ษณะงาน ๕. วเิ คราะห์ความเช่ือมโยงของโครงการที่สําคัญตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ ๔.๐ (พ.ศ. 2564-2565) ของกระทรวงศึกษาธิการต่อแผนย่อยตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเดน็ (๒๐) การบรกิ ารประชาชนและประสทิ ธิภาพภาครัฐ โดยยึดหลักคิดและเครื่องมือการวิเคราะห์ปัจจัย สู่ความสาเร็จท่ีสาคัญ (Critical Key Success Factor) ท่ีทาให้เกิดการบรรลุเป้าหมายของแผนย่อย ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ประเด็น (๒๐) การบริการประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐ เป้าหมาย ตามยทุ ธศาสตร์ชาติ ปรากฏรายละเอยี ดดังนี้ -25-
ตารางที่ ๓ การวิเคราะหค์ วามเชื่อมโยงโครงการท่ีสาคญั ตามแผนยทุ ธศาสตร์การพัฒนาระบบราช ประเด็น (๒๐) การบรกิ ารประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐและยุทธศาสตร์ชาติ แผนย่อย ยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ ดา้ นกา ทางสัง ด้านความมั่นคง ด้านการสรา้ งความสามารถในการแข่งขนั เปา้ หม เป้าหมาย : ๒.๑ เป้าหมาย : ๒.๑ และ ๒.๒ แผนแม่บทภายใต้ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเดน็ ยุทธศาสตร์ชาติ เป้าหมาย : ๑) บริการของรัฐมปี ระสิทธภิ าพ ตัวชี้วัด : ระดับความพึงพอใจในคุณภาพกา ค่าเปา้ หมาย : ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๘๕ (ปี ๒ แผนย่อยที่ (๑) : การพฒั นาบรกิ ารประชาช เปา้ หมาย : งานบริการภาครฐั ทีป่ รบั เปล่ยี น ตัวชี้วดั : สัดสว่ นความสาเรจ็ ของกระบวนง คา่ เป้าหมาย : ร้อยละ ๑๐๐ -26-
าชการ ๔.๐ ของกระทรวงศกึ ษาธิการตอ่ แผนย่อยตามแผนแม่บทภายใตย้ ุทธศาสตร์ชาติ ยท่ี ๑ : การพฒั นาบริการประชาชน ยุทธศาสตร์ชาติ ยทุ ธศาสตร์ชาติ ารสร้างโอกาสและความเสมอภาค ดา้ นการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการ งคม บริหารจดั การภาครฐั มาย : ๒.๑ และ ๒.๓ เปา้ หมาย : ๒.๑ และ ๒.๓ น (๒๐) การบริการประชาชนและประสทิ ธิภาพภาครฐั พและมคี ุณภาพเปน็ ทย่ี อมรับของผู้ใช้บริการ ารให้บริการของภาครัฐ ๒๕๖๑ – ๒๕๖๕) ชน นเป็นดจิ ทิ ัลเพ่ิมขึ้น งานท่ีได้รบั การปรับเปลีย่ นให้เปน็ ดจิ ทิ ลั 6-
แผนย่อย เป้าหมาย แนวทางพัฒนา ห (๑) การพัฒนาบริการ งานบริการภาครัฐ ๑) พฒั นารปู แบบบริการ ( ประชาชน ทีป่ รบั เปลย่ี นเปน็ ดิจทิ ัล ภาครัฐเพ่ืออานวยความ ๑) ร เพม่ิ ขน้ึ สะดวกในการใหบ้ ริการ ประชาชน ๒) บ โปร ๒) พฒั นาการใหบ้ ริการ ภาครัฐผา่ นการนา ๓) บ เทคโนโลยดี ิจทิ ลั ๔) ค มาประยุกต์ใช้ ผู้มีส ของ ๓) ปรับวธิ กี ารทางาน จาก“การทางาน ตามภารกจิ ที่กฎหมาย กาหนด” เป็น “การใหบ้ ริการ ทีใ่ หค้ วามสาคัญกบั ผรู้ ับบริการ” -27-
ปัจจัยความสําเรจ็ (Key Success Factor) ส่งิ ทีต่ ้องทาํ เพ่ือให้เกดิ การบรรลุเปา้ หมาย หรอื ปัจจัยสู่ความสําเร็จที่สําคญั ตามแผนย่อย ท่ที าํ ใหเ้ กดิ การบรรลเุ ป้าหมาย (Critical Key Success Factor) รปู แบบการใหบ้ ริการแบบเบ็ดเสรจ็ ๑) ออกแบบบริการใหม้ ีความสะดวก โดยเช่อื มโยงกับหลายหน่วยงานแบบเบ็ดเสร็จ ครบวงจร และหลากหลายรปู แบบตาม ความต้องการของผู้รบั บริการ บริการทม่ี ีความปลอดภัย สร้างสรรค์ ๒) พฒั นาการใหบ้ ริการหน่วยงานให้เปน็ ไป ร่งใส และมีธรรมาภิบาล อยา่ งปลอดภยั สร้างสรรค์ โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล บริการด้วยระบบดจิ ิทัล ๓) พฒั นาบริการภาครฐั ให้เป็นระบบดิจทิ ลั ความคิดเห็นของผู้รับบริการและ ท้งั หมดเชือ่ มโยงและบรู ณาการปฏิบตั ิงาน สว่ นไดส้ ว่ นเสยี ทม่ี ีตอ่ การให้บรกิ าร ของหน่วยงานภาครฐั เข้าดว้ ยกนั เสมือน งหน่วยงาน เปน็ องค์กรเดียว ๔) เปดิ โอกาสให้เสนอความเห็นต่อการ ดาเนนิ งานของภาครัฐได้อย่างสะดวก ทนั สถานการณ์ 7-
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146