Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน 2561

เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน 2561

Published by Bunchana Lomsiriudom, 2020-06-30 10:31:32

Description: เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน 2561

Keywords: เรื่องน่ารู้,ครูนกฮูก,กศน,เขตหนองแขม,กศน.เขตหนองแขม

Search

Read the Text Version

เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน เขตหนองแขม เรื่องท่ี 163 เมื่อวานไดด้ ูทีมชาติญุ่ปนแข่ง สังเกตุกนั ไหมครับวา่ ตราสมาคมฟุตบอลญ่ีป่ ุน ใชอ้ ีกาเป็ นสัญลกั ษณ์ แลว้ ทาไม ถึงใชอ้ ีกา เพราะคนญ่ึป่ ุนเชื่อกนั วา่ อีกาสามขา เป็ นนกประจาองค์ อะมะเตะระสุ เทพีแห่งดวง อาทิตย์ ในนิฮงโชะกิ อนั เป็ นพงศาวดารญ่ีป่ ุน ได้ บนั ทึกว่า จกั รพรรดิจิมมุ ซ่ึงทรงเป็ นปฐมจกั รพรรดิ แห่งญี่ป่ ุน เม่ือคร้ังยงั ทรงเป็ นนักรบธรรมดา เมื่อ พระองคร์ บแพ้ นะงะซุเนะฮิโกะ พระองคต์ ระหนกั วา่ การท่ีพระองคแ์ ละพรรคพวกรบแพ้ เพราะเป็ นการ รบท่ีหันหน้าไปทางทิศตะวนั ออกซ่ึงเข้าหาดวง อาทิตย์ ดังน้ันแล้ว พระองค์จึงตดั สินใจยา้ ยมาอยู่ ทางด้านตะวนั ออกของคาบสมุทรกิอิ เพ่ือที่จะรบไปทางทิศตะวนั ตก ท้งั น้ีเป็ นการช้ีนาโดย อีกาสามขา ชาวญี่ป่ ุนจึงถือว่าอีกาสามขาเป็ นนกศกั ด์ิสิทธ์ิ ด้วยเป็ นผทู้ ี่ทาให้ญ่ีป่ ุนได้สร้างชาติข้ึนมา จนถึงปัจจุบนั น้ี อีกาสามขายงั ไดป้ รากฏอยใู้ นสญั ลกั ษณ์หลายประการของญ่ีป่ ุน อาทิ ฟุตบอลทีมชาติญี่ป่ ุน เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน เขตหนองแขม เร่ืองที่ 164 ทาไมเวลา เราฟังการพากยบ์ อล ท่ีชนะกนั 2 -0 ผบู้ รรยายจะพากวา่ Two - new ทาไมถึงใชค้ าว่า นิว แทนศูนย์ จริงๆแล้ว นิวคาน้ีมาจากคาว่า Nil (นิล) ท่ีแปลว่าว่างเปล่า Zero = เป็ นคานาม แปลว่า ' เลขศูนย์ ' เป็ นจานวนนับ และ คาคุณศพั ท์ แปลวา่ ' ซ่ึงมีค่าเป็ นศูนย์ ' Null = เป็ น คาคุณศพั ทเ์ ท่าน้นั แปลวา่ ' ว่างเปล่า ' ไม่มีค่า เป็ นความไม่มีค่า ไม่มีจานวน Zero ใช้ใน ความหมายบอกจานวน ที่มีการติดลบได้ ดว้ ย เช่น zero temperature = อุณหภูมิ ศูนย์ องศา แต่ Nill ถา้ ใชใ้ นความหมายบอกจานวน ท่ีมีการติดลบ ไม่ได้ เพราะมนั แปลได้ว่า มี หรือ ไม่มี เท่าน้นั เช่น null temperature = ไม่มีอุณหถูมิ หรือ วดั ค่าไม่ได้ ประมาณน้ีครับ ในทางตวั เลข ถา้ อ่าน 2-0 => อ่านวา่ two - zero ก็หมายความว่า เลข 2 ต่อ เลข ศูนย์ แต่ ในทางตวั เลข 2-0 => อ่านวา่ two - nil ก็หมายความวา่ 2 ประตู ต่อ ไร้สกอร์ คนไทยจะคุน้ กบั แบบแรกครับ ไม่คุน้ กบั ประโยคแบบที่ 2 เพราะ คนไทยเราไม่ใช้ความหมายแบบที่ 2 น้ี ในทางบอกจานวนตวั เลขของ ภาษาเรา

เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน เขตหนองแขม เรื่องท่ี 165 ทีมชาติ รัสเซีย มีโลโกส้ มาคมฟุตบอล เป็ นรูปอินทรีสองหัว ซ่ึงถา้ เป็ นคน ไทย คงไม่ชอบ เพราะจะถูกด่าวา่ เป้ ฯนกสองหัว แลว้ อินทรีสองหวั ของรัสเซีย น้นั มีความหมายอยา่ งไร โดยนกอินทรีสองหวั เป็ นตรา แผ่นดินของรัสเซีย ซ่ึงประกอบดว้ ยรูปนกอินทรีสองเศียรซ่ึงเป็ น สญั ลกั ษณ์อยา่ งหน่ึงของรัสเซีย อินทรีสองหวั มีความหมายแสดงถึง ความกวา้ งใหญข่ องประเทศรัสเซีย โดยแตล่ ะหวั หนั ไปทางซา้ ยและ ขวา หมายถึงการดูแลดินแดนของรัสเซียท้งั ทางฝ่ังตะวนั ตกและฝ่ัง ตะวนั ออก และส่วนไมค้ ทาหมายถึงอานาจ ส่วนลูกโลกประดับ กางเขนหมายถึงนิติบญั ญตั ิ ตราแผ่นดินน้ีมีตน้ แบบสืบเน่ืองมาจากตราแผ่นดินในช่วงตน้ ของจกั รวรรดิ รัสเซีย ซ่ึงรัสเซียรับตราสัญลกั ษณ์น้ีมาจากจกั รวรรด์ิไบเซนไทน์ อีกต่อหน่ึง เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน เขตหนองแขม เรื่องที่ 166 ในช่วงฟุตบอลโลก เราคงเห็นแลนด์มารค์ของ ประเทศรัสเซีย นน่ั คือมหาวิหารเซนท์บาเซิล วนั น้ีเลยอยากเล่าที่มาของมหาวิหารแห่งน้ีครับ วหิ ารแห่งน้ีมี คาส่ังใหส้ ร้างข้ึนในยุคของซาร์อีวานที่ 4 (อีวานจอมโหด) แห่งรัสเซีย หรือท่ีไดฉ้ ายาวา่ ซาร์อีวานจอมโหด เพื่อฉลองชยั ชนะเหนือกองกาลงั มองโกลที่เมืองคาซาน เมื่อปี ค.ศ. 1552 (พ.ศ. 2095) จึงไดเ้ ริ่มสร้างวหิ าร แห่งน้ีข้ึนในปี ค.ศ. 1555 (พ.ศ. 2098) วิหารแห่งน้ีถูกสร้างให้เป็ นโดม 8 ส่วน อยรู่ อบโดมท่ี 9 ซ่ึงเป็ น ศูนยก์ ลาง มีลกั ษณะเป็ นโดมทรงหัวหอมที่สีสันลวดลายท่ีซับซ้อนแตกต่างกันออกไป ภาพรวมวิหารมี ลักษณะเป็ นรู ปคล้ายแท่งเทียน ท่ีมีเปลวเพลิงส่ องแสงอยู่บนปลาย เพ่ือบูชาพระผู้เป็ นเจ้า สถาปนิกผอู้ อกแบบวิหารแห่งน้ีช่ือวา่ ปอสตน์ ิค ยาคอฟเลฟ (Postnik Yakovlev) อยา่ งไรก็ดี เม่ือเขาสร้าง วหิ ารแห่งน้ีเสร็จ เขาถูกซาร์อีวานจอมโหด สั่งให้ควกั ลูกตาออก เพื่อที่จะไม่สามารถไปออกแบบสถานที่ใด ใหง้ ดงามไดเ้ ช่นน้ีอีก สาหรับช่ือของวิหารแห่งน้ี เดิม ทีมีช่ือวา่ มหาวิหารแห่งการอธิษฐานของพระแม่มารี ก่อนจะถูกเรียกชื่อตามนกั บุญเซนตบ์ าซิล หรือแต่เดิม ท่ีช่ือว่า วาซีลี เบลเซนนี ผูท้ ่ีมีบทบาทต่อวฒั นธรรม รัสเซียมานานกว่าหลายศตวรรษ โดยเป็ นท่ีรู้จกั ว่ามี พรสวรรค์ด้านการพยากรณ์ทานายโชคชะตา เขา สามารถทานายเรื่องราวความตายและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในอดีตไดอ้ ยา่ งแม่นยา อีกท้งั ยงั เป็ นหน่ึงใน ไม่ก่ีคนที่สามารถกล่าวตกั เตือนซาร์อีวานจอมโหดถึงพฤติกรรมของเขาได้ ก่อนเขาจะเสียชีวิตในวนั ท่ี 15 สิงหาคม ค.ศ. 1557 (พ.ศ. 2100) ร่างของเขาไดถ้ ูกฝังไวใ้ กลก้ บั วหิ ารในช่วงท่ีทาการก่อสร้าง หลงั จากน้นั เขา กไ็ ดร้ ับการยกฐานะใหเ้ ป็นนกั บุญ มีความศกั ด์ิสิทธ์ิ ผคู้ นพากนั สวดมนตท์ ี่หลุมฝังศพของเขา จนเกิดเป็ นวลี ที่วา่ \"สวดภาวนา ณ มหาวหิ ารเซนตบ์ าซิล\" ช่ือวหิ ารดงั กล่าวน้ีจึงเป็นที่นิยมมากกวา่

เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 167 วนั น้ีดูบอลก็สงสัยวา่ ทาไม เรียกบราซิลกบั เม็กซิโกวา่ ลาตินอเมริกา แลว้ ลาตินกบั ละตินต่างกนั อยา่ งไร ลาติน กบั ละติน ท่านผอู้ ่านเคยสงสัยหรือไม่ครับ วา่ คาวา่ “ลาติน” กบั “ละติน” ใช้แตกต่างกนั อย่างไร สารานุกรมไทย ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน เล่มท่ี 25 ได้ให้ คาอธิบายและการใช้คาท้งั 2 คาไว้ ดังน้ี“ละติน” (Latin) หมายถึง ชาวละติน ภาษาละตินหรื อจารี ต ละติน ก็ได้ ชาวละติน ไดแ้ ก่ ชาวเผา่ อารยนั ท่ีอาศยั อยู่ แถบกลางคาบสมุทรอิตาลี เดิมเรียกว่า แควน้ ละติน ภาษาละติน คือ ภาษาท่ีชาวละตินใชม้ าแต่เดิม ซ่ึงต่อมา ได้รับการยอมรับให้เป็ นภาษาราชการของมหา อาณาจกั รโรมัน จึงกลายเป็ นภาษาวรรณคดี ภาษา วชิ าการและภาษาศาสนาของมหาอาณาจกั รโรมนั ส่วนคาวา่ จารีตละติน น้นั ศาสนาคริสตต์ อนตน้ ยุคกลาง จดั แบ่งตามภาษาศาสนาท่ีใช้เรียกว่า จารีต น่ันคือ กลุ่มท่ีใช้ภาษาหน่ึงประกอบพิธีทางศาสนา เช่น จารีต ละติน จารีตกรีก คาวา่ “ลาติน” ใช้กบั คาวา่ “ลาตินอเมริกา” (Latin America) คือ ประเทศท้งั หลายที่อยใู่ น เขตอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ซ่ึงใช้ภาษาสเปนหรือโปรตุเกสเป็ นภาษาราชการ เหตุท่ีเรียกว่า ลาติน ก็ เพราะวา่ ภาษาท้งั 2 เป็ นภาษาที่เพ้ียนมาจากภาษาละตินแห่งยุคกลางของคริสตจกั รคาทอลิก เดิมชาวสเปน และชาวโปรตุเกสเป็ นอนารยชนที่รุกรานยโุ รป นบั ถือศาสนาคริสต์ ซ่ึงใชภ้ าษาละตินเป็ นภาษาศาสนาและ วชิ าการ ช้นั แรกภาษาละตินมีอิทธิพลต่อภาษาพ้ืนเมืองอยา่ งมาก ต่อมาค่อย ๆ เพ้ียนไปตามแต่ละทอ้ งถิ่นจน กลายเป็ นภาษาประจาถ่ิน ซ่ึงถือไดว้ ่าเป็ นภาษาลูกของภาษาละติน เมื่อสเปนและโปรตุเกสไปยึดครอง ดินแดนในทวีปใหม่ก็นาภาษาของตนไปใช้ด้วย และเรียกผูใ้ ช้ภาษาสเปนและโปรตุเกสในทวีปอเมริกา รวมกนั ว่า “ชาวลาตินอเมริกา” คือพวกที่พูดภาษาท่ีแตกลูกมาจากภาษาละติน เฉพาะคาน้ีในภาษาไทยใช้ “ลาตินอเมริกา” จนกลายเป็ นคาบญั ญตั ิไปโดยปริยาย แทนท่ีจะใช้คา “ละติน” ให้สอดคลอ้ งกบั “ภาษา ละติน”. เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 168 เมื่อวานทีมชาติองั กฤษ เพ่ิงไดช้ ยั ชนะไป แต่มีใครสังเกตุไหมครับวา่ ตามของทีมชาติองั กฤษ ทาไม ถึง เป็นสิงโต 3 ตวั ท้งั ๆท่ีทว่ั ไปมกั ใชส้ ัญลกั ษณ์ เป็ นสัตวต์ วั เดียว สาเหตุทีี่องั กฤษ ใชส้ ัญลกั ษณ์ เป็นสิงโต 3 ตวั โดยท่ีองั กฤษใชธ้ งตราสิงโตเปนคร้ังแรกในสมยั วิ ลเลี่ยมแห่งนอร์มงั ดี หรือ \"วิลเลี่ยม ผพู้ ิชิต\" (William the conqueror) โดยตรา สิงโตของวลิ เล่ียมแตเ่ ดิมน้นั เป็นตราสิงโตคู่ครับ ต่อมาเมื่อมาถึงแผน่ ดินกษตั ริย์ เฮนร่ีท่ี 2 (Henry II) ก็เปล่ียนเปนตราสิงโตยืนผงาดตวั เดียวครับ และเม่ือมาถึง แผน่ ดินกษตั ริยร์ ิชาร์ดที่ 1 (Richard I) หรือ \"ริชาร์ดใจสิงห์\"น้นั ก็ทรงเปลี่ยนเปนตราสิงโตผงาดคู่อีกคร้ัง ครับ แต่ หลงั จากน้นั อีกไมน่ าน พระองคก์ เ็ ปล่ียนใจ แกต้ ราแผน่ ดินใหม่ กลายเปนรูปสิงโตสามตวั อยา่ งท่ีเรา

คุน้ ตากนั นนั่ ล่ะครับ และนบั แต่น้นั มา ราชวงศอ์ งั กฤษก็ใชต้ ราสิงโตสามตวั มาโดยตลอด จนกระทง่ั ในสมยั พระนางเจา้ วคิ ตอเรีย กท็ รงประกาศอนุญาตใหบ้ รรดาสมาคมเอกชนท้งั หลายในองั กฤษนาตราแผน่ ดินไปใช้ ในองค์กรได้ จึงเปนเหตุให้เรารู้จกั ว่าแผน่ ดินองั กฤษคือแผน่ ดินสิงโตคารามมานบั ต้งั แต่น้นั คาถามต่อมา ทาไม องั กฤษถึงเลือกใชส้ ิงโต กเ็ นื่องมาจาก ตามคมั ภีร์โตราของศาสนายิว กล่าววา่ สิงโตเป็ นสัญลกั ษณ์ของ ชนเผา่ ยิว ซ่ึงเป็ นกลุ่มชาติพนั ธุ์ของพระเยซู ต่อมาในคมั ภีร์พนั ธสัญญาใหม่ของศาสนาคริสต์ เม่ือมีการยก ยอ่ งใหพ้ ระเยซูเป็นกษตั ริยข์ องชาวยวิ ก็มีการแทนพระองคด์ ว้ ยสญั ลกั ษณ์ของ “สิงโตแห่งยดู าห์” ซ่ึงองั กฤษ ไดย้ อมรับนบั ถือศาสนาคริสต์ เลยใชส้ ิงโตเป็ นสญั ลกั ษณ์ดว้ ยครับ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 169 ในศึกฟุตบอลโลกคร้ังน้ี มีหลายประเทศใชธ้ งชาติ ใน รูปแบบใกลเ้ คียงกนั โดยเฉพราะประเทศกลุ่มนอร์ดิก ซ่ึงประกอบดว้ ย สวีเดน เดนมาร์ค ไอซ์แลนด์ทราบ ไหมครับวา่ ทาไม ชาติเหล่าน้ีถึงใชธ้ งชาติในรูปแบบใกลเ้ คียงกนั โดยเครื่องหมายบวกท่ีเห็นในธงชาติกลุ่ม นอร์ดิก คือ Nordic Cross หรือ Scandinavian Cross มีความหมายถึง \"คริสตจ์ กั ร์\" (ไมก้ างเขน) ใชใ้ นกลุ่ม ประเทศ Nordic หรื อ Scandinavian ยกเวน้ ประเทศ Greenland โดยประเทศแรกท่ี เร่ิมนามาใชค้ ือ Denmark ต่อมา Sweden, Norway, Finland และ Iceland ก็ได้นามาใช้เป็ น แม่แบบ โดยประเทศ Norway เป็ นประเทศแรกที่ใช้ Nordic Cross แบบ 3 สี แลว้ ทาไม เดน มาร์ค ถึงนาธงชาติลกั ษณะน้ีมา ใชเ้ ป็นชาติแรก ธงชาติเดนมาร์ก หรือ \"ธงแดนเนอบรอก\" เป็ นธงสีแดง และมีกางเขนในแนวนอนสีขาวอยู่ ตรงกลาง เป็ นตวั แทนของศาสนาคริสต์ มีตานานเล่าวา่ ในการรบ ณ บริเวณใกลเ้ มืองลินดนั นิสเซ (ปัจจุบนั คือเมืองทาลลินน์) ในประเทศเอสโตเนีย เดนมาร์คกาลงั เสียเปรียบ ขวญั กาลงั ใจของทหารกาลงั ถดถอย ไดม้ ี บาทหลวงชาวเดนมาร์คคนหน่ึงยนื ดูการสู้รบอยู่บนเนินเขา ไดภ้ าวนาต่อพระเจา้ ซ่ึงบาทหลวงภาวนามาก เทา่ ไร ชาวเดนมาร์กก็ยงิ่ เขา้ ใกลช้ ยั ชนะมากข้ึนเทา่ น้นั และเม่ือชาวเดนมาร์คจวนจะไดช้ ยั ชนะ ธงแดนเนอบ รอกก็ไดป้ ลิวลงมาจากฟ้ า และกษตั ริยเ์ ดนมาร์คไดร้ ับผนื ธงน้นั ไวพ้ ร้อมท้งั ชูผืนธงให้กองทหารท้งั หมดได้ เห็น กองทพั เดนมาร์กจึงเกิดขวญั กาลงั ใจข้ึนมาและสามารถเอาชยั จากการต่อสู้คร้ังน้นั ไดใ้ นท่ีสุด ตานานยงั ไดก้ ล่าวอา้ งวา่ ธงแดนเนอบรอกเป็นส่ิงที่พระเป็นเจา้ ไดป้ ระทานแก่ชาวเดนมาร์ค และนบั จากวนั น้นั เป็ นตน้ มา ธงน้ีจึงไดก้ ลายเป็นธงประจาชาติและธงของกษตั ริยแ์ ห่งเดนมาร์กมาโดยตลอด

เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 170 วนั น้ีไดไ้ ปประชุมแถวหวั ลาโพง เลยมีเร่ืองอยากเล่า ให้ฟังครับ เชื่อไหมครับวา่ สถานีรถไฟตรงสีแยกหวั ลาโพง จริงๆ แลว้ ไม่ไดม้ ีช่ือเรียกว่าสถานีหวั ลาโพง โดยหลายต่อหลายคร้ังที่เราเดินทางดว้ ยรถไฟจะมีการประกาศเสียงตามสายหรือป้ ายขา้ งรถสถานีหน่ึงว่า \"สถานีกรุงเทพ\" แต่เราก็มกั จะเคยชินวา่ สถานีกรุงเทพคือ \"สถานีหวั ลาโพง\" ตามท่ีเขาเรียกกนั มาแต่รุ่นพ่อ รุ่นแม่ แต่จริงๆ แลว้ สถานีรถไฟกรุงเทพ กบั สถานีรถไฟหัวลาโพง เป็ นคนละสถานีกนั ผบู้ ริหารก็ไม่ใช่ หน่วยเดียวกนั และเป็ นรถไฟคนละเส้นทางกนั สังเกตกนั ไหมครับวา่ เวลาจะนง่ั รถไฟไปไหนมาไหน ป้ าย จะเขียนวา่ \"กรุงเทพ-เชียงใหม่\" ไม่ใช่ หวั ลาโพง-เชียงใหม่ โดยในอดีต ณ ทอ้ งทุ่งหวั ลาโพง มีสถานีรถไฟ อยู่ 2 สถานี ในละแวกเดียวกนั ห่างกนั เพียงแค่ขา้ มถนน สถานีรถไฟกรุงเทพ เป็ นสถานีรถไฟหลกั ของ ประเทศไทย เดิมเป็นอาคารไม้ อยเู่ ย้อื งๆ กบั โรงเรียนสายปัญญา ก่อนที่จะสร้างอาคารใหม่ในปลายรัชกาลที่ 5 เพื่อรองรับการเดินรถท่ีมากข้ึน จนสาเร็จในตน้ รัชกาลที่ 6 เป็ นอาคารทรงโคง้ คร่ึงวงกลมแบบศิลปะอิตา เลียน เรเนสซองส์ ออกแบบโดย มิสเตอร์ มาริโอ ตามนั โญ ชาวอิตาลี สถาปนิกสยามผูอ้ อกแบบพระท่ีนง่ั อนนั ตสมาคม และอ่ืนๆ อาคารปัจจุบนั ที่เราเห็นน้นั เปิ ดใชใ้ นเดือนมิถุนายน 2459 และยกเลิกอาคารไมห้ ลงั เดิมท่ีคบั แคบ สถานีรถไฟหวั ลาโพง เป็ นสถานีรถไฟเอกชนสายปากน้า ซ่ึงดาเนินกิจการก่อนกรมรถไฟ หลวง เรียกง่ายๆ คือเกิดก่อนสถานีกรุงเทพนนั่ เอง สถานีหวั ลาโพง เป็ นอาคารเรือนแถวเล็กๆ วางตวั ในแนว ตะวนั ตก-ตะวนั ออก เลียบขนานไปกบั ทางรถไฟสายปากน้าท่ีมุ่งหนา้ ไปทางสมุทรปราการ ซ่ึงอาคารสถานี หัวลาโพงน้ันต้ังอยู่ตรงกันข้ามกับสถานีกรุงเทพ ห่างเพียงแค่การข้ามถนนไปไม่ก่ีสิบเมตรเท่าน้ัน สถานีหวั ลาโพง ถูกยกเลิกเมื่อวนั ท่ี 1 มกราคม 2503 พร้อมๆ กบั การยกเลิกกิจการรถไฟสายปากน้า เป็ นอนั ปิ ดฉากสถานีรถไฟเอกชนหัวลาโพง และได้มีการสร้างถนนทับทางรถไฟเดิมแทน ถนนน้ันคือ ถนน พระราม4 ถนนทางรถไฟสายเก่า และ ถนนสุขมุ วิท บางช่วง สถานีกรุงเทพ กบั สถานีหวั ลาโพง จึงเรียกได้ วา่ เป็ นคนละสถานี ท้งั ชื่อ และ ตาแหน่งท่ีต้งั ถา้ นึกภาพไม่ออกว่าเดิมที่สถานีหัวลาโพงอยูต่ รงไหน พ้ืนท่ี สถานีหวั ลาโพงน้นั ปัจจุบนั ก็คือ เกาะกลางถนนพระรามสี่ ซ่ึงอยดู่ า้ นหนา้ สถานีกรุงเทพ และมีสถานีรถไฟ ใตด้ ินหวั ลาโพง อยใู่ ตพ้ ้นื ดินที่เคยเป็นสถานีรถไฟสายปากน้าหวั ลาโพง นนั่ เอง

เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 171 ดูฟุตบอลโลกมาจนใกลจ้ ะจบแลว้ สงสัยกนั ไหมครับ วา่ โคช้ กบั ผูจ้ ดั การทีมต่างกนั อย่างไร การบริหาร จดั การทีมฟุตบอลจะมี หลกั ๆ อยู่ 2 ระบบครับ คือ ระบบ ผู้จัดการทีม (Manager) แบบอังกฤษ กับ ระบบ เฮดโค้ช แบบเยอรมัน โดยระบบ manager ทาหน้าที่หลักเป็ นหัวหน้าผูฝ้ ึ กสอน เพียงแต่จะมี ผูช้ ่วยในตาแหน่งต่างๆ ดูแลเร่ืองต่างๆ ให้ ซ่ึงใน อดีต เฮด้ โคช้ ท่ีองั กฤษ ทาหนา้ ท่ีทุกอย่างจริงๆ เคา้ เลยเรียกกนั วา่ manager แต่ปัจจุบนั manager ก็ลดบทบาทมาทาหนา้ ท่ีเฉพาะในสนามและการฝึ กซอ้ มมาก ข้ึน เรื่องนอกสนามก็มีผชู้ ่วย หรือทีมงานแยกออกมาแลว้ ส่วนระบบ เฮด้ โคช้ อนั น้ีดูแลเรื่องในสนามและ การฝึ กซ้อมล้วนๆ และจะมีผูจ้ ดั การทีม manager อยู่เบ้ืองบนอีกที บริหารจดั การเรื่องต่างๆให้ สรุปคือ ผจู้ ดั การทีม ทาทุกอยา่ งท้งั ฝึกซอ้ ม หาท่ีพกั ดูแลเรื่องการซ้ือขายนกั เตะต่างจากระบบโคช้ ที่โคช้ จะเนน้ เร่ือง การฝึกซอ้ ม เท่าน้นั ครับ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน เขตหนองแขม เร่ืองที่ 172 \"ทีมหมูป่ าอะคาเดมี่\" ท้งั 13 ชีวิต ที่ทุกคนต่างเอาใจ ช่วยเจา้ หนา้ ท่ีทุกฝ่ าย ท่ีระดมสรรพกาลงั เขา้ ไปช่วยเหลือคนติดถ้าหลวง-ขนุ น้านางนอน จ.เชียงราย โดยหน่ึง ในฮีโร่ในปฏิบตั ิภารกิจในคร้ังน้ีคือ หน่วยซีล หรือ มนุษยก์ บ หรือ นกั ทาลายใตน้ ้าจู่โจม ท่ีเป็ นพระเอกข่ีมา้ ขาว ฝ่ าอุปสรรคดาน้าเขา้ ไปในถ้าลึก เพื่อช่วยทุกชีวิตใหป้ ลอดภยั โดยทุกวนั หน่วยซีลจะอาศยั เพจเฟซบุ๊ก \"Thai NavySEAL\" คอยแจง้ ขอ้ มูลข่าวสาร แต่ ทุกคร้ังท่ีภารกิจสาเร็จ มกั จะลงท้ายประโยค ด้วยคา ว่า\"Hooyah\" หรือ \"ฮูย่า\" ท้ังน้ีเพจเฟ ซบุ๊ก \"Super Weapons\" เผยความหมายของคา ว่า \"Hooyah\" หรือ \"ฮูย่า\" วา่ เป็ นคาท่ีถูกให้ใช้ แทนคาหลายๆคา ซ่ึงคาว่า \"ฮูย่า\" น้ีกล่าวกนั วา่ เป็ นคาตะโกนร้องของพวกอินเดียนแดงในการ ประสบชัยชนะจากการสู้รบ โดยใช้กนั ในหมู่ ของทหารเรือ เช่น Navy SEALs นอกจากน้ียงั มีคากล่าวท่ีคลา้ ยกบั คาวา่ Hooyah อีกหลายคา โดยแตกต่างกันไปในแต่ละเหล่าทัพ เช่น Hoorah (ฮูร่าห์) = ทหารอากาศ Oorah (อูร่า) = นาวกิ โยธิน และ Hooah (ฮอู ่า) = ทหารบก

เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 173 เมือคืนดูบอลโลกคู่ โครเอเชีย กบั องั กฤษ ก็ สงสัยว่าทาไม คนโครเอเชีย เซอร์เบีย ชื่อถึงลง ทา้ ยดว้ ย วิช หรือ ic มนั มีเหตุผลดงั น้ี ครับ ic - อิช มีความหมายเหมือน son - ซัน ครับ เช่น Stefanovic = บุตรของ สเตฟานอฟ Antić – บุตร ของอนั เต้ Filipović – บุตรของฟิ ลลิป หรือช่ือ นกั เทนนิส novak djokovic ก็แปลว่า นายโนวคั บุตรขอยอโค่ นนั่ เอง ท้งั น้ีในบางกรณีชื่อที่ไม่ลงทา้ ยดว้ ย IC จะมาจากอาชีพของพ่อ เช่น นกั บอลโครแอต ท่ี ชื่อ Niko Kovac นิโก้ โควชั คาวา่ Kovac ในช่ือของเขาแปลวา่ ช่างตีเหล็ก แลว้ มีนกั บอล นามสกุล โควาเซ วชิ กบั โควาซิส Kovacevic & Kavacic มนั แปลวา่ บุตร ของ ช่างตีเหล็ก ... เขา้ ใจไดว้ า่ -ic อิช ไม่ต่างจาก son ในช่ือของชาวสแกนดิเนเวยี ครับ เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 174 เม่ือวานทีมชาติฝร่ังเศสไดเ้ ป็ นแชมป์ ฟุตบอลโลก ปี 2018 วนั น้ีจึงอยากเล่าท่ีมาของถว้ ยฟุตบอล โลกครับ ถว้ ยฟุตบอลโลก หรือถ้วย \"ฟี ฟ่ า เวิลด์ คัพ\" สื บเนื่องจากการที่ บราซิ ล คว้าแชมป์ โลกได้ 3 สมัยจนได้สิทธ์ิ ครอบครองถว้ ย \"จูลส์ ริเมท\"์ ส่งผลให้ฟี ฟ่ า ต้องจดั ทาถ้วยแชมป์ ฟุตบอลโลกข้ึนใหม่ โดยมีการกาหนดช่ือถว้ ยใบน้ีวา่ \"ฟี ฟ่ า เวิลด์ คพั \" เป็ นผลงานการออกแบบของศิลปิ น ชาวอิตาเล่ียนชื่อ ซิ ลวิโอ กาซซานิกา ลกั ษณะของถว้ ยใบน้ีทามาจากทองคาบริสุทธ์ิขนาด 18 กะรัต มีส่วนสูงของถว้ ยอยู่ท่ี 36.5 ซม. และมี น้าหนกั 6.175 กิโลกรัม รูปทรงเป็ นมนุษยส์ องคนหมุนเป็ นเกลียวจากฐานพร้อมยืดมือไปรับลูกโลก ส่วน ฐานประดบั ดว้ ยมรกตเป็ นเส้นรอบวง 2 เส้น ที่ฐานของถว้ ยจะมีการแกะสลกั คาวา่ \"FIFA World Cup\" ขนาดที่มองเห็นไดช้ ดั ส่วนท่ีดา้ นใตข้ องถว้ ยจะมีการสลกั ชื่อประเทศท่ีควา้ แชมป์ โลกในแต่ละทวั ร์นาเมนต์ เรียงกนั ไว้ ซ่ึงคนทว่ั ไปอาจจะมองไม่เห็นหากวา่ ถว้ ยถูกวางอยใู่ นลกั ษณะแนวต้งั อยา่ งไรก็ตามคาดวา่ พ้ืนที่ ใตฐ้ านจะถูกสลกั จนเตม็ ในไม่ชา้ และอาจจะตอ้ งยกเลิกการใชถ้ ว้ ยใบน้ี ทวา่ ความชดั เจนในเรื่องน้ียงั ไม่มาก นกั ทาให้ถว้ ย \"FIFA World Cup\" จะยงั คงเป็ นถว้ ยรางวลั ของแชมป์ ฟุตบอลโลกไปจนถึงปี 2038 และตาม ขอ้ บงั คบั ของฟี ฟ่ ากาหนดไวว้ า่ ไม่มีทีมไหนท่ีมีสิทธ์ิครอบครองถว้ ยใบน้ี แชมป์ ของแต่ละทวั ร์นาเมนตจ์ ะได้ \"ถว้ ยทาเหมือน\" ที่ดา้ นนอกชุบดว้ ยทองคามากกวา่ จะเป็นของจริงที่สร้างดว้ ยทองคาแทท้ ้งั ใบ

เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 175 ใครๆก็คงเคยเขา้ เซเวน่ แลว้ เคยสังเกตุป้ ายราคาสินคา้ ในเซเวน่ กนั ไหมครับ นอกจากบอกราคาแลว้ ป้ ายราคายงั บอกอะไรอีกหลายอยา่ งดว้ ยนะครับไปดู กนั เลย 1.ชื่อสินคา้ อนั น้ีทุกคนน่าจะทราบกนั อยแู่ ลว้ เอาไวบ้ อกวา่ สินคา้ ตวั น้ีมีช่ือวา่ อะไร 2.ราคาสินคา้ ราคาของสินคา้ ชิ้นน้นั ๆ เป็นพ้ืนฐานของป้ ายราคาเลยใชบ้ อกราคาสินคา้ 3.ขนาดสินคา้ อยา่ งในรูปก็มีขนาด 100 กรัม บางทีอาจเป็ นจานวนชิ้น ไมใ่ ช่ขนาด แลว้ แตต่ วั สินคา้ น้นั ๆ 4.รหสั สินคา้ รหสั เจด็ ตวั ที่ใชแ้ ยกประเภทสินคา้ 2 ตวั แรก จะเรียกวา่ PMA เช่น ในรูป 2 ตวั แรก คือ 60 เป็น PMA ของขนมปังหรือเบเกอรี่ 40 เป็นลูกอมหรือช็อกโกแลต เป็นตน้ ตวั เลขต่อมา ก็จะเป็นประเภทของ ขนมปังหรือเบอเกอรี่ เป็นตน้ 5.อายสุ ินคา้ น่ีคือส่วนท่ีผมอยากจะเสนอท่ีสุดในหวั ขอ้ น้ี อยา่ งในรูปมีอายุ 4D(D ยอ่ มาจาก Day) คือมีอายุ 4 วนั นบั จากวนั ผลิต สินคา้ บางอยา่ งไมบ่ อกวนั หมดอายุ บอกแตว่ นั ผลิต เราสามารถนาตวั น้ีไปหาวนั หมดอายุ ของสินคา้ ตวั น้นั ๆไดค้ รับ และในกรณีที่สินคา้ มีวนั หมดอายุ ไมต่ รงกบั อายใุ นป้ ายราคา ใหย้ ดึ อายตุ ามป้ าย ราคา จะแม่นยากวา่ ครับ เพราะบางที่สินคา้ อาจระบุวนั หมดอายผุ ดิ 6.อนั ดบั สินคา้ ตวั บ่งบอกวา่ สินคา้ ชิ้นน้นั ขายดีแค่ไหน โดยแบ่งเป็น T1,T2,T3,T4 (T ยอ่ มาจาก Top) อยา่ ง ในรูปคือ T1 แสดงวา่ สินคา้ ชิ้นน้ีขายดีมากๆในร้าน โดยท่ี T1 คือ 1-100 สินคา้ ท่ีขายดี T2 คือ 100-150 สินคา้ ที่ขายดี T3 คือ 150-500 สินคา้ ที่ขายดี T4 คือ 500-1,000 สินคา้ ท่ีขายดี 7.จานวนแถว F ยอ่ มาจาก Face ถา้ แปล ตรงๆกจ็ ะเป็นหนา้ สินคา้ (ใช่หรอ 55) ไวบ้ อกวา่ สินคา้ ตวั น้นั ๆ มีก่ีแถว อยา่ งใน รูปคือ 4F คือสินคา้ มี 4 แถว ใชเ้ ป็นไกดใ์ นการเรียงสินคา้ บางกรณีอาจไม่ตรง เพราะจะมีการขยายแถว ทดแทนในกรณีท่ีพ้ืนที่ขา้ งๆไมม่ ีสินคา้ 8.วนั ท่ีอพั เดทป้ ายราคา ใชบ้ อกวา่ ป้ ายราคาน้ีเปล่ียนล่าสุดเมื่อไหร่ อยา่ งในรูป คือ 2/6/61 แสดงวา่ อพั เดท ล่าสุดเมื่อวนั ท่ี 2 มิ.ย. 61 โดยปกติจะเปล่ียนทุกๆเดือน เพราะบางทีราคาอาจมีการเปล่ียนแปลง หรืออายุ สินคา้ เป็นตน้ 9.ช้นั วางสินคา้ ช้นั เรียงสินคา้ ในเซเวน่ จะถูกแบง่ ออกเป็ น GON อยา่ งในรูปคือ GON ที่ 626 ส่วน 04/2/2 คือ ช้นั สินคา้ 04 คือ ช้นั ที่ 4 2 ตวั ต่อมาใชบ้ อกวา่ สินคา้ เป็นตวั ที่เทา่ ไหร่ในช้นั นบั จากซา้ ยไปขวา 2 ตวั สุดทา้ ย คือสินคา้ ท้งั หมดในช้นั เช่นในรูป สินคา้ ตวั นี่อยทู่ ่ี GON 626 ช้นั ท่ี 4 ตวั ที่ 2 จากท้งั หมด 2 ตวั 10.สถานะสินคา้ เช่น N คือสินคา้ ใหม่

11.บาร์โค๊ด เป็นบาร์โคด๊ รหสั เจด็ ตวั ของสินคา้ เพ่ือง่ายต่อการสั่งสินคา้ คราวหนา้ เขา้ เซเวน่ ก็ลองสังเกตป้ ายราคากนั ดูนะครับ เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 176 เม่ือไม่กี่วนั ที่ผา่ นมา ท่านนายกสอนทาท่า ตะเบ๊ะหรือ วนั ทยาหตั ถ์ วนั น้ีเลยอยากเล่าถึงที่มาของทา่ ตะเบะ๊ ครับ โดยในสมยั โบราณ อศั วนิ จะใส่ชุดเกราะเหล็ก จะมี หมวกเหล็กท่ีมีตะแกรงดา้ นหนา้ เอาไวป้ ้ องกนั ตา เน่ืองจากผทู้ ่ีเป็ นอศั วินลว้ นเป็ นผทู้ ี่มีชาติตระกูล ก่อนท่ีจะ ประลอง จะมีการเปิ ดตะแกรงดา้ นหนา้ ออกมาเพอ่ื ใหไ้ ดเ้ ห็นหนา้ ตาของคู่ต่อสู้ ถือวา่ เป็ นการให้เกียรติซ่ึงกนั และกนั คลา้ ย ๆ กบั ชาวจีนท่ีการตอ่ สู้แบบตวั ตอ่ ตวั น้นั จะตอ้ งบอกชื่อของตวั เองใหอ้ ีกฝ่ ายหน่ึงรู้ วธิ ีการเปิ ด ตะแกรงดา้ นหนา้ ออก ทาโดยการใชม้ ือดนั ตะแกรงดา้ นหนา้ ข้ึนไป หลงั จากน้นั ต่อมา การแสดงความเคารพ แบบน้ีก็ไดแ้ พร่หลายในหมู่นักรบทว่ั ไป กลายเป็ นการแสดงความเคารพในแบบปกติของชาวบา้ นดว้ ย เนื่องจากยโุ รปเป็นเมืองหนาว บุคคลทว่ั ไปจะสวมหมวก เวลาท่ีทกั ทายกนั โดยเฉพาะระหวา่ งทกั ทายกุลสตรี วธิ ีการคือใชป้ ลายนิ้วมือจบั ปลายหมวกดา้ นหนา้ ถอดแลว้ เหว่ยี งไปถึงแขนตรงกนั ขา้ มในลกั ษณะน้ีมีพร้อม กบั การก้มหัวเล็กน้อย แต่ต่อเม่ือท่ีวนั ๆ หน่ึงจะมีบุคคลตอ้ งเคารพมากมายหรือ เพยี งแค่เร่งรีบ ชาวบา้ นจึงใชป้ ลายนิ้วมือ จบั ปลายหมวกดา้ นหนา้ ยกข้ืนและยกลง โ ด ย ท่ี ไ ม่ ถ อ ด ห ม ว ก จ น ใ น ท่ี สุ ด การทหารก็ไดน้ าการทาความเคารพชนิด น้ีมาใช้เป็ นนโยบายหลักในการเคารพ นายทหาร การทาวนั ทยหตั ถ์ในลกั ษณะ ท่ีคลา้ ยกบั ปัจจุบนั เคยเกิดข้ึนมาแลว้ ฟังดูในสมยั น้ีจะคลา้ ยเป็นเรื่องท่ีตลกมาก แต่ทางการปฏิบตั ิเมื่อ 2000 ปี มาแลว้ ในยุคทหารโรมนั ที่เป็ นที่รู้จกั กนั ดีว่าเป็ นเจา้ ระเบียบ ทหารจะสวมชุดเกราะท่ีเป็ นโลหะ เวลามีการ สวนสนามบรรดานายทหารท่ีใส่ชุดเกราะนงั่ อยบู่ นอฒั จนั ทร์ กลางวนั แดดจา้ มากสะทอ้ นแสง ดงั น้นั เวลา หมทู่ หารท่ีเดินสวนสนามอยขู่ า้ งล่างตอ้ งมองไปที่เหล่านายทหาร แสงแดดสะทอ้ นกบั ชุดเกราะ แสบตา เป็ น เหตุใหท้ หารทาหนา้ ตาน่ารังเกียจ เหล่านายทหารจึงไดอ้ นุญาตใหย้ กมือข้ึนป้ องหนา้ เพื่อให้มองนายทหารได้ ชดั เจน นายทหารที่อยู่บนน้นั เห็นว่ามนั เป็ นระเบียบดีข้ึนและคล้ายกบั เป็ นท่าที่ทาความเคารพวิธีหน่ึง จึง กาหนดใหท้ า่ ป้ องหนา้ (ตะเบะ๊ ) เป็นวธิ ีทาความเคารพผบู้ งั คบั บญั ชา

เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 177 ช่วงน้ีฝนกตกบ่อยสังเกตกนั ไหมครับวา่ เวลาฝนตก จะมีเมฆสีดาเสมอ แลว้ ทาไม เมฆถึงเป็ นสีดา เมฆที่ทาใหเ้ กิดฝนเรียกวา่ เมฆ Cumulus (คูมูรัส) ซ่ึงเม่ือมีไอ น้าในเมฆเป็ นจานวนมาก เมฆ Cumulus ก็จะกลายสภาพไปเป็ นเมฆฝน (Cumulonimbus) ครับ ซ่ึงเมฆ Cumulonimbus น้ี จะมีความหนาแน่นของไอน้า เกล็ดน้าแขง็ จานวนมาก ทาใหแ้ สงอาทิตยส์ ่องลงมาไม่ถึง ฐานเมฆดา้ นล่าง ตวั เราที่มองอย่ใู ต้ ฐานเมฆจึงเห็นวา่ เมฆฝน น้นั มีสีดา ซ่ึงความจริ งแล้วมันไม่ได้มีสี ดา เหมือนเราใส่เส้ือสีขาวตอนกลางคืน คนก็จะเห็นวา่ เราใส่เส้ือสีดา นนั่ เอง และการที่ฝนตกลงมาจากกอ้ นเมฆ ที่มีสีดาเท่าน้ัน เป็ นเพราะว่าก้อน เมฆสีขาวทวั่ ไปน้นั มีความหนาแน่น ของไอน้า เกล็ดน้าแข็งเบาบางมาก ทาใหไ้ ม่เกิดการกลน่ั ตวั ของไอน้าจนกลายเป็ นหยาดน้าที่มีขนาดใหญ่ มากพอ หรือ ไม่มีอนุภาคแข็งตวั (freezing nuclei) ท่ีมากพอ ดงั น้นั ฝนจึงไม่เกิดและไม่ตกมาจากกอ้ นเมฆ ขาวปุกปุยครับ ..... ส่วนกอ้ นเมฆสีดาน้นั จะมีการสะสมไอน้าจนหนาแน่นมากพอจนกลนั่ ตวั รวมตวั เกิดฝน ได้ ฝนจึงตกลงมาจากเมฆดาเสมอครับ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 178 ช่วงน้ีมีการแชร์ข่าววา่ กระทรวงสาธารณสุขห้ามให้มี การผลิตไขมนั ทรานส์ในประเทศไทย โดยมีผลภายใน 6 เดือนขา้ งหนา้ วา่ แต่ไขมนั ทรานส์คืออะไร ไขมนั ท รานส์คือ ไขมนั ท่ีไดจ้ ากการนาน้ามนั พืชมาสังเคราะห์ โดยปฏิกิริยาเคมี ด้วยการเติมไฮโดรเจนเข้าไป “บางส่วน” ในโมเลกุลของไขมนั เลยเรียกวา่ “partial hydrogenation” แลว้ ทาให้ไขมนั มีสภาพแขง็ ตวั ข้ึน มี สภาพเป็ นของแข็ง หรือ ก่ึงแขง็ ก่ึงเหลว คลา้ ยเนยที่ ทาจากไขมันสัตว์ (นม) และทนหื นได้ดีข้ึน ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปแบบน้ีได้แก่ เนย เทียม หรือ Margarine เนยขาว หรือ Shortening ซ่ึง นามาใช้ แทนเนย และ ครีมเทียม ผลิตภณั ฑ์กลุ่มน้ี ใชง้ านง่าย เก็บรักษาง่าย และ ท่ีสาคญั คือ มีราคาถูก กว่าไขมนั สัตว์ (เนยหรือนม) มากๆเราจึงเอาเนย เทียม หรือ เนยขาวมาใชแ้ ทนเนย ในการทาอาหาร อยา่ งหลากหลาย โดยเฉพาะเบเกอรี่ ส่วนครีมเทียม เราก็เอามาใชร้ ่วมกบั กาแฟสาเร็จรูป และนามามาทา นมขน้ หวาน ซ่ึงปัจจุบนั บนฉลากจะเรียกว่า ครีม

เทียมขน้ หวานแมว้ า่ ไขมนั ทรานส์ จะใชง้ านสะดวก ตน้ ทุนต่า และ “ทานได”้ แต่มี หลกั ฐานทางการแพทย์ ยนื ยนั ชดั เจนแลว้ วา่ ไขมนั ทรานส์เพิ่มความเสี่ยงของ โรคหวั ใจขาดเลือด ส่วนหน่ึงไปเพิ่มไขมนั ตวั เลว หรือ ไลโพโปรตีนความหนาแน่นต่า (LDL) และลดระดบั ไขมนั ตวั ดี หรือ ไลโพโปรตีนความหนาแน่นสูง (HDL) และ เพ่ิมไตรกลีเซอไรด์ ใน กระแสเลือด มากกวา่ ไขมนั อ่ืนๆ อยากย้าวา่ ไขมนั ทรานส์ เกือบท้งั หมด มาจากการสังเคราะห์ข้ึน ไขมนั ทรานส์ ที่ เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ หรือ เกิดข้ึนโดยไม่ไดต้ ้งั ใจ เช่น การใช้ น้ามนั พืชทอดซ้า ๆ กนั หลายคร้ัง นนั่ เป็ นไปไดน้ อ้ ยมากๆ เมื่อเทียบกบั การสังเคราะห์ และ นามาใชใ้ นการ ปรุงเป็ นอาหารให้พวกเรารับประทาน อยา่ งต้งั ใจ แต่น้ามนั พืชทอดซ้า ตอ้ งระวงั สารก่อมะเร็งแทนนะครับ เพราะฉะน้นั เพือ่ นๆ ที่เป็นห่วงวา่ น้ามนั พชื ไมว่ า่ จะเป็น น้ามนั ถว่ั เหลือง น้ามนั ปาลม์ ทานไดห้ รือไม่? ตอ้ ง ไปทานน้ามนั หมแู ทน หรือไม่? ตอบเลยวา่ “ไม่ตอ้ งห่วง” ครับ น้ามนั พืชท้งั หลายยงั ทานไดต้ ามปกติ เพราะ ในน้ามนั พชื มีโอกาสเกิดไขมนั ทรานส์ไดน้ อ้ ยมาก เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 179 เคยสงสัยกนั ไหมครับวา่ ทาไมเราเรียกคนลาว เขมร พม่า วา่ ต่างดา้ ว แต่เรียก ฝร่ัง ญ่ีป่ ุน เกาหลี ว่าคน ต่ า ง ช า ติ ส อ ง ค า น้ี ต่ า ง กั น อ ย่ า ง ไ ร คาว่าต่างด้าว หมายถึง คนชาติหน่ึงที่ไปต้งั ถิ่น ฐานทามาหากินในอีกประเทศหน่ึงนั่นเอง เช่น พ่อของผมเป็ นคนจีนที่เข้ามาต้งั ถ่ินฐานอยู่ใน ประเทศไทย มีใบสาคญั คนต่างด้าวด้วย(ตอนน้ี เป็ นคนไทยแลว้ ) แต่ถา้ ไปเท่ียวเฉย ๆ เช่นผมไปเที่ยวจีน เคา้ ก็ไม่เรียกต่างดา้ วนะครับ เคา้ เรียกวา่ ต่างชาติ ตอ้ งไปต้งั รกรากทามาหากิน ถึงจะเรียกวา่ ต่างดา้ ว เพราะฉะน้นั ต่างดา้ วกบั ต่างชาติ จึงใชต้ ่างกนั แต่ถา้ ฝร่ัง มาทางานที่ไทย ถา้ จะเรียกใหถ้ ูกก็ตอ้ งเรียกต่างดา้ วครับ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 180 วนั น้ี จะมาพดู ถึงระเบียบการต้งั ช่ือเรือของกองทพั ไทยครับ เรือ กองทพั ไทยจะมีเกณฑก์ ารต้งั ชื่อเรือดงั น้ี เรือพิฆาต ต้งั ตามชื่อตวั ช่ือบรรดาศกั ด์ิ หรือช่ือสกุล ของ บุคคลท่ีเป็นวรี บุรุษของชาติ เช่น ร.ล.นเรศวร ร.ล.ตากสิน ร.ล.ปิ่ นเกลา้ เรือฟริเกต ต้งั ตามช่ือแม่น้าสายสาคญั เช่น ร.ล.เจา้ พระยา ร.ล.ตาปี ร.ล.สายบุรี เรือคอร์เวต ต้งั ตามชื่อเมืองหลวงหรือเมืองสาคญั ใน ประวตั ิศาสตร์ เช่น ร.ล.สุโขทยั ร.ล.รัตนโกสินทร์

เรือเร็วโจมตี เรือเร็วโจมตี (อาวธุ ปล่อยนาวถิ ี) ต้งั ตามชื่อเรือรบในทะเลสมยั โบราณที่มีความหมายเหมาะสมแก่หนา้ ท่ีของ เรือน้นั ๆ เช่น ร.ล.ราชฤทธ์ิ ร.ล.ปราบปรปักษ์ เรือเร็วโจมตี (ปื น) และเรือเร็วโจมตี (ตอร์ปิ โด) ต้งั ตามชื่อจงั หวดั ชายทะเล เช่น ร.ล.ชลบุรี ร.ล.ภูเก็ต เรือดาน้า ต้งั ตามช่ือผมู้ ีอิทฤทธ์ิในนิยายหรือวรรณคดีเก่ียวกบั การดาน้า เช่น ร.ล.มจั ฉานุ เรือทุ่นระเบิด ต้งั ตามชื่อสมรภมู ิท่ีสาคญั เช่น ร.ล.บางระจนั ร.ล.ลาดหญา้ เรือยกพลข้ึนบก เรือส่งกาลงั บารุง เรือน้ามนั เรือน้า เรือลากจงู และเรือลาเลียง ต้งั ตามช่ือเกาะ เช่น ร.ล.สีชงั ร.ล.สิมิลนั เรือตรวจการณ์ เรือตรวจการณ์ (ปื น) ต้งั ชื่อตามอาเภอชายทะเล เช่น ร.ล.สตั หีบ ร.ล.หวั หิน เรือตรวจการณ์ (ปราบเรือดาน้า) ต้งั ตามชื่อเรือรบในลาน้าสมยั โบราณที่มีความเหมาะสมแก่หนา้ ที่ของเรือ น้นั เช่น ร.ล.คารณสินธุ ร.ล.ล่องลม เรือสารวจ ต้งั ชื่อตามดาวสาคญั เช่น ร.ล.ศุกร์ ร.ล.พฤหสั บดี เรือหนา้ ท่ีพเิ ศษ ต้งั ชื่อดว้ ยถอ้ ยคาท่ีมีความหมายเหมาะสมแก่หนา้ ท่ีของเรือน้นั ๆ เรือท่ีไม่ไดก้ ล่าวไว้ ใหพ้ ิจารณาต้งั ช่ือตามความเหมาะสมเป็นคราวๆ ไป เช่น ร.ล.จกั รีนฤเบศร ซ่ึงเป็นเรือ บรรทุกเฮลิคอปเตอร์ หรือเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ต้งั ตามช่ือจงั หวดั ชายทะเล เช่น ร.ล.ปัตตานี ร.ล.นราธิวาส เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 182 กาลงั จะไปสอบแถว ธรรมศาสตร์รังสิก็เลย หาขอ้ มูล เผอื่ วา่ ทาไม แถวน้ีเรียยกรังสิต หาไดก้ ็เลยเอามาแบ่งปันครับ ดว้ ยสายพระเนตรอนั ยาวไกลของพระพุทธเจา้ หลวงรัชกาลท่ี 5 พระองคท์ รงต้งั พระทยั ท่ีจะให้ทุ่งหลวงเป็ นพ้ืนที่เพาะปลูกขา้ วเพื่อการส่งออกท่ีใหญ่ที่สุด ของประเทศ และนวตั กรรมที่จะมาแก้ปัญหาการขาดแคลนน้าและช่วยนาพาความเจริญมาสู่ทอ้ งท่ีก็คือ “เส้นทางคลอง” ดงั ท่ีทรงเคยมีพระราชดาริไวว้ ่า “การขุดคลอง เพื่อท่ีจะให้เป็ นที่มหาชนท้งั ปวงไดไ้ ปมา อาศยั แลเป็ นทางที่จะใหส้ ินคา้ ไดบ้ รรทุกไปมาโดยสะดวก ซ่ึงให้ผลแก่การเรือกสวนไร่นา ซ่ึงจะไดเ้ กิดทวี ข้ึนในพระราชอาณาจกั ร เป็ นการอุดหนุน การเพาะปลูกในบ้านเมืองให้วฒั นาเจริญ ย่ิงข้ึน” รัชกาลที่ 5 จึงทรงมีพระบรมรา ชานุญาตให้ทาสัญญากบั “บริษทั ขุดคลอง แลคูนาสยาม” บริษัทเอกชนรายแรกของ ประเทศ ที่มีพระวรวงศ์เธอ พระองคเ์ จา้ สาย สนิทวงศ์ เป็ นผถู้ ือหุ้นใหญ่ร่วมกบั นกั ลงทุน ฝร่ัง เพ่ือดาเนินการขดุ “คลองชลประทานแห่งแรกของประเทศสยาม” ข้ึน มีสัมปทาน 25 ปี โดยคลองสาย หลกั เร่ิมขดุ ในปี พุทธศกั ราช 2433 เริ่มตน้ จากบริเวณหนา้ วดั เทียนถวาย ตาบลบา้ นใหม่ แขวงเมืองประทุม

ธานี เป็ นเส้นตรงไปทางทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ เชื่อมกบั แม่น้านครนายกที่ตาบลปลากดหวั ควาย แขวง เมืองนครนายก กวา้ ง 8 วา ลึก 5 ศอกหรือ 3 เมตร จึงมีช่ือในระยะแรกว่า “คลองแปดวา” หรือ “คลองเจา้ สาย” ตามพระนามของพระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ สายสนิทวงศ์ ต่อมาคลองสายหลกั น้ีไดร้ ับพระราชทาน นามใหม่วา่ “คลองรังสิตประยรู ศกั ด์ิ” ตามพระนามของพระเจา้ ลูกเธอ พระองคเ์ จา้ รังสิตประยูรศกั ด์ิ ตน้ ราช สกุลรังสิต อนั เป็ นพระราชโอรสของพระองคก์ บั เจา้ จอมมารดาหม่อมราชวงศเ์ น่ือง แห่งราชสกุลสนิทวงศ์ ต่อมามีการขุดคลองเป็ นเส้นขนานกับคลองรังสิตทางทิศเหนือ คือ “คลองหกวาสายบน” ซ่ึงปัจจุบัน กลายเป็นส่วนหน่ึงของ “คลองระพีพฒั น์” เส้นแบ่งเขตระหวา่ งจงั หวดั ปทุมธานีกบั พระนครศรีอยธุ ยา ส่วน ทางทิศใตข้ องคลองรังสิตบริเวณรอยต่อระหว่างจงั หวดั ปทุมธานีกบั กรุงเทพมานครคือ “คลองหกวาสาย ล่าง” และในที่สุดกม็ ีการขดุ คลองตดั เช่ือมระหวา่ งคลองหลกั 3 สายน้ีในแนวเหนือ-ใตอ้ ีก 16 สาย คือ คลอง 1 ถึงคลอง 16 หลงั ขุดคลอง มีการสร้างประตูน้าในคลองรังสิต 2 แห่ง ไดแ้ ก่ “ประตูน้าจุฬาลงกรณ์” ใกล้ ทางออกแม่น้าเจ้าพระยา และ “ประตูน้าเสาวภาผ่องศรี” ทางฝั่งแม่น้านครนายกในเขตอาเภอองครักษ์ ปัจจุบนั ซ่ึงท้งั 2 แห่ง ลน้ เกลา้ รัชกาลท่ี 5 ทรงเสด็จมาเปิ ดดว้ ยพระองคเ์ อง ช่ือประตูน้าจุฬาลงกรณ์ เป็ นชื่อ พระราชทาน ปัจจุบนั มีเพียงช่ือประตูน้ากบั สถานีตารวจภูธรในทอ้ งที่เท่าน้นั ที่ใชช้ ื่อน้ี ความเห็นส่วนตวั ผม ว่าถ้าทางการเปลี่ยนช่ือตาบลประชาธิปัตย์เป็ น “ตาบลจุฬาลงกรณ์” ให้สอดคลอ้ งกบั ชื่อประตูน้าคงจะ ไพเราะไม่ใช่นอ้ ย และท้งั หมดน้ีคือส่วนหน่ึงของ “โครงการรังสิต” ครอบคลุมพ้นื ท่ี 5 จงั หวดั ในปัจจุบนั คือ จงั หวดั ปทุมธานี พระนครศรีอยธุ ยา สระบุรี นครนายก และกรุงเทพตอนเหนือ เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 183 วนั น้ี กศน. เขตหนองแขม นานกั ศึกษาเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผเูู้ รียน ณ จงั หวดั สมุทรสาคร เลยอยากเล่าท่ีมาของช่ือจงั หวดั สมุทรสาคร ใหฟ้ ังครับ จงั หวดั สมุทรสาครเป็ นจงั หวดั ชายทะเล ต้งั อยู่ปากแม่น้าท่าจีน หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ กล่าวไวว้ ่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมุทรสาครเดิมเป็ นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีชาวจีนนาเรือสาเภาเขา้ มา จอดเทียบท่าคา้ ขายแลกเปลี่ยนสินคา้ และไดพ้ กั อาศยั อยเู่ ป็ นจานวน มาก จึงเรียกว่า “บา้ นท่าจีน” ต้งั อยู่บริเวณปากอ่าวไทย ต่อมาใน สมยั แผน่ ดินสมเด็จพระมหาจกั รพรรดิ (พ.ศ. 2099) ไดโ้ ปรดให้ยกฐานะ “บา้ นท่าจีน” ข้ึนเป็ น “เมืองสาคร บุรี” เพ่ือเป็นหวั เมืองสาหรับเรียกระดมพลเวลาเกิดสงคราม และเป็นเมืองด่านหนา้ ป้ องกนั ขา้ ศึกศตั รูท่ีจะเขา้ มารุกรานบุกรุกทางทะเล ตอ่ มาในสมยั กรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ 4 ทรงโปรด ให้เปลี่ยนชื่อ “เมืองสาครบุรี” เป็ น “เมืองสมุทรสาคร” ซ่ึงมีความหมายวา่ “เมืองแห่งทะเลและ แม่น้า” ในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 5 (พ.ศ. 2448) ทรงปฏิรูปการปกครอง มีการจัดระบบการบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็ นมณฑลเทศาภิบาล และได้ทรงมีพระราชดาริที่จะ สร้างสรรคค์ วามเจริญใหแ้ ก่ทอ้ งถิ่น โดยใชร้ ูปแบบการปกครองแบบสุขาภิบาล จึงไดม้ ีพระบรมราชโองการ

ให้ยกฐานะ “ตาบลท่าฉลอม” เป็ น “สุขาภิบาลท่าฉลอม” จงั หวดั สมุทรสาคร เป็ นสุขาภิบาลที่ต้งั ข้ึนในหวั เมืองเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ต่อมาในรัชสมยั ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาล ท่ี 6 (พ.ศ. 2456) โปรดเกลา้ ให้ทางราชการเปล่ียนคาวา่ “เมือง” เป็ น “จงั หวดั ” ทว่ั ทุกแห่ง ในพระราชอาณาจกั ร “เมืองสมุทรสาคร” จึงไดเ้ ปล่ียนเป็ น “จงั หวดั สมุทรสาคร” มาจวบจนปัจจุบนั น้ี ส่วนคาวา่ “มหาชยั ” ที่คน ทวั่ ไปชอบเรียกกนั น้นั เป็ นชื่อคลองท่ีสมเด็จพระสรรเพชญท่ี 8 แห่งกรุงศรีอยุธยาโปรดใหข้ ุดคลองลดั จาก เมืองธนบุรี เป็ นแนวตรงไปออกปากน้าเมืองสาครบุรีแทนคลองโคกขามท่ีคดเค้ียว แต่ยงั ไม่ทนั เสร็จทรง สวรรคตเสียก่อน จนถึงรัชสมยั สมเดจ็ พระสรรเพชญท่ี 9 (ขนุ หลวงทา้ ยสระ) ไดโ้ ปรดใหข้ ุดคลองต่อจนแลว้ เสร็จ และไดพ้ ระราชทานนามวา่ คลองมหาชยั ซ่ึงต่อมา ณ บริเวณฝ่ังซา้ ยปากคลองไดเ้ กิดชุมชนขนาดใหญ่ ข้ึนชื่อวา่ “มหาชยั ” จึงเป็นท่ีนิยมเรียกขานแต่น้นั เป็นตน้ มา เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 184 ในวนั ศุกร์น้ีจะมีปรากฎการณ์พระจะจนั ทร์สีเลือด แ ล้ว ท ร า บ กัน ไ ห ม ค รั บ ส า เ ห ตุ ใ ด พ ร ะ จัน ท ร์ ถึ ง กลายเป็ นสีเลือดได้ สาเหตุที่ดวงจนั ทร์เป็ นสีอม แดงคล้ายสีอิฐ เป็ นเพราะว่าแสงจากดวงอาทิตย์ ส่วนใหญ่จะถูกโลกบดบงั แต่ก็ยงั มีแสงอาทิตย์ บางส่วนเดินทางไปตกกระทบดวงจนั ทร์ได้ ทาให้ ดวงจนั ทร์ยงั สามารถสะทอ้ นแสง กลบั มายงั โลกได้ เล็กน้อย แต่ .... แสงจากดวงอาทิตยท์ ี่เล็ดลอดจากเงาโลกผ่านไปยงั ดวงจนั ทร์ได้น้นั จะเดินทางผ่านช้นั บรรยากาศของโลกและเกิดการ กระเจิง ครับ แสงย่านสีฟ้ าท่ีมีความยาวคลื่นส้ัน จะถูกกระเจิง (Scatter) ออกไป เหลือเพียงแสงสีแดงซ่ึงมีความยาวคล่ืนมากกว่า และแสงสีแดงที่เหลือรอดไปได้น้ีเองท่ีไปตก กระทบดวงจนั ทร์ ทาใหเ้ กิดปรากฏการณ์ \"พระจนั ทร์สีเลือด\" เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 185 วนั น้ีนง่ั รถตูท้ ่ีวินมาอบรม ก็เลยสงสัยวา่ ทาไม ที่ข้ึน รถตู้ ถึงเรัยกวา่ วนิ วนิ หมายถึง \"สถานที่ซ่ึงผู้ ข่ีจกั รยานยนตร์ ับจา้ งหรือรถตูโ้ ดยสารนารถ มาจอดคอยรับผโู้ ดยสาร\" การจอดน้นั ก็ตอ้ ง จอดกนั อย่างมีระเบียบ กล่าวคือ ใครมาถึง ก่อนก็ไดจ้ อดอยู่ในลาดบั ตน้ ใครมาทีหลงั ก็ ได้จอดต่อ ๆ กันไป ผู้ใช้บริ การท่ีรู้ธรรม เนียมก็จะไปใช้บริ การที่คันแรกสุดก่อน รถที่เขา้ มาร่วมในกระบวนการน้ีจึงเรียกวา่ \"รถวนิ \"ผขู้ บั ข่ีรถดงั กล่าวจึงเรียกวา่ \"ผเู้ ขา้ วิน\" หรือ \"ผขู้ บั รถวนิ \" สถานท่ีจอดรถกเ็ รียกวา่ \"วนิ \" ซ่ึงอาจจะเป็นท่ีสาธารณะหรือที่ส่วนบุคคลก็ได้ ผดู้ ูแลหรือผเู้ ก็บค่าธรรมเนียม

ก็เรียกวา่ \"เจา้ ของวนั \" \"ผคู้ ุมวิน\" \"เจา้ พ่อวนิ \" \"เจา้ แม่วิน\" ฯลฯคาน้ีมาจากภาษาองั กฤษวา่ \"win\" แปลวา่ ชยั ชนะ ซ่ึงไดม้ าจากการแข่งขนั โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในดา้ นกีฬา ที่คนไทยรู้จกั กนั ดีก็คือการแข่งมา้ ตวั ท่ีชนะท่ี หน่ึงก็เรียกกนั ว่า \"เขา้ วิน\" ตวั ท่ีชนะเป็ นที่ 2 ถา้ คิดแบบอเมริกนั ก็เรียกว่า \"เขา้ เพลซ\" (place) ถา้ คิดแบบ องั กฤษตวั ที่ชนะเป็นที่สองหรือสามก็เรียกกนั วา่ \"เขา้ เพลซ\" ไดเ้ หมือนกนั ในภาษาไทย ความหมายของคาวา่ วนิ ไดเ้ ปลี่ยนแปลงไปกลายเป็น \"สถานท่ีจอดรถ\" ลกั ษณะการนารถเขา้ มาจอดแบบมาถึงก่อนไดก้ ่อน ก็เป็ น การแขง่ ขนั กลาย ๆ เมื่อนารถมาจอดที่ \"วิน\" ได้ ก็เรียกวา่ \"เขา้ วิน\" ทุกคน ไม่มีใคร \"เขา้ เพลซ\"แหล่งขอ้ มูล: มติชนสุดสปั ดาห์ โดย ดร.นิตยา กาญจนะวรรณ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 186 วนั น้ีขอเสนอเร่ือง กตญั ญู กตเวที คาวา่ กตญั ญู เราคงรู็อยู่แล้วว่าแปลว่าอะไร แต่กตเวทีหมายถึง อะไร โดยคาว่า กตญั ญู น้นั หมายถึง บุคคลผูร้ ู้คุณ ของคนอ่ืน กตเวที หมายถึง บุคคลที่ตอบแทนผูม้ ี คุณแก่ตน ดงั น้นั คาว่า กตญั ญูกตเวที จึงหมายถึง บุคคลผรู้ ู้คุณที่คนอื่นกระทาแลว้ และทาตอบแทน บุคคลที่มีคุณและสร้างส่ิงท่ีเป็ นประโยชน์แก่เราน้นั มี มากมาย ยกตวั อยา่ งเช่น พอ่ แม่ ครูอาจารย์ พระมหากษตั ริย์ เป็นตน้ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 187 วนั น้ีขอนาเสนอ เร่ืองของโบสถ์ กบั วหิ าร สองคาน้ี แตกตา่ งกนั อยา่ งไร พระอุโบสถหรือโบสถ์ กบั วหิ ารมีความแตกต่างกนั เริ่มจากการสงั เกตวา่ ไหนคือพระ อุโบสถและไหนคือ พระวหิ าร เราจะสังเกตไดว้ า่ สถานท่ีแห่งน้ีเป็นพระวหิ ารก็ตอ่ เมื่อไดเ้ ห็นพระเสมาที่ ตกแต่งอยเู่ หนือตวั อาคาร เฉพาะวหิ ารเทา่ น้นั จึงจะมีเสมา แต่พระอุโบสถจะไมม่ ีเสมา และเป็นไปไดว้ า่ วดั บางวดั อาจจะมีเฉพาะพระอุโบสถหรือมีเฉพาะวหิ ารอยา่ งเดียว ไม่จาเป็นที่จะตอ้ งมีท้งั สองอยา่ ง แตถ่ ึงอยา่ ง น้นั กด็ ีท้งั พระอุโบสถและวหิ ารมีความสาคญั ในการใชง้ านท่ีท้งั เหมือนและแตกต่างกนั ในทางเปรียบเทียบ แลว้ วหิ ารจะดูศกั ด์ิสิทธ์ิและยง่ิ ใหญก่ วา่ พระ อุโบสถ เปรียบเทียบความแตกต่างระหวา่ งวหิ ารและ พระอุโบสถอยา่ งชดั เจนก็คือ 1.ถา้ เป็นวดั ในสมยั โบราณจะนิยมสร้างวหิ าร ใหใ้ หญก่ วา่ พระอุโบสถคาวา่ วหิ าร มีราก ศพั ทแ์ ละความหมายถึงท่ีอย๋อู าศยั ซ่ึงเป็นที่ ประทบั ของพระพทุ ธเจา้ วหิ ารจึงเปรียบได้ กบั พระราชวงั ที่แตกตา่ งกบั พระอุโบสถ

2. การใชง้ านของวิหารและพระอุโบสถก็แตกตา่ งกนั วหิ ารในอดีตจะเป็นที่ใชง้ านของท้งั พระสงฆแ์ ละฆา รวาส ที่จะมาประชุมและทาศาสนกิจร่วมกนั แตโ่ บสถใ์ นสมยั โบราณน้นั เป็นสถานที่ที่พระสงฆใ์ ชเ้ ทา่ น้นั อาจจะใชใ้ นการสวดการทาวดั เป็นตน้ ซ่ึงคนทว่ั ไปไมไ่ ดเ้ ขา้ มาขอ้ งเก่ียวและใชร้ ่วมจึงไมจ่ าเนตอ้ งมีขนาด ใหญ๋ดงั เช่นวหิ าร 3. วหิ ารเป็นสถานที่สาหรับประดิษฐานพระพุทธรูปเพราะวหิ ารคือสถานที่ประทบั ของพระพทุ ธเจา้ จึงเป็ น ที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปต่าง ๆ เพอ่ื ใหค้ นที่มาไดเ้ ขา้ มาสักการะดว้ ย ในขณะท่ีโบสถไ์ ม่จาเป็นตอ้ งมี พระพทุ ธรูปอยู่ ในปัจจุบนั วดั บางแห่งอาจจะมีเฉพาะพระอุโบสถหรือวหิ าร ชาวบา้ นและคนทวั่ ไปอาจจะใชพ้ ระอุโบสถ หรือวหิ ารในการทาศาสนกิจและสิ่งตา่ ง ๆ รวม ๆ กนั ไม่ไดแ้ ยกแยะก็มี อาจจะเป็นเพราะสถานที่และ งบประมาณรวมถึงการปฎิบตั ิท่ีเปลี่ยนไปตามยคุ สมยั นน่ั เอง เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขมเรื่องที่ 188 พรุ่งน้ีจะมีกิจกรรมจุดเทียนชยั ถวายพระพร วนั น้ีจึง อยากเล่าถึงท่ีมาของพิธีจุดเทียนชยั ถวายพระพร โดย ในปี พ.ศ. 2520 ร.ต.ประเสริฐ บวั งาม หวั หนา้ ศูนย์ สาธิตหุบกระพง (จ.เพชรบุรี) พาข้าราชการและ ชาวบา้ น ตกั บาตรถวายเป็ นพระราชกุศลในวนั เฉลิม พอชาวบา้ นทราบข่าวก็อยากมาร่วมถวายพระพรดว้ ย ก็ขอให้จัดอีก แต่เป็ นตอนค่า เพราะชาวไร่ชาวนา กลางวนั ตอ้ งออกไปทางาน สะดวกกลางคืน โดยใน คืนวนั ท่ี 5 ธันวาคม 2520 ร.ต.ประเสริฐจึงให้ ชาวบา้ นนาเทียนมาคนละเล่ม เพราะมนั มืด แลว้ ให้ทุกคนจุดถวายพระพรในเวลา 2 ทุ่ม ทาง อส.รายงาน ความเคลื่อนไหวน้ีไปสู่สานกั พระราชวงั ณ พระราชวงั ไกลกงั วล นนั่ เป็ นคร้ังแรกท่ีมีการจุดเทียนชยั ถวาย พระพร ปี ต่อมา 2521 จึงมีพธิ ีจุดเทียนชยั ท่ีทอ้ งสนามหลวงสืบมา เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนอง แขม เรื่องที่ 189 วนั น้ีไปท่ีไหนกจ็ ะเห็น คนสวมใส่เส้ือผา้ สีเหลือง เน่ืองมาจาก ในหลวงรัชกาลท่ี 10 พระราชสมภพใน วนั จนั ทร์ ซ่ึงมีสีประจาวนั เป็ นสีเหลือง แลว้ ทราบไหมครับวา่ ทาไมวนั จนั ทร์ ตอ้ งสีเหลือง วนั องั คารตอ้ งสีชมพู วนั น้ี จะมาบอกเล่าใหฟ้ ังครับ ประเทศไทย

รับคติความเช่ือเรื่องวนั มาจากอินเดียโดยมีตานานดงั น้ี โดยท่ีพระอิศวรสร้างเทพตา่ งๆข้ึน แลว้ เอาผา้ สีต่างๆ ห่อ โดยเทพแตล่ ะองคส์ ร้างจาก 1. วนั อาทิตย์ พระอิศวรเอาราชสีห์ 6 ตวั มาป่ น แลว้ ห่อดว้ ยผา้ สีแดง พรมดว้ ยน้าอมฤต บงั เกิดเป็นพระ อาทิตย์ มีกายสีแดง 2. วนั จนั ทร์ พระอิศวรร่ายพระเวทใหน้ างฟ้ า 15 นางกลายเป็นผงละเอียด แลว้ ห่อดว้ ยผา้ สีเหลืองอ่อน พรม ดว้ ยน้าอมฤต บงั เกิดเป็ นพระจนั ทร์ มีกายสีเหลืองนวล 3. วนั องั คาร พระอิศวรร่ายพระเวทใหก้ ระบือ 8 ตวั กลายเป็นผง แลว้ ห่อดว้ ยผา้ สีแดงหลวั พรมดว้ ยน้าอมฤต บงั เกิดเป็นพระองั คาร มีกายเป็นสีแกว้ เพทาย (แดงหลวั , ชมพ)ู 4. วนั พธุ พระอิศวรร่ายพระเวทใหพ้ ญาคชสาร 17 ตวั กลายเป็นผง แลว้ ห่อดว้ ยผา้ สีเขียวใบไม้ พรมดว้ ยน้า อมฤต บงั เกิดเป็นพระพุธ มีกายเป็นสีแกว้ มรกต 5. วนั พฤหสั บดี พระอิศวรร่ายพระเวทใหพ้ ระฤาษี 19 ตนกลายเป็นผง แลว้ เอาผา้ สีแสดมาห่อ พรมดว้ ยน้า อมฤต บงั เกิดเป็นพระพฤหสั บดี มีกายเป็นสีแสด 6. วนั ศุกร์ พระอิศวรร่ายพระเวทใหพ้ ระโค 21 ตวั กลายเป็นผง แลว้ ห่อดว้ ยผา้ สีน้าเงิน พรมดว้ ยน้าอมฤต บงั เกิดเป็นพระศุกร์ มีสีกายเป็นสีคราม 7. วนั เสาร์ พระอิศวรร่ายพระเวทใหเ้ สือ 10 ตวั กลายเป็นผง แลว้ ห่อดว้ ยผา้ สีดาหลวั พรมดว้ ยน้าอมฤต บงั เกิดเป็นพระเสาร์ มีกายสีดาหลวั หรือมว่ ง เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 190 ช่วงน้ีดูขา่ วพระราชสานกั บ่อย วนั น้ีเลยอยากนาเสนอ การใช้ ทรงใน คาราชาศพั ท์ การใชค้ าวา่ “ทรง” ในคา ราชาศพั ท์ มีหลกั 3 ประการ คือ - นาหนา้ คานามสามญั บางคาทาใหเ้ ป็นกริยาราชาศพั ท์ ได้ เช่น ทรงรถ ทรงดนตรี ทรงชา้ ง ทรงเครื่อง - นาหนา้ คากริยาสามญั ทาใหเ้ ป็นกริยาราชาศพั ท์ เช่น ทรงวงิ่ ทรงเจิม ทรงออกกาลงั กาย ทรงใช้ เป็นตน้ - นาหนา้ คานามราชาศพั ทท์ าใหเ้ ป็นกริยาราชาศพั ทไ์ ด้ เช่น ทรงพระราชดาริ ทรงพระอกั ษร ทรงพระดาเนิน ทรงพระราชนิพนธ์ เป็ นตน้ คากริยาท่ีเป็นราชาศพั ทอ์ ยู่ แลว้ ไม่ใช้ “ทรง” นาหนา้ เช่นเสวย เสดจ็ โปรด เป็นตน้ ทราาบหลกั การแลว้ ใชก้ นั ใหถ้ ูกตอ้ งนะครับ

เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 191 เตรียมความพร้อมก่อนการอบรมประวตั ิศาสตร์ กบั ช่ือและความหมายของอาณาจกั รต่าง ๆ ของคนไทย อาณาจักรสุ โขทัย \"สุ โขทัย\" มาจากสองคาคือ \"สุขขะ+อรุโณทยั \"หมายถึง\"รุ่งอรุณแห่งความสุข\" ช่ืออาณาจกั รอยุธยา คือ อโยธยา ศรีรามเทพนคร หมายถึง เมืองท่ีไม่อาจจะสู้รบดว้ ยได้ กรุงธนบุรี มี ชื่อเต็มว่า กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร แปลว่า เมืองที่ เ ป็ น ค ว า ม ย่ิ ง ใ ห ญ่ แ ห่ ง ม ห า ส มุ ท ร ส่ ว น กรุงเทพมหานคร มีช่ือเต็มวา่ กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายธุ ยา มหาดิลกภพ นพรัตนราช ธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิตย์ สักกะทตั ติยวิษณุกรรมประสิทธ์ิ ซ่ึงมี ความหมายวา่ พระนครอนั กวา้ งใหญ่ดุจเทพนคร เป็ นท่ีสถิตของพระแกว้ มรกต เป็ นมหานครท่ีไม่มีใครรบ ชนะไดม้ ีความงามอนั มน่ั คงและเจริญย่ิง เป็ นเมืองหลวงท่ีบริบูรณ์ดว้ ยแกว้ เกา้ ประการน่าร่ืนรมยย์ ่ิง มีพระ ราชนิเวศใหญ่โตมากมาย เป็ นวมิ านเทพท่ีประทบั ของพระราชาผอู้ วตารลงมา ซ่ึงทา้ วสักกเทวราชพระราช ทานใหพ้ ระวษิ ณุกรรมลงมาเนรมิตไว้ เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 192 วนั น้ีจะมาเล่าถึงท่ีมาของคลองแสนแสบ ครับ คลอง แสนแสบ เป็ นคลองท่ีขุดข้ึนตามพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้ เจา้ อย่หู วั (รัชกาลที่ 3) เพื่อ เช่ือมแมน่ ้าเจา้ พระยากบั แม่น้าบางปะกงเขา้ ดว้ ยกนั เม่ือปี พ.ศ. 2380 ดว้ ยพระราชประสงคเ์ พื่ออานวยความ สะดวกในการขนส่งอาวุธยุทธภณั ฑ์ กาลงั รบ และเสบียงอาหารไปยงั ญวน (เวียดนาม) ในราชการสงคราม ไทย-ญวน ซ่ึงใชเ้ วลารบนานถึง 14 ปี ใน คือ อานามสยามยทุ ธ สาหรับท่ีมาของช่ือคลองแสนแสบน้นั มีขอ้ สันนิษฐานดงั น้ี ว่ากนั ว่าชื่อคลองท่ีเรียกว่า \"แสนแสบ\" น้ันเพราะยุงชุม โดยมีหลกั ฐานจากบนั ทึกการ เดินทางของนกั สารวจชาวองั กฤษชื่อนาย ดี.โอ. คิง ความวา่ \"...คลองน้ียาวถึง 55 ไมล์ เช่ือมนครกรุงเทพฯ กบั แมน่ ้าบางปะกง บริเวณที่ราบชนบท... คนพ้ืนเมืองเป็ นคนเช้ือสายมาเลย.์ .. ไม่วา่ พวกเขาจะทาอะไรอยกู่ ็ ตาม มือขา้ งหน่ึงจะตอ้ งใชป้ ัดยงุ เสมอ ...\" เป็ นคาท่ียืมมาจากภาษาเขมรวา่ \"แสสาบ\" เพราะในสมยั หน่ึงคน ไทยเคยเรียกทะเลวา่ \"เส\" หรือ \"แส\" ส่วนคาว่า \"สาบ\" เป็ น ภาษาเขมรแปลว่า \"จืด\" คาน้ี คนไทยยืมมาใช้เรี ยกทะเลน้ า จืดว่า \"ทะเลสาบ\" อย่างท่ีใช้ กนั อยู่ในปัจจุบนั ดังน้ัน \"แส สาบ\" หรือที่แปลวา่ ทะเลน้าจืด อาจถูกนามาใช้เรี ยกคลองน้ า

จืดอนั กวา้ งและยาวแห่งน้ี แลว้ เพ้ียนเสียงกลายมาเป็ น \"แสนแสบ\" ตามกาลเวลาท่ีผ่านไป ประกอบกับ ในช่วงตน้ กรุงรัตนโกสินทร์ ไทยไดก้ วาดตอ้ นเชลยศึกชาวเขมรมาต้งั บา้ นเรือนอยทู่ ่ียา่ นบางกะปิ เป็ นจานวน มาก ชาวเขมรจึงอาจเรียกคลองที่ไหลผา่ นแหล่งชุมชนของตนดว้ ยภาษาเขมร แลว้ เพ้ยี นมาเป็ นแสนแสบดงั ท่ี กล่าวไปแลว้ \"แสนแสบ\" น่าจะเพ้ียนมาจากคามลายู \"เซนแญป\" เป็ นชื่อเรียกขานของชาวมุสลิมที่ถูกกวาด ตอ้ นมาจากหวั เมืองภาคใต้ สมยั พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุง รัตนโกสินทร์ และมาต้งั บา้ นเรือนแถบวดั ชนะสงคราม กระทง่ั สมยั รัชกาลท่ี 3 เมื่อขุดคลองแลว้ เสร็จและ เสร็จศึกจึงให้มาอยตู่ ามแนวคลองน้นั และเนื่องจากเคยอาศยั อยรู่ ิมคลองใกลท้ ะเล กระแสน้าแรง เมื่อมาอยู่ ริมคลองที่น้าไหลชา้ ค่อนขา้ งน่ิง จึงเรียกคลองน้ีว่า \"สุไหงแซนแญบ\" หรือคลองที่เงียบสงบ โดยสุไหง แปลวา่ คลองหรือแม่น้า และแซนแญบหมายถึงเงียบสงบ ต่อมาจึงเรียกเพ้ยี นกนั ไปเป็นแสนแสบ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 193 วนั น้ี ไดไ้ ปอุทยาน ร 2 และไดเ้ ห็นหวั โขนทศกณั ฐ์ ซ่ึงทศกณั ฐ์น้นั ท่านวา่ เป็ นพญายกั ษ์ มีสิบเศียรย่ีสิบกร แต่เรามาลองนบั กนั จริงๆดู เศียรช้นั ล่าง ก็ทาเป็ นสี่หนา้ ลงตวั สูงข้ึนอีกช้นั ก็ทา เป็ นสี่หนา้ ยอ่ มลงหน่อยตามสัดส่วนมงกุฎ บนสุดหน่ึงเศียร แต่ทาเป็ นรูปเทวดาไม่ใช่ยกั ษอ์ ยา่ งขา้ งล่าง หมายถึงพรหม เพราะโคตรวงศ์ของทศกัณฐ์น้ันเป็ นพรหมผู้ทรงธรรม 4+4+1 ..... ได้ 9 อ่าว หายไปไหนหน่ึง???? หนา้ ที่รวมกนั ให้ ได้ 10 คือหนา้ ของผแู้ สดงนนั่ เอง เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 194 ช่วงน้ีโดนฉีดยาบ่อย ไปแตล่ ะคร้ังก็าไม่ซ้าที่กนั บางที ก็ฉีดท่ีกน้ บางทีฉีดที่แขน ทาไม หมอถึงเลือกที่ฉีดยาแต่ละชนิด ไม่เหมือนกนั มีผเู้ ชี่ยวชาญท่านหน่ึงตอบมาว่า ฉีดที่แขนจะใชก้ บั ยาฉีดที่ดูดซึมไดด้ ีในช้นั ไขมนั หรือช้นั กลา้ มเน้ือท่ีปริมาณยาไม่ มาก ไม่ควรเกิน 2 cc. ถา้ ปริมาณยามากกว่าน้ีจะฉีดที่กน้ เพราะ กลา้ มเน้ือมดั ใหญ่กว่า ทาให้รองรับปริมาณยาไดม้ ากกว่าและทน ต่อการระคายเคืองไดด้ ีข้ึน หรือพิจารณาแลว้ วา่ คนไขต้ อ้ งใช้แขน เช่น หลงั ฉีดตอ้ งการใชง้ านที่กลา้ มเน้ือแขน เป็ นตน้ กลา้ มเน้ือที่กน้ น้นั เป็ นกลา้ มเน้ือ Intra muscular injection เป็ นอีกวิธีการหน่ึงใน การบริหารยา สะดวกกวา่ การฉีดเขา้ เส้นเลือดดาเพราะไม่ตอ้ งคลา หาเส้นเลือด และโอกาสเกิดอาการแพย้ ารุนแรง ก็น้อยกว่าด้วย และเน่ืองจากกล้ามเน้ือมีเส้นเลือดมาเล้ียงมาก ยาก็จะซึมเข้าสู่

กระแสเลือดไดเ้ องในที่สุดนนั่ เอง ส่วนฉีดที่อ่ืนๆ ข้ึนอยกู่ บั ความสามารถในการดูดซึมของยา บางตวั ดูดซึม ไดด้ ีในช้นั กลา้ มเน้ือ บางตวั ในช้นั ไขมนั ส่วนการฉีดเขา้ หลอดเลือด เหมาะสาหรับกรณีตอ้ งการให้ยาออก ฤทธ์ิเร็วหรือยาน้นั ไมเ่ หมาะกบั ช้นั กลา้ มเน้ือ/ไขมนั เช่น อาจไมด่ ูดซึม หรือก่อใหเ้ กิดการระคายเคืองมาก เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 195 วนั น้ีขอนาเสนอเร่ืองติ่มซา ต่ิมซา (Dim Sum หรือ 點心) ถือเป็ นอาหารว่างหรืออาหารเรียกน้าย่อย ช้ันเยี่ยมท่ีนิยมกนั มากในประเทศจีน โดยเฉพาะ เมืองกวา่ งโจว (廣州) ซ่ึงมีช่ือเสียงเรื่องต่ิมซามา อย่างยาวนาน คาว่า \"ต่ิมซา\" น้นั เป็ นการเรียกรวม อาหารหลากหลายชนิดซ่ึงโดยส่วนมากจะเป็ น อาหารประเภทห่อน่ึง อาทิเช่น ขนมจีบ ฮะเก๋ า ซาลาเปา ฝ่ันโก๋ กุยช่าย โดยเสิร์ฟมาในภาชนะใบ เล็ก อาทิเช่น เข่งต่ิมซาไมไ้ ผ่ หรือ จานขนาดเล็ก นอกจากน้ียงั มีอาหารประเภททอดเรียกรวมอยใู่ นต่ิมซาดว้ ย อาทิเช่น เก๊ียวซ่า เก๊ียวกรอบ ปอเป๊ี ยะ ฯลฯ โดย ไส้ของต่ิมซาจะมีท้งั เน้ือสัตว์ หรือเป็ นแป้ งน่ึง เช่น หมนั่ โถว เสี่ยวหลงเปา (小籠包) ช่ือเดิมของ ต่ิมซา คือ “ซิ้วไหม” แปลวา่ \"ขายร้อนๆ\" เพราะวา่ ปกติแลว้ ติ่มซาจะรับประทานตอนท่ียงั ร้อนๆ โดยรับประทาน ร่วมกบั น้าจิ้มต่างๆ อยา่ งเช่น ซีอ๊ิว ซอสพริก ซอส XO (ซอสซีฟ้ ูดเผด็ ) ซอสเปร้ียว (จ๊ิกโฉ่ว 浙醋) ซอส เซ่ียงไฮ้ หรืออาจรับประทานร่วมกบั คอ้ มเจือง หรือ น้าส้มเจือง ซ่ึงเป็ นซอสลกั ษณะสีแดงขุ่น รสชาติหวาน ซ่ึงเป็ นซอสเอกลกั ษณ์ของชาวจงั หวดั ตรัง คนจีนนิยมรับประทานติ่มซาร่วมกบั น้าชาร้อน ซ่ึงชาวเมือง กว่างโจวจะเรียกน้าชาว่า \"หยาฉ่า\" (飲茶) โดยรับประทานในตอนช่วงสายของวนั พร้อมกบั การพูดคุย ในวงสนทนา แต่ในปัจจุบนั เนื่องจากติ่มซาน้นั ไดร้ ับความนิยมไปทวั่ โลก จึงสามารถหาติ่มซารับประทาน ไดท้ ุกเวลา เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 196 ใกลว้ นั แม่แลว้ ทราบไหมครับวา่ ทาไม เราถึงใชด้ อก มะลิไหวแ้ ม่ การที่ใชด้ อกมะลิ เป็ นสัญลกั ษณ์วนั แม่ ก็เพราะดอกมะลิเป็ นดอกไมท้ ่ีมีสีขาวบริสุทธ์ิ มีกลิ่น หอมที่หอมไปไกลและหอมไดน้ าน ผลิดอกไดท้ ้งั ปี อีกท้งั ยงั นาไปปรุงเป็ นเครื่องยาหอมใช้บารุงหัวใจได้ด้วย ซ่ึง คุณสมบตั ิเหล่าน้ีเปรียบไดก้ บั ความรักอนั บริสุทธ์ิลึกซ้ึงที่ แม่มีต่อลูก เป็ นความรักท่ีเป่ี ยมไปดว้ ยความเมตตากรุณาท่ี ไม่มีท่ีสิ้นสุด และไม่มีพิษมีภยั มีแต่ความชุ่มช่ืนใจดง่ั ความ หอมของดอกมะลิ รักแมใ่ หท้ ุกวนั ไมเ่ ฉพาะวนั แม่นะครับ

เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 197 วนั น้ีไดก้ ินขนมบวั ลอยเลยอยากเล่าถึงที่มาของขนม ชนิดน้ีครับ โโยตานานของบวั ลอย ซ่ึงมีท่ีมาท่ีไม่ธรรมดาวา่ เป็ นเร่ืองราวที่เกิดในอดีตกาลหญิงสาวทอ้ งแก่ คนหน่ึง นามว่า \"บวั \" ตอ้ งการแบ่งเบาภาระสามี ดว้ ยการทาขนมขายจึงทาขนมใส่เรือแลว้ พายไปขาย แม้ สามีจะห้ามอยา่ งไรก็ไม่ฟัง ชาวบา้ นที่ตอ้ งการจะ ซ้ือจะตะโกนเรียกเธอ \"บวั จ๋า...บวั ลอยมาทางน้ี หน่อย\"และดว้ ยฝี มือการทาขนมและรสชาติของ ขนมซ่ึงทาจากกะทิ มีความเอร็ดอร่อย ติดอกติดใจ ชาวบา้ นจนใครๆก็เรียกเธอว่า \"บวั ลอย\"วนั หน่ึง เม่ือสามีกลบั มาจากทางาน ไมเ่ ห็นภรรยาอนั เป็ นที่ รัก จึงพายเรือตามหานางบวั พร้อม กบั ร้องตะโกน ว่า “บวั ลอย บวั ลอย” แต่ก็ไม่พบแมแ้ ต่เรือของ เธอ หลงั จากน้นั ไมน่ านก็มีคน พบศพเธอลอยไปติดอยทู่ ี่ท่าเรือของวดั ในคลอง คาดวา่ คงเป็ นเพราะเรือล่มจึง มีการนาข้ึนมาทาพิธีตามศาสนา และขนมที่เธอทาขายน้นั จึงมีชื่อเรียกวา่ บวั ลอย ตามชื่อของเธอ เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 198 วนั น้ีไม่วา่ เราจะไปท่ีไหนก็จะไดย้ ินเพลงค่าน้านม ทราบไหมครับวา่ เพลงน้ีมีที่มาอย่างไร เดิมที่แลว้ เพลงค่า น้านมเดิมไม่ใช่เพลงประจาวนั แม่ โดยเน้ือร้องของเพลงค่า น้านม ผลงานการประพันธ์ของครูไพบูลย์ บุตรขนั (4 กนั ยายน 2461 – 29 สิงหาคม พ.ศ. 2515)เรียบเรียงเสียง ประสานโดย สง่า อารัมภีร และ ประกิจ วาทยกร (บุตรชาย ของพระเจนดุริยางค์) เพลงค่าน้านมมีการขับร้องและ บนั ทึกเสียงคร้ังแรกโดย ครูชาญ เยน็ แข เมื่อ พ.ศ. 2492 โดยในคร้ังแรกครูไพบูลย์ บุตรขนั ต้งั ใจจะใหค้ รูบุญ ช่วย หิรัญสุนทรเป็นผรู้ ้อง หากแตค่ รูบุญช่วย หิรัญสุนทรไมส่ บาย จึงเปลี่ยนมาใหค้ รูชาญ เยน็ แข เป็ นผรู้ ้อง แทน เพลงค่าน้านมไดอ้ อกวางจาหน่ายเมื่อวนั ท่ี4 มิถุนายนพ.ศ. 2492 โดยบริษทั นาไทย จากดั แผน่ เสียงตรา สุนขั สลากเขียว เป็นแผน่ ครั่งขนาด 10 นิ้ว ความเร็ว 78 รอบต่อนาที ขายได้ 800 แผน่ ซ่ึงถือวา่ เป็ นปริมาณท่ี มากพอสมควร วตั ถุประสงคข์ องการแต่งเพลงค่าน้านมน้นั ครูไพบูลยบ์ ุตรขนั ไดแ้ ต่งข้ึนเพื่อมอบให้กบั มารดาของครู คือ นางพร้อม ประณีต (ประณีตเป็นนามสกลุ เดินของครูไพบลู ย)์ ซ่ึงเป็ นผดู้ ูแลครูไพบูลย์บุตร ขันอย่างใกล้ชิดต้ังแต่วัยหนุ่ม ท้ังน้ีเพราะครูไพบูลย์ป่ วยเป็ นโรคเร้ื อนซ่ึงเป็ นที่รังเกียจของสังคม เพราะฉะน้นั ครูไพบูลย์ บุตรขนั ไม่ไดป้ ระพนั ธ์เพลงเพ่ือแม่ของใคร แต่เพื่อแม่ของครูท่านเอง โดยท้งั น้ีครู ไพบูลย์ ไดป้ ่ วยเป็ นโรคเร้ือน คนท่ีเคยรักท่านก็ทิ้งท่านไปเหลือเพียงแต่แม่ที่คอยดูแลท่าน ต่อมาในปี รุ่งข้ึน เมื่อมีการจดั กิจกรรมวนั แม่แห่งชาติ 15 เมษายน ทางสถานีวทิ ยกุ ระจายเสียงไดเ้ ปิ ดเพลงค่าน้านม จึงทาให้ เพลงน้ีกลายเป็นเพลงประจาวนั แมม่ าต้งั แต่คร้ังน้นั เป็นตน้ มา

เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 199 พรุ่งน้ีตอ้ งนงั่ รถตูไ้ ปอบรม ทราบกนั ไหม ครับ ว่าน่ังรถตูต้ รงไหนปลอดภยั ท่ีสุด โดยรถตูท้ ่ีว่ิงด้วย ความเร็วสูงมีโอกาสปะทะจากดา้ นหนา้ มากที่สุดราว 35 – 40% ทาให้ที่น่ังเบอร์ 1 และ 2 เป็ นฝันร้าย สาหรับคุณเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน โดยสัญชาตญาณ เอาตวั รอด คนขบั จะเล่ียงการปะทะโดยเอาที่นงั่ 1 รับ แรงกระแทกก่อนเสมอ บริเวณใกลป้ ระตูก็เส่ียงไม่ นอ้ ย เบอร์ 3,6 และ 16 (หากมีการต่อเติม) โครงสร้าง ประตูเป็ นจุดบอบบาง อาจเกิดการยุบตวั จนบ้ีเขา้ กบั ผโู้ ดยสาร และที่น่งั ดา้ นทา้ ย เบอร์ 13 และ 14 ก็ อนั ตรายไม่แพก้ นั เพราะ อาจถูกรถคนั หลงั พุง่ ชนคิดเป็ น 10% ดงั น้นั ที่นง่ั ท่ีปลอดภยั ท่ีสุดคือ 7 , 9 และ 10 จบั จองกนั ใหด้ ีๆ นะครับ เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 200 เคยสงสัยกนั ไหมครับวา่ ทาไม เราถึงเรียกกลว้ ยท่ีเรา ทานวา่ กลว้ ยน้าวา่ น้าวา้ คืออะไร คาว่า วา้ ก็คือละวา้ ซ่ึงเป็ นกลุ่มชาติพนั ธุ์ดึกดาบรรพข์ องอุษาคเนยห์ รือ สุวรรณภูมิในตระกูลมอญ-เขมร มีหลกั แหล่งทวั่ ไปท้งั หุบเขาและทุ่งราบ ต้งั แต่มณฑลยูนนานลงมาถึง ลา้ นนา ต่อเน่ืองถึงลุ่มน้าเจา้ พระยา ทางลา้ นนาเรียกพวกน้ีว่าลวั ะ ทางพม่าเรียก วา้ เฉยๆ ไทยใหญ่เรียก ลา้ ถ่ินอ่ืนๆ อาจมีชื่ออยา่ งอ่ืนอีกก็ได้ ซ่ึงในบริเวณที่ชาววา้ อาศนั อยู่ เป็ นบริเวณน้ีมีลาน้าขนาดใหญ่เช่น ลาน้า น่าน ลาน้าวา้ ซ่ึงการท่ีมีลาน้าที่ไหลตลอด ปี และมีพ้ืนที่ราบระหว่างหุบเขามาก จึง ท า ใ ห้ ก า ร ท า ก า ร เ ก ษ ต ร ใ น พ้ื น ที่ แ ห่ ง น้ ี สามารถทาไดต้ ลอดปี และ กลว้ ยก็เป็ นพืช หน่ึงที่มนุษยน์ ิยมปลูกไวใ้ ชป้ ระโยชน์มา นานแล้ว เนื่องจากสามารถใช้ประโยชน์ จากส่วนตา่ งๆ ไดท้ ้งั หมดไม่วา่ จะเป็ นดา้ น อุปโภค และบริโภค และยงั มีกลว้ ยป่ าสาย พนั ธุ์หน่ึงท่ีพบไดใ้ นป่ าแถบน้ี โดยเฉพาะ บริเวณลาน้าวา้ และเป็ นที่นิยมนาของชาวบา้ นเพื่อเอามาปลูกเนื่องจาก มีเน้ือมาก เมล็ดนอ้ ย ปลูกไดง้ ่าย ทา ให้เกิดเพาะและขยาย ปรับปรุงพนั ธุ์ จนมีชื่อเสียง ส่งขายไปยงั หัวเมืองต่าง จนท่ีนิยมเลยติดปาก.. ตาม แหล่งกาเนิดของกลว้ ยชนิดน้ีวา่ \"กลว้ ยน้าวา้ \"

เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 201 ปัญหาเคร่ืองโทรศพั ท์คา้ ง น่าจะเป็ นปัญหาที่ผูใ้ ช้ สมาร์ทโฟนหลายๆ ท่าน คงจะเคยเจอะเจอมากนั บา้ งแลว้ กบั อาการ เคร่ืองเอ๋อ เครื่องคา้ ง ที่สามารถเกิดข้ึน ไดก้ บั มือถือแอนดรอยด์ ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็ น รุ่นระดบั ล่าง, รุ่นเม่ือ 4 ปี ที่แลว้ หรือแมแ้ ต่ รุ่นเรือธงท่ีเพ่ิง เปิ ดตวั และจาหน่ายมาไม่นานก็ตาม แน่นอนวา่ ปัญหาดงั กล่าว เกิดข้ึนมาจาก ซอฟทแ์ วร์ ท่ีสมาร์ทโฟนรุ่น น้นั ๆ ใชอ้ ยนู่ น่ั เอง และเม่ือเกิดปัญหาดงั กล่าว ผใู้ ชง้ านหลายราย มกั จะแกป้ ัญหาไม่ค่อยถูก ส่วนใหญ่มกั จะ ให้ร้านตูเ้ ช็คสภาพให้วา่ เกิดอะไรข้ึนกนั แน่ แต่ก่อนที่จะส่งซ่อม หรือส่งเขา้ ศูนย์ เมื่อเคร่ืองเกิดอาการคา้ ง หรือแฮงค์ ยงั พอมีวิธีแกไ้ ขในเบ้ืองตน้ กนั บา้ ง กบั การ Force Reset นนั่ เอง โดยแต่ละรุ่น ก็จะมีวิธีแกไ้ ขที่ แตกตา่ งกนั ออกไป มาดูกนั วา่ มือถือแอนดรอยด์ กบั การ Force Reset ทาอยา่ งไรไดบ้ า้ ง วิธีท่ี 1 สาหรับ มือถือแอนดรอยด์ ที่สามารถถอด แกะฝาหลังได้ ให้เลือกวิธีแรกด้วยการ ถอด แบตเตอร่ีออก เพอ่ื ใหต้ วั เคร่ือง Shut down แลว้ ค่อย เปิ ดเครื่ องข้ึนมาใหม่ ซ่ึ งการถอดแบตเตอรี่ ออกแบบน้ี ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อตวั เครื่องครับ วิธีที่ 2 สาหรับรุ่นที่ไม่สามารถถอดแกะฝาหลงั ได้ ให้ลองทาวิธีน้ีดู ด้วยการกดป่ ุม Power คา้ งเอาไว้ ราวๆ 10-20 วนิ าที วธิ ีน้ีจะเป็นการ Reboot ตวั เคร่ืองนน่ั เอง แต่ถา้ กดป่ ุม Power แลว้ ยงั ไม่มีอะไรเกิดข้ึน ให้ ทาตามวธิ ีถดั ไปครับ วธิ ีที่ 3 สาหรับ มือถือแอนดรอยด์ ที่กดป่ ุม Power คา้ งไวแ้ ลว้ ไมไ่ ดผ้ ล ใหล้ องกดป่ ุม Power และป่ ุมลดระดบั เสียงพร้อมกนั คา้ งไวป้ ระมาณ 10-20 วนิ าที วธิ ีที่ 4 และสุดทา้ ย ถา้ หากทาตามวิธีท่ี 2 และ 3 แลว้ ไม่เกิดผลใดๆ ใหเ้ ปล่ียนเป็ นกดป่ ุม Power และป่ ุมเพ่ิม ระดบั เสียงพร้อมกนั คา้ งไวป้ ระมาณ 10-20 วนิ าที จะเป็นการ Reboot ไดอ้ ีกวธิ ีหน่ึงครับ อยา่ งไรก็ดี ถา้ หากผใู้ ชท้ าตาม 4 วิธีขา้ งตน้ แลว้ ไม่เกิดผลใดๆ ใหล้ องเปิ ดคู่มือการใชง้ านและคน้ หาวิธีการ แกไ้ ขเสียก่อน แต่ถา้ หากหาคู่มือไม่เจอ ใหส้ ่งศนู ยเ์ พ่อื ตรวจเช็คจะดีที่สุดครับ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 202 ทาไม เวลาเราซ้ือหมูยอ ถึงตอ้ งห่อใบตองหนาๆ ดว้ ย พอแกะออกมามีหมูยอนิดเดียว สาเหตุที่ตอ้ งห่อใบตองหนาๆเพราะว่า การทาหมยู อดว้ ยวธิ ีการพ้นื บา้ นต้งั แต่โบราณของการทาหมูยอ จะตอ้ งห่อ ใบตองหนาหลายช้นั เพื่อใหห้ อม รักษาสภาพไดห้ ลายวนั โดยไม่ตอ้ งแช่ เยน็ และเพื่อการกนั น้าในระหว่างท่ีตม้ และถ้าห่อบาง เวลาน่ึงหรือตม้ หมูยอจะแตกออกมาครับ คนทาจึงเพียรพยายามห่อใบตองหลายๆช้ัน ท้งั น้ี ความเห็นส่วนตวั หมยู อห่อใบตองจะอร่อยกวา่ หมูยอท่ีไม่ห่อเยอะมาก

เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 203 สงสัยกนั ไหมครับวา่ ทาไมเราเรียกหมูยอวา่ หมูยอ หมู มนั ไปยออะไรเขา้ ท้งั น้ีหมูยอน้นั กล่าวไดว้ ่าเป็ นอาหาร เวียดนามซ่ึงนอกจากมีท่ีมาจากชาวเวียดนามแลว้ สิ่งท่ี บอกได้ชัดเจนท่ีสุดคือ ช่ือ คาว่า “ยอ” น้ันมาจากคาว่า “หยอ่ ” (Giò) ที่ยอ่ จากหยอ่ หลวั ะ (Giò lụa) ซ่ึงเป็ นชื่อท่ี คนทางเหนือเรียก ส่วนคนทางใต้จะเรียกว่า จ๋าหลวั ะ (Chả lụa) ซ่ึงเม่ือเขา้ มาในไทย คนไทยเลยเรียกใหง้ ่ายๆ วา่ หมูยอ นนั่ เอง ท้งั น้ีในเมืองไทยนิยมกินหมูยอเน้ือลว้ น แต่ในเวียดนามน้นั หมูยอยงั แบ่งไดห้ ลากหลายชนิดตามเครื่องท่ีใส่ลงไปท้งั หนงั หมู เรียกวา่ หย่อหลวั ะบี่ (Giò lụa bì) ใส่หูหมูและหวั หมู เรียกวา่ หยอ่ ถือ (Giò thủ) และยงั มีหยอ่ บอ่ (Giò bò) ท่ีทามาจากเน้ือววั เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 204 วนั น้ีมีหลายคนไปสอบเป็น ครู สพฐ กนั ก็เลยอยาก เล่าถึงการสอบเป็นขนุ นางของจีน ท่ีเราเรียกกนั วา่ สอบจอหงาน คาวา่ \"จอหงวน\" ในภาษาจีนกลางออกเสียง วา่ \"จว้ งเหยวยี น\" โดยความหมายแปลไดว้ า่ “ยอดเยยี่ ม เป็นท่ีหน่ึง” การสอบจอหงวน เป็นการสอบเขา้ รับราชการ ในจีนมีมาต้งั แต่ราวคริสตวรรษที่ 7 ซ่ึงเดิมเรียกวา่ การ สอบ “เคอ จ”ู่ ท้งั น้ี อาชีพรับราชการในจีนน้นั ถือเป็น อาชีพในฝันของชาวจีน เนื่องจากมีความมน่ั คงสูง ในสมยั ราชวงศช์ ิง สมเดจ็ พระจกั รพรรดิไทจ้ ู่ ปฐมกษตั ริย์ ราชวงศช์ ิง โปรดฯใหม้ ีการปรับปรุงการสอบใหมท่ ้งั ฝ่ ายบุ๋นและฝ่ ายบู๊ ต่อมาไดม้ ีการปรับปรุงอีกหลายคร้ัง โดยแบง่ การสอบออกเป็น 4 ระดบั สรุปไดด้ งั น้ี 1. การสอบระดบั อาเภอ จดั ข้ึนทุกปี ผสู้ อบไดเ้ รียกวา่ ซิวไจ๊ (ผมู้ ีเชาวน์ดี) 2. การสอบระดบั มณฑล จดั ข้ึนทุก 3 ปี ผสู้ อบไดเ้ รียกวา่ กือหยนิ (ยกใหเ้ ป็นคน) 3. การสอบระดบั เมืองหลวง จดั ข้ึนทุก 5 ปี ผสู้ อบไดอ้ นั ดบั ที่ 1 เรียกวา่ ฮงั่ ลิ้ม (บณั ฑิต) อนั ดบั ที่ 2 เรียกวา่ จิ่นสือ (เลื่อนเป็นนกั ศึกษา) 4. การสอบระดบั ราชสานกั บรรดาผทู้ ี่สอบไดอ้ นั ดบั ที่ 1 จะมีสิทธิเขา้ สอบหนา้ พระท่ีนง่ั สอบไดท้ ี่ 1 เรียกวา่ จอหงวน (ท่ี 1 ของประเทศ) สอบไดท้ ี่ 2 เรียกวา่ ป๋ังเหยยี่ น (ที่ 2 ของประเทศ) และ สอบไดท้ ่ี 3 เรียกวา่ ทน่ั ฮ วา (ที่ 3 ของประเทศ) โดยการสอบระดบั ราชสานกั ใชข้ อ้ สอบที่กษตั ริยท์ รงเป็นผอู้ อกเอง การสอบจะแบง่ ออกเป็ น 3 กลุ่ม เรียกวา่ ซานจยา่ ผทู้ ่ีสอบไดอ้ นั ดบั 1 ถึง 3 ในแตล่ ะกลุ่มรวมกนั 9 คน เรียกวา่ จิ้นซื่ อ จาก น้นั จิ้นซื่อยงั ตอ้ งเขา้ สอบในเขตพระราชฐานอีก โดยการสอบคร้ังน้ีจะมีขนุ นางช้นั สูงเป็ นผตู้ รวจขอ้ สอบ เม่ือ เสร็จสิ้นการสอบจะมีการจดั ลาดบั ตามอนั ดบั ในการสอบระดบั ราชสานกั และคะแนนจากการสอบในเขต พระราชฐาน จากน้นั กษตั ริยจ์ ะเป็นผพู้ ระราชทานตาแหน่งขนุ นางแก่บณั ฑิตเหล่าน้ีตามความเหมาะสม

เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 205 ช่วงน้ีติดน้าอดั ลม และจะมีปัญหาเรื่องน้าแขง็ ละลาย เร็ว เลยไปหาวธิ ีทาใหน้ ้าแขง็ ละลายชา้ มาฝากครับ 1. น้าแขง็ ยง่ิ กอ้ นใหญ่ ยง่ิ ละลายชา้ - วธิ ีง่ายแรกท่ีสุด เลย คือ พยายามทาน้าแขง็ กอ้ นใหญๆ่ เขา้ ไว้ ถา้ ไม่อยาก ซ้ือท่ีทาน้าแขง็ ใหม่ ก็พยายามเติมน้าเขา้ ไปไดม้ ากท่ีสุด เท่าท่ีจะทาไดค้ รับ 2. ตม้ น้าใหเ้ ดือดๆ ก่อนทาน้าแขง็ - วธิ ีต่อมาเริ่มยงุ่ ยาก ข้ึนมากไปอีก เพราะวา่ เราตอ้ งการใหน้ ้าแขง็ มีความ หนาแน่นมากที่สุด หรือพดู ง่ายๆก็คือ ไมอ่ ยากใหม้ ีฟองอากาศในน้าแขง็ เพราะถา้ ยง่ิ ไม่มีฟองอากาศแทรก อยู่ น้าแขง็ กจ็ ะมีปริมาณมากกวา่ เดิมอีก ซ่ึงเรากส็ ามารถทาไดโ้ ดยการตม้ น้าใหเ้ ดือดๆเพือ่ ไล่ฟองอากาศครับ รอให้เยน็ แลว้ ก็คอ่ ยแช่ตูเ้ ยน็ ในระหวา่ งท่ีรอก็ควรหาอะไรมาปิ ดฝาใหม้ ิดชิด 3. เติมเกลือเล็กนอ้ ย - ตอนที่ตม้ น้าอยกู่ ็ใหเ้ ติมเกลือเขา้ ไปครับ แต่อนั น้ีเป็นเทคนิคท่ีบางคนชอบ บางคนก็ไม่ ชอบ เพราะน้าแขง็ อาจจะทาใหร้ สชาติเครื่องด่ืมเปลี่ยนไปได้ แตก่ ารเติมเกลือจะทาให้น้าแขง็ ละลายชา้ ลง ครับ จะมากนอ้ ยแค่ไหนกข็ ้ึนอยปู่ ริมาณที่เพื่อนๆทา แตโ่ ดยส่วนตวั แลว้ ผมไม่คอ่ ยกลวั เคม็ เพราะเอาไปกิน น้าโคก้ หรือเป๊ ปซ่ี ดงั น้นั รสชาติเปล่ียนนิดหน่อยไมเ่ ป็ นไร เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 206 ช่วงน้ีใครตามขา่ วต่างประเทศ จะรู้วา่ คา่ เงินลีร่าของ ตุรกีตกอยา่ งหนกั วนั น้ีเลยอยากเล่าถึงท่ีมาของหน่วยเงินตุรกี ครับ สกลุ เงินของประเทศตุรกีคือคือ “lira” ซ่ึง มาจากคาวา่ “libra” ในภาษาละติน ซ่ึงหมายถึงน้าหนกั 1 ปอนด์ (ซ่ึงเป็นท่ีมาของสกุลเงินองั กฤษ) ซ่ึง น้าหนกั 1 ปอนด์ ที่เป็ นหน่วยชงั่ น้าหนกั โดย 1 lb = 0.45 กิโลกรัมโดยประมาณ ท้งั น้ี ค่าเงินตุรกีตอนน้ี 1 ลีร่า ประมาณ 5.36 บาท หล่นจาก สปั ดาห์ท่ีแลว้ มาเยอะเลย เพราะสปั ดาห์ที่แลว้ ตอ้ งใชถ้ ึง 8 บาทกวา่ ถึงจะได้ 1 ลีร่า

เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 207 ช่วงน้ีกาลงั สนใจวกิ ฤตตุรกี แลว้ ก็เลยอยากเล่าถึงสัตว์ ชนิดหน่ึงที่มีชื่อเรียกวา่ Turkey หรือไก่งวง ทาไม คนองั กฤษ ถึงเรียกไก่งวงวา่ ตุรกี แลว้ คนตุรกี เรียกไก่งวง วา่ อะไร เรื่องมนั เร่ิมตน้ ที่นกชนิดหน่ึง ซี่งไม่เกี่ยวกบั ไก่งวงเลย คือเป็ นคนละสปี ชีส์กนั เป็ นไก่ที่มีหงอนบน หวั ซ่ีงมีชื่อวทิ ยาศาสตร์วา่ Numida meleagris เป็ นนกตวั ใหญ่ๆ คลา้ ยๆนกกระทา พบบนเกาะมาดากาสการ์ ดว้ ยความท่ีเน้ือมนั อร่อย ก็มีคนจบั แลว้ นามนั ไปขายให้คนในยุโรปกิน ซ่ึงคนที่นานกชนิดน้ีเขา้ ไปขายใน ยโุ รปน้นั เป็ นพ่อคา้ ชาวตุรกี ท่ีฝรั่งเรียกวา่ Turkish merchant พ่อคา้ ชาวตุรกียุคน้นั เรียกนกชนิดน้ีวา่ นกกินี หรือ Guinea fowl ตามช่ือของประเทศกีนีซ่ึงเป็นประเทศเล็กๆท่ีอยทู่ างตะวนั ตกเฉียงเหนือของทวปี แอฟริกา เพราะเช่ือวา่ นกชนิดน้ีมาจากประเทศกินี (ท้งั ๆที่นกชนิดน้ีไม่ไดเ้ กี่ยวกบั ประเทศกีนีเลย แต่มนั มาจากเกาะ มาดากาสการ์ซ่ึงอยทู่ างตะวนั ออกเฉียงใต)้ แต่ก็อยา่ งวา่ ละครับ เรากาลงั คุยกนั ถึงยุคที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยไป เมืองนอก (จริงๆนอกเมืองยงั ไม่ค่อยไดไ้ ปเลยครับ) แผนที่โลกก็ยงั ทากนั ไม่เสร็จ ชาวบา้ นทว่ั ไปไม่รู้หรอ กวา่ ทวีปแอฟริกาอยตู่ รงไหน ชาวยโุ รปมีตงั ค์ท่ีซ้ือนกไปกินก็ไม่ค่อยรู้จกั ท้งั กีนีและเกาะมาดากาสการ์ เลย มกั เรียกนกท่ีซ้ือมาน้ีตามเช้ือชาติของพ่อคา้ ท่ีนามาขาย เช่น นกจากพ่อคา้ ตุรกี สุดทา้ ยนกชนิดน้ีเลยไดช้ ่ือวา่ turkey ตามเช้ือชาติของพ่อคา้ ไป ยงั ไม่จบครับ เพราะ turkey ท่ีคนยโุ รปกินในตอนน้นั กบั turkey ท่ีฝร่ังกิน กนั ในปัจจุบนั มนั เป็ นนกคนละสปี ชีส์กนั สมยั น้นั เขากินนกกินี (ซ่ึงจริงๆแลว้ มาจากมาดากาสการ์) มนั มี เรื่องราวบางอยา่ งท่ีทาให้ช่ือเดิมเปล่ียนไปเป็ นนกสปี ชีส์ใหม่ได้ เรื่องมนั เกิดข้ึนเ มื่อพอ่ คา้ นกั รบชาวเสปน ท่ีรู้จกั กันในชื่อคอนคิสตาดอร์ (conquitadors) เดินทางไปถึงทวีป อเมริกาเพื่อท่ีจะไปคน้ หาทองคา แลว้ ก็ไปพบนกสายพนั ธุ์หน่ึงท่ีชาว พ้ืนเมืองช่ือ แอซเทค (Aztec) เล้ียงไวเ้ ป็ นอาหาร นกชนิดน้ีหนา้ ตามนั คลา้ ยกบั นกกินี (แต่มาจากมาดากาสการ์แลว้ ฝรั่งเรียกว่าตุรกี) มาก รสชาติก็ยงั อร่อยคล้ายๆกันด้วย ชาวยุโรปก็จับนกชนิดน้ีลงเรือ กลบั มาให้ชาวยุโรปไดล้ องชิมกนั บา้ ง ชาวบา้ นคนทวั่ ไปเม่ือเห็นไก่ จากดินแดนไกลสองท้ังน้ีก็เกิดการสับสัน หน้าตามนั ก็คล้ายกัน รสชาติกอ็ ร่อยคลา้ ยๆกนั มาจากเมืองนอกที่ชื่อออกเสียงยากๆที่ไหนก็ ไม่รู้ ก็เกิ ดความสับส น แล้วเหมารวมไปว่าเป็ นไก่ turkey เหมือนๆกนั ดงั น้นั คาว่า turkey ในช่วงแรกจึงเป็ นคาท่ีเรียกนกสองสปี ชีส์ท่ีมาจากคนละทวีปกนั สุดทา้ ย แลว้ เป็ นทวีปอเมริกาท่ียุโรปให้ความสนใจไปปักหลกั ต้งั ถ่ินฐานมากกว่า นกท่ีฝร่ังเรียกวา่ turkey ก็เลย กลายเป็ นนกที่มาจากทวีปอเมริกาไป แต่คนตุรกีเขาไม่เรียกนกชนิดน้ีว่า turkey นะครับ แต่เขาเรียกมนั ว่า Hindi (ฮินดู) ซ่ึงกค็ ืออินเดีย ทาไมใช่ไหมครับ? เช่ือวา่ คาอธิบายมนั เป็ นอยา่ งน้ีครับ? จาโคลมั บสั กนั ไดไ้ หม ครับ (คนอิตาลีท่ีไปขอเงินกษตั ริยโ์ ปรตุเกสแลว้ ล่องเรือไปเจออเมริกาแต่คิดวา่ เป็ นอินเดียไงครับ) เช่ือวา่ คน ยคุ น้นั สบั สน ทวปี อเมริกากบั อินเดียกนั พอสมควร พอมีไก่มาจากอเมริกา เลยเรียกไปวา่ ไก่จากอินเดีย ภาษา ฝร่ังเศสก็เหมือนกนั เรียกไก่งวงวา่ dinde (ดานเดะ) ซ่ึงหมายถึงอินเดีย เพราะแรกๆเรียกว่า ไก่จากอินเดีย แลว้ หดส้นั ลงเหลือคาวา่ อินเดีย คาเดียว ชาวฮอลแลนดก์ ็พอกนั คือเรียกไก่งวงวา่ kalkoen ออกเสียงประมาณ

วา่ โกลกุ่น ซ่ึงมาจากชื่อเมือง โคริโคด หรือ คาลิคตั (Calicut) เมืองคา้ ขายเก่าแก่ทางตอนใตข้ องอินเดีย ภาษา อ่ืนท่ีเรียกไก่งวงวา่ อินเดียกม็ ีอีกหลายภาษาเพราะเรียกตามๆกนั ไป ส่วนคนอินเดียเขาเรียกไก่งวงวา่ เปรูครับ เรียกตามภาษาโปรตุเกส ซ่ึงรู้วา่ นกชนิดน้ีมาจากอเมริกาใต้ ส่วนเขมรและกรีกเรียกไก่งวงวา่ ฝร่ังเศส เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 208 ช่วงน้ีท่ี กศน.เขตหนองแขม กาลงั ฮิตเพลง เต่างอย เลยอยากเล่าถึงที่มาของเพลงน้ีครับ ตานานพญาเต่างอย เล่าวา่ เม่ือประมาณ 400 ปี ก่อน ไทยไดท้ าสงคราม กบั ลาว ฝ่ ายลาวเป็นฝ่ ายพา่ ยแพ้ จึงถูกกวาดตอ้ นมาอยใู่ นประเทศไทย เม่ือมาถึงบริเวณลาน้าพุง ลาน้าขนาด ใหญ่และมีเตา่ อาศยั อยเู่ ป็นจานวนมาก บริเวณฝ่ังแม่น้าพุง ผคู้ นสมยั น้นั ไดพ้ จิ ารณาเห็นวา่ มีความอุดม สมบรู ณ์และเหมาะสมจึงไดต้ ้งั ถ่ินฐานที่อยอู่ าศยั ต้งั ชื่อ หมบู่ า้ นวา่ \"บา้ นเตา่ งอย\" ตามสถานท่ีพบเห็นเต่าที่กาลงั ลอยริมฝั่งแมน่ ้า เชื่อวา่ จะมีความอุดมสมบูรณ์ ดงั น้นั สัญลกั ษณ์ของอาเภอน้ีจึงเป็ นเต่า และไดต้ ้งั ช่ืออาเภอวา่ อาเภอเตา่ งอย มาจนถึงทุกวนั น้ีหลงั จากน้นั ชาวบา้ นและ ทางราชการตอ้ งการที่จะสร้างส่ิงท่ีเป็นสญั ลกั ษณ์ของ อาเภอเต่างอยข้ึนมา จึงไดใ้ ห้ช่างป้ันจากศูนยฝ์ ึกศิลปา ชีพบา้ นกดุ นาขามมาสร้างรูปป้ันเตา่ ยกั ษไ์ วบ้ ริเวณ สวนสาธารณะหลงั ท่ีทาการอาเภอเตา่ งอย ลกั ษณะสาคญั ของพญาเต่างอยคือเป็นเตา่ ขนาดใหญ่ เกลด็ บน หลงั แต่ละเกล็ดมีรูปพระเกจิอาจารยป์ ระดบั ตกแต่ง บนหลงั พญาเตา่ งอยประดบั ดอกบวั ป้ัน ในดอกบวั มี สร้อยทอง พระ ของขลงั ตา่ งๆ บรรจุไวพ้ ร้อมฉาบปิ ดแน่นหนา โดยผทู้ ี่ใส่เครื่องรางของขลงั เหล่าน้นั เช่ือวา่ จะไม่เจบ็ ไขไ้ ดป้ ่ วยและเช่ือวา่ หากใครไดม้ าสกั การะบชู าจะทาใหอ้ ายยุ นื ยาวมีโชคมีลาภกลบั บา้ นไปทุกคน เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 209 วนั น้ีขอนาเสนอ สถานที่ที่เราไม่อยากเขา้ ไปนนั่ คือคุก กบั ตะราง สองคาน้ีต่างกนั อยา่ งไร ในอดีต ผทู้ าผิดจะติดคุกหรือตะราง ข้ึนอยกู่ บั โทษท่ีกระทาผดิ ครับ โดย “คุก” เป็ นท่ีคุมขงั ผตู้ อ้ งขงั ท่ีมีโทษ ต้งั แต่ 6 เดือนข้ึนไป อยู่ในสังกดั กระทรวงนครบาล ส่วน “ตะราง” ใช้ เป็ นท่ีคุมขงั ผูต้ ้องขงั ท่ีมีโทษต่ากว่า 6 เดือน หรือ นกั โทษที่มิใช่โจรผรู้ ้าย สังกดั กระทรวง ทบวง กรม ท่ี บงั คบั กิจการน้นั ๆ ส่วนการเรือนจาในหวั เมืองช้นั นอก มีท่ีคุมขงั ผตู้ อ้ งโทษ เรียกวา่ “ตะราง” การคุมขงั อยใู่ น ความรับผิดชอบของผวู้ ่าราชการเมือง หรืออาจส่งต่อ ใหก้ ระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม รับตวั ไปคุม ขงั แลว้ แต่กรณีโทษ ส่วนปัจจุบนั จะใช้คาว่า เรือนจา กับฑัณฑสถานโดยเรือนจา คือ สถานที่ที่รับคุมขัง

ผูต้ อ้ งขงั ท่ีมีคาพิพากษาแล้ว และนกั โทษเด็ดขาด ส่วนทณั ฑสถาน คือ สถานท่ีควบคุม กกั ขงั ผูต้ อ้ งขงั ที่ ไดร้ ับการคดั แยกประเภทแลว้ เพอื่ ประโยชน์ในการควบคุม บาบดั รักษา การอบรมแกไ้ ข และการฝึ กวชิ าชีพ เช่น หญิง วยั หนุ่ม บาบดั พเิ ศษ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 210 วนั น้ีไดม้ ีโอกาสไปรับเข็มท่ีคุรุสภา ทราบไหมครับวา่ คุรุ หมายถึงอะไร คาวา่ คุรุ (สันสกฤต: गुरु) หรือ กูรู (องั กฤษ: guru) หมายถึง ครู หรือ อาจารย์ ถา้ แยกศพั ท์ ออกมาแล้ว จะมีสองคา คือ คาว่า คุ ซ่ึงแปลว่า แสง สว่าง (เป็ นผูช้ ้ีทางแสงสว่าง) และคาว่า รุ แปลว่า ความมืดมน (เป็นผขู้ จดั ความเขลาท่ีมืดมน) ในศาสนา พราหมณ์ฮินดู มาจากปรัชญาความเชื่อในความสาคญั ของการเขา้ ถึงความรู้ โดยมี คุรุ หรือ อาจารยเ์ ป็นผชู้ กั นาไปสู่จุดสูงสุด ในประเทศอินเดียในปัจจุบนั สาหรับ ผทู้ ่ีนบั ถือศาสนาฮินดู และซิกข์ คา คุรุ น้ียงั คงความหมายของความศกั ด์ิสิทธ์ิ เช่น คุรุนานกั คุรุปัทมสัมภวะ คุรุนาคารชุน อน่ึง คาวา่ คุรุ น้ีมีการทบั ศพั ทเ์ ป็ นภาษาองั กฤษ โดยสะกดวา่ \"guru\" ซ่ึงหากทบั ศพั ทม์ าใชใ้ น ภาษาไทย ก็จะตอ้ งเขียน \"คุรุ\" ซ่ึงมีศพั ทน์ ้ีอยแู่ ลว้ ในภาษาไทย เช่น คุรุสภา, คุรุศึกษา เป็ นตน้ (ในภาษาบาลี ใช้ \"ครุ\" เช่น ครุศาสตร์, ครุภณั ฑ)์ อยา่ งไรก็ตาม ในปัจจุบนั มีความนิยมใชค้ าวา่ คุรุ น้ี ในเชิงการบริหารและ การศึกษา หมายถึง ผเู้ ช่ียวชาญเฉพาะดา้ นในสาขาน้นั ๆ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 211 ช่วงน้ีไดด้ ูเอเชียนเกมส์ ในกีฬาเซปักตะกร้อ สงสัย ไหมครับว่า ทาไม ตอ้ งมีคาวา่ เซปัก เรียกตะกร้อเฉยๆ ไม่ไดห้ รือ สาเหตุที่เรียกวา่ เซปักตะกร้อน้นั มาจาก มี ชาติที่อา้ งวา่ เป็ นผคู้ ิดกีฬาตะกร้อ อยู่ 2 ชาติ คือไทย และมาเลเซีย มาเลเซียเรียกตะกร้อว่าเซปัก ไทย เรียกตะกร้อ พอกีฬาน้ีจะเอามาแข่งแล้วตกลงกนั ไม่ได้ว่าจะเรียกอย่างไร เลยพบกันคร่ึงทาง กีฬา ชนิดน้ีจึงถูกเรี ยกว่า เซปักตะกร้อ ท้ังน้ี เซปัก ตะกร้อมีแข่งเป็ น 3 ประเภท คือ \"เรกู\" หรือทีม 3 คน \"ดบั เบิ้ล เรกู\" หรือก็คือ ตะกร้อคู่ (คาว่า เรกู เป็นภ าษามลายู แปลวา่ ทีม) และตะกร้อ 4 คน

เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 212 วนั น้ีขอนาเสนอเร่ืองของ เขมร กบั กมั พูชา สงสัย ไหมครับวา่ สองคาน้ีต่างกนั อยา่ งไร คาวา่ “เขมร” และ “กมั พูชา” ท้งั สองคาน้ี เป็ นชื่อประเทศเดียวกนั ไม่ใช่คนละประเทศ ซ่ึงเรา สามารถพดู ไดท้ ้งั 2 คาส่วนท่ีแตกต่างกนั คือ “เขมร” เป็ นคาที่ใช้ เรียกภาษา ชนชาติ มนุษย์ ผคู้ นท่ีอยใู่ นประเทศกมั พชู า คือ “ภาษา เขมร ชนชาติเขมร มนุษยเ์ ขมร” เป็ นตน้ เป็ นคาท่ีมีความหมาย สุภาพ ไม่ไดเ้ ป็ นคาดูถูกดูแคลน เหยียดยาม หรือไม่ให้เกียรติ อยา่ งที่หลายคนเขา้ ใจแต่อยา่ งใด ส่วนคาวา่ “กมั พชู า” ก็เป็ นคาท่ี มีความหมายดี หมายถึงชื่อประเทศ ฉะน้นั เราสามารถพูดไดอ้ ย่างเต็มปากเต็มคาว่า “เขมร” โดยไม่ตอ้ ง เกรงใจ หรือกลวั ว่าเป็ นการดูถูก ไม่ให้เกียรติ เป็ นคาไม่ดี เพราะเป็ นคาที่เก่าแก่ที่คนเขมรเองนิยมใช้ และ ภมู ิใจในตวั เองกบั การใชค้ าน้ีมากท่ีสุด ขอใหเ้ ขา้ ใจวา่ ไม่มี “ภาษากมั พชู า” บนโลกใบน้ี เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 213 “ในการแข่งขนั กีฬาทาไมตอ้ งมีการมอบเหรียญทอง- เงิน และทองแดงใหก้ บั นกั กีฬาท่ีไดอ้ นั ดบั 1-3″ เรามีท่ีมาและความหมายมาฝากทุกคนครับ พิธีมอบ เหรียญรางวลั เกิดข้ึนคร้ังแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 มีท่ีมาจากพธิ ีมอบเหรียญทองคา ณ รัฐสภาคองเกรส ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ีจดั งานมอบเหรียญทองคาใหร้ างวลั แก่นายทหารที่มีความสามารถและประสบ ความสาเร็จสูงสุด หลงั จากน้นั ไม่นานทางกองทพั สหรัฐฯก็ใหค้ วามสาคญั กบั พิธีการน้ีมาก ทุกปี จะจดั งาน ข้ึนอยา่ งยงิ่ ใหญ่โดยมีประธานาธิบดีเป็นผมู้ อบเหรียญรางวลั และนอกจากการมอบเหรียญเพื่อเป็นรางวลั แลว้ ยงั เป็นการร่วมยกยอ่ งเหล่าทหารกลา้ ผเู้ สียสละใหก้ บั ประเทศชาติอีกดว้ ย ซ่ึงในพธิ ีการดงั กล่าวไดม้ ีการ แบ่งระดบั เหรียญรางวลั ออกเป็น 3 ระดบั คือ – เหรียญทอง มอบใหก้ บั ทหารระดบั แมท่ พั ใหญ่ – เหรียญเงิน มอบใหก้ บั ทหารระดบั ผบู้ งั คบั บญั ชา – เหรียญทองแดง มอบใหก้ บั เจา้ หนา้ ที่ทหารทว่ั ไป ในช่วงหลงั ปี 1800 ราชวงศเ์ ดนมาร์กไดน้ าพธิ ีดงั กล่าว ไปใช้ เพื่อมอบเหรียญรางวลั ใหแ้ ก่เหล่าขนุ นางและนกั เรียนท่ีมีผลงานโดดเด่น พธิ ีมอบเหรียญรางวลั จึงได้ แพร่กระจายไปทวั่ ยโุ รป รวมไปถึงกรีกโรมนั (กรีซ)ท่ียคุ น้นั เป็นยคุ แห่งการกาเนิดกีฬาชนิดต่างๆ จึงไดน้ า พธิ ีการน้ีมาใชใ้ นการแขง่ ขนั กีฬาตา่ งๆ โดยชาวกรีกมีความเชื่อวา่ ผทู้ ่ีไดค้ รอบครองเหรียญทองจะไดไ้ ปอยู่ ทา่ มกลางเหล่าทวยเทพ ส่วนผไู้ ดเ้ หรียญเงินจะมีอายเุ ป็ นร้อยๆปี และไดอ้ ยใู่ นดินแดนศกั ด์ิสิทธ์ิ ส่วนผรู้ ับ เหรียญทองแดงจะไดอ้ ยรู่ ่วมกบั เหล่าวรี บุรุษที่น่ายกยอ่ ง จนถึงปี 1896 กรีซไดจ้ ดั การแข่งขนั กีฬาโอลิมปิ ก เกมส์ข้ึนเป็นคร้ังแรก(เอเธนส์เกมส์) และไดน้ าพธิ ีการมอบเหรียญรางวลั มาใชอ้ ยา่ งเป็ นทางการ โดยผู้ ชนะเลิศจะไดร้ ับเหรียญทอง รองชนะเลิศจะไดร้ ับเหรียญเงิน ส่วนอนั ดบั 3 จะไดเ้ หรียญทองแดง และท้งั 3 อนั ดบั จะไดร้ ับมงกุฏช่อมะกอกอนั เป็นสญั ลกั ษณ์แห่งชยั ชนะและสนั ติภาพอีกดว้ ย

เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 214 วนั น้ีวนั ที่ 3 กนั ยายน วนั น้ีเป็ น วนั เกิดของหุ่นยนตแ์ มวสีฟ้ าท่ีเราเรียกกนั วา่ โดราเอม่อน การ์ตูนเรื่องโดราเอม่อน เป็ น การ์ตูนผลงานสุดอมตะของอาจารย์ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ หรือ ฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ และโมโตโอะ อะบิโคะ โดยในเรื่อง Doraemon ถูกผลิตข้ึน ในโรงงานสร้างหุ่นยนตท์ ี่เมืองโตเกียว เม่ือ วนั ท่ี 3 กนั ยายน ค.ศ. 2112 (พ.ศ. 2655) แต่ ในระหว่างการผลิตเกิดข้อผิดพลาดข้ึน ทา ให้ Doraemon มีคุณสมบัติไม่เหมือน หุ่นยนต์แมวตวั อื่น ตอ้ งเขา้ รับการอบรมใน ห้องเรี ยนคลาสพิเศษของโรงเรี ยนหุ่ นยนต์ (และได้พบกับเพื่อนๆ แก๊ง ขบวนการ Doraemon ท่ีนน่ั ) จนกระทงั่ วนั หน่ึง ในงาน “โรบอ็ ต ออดิชนั ” ซ่ึงเป็ นงานที่จดั ใหม้ ีการแสดงความสามารถ ของหุ่นยนต์ท่ีได้ผ่านการอบรมแล้ว ด้วยความซุกซนของเซวาชิใน วยั เด็ก เขาจึงได้กดป่ ุมเลือกซ้ือ Doraemon มาไวท้ ่ีบา้ น ดว้ ยเหตุน้ี Doraemon จึงไดม้ าอยู่อาศยั ท่ีบา้ นของเซวาชิ ในฐานะของหุ่นยนตเ์ ล้ียง เดก็ แตใ่ นตน้ ฉบบั ด้งั เดิมน้นั จะแตกต่างกนั คือ Doraemon ไดถ้ ูกนาไปขายทอดตลาด เพราะเป็ นสินคา้ ไม่ได้ คุณภาพ จากน้นั พอ่ แม่ของเซวาชิจึงมาซ้ือ Doraemon ไปไวท้ ี่บา้ น แต่เดิมน้นั ตวั โดเรม่อน มีสีเหลือง และมี หู แต่แลว้ ในวนั ท่ี 30 สิงหาคม ค.ศ. 2122 (พ.ศ. 2665) ขณะท่ี โดเรม่อน หลบั อยนู่ ้นั ใบหูก็โดนหนูแทะจน แหวง่ ไปท้งั 2 ขา้ ง และไม่สามารถซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้ หลงั จากรักษาตวั อยใู่ นโรงพยาบาล หุ่นยนต์ แมว “โนราเมียโกะ” แฟนสาวของ โดเรม่อน ก็มาเยย่ี ม แตพ่ อรู้วา่ โดเรมอ่ น ไม่มีหู เหลือแต่หวั กลม ๆ โนรา เมียโกะถึงกบั หัวเราะเป็ นการใหญ่ ทาให้ โดเรม่อน เสียใจเป็ นอยา่ งมาก แต่ก็พยายามทาใจดว้ ยการด่ืมยา เสริมกาลงั ใจ แต่ โดเรม่อน หยิบผิดกลายเป็ นด่ืมยาโศกเศร้าแทน ทาให้เขาโศกเศร้ากวา่ เดิม และร้องไห้ไม่ หยดุ อยรู่ ิมชายหาด 3 วนั 3 คืน จนสีลอกเปลี่ยนเป็ นสีฟ้ าอยา่ งท่ีเราคุน้ เคยกนั ในปัจจุบนั หลงั จากน้นั โดเร ม่อน จึงเกลียดกลวั หนูเป็นอยา่ งมาก และไม่คอ่ ยมีความมน่ั ใจในตวั เองเกี่ยวกบั เร่ืองความรัก

เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 215 แรงบนั ดาลใจจนทาให้มีโดราเอม่อน ตวั ละคร โดราเอมอนน้นั ไดร้ ับแรงบนั ดาลใจเมื่อเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2512 เนื่องจากนักวาด การ์ตูนท้งั 2 ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ ได้ลงโฆษณา การ์ตูนเร่ืองใหม่ของเขาท้งั สองไวว้ ่าจะมีตวั เอกท่ีออกมาจาก ลิ้นชัก ในนิตยสารการ์ตูน ฉบับต้อนรับปี ใหม่ แต่ในความจริงแล้วท้ัง สองยงั ไม่มีไอเดียเก่ียวกบั การ์ตูนเรื่องน้ีแมแ้ ต่ น้อยเลย เมื่อใกลถ้ ึงเวลาส่งตน้ ฉบบั ก็ย่ิงเพิ่ม แรงกดดนั ใหก้ บั ท้งั สองเป็ นอยา่ งมาก ฮิโรชิ ฟุ จิโมโตะ หน่ึงในนกั วาดการ์ตูน ไดเ้ ผอิญเห็น แ ม ว จ ร จัด ท่ี ม ัก แ อ บ เ ข้า ม า เ ล่ น ที่ บ้า น ข อ ง ตนเองเป็ นประจา เขามกั จะชอบจบั แมวตวั น้ี มาหมดั จนเวลาล่วงเลยมาถึง 4.00 น. ก็ยงั ไม่ มีไอเดียเก่ียวกบั การ์ตูนเรื่องใหม่ ทาให้ฮิโรชิ โมโหตวั เองเป็ นอย่างมาก และคิดเลยเถิดไป ว่าโลกน้ีน่าจะมีไทม์แมชชีน เพื่อย้อนเวลา กลบั ไปแก้ไขอดีต หลงั จากน้ันฮิโรชิได้เผลอ หลบั ไปดว้ ยความออ่ นลา้ เมื่อเขาสะดุง้ ต่ืนข้ึนมา ทาใหเ้ ขาตกใจวา่ ตนเองเผลอหลบั ไป จึงรีบวิง่ ลงจากบนั ได บา้ นไปสะดุดกบั ตุก๊ ตาลม้ ลุกญ่ีป่ ุนของลูกสาวท่ีตกอยู่ บนพ้ืน เหตุน้ีเองทาใหฮ้ ิโรชิเกิดไอเดียข้ึนโดยนาหนา้ แมวจรจดั มาผสมกบั ตุ๊กตา ญี่ป่ ุน สร้างออกมาเป็ นตวั ละครหุ่นยนตแ์ มวจากอนาคตคอยช่วยเหลือเด็กชายที่ แสนจะไม่ ได้เรื่อง และต้ังช่ือว่า โดราเอมอน เป็ นคาผสมระหว่าง “โดราเนโกะ” กับ “เอมอน” ใน ภาษาญี่ป่ ุน โดราเนโกะน้นั แปลว่าแมวหลงทาง ส่วนคาวา่ “เอมอน” เป็ นคาเรียกต่อทา้ ยชื่อของเด็กชายใน สมยั ก่อนของประเทศญี่ป่ ุน

เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 216 เวลาเราดูโขน ตวั ละครก็จะมีสีต่างๆ กนั ไป ทราบ ไหมครับวา่ สีตวั ละครแต่ละตวั มีท่ีมาจาก อะไร พาลีสีเขียวเพราะพ่อเป็ นพระอินทร์ สุครีพสีแดงเพราะพอ่ เป็นพระอาทิตย์ หนุ มาน สีขาว น่าจะเพราะพระพายเป็ นลม ลมมองไม่เห็น ไม่มีสี จึงใช้สีขาว นิลพทั เป้ ฯลูกพระกาฬ จึงใช้สีดาอีกอย่างหนุ มานกบั นิลพทั ไม่ถูกกนั เท่าไหร่ต้งั แต่หนุ มานพาตวั พ่อนิลพทั กบั ตวั นิลพทั เองมา ถวายพระรามตอนตวั เองกบั พอ่ กาลงั หลบั อยู่ สีสองตวั ละครน้ีจึงมีความตรงกนั ขา้ มครับเป็นสีดากบั สีขาวทศกณั ฐ์ พเิ ภก ตวั สีเขียวต้งั แต่เกิดอยแู่ ลว้ ลูก ทศกณั ฐ์ รณพกั ตร์ หรือ ชื่ออินทรชิต หลงั ปราบพระอินทร์ไดน้ ่ีจะสีเขียวก็ไม่แปลก อีกอยา่ ง ผแู้ ต่งน่าจะจง ใจใหส้ ีเหมือนพระอินทร์เพ่อื ใหเ้ ขา้ กบั ชื่ออินทรชิตดว้ ยครับเรื่องสียกั ษน์ ่าจะเป็นเผา่ พงศข์ องตวั เอง ยกั ษก์ รุง ลงกาเป็นสีเขียว ยกั ษจ์ ากท่ีอื่นก็สีอื่น ไมยราพ เป็นยกั ษเ์ มืองาดาลร่างกายก็สีมว่ งอ่อนครับพระรามเขียว พระ พรตแดง พระลกั ษมณ์เหลืองทอง พระสัตรุดสีม่วง อนั น้ีน่าจะมาจากการให้สีที่แตกต่างน พอ่ จะไดร้ ู้วา่ เป็ น ลูกคนไหนครับ เพราะฉน้นั ถา้ ถามความหมายกแ็ บ่งไดง้ ่ายๆวา่ 1.เพอื่ ใหร้ ู้วา่ มาจากตระกลู ไหนหรือมีพลงั สืบ ทอดมาจากอะไร2.เพอ่ื แยกความแตกต่างของตวั ละคร (เพราะบางท่ีเคร่ืองแต่งกายคลา้ ยกนั มากจึงตอ้ งดูสีตวั ละคร) 3.เพ่ือแสดงความเหมือนหรือความคดั แยง้ ของตวั ละคร (เนน้ ดา้ นนิสัยเป็ นเกณฑ์) ก็ประมาณน้ีครับ ท้งั น้ี รามเกียรติหรือรามายณะ น้นั มีท่ีมาจากตานานสงครามระหวา่ งอารยนั กบั ดราวเิ ดียน ซ่ึงอารยนั น้นั เป็ น ชาติพนั ธุ์คอเควอยด์ผิวขาว ในขณะที่ดราวิเดียนน้นั เป็ นมองโกลอยด์ใต-้ ออสตราลอยด์ผิวคล้า ดงั น้นั การ แทนตวั ละครเป็ นฝ่ ายใดจึงมีที่มาสีผิวตามชนชาติน้ันๆด้วย เผ่ามนุษยแ์ ละเทพจะมีสีผิวออกแนวๆขาวๆ สวา่ งๆแบบอารยนั (ยกเวน้ พระวษิ ณุในกลียคุ ) ส่วนบรรดาลิงจะออกแนวผวิ สีกลางๆ และบรรดาอสูรมกั จะ ออกแนวสีเขม้ ๆดาๆแบบดราวเิ ดียน เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 217 วนั อาทิตยน์ ้ีจะมีอบรมประวตั ิศาสตร์ให้กบั นกั ศึกษา เลยขอเล่าเรื่องประวตั ิศาสตร์ไทยใหฟ้ ังสัก 1 เรื่องนะ ครับ เคยได้ยินทฤษฎีท่ีมาของชนชาติไทย ว่ามาจาก เทือกเขาอลั ไตไหมครับ เทือกเขาอลั ไต แทจ้ ริงไม่ได้ อยตู่ ิดเอเชียใต้ หรือ เอเชียตะวนั ออกเฉียงใตแ้ มแ้ ต่นิด เดียว แตเ่ ทือกเขาอลั ไตต้งั อยใู่ นแถบเอเชียกลาง ติดกบั พรมแดนของประเทศรัสเซีย, จีน, มองโกเลีย และคาซัคสถาน ซ่ึงหากเป็ นเช่นน้นั จริง หมายความว่า

สิ่งมีชีวติ หรือบุคคลกลุ่มน้นั ตอ้ งอพยบยา้ ยถิ่นฐานผา่ นทะเลทรายโกบี ซ่ึงในความเป็ นจริง การเดินทางผา่ น ทะเลทรายโกบีในยุคสมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ ( Prehistoric ) มนั เป็ นไปไม่ไดเ้ ลย ( และไม่มีทางเป็ นไปได้ ) เพราะ ทะเลทรายโกบีมีพ้ืนที่กวา่ 1.3 ลา้ นตารางกิโลเมตรโดยพ้ืนท่ีส่วนใหญ่ดา้ นตะวนั ออกเป็ นหินลว้ น ดา้ นตะวนั ตกเป็นทราย นี่คือส่ิงท่ีจะบอกไดว้ า่ การอพยบผา่ นทะเลทรายที่แหง้ แลง้ และกวา้ งใหญ่ พูดง่าย ๆ ก็คือ จะพากนั ตายก่อนมาต้งั รกรากบนแผ่นดินสยาม คาว่า \" ไต \" ของเทือกเขาอลั ไต หรือ เทือกเขาอลั ไท ไดไ้ ปคลอ้ งกบั ชื่อของ \" ชนชาติไต \" และคาวา่ \" ไทย \" จึงทาใหม้ นั กลมกลืนและมีความน่าจะเป็นไปไดม้ าก ยง่ิ ข้ึน แต่แทจ้ ริงแลว้ \" อลั ไต \" หรือ \" อลั ไท \" ในภาษาตุรกี สะกด \" Alytau \" หรือ \" Altay \" มาจากศพั ท์ Al ( ทองคา ) และ tau ( ภูเขา ) ซ่ึงหมายถึง เทือกเขาแห่งทองคา ซ่ึงไม่ได้มีความเก่ียวขอ้ งกบั ชนชาติไทย ของเราเลย เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 218 สงสัยไหม ครับว่าทาไมเราถึงต้องหาว การที่คนเราหาวน้ัน เป็ นเพราะว่า ร่างกายของคนเรามีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และกรดแลกติกอยใู่ น กล้ามเน้ือและกระแสเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถขบั ออกทางลม หายใจเขา้ ออกไดท้ นั จึงมีการสูดหายใจที่ยาวข้ึน และการผ่อนลม ออกที่นานกว่าเดิม หรือท่ีเราเรียกกนั ว่าการหาว ส่วนการท่ีคนเรา หาวแล้วมีน้ าตาไหลออกมาน้ัน เน่ืองจากว่า เม่ือเราหาวแล้ว กลา้ มเน้ือบริเวณใบหนา้ จะตึง และดึงกลา้ มเน้ือบริเวณต่อมน้าตา ทา ใหต้ ่อมน้าตาบีบตวั และน้าตาที่บรรจุอยภู่ ายในก็จะออกมา ในเวลา ก่อนที่คนเราจะนอนแลว้ เราหาว มิใช่วา่ เราง่วงแลว้ ถึงหาว แต่เราง่วง เน่ืองจากวา่ ร่างกายไดท้ างานหนกั จนร่างกายมีการสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทาให้เราหาว และ รู้สึกอยากที่จะพกั ผอ่ น ส่วนในเวลาที่เราตื่นนอนข้ึนมา เราก็หาวอีกเช่นกนั เน่ืองจากขณะท่ีเรานอนหลบั น้นั เราจะหายใจดว้ ยปริมาณที่นอ้ ยกวา่ ขณะต่ืนถึงเทา่ ตวั เลยทีเดียว แต่เม่ือเราต่ืนจากนอนหลบั ข้ึนมาแลว้ อวยั วะ ตา่ งๆในร่างกายเร่ิมทางาน กต็ อ้ งมีความตอ้ งการก๊สซออกซิเจนมากข้ึน เราจึงหาว เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 219 สงสยั กนั ไหมครับวา่ ทาไมน้าทะเลถึงเค็ม เหตุผลที่นา ทะเล “เค็ม” เพราะน้าฝนไดช้ ะลา้ งสารละลาย จาพวกเกลือและแร่ธาตุตา่ ง ๆ ไหลไปตามแม่น้า ลาธาร แล้วไหลไปสะสมไวใ้ นทะเล เมื่อน้า ทะเลระเหย สารละลายต่าง ๆ ก็มิได้ระเหยข้ึน ไปดว้ ย ในทอ้ งทะเลจึงมีสารละลายจาพวกเกลือ สะสมอยเู่ ป็ นจานวนมาก น้าทะเลจึงเค็มมากข้ึน

เร่ือย ๆ นอกจากน้นั บางทฤษฎีก็กล่าววา่ ความเค็มของน้าทะเลไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เพราะใน มหาสมุทรมีกระบวนการของธรรมชาติที่รักษาระดบั ความสมดุลของเกลือแร่ คือ ถา้ หากวา่ ธาตุชนิดใดมีใน น้ามากเกินกวา่ ปกติ ก็จะถูกกาจดั ออกจากน้าทะเลโดยการแยกตวั ออกเป็ นของแขง็ ในทางตรงกนั ขา้ ม ถา้ มี ธาตุใดละลายน้านอ้ ยเกินปกติ เกลือแร่ของธาตุน้นั ในรูปของแข็ง ก็จะถูกละลายกลบั สู่น้าทะเล ดงั น้นั ความ เคม็ ของน้าทะเลจึงคงท่ีมาหลายลา้ นปี แลว้ นนั่ เอง เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 220 วนั น้ีเจอคาถามแลว้ ทาให้งง ว่า น้าเตา้ หู้กบั นมถว่ั เหลืองคืออยา่ งเดียวกนั หรือเปล่า ก่อนอ่ืนเลยตอ้ งขออารัมภบท ก่อนโดนคนไทยเรียก \"เตา้ หู้\" เพ้ียนมาจาก ภาษาจีนว่า 豆腐 อ่านว่า โตวฟู คน ฮกเก้ียนเรียกว่า ต้าวหู้ คนญ่ีป่ ุนเรียกกันว่า โทฟุ (tofu) คนองั กฤษเรียก bean curd หรือ บางคร้ังก็เรียกทบั ศพั ทว์ า่ tofu เช่นกนั ส่วน ชาวฝรั่งเศสเรียกวา่ fromage de soja (ชีสถว่ั เหลือง)..... น้าเตา้ หู้เป็ นผลิตภณั ฑ์ที่เกิดข้ึน ระหว่างการทา เตา้ หู้ (โตวฟู/ tofu) โดยทา จากถว่ั เหลืองบด กรองกากถวั่ เหลืองออกจนไดน้ ้าเตา้ หู้ดิบแลว้ นาไปตม้ (ข้นั ตอนตรงน้ีจะเป็ นน้าเตา้ หู้สุก พร้อมด่ืม) ข้นั ตอนหลงั จากน้นั น้าเตา้ หูท้ ่ีไดผ้ า่ นการตม้ แลว้ นาไปผสมกบั วถั ุดิบอ่ืนๆ บางตวั เกิดการเกาะ ตวั ข้ึนเป็น กอ้ นเตา้ หูช้ ินดต่างๆ ส่วนน้า ถา้ เอาไปผสมนู่นน่ีนน่ั ปรุงรส ก็เป็ นอยา่ งอ่ืนไปอีก เช่นพวก นมถว่ั เหลืองตา่ งๆครับ สรุปคือ ในการนาถว่ั เหลืองไปบดแลว้ กรอง จะไดน้ ้าซ่ึงสามารถเอาไปทา เตา้ หู็ หรือทานก้ ็ ได้ สรุปแลว้ เรียกไดท้ ้งั 2 แบบครับไมผ่ ดิ เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 221 ในการศึกษาประวตั ิศาสตร์เรามกั จะไดย้ นิ วา่ ของชิ้นน้ี อายุ 3,000 ปี ชิ้นน้ี อายุ 2,500 ปี ทราบ ไหมครับว่านักโบราณคดีเขารู้อายุได้ อย่างไร วิธีการคือการวดั ธาตุไอโซโทป คงเหลือครับ โดยที่สิ่งมีชีวิต(ตน้ ไม้ สัตว)์ จะมีการรับ Carbon เขา้ ไปในร่างกายเม่ือ มีชีวิตอยู่ พอตายกระบวนการรับ carbon ก็หยุดลง Carbon 14 เป็ น Isotope หน่ึง ของ Carbon ซ่ึงไม่เสถียรสามารถ สลายตวั ได้ และมีคาบเวลาท่ีสลายตวั ที่วดั ไดอ้ ยา่ งแน่นอนดงั น้นั การวดั อายุดว้ ย c14 ก็คือวดั วา่ มนั เหลือ c14 เท่าไหร่เทียบกบั ปริมาณต้งั ตน้ เราก็จะรู้ไดว้ ่าส่ิงมีชีวิตน้ันๆตายมาแลว้ ก่ีปี โดยC-14 มีค่าคร่ึงชีวิตอยู่ที่

ประมาณ 5700 ปี ถา้ เราตอ้ งการหาอายุอะไรซกั อย่างเช่นซากศพ โครงกระดูก ก็จะนาค่าคร่ึงชีวิตของมนั น่ี แหละมาคานวนหาอายุ ตวั อยา่ งเช่น ถา้ กระดูกสดตรวจพบการแผร่ ังสีวดั ได้ 80 คร้ังต่อนาที กระดูกเก่าท่ีเรา ตอ้ งการหาอายุมีมวลเท่ากนั กบั กระดูกไหม่ แผร่ ังสี 10 คร้ังต่อนาที จะเห็นวา่ อตั ราการแผ่รังสีของ C-14 ลดลงเป็ น 1/8 ของค่าเดิมหมายความวา่ กระดูกเก่าที่เราตอ้ งการหาอายุมนั มีอายุผา่ นไปแลว้ 3 คร่ึงชีวติ (1/2 1/4 1/8) ด้งั น้นั กระดูกอายุ 3 * 5700 = 17100 ปี นน่ั เอง เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 222 เมื่อวนั อาทิตยม์ ีการแสดงของนกั ศึกษา โดยการรา พลายชุมพล วา่ แต่ราพลายชุมพลคืออะไร การราพลายชุมพลเป็ นการแต่งตวั เป็ นการราเด่ียวที่อยูใ่ น ละคร เสภา เร่ืองขุนชา้ งขุนแผน ตอนพระไวยแตกทพั ในตอนน้ีไดก้ ล่าวถึงพลายชุมพล จะออกไปทาศึกกบั พระ ไวย โดยปลอมตวั เป็ นมอญไปออกรบกบั พระไวย เพ่ือหวงั คิดแกแ้ คน้ ท่ีพระไวยเคยมีวาจาล่วงเกินตน ใช้ ทานอง เพลงมอญดูดาวประกอบถึงเน้ือเร่ือง บรรยายถึงการแต่งตัว แสดงให้เห็นถึงความ องอาจสง่างามของ ตวั ละครพลายชุมพล การรา พลายชุมพลแต่งตวั เป็ นการร่ายราในแบบมอญ จุดสาคัญอยู่ที่การตีไหล่ออกเป็ นการแสดง ท่าทางที่สง่าผา่ เผย การตีไหล่ออกเป็ นเลขแปด จะมีทว่ งท่าลกั ษณะของความอ่อนชอ้ ย นุ่มนวล ซ่ึงจะแตกต่างจากการตีไหล่แบบพม่าโดยพม่า จะตีไหล่เป็นแผงๆ ในการราชุดพลายชุมพลแต่งตวั น้นั จะมีการใชอ้ าวธุ ประกอบการแสดงคือ มา้ หอก มา้ ท่ี ใชใ้ นการแสดงคือ มา้ แผง มา้ กะเลียว ตวั มา้ สีเขียว ทาจากหนงั ววั แกะสลกั การติดมา้ จะติดอยทู่ ี่เอวดา้ นขวา ของผแู้ สดง ผแู้ สดงจะทาท่ากระโดดไปมาจะเป็ นไปตามกิริยาของมา้ ประหน่ึงวา่ เป็ นเทา้ มา้ เม่ือมีการใช้ อาวธุ ประกอบการแสดง ผแู้ สดงควรถ่ายทอดอิริยาบถให้คลา้ ยกบั การท่ีเราข่ีมา้ อยจู่ ริง ส่วนท่อนบนก็แสดง กระบวนท่าราตามบทบาทท่ีไดร้ ับ ส่วนการใชห้ อก ประกอบการแสดงน้นั คือ หอกสัตโลหะ กระบวนท่า ของการราท่ีใชห้ อกน้นั จะมีการโยนหอก รับหอก ควงหอก ผทู้ ่ีใชห้ อกสัตโลหะน้นั จะตอ้ งมีความชานาญ และสามารถถ่ายทอดการใชอ้ าวธุ ไดอ้ ยา่ งทะมดั ทะแมง และสมบทบาท

เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 223 วนั น้ีขอนาเสนอที่มาของคาวา่ Hijack ซ่ึงแปลวา่ ใช้ กาลังเข้ายึด (โดยเฉพาะ ยานพาหนะ) สามารถหมายถึง การจ้ีเครื่ องบิน หรื อ aircraft hijacking โดยที่มาของคาวา่ Hijack ยัง คง เป็ น ปริ ศน า ท รา บกัน แต่ ว่า มี ววิ ฒั นาการจากคาแสลงของคนอเมริกนั ช้นั ล่างในอดีต ซ่ึงมีที่มาหลายทฤษฎีท่ีถกเถียง กัน เช่น \"Hijacking\" มีท่ีมาจากสังคม อเมริกนั ในยุคที่เหลา้ เป็ นส่ิงตอ้ งห้ามตามรัฐธรรมนูญ ฉบบั แกไ้ ขเพ่ิมเติมคร้ังท่ี 18 (ประกาศในปี 1920 ยกเลิกในปี 1933) โดยมิใหม้ ีการผลิตเหลา้ รวมถึงหา้ มขาย ขนส่ง และนาเขา้ มาในสหรัฐฯดว้ ย กฎหมายน้ีทา ให้เกิดยคุ มาเฟี ยขายเหลา้ เถ่ือน และมีการต่อสู้ปลน้ ชิงระหวา่ งแก๊งคม์ าเฟี ยต่างๆ โดยมีคาพูดติดปากวา่ \"Hi, Jack rasie your hand!\" (เฮย้ พรรคพวก ยกมือข้ึน) หรือ \"Rasie your hand high, Jack! (ยกมือข้ึนสูงๆหน่อย พรรคพวก) จนยอ่ เหลือ \"High, Jack!\" ซ่ึงนกั ปลน้ มกั จะใชพ้ ูดกบั เหย่ือที่ถูกปลน้ แปลวา่ ทุกคน ยกมือข้ึน และเหลือ \"Hijack\" ในปัจจุบนั อยา่ งไรก็ดี บางกระแสก็วา่ \"Hijacking\" มีท่ีมาจากพวกโจรในศตวรรษที่ 18 ท่ีมกั จะถือตะเกียงปลน้ ในยามค่าคืน ดงั คาภาษาองั กฤษท่ีวา่ \"Highwayman operating on the roads at night with this jack-light.\" เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 224 สงสัยกันไหมครับว่า เวลาเราใช้ แอพพลิเคช่ัน Google maps โปรแกรมรู้ไดย้ งั ไงวา่ ตรงไหนรถติดตรงไหนถนน โล่ง โดยแอพพลิเคช่ัน น้ันรู้ได้จาก ตาแหน่งของโทรศพั ท์มือถือ ของเรานนั่ เองครับ ถึงจะปิ ด gps แต่ก็ยงั มีตาแหน่งจากเครือข่า้ผี ู้ ให้บริการ ซ่ึง ถา้ ตรงน้นั มีปริมาณโทรศพั ท์มือถือหนาแน่นมากๆ เรียงรายตลอดช่วงของถนน ก็จะรายงานวา่ ช่วงน้นั การจราจรติดขดั เสริมดว้ ยการเคลื่อนท่ีของโทรศพั ทม์ ือถือน้นั และนอกจากจะตรวจ จากตาแหน่งโทรศัพท์มือถือแล้ว ยงั มีข้อมูลจากหน่วยงานของ รัฐบาลดว้ ย เช่น ถนนปิ ด ในช่วง bike for mom ที่มีการปิ ดถนน หลายสายก่อนจะมีการปั่น Google map ก็แสดงถนนที่ถูกปิ ดไม่ใหร้ ถวงิ่ เป็ นสีแดงเขม้ เช่นกนั ท้งั ๆ ท่ีถนน โล่งไมม่ ีรถไมม่ ีคนเลย ดูแลว้ เหมือนเราถูกติดตามตลอดเวลาเลยนะครับ

เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 225 วนั น้ีขอนาเสนอท่ีมาของคาที่เป็ นคาด่า น่ันคือ ดอกทอง คาว่าดอกทอง แปลวา่ ผหู้ ญิงหลาย ใจมีคู่นอนหลายคน ซ่ึ งคาน้ี มีที่มาจาก ภาษาจีนแตจ้ ๋ิวว่า \"หลกท่ง\" ซ่ึงเป็ นคาด่าที่มี ความหมายตามตวั อกั ษรท่ีแสบสัน แปลว่า \"แดงเหมือนเหล็กเผาไฟ\" ใช้กับหญิงที่มกั มากในกามารมณ์ ที่ใชค้ าวา่ \"ความหมายตาม ตวั อกั ษร\" ก็เพราะวา่ คนจีนแตจ้ ๋ิวน้นั ชอบใช้ คาพูดโผงผาง บางคร้ัง การใช้คาด่ากับ ลูกหลาน กเ็ ป็นการแสดงความเอ็นดู เหมือนในหนงั จีนจะไดย้ นิ คาวา่ \"เด็กโง่\" อยเู่ รื่อย คาวา่ \"หลกท่ง\" น้ี ก็ อาจจะใชต้ อนที่เห็นลูกสาวหรือหลานสาวแสดงกิริยามา้ ดีดกะโหลก แลว้ รู้สึกมนั เข้ียว อยากอบรม ดงั น้นั ลูกหลานจีนจะคุน้ กบั คาด่าประเภทน้ี และคาอื่นๆ อีกมากมาย (ไวม้ ีโอกาสค่อยเล่าทีหลงั ) โดยไม่รู้สึกวา่ ถูก ปรามาสตามน้นั จริงแต่อย่างใด เขา้ ใจว่า คนไทยจะยืมคา \"หลกท่ง\" น้ีมาจากคนจีนแตจ้ ๋ิว โดยถ่ายสาเนียง กลบั เพราะคิดว่าคนจีนพูดไม่ชดั น่าจะหมายถึงคาว่า \"ดอกทอง\" มากกว่า เลยใช้ \"ดอกทอง\" ด่าผูห้ ญิง เร่ือยมา เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 226 หลายคนอาจสงสัย ว่าใครกนั นะท่ีเป็ นคนแต่งเพลง “ชา้ ง” ท่ีคุน้ หูเรามาต้งั แต่เด็ก วนั น้ีจะพาไปหาคาตอบ กนั ครับ เพลงช้าง เป็ นเพลงที่มีความสาคญั เพราะการ ร้องเพลง การปรบมือ และการเคาะจงั หวะ เป็ นพ้ืนฐาน ของการเรียนรู้การขบั ร้องและดนตรี คุณมธุรส วิสุทธ กุลได้นาเสนอท่ีมาของเพลง ช้าง ในหนังสือต่วยตูน ฉ บั บ ปั ก ษ์ แ ร ก เ ดื อ น กั น ย า ย น พ . ศ . 2548 “ชา้ ง ชา้ ง ชา้ ง หนูรู้จกั ชา้ งหรือเปล่า ชา้ งมนั ตวั โตไม่เบา จมูกมนั ยาวเรียกวา่ งวง สองเข้ียวขา้ งงวงเรียกวา่ า มี หูมีตาหางยาว” คุณหญิงชิ้น ศิลปบรรเลง เป็ นผแู้ ต่งเป็ นเพลงร้องสาหรับเด็กให้กบั รายการ “วทิ ยุโรงเรียน” ซ่ึงเป็นบทเรียนในหลกั สูตรของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อใหน้ กั เรียนไดร้ ู้จกั และทราซ้ึงในเพลงไทยโดยใช้ ทานองเพลงเก่าคือ “เพลงพม่าเขว” และใส่เน้ือร้องเขา้ ไปในทานองเพลง เกิดความลงตวั ของท้งั เน้ือเพลง และทานอง เม่ือผขู้ บั ร้องเพลงก็สร้างความสนุกสนานใหก้ บั ท้งั ผรู้ ้องและผฟู้ ัง อีกท้งั ยงั ร้องง่าย ทาใหถ้ ูกใจ ทุกเพศทุกวยั ต้งั แต่วยั เด็กไปจนถึงผใู้ หญ่นอกจากน้ี “เพลงชา้ ง” ไดร้ ับการยกยอ่ งคดั เลือกเป็ นเพลงประเทศ ภาคพ้ืนเอเซียโดยศูนยว์ ฒั นธรรมแห่งเอเชีย หน่วยงานของยูเนสโก (ACCU:Asian Cultural Centre for NESCO) ซ่ึงเป็นองคก์ รหน่ึงของสหประชาชาติอีกดว้ ย

เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 227 วนั น้ีมีการสอบปลายภาคนกั ศึกษา กศน. เลยอยากเล่า ถึงเรื่องเครื่องตรวจกระดาษคาตอบ มีหน้าตาอย่างไร และมีวิธีการตรวจอย่างไร หลักการทางานของ เครื่องตรวจกระดาษคาตอบ คือวดั ก า ร ส ะ ท้ อ น ข อ ง แ ส ง ใ น กระดาษคาตอบ โดยจะใช้ InfraRed LED จานวน 2 หลอดตอ่ cell ในการ ฉายแสงลงไปบนกระดาษ แล้วมี ตวั รับแสงสาหรับวดั ปริมาณแสงที่ สะทอ้ นกลบั มาจากกระดาษวิธีการ อ่านข้อมูล คือ ถ้าจุดไหนที่มีการ ระบายดาใวจ้ ุดน้นั แสงจะถูกดูดกลืนไว้ ตรงไหนไม่ไดร้ ะบายแสงก็จะสะทอ้ นกลบั ไปปริมาณแสงที่สะทอ้ น กลบั จะบอกถึงความเขม้ ท่ีระบายได้ ตวั เคร่ืองสามารถแยกความเขม้ ได้ 16 ระดบั ถือวา่ แม่นยา และ ถูกตอ้ ง มาก ซ่ึงถ้าการฝนไม่เขม้ พอเคร่ืองก็จะอ่านวา่ แสงทะลุผา่ นมาท้งั หมด หรือไม่ตอบในขอ้ น้ันๆ ทาให้เสีย คะแนน จึงควรใชด้ ินสอท่ีมีความเขม้ เหมาะสม คือดินสอ 2 B ครับ เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 228 วนั น้ีเห็นนกั ศึกษาบางคนเอายางลบไปลบปากกา ก็ เลยตอ้ งไปอธิบายใหน้ กั ศึกษาฟังวา่ ยางลบน้นั ลบรอยปากกาไม่ได้ เคยเห็นกนั ใช่ไหม ยางลบสองสี ท่ีเป็ นสี แดงกบั สีน้าเงิน ท่ีเรา (หรือหลายๆ คน)อาจจะเขา้ ใจวา่ เป็ นยางลบสาหรับลบหมึกปากกาเท่าน้นั จริงๆ แลว้ ความเช่ือของเราน้ีถูกตอ้ งไหม หรืออาจจะเป็ นเรื่องเขา้ ใจผิด กนั มาตลอดก็เป็ นได้ โดยยางลบหมึกดา้ น สีน้าเงิน จะใชล้ บ ดินสอที่เขียนบนพวกกระดาษ Art 100 ปอนด์ ยางลบหมึกที่ เรามกั คุน้ กันดี ก็จะมีอยู่สองสีคือ แดง และน้าเงิน ซ่ึงส่วน ใหญ่เรามกั จะใชด้ า้ นสีน้าเงินเอาไวล้ บหมึกปากกา แต่ขอ้ มูล จาก raaga.thr.fm บอกวา่ ยางลบหมึกไม่ว่าจะสีแดง หรือน้า เงินน้ันมีไวส้ าหรับลบดินสอเท่าน้ัน ซ่ึงสีน้าเงินจะใช้ลบ ดินสอที่เขียนบนพวกกระดาษ Art 100 ปอนด์ ซ่ึงกระดาษประเภทน้ีจะมีความหนาประมาณ 200 แกรม และ จะมีประเภทที่มีพ้ืนผิวหยาบ และขรุขระกวา่ กระดาษธรรมดาทว่ั ไป หากเราใช้ยางลบธรรมดาลบก็จะตอ้ ง ออกแรงลบมากกว่าปกติ แต่ถา้ หากเราใช้ยางลบหมึกน้ีจะช่วยประหยดั แรง และลบออกไดอ้ ย่างง่ายดาย นนั่ เอง คือ ดา้ นสีน้าเงินเอาไวล้ บลอยดินสอ บนกระดาษท่ีหยาบหนานะคร้ับไมไ่ ดไ้ วล้ บลอยปากกา

เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 229 ช่วงน้ีประเทศไทยไดร้ ับอิทธิพลของพายไุ ตฝ้ ่ นุ มงั คุด แลว้ ทาไมพายลุ ูกน้ีถึงช่ือวา่ มงั คุด วนั น้ีจึงขอนาเสนอที่มาของช่ือพายุ ครับ หลกั การต้งั ช่ือพายุ โดยหลกั เกณฑใ์ นการต้งั ช่ือพายุ เดิมทีประเทศสหรัฐฯ จะเป็ นผตู้ ้งั ช่ือพายขุ องทว่ั โลกมา โดยตลอด เพราะเป็นประเทศเดียวท่ีมีความเพียบพร้อมทางเทคโนโลยที างดาวเทียมตรวจสภาพ อากาศ ดู ความเคล่ือนไหวของพายุ การต้งั ชื่อพายสุ มยั ก่อนน้นั จะใชช้ ่ือผหู้ ญิงในการต้งั เพราะฟังแลว้ จะดูอ่อนโยน ออ่ นหวาน ทาใหด้ ูรุนแรงนอ้ ยลง ในกรณีท่ีผตู้ ้งั ชื่อเป็นนกั เดินเรือ ก็จะต้งั ชื่อพายเุ พื่อคลายความคิดถึง ถึงคน ที่เป็นท่ีรัก แตภ่ ายหลงั กม็ ีนกั สิทธิสตรีในสหรัฐฯ ออกมาประทว้ งวา่ การต้งั ช่ือพายทุ าใหภ้ าพลกั ษณ์ของ ผหู้ ญิงโหดร้าย ภายหลงั จึงมีการต้งั ชื่อผชู้ ายดว้ ย กระทง่ั ปี ค.ศ.2000 ไดม้ ีการเปิ ดโอกาสใหป้ ระเทศตา่ งๆ จากทุกโซนของโลกเสนอชื่อพายไุ ดป้ ระเทศละ 10 ชื่อ โดยกาหนดใหใ้ ชภ้ าษาทอ้ งถ่ินในแต่ละประเทศใน การต้งั ชื่อพายุ เกณฑก์ ารต้งั ชื่อ 1. เมื่อมีพายทุ ่ีมีความเร็วลมสูงสุดใกลศ้ นู ยก์ ลางของพายมุ ากกวา่ 63 กม./ชม. พายนุ ้นั จะถูกต้งั ช่ือ 2. ชื่อของพายจุ ะเริ่มใชท้ ่ีคอลมั น์ที่หน่ึงตวั บนสุดก่อน เช่น เมื่อมีพายเุ กิดข้ึนมีความเร็วลมสูงสุด ใกลจ้ ุด ศนู ยก์ ลาง ตามที่กาหนด ในขอ้ 1. เป็นตวั แรกของปี พายนุ ้นั จะมีชื่อวา่ ตามท่ีประเทศสมาชิกชาติแรก (กมั พชู า) ต้งั 3. เม่ือมีพายตุ วั ตอ่ ไปเกิดข้ึนอีก และมีความเร็วลม สูงสุดใกลจ้ ุดศนู ยก์ ลางตามท่ีกาหนดในขอ้ 1. พายนุ ้นั จะใชช้ ่ือที่อยถู่ ดั ลงมา ในคอลมั น์ที่ 1 4. เม่ือใชจ้ นหมดคอลมั นใ์ หใ้ ชช้ ่ือแรกของคอลมั น์ท่ีอยถู่ ดั ไป ้์)\" 5. เมื่อใชจ้ นหมดคอลมั น์ท่ี 5 ใหก้ ลบั มาใชช้ ่ือแรกของคอลมั น์ท่ี 1 ในส่วนของประเทศไทย ต้งั อยใู่ นโซนมหาสมุทรแปซิฟิ กตะวนั ตกตอนบน และทะเลจีนใต้ ร่วมกบั สมาชิก ประเทศอื่นๆ ไดแ้ ก่กมั พชู า, จีน, เกาหลีเหนือ-ใต,้ ฮ่องกง, ญ่ีป่ ุน, ลาว, มาเก๊า, มาเลเซีย ไมโครนีเซีย (รัฐ อิสระอยบู่ ริเวณมหาสมุทรแปซิฟิ กเหนือหมู่เกาะอินโดนีเซีย) ฟิ ลิปปิ นส์, สหรัฐฯ และเวยี ดนาม ท้งั น้ีชื่อพายจุ ะแบ่งเป็ น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 28 ช่ือ ช่ือพายแุ ตล่ ะช่ือ จะเรียงตามช่ือประเทศของลาดบั ตวั อกั ษร ภาษาองั กฤษ เริ่มจากกมั พชู า เรื่อยไปจนถึงเวยี ดนามซ่ึงเป็ นอนั ดบั สุดทา้ ย โดยไทยเราอยอู่ นั ดบั ที่ 12 เมื่อใช้ หมด 1 กลุ่มก็จะข้ึนช่ือแรกในกลุ่มท่ี 2 เรียงกนั เร่ือยไปจนครบทุกกลุ่ม แลว้ จึงกลบั มาใชช้ ื่อแรกของกลุ่มท่ี 1 ใหมอ่ ีกคร้ัง ดว้ ยเหตุน้ี ทางกรมอุตุนิยมวทิ ยาจึงไดต้ ้งั คณะกรรมการพจิ ารณารายชื่อ และความหมายของชื่อ ข้ึนเพื่อเป็นตวั แทนเสนอชื่อพายใุ น ภาษาไทยท่ีท่ีประชุมของ ศนู ยเ์ ตือนภยั พายไุ ตฝ้ ่ นุ ร่วม หรือ เจทีดบั บลิวซี (Joint Typhoon Warning Center (JTWC)) ซ่ึงต้งั อยทู่ ่ีเกาะกวม ในมหาสมุทรแปซิฟิ กตะวนั ตก โดยมีสมาชิก อีก 14 ประเทศในโซนเดียวกนั มาร่วมประชุม จนไดช้ ื่อพายขุ องไทยตามลาดบั ไดแ้ ก่ พระพริ ุณ, วภิ า เมขลา นิดา กหุ ลาบ มงั คุด บวั ลอย อสั นี ชบา ขนุน

เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 230 วนั น้ีขอนาเสนอท่ีมาของช่ือฟอนต์ ยอดนิยมใน ภาษาไทย หลายคนใชฟ้ อนตภ์ าษาไทยแต่ไมร่ ู้วา่ ชื่อเหล่าน้ีมีที่มาจากอะไร วนั น้ีจะมาบอกกล่าวเล่าใหฟ้ ัง ครับ ที่มาของช่ือฟอนต์ Angsana (องั สนา) คือ ดอกประดู่บา้ น พืชยนื ตน้ ออกดอกสีเหลืองช่ือวทิ ยาศาสตร์ Pterocarpus indicus Willd เป็ นไมผ้ ลดั ใบขนาดใหญช่ นิดหน่ึงในสกลุ Pterocarpus วงศ์ FABACEAE ดอก ของประดู่บา้ นมีขนาดเล็กสีเหลือง ออกเป็นช่อตามปลายก่ิง โดยช่อดอกจะแตกแขนงเป็นช่อ มีกล่ินหอมแรง ดอกจะบานและร่วงพร้อมกนั ท้งั ตน้ โดยจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน ปัจจุบนั ประดู่ บา้ น ถูกข้ึนบญั ชีแดงของสหภาพเพอ่ื การอนุรักษธ์ รรมชาติ (IUCN Red List of Threatened Species) เป็น พรรณไมท้ ี่เกือบอยใู่ นข่ายใกลก้ ารสูญพนั ธุ์ (VU – Vulnerable species) แตย่ งั สามารถพบไดท้ ว่ั ไปตามชาย ขอบถนนท้งั เขตเมืองและชนบทของประเทศไทย ที่มาของชื่อฟอนต์ Browallia (โบรวาเลีย) คือ พลอยไพลิน เป็นไมด้ อกขนาดเล็ก ดอกมีสีฟ้ าอมมว่ ง ไมด้ อก ท่ีนิยมนามาปลูกประดบั ประดาตามสถานที่ตา่ งๆ ลกั ษณะลา ตน้ เต้ีย แตกกิ่งกา้ นสาขาไปรอบๆ มกั ออกดอกแบบเด่ียวๆ บริเวณยอดตน้ ลกั ษณะเป็น 5 แฉก ดอกสีม่วงแกมขาว บริเวณตรงกลาง ที่มาของช่ือฟอนต์ Cordia (คอร์เดีย) อนั น้ีคือ ตน้ หมนั ตน้ ไม้ ประจาจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา มีดอกสีส้มแดง (หมนั แดง) หรือสีอ่ืนๆ ชาวไทยรู้จกั กนั ในนาม ตน้ หมนั เป็ นไมย้ นื ตน้ สูงประมาณ 5- 15 เมตร ลกั ษณะใบรูปไข่ปลายทู่ ดอกมี หลายแตม่ กั พบเห็นกนั คือสีขาว ที่สาคญั ผลของมนั คลา้ ยเยลลี่มีความเหนียวยดื หยนุ่ มาก สามารถใช้ ประโยชน์อยา่ งยาแนวเรือ หรือนามาทาเป็นกาวก็ดี ท่ีสาคญั ตน้ หมนั ยงั พนั ธุ์ไมพ้ ระราชทานประจาจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยาดว้ ย เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 231 ช่วงน้ีมีพายุเขา้ บ่อย บางทีก็เรียกไตฝ้ ่ ุน บางทีก็เรียก ไซโคลน พายุท้งั 2 แบบมนั ต่างกนั อยา่ งไร พายุเฮอริเคน ไตฝ้ ่ ุน และไซโคลน เป็ นพายหุ มุนท่ีมีระดบั ความรุนแรงอยู่ ในระดบั เดียวกนั คือ วดั ความเร็วลมสูงสุดใกลจ้ ุดศูนยก์ ลาง เร็วกวา่ 118 กิโลเมตร/ชวั่ โมง ข้ึนไป หรือพูดง่ายๆมรั คือพายุ ชนิดเดียวกนั แตท่ ี่เรียกช่ือตา่ งกนั เพราะ เรียกตามแหล่งท่ีเกิด พายุ เฮอริเคน จะเรียกพายุท่ีเกิดในมหาสมุทรแอตแลนติก (เหนือ)และแปซิฟิ ก (ตะวนั ออก) ไตฝ้ ่ นุ เกิดในมหาสมุทรแปซิฟิ ก (ตะวนั ตก) ไซโคลน เกิดในมหาสมุทร อินเดีย ส่วนพายุ ทอร์นาโด เป็ นพายุที่มีความเร็วลมสูงและเกิดบนบก ครับ พายุน้ีส่วนใหญ่ จะเกิดใน ประเทศสหรัฐอเมริกา

เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 232 วนั น้ีขอนาเสนอท่ีมาของถนนวิทยุ สาเหตุที่ต้งั ช่ือ ถนนวิทยุก็เพราะ แต่ก่อน วงั วิทยุ ในสมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาชยั นาทนเรนทร เป็ นสถานีส่ง วิทยคุ รับ จึงเรียกถนนที่ตดั ผา่ นวา่ ถนนวทิ ยุ อาจจะสะกดวา่ wittayu หรือ wireless Rd.ก็ไดค้ รับ แลว้ ทาไม เรียก wireless ไม่เรียก Radio Rd. ท้งั น้ีคาวา่ wireless แปลว่าไร้สาย เดิมที การติดต่อส่งข่าวสารระยะ ทางไกล เช่นโทรเลขและโทรศพั ท์ ผา่ นสาย เมื่อมีวทิ ยเุ กิดข้ึนสามารถส่งข่าวสารไประยะทางไกล ๆ ไดโ้ ดย ไม่ตอ้ งใช้สายจึงเรียกวิทยุว่า wireless เป็ นภาษาองั กฤษแบบBritish English ส่วนอเมริกาเรียก radio โดยท่ีมาของวิทยุ ตอ้ งยอ้ นกลบั ไปในพ.ศ. 2437 ท่ีประเทศอิตาลี นักประดิษฐ์หนุ่มนามว่า Guglielmo Marconi ไดศ้ ึกษาและพฒั นารังสีชนิดท่ีมีพลงั งานต่ากวา่ แสงมาก (คลื่นวทิ ยุ) มาใชส้ ่งรหสั ข่าวสาร ซ่ึงใน ขณะน้นั ก็มีอุปกรณ์ส่งข่าวสารทางไกลอย่กู ่อนแลว้ ก็คือ โทรเลข หรือ telegraph ที่จะตอ้ งส่งรหัสผ่านไป ตามสายโทรเลขสาหรับนาสัญญาณซ่ึงเรียกว่า wire ดงั น้ันอุปกรณ์สื่อสารชนิดใหม่ที่ไม่ต้องใช้สายส่ง สัญญาณ แต่ใชก้ ารแผร่ ังสีมาแทนท่ีน้ี ในทา้ ยท่ีสุดจึงเรียกกนั วา่ wireless telegraph กบั อีกช่ือหน่ึงท่ีเริ่มนาคา วา่ วงลอ้ หรือ รัศมี เขา้ มาเกี่ยวขอ้ ง (คงเพราะการแผร่ ังสีมีลกั ษณะพุง่ ออกจากจุดกาเนิดออกไปเป็ นเส้นตรง ในทุกทิศทาง) ก็คือคาวา่ radiotelegraph (โทรเลขแผร่ ัศมีหรือแผ่รังสี) แต่ชื่อท้งั สองน้ีดูจะยาวเกินไป ชาว องั กฤษจึงนาพยางคแ์ รกของช่ือแรกมาเรียกแค่ส้ัน ๆ วา่ wireless และคนอเมริกนั เอาคาหลงั มาตดั เหลือเพียง radio คาวา่ \"radio\" มาจากภาษาละตินวา่ \"radius\" แปลวา่ วงลอ้ หมายถึง เส้นที่ลากจากจุดศูนยก์ ลางไปถึง ขอบวงของลอ้ ตรงกบั คาว่า รัศมี ในภาษาไทย และ ถา้ มีหลาย ๆ เส้นลากออกมาทุกทิศทาง คาน้ีก็ตอ้ งใช้ เป็ นรูปพหูพจน์ว่า radii ท้งั น้ี ลกั ษณะอาการท่ีพุ่ง ออกจากจุดก่ึ งกลางของ เส้นรัศมีเหล่าน้ี ก็เรี ยกว่า radiate และเม่ือใช้เป็ นคุณศพั ท์ก็ใชว้ ่า radio คาว่า \"วิทยุ\" เป็ นคาท่ีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจา้ อยหู่ วั ทรงคิดข้ึน มาจากภาษาสันสกฤต ถา้ เป็ นภาษาบาลีใชว้ า่ \"วิชชุ\" แปลวา่ แสงไฟฟ้ า หรือสายฟ้ า ซ่ึง หมายถึงกระแสคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้ าชนิดท่ีเคล่ือนไปตามอากาศโดยไม่ตอ้ งใชส้ าย และอาจเปลี่ยนเป็ นเสียง หรือรูปได้ เรียกเครื่องที่มีหน้าที่เปลี่ยนคลื่นเสียงให้เป็ นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าออกสู่อากาศวา่ เคร่ืองส่งวิทยุ เรียกเครื่องที่มีหนา้ ที่เปล่ียนคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้ าที่รับไดจ้ ากเคร่ืองส่งวิทยุให้กลบั เป็ นคล่ืนเสียงตามเดิมว่า เคร่ืองรับวทิ ยุ

เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 233 ไปกินกาแฟ แลว้ กส็ งสัยวา่ กาแฟอะไรมีส่วนผสม ของกาแฟเยอะสุด และไดค้ าตอบมาแบบน้ีครับ โดยปกติ กาแฟจะมีตวั ต้งั ตน้ คือ Espresso หลงั จากนน่ั กาแฟ ชนิดอื่นกจ็ ะมีส่วนผสมของ นม โกโก้ - Espresso = กาแฟ + ผา่ นน้าร้อน โดย Espresso จะมีแต่แบบร้อน มีประเทศไทยนี่แหละที่มีแบบเยน็ โดยจะด่ืมคร้ังเดียวหมด และตามดว้ ยน้าเยน็ จะทาใหไ้ ดร้ สกาแฟมาข้ึน รสชาติก็ ขมๆ ครับ -Cappuccino = Espresso 50% + นม 50% + ฟองนม +(นมขน้ หวาน) รสชาติกจ็ ะออกขม้ ๆมนั และหวาน หน่อยๆจากนมขน้ หวาน -Mocha = Espresso + โกโก้ + นม +(นมขน้ หวาน) รสชาติก็ ขม้ นิดๆ หวานๆ มนั ๆ คลายๆกินกาแฟ ใส่โอวลั ติน Latte = Espresso 30% + นม 70%+(นมขน้ หวาน) รสชาติก็จะหวานๆมนั และมีกกลิ่นกาแฟ และถา้ เรียงลาดบั ความเขม้ จากมากไปนอ้ ยกจ็ ะเป็น Espresso -> Cappuccino -> Mocha -> Latte เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 234 วนั น้ีขอเสนอที่มาของสานวนไทยคาวา่ ลูกหมอ้ คา ๆ น้ีเป็นคาท่ีมาจากวงการปลากดั ต่างหาก คาวา่ ลูกหมอ้ น้นั มาจาก “การใชห้ มอ้ ดินในการเพาะและอนุบาลปลา กดั ซ่ึงในระยะแรก ๆ ปลาลูกหม้อจึงเป็ นปลาสาย พันธุ์ท่ีส ร้ างมาแท้ ๆ กับมือของนักเลงปล า ท้งั หลาย เพ่ือให้ไดล้ กั ษณะที่ดีสาหรับการต่อสู้และ ใหม้ ีสีสันท่ีสวยงามตามความพอใจของเจา้ ของ” (ร. ศ. ยนต์ มุสิก) ซ่ึงถ้าอธิบายกันอย่างง่าย ๆ แล้ว ลูกหมอ้ น้นั ก็คือผูท้ ี่เป็ นเด็กป้ันขององค์กรน้ัน ๆ ที่ ทางานในองคก์ รน้นั มานานและรู้จกั องคก์ รดี เปรียบ ไดก้ บั ปลากดั ท่ีถูกสร้างมาดว้ ยมือของนกั เลงปลานน่ั เอง ถา้ ใครอยากได้นิยามท่ีเป็ นทางการข้ึนมาหน่อย พจนานุกรมไทย-ไทยของอ.เปล้ือง ณ นคร ไดน้ ิยามไวว้ า่ คา ๆ คือคาที่ไวใ้ ช้ “เรียกขา้ ราชการตามกระทรวง ทบวงกรมตา่ งๆ ท่ีทางานมานานและรู้งานดี” นน่ั เอง

เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 235 ช่วงน้ีฝนตกบ่อยและก่อนฝนตกเราก็จะรู้สึกวา่ อากาศ ร้อนอบอา้ ว กวา่ ปกติ ทาไม ก่อนฝนตกอากาศจึงร้อนมากกวา่ ปกติ ก็ เพราะวา่ ช่วงก่อนฝนตก ปริมาณไอน้าในอากาศจะสูงครับ จึงเกิด สภาพของอุณหภูมิที่เรียกว่า Feel like หรือ Real feel ที่สูงข้ึน เน่ืองจากอากาศช้ืน เราจึงรู้สึก (Feel) ว่ามนั ร้อนกว่าปกติ หรือที่ เรียกว่า อ้าวฝน นั่นเอง (ภาษาอังกฤษ คือ Sweltering hot) ซ่ึง ปรากฎการณ์น้ีจะมีก่อนฝนจะตก โดยเมฆลอยต่าลงเรื่อยๆๆๆ แลว้ ไม่ใช่อยดู่ ีๆมนั จะลงมาเป็ นเม็ดเลย มนั กลน่ั ตวั จากไอน้า และตอนที่ มนั อยู่ในช่วงกลางๆเกือบจะเป็ นเม็ดฝน มนั จะมีไอน้าที่อุณหภูมิ ต่า ลงมาก่อนเป็ นจานวนมากทาใหค้ วามช้ืนสัมพทั ธ์สูง น้า หรือ เหง่ือ ตามผวิ หนงั มนั ไม่ระเหยออกไป ซ่ึง ปกติถา้ มนั ระเหยออกไปก็จะ ระบายความร้อนตามผวิ หนงั ทาให้เรารู้สึกเยน็ แต่น้ีมนั ไม่ระเหยออกไป มนั ก็ จะร้อนๆ อบๆ นน่ั เอง เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 236 ต่ออีกสักนิด ก่อนฝนจะตกทาไมเราถึงเห็นทอ้ งฟ้ า เป็ นสีแดง สาเหตุท่ีทอ้ งฟ้ าเป็ นสีแดง โดยก่อนที่ฝน ตก จ ะ มี ไอ น้ า ใ น ช้ัน บ ร ร ย า ก า ศ ม าก ท า ใ ห้ แสงอาทิตยจ์ ะตอ้ งส่องผ่านบรรยากาศส่วนที่มีไอ น้าเยอะ และไอน้าน้นั มีขนาดอนุภาคใหญ่ครับ ทา ให้แสงอาทิตยใ์ นย่านความยาวคล่ืนอ่ืน ๆ กระเจิง ในส่วนน้นั หมด เหลือเพียงแสงยา่ นสีแดงมาถึงเรา ครับ เราจึงเห็นทอ้ งฟ้ าเป็นสีแดง เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 237 วนั น้ีได้้ ู ดูข่าวพระ เจดียท์ ่ีวดั พระยาทาถล่มทบั คนงานที่เขา้ ไปบูรณะ ้ันน้ีเลยขอเสนอ เร่ือง ของวดั พระยาทาครับวา่ พยะยาท่านใดเป็ นผสู็ ร้าง โดยประวตั ิความเป็ นของ วดั พระยาทาน้นั เดิมช่ือ วดั นาค คู่กบั วดั กลาง ซ่ึงต้งั อยคู่ นละฝั่งคลองมอญ คือ วดั นาคอยูฝ่ ั่งเหนือ วดั กลางอยู่ฝั่งใต้ ต่อมาวดั นาค รวมกบั วดั กลางเป็ น วดั นาคกลาง ดงั ท่ีปรากฏ และวดั ท้งั สองน้ีต่างก็เป็ นวดั โบราณ สันนิษฐาน กนั ว่า วดั นาคสร้างในสมยั กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แต่ยงั ไม่พบหลกั ฐาน ทางเอกสารว่าใครเป็ นผสู้ ร้าง และสร้างในรัชกาลใด ต่อมา ในสมยั ในรัช การท่ี 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั ทรงสนพระราชหฤทยั อยา่ งยิ่งในการทานุบารุงพระพุทธศาสนา เช่น ทรง

บูรณปฏิสังขรณ์วดั หลายสิบวดั และโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนขา้ ราชการผูใ้ หญ่ช่วยรับภาระ บูรณปฏิสังขรณ์วดั ต่างๆ ด้วย ในการน้ี เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (กุน) สมุหนายก มีจิตศรัทธารับ บูรณปฏิสังขรณ์วดั นาค แบบสร้างข้ึนใหม่ท้งั หมดทบั ลงในที่เดิม คร้ันเสร็จแล้วได้น้อมเกล้า ฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั วดั นาคจึงไดเ้ ป็ นพระอารามหลวง และมีนามใหม่วา่ วดั พระยาทา หมายถึง วดั ท่ีเจา้ พระยารัตนาธิเบศร์สร้างข้ึนใหม่ และต่อมา ในต่อมาในรัชการท่ี 3 พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงมีพระราชศรัทธาปฏิสังขรณ์เพม่ิ เติมท้งั วดั อีกคร้ังหน่ึง จนมีสภาพถาวรมน่ั คงมาถึงรัชการ ท่ี 5 พระอุโบสถ และเสนาสนะต่างๆ เร่ิมชารุดทรุดโทรมลง พระครูสุนทรากษรวิจิตร (แจง้ ) เจา้ อาวาส ร่วมกับอุบาสกอุบาสิกาบูรณปฏิสังขรณ์ใหญ่อีกคร้ังหน่ึง ต่อจากน้นั ก็มีการบูรณะสิ่งปลูกสร้างท่ีชารุด เรื่อยมาจนถึงปัจจุบนั จากประวตั ิที่กล่าวมา วดั พระยาทาจึงเป็ นวดั ที่ ถูกบูรณะข้ึนในสมยั รัชกาลที่ 2 โดย เจา้ พระยารัตนธิเบศร์ (กุน) เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 238 วนั น้ีขอเสนอท่ีมาของสานวนไทย วา่ หมู เห็ด เป็ ด ไก่ สานวนท่ีว่า \"หมู เห็ด เป็ ด ไก่\" เป็ น สานวนท่ีเรามักใช้เรียกสัตว์ และ เข้าใจกันไปว่าความหมายของมัน น้ันก็ถูกต้องตามตัว แต่ความจริ ง แลว้ สานวนน้ีไม่ไดม้ ีความหมายที่ เกี่ยวขอ้ งกบั 'สัตว'์ เลยแมแ้ ต่น้อย เพราะมนั เป็ นสานวนการท่องสูตร ยารักษาโรคกษยั ของคนสมยั ก่อน ซ่ึงจะช่วยบรรเทาอาการร่างกายทรุดโทรม มีอาการผอมแหง้ ตวั เหลือง เทา้ เยน็ และหมู เห็ด เป็ ด ไก่ ดงั กล่าว ก็มาจากชื่อของ \"หญา้ สมุนไพร\" อนั เป็ นส่วนประกอบของยาชนิดน้ีนนั่ เอง ไดแ้ ก่ หญา้ แห้วหมู ใบชุมเห็ด เทศ รากตน้ ตีนเป็ ด และใบมะคาไก่ เมื่อตม้ รวมกนั เลยกลายเป็ น \"หมู เห็ด เป็ ด ไก่\" ตามที่พูดกนั จนชินปาก ทุกวนั น้ี

เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 239 ตอนน้ีขอนาเสนอที่มาท่ีไปของแรงมา้ หน่วยแรงมา้ เกิดข้ึนเมื่อเจมส์ วตั ต์ นาเอาเคร่ืองจกั รไอน้าของนิวโคเมน นกั วิทยาศาสตร์องั กฤษรุ่นก่อนหนา้ เขา มาปรับปรุงพฒั นา ไดเ้ ป็นเครื่องจกั รไอน้าแบบใหม่ และวตั ตก์ ็ขอคิดค่าลิขสิทธ์ิ ทางปัญญาของตวั เอง เท่ากบั 1 ใน 3 ของมูลค่าถ่านหินท่ี เคร่ื องจักรของเขาช่วยประหยดั ได้ เมื่อเทียบกับการใช้ เครื่องจกั รนิวโคเมนแต่อตั ราน้ีเกิดใชไ้ ม่ไดก้ บั คนท่ีเดิมใชม้ า้ โดยยงั ไมเ่ คยใชเ้ คร่ืองจกั รไอน้ารุ่นไหนมาก่อน วตั ตเ์ ลยตอ้ ง คิดคานวณ “พลงั ของมา้ ” ออกมา เพื่อคิดค่าลิขสิทธ์ิกบั ลูกคา้ กลุ่มน้ีดว้ ย จากการคานวณของเขา มา้ สามารถหมุนเครื่องโม่ แป้ งท่ีมีรัศมี 12 ฟุต ได้ 144 คร้ังภายใน 1 ชวั่ โมง หรือเท่ากบั 2.4 คร้ังต่อนาที เม่ือคิดโดยเทียบสูตร กาลงั = งาน/เวลา = (แรงxระยะทาง)/เวลา จึงไดต้ วั เลขออกมาวา่ 1 แรงมา้ = (180 ปอนด)์ (2.4x2 ? x12ฟุต)/1 นาที = 32,572 ฟุต หรือ 33,000 ฟุต-ปอนด์ ต่อ นาที อีกตาราหน่ึงเล่าถึงท่ีมาของค่าแรงมา้ วา่ วตั ตเ์ คยทาการทดลอง และพบวา่ โดยเฉล่ียแลว้ มา้ แคระยกของน้าหนกั 220 ปอนด์ ไดส้ ูง 100 ฟุต ต่อระยะเวลา 1 นาที ในการ ทางานเป็นกะกะละ 4 ชวั่ โมง และเนื่องจากมา้ ตวั ใหญม่ ีกาลงั มากกวา่ มา้ ตวั เล็ก 50% ค่าแรงมา้ ท่ีไดจ้ ึงเท่ากบั 1.5 x 100x 220 = 33,000 ฟุต-ปอนด์ ต่อนาที ความจริงหน่วยแรงมา้ เป็ นหน่วยวดั พลงั งานรุ่นโบราณท่ีไม่ นิยมใชก้ นั แลว้ เนื่องจากเรามีหน่วย “วตั ต”์ (ซ่ึงก็ไดม้ าจากชื่อเจมส์ วตั ต์น่ีล่ะ) ซ่ึงเป็ นระบบหน่วยระหวา่ ง ประเทศ (SI) ใชก้ นั แพร่หลายมากกว่า จะมีที่ยงั ใชค้ าวา่ แรงมา้ กนั คุน้ หู ก็ในวงการยานยนต์ ซ่ึงใช้หน่วยน้ี ระบุกาลงั ของเคร่ืองยนตเ์ ผาไหมภ้ ายใน และเมื่อเทียบค่าแรงมา้ เป็ นค่าตามระบบ SI ก็จะไดต้ วั เลขออกมา เป๊ ะๆ 1 hp = 745.69987158227022 W หรือ 1 แรงมา้ เท่ากบั 746 วตั ต์ ซ่ึงหมายความวา่ หากใชม้ า้ 1 ตวั ปั่น ไฟใหเ้ ครื่องกาเนิดไฟฟ้ า เราจะไดก้ ระแสไฟฟ้ าออกมาต่อเน่ือง 746 วตั ต์ นนั่ เอง เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 240 วนั น้ีขอนาเสนอที่มาของสานวนไทย คาวา่ คลุมถุงชน ซ่ึงหมายถึงการแต่งงาน ท่ีพ่อแม่ หรือผูป้ กครอง จดั หามาให้ ซ่ึงมีที่มาจาก คการชนไก่. แตก่ ่อนการเอาไก่ไปบ่อนเพื่อไปชน น้นั เขาจะเอาถุงคลุมไปแต่บา้ นเพื่อกนั ไก่ต่ืน, เม่ือถึงบ่อนก็ เปิ ดถุงออกเอาไก่เปรียบแล้วชนกัน. แต่เจ้าของไก่บางคน กระสันมาก เห็นเพื่ออุม้ ไก่มายงั ไม่ทนั เปิ ดถุงดูรูปร่างหนา้ ตาก็ ทา้ ชนเลย. เมื่อตกลงกนั กเ็ ปิ ดถุงปล่อยเขา้ สงั เวยี นชนกนั เลย ไมม่ ีขอ้ แมเ้ ล็ก-ใหญ.่ หนุ่ม-สาว ที่ไม่เคยรู้จกั -รัก ใคร่กนั มาก่อน, พอ่ -แม่จดั ใหอ้ ยา่ งไรกเ็ อาอยา่ งน้นั มนั เหมือนกบั การชนไก่แบบน้ีจึงเรียก ‘คลุมถุงชน’.”

เรื่องน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 241 กาลงั ดูบอลอยกู่ ็เลยอยากเล่าถึง ท่ีมาของช่ือสโมสรฟุตบอล ในยุโรป ตะวนั ออกครับ สโมสรฟุตบอลในยุโรป ตะวนั ออก จะมีชื่อซ้าๆกนั แมจ้ ะอยู่คนละ ประเทศ เช่น ดินาโม โลโคโมทีฟ ตอร์ปิ โด สปาร์ต้า ซ่ึงคาเหล่าน้ีมีความหมายดังน้ี ครับ ดินาโม เช่นดินาโม บูคาร์เรสต์ ดินา โม มอสโก ดินาโม ซาร์เก็บ เป็ นทีมที่ ก่อต้งั โดยกรมตารวจของแต่ละประเทศ ท้งั น้ีบางประเทศเป็ นตารวจลบั โลโคโมทีฟ เช่นโลโคโมทีฟ มอสโก โลโคโมทีฟ พลอยดิฟ เป็ นทีมท่ีก่อต้งั โดย การรถไฟของประเทศน้นั ๆ ตอร์ปิ โด เช่นตอร์ปิ โด มอสโก ตอร์ปิ โด คูไตซ่ี เป็ นทีมท่ีก่อต้งั โดยกองทพั เรือ ส่วน สปาร์ตา้ สปาร์ตกั สเตอวั และเซอร์เวน่า มี ความหมายเหมือนกนั คือดวงดาว หรือ สตาร์ในภาษาองั กฤษ น้นั่ เอง เช่น สปาร์ตา้ ปราก สปาร์ตกั มอสโก สเตอวั บคู าเรสต์ เซอร์เวน่า สเวดา้ ทีมเหล่าน้ีก่อต้งั โดยกองทพั บก เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 242 ในภาษาองั กฤษ เลข 11 อา่ นวา่ Eleven และเลข 12 อา่ นวา่ Twelve เคยสงสัยกนั ไหมคะวา่ ทาไมถึงไม่ใช้ Oneteen และ Twoteen เหมือนอยา่ งเลขท่ีข้ึนตน้ ดว้ ย สิบท่ีเหลือล่ะ เร่ืองน้ีมีท่ีมา... หลกั การเรียกจานวน 21-99 คาเรียกจานวนในภาษาองั กฤษต้งั แตเ่ ลข 21 – 99 มีหลกั การเดียวกนั คือ จะพดู หลกั สิบ (tens) ก่อนแลว้ ตาม ดว้ ยหลกั หน่วย เช่น 21 = twenty one (twenty คือหลกั สิบ, one คือหลกั หน่วย) แต่การใชค้ าวา่ “teens” มี ความแตกต่างออกไป โดยหลกั สิบ ten ซ่ึงเป็นที่มาของคาวา่ teen จะอ่านตามหลงั หลกั หน่วย เช่น 17 มาจาก 10 (ten) + 7 (seven) อ่านวา่ seventeen (ไมอ่ า่ น teen-seven) แตส่ าหรับ eleven (11) และ twelve (12) ไมไ่ ดเ้ ป็ นไปตามหลกั การน้ี Eleven และ Twelve มาจากไหน? Eleven และ Twelve มาจากคาภาษาองั กฤษโบราณ คือ Endleofan = ain + lif (11) และ Twelf = twa + lif (12) –lif มาจากรากศพั ท์ “left” ท่ีแปลวา่ เหลือ, เกิน ดงั น้นั ainlif หมายถึง เกินมาหน่ึง และ twalif หมายถึง เกินมา สอง ทาไมถึงไมม่ ี threelif, fourlif, fiflif, sixlif และ อื่นๆ? จริงอยวู่ า่ เม่ือก่อนอาจจะใช้ –lif เป็นส่วนต่อทา้ ย ของคาเรียกจานวนเกินสิบ แต่ดว้ ยระบบจานวนมีการ พฒั นามากข้ึนกวา่ ในอดีต และอาจเป็นเพราะระบบการ

พิมพ์ threelif, fourlif ดว้ ยก็ได้ จึงไมม่ ีการใช้ –lif ต่อทา้ ย แต่สาหรับ 11 และ 12 ถูกนามาใชบ้ อ่ ยข้ึนใน ชีวติ ประจาวนั รูปแบบของมนั จึงหยดุ นิ่งในขณะที่ระบบอื่นๆ มีการพฒั นาข้ึน นอกจากน้ียงั มีความแตกตา่ ง มากข้ึนในการออกเสียงหลกั สิบ (tens) เช่น twenty, thirty, fifty แทนท่ีจะเป็น twoty, threety, fivety เนื่องจากเราใชต้ วั เลขเหล่าน้นั ในชีวติ ประจาวนั มานานกวา่ ท่ีเรามี two hundred, three hundred และ five hundred ซะอีก สรุปไดว้ า่ เราสร้างคาข้ึนมาสาหรับเลข 11 และ 12 มานานมากแลว้ โดยเรียกวา่ \"one left after ten\" และ \"two left after ten.\" และมนั กเ็ ป็นความเคยชินที่เราสลดั ออกไปไมไ่ ดแ้ ลว้ ล่ะ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 243 มีข่าวแผน่ ดินไหวท่ีเกาะสุลาเวสี วนั น้ีเลยอยากเล่าถึง ท่ีมาของเกาะน้ี ครับ ตอนผมเรียนภูมิศาสตร์ ผมเรียกเกาะน้ีว่าเกาะไดโนเสาร์ เพราะรูปทรงเหมือน ไดโนเสาร์ เกาะน้ีสมยั ก่อนเรียกวา่ เซเลบีส ซ่ึงมาจากภาษาโปรตุเกส เป็นหน่ึงในเกาะซุนดาใหญ่ 4 เกาะของ ประเทศอินโดนีเซีย (ประกอบดว้ ย สุมาตรา ชวา บอร์เนียว และสุลาเวสี) ชาวยโุ รปพวกแรกที่เดินทางมายงั เกาะแห่งน้ี คือ กะลาสีเรือชาวโปรตุเกส เม่ือ พ.ศ. 2055 และนบั ต้งั แต่ พ.ศ. 2212 เป็ นตน้ มา บริษทั อินเดียตะวนั ออกของเนเธอร์แลนดก์ ็ไดต้ ้งั มน่ั อยทู่ ่ีมา กซั ซาร์ (Makassar) และเม่ือ พ.ศ. 2448 พ้ืนท่ีท้งั เกาะ กลายเป็ นส่ วนหน่ึ งของนิ คมชาวดัตช์อินเดี ย ตะวนั ออก กระทง่ั อินโดนีเซียประกาศเอกราชเมื่อ พ.ศ. 2498 เดิมน้นั ชาวโปรตุเกสต้งั ชื่อเกาะน้ีวา่ \"เซเล บีส\" ส่วนความหมายน้นั ไม่ปรากฏชดั ในตอนแรก ไมไ่ ดใ้ ชค้ าน้ีเรียกพ้ืนท่ีท้งั เกาะ เพราะชาวโปรตุเกสคิดวา่ ซูลาเวซีเป็ นหมู่เกาะ ช่ือซูลาเวซีท่ีใชใ้ นปัจจุบนั มา จากคาวา่ \"ซูลา\" (เกาะ) และ \"เบซี\" (เหล็ก) โดยอาจหมายถึง การนาเขา้ เหล็กในอดีตจากตะกอนเหล็กท่ีมีอยู่ มากในทะเลสาบมาตาโน (Matano) ขอร่วมแสดงความเสียใจกบั ชาวเมืองปาลู บนเกาะสุลาเวสี ประเทศ อินโดนีเซียดว้ ยครับ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 244 วนั น้ีไดก้ ินก๋วยจบ๊ั จึงอยากเล่าถึงที่มาของอาหารชนิด น้ีให้ฟังครับ ตน้ กาเนิดของ “ก๋วยจบั๊ ” ตามตานาน ของจีนได้เล่าขานกันมาว่า เป็ นเมนูท่ีปรุงให้กับ กองทพั ทหารจีน แห่งราชวงศ์หมิง รับประทานกนั ในช่วงออกศึก โดยช่วงระหว่างปี พ.ศ.1911- 2187 เป็นเวลารวมแลว้ 276 ปี องคจ์ กั รพรรดิไดแ้ ต่งต้งั “ซ่ี จีกวง” แม่ทพั ใหญป่ ราบโจรสลดั ผนู้ ากองทพั ทหาร ไปปฏิบตั ิภารกิจทางภาคใตข้ องจีน ดว้ ยสิ่งสาคญั ที่ “ซี่จีกวง” ไดค้ านึงถึงนน่ั ก็คือ การจดั เสบียงอาหารที่ขน

ยา้ ยง่าย รับประทานง่าย และเพยี งพอตอ่ ทหารทุกนาย และในคืนน้นั เอง “ซี่จีกวง” ไดเ้ ดินผา่ นหอ้ งครัว ซ่ึงมี แม่ครัวกาลงั ทาอาหารอยู่ เห็นแม่ครัวนาแป้ งมาผสมกบั น้าร้อนแลว้ เทลงดา้ นขา้ งของกระทะร้อน เมื่อขา้ วจบั ตวั ติดกนั เป็ นแผน่ นาข้ึนมาพกั ไว้ เวลาจะรับประทานก็นาแผ่นแป้ งน้นั มาฉีกเป็ นชิ้นเล็กๆ แลว้ นามาตม้ ใน น้าเดือดอีกคร้ัง และก็ปรุงรสเพ่ิมความอร่อยดว้ ยซอสถว่ั เหลือง น้ามนั งา โรยหนา้ ดว้ ยผกั ชีเป็ นการปิ ดทา้ ย ดว้ ยวิธีการปรุงอาหารท่ีง่าย แต่ยงั ไดร้ สชาติอร่อยแบบน้ี จึงเกิดเป็ นแรงบนั ดาลใจให้ “ซี่จีกวง” นาไปเป็ น เมนูท่ีปรุงให้กบั เหล่าทหารในกองทพั ไดร้ ับประทาน และต่อมา “ซี่จีกวง” ก็ไดพ้ ฒั นานาเอาเน้ือสัตวม์ าใส่ และนาเครื่องยาจีนหรือเครื่องพะโล้มาใส่เพ่ิมเข้ามาตามลาดบั จึงเกิดเป็ นเมนูที่ได้รับความนิยมไปทวั่ ประเทศจีน และกระจายไปหลายๆประเทศในเอเชีย รวมท้งั ประเทศไทยบา้ นเราดว้ ย เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 245 ขนมชิ้นเลก็ ๆที่เรากินบ่อยๆ บางคนเรียก คุกก้ี บางคน เรียกบิสกิต สองคาน้ีต่างกันอย่างไร คุกก้ี คือ ขนมอบชิ้นเล็ก ๆ รูปร่างแบน ซ่ึงทาจากแป้ ง สาลี คาวา่ คุกก้ีมีที่มาจากคาในภาษาดตั ช์ koekje ซ่ึงหมายถึง \"เคก้ ชิ้นเล็ก ๆ\" แรกเริ่มเดิมทีน้ัน คุกก้ีทาโดยการแบ่งแป้ งขนมเค้กที่ผสมแล้ว ออกมาส่วนหน่ึง จากน้นั แบ่งออกเป็ นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนาเขา้ เตาอบ เพื่อทดสอบอุณหภูมิที่จะใช้ อบขนมเค้ก คาว่า \"คุกก้ี\" (cookie) ใช้กันใน สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ส่วนในประเทศท่ี ประชากรพูดภาษาองั กฤษส่วนใหญ่นอกสหรัฐอเมริกา รวมถึงสหราชอาณาจกั ร จะเรียกขนมชนิดน้ีว่า “ บิสกิต “ (biscuit) และคาวา่ “ คุกก้ี ” (cookie) น้นั จะใช้เรียก บิสกิตชนิดหน่ึงเท่าน้นั สรุปคือ ท้งั สองคามี ความหมายเหมือนกนั คนอเมริกนั เรียกคุกก้ี คนองั กฤษเรียกบิสกิตส่วนขนมอีกชนิด นน่ั คือ แครกเกอร์ จะ เป็นขนมปังแผน่ บางแหง้ ๆกรอบๆรสออกเคม็ เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองท่ี 246 วนั น้ีขอนาเสนอที่มาของคาวา่ คาวา่ \"ปิ โตรเลียม\" ซ่ึง มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า \"เพทรา\" (Petra) แปลว่า หิน และคาว่า \"โอลิอุม\" (Oleum) แปลว่า น้ามนั รวมความแลว้ ปิ โตรเลียมจึงหมายถึง น้ามนั ท่ี ได้มาจากหิน โดยไหลซึมออกมาเองในรูปของ ของเหลวหรือแก๊ส เมื่อแรกพบ ในอดีตกาล ชาวจีน ไดค้ น้ พบปิ โตรเลียมจากการเจาะบ่อเกลือ และรู้จกั ใช้ ประโยชน์จากปิ โตรเลียม เพื่อเป็ นเช้ือเพลิง ในการ

ตม้ น้าเกลือให้ระเหย จนไดเ้ กลือสินเธาว์ ชาวอียิปตโ์ บราณ ใชป้ ิ โตรเลียมดองศพ ก่อนนาไปฝังในสุสาน เพอ่ื ช่วยป้ องกนั มิใหศ้ พเน่าเปื่ อย ในอาณาจกั รเมโสโปเตเมีย มีการนาเอาน้ามนั ดิบมาเป็ นวสั ดุเชื่อมประสาน กอ้ นอิฐเขา้ ดว้ ยกนั ในการก่อสร้าง และใช้ปูลาดถนน ในสมยั กรีกและโรมนั ได้มีการใช้ปิ โตรเลียมเป็ น เช้ือเพลิง สาหรับตะเกียง และเป็ นยาข้ีผ้ึงสาหรับรักษาโรค ในพ้ืนท่ีส่วนอื่นๆ ของโลก อาทิเช่น บริเวณ รอบๆ ทะเลสาบแคสเปี ยน โรมาเนีย พม่า และอินเดีย ไดม้ ีการนาปิ โตรเลียมมาใช้ประโยชน์ คือ เป็ น เช้ือเพลิง สาหรับจุดให้แสงสว่าง และใช้ในการประกอบอาหาร ใชเ้ ป็ นวสั ดุหล่อล่ืน และใช้เป็ นยารักษา โรค ท้งั น้ี ปิ โตรเลียม คือ สารท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติ เป็ นของผสมของโฮโดรคาร์บอนชนิดต่างๆ ที่ยงุ่ ยาก และซับซ้อน ท้งั ท่ีอยู่ในสภาพของแข็ง ของเหลว และแก๊ส หรือท้งั สามสภาพปะปนกนั แต่เมื่อตอ้ งการจะ แยกประเภทออกเป็ นปิ โตรเลียมชนิดต่างๆ จะใชค้ าวา่ น้ามนั ดิบ (Crude oil) แก๊สธรรมชาติ (Natural gas) และแก๊สธรรมชาติเหลว (Condensate) โดยปกติน้ามนั ดิบ และแก๊สธรรมชาติ มกั จะเกิดร่วมกนั ในแหล่ง ปิ โตรเลียม แต่บางแหล่งอาจมีเฉพาะน้ามนั ดิบ บางแหล่งอาจมีเฉพาะแก๊สธรรมชาติก็ได้ ส่วนแก๊สธรรมชาติ เหลวน้นั หมายถึง แก๊สธรรมชาติในแหล่งท่ีอยู่ลึกลงไปใตด้ ินภายใตส้ ภาพอุณหภูมิ และความกดดนั ท่ีสูง เม่ือถูกนาข้ึนมาถึงระดบั ผิวดินในข้นั ตอนของการผลิต อุณหภูมิ และความกดดันจะลดลง ทาให้แก๊ส ธรรมชาติกลายสภาพไปเป็นของเหลว เรียกวา่ แก๊สธรรมชาติเหลว เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องที่ 247 ช่วงน้ีโดนไวโคมาเยอะ (ไซโค ในความหมายแปลวา่ ถูกกดดนั ) เลยอยากเล่าที่มาของคาวา่ ไซโคครับ คาวา่ ไวโคมาจากภาษากรีก Psyche แปลวา่ จิตใ้้จ ท่ีตอ้ ง เป็ นไซคีเพราะมาจากตานานรักของนางไซคี ผหู้ ญิงท่ีสวยที่สุดในโลกกบั คิวปิ ด เทพเจา้ แห่งความรัก เร่ือง เกิดจากเทพวี นี สั เทพีแห่งความงาม อิจฉาความงามของ นางไซคี จึงให้คิวปิ ดไปยิงศรให้ไซคีหลงรักชายท่ี อปั ลกั ษณ์ท่ีสุดในโลก แต่คิวปิ ดพลาดทาให้ศรรักโดน ตวั เอง ท้งั สองจึงหลงรักกนั และคิวปิ ดไดล้ กั พาตวั นาง ไซคีมาอยู่กินด้วยกันโดยท่ีไซคีไม่เคยเห็นหน้าคิวปิ ด เลย จนกระทง่ั โดนพี่สาวสองคนของนางยุเพราะความ อิจฉาที่เห็นไซคีอยวู่ ิมานท่ีสุขสบาย ตกกลางคืนขณะที่ คิวปิ ดหลบั นางก็ไดแ้ อบเอาตะเกียงส่องหนา้ คิวปิ ดดู พบวา่ เป็ นกามเทพหนุ่มที่หล่อที่สุด น้ามนั ตะเกียงหยด ใส่หวั ไหล่คิวปิ ดทาใหค้ ิวปิ ดต่ืน คิวปิ ดเสียใจมากท่ีไซคีไมเ่ ช่ือใจ จึงบินหนีไปพร้อมกบั บอกวา่ \"ความรักจะ โบยบินจากเจา้ ไป เมื่อเจา้ ขาดความเชื่อใจ\" ไซคีเสียใจจึงออกตามหาคิวปิ ดและโดนนางวีนสั กลน่ั แกล้ง ตลอด จนต้องไปขอความช่วยเหลือจากซุส แต่ในตอนสุดทา้ ย ท้งั คู่ก็พบกับ ความสมหวงั และรักกัน ตลอดกาลครับ

เร่ืองน่ารู้กับครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เร่ืองที่ 248 ใกลช้ ่วงเทศกาลกินเจ แลว้ ทราบไหมครับว่าทาไม ตอ้ งใช้ธงสีเหลือง ท้งั น้ีธงสามเหล่ียม เพ่ิงจะมานิยมทากนั ในช้นั หลงั เม่ือก่อนใช้ธงส่ีเหลื่ยม โดยท้งั น้ี สี เหลือง เป็ นสีแทนแผ่นดิน ในหลกั ทิศห้าแบบจีน ทิศท่ีห้าหมายถึ งศูนย์กล าง ใช้สี เหลื องเป็ น สัญญลักษณ์ เม่ือจักรพรรดิครองแผ่นดิน ซ่ึ ง เปรี ยบเสมือนผู้เป็ นศูนย์กลางของสรรพสิ่ ง จกั รพรรดิจึงมีสิทธิโดยชอบในการครองสีเหลือง สี เหลือง ของจักรพรรดิจึงเป็ นสีต้องห้ามสาหรับ สามญั ชน ภายหลงั สีเหลืองถูกใช้ในความหมายใน เชิงสญั ญลกั ษณ์ วา่ เป็นส่ิงหวงหา้ ม ประตพู ระราชฐานช้นั ในของจีนจะใชส้ ีเหลือง แสดงวา่ เป็ นเขตหวงหา้ ม หนงั สือปกเหลือง หมายถึงหนงั สือตอ้ งห้าม อาหารปักธงเหลือง ก็ดว้ ยเป็ นสัญญลกั ษณ์วา่ เป็ นของท่ีห้าม การเจือปนดว้ ยส่ิงคาวจากผลิตภณั ฑ์สัตว์ เมื่อก่อนเห็นเขาใช้ธงเหลือง ภายหลงั จึงนิยมเขียนคาว่า “ เจ ” เพม่ิ ลงในธง เร่ืองน่ารู้กบั ครูนกฮูก กศน.เขตหนองแขม เรื่องท่ี 249 ช่วงน้ีกินเจ เลยกินไดแ้ ต่ โอเล้ียงกบั อเมริกาโน่ วา่ แต่ สองอยา่ งน้ีแตกต่างกนั อยา่ งไร “อเมริกาโน่” เป็ น กาแฟท่ีไม่ใส่นมและน้าตาล แต่จะเสิร์ฟมาพร้อม กบั น้าตาลให้ แล้วแต่ว่าใครจะเติม ซ่ึงหลกั ๆ จะ เป็ นเอสเปรสโซ่ 1 ช็อตกับน้าเพ่ือให้เจือจาง สาหรับแบบร้อน แต่แบบเย็นจะมีการผสม น้าเช่ือมเพิ่มรสหวานลงไปดว้ ย ดงั น้นั เราอาจจะ เห็นวา่ กาแฟดาชนิดน้ีมนั ช่างดูเหมือนกบั โอเล้ียง บา้ นเรา แลว้ ความแตกต่างของท้งั สองชนิดน้ีมนั เป็ นยงั ไง ? ลองมาดูคาตอบให้กระจ่างใจกัน ดีกว่า ตน้ กาเนิดของโอเล้ียง เรามาเริ่มกันที่โอ เล้ียงก่อน เพราะเคร่ื องดื่มชนิดน้ีมีที่มาจาก ภาษาจีนแตจ้ ๋ิว คาวา่ “โอ” แปลวา่ ดา คาวา่ “เล้ียง” แปลวา่ เยน็ ดงั น้นั มนั จึงเหมือนการส่ือถึงอะไรบางอยา่ งท่ีมีความดาและเยน็ ซ่ึงก็คือนิยามของโอเล้ียงท่ีเป็ น เคร่ืองดื่มเยน็ สีดา ส่วนประกอบของโอเล้ียงมีส่วนผสมมาจากผงกาแฟเช่นเดียวกนั แต่ใชเ้ ป็ นผงกาแฟที่ใช้ ชงแบบโบราณ ต้งั แต่การนาเอาเมล็ดกาแฟท่ีผา่ นการบดแลว้ มาผสมกบั เมล็ดขา้ วโพด มะขามคว่ั และอ่ืนๆ อีกมากมาย ส่วนผสมเหล่าน้ีจะถูกนาไปคว่ั ลงในกระทะ จุดน่าสนใจของเครื่องด่ืมน้ีวา่ จะเด่นหรือดบั ก็มา จากข้นั ตอนการควั่ ในกระทะนน่ั เอง ในระหวา่ งการควั่ จะมีการผสมน้าเชื่อมและเนย ! ลงไปดว้ ย เป็ นตวั ช่วย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook