หนา้ ท่ีพลเมือง วฒั นธรรมและการดารงชีวติ ในสังคม ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๑ ๒ หน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี หน่วยกำรเรียนรูท้ ี่ ๓๔ ๑_หลกั สตู รวิชาหน้าทพ่ี ลเมือง ๒_แผนการจัดการเรยี นรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๖_การวัดและประเมินผล ๗_เสริมสาระ ๘_สอ่ื เสรมิ การเรียนรู้ บรษิ ทั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๑หน่วยการเรียนรู้ท่ี บทบาทและหนา้ ที่ของเยาวชน ท่ีมตี อ่ สงั คมและประเทศชาติ จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑ . ระบคุ วำมสำมำรถของตนในกำรทำประโยชน์ตอ่ สงั คมและประเทศชำตไิ ด้ ๒ . แสดงออกถงึ กำรเคำรพในสทิ ธิเสรีภำพของตนเองและผู้อ่ืนได้
บทบาทและหน้าทข่ี องเยาวชน ทม่ี ีต่อสงั คมและประเทศชาติ ความสาคญั ของเยาวชน • เปน็ ประชำกรสำคัญกลมุ่ หน่ึงของสงั คมไทย • เป็นกลุ่มบคุ คลที่ประเทศชำตจิ ำเปน็ ต้องพึง่ พำ ถำ้ เยำวชนมีคณุ ภำพ กำรพัฒนำประเทศชำติ ให้เจริญกำ้ วหนำ้ กส็ ำมำรถกระทำไดโ้ ดยง่ำย ส่ิงทส่ี ังคมไทย • เปน็ คนดี คาดหวังจากเยาวชน คอื • มคี วำมรู้ควำมสำมำรถ มีสติปญั ญำดี • มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม มีวนิ ยั และควำมรับผดิ ชอบ • ไม่มีควำมประพฤตเิ ส่อื มเสยี หรือสร้ำงควำมเดอื ดรอ้ นรำคำญ ใหก้ ับสังคม
บทบาทและหนา้ ท่ขี องเยาวชน ที่มตี อ่ สังคมและประเทศชาติ (ต่อ) ความเป็น ผูม้ จี ติ สาธารณะ ๓คุณลักษณะจติ ใจและกำรกระทำท่สี ำคัญออกได้เป็น ประกำร : กำรมจี ติ สำนึกที่มองเหน็ “คุณคา่ ” กำรแสดงออกถึงกำรมสี ่วนร่วม กำรแสดงออกและลงมอื ปฏบิ ตั ิ หรอื กำรให้คุณคำ่ ทำงสงั คม รบั ผดิ ชอบต่อสังคมส่วนรวม เพื่อรักษำประโยชนข์ องสังคม ในกำรใชส้ ิทธแิ ละเสรภี ำพ สว่ นรวม หรอื ของประเทศชำติ หรือสิง่ ต่ำงๆ ท่เี ปน็ ส่ิงสำธำรณะ ท่ไี ม่มผี ใู้ ดผู้หนึง่ เป็นเจำ้ ของหรอื และกำรปฏบิ ตั ิหน้ำท่ี เปน็ ส่งิ ที่คนในสังคม เป็นเจ้ำของ ร่วมกนั โดยไม่คดิ จะทำลำย แต่รว่ มกันรกั ษำ ปกป้อง และอนรุ กั ษ์
วธิ ปี ฏบิ ัตติ นเป็นผู้มีจิตสาธารณะใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ ่อสงั คม เคารพกฎกติกา ปฏบิ ัติตนตาม ใฝเ่ รยี นรู้ มคี วามซ่อื สตั ย์ มรี ะเบยี บวินยั ของสังคม กฎหมาย สุจริต ตอ้ งละเว้น ไม่กระทำ ประพฤติตนเปน็ คน ปฏบิ ตั ิตนตำมท่ี ศึกษำหำควำมรจู้ ำก มีควำมซ่อื สตั ยส์ จุ รติ ในสิ่งทีไ่ มค่ วรกระทำ สภุ ำพเรียบรอ้ ย กฎหมำยกำหนดไม่ แหล่งเรียนรู้ต่ำงๆ ทั้งทำงใจและกำร ผมู้ รี ะเบียบวินยั ย่อมจะ กระทำในสง่ิ ทท่ี ำให้ แนวทำงท่ีจะนำ ปฏิบตั ิทำงกำย สำมำรถเจรญิ เติบโตได้ ไมป่ ระพฤติตนทีท่ ำให้ ตนเอง ผ้อู ืน่ สงั คม ควำมร้ไู ปใช้ในกำร ละอำยและเกรงกลวั ผอู้ นื่ เดอื ดร้อน หรือประเทศเกิดควำม แก้ปญั หำและพัฒนำ ตอ่ กำรกระทำใน อย่ำงมคี ุณภำพ เดอื ดร้อน ตนเอง สิ่งทไ่ี มด่ ี
วธิ ีปฏบิ ตั ติ นเป็นผมู้ ีจิตสาธารณะใหเ้ ปน็ ประโยชน์ต่อสงั คม (ตอ่ ) มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม มีส่วนรว่ ม มีสว่ นรว่ มในการอนุรกั ษ์ รกั ษาสาธารณสมบัติ อนุรักษ์และสบื สาน ในกิจกรรมทางสงั คม ทรพั ยากรธรรมชาติ ประเพณี วฒั นธรรม และ ประพฤติปฏิบตั ติ ำ มหี นำ้ ทชี่ ่วยทำนบุ ำรงุ ภมู ปิ ญั ญาที่ดงี ามของไทย หลกั ธรรมคำสอน รว่ มมือร่วมใจกัน มสี ่วนร่วมในกำรอนรุ กั ษ์ สำธำรณสมบตั ใิ ห้ใช้ ของศำสนำที่นับถือ ไม่นิง่ ดดู ำย หำโอกำส ทรัพยำกรธรรมชำติ ประโยชน์ได้คุม้ ค่ำ ตระหนกั ในควำมสำคัญ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม เข้ำรว่ มทำกิจกรรม ทัง้ ปฏบิ ัติดว้ ยตนเอง และมสี ่วนร่วมอนุรักษ์ หรอื เขำ้ ร่วมกิจกรรม สบื สำนประเพณี วฒั นธรรม ต่ำงๆ ทำงสงั คม ตำ่ งๆ ทำงสังคม และภูมปิ ญั ญำเพอ่ื ให้คงอยู่ กับสงั คมไทยต่อไป
การเคารพสทิ ธิและเสรภี าพ ของตนเองและผอู้ ่นื ความหมายของสทิ ธแิ ละเสรภี าพ สทิ ธิ ประโยชน์ที่กฎหมำยรบั รองและคมุ้ ครองใหแ้ กบ่ คุ คล ในกำรที่จะกระทำ เสรีภาพ กำรใดๆ หรอื ได้มำซึง่ สิ่งใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมำย เช่น • สิทธใิ นทรพั ย์สิน • สทิ ธิในกำรไดร้ ับกำรศึกษำ • สทิ ธใิ นกำรเสนอเร่ืองรำวร้องทุกข์ • สิทธลิ งคะแนนเสยี งเลอื กตงั้ ควำมมอี ิสระที่จะกระทำกำรใดๆ โดยไม่ไปลว่ งละเมิดสทิ ธิของผ้อู ืน่ ตลอดจนควำมสงบเรียบรอ้ ยและศีลธรรมอันดีงำม เช่น • เสรีภำพในกำรประกอบอำชีพอยำ่ งสุจรติ เสรภี ำพในกำร นบั ถอื ศำสนำ • เสรีภำพในกำรชุมนุมโดยสงบและปรำศจำกอำวธุ
สิทธิ เสรภี าพ ของประชาชนชาวไทย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เสรภี าพในเคหสถานเคหสถานอันเปน็ ทอ่ี ย่อู าศัย เป็นกฎหมำยสงู สุดที่ใชป้ กครองประเทศ ถอื เปน็ สถำนท่ีประชำชนไทยมสี ทิ ธิที่จะเดินทำงไป ไหนมำไหนในรำชอำณำจกั รได้อยำ่ งเสรีส่วนตัว ผูใ้ ด • การรบั รองศักด์ศิ รีความเป็นมนุษย์ : ผหู้ นง่ึ จะละเมิดเข้ำไปยังอำคำรบำ้ นเรือนของผู้อ่ืน หำ้ มกำรปฏบิ ัตติ ่อมนุษย์ด้วยกนั เยีย่ งสตั ว์ เสรภี าพในการเดนิ ทางและเลือกถนิ่ ทอ่ี ยู่ เคหสถำนถอื เป็นสถำนท่ี หรอื เย่ียงทำส แต่จะตอ้ งไมค่ รอบครองในท่ีสำธำรณะ ประชำชน สว่ นตวั ของผู้เป็นเจำ้ ของ ถ้ำผ้ใู ดเขำ้ ไปโดยพลกำร • สทิ ธใิ นความเทา่ เทยี มกัน : คนไทยสำมำรถจะเดินทำงไปไหนมำไหนได้ จะมคี วำมผดิ ฐำนบกุ รกุ ทกุ คนยอ่ มมคี วำมเท่ำเทียมกันตำมกฎหมำย สทิ ธขิ องบุคคลในครอบครัวเกยี รตยิ ศ ประชำชนไทยมสี ิทธิ ห้ำมเลือกปฏบิ ตั โิ ดยไม่เป็นธรรม ช่อื เสียง ควำมเปน็ อยู่สว่ นตัวรัฐธรรมนูญได้ให้ควำม ทจี่ ะเดินทำงไปไหนมำไหน ในรำชอำณำจกั รไดอ้ ย่ำงเสรี • สทิ ธิเสรีภาพส่วนบคุ คล : ค้มุ ครองไว้ ทุกคนย่อมมสี ทิ ธิและเสรีภำพในชวี ิตและ เสรีภาพในการส่ือสาร รำ่ งกำย กำรทรมำน ทำรุณกรรมกำรลงโทษ ประชำชนชำวไทยมเี สรีภำพในกำรสอ่ื สำรถงึ กนั ด้วยวธิ กี ำรโหดร้ำยหรอื ไรม้ นุษยธรรมจะ รัฐธรรมนูญห้ำมกำรตรวจ กำรกัก เปดิ เผย หรอื กระทำมไิ ด้ แอบลักลอบดักฟงั อ่ำน เพ่อื ใหร้ บั รสู้ ิ่งสื่อสำรที่ บคุ คลตำ่ งๆ เสรภี าพในการนับถอื ศาสนา ประชำชนมเี สรีภำพอย่ำงบริบูรณใ์ นกำร เลอื กนบั ถอื ศำสนำ นิกำยของศำสนำ หรือ ลัทธนิ ยิ มในศำสนำตำมทตี่ นเองศรัทธำ
• สิทธิในกระบวนการยุตธิ รรม : สิทธิ เสรีภาพ ของประชาชนชาวไทย (ตอ่ ) บุคคลไม่ต้องรับโทษอำญำ เว้นแต่ได้กระทำกำรอัน • สทิ ธิของผู้บริโภคยอ่ มไดร้ บั ความคุ้มครอง : กฎหมำยที่ใช้อยู่ในเวลำท่ีกระทำน้ันบัญญัติเป็น ควำมผิดและกำหนดโทษไว้ และโทษท่ีจะลงแก่บุคคล บุคคลยอ่ มมสี ทิ ธิรวมกันจัดตง้ั องค์กรของผบู้ ริโภคเพ่อื คุ้มครองและพทิ กั ษ์สิทธิของผบู้ ริโภค น้ันจะหนักกว่ำโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมำยที่ใช้อยู่ใน เวลำท่กี ระทำควำมผดิ มิได้ • สทิ ธิในการรับบรกิ ารสาธารณสขุ ของรฐั : • สิทธใิ นทรพั ยส์ ินและการสบื มรดก : บุคคลผู้ยำกไร้ย่อมมีสิทธิได้รับบริกำรสำธำรณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่ำใช้จ่ำย รวมไปถึงบุคคล ซ่งึ มีอำยุเกนิ หกสิบปแี ละไมม่ ีรำยได้เพยี งพอแกก่ ำรยังชพี และบคุ คลผยู้ ำกไร้ ยอ่ มมีสทิ ธไิ ด้รับควำม ทรัพย์สินท่ีแต่ละบุคคลหำมำได้อย่ำงยำกลำบำก ชว่ ยเหลอื ที่เหมำะสมจำกรฐั ตำมท่ีกฎหมำยบัญญตั ิ ไม่ว่ำจะเป็นสังหำริมทรัพย์ หรืออสังหำริมทรัพย์ ย่อมเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้ำของผู้ใดจะมำบังคับ • สิทธิท่เี กีย่ วกับชุมชน วัฒนธรรม และสิ่งแวดลอ้ ม : แยง่ ชิงหรือทำลำยให้เสยี หำยมไิ ด้ บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิในกำรอนุรักษ์ฟ้ืนฟู • สทิ ธิในขอ้ มูลข่าวสารและการร้องเรยี น : หรือส่งเสริมภูมิปัญญำ ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจำรีตประเพณีอันดีงำมทั้ง บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิที่จะได้รับทรำบและเข้ำถึง ของทอ้ งถิน่ และของชำติ ข้อมูลหรือข่ำวสำรสำธำรณะ ในครอบครองของ หนว่ ยงำนของรฐั ตำมทีก่ ฎหมำยบญั ญัติ • เสรภี าพในการแสดงความคดิ เห็น : บุคคลย่อมมีเสรีภำพในกำรพูด กำรเขียน กำรพิมพ์ กำรโฆษณำ กำรส่ือควำมหมำย โดยวธิ อี ืน่ รวมถงึ เสรภี ำพทำงวิชำกำร ประชาชนชาวไทยมสี ทิ ธิในการดแู ลรักษาสง่ิ แวดล้อม เพ่ือช่วยใหส้ ่งิ แวดล้อมกลับคนื สูส่ ภาพทีด่ ีขึ้น
สทิ ธิ เสรีภาพ ของประชาชนชาวไทย (ต่อ) • เสรีภาพในการเสนอขา่ วสาร : • เสรีภาพในการชมุ นุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ : บคุ คลซึง่ ประกอบวชิ ำชพี ส่ือมวลชนย่อมมี ประชำชนยอ่ มมีเสรภี ำพในกำรชุมนุมโดยสงบและปรำศจำกอำวุธ เสรภี ำพในกำรเสนอข่ำวสำร หรอื กำรแสดง ควำมคดิ เห็นตำมจรยิ ธรรมแห่งวิชำชีพ • เสรภี าพในการจัดตง้ั พรรคการเมือง : • เสรีภาพในการประกอบอาชพี : บคุ คลย่อมมเี สรภี ำพในกำรรวมกันจัดต้ังพรรคกำรเมืองตำมระบอบ ประชำธปิ ไตยอนั มพี ระมหำกษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข ประชำชนไทยลว้ นมีเสรีภำพในกำรประกอบ อำชพี คนไทยสำมำรถเลอื กประกอบอำชีพใดๆ ก็ได้ ตำมควำมชอบ ควำมถนดั และควำมสำมำรถของตน โดยไม่ขดั ต่อกฎหมำย • เสรีภาพในการจดั ตง้ั กล่มุ ผลประโยชน์ : คนไทยตำ่ งมีเสรภี ำพในกำรรวมกันเป็น สมำคม สหกรณ์ สหภำพ องคก์ ร ชุมชน หรอื หม่คู ณะอื่น
การปฏบิ ตั ิตนในเกสารรเีภคาารพพสขทิองธตนิ เองและผู้อนื่ ปกปอ้ งสิทธิ ไมล่ ะเมดิ สทิ ธิและ ใช้สทิ ธแิ ละเสรภี าพ และเสรีภาพของตนเอง เสรภี าพของผ้อู ่นื ตามกรอบแห่งกฎหมาย เมื่อสิทธิและเสรภี ำพของเรำถูกละเมิด ใช้สิทธแิ ละเสรภี ำพต้องควบคไู่ ปกบั กฎหมำยเป็นกฎกติกำของสงั คม ไมว่ ำ่ จะเกิดจำกตัวบุคคล กล่มุ บคุ คล หรอื ควำมรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม ตอ้ งมขี อบเขต ที่จะทำให้กำรอยูร่ ่วมกันเปน็ ไปอยำ่ ง จำกหน่วยงำนใด ตอ้ งดำเนินกำรปกปอ้ ง มใิ ชท่ ำอะไรกไ็ ดต้ ำมอำเภอใจ ปกตสิ ุขและเปน็ ระเบยี บ สิทธิและเสรีภำพของเรำตำมกรอบ ต้องคำนงึ ถงึ สิทธิและเสรภี ำพ ที่กฎหมำยบญั ญตั ิไว้ ของผอู้ ืน่ เช่นกนั ใชส้ ิทธแิ ละเสรีภาพตาม กรอบแห่งศีลธรรมและวฒั นธรรม มจี ิตสาธารณะ ไมใ่ ชค้ วามรนุ แรงในการแกป้ ญั หา กำรอย่รู ว่ มกันอยำ่ งสงบสขุ กำรใชส้ ทิ ธิและเสรีภำพ กำรใชส้ ทิ ธิและเสรีภำพในสังคม ลำพังกฎหมำยเพยี งอย่ำงเดียวอำจ ตอ้ งคำนงึ กำรมีจติ สำธำรณะร่วมดว้ ย ประชำธปิ ไตยจะต้องอยู่ในขอบเขตของ ไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องอำศยั กรอบ เพื่อสร้ำงควำมเข้มแข็งให้กับองคก์ ร กฎหมำย คนในสังคมอำจมีทัศนะในเรอื่ ง แห่งศีลธรรมและวัฒนธรรมอนั ดีงำมเขำ้ ตำ่ งๆ แตกตำ่ งกัน กำรช้แี จงทำควำมเข้ำใจ หนว่ ยงำน ดว้ ยเหตผุ ลเปน็ สง่ิ ท่ีจำเป็น จะต้องไมใ่ ช้ มำชว่ ยเสรมิ ด้วย ควำมรุนแรงในกำรแกไ้ ขปญั หำ
ผลทีไ่ ดร้ ับจากการเคารพสิทธิและเสรภี าพ ของตนเองและผ้อู น่ื ช่วยเสรมิ สร้างรากฐาน ลดความขัดแย้ง ประชาธปิ ไตย ข้อพิพาทระหวา่ งกนั รากฐานของประชาธิปไตยอย่ทู ีก่ ารปฏบิ ัติของพลเมอื ง ให้ความสาคัญกับการเคารพสิทธแิ ละเสรีภาพ ถำ้ รูจ้ กั ใชส้ ทิ ธแิ ละเสรภี ำพของตนเองอย่ำงมขี อบเขต ระมดั ระวังไมก่ ระทำในสง่ิ ทีท่ ำให้ผอู้ นื่ และสังคมเดอื ดรอ้ น และสอดคลอ้ งกบั กฎหมำย รวมทัง้ รจู้ กั เคำรพสิทธแิ ละ เมอื่ มคี วำมคิดเห็นไม่ลงรอยกนั ก็จะใช้แนวทำงสันติวธิ ี เสรีภำพของผ้อู ่นื เขำก็จะปฏิบตั ิตนหรือมแี นวกำรดำเนนิ ในกำรแกไ้ ขปัญหำ ชวี ิตทเ่ี ปน็ ประชำธิปไตย สร้างความเข้มแข็ง สรา้ งความเข้มแข็ง ให้กบั ประเทศชาติ ให้กับชุมชนและสงั คม ชมุ ชนและสงั คมมีความเขม้ แข็ง ยอ่ มสง่ ผลถึงประเทศ รจู้ กั เคารพสิทธิและเสรภี าพของกันและกนั ให้มคี วามเขม้ แขง็ ตามมา มคี วำมสมคั รสมำนสำมัคคี รักใคร่กลมเกลยี วกนั ประชำชนมีควำมเปน็ อันหนง่ึ อันเดยี วกนั ไม่มีกำรแบง่ มีควำมเอ้ืออำทร พง่ึ พำอำศยั กัน ฝกั ฝำ่ ย กำรพฒั นำประเทศให้เจริญก้ำวหนำ้ กส็ ำมำรถ วำงแผนได้ในระยะยำวอย่ำงต่อเนือ่ ง
หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรมและการดารงชวี ติ ในสังคม ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม หน่วยกำรเรยี นรูท้ ่ี ๑ หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๒ หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๓ หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี ๔ ๑_หลักสูตรวชิ าหน้าท่พี ลเมอื ง ๒_แผนการจัดการเรียนรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ข้อสอบประจาหน่วย_เฉลย ๖_การวัดและประเมนิ ผล ๗_เสรมิ สาระ ๘_ส่อื เสริมการเรยี นรู้ บริษทั อักษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๒หน่วยการเรียนรู้ท่ี รัฐธรรมนญู กับการเมืองการปกครองของไทย จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. อธิบำยหลักกำร เจตนำรมณ์ โครงสร้ำง และสำระสำคัญของรัฐธรรมนูญแหง่ รำชอำณำจกั รไทย ฉบับปัจจบุ ันโดยสงั เขปได้ ๒. วเิ ครำะห์บทบำทกำรถ่วงดลุ อำนำจอธปิ ไตยในรัฐธรรมนญู แหง่ รำชอำณำจักรไทยฉบบั ปัจจุบันได้ ๓. ปฏบิ ัติตนตำมบทบญั ญตั ขิ องรัฐธรรมนญู แห่งรำชอำณำจกั รไทย ฉบบั ปัจจุบนั ทเ่ี กีย่ วข้องกับตนเองได้
รฐั ธรรมนญู กบั การเมืองการปกครองของไทย รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย • ประเทศไทยเปลย่ี นแปลงกำรปกครอง จำกระบอบสมบรู ณำญำสิทธิรำชย์มำสูร่ ะบอบประชำธิปไตย อนั มพี ระมหำกษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ โดยได้ประกำศใชร้ ัฐธรรมนญู แห่งรำชอำณำจักรไทย • นบั จำก พ.ศ. ๒๔๗๕ ประเทศไทยมกี ำรประกำศใช้รฐั ธรรมนญู หลำยฉบบั โดยฉบับลำ่ สดุ เป็นฉบับท่ี ๒๐ โดยมที ีม่ ำ ดังน้ี ทม่ี าของรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย เกดิ ความขดั แย้ง คณะรกั ษาความสงบ กรธ. คณะกรรมการการเลอื กตง้ั ทางการเมอื งทีม่ ีแนวโน้ม แห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุม ทาการรา่ งรัฐธรรมนญู จัดการลงประชามติ รุนแรงและบานปลาย แหง่ ราชอาณาจักรไทย อานาจการปกครอง วันท่ี ๗ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ. ๒๕๕๙ ยืดเย้อื มำต้งั แต่ พ.ศ. ๒๕๔๙ เกิดขน้ึ เม่ือวนั ท่ี ๒๒ พฤษภำคม คณะกรรมกำรรำ่ งรฐั ธรรมนูญ ผลกำรออกเสียงประชำมติ จนถงึ เดือน พฤษภำคม พ.ศ. พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมเี ปำ้ หมำย ซง่ึ มี นำยมีชัย ฤชพุ นั ธ์ ปรำกฏว่ำรฐั ธรรมนญู ผ่ำนควำม ๒๕๕๗ มีสำเหตุสำคัญมำจำก สำคัญเพือ่ ยุตคิ วำมขดั แยง้ กำรมคี วำมคดิ เห็นทำงกำรเมือง สร้ำงควำมสำมัคคี และคืน เปน็ ประธำน ได้ทำกำรรำ่ ง เหน็ ชอบดว้ ยคะแนนเสียง ทีแ่ ตกตำ่ งกนั ของคนในชำติ ควำมสขุ ให้แก่ประชำชนชำวไทย รฐั ธรรมนูญใหแ้ ล้วเสร็จ ๑๖,๘๒๐,๔๐๒ และมีผู้ไม่ ภำยใน ๑๘๐ วัน โดยมีเนือ้ หำ เหน็ ชอบ ๑๐,๙๒๖,๖๔๘ ๑๖ หมวด ๒๗๘ มำตรำ
ความสาคญั ของรัฐธรรมนญู ยนื ยันควำมเป็นเอกราช รับรองควำมเป็นเอกรฐั ยืนยนั วำ่ ประเทศไทยมกี ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ ซง่ึ ทรงใชอ้ ำนำจอธิปไตยผ่ำนทำงรฐั สภำ คณะรฐั มนตรี ศำล รฐั ธรรมนูญกำหนดควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงสถำบนั กำรเมอื งต่ำงๆ คมุ้ ครองประชาชนชาวไทย คมุ้ ครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไมว่ ่ำจะมเี หลำ่ กำเนิดใด เพศใด หรือนับถือ สทิ ธแิ ละเสรภี ำพของประชำชนชำวไทย ศำสนำใดอย่ำงเสมอกัน
หลักการของรฐั ธรรมนูญ • ประเทศไทยเปน็ รำชอำณำจักรอันหน่งึ อนั เดียวจะแบง่ แยกมิได้ ประเทศไทยเป็นรฐั เด่ียว และรวมศูนยอ์ านาจรัฐไว้ทส่ี ่วนกลางเพยี งแห่งเดยี ว • ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข สถำบนั พระมหำกษัตรยิ ์ มีควำมสำคญั ตอ่ สังคมไทยเปน็ อย่ำงยิง่ เปน็ สถำบนั ทอ่ี ยคู่ ู่สงั คมมำอยำ่ งตอ่ เนอ่ื งและยำวนำน • อานาจอธิปไตยเปน็ ของปวงชนชาวไทย ชำวไทยทุกคนเปน็ เจ้ำของอำนำจสงู สุดในกำรปกครองประเทศ ส่วนพระมหำกษตั รยิ ์ผทู้ รงเปน็ ประมุข ทรงใช้อำนำจทำงรฐั สภำ คณะรฐั มนตรี และศำล ตำมบทบัญญตั ิรัฐธรรมนญู • ศักดศิ์ รีความเป็นมนษุ ย์ สทิ ธิ เสรภี าพ และควำมเสมอภำคของบคุ คล ย่อมได้รับความคุ้มครองจากรฐั ธรรมนูญ ตำมหลกั สทิ ธิมนุษยชน โดยมรี ฐั เปน็ ผ้ดู แู ลและคมุ้ ครองสทิ ธเิ สรีภำพของคนในประเทศตำมที่รฐั ธรรมนญู บญั ญตั ิ • รัฐธรรมนญู เป็นกฎหมายสงู สดุ ของประเทศไทย มรี ะบอบกำรปกครองทถ่ี อื “หลักนติ ริ ัฐ” โดยใช้มำตรกำรทำงกฎหมำยทเี่ ป็นธรรม จัดระเบียบของสังคมกฎ ข้อบงั คบั ใดๆ จะขดั หรือแยง้ กบั รัฐธรรมนูญไมไ่ ด้
โครงสรา้ งของรัฐธรรมนูญ การกาหนดโครงสร้างและสาระสาคญั ของรัฐธรรมนญู มีการบญั ญัติเกยี่ วกบั โครงสร้างของรฐั และการปกครองของไทย เพ่อื คุ้มครองสิทธเิ สรีภาพของประชาชนชาวไทย • ให้ควำมสำคัญในกำรคมุ้ ครองสิทธิเสรีภำพของประชำชน • ระบุหนำ้ ที่ของประชำชนชำวไทยไว้ • กำหนดแนวนโยบำยแหง่ รฐั • บญั ญัตเิ กีย่ วกับบทบำทหน้ำทีข่ องรัฐสภำ • บทบัญญตั เิ กี่ยวกับบทบำทของคณะรัฐมนตรี • บัญญตั เิ กย่ี วกบั พรรคกำรเมืองและกำรเลือกตัง้ กำรรบั รูข้ ่ำวสำรข้อมลู สำธำรณะ • บญั ญัติเกีย่ วกบั ศำล เมอ่ื มกี ำรจดั กำรเลือกตง้ั ประชำชนชำวไทยมีหนำ้ ทไ่ี ปใช้ เป็นสทิ ธิเสรภี ำพของชนชำวไทย • ใหค้ วำมสำคัญกบั คุณธรรม จริยธรรมของนักกำรเมอื ง สทิ ธลิ งคะแนนเสียง ทงั้ ในระดบั ชำติ ระดบั ทอ้ งถิน่ ประกำรหนึง่ ตำมที่รัฐธรรมนูญได้รบั รองไว้ • ส่งเสริมกำรมสี ่วนรว่ มของประชำชน ตำมแนวทำงของระบอบประชำธปิ ไตย • กำหนดให้มอี งคก์ รอสิ ระท่ที ำหนำ้ ท่ีตรวจสอบกำรใช้อำนำจรัฐ • กำหนดบทบำทหนำ้ ทีข่ ององค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่
รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย ๓อานาจอธปิ ไตย แบง่ เปน็ ดา้ น เป้าหมายหลกั กำรใช้ อานาจนติ ิบัญญัติ ผ่ำนทำงรัฐสภา ของการแบง่ แยก กำรใช้ อานาจบรหิ าร ผำ่ นทำงคณะรฐั มนตรี กำรใช้ อานาจตลุ าการ ผ่ำนทำงศาล การใช้อานาจอธิปไตย : กำรคมุ้ ครองสิทธิเสรภี ำพและประโยชน์ของ ประชำชนมกี ำรจำกดั ขอบเขตอำนำจของแต่ละฝำ่ ย มีกำรควบคุมและตรวจสอบกำรใชอ้ ำนำจ อย่ำงมีประสิทธภิ ำพ ประโยชนก์ ็จะตกอย่ทู ี่ ประชำชนโดยรวม
อานาจนติ บิ ัญญัติ รฐั สภา เป็นสถำบันที่ใช้อำนำจนิติบัญญัติรัฐธรรมนูญไทยกำหนดไว้เป็นระบบ สองสภำ คือ สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา เป็นผู้แทนปวงชนชำวไทยท่ีใช้ อำนำจอธิปไตยในทำงนติ บิ ัญญตั ิแทนประชำชน บทบาทหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร บทบาทหน้าทีข่ องวุฒิสภา • พจิ ำรณำและใหค้ วำมเห็นชอบร่ำงพระรำชบัญญตั ิ • พจิ ำรณำกลั่นกรองรำ่ งพระรำชบัญญัติที่ผ่ำนกำรพจิ ำรณำ • ควบคมุ กำรบริหำรแผน่ ดินของฝำ่ ยบริหำร จำกสภำผู้แทนรำษฎร • ควบคุมกำรบริหำรรำชกำรแผน่ ดนิ ของฝ่ำยบรหิ ำร • มีอำนำจถอดถอนบุคคลผดู้ ำรงตำแหน่งทำงกำรเมือง
อานาจบริหาร คณะรัฐมนตรีจะประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี ๑ คน และรัฐมนตรีอ่ืน อีกตำมจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ โดยนำยกรัฐมนตรีจะต้องมำจำก บุคคลที่เป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรและจะต้องเป็นสมำชิกสภำผู้แทน รำษฎรในขณะนั้น พระมหากษัตรยิ ์จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแตง่ ตงั้ โดยมีประธำนสภำผู้แทนรำษฎรเป็นผู้ลงนำมรับสนองพระบรมรำช โองกำรแต่งตัง้ นำยกรฐั มนตรี บทบาทหนา้ ทขี่ องคณะรฐั มนตรี • แถลงนโยบำยต่อรัฐสภำกอ่ นเข้ำทำหน้ำที่บริหำรรำชกำรแผน่ ดิน โดยรฐั มนตรีต้องดำเนนิ ตำมนโยบำยทีไ่ ด้แถลงไว้ • เขำ้ ประชมุ และแถลงขอ้ เท็จจรงิ หรือแสดงควำมคิดเหน็ ในทป่ี ระชมุ สภำ
อานาจตลุ าการ ระบบศาลของไทย เปน็ ศาล ๔ ระบบ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลทหาร บทบาทหนา้ ทีข่ องศาลรฐั มนตรี • แถลงนโยบำยต่อรฐั สภำก่อนเข้ำทำหน้ำทบ่ี ริหำรรำชกำรแผน่ ดิน โดยรฐั มนตรตี อ้ งดำเนินตำมนโยบำยท่ไี ดแ้ ถลงไว้ • เข้ำประชุมและแถลงขอ้ เทจ็ จริงหรือแสดงควำมคดิ เหน็ ในท่ปี ระชมุ สภำ • พิจำรณำคดแี ละพิพำกษำคดีทั้งปวงตำมขอ้ บัญญัตทิ ีร่ ฐั ธรรมนณู หรือ กฏหมำยกำหนดให้ในพระปรมำภไิ ธยพระมหำกษัตรยิ ์
ศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนญู ๑ คน และตลุ าการศาลรัฐธรรมนญู ตามจานวนท่ีรฐั ธรรมนญู กาหนด ซง่ึ พระมหากษตั ริย์ทรงแตง่ ตงั้ โดยมคี ณุ สมบตั วิ าระการดารงตาแหน่ง ตลอดจนอานาจหน้าที่ตามทรี่ ัฐธรรมนูญบญั ญตั ิ บทบาทอานาจหนา้ ท่ขี องศาลรัฐธรรมนูญ วินจิ ฉัยในกรณที มี่ คี วำมขัดแย้งกนั วนิ ิจฉยั กรณที บี่ ทบญั ญัติ วนิ ิจฉยั วำ่ หนงั สือสนธิสัญญำใด เกี่ยวกับอำนำจหนำ้ ท่ี ระหว่ำง แห่งกฎหมำย ตอ้ งได้รับควำมเหน็ ชอบ รัฐสภำคณะรัฐมนตรี หรือองคก์ ร จำกรฐั สภำก่อนหรือไม่ กฎหรือกระบวนกำรตรำกฎหมำย ตำมรฐั ธรรมนญู ที่มใิ ช่ศำล ขัดหรอื แยง้ ต่อรฐั ธรรมนญู ตัง้ แตส่ ององค์กรขน้ึ ไป
มอี ำนำจพิจำรณำคดที ้ังปวง ยกเว้นคดที รี่ ัฐธรรมนญู หรอื กฎหมำย ศาลยุตธิ รรม บัญญตั ใิ หอ้ ยูใ่ นอำนำจของศำลอน่ื ซ่งึ ระบบศำลยุติธรรม แบง่ ออกเป็น ๓ ชน้ั ศาลฎกี า ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ เป็นศำลสงู สุด มีอำนำจพิจำรณำ เปน็ ศำลท่ีรับพจิ ำรณำคดใี นเบื้องตน้ เป็นศำลทมี่ ีอำนำจพจิ ำรณำพิพำกษำ พพิ ำกษำคดที ี่ฝ่ำยโจทก์หรอื ทงั้ คดแี พง่ คดอี ำญำและคดพี เิ ศษ คดีทฝ่ี ่ำยโจทกห์ รอื จำเลยอทุ ธรณ์คำ อน่ื ๆ โดยแบง่ เป็น ๒ ประเภท พพิ ำกษำหรอื คำสงั่ ของศำลช้นั ต้น จำเลยขอฎกี ำคำพพิ ำกษำหรอื คำสงั่ ของ ศำลอทุ ธรณ์ คำพิพำกษำของศำลฎกี ำ เปน็ ท่ีสุด ซึ่งทุกฝำ่ ยจะตอ้ งเคำรพและ ปฏิบตั ติ ำม ไม่มสี ิทธิทจี่ ะโตแ้ ย้งได้อีก ศาลชนั้ ตน้ ในกรงุ เทพมหานคร ศำลแพ่ง ศำลอำญำ ศำลแพ่งกรงุ เทพใต้ ศำลแพ่งธนบรุ ี ศำลอำญำธนบรุ ี ศำลแขวงทตี่ ั้งอยูใ่ น กรงุ เทพมหำนคร ศำลจงั หวดั มีนบุรี ศำลเยำวชนและครอบครวั กลำง ศำลภำษอี ำกรกลำง ศำลแรงงำนกลำง ศำลทรพั ยส์ นิ ทำงปญั ญำและกำรคำ้ ระหว่ำงประเทศกลำง ศำลล้มละลำยกลำง ศาลชั้นตน้ ในต่างจังหวัด • ศำลจงั หวัด • ศำลแขวง • ศำลเยำวชนและครอบครวั ในจังหวดั ตำ่ งๆ
ศาลปกครอง เปน็ องคก์ รตลุ ำกำรทีม่ ีอำนำจพจิ ำรณำวินิจฉยั ช้ขี ำดขอ้ พพิ ำททำงกำรปกครอง หรอื ทเ่ี รยี กว่ำ คดีปกครอง คดพี พิ ำทระหวำ่ งหน่วยงำนของรัฐ ทเ่ี รียกว่ำ ศาลปกครองสูงสุด “หนว่ ยงานทางปกครอง” หรือ เจ้ำหน้ำท่ีของรัฐกบั ซงึ่ มีเพียงศำลเดียว ทำหนำ้ ทเี่ ป็นศำลสงู สุด เช่นเดยี วกับ เอกชน อันเนือ่ งมำจำกกำรใช้อำนำจตำมกฎหมำย หรือ ศำลฎีกำในระบบของศำลยุติธรรม จำกกำรจดั ทำกจิ กำรของรฐั ศาลปกครองชน้ั ตน้ ศำลปกครองกลำง และศำลปกครองในภมู ภิ ำค คดพี พิ ำทระหว่ำงหนว่ ยงำนทำงปกครองหรอื เจำ้ หนำ้ ท่ี ตำ่ งๆ เช่น ศำลปกครองขอนแกน่ ศำลปกครองเชยี งใหม่ ของรฐั ด้วยกันเองอนั เนอ่ื งมำจำกกำรใช้อำนำจตำม กฎหมำยหรอื จำกกำรจัดทำกจิ กำรของรฐั ศาลปกครองแบ่งออกเป็น ๒ ชนั้
ศาลทหาร มีอำนำจพิจำรณำพพิ ำกษำคดีอำญำซงึ่ ผ้กู ระทำ ผดิ เป็นบุคคลท่ี อย่ใู นอำนำจศำลทหำร และคดอี ื่นตำมทีก่ ฎหมำยบญั ญตั ไิ ว้ แผนผังการแสดงความสมั พนั ธก์ ารแบง่ แยกการใช้อานาจ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ พระมหากษตั ริย์ ฝ่ายนติ ิบญั ญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตลุ าการ รฐั สภา คณะรัฐมนตรี ศาล นายกรฐั มนตรี รฐั มนตรี สภาผ้แู ทนราษฎร วุฒิสภา ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุตธิ รรม ออกกฎหมาย บงั คบั ใช้กฎหมาย ศาลปกครอง เสนอร่างกฎหมาย ศาลทหาร ตรวจสอบการออกกฎหมาย และการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย
การถว่ งดุลอานาจอธปิ ไตย การถ่วงดุลอานาจของฝา่ ยนติ ิบัญญตั ิ การถว่ งดุลอานาจของฝ่ายบริหาร การถ่วงดุลอานาจของฝา่ ยตลุ าการ การถว่ งดลุ อานาจฝา่ ยบรหิ ารหรือคณะรัฐมนตรี การถ่วงดุลอานาจฝ่ายนิติบัญญัติ การถ่วงดลุ อานาจฝา่ ยบริหาร โดยกำรควบคมุ กำรบริหำรรำชกำรแผน่ ดนิ โดยกำรยบุ สภำ ซึ่งเป็นพระรำชอำนำจ โดยกระบวนกำรพจิ ำรณำคดีของศำลฎกี ำ ซงึ่ กระทำได้ดว้ ยวธิ ีกำร เชน่ ของพระมหำกษัตริยท์ ่ีจะมีพระรำชกฤษฎกี ำยบุ แผนกคดอี ำญำของผ้ดู ำรงตำแหนง่ ทำงกำรเมือง • ใหค้ วำมเห็นชอบบุคคลทจ่ี ะเปน็ สภำตำมคำแนะนำของนำยกรฐั มนตรี ซง่ึ จะทำให้ หรอื ศำลรฐั ธรรมนูญ เช่น กำรวินิจฉยั คุณสมบัติ สภำผแู้ ทนรำษฎรส้นิ สุดวำระก่อนกำหนดหรือไม่ ของผดู้ ำรงตำแหน่งทำงกำรเมือง หรอื ศำล นำยกรัฐมนตรี โดยประธำนสภำ สำมำรถปฏิบตั ิหน้ำที่ต่อไปได้ ขณะเดยี วกันฝ่ำย ปกครอง เช่น กำรพพิ ำกษำคดีปกครองทเี่ กดิ จำก ผูแ้ ทนรำษฎรเปน็ ผู้ลงนำมรับสนอง บรหิ ำร คือ คณะรฐั มนตรเี องกต็ ้องพน้ จำก กำรปฏิบตั หิ น้ำท่ขี องหน่วยงำนปกครองหรือ พระบรมรำชโองกำรแตง่ ต้ังนำยกรฐั มนตรี ตำแหน่ง แตต่ ้องอยใู่ นตำแหนง่ เพื่อปฏบิ ัติหน้ำที่ เจ้ำหนำ้ ท่ขี องรฐั • ให้คณะรัฐมนตรีต้องแถลงนโยบำยในกำร ตอ่ ไปจนกวำ่ คณะรฐั มนตรีชุดใหมจ่ ะเข้ำมำรับ การถว่ งดุลอานาจฝ่ายนติ บิ ญั ญัติ บริหำรรำชกำรแผ่นดินต่อรัฐสภำกอ่ นเข้ำ หนำ้ ท่ี โดยกระบวนกำรพจิ ำรณำคดีของศำล บรหิ ำรรำชกำรแผน่ ดนิ โดยไมม่ ีกำรลงมติ การถ่วงดลุ อานาจฝ่ายตลุ าการ รัฐธรรมนูญ หรอื ศำลฎีกำแผนกคดีอำญำของผู้ ไวว้ ำงใจ โดยกำรกล่นั กรองและให้ควำมเห็นชอบ ดำรงตำแหนง่ ทำงกำรเมือง การถ่วงดลุ อานาจฝา่ ยตุลาการ วงเงนิ งบประมำณรำยจำ่ ยประจำปี • โดยกระบวนกำรควบคมุ และอนุมัติ งบประมำณรำยจำ่ ยประจำปี ถอดถอนผู้ พพิ ำกษำหรอื ตลุ ำกำรออกจำกตำแหนง่ ตำม บทบัญญัตริ ัฐธรรมนญู
แนวทางการปฏบิ ัตติ น ประชำชนจงึ ควรปฏิบัตติ นใหส้ อดคลอ้ งกบั ตามบทบัญญตั ิในรฐั ธรรมนญู บทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนูญตำมแนวทำง ดังน้ี เก่ียวกับสิทธิ เสรีภาพ และหน้าท่ี เคำรพสทิ ธขิ องกัน รู้จกั ใชส้ ทิ ธขิ อง เผยแพร่ควำมรู้ ปฏบิ ตั ติ ำมบทบำท และกนั โดย ตนเองและแนะนำ เก่ียวกบั สิทธิ หน้ำที่ ทเี่ กย่ี วข้อง ไมล่ ะเมิดสิทธิ ให้ผ้อู ืน่ รจู้ กั ใช้และ มนษุ ยชน และ ปลูกฝังแนวควำมคิด เช่น ให้ควำม เสรีภำพของผอู้ ่นื รักษำสิทธขิ อง เร่อื งสทิ ธิมนษุ ยชน รว่ มมอื ในกำรธำรง ตนเอง ให้แก่ชุมชนหรือ รักษำไว้ซ่ึงสถำบัน ส่งเสรมิ และ สังคมตำมสถำนภำพ สนบั สนุนกำร ร่วมมือกับ และบทบำททตี่ นพึง ชำติ ศำสนำ ดำเนินงำนของ หน่วยงำนของ กระทำได้ พระมหำกษตั รยิ ์ องค์กรอสิ ระตำม ภำครฐั และเอกชน และกำรปกครอง รฐั ธรรมนูญ เพอ่ื คมุ้ ครองสิทธิ ระบอบ มนุษยชน ประชำธปิ ไตยอันมี พระมหำกษตั รยิ ์ ทรงเป็นประมขุ
หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรมและการดารงชวี ติ ในสังคม ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม หน่วยกำรเรยี นรูท้ ่ี ๑ หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๒ หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๓ หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี ๔ ๑_หลักสูตรวชิ าหน้าท่พี ลเมอื ง ๒_แผนการจัดการเรียนรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ข้อสอบประจาหน่วย_เฉลย ๖_การวัดและประเมนิ ผล ๗_เสรมิ สาระ ๘_ส่อื เสริมการเรยี นรู้ บริษทั อักษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๓หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี กฎหมาย คุ้มครองสิทธขิ องบคุ คล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ • ปฏิบัติตำมกฎหมำยในกำรคมุ้ ครองสทิ ธขิ องบคุ คลได้
ความสาคัญของกฎหมาย คุม้ ครองสทิ ธขิ องบุคคล สง่ เสรมิ ให้ทุกคนเหน็ ควำมสำคัญ ทำให้มีกำรกำหนด ประชำชน สง่ เสริม ทำใหป้ ระชำชน และปฏบิ ตั ิตอ่ กันอยำ่ งเหมำะสม แนวทำงกำร ไดเ้ ข้ำถงึ ข้อมูล ให้ประชำชนมี ไดร้ ับกำรคมุ้ ครอง เชน่ กฎหมำยคมุ้ ครองเดก็ ก็จะ พฒั นำคุณภำพ ข่ำวสำรต่ำง ๆ โอกำสรว่ มมอื กัน สทิ ธิทพี่ งึ ไดร้ บั ตำม มีบทบัญญัติสำคญั ในกำรปกปอ้ ง ซ่ึงเปน็ ประโยชน์ คิดสร้ำงสรรค์ กฎหมำย ไมถ่ กู ของประชำชนชำว ตอ่ กำรบรโิ ภค เช่น สงิ่ ตำ่ ง ๆ อันจะ เอำรดั เอำเปรียบ คมุ้ ครองเด็ก ไทยทำงด้ำน เปน็ ประโยชน์ หรอื ไม่ถูกละเมดิ กฎหมำย สิทธิท่ีพึงได้รบั กำรศึกษำตำมสทิ ธิ คุ้มครองผูบ้ รโิ ภค ตอ่ สงั คม ท่พี งึ ได้รบั ประเทศชำติ และโลก เยาวชนไทยไมว่ า่ จะอยทู่ ่ใี ด นบั ถือศาสนาใด กย็ อ่ มจะได้รบั ทำใหป้ ระชำชนไดร้ บั กำรคุ้มครองทรัพย์สนิ การคมุ้ ครองและพัฒนาให้มคี ณุ ภาพชวี ิตทีด่ ี ของตนเอง เมอื่ ทุกคนสำมำรถ ทำให้ประชำชนรู้สึกปลอดภัย ใชท้ รพั ย์สินของตนเองให้เกิดประโยชน์ ในกำรดำรงชวี ิตในสงั คม สูงสดุ และค้มุ คำ่ กำรที่คนไทยมสี ทิ ธใิ นกำรศกึ ษำ ทำให้สำมำรถพัฒนำ คุณภำพของประชำกรให้สงู ข้ึนเพอื่ ท่จี ะนำควำมรไู้ ป พัฒนำประเทศชำตไิ ดอ้ ยำ่ งยั่งยนื ต่อไป
กฎหมายคมุ้ ครอง สทิ ธขิ องบคุ คลท่ีสาคัญ กฎหมายคมุ้ ครองสิทธิของบุคคลเป็นเครื่องมอื ของรัฐ ท่กี าหนดข้นึ เป็นมำตรฐำน เพ่อื กำรอยู่ร่วมกนั ในกำรให้ควำมคุ้มครอง อยำ่ งสงบสขุ สิทธขิ องบุคคล กฎหมำยคมุ้ ครองสทิ ธขิ องบุคคลทค่ี วรเรียนรู้ เชน่ • กฎหมำยค้มุ ครองเด็ก • กฎหมำยกำรศึกษำ • กฎหมำยคมุ้ ครองผู้บรโิ ภค และกฎหมำยลขิ สทิ ธ์ิ
กฎหมายคุม้ ครองเดก็ เด็ก ตำมพระรำชบญั ญตั คิ มุ้ ครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ หมำยควำมว่ำ “บุคคลซงึ่ มีอายุต่ํากวา่ สิบแปดปบี รบิ ูรณ์ แต่ไมร่ วมถึงผู้ที่บรรลุนิตภิ าวะดว้ ยการสมรส” หลกั การและแนวคิดสาคัญๆ เกยี่ วกบั สิทธิเด็ก • เพอ่ื ประโยชน์สูงสุดของเด็กและไม่เลือกปฏบิ ัติ • ยอมรบั นับถืออำนำจปกครองของบดิ ำมำรดำหลักกำรทีว่ ่ำเดก็ ย่อมเหมำะสมทีจ่ ะอยรู่ ว่ มกบั บดิ ำมำรดำผู้ให้กำเนิด • แทรกแซงอำนำจปกครองของบิดำมำรดำโดยอำนำจรฐั ต้องเป็นไปเพ่ือประโยชน์สงู สุดของเดก็ เดก็ ยอ่ มไดร้ บั กำรเล้ยี งดู และพฒั นำกำรตำมวยั อยำ่ ง เหมำะสม เพ่ือกำรเจรญิ เตบิ โตเปน็ บคุ คลทม่ี คี ุณภำพ
บทบาทหน้าทท่ี ีพ่ ึงปฏบิ ัตติ ่อเดก็ บทบาทหนา้ ที่ของผู้ปกครอง • ให้กำรอุปกำระเลี้ยงดู อบรมส่งั สอน และพัฒนำเดก็ ท่อี ยู่ ในควำมปกครองดูแลของตนตำมควำมสมควร • กำรอปุ กำระเล้ียงดอู บรมสง่ั สอนและพัฒนำนนั้ ตอ้ งไม่ต่ำ กว่ำมำตรฐำนขัน้ ต่ำตำมทีก่ ำหนดในกฎกระทรวง • คุม้ ครองสวัสดภิ ำพเดก็ ท่อี ยใู่ นควำมปกครองดแู ลของตน ผู้ปกครองมีหนำ้ ที่ใหก้ ำรอปุ กำระเลี้ยงดู และให้ ไมใ่ ห้ตกอยู่ในภำวะอันน่ำจะเกิดอนั ตรำยแก่ร่ำงกำยหรอื กำรศกึ ษำตลอดจนสง่ เสรมิ ให้บตุ รหลำนไดท้ ำกจิ กรรมท่ี จิตใจ เปน็ ประโยชน์ท้งั ต่อตนเองและสงั คมสว่ นรวม • ไม่ทอดทิง้ เด็กไว้ในสถำนรบั เลยี้ งเดก็ หรือสถำนพยำบำล หรอื ไวก้ บั บุคคลทรี่ บั จำ้ งเลยี้ งเดก็ หรือทีส่ ำธำรณะ หรอื สถำนทใี่ ดโดยเจตนำท่ีจะไม่รบั เดก็ กลบั คนื
บทบาทหนา้ ทที่ ีพ่ งึ ปฏบิ ัตติ อ่ เดก็ (ต่อ) บทบาทหน้าทีข่ องผูป้ กครอง • ไมล่ ะทง้ิ เดก็ ไว้ ณ สถำนที่ใดๆ โดยไม่จัดใหม้ กี ำรป้องกนั ผปู้ กครองมีหน้ำทใ่ี หก้ ำรอปุ กำระเล้ียงดู และให้ และดูแลสวสั ดภิ ำพหรอื ใหก้ ำรเลย้ี งดูท่เี หมำะสม กำรศกึ ษำตลอดจนส่งเสรมิ ให้บตุ รหลำนไดท้ ำกจิ กรรมท่ี • ไมจ่ งใจหรอื ละเลยไม่ใหส้ ่งิ ทจ่ี ำเป็นแก่กำรดำรงชวี ติ หรือ เปน็ ประโยชนท์ งั้ ตอ่ ตนเองและสังคมสว่ นรวม สุขภำพอนำมัยจนน่ำจะเกิดอนั ตรำยแกร่ ่ำงกำยหรอื จิตใจ ของเด็ก • ไมป่ ฏบิ ตั ิต่อเดก็ ในลักษณะท่เี ป็นกำรขัดขวำงกำร เจรญิ เตบิ โตหรอื พฒั นำกำรของเด็ก • ไม่ปฏบิ ตั ติ ่อเด็กในลกั ษณะทเ่ี ปน็ กำรเล้ยี งดโู ดยมิชอบ
บทบาทหน้าทีท่ ่ีพงึ ปฏบิ ตั ิตอ่ เดก็ (ตอ่ ) บทบาทหนา้ ท่ีของรัฐ • คมุ้ ครองสวัสดิภำพทอี่ ยู่ในเขตพ้ืนทร่ี ับผิดชอบ ไม่วำ่ เด็ก จะมผี ปู้ กครองหรอื ไม่กต็ ำม • ดูแลและตรวจสอบสถำนรับเลย้ี งเด็ก สถำนแรกรบั สถำนสงเครำะหส์ ถำนคมุ้ ครองสวัสดิภำพ สถำนพัฒนำ และฟน้ื ฟู และสถำนพนิ ิจทต่ี ง้ั อยู่ในเขตพน้ื ทีท่ รี่ บั ผิดชอบ พ่อแมม่ หี น้ำที่ในกำรเลย้ี งดู อบรมสง่ั สอนบตุ ร เพ่อื ใหม้ ีพัฒนำกำรทด่ี ี มีควำมปลอดภยั ในกำรดำเนนิ ชวี ติ
ประเภทของเด็กท่ีพึงได้รบั การสงเคราะห์ • เดก็ เร่รอ่ นหรอื เด็กกำพร้ำ • เดก็ ที่ถูกทอดทงิ้ หรอื พลดั หลง • เดก็ ท่ีผู้ปกครองไม่สำมำรถอปุ กำระเลย้ี งดไู ด้ เช่น • เดก็ พกิ ำร ถูกจำคุก พกิ ำร ทุพพลภำพ เจ็บป่วยเร้ือรัง ยำกจน เปน็ ผเู้ ยำว์ ถูกท้ิงรำ้ ง เปน็ โรคจิตหรอื โรคประสำท • เด็กที่อยูใ่ นสภำพยำกลำบำก • เดก็ ที่ผู้ปกครองมีพฤติกรรมหรือประกอบอำชีพไม่ • เด็กทีอ่ ยู่ในสภำพทจี่ ำต้องไดร้ บั เหมำะสม อำจส่งผลกระทบต่อพัฒนำกำรทำงด้ำน กำรสงเครำะหต์ ำมทกี่ ำหนด ร่ำงกำยและจิตใจของเดก็ ที่อยู่ในควำมปกครองดูแล ในกฎกระทรวง • เดก็ ท่ไี ดร้ ับกำรเลี้ยงดูโดยมิชอบ ถูกใช้เปน็ เครื่องมือใน กำรกระทำหรอื แสวงหำประโยชนโ์ ดยมิชอบ ถกู ทำรณุ กรรม เป็นเหตใุ ห้เกดิ อันตรำยแกร่ ำ่ งกำยหรือจิตใจ
ประเภทของเดก็ ท่พี งึ ได้รบั การคุ้มครองสวสั ดิภาพ ตำมพระรำชบัญญัติค้มุ ครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ไดแ้ ก่ • เดก็ ที่ถูกทำรณุ กรรม • เดก็ ทเ่ี สี่ยงตอ่ กำรกระทำควำมผิด • เดก็ ที่อยู่ในสภำพที่จำต้องไดร้ บั กำรคุ้มครอง สวัสดิภำพตำมท่กี ำหนดไวใ้ นกฎกระทรวง
มาตรการส่งเสรมิ ความประพฤตินักเรยี นและนกั ศกึ ษา ตำมพระรำช-บญั ญตั คิ ุ้มครองเดก็ พ.ศ. ๒๕๔๖ • นกั เรียน หมำยถึง เดก็ ซง่ึ กำลังรับกำรศกึ ษำขัน้ พ้นื ฐำนระดับประถมศกึ ษำและระดบั มัธยมศกึ ษำ ทงั้ ประเภท สำมัญศกึ ษำและอำชวี ศกึ ษำหรือเทียบเท่ำอยู่ในสถำนศกึ ษำของรัฐหรือของเอกชน • นกั ศึกษา หมำยถึง เด็กท่ีกำลงั รบั กำรศกึ ษำระดับอดุ มศึกษำหรือเทยี บเท่ำในสถำนศกึ ษำของรฐั หรอื ของเอกชน ตำมพระรำชบญั ญัติคมุ้ ครองเดก็ พ.ศ. ๒๕๔๖ ไดก้ ำหนดมำตรกำรส่งเสริมควำมประพฤตินกั เรยี นและนกั ศึกษำไว้ ดังน้ี หนำ้ ทขี่ องโรงเรียนและสถำนศึกษำทีจ่ ะตอ้ งจัดให้มี หน้ำทีข่ องนักเรยี น นกั ศกึ ษำ ท่จี ะตอ้ งประพฤตติ น ระบบงำนและกิจกรรมในกำรแนะแนวให้คำปรกึ ษำและ ตำมระเบยี บของโรงเรียนหรอื สถำนศกึ ษำ ฝกึ อบรมแก่นกั เรยี น นักศกึ ษำและผปู้ กครอง
กฎหมายการศกึ ษา ความมุง่ หมายและหลักการ กำรจดั กำรศึกษำต้อง กระบวนกำรเรยี นรตู้ อ้ งมุ่ง กำรจัดกำรศึกษำ กำรจดั ระบบโครงสรำ้ งและ เป็นไปเพอ่ื พัฒนำคนไทย ปลกู ฝงั จติ สำนกึ ทีถ่ ูกต้อง ให้ยดึ หลักกำรศกึ ษำ กระบวนกำรจัดกำรศกึ ษำ ใหเ้ ปน็ มนษุ ยท์ ่ีสมบูรณ์ทง้ั เกยี่ วกบั กำรเมือง กำรปกครอง ตลอดชวี ติ สำหรบั ประชำชน ใหย้ ึดหลักกำรมเี อกภำพ ร่ำงกำย จิตใจ สตปิ ญั ญำ ในระบอบประชำธิปไตย ให้สังคมมสี ่วนรว่ มในกำรจดั ดำ้ นนโยบำย และมคี วำม ควำมรู้ และคณุ ธรรม หลำกหลำยในกำรปฏบิ ัติ มีจริยธรรม และวัฒนธรรม อันมีพระมหำกษตั รยิ ์ กำรศกึ ษำ มีกำรกระจำยอำนำจไปสู่พื้นท่ี ทรงเป็นประมขุ กำรศึกษำ สถำนศกึ ษำ และ ในกำรดำรงชีวติ องค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ โรงเรียนตอ้ งจดั ใหม้ ีกจิ กรรมและ กำรฝกึ อบรมแกน่ ักเรยี น เพื่อสร้ำงเสริมศกั ยภำพ และควำมสำมำรถ
สทิ ธแิ ละหน้าทท่ี างการศกึ ษา หนา้ ท่ขี องรฐั • รัฐต้องจดั กำรศึกษำขั้น • รฐั ตอ้ งจัดกำรศกึ ษำข้นั พน้ื ฐำนเป็นพเิ ศษสำหรบั บคุ คล พื้นฐำนไมน่ อ้ ยกว่ำสิบสองปี ทีม่ คี วำมบกพรอ่ งทำงร่ำงกำย จิตใจ สติปญั ญำ โดยให้บคุ คลมสี ทิ ธแิ ละ อำรมณ์ สงั คม กำรส่อื สำรและกำรเรียนรู้สำหรบั ผทู้ ่มี ี โอกำสเสมอกนั ในกำรรบั รำ่ งกำยพกิ ำรหรือทพุ พลภำพ หรือบุคคลซ่ึงไมส่ ำมำรถ กำรศึกษำขั้นพืน้ ฐำน พง่ึ ตนเองได้ หรอื ไม่มผี ดู้ ูแลหรอื ด้อยโอกำส หน้าทขี่ องบิดา มารดา หรอื มหี น้ำทจี่ ดั ให้บุตรหรอื บุคคลซง่ึ อยใู่ นควำมดูแลได้รับกำรศึกษำภำคบังคับจำนวนเก้ำปี โดยให้ ผูป้ กครอง เด็กซ่ึงมีอำยยุ ำ่ งเขำ้ ปีทเ่ี จ็ดเขำ้ เรียนในสถำนศกึ ษำขั้นพืน้ ฐำนจนอำยุย่ำงเข้ำปที สี่ บิ หก สทิ ธิประโยชน์ทางการศึกษา บิดำ มำรดำ หรอื ผปู้ กครอง ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องคก์ รเอกชน องคก์ รวชิ ำชพี สถำบนั ศำสนำ สถำนประกอบกำร และสถำบัน สังคมอื่นๆ ซ่งึ สนับสนุน หรือจดั กำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน มสี ิทธิ ได้รับสทิ ธปิ ระโยชน์ตำมพระรำชบัญญตั ิกำรศกึ ษำแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๔๒ • กำรสนับสนุนจำกรฐั ใหม้ ี • เงินอุดหนนุ จำกรฐั สำหรับ • กำรลดหย่อนหรอื ยกเวน้ ควำมรู้ควำมสำมำรถในกำร กำรจดั กำรศึกษำขั้นพ้นื ฐำน ภำษสี ำหรับคำ่ ใช้จำ่ ย อบรมเลี้ยงดู และกำรให้ ของบุตรหรือบุคคล ซ่ึงอยู่ใน กำรศึกษำ ตำมที่ กำรศึกษำแกบ่ ุตรหรอื บุคคล ควำมดแู ลท่คี รอบครวั จดั ให้ กฎหมำยกำหนด ซง่ึ อยูใ่ นควำมดแู ล ท้งั นีต้ ำมท่กี ฎหมำยกำหนด
ระบบการศึกษาไทย การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอธั ยาศัย การศกึ ษาในระบบ เป็นกำรศึกษำท่ีมีควำมยดื หยุน่ ใน เปน็ กำรศกึ ษำทใ่ี ห้ผเู้ รยี นได้เรยี นรู้ กำรกำหนดจดุ มุ่งหมำย รูปแบบ ด้วยตนเองตำมควำมสนใจ เป็นกำรศึกษำทก่ี ำหนดจดุ มงุ่ หมำย วิธีกำรจัดกำรศกึ ษำ ระยะเวลำของ วธิ ีกำรศกึ ษำหลกั สตู ร ระยะเวลำของ กำรศึกษำ กำรวดั และประเมินผล ศักยภำพ ควำมพรอ้ ม และโอกำส กำรศกึ ษำ กำรวดั และประเมนิ ผล เปน็ เง่อื นไขสำคัญของกำรสำเร็จ โดยศกึ ษำจำกบุคคล ประสบกำรณ์ กำรศึกษำ โดยเน้อื หำและหลกั สตู ร ซ่ึงเป็นเงอ่ื นไขของกำรสำเร็จ จะต้องมีควำมเหมำะสมสอดคลอ้ งกับ สภำพแวดลอ้ ม สังคม สื่อ กำรศึกษำทแ่ี น่นอน สภำพปัญหำและควำมต้องกำร หรอื แหล่งควำมร้อู นื่ ๆ ของบคุ คลแตล่ ะกลมุ่ แนวการจัดการศึกษา ในกำรจัดกำรศึกษำนนั้ จะต้องยึดหลกั ว่ำผเู้ รยี นทุกคนมีควำมสำมำรถเรียนรูแ้ ละพัฒนำตนเองได้และถอื วำ่ ผเู้ รียนมคี วำม สำคญั ทสี่ ุด กระบวนกำรจัดกำรศึกษำตอ้ งสง่ เสริมใหผ้ ู้เรียนสำมำรถพัฒนำตำมธรรมชำตแิ ละเตม็ ตำมศกั ยภำพกำรจดั กำรศกึ ษำ ตอ้ งเน้นควำมสำคญั ทั้งควำมรู้ คณุ ธรรม กระบวนกำรเรยี นรูแ้ ละบรู ณำกำรตำมควำมเหมำะสมของแตล่ ะระดบั กำรศกึ ษำ
กฎหมายคุ้มครองผ้บู รโิ ภค สทิ ธขิ องผบู้ ริโภค • สทิ ธิทจ่ี ะได้รับทรำบข่ำวสำรรวมท้ังคำพรรณนำคณุ ภำพท่ถี ูกตอ้ งและเพียงพอ เกี่ยวกบั สินคำ้ หรือบริกำร • สทิ ธิที่จะมอี ิสระในกำรเลือกซอื้ สนิ ค้ำหรอื บรกิ ำร • สทิ ธทิ ่ีจะไดร้ บั ควำมปลอดภยั จำกกำรใช้สนิ ค้ำหรือบริกำร • สิทธิที่จะไดร้ ับควำมเป็นธรรมในกำรทำสัญญำ • สทิ ธทิ ีจ่ ะไดร้ บั กำรพิจำรณำและชดเชยควำมเสียหำย
อานาจหนา้ ทข่ี องคณะกรรมการคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค • พิจำรณำเร่อื งรำวร้องทกุ ข์จำกผู้บริโภค • ดำเนินกำรเกี่ยวกับสนิ คำ้ ท่ีอำจเปน็ ท่ีไดร้ บั ควำมเดอื ดรอ้ น หรือเสยี หำยอัน อันตรำยแก่ผู้บริโภคตำมกฎหมำย เน่อื งมำจำกกำรกระทำของผปู้ ระกอบ ธุรกจิ • ดำเนนิ คดเี ก่ียวกับกำรละเมิดสทิ ธิของ • แจ้งหรอื โฆษณำข่ำวสำรเกีย่ วกบั สนิ คำ้ ผู้บริโภคทีค่ ณะกรรมกำรเหน็ สมควร หรือบริกำรท่อี ำจจะก่อให้เกิดควำม หรือมีผู้รอ้ งขอตำมกฎหมำย เสียหำยหรือเสื่อมเสยี แกส่ ทิ ธขิ องผู้บรโิ ภค โดยจะระบชุ อ่ื สนิ คำ้ หรือบริกำรหรอื ช่ือของผ้ปู ระกอบธุรกจิ ด้วยกไ็ ด้
กฎหมายลขิ สทิ ธ์ิ • การละเมดิ ลขิ สิทธ์ิ กำรกระทำอย่ำงหนึง่ อยำ่ งใดแกง่ ำน อันมลี ขิ สิทธ์ิโดยไม่ไดร้ บั อนุญำตตำมบทบญั ญตั ิ พระราชบญั ญตั ิลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ ของกฎหมำย (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบบั ท่ี ๓ พ.ศ. ๒๕๕๘) ภำพยนตร์ทบ่ี ันทึกอยใู่ นรปู ของแผน่ ซดี หี รอื ดวี ีดี มีกำรละเมดิ ลขิ สทิ ธ์กิ นั อย่ำง • งานอนั มีลขิ สิทธิ์ ไดแ้ ก่ งำนสร้ำงสรรค์ประเภท แพรห่ ลำย สร้ำงควำมเสียหำยอย่ำงมำกใหก้ บั ผสู้ รำ้ งสรรค์และประเทศชำติ วรรณกรรม นำฏกรรมศลิ ปกรรม ดนตรกี รรม กำรแกป้ ญั หำให้ไดผ้ ล ผู้บรโิ ภคต้องให้ควำมรว่ มมอื โดยไม่ซอ้ื แผ่นท่ลี ะเมิดลขิ สิทธ์ิ โสตทัศนวสั ดุ ภำพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งำนแพร่เสยี ง แพรภ่ ำพ หรืองำนอืน่ ใดในแผนกวรรณคดี แผนก วทิ ยำศำสตร์ แผนกศิลปะของผสู้ ร้ำงสรรค์ ไม่ว่ำงำน ดงั กล่ำวจะแสดงออกโดยวธิ ีหรอื รปู แบบอยำ่ งใด • การคุม้ ครองลขิ สิทธิ์ เจ้ำของลิขสิทธ์ิมีสทิ ธแิ ต่เพียง ผู้เดยี วในกำรทำซ้ำ หรอื ดัดแปลง เผยแพร่ ต่อสำธำรณชน • บทกาหนดโทษการละเมิดลขิ สิทธ์ิ เชน่ ในกรณที ่รี ู้อยู่ แลว้ หรือมเี หตุอนั ควรรู้วำ่ งำนใดได้ทำข้นึ โดยละเมิด ลิขสิทธ์ิของผอู้ น่ื กระทำอย่ำงใดอยำ่ งหนึ่งแกง่ ำนนน้ั เพอ่ื หำกำไรให้ถอื ว่ำผ้นู น้ั กระทำกำรละเมิดลขิ สทิ ธิ์
กฎหมายลิขสิทธิ์ • สิทธบิ ัตรกำรประดษิ ฐ์ • สทิ ธบิ ัตรกำรออกแบบผลิตภัณฑ์ พระราชบัญญตั สิ ทิ ธบิ ตั ร พ.ศ. ๒๕๒๒ • อนุสทิ ธบิ ัตรหรอื ผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ (แกไ้ ขเพิม่ เตมิ ฉบับท่ี ๓ พ.ศ.๒๕๔๒) ประเภทของสิทธิบัตร สิทธิบัตร หมำยถึง หนังสือสำคัญท่ีรัฐออกให้เพ่ือ คุม้ ครองกำรประดษิ ฐก์ ำรออกแบบผลิตภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ ท่ีมีลักษณะตำมท่ีกฎหมำยกำหนด โดยแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท การขอรับสทิ ธบิ ัตร จะต้องมีลกั ษณะ ดงั นี้ อายุการค้มุ ครองสิทธิบตั ร สทิ ธบิ ตั รกำรประดิษฐม์ อี ำยุ ๒๐ ปี นบั แตว่ ันขอรบั บทกาหนดโทษการละเมดิ สิทธบิ ตั ร สำหรับควำมผิดฐำน สทิ ธิบัตร สทิ ธิบตั รกำรออกแบบผลิตภณั ฑ์มีอำยุ ๑๐ ปี นับแต่วันขอรับสิทธิบัตร ละเมดิ สทิ ธบิ ตั รโดยไม่ไดร้ บั อนญุ ำตจำกผทู้ รงสทิ ธิบตั ร ต้อง สว่ นอนสุ ิทธบิ ตั รให้มีอำยุ ๖ ปี นบั แต่วันขอรับสทิ ธบิ ตั ร และผูท้ รงอนุสทิ ธบิ ัตร ระวำงโทษจำคกุ ไม่เกนิ ๒ ปี หรอื ปรบั ไม่เกิน ๔๐๐,๐๐๐บำท อำจขอต่ออำยอุ นุสิทธบิ ตั รได้ ๒ คร้ัง คร้งั ละ ๒ ปี โดยใหย้ ื่นคำขอต่ออำยตุ ่อ หรอื ท้งั จำทั้งปรับ ควำมผิดตำมกฎหมำยสิทธบิ ัตรน้ีเป็น พนกั งำนเจ้ำหนำ้ ที่ภำยใน ๙๐ วันกอ่ นวันสิ้นอำยุ ควำมผิดอำญำแผน่ ดิน จงึ ไม่อำจยอมควำมกันได้
ประโยชนข์ องการปฏิบตั ิตนตามกฎหมาย คมุ้ ครองสิทธขิ องบคุ คล ทำให้บ้ำนเมอื งสงบเรียบรอ้ ย ทำใหป้ ระเทศชำติพฒั นำเจรญิ ก้ำวหน้ำ เปำ้ หมำยของกฎหมำยค้มุ ครองสทิ ธิของบคุ คล กำรทป่ี ระชำชนทุกคนปฏบิ ตั ติ น คือ กำรคุ้มครองสิทธิเสรภี ำพ ตำมกฎหมำยคุ้มครองสทิ ธิของบุคคล ของประชำชนและจดั ระเบยี บบ้ำนเมอื ง อย่ำงเครง่ ครัด ทำใหท้ ุกคนในสังคม ทำให้ชมุ ชนหรือสังคมเกิดกำรพัฒนำ ได้รับกำรปฏิบัติตอ่ กันด้วยควำมเสมอภำค เม่อื บดิ ำมำรดำหรือผปู้ กครองปฏิบัติ ตนตำมกฎหมำยคุ้มครองสทิ ธขิ องบุคคลโดย และเทำ่ เทยี ม กำรส่งเสรมิ ใหเ้ ด็กในปกครองเขำ้ รบั กำรศกึ ษำ ขน้ั พื้นฐำน ทำใหเ้ ด็กเปน็ ผมู้ สี มรรถนะ มคี ุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์
หนา้ ท่ีพลเมือง วฒั นธรรมและการดารงชีวติ ในสังคม ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๑ ๒ หน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี หน่วยกำรเรียนรูท้ ี่ ๓๔ ๑_หลกั สตู รวิชาหน้าทพ่ี ลเมือง ๒_แผนการจัดการเรยี นรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๖_การวัดและประเมินผล ๗_เสริมสาระ ๘_สอ่ื เสรมิ การเรียนรู้ บรษิ ทั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๔หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ วฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมของประเทศ ในภมู ภิ าคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ • อภปิ รำยเกย่ี วกับคุณคำ่ ทำงวฒั นธรรมที่เปน็ ปจั จยั ในกำรสร้ำงควำมสัมพนั ธ์ทีด่ ี หรืออำจนำไปสคู่ วำมเขำ้ ใจผิดตอ่ กนั ได้
ความรูท้ ่ัวไปเกย่ี วกบั วฒั นธรรม วฒั นธรรม สิง่ ที่มนุษย์สร้ำงข้นึ เพื่อนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน เปน็ ภมู ปิ ญั ญำที่ผคู้ นในแตล่ ะสังคมสร้ำงสรรค์ขึ้น วฒั นธรรม จงึ เป็นภมู ปิ ญั ญำทำงสงั คมอย่ำงหน่ึง วัฒนธรรมไทย วัฒนธรรม 4 ภาค ประเทศไทยมีวัฒนธรรมประจำชำตเิ ป็นเอกลกั ษณ์ของตนเอง ไม่วำ่ จะเปน็ ดำ้ นภำษำ วรรณคดี ศิลปะ ดนตรี อำหำร กำรแต่งกำย ล้วนเป็นสง่ิ ที่บรรพบุรุษไดส้ รำ้ งและสัง่ สมมำตงั้ แตอ่ ดีต วฒั นธรรมดา้ นศิลปะการแสดง ภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ กำรแสดงฟอ้ นเลบ็ กำรแสดงโปงลำง วัฒนธรรมด้านอาหาร กำรแสดงหนงั ใหญ่ กำรแสดงลเิ กฮลู ู น้ำพรกิ หนุ่ม แกงไตปลำ สม้ ตำ แกงเขียวหวำน
Search