Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาหน้าที่พลเมือง ม.4-6

วิชาหน้าที่พลเมือง ม.4-6

Published by thiwadon jirapunyo, 2022-07-26 16:30:32

Description: อจท.หน้าที่พลเมืองฯ ม.4-6

Search

Read the Text Version

๗หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ กฎหมายในชีวิตประจาวนั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ • วิเครำะหแ์ ละปฏบิ ัตติ นตำมกฎหมำยที่เก่ยี วขอ้ งกบั ตนเอง ครอบครวั ชุมชน ประเทศชำติ และสังคมโลกได้

กฎหมาย ความหมายของกฎหมาย • กฎหมาย หมำยถึง ขอ้ บังคบั ของรฐั อนั เปน็ ส่วนหนึง่ ของกำรจดั ระเบยี บสงั คม เพ่อื ใชค้ วบคมุ ควำมประพฤติ ของพลเมอื ง หำกผู้ใดฝำ่ ฝนื จะตอ้ งไดร้ ับโทษอยำ่ งใดอยำ่ งหน่งึ โดยเจ้ำหนำ้ ท่ขี องรฐั เปน็ ผดู้ ำเนินกำรบังคับ • กฎหมำยพฒั นำขึน้ มำจำกศีลธรรม ขนบธรรมเนยี ม จำรีตประเพณี ศำสนำ และกฎเกณฑข์ อ้ บงั คบั โดยมี วตั ถุประสงคเ์ พ่อื ธำรงควำมสงบเรียบรอ้ ยและศลี ธรรมอันดขี องสมำชิกในสงั คม ทำใหก้ ำรอยรู่ ว่ มกันในสังคมนัน้ เป็นไปโดยรำบรน่ื

ความสาคัญของกฎหมาย • ใช้ควบคมุ หรอื จดั ระเบียบทำงสังคม เพ่อื ใหค้ นในสังคมอยรู่ ว่ มกนั อย่ำงเรยี บรอ้ ย ไมก่ ระทบกระทง่ั หรอื เอำเปรยี บกนั จนเกิดเปน็ ควำมขัดแยง้ • ชว่ ยพัฒนำสงั คมให้เจริญก้ำวหน้ำ เปน็ สังคมทมี่ ีควำมเป็นปกึ แผ่นและมแี ต่สันตสิ ุข • ช่วยคุม้ ครองสทิ ธิประโยชน์ต่ำงๆ ของประชำชน ด้วยกำรรบั รองสทิ ธิและเสรภี ำพของคนในสังคม

กฎหมายกบั สทิ ธิ เสรีภาพ และหนา้ ท่ีของประชาชน • กฎหมำยไมไ่ ดเ้ พียงกำหนดหน้ำทใ่ี หป้ ระชำชนประพฤตติ ำมเทำ่ น้นั แตย่ ังชว่ ยคุม้ ครองประโยชนต์ ่ำงๆ ของประชำชน ดว้ ยกำรรบั รองสทิ ธิ และเสรภี ำพของคนในสงั คม ให้เกดิ ควำมเสมอภำคหรือควำมเท่ำเทยี มกันระหวำ่ งชนชำวไทย สทิ ธิและเสรภี าพของบคุ คล • รฐั ธรรมนญู ได้บญั ญตั ิเกี่ยวกับหน้ำทข่ี องชนชำวไทยไว้ด้วย อนั ไดแ้ ก่ หนำ้ ทใี่ นกำรพทิ กั ษร์ ักษำชำติ ศำสนำ พระมหำกษัตรยิ แ์ ละกำร • สิทธิในชวี ติ และร่ำงกำย ปกครองระบอบประชำธปิ ไตยอันมพี ระมหำกษัตริยท์ รงเป็นประมุข • สิทธิในกระบวนกำรยุตธิ รรม หน้ำที่ในกำรป้องกันประเทศและรกั ษำผลประโยชน์ของชำติ เช่น • สทิ ธิในทรพั ยส์ นิ • เสรีภำพในกำรแสดงควำมคดิ เหน็ การปฏิบัตติ นตามกฎหมาย • สทิ ธิและเสรภี ำพในกำรศึกษำ • กำรไดร้ ับบรกิ ำรสำธำรณสุขและสวสั ดกิ ำรจำกรฐั การออกไปใช้สิทธิเลือกตง้ั • สทิ ธิกำรไดร้ บั ข้อมูลข่ำวสำรและกำรร้องเรยี น • เสรีภำพในกำรชมุ นมุ และกำรสมำคม การรบั ราชการทหาร • สทิ ธิพทิ ักษ์รฐั ธรรมนูญ

กฎหมายแพง่ เกี่ยวกับตนเองและครอบครัว • กฎหมำยแพ่งเปน็ กฎหมำยที่เกี่ยวกบั เอกชนหรือคนแต่ละคน ทัง้ เม่ืออยูต่ ำมลำพังและเมอ่ื ตดิ ตอ่ กับผูอ้ ่ืน ดังจะเหน็ ได้จำกเน้ือหำของกฎหมำยแพ่ง ซง่ึ มรี วบรวมไว้ในประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชิ ยว์ ่ำมีบทบัญญัตเิ กี่ยวกับเรอ่ื ง ของ บคุ คล ครอบครวั ทรพั ย์สนิ นิตกิ รรม สญั ญา • กฎหมำยที่เกยี่ วกบั บคุ คล ได้แก่ กฎหมำยท่รี ับรองใหเ้ รำมีสภำพบุคคล คอื ใหเ้ รำเปน็ ผู้สำมำรถมแี ละ สำมำรถใช้สิทธิ หนำ้ ที่ และควำมรับผิดชอบตำ่ งๆ ตำมกฎหมำยได้ สภำพบุคคลเร่ิมตง้ั แตเ่ มือ่ คลอด จำกครรภ์มำรดำแล้วอยรู่ อดเปน็ ทำรกและสนิ้ สดุ ลงเม่ือตำย ทำรกทอี่ ยูใ่ นครรภม์ ำรดำยังไม่มีฐำนะ เปน็ บุคคล แตก่ ฎหมำยจะคุ้มครองเปน็ พเิ ศษผู้ใดทำลำยยอ่ มมคี วำมผิดฐำนทำให้แท้งลกู

บุคคลธรรมดา บุคคลธรรมดา ได้แก่ มนุษย์ที่คลอดจำกครรภ์มำรดำแล้วอยู่รอดเป็นทำรก โดยจะต้อง มีกำรแจ้งจดทะเบียนกำรเกิดตำมพระรำชบัญญัติกำรทะเบียนรำษฎร พ.ศ. ๒๕๓๔ ซ่ึงกำหนดว่ำ ถ้ำเด็กเกิดในบ้ำนให้เจ้ำบ้ำนตำมท่ีปรำกฏในทะเบียนบ้ำนหรือบิดำหรือ มำรดำ ต้องแจ้งต่อนำยทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องท่ีภำยในสิบห้ำวันต้ังแต่เกิด และสภำพ บุคคลจะสนิ้ สดุ ลงเมือ่ ตำย กฎหมายจาแนกบคุ คล เป็น ๒ ประเภท นติ ิบคุ คล นติ ิบุคคล ได้แก่ บคุ คลท่กี ฎหมำยบัญญัติรับรองให้มีสภำพเป็นบุคคลได้ แม้ไม่ใช่บุคคล เช่น กระทรวง กรม องค์กำรมหำชน บริษัท สมำคม สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร กองทรัพย์สิน เช่น มูลนิธิ เป็นต้น

กฎหมายท่เี กย่ี วกบั ตนเอง กฎหมายเร่ืองบคุ คล กฎหมำยเรอ่ื งบคุ คลที่สำคญั ไดแ้ ก่ • การกาหนดตัวบคุ คล กฎหมำยมวี ิธีกำรกำหนดตัวบุคคลเพอ่ื ให้เกิดควำมชดั เจนวำ่ ใคร เปน็ ใคร และมีบทบำททำงกฎหมำยในสงั คมไดเ้ พียงใด ซง่ึ สิ่งท่นี ำมำใช้กำหนดตวั บุคคล ได้แก่ ช่อื บุคคล ภมู ลิ ำเนำ สถำนะ และควำมสำมำรถ • หลกั ฐานแสดงตวั บุคคล พระรำชบญั ญัตบิ ัตรประจำตัวประชำชน (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๔ กำหนดใหบ้ คุ คลสัญชำตไิ ทยอำยุตงั้ แต่ ๗ ปีบรบิ รู ณข์ ้ึนไป แตไ่ มเ่ กิด ๗๐ ปีบริบรู ณ์ ต้องมี บัตรประจำตัวประชำชน เพ่อื เปน็ เอกสำรสำคญั ในกำรใช้พสิ จู นต์ วั บุคคล ภูมลิ ำเนำ และ สถำนะบำงอยำ่ งของบุคคล

กฎหมายเรื่องทรัพย์สนิ • เปน็ กฎหมำยทกี่ ำหนดวำ่ สงิ่ ใดเป็นวตั ถุหรือทรัพยส์ นิ (ทัง้ ท่ีมรี ปู ร่ำงและไมม่ รี ูปรำ่ ง) ซ่งึ บคุ คลสำมำรถยดึ ถอื เป็นของตนเองได้ กำหนดวธิ ไี ด้มำ ตลอดจนรับรองสิทธิตำ่ งๆในสง่ิ นัน้ • กฎหมำยได้แบง่ ทรพั ย์สนิ และประโยชน์เกยี่ วกับทรพั ย์สนิ ออกเป็นหลำยประเภท ทส่ี ำคญั ไดแ้ ก่ อสงั หาริมทรัพย์ และสงั หารมิ ทรพั ย์ โดยให้ควำมสำคญั กบั อสังหำรมิ ทรัพยม์ ำกกวำ่ • กฎหมำยบัญญัติใหผ้ มู้ ีกรรมสิทธใ์ิ นทรัพยส์ นิ ยอ่ มมีสทิ ธคิ รอบครอง ใช้สอย จำ่ ยโอน ทำลำย • บคุ คลมีสิทธิในทรัพย์สินไดโ้ ดยเหตุผลสำคญั ๒ ประกำร คอื ไดม้ ำตำมบัญญตั ิของกฎหมำย และได้มำโดยผลของนติ ิกรรมและสญั ญำ

กฎหมายเรอื่ งละเมิด • เปน็ กฎหมำยทีก่ ำหนดหน้ำทใ่ี ห้บุคคลเคำรพสทิ ธิเสรีภำพตำ่ งๆ ของผ้อู ่ืนโดยท่วั ไป ด้วยกำร ไมก่ ่อควำมเสียหำยแกส่ ทิ ธิและเสรีภำพของผู้อนื่ ไมว่ ำ่ จงใจหรอื ประมำทเลนิ เล่อก็ตำม หำกบุคคลกระทำผดิ กฎหมำยจะตอ้ งรบั ผดิ ชอบโดยกำรชดใช้ค่ำสินไหมทดแทน • กำรละเมิดบำงกรณีอำจเปน็ ควำมผิดทำงอำญำดว้ ย เช่น กำรทำใหท้ รพั ยส์ นิ ของผอู้ ่นื เสยี หำยโดยเจตนำ ผ้เู สยี หำยมสี ทิ ธเิ รียกรอ้ งค่ำเสียหำยไดแ้ ละอำจฟอ้ งให้ผกู้ ระทำผิด ไดร้ ับโทษทำงอำญำด้วย

กฎหมายเกยี่ วกับครอบครัวและมรดก กฎหมายเก่ยี วกบั ครอบครัวและมรดก กฎหมายครอบครวั ๑ การหมั้น เป็นกำรทำสัญญำระหว่ำงชำยกับหญิงว่ำต่อไปจะสมรสกนั โดยฝำ่ ยชำยไดม้ อบของหมน้ั ไวใ้ ห้แก่ฝ่ำยหญงิ เพือ่ เป็นประกนั ซ่งึ กฎหมำยได้กำหนดเงือ่ นไขไว้ ดังนี้ • กำรหมนั้ จะทำไดต้ ่อเมอื่ ชำยและหญิงมอี ำยุ ๑๗ ปบี ริบรู ณ์ แต่ถำ้ ชำยหรือหญิงยงั เปน็ ผเู้ ยำว์จะต้อง ไดร้ ับควำมยนิ ยอมจำกบดิ ำมำรดำหรือผู้ปกครองเสียกอ่ น • เมื่อสมรสแล้วของหมน้ั จะตกเป็นของฝำ่ ยหญิง แตห่ ำกไม่มีกำรสมรสเนอ่ื งจำก ควำมผดิ ของฝ่ำยหญงิ ฝ่ำยหญงิ ตอ้ งคนื ของหมน้ั ใหแ้ ก่ฝ่ำยชำย • กำรผิดสญั ญำหม้นั ฝ่ำยท่ีเสียหำยสำมำรถเรียกคำ่ ทดแทนได้ แตจ่ ะใหศ้ ำลบังคบั ใหม้ ีกำรสมรสไมไ่ ด้

๒ การสมรส เป็นกำรทำสัญญำทต่ี กลงเปน็ สำมีภรยิ ำกันระหว่ำงชำยกบั หญิง กฎหมำยกำหนดเงอ่ื นไขของกำรสมรสไว้ ดังน้ี • ชำยและหญงิ ตอ้ งมีอำยุครบ ๑๗ ปีบริบูรณ์ • ถ้ำชำยหรอื หญงิ ฝ่ำยใดอำยุยงั ไม่ครบ ๒๐ ปีบรบิ รู ณ์ ฝำ่ ยน้ันตอ้ งไดร้ บั กำรยินยอมจำกบดิ ำมำรดำหรอื ผปู้ กครองกอ่ น • บคุ คลวิกลจรติ หรอื ไรค้ วำมสำมำรถจะทำกำรสมรสไม่ได้ • ผู้ซึ่งเป็นญำตสิ ืบสำยโลหติ กนั จะสมรสกันไมไ่ ด้ • ผู้รับบตุ รบญุ ธรรมจะสมรสกับบตุ รบญุ ธรรมไม่ได้ • ชำยหรือหญงิ จะทำกำรสมรสในขณะที่มคี สู่ มรสอยแู่ ล้วไมไ่ ด้ • หญงิ ทีเ่ คยสมรสแล้วจะสมรสใหมไ่ ด้ต่อเมื่อกำรสมรสครง้ั กอ่ นสน้ิ สดุ ลงไม่นอ้ ยกว่ำ ๓๑๐ วัน • กำรสมรสจะตอ้ งจดทะเบียน โดยมีนำยอำเภอหรือปลดั อำเภอเป็นนำยทะเบยี น

๓ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งบดิ ามารดากับบุตร การเป็นบุตรชอบดว้ ยกฎหมาย การรบั บตุ รบญุ ธรรม • บุตรท่ีชอบดว้ ยกฎมำยคอื บตุ รท่ีเกดิ จำกบดิ ำมำรดำ • เปน็ กำรจดทะเบยี นรบั บุตรผ้อู น่ื มำเลยี้ งดูเปน็ บุตร ซง่ึ จดทะเบียนสมรสกนั ตำมกฎหมำย ของตนเอง โดยดำเนนิ กำรตำมประมวลกฎหมำย แพง่ และพำณชิ ย์ • เดก็ ซึง่ เกิดจำกบิดำมำรดำท่ีมไิ ด้สมรสกัน เป็นบุตรที่ ชอบด้วยกฎหมำยของมำรดำฝำ่ ยเดยี ว หำกตอ้ งกำร • ผู้ท่ีจะรับผู้อน่ื เปน็ บุตรบุญธรรมตอ้ งมอี ำยไุ มต่ ำ่ กวำ่ ใหเ้ ปน็ บุตรท่ีชอบด้วยกฎหมำยของบิดำดว้ ยนน้ั บดิ ำ ๒๕ ปีบรบิ ูรณ์ และต้องแกก่ ว่ำผู้ทีจ่ ะรับเปน็ บตุ ร และมำรดำจะตอ้ งจดทะเบยี นสมรสกนั หรือบิดำจะ บญุ ธรรมอย่ำงนอ้ ย ๑๕ ปี หรือถ้ำเปน็ ผู้เยำว์ตอ้ ง ขอจดทะเบียนรับรองบตุ ร ได้รบั กำรยนิ ยอมจำกบดิ ำมำรดำผู้ให้กำเนิด และ ได้รบั ควำมยนิ ยอมจำกคู่สมรสกอ่ น • บตุ รทช่ี อบด้วยกฎหมำยมฐี ำนะและมีสทิ ธิตำม กฎหมำยกำหนด เช่น สิทธิกำรรบั มรดกในฐำนะ • บุตรบญุ ธรรมทไ่ี ด้รับกำรจดทะเบยี นถูกตอ้ งมีฐำนะ ทำยำท เปน็ ตน้ และสทิ ธิเสมือนบตุ รทีช่ อบดว้ ยกฎหมำย

๔ สิทธิและหนา้ ท่ขี องบดิ ามารดา • เป็นผใู้ ชอ้ ำนำจกำรปกครองบตุ ร มีสทิ ธิในกำรกำหนดทอ่ี ยู่ของบตุ ร และมสี ทิ ธิทำโทษบุตรตำม สมควร • ใหก้ ำรอุปกำระเลีย้ งดู และใหก้ ำรศึกษำตำมสมควร • ถ้ำบตุ รมีเงนิ ได้ บดิ ำมำรดำมสี ทิ ธนิ ำมำใช้เป็นคำ่ เล้ยี งดอู ปุ กำระเล้ยี งดูและกำรศกึ ษำของบุตร ส่วนทีเ่ หลอื ตอ้ งมอบให้แกบ่ ุตรภำยหลงั

๕ สิทธแิ ละหนา้ ท่ีของบุตร • มสี ิทธิใช้ชื่อสกลุ ของบิดำ เว้นแต่ไมป่ รำกฏบดิ ำ ใหใ้ ช้สกลุมำรดำแทน • มสี ทิ ธไิ ด้รบั กำรอุปกำระเลี้ยงดู และไดร้ บั กำรศึกษำตำมสมควรจำกบดิ ำมำรดำ • มีหนำ้ ที่ตอบแทนบุญคณุ บิดำมำรดำ และบตุ รจะฟ้องบิดำมำรดำ รวมทัง้ บุพกำรอี ่ืนของตน ในคดีแพ่งหรอื อำญำไมไ่ ด้ ต้องขอใหพ้ นักงำนอยั กำรยกคดขี ้ึนกล่ำวให้

กฎหมายเรือ่ งมรดก • มรดกหรอื กองมรดก ได้แก่ ทรัพย์สิน สิทธิ หนำ้ ท่ี และควำมรบั ผดิ ชอบต่ำง ๆ ของเจ้ำของมรดก เมือ่ ถงึ แก่ควำมตำย มรดกของเขำยอ่ มตกแกท่ ำยำททันที ยกเวน้ สิทธิเฉพำะตวั ของผู้ตำยโดยแท้ จะไม่ตกทอดเปน็ มรดก • ทายาท คือ ผู้มสี ิทธไิ ดร้ บั มรดกในทำงกฎหมำย แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภท ทายาทโดยธรรม • มสี ทิ ธิตำมกฎหมำย ไดแ้ ก่ บตุ ร บดิ ำมำรดำ คู่สมรส พี่น้องรว่ มบิดำหรือมำรดำ เดยี วกัน ปู่ยำ ตำ ยำย ลุง ปำ้ น้ำ อำ ตำมลำดบั ควำมห่ำงช้ัน แต่คสู่ มรส บุตร และบิดำมำรดำ จะไดร้ บั มรดกของผู้ตำยเท่ำเทยี มกัน ทายาทตามพินยั กรรม • ผูม้ ีสทิ ธไิ ดร้ บั มรดกตำมที่พนิ ัยกรรมระบไุ ว้ แล้วแต่ผตู้ ำยจะต้ังใจยกมรดกของ ตนให้ใครบำ้ ง • หำกผตู้ ำยยกมำดกใหก้ ับทำยำทตำมพินัยกรรมทั้งหมด ทำยำทโดยธรรม จะไม่ มีสทิ ธิไดร้ บั มรดกเลย

กฎหมายแพ่งเกยี่ วกับนิติกรรมและสัญญา สัญญา นิติกรรม • นติ ิกรรมซง่ึ ทำโดยผู้หยอ่ นควำมสำมำรถ เชน่ ผ้เู ยำวอ์ ำจถูก • สญั ญำ คอื นิตกิ รรมชนิดหนึง่ แตเ่ ป็นนิตกิ รรมทมี่ ีบุคคล ๒ ฝ่ำย บอกล้ำงด้วยผแู้ ทนโดยชอบธรรมได้ ในกรณีทีท่ ำใหผ้ ้เู ยำว์ หรือมำกกวำ่ นัน้ มำตกลงกนั โดยแสดงเจตนำเสนอและสนอง เสยี เปรียบเนอื่ งจำกหยอ่ นควำมสำมำรถน้ัน ตรงกนั กอ่ ให้เกดิ สัญญำข้ึน • นิติกรรมตอ้ งเปน็ กำรแสดงเจตนำหรือควำมตัง้ ใจออกมำ • สญั ญำยอ่ มก่อให้เกดิ หน้ี เกิดควำมผูกพันระหวำ่ งเจำ้ หน้กี บั ภำยนอก เชน่ โดยวำจำหรอื โดยกำรเขียนหนงั สอื นติ กิ รรม ลกู หนี้ โดยเจ้ำหน้มี สี ทิ ธิเรียกร้องใหล้ กู หน้ี ชำระหนไ้ี ดต้ ำม ต้องทำโดยควำมสมคั รใจ คอื ตอ้ งไม่เกดิ จำกกำรเขำ้ ใจผดิ กฎหมำย หรอื ถกู ขู่เขญ็ บงั คับ หรอื ขำดสติสมั ปชัญญะ • นิติกรรมซง่ึ ทำโดยผหู้ ยอ่ นควำมสำมำรถ เชน่ ผู้เยำว์อำจถกู บอกลำ้ งด้วยผแู้ ทนโดยชอบธรรมได้ ในกรณีทีท่ ำใหผ้ ้เู ยำว์ เสยี เปรียบเนอื่ งจำกหยอ่ นควำมสำมำรถนัน้

กฎหมายได้กาหนดความสามารถในการทานติ ิกรรมสญั ญาของบคุ คล • กฎหมำยกำหนดนิตกิ รรมและสัญญำขึ้น เพ่ือใหบ้ คุ คลใช้เปลยี่ นแปลงสทิ ธิของตนไดด้ ้วยควำมตงั้ ใจ • คนไร้ควำมสำมำรถต้องอยู่ในควำมอนบุ ำลของผอู้ นุบำลแต่งต้ังโดยศำล ซ่งึ จะเป็นผ้ทู ำนติ ิกรรมแทน ส่วนคนเสมือนไร้ ควำมสำมำรถทำกิจกำรเองไดท้ กุ อย่ำง เวน้ บำงอย่ำงทต่ี ้องได้รับควำมยินยอมจำกผู้พิทักษ์ • ผ้เู ยำวจ์ ะทำนิตกิ รรมไดต้ ้องได้รับควำมยินยอมจำกผู้แทนโดยชอบธรรม เวน้ แตน่ ติ กิ รรมท่ไี ด้มำซ่ึงสทิ ธโิ ดยส้นิ เชงิ • บุคคลล้มละลำยจะทำนติ กิ รรมใดๆ ไมไ่ ด้ เจำ้ พนกั งำนพทิ กั ษท์ รพั ยต์ ำมคำส่ังศำลจะเป็นผมู้ ีอำนำจจดั กำรแทน • นิตกิ รรมและสัญญำท่ีทำขึ้นโดยผเู้ ยำว์ คนไร้ควำมสำมำรถ และบคุ คลล้มละลำยโดยปรำศจำกควำมยินยอมจำกบคุ คล ทก่ี ฎหมำยกำหนดจะกลำยเป็นโมฆยี ะ • กำรทำนติ กิ รรมสัญญำใดๆ จะต้องไม่มวี ัตถุประสงคเ์ ป็นกำรตอ้ งหำ้ มชดั แจ้งโดยกฎหมำย ไม่เป็นกำรพ้นวิสัย และตอ้ ง ไมข่ ดั ต่อควำมสงบเรียบรอ้ ยหรือศีลธรรมอันดีของประชำชน

• เกิดขน้ึ โดยกำรแสดงเจตนำของบุคคลฝำ่ ยเดียวและมีผลทำงกฎหมำย เช่น กำรก่อต้ังมลู นิธิ กำรรับสภำพหน้ี กำรทำพนิ ยั กรรม กำรบอกกลำ่ วบงั คับจำนอง เป็นต้น นิตกิ รรมฝา่ ยเดียว นิติกรรมสญั ญา สามารถแบ่งออกได้ นิตกิ รรมสองฝา่ ย เปน็ ๒ ประเภท • เกิดข้ึนโดยกำรแสดงเจตนำของบุคคลทง้ั สองฝ่ำย ตำ่ งตกลงยนิ ยอมระหวำ่ งกนั หรอื เรียกว่ำ สญั ญำ เชน่ สญั ญำซื้อขำย สัญญำกยู้ มื สญั ญำแลกเปลย่ี น สญั ญำขำย ฝำก จำนอง จำนำ เปน็ ตน้

สญั ญาซือ้ ขาย • เป็นสัญญำทผ่ี ู้ขำยโอนกรรมสิทธใิ์ ห้กับผูซ้ ือ้ โดยผู้ซอื้ ตกลงจะให้ รำคำทรพั ย์สนิ นั้นกับผู้ขำย • สัญญำซื้อขำยแบง่ ออกเป็น ๒ ชนิด คอื สญั ญำซื้อขำยสำเร็จบรบิ ูรณ์หรือสญั ญำซ้ือขำยเสรจ็ เด็ดขำด และสญั ญำ จะซอื้ จะขำย • กำรซื้อขำยอสังหำริมทรัพย์หรอื สังหำริมทรพั ยช์ นดิ พิเศษ ตอ้ งตกลงกันเป็นลำยลกั ษณอ์ กั ษร หรือมกี ำรวำงมดั จำ หรอื มีกำรชำระหนบี้ ำงสว่ นไวล้ ว่ งหนำ้ • หำกมีฝ่ำยใดฝ่ำยหนงึ่ ไมป่ ฏิบตั ิตำมสญั ญำ ยอ่ มฟอ้ งร้องให้ปฏบิ ตั ิตำมสัญญำ รวมทั้งเรียกค่ำเสียหำย จำกฝ่ำยทผ่ี ดิ สัญญำได้

สญั ญาขายฝาก • เปน็ สญั ญำซื้อขำยซงึ่ กรรมสิทธิใ์ นทรพั ยส์ นิ ตกไปยงั ผู้ซอ้ื โดยท่ีมีขอ้ ตกลงกันว่ำ ผขู้ ำยอำจไถ่ทรพั ย์สินน้นั กลับคนื ได้ ภำยในระยะเวลำทต่ี กลงกนั • กำรขำยฝำกเปน็ กำรซือ้ อยำ่ งหน่งึ ดงั น้นั หลักเกณฑ์ในกำรขำยฝำกจึงเปน็ เช่นเดียวกับกำรซอ้ื ขำย เช่น กำรขำยฝำก อสังหำริมทรพั ยห์ รอื สังหำริมทรพั ย์ชนดิ พิเศษ จะต้องทำเป็นหนงั สอื และจดทะเบยี นตอ่ พนกั งำนเจ้ำหนำ้ ที่ • กำรทำสญั ญำขำยฝำกเปน็ วธิ ีกำรให้หลักประกนั อย่ำงหน่งึ แกผ่ ู้ซือ้ ฝำกและเมื่อผ้ขู ำยฝำกใชส้ ิทธิไถ่ก็จะไดป้ ระโยชน์ โดยกำหนดสนิ ไถไ่ ว้ในอตั รำท่ีสงู พอเป็นกำรตอบแทน

สัญญาเชา่ ทรพั ย์ • เปน็ สัญญำซ่งึ ผู้ใหเ้ ช่ำตกลงใหผ้ ู้เช่ำ ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรพั ยส์ นิ ในระยะเวลำทีก่ ำหนด โดยผู้เชำ่ ตกลง ใหค้ ่ำเชำ่ ในกำรนัน้ • กำรเช่ำอสังหำรมิ ทรพั ยต์ อ้ งมีหลกั ฐำนเปน็ หนังสือ ลงลำยมอื ชอ่ื ของฝ่ำยท่ีจะตอ้ งรับผดิ ตำมสญั ญำ • สญั ญำเชำ่ อสังหำรมิ ทรัพย์นำนเกินกว่ำ ๓ ปี หรอื มกี ำหนดตลอดอำยุของผู้เชำ่ หรอื ผใู้ หเ้ ชำ่ ต้องนำไปจดทะเบยี น ต่อพนกั งำนเจำ้ หนำ้ ท่ี • ผู้ใหเ้ ช่ำมหี นำ้ ทีส่ ง่ มอบทรพั ย์สินท่เี ชำ่ ให้แก่ผเู้ ชำ่ ในสภำพที่ซอ่ มแซมดีแล้ว • ผู้เชำ่ ตอ้ งสงวนทรพั ยส์ ินที่เชำ่ เหมือนทรพั ย์สินของตนเอง และยอมให้ผ้ใู หเ้ ช่ำตรวจตรำทรัพยส์ นิ เป็นครั้งครำว และไมด่ ัดแปลงหรอื ต่อเตมิ ทรัพยส์ นิ ยกเวน้ ได้รบั อนุญำตจำกผ้ใู ห้เชำ่ • ผู้เชำ่ ต้องสง่ คนื ทรัพยส์ ินที่เชำ่ ใหแ้ ห่ผู้ให้เชำ่ ในสภำพทีซ่ อ่ มแซมดีแลว้ เม่อื สัญญำเช่ำน้ันสน้ิ สดุ ลง

สญั ญาเชา่ ซอ้ื • เป็นสญั ญำซึ่งเจ้ำของเอำทรัพย์สนิ ออกให้เชำ่ และใหค้ ำมน่ั วำ่ จะขำยทรพั ย์สินนนั้ หรอื ใหท้ รัพยส์ นิ น้นั ตกเปน็ ของผูเ้ ช่ำ โดยมีเงือ่ นไขว่ำผเู้ ช่ำซ้ือได้ใช้เงินเปน็ งวด ตำมที่ตกลงกันไว้ • สญั ญำเชำ่ ซื้อตอ้ งทำเป็นลำยลกั ษณอ์ กั ษรและลงลำยมอื ชอ่ื คสู่ ญั ญำ • ผูใ้ ห้เชำ่ ซื้อมสี ทิ ธิบอกเลกิ สัญญำได้ เม่ือผู้เช่ำซ้ือผดิ นดั ไม่ชำระคำ่ เช่ำซ้อื สองงวดติดตอ่ กนั • ผู้เช่ำซอ้ื มีหนำ้ ท่ชี ำระค่ำเชำ่ และมีสทิ ธิทจี่ ะบอกเลกิ สญั ญำเม่อื ใดก็ได้ โดยสง่ มอบทรัพย์สนิ กลบั คนื และใหค้ ่ำเชำ่ ซือ้ เฉพำะที่ยังคำ้ งชำระในงวดชำระเงินท่ีผำ่ นมำให้แก่ผ้ใู ห้เช่ำซ้อื • หลงั จำกชำระเงนิ เชำ่ ซ้ือครบตำมสญั ญำแลว้ ผู้เช่ำซอ้ื มีสิทธิเรียกรอ้ งให้ผู้ให้เช่ำซื้อเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธ์ิ ในทรพั ยส์ ิน

สญั ญากยู้ มื • เป็นสัญญำซงึ่ ผู้กู้ตกลงยืมเงนิ จำนวนหนึง่ จำกผ้ใู หก้ ู้ และตกลงจะคนื เงินตำมกำหนดระยะเวลำทีก่ ำหนด โดยผ้กู ู้ ใหด้ อกเบ้ียเปน็ ค่ำตอบแทน • กำรกูย้ มื เงินเกนิ ๒,๐๐๐ บำทข้นึ ไป จะตอ้ งมีหลกั ฐำนเปน็ หนงั สอื แสดงวำ่ มกี ำรกู้ยืมกันจริง พร้อมกบั ลงลำยมอื ช่อื ผู้กู้ • ผใู้ หก้ ูจ้ ะเรียกดอกเบี้ยจำกผกู้ ไู้ ดส้ งู สุดไมเ่ กินร้อยละ ๑๕ ต่อปี หำกเรยี กสงู กวำ่ นี้ ผใู้ หก้ ู้มีควำมผิด ยกเวน้ กำรกยู้ ืมเงนิ จำกสถำบันทำงกำรเงิน • ผกู้ ู้มสี ทิ ธิใหผ้ ใู้ ห้กอู้ อกหลักฐำนกำรใชเ้ งินได้เม่อื ชำระหนห้ี มดแลว้ และมีสิทธเิ รยี กสัญญำก้ยู ืมเงนิ กันไวก้ ลบั คนื มำ • หำกผู้กูไ้ มป่ ฏิบัติตำมสัญญำ ผใู้ หก้ ู้มสี ทิ ธฟิ อ้ งเรยี กเงินคืน พร้อมท้ังดอกเบ้ียทค่ี ำ้ งชำระได้ตำมสญั ญำ

สญั ญาจานา • เป็นสัญญำซ่งึ ผจู้ ำนำสง่ มอบกำรครอบครองสงั หำรมิ ทรัพยใ์ ห้แก่ผรู้ ับจำนำ เพ่อื ประกนั กำรชำระหนี้ ผรู้ บั จำนำ มสี ิทธิยึดทรัพยส์ นิ นั้นไว้ จนกวำ่ จะไดร้ ับกำรชำระหน้ีครบถว้ น • ผรู้ บั จำนำตอ้ งเกบ็ รักษำและสงวนทรพั ยส์ ินทจี่ ำนำให้ปลอดภยั ไม่สญู เสยี หรอื เสยี หำยไป • เมือ่ ผู้จำนำไม่ชำระหนี้ ผ้รู ับจำนำมสี ทิ ธบิ งั คับจำนำ โดยต้องบอกกล่ำวแก่ผูจ้ ำนำ หำกผจู้ ำนำยงั ไม่ชำระหนอ้ี ีก ผรู้ ับจำนำมีสทิ ธินำทรัพย์สนิ น้นั ขำยออกทอดตลำด โดยตอ้ งแจ้งเวลำและสถำนทแี่ กผ่ ูจ้ ำนำ • เมือ่ ขำยทอดตลำดแล้ว ได้เงินสุทธิเท่ำใด ผรู้ ับจำนำมีสทิ ธิหักมำใช้หนไี้ ดจ้ นครบ หำกยังมเี งนิ เหลอื ต้องคนื ใหแ้ ก่ ผูจ้ ำนำ

สัญญาจานอง • เป็นสัญญำซ่งึ ผู้จำนองเอำสงั หำริมทรพั ย์ หรอื อสงั หำริมทรัพยไ์ ปตรำไว้แก่ผู้รบั จำนอง โดยไมต่ ้องสง่ มอบทรัพย์สนิ ที่จำนองน้นั ให้ • กำรชำระหน้ีจำนองไมว่ ำ่ ทั้งหมดหรือบำงส่วนกต็ ำม ต้องไปจดทะเบียนตอ่ พนักงำนเจำ้ หน้ำที่ มิฉะนน้ั จะนำไป ใชอ้ ้ำงกับบุคคลภำยนอกไม่ได้ • กำรบังคับจำนองทำได้ตอ่ เมอ่ื ลูกหนี้ไมช่ ำระหนภ้ี ำยในเวลำอนั สมควร หำกยังไมช่ ำระหนี้ ผรู้ บั จำนองตอ้ งฟ้อง ผจู้ ำนองตอ่ ศำล โดยขอต่อศำลหำกยังไมช่ ำระหน้ี ให้ศำลส่ังใหท้ รพั ยส์ นิ จำนองน้ันหลุดเป็นกรรมสิทธ์ิ ของผรู้ บั จำนอง หรือใหม้ ีกำรขำยทอดตลำด • หลงั จำกมกี ำรขำยทอดตลำดแลว้ หำกได้เงินต่ำกวำ่ จำนวนหนท้ี ค่ี ้ำงชำระ ลูกหนี้ไมต่ อ้ งรับผดิ ชอบตอ่ เจ้ำหน้ี ในเงนิ ทีย่ ังขำดอยู่ ยกเว้นแตต่ กลงไว้ในสญั ญำ

กฎหมายอาญา • กฎหมายอาญา เปน็ กฎหมำยทเ่ี กย่ี วกับควำมผดิ และโทษ โดยกำหนดวำ่ กำรกระทำใดบ้ำง ที่เปน็ ควำมผดิ ซ่ึงผกู้ ระทำควำมผิดจะได้รับผล คอื โทษตดิ ตำมมำ • กฎหมำยอำญำมีควำมมุง่ หมำยโดยตรงในกำรคมุ้ ครองผลประโยชนข์ องสว่ นรวม โดยกำร ควบคุมไม่ใหบ้ คุ คลกระทำกำรทเี่ ปน็ อนั ตรำยแก่ผอู้ น่ื หรือตอ่ สงั คม เพ่อื รกั ษำควำมสงบ เรียบร้อยของสังคม

ความผดิ และโทษ • ควำมผิดและโทษเป็นสำระสำคัญของกฎหมำยอำญำ หมำยถึง กำรกระทำใดที่กฎหมำยได้ระบุว่ำเป็น กำรกระทำท่ีเป็นควำมผิด ซ่ึงผู้กระทำจะต้องได้รับโทษเป็นผลตำมมำ บุคคลจะมีควำมผิดและจะต้อง ไดร้ ับโทษสำหรับกำรกระทำอย่ำงใดนน้ั ต้องมีบัญญัติไว้ในกฎหมำยเป็นลำยลักษณ์อักษรในเวลำขณะที่ เขำกระทำ ดงั น้นั จะจดั ทำกฎหมำยให้มผี ลยอ้ นหลังเพื่อให้กำรกระทำของบุคคลซึ่งขณะกระทำไม่เป็น ควำมผิดและไมม่ ีโทษ กลับกลำยเปน็ มคี วำมผิดและโทษข้ึนมำไม่ได้

การกระทาและสภาพจติ ใจ • กำรกระทำและสภำพจิตใจเปน็ สำระสำคญั ของควำมผดิ ทำงอำญำ เพรำะกำรมคี วำมผิดเกดิ ขนึ้ อันเป็น เหตใุ ห้บคุ คลตอ้ งรับโทษนนั้ จะตอ้ งมีกำรกระทำตำมทกี่ ฎหมำยบญั ญัตไิ ว้ประกอบกับสภำพจิตใจตำมท่ี กฎหมำยตอ้ งกำร การกระทา ได้แก่ กำรเคลอื่ นไหวอวัยวะตำ่ งๆ ของร่ำงกำยตำมควำมต้องกำรของจติ ใจและปรำกฏออกมำ ภำยนอก กำรกระทำ ยังรวมถงึ กำรใหเ้ กิดผลอยำ่ งใดอยำ่ งหนง่ึ ขนึ้ โดยงดเวน้ กำรทตี่ ้องกระทำเพ่ือป้องกนั ผลน้ันด้วย เชน่ บดิ ำมำรดำมหี น้ำท่ตี ำมกฎหมำยตอ้ งเลยี้ งดูบตุ รซ่ึงยังเลก็ อยู่ ถ้ำงดเวน้ เสยี ไมเ่ ลยี้ งดูบุตร โดยไมใ่ ห้อำหำรเพอ่ื ใหบ้ ตุ รตำย หำกบุตรตำย บดิ ำมำรดำย่อมมคี วำมผิดฐำนฆ่ำบุตร เปน็ ตน้ สภาพจิตใจ ปกตบิ คุ คลผกู้ ระทำกำรซ่งึ กฎหมำยบญั ญัตวิ ำ่ เป็นควำมผดิ ตอ้ งกระทำโดยเจตนำจงึ จะเกดิ ควำมผดิ ขึ้น ผู้กระทำมเี จตนำที่จะกระทำหรือไมใ่ หด้ ลู ักษณะกำรกระทำควำมผิดบำงอย่ำงทกี่ ฎหมำยถอื ว่ำผดิ แมเ้ พียงแต่มกี ำรกระทำในลักษณะทีก่ ฎหมำยระบไุ ว้เทำ่ นนั้ กจ็ ะต้องรบั ผิดโดยไมค่ ำนึงวำ่ จะกระทำ โดยเจตนำหรือไม่ เช่น ควำมผิดท่มี ีโทษเบำหรอื ควำมผดิ ลหุโทษ เปน็ ต้น

ความรบั ผดิ ทางอาญา ความผดิ ทางอาญา คือ กำรกระทำที่โดยส่วนใหญ่มกั จะเกี่ยวข้องกบั เนื้อตัวรำ่ งกำยของผู้เสยี หำย อนั มผี ลกระทบ กระเทือนต่อควำมสงบเรยี บร้อยศีลธรรมอันดขี องประชำชน รฐั จึงตอ้ งลงโทษผู้กระทำผดิ โดยมีหลักสำคญั คอื • กำรกระทำนน้ั ต้องมีกฎหมำยกำหนดไวช้ ัดแจง้ • โทษทลี่ งตอ้ งเป็นโทษที่กฎหมำยกำหนดไว้ • กฎหมำยตอ้ งไมม่ ีผลย้อนหลงั โทษอาญาทใ่ี ชล้ งแกผ่ กู้ ระทาผดิ มี ๕ ประการ ประหารชีวิต จาคุก กกั ขัง ปรับ รบิ ทรพั ย์สิน

ความผดิ ทางอาญา ความผิดตอ่ ชีวติ และรา่ งกาย • ความผิดต่อชีวิต คือ ควำมผิดฐำนฆ่ำผู้อ่นื โดยเจตนำ หรือกำรทำใหผ้ ู้อืน่ ซึง่ มสี ภำพเปน็ บคุ คลแล้วถงึ แกค่ วำมตำยโดยเจตนำ • ความผดิ ต่อรา่ งกาย คือ กำรทำรำ้ ยผอู้ ืน่ จนเปน็ เหตใุ หเ้ กิดอันตรำยแก่ร่ำงกำยและจติ ใจ กำรทำรำ้ ยอำจเป็นกำรทำใหร้ ่ำงกำย เปน็ อนั ตรำย เชน่ บำดเจบ็ แตกหัก บุบสลำย หรอื ทำให้จิตใจเปน็ อนั ตรำย • ผ้กู ระทำควำมผิดจะได้รับโทษตำมกฎหมำยบัญญตั ิ ความผิดตอ่ ทรัพยส์ นิ • ความผดิ ฐานลักทรัพย์ คอื กำรเอำทรพั ย์ของผอู้ ืน่ หรอื ท่ีผู้อ่ืนเป็นเจ้ำของอยดู่ ว้ ยไปโดยทจุ รติ • ความผิดอย่างอื่นซ่ึงเก่ยี วเน่อื งกับความผดิ ฐานลักทรพั ย์ คือ กำรลักทรัพยโ์ ดยมเี งื่อนไขอย่ำงอ่ืนเพิม่ ขน้ึ ได้แก่ วง่ิ รำวทรพั ย์ ชงิ ทรพั ย์ และปลน้ ทรพั ย์ • ความผิดฐานยกั ยอกทรัพย์ คอื กำรเบยี ดบังทรัพยข์ องผู้อ่นื หรอื ท่ีผู้อื่นเปน็ เจ้ำของรวมอยดู่ ้วย ซงึ่ อยู่ในควำมครอบครองของ ผูก้ ระทำผิดเอง • ความผิดอน่ื ท่เี กี่ยวกบั ทรพั ยส์ นิ เชน่ ควำมผดิ ฐำนฉอ้ โกง ควำมผิดฐำนทำใหเ้ สียทรัพย์ ควำมผดิ ฐำนบกุ รุก ควำมผดิ ฐำนรบั ของโจร เปน็ ต้น

กฎหมายอนื่ ที่ควรรู้ กฎหมายเกย่ี วกบั การรบั ราชการทหาร พระราชบัญญัติรบั ราชการทหาร พุทธศักราช ๒๔๙๗ ได้กาหนดการรับราชการทหารไว้ ดังน้ี ชำยสัญชำติไทยต้องไปขนึ้ บญั ชที หำรกองเกนิ เมอื่ อำยุ ๒๑ ปี ต้องเข้ำรับหมำยเรยี กและทำกำร เมื่ออำยุ ๑๘ ปี ตรวจเลือกเปน็ ทหำรประจำกำร หำกได้เข้ำเป็นทหำรกองประจำกำร บุคคลทีส่ ำเร็จวิชำทหำรตำมหลักสูตร ตอ้ งรับรำชกำร ๒ ปี รับรำชกำรทหำรน้อยกว่ำ ๒ ปี หำกฝ่ำฝนื ถกู จำคกุ ไมเ่ กนิ ๓ เดือน บุคคลที่ข้ึนทะเบยี นกองประจำกำร ปรับไม่เกิน ๓๐๐ บำท หรือทัง้ จำทั้งปรบั แลว้ ปลดเปน็ ทหำรกองหนนุ ประเภท ๑ หำกรำยงำนตัวกอ่ นเจำ้ หน้ำท่ียกเรอื่ ง จะถกู ลงโทษ ๑ เดือน ปรับไมเ่ กนิ ๑๐๐ บำท หรือทงั้ จำทั้งปรับ

กฎหมายเก่ียวกับภาษี ภาษีเงินได้ • เปน็ ภำษีที่ได้รับมอบหมำยอำนำจรัฐเรียกเก็บจำกบุคคล เพอื่ ใช้จำ่ ยในกำรบรหิ ำรประเทศหรอื ท้องถน่ิ กำรเสียภำษี ใหแ้ กร่ ัฐจงึ เป็นหนำ้ ทีส่ ำคญั ของพลเมอื ง • ภำษีเงินได้จดั เก็บทุกปจี ำกผ้ทู ม่ี เี งนิ ได้เกดิ ขึ้นระหว่ำงปภี ำษี โดยมสี ถำนะอยำ่ งใดอยำ่ งหนง่ึ ได้แก่ บุคคลธรรมดำ ห้ำงห้นุ สว่ นสำมญั หรอื คณะบคุ คลทม่ี ิใชน่ ิติบคุ คล ผู้ถงึ แกค่ วำมตำยระหวำ่ งปภี ำษี และกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง • มเี งินไดต้ ้องยืน่ แบบ ภ.ง.ด.๙๐ หรือ ภ.ง.ด.๙๑ พร้อมทัง้ ชำระภำษที ี่สำนกั งำนสรรพำกรพ้นื ทส่ี ำขำธนำคำรไทย พำณชิ ยห์ รอื ธนำคำรกรุงไทยแลว้ แต่กรณี และท่ที ำกำรไปรษณีย์

ภาษเี งินไดน้ ติ ิบุคคล • เปน็ ภำษอี ำกรประเภทหนง่ึ ที่จดั เก็บจำกเงินไดข้ องบรษิ ทั หรอื หำ้ งหนุ้ ส่วนนติ ิบคุ คลท่จี ดทะเบยี นตำมประมวล กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ และไม่ไดจ้ ดทะเบยี นตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณชิ ย์ • จัดเก็บทกุ ปี โดยคำนวณอตั รำภำษีจำกกำไรสทุ ธขิ องบรษิ ทั หรือห้ำงหนุ้ ส่วนนิตบิ ุคคล รอ้ ยละ ๓๐ และจำกกำไร สทุ ธเิ ฉพำะกรณี ท่ไี ด้จำกประกอบกจิ กำรวิเทศธนกจิ ร้อยละ ๑๐ • ผ้เู สยี ภำษตี อ้ งย่ืนเสยี ภำษีท่สี ำนักงำนสรรพำกรพนื้ ท่ีสำขำในท้องท่ที ี่สำนกั งำนใหญ่ต้ังอยู่ และธนำคำรพำณิชย์ไทย สำขำในเขตพ้นื ท่กี รงุ เทพมหำนคร ส่วนจงั หวัดอน่ื ยน่ื ไดท้ ่ที ่วี ่ำกำรอำเภอทอ้ งทท่ี ี่ตง้ั อยู่

ภาษีมลู คา่ เพิ่ม • เป็นภำษีทำงออ้ มทเี่ รียกเก็บจำกผู้ซื้อสนิ คำ้ หรอื รับบรกิ ำร โดยคำนวณเกบ็ จำกมลู ค่ำส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขน้ั ตอน ของกำรผลติ และกำรจำหนำ่ ย หรอื กำรให้บรกิ ำร • ผูม้ ีหน้ำท่เี สียภำษีมลู ค่ำเพ่ิม ไดแ้ ก่ ผปู้ ระกอบกำรทขี่ ำยสินคำ้ หรอื บริกำรทีม่ รี ำยรบั เกินกวำ่ ๑.๘ ล้ำนบำทตอ่ ปี โดยคำนวณภำษที ่ีตอ้ งเสยี จำกภำษีขำยหกั ดว้ ยภำษีซ้อื • ผูเ้ สยี ภำษตี อ้ งย่ืนแบบแสดงรำยกำรภำษี ภำยในวันที่ ๑๕ ของเดือนถดั ไป ทส่ี ำนักงำนสรรพำกรพ้นื ท่ีสำขำในท้องท่ี ท่สี ถำนประกอบกำรต้งั อยู่

ภาษบี ารุงทอ้ งที่ • เปน็ ภำษที ่ีจดั เก็บจำกเจำ้ ของทดี่ นิ ตำมรำคำปำนกลำงทดี่ ินและตำมบัญชีอตั รำภำษีบำรงุ ท้องท่ี • ทด่ี นิ ที่ตอ้ งเสียภำษีบำรุงท้องที่ ไดแ้ ก่ ทดี่ นิ ทเี่ ป็นของบคุ คลหรอื คณะบุคคล ทั้งบุคคลธรรมดำและนิตบิ ุคคล ซงึ่ มี กรรมสทิ ธ์ิในที่ดนิ หรอื สทิ ธคิ รอบครองอยใู่ นทีด่ ินทไ่ี มเ่ ปน็ กรรมสทิ ธ์ขิ องเอกชน โดยผู้ทม่ี ีหนำ้ ท่เี สยี ภำษี คอื ผรู้ บั ประเมนิ หรือผูท้ ีเ่ ป็นเจำ้ ของท่ีดนิ • ผู้เสยี ภำษตี อ้ งยืน่ แบบแสดงรำยกำร เพ่อื เสยี ภำษีบำรุงท้องทต่ี อ่ พนกั งำนเจำ้ หนำ้ ท่ใี นท้องทซี่ ่งึ ทรัพยส์ ินนน้ั ตัง้ อยู่

ภาษีโรงเรือนและที่ดนิ • เป็นภำษีทจี่ ัดเก็บจำกโรงเรอื นหรอื ส่งิ ปลกู สร้ำงอย่ำงอ่ืนๆ กับท่ดี ินที่ใชป้ ระโยชนต์ อ่ เนื่องไปกับโรงเรือนหรือ สง่ิ ปลกู สรำ้ งนน้ั • ผูม้ หี นำ้ ทีเ่ สยี ภำษโี รงเรอื นและที่ดิน ไดแ้ ก่ เจ้ำของทรพั ย์สนิ เจำ้ ของโรงเรอื นหรอื สง่ิ ปลกู สร้ำง • ผู้เสียภำษีตอ้ งยน่ื แบบแสดงรำยกำร เพื่อเสยี ภำษีโรงเรือนและท่ดี ิน ท่สี ำนักงำนขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ที่สงิ่ ปลูกสรำ้ งนนั้ ตั้งอยู่

กฎหมายวา่ ดว้ ยการคมุ้ ครองผู้บริโภค พระรำชบัญญัติคุ้มครองผบู้ ริโภค พุทธศกั รำช ๒๕๒๒ แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ (ฉบับที่ ๒) พุทธศกั รำช ๒๕๔๑ มีกำรบญั ญัตสิ ทิ ธิ ของผ้บู รโิ ภคทจ่ี ะไดร้ ับกำรคุ้มครองตำมกฎหมำยไว้ ๕ ประกำร ได้แก่ • สทิ ธิทจ่ี ะได้รับข่ำวสำร รวมท้งั คำพรรณนำคณุ ภำพที่ถูกต้องและเพยี งพอเก่ยี วกับ สนิ คำ้ และบรกิ ำร • สิทธใิ นกำรเลือกหำสินคำ้ หรือบรกิ ำรโดยควำมสมัครใจปรำศจำกกำรชกั จงู • สิทธิที่จะได้รบั สนิ ค้ำหรือบริกำรทป่ี ลอดภยั มีสภำพและคณุ ภำพไดม้ ำตรฐำน เหมำะแก่กำรใช้ • สทิ ธทิ จ่ี ะไดร้ บั ควำมเปน็ ธรรมในกำรทำสัญญำ โดยไมถ่ ูกเอำรัดเอำเปรยี บ • สทิ ธทิ ่จี ะได้รบั กำรพจิ ำรณำและชดเชยควำมเสยี หำย เมื่อมกี ำรละเมดิ สิทธผิ ู้บรโิ ภค

กฎหมายระหว่างประเทศทีค่ วรรู้ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ • กฎหมำยท่มี ีควำมมงุ่ หมำยสำคัญ คอื กำรเคำรพศักดิ์ศรีของควำมเป็นมนุษย์ โดยพัฒนำกำรของกฎหมำยนี้ มีผลทำให้เกดิ ควำมร่วมมอื ระหว่ำงภำครฐั กบั ภำคเอกชนของนำนำประเทศ ในกำรสอดส่องดแู ลเพื่อใหม้ ีกำรปฏบิ ัตติ ำมกฎหมำย • กฎหมำยของไทยท่สี อดคลอ้ งกบั กฎหมำยมนษุ ยธรรมระหว่ำงประเทศ เชน่ พระราชบัญญตั อิ าชญากรสงคราม พุทธศักราช ๒๔๘๘ ประมวลกฎหมายอาญาทหาร มาตรา ๔๘ เป็นต้น กฎหมายเก่ียวกบั การคา้ มนุษย์ • กฎหมำยทม่ี งุ่ เน้นแกป้ ัญหำกำรคำ้ มนษุ ย์ โดยเฉพำะกำรค้ำสตรีและเดก็ ถือเป็นอำชญำกรรมทเ่ี ปน็ กำรละเมดิ สิทธมิ นษุ ยชนอย่ำง ร้ำยแรง และมีกำรกระทำกนั อยำ่ งกวำ้ งขวำงท่ัวโลก • ไทยได้ร่วมลงนำมอนุสัญญำสหประชำชำติเพ่อื ต่อต้ำนอำชญำกรรมขำ้ มชำติ พ.ศ. ๒๕๔๓ และพิธสี ำรเพอ่ื ป้องกันกำรปรำบปรำม และลงโทษกำรคำ้ มนุษย์ พ.ศ. ๒๕๔๓ และไดต้ รำพระรำชบัญญตั ปิ ้องกนั และปรำบปรำมกำรค้ำมนษุ ย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ขึน้ • ประเทศไทยยงั ไดก้ ำหนดใหม้ คี ณะกรรมกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรค้ำมนษุ ยข์ นึ้ ทำหนำ้ ท่กี ำกับดแู ลกำรดำเนนิ กำรตำม พนั ธกรณรี ะหวำ่ งประเทศ ให้ควำมร่วมมือและประสำนงำนกับตำ่ งประเทศเกยี่ วกับกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรค้ำมนษุ ย์

กฎหมายวา่ ดว้ ยผู้ลีภ้ ยั • กฎหมำยทม่ี ุง่ เนน้ ในกำรปกป้องสิทธพิ น้ื ฐำนของผลู้ ้ีภัย โดยเฉพำะสิทธิที่จะอำศยั อยอู่ ยำ่ งปลอดภัยในประเทศอนื่ เพ่ือเตรียมพรอ้ ม ทีจ่ ะสง่ กลบั ประเทศของผู้ล้ีภยั โดยมกี ำรจดั ต้งั สำนกั งำนข้ำหลวงใหญผ่ ูล้ ภ้ี ัยแหง่ สหประชำชำติเป็นผู้ดูแลและประสำนงำน • ประเทศไทยได้ใหก้ ำรสนบั สนนุ ชว่ ยเหลอื และอำนวยควำมสะดวกเกี่ยวกับผูอ้ พยพหนภี ยั เขำ้ มำในดนิ แดนไทยอย่ำงตอ่ เนื่อง โดยให้ ควำมค้มุ ครองต่อผู้อพยพและพฒั นำคุณภำพชวี ติ ในด้ำนตำ่ งๆ กฎหมายการส่งผรู้ ้ายข้ามแดน • กฎหมำยที่แสดงควำมรว่ มมอื ระหว่ำงรัฐในกำรจัดกำรกบั ผู้กระทำควำมผดิ ทีพ่ ยำยำมหลบหนี ให้เขำ้ สู่กระบวน กำรยตุ ิธรรม โดยชว่ ยจัดหำและจัดสง่ พยำนบุคคล พยำนเอกสำร หรอื พยำนวตั ถรุ ะหวำ่ งกนั ซึ่งกระทำในลักษณะของข้อตกลงภำคี • ตวั อย่ำงสนธสิ ัญญำทีเ่ กดิ ข้ึนระหว่ำงไทยและนำนำประเทศ เชน่ สนธสิ ญั ญำระหวำ่ งรัฐบำลแหง่ รำชอำณำจกั รไทยกบั รฐั บำลแห่ง สหรัฐอเมริกำ ว่ำด้วยกำรส่งผูร้ ้ำยขำ้ มแดน พ.ศ. ๒๕๓๓ เปน็ ต้น

กฎหมายการให้ความคุ้มครองแก่คนชาติ • กฎหมำยเพอ่ื ใช้ควบคุมและคุ้มครองคนชำตหิ รือผ้ทู มี่ สี ญั ชำตขิ องรฐั เม่อื ตอ้ งไปอยใู่ นดินแดนของรฐั อ่ืน • กฎหมำยเกย่ี วกับกำรใหค้ ุม้ ครองแก่คนชำตมิ บี ทบำทในกำรกำหนดหนำ้ ทแี่ ละควำมรับผดิ ชอบพน้ื ฐำนซึง่ มีระหวำ่ งกนั ในระดบั ระหวำ่ งประเทษวำ่ กำรก่อใหเ้ กดิ ควำมเสียหำยแก่คนในชำติหนงึ่ หำกไมแ่ กไ้ ข เมือ่ ถึงจุดหน่ึง อำจเป็นผลใหเ้ กิดควำมรบั ผดิ ชอบ ระหวำ่ งประเทศต่อสญั ชำตขิ องเขำได้ รวมท้ังยังเชื่อมโยงถงึ วิถกี ำรเพ่อื ใชส้ ิทธิในกำรเรยี กร้อง และระงับกรณีขัดแยง้ ระหว่ำงรัฐ กฎหมายแรงงานระหวา่ งประเทศ • กฎหมำยทเ่ี ก่ียวข้องกับกำรจำ้ งงำน ค่ำจ้ำงและผลประโยชนต์ อบแทนต่ำงๆ ในกำรทำงำน ตลอดจนเสรมิ สรำ้ งควำมสัมพันธ์ ระหว่ำงนำยจ้ำงกับลูกจำ้ ง และระงับข้อขดั แยง้ ระหว่ำงนำยจำ้ งกับลกู จ้ำง มีกำรรว่ มกันจดั ตั้ง องคก์ ำรแรงงำนระหว่ำงประเทศ ให้แรงงำนทั่วโลกมีควำมเป็นอย่ทู ดี่ ีขนึ้ มีสภำพกำรทำงำนทเี่ กอื้ กูลตอ่ ผู้ใช้แรงงำน • ประเทศไทยไดร้ ่วมให้สตั ยำบนั อนุสญั ญำทเ่ี ก่ยี วข้องกับกฎหมำยแรงงำนระหว่ำงประเทศหลำยฉบับ และได้พยำยำมดำเนนิ กำร ให้เป็นไปตำมอนสุ ญั ญำนั้น

กฎหมายส่งิ แวดลอ้ มระหวา่ งประเทศ • กฎหมำยท่ีมวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นกำรคมุ้ ครอง อนรุ กั ษ์ และพฒั นำสิ่งแวดล้อมอย่ำงย่งั ยนื โดยมหี ลักกำรสำคญั คือ ส่งิ แวดล้อมถือ เป็นสมบตั สิ ่วนรวมของมนุษย์ชำติ ทีต่ ้องร่วมกันปกปอ้ งและรักษำ รวมท้งั ให้ควำมร่วมมือในกำรแกไ้ ขปญั หำสง่ิ แวดล้อมตำม กำลังควำมสำมำรถของแต่ละรฐั • กฎหมำยสงิ่ แวดลอ้ มระหวำ่ งประเทศทีป่ ระเทศไทยไดร้ ว่ มใหส้ ตั ยำบนั เช่น อนสุ ัญญำวำ่ ดว้ ยกำรคำ้ สัตวป์ ำ่ และพืชปำ่ ที่ใกล้ สูญพันธ์ุระหว่ำงประเทศ พิธสี ำรเกียวโตเพอ่ื ลดกำรปลอ่ ยแก๊สเรือนกระจก เป็นต้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook