ด้านศาสนาและลทั ธคิ วามเชื่อ • การทาบุญทอดผา้ ปา่ แถว โดยจะกระทำพรอ้ มกนั ทกุ วัดในคนื วนั ลอยกระทงหรอื วนั ขึน้ ๑๕ คำ่ เดอื น ๑๒ โดยชำวบ้ำนจะจัดหำกิ่งไม้ เทียนไข ผำ้ ข้ำวสำร อำหำรแห้ง และบริขำร ไว้ประกอบพธิ ี • งานบุญตานกว๋ ยสลาก จะทำในชว่ งเดือนตุลำคม-พฤศจิกำยนของทุกปี เพ่อื เป็นกำรอุทศิ สว่ นกุศลไปให้ผปี ยู่ ่ำ ตำยำยทล่ี ่วงลบั ไปแล้ว และเพอื่ ควำมเปน็ สริ ิมงคลแกต่ นเองสบื ไป • งานประเพณีสืบชะตา ได้รับอิทธิพลจำกพระพุทธศำสนำ กระทำขึ้นเพื่อยืดชีวิตด้วยกำรทำพิธีเพ่ือให้รอดพ้น ควำมตำย เป็นประเพณีทค่ี นลำ้ นนำนิยมกระทำมำจนถงึ ทกุ วนั น้ี
วัฒนธรรมทอ้ งถิน่ ภาคกลาง ดา้ นศาสนาและลทั ธิความเช่อื • ประเพณีรับบวั โยนบัว เปน็ ประเพณีประจำทอ้ งถิ่นของชำวอำเภอบำงพลี จังหวัดสมุทรปรำกำร ซ่ึงจัดข้ึนเป็น ประจำทุกปี ในวันข้ึน ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ โดยชำวบ้ำนจะพำกันมำคอยนมัสกำรหลวงพ่อโสธรอยู่ริมคลองและ เดด็ ดอกบัวโยนข้ึนไปบนเรอื ของหลวงพอ่ จนกลำยเปน็ ประเพณที ่ีสบื ทอดมำจนถึงปจั จุบนั • การบูชารอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เป็นท่ีเคำรพสักกำระของพุทธศำสนิกชนทั่วไป โดยเฉพำะอย่ำงย่ิง ในเทศกำลบูชำรอยพระพุทธบำท คือ ช่วงวันข้ึน ๑ ค่ำ เดือน ๓ จะมีประชำชนทั่วทุกสำรทิศมำนมัสกำรรอย พระพทุ ธบำทในพระมณฑปอยำ่ งมำกมำย
ดา้ นท่เี กย่ี วกบั การดารงชีวติ ทางการเกษตร • การทาขวัญขา้ ว เปน็ ประเพณที ี่ยังคงทำกนั อย่ำงกว้ำงขวำงในหมขู่ องคนไทยภำคกลำง ไทยพวน และไทยอีสำนท่ัวไป โดยจะ นยิ มทำกนั เปน็ ระยะ คอื ก่อนขำ้ วออกรวงหลงั จำกนวดขำ้ วและขนขำ้ วขน้ึ ยงุ้ กำรเรียกขวัญก่อนข้ำวออกรวงนิยมทำกันตั้งแต่ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ เป็นต้นไป กำรทำขวัญข้ำวเป็นควำมเชื่อของชำวนำว่ำจะทำให้ข้ำวออกรวงมำก ซึ่งเป็นธรรมเนียม ปฏิบตั ทิ ท่ี ำกันมำแตด่ ง้ั เดิม ดา้ นยาและการรักษาพน้ื บ้าน • มกี ำรศกึ ษำค้นควำ้ และรวบรวมตำรำยำพ้นื บำ้ นในจงั หวัดชลบรุ ี โดยได้มกี ำรสัมภำษณ์แพทย์แผนโบรำณ และค้นควำ้ จำก ตำรำที่บันทกึ อยใู่ นใบลำน สมุดขอ่ ยขำว สมุดข่อยดำ พบว่ำมีตำรำยำไทยแผนโบรำณทงั้ หมด ๓๑๘ ขนำน ที่ยังใช้อยู่ใน ปัจจุบนั มี ๑๓๘ ขนำน ซง่ึ ยำส่วนใหญเ่ ปน็ พืชสมุนไพร และแรธ่ ำตุ
วัฒนธรรมทอ้ งถ่ินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดา้ นอาหาร • ชำวอีสำนนยิ มบรโิ ภคพชื ผกั พน้ื บำ้ นทเี่ พำะปลกู เอง หำได้จำกธรรมชำตติ ำมฤดกู ำล พืชผักทีน่ ยิ มนำมำปรงุ อำหำร เช่น ผักขะแยง ผักหวำนป่ำ ใบย่ำนำง ผกั เสี้ยน ผกั ปลัง หนอ่ ไม้ เหด็ ชนิดตำ่ งๆ เป็นต้น โดยกองโภชนำกำร กระทรวงสำธำรณสขุ ได้วเิ ครำะห์แล้ววำ่ พชื ผกั ที่ชำวอีสำนนยิ มนำมำบริโภคใหค้ ณุ คำ่ ทำงโภชนำกำรสงู และ บำงชนิดยงั เปน็ สมนุ ไพรรักษำอำกำรเจบ็ ป่วยได้เป็นอย่ำงดี • กรรมวธิ ีกำรปรงุ อำหำร พบว่ำชำวอสี ำนมวี ธิ กี ำรปรุงโดยเกบ็ พชื ผักมำประกอบรวมกับเน้ือสตั ว์ แลว้ ทำใหส้ กุ เชน่ นึง่ ต้ม ย่ำง เปน็ ต้น และเรียกอำหำรท่ีประกอบแลว้ ได้ ๑๘ วิธี เช่น แกงอ่อม เอำะ หมก ยำ ส่ำ คัว่ หลู้ ปน่ หลน ซุบ เนยี น ลำบ กอ้ ย แจว่ หลำม เป็นตน้ สำหรบั กำรถนอมอำหำร ใชเ้ ทคโนโลยพี ืน้ บำ้ น สว่ นใหญเ่ ป็นกำรนำ อำหำรสดมำตำกแห้งและใชว้ ธิ ีหมักตำมธรรมชำติ
ดา้ นศาสนาและลัทธคิ วามเช่ือ • บญุ บั้งไฟ เป็นประเพณีทีส่ ำคัญของภำคตะวันออกเฉยี งเหนือ จัดข้นึ ในช่วงเดอื นเมษำยน-พฤษภำคมของทกุ ปี โดยชำวนำจะขอฝนจำกพญำแถนตำมควำมเชือ่ จึงมีกำรจดั พธิ ีบชู ำพญำแถนทกุ ปีดว้ ยกำรทำบงั้ ไฟ • การแห่ผีตาโขน จดั ข้ึนท่อี ำเภอด่ำนซ้ำย จังหวัดเลย ผีตำโขนน้ันเดมิ มชี อื่ ว่ำ ผีตำมคน เป็นเทศกำลทีได้รับอทิ ธิพล มำจำกมหำเวสสันดรชำดกในทำงพระพทุ ธศำสนำ ท่วี ่ำเม่อื พระเวสสันดรชำดกและพระนำงมัทรจี ะเดนิ ทำงออก จำกป่ำกลบั สู่เมอื งหลวง บรรดำภตู ผที อ่ี ำศยั อยใู่ นปำ่ น้นั ไดอ้ อกมำสง่ เสด็จดว้ ย
ดา้ นทเ่ี ก่ยี วกับการดารงชีวิตทางการเกษตร • งำนบญุ คนู ลำน เมื่อชำวนำในพ้ืนถ่นิ อสี ำนเก็บเกย่ี วขำ้ วเสรจ็ ก็จะนำขำ้ วทีเ่ กี่ยวมำมดั เปน็ ฟ่อน และนำฟ่อนขำ้ วมำรวมกองไว้ ที่ลำนเพ่ือนวด และเม่ือนวดขำ้ วเสรจ็ กน็ ยิ มทำกองขำ้ วทน่ี วดให้สงู ข้นึ จำกพ้ืนลำน เรยี กว่ำ “คูนลำน” ผู้ท่ไี ด้ขำ้ วมำกกม็ ักจะ จดั ทำบุญกองขำ้ วขน้ึ ที่ลำน • งำนบุญคูนลำนกค็ ืองำนทำขวัญข้ำวกอ่ นขนข้ำวมำสู่ยงุ้ ฉำง ชำวบำ้ นจึงทำบุญเพือ่ เป็นสริ มิ งคล เพิ่มควำมมัง่ มศี รสี ขุ แกต่ นและ ครอบครัว และเพื่ออญั เชญิ ขวัญขำ้ ว คือ พระแม่โพสพให้มำอย่ปู ระจำข้ำว กำรทำนำข้ำวจะไดผ้ ลอุดมสมบูรณ์และผคู้ นจะไม่ อดอยำก
วัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ ภาคใต้ ดา้ นอาหาร • ประเพณกี นิ ผักหรอื ทชี่ ำวบ้ำนและชำวจีนทอี่ ยใู่ นจงั หวดั ภเู กต็ เรยี กกนั วำ่ “เจ๊ียะฉำ่ ย” เปน็ ประเพณีท่ีคนจีน นับถือมำชำ้ นำน โดยเฉพำะคนจนี ฮกเก้ยี นวันประกอบพธิ ีจะตรงกับวนั ขึ้น ๑ คำ่ เดือน ๙ ถงึ วันขึน้ ๙ ค่ำ เดือน ๙ ตำมปฏทิ นิ จนี ของทุกๆ ปี • ปัจจบุ ันพิธีกนิ ผกั (เจี๊ยะฉำ่ ย) ของชำวภูเกต็ ได้ปฏบิ ัตสิ บื ทอดตอ่ กนั มำทุกปี ถือว่ำเป็นประเพณอี นั ดีงำมของ ชำวจังหวัดภูเกต็ • พืชผกั พน้ื บ้ำนตำ่ งๆ เมื่อบริโภคแลว้ จะใหป้ ระโยชน์ตอ่ ร่ำงกำย ชว่ ยควบคมุ ภำวะธำตใุ นรำ่ งกำยใหอ้ ย่ใู นภำวะ สมดุล ทำใหร้ ่ำงกำยแข็งแรง ไมเ่ จบ็ ไข้ไดป้ ว่ ย สะทอ้ นให้เหน็ ถึงวิถชี วี ิตแห่งกำรพึ่งตนเองตำมแนวทำงกำรดแู ล สุขภำพโดยเฉพำะพฤติกรรมกำรบริโภค
ด้านศาสนาและลทั ธิความเชือ่ • ประเพณีชกั พระ เปน็ ประเพณพี ื้นเมืองของชำวภำคใต้ โดยพุทธศำสนิกชนจะพรอ้ มใจกนั อัญเชิญพระพทุ ธรูปจำก วัดขนึ้ ประดิษฐำนบนบุษบกทว่ี ำงอยูต่ รงรำ้ นไม้ แลว้ ลำกหรอื แห่ไปตำมถนนหนทำง แม่น้ำลำคลอง หรือรมิ ฝ่งั ทะเล • ประเพณสี ารทเดือนสบิ ของจังหวัดนครศรธี รรมรำช ถือเป็นงำนประเพณีท่ีย่ิงใหญ่ ได้รับอิทธพิ ลมำจำกศำสนำ พรำหมณ-์ ฮนิ ดู จัดข้ึนเพ่อื อทุ ิศส่วนบญุ ส่วนกุศลให้แกผ่ ทู้ ่ีล่วงลับไปแลว้
ดา้ นศิลปะ • กำรรำโนรำเป็นศิลปะพ้นื บำ้ นที่เก่ำแก่ของภำคใต้ นอกจำกจะแสดงเพอื่ ควำมบันเทงิ แลว้ ยงั แสดงเพ่ือประกอบพธิ กี รรมท่ี เรียกว่ำ โนรำโรงครหู รือโนรำลงครู พธิ ีกรรมนม้ี ีจดุ มงุ่ หมำยในกำรจดั เพ่อื ไหว้ครูหรือไหวต้ ำยำยโนรำ อันเป็นกำรแสดงควำม กตญั ญูรู้คณุ ตอ่ ครู เพ่อื ทำพิธีแก้บน เพ่อื ทำพิธยี อมรบั เปน็ ศลิ ปินโนรำคนใหม่ และเพ่อื ประกอบพิธีเบด็ เตลด็ ตำ่ งๆ • ประเพณกี ำรรำโนรำมคี วำมสัมพันธ์กบั วิถชี ีวิตของชำวบ้ำน เป็นพิธีกรรมทีเ่ ปน็ ควำมเชอื่ ทำงพระพทุ ธศำสนำระดับชำวบ้ำน หมำยถึงควำมเชื่อในหลกั คำสอนของพระพทุ ธศำสนผสมผสำนเขำ้ กับลัทธพิ รำหมณ-์ ฮินดู และควำมเช่ือในเรื่องไสยศำสตร์ หรือผีสำงเทวดำ รวมไปถึงกำรเซน่ ไหว้บรรพบรุ ษุ กำรเขำ้ ทรงและพธิ ีกรรมทำงควำมเชือ่ อนื่ ๆ
การปรับปรงุ เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทย อิทธพิ ลของชาติตะวนั ตก • สมัยตน้ กรงุ รัตนโกสนิ ทร์อทิ ธพิ ลของชำติตะวันตก (ยุโรปและอเมรกิ ำ) ไดแ้ ผข่ ยำยเข้ำมำครอบคลมุ ไปทัว่ ทวปี เอเชยี และท่วั โลก ในฐำนะนักล่ำอำณำนิคม ทำใหอ้ ินเดียตกเป็นเมืองข้นึ ขององั กฤษ และจีนพ่ำยแพส้ งครำมฝิ่นกับองั กฤษ ในขณะเดยี วกนั ชำติ ยโุ รป กไ็ ดเ้ ขำ้ ยึดครองประเทศตำ่ งๆ รอบขำ้ งประเทศไทยและดนิ แดนสว่ นต่ำงๆ ทวั่ ทวีปเอเชยี • พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจำ้ อย่หู วั และพระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยหู่ ัวทำกำรปฏิรูปและพัฒนำบ้ำนเมือง นำเอำ วฒั นธรรมของชำวยุโรปเข้ำมำใชใ้ นแทบทกุ สว่ นของกำรดำเนินชีวติ ใชท้ ับซ้อนกับวัฒนธรรมด้งั เดมิ ของไทย กอ่ ให้เกดิ กำร ผสมผสำนระหวำ่ งวฒั นธรรมขึ้น โดยผคู้ นจะรกั ษำและยึดถือท้ังทีเ่ ปน็ วัฒนธรรมดงั้ เดมิ และวัฒนธรรมของชำติตะวนั ตก • กำรปรับปรงุ ประเทศตง้ั แต่สมัยรัชกำลที่ ๔ เป็นต้นมำ กอ่ ใหเ้ กิดกำรเปลยี่ นแปลงวฒั นธรรมและชวี ิตควำมเป็นอยขู่ องคนไทย ในด้ำนต่ำงๆ ทงั้ ที่เปน็ วตั ถุและอวัตถุ เกดิ ค่ำนิยมใหมท่ เ่ี นน้ ควำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์มำกขน้ึ มกี ำรใชส้ ินค้ำเครื่องอุปโภคบริโภคที่ หลำกหลำย และมีกำรดำเนนิ ชวี ิตแบบสมัยใหม่
การพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ • ในปัจจบุ นั ปัญหำสงั คมท่ีพบเหน็ ท่วั ไป ได้แก่ กำรหย่ำร้ำง เด็กและผู้สงู อำยุถูกทอดท้งิ ปญั หำยำเสพติด กำรมเี พศสัมพนั ธ์ กอ่ นวยั อนั ควร เป็นตน้ ดังนัน้ ตั้งแตแ่ ผนพฒั นำเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชำติฉบับท่ี ๘ (พ.ศ. ๒๕๔๐ - ๒๕๔๔) เปน็ ตน้ มำ มีกำรปรบั เปลีย่ นแนวทำงกำรพัฒนำประเทศ โดยม่งุ เนน้ กำรพฒั นำศักยภำพของคนไทย ดงึ เอำวฒั นธรรมและภมู ิปัญญำทีม่ ี อยู่มำใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ • สงั คมไทยมีกำรเปล่ยี นแปลงและพัฒนำในทุกๆ ด้ำนตลอดเวลำ ทำให้สภำพสงั คมเปลีย่ นแปลงไปจำกเดิม โดยเฉพำะใน กรุงเทพมหำนคร และเมืองใหญๆ่ เชน่ เชียงใหม่ ภูเกต็ พัทยำ นครรำชสมี ำ เป็นตน้ กำรดำเนนิ ชวี ติ ของคนในสังคม ก็เปลีย่ นแปลงไปเชน่ เดยี วกนั คนในกรุงเทพมหำนครและเมอื งใหญ่ๆ ใชช้ ีวิตด้วยควำมเร่งรีบ ขำดกำรปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่ำง คนในครอบครวั และคนอื่นๆ ในสงั คม แผนพัฒนำฯ ในระยะหลังจึงเนน้ กำรพัฒนำศักยภำพของคนไทยมำกกว่ำทีผ่ ำ่ นมำ
ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมสากล วัฒนธรรมสำกลมคี วำมแตกต่ำงจำกวฒั นธรรมไทยอยูห่ ลำยประกำรดว้ ยกนั ดงั นี้ ๑ เน้นปรัชญาว่า “มนุษย์เปน็ นายธรรมชาติ” • วฒั นธรรมสำกลเน้นปรชั ญำ “มนษุ ยเ์ ปน็ นายธรรมชาติ” สำมำรถบังคบั ธรรมชำติใหต้ อบสนองควำมต้องกำร ของมนุษยไ์ ดท้ ง้ั หมด จนนำไปสกู่ ำรประดิษฐ์คิดค้นวตั ถแุ ละเทคโนโลยีทท่ี นั สมยั เพ่อื สรำ้ งควำมสะดวกสบำย ให้แก่มนุษย์ เชน่ เครื่องบิน รถยนต์ รถไฟฟ้ำ โทรศัพท์มอื ถอื เปน็ ต้น • วัฒนธรรมไทยเน้นปรัชญำ “มนุษย์ควรอยู่แบบผสมกลมกลืนกับธรรมชาติ” เป็นอันหน่ึงอันเดียวกับ ธรรมชำติ ดังนั้น คนไทยจึงนิยมสร้ำงวัฒนธรรมให้สอดคล้องกับสภำพธรรมชำติ เช่น กำรทำขวัญข้ำว ประเพณีบญุ บัง้ ไฟ เปน็ ตน้
๒ เน้นการมองโลกแบบทวินิยม (dualism) • วฒั นธรรมสำกลมองทุกสิ่งเปน็ ๒ ส่วนเสมอ เชน่ ขำว-ดำ ทนั สมยั -ลำ้ สมยั จงึ มีควำมพยำยำมท่ีจะปรบั เปลีย่ น สง่ิ ทีล่ ้ำสมยั ให้มคี วำมทันสมัยอยเู่ สมอ เช่น กำรพฒั นำเทคโนโลยี กำรพฒั นำกำรคมนำคมขนส่ง เปน็ ตน้ • วัฒนธรรมไทยมองโลกแบบองค์รวม ทุกสิ่งหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่สำมำรถแยกออกจำกกันได้ โดยองค์ประกอบทง้ั หลำยมคี วำมสมดุล ช่วยจรรโลงโลกใหม้ ีควำมน่ำอยู่ ร่นื รมย์ และสงบสุข
๓ เนน้ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ • วฒั นธรรมสำกลเนน้ ทฤษฎแี ละกำรพิสูจน์บนพื้นฐำนของวทิ ยำศำสตร์ มีกำรตง้ั สมมติฐำน วเิ ครำะห์ สังเครำะห์ เพอื่ ให้ไดข้ ้อสรปุ ท่ีเปน็ เหตุเป็นผล นำไปใช้ในกำรพฒั นำเทคโนโลยีทีท่ นั สมัย เพ่อื ให้สอดคลอ้ ง กบั หลกั เทคโนโลยีขั้นสูง • วัฒนธรรมไทยเน้นควำมคิดควำมเช่ือตำมหลักธรรมทำงศำสนำ ยึดมั่นในควำมจริงควบคู่ไปกับแนวคิดทำง วิทยำศำสตร์ บนพื้นฐำนควำมสัมพันธ์ระหว่ำงมนุษย์กับมนุษย์ โดยครอบคลุมถึงเร่ืองกำรดำเนินชีวิต ทั้งท่ี เป็นรูปธรรมและนำมธรรม
แนวทางการอนุรกั ษว์ ัฒนธรรมไทยท่ดี ีงาม แนวทางในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรม • ศึกษำ คน้ ควำ้ และวจิ ัย วัฒนธรรมไทยและวฒั นธรรมท้องถนิ่ ท่ไี ดม้ ีกำรรวบรวมไว้แล้วและทีย่ ังไมไ่ ด้ ศึกษำ จะไดท้ รำบควำมหมำยและควำมสำคัญของมรดกวัฒนธรรมอยำ่ งถอ่ งแท้ เมือ่ ได้เหน็ คุณคำ่ จะ ยอมรบั และนำไปใชป้ ระโยชนใ์ ห้เหมำะสมและแพรห่ ลำย • ส่งเสรมิ ให้สมำชกิ ในสงั คมเลือกรับวัฒนธรรมจำกภำยนอกอย่ำงสร้ำงสรรค์ โดยนำมำประยุกต์ใช้ใหเ้ ข้ำกบั สภำพแวดลอ้ มและวัฒนธรรมดง้ั เดมิ ของชุมชน เพื่อรักษำเอกลกั ษณ์ของควำมเปน็ ไทยไว้ • ขยำยขอบเขตกำรมีสว่ นร่วมทำงวฒั นธรรม รณรงค์ให้ประชำชน เอกชน ตลอดจนหน่วยงำนของรัฐเหน็ ควำมสำคัญของวฒั นธรรมไทย นำไปส่กู ำรประสำนงำน กำรบริกำรควำมรู้ ตลอดจนกำรจดั กิจกรรมทำง วัฒนธรรม เป็นตน้ • ส่งเสริมกำรแลกเปล่ียนศลิ ปวฒั นธรรม ทง้ั ภำยในและภำยนอกประเทศ โดยใชว้ ัฒนธรรมเป็นสือ่ กลำงสรำ้ งควำมสมั พันธท์ ่ีดรี ะหว่ำงกัน
แนวทางในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรม (ตอ่ ) • สรำ้ งทัศนคติ ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ เกีย่ วกบั วัฒนธรรมวำ่ เปน็ ทรัพยส์ มบตั ขิ องทกุ คน ดังนั้น ทกุ คนจงึ มีหนำ้ ที่ ในกำรดแู ลรกั ษำวฒั นธรรมใหค้ งอยูส่ บื ไป • ส่งเสรมิ ใหป้ ระชำชนคนไทยรจู้ กั ใช้สทิ ธแิ ละหน้ำที่ของตนตำมระบอบประชำธิปไตย ตำมท่ีบญั ญตั ิไว้ ในรัฐธรรมนูญแหง่ รำชอำณำจกั รไทย พุทธศกั รำช ๒๕๕๐ เช่น สิทธใิ นกำรอนุรกั ษ์ฟน้ื ฟจู ำรตี ประเพณี ภมู ปิ ัญญำท้องถิน่ ศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น • จัดทำระบบเครอื ข่ำยสำรสนเทศทำงวัฒนธรรม เพ่อื เปน็ ศนู ย์กลำงในกำรเผยแพรข่ ้อมูล ประชำสัมพันธ์ งำนต่ำงๆ ท่เี กี่ยวกับวฒั นธรรม เพื่อใหป้ ระชำชนทั่วไปเข้ำใจและตระหนักถึงควำมสำคญั ของกำรอนุรักษ์ วัฒนธรรมไทย
วิธกี ารเลือกรบั วฒั นธรรมสากล การเลือกรับวัฒนธรรมสากลท่แี พรเ่ ข้ามาอย่างมีวิจารณญาณ อาจพจิ ารณาไดจ้ ากปัจจยั ดงั น้ี • วฒั นธรรมสำกลต้องสำมำรถผสมผสำนเขำ้ กับโครงสร้ำงทำงสงั คม คำ่ นิยม และขนบธรรมเนยี ม ประเพณีไทยได้ • วฒั นธรรมสำกลต้องมสี ว่ นเก้ือหนุนใหว้ ฒั นธรรมไทยเกดิ ควำมกำ้ วหน้ำ เช่น กำรนำวทิ ยำศำสตร์ เขำ้ มำใชใ้ นกระบวนกำรผลิต หรือกำรนำคอมพิวเตอรม์ ำใช้ในกำรเกบ็ และวิเครำะห์ขอ้ มลู เป็นตน้ • วัฒนธรรมสำกลตอ้ งสำมำรถอย่รู ่วมกบั วฒั นธรรมไทยได้ เม่ือมีวฒั นธรรมจำกภำยนอกเข้ำมำ ก็จำเปน็ ที่ จะต้องเลอื กสรรวฒั นธรรมมำปรบั ใช้อยำ่ งเหมำะสม เพอื่ ให้รอดพ้นจำกกำรครอบงำของวฒั นธรรมสำกล ที่มอี ทิ ธิพลมำกในยคุ ปจั จุบนั
หน้าที่พลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาเนินชวี ติ ในสงั คม หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑ หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี ๒ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๓ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๔ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๔ - ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี ๕ หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๖ หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๗ ๑_หลักสตู รวชิ าสังคมศึกษา ๒_แผนการจัดการเรยี นรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_Clip ๕_ใบงาน_เฉลย ๖_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๗_ การวดั และประเมนิ ผล ๘_เสรมิ สาระ ๙_สือ่ เสรมิ การเรยี นรู้ บรษิ ัท อกั ษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๓หน่วยการเรยี นรู้ท่ี พลเมอื งดี ของประเทศชาตแิ ละสงั คมโลก จุดประสงค์การเรยี นรู้ • ปฏิบัตติ นและมีส่วนสนับสนุนใหผ้ ้อู ื่นประพฤติปฏบิ ตั เิ พื่อเป็นพลเมืองดขี องประเทศชำติ และสังคมโลกได้
ความสาคญั ของพลเมอื งดี ดา้ นสงั คม • พลเมืองท่ดี ชี ่วยให้สงั คมมคี วำมสงบเรียบรอ้ ย • สังคมมีกำรพัฒนำได้อยำ่ งรวดเร็ว • มกี ำรแกไ้ ขปัญหำต่ำงๆ โดยใช้หลักเหตผุ ล • ชว่ ยลดควำมขดั แย้งและกำรใช้ควำมรนุ แรงในสงั คม ด้านเศรษฐกจิ • พลเมืองที่ดีจะประกอบสมั มำอำชพี สุจรติ • ดำเนนิ ชวี ติ ประจำวันอยบู่ นพ้ืนฐำนของหลกั ปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพียง • มีควำมประหยดั อดออม ไมใ่ ช้จำ่ ยเกินตวั และไม่กอ่ หน้ี • มคี วำมรว่ มมอื จำกทุกฝ่ำย เพือ่ สรำ้ งควำมเขม้ แข็งทำงเศรษฐกจิ ทั้งระดบั ครอบครัว ชมุ ชน และประเทศ ดา้ นการเมืองการปกครอง • พลเมืองดีจะเป็นผทู้ ี่เคำรพกฎหมำย • ปฏิบัติตนตำมวิถปี ระชำธปิ ไตย • รู้จกั สิทธแิ ละหนำ้ ท่ีของตนเอง ไมล่ ะเมดิ สทิ ธิของผอู้ น่ื
คณุ ลักษณะพลเมืองดี ๑ เป็นบคุ คลทเี่ คำรพกฎหมำย ๒ เปน็ บคุ คลที่เคำรพสทิ ธแิ ละเสรีภำพของตนเองและบคุ คลอืน่ ๓ เป็นบุคคลที่มีควำมรับผดิ ชอบตอ่ หนำ้ ท่ที ่มี ตี ่อครอบครัว โรงเรยี น ชุมชน ประเทศชำตแิ ละสงั คมโลก ๔ เป็นบุคคลท่มี ีเหตผุ ล ใจกว้ำง และรับฟงั ควำมคดิ เหน็ ของบคุ คลอนื่ เสมอ ๕ เป็นบุคคลทม่ี คี ณุ ธรรมและจรยิ ธรรมในกำรดำเนนิ ชีวติ ประจำวัน ๖ มีสว่ นรว่ มในกำรป้องกนั และแก้ไขปัญหำของชุมชน ประเทศชำติ และสงั คมโลก หรือองค์กรท่ีตนสงั กดั อยู่ ๗ มีสว่ นรว่ มในกระบวนกำรทำงกำรเมอื งกำรปกครอง
แนวทางการพัฒนาตนเปน็ พลเมอื งดีของประเทศชาติและสังคมโลก การเป็นสมาชิกท่ดี ขี องครอบครัว ตง้ั ใจศกึ ษาเลา่ เรยี น • ขยันหม่ันเพยี ร ศึกษำหำควำมรู้ เช่อื ฟังคาสอนของพ่อแม่ • หม่นั ทบทวนตำรำเรียนอยเู่ สมอ แบ่งเบาภาระของพอ่ แม่ • ประพฤตปิ ฏิบตั ิตนเป็นคนดขี องครอบครวั • ไม่กระทำเรือ่ งเส่ือมเสยี หรอื สรำ้ งควำมวุ่นวำยให้เกิดขึ้น ในครอบครัว • ชว่ ยเหลืองำนบำ้ นของพ่อแม่ • ชว่ ยประหยดั คำ่ ใช้จ่ำยภำยในบ้ำน
เชื่อฟงั คาสงั่ สอนของครูอาจารย์ การเปน็ สมาชิกทีด่ ีของโรงเรยี น เคารพและปฏบิ ัติตามกฎของโรงเรียน • มีสัมมำคำรวะ แสดงควำมเคำรพตอ่ ครอู ำจำรย์ รจู้ กั การเอื้อเฟอ้ื เผือ่ แผ่ • นำคำสง่ั สอนของครไู ปใชใ้ นกำรดำเนินชีวิต • แตง่ กำยถูกระเบียบตำมทโ่ี รงเรยี นกำหนด • มำโรงเรยี นและเข้ำเรียนตรงเวลำ • ไม่สร้ำงควำมเสียหำยแกส่ ำธำรณสมบัตขิ องโรงเรียน • มสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมต่ำงๆ ของโรงเรียน • มีนำ้ ใจชว่ ยเหลือครอู ำจำรย์และเพอ่ื นนักเรยี น • ช่วยกนั ดูแลรกั ษำโรงเรยี นใหส้ ะอำดเรยี บรอ้ ย
รกั ษาส่ิงแวดล้อม การเปน็ สมาชิกท่ีดขี องชมุ ชน เข้าร่วมกิจกรรมของชมุ ชน ช่วยกันสอดส่องดแู ลชุมชน • ช่วยกันอนรุ กั ษ์ทรัพยำกรธรรมชำติ • ไมท่ ิ้งเศษขยะลงในแมน่ ำ้ ลำคลอง • ชว่ ยกนั ดูแลรักษำสำธำรณสมบตั ิ • ร่วมกนั แก้ไขปัญหำและพัฒนำดำ้ นตำ่ งๆ ภำยในชมุ ชน • รวมกลุ่มกนั เพ่อื สร้ำงควำมเข้มแขง็ ภำยในชุมชน • ชว่ ยกนั สอดสอ่ งดแู ล ปอ้ งกันกำรก่ออำชญำกรรมใน ชุมชน • รว่ มกันปอ้ งกันไมใ่ ห้มียำเสพตดิ ภำยในชุมชน
มีคณุ ธรรม จริยธรรม การเป็นสมาชกิ ท่ีดีของประเทศและสงั คมโลก เคารพกฎหมาย • ไมเ่ บียดเบียนตนเองและผอู้ ่นื มสี ว่ นร่วมการเมอื งการปกครอง • ปฏิบัตติ นตำมหลักศลี ธรรม • มคี วำมเออื้ เฟอ้ื เผอื่ แผต่ ่อคนรอบข้ำง • ปฏิบตั ติ ำมระเบียบของสงั คม • ไม่กระทำกำรใดๆ ที่เป็นกำรละเมดิ กฎหมำย • ไปใชส้ ิทธิลงคะแนนเลอื กตั้งทกุ ครั้ง • ดำเนินชีวติ ตำมวิถปี ระชำธปิ ไตย • มีส่วนรว่ มแสดงออกทำงกำรเมอื งอย่ำงสรำ้ งสรรค์
คุณธรรม จริยธรรม ของการเปน็ พลเมืองดขี องประเทศชาติและสงั คมโลก การเห็นแกป่ ระโยชน์สว่ นรวม การรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผ้อู ่ืน • มีจิตสำธำรณะ • เคำรพในควำมคิดเหน็ ท่แี ตกตำ่ ง • รู้จกั เสยี สละประโยชนส์ ่วนตนเพื่อประโยชนส์ ่วนรวม • เปิดโอกำสใหผ้ ้อู ่ืนไดแ้ สดงควำมคดิ เหน็ อย่ำงเสรี • ใหค้ วำมช่วยเหลือคนรอบข้ำงและคนในสงั คมอยูเ่ สมอ • ยดึ หลักเสียงสว่ นมำกเพ่อื หำข้อยุตแิ ละเคำรพเสียง สว่ นน้อย
การมรี ะเบียบวนิ ยั และรับผิดชอบต่อหนา้ ที่ ความซอื่ สัตย์สุจรติ • เคำรพกฎระเบยี บและกติกำของสงั คม • ไม่เบยี ดบงั เอำทรัพย์สินของผ้อู น่ื มำเปน็ ของตน • ไมล่ ะเมดิ สิทธผิ ้อู ่นื และรู้จกั ปกป้องคมุ้ ครองสทิ ธิ • มีควำมซื่อตรงต่อหน้ำที่ท่ีไดร้ บั มอบหมำย เสรภี ำพของตนเอง • ปฏิบัตหิ นำ้ ทข่ี องตนเองอย่ำงเตม็ ควำมสำมำรถ
ความกล้าหาญและเชื่อมัน่ ในตนเอง ความสามัคคี • มีควำมกลำ้ ที่จะแสดงควำมคดิ เห็นในเชิงสรำ้ งสรรค์ • มคี วำมรกั ใคร่กลมเกลียวต่อคนรอบข้ำง • ไมย่ อมรบั หรอื สนบั สนนุ กำรกระทำที่ไม่ถกู ต้อง • ไมส่ รำ้ งควำมแตกแยกในสังคม • รว่ มแรงร่วมใจกันทำงำนเพอื่ พัฒนำประเทศชำติ
ความละอายและเกรงกลวั ในการกระทาชั่ว การส่งเสรมิ ใหค้ นดปี กครองบ้านเมอื ง • มีควำมซ่อื สตั ย์ • ประชำชนควรเลือกคนดีมคี วำมสำมำรถใหเ้ ข้ำไป • ปฏบิ ัตติ นโดยยดึ หลักในกำรดำเนนิ ชีวติ บริหำรบ้ำนเมือง • ละเว้นกำรกระทำในสงิ่ ไม่ดที ั้งหลำย • ควบคุมคนไม่ดไี ม่ใหม้ อี ำนำจทำงด้ำนกำรปกครอง
บทบาทหน้าทข่ี องพลเมืองดีตอ่ ประเทศชาตแิ ละสงั คมโลก บทบาทหน้าท่ขี องพลเมอื งดที างด้านเศรษฐกจิ ประกอบอาชพี สุจรติ • ดำรงชวี ติ ตำมหลกั เศรษฐกิจพอเพียง • รู้จกั เกบ็ ออมเงินเพือ่ ไวใ้ ชจ้ ำ่ ยในยำมจำเป็น ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั • มวี นิ ัยทำงกำรเงิน • ไมน่ ำเงินไปซอ้ื สง่ิ ของทไ่ี มจ่ ำเปน็ ไมอ่ ยำกไดใ้ นวัตถสุ งิ่ ของท่ีเกิน ฐำนะของตน เสยี ภาษอี ากร • ต้องทำกำรจ่ำยภำษีครบตำมจำนวน และตรงเวลำ • ไมก่ ระทำกำรใดๆ เพอ่ื เป็นกำรหลบเลยี่ งภำษี
บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดีทางด้านการเมอื งการปกครอง เคารพกฎหมาย • ปฏบิ ตั ติ ำมกรอบของกฎหมำยอยำ่ งเคร่งครัด • ไมก่ ระทำกำรใดๆ ท่ีละเมดิ ต่อกฎหมำยบ้ำนเมือง ร้จู กั ใช้สิทธิและหน้าทขี่ องตน • ปฏบิ ตั ติ นตำมบทหน้ำทีใ่ หด้ ที ี่สุด • รู้จกั ปกปอ้ งคมุ้ ครองสิทธิของตนเองและผ้อู นื่ อยำ่ งเหมำะสม ออกไปใช้สทิ ธเิ ลอื กตง้ั • ไปใชส้ ทิ ธิเลอื กตัง้ ทุกคร้งั เพื่อเลอื กคนดีเข้ำไปบรหิ ำร ประเทศ
บทบาทหน้าทข่ี องพลเมืองดีทางด้านสงั คมและวฒั นธรรม ชว่ ยเหลอื คนพิการและผูด้ ้อยโอกาส • มเี มตตำกบั ผู้ด้อยโอกำสท้ังหลำย • ไมล่ ะเมิดสทิ ธเิ สรีภำพของผพู้ กิ ำรหรอื ผู้ดอ้ ยโอกำส รกั ษาความสงบเรยี บร้อย • ไม่กอ่ ควำมวนุ่ วำย ที่ทำให้เกดิ ควำมขัดแย้งหรือทะเลำะวิวำทกันในสงั คม • หลีกเล่ียงกำรใช้ควำมรนุ แรงตดั สินปัญหำ อนรุ กั ษ์วฒั นธรรมไทย • อนรุ ักษแ์ ละสบื สำนวฒั นธรรมอันดีงำมของชำติ • ถำ่ ยทอดมรดกทำงวฒั นธรรมสบื ต่อไปยงั คนรุ่นหลงั
หนา้ ทพ่ี ลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชวี ิตในสังคม หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๑ หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๓ หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๔ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ - ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี ๕ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๖ หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๗ ๑_หลกั สตู รวชิ าสงั คมศกึ ษา ๒_แผนการจัดการเรียนรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_Clip ๕_ใบงาน_เฉลย ๖_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๗_ การวดั และประเมินผล ๘_เสรมิ สาระ ๙_สอ่ื เสริมการเรยี นรู้ บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๔หน่วยการเรยี นรู้ที่ สทิ ธมิ นุษยชน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ • ประเมินสถำนกำรณ์สทิ ธมิ นษุ ยชนในประเทศไทย และเสนอแนวทำงพัฒนำได้
ความหมายและความสาคัญของสทิ ธมิ นษุ ยชน • พระรำชบญั ญตั ิคณะกรรมกำรสทิ ธิมนษุ ยชนแหง่ ชำติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ไดใ้ ห้ควำมหมำยของสิทธมิ นษุ ยชนว่ำ หมำยถึง ศักด์ศิ รีควำมเป็นมนษุ ย์ สิทธิ เสรีภำพและควำมเสมอภำคของบคุ คลท่ีได้รับกำรรบั รองหรอื คุ้มครองตำมรัฐธรรมนญู แห่งรำชอำณำจักรไทย หรือตำมกฎหมำยไทย หรือตำมสนธสิ ญั ญำที่ประเทศไทยมีพันธกรณีทจ่ี ะตอ้ งปฏิบัติตำม ซงึ่ มคี วำมสำคัญ คือ ๑ มนษุ ย์ทกุ คนมีสทิ ธิ เสรภี าพในชีวิต สามารถปกป้องตนเองไดอ้ ย่างมีศกั ดิศ์ รี มอี านาจในการตดั สนิ ใจโดยอยู่ บนพน้ื ฐานของความถูกต้องและเปน็ ธรรม ๒ มนุษยท์ กุ คนมอี สิ ระทางความคดิ สรา้ งสรรคผ์ ลงาน ประดิษฐค์ ิดคน้ เทคโนโลยีทท่ี นั สมยั รวมทง้ั พัฒนา ศกั ยภาพของตนเองได้อย่างเสรี โดยไม่ละเมดิ สิทธขิ องบคุ คลอน่ื ๓ มนุษย์ทกุ คนมีคุณคา่ ในตนเอง มเี กยี รติภมู ทิ ่ีเกดิ เปน็ มนษุ ย์ ยอมรับความเปน็ มนุษย์ ศักดศ์ิ รี ชาติกาเนิด สิทธติ า่ งๆ ทม่ี พี น้ื ฐานมาจากความชอบธรรม ตามสิทธทิ ีไ่ ดม้ าตง้ั แตก่ าเนดิ
แนวคิดและหลกั การของสทิ ธมิ นุษยชน • คณะกรรมกำรสทิ ธิมนษุ ยชนแห่งชำติ เปน็ องคก์ รในกำรทำหนำ้ ทด่ี แู ลดำ้ นสทิ ธมิ นษุ ยชนในประเทศไทย โดยพระรำชบัญญัติ คณะกรรมกำรสทิ ธมิ นุษยชนแหง่ ชำติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ไดก้ ำหนดใหม้ ีหน้ำที่ในกำรส่งเสริมกำรเคำรพ และกำรปฏิบตั ติ ำมหลักสิทธิ มนษุ ยชนท้งั ในระดับประเทศและระหว่ำงประเทศ ดแู ลและตรวจสอบกำรกระทำ หรอื กำรละเลยกำรกระทำ อันเป็นกำรละเมดิ สิทธิมนษุ ยชน หรือที่ไมเ่ ป็นไปตำมพันธกรณรี ะหวำ่ งประเทศเกย่ี วกบั สิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเข้ำรว่ มเป็นภำคี • นอกจำกนปี้ ระเทศไทยเป็นประเทศภำคีช้ันแนวหน้ำขององค์กำรสหประชำชำตทิ รี่ ับรองหลกั กำรค้มุ ครองสิทธิมนษุ ยชน ท่สี มชั ชำใหญข่ ององค์กำรสหประชำชำตไิ ด้ประกำศไวใ้ น “ปฏิญญาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชนแหง่ สหประชาชาติ” ตัง้ แต่เม่อื วันท่ี ๑๐ ธนั วำคม พ.ศ. ๒๔๙๑ เพื่อเปน็ แนวทำงใหป้ ระเทศสมำชิกใชเ้ ป็นแนวทำงในกำรปฏิบัติตอ่ พลเมืองของตน และชำวตำ่ งชำติที่อำศยั อยู่ในประเทศของตน
ปฏญิ ญาสากลว่าดว้ ยสทิ ธิมนุษยชนแหง่ สหประชาชาติ ความเปน็ มา • ปฏิญญำสำกลว่ำดว้ ยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชำชำติ เปน็ ขอ้ ตกลงท่ีองค์กำรสหประชำชำติไดก้ ำหนดขน้ึ ในกำรวำงกรอบ เบอ้ื งต้นเก่ยี วกบั สทิ ธมิ นุษยชนและเป็นเอกสำรหลกั ดำ้ นสิทธิมนษุ ยชนฉบับแรก ซงึ่ ที่ประชมุ สมัชชำใหญแ่ หง่ สหประชำชำติ ใหก้ ำรรับรอง เพื่อให้ประเทศสมำชกิ ท้ังหลำยใช้เปน็ แนวทำงใน กำรคุ้มครองดแู ลสทิ ธแิ ละเสรีภำพของพลเมอื งในประเทศ ของตน
สาระสาคัญ • ปฏญิ ญำสำกลว่ำด้วยสทิ ธิมนุษยชนแห่งสหประชำชำติมวี ตั ถปุ ระสงค์และหลักกำรทวั่ ไปเก่ียวกบั มำตรฐำนดำ้ นสทิ ธิมนุษยชน แตไ่ ม่มีพันธะผูกพันในแงข่ องกฎหมำยระหว่ำงประเทศประกอบด้วยกำรรบั รองสทิ ธิมนษุ ยชนในดำ้ นต่ำงๆ จำนวน ๓๐ ข้อ สำมำรถนำมำจัดกลมุ่ ได้ เปน็ ๔ กลุ่ม คือ ๑ สิทธมิ นุษยชนเบื้องตน้ (ขอ้ ท่ี ๑-๓) ๒ สิทธิพลเมอื งและสิทธิทางการเมือง (ข้อท่ี ๔-๒๓) ๓ สิทธิทางเศรษฐกจิ สังคม และวฒั นธรรม (ขอ้ ที่ ๒๔-๒๗) ๔ หน้าที่และความรบั ผิดชอบของทกุ คนตอ่ ระเบยี บสงั คม และการรับรองสิทธิมนุษยชนและเสรภี าพพนื้ ฐาน ระหวา่ งประเทศ (ข้อที่ ๒๘-๓๐)
บทบัญญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยเก่ียวกับสิทธิมนุษยชน • ในรฐั ธรรมนญู แห่งรำชอำณำจกั รไทย ฉบบั ปจั จบุ ัน ได้ใหค้ วำมคุม้ ครองและสง่ เสริมสทิ ธิและเสรีภำพของประชำชนที่เปน็ รูปธรรม มกี ำรบัญญตั เิ กยี่ วกับคณะกรรมกำรสิทธมิ นษุ ยชนแห่งชำติไว้ในหมวด ๑๒ องคก์ รอิสระ ส่วนท่ี ๖ วำ่ ดว้ ยคณะกรรมำธิกำรสิทธิ มนุษยชนแห่งชำติ ตำมรฐั ธรรมนญู มำตรำ ๒๔๖ - ๒๔๗ โดยมีรำยละเอียด ดังน้ี คณะกรรมกำรสทิ ธมิ นษุ ยชนแห่งชำติ ประกอบด้วยกรรมกำร ๗ คน พระมหำกษัตริย์ทรงแต่งตั้งตำมคำแนะนำ ของวุฒิสภำ จำกผู้ซึ่งไดร้ ับกำรสรรหำทมี่ คี วำมรหู้ รือประสบกำรณ์ด้ำนกำรคุ้มครองสิทธิเสรีภำพของประชำชน เปน็ ทีป่ ระจักษ์ เป็นกลำงทำงกำรเมือง และซ่ือสัตย์สจุ ริต คณุ สมบัติ ลกั ษณะตอ้ งหำ้ ม และกำรพ้นจำกตำแหน่งของคณะกรรมกำรสิทธิมนษุ ยชนแห่งชำติ ใหเ้ ปน็ ไปตำม พระรำชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่ำดว้ ยคณะกรรมกำรสิทธิมนษุ ยชน กรรมกำรสิทธิมนุษยชนแหง่ ชำติมวี ำระกำรดำรงตำแหนง่ ๗ ปี นับแต่วนั ทพี่ ระมหำกษตั รยิ ท์ รงแตง่ ตงั้ และให้ ดำรงตำแหนง่ ได้เพยี งวำระเดยี ว สำนกั งำนคณะกรรมกำรสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชำตเิ ป็นหนว่ ยงำนทเี่ ป็นอสิ ระในกำรบรหิ ำรงำนบุคคล กำรงบประมำณ และกำรดำเนินกำรอ่ืน ท้ังนี้ตำมทีก่ ฎหมำยบัญญตั ิ
บทบาทขององค์การระหว่างประเทศในเวทโี ลกที่มผี ลต่อประเทศไทย สานักงานขา้ หลวงใหญ่ผ้ลู ี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) บทบาทหนา้ ที่ • ปกปอ้ งและสนบั สนนุ ในกิจกำรที่เกยี่ วขอ้ งกบั ผู้ล้ภี ยั ทวั่ โลก ตำมขอ้ เรยี กร้องของรัฐบำลในแตล่ ะประเทศ • เปน็ ผนู้ ำและประสำนงำนในกำรรวบรวมควำมช่วยเหลือจำกนำนำประเทศ เพอื่ แกไ้ ขปญั หำของผลู้ ้ีภยั ท่วั โลก • ให้ควำมชว่ ยเหลือตำมหลกั มนษุ ยธรรมแกผ่ แู้ สวงหำท่พี ักพิงและบุคคลไรร้ ฐั
องคก์ ารแอมเนสตี อินเตอรเ์ นชนั แนล (AI) บทบาทหนา้ ท่ี • เปน็ อำสำสมคั รระหว่ำงประเทศทีท่ ำงำนดำ้ นสทิ ธิมนษุ ยชน • มีบทบำทในกำรเผยแพร่และสนบั สนนุ ให้คนตระหนักถงึ กำรเคำรพหลกั สทิ ธิมนษุ ยชน • ให้ควำมร่วมมือกบั องคก์ ำรสหประชำชำติ องค์กรรัฐบำล และองคก์ รเอกชนระหว่ำงประเทศ เพอ่ื สนบั สนุนเร่ือง สิทธิมนุษยชน
องคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ (ILO) บทบาทหน้าท่ี • ช่วยเหลือผู้ใชแ้ รงงำนทวั่ โลกให้ได้รับควำมยุติธรรมจำกสงั คม • ช่วยให้ผูใ้ ช้แรงงำนมีคุณภำพชวี ติ ควำมเปน็ อยู่ กำรศึกษำ สำธำรณสขุ และกำรประกอบอำชีพทีด่ ีขึ้น • ขจัดควำมยำกจนและจดั ใหผ้ ้ใู ช้แรงงำนมีงำนทำ • สง่ เสรมิ กำรฝึกอบรมผใู้ ชแ้ รงงำนใหม้ ีประสทิ ธภิ ำพ • ดแู ลผู้ใช้แรงงำนให้ไดร้ ับควำมปลอดภัยจำกกำรทำงำน • สรำ้ งเสรมิ ประชำธปิ ไตยและคมุ้ ครองสทิ ธมิ นุษยชนของผู้ใชแ้ รงงำน
ปญั หาสทิ ธมิ นษุ ยชนในประเทศและแนวทางแกไ้ ขปญั หาและพัฒนา ปัญหาการละเมิดสทิ ธแิ รงงานขา้ มชาติ สาเหตุของปญั หา • กำรลักลอบเขำ้ มำทำงำนในประเทศไทยโดยผดิ กฎหมำย • เกิดชุมชนแออดั ในเมอื งหลวงและเขตอตุ สำหกรรม • เกดิ กำรแพรก่ ระจำยของโรคติดต่อจำกกลุ่มผใู้ ช้แรงงำน • เกิดปญั หำอำชญำกรรมและควำมรนุ แรง แนวทางการแก้ไข • กำหนดนโยบำยให้มกี ำรจดทะเบยี นแรงงำนขำ้ มชำติได้ตลอดท้ังปี • ภำครัฐจะตอ้ งจดั ทำกลไกคมุ้ ครองสทิ ธขิ องผ้ใู ช้แรงงำนตำมกฎหมำยที่แรงงำนสำมำรถเขำ้ ถึงไดจ้ ริง • มีมำตรกำรลงโทษท่ชี ัดเจนกบั นำยจำ้ งท่ฝี ่ำฝืนกฎหมำย
ปัญหาการละเมดิ สทิ ธิเด็กและเยาวชน สาเหตขุ องปัญหา • เดก็ ไม่ได้รับกำรศึกษำขัน้ พ้นื ฐำนจำกภำครฐั เช่น เดก็ พกิ ำร เดก็ ยำกจน • เดก็ ถูกปล่อยปละละเลยไมไ่ ดร้ บั กำรดูแลเอำใจใส่จำกครอบครวั • เด็กถกู กระทำทำรณุ กรรมจำกบคุ คลในครอบครวั หรือบคุ คลภำยนอก แนวทางการแก้ไข • ภำครฐั ควรมนี โยบำยจดั กิจกรรมเผยแพร่ควำมร้แู ละส่งเสริมสทิ ธิเด็ก • ประชำสมั พนั ธข์ ้อมูลข่ำวสำรเก่ยี วกับสทิ ธเิ ดก็ ออกส่สู ำธำรณะ • ประสำนควำมร่วมมอื ของทกุ ฝำ่ ยในครอบครวั และสงั คมในกำรแกไ้ ขปญั หำสทิ ธเิ ดก็
ปญั หาการละเมดิ สทิ ธสิ ตรี สาเหตุของปัญหา • กำรเลอื กปฏบิ ตั ิทไ่ี มเ่ ปน็ ธรรม • กำรถูกเอำเปรยี บในกำรจ้ำงงำนและสวสั ดกิ ำรต่ำงๆ • ควำมเข้ำใจทค่ี ลำดเคล่ือนเก่ยี วกับสทิ ธิของผชู้ ำยและผ้หู ญงิ แนวทางการแกไ้ ข • สง่ เสรมิ ควำมเสมอภำคเทำ่ เทียมกนั ของผชู้ ำยและผหู้ ญิง • ร่วมกนั รณรงค์ให้คนในสงั คมตระหนักถงึ คณุ ค่ำของเพศสตรใี ห้มำกขึ้น • มมี ำตรกำรคุ้มครองสิทธิสตรีอย่ำงเปน็ ระบบและมปี ระสทิ ธิภำพ
อปุ สรรคและการพฒั นาสทิ ธิมนุษยชนในประเทศไทย ภาคเอกชน ภาครฐั • สง่ เสริมและสนับสนนุ กระบวนกำรเรยี นรู้สิทธิมนุษยชนศกึ ษำ • สรำ้ งควำมตระหนักและจิตสำนกึ ของประชำชนตำมหลกั สิทธิมนษุ ยชน • เปิดโอกำสใหท้ ุกภำคสว่ นในสังคมมีส่วนร่วมในกำรปกปอ้ งคุ้มครองสิทธิ • ผลักดันกฎหมำยใหเ้ กดิ กำรคุ้มครองและพทิ กั ษ์สทิ ธอิ ยำ่ งเป็นรูปธรรมมนุษยชน • เผยแพรค่ วำมร้เู ก่ยี วกบั เร่ืองสิทธมิ นษุ ยชนใหก้ ับสมำชิกในสงั คม • สร้ำงควำมเขำ้ ใจและส่งเสริมแนวคิดสทิ ธิมนษุ ยชนให้แก่คนท่วั ไป • รณรงคใ์ หป้ ระชำชนตระหนกั ถงึ ควำมสำคัญของสทิ ธมิ นุษยชน • ให้ควำมร่วมมือกับหนว่ ยงำนของรัฐในเร่อื งสิทธมิ นษุ ยชน ทั้งดำ้ นข้อมูล เน้อื หำ และกำรจัดกจิ กรรม ที่สง่ เสริมดำ้ นสทิ ธมิ นษุ ยชน ภาคประชาชน • ปฏบิ ตั ิตำมกฎหมำยอย่ำงเคร่งครัด ใชส้ ทิ ธิและเสรีภำพตำมทีก่ ฎหมำยกำหนด • ไม่ละเมดิ สิทธแิ ละเสรภี ำพของบุคคลอ่นื • เคำรพในควำมเสมอภำคเท่ำเทียมกนั ของมนษุ ย์ • ให้ควำมร่วมมอื กับภำครัฐและภำคเอกชนในกำรส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
ขอ้ ตกลงระหว่างประเทศ ความหมายของข้อตกลงระหวา่ งประเทศ ข้อตกลงระหว่างประเทศหรือสนธสิ ญั ญามคี วามหมายตามทย่ี อมรบั กันทั่วไป ดังน้ี ๑ เป็นควำมตกลงระหวำ่ งรฐั หรือรฐั บำล หมำยควำมว่ำ สนธสิ ญั ญำนัน้ เกิดจำกกำรเหน็ พ้องตอ้ งกัน โดยหำก เปน็ ขอ้ ตกลง ของสองฝ่ำยจะเรียกว่ำ “ขอ้ ตกลงทวิภำคี” ถ้ำมผี เู้ ขำ้ ตกลงมำกกวำ่ สองฝ่ำยข้ึนไปจะเรยี กวำ่ “ขอ้ ตกลงพหุภาค”ี ตำมหลักกฎหมำยระหวำ่ งประเทศขอ้ ตกลงระหว่ำงประเทศจะทำเป็นลำยลกั ษณ์ อักษรหรือไมก่ ็ได้ ๒ ทำข้นึ ตำมกฎหมำยระหวำ่ งประเทศ ไมใ่ ช่ตำมกฎหมำยภำยในประเทศของรฐั ใดรัฐหนงึ่ ๓ มุ่งให้เกดิ ผลผกู พนั หรอื พนั ธกรณีตำมกฎหมำยระหวำ่ งประเทศ เช่น กอ่ ให้เกดิ พนั ธกรณที ่ีตอ้ งสง่ ผ้รู ้ำยข้ำม แดนให้แก่กัน หรือต้องนำขอ้ พพิ ำทเสนอตอ่ องค์กรระหว่ำงประเทศเพื่อวนิ จิ ฉัย เปน็ ต้น
ความสาคญั ของขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศ ข้อตกลงระหว่างประเทศเปน็ ประโยชนแ์ ละมีความสาคญั ต่อความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งรฐั ตา่ งๆ อยา่ งหลากหลาย ดังน้ี ๑ สำมำรถร่วมกันสร้ำงกฎเกณฑใ์ หม่ของกฎหมำย ใหท้ ันกับควำมตอ้ งกำรได้โดยไม่ตอ้ งรอให้ใชเ้ วลำพฒั นำ จนเกดิ เปน็ จำรีตประเพณเี สียกอ่ น ๒ กดิ กำรร่วมมอื กนั ทำกจิ กำรตำ่ งๆ ทีร่ ฐั ไมส่ ำมำรถทำตำมลำพงั ได้ เช่น รว่ มกันจดั ตง้ั องคก์ ำรสหประชำชำติ หรือในระดบั ภมู ภิ ำค เชน่ สมำคมอำเซียน เพ่อื ร่วมกันทำกิจกำรระดับโลก ๓ ช่วยระงบั ขอ้ พพิ ำทที่มีต่อกัน โดยตกลงแลกเปล่ียนผลประโยชนก์ นั หรอื หำกมีข้อขัดแย้งจนไม่สำมำรถ ตกลงกันได้ กอ็ ำจร่วมกนั แสวงหำทำงระงบั ขอ้ พพิ ำทโดยสันตวิ ธิ ี
หนา้ ทพ่ี ลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชวี ิตในสังคม หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๑ หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๓ หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๔ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ - ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี ๕ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๖ หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๗ ๑_หลกั สตู รวชิ าสงั คมศกึ ษา ๒_แผนการจัดการเรียนรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_Clip ๕_ใบงาน_เฉลย ๖_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๗_ การวดั และประเมินผล ๘_เสรมิ สาระ ๙_สอ่ื เสริมการเรยี นรู้ บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๕หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ระบอบการเมอื ง การปกครอง จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. วเิ ครำะหป์ ญั หำกำรเมอื งที่สำคัญในประเทศจำกแหล่งข้อมลู ตำ่ งๆพร้อมทัง้ เสนอแนวทำงแกไ้ ขช่ือขดุ ประสงคไ์ ด้ ๒. เสนอแนวทำงกำรเมอื งกำรปกครองท่ีนำไปสคู่ วำมเขำ้ ใจและกำรประสำนประโยชนร์ ่วมกันระหวำ่ งประเทศได้ ๓. วเิ ครำะห์ควำมสำคัญและควำมจำเป็นท่ีตอ้ งธำรงรักษำไว้ ซง่ึ กำรปกครองตำมระบอบประชำธปิ ไตย อนั มีพระมหำกษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุขได้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191