ผลบญุ คือกําลงั ชวี ิต สมดุลโลก สมดุลใจ สมดลุ ธรรม \"กฎแหง กรรม\" สําหรับคนรุนใหม พระภาสกร ภรู วิ ฑฒฺ โน (ภาวไิ ล) ผูแตง ISBN : 974-92690-0-4 พมิ พเ ผยแผโ ดย มลู นิธิธรรมวิหาร พระภาสกร ภรู วิ ฑฺฒโน ภาวไิ ล เลขทะเบียนเลขท่ี ชม 294 อาคารธรรมสถาน มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม วดั ฝายหิน มช. 67 หมู 1 บ.ฝายหิน ถ.สเุ ทพ ต.สุเทพ อ.เมอื ง จ.เชียงใหม 50200 โทร/แฟกซ : 053-943684 E-mail: [email protected] สถิติการพิมพ พมิ พค ร้ังที่ 1-2 พ.ศ. 2545-2546 จํานวน 13,000 เลม พิมพค รัง้ ที่ 3-13 พ.ศ. 2547-2549 จํานวน 76,555 เลม พิมพค รง้ั ท่ี 14-18 พ.ศ. 2550-2551 จาํ นวน 39,720 เลม พมิ พครง้ั ที่ 19-21 พ.ศ. 2552-2553 จาํ นวน 31,000 เลม พิมพคร้งั ท่ี 19 พ.ศ. 2555 จํานวน 28,000 เลม พิมพที่ โรงพิมพนันทพนั ธ เชยี งใหม 33/4-5 หมู 6 ถ.เชยี งใหม- หางดง ต.แมเ หยี ะ อ.เมือง จ.เชียงใหม 50100 โทร. 053-804908-9 แฟกซ 053-804958 www.nuntapun.com พระภาสกร ภรู ิวฑฺฒโน (ภาวไิ ล) ผลบุญคอื กาํ ลังชวี ิต
คํานาํ ในการพิมพค รง้ั ที่ ๒๒ หนังสือ ผลบุญคือกําลังชีวิต สมดุลโลก สมดุลใจ สมดุลธรรม “กฎแหงกรรม” สําหรับคนรุนใหม ไดรับความนิยมจากทานผูอานเปน อยางมาก หลายทานอานแลวเกิดปติยินดี มีความเขาใจในกฎแหงกรรม ในทางพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น มีจิตศรัทธามหากุศล ขอเปน ตนบุญ จัดพิมพหนังสือนี้ เพื่อเผยแผแจกจายใหแกญาติมิตร จึงไดมาขออนุญาต เพ่อื พิมพเผยแผ อาตมาจึงอนุญาตเพ่ือดาํ เนินการไปตามประสงค อาตมภาพหวังวา หนังสือซ่ึงเปนนวัตกรรมรวมสมัยเลมน้ี ท่ีนําเอา ปรัชญาเชิงวิทยาศาสตร มาอธิบายกฎแหงกรรม อันเปนกฎธรรมชาติ แหงเจตนาและการกระทําอยางชัดเจนน้ี จะสามารถเปนสะพานเช่ือมตอให คนรุนใหม ท่ีกําลังแสวงหาแนวทางการดําเนินชีวิต ไดนํานาวาชีวิตของตน ฝามรสุมคลื่นลมพายุแหงขาวสารขอมูลจอมปลอม ที่พัดกระหนํ่าชีวิตให ซวนเซเสียหลัก ออกนอกลูนอกทาง หรือพลาดพลั้งบาดเจ็บ ไดกลับมาสู คลองธรรมอันถูกตอง มีความกาวหนา และพัฒนาไปสูความสิ้นทุกขแทจริง ในเบื้องหนา อาตมภาพขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และบุญบารมีธรรม ท้ังปวงท่ัวสากลโลก จงปกปกรักษาใหคณะเจาภาพ ผูมีจิตศรัทธารวม จัดพิมพฯ ตลอดจนทานผูอานทุกทาน จงเปนผูมีความสุขสวัสดี มีโชคชัย ในครรลองที่ถกู ตอง ตรงศลี ตรงธรรม ตรงทาง จงทัว่ หนา กนั เทอญ... โมทนาสาธุ โมทนาสาธุ โมทนาสาธุ พระภาสกร ภูริวฑฒฺ โน (ภาวิไล) ประธานกรรมการ มูลนธิ ิธรรมวหิ าร ภ.ภ.ภ. ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕
พระภาสกร ภรู ิวฑฒฺ โน (ภาวิไล) ผลบุญคอื กาํ ลงั ชวี ติ
พระภาสกร ภรู ิวฑฒฺ โน (ภาวิไล) ผลบุญคอื กาํ ลงั ชวี ติ
กาลามสูตร หลักความเชอ่ื - วิธปี ฏิบัตใิ นเร่ืองที่ควรสงสยั พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจา ทรงตรัสเรื่องของวิธีปฏิบัติใน 1 เรือ่ งที่ควรสงสยั หรอื หลกั ของความเช่ือ ไวในพระสูตรชื่อกาลามสตู ร วา ๑. อยาปลงใจเช่อื ดวยการฟงตามๆ กนั มา ๒. อยา ปลงใจเชอ่ื ดวยการถอื สบื ๆ กันมา ๓. อยา ปลงใจเช่อื ดว ยการเลา ลือ ๔. อยาปลงใจเชอ่ื ดวยการอางตําราหรอื คมั ภรี ๕. อยา ปลงใจเชือ่ เพราะตรรก ๖. อยา ปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน ๗. อยาปลงใจเชอ่ื ดว ยการคิดตรองตามแนวเหตผุ ล ๘. อยา ปลงใจเชือ่ เพราะเขาไดก ับทฤษฎที ่ีพินิจไวแลว ๙. อยาปลงใจเชือ่ เพราะเห็นรูปการณว า นา จะเปน ไปได ๑๐. อยาปลงใจเช่อื เพราะนบั ถือวา ทา นสมณะน้เี ปนครูของเรา ตอเม่ือใดที่รู และเขาใจดวยตนวา ธรรมเหลาน้ันเปนกุศล เปน อกุศล มโี ทษ ไมมโี ทษ เปนตนแลว จงึ ควรละหรือถอื ปฏิบตั ิตามนัน้ 1 ในบาลีเรยี กวา เกสปตุ ตยิ สตู ร มาใน พระสุตตนั ตปฎ ก องั คตุ ตรนิกาย ติกนิบาต
ลกั ษณะตัดสินพระธรรมวนิ ัย ๘ พระพุทธองคทรงตรัสแก พระนางมหาปชาบดโี คตมี วา ธรรมเหลาใดเปนไปเพื่อ (๑) วริ าคะ ความคลายกาํ หนดั ความไมต ดิ พนั เปน อสิ ระ ไมเปน ไปเพอ่ื กําหนัดยอ มใจ หรือเสริมความตดิ (๒) วิสังโยค ความหมดเครือ่ งผกู รดั ไมป ระกอบทกุ ข (๓) อปจยะ ความไมพอกพนู กเิ ลส (๔) อัปปจ ฉตา ความมักนอย ไมมกั มาก (๕) สันตุฏฐี ความสันโดษ พอใจในผล อนั สมดวยเหตุ (ตามมีตามได) (๖) ปวเิ วก ความสงดั ไมค ลุกคลดี ว ยหมู (๗) วริ ยิ ารัมภะ ประกอบความพากเพยี ร ไมเ กยี จครา น (๘) สภุ รตา ความเล้ียงงาย ธรรมเหลานน้ั พงึ รูวา เปนธรรม เปน วนิ ัย เปนสัตถสุ าสน คอื คําสอน ของพระศาสดา วินย. ๗/๕๒๓/๓๓๑ ; องฺอฏฐก. ๒๓/๑๔๓/๒๘๙. ลกั ษณะตดั สนิ พระธรรมวนิ ยั ๗ พระพุทธองคท รงตรัสแก พระอบุ าลี วา ธรรมเหลา ใดเปน ไปเพอ่ื (๑) เอกันตนพิ พิทา ความหนายส้นิ เชงิ , ไมห ลงใหล เคลบิ เคล้ิม (๒) วริ าคะ ความคลายกําหนัด ไมยึดติดรดั ตัว เปน อิสระ (๓) นิ โรธะ ความดบั , หมดกิเลส หมดทกุ ข (๔) อปุ สมะ ความสงบระงบั (๕) อภญิ ญา ความรูยิง่ , ความรชู ดั (๖) สัมโพธะ ความตรสั รู (๗) นพิ พาน ความ ดับกิเลสสน้ิ เชงิ สขุ สงบเย็น ธรรมเหลาน้นั พึงรวู า เปน ธรรม เปนวินัย เปน สตั ถสุ าสน คือคําสอน ของพระศาสดา อง.ฺ สตฺตก. ๒๓/๘๐/๑๔๖ พระภาสกร ภรู ิวฑฺฒโน (ภาวิไล) ผลบุญคือกําลงั ชวี ิต
สารบัญ หนา ๑. แงมมุ ชวนสงสัย ในเรอื่ งกรรม 1 10 ๒. สมดลุ โลก 32 35 ๓. ของฟรไี มมีในโลก อยากเฮงตองลงทนุ 41 ๔. ตารางบุญเปรยี บเทียบ 49 ๕. จะทาํ อยา งไร กับกรรมชั่วท่เี ราเคยทําเอาไว 54 ๖. แกก รรมน้ันทําไดห รอื ไม 66 68 ๗. สมดลุ ใจ 83 ๘. ทฤษฎสี มดุลใจ 87 ๙. ทฤษฎสี มดลุ ใจ ในกรณีของคนทั่วไปทยี่ งั ไมต าย 105 107 ๑๐. สมดุลธรรม การพนไปจากวฏั สงสาร 111 ๑๑. เร่อื งอจนิ ไตย ววิ ัฒนแ หงชีวิต 113 114 ๑๒. คาํ ถามวัดผล 117 ๑๓. พิธขี ออโหสิกรรมใหญ เพ่ือความไมประมาท ๑๔. คําประกาศใหอโหสกิ รรม ๑๕. คาํ สมาทานศีล และหริ ิโอตตัปปะ ๑๖. ศรัทธารว มพิมพ ๑๗. ประวตั ผิ เู ขยี น *************
หมายเหตุ :โมทนาสาธกุ ับ อ.พรศิลป รัตนชเู ดช, คณุ มาโนช กลิ่นทรพั ย และทานอ่นื ๆ ท่ีมไิ ดก ลาวนาม ทเี่ มตตาเอื้อเฟอ ภาพประกอบภายในเลม พระภาสกร ภูรวิ ฑฺฒโน (ภาวไิ ล) ผลบุญคือกําลงั ชวี ติ
ผลบญุ คือกาํ ลังชีวิต บทวดิ ที ศั น เรอ่ื ง สมดุลโลก สมดุลใจ สมดลุ ธรรม โดย พระภาสกร ภูรวิ ฑฒฺ โน (ภาวิไล) แงม มุ ชวนสงสัย ในเรอื่ งกรรม ส่ิงที่เราจะนํามาศึกษากันในวันนี้ คือเรื่องของ “กฎแหงกรรม” หรือ ที่อาตมาต้ังชื่อเปนอัตโนมัติวา “สมดุลโลก-สมดุลใจ” และบทสรุปของ กฎแหงกรรม ที่อาตมาใหชื่อวา “สมดุลธรรม” โดยมุงหมายใหพวกเราไดแก ขอ สงสัยในเรื่องของ กฎแหง กรรม ในชวี ิตประจําวัน ในเมื่อเราไดมีโอกาสเกิดเปนชาวพุทธ ในประเทศไทย ซ่ึงมี พระพุทธศาสนาเปนศาสนาประจําชาติ ศาสนาพุทธซึ่งเปนรากฐานของ วัฒนธรรมและความเปนอยูของชาวไทย ท่ีบรรพบุรุษของเรา ไดเอาเลือดเนื้อ และชีวิต เขา ปกปอ งรกั ษาไว เพ่อื เปน มรดกตกทอดสบื ตอมาจนถึงพวกเรา จึงถือไดวาเราเปนผูมีบุญ คือมีโอกาสไดเรียนรูแนวทางการ ดําเนินชีวิตที่ถูกตอง จากหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ต้ังแตเม่ือครั้งยัง เปนเด็ก จากครอบครัว สังคม สถานศึกษา คือโรงเรียนตางๆ รวมท้ังวัดวา อาราม ที่อยใู นละแวกบา นใกลเคยี ง แตตลอดมา ก็ยังมีปญหาบางประการ ที่เรายังหาคําตอบท่ีลงใจ หรือยอมรับไมได โดยเฉพาะท่ีเกี่ยวกับเร่ืองของ “กฎแหงกรรม” ท่ีมี ปรากฏในชวี ิตประจาํ วันของพวกเรา... สมดลุ โลก สมดุลใจ สมดลุ ธรรม 1 แงมุมชวนสงสัยในเรือ่ งกรรม
แมวาในทางพระพุทธศาสนา จะมีคําตอบสําหรับเรื่องเหลาน้ีอยู แลว แตบางกรณี เม่ือเกิดความสงสัยข้ึน หันไปถามใคร ก็ไมไดรับคําตอบท่ี ลงใจไดส กั ที ยกตัวอยางเชน สมัยท่ีเราเปนนักเรียน เราไดเรียนกันในเรื่องของ “องคุลิมาล” องคุลิมาลเปนใคร องคุลิมาลเปนมหาโจรใจโหดราย ซึ่งฆาคน ไปไมนอยกวา ๑,๐๐๐ คน แลวองคุลิมาลฆาคนเหลาน้ันไปเพ่ืออะไร? ก็ เพอื่ ใหตนน้ันไดม โี อกาสเลา เรยี น วิชาพิเศษสุดยอดบางอยา งจากอาจารย ท่ีเปนเชนนั้น ก็เพราะอาจารยขององคุลิมาล หูเบา หลงเช่ือบรรดา ศิษยคนอื่นๆ ท่ีมีใจริษยาตอองคุลิมาล โดยกลาวหาวา องคุลิมาล อกตัญู คิดรายตออาจารย อาจารยจึงคิดอุบายกําจัดองคุลิมาล โดยต้ังเงื่อนไขวา ถา องคุลิมาลอยากจะเรียนวิชาพิเศษสูงสุด จะตองไปฆาคนใหครบ ๑,๐๐๐ คน แนน อน... การฆาคนต้ัง ๑,๐๐๐ คนนั้น เปนเร่ืองโหดราย โดยเฉพาะอยางยิ่ง เปนการฆาคนเพื่อประโยชนของตนเองโดยเฉพาะ ไมใชเพื่อปองกันตัว หรือ ปกปองประโยชนของสังคมบานเมือง องคุลิมาลฆาคน ๑๐๐๐ คน เพ่ือให ตนเองไดเรียนวิชาพเิ ศษสูงสุด ถามวายุติธรรมหรือไม? แตปญหาคางใจมันอยูตรงที่ เขาบอกวา... สุดทาย องคุลิมาล ได บวชเปนพระภิกษุ และบรรลุธรรมเปนพระอรหันต และหลังจากบรรลุธรรม เปนพระอรหันตแลว วิบากกรรมของการฆาคนพันกวาคน ก็กลายเปน อโหสิกรรม ยกเลิกกันไป สวนท่ีเหลืออยู ก็เปนเพียงเศษกรรม คือเวลาที่ พระภิกษุองคุลิมาล จาริกเขาไปในหมูบาน หรือออกไปบิณฑบาต มักจะถูก ไมบาง กอนหินบาง ที่ชาวบานขวางปา นก หนู อะไรตางๆ ลอยไปกระทบ ศรี ษะทาน จนหัวแตกเลอื ดอาบอยูบ อ ยๆ แตป ญหากค็ อื แลวทานละ คิดวามันยุติธรรมหรือไม ที่เหยื่อของ องคุลิมาล ตอ งมาตายฟรี เพราะถึงแมองคุลิมาลจะไดเขนฆา ลางผลาญชีวิตคนไปกวาพันคน แตพอไดบรรลุธรรมเปนพระอรหันต กรรมทั้งหลายก็กลายเปนอโหสิกรรม เหลือเศษกรรมเพยี งแคห ัวแตกเทานน้ั เอง พระภาสกร ภรู ิวฑฒฺ โน (ภาวไิ ล) 2 ผลบญุ คือกาํ ลังชีวิต
ถาเชนนั้นทานลองพิจารณากรณีนี้เปนตัวอยาง ใครจํากรณี ฆาตกรรมท่ีจังหวัดสงขลาไดบาง ท่ีนายศักดิ์ ปากรอ จับเอาพอ-แม-ลูก ครอบครัวบุญทวี แขวนคอกับราวบนั ได หอยโตงเตง ๕ ศพ ถามวา … ถาวันน้ี นายศักดิ์ ปากรอ เดินออกมาจากคุกท่ีคุมขัง แลวบอกวา “บัดนี้ ขาพเจาได บรรลธุ รรมเปนพระอรหันตแลว ฉะน้ัน ขาพเจาจึงไมสมควรตองติดคุก หรือ ถูกประหาร เพ่อื ชดใชห นกี้ รรมเหลา นนั้ ” ถามใจของพวกเราดูวา เราจะยอมไหม? ท่ีจะปลอยใหนายศักดิ์ ปากรอ ลอยนวลไปโดยไมตอ งชดใชผลกรรม เราจะยอมไหม? ไมยอม... ใครจะไปยอม ในเม่ือความรูสึกของเรามันคัดคานอยูวา มันเปนไปไมได เรายอมไมได ตอใหเอ็งบรรลุธรรม เปนถึงพระอรหันต แลวก็ตาม แตน่ันเปนความสุขเฉพาะตัวของเอ็ง แตไมไดเก่ียวกับพวกขา สักหนอย ยิ่งถาเหย่ือหรือผูเคราะหราย ที่ถูกนายศักดิ์ ปากรอ ฆานั้น เปน พอ -แม-พี่-นอ ง ของเราละ เราจะยอมหรอื เราคงไมย อมแนๆ เร่ืองคาใจอยางน้ี จะหาคนตอบคําถาม หรือแกขอสงสัยใหจะแจง จนเกิดความลงใจหายสงสัยนั้น ไมใชเรื่องงาย ซ่ึงอาตมาจะตอบอยางไรนั้น ขออบุ ไวก อน เพ่อื จุดประเดน็ ความสงสัยใครรู ใหท านไดติดตามตอไป ยงั มอี กี หลายเรื่องทน่ี าสนใจ และนา สงสัยดว ย เชน ท่ีเขาบอกวา “ถา เราโชคดีไดทําบุญ กับนาบุญดีๆ ดังเชน อริยบุคคลผูที่บรรลุธรรม เปน พระอรหันตแลว แมตักบาตรถวายขาวเปลาเพียงทัพพีเดียวกับทาน ก็ สง ผลใหรํ่ารวยมหาศาล ไมร กู รี่ อยชาติ แลว ยตุ ธิ รรมหรือ! จรงิ หรือ! เปนไปไดอยางไร ตักบาตรเพียงทัพพีเดียว แลวสงผลใหร่ํารวย มโหฬาร เกดิ ชาติไหนก็เปน คนรวย มนั เปนไปไดอ ยา งไร ? สมัยท่ีอาตมภาพยังไมไดบวช ยังไมมีความเขาใจ ก็เคยคิดปรามาส วา สงสัยพระพุทธเจาทานคงจะหวง กลัววาสาวกของทานจะอดอยาก ก็เลย แตงเรื่องหลอกใหคนมาทําบุญ แตท่ีจริงไมใช มันเปนเร่ืองจริง มันมี กฎเกณฑเ หตผุ ลอยูเบ้ืองหลัง ซงึ่ สามารถอธิบายใหเ กดิ ความชัดเจนได ขอให รอฟงกอ นวา มนั เปนไปไดอ ยางไร สมดลุ โลก สมดลุ ใจ สมดุลธรรม 3 แงม ุมชวนสงสยั ในเรือ่ งกรรม
นอกจากน้ี ในชีวิตจริงของเรา เราก็พบเร่ืองราวตางๆ ประเภทท่ีวา คนบางคนต้ังใจทําความดีมาตลอดชีวิต แตชีวิตก็ยังเหลวแหลก เอาดีไมได ทําอะไรก็ไมข้นึ แตทําไมคนบางคน ท้ังชีวิตทําแตเรื่องเลวๆ เร่ืองชั่วๆ แตชีวิตมัน กลบั เจริญข้ึนๆ ทกุ วนั มนั ขดั กบั ความรูสกึ ไหนบอกวา ทําดีไดดี ทาํ ชว่ั ไดชว่ั แลวทาํ ไมจึง เปนเชนน้ันเลา! ถามจริงๆ เถอะ ที่วาทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว มันไดดี อยางไร มันไดชั่วไดอยางไร มันมีกฎเกณฑหรือมีธรรมชาติอยางไร? ที่ไป ทําให ทําดแี ลวไดดี ทําชว่ั แลว ไดชั่ว ธรรมชาติของมนั เปนเชน ไร? หรือวามีทานสุวรรณกับสุวาน คอยจดบัญชีทองคําและบัญชีหนัง หมา วา ถา เราทาํ ดอี ยางน้ี จะไดดีอยางน้ี เราทาํ ชั่วอยางนี้ จะไดช วั่ อยา งน้ี ลองนกึ ดสู ิวา ท่ีเขาบอกวาเจตนาคอื กรรม ถา เราทาํ ดี ก็คอื มีเจตนาดี เปนหลักใชไหม ถาทําช่ัว ก็คือมีเจตนาชั่วเปนหลักใชไหม แลววันหน่ึงๆ เรา ไดคิดดีหรือมีเจตนาดีกี่ครั้ง เราไดค ดิ ช่วั หรือมเี จตนาชัว่ ก่คี รง้ั ถามวา… จะตองมีทานสุวรรณกับสุวานอีกสักกี่คน ถึงจะมาน่ัง จดบัญชบี ุญบัญชีบาปของเรา ท่ีเราสรา งขน้ึ ในหน่ึงวนั นีไ่ หว น่เี พียงแคเรา คนเดยี วนะ อีกประการหน่ึง เปรียบเหมือนกับการเรียนหนังสือ การท่ีเรา สามารถอานหนังสือตางๆ ได ครูจะสอนใหเรารูจักหลักภาษาไทย คือรูจัก พยัญชนะ สระ วรรณยุกต ตัวสะกด อีกท้ังการเขียน การผสม และการอาน ออกเปนเสียงตางๆ จึงทําใหเราสามารถอานตัวหนังสือเปนคําตางๆ ได แมว าเราจะไมเ คยเห็นคําๆ นั้นมากอ นเลยก็ตาม ทา นเหน็ คํานไี้ หม อา นวาอยา งไร สวสั ดี อา นวา สะ-หวัด-ดี ใชไ หม? ทานอานออกเสียงไดเพราะอะไร? ก็เพราะทานเคยเรียน ก.ไก ข.ไข มากอน เรียนสระพยัญชนะตางๆ มากอน ทานจึงสามารถอานออกเสียงวา “สะ-หวัด-ด”ี พระภาสกร ภูรวิ ฑฺฒโน (ภาวิไล) 4 ผลบญุ คอื กาํ ลงั ชวี ิต
แตถ าสมมตุ วิ า ทา นตองเรียนหนังสือโดยไมเรียน ก.ไก ข.ไข โดยไม เรยี นสระพยญั ชนะ แตใ ชวธิ ีจําภาพตัวหนงั สือเอา อันนี้ อาทิตย อานวา อา-ทิด นะ จําไว คําน้ี สวัสดี อานวา สะ-หวัด-ดี ใชวิธีจําเอา ถามวานานแคไหนจึงจะสามารถอานหนังสือภาษาไทยออก นาน เทาใดจึงจะอานคลอง โดยเฉพาะถาตองเรียนโดยวิธี จําภาพเอา ไมไดเรียน ก.ไก ข.ไข... อยางน้ี แมตลอดชีวิต ก็ยังไมแนใจวาจะอานหนังสือออก หรอื ไม? การศึกษาในเร่ืองของกฎแหงกรรมที่แลวมาก็เชนกัน เราหาความรู เก่ียวกับกฎแหงกรรม โดยวธิ ีดูกรณีตวั อยา ง คือดูวา คนๆ นี้ ทําความชั่วอยางน้ี จึงไดผลอยางนี้ คนๆ น้ัน ทํา ความเลวอยา งนน้ั เวลาทีจ่ ะตาย มันมีอาการทุรนทรุ ายอยางนั้นอยา งนี้ คนๆ น้ี มันเชือดไกทุกเชา เวลาท่ีจะตายก็มีอาการเหมือนไกที่กําลัง ถูกเชือด ดวยการตามดูและรูเห็นอยูเชนน้ัน เราถึงจะเร่ิมกลัว เราถึงจะเริ่ม หวาดระแวงวา กรรม และผลของกรรมนัน้ มนั มีจรงิ แตข อถามวา ทาํ ไมมนั ถึงไดเ กดิ ปรากฏการณเชน น้ัน? ในชวงชีวิตของเรา เราไมสามารถท่ีจะติดตามดูกรรม และผลของ กรรมท่ีเกิดขึ้นไดในทุกกรณี เชนเขาทําเหตุคือกรรมอะไร แลวสุดทายเขา ไดรบั ผล คอื วิบากของกรรมน้ัน มากนอ ย หรือหนักเบาอยา งไร ฉะน้ัน ส่ิงที่เราจะศึกษากันในวันนี้ก็คือเร่ือง “อะไร คือ ก.ไก ข.ไข ของกฎแหงกรรม” โดยจะเร่ิมจากพื้นฐาน คือ พยัญชนะ สระ ตัวสะกด วรรณยุกต แลวจึงไปถึงหลักเกณฑของการผสมสระและพยัญชนะ เรียกวา จนกวาเราจะสามารถอานออก คือสามารถที่จะวิเคราะหพฤติกรรม ของ กฎแหง กรรมได สมดลุ โลก สมดุลใจ สมดลุ ธรรม 5 แงมมุ ชวนสงสยั ในเรื่องกรรม
ทีน้ีก็มาถึงเรื่องสําคัญที่เราจะมาพูดกันในวันน้ี เรื่องของ “กรรม” กรรม คือการกระทํา กระทําดวยกาย ดวยวาจา ดวยใจ เมื่อเรานําเอา ประสบการณตรง ท่ีเกิดข้ึนจริงในชีวิตของเรา มาศึกษาวิเคราะหดู เราจะ พบวา การกระทําของเราสวนใหญน้ัน เริ่มตนมาจากการ “คิด” กอน เพราะมีการคิด จึงสงผลใหเกิดการ “กระทํา” ขึ้น น่ีเปนมาตรฐาน อันดับ แรกๆ คิด ทาํ ปกติการท่ีเราจะมาพูดคุยกัน ก็มีความตั้งใจเกิดขึ้นกอนแลววา ออ! วันนี้นะ ท่ีเราจะมาพูดคุยกันในเร่ืองของ “กรรม” คือการกระทํา... หรือเร่ือง อะไรตา งๆ นี่ ก็คือ มกี ารคดิ แลวจงึ มีการกระทาํ คือเราต้งั ใจจะมาฟงธรรม ก็ พากันมาฟงธรรมกันท่ีวดั ทีธ่ รรมสถาน อยางนเ้ี ปนตน เราจะคยุ กบั เพือ่ น เราก็ตอ โทรศัพทไ ปหาเพื่อน แลวก็คุยกัน น่ันคือ มีความคิดความตั้งใจ หรือเจตนาเกิดข้ึนมาในใจของเราแลว เราจึงได มีการ กระทําทางกาย ทางวาจาตางๆ เชนหมุน หรือกดหมายเลขโทรศัพท ไปคุย กับเพ่ือน นี่คือ การกระทําโดยท่ัวไป ซ่ึงมีการต้ังเจตนาเกิดขึ้นมาจากใจ แลว จึงสงผลไปสูการกระทํา ไมคิด ทํา อีกกรณีหนึ่งคือ “ไมคิด” แตก็มีการกระทําเกิดข้ึน เปนอยางไร? ก็คือการกระทําที่ไมประกอบดวยเจตนา ยกตัวอยางเชน เราไปเที่ยวกัน หลังจากรับประทานขาวกลางวัน เราก็รับประทานกลวย แลวโยนเปลือกกลวย ทิ้งเอาไวแถวนน้ั จากน้นั เรากไ็ มไดกลับไปสถานทท่ี อ งเที่ยวแหงน้นั อีกเลย พระภาสกร ภรู วิ ฑฒฺ โน (ภาวไิ ล) 6 ผลบญุ คอื กาํ ลงั ชวี ิต
เราลืมไปแลววา เราไดเคยไปทานขาวกลางวัน ณ สถานที่แหงน้ัน และไดโยนเปลือกกลวยท้ิงเอาไว ซ่ึงเปลือกกลวยอันนั้นนั่นแหละ ไดมีคุณ ยายแกๆ เดินมา เผลอเหยยี บเปลือกกลวยน้นั จนล่ืนหกลม หัวฟาดพนื้ ตาย... ตลอดชีวิตของเรา เราไมเคยรูดวยซํ้าไป วามีคนตายเพราะเปลือก กลวยท่ีเราไดโยนทิ้งไว แตคุณยายก็ตองมาตาย ดวยผลจากการที่เราโยน เปลอื กกลวยทิ้งไว ถามวา เรามีเจตนาอยากจะใหใครตายไหม? ในขณะที่เราโยน เปลือกกลวยอันนัน้ ทิง้ แนน อน เรายอ มไมม ีเจตนา แตผลท่ีเกิดขึ้นก็คือ มีคน ตายเพราะการกระทาํ ของเรา เน่ืองจากเปลอื กกลว ยอนั ทเี่ ราโยนทง้ิ ไว นี่ก็เรียกวา แมไมมีเจตนา ไมไดมีการรับรูเสียดวยซํ้าไป จิตไมได สนั่ สะเทอื นเพราะการรบั รูเ ร่ืองนีเ้ ลย แตก ็สงผล คือการตายของคนอืน่ นึกถึงวา ถาเราขับรถชนคนตายโดยไมเจตนา อยูๆ เขาก็ว่ิงตัดหนารถ โดยที่เราหามลอ ไมท ัน โครม... ตาย... เราไมไดคิดอยากจะใหเขาตาย เราไม อยากท่ีจะฆาเขา เราไมอยากเห็นอะไรที่เลวรายเชนนั้น แตมันก็เกิดข้ึน คือ “คนๆ หน่ึงตองตายไป” ถามวา... เราจะตองเดือดรอนไหม กับการตายของ คนๆ นนั้ แนนอน… เม่ือมีเหตเุ กิดขน้ึ ยอมมผี ลตามมา คอื เราจะตองไปข้ึนโรงข้ึนศาล เสียคาปรับสินไหม คาทําศพคาอะไร ตางๆ มากมาย และเผลอๆ จะตองติดคุกติดตะรางดวย นั่นแหละ ถามวา มีเจตนาไหมละ! แมไมมีเจตนา แตก็มีการกระทําเกิดข้ึน นี่ก็เปนอีกลักษณะ หน่ึงของกรรม ในความหมายของการกระทํา ท่ีเกิดขึน้ ในโลกนี้ กรณีท่ี ๓ คดิ แตไมทํา คดิ ไมท าํ สมดลุ โลก สมดลุ ใจ สมดุลธรรม 7 แงมุมชวนสงสยั ในเร่อื งกรรม
อันนี้มีไหม? มี... วันหน่ึงๆ เราคิดไมรูกี่รอยก่ีพันเรื่อง เจตนาในใจ ของเรามีการเปล่ียนแปลงไปตางๆ นานา เม่ือเชานี้นอนคิดเรื่องอะไรหนอ เร่ืองเกาๆ เมื่อยี่สิบปที่แลว สมัยเม่ือยังเปนหนุม ตามจีบสาว อะไรตางๆ จติ มคี วามสุขรา เริงมาก ทงั้ ๆ ทเี่ ร่อื งนน้ั กจ็ บไปนานแลว วนั หน่งึ ๆ เราคิดถึงเรอ่ื งอะไรตา งๆ มากมาย บางทีก็ขุดเอาเรื่อง เกา ๆ เนา ๆ มาคิด เรื่องท่ผี า นพนไปแลว แตย งั มีอทิ ธิพลทาํ ใหจิตของเรา เศรา หมอง ไมส ดใส เพราะปรงุ แตงเจตนาไปในทางอกศุ ล มาดูวาเกิดอะไรข้ึน ๓ หัวขอนี้ หนึ่ง มีการคิด แลวก็ทํา นี่เปนขอที่ หน่ึง, สอง แมไมไดคิด แตมีการกระทําเกิดขึ้น, สาม มีการคิด มีเจตนา เกดิ ข้นึ แตไมม ีการกระทาํ ที่สงผลไปกระทบภายนอก แลวถา อาตมา ขดี เสนผาลงมาตรงกลาง กระทบใจ ๑. คดิ แลว ทาํ กระทบโลก ๒. ไมค ิด แลวทาํ ๓. คดิ แลวไมทํา อะไรเกิดขึ้น เกิดการแยกเปน ๒ ขาง ขางขวามีการกระทําเกิดขึ้น ๒ คร้ัง แนนอนเมื่อมีการกระทํา ไมวาจะดวยกายกรรมหรือวจีกรรมก็ดี ดวย กายหรือดวยปาก เชนพูดจาดี มีความไพเราะออนหวาน หรือพูดจาไมสุภาพ ไปดาวาบุพพการีของเขาเขา หรือกระทําดวยกาย ไปทุบตี ฆาฟน ลักขโมย ผิดประเวณี ด่ืมสุรายาเมา อะไรตางๆ ที่เปน การกระทําทางกาย หรือวาจา น้นั ยอมสงผลไปกระทบกับโลก กลา วคือสิ่งแวดลอ มภายนอกของเรา แตอีกซีกหนึ่งนั้น มีการคิดเกิดขึ้น ๒ ครั้ง เม่ือเรามีการคิด คนอ่ืน เดือดรอนกับการคิดของเราไหม? ตราบใดท่ียังไมมีการกระทําออกไป ยัง ไมไดพดู ออกไป การคดิ ของเราจะสงผลไปกระทบใคร ก็สงผลกระทบแต กับ “ใจ” ของเราน่ันเอง พระภาสกร ภูริวฑฺฒโน (ภาวไิ ล) 8 ผลบญุ คือกําลงั ชวี ิต
ฉะนั้นเม่ือมีแตการคิด ก็กระทบแตใจของตนเอง ตอเมื่อมีการ กระทําเกิดข้ึน จงึ จะกระทบโลก... กระทบตอสิ่งแวดลอ ม... น่ีแหละคือ ที่มาของ “สมดุลโลก สมดุลใจ” คือการแยกคิด แทนท่ีจะมองทุกอยางโดยรวมเขาดวยกัน แลวสับสนปนเปจนแยกไม ออก เรากลับนํามาแยกคิด พิจารณาในแตละเรื่องใหช ัดเจน นี่คือ “วิภัชวาท” การจําแนกแยกแยะ แลวพิจารณาหาเหตุผล ซ่ึง เปน ลักษณะเดนของพระพทุ ธศาสนา ในซีกขวา มีการกระทําเกิดขึ้น ๒ คร้ัง ซึ่งสงผลกระทบตอโลก และ ส่ิงแวดลอม แนนอน การกระทําทางกายและวาจาของเราใดๆ ก็ตาม ยอม กอ ใหเกิดความเปลยี่ นแปลงตอ โลกและสง่ิ แวดลอม ทานเคยไดยินสํานวนท่ีวา “เด็ดดอกไม สะเทือนดวงดาว” บางไหม มันตอเน่อื ง เชอื่ มโยงถึงกันหมด และอาจส่ันสะเทือนไปถึงในอีกหลายลานป ขางหนา แมผลทีส่ งอาจจะนอ ยมากเสียจนไมร ูวา มันสะเทอื น แตมันกส็ งผล เพราะธรรมชาติ คือโลกแหงสิ่งปรุงแตงนี้ ทุกส่ิงทุกอยางลวน เปนไปตามหลัก “ปจจยาการ” มีความเปนเหตุปจจัยเชื่อมโยงถึงกันหมด ในกรณนี ้ี โลกเกิดการเปลย่ี นแปลงหรือสน่ั สะเทือน เพราะการกระทําของเรา นี่คือที่มาของ “ทฤษฎีสมดุลโลก” ซึ่งทฤษฎีนี้ไมเคยมีมากอน 1 อาตมาจึงถือโอกาส ขอใหมาดูวา ทฤษฎีนี้ จะสามารถ ประกาศการคนพบ ตอบคําถาม คอื สิ่งท่เี ราสงสัยไดไ หม อีกซีกคือซีกซาย เม่ือใจเรามีเจตนาการคิดนึกปรุงแตง สิ่งท่ีเกิดขึ้น คอื ความสน่ั สะเทือนตอใจ ทําใหใจสดใสบาง เศราหมองบาง ผันแปรไป ใจท่ี สั่นสะเทือนเปล่ียนแปลงไปนั้น มีอิทธิพลอยางยิ่งตอวิถีชีวิตของเรา ปรากฏการณในซีกน้ี อาตมาจะใช “ทฤษฎีสมดุลใจ” ท่ี อาตมา ก็คนพบ อีก เชนกนั แลวนาํ มาใชในการใหค าํ อธบิ าย “สมดลุ โลก” และ “สมดลุ ใจ...” 1 เพ่ือปอ งกันการ ละเมดิ ลขิ สิทธทิ์ างปญญา และเปนเคร่ืองยนื ยันภมู ิปญ ญาไทย วา มไิ ดด อ ยกวาฝรง่ั ชาตติ ะวนั ตก ท่จี ะสามารถสงั เคราะห คนคดิ ความรใู หมๆ ขึน้ มาได สมดุลโลก สมดลุ ใจ สมดุลธรรม 9 สมดลุ โลก
สมดุลโลก ในชวงแรกจะอธิบายทฤษฎี “สมดุลโลก” กอน วาเปนอยางไร จะนําไปอธบิ ายปรากฏการณธรรมชาติเก่ียวกับกรรม คือการกระทําท่ีปรากฏ ในชวี ติ ของเราไดอยา งไร อะไรคอื “สมดลุ โลก” ถาเราใชระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร เมื่อใดท่ี มีปญหาสงสัย การจะหาคําตอบหรือแกปญหาน้ัน ก็จะตองตั้งสมมุติฐาน ข้ึนมากอน แลวนําสมมุติฐานน้ันไปพิสูจนทดลอง เพื่อตอบปญหาน้ันๆ ใน แงมมุ เง่ือนไขตา งๆ กนั ซึ่งถาเปนสมมุติฐานท่ีถูกตอง สามารถใหคําตอบหรือแกปญหา นั้นๆ ได สมมุติฐานนั้นก็จะไดรับการยอมรับเปนทฤษฎี และจากทฤษฎี ถา ไดรับการยอมรับยิ่งๆ ข้ึนไปเปนสากล ก็จะไดรับการรับรองนับถือเปนกฎ คอื กฎของธรรมชาตินนั่ เอง ทฤษฎี “สมดุลโลก” มีสมมุติฐานอยูวา “ระหวางเรา กับโลก หรือ ส่ิงแวดลอมนั้น ตางฝายตางรักษาดุลยภาพระหวางกัน” คือตางฝายตางไม อยากยงุ กัน หรอื ความทีม่ ีเสถยี รภาพระหวา งกันและกัน แลวเราคือใคร เราก็คือ “ใจ” หรือตัว “ผูรู” น่ันแหละ เราแทจริงก็ คอื “ใจ” นี้ แตไ มใชห วั ใจทเี่ ตนตบุ ๆ นะ พระภาสกร ภรู ิวฑฺฒโน (ภาวไิ ล) 10 ผลบุญคือกาํ ลังชีวติ
“ใจ” หรือ “จติ ” คอื สงิ่ ท่ีนึกคิด รสู กึ ได ท่เี ราสมั ผสั รูสึก คลายกับ วาจะเปนตัวตนของเรา “ใจ” ท่ีกําลังรับรู ระลึก คิดนึก ปรุงแตง เสวย อารมณ และจดจําอยูนี่ไง ใจ ที่อาศัยรางกายน้ีมาเปนสิ่งแวดลอมช้ันแรก เปรียบเสมอื นหุนยนต ทใี่ จของเราเขา มาควบคุมบงั คับเทานน้ั เอง ใครเคยดูการตูนญ่ีปุน ที่หุนยนตมีคนบังคับอยูขางใน แลวมาตอสู กัน มันก็คลายๆ กัน น่ีคือเรามาควบคุมอาศัยรางกาย รางกายเปน สิ่งแวดลอมชั้นแรกของเรา แลวเราก็ยังอยูกับส่ิงแวดลอมอ่ืนๆ อีก อยางเชน พอแม พ่ีนอง คนอื่นๆ สังคม ส่ิงแวดลอม และโลก อะไรตางๆ เหลาน้ี ท้ังหมด ถือวาเปน “โลก” หรือ “สิ่งแวดลอม” ทั้งสิ้น แมกระทั่งรางกายนี้ ก็เปนสวนหน่ึงของโลกดวย เพราะเรายืมโลกมาใช แตเพื่อใหภาพดูงาย ชัดเจนข้ึนกวาน้ี เรายนยอตัวเราเหลือเพียงแค จุดๆ เดียว แลวส่ิงแวดลอม ก็คือ เสน กรอบส่เี หลีย่ มรอบนอกน้ี สมมตุ ฐิ านของสมดลุ โลกมีอยูวา “ระหวางเรากับโลก ตางฝายตาง รักษาเสถียรภาพระหวางกัน” เม่ือใดก็ตามท่ีเรามีการกระทํา การกระทํา ของเรายอมสงผลใหเ กดิ ความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับโลก ฉะนั้นเม่ือมีการกระทําเกิดขึ้น โลกจึงตองกระทบ คือเปลี่ยนแปลงไป เพราะการกระทาํ ของเรา สมดุลโลก สมดลุ ใจ สมดลุ ธรรม 11 สมดุลโลก
ดังน้ันสํานวนที่วา “เด็ดดอกไม สะเทือนดวงดาว” จึงเปนส่ิงที่ เปนไปได เพราะการกระทําอะไรของเราก็แลวแต มันยอมสงผลตอโลก หรือ สงิ่ แวดลอมภายนอกเสมอ แตเพราะระหวางเรากับโลกหรือสิ่งแวดลอมนั้น ตางฝายตางรักษา เสถียรภาพระหวางกัน ไมอยากยุงเกี่ยวกัน ดังน้ัน เม่ือเราทําความ เปล่ียนแปลงใหเกิดกับโลกเทาใด โลกก็จะคืนกลับแกเรา เทากับความ เปล่ียนแปลงทโี่ ลกไดร ับเสมอ จึงถือเปนหลักไดวา “หากเราทําความเปล่ียนแปลงใหเกิดข้ึนกับโลก มากแคไหน โลกก็จะคนื กลับ เทา กับความเปลีย่ นแปลงท่ีโลกไดรบั เสมอ” เรา หรือใจเรานี้ อาศัยรางกายน้ีอยู เม่ือเราทําความเปลี่ยนแปลง กระทบโลก โลกเปลี่ยนแปลงไปเทาไรก็แลวแต โลกจะคืนกลับในสัดสวน เทากบั ความเปลยี่ นแปลงท่ีโลกไดรับเสมอ แตอยาลืม เราเอาอะไร ท่ีไปทําความเปลี่ยนแปลงใหเกิดกับโลก เอารางกายนี้ไปทําไมใชหรือ เอาปากไปดาแมเขา เอารางกายไปชกตอยเขา แนนอน เวลามันตียอนกลับมา มันก็โดนรางกายน้ีกอน เราก็โดนดาบาง โดน ชกบา ง หกู ็ชา หนา ก็โดนตอยแหก พระภาสกร ภรู ิวฑฺฒโน (ภาวิไล) 12 ผลบุญคือกาํ ลังชีวติ
น่ีเกิดจากอะไร เกิดจากการที่เราเอารางกายนี้ไปกระทํากับเขากอน รางกายน้ีจึงกลับเปนเปา เปนผูถูกกระทํา เพราะเราไดอาศัยรางกายน้ีไป กระทาํ กระทบกระท่ังกับโลกนัน่ เอง เพื่อใหเขาใจงาย ยอตัวเราเหลือเพียงแคจุด นึกเสียวา น้ีคือตัวเรา เราทําความเปล่ียนแปลงใหเกิดกับโลกในทางออนโยน นุมนวล เบาสบาย... โลกจะทําอยางไรกับเรา โลกจะคืนกลับในสัดสวนเทากับที่โลกเปลี่ยนแปลง ไป และในทิศทางเดียวกันดวย คือเปนความออนโยน น่ิมนวล เบาสบาย ยอนกลับมาหาเรา แตถาเราทําความกาวราว รุนแรง เห้ียมโหด กับโลก โลก จะคืนกลบั ดวยความกา วราว รุนแรง และเหีย้ มโหด เชนเดียวกัน ถาเราแบงตรงกลางในแนวนอน ใหซีกขางบนเปนบวก ซีกขางลาง เปนลบ ซีกบนที่เปนบวก ก็คือซีกของความออนโยน นุมนวล เบาสบาย เปน ส่ิงท่ีเราชอบ เราพอใจ บอกวา “ทําดี-ไดดี” เราเรียกความออนโยน นุมนวล เบาสบาย วา เปนความดี เพราะใหผลเปน ความสุขความเจริญ เราบอกวาความกาวราวรุนแรง ท่ีทํารายเบียดเบียนชีวิตกัน ฆา ฟน กัน เผาผลาญ ทําลายขาวของตางๆ ของกันและกัน เหลาน้ัน วาเปน ความช่ัว บอกวา “ทําช่ัว-ไดชวั่ ” สมดลุ โลก สมดลุ ใจ สมดลุ ธรรม 13 สมดลุ โลก
เอา! โมเมเอางายๆ เลยหรือ วา “ทําดี-ไดดี” “ทําช่ัว-ไดชั่ว” อยางนมี้ นั กม็ สี วนถกู แตไ มไ ดถ ูกหมดทั้ง ๑๐๐ % ปญหาอยูที่ ชีวิตของเรามันไมไดงายๆ อยางนี้ ชีวิตคือการเดินทาง มันเดินทางจากเวลาหน่ึง ไปสูอีกเวลาหนึ่ง เดินทางอยางไร เดินทางไปบน เสนของกาลเวลา ทุกๆ วนั น้ี เวลามันเคล่ือนไป เราก็เคลื่อนชีวิตไปพรอมๆ กับเวลาที่ ดําเนนิ ไป เมื่อเราทําความดี มันตองใชระยะเวลาหนึ่ง เพ่ือกอผลดีใหกระทบ ตอโลก แนนอน มันจะตองสงผล แตผลจะปรากฏได ก็ตองใชเวลาไปอีก ระยะหนึ่ง คือกวาความดีท่ีเราทําจะเกิดผลกระทบตอโลก เปนลูกโซไปจนถึง ที่สุด แลว จงึ ทยอยสง ผลยอ นกลบั มาหาเรา ฉะนั้น การ “ทําดี-ไดดี” จึงสงผลใหไดดีในอนาคต เม่ือเราทําความ เปลี่ยนแปลงใหเกิดกับโลก ในทางท่ีออนโยน นุมนวล เบาสบาย มันก็จะ ใหผลยอนคนื กลับมา เปน ความออ นโยน นมุ นวล เบาสบาย เชนกัน... ถาทําช่ัว “ทําชั่ว-ไดชั่ว” ก็เปนการไดช่ัวในอนาคต แลวแต วา ชั่วเร็ว ช่ัวชา ช่ัวมาก หรือช่ัวนอย ถาทําช่ัวมากๆ ก็ไดผลมากๆ ถาทําช่ัว รุนแรง ก็สงผลรุนแรง ความกาวราว รุนแรง เห้ียมโหดประการใด ท่ีเรา กระทําตอโลก โลกยอมคืนกลับมาสูเรา เปนความกาวราว รุนแรง เห้ียมโหด เชน เดยี วกนั แตใ นอนาคต พระภาสกร ภรู ิวฑฺฒโน (ภาวไิ ล) 14 ผลบุญคอื กาํ ลังชวี ิต
จากรูป สังเกตอะไรอยางหนึ่งไหม... ทําดี ก็ไดดีในอนาคต ทําชั่ว ก็ไดชั่วในอนาคต แตท้ังสองดานคือ ดานท่ีกระทบโลก และดานที่โลก คืนกลับมาสูเรานั้น มีขนาดเทากัน น่ันเปนเพราะอะไร เพราะโลก เปล่ียนแปลงไปเทาใด โลกยอมคืนกลับมา เทากับความเปล่ียนแปลง ทโ่ี ลกไดรับเสมอ มนั จงึ มขี นาดเทากนั เทา กบั ท่ีโลกเปล่ยี นแปลงไป ฉะน้นั ทาํ ดีไดด ใี นอนาคต ทําช่ัวก็ไดชั่วในอนาคต เชนเดยี วกนั โลกเปลี่ยนแปลงไปแคไหน โลกคืนกลับ เทากับความเปลี่ยนแปลง ท่ีโลกไดรับเสมอ ถาเชนนั้น ทําดีมาก ก็จะไดรับผลดีมาก ทําช่ัวมาก ก็จะ ไดร บั ผลช่ัวมาก ขน้ึ อยกู บั วา โลกเปลี่ยนแปลงไปมากหรือนอย เรว็ หรือชา ถงึ จดุ นี้แลว จากรูปน้ี ขอถามทานท้ังหลายวา จากประสบการณในชีวิตของทาน สมมุติวา นี่คือเวลาท่ีทานทั้งหลายเกิดข้ึนบนโลก ขอใชคําวา T-born แลวนี่คือเวลา ปจ จบุ นั ใชคําวา T-now ในชีวิตของเรามีไหม ที่ทําดีแลวไดดี เกิดข้ึนในชีวิตของเรา ซึ่งเห็น ผลไดชัดๆ เชน เราขยันอานหนังสือ เราสอบได เราพูดจาไพเราะกับเขา เขาพูดจาไพเราะตอบ อะไรตางๆ ที่ทําดีแลวไดดี ท่ีสงผลชัดเจนในซีกโลก จริงๆ มีไหม สมดุลโลก สมดุลใจ สมดุลธรรม 15 สมดลุ โลก
อยาบอกวา ทําดีแลวไดดีท่ีใจนะ เพราะกรณีน้ัน แยกไปอยูในเรื่อง ของ “สมดุลใจ” ตอนน้ี เรื่องของใจไมเก่ียว ดูเฉพาะผลในซีกโลก เชน ต้ังใจ ทําการงาน ไดร บั เงินตอบแทนดี ไดรับคําชมเชยมากมาย มีจริงไหม... สิ่งเหลานี้ เกิดข้ึนจริงๆ ในชีวิตของเรา... ฉะน้ัน การทําดีไดดี ทําช่ัวไดช่ัว มีปรากฏเปน จริงในชวี ิตของเรา ทําชั่ว ไดช่ัว อยางเห็นผลมีไหม... เตะหมา แลวหมากัดมีไหม มี... เปนเรอ่ื งปกติ ไปขัดขาเขา เขายอนกลับมาชกหนา มีไหม มันก็มี... แลวมีบางไหม ที่เราทําความดี จนปานน้ีแลวยังไมเห็นผล ก็มี ใชไหม... บางอยางที่เราทําไปแลว บางอยางทําบุญถวายทานไปแลวตั้ง มากมาย จนปานนีย้ ังไมเ หน็ ผลเลย ก็ยงั มี... มีไหมท่ีทําความช่ัว แอบทํา ไมมีใครรูใครเห็น ก็ยังไมมีอะไร เปลี่ยนแปลงในชีวิตของเรา แตกเ็ สยี วๆ อยูเหมือนกนั ... มันก็ม.ี .. ในชีวิตเรามีไหม ที่วันดีคืนดี อยูๆ ก็มีโชคมีลาภ โดยท่ีเราเองก็ไมรู วา เราไปทาํ ความดีอะไรเอาไว ต้ังแตเมื่อไร... แลวมีบางไหม ท่ีเปนวันหอนคืนโหด วันซวยคืนซวย อยูๆ รถสิบลอ ก็วิ่งเขามาเสยเรา โดยท่ีเราไมรูวา เราไดเคยไปทําความช่ัวอะไรเอาไว ตั้งแต เมือ่ ไร... พระภาสกร ภรู วิ ฑฺฒโน (ภาวไิ ล) 16 ผลบุญคือกําลังชีวิต
จากหลักสมดุลโลกท่ีพูดไวต้ังแตแรกวา ทุกอยางเร่ิมตนจากเรา เราทํากระทบโลก แลว โลกคนื กลบั สเู รา ถาสมดลุ โลกเปนจริง สิ่งท่ีเรียกวาโชคดี หรือ “เฮง” และโชคราย หรอื “ซวย” นนั้ มาจากไหน? เปนไปไดไหม ท่ีอดีตกอนหนานั้น มีชวงเวลาที่เราเคยมีชีวิตอยู กอนท่ีจะมาเกิดในชาตินี้ และทําสิ่งท่ีเรียกวา “ความดี ความชั่ว” กระทบกับ โลก แลวสง ผลสะทอนกลับมายงั เรา ถา ทฤษฎีสมดุลโลกถูกตองและเปนจริง เวลากอนการเกิดก็เปนจริง คือมีชวงเวลากอนหนาน้ัน ที่... เราเคยมีชีวิตอยูในโลกน้ี เคยทําดี ทําชั่ว มากอน และสงผลใหเกิดสิ่งที่เรียกวาโชคดี คือ “เฮง” และสิ่งท่ี เรียกวา โชคราย คอื “ซวย” ใหมาเกดิ ข้ึนกบั เรา ในชาตปิ จจุบัน สมดลุ โลก สมดุลใจ สมดุลธรรม 17 สมดลุ โลก
แลวสมมุติวา ถาหากวันพรุงน้ี เปนวันท่ีเราจะตองตาย ขอใชคําวา T-death นะ แลว ส่งิ ทเ่ี ราทําเอาไว ไมวา จะเปนความดี หรือความช่ัว ท่ียังไมได รับผลในชาตปิ จ จุบนั มนั จะสงผลตามไปถงึ เรา ทไี่ หน เมอ่ื ไร ถาทฤษฎีสมดุลโลกถูกตองและเปนจริง มันยอมสงผลไปในอนาคต หลังจากความตายของเรา ซ่ึงหมายความวา... เราจะมีชีวิตตอไป หลังจาก เราตายไปแลว ก็คอื มชี าตติ อๆ ไปนน่ั เอง ดังนั้น ถาทฤษฎีสมดุลโลกเปนจริง คือ... สิ่งที่เราทํา กอผลใหโลก เปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน โลกก็จะคืนกลับมาสูเรา เทากับความ เปลยี่ นแปลงท่ีโลกไดรับเสมอ น่นั หมายความวาอยา งไร หมายความวา ถาทฤษฎีสมดลุ โลกถูกตอง และเปนจริง ชีวิตกอนการเกิดก็ตองมีไดและเปนจริง ถาชีวิตกอนการเกิด เปนจริงได ชวี ติ หลังความตาย ก็ตองมี และเปน จริงไดเ ชน เดียวกัน แลว วงจรชวี ติ ของเรามันเปน อยา งนห้ี รอื เปลา ใหใชความคิด ไมไดใหเชื่อนะ พระพุทธศาสนาไมเคยบังคับใหใคร เชื่อ แตใหพิจารณา แลวเลือกเอาส่ิงท่ีเปนประโยชนมาใชกับชีวิต ซึ่งตัวทาน เอง ควรจะเปน ผูตอบคําถามนีด้ วยตนเอง จากภาพที่เห็น คือชวงชีวิตของคนเรา เปนชวงๆ มีตําแหนงที่เรา ตาย-เกิด ๆ เชือ่ มระหวางชวงตางๆ ชีวิตจึงเหมือนกับลูกโซ มีตาย-มีเกิด มี เกิด-มีตาย มีชวงชีวิตท่ียาวบาง สั้นบาง แลวแตวาเราทํากรรมอะไรเอาไว มากหรอื นอ ย... พระภาสกร ภรู วิ ฑฒฺ โน (ภาวิไล) 18 ผลบญุ คือกาํ ลงั ชีวิต
มกี ารทํากรรมตา งๆ ทกุ วัน กรรมที่ใหผลดีบาง กรรมที่ใหผลช่ัวบาง บางทีก็สงผลไปยาวๆ บางทีก็สงผลไปในระยะส้ันๆ นัวเนียกันไปหมด ขอ ถามวา แลวชวี ิตของเราเปน เชนนี้ ใชห รือไม ? เม่ือเรารูอยางน้ีแลว ความรูเชนน้ีจะตอบคําถามอะไรใหแกเราได บาง แนนอนการรูจักชีวิต รูจักธรรมชาติ ไมใชรูเพื่อท่ีจะโออวดวาเราเกง หรือฉลาดกวาใคร แตรู เพ่ือทําชีวิตของเราใหมีความสุขเพิ่มข้ึน มีทุกข นอยลง เรียกวา รู เพอื่ ใชใ หเกดิ ประโยชน มาดูวาประโยชนอะไรที่เราจะไดรับ จากความรูเหลานี้ ในชีวิตของเราเคยเห็นไหม คนบางคนทําความชั่ว ทําความระยําตํา บอนตางๆ แตทําไมเขาถึงเจริญรํ่ารวย มีเกียรติยศ มีหนามีตาอยูในสังคม... นน่ั เปนเพราะบุญเกาของเขา มนั ยังสง ผลอยู ตอนที่เขาทาํ ความดีอยางต้งั อกต้ังใจนัน้ เราไมไดเห็น เราเห็นแตสิ่ง ท่ีกําลังเกิดข้ึนในปจจุบัน ในชวงชีวิตสั้นๆ อันใกลของเขาเทานั้นเอง อดีต กอนหนาของเขาน้ัน เราไมมีโอกาสไดรูเห็น แมอนาคตหลังจากปจจุบันนี้ไป แลว เรากย็ งั ไมเหน็ อีกเชน กัน ในปจจุบันน้ี เราเห็นอยูเพียงแคน้ี แหม... ไอคนน้ีมันเลวจริงๆ มัน ทําแตความช่ัว เราไมไดเห็นตอนที่เขาเคยต้ังอกต้ังใจทําความดี ตอนที่เขา ยอมสละชวี ิตเพ่อื ชาติ หรือทําความดีอะไรตางๆ เหลา น้นั เราไมไดเ ห็น สมดลุ โลก สมดลุ ใจ สมดลุ ธรรม 19 สมดุลโลก
เพราะเราเห็นชวงชีวิตส้ันเหลือเกิน นิดเดียวเทานั้น เราไมไดเห็น ตลอดสายยาวๆ เหมือนอยางท่ีเราเห็นในภาพ ดังน้ันในปจจุบันนี้ คนบาง คนกาํ ลังทาํ ความช่ัวชาเลวทรามอยู แตขณะเดียวกัน ก็กําลังเสวยผลจาก ความดขี องเขาในอดตี เชนกัน คนสองคน คนหน่ึงเปนลูกของรัฐมนตรี แตอีกคนหนึ่งเปนลูกของ ตาสีตาสา สองคนดนั ไปเตะกนตํารวจเหมือนกัน ถามวา แลวผลท่ีเกิดข้ึน จะ เหมอื นกันไหม ลกู ตาสตี าสาจะเปนอยางไร ปานน้ีถูกยิงหัวกระจุยไปแลว แต ถา เปน ลูกของรัฐมนตรี เขากจ็ ะวา “ไมเปน ไรหรอก หยอกกันเลน ๆ เทานั้น” แลวอะไรที่มันแตกตางกัน เพราะลูกของรัฐมนตรีน้ัน บุญเกาของ เขายังสงผลอยู ซึ่งก็คือ ความเปนลูกของรัฐมนตรีนั่นเอง แตถาสมมุติวา วันน้ีลูกรัฐมนตรีท่ีเตะกนตํารวจ แลวตกเย็นมา พอของเขามีอันหลุดจาก ตาํ แหนง ถกู จบั วาเปน คนขายชาติ ทรยศตอ ประเทศ ถามวา ผลท่ีตามมาจากการเตะกนตํารวจจะเหมือนกันไหม ตอบวา เหมือน ก็โดนยิงหัวท้ังคู ท้ังลูกตาสีตาสา และลูกของรัฐมนตรีตกกระปอง มนั ยอมมอี าการเดยี วกัน เพราะวาบญุ เกามันหยุดแลว มนั ไมม ีบุญค้าํ นี่อยา งไร สง่ิ ท่ีเราเอาไปตอบคาํ ถามในชวี ิตของเรา ท่ีเราเคยสงสัยวา ทําไมคนทําดีแลวจึงไมไดดี ทําไมคนทําชั่ว จงึ ไมไดชวั่ น่นั เปนเพราะ เราไมสามารถเห็นไดต ลอดสายตา งหาก เชนกัน อีกมุมหนึ่ง เราเห็นคนๆ หนึ่ง เปนคนที่ดีมาก ในชวงชีวิตท่ี เราเห็นนั้น เขาทําความดีมากมายกายกอง แตเขาก็ยังซวย ยังโชครายอยูวัน ยังคํ่า เดยี๋ วก็ปว ย เด๋ียวกท็ ุกข เดย๋ี วกม็ เี รื่องตางๆ มารมุ เรา มากมาย นั่นเพราะเราไมเคยรูเห็นชวงชีวิตในอดีตของเขา ที่เขาไดเคยทํา ความชั่วชาอํามหิต มีจิตใจเห้ียมโหด ไลลาฆาฟน ลางผลาญทําลาย ปลนจ้ี เผาบานเผาชอง ขมขืน ผิดประเวณี ทําชั่วอะไรตางๆ เราไมไดเห็น เราเห็น แตตอนทีเ่ ขาทําตัวเปน คนดี เปน พอพระ แมพระ... พระภาสกร ภรู ิวฑฺฒโน (ภาวิไล) 20 ผลบญุ คือกาํ ลังชวี ิต
สว นตอนท่ีเขาชัว่ เปนพอมาร แมมารนั้น เราไมเ หน็ เพราะชีวิตของเราน้ัน ไมมีเวลาไปจดจอตามดูใครต้ังแตตนจนจบ หรือนานพอท่ีจะเห็นทุกสิ่งทุกอยาง ท่ีเปนปจจัยทําใหเกิดเรื่องราวตางๆ เหลา นัน้ ได เพราะฉะนั้น เราสามารถตอบคําถามไดในระดับหน่ึงวา ถาเราเห็น คนทําดี แตไมไดดี ทําช่ัว แตไมไดชั่ว น่ันก็เพราะวา เราไมไดเห็นตลอดท้ัง สาย แตเราตองมั่นใจวา ทําดีตองไดดี ทําชั่วตองไดช่ัว ซ่ึงในสมดุลโลกนั้น ข้นึ อยูว า เราทําความเปลี่ยนแปลงใหเกิดข้ึน กับโลกมากเพียงใด โลกก็จะ คนื กลับมาใหกับเรา มากเพียงน้นั ตอนนจ้ี ะขอถามพวกเรา ถามจริงๆ วา ถาทานท้ังหลายในท่ีนี้ ที่มาฟงธรรมะอยูตอนนี้ หลังจากที่ทานเดิน ออกจากหองน้ีไปแลว เพียงไมกี่กาว เจอไมหนาสามตีท่ีศีรษะ จนหัวแตก เลือดอาบ ทานจะชอบไหม...? หรือถาทางบานโทรศัพทมา แจงขาวใหทราบวา บัดนี้บานของทาน ไดถ ูกไฟไหมไ ปจนหมดสิ้นแลว เหลือแตตอ ทา นจะชอบไหม...? หรือคนที่ทานรัก ถูกลากไปขมขืน ถูกชําเรา ถูกปูย่ีปูยํา กระทําไม ถกู ตอง ทานชอบหรือเปลา ...? กไ็ มชอบ... ถามีคนมาใชวาจาท่ีไมดีกับเรา พูดจาไมสุภาพกับเรา โกหก หลอกลวงตม ตุนเรา ชอบไหม...? กไ็ มชอบ... แลว ฝมอื ใครเลา ? ถา เปน ไปตามทฤษฎี หรอื กฎของ “สมดุลโลก” ก็ผลงานเกา หรือ ฝมือของเราเองน่นั แหละ แลวมีใครในโลกนี้บางไหม ท่ีสามารถเดินทางยอนเวลา กลับไป ยกเลิกส่ิงทท่ี ําผิดพลาดเอาไว สมดุลโลก สมดุลใจ สมดลุ ธรรม 21 สมดุลโลก
เรานั่งเคร่ืองยอนกาลเวลา หรือ ไทมแมชชีน (Time machine) กลับไปไดไหม หรือ ทวิภพ ทะลุเขาไปในกระจก แลวไปโผลในสมัยโบราณ ไปหยุดการกระทําชั่วของเราเองในอดีต ทําไดหรือไม...? ไมมีทาง นั่นมัน เร่ืองในนิยาย ในความเปนจริงมันเปนไปไมได เมื่อเราไมสามารถยอนเวลา กลับไปหาอดีต ไปยกเลิกสิ่งเหลาน้ันได แนนอน ผลจากกรรมในอดีต เหลานั้น มันมารอเจอเราอยูแลว เรายกเลิกส่ิงเหลานั้นไมได มันยอมจะ สง ผลใหกบั เราอยางแนนอน แลวเราจะจัดการกับชีวิตไดอยางไร ในเมื่อบอกวา การเรียน พระพุทธศาสนา คือการเรียนรูเร่ืองโลกเร่ืองชีวิต มันตองทําใหชีวิตของเรามี ความสุขเพิ่มขึ้นสิ ถาเราแกไขอะไรในชีวิตไมได การไมรูอะไรเลย ก็ไม เห็นแตกตางกัน แนนอน มันตองแตกตาง แตกตางกันตรงไหน ตรงท่ีวา เราสามารถควบคุมชวี ติ ของเราได ควบคุมอยางไร... ก็โดยการสรางกําแพงขึ้นมาตรงน้ี กําแพงท่ีจะ ปองกันไมใหเราทําสิ่งท่ีเปนความช่ัวตอไปในอนาคต เพื่อไมตองเจอกับผล คือความทุกขยากตางๆ ในอนาคต เม่ือความชั่วตรงน้ีไมทํา การรับผลกรรม ชั่วตรงนั้นก็ไมเ กดิ ขนึ้ เมอ่ื เราไมทําความกระทบกระทั่งในทางกาวราวรุนแรง ใหเ กิดข้ึนกับโลก โลกกไ็ มคนื กลบั มาสูเรา ในทางกา วราวรุนแรงเชน กัน พระภาสกร ภรู ิวฑฒฺ โน (ภาวิไล) 22 ผลบุญคอื กําลงั ชีวติ
เม่ือไมทําเหตุ ผลก็ไมเกิด เมื่อไมเบียดเบียนชีวิตเขา ชีวิตเราก็ ไมถกู เบียดเบยี น ไมต อ งเจอไมหนา สาม ไมต อ งเจอไฟไหมบานจนเหลือแตตอ ไมตองเจอคนท่ีเรารักถูกขมขืนทํารายทําลาย ไมตองเจอคนมาพูดจาไมดี กบั เรา นน่ั เพราะเราไมสรางเหตุ ซ่งึ เราสามารถสรา งกําแพงนไ้ี ด กําแพงนี้ก็คือ “ศีล” ศีล คือเคร่ืองกั้น ก้ันท่ีไหน ก้ันที่ใจของเรา ท่ี จะบังคับใจของเรา ไมใหเกิดการกระทํา ที่ไปลวงละเมิดในชีวิตของผูอื่น ใน ทรัพยของผูอ่ืน ในบุคคลอันเปนที่รัก ท่ีอยูในความปกครองของผูอื่น หรือ ลว งละเมิดกฎเกณฑข องสังคม รวมทง้ั การโกหก พูดเท็จ ทําลายสจั จะ การเบียดเบียนทํารายผูอ่ืนดวยวาจา สอเสียด นินทา ดาวา พูดจา หยาบคาย เพอเจอ ไรสาระประการตางๆ ตลอดจนถึงการทําลายสติ ท้ังของ ตนหรือผอู น่ื ดว ยการเสพสรุ า ยาเมา ส่ิงเสพตดิ ทง้ั หลาย พุทธศาสนาเนนเลยวา ทําสิ่งใด ก็ไดรับผลในทิศทางนั้น เปลย่ี นแปลงโลกไปแงไหน ก็คืนกลับในแงนั้น ขอที่ ๑ ถาเราไปเบียดเบียนชีวิตเขา ชีวิตเราก็ตองสังเวย สังเวยดวย ความตาย หรืออยางเบาก็ปวยไข พิการ เกิดอุบัติเหตุ อะไรตางๆ ทานชอบ ไหม ชอบท่ีจะขาขาด แขนขาด หัวขาด ถลอกปอกเปก ถูกไฟลวก ชอบไหม ก็ ไมชอบ เมื่อไมชอบ อยาไปทํารายชีวิตผูอื่น อยาไปทําใหผูอ่ืนตองเดือดรอน ตองทุกขย าก อันเน่อื งดวยชีวิตเลย ขอท่ี ๒ ทรัพย เมื่อเราไมทํากระทบกระท่ังโลกในเรื่องทรัพย เราก็ ไมตองชดใชดวยทรัพย เราเห็นคนบางคนในโลกน้ี ท่ีมีโชครายอยูบอยๆ เพ่ือนบางคน เด๋ียวก็ถูกกรีดกระเปา เดี๋ยวก็ถูกลวงกระเปา สังเกตใหดีๆ คน ทโ่ี ดน กม็ ักจะโดนซ้ําๆ อยูนนั่ แหละ แตทําไมบางคนท่ีทะเรอทะราอยางเรานี่ ถือกระเปาซุมซามอยางไร ก็ไมเคยถูกลวงกระเปาเลยในชีวิต แตทําไมบางคนโดนซ้ําแลวซ้ําอีก นั่นเปน เพราะเขาเปนผูมกี รรมวิบาก ทไี่ ดเ คยกระทาํ เหตุเอาไวแ ลว สมดลุ โลก สมดุลใจ สมดลุ ธรรม 23 สมดุลโลก
มาดูขอที่ ๓ บุคคลอันเปนท่ีรัก กาเมสุมิจฉาจาราเวรมณี ความไม ประพฤติผิดในกาม ซ่ึงจุดมุงหมายแรกก็คือ บุคคลอันเปนประดุจทรัพย อัน ไดแ กห นาท่ี และความรับผดิ ชอบทพ่ี งึ มรี ะหวา งกันในสงั คม หรือกฎของสงั คม ทานสังเกตไหมวา ถาท่ีไหนมีปญหาเรื่องความผิดทางเพศ ก็จะเปน ที่โจษขานเลาลือ เร่ืองแบบน้ีถาเกิดข้ึนท่ีไหน พักเดียวก็รูกันท่ัว อยางในที่ ทํางาน หากใครบางคนที่มีเร่ืองกุกก๊ิกกัน แบบท่ีไมชอบมาพากลแลว ก็รูท่ัว กนั หมด ปดกันให Said เพราะเรื่องแบบน้ี ขัดแยงกับความรูสึก ขัดแยงกับกระแส หรือ บัญญัติของสังคม เมื่อทําผิดกฎของสังคม สังคมจึงลงโทษ ยกตัวอยางอดีต ประธานาธิบดีสหรัฐ ท่ีมีกรณีอื้อฉาวกับเด็กฝกงานในทําเนียบ ตองเจอกรณี กฎของสังคม เปน เหตใุ หเสอื่ มเสียชื่อเสียงและเงินทองเปนจํานวนมาก เดชะ บุญที่เศรษฐกิจของสหรัฐในยุคของเขาน้ันเจริญรุงเรือง คนจํานวนหนึ่งจึง ยอมใหอภยั ไมเชนนน้ั กเ็ อาตวั ไมร อด คงจะตองพงั พาบไปแลว มาดูขอ ๔ เรื่องวาจา วาจามีผลตอ ๒ เรื่องที่สําคัญ คือเครดิต และอํานาจ คนที่พูดจาดี พูดแลวรักษาคําพูดไมยอมเสียสัจจะ เราจะเช่ือใจ เขาไหม... รับปากเม่ือใด วางใจไดเมื่อน้ัน ไมยอมใหผิดพลาด มีปญหาอะไร ก็โทรศัพทบอกลวงหนา แกไขไวลวงหนา คนอยางน้ีเราจะเชื่อไหม เขาจะมี เครดิตไหม มีความนาเชื่อถือไหม ? แลวคําพูดของเขา จะมีอํานาจตอใจเรา ไหม ทีจ่ ะทาํ ใหเราทาํ ตามสิ่งทเี่ ขาขอรอ ง หรอื ท่ีขอใหชวยตางๆ น่ันเพราะเรา มนั่ ใจวา คนๆ นี้ ไวใ จได เชอื่ ถอื ได นค่ี ืออาํ นาจของสัจจะ สัจจะสงผลใหเกิดอํานาจและกอประโยชนโภชยผล ถาใครเคยดู หนังจีน พวกนักเลงเจาพอท้ังหลาย จะเห็นวาพวกน้ีรักษาสัจจะเสมอดวย ชีวิต จะเปนจะตายอยางไรไมวา ถารับปากวาจะทํา ตองทําใหได ทําไมนักเลง ท้งั หลายจึงเชอ่ื ถอื ในอาํ นาจของสจั จะ เพราะโดยธรรมชาติ สัจจะนั้นมีอํานาจ ในตัว บทสวดมนต พระปริตร คาถาทั้งหลาย ลวนเปนสัจจะซ่ึงพระพุทธเจา หรอื พระโพธิสตั ว ไดเ คยประกาศเอาไว แลว กอใหเกิดอาํ นาจคุมครอง พระภาสกร ภูริวฑฒฺ โน (ภาวไิ ล) 24 ผลบุญคอื กําลงั ชีวติ
อยางเชน คาถานกคุม ถาดูคําแปล หมายความวา “ตัวเราเปนนก นอย แมมีปก แตบินไมได แมมีขา ก็ยังเดินไมได พอแมก็ละท้ิงหนีไปหมด ถาส่ิงนี้เปนสัจจะจริง ขอใหไฟจงถอยไป” เพียงแคนี้ ทานประกาศสัจจะดวย อํานาจความดีของทาน ประกาศสิ่งท่ีเปนความจริงแนๆ ก็จริงใชไหม ถึงเปน นก แตก็ยังตัวเล็ก แมมีปก แตก็บินยังไมได แมมีขา ก็เดินไมได พอแมทิ้งไป หมด ฉะนั้น ไฟไมควรเผาฉัน แลวก็เกิดผลจริงๆ คือไฟไมลุกลามไปเผา เปน ตํานานนับถือสบื ตอ มา กลายเปน คาถานกคมุ กันไฟ อํานาจของสัจจะ อํานาจของความจริง สามารถปกปองรักษาชีวิตได คนบางคนผิดศีล ๔ ขอ ผิดศีลขอปาณาติบาต ฆาฟนทํารายเขา ผิดศีลขอลัก ทรัพย ผิดศีลขอกาเม ผิดศีลขอกินเหลาเมายา แตไมยอมเสียสัจจะ ตราบใด ก็ตาม ที่ยังไมเสียสัจจะ ก็ยังเอาชีวิตรอดได เพราะอํานาจสัจจะคุมครองชีวิต เอาไว แตเ ม่ือใดก็ตามทีเ่ สียสัจจะ ตาย... ดังน้ันนักเลงทั้งหลาย จึงไมยอมเสียสัจจะ เพราะเสียสัจจะเม่ือใด ก็ตายเมื่อน้ัน ถาเสียสัจจะ ก็ไมมีอะไรคุมครองชีวิต กรรมเหลาอ่ืนก็จะให ผลไดทันที สัจจะปอ งกันไดพอสมควร เพราะมันมีอาํ นาจ แตอ ยา ประมาท ขอสุดทายของศีล ๕ โดยธรรมชาติ มนุษย แมไมไดดื่มเหลา ไมได เสพยาเสพติดของมึนเมาเขาไปในรางกาย แตอะไรจะเกิดข้ึน ถามีใครเขาไป ทาตที าตอย ดาพอ ลอ แมเขา มนั กท็ นไมไหว สตแิ ตก กระโดดไลช ก แลวเราลองนึกดูวา คนๆ เดียวกัน สมมุติวาเปนตัวของทานเองก็ แลวกัน ถาในขณะที่ทานดื่มเหลาเขาไปแลวหน่ึงแกว กับตัวทานเองเชนกัน แตเ ปน ในขณะท่ียงั ไมไดด่ืมเหลา แลวมีคนเทาสะเอว ดาทอดวยคําพูดหยาบ คายเสียดสีอยางเดียวกัน ถามวา ตอนไหนของทานท่ีจะโกรธกอน แนนอน ตัวทานเองท่ีด่ืมเหลาเขา ไปแลวหน่ึงแกว ยอ มโกรธกอน เพราะสุรายาเมา สิ่งเสพติดทําลายประสาทเหลาน้ัน ยอมไปกด ความสามารถในการควบคุมสติ กอใหเกิดความประมาท สมดลุ โลก สมดลุ ใจ สมดลุ ธรรม 25 สมดลุ โลก
ถาเกิดมีใครมาถามวา “ถาผมกินเหลาเขาไปสองสามแกว แตยังไมเมา ผมบาปไหมครับ” ตอบอยางไร กต็ อบวา “บาป... บาปเทากับความขาดสติ ท่ี เพิ่มขึ้น กินเหลาสองแกว ก็บาปเทากับสองแกว กินเหลาหนึ่งกลม ก็บาป เทา กบั หนึ่งกลม” แตป ญ หาก็คอื เม่ือเราเมาขาดสตินั้น... คนท่ีเมาขาดสติ มีโอกาสไป เบียดเบียนทําราย ทําลายชีวิตเขาไดไหม ไปทําลายทรัพยสินเขาไดไหม ไป ผิดลูกผิดเมียเขาไดไหม ถาเปนผูหญิง ก็เสียเนื้อเสียตัวงายๆ ไดไหม พูดจา เพอเจอ ไรสาระ เสียดสีดาวา ใชวาจาท่ีไมถูกตอง ออแอๆ ไมรูเรื่อง แถมยัง เผลอคายความลบั อกี ไดไหม ได... พังเลย ฉะน้ัน ขาดสติเมื่อไร ก็กอใหเกิด ความเสียหายไดท กุ อยาง เทาท่ีบรรยายเร่ืองศีลมา ถาหากทานสามารถรักษาศีลทั้ง ๕ ขอได ก็อยากจะถามทานวา โอกาสที่ทานจะทํากระทบกระทั่งโลกในทางลบ มีได มากนอยแคไหน ก็ยืนยันไดวา “นอยมาก” ลดไปมโหฬาร แทบจะไมมี ชองทางไปกระทบกระทั่งโลกในทางลบ หรือเบียดเบียนโลกใหเกิดความ เดือดรอนไดเ ลย ถา ไมท าํ ผดิ ศีลท้ัง ๕ ขอ เหลาน้ี จึงกลาวไดวา ศีล ๕ เปน ศีลคมุ ครองโลก เพอ่ื ความผาสุกของการอยู รวมกันในสังคมของมวลมนุษย ใหอยูรวมกันโดยปกติสุข โดยการ ไม เบียดเบยี นตนเองและผูอ นื่ นคี่ อื ศลี ๕ ปญหาคือ แลวเราจะรักษาศีลกันอยางไร ใหไดผลอยางแทจริง ในที่น้ีจะใหเ ทคนิคในการรักษาศีล เพราะเมอื่ กอน สมัยท่ีอาตมาเปนฆราวาส ก็แบบเดียวกับพวกเราน่ีแหละ คือรักษาศีลไดบางไมไดบาง ไปหาพระสงฆที่ ไหน รับศีลจากทานมา พอเพื่อนชวนกินเหลา คงไมเปนไรม้ัง เอาเสียหนอย ดังนั้นเปนอยางไร มันกร็ ักษาศีลไมไ ด ทจี่ รงิ แลว ศีลก็คือ การรักษาความเปนปกติของกายวาจา แตมัน รกั ษาทไี่ หน… รักษาทใ่ี จ… พระภาสกร ภูรวิ ฑฒฺ โน (ภาวิไล) 26 ผลบญุ คือกําลงั ชีวิต
ความเปน ศลี เกดิ ขึ้นที่ใจของเรา ไมใชร บั ปากมาแลวรกั ษาไมได การ ไปรับจากพระ เปน เหตุใหเกดิ อนสุ ติ ความระลึกวา พระผปู ระเสรฐิ ดวยความ ดีงาม ทานปรารถนาดีกับเรา ใหส่ิงท่ีดี คือศีลกับเรา รับจากทานแลวเอามา ครองใจเรา เปน กําลังใจในการรกั ษาศลี แตท ่สี าํ คัญคอื ... ใจของเรามีเจตนา หรอื ยงั ทจ่ี ะไมล วงละเมดิ ศีล… สมยั ที่อาตมายังไมไดบ วช ทานอาจารยแมชีเพียงเดือน ธนสารพิพิธ ไดแนะนําวิธีรักษาศีลไววา ต่ืนเชาขึ้นมา ถาไมไดสวดมนต ก็ใหระลึกถึง พระคุณความดีของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ โดยพนมมือหันหนาไป ทางห้งิ พระ หรอื มพี ระเครื่อง กเ็ อามาพนมไวในมือ แลวสมาทานวิรัตศีลดวย ตนเองเปนภาษาไทยวา “พุทโธ ธัมโม สังโฆ, ศีลขอ ๑ ไมฆาสัตว, ศีลขอ ๒ ไมลักทรัพย, ศีลขอ ๓ ไมประพฤติผิดในกาม, ศีลขอ ๔ ไมพูดเท็จ, ศีลขอ ๕ ไมดื่ม สุรา และของมนึ เมา บัดนี้ขาพเจานายภาสกร ต้ังใจรักษาศีลแลว บัดนี้ขาพเจานาย ภาสกร คือผูมีศีล ดวยอํานาจศีลนี้ ขาพเจาขออธิษฐานวา… วันนี้ ขาพเจาจะไปติดตอธุรกิจการงาน ขอใหไดรับความเมตตา และไดรับ ความสําเรจ็ ” หรือถาเปนนักเรยี นนกั ศึกษา กอ็ าจอธิษฐานอยางเชน “วันน้ขี าพเจา จะตองเขาหองสอบ ถาจําเปนจะตองม่ัวตองเดา ก็ขออานิสงสแหงศีลน้ัน จง ดลใจใหขาพเจาเดาถูก” อธิษฐานไปเลย ดวยอํานาจบุญกุศลของการรักษา ศลี ยอมอาํ นวยผลใหไดรบั ความสาํ เร็จตามสมควร ในระหวางวัน โดยธรรมชาติ คนไมเคยรักษาศีล ไมเคยใหคุณคา กับศีล อะไรจะเกิดข้ึน เกิดการละเมิดศีลใชไหม ยุงบิน เผลอตบ มดไต เผลอบ้ี เมื่อขาดสติพล้ังพลาดทําผิดศีลไป ก็หมายความวา เราไดทําความ เปลย่ี นแปลงใหเกดิ กับโลกแลว ในทางลบ เกิดความเสียหาย สมดุลโลก สมดลุ ใจ สมดลุ ธรรม 27 สมดุลโลก
เม่ือโลกเปล่ียนแปลงเสียหายไปดวยการกระทําของเรา แนนอน ความโชคราย หรือความ “ซวย” จึงมาเสนอหนา รอเราอยูในอนาคต น่ันคือ มรดกทเี่ ราไดสรา งไวใหก บั ตนเอง แมต อนเชา เราไดสมาทานศีลดีแลว แตมา พล้ังเผลอทําผิดศีลไป แนนอน เราไมสามารถยอนไปทําใหยุงที่ตายแลวฟน คืนชีพข้ึนมาได แตสิ่งท่ีเราทําไดก็คือ การต้ังใจสมาทานศีลใหม ทันทีท่ีรูตัว วาเราไดเผลอพลาดทําผิดศีลไป ศีลของเราไดขาดไป เราตองเริ่มตน สมาทานศีลใหม “พุทโธ ธัมโม สังโฆ, ศีลขอ ๑ ไมฆาสัตว, ศีลขอ ๒ ไมลักทรัพย, ศีล ขอ ๓ ไมประพฤติผิดในกาม, ศีลขอ ๔ ไมพูดเท็จ, ศีลขอ ๕ ไมดื่มสุราและ ของมึนเมา บัดนี้ขาพเจา ต้ังใจรักษาศีลแลว บัดนี้ขาพเจา เปนผูมีศีล ดวย อํานาจศลี นี.้ ..” จะขออะไรกว็ า ไป... ในระหวางวัน เมื่อรูตัววาผิดตรงไหน ก็สมาทานใหม ผิดเม่ือไร ก็สมาทานใหม ถามาทบทวนดู สวนมากเรามักจะติดที่ศีลขอ ๔ เรื่องโกหก ใชไหม ที่โกหก สวนใหญเพราะตองการรักษาหนา โกหกเอาไว เพื่อไมให เสียหนา แตอยางไรก็ตาม เมื่อทําผิด มันก็ทําลาย ถาเราทําผิดในเร่ือง วาจา ความนา เช่ือถอื ของเรา กไ็ ดถกู ทําลายไปแลว เปนอยา งน้ีตลอดมา ...ในบางครั้งเราเจอเพื่อน เพ่ือนชวนกินเหลา “เฮย เย็นนี้ไปกงกัน หนอย” แหม ยังทําใจไมได ถาไมไปเสียเลยเพื่อนจะวาเอา จะทําอยางไรดี จรงิ ๆ กย็ ังเปรี้ยวปากอยู ขอแนะวา กรณีอยางนี้ ในเมื่อใจมันยังแพอยู ออนแอ ไมมีกําลังที่ จะตานทานมัน ในระหวางวัน ก็ขอใหสมาทานศีล และคอยจดจอตรวจ ทบทวนศีลตามปกติ ตกเย็น เม่ือเราไปตามนัด ถึงท่ีราน ขณะที่เพื่อนกําลัง รินเหลา เพอื่ นเผลอปุบ เราก็รีบหลับตา กําหนดในใจวา “พุทโธ ธัมโม สังโฆ, ศีลขอ ๑ ไมฆาสัตว, ศีลขอ ๒ ไมลักทรัพย, ศีลขอ ๓ ไมประพฤติผิดในกาม, ศีลขอ ๔ ไมพูดเท็จ, ศีลขอ ๕... ศีลขอ ๕ นี้ขอเวนไวกอน บัดนี้ขาพเจาตั้งใจ รกั ษาศลี ทง้ั ๔ ขอ แลว ดวยอาํ นาจศีลทั้ง ๔ น.ี้ ..” แลว จะขออะไร ก็วาไป พระภาสกร ภรู วิ ฑฒฺ โน (ภาวิไล) 28 ผลบญุ คือกาํ ลงั ชีวติ
ก็ทานเหลาดวยศีล ๔ และในระหวางที่ทานเหลานี้ ตองไมโกหก ไมตบยุงในขณะท่ีทานนะ เห็นไหม ศีล ๔ ขอ ตองรักษาใหได พยายามสุด ความสามารถท่ีจะรักษาศีลท้ัง ๔ ขอใหบริสุทธิ์ ในขณะท่ีทานเหลาอยู แมทานเหลาอยู ก็ไมโกหก แมทานเหลาอยู ก็ไมผิดประเวณีใครใชไหม แม ทานเหลาอยู ก็ไมฆาสัตว แมทานเหลาอยู ก็ไมลักทรัพยลวงกระเปาใคร นี่คอื มศี ลี ๔ ในขณะทที่ านเหลา ทานเสร็จ ไมมีอะไรใหดื่มตอแลว เพ่ือนก็เมากันแอแลว ทําอยางไร เราก็วางแกวเหลา ไมมีอะไรใหดื่มตอแลวทําอยางไร ก็สมาทานศีลตอให ครบ ๕ ปดทายรายการดวยการสมาทานศีล ๕ จริงอยู ใช กินเหลาไปแลว ตอนกําลังทานเหลา เราสมาทานศีล ๔ ใชไหม แนนอน เมื่อกินเหลาเขาไป อะไรจะเกิดข้ึน เมาแนๆ สติบางสวนไดพรองไปแลวแนๆ เราก็ตองยอมรับ ความจริงสิ เราสรางความเสย่ี งใหเกดิ ข้ึนกบั ชวี ติ เราแลว แตที่ยังพอทําได คือ เมื่อทานเหลาเสร็จแลว สมาทานศีล ๕ สมาทานทั้งๆ ท่ีกําลังสติยังไมคอย สมบูรณนั่นแหละ แตพยายามดึงใหครบท้ัง ๕ ขอ ทําอยางน้ีแหละ แลวก็ ดําเนนิ ชวี ิตตอไป ถึงตอนกอนนอน สมาทานอีกหนึ่งรอบ ก็วาใหม “พุทโธ ธัมโม สังโฆ ศีลขอ ๑ ไมฆาสัตว, ศีลขอ ๒ ไมลักทรัพย, ศีลขอ ๓ ไมประพฤติผิดใน กาม, ศีลขอ ๔ ไมพูดเท็จ, ศีลขอ ๕ ไมดื่มสุราและของมึนเมา บัดน้ีขาพเจา ต้ังใจรักษาศีลใหมแลว บัดนี้ขาพเจาเปนผูมีศีล ดวยอํานาจศีลน้ี ขอใหนอน หลับฝน ดี ผไี มห ลอก...” อะไรกว็ า ไป อธิษฐานไปเลย ทําอยางน้ีทุกวันๆ ในระหวางวัน พลาดตรงไหน ก็ตั้งใจสมาทาน พลาดตรงไหน ก็สมาทาน ทําอยางน้ีทุกวันๆ อะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ถาเราทําอยางน้ีตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน ก็เทากับวาเราเปนผูมีศีลบริสุทธิ์ คร่ึงเดือน เพราะในระหวางที่เรานอน เราไมไดไป ทําผิดศีลที่ไหน ครึ่งหนึ่ง ของชวี ิตเราเปน ผมู ศี ีลบรสิ ุทธ์ิ และในระหวางวัน ท่ีเราไดสมาทานศีลหลายๆ ชว งน้นั เรากม็ ีศลี บรสิ ทุ ธิ์ไมใชห รอื สมดุลโลก สมดลุ ใจ สมดุลธรรม 29 สมดลุ โลก
ตามหลักพระพุทธศาสนา เมื่อมีศีล มีสมาธิ ส่ิงท่ีจะตามมาก็คือ ปญญา เรามีศีล คือความตั้งใจม่ัน ไมเบียดเบียนชีวิตตนเองและผูอ่ืน มี สมาธิในศีล คือใจจดจออยูกับเรื่องศีล คอยดูแลอยูวา ศีลเราสะอาดหรือไม สะอาด ถาพลาดก็สมาทานศีลใหม นี่เปนสมาธิในศีล สมาธิหมายถึง การท่ีใจ เราเกาะกมุ แนว แนอ ยูกับเรื่องใดเรื่องหน่ึง ถาใจเราเกาะกุมแนวแนอยูกับศีล ก็มีสมาธใิ นศีล สง่ิ ทจี่ ะตามมา คือ ปญญาในศลี ปญญาในศีลเปนอยางไร เชน แทนท่ีจะโกหก ก็บอกวา เร่ืองน้ีเรา อยาพูดกันเลยไปพูดเร่ืองอื่นดีกวา ถาเคนไปเคนมา ก็สวนวา ถาอยากฟง ความจริง จะพูดความจริงใหฟง จะฟงไหม แตพูดความจริง ยอมดีกวาพูด โกหกมิใชห รือ ทาํ ไม ก็เพราะโกหกแลว จะตองโกหกแลวโกหกเลา เพ่ือให เรื่องท่ีโกหก ดูเหมือนจริง แตเมื่อพูดความจริง จบไหม เราตองมาจดจํากัน อีกไหม วาพูดเร่ืองอะไร ลืมไดเลย เพราะพูดความจริงไปแลว มันจบไปแลว ไมตองไปคอยนึกวา เราไดไปโกหกอะไรเขาไว เด๋ียวจะพลาด เดี๋ยวถูกจับ โกหกได... ปญ ญาทจี่ ะรักษาศีลก็จะเกิดขึ้น ยกตัวอยาง ขณะท่ีกําลังน่ังอยู ตํารวจตามจับผูรายมา เราเห็นผูราย หอบของว่งิ ผานไปแลว (เราจึงยา ยเกา อ้จี ากที่เดิม เล่ือนออกไป ๑ วา) ตํารวจ หยุดถามเรา “หลวงพ่ีๆ เม่ือครูนี้ หลวงพ่ีเห็นใครว่ิงหนีมาทางน้ี หรือเปลา” หลวงพ่ีก็บอกวา “อาตมาน่ังอยูที่ตรงนี้ ไมเห็น” นี่เปนการโกหกหรือไม ใคร วาโกหก หลวงพ่นี ่งั อยทู ่ตี รงนี้ ไมไดเหน็ จริงๆ เพราะตอนทเ่ี ห็น คือตอนท่ีน่ัง อยูตรงโนน พอตํารวจว่งิ มา หลวงพ่ีคาดวา ตํารวจจะตองแวะมาถามแนๆ จึง เล่ือนเกาอี้ แลวเห็นไหม อาตมาวาอยางไร “อาตมานั่งอยูที่ตรงนี้ ไมเห็น” ก็จริงๆ น่ังอยูท่ีตรงนี้ ไมเห็น ทําอยางนี้ไมใชสนับสนุนโจร คนที่หนีตํารวจ ใชวาจะเปนโจรเสมอไป ตํารวจอาจเขาใจผิดก็ได ถาเราช้ีทางใหตํารวจ แลว ตํารวจไปยิงเขาตาย ภายหลังเรามารูวาเขาบริสุทธิ์ เรามิตองเสียใจไปตลอด ชาติหรือ กรณีนี้แมศีลจะไมขาด แตก็ดางพรอย แตก็ยังดีกวาการไปมีสวน รว มทาํ ใหผ ูบรสิ ทุ ธิต์ องตาย พระภาสกร ภรู ิวฑฺฒโน (ภาวิไล) 30 ผลบุญคือกาํ ลงั ชวี ิต
นี่คือไหวพริบสติปญญา เพ่ือรักษาใจและศีลเอาไว ปญญาท่ีเกิดขึ้น ในขณะน้ัน เพื่ออะไร ก็เพื่อรักษาศีล คร้ันมีศีล มีสมาธิในศีล ก็จะมีปญญา เพือ่ ปกปกรักษาศลี เอาไวไ ด ครั้นต้ังใจสมาทานศีล มีสมาธิแนวแนในการระวังรักษาศีล นานวัน เขา ศีลของเราก็จะดีข้ึนเร่ือยๆ ปญญาในศีลจะเกิดขึ้นทันทวงที กอนท่ีเราจะ พล้ังพลาดไปทําผดิ ศีล ปญญาทตี่ ามทันนี้ เขาเรยี กวา “สติ” สติ คือชุดของความรูสําเร็จรูป ท่ีเราไดใชปญญาพิจารณามา กอนจนจบรอบแลววา ในสถานการณเชนน้ัน เราควรทําใจ หรือปฏิบัติ อยางไร จงึ จะไมกอ ใหเ กดิ โทษ เรารวู า เม่ือใดก็ตาม ทเ่ี ราทาํ ผดิ ศลี ขอ น้ัน จะกอ ใหเกิดผลที่เปนทุกข โทษอยางไร “สติ” หรือชุดของปญญาสําเร็จรูป จึงออกมาทําหนาที่... หนาท่ี ในการปดก้ัน เพอ่ื ปองกนั ไมใหเกิดโทษนัน่ เอง นคี่ อื หนาที่ของ “สติ” สตจิ ึงเปน เครื่องกั้น เพ่ือปองกันไมใหเกิดทุกขโทษ อันเปนความ ไมประมาท “สติ” จึงมาพรอมกับ “ความไมประมาท” นนั่ เอง วนั นี้เราไดเ รือ่ งศีลละ สรุปเรื่องศีลวา เราจะพยายามรักษาศีล เพ่ือ ไมสรางความซวยใหแกตัวเราเองในอนาคต เม่ือเราไมทําส่ิงที่กระทบ กระทั่งโลกในทางลบ เราก็ไมตองรับผลราย ที่จะติดตามมา หรือวา เม่ือไม ทาํ เหตุ ผลก็ไมเกดิ ในเร่ืองชวี ติ ในเรื่องทรัพย ในเรื่องของสังคม เร่ืองสัจจะ และสุดทายก็คือเร่ืองของสติ ท้ังหมดน้ีเพ่ือปองกันไมใหเราซวย คือโชคราย ในอนาคต ถามวาเรารักษาศีลเพ่ืออะไร เรารักษาศีลเพื่อใหเราเปนคนดี วิเศษ กวาเขา เพื่อจะไดบอกวา ฉันเปนคนมีศีล สวนพวกแกนั้น มันเปนคนไมดี ไมร ักษาศีล อยา งนนั้ หรือ ไมใช เรารักษาศีลเพราะเรารักตัวเราเอง เพราะเรา ไมอยากซวย เราจงึ ไมท ําสง่ิ ทีจ่ ะทาํ ใหชีวติ ของเราตองซวย สมดุลโลก สมดลุ ใจ สมดลุ ธรรม 31 สมดลุ โลก
ชัดเจนไหม ศีลนั้นเรามี เรารักษา เพราะเราตองการความสุข เรา เกลียดความทุกข ความทุกขเกิดข้ึน เพราะเราเองทําเหตุใหเกิดทุกข นั่นคือ เราไปทําผิด ไปทําความไมถูกตอง ไปทําส่ิงที่กระทบกระท่ังโลกในทางลบ เราจึงตองมารับผลที่ยอนกลับมา ของการกระทบกระท่ังโลกเชนน้ัน เม่ือเรา ไมท ําเหตุ ผลก็ไมตองมารับ ฉะน้นั เราจงึ รกั ษาศลี เพราะเราไมอ ยากซวย จบ... ชดั เจน... ของฟรีไมมีในโลก อยากเฮง ตองลงทุน พักเร่ืองศลี ไวกอ น ในทางพระพุทธศาสนาบอกขุมทรัพยไวดวยวา วิธี ใดทจี่ ะทาํ ใหเราเฮง หรือมีโชคดีในโลกน้ี ทําอยา งไรถงึ จะเฮง มีโชคดีมากๆ แตกอนอ่ืน จะขอยกตัวอยางในแงของความซวย หรือความมีโชค รายกอน มีตัวอยางอยูวา ถาตรงน้ีเปนรั้วบาน สมมติวาอาตมาเปนฆราวาส เกิดหมั่นไสเพื่อนบาน เดินเลียบไปท่ีร้ัว ตะโกนเรียกเพื่อนบานใหโผลหนา ออกมากอน ดาเลย ยกโคตรพอโคตรแมดาเลย ดาอุดตะหลุด ถามวา เขาจะ ทําอะไรกับเรา เขาก็คงเดินมาที่รั้วบาน แลวก็ดาเราบาง เร่ืองอะไรมาดากูวะ อยางโนนอยา งน้ี ยกโคตรพอ โคตรแมม าดาเราบาง ไมส ะใจ เอาใหม คราวน้ีกลับไปที่วัด ยืมลําโพงยักษ กับเครื่องขยาย เสยี งมา ตอไมโครโฟนเรยี บรอย ดามันผานไมโครโฟน ปรับเสียงใหดังเต็มท่ี สนั่นเลย เรียกวาทั้งตําบล อําเภอ จังหวัด ไดยินหมด วาเราดาโคตรพอโคตร แมม นั อยางไรบาง ถามวา จะเกิดอะไรขึ้นกับเรา คราวน้ี เขาจะมายืนดาเราท่ีขางรั้ว อยางเดิมไหม หรือวา ถาเขามีระเบิด มีจรวด มีขีปนาวุธ เขาจะสงกลับมา ถลม บานเรา อาตมาคาดวา มีหวัง เจอลูกระเบิด เจอขีปนาวุธ เจอจรวด อะไร ตา งๆ อยา งแนนอน เพราะอะไร... พระภาสกร ภูริวฑฺฒโน (ภาวไิ ล) 32 ผลบุญคือกําลังชีวิต
ดูตรงนี้ใหชัดๆ ตอนแรกยืนดาเขาท่ีขางรั้วใชไหม เขาก็เลยมา ดาตอบ แตครั้งหลังเอาลําโพงมาขยาย เสียงดังสน่ัน กระทบโลกมาก ไดยิน ไปท้ังตาํ บล อาํ เภอ จังหวดั แทนท่ีจะเจอดากลบั เฉยๆ เลยเจอลกู ระเบิด... ถามวา ระหวางตอนแรก ที่ไปยืนดาเขาขางรั้ว กับตอนหลัง ที่ยืน ดาผานไมโครโฟน เสียงออกจากปากเทาเดิมใชไหม แตตอนหลัง พอมี เครื่องขยายเสียง ลําโพง อะไรตางๆ ขยายใหกระทบโลกมากขึ้น มันก็ ตอ งเจอผลท่ีตกี ลบั ทร่ี ุนแรงขึ้น อันนต้ี ัวอยา งในซีกลบ มองตรงๆ แตถาเราทําความดี แลวความดีของเราน้ัน มีลําโพงมาขยายให กระทบโลกมากข้นึ มันยอมสงผลดี ยอนกลับมาสูเรามากข้ึนใชไหม ถาเราทํา ความดี โดยไมมีลําโพง มันสงผลเพียงเทาน้ี แตถาทําความดี โดยมีลําโพงมา ขยายความดีของเราใหกระทบโลกมากข้ึน มันยอมสงผลดีมากกวา เจาตัว ลําโพงตัวนี้แหละ ที่ภาษาพระเขาเรียกวา “นาบุญ” นาบุญ คือสิ่งที่ขยาย ความดีของเราใหก ระทบกับโลกมากขึ้น อยาลืม “สมดุลโลก” เม่ือทําความเปลี่ยนแปลงใหเกิดขึ้นกับโลก มากแคไหน โลกจะคนื กลับ เทา กบั ความเปล่ียนแปลงทโี่ ลกไดรับเสมอ อาตมาพูดไวตั้งแตแรกหรือเปลาวา “ทําดีแคไหน ไดดีแคนั้น”? ไมไ ดพดู แตสิง่ ทีอ่ าตมาไดพดู ไวใ นเรอ่ื ง สมดุลโลก คือ โลกเปล่ียนแปลงไป แคไหน โลกจะคืนกลับเทากับความเปล่ียนแปลงที่โลกไดรับเสมอ ไมได ข้ึนอยูกับวาเราทํามากหรือเราทํานอย แตข้ึนอยูกับส่ิงท่ีเราทําไปแลว มัน สงผลไปกระทบโลกมากหรอื นอยตา งหาก เหมือนท่ีเราชุย โยนเปลือกกลวยทิ้ง แลวคนแกไปเหยียบลื่น จนหัว ฟาดพื้นตายนะ ไมไดมีเจตนาเลย ทํานิดเดียว แคโยนเปลือกกลวย แตสงผล กระทบมาก คือคนแกตองมาลมตาย แนนอน ในอนาคต ผลวิบากก็จะทําให เกิดเหตุการณประเภทที่คนอ่ืนเขาไมรู ไมไดต้ังใจ เชน คนงานสะเพรา ทํา เสาเข็มหลุดลงมาทับรถเราจนบ้ีแบน หรือทําคอนตกใสหัวเราตาย อะไร อยางน้ี ซงึ่ เขาไมไดม เี จตนาเหมอื นกนั นี่ไง ยตุ ิธรรมดมี ั้ย... สมควรมัย้ ... สมดลุ โลก สมดุลใจ สมดลุ ธรรม 33 สมดุลโลก
กรรมยอมใหผลเปนยุติธรรม แลวแตวามันจะสงผลอยางไร ซ่งึ เราไมสามารถจะพยากรณไ ด เพราะเรื่องกรรม และการใหผลของกรรมน้ัน จัดวาเปนเรื่อง อจินไตย คือพนไปจากความคิดคํานึง ซ่ึงนอกจากเหตุแลว ยังมีปจจัยอ่ืนๆ มาประกอบอีกมากมาย แตเราก็ยังสามารถนํามาศึกษาไดอยางคราวๆ โดย อาศัยหลักของ กฎแหงกรรม คอื สมดุลโลก สมดุลใจได ในพุทธศาสนา พูดถึงกรรมดีไววา ถาเราทําความดี กับนาบุญที่ไมดี เชน ทําบุญกับคนท่ีทุศีล คนท่ีกําลังทําความช่ัวผิดศีลผิดธรรมอยู สมมุติวา ไดบุญเทา กับ หนึ่งหนวย (๑) น้เี ปนหนว ยบญุ นะ แตแทนท่ีจะทําบุญกับคนทุศีล หันไป ทําบุญกับปุถุชน คือผูที่มีศีล บาง ไมมีศีลบาง สมาทานศีลบาง ไมสมาทานศีลบางแทน ทานวายังดีกวาทํา กับคนทุศีลถึงรอยเทา คือไดบุญเปนรอยเทา ของการทําบุญกับคนทุศีล น่ัน คอื เกดิ ผลบุญมากเทากบั หนง่ึ รอยหนวย (๑๐๐) แลว ถาเอาของอยา งเดยี วกันไป ทําบญุ กบั กัลยาณชน คืนคนท่ีตงั้ ใจ สมาทานรักษาศีลแลว อยางพวกเราน้ีแหละ ทานวา ยอมไดบุญเพ่ิมข้ึน มากกวาทําบุญกับปุถุชนเปนรอยเทา คือเกิดผลบุญเทากับ หน่ึงหม่ืนหนวย (๑๐,๐๐๐) ถาทําบุญกับพระโสดาบัน ซ่ึงเปนพระอริยบุคคลช้ันตน ผูมีศีล บริสุทธิ์ มีดวงตาเห็นธรรม ดวยสามารถทําลายสังโยชน คือกิเลสเครื่องรอย รัด ๓ อยางเบื้องตนได กลาวคือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส ซึ่งโดยสวนผลแลว ทานจะ เปนผูท่ีมีศีลบริสุทธิ์ คือไมยอมทําผิดศีลโดย เจตนาอกี เลย ตลอดชีวิต เพราะมี (๑) ความมั่นคงในทิฏฐิ ไมสําคัญผิดไปในกาย หรือในลัทธิความ เชอื่ อันเปนอตั ตนิยม พระภาสกร ภรู ิวฑฒฺ โน (ภาวิไล) 34 ผลบุญคอื กําลงั ชีวิต
(๒) มีศรัทธาม่ันคงในพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ จนม่ันใจที่จะ อธิษฐานปกใจดําเนินไปสูมรรคผลนิพพาน ความอิสระพนไป จากกองทุกข อันเปน ทศิ ทางเปา หมายที่พระพทุ ธองคท รงพรํ่าสอน (๓) มีศีลบริสุทธ์ิ โดยความเปนปกติ อันสมควรแกสถานภาพ ตลอดชีวิต ซึง่ ไมเปนการถือศลี และพรตปฏบิ ตั ิ แบบลูบคลําโออวด จากท่ีกลาวมา ถาเอาของอยางเดียวกัน ไป ทําบุญกับพระโสดาบัน ยอมไดบุญเพ่ิมข้ึนมากกวาทําบุญกับกัลยาณชน เปนรอยเทา คือเกิดผลบุญ เทากบั หนง่ึ ลานหนวย (๑,๐๐๐,๐๐๐) ตารางบุญเปรียบเทยี บ นาบญุ ผลบญุ ทีเ่ กดิ ขน้ึ (ทาํ บญุ ๑ หนว ยบญุ เทาๆ กนั ) (วัดผลเปนหนว ยบญุ ) คนทศุ ลี ปุถุชน ๑ กลั ยาณชน (ผมู ศี ลี ) พระโสดาบัน ๑๐๐ ๑๐,๐๐๐ พระสกิทาคามี ๑,๐๐๐,๐๐๐ ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ พระอนาคามี ๑๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ พระอรหนั ต สรุปยอ จาก เวลามสตู ร สีหนาทวรรคท่ี ๒ พระสุตตนั ตปฎ ก อังคุตตรนิกาย นวกนบิ าต สมดลุ โลก สมดลุ ใจ สมดุลธรรม 35 สมดุลโลก
ย่ิงกวานั้น ถาได ทําบุญกับพระสกิทาคามี ก็จะยิ่งไดบุญมากกวา การไปทําบุญกับพระโสดาบัน เพราะนอกจากคุณสมบัติทุกประการ ท่ีพระ โสดาบันไดบรรลุแลว พระสกิทาคามียังสามารถ ลดกามราคะ คือความโลภ และปฏิฆะ คือความโกรธ ลงไดเปนอยางมาก น่ันเพราะโมหะ ความหลง ของทานน้ัน ไดลดเบาบางลง โลภะและโทสะจึงไดมีสวนลดลงตามไป ฉะนั้น การทําบุญกับพระสกิทาคามี จึงไดบุญมากกวาการทําบุญกับพระโสดาบัน รอยเทา คือไดผ ลบญุ เทา กับ รอยลานหนว ย (๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐) หรอื ถาได ทาํ บญุ กบั พระอนาคามี ผูมีศีลสมบูรณ เชนเดียวกับพระ โสดาบันและพระสกิทาคามี แตทานมี สมาธิถึงพรอม จึงสามารถสยบกาม ราคะ คือความโลภ และปฏิฆะ คือความโกรธ ไดจนหมด เมื่อโลภไมมี โกรธ ไมมี น่ันเปนเพราะโมหะ คอื ความหลง ไดล ดลงไปอกี แมยังมีโมหะ และอวิชชา ความไมรูจริงบางประการอยู กระนั้น การ ทําบุญกับพระอนาคามี ก็ดีกวาการทําบุญในพระสกิทาคามี รอยเทา คือ ไดผลบญุ เทากบั หมนื่ ลานหนวย (๑๐,๐๐๐, ๐๐๐,๐๐๐) แลวถา ทําบุญกับพระอรหันต ผูทําลายโลภ โกรธ หลง ไดส้ินเชิง จะไดผลบุญเพิ่มข้ึน เปน ๑๐๐ เทา ของการทําบุญในพระอนาคามี คือมี ผลบุญเทากับ หนึ่งลานลานหนวย (๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐) ตัวเลขนี้เอง ทค่ี ณู เขากบั ความดี ในส่ิงที่เราไปทํากับพระอรหันต นึกถึงเร่ืองที่เราเคยไดยิน เชน ไปตักบาตรทําบุญกับพระอรหันต เพียงทัพพีเดียว รวยไปไมรูกี่รอยชาติ เกิดข้ึนเพราะตัวคูณลานลานน่ีเอง นึกถึงขาวทัพพีเดียวของเรา ทวีคูณเปนขาวลานลานทัพพี มากขนาดน้ีเราจะ รับประทานไดกี่ชาติ มันไมใ ชนอยๆ ตลอดชีวิต รอยชาติกก็ นิ ไมหมด จริงๆ แลว เขาบอกวา ระหวางข้ันๆ หน่ึงนั้น มันไมใชหางกันแค รอยเทา แตหางกันมากกวาน้ัน คือเปนพันเปนหม่ืนเทา ท่ีนํามาเปรียบเทียบ ใหเห็นเพียงข้ันละรอย ก็เพื่อใหเขาใจงายๆ ไมสับสน เรียกวาเปนอยาง เลก็ นอยทส่ี ดุ แลว พระภาสกร ภูรวิ ฑฺฒโน (ภาวิไล) 36 ผลบุญคอื กําลังชีวติ
แตถาฟงแลวยังวา ไมนาเชื่อ ซ่ึงคนรุนใหมอาจบอกวา น่ีคงเปนตัว เลขท่ีกขุ ้ึนมากไ็ ด มาดตู รงน้ีดีกวา มาดูระหวางนาย ก. กับ นาย ข. ทั้งคูเปนคนเหมือนกัน กินอยูใช ปจจัย ๔ ก็คงไมแตกตางกันมากนัก ถารับประทานขาว จานที่ใสขาวก็นาจะ พอๆ กัน อยางทานใชจานใสขาวรับประทาน อาตมาก็คงไมใชกะละมัง เปนไปไมไดหรอก เพราะกระเพาะมนุษยก็พอๆ กัน ฉะนั้นมนุษยเหมือนกัน กนิ อยูใ ชปจ จัย ๔ จากโลก กค็ วรใกลเ คยี งกัน นาย ก. เปนคนดี ทําประโยชนใหเกิดข้ึนตอโลกมาก ฉะน้ันซีกออก ของนาย ก. ที่ใหตอโลกน้ันจึงกวาง แตนาย ข. เปนประเภททั่วๆ ไป ที่กินไป ใชไป ทําดีบางช่ัวบาง ถูกบางผิดบาง ก็ใหกับโลกบาง แตไมเทากับท่ีนาย ก. ใหก ับโลก ถาเรามีสวนสนับสนุนนาย ก. ๓๐ % สนับสนุนนาย ข. ๓๐ % จากที่ นาย ก. และนาย ข. ไดรับไปจากโลก ไมวาจะเปนการสนับสนุนดวยปจจัย ๔ หรืออะไรก็แลวแต สมดลุ โลก สมดุลใจ สมดลุ ธรรม 37 สมดลุ โลก
ฉะน้ันเปนการแนนอนวา ๓๐% ท่ีนาย ก. ใหกับโลก เรายอมมีสวน ดวยใชไหม และ ๓๐ % ที่นาย ข. ใหกับโลก เราก็ยอมมีสวนดวยเชนกัน แลว เวลาท่ีมันสะทอน แลวตียอนกลับมาหาเรา ลองพิจารณาดู ใหดีวา จะมา จากใครมากกวา กัน เห็นไหม จากนาย ก. ยอมมากกวา แปลวาอะไร แปลวา นาย ก. ทําหนาที่เหมือนกับเปนเคร่ืองขยายเสียงกับลําโพง ที่ขยายความดีของเรา ใหก ระทบกับโลกไดม ากกวา พระอรหันตทานรูแจง ทําลายกิเลส คือโลภ โกรธ หลง ไดส้ินเชิง ทานสอนคนช่ัวใหกลับจิตกลับใจ เปลี่ยนมาเปนคนดีหนึ่งคน โลกได เปลีย่ นแปลงไปมากแคไหน หนึง่ คน... ทพ่ี ลิกจากคนทเ่ี คยทําความช่วั ทาํ ไมถูกตอ ง กลับมาเปน คนดี ตั้งใจทําแตความดี เพียงแคคนเดียวเทาน้ัน ยังมีผลใหโลก เปลี่ยนแปลงดีข้ึนอยางมโหฬาร แลวตลอดชีวิตของพระอรหันตองคหน่ึง ทา นจะสอนคนชว่ั ใหกลบั ใจมาเปน คนดขี องโลกไดม ากมายขนาดไหน ฉะนั้น จึงไมตองสงสัยเลยวา คาตัวของพระอรหันต ที่วาเปนลาน ลานเทาน้ัน ตอ งเปนจริงอยางแนนอน พระอริยะเจา ไดแก พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันตเจาท้ังหลาย จึงเปนนาบุญอันยิ่งใหญของโลก ทานจึงเปน อัปมาโณบคุ คล ผเู หลอื ประมาณในคณุ ความดี เพราะเหตทุ ่ที านเปนประหนึ่ง เคร่ืองขยายเสียง ท่ีสามารถขยายความดีของเรา ใหเกิดการกระทบกับโลก ไดอยา งมโหฬาร ฉะน้ัน ทานเห็นหรือยังวา ถาอยากรวย อยากเฮง คือมีโชคดี ในทางโลกนั้น ข้ึนอยูกับตัวแปรวา เราสามารถสรางความเปลี่ยนแปลง ใหเกิดขึน้ กบั โลกในทางบวก ไดมากนอยแคไ หน พระภาสกร ภูรวิ ฑฒฺ โน (ภาวไิ ล) 38 ผลบญุ คือกาํ ลังชวี ติ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132