๘ สำ�นกั งานคณะกรรมการสง่ เสริมสวัสดกิ าร และสวัสดภิ าพครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา (สกสค.) ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร 147
สกสค. ร่วมบรจิ าค มีแล้วแบง่ ปัน อุปกรณท์ างการแพทย์ ให้แก่มลู นิธิโรงพยาบาลราชทณั ฑ์ จัดกิจกรรมจิตอาสาบ�ำเพ็ญสาธารณประโยชน์ “มีแล้ว แบง่ ปนั ” เนอื่ งในวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา สมเดจ็ พระนางเจา้ สทุ ดิ า พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี วันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยการมอบวสั ดอุ ปุ กรณท์ างการแพทย์ ชดุ PPE หนา้ กากอนามยั และแอลกอฮอล์สเปรย์ และส่ิงของอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ที่ได้รับ ความเดือดร้อนจากผลกระทบการแพร่ระบาดของสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ณ โรงพยาบาลสนาม ทณั ฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ ์ “หมอพรอ้ ม” โรงพยาบาลครรู ะดม ฉดี วัคซนี COVID-19 โรงพยาบาลครู ดำ� เนนิ การฉดี วคั ซนี ปอ้ งกนั COVID-19 ที่ลงทะเบียนไว้กับแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” ให้แก่ผู้บริหาร ข้าราชการครู เจา้ หนา้ ท่ี และประชาชนทว่ั ไป เพ่ือเปน็ ภูมคิ มุ้ กัน ตามมาตรการปอ้ งกนั และควบคมุ โรค จำ� นวน ๑๑๐ คน ณ หอประชมุ ครุ สุ ภา กระทรวงศึกษาธิการ 148 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร
๙ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (สสวท.) ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 149
ยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตรก์ ระทรวงศึกษาธกิ าร สกู่ ารพัฒนาทักษะและสมรรถนะการเรยี นร้ใู นศตวรรษท่ี ๒๑ ตามทศิ ทางการพฒั นาประเทศตามแผนยทุ ธศาสตรช์ าติ “IPST Go Digital ๒๐ ปี ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ สกู่ ารเปล่ียนแปลงการศึกษาใหม่” และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ด้านการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ ท�ำให้รัฐบาล จากสถานการณ์ดงั กลา่ ว สสวท. ไดป้ รบั การด�ำเนนิ งาน ประกาศนโยบายเรง่ ดว่ น เรอ่ื งท่ี ๗ การเตรยี มคนไทยสศู่ ตวรรษที่ ๒๑ ตามมาตรการของรัฐบาล และเปลี่ยนวิธีการด�ำเนินงาน และนโยบายหลัก เรื่องท่ี ๘ การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ เป็นรูปแบบออนไลน์มากขึ้น ผ่านนโยบาย “IPST Go Digital และการพฒั นาศกั ยภาพของคนไทยทกุ ชว่ งวยั รวมไปถงึ ประกาศ สู่การเปลี่ยนแปลงการศึกษาใหม่” โดยจัดท�ำกลยุทธ์เพื่อแก้ แผนพฒั นากำ� ลงั คน รองรบั อตุ สาหกรรมเปา้ หมาย และดว้ ยยทุ ธศาสตร์ ปญั หาเชงิ รกุ สง่ เสรมิ ใหส้ ถานศกึ ษาปรบั ตวั กา้ วทนั วถิ กี ารเรยี นรู้ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร สง่ ผลให้ สสวท. กำ� หนดวสิ ยั ทศั นใ์ นการเปน็ ท่ีเปลยี่ นแปลงไป เพื่อนำ� พาการศกึ ษาวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ผนู้ ำ� การเปลย่ี นแปลงการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยฝี า่ วกิ ฤตอนั เนอื่ งมาจากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาด และเทคโนโลยี ทั้งในและนอกสถานศึกษา ให้นักเรียนพัฒนา ของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) มงุ่ เปา้ แกป้ ญั หา ตามศกั ยภาพขนึ้ เปน็ ประชากรทมี่ คี วามรนู้ กั วชิ าชพี ฐานดี และเปน็ ลดข้อจ�ำกัด บรรเทาความเดือดร้อนของครูและนักเรียน นกั วทิ ยาศาสตรช์ น้ั นำ� และวางแนวทางดำ� เนนิ งานสอดรบั ทศิ ทาง ให้มีช่องทางเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี การพฒั นาประเทศ รบั มอื กบั สถานการณท์ เ่ี ปลยี่ นแปลงในอนาคต ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพ่ือการบริหาร สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการพฒั นากำ� ลงั คนใหม้ ที กั ษะและสมรรถนะ เน้ือหา ส่ือ การอบรมครู สนองตอบความเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ ได้เหมาะสมตามศักยภาพ ด้านเทคโนโลยีอย่างฉับพลัน (Technology Disruption) และความถนดั เพอ่ื ใหเ้ ตบิ โตเขา้ สเู่ สน้ ทางอาชพี ทเี่ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ ปรับกระบวนการจัดค่ายและกิจกรรม รวมท้ังบริหารจัดการ ตอ่ ประเทศชาติ ภายในแบบครบวงจร เพื่อสนับสนนุ การด�ำเนนิ งาน Work From Home เตม็ รูปแบบ นำ� เทคโนโลยีดจิ ิทัลมาช่วยให้การปฏบิ ัติงาน สสวท. ก้าวข้ามอปุ สรรคการเรียนรู้ สะดวกรวดเร็วขึ้น ตอบสนองความต้องการและสร้างความ สกู่ ารศกึ ษาวิถใี หม่ พึงพอใจให้แก่ผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากข้ึน ภายใต้ พันธกจิ หลัก ๓ ด้าน ได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างหลายด้าน ต่อท่ัวโลก โดยเฉพาะอย่างย่ิงด้านการศึกษาที่ส่งผลให้นักเรียน ไมส่ ามารถเขา้ เรยี นไดต้ ามปกติ ครไู มส่ ามารถจดั การเรยี นการสอน ในช้ันเรียนได้ พ่อแม่ผู้ปกครองต้องมีบทบาทดูแลการเรียนรู้ ของนกั เรยี นเพม่ิ มากขนึ้ โรงเรยี นไมไ่ ดเ้ ปน็ สถานทเี่ ดยี วในการจดั การเรียนการสอน เทคโนโลยีด้านการเรียนการสอนและรูปแบบ วธิ กี ารจดั การเรยี นการสอนมกี ารพฒั นาใหก้ า้ วหนา้ และสอดคลอ้ ง ตามสถานการณ์ จนเกดิ เปน็ ความปกตใิ หม่ ทางการศกึ ษาในโลก ศตวรรษท่ี ๒๑ 150 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร
ดา้ นท ี่ ๑ การพัฒนาหนังสอื เรียน พัฒนาแพลตฟอร์มดจิ ทิ ลั หลกั สตู ร สือ่ และการจัดการเรียนรรู้ ปู แบบใหม ่ เพือ่ การบริหารเนอื้ หา สอ่ื การอบรมคร ู สนองตอบ ภายใต้โครงการ Project 14 จัดท�ำคลปิ การสอนบรรเทา ความเปลย่ี นแปลงด้านเทคโนโลยี ความเดือดร้อนส�ำหรับโรงเรียนที่ยังไม่สามารถเปิดสอนได้ และก�ำลังพัฒนาส่ือให้ครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งข้ึนอย่างต่อเน่ือง อยา่ งฉับพลัน รวมทงั้ พฒั นาแพลตฟอรม์ ใหเ้ ปน็ ฐานขอ้ มลู การเรยี นรู้ และปญั ญา ประดษิ ฐ์ สำ� หรบั ใชใ้ นการประเมนิ วเิ คราะห์ พยากรณ์ และพฒั นา ด้านท ี่ ๓ การพฒั นาส่งเสริม ผเู้ รยี นอย่างเป็นระบบในอนาคต พฒั นาส่ือ ๖๕ พรรษา สมเด็จ ผู้มคี วามสามารถพิเศษ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เปน็ ก�ำลังส�ำคญั ในการพฒั นาประเทศ สยามบรมราชกมุ ารี เพอื่ ลดปญั หาการขาดแคลนครวู ทิ ยาศาสตร ์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี กระจายความเสมอภาคทางการศึกษา รองรับการพัฒนาสร้างองค์ความรู้ ผลงานวิจัย ไปยังโรงเรียนพ้ืนท่ีห่างไกล เปิดการเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ง่าย และนวัตกรรมใหม่ โดยวางรากฐานให้แก่นักเรียนตั้งแต่ สะดวก ตรงกับความต้องการและน�ำไปใช้ได้จริง นอกจากน้ัน ระดับประถมศึกษา มีการขยายฐานนักวิทยาศาสตร์ทุนรัฐบาล ได้พัฒนาข้อสอบเน้นการคิดวิเคราะห์เพื่อให้เป็นจุดเริ่มต้นสู่ สู่ภาคอุตสาหกรรม พัฒนางานวิจัยร่วมกับเอกชน ท�ำให้นักวิจัย การปรับรูปแบบการวัดและประเมินผลนักเรียนในระดับชาติ ได้รับการสนับสนุนในด้านเทคโนโลยีและทรัพยากรที่เหมาะสม ผลจากการท่ี สสวท. ปรบั รปู แบบขอ้ สอบให้เน้นการคดิ วเิ คราะห์ ทันสมัยจากภาคเอกชน เกิดขวัญก�ำลังใจที่จะสร้างงานวิจัย เริ่มเด่นชัดมากขึ้น ส่งผลให้หลายหน่วยงานทางการศึกษา ตอบแทนประเทศ วางรากฐานระบบการพัฒนาอัจฉริยภาพ เรม่ิ ปรบั เปลยี่ นรปู แบบการสอนตามแนวทางของ สสวท. มากขนึ้ อัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ให้แก่นักเรียน แบบออนไลน์ และพัฒนาผู้แทนโอลิมปิกวิชาการแข่งขัน ด้านท ่ี ๒ การพฒั นาครผู ้สู อน กับนานาชาติในรูปแบบออนไลน์ก็ได้ด�ำเนินการตามข้อก�ำหนด วทิ ยาศาสตร ์ คณติ ศาสตร์ ของการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระหว่างประเทศได้ทัดเทียม และเทคโนโลยี ทกุ สังกดั ทกุ ระดับชั้น นานาชาติ และผู้แทนประเทศไทยยังสามารถสร้างผลงาน ในเวทีนานาชาติไดอ้ ย่างยอดเยี่ยม ยกระดบั มาตรฐานโรงเรยี นในยคุ New Normal โดยปรบั การเรยี นเปลย่ี นการสอนของครวู ทิ ยาศาสตร ์ คณติ ศาสตร ์ เทคโนโลยี และสะเต็มศึกษาตามแนวทาง สสวท. เพ่ิมศักยภาพครูให้มี สมรรถนะของครยู คุ ใหม ่ สำ� หรบั การเรยี นรศู้ ตวรรษท ่ี ๒๑ พฒั นา ครูโรงเรียนพระราชด�ำริ เพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษาให้แก่ นักเรียน พัฒนาครูด้านการเรียนภาษาคอมพิวเตอร์ (Coding) สรา้ งความพรอ้ มเดก็ ไทยในยคุ ดจิ ทิ ลั โดยพฒั นาครใู หเ้ ปน็ ครยู คุ ใหม่ ท่ีจะเปลี่ยนบทบาทจากครูผู้สอนเป็นโค้ช หรือผู้สนับสนุน การเรียนรู้ ท�ำหน้าท่ีกระตุ้น สร้างแรงบันดาลใจ ให้ค�ำปรึกษา ชี้แนะวิธีการเรียนรู้ และวิธีคิดที่สามารถบูรณาการความรู้ และเชอ่ื มโยงความรู้สูช่ ีวติ ประจำ� วนั ให้แกผ่ ู้เรียน สอื่ การเรยี นรู้ Project 14 นำ�เสนอเนอ้ื หาบทเรียนหลากหลายรูปแบบ ส่งเสริมใหน้ กั เรียนคิดและคน้ พบความรูโ้ ดยใช้การสังเกตปรากฏการณร์ อบตัว มีปฏสิ มั พนั ธ์กับผเู้ รยี นได้มากกว่าสอ่ื รูปแบบเดิม ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร 151
เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ยูทูป ๕๐ ปี สสวท. ส่กู ารออกแบบ การศกึ ษาแห่งอนาคต สือ่ ดิจทิ ัลบรรเทาความเดือดร้อน Redesigning Future Education ทางการศกึ ษาในสภาวะวกิ ฤต สสวท. ก�ำลงั พัฒนาระบบสือ่ ดจิ ทิ ลั ท่ีสามารถตอบโจทย์ สสวท. ดำ� เนนิ โครงการ Project 14 เพอ่ื พฒั นาการเรยี น การศึกษาได้ดียิ่งข้ึน ซ่ึงสอดรับกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล การสอนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยเร่ิมแรกได้ต่อยอด และประเดน็ การปฏริ ปู การศกึ ษาในการใชเ้ ทคโนโลยเี พอื่ ยกระดบั สื่อการเรียนรู้จากหนังสือเรียนและคู่มือครู ให้เป็นสื่อดิจิทัล คุณภาพการศึกษาและยังช่วยในการรับมือกับภัยคุกคาม ที่ ย ก ร ะ ดั บ ก า ร ส อ น ข อ ง ค รู แ ล ะ ก า ร เ รี ย น รู ้ ข อ ง นั ก เ รี ย น เช่น สถานการณ์ COVID-19 ได้อีกด้วย ถึงแม้ว่ารูปแบบ โดยลดขอ้ จำ� กดั ของส่ือแบบเดิม และเทคโนโลยีท่ีใช้จัดท�ำส่ือจะมีการเปล่ียนแปลงไปตามเวลา แต่ยังคงยึดม่ันในกระบวนการพัฒนาสื่ออย่างมีคุณภาพ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส และสอดคลอ้ งกบั หลกั สตู ร สอ่ื ทกุ ชนิ้ จะผา่ นกระบวนการสรา้ งสรรค์ โคโรนา 2019 (COVID-19) ท่ีเกิดขึ้นในปี ๒๕๖๔ ยังคงส่งผล และตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มข้นจากคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ให้ครูต้องจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์อย่างต่อเน่ือง เพอ่ื ใหม้ น่ั ใจวา่ เปน็ สอ่ื การเรยี นรทู้ มี่ คี วามถกู ตอ้ ง และสอดคลอ้ งกบั จากปที ผ่ี ่านมา ซ่ึงไดต้ ่อยอดเนือ้ หาจากหนงั สอื เรยี นและคู่มือครู แนวทางการพัฒนาสื่อเพ่ือกระตุ้นความสนใจในการเรียนรู้ จงึ เขา้ มาบรรเทาความเดือดร้อนทางการศกึ ษาให้ครูจดั การเรียน ของผู้เรียน และปลูกฝังทักษะ กระบวนการและเจตคติ การสอนไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยปนี ไ้ี ดจ้ ดั ทำ� คลปิ เผยแพรใ่ นเวบ็ ไซต์ ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านการเรียนรู้ Project 14 รวม ๒,๖๘๓ คลปิ เผยแพร่ผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังน้ี แบบสืบเสาะที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงเพ่ือมุ่งสร้างสมรรถนะให้กับ ผเู้ รยี นเสมอมา ส่ือการเรียนรู้ Project 14 น�ำเสนอเนื้อหาบทเรียน หลากหลายรูปแบบ ส่งเสริมให้นักเรียนคิดและค้นพบความรู้ ดังน้ัน การสร้างและพัฒนาคนเพ่ือรองรับอนาคต โดยใช้การสังเกตปรากฏการณ์รอบตัว มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน ควรมุ่งเน้นให้มีทักษะท่ีพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง สามารถ ได้มากกว่าสื่อรูปแบบเดิม ท�ำการทดลองตามคลิปจากอุปกรณ์ ปรบั ตวั เขา้ กบั สง่ิ ใหมไ่ ดเ้ สมอ ซง่ึ สสวท. ไดด้ แู ลบม่ เพาะเดก็ ไทย ทสี่ ามารถหาไดง้ า่ ยมอี ยใู่ กลต้ วั ชว่ ยใหเ้ กดิ การเรยี นรแู้ บบ Active ให้มีความสามารถและสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ Learning ครใู ชเ้ ปน็ แหลง่ คน้ ควา้ ขอ้ มลู เพอ่ื เตรยี มเนอื้ หาบทเรยี น และเทคโนโลยี พรอ้ มดว้ ยทกั ษะทจี่ ำ� เปน็ ในศตวรรษที่ ๒๑ อนั เปน็ หรือแบบฝึกหัดประกอบการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ พ้ืนฐานส�ำคัญในการท�ำงานและการด�ำเนินชีวิตในโลกปัจจุบัน ใช้ทบทวนความรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเอง ท้ังดา้ นเน้ือหา และอนาคต สสวท. ได้เร่งปรับตัวเพื่อพัฒนาฐานข้อมูลและ วิชาการและเทคนิคการสอน นักเรียนเรียนรู้ได้จากที่บ้าน สื่อการเรียนรู้ในรูปแบบดิจิทัลให้มีคอนเทนต์ท่ีหลากหลายท้ังใน และแม้แต่ยามปกติครู นักเรียน ผู้ปกครอง ยังใช้สื่อเหล่านี้ และนอกหลกั สตู รการศกึ ษา มคี วามนา่ เรยี นรนู้ า่ สนใจ ไดม้ าตรฐาน ในการเรียนรูอ้ อนไลน์ได้ ตอบโจทย์การเรียนรู้ ฐานสมรรถนะ พร้อมส่งตรงไปถึงทุกกลุ่ม ผใู้ ชอ้ ยา่ งทวั่ ถงึ และเทา่ เทยี ม เพอ่ื ชว่ ยใหค้ นไทยเขา้ ถงึ แหลง่ เรยี นรู้ นอกจากนี้ สสวท. ยงั ไดป้ รบั ปรงุ เวบ็ ไซต์ Project 14 ใหม้ ี ที่ไร้ขอบเขตและเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดชีวิต อนาคต ขดี ความสามารถสงู ขน้ึ และตอบสนองการใชง้ านของผใู้ ชแ้ ตล่ ะคน เมื่อภาครัฐสนับสนุนให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและส่ือดิจิทัล ไดด้ ีขึ้นโดยใช้ช่อื วา่ “ระบบ Project 14+” และพัฒนา “ระบบ My ได้อย่างท่ัวถึง นโยบาย IPST Go Digital จะเป็นกุญแจส�ำคัญ IPST” ที่เว็บไซต์ https://myipst.ipst.ac.th เพื่อเผยแพร่ส่ือ ทน่ี �ำไปสคู่ วามเสมอภาคทางการศึกษาไดอ้ ย่างย่ังยนื สนับสนุนการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร ให้ครูค้นหา และเลือกใชส้ ่อื การสอนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ และพรอ้ มเปดิ ให้ นับตั้งแต่วันนี้ไป สสวท. จะ Go Digital อย่างเต็มตัว ใชง้ านไดท้ นั ปีการศกึ ษา ๒๕๖๕ และพรอ้ มผลกั ดนั ใหค้ รู นกั เรยี น และโรงเรยี นทว่ั ประเทศ Go Digital ไปพรอ้ มกนั นอกจากทง้ั หมดทก่ี ลา่ วมานี้ สสวท. ยงั มแี ผนตอ่ ยอด โครงการด้านดิจิทัลอ่ืน ๆ อีกจ�ำนวนมากที่จะต้องเร่งด�ำเนินการ ใหเ้ กดิ ขนึ้ อยา่ งเปน็ รปู ธรรมตอ่ ไปในอนาคต โดยตง้ั อยบู่ นพนื้ ฐาน ความคดิ ทว่ี า่ “การลงทนุ ทค่ี มุ้ คา่ คอื การวางรากฐานการศกึ ษาใหแ้ ก่ คนไทยทกุ คน” 152 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร
๑๐ โรงเรยี นมหดิ ลวิทยานุสรณ์ (องค์การมหาชน) (มวส.) ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 153
“การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์” ส่งผลให้รูปแบบการเรียนรู้มีลักษณะท่ีสอดคล้องกับเทคโนโลยี และบริบทสังคมท่ีเปล่ียนแปลงไป สามารถลดการสูญเสียการเรียนรู้ที่เกิดจากการปิดสถานศึกษาจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ และยังตอบสนองต่อพันธกิจหลักของโรงเรียนในการพัฒนาความเป็นต้นแบบ และองค์ความรู้ในการบริหารจัดการ รวมถึงการจัดการศึกษาส�ำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา พัฒนานักเรียนให้มีศักยภาพสูงทัดเทียมกับโรงเรียนวิทยาศาสตร์ช้ันน�ำของโลก และเป็นการเตรียมพ้ืนฐานส�ำหรับ บุคคลท่มี คี ณุ ภาพสงู เพอื่ การศกึ ษาในระดับอดุ มศกึ ษาในการท่ีจะสรา้ งนักวิชาการอนั ยอดเยยี่ มของประเทศในอนาคต พฒั นานักเรยี นให้มีศักยภาพสูง ทดั เทียมกับโรงเรียนวทิ ยาศาสตร์ชั้นนำ�ของโลก การจดั การเรียนการสอน ภายใตส้ ถานการณ์การแพรร่ ะบาด ของโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์จัดการเรียนการสอน ในรูปแบบออนไลน์มาตั้งแต่ช่วงต้นของปีการศึกษา ๒๕๖๓ โดยน�ำ Google Meet และ Google Classroom มาใช้เป็น เคร่ืองมือหลักในการด�ำเนินการ ส�ำหรับภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ และภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนได้ปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมและการจัดการเรียน การสอนเปน็ ระบบผสมผสาน (Hybrid) ดังน้ี ๑) จัดตารางเวลาให้ครูผู้สอนและนักเรียนได้พบกัน และสามารถสอบถามข้อสงสยั ไดท้ นั ที (Real Time) ซ่งึ เรียกวา่ Discussion Time / Interaction Time (Synchronous Learning) ๒) นกั เรยี นศกึ ษาเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองไดต้ ลอดเวลาจากสอื่ การเรยี นร้ใู นรูปแบบออนไลน์ (Asynchronous Learning) ๓) กำ� หนด Office Hour ของครแู ตล่ ะคน เพอ่ื ใหน้ กั เรยี น สามารถสื่อสารกับครูผู้สอนได้ตลอดเวลา โดยอาจจะเป็นแบบ เรียลไทม์ (Real Time) หรือเป็นการฝากขอ้ ความไว้ ในภาคเรียนที่ ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรยี นยังคงจดั การเรยี นการสอนในระบบผสมผสาน (Hybrid) แตเ่ มอื่ สถานการณ์ ตา่ ง ๆ เรม่ิ คลค่ี ลาย โรงเรยี นจงึ ไดจ้ ดั ใหน้ กั เรยี นเขา้ มาเรยี นทโี่ รงเรยี น (On Site) เพอ่ื รว่ มกจิ กรรมทจ่ี ำ� เปน็ ตอ้ งลงมอื ปฏบิ ตั ิ (Hands On) ตามชว่ งเวลาดังนี้ 154 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธิการ
• นกั เรยี นระดับชนั้ ม.๖ ระหว่างวันท่ี ๒๙ พฤศจิกายน - ๒๘ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ • นกั เรยี นระดบั ชนั้ ม.๔-๕ ระหวา่ งวนั ที่ ๒๙ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยหลังจากนั้น นักเรียนจะกลับไปเรียนออนไลน์ จากทีพ่ ักจนกระทงั่ จบปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ ทั้งน้ี การน�ำนักเรียนเข้ามาเรียนท่ีโรงเรียน (On Site) โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ได้ด�ำเนินการตามมาตรการป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และมาตรการตามประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์ การเปิดโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ตามข้อก�ำหนด ออกตามความในมาตรา ๙ แหง่ พระราชกำ� หนดการบรหิ ารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉนิ พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบบั ที่ ๓๔) อย่างเคร่งครดั ในภาคเรยี นที่ ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนยงั คงจัดการเรยี นการสอนในระบบผสมผสาน (Hybrid) แตด่ ว้ ยสถานการณ์ตา่ ง ๆ เริ่มคลีค่ ลาย โรงเรยี นจึงได้จดั ใหน้ ักเรียนเขา้ มาเรยี นทีโ่ รงเรยี น (On Site) เพอื่ รว่ มกิจกรรมทจี่ ำ�เปน็ ต้องลงมือปฏิบัติ (Hands On) การบริการพิเศษทางวชิ าการ ด้านการจดั การเรยี นการสอนคณิตศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ พนั ธกจิ หนงึ่ ของโรงเรยี นมหดิ ลวทิ ยานสุ รณ์ คอื การเปน็ และบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนต่าง ๆ โดยมีการน�ำ ต้นแบบด้านการจัดการศึกษาส�ำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ เทคโนโลยแี ละสอ่ื สงั คมออนไลนห์ ลากหลายรปู แบบมาประยกุ ตใ์ ช้ ดา้ นคณติ ศาสตรแ์ ละวทิ ยาศาสตร์ ซงึ่ การบรกิ ารพเิ ศษทางวชิ าการ รว่ มกนั ไดแ้ ก่ การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองกอ่ นเขา้ อบรม โดยศกึ ษาสอื่ / ด้านการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เอกสารความรู้ ผ่านทาง Google Classroom และ Google Site ของโรงเรยี นมหดิ ลวทิ ยานสุ รณ์ ภายใตส้ ถานการณก์ ารแพรร่ ะบาด การ Show & Share และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันแบบ ของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทย Face to Face ผา่ นทาง Google Meet ชอ่ งทางการตดิ ตอ่ สอื่ สาร/ โรงเรียนได้ปรับรูปแบบการให้บริการพิเศษทางวิชาการ นัดหมาย ผา่ นทางกลุ่ม Line สนทนา และโทรศัพท์ ผ่านการอบรมความรู้ทางวิชาการและเทคนิควิธีการจัดการเรียน การสอนดา้ นคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีในรปู แบบ ในส่วนของการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการ ออนไลน์ โดยส่งผ่านองค์ความรู้ เทคนิควิธี และประสบการณ์ และเทคนิควิธีการจัดการเรียนการสอนด้านคณิตศาสตร์ การจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนในโรงเรียน ไปยังครู วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้น รูปแบบจะแตกต่างกันไป ตามลกั ษณะของโครงการและกลมุ่ เป้าหมาย ดังนี้ ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 155
นำ�เทคโนโลยีและสอ่ื สงั คมออนไลนห์ ลากหลายรปู แบบมาประยกุ ตใ์ ชร้ ว่ มกัน ๑. ด้านการขยายผลองค์ความรู้ทางวิชาการ ๒. ด้านการพัฒนาความรทู้ างวิชาการ และวิธีจดั การเรยี นการสอนไปยงั โรงเรยี น และการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ในการจดั การเรียนการสอน สงั กัดสำ� นักงานคณะกรรมการ การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (สพฐ.) ในจงั หวดั จัดการอบรมพัฒนาความรู้ทางวิชาการและการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศในการเรียนการสอนทางด้านคณิตศาสตร์ จัดอบรมและเตรียมความพร้อมให้กับครูระดับ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้กบั ครูและบุคลากรทางการศึกษา มัธยมศึกษาตอนปลายของโรงเรียนมัธยมศึกษาที่จัดการเรียน ระดับมัธยมศึกษาของกลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ การสอนหอ้ งเรยี นพเิ ศษวทิ ยาศาสตร์ สงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการ ราชวทิ ยาลยั และโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษาสงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการ การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน (สพฐ.) และกลมุ่ โรงเรยี นวทิ ยาศาสตรจ์ ฬุ าภรณ การศึกษาข้ันพ้ืนฐานทั่วประเทศที่สนใจ ในรูปแบบออนไลน์ ราชวทิ ยาลยั ทถี่ กู จดั ตงั้ เปน็ โรงเรยี นศนู ยข์ ยายผลฯ รวม ๒๓ โรงเรยี น โดยในปี พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ มีครูและบุคลากรทางการศึกษา จ�ำนวน ๒ ครัง้ ต่อปี (รวม ๓๖๘ คนตอ่ ป)ี เพือ่ ใหม้ คี วามพรอ้ ม ให้ความสนใจเข้ารับการพัฒนาความรู้ทางวิชาการ และการใช้ ในการเป็นวิทยากรอบรมทางด้านคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี เทคโนโลยสี ารสนเทศฯ กบั โรงเรยี นมหดิ ลวทิ ยานสุ รณ์ รวมจำ� นวน และชวี วทิ ยา และนำ� ไปขยายผลใหก้ บั ครรู ะดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ๑,๐๘๐ คน จาก ๖๕ โรงเรียน ของโรงเรยี นระดบั มธั ยมศกึ ษา สงั กดั สพฐ. ทเ่ี ปน็ โรงเรยี นเครอื ขา่ ย ในจังหวัดของตน จ�ำนวน ๑๐ โรงเรียน จ�ำนวน ๒ คร้ังต่อปี ปัจจุบันการให้บริการพิเศษทางวิชาการในทุกโครงการ (รวม ๓,๖๐๐ คนต่อปี จาก ๒๒๕ โรงเรยี นเครอื ขา่ ย) เพ่ือใหค้ รู ของโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ มีการด�ำเนินการครอบคลุม โรงเรียนเครือข่ายในจังหวัดได้น�ำความรู้และเทคนิควิธีการจัด โรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ มากกว่า ๔๐๐ โรงเรียน โดยมคี รกู ว่า การเรียนการสอนน้ันไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้กับ ๗,๐๐๐ คน ที่ได้รับการพัฒนาและน�ำองค์ความรู้ทางด้าน นกั เรียนในโรงเรียนต่อไป คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปถ่ายทอดสู่นักเรียน 156 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
โรงเรยี นได้น�ำ ประสบการณ์ จากการจดั การเรียนการสอนแบบออนไลน์ในช่วงที่ผา่ นมา พัฒนาแนวคิดและแพลตฟอร์ม (Platform) การเรยี นรู้ในอนาคต ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายมากกวา่ ๑๖๐,๐๐๐ คน นอกจากน้ี ท่ีสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาโรงเรียนท่ีก�ำลังด�ำเนินการ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ยังรวบรวมองค์ความรู้ในการจัด กลา่ วคอื การปรบั เปลยี่ นเอกสารในรปู แบบกระดาษมาเปน็ เอกสาร การเรยี นสอน ผลติ เปน็ วดิ โี อสอ่ื การสอน เผยแพรไ่ ปยงั ครู นกั เรยี น อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เพอื่ นำ� ไปสรู่ ะบบเอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ สอดคลอ้ ง และผู้สนใจทั่วไปได้เรียนรู้เพิ่มเติม โดยตลอด ๒ ปีที่ผ่านมา กับระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) ทอี่ ยู่ระหว่าง โรงเรียนมีการผลิตและเผยแพร่วิดีโอส่ือการสอนในด้าน การพฒั นาของโรงเรยี น นอกจากน้ี โรงเรยี นไดป้ รบั รปู แบบการยนื ยนั คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาศาสตร์ และศิลปศาสตร์ ตวั ตนในการสง่ เอกสารภายใน จากไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สม์ าเปน็ มากกวา่ ๗๐ หวั ขอ้ นบั เปน็ กา้ วหนง่ึ ของการขยายผลองคค์ วามรู้ การลงลายมือช่ืออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) ซึ่งมีท้ังที่ ทีจ่ ะต่อยอดเพือ่ สร้างความยง่ั ยนื ของการศกึ ษาไทยในอนาคต การลงลายมอื ชอื่ สำ� หรบั เอกสารภายในโรงเรยี น (Internal Digital Signature) และการรับรองเอกสารไปยังหน่วยงานภายนอก การปรบั เปลีย่ นองค์กร (Global Digital Signature) ไปส่รู ูปแบบดิจิทัล ในด้านการเรียนการสอน โรงเรียนได้น�ำประสบการณ์ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส จากการจดั การเรยี นการสอนแบบออนไลนใ์ นชว่ งทผ่ี า่ นมา พฒั นา โคโรนา 2019 (COVID-19) ตงั้ แตต่ น้ ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ มาจนถงึ ปจั จบุ นั แนวคดิ และแพลตฟอรม์ (Platform) การเรยี นรใู้ นอนาคต โดยรเิ รมิ่ ได้เป็นแรงผลักดันให้โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ปรับเปล่ียน พัฒนาระบบ Massive Open Online Course (MOOC) รูปแบบการบริหารจัดการและการจัดการเรียนการสอนให้เร็วข้ึน ของโรงเรียนข้ึน เพื่อรองรับการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน กว่าแผนเดิมที่ได้วางไว้ อีกทั้งยังเป็นการบังคับให้บุคลากร และใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ในการพฒั นาครแู ละนกั เรยี นของโรงเรยี นอน่ื ของโรงเรียนต้องพัฒนาความสามารถพ้ืนฐานทางด้านดิจิทัล ตอ่ ไปในอนาคต ให้สามารถท�ำงานทั้งจากท่ีพักและที่โรงเรียนประสานควบคู่กัน ไปดว้ ย จากการด�ำเนินงานในภาพรวมของโรงเรียนมหิดล วิทยานุสรณ์ที่กล่าวมาข้างต้น ได้สะท้อนให้เห็นถึงการน�ำ การประกาศใช้ระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรม มาปรบั เปลยี่ นและพฒั นา งานสารบรรณ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔ เมื่อเดือนพฤษภาคม การจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ภายใต้การเปล่ียนแปลง พ.ศ. ๒๕๖๔ ท่ีผ่านมา ได้เน้นเร่ืองของการรับ-ส่งเอกสาร ภูมิทัศน์การศึกษา (Education landscape) ไปสู่สังคมดิจิทัล ผ่านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงาน ซึ่งเป็นระเบียบ ขยายผลและต่อยอดไปสู่โรงเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทว่ั ประเทศ เพอื่ ยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 157
๑๑ สำ�นกั งานเลขาธิการคุรสุ ภา (คส.) 158 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เปน็ เลศิ ด้านการบริการวชิ าชพี ทางการศกึ ษา ม่งุ สู่การเปน็ ครุ ุสภา ยุค “Smart Digital” สำ� นกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภาดำ� เนนิ งานตามบทบาทภารกจิ ของครุ สุ ภา ในฐานะสภาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ตามพระราชบญั ญตั ิ สภาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๔ เพอื่ เปน็ หลกั ประกนั ใหส้ งั คมวา่ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษามคี ณุ ภาพตามมาตรฐาน วชิ าชีพ และจรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างแท้จริง ภายใต้กรอบมาตรฐานวิชาชพี ทางการศึกษาสคู่ ุณภาพการจัดการศกึ ษาและคุณภาพ ผเู้ รยี น สอดคลอ้ งกบั การปฏริ ปู ประเทศ ดว้ ยการตอบสนองนโยบายปฏริ ปู การศกึ ษาในการพฒั นาระบบการผลติ และพฒั นาครทู ม่ี คี ณุ ภาพ และมจี ติ วญิ ญาณของความเปน็ ครู เพราะครเู ป็นหัวใจส�ำคัญของการปฏริ ปู การศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาประเทศ ตลอดระยะเวลาท่ีผ่านมา คุรุสภาได้ด�ำเนินงานภายใต้นโยบาย “คุรุสภาพัฒนาสู่องค์การแห่งการเรียนรู้ ผู้ประกอบวิชาชีพ มีจิตวิญญาณความเป็นครู มีความรู้ ความสามารถท่ีแท้จริง” เน้นการยกระดับคุณภาพการให้บริการ มุ่งสู่การเป็นคุรุสภายุค “Smart Digital” สอดคลอ้ งกบั การเปลย่ี นแปลงในโลกยคุ ใหม่ และสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) เพ่ืออำ� นวยความสะดวกแก่สมาชิก และพัฒนาศกั ยภาพและสมรรถนะของครู โดยมกี ารด�ำเนินงานท่ีสำ� คัญ ดังน้ี ๑ พฒั นาระบบออกใบอนุญาต ประกอบวิชาชพี ทางการศกึ ษาดิจทิ ัล บรกิ ารงานดา้ นใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา ให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและผู้ประสงค์เข้าสู่วิชาชีพ มากกว่าหน่ึงล้านรายท่ัวประเทศ เพ่ืออ�ำนวยความสะดวกให้แก่ ผรู้ บั บรกิ ารใน ๒ ชอ่ งทาง คอื ๑) จดุ บรกิ าร ณ สำ� นกั งานเลขาธกิ าร คุรุสภา และจุดบริการงานคุรุสภา ณ ส�ำนักงานศึกษาธิการ จังหวัด ท�ำหน้าที่ตรวจสอบและให้ค�ำแนะน�ำในการด�ำเนินการ ผ่านระบบออนไลน์ ซ่ึงจะท�ำให้ตรวจสอบใบอนุญาตรวดเร็วขึ้น และ ๒) บรกิ ารผา่ นระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Service) บนเวบ็ ไซต์ คุรุสภา www.ksp.or.th โดยเริ่มย่ืนผ่านระบบออนไลน์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่ออ�ำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบ วชิ าชีพครูและบคุ ลากรทางการศึกษาท่วั ประเทศ ระบบสารสนเทศผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา (Teachers and Education Personnel Information System : TEPIS) ระบบ TEPIS เป็นการให้บริการทุกงานของคุรุสภา ต้ังแต่งานมาตรฐานวิชาชีพ งานใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ 159
งานพัฒนาวิชาชีพ งานยกย่องวิชาชีพ และงานจรรยาบรรณ ๒ วิชาชีพ นอกจากนี้ ยังมีระบบ KSP e-Service ประกอบด้วย ๑) ด�ำเนนิ การดว้ ยตนเอง (KSP Self-Service) ให้บรกิ ารขอขึ้น พฒั นาระบบสารสนเทศประเมนิ ทะเบียนและขอต่ออายุใบอนุญาตฯ การยื่นผลงานหนึ่งโรงเรียน เพ่อื สอบรบั ใบอนุญาต หน่ึงนวัตกรรม การย่ืนผลงานวิจัยของคุรุสภา และครูอาวุโส ประกอบวิชาชีพครู ๒) ด�ำเนนิ การผ่านสถานศกึ ษา (KSP School) ให้บรกิ ารขอ้ มูล ทะเบยี น การตอ่ อายใุ บอนญุ าต การขอหนงั สอื อนญุ าตใหป้ ระกอบ การทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู วิชาชีพทางการศึกษาโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ตามมาตรฐานวชิ าชพี เพอ่ื การออกใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี ครู แบบประเมนิ ปฏบิ ัตกิ ารสอน การขอรับรองคณุ วฒุ ิทางการศกึ ษา เปน็ กระบวนการคดั กรองผเู้ ขา้ สวู่ ชิ าชพี ครรู ะบบใหมท่ เี่ รมิ่ บงั คบั ใช้ และ ๓) ด�ำเนินการผ่านสถาบันผลิตครู (KSP Bundit) กับผู้ส�ำเร็จการศึกษาในหลักสูตรปริญญา หรือประกาศนียบัตร ให้บริการรับรองหลักสูตรการผลิตครู ข้อมูลผู้เข้ารับการศึกษา ทางการศึกษาที่คุรุสภารับรอง และเข้าศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา และขอ้ มลู ผสู้ ำ� เรจ็ การศกึ ษา การใหบ้ รกิ ารผา่ นระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป รวมถงึ ผมู้ คี ณุ วฒุ ปิ ริญญาสาขาอ่ืนท่ผี ่าน (e-service) สามารถย่ืนค�ำขอออนไลน์ตลอด ๒๔ ชั่วโมง การรบั รองความรแู้ ละประสบการณว์ ชิ าชพี ครู ตามมาตรฐานวชิ าชพี ทางเว็บไซต์ของคุรุสภา www.ksp.or.th โดยไม่ต้องด�ำเนินการ หรือผ่านการรับรองคุณวุฒิการศึกษาเพื่อการประกอบวิชาชีพครู ผ่านช่องทางไปรษณีย์และเคาน์เตอร์บริการอีกต่อไป ส�ำหรับ จะต้องผ่านการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู การชำ� ระคา่ ธรรมเนยี ม สามารถดำ� เนนิ การผา่ น ๓ ชอ่ งทาง ไดแ้ ก่ ตามมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ๑) ไปรษณีย์ ๒) ธนาคารกรงุ ไทย และ ๓) เคานเ์ ตอร์เซอรว์ ิส องค์ประกอบการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู มี ๒ สว่ น ไดแ้ ก่ ๑) การทดสอบและประเมนิ สมรรถนะทางวชิ าชพี ครู ซึ่งผู้ได้รับใบอนุญาตสามารถพิมพ์ใบอนุญาตได้เอง ดา้ นความรแู้ ละประสบการณว์ ชิ าชพี และ ๒) การประเมนิ สมรรถนะ จากระบบสารสนเทศของคุรุสภา และน�ำไปใช้ได้ทันที รวมทั้ง ทางวิชาชีพครู ด้านการปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน ยังสามารถตรวจสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูจะต้องเป็นผู้ผ่านเกณฑ์ ผ่านทางระบบได้ทุกท่ี ทุกเวลา ผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูทั้ง ๒ ส่วน เชน่ โทรศพั ทม์ อื ถอื ไดอ้ กี ดว้ ย ซงึ่ การแสดงใบอนญุ าตอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ จึงจะขอรบั ใบอนญุ าตประกอบวิชาชพี ครตู อ่ ไปได้ ด้วยวิธีดังกล่าวก็ถือว่าผู้ประกอบวิชาชีพมีใบอนุญาตอยู่กับตัว เช่นเดียวกัน และหากหน่วยงานต้นสังกัดต้องการตรวจสอบ คุรุสภาได้ด�ำเนินการการทดสอบและประเมินสมรรถนะ ใบอนุญาต ก็สามารถท�ำได้โดยง่ายผ่านทางเว็บไซต์ของคุรุสภา ทางวชิ าชพี ครู มาตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยความรว่ มมอื กบั สถาบนั หรือตรวจสอบโดยการสแกน QR Code บนใบอนุญาตก็ได้ ทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) จัดทดสอบ ทั้งน้ผี ู้ได้รับอนุมตั ิใบอนุญาตตง้ั แต่วันที่ ๑๖ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และประเมินสมรรถนะทางวิชาชพี ครู ในรปู แบบกระดาษ เพ่อื ให้ เป็นต้นไป จะไดร้ ับใบอนญุ าตอิเลก็ ทรอนกิ สเ์ ทา่ นน้ั การด�ำเนินการทดสอบเป็นไปอย่างต่อเน่ืองอย่างมีประสิทธิภาพ และมเี ทคโนโลยแี ละนวตั กรรมทเ่ี หมาะสมในการใหบ้ รกิ าร ครุ สุ ภา คุรุสภาได้พัฒนาระบบสารสนเทศในการให้บริการงาน จึงได้ด�ำเนินการพัฒนาระบบการทดสอบเพื่อขอขึ้นทะเบียน ด้านใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาอย่างต่อเน่ือง รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูมาใช้กับผู้ท่ีมีคุณวุฒิปริญญา ท�ำให้ผู้รับบริการได้ใช้ระบบสารสนเทศท่ีมีความน่าเชื่อถือ ทางการศึกษาหรอื เทยี บเท่า หรือผูท้ มี่ คี ุณวฒุ อิ ่ืนที่คุรสุ ภารับรอง ปลอดภยั สามารถตรวจสอบขอ้ มลู ไดส้ ะดวกรวดเรว็ สามารถใชง้ าน มเี ปา้ หมายรองรบั การทดสอบออนไลนใ์ น พ.ศ. ๒๕๖๕ ทง้ั น้ี ระบบ ได้ทุกท่ี ผ่านอุปกรณ์ท่ีหลากหลาย ช่วยลดภาระให้แก่ครู ประเมนิ เพอ่ื รบั ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี ครมู กี ระบวนการทำ� งาน ไม่ต้องเสียเวลา ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและช่วยลดความเส่ียง ตงั้ แตเ่ รอื่ งของสรา้ งขอ้ สอบ การกลนั่ กรองขอ้ สอบ การจดั ชดุ ขอ้ สอบ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การรับสมัครสอบ การช�ำระค่าธรรมเนียม การสมัครสอบ (COVID-19) อกี ด้วย การตรวจสอบการชำ� ระคา่ ธรรมเนยี มการสมคั รสอบ รวมถงึ การสง่ ข้อมูลผู้เข้ารับการประเมินเพ่ือรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู การติดต่อสอบถามเก่ียวกับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ไปยงั ระบบผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา (TEPIS) และระบบอนื่ ทางการศึกษาทุกประเภท สามารถติดต่อผ่านทาง Call center ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เพอื่ เปน็ สว่ นหนง่ึ ในการขอขน้ึ ทะเบยี นขอรบั ใบอนญุ าต ๐ ๒๓๐๔ ๙๘๙๙ หรือหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าหน้าท่ีคุรุสภา ประกอบวิชาชพี ครู ณ สำ� นักงานศึกษาธิการจงั หวดั ทีส่ มาชิกสังกัด 160 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
พฒั นาบคุ ลากรให้มีทกั ษะ การใช้เทคโนโลยีดิจทิ ัล จัดส่งบคุ คลากรด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ เขา้ รับการอบรมกับหนว่ ยงานภายนอก และการอบรมในรูปแบบออนไลน์ ๓ ๔ ปรบั เปล่ยี นรปู แบบการท�ำงาน การพัฒนาการสือ่ สารคุรุสภา ปรับระบบการท�ำงานโดยใชเ้ ทคโนโลยี มงุ่ สอู่ งค์กรดจิ ทิ ัล มาชว่ ยในการปฏิบัตงิ าน มุ่งพัฒนาช่องทางการส่ือสารและส่ือประชาสัมพันธ์ มกี ารใช้ระบบ Virtual Private Network (VPN) เพอ่ื ให้ ระหว่างส�ำนักงานเลขาธิการคุรุสภาและผู้ประกอบวิชาชีพ เจา้ หนา้ ทท่ี งั้ สว่ นกลางและสว่ นภมู ภิ าค สามารถปฏบิ ตั งิ านทบี่ า้ นได้ ทางการศกึ ษา บคุ คลตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง และประชาชนทว่ั ไป ไดร้ บั รู้ (Work From Home) ปรับตัวท�ำงานผ่านระบบออนไลน์ ขา่ วสาร และสามารถเข้าถึงข้อมูล ผ่านส่ือออนไลน์เพ่ิมมากขึ้น ไดอ้ ยา่ งราบรนื่ โดยการใชร้ ะบบสารบรรณอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ชว่ ยในการ เพอ่ื ใหค้ รอบคลมุ และทว่ั ถงึ กลมุ่ เปา้ หมาย และสรา้ งภาพลกั ษณท์ ด่ี ี รบั -สง่ หนงั สอื ลดขนั้ ตอนการดำ� เนนิ งาน ลดการใชก้ ระดาษ ใชร้ ะบบ ของครุ สุ ภา เชน่ website, Line, Facebook, Instagram, Twitter การประชุมออนไลน์ (Online) ผ่านระบบแอปพลิเคชัน Zoom Live, Chat และ Mobile App จัดท�ำ Motion Infographic Cloud Meetings ติดต้ังระบบทุกห้องประชุมของส�ำนักงาน ภาพ Infographic เพื่อลดความเส่ียงและเพ่ิมประสิทธิภาพในการประชุม ถือเป็น การพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เพราะท�ำให้เจ้าหน้าที่และผู้รับบริการ ส�ำหรับ Mobile Application เป็นการบันทึกข้อตกลง ได้ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง และสามารถใช้งานและขอรับ ความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท วี บิลด์ โอเปอร์เรต จ�ำกัด บริการผ่านระบบออนไลน์ของคุรุสภาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จัดท�ำเครื่องมือเพื่อการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้กับครูและ มากขน้ึ บุคลากรทางการศึกษา ผ่านรูปแบบ Mobile Application (Khuru on Mobile) รวมถงึ พฒั นาบคุ ลากรใหม้ ที กั ษะการใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ลั จัดส่งบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ารับการอบรมกับ หน่วยงานภายนอกและการอบรมในรูปแบบออนไลน์ รวมทั้ง มีการจัดอบรมการใช้งานคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเบ้ืองต้น และการใช้งานแอปพลเิ คชนั Zoom สำ� หรับการประชมุ ออนไลน์ ให้แก่พนกั งานเจ้าหน้าทส่ี ำ� นักงานเลขาธกิ ารคุรุสภา ใหส้ ามารถ น�ำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานเพ่ือยกระดับการท�ำงาน ให้มีประสิทธภิ าพมากย่ิงขน้ึ ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 161
๕ การเชอ่ื มโยงแลกเปล่ยี นข้อมลู ระหว่างหน่วยงานผ่านระบบบรู ณาการ ฐานข้อมลู ประชาชนและการบริการภาครฐั (Linkage Center) นอกจากนี้ ยังเร่งผลักดันการเช่ือมต่อฐานข้อมูลกับ ทุกหน่วยงานทางการศึกษาและหน่วยงานอ่ืน ๆ ที่เก่ียวข้อง เพอ่ื สนบั สนนุ ใหเ้ กดิ ฐานขอ้ มลู ขนาดใหญ่ (Big Data) ทางการศกึ ษา ขน้ึ มาโดยเรว็ และจดั ทำ� ระบบบญั ชขี อ้ มลู และจดั ทำ� ขอ้ มลู เปดิ ของ ส�ำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เพื่อท�ำเป็นข้อมูลเปิดภาครัฐ (Open Government Data) เพื่อน�ำไปเผยแพร่ เปิดเผย ต่อสาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงและใช้ได้อย่างเสรี หรอื ใชป้ ระโยชน์ไดโ้ ดยไมจ่ �ำกัดวัตถุประสงค์ คุรุสภามีการเช่ือมโยงแลกเปล่ียนข้อมูลของผู้ประกอบ วิชาชีพทางการศึกษาระหว่างหน่วยงานผ่านระบบบูรณาการ ฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ (Linkage Center) เชน่ การขอใชป้ ระโยชนข์ อ้ มลู ทะเบยี น ประวตั ริ าษฎรจากฐานขอ้ มลู ทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ส�ำนักงาน ตำ� รวจแหง่ ชาติ กระทรวงแรงงาน เปน็ ตน้ โดยใชเ้ ลขบตั รประจำ� ตวั ประชาชน ๑๓ หลัก ในการตรวจสอบข้อมูล ผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษาและเพ่ือเป็นปัจจุบัน รวมถึงการเชื่อมโยง แลกเปลย่ี นขอ้ มลู ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษาดว้ ยเทคโนโลยี ผ่านบริการ Web Service กับหน่วยงานในสังกัดกระทรวง ศกึ ษาธกิ าร ใหส้ ามารถเชอ่ื มโยงและแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ระหวา่ งกนั ได้ ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และมีประสทิ ธิภาพ จดั ทำ�ระบบบญั ชขี อ้ มลู และจดั ทำ�ข้อมลู เปดิ ของสำ�นกั งานเลขาธกิ ารครุ ุสภา เพอื่ ท�ำ เป็นข้อมูลเปิดภาครฐั (Open Government Data) เพ่อื น�ำ ไปเผยแพร่ เปิดเผยต่อสาธารณะ 162 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ
๖ ๗ วารสารของครุ ุสภา หอสมุดคุรุสภา (e-Library) มุ่งเขา้ ฐาน TCI และสง่ เสรมิ องคค์ วามรพู้ ฒั นาวชิ าชพี หอสมุดคุรุสภาเน้นการให้บริการทรัพยากรสารสนเทศ ด้านวิชาชีพทางการศึกษาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ได้ด�ำเนินการผลิตและเผยแพร่วารสารของคุรุสภา ผา่ น ๓ ชอ่ งทาง ไดแ้ ก่ ๑) เวบ็ ไซตห์ อสมดุ ครุ สุ ภาใหบ้ รกิ ารขอ้ มลู เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ข่าวสารการศึกษารายวัน และภาพกิจกรรมส�ำคัญของคุรุสภา จำ� นวน ๒ เล่ม ดว้ ยกัน ดงั น้ี ๒) Facebook Fan Page “หอสมุดคุรุสภา” บริการแนะน�ำ ส่ือสารสนเทศ กิจกรรม หรือข่าวประชาสัมพันธ์ที่น่าสนใจ ๑) วารสารวิทยาจารย์ (Journal of Teachers’ พร้อมเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารของหอสมุดคุรุสภา Professional Development) และ ๓) คลังข้อมูลสารสนเทศด้านวิชาชีพทางการศึกษา ของหอสมุดคุรุสภา (URL: https://elibrary.ksp.or.th/) เป็นวารสารทางวิชาการและวิชาชีพของคุรุสภา บรกิ ารสบื คน้ สารสนเทศ โดยมจี ดั หมวดหมใู่ หบ้ รกิ ารประกอบดว้ ย ท่ีเผยแพร่มายาวนานถึง ๑๒๑ ปี ปัจจุบันได้พัฒนารูปแบบเป็น คลงั ความรวู้ ชิ าชพี คลงั บคุ คลวชิ าชพี คลงั พพิ ธิ ภณั ฑ์ จดหมายเหตุ วารสารเพ่ือการพัฒนาวิชาชีพครู โดยเผยแพร่แบบรูปเล่ม ครุ สุ ภา กจิ กรรมการเรยี นรู้และศนู ยข์ อ้ มลู ขา่ วสาร ซงึ่ ทง้ั ๓ ชอ่ งทาง และทางชอ่ งทางออนไลน์ มนี กั วชิ าการ นกั คดิ นกั เขยี น สง่ บทความ เปดิ ใหบ้ รกิ ารควบคกู่ นั เพอื่ ใหผ้ ใู้ หบ้ รกิ ารสามารถเขา้ ถงึ แหลง่ ขอ้ มลู มาตพี มิ พอ์ ยา่ งกวา้ งขวาง เพอื่ เผยแพรอ่ งคค์ วามรแู้ ละนวตั กรรม สารสนเทศได้โดยไม่จ�ำกัดสถานที่หรือเวลา นอกจากนี้หอสมุด ทางการศึกษา ในยุคดิจิทัลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว สามารถดู คุรสุ ภาไดด้ �ำเนินการจัดท�ำ “จดหมายเหตุคุรสุ ภา” รายละเอยี ดไดท้ ่ี http://www.withayajarn.com หอสมุดคุรุสภา เปิดให้บริการบริเวณ ช้ัน ๒ อาคาร ๒) วารสารคุรุสภาวิทยาจารย์ JOURNAL OF หอประชมุ ครุ สุ ภา สำ� นกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา ทกุ วนั จนั ทร์ - ศกุ ร์ TEACHER PROFESSIONAL DEVELOPMENT ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. ยกเว้น วันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สามารถดูรายละเอียดเว็บไซต์ นับเป็นปีท่ี ๓ ที่วารสารคุรุสภาวิทยาจารย์ด�ำเนินการ หอสมุดคุรสุ ภาท่ี https://elibrary.ksp.or.th/ มาเป็นวารสารท่ีตีพิมพ์บทความวิชาการและบทความวิจัย ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การศกึ ษาและการพฒั นาวชิ าชพี ครแู ละบคุ ลากร ส�ำนักงานเลขาธิการคุรุสภามีความมุ่งม่ันพัฒนา ทางการศึกษา ทางด้านวิทยาศาสตร์ ด้านสังคมศาสตร์ ให้เปน็ องคก์ รสมยั ใหม่ พัฒนาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศในการ ด้านครุศาสตร์ และด้านอักษรศาสตร์ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ใหม่ ปฏบิ ตั งิ านและการบรกิ าร เพอ่ื อำ� นวยความสะดวกใหก้ บั ผปู้ ระกอบ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์การเปล่ียนแปลง สร้างความตระหนัก วิชาชีพทางการศึกษา ซ่ึงเป็นการด�ำเนินงานภายใต้นโยบาย ให้ความส�ำคัญกับนักเรียน ครู และการศึกษา วารสารคุรุสภา ท่ีสอดคล้องกับทิศทางของยุทธศาสตร์ชาติ มีการบูรณาการ วิทยาจารย์ จัดท�ำผ่านระบบ ThaiJO มีเป้าหมายให้วารสาร ในการท�ำงานร่วมกัน เร่งผลักดันและขับเคล่ือนการด�ำเนินงาน เข้าสู่ฐานข้อมูลของศูนย์ดัชนีอ้างอิงวารสารไทย (Thai Journal เพื่อแก้ปัญหาและร่วมมือกันพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา Catation Index-TCI) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลวารสารงานวิจัยที่ได้รับ และด�ำเนินงานตามแนวทางบริหารองค์กร คือ ตามหลัก การยอมรับทั้งในระดับประเทศและสากล สามารถดูรายละเอียด ธรรมาภิบาล ยึดมั่นคุณธรรมและนิติธรรม ซื่อสัตย์สุจริต ไดท้ ี่ https://ph๐2.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnj ournal โปร่งใสตรวจสอบได้ รวดเร็วฉับไว เต็มใจให้บริการ และเป็น แบบอย่างที่ดี เพ่ือพัฒนาการท�ำงานของส�ำนักงานเลขาธิการ ครุ ุสภาอย่างต่อเนือ่ งต่อไป ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร 163
๑๒ สถาบันทดสอบทางการศกึ ษาแหง่ ชาติ (องค์การมหาชน) (สทศ.) 164 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ
ปรบั ตัวชี้วดั หลักสตู รการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ใหเ้ หลือเฉพาะส่งิ ทน่ี กั เรยี นจำ�เป็นต้องรตู้ ามตวั ชวี้ ดั ของหลักสูตร ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส ปรบั ผังการสรา้ งขอ้ สอบให้สอดคลอ้ งกับ โคโรนา 2019 (COVID-19) สทศ. ไดป้ รับการวัดและประเมินผล สถานการณ์ COVID-19 ให้เหมาะสมกับสถานการณ์การจัดการเรียนการสอนท่ามกลาง สถานการณ์ COVID-19 โดยมกี ารปรบั ตวั ชว้ี ดั หลกั สตู รการศกึ ษา ปรับผังการสร้างข้อสอบตามมาตรฐานตัวช้ีวัดที่ต้องรู้ ข้ันพื้นฐานให้เหลือเฉพาะสิ่งท่ีนักเรียนจ�ำเป็นต้องรู้ตามตัวช้ีวัด ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเชิญผู้แทน ของหลักสูตร ดังน้ี จากหน่วยงานต้นสังกดั ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน และอาจารย์ มหาวิทยาลัย เพื่อพิจารณาทบทวนและปรับผังการสร้างข้อสอบ และประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้แทนของหน่วยงาน ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ทงั้ น้ี ยงั คงตวั ชว้ี ดั ทตี่ อ้ งรตู้ ามหลกั สตู ร และมาตรฐาน การสร้างแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ โดยเน้นทักษะ การคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาในการทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ ประกอบด้วย การทดสอบ ทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ น้ั พน้ื ฐาน (O-NET) การทดสอบทางการศกึ ษา ระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) การทดสอบทางการศึกษา ระดบั ชาตดิ า้ นพระพทุ ธศาสนา (B-NET) การทดสอบทางการศกึ ษา ระดบั ชาติด้านอสิ ลามศึกษา (I-NET) การทดสอบทางการศกึ ษา ระดบั ชาติดา้ นการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET) การทดสอบ V-NET ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ ด้วยระบบ Digital Testing เน้นวัดสมรรถนะในการเข้าสู่อาชีพ จ�ำนวน ๘ องค์ประกอบ โดยร่วมกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ส�ำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ส�ำนักบริหารงาน คณะกรรมการการสง่ เสรมิ การศกึ ษาเอกชน สถาบนั คณุ วฒุ วิ ชิ าชพี (องค์การมหาชน) สภาอุตสาหกรรมและสถานประกอบการ ได้ร่วมกันพัฒนากรอบการวัดและผังการสร้างข้อสอบ V-NET โดยก�ำหนดองค์ประกอบของการทดสอบตามสมรรถนะที่จ�ำเป็น ในการเข้าสู่อาชีพ Workplace Competency และพัฒนา แบบวัดสมรรถนะภาษาอังกฤษ (English Competency) ท้ังน้ี สิ่งท่ีผู้เข้าสอบจะได้รับหากผ่านเกณฑ์ท่ีก�ำหนด ได้แก่ ๑) ใบรายงานผลการทดสอบ V-NET ๒) วุฒิบัตรสมรรถนะ ภาษาองั กฤษ (English Competency) จาก สทศ. (หากผา่ นเกณฑ์ ที่ก�ำหนด) ๓) ประกาศนียบัตรมาตรฐานสมรรถนะการใช้ดิจิทัล (Digital literacy) จากสถาบันคุณวฒุ วิ ิชาชีพ (องคก์ ารมหาชน) ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ 165
บรหิ ารการจดั สอบภายใตส้ ถานการณ์ COVID-19 พฒั นาระบบการทดสอบออนไลน์ จัดท�ำหนังสือขอความอนุเคราะห์ไปยังกระทรวง พฒั นาระบบการทดสอบออนไลน์ เพอื่ สง่ เสรมิ การเรยี นรู้ สาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา ผา่ นการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติ โดยนกั เรยี น ครอู าจารย์ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด หรือผู้ท่ีสนใจ สามารถเข้ารับการทดสอบได้ท่ีเว็บไซต์ สทศ. และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โดยผู้เข้ารับการทดสอบ จะได้รับทราบผลคะแนนความรู้ โคโรนา 2019 (COVID-19) เพอ่ื แจง้ กำ� หนดการสอบประเภทตา่ ง ๆ ความสามารถ เพื่อน�ำไปใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ และมาตรการป้องกันฯ ดังกล่าว รวมท้ังขอความร่วมมือ ของตนเอง ส�ำหรับครูผู้สอนจะได้รับองค์ความรู้ท่ีเกี่ยวข้องกับ ให้ประสานงานแจ้งไปยังหน่วยงานหรือบุคคลท่ีเก่ียวข้อง เครอ่ื งมือวัดทม่ี มี าตรฐานไปประยุกต์ใชใ้ นการวดั ผลและประเมนิ เพอ่ื อำ� นวยความสะดวกและกำ� กบั ใหแ้ ตล่ ะสนามสอบมมี าตรการ การจัดการเรยี นการสอน ปอ้ งกนั ฯ นอกจากน้ี สทศ. ยงั ได้ออกมาตรการป้องกันการแพร่ ระบาดของเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ในการทดสอบ นอกจากนี้ ไดจ้ ดั กจิ กรรมตา่ ง ๆ ผา่ นระบบออนไลน์ เชน่ ทางการศกึ ษา ประจำ� ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยขอความรว่ มมอื ใหผ้ เู้ ขา้ สอบ การพฒั นาครดู า้ นเกณฑแ์ ละการตรวจขอ้ สอบอตั นยั วชิ าภาษาไทย บุคลากรประจ�ำสนามสอบและผู้ท่ีอยู่ในบริเวณสนามสอบ มีผู้เข้าร่วม จ�ำนวน ๙๖๗ คน และอบรมเชิงปฏิบัติการ ด�ำเนินการตามมาตรการป้องกันฯ อย่างเคร่งครัด เช่น การตรวจอัตนยั เรอ่ื ง “การสรุปใจความส�ำคญั สำ� หรับครูผ้สู อน ทำ� ความสะอาดสนามสอบ มจี ดุ คดั กรองตรวจวดั อณุ หภมู ิ จดั ใหม้ ี วิชาภาษาไทย” มีผ้เู ข้ารว่ ม จ�ำนวน ๑๔๓ คน เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย จัดห้องสอบโดยเว้นระยะห่าง Social Distancing เป็นต้น กรณผี เู้ ขา้ สอบมอี าการไข้ ไอ จาม เจบ็ คอ ตอ้ งสวมหนา้ กากอนามยั และไปรายงานตัวที่ห้องกรรมการกลางประจ�ำสนามสอบ เพ่ือประเมนิ อาการและพิจารณาใหเ้ หมาะสม การทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติ ด้วยระบบดิจทิ ลั (Digital Testing) น�ำการทดสอบดว้ ยระบบดิจิทลั (Digital Testing) มาใช้ ในการทดสอบ O-NET ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ณ สนามสอบโรงเรยี นมธั ยมพระราชทานนายาว จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา และการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา หรือ V-NET เต็มรูปแบบเป็นคร้งั แรก และในปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ จะดำ� เนนิ การทดสอบ V-NET และการทดสอบ B-NET ดว้ ยระบบ ดิจิทัล (Digital Testing) ยื่นค�ำรอ้ งดูกระดาษค�ำตอบออนไลน์ เปิดให้ยื่นค�ำร้องขอตรวจสอบกระดาษค�ำตอบออนไลน์ ผา่ นทางเว็บไซต์ สทศ. ซง่ึ ผู้รบั บริการสามารถแจ้งความประสงค์ ดังน้ี ๑) ตรวจสอบกระดาษค�ำตอบด้วยตนเองท่ี สทศ. หรือ ๒) มอบให้ สทศ. เป็นผู้ด�ำเนินการตรวจสอบและแจ้งผล ผ่านระบบออนไลน์ 166 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ
ทิศทางในอนาคต การน�ำผลสอบทางการศึกษาระดบั ชาติ การทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติ ไปใช้ในการยกระดับการเรยี นการสอน ด้วยระบบดิจิทลั (Digital Testing) สทศ. ได้วิเคราะห์ผลการทดสอบ เพื่อน�ำไปพัฒนา สทศ. จัดท�ำระบบการทดสอบทางการศึกษาแบบดิจิทัล คณุ ภาพการเรยี นการสอน โดยนกั เรยี นไดร้ บั การทดสอบคณุ ภาพ (Digital Testing) และระบบสารสนเทศเชิงยุทธศาสตร์ท่สี ามารถ ตามมาตรฐานการศึกษาชาติ สถานศกึ ษา หน่วยงานที่เกีย่ วข้อง ใช้ในการด�ำเนินการจัดการทดสอบ วิเคราะห์ผลและรายงานผล น�ำผลการทดสอบไปใช้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนการยกระดับ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติทางด้านวิชาการและวชิ าชีพ การเรยี นการสอน รวมทงั้ ไดน้ ำ� ผลการทดสอบไปใชใ้ นการพฒั นา รวมทง้ั ได้ระบบการทดสอบแบบดิจิทัลทคี่ รบวงจรดว้ ยเทคโนโลยี คุณภาพการจัดการการเรียนการสอน และก�ำหนดนโยบาย ดจิ ทิ ลั แบบทนั สมยั ทดแทนการทดสอบแบบ Paper เพอ่ื ตอบสนอง เพ่อื ยกระดับคุณภาพการศึกษา และมีผลงานวจิ ยั และนวตั กรรม การเปล่ียนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑ และสถานการณ์ฉุกเฉิน เก่ียวกับการทดสอบทางการศึกษาที่สามารถน�ำไปใช้ประโยชน์ ท่ีไม่สามารถคาดการณ์ได้และเป็นช่องทางให้ผู้เข้าสอบสามารถ เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพการศึกษา เขา้ รับการทดสอบ สะดวก รวดเรว็ ลดค่าใชจ้ ่ายในการเดินทาง สง่ เสรมิ เดก็ ไทย อ่าน เขียน คิดวเิ คราะหเ์ ปน็ สทศ. ไดพ้ ฒั นานวตั กรรมดา้ นการทดสอบทางการศกึ ษา ด้วยข้อสอบอัตนัย ระดับชาติอย่างต่อเน่ือง เพ่ือให้นักเรียน ครู อาจารย์ บุคลากร ทางการศกึ ษา และผทู้ ส่ี นใจไดเ้ ขา้ ถงึ และสามารถเขา้ รบั การทดสอบ จากการวัดและประเมินความรู้ความสามารถของ ของ สทศ. ไดอ้ ยา่ งท่วั ถึง โดยในปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ สทศ. จะนำ� นักเรียนด้วยรูปแบบข้อสอบอัตนัย ท�ำให้นักเรียนได้พัฒนา การทดสอบดว้ ยระบบดจิ ทิ ลั (Digital Testing) มาใชใ้ นการทดสอบ และฝกึ ฝนทกั ษะการอา่ น การเขยี น การคดิ วเิ คราะห์ การเชอ่ื มโยง ทางการศึกษาระดบั ชาติดา้ นอาชีวศกึ ษา ความคิด การบูรณาการความคิด และสื่อสารออกมาในรูปแบบ การเขียนได้ ซึ่งภายหลังการทดสอบ นักเรียน สถานศึกษา V-NET (Vocational National Educational Test) หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งจะไดท้ ราบผลคะแนน และขอ้ คน้ พบมโนทศั น์ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านพระพุทธศาสนา หรือ ทค่ี ลาดเคลอื่ นเพอื่ นำ� ไปใชใ้ นการพฒั นาความสามารถในการอา่ นออก (Buddhism National Educational Test) B-NET การทดสอบ เขียนได้ ทักษะการเรียนรู้ การคิดแบบมีเหตุผลเป็นข้ันตอน ประเภทอ่ืน ๆ เช่น การทดสอบวัดสมรรถนะครูทางด้านการวัด และสามารถน�ำผลสอบไปใช้ในการยกระดับคุณภาพการจัด และประเมินผลการเรียนรู้ รวมทั้งได้ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพ การเรียนการสอน และกำ� หนดนโยบายชาตเิ พ่ือยกระดบั คณุ ภาพ นักเรียน ครู อาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา และบุคลากร การศกึ ษา ทง้ั น้ี ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ จะนำ� ขอ้ สอบรปู แบบอตั นยั ดา้ นการทดสอบในรปู แบบออนไลน์ เชน่ ระบบการทดสอบออนไลน์ มาใช้ในการทดสอบ O-NET วิชาภาษาไทยของช้ันมัธยมศึกษา ระบบการพฒั นาบคุ ลากรดา้ นการทดสอบ ระบบทดลองทำ� ขอ้ สอบ ปีท่ี ๓ TEC-W เป็นต้น ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธิการ 167
๑๓ สำ�นกั งานลูกเสือแหง่ ชาติ (สลช.) 168 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
สำ� นกั งานลกู เสอื แหง่ ชาตไิ ดด้ ำ� เนนิ การโดยใชเ้ ทคโนโลยเี ขา้ มามบี ทบาทพฒั นาการฝกึ อบรมหรอื การชมุ นมุ ลกู เสอื ผบู้ งั คบั บญั ชา ลกู เสอื และเจา้ หนา้ ทลี่ กู เสอื มากขนึ้ ประกอบดว้ ย การใชส้ อ่ื เทคโนโลยที หี่ ลากหลาย ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ มกี ารฝกึ อบรมหลกั สตู รลกู เสอื มคั คุเทศก์ โดยใชร้ ปู แบบ On Air Online และ On Site นำ� ร่อง ๘ จงั หวัด และขยายผลครอบคลุมทัง้ ๗๗ จังหวัด ฝกึ อบรมหลกั สตู รลกู เสอื มคั คเุ ทศก์ โดยใชร้ ปู แบบ On Air Online และ On Site น�ำ รอ่ ง ๘ จงั หวัด และขยายผลครอบคลมุ ทัง้ ๗๗ จังหวดั โครงการลกู เสอื จติ อาสาพระราชทาน การฝกึ อบรมบุคลากร ทางการลกู เสอื หลักสูตรอน่ื ๆ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชริ าลงกรณ พระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม หลกั สตู รฝกึ อบรมบคุ ลากรทางการลกู เสอื หลกั สตู รอน่ื ๆ พระราชทานหลักสูตร และพระราชทานตราสัญลักษณ์ลูกเสือ ประกอบดว้ ย หลกั สตู รฝกึ อบรมบคุ ลากรทางการลกู เสอื ขนั้ หวั หนา้ จติ อาสาพระราชทาน เมอ่ื วนั ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๔ โดยโครงการ ผู้ให้การฝึกอบรมผู้ก�ำกับลูกเสือ หลักสูตรฝึกอบรมบุคลากร ลกู เสอื จติ อาสาพระราชทาน มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื สง่ เสรมิ ใหล้ กู เสอื ทางการลูกเสือขั้นผู้ช่วยหัวหน้าผู้ให้การฝึกอบรมผู้กำ� กับลูกเสือ และบคุ ลากรทางการลกู เสอื นอ้ มนำ� โครงการจติ อาสาพระราชทาน และหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากรทางการลูกเสือระดับผู้น�ำ มาเสริมสร้างจิตส�ำนึกความเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง และบ�ำเพ็ญ โดยหลกั สตู รผนู้ ำ� เปน็ อกี หนงึ่ หลกั สตู รทส่ี ำ� นกั งานลกู เสอื แหง่ ชาติ ประโยชน์ต่อชุมชนอย่างต่อเนื่องและย่ังยืน เป็นการถวาย และค่ายลูกเสือวชิราวุธได้รับความสนใจและไว้วางใจให้เป็น ความจงรกั ภกั ดแี ดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ประมขุ ของคณะ หนว่ ยดำ� เนนิ การจดั ฝกึ อบรม ทง้ั หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ภายในกระทรวง ลกู เสอื แห่งชาติ ศึกษาธิการ และภายนอกกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ วิทยาลัย ป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) นักปกครองชั้นสูง กระทรวง ส�ำนกั งานลูกเสอื แห่งชาติ ได้ปรับกระบวนการฝกึ อบรม มหาดไทย โรงเรยี นนายอ�ำเภอ สมาคมและสโมสรลูกเสอื ตา่ ง ๆ เป็นรูปแบบ Online และ On Site โดยได้บันทึกเทปวิทยากร เป็นต้น ซ่ึงการจัดการฝึกอบรมดังกล่าว ไดด้ ำ� เนนิ การฝกึ อบรม ผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศ จัดท�ำเป็นคลิปวิดีโอ เผยแพร่ เป็นไปตามแนวทางการป้องกันโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด ในช่องทางต่าง ๆ ให้บุคลากรทางการลูกเสือท่ัวประเทศ ปรับเปล่ียนรูปแบบกิจกรรมภายใต้การเรียนรู้ โดยใช้เทคโนโลยี ในการขับเคลื่อนและขยายผลการฝึกอบรมลูกเสือจิตอาสา ที่เหมาะสม อีกท้ังการประเมินโดยใช้ QR code เป็นหลัก พระราชทานใหค้ รอบคลุมทงั้ ประเทศ ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพอ่ื ยังประโยชน์ใหเ้ กดิ บรรลตุ ามวัตถปุ ระสงค์ของหลกั สตู ร ได้ด�ำเนินการฝึกอบรมบุคลากรทางการลูกเสือแล้ว จ�ำนวน ๑๒,๑๘๐ คน และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จะด�ำเนินการ ฝึกอบรมบุคลากรทางการลูกเสือและลูกเสือ ได้ตามเป้าหมาย จ�ำนวน ๑๙๐,๔๐๐ คน ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 169
สำ�นักงานลูกเสือแหง่ ชาติ เปน็ ประเทศสมาชกิ ของ สำ�นักงานลูกเสอื โลก เขตภาคพนื้ เอเชยี -แปซฟิ กิ การลกู เสอื ตา่ งประเทศ เนตรนารไี ทยทก่ี ารเขา้ ร่วมงานชุมนุมลูกเสอื ทางอากาศ และอนิ เทอรเ์ นต็ JOTA / JOTI 2021 ของสำ� นกั งานลูกเสือโลก ส�ำหรับงานด้านการลูกเสือต่างประเทศน้ัน ในฐานะที่ ส�ำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นประเทศสมาชิกของส�ำนักงาน ภาพการอบรมโครงการลกู เสือจิตอาสาพระราชทาน ลูกเสือโลก เขตภาคพ้ืนเอเชีย-แปซิฟิก ได้มีเข้าร่วมกิจกรรมท่ี ท้ังสองหน่วยจัดด�ำเนินการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) โดยใช้ Virtual ดว้ ยโปรแกรม Zoom ซง่ึ มกี จิ กรรมทห่ี ลากหลาย ใช้ Application ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ Padlet, Kahoot เปน็ ตน้ งานและกจิ กรรมทด่ี ำ� เนนิ การ ในช่วงปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย • งานประชุมผู้ประสานงาน Membership Growth Coordinator • งานประชมุ สดุ ยอดผนู้ ำ� ลกู เสอื ภาคพนื้ เอเชยี -แปซฟิ กิ คร้ังท่ี ๑๐ (10th Asia-Pacific Regional Scout Leaders Summit) • งานประชมุ Global Youth Summit • งานสมั มนาว่าดว้ ยเรื่อง Safe from Harm • งานสัมมนาวา่ ดว้ ยเรือ่ ง Membership Recruitment • งานประชุม Messenger of Peace 2021 ฉลองครบรอบ ๑๐ ปี • งานประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร วา่ ดว้ ยเรอ่ื ง APR Workshop Communication • งานชุมนมุ ลูกเสือ Global Cultural Jamboree 2021 Srilanka • งานอภปิ รายเยาวชนลกู เสือโลก ครง้ั ท่ี ๑๔ • งานประชุมสมชั ชาลกู เสือโลก คร้ังท่ี ๔๒ • การประชุมหวั หน้าคณะผูแ้ ทนลูกเสือไทย (1st Head of Contingent Meeting) • งานชมุ นมุ ลกู เสอื ทางอากาศและอนิ เทอรเ์ นต็ JOTA / JOTI 2021 • งานประชมุ Youth Wave Summit 2021 Poland 170 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธิการ
๑๔ สำ�นักงานรับรองมาตรฐาน และประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษา (องคก์ ารมหาชน) (สมศ.) ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ 171
สมศ. กับการประเมนิ คุณภาพ ภายนอก ในยคุ Social Distancing ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ การเรียนการสอนให้เป็นรูปแบบ Online เพ่ือรักษาระยะห่าง และทแี่ ก้ไขเพ่มิ เตมิ มาตรา ๔๙ ให้มีส�ำนกั งานรบั รองมาตรฐาน ทางสงั คม (Social Distancing) ใหไ้ ดม้ ากทสี่ ดุ สง่ ผลใหก้ ารประเมนิ และประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็นองค์การมหาชน คุณภาพภายนอกของ สมศ. ไม่สามารถด�ำเนินการประเมิน ท�ำหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก คณุ ภาพภายนอกได้ตามแนวทางเดมิ ท่ีเคยปฏิบตั มิ า และท�ำการประเมินผลการจัดการศึกษา ท่ีมิใช่การจัดการ อุดมศึกษาซ่ึงอยู่ในอ�ำนาจหน้าท่ีของกระทรวงการอุดมศึกษา จากแนวคดิ รกั ษาระยะหา่ งทางสงั คม (Social Distancing) วทิ ยาศาสตร์ วิจยั และนวัตกรรม หรือกระทรวงอนื่ เพ่อื ใหม้ ีการ ทำ� ใหท้ กุ คนตอ้ งปอ้ งกนั ตนเองโดยการลา้ งมอื สวมหนา้ กากอนามยั ตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา โดยค�ำนึงถึงความมุ่งหมาย อยู่ห่างจากผู้อื่น เว้นการสัมผัสกัน ท�ำให้เกิดวิถีชีวิตใหม่ หลักการและแนวการจัดการศกึ ษาในแตล่ ะระดบั ตามท่ีกำ� หนดไว้ (New Normal) สมศ. จึงได้ด�ำเนินการพัฒนาหลักเกณฑ์ ในพระราชบัญญัติ โดยให้มีการประเมินคุณภาพภายนอกของ และแนวทางการประเมินคุณภาพภายนอกภายใต้สถานการณ์ สถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหน่ึงครั้งในทุกห้าปีนับต้ังแต่ COVID-19 ด้วยการพัฒนาระบบการประเมินคุณภาพภายนอก การประเมินครั้งสุดท้าย และเสนอผลการประเมินต่อหน่วยงาน รปู แบบออนไลน์ เพอ่ื ประหยดั เวลาและงบประมาณในการลงพนื้ ท่ี ที่เกีย่ วข้องและสาธารณชน ประเมินคุณภาพการศึกษา โดยพิจารณาถึงการเปล่ียนแปลง ทางบริบทการจัดการเรียนการสอน และการจัดการศึกษา ประกอบกับตามพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา ของสถานศึกษา ยึดหลักการลดภาระและไม่เกิดผลกระทบต่อ พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๖๔ การประเมนิ คณุ ภาพภายนอกอาจประเมนิ สถานศึกษา รวมทั้งค�ำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียน ครู โดยหน่วยงานต่างประเทศท่ีได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ผบู้ รหิ าร ผปู้ ระเมนิ ภายนอก และทกุ ฝา่ ยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง หรืออาจประเมินโดยหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานภาคเอกชน หรือหน่วยงานในต่างประเทศท่ีคณะกรรมการมาตรฐาน การอดุ มศกึ ษาประกาศก�ำหนดกไ็ ด้ โดยคณะกรรมการมาตรฐาน การอุดมศึกษา ได้ประกาศก�ำหนดให้ส�ำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมนิ คุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงาน ประเมนิ คณุ ภาพภายนอกระดบั อุดมศึกษา ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑๐ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ท�ำให้หน่วยงานต่าง ๆ รวมถึง สถานศกึ ษาจำ� เปน็ ตอ้ งมกี ารปรบั เปลยี่ นการดำ� เนนิ งานและรปู แบบ 172 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธิการ
ตดิ ตามใหส้ ถานศึกษานำ�ขอ้ เสนอแนะ ท่ไี ด้หลังจากการประเมนิ ไปปรบั ปรงุ และพฒั นาทง้ั ในด้านคณุ ภาพผเู้ รียน มาตรฐานผูส้ อน การจัดการเรียนรู้ ทสี่ อดคลอ้ งกบั ยุคปัจจุบัน สำ� หรบั การประกนั คณุ ภาพภายนอกของ สมศ. โดยเฉพาะ ระยะที่ ๒ การลงพืน้ ท่ีตรวจเยย่ี ม ในการตรวจเย่ียมสถานศึกษาก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับแนวคิด หรือการตรวจสอบหลกั ฐานและข้อมลู รักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) สมศ. จงึ ไดป้ รับ ของสถานศึกษาด้วยวธิ ีการทางอเิ ล็กทรอนกิ ส์ แนวทาง รูปแบบ และวิธีการประกันคุณภาพภายนอกภายใต้ สถานการณ์จ�ำเปน็ และเร่งด่วน แบ่งออกเปน็ ๒ ระยะตอ่ เนือ่ งกนั เม่ือสถานศึกษาได้รับผลการประเมิน SAR ดงั น้ี ในระยะท่ี ๑ อยา่ งเปน็ ทางการจาก สมศ. แลว้ หากตอ้ งการให้มี การลงพ้ืนที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาหรือตรวจสอบหลักฐาน ระยะที่ ๑ การประเมนิ ผลและวิเคราะหร์ ายงานผล และข้อมูลของสถานศึกษาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ การประเมนิ ตนเองของสถานศกึ ษา (SAR) ให้สถานศึกษาร้องขอโดยส่งค�ำร้องผ่านคณะผู้ประเมินภายนอก มายงั สมศ. (ตามความสมคั รใจ) โดยจะประเมนิ ตามการนดั หมาย ซึ่งรายงาน SAR ส่งผ่านหน่วยงานต้นสังกัด และประเด็นการตรวจเยี่ยมหรือการตรวจสอบหลักฐาน ตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ และข้อมูลของสถานศึกษาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการประเมินโดยพิจารณาจากรายงาน SAR และเอกสาร โดยมีก�ำหนดระยะเวลาน้อยที่สุด และไม่มีการสรุปผลด้วยวาจา ประกอบท่ีแนบมากับ SAR เท่าน้ัน (โดยไม่ขอเอกสารเพ่ิมเติม ที่สถานศึกษา เพ่ือลดการสัมผัสตามมาตรการรักษาระยะห่าง จากสถานศกึ ษา เพอ่ื ลดภาระของสถานศกึ ษา) เกณฑก์ ารประเมนิ ทางสังคม (Social Distancing) และสรุปผลการประกันคณุ ภาพ SAR พิจารณาแยกเป็นรายมาตรฐานตามการประกันคุณภาพ ภายนอกจากการลงพ้ืนท่ีตรวจเย่ียมหรือการตรวจสอบหลักฐาน ภายใน (IQA) และสรุปผลการประเมินมรี ะดบั คณุ ภาพ ๓ ระดบั และข้อมูลของสถานศึกษาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามรายมาตรฐาน คือ ดี พอใช้ และปรบั ปรงุ พิจารณาแยกเป็นรายมาตรฐานตามการประกันคุณภาพ ภายใน (IQA) และสรุปผลการประเมนิ มีระดบั คณุ ภาพ ๕ ระดบั ตามรายมาตรฐาน คือ ดีเยี่ยม ดีมาก ดี พอใช้ และปรบั ปรงุ ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 173
เกิดการแบ่งปันแนวทางที่ประสบความสำ�เร็จ จากสถานศึกษาทไี่ ด้รับผลการประเมนิ ในระดบั ที่ดี ไปยงั สถานศึกษาตา่ ง ๆ ท่ีกำ�ลังพัฒนาระบบการเรยี นการสอนรปู แบบใหม่ ผลการด�ำเนินงานการประเมินคุณภาพภายนอกภายใต้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ยังเป็นการสะท้อนถึงการท�ำงาน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ของตวั ผปู้ ระเมนิ ทส่ี ถานศกึ ษาใหค้ วามเหน็ วา่ ผปู้ ระเมนิ สว่ นใหญ่ (COVID-19) ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ มีความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถแนะน�ำในส่วนท่ีต้องพัฒนา หรือแนวทางการน�ำผลประเมินไปใช้ให้กับสถานศึกษาได้อย่าง ส� ำ ห รั บ ก า ร ป ร ะ เ มิ น คุ ณ ภ า พ ภ า ย น อ ก ใ น ร อ บ ตรงจุดมากกว่าทุกรอบที่ผ่านมา รวมถึงยังท�ำให้เกิดการแบ่งปัน ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ซง่ึ เปน็ การประเมนิ ภายใตส้ ถานการณ์ แ น ว ท า ง ที่ ป ร ะ ส บ ค ว า ม ส� ำ เ ร็ จ จ า ก ส ถ า น ศึ ก ษ า ที่ ไ ด ้ รั บ การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผลการประเมินในระดับท่ีดี ไปยังสถานศึกษาต่าง ๆ ที่ก�ำลัง ดว้ ยรปู แบบการประเมนิ แบบออนไลน์ ๑๐๐% ขณะนไี้ ดด้ ำ� เนนิ การ พฒั นาระบบการเรยี นการสอนรปู แบบใหมไ่ ดอ้ กี ดว้ ย เสรจ็ สนิ้ แลว้ ซงึ่ ในภาพรวมมจี ำ� นวนสถานศกึ ษาเขา้ รบั การประเมนิ จ�ำนวน ๒๑,๒๗๗ แห่ง ถือว่าเกินกว่าเป้าหมายที่ทาง สมศ. และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ สมศ. ยังคงมุ่งสู่ ตัง้ เปา้ ไวจ้ ากเดมิ ๑๗,๐๐๐ แห่ง ถงึ ๒๐% ประกอบด้วย บทบาทในการชว่ ยยกระดบั สถานศกึ ษา ดว้ ยการทำ� หนา้ ทส่ี ะทอ้ น ระบบการศึกษาผ่านกระบวนการประเมินคุณภาพภายนอก • การศกึ ษาปฐมวยั (ศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ ) จำ� นวน ๗,๖๙๘ แหง่ และยงั คงเดนิ หนา้ ใชก้ ารประเมนิ ภายใตส้ ถานการณก์ ารแพรร่ ะบาด • ระดบั การศึกษาข้นั พืน้ ฐาน จ�ำนวน ๑๒,๑๘๙ แหง่ ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามมาตรการ • ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานท่ีมีวัตถุประสงค์พิเศษ รักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ด้วยรูปแบบ จำ� นวน ๗๐๙ แหง่ การประเมินแบบออนไลน์เช่นเดิม โดยได้วางเป้าหมายให้ • ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สถานศึกษา เข้ารับการประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำ� นวน ๒๑๗ แหง่ จ�ำนวนท้ังสน้ิ ๑๘,๐๕๐ แห่ง • ด้านการอาชีวศกึ ษา จำ� นวน ๔๕๑ แหง่ • ระดับอุดมศึกษา ๑๓ แห่ง • การศกึ ษาปฐมวยั (ศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ ) จำ� นวน ๖,๓๗๖ แหง่ ท้ังนี้ สมศ. ยังได้ส�ำรวจความพึงพอใจจากกลุ่ม • ระดบั การศกึ ษาข้นั พื้นฐาน จ�ำนวน ๑๐,๔๖๘ แห่ง ส ถ า น ศึ ก ษ า ท่ี เ ข ้ า รั บ ก า ร ป ร ะ เ มิ น คุ ณ ภ า พ ภ า ย น อ ก • ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานท่ีมีวัตถุประสงค์พิเศษ ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ซงึ่ ไดจ้ ากการประเมนิ ผา่ นระบบ QC100 จ�ำนวน ๓๒๖ แห่ง พบวา่ เกอื บ ๑๐๐% ใหค้ วามเหน็ วา่ การประเมนิ คณุ ภาพภายนอก • ระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน (โรงเรียนนานาชาติ) ด้วยเทคโนโลยีออนไลน์เป็นจุดเปลี่ยนส�ำคัญท่ีท�ำให้สถานศึกษา จำ� นวน ๕๐ แห่ง ใหค้ วามรว่ มมอื เขา้ รบั การประเมนิ กบั สมศ. เพม่ิ มากขน้ึ เนอื่ งจาก • ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ข้ันตอนและระยะเวลาของการประเมินที่มีความรวดเร็ว จ�ำนวน ๓๖๐ แห่ง ช่วยลดภาระและอุปสรรคการท�ำงานในช่วงการจัดการเรียน • ด้านการอาชวี ศกึ ษา จ�ำนวน ๔๔๐ แห่ง การสอนแบบออนไลน์ตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม • ระดบั อุดมศกึ ษา จ�ำนวน ๓๐ แห่ง (Social Distancing) เนื่องจากในการเข้าถึงระบบต่าง ๆ น้ัน สมศ. ไดก้ ำ� หนด ๓ กลยทุ ธส์ ำ� คญั ทจี่ ะชว่ ยใหก้ ารประเมนิ มีความง่ายและไม่ซับซ้อน พร้อมกันนี้การประเมินในรอบ มีประสทิ ธภิ าพ ประกอบด้วย 174 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร
เทคโนโลยีทใ่ี ชใ้ นการประเมิน การยกระดับผ้ปู ระเมนิ เน้นการน�ำระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยตั้งแต่การประเมิน พั ฒ น า ใ ห ้ มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ตั้ ง แ ต ่ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ระยะท่ี ๑ หรือการประเมินผ่าน SAR และระยะท่ี ๒ ท่ีเป็น และความเชย่ี วชาญในการใชเ้ ทคโนโลยี การผลกั ดนั ใหม้ กี ารอบรม การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแบบออนไลน์ พร้อมน�ำระบบเทคโนโลยี กับหน่วยงานหรือสถาบันที่มีช่ือเสียงท่ีเป็นที่ยอมรับ เพ่ือให้เกิด สารสนเทศทไ่ี ดร้ บั การพฒั นาเขา้ มาสนบั สนนุ การตรวจเยย่ี มตา่ ง ๆ ศกั ยภาพในดา้ นการใหค้ ำ� ปรกึ ษาสำ� หรบั การจดั การเรยี นการสอน เช่น กิจกรรมส�ำรวจห้องเรียน การสัมภาษณ์ผู้เรียน ฯลฯ ในปจั จบุ นั การปรบั ตวั ในอนาคต ตลอดจนแนวทางการนำ� ผลประเมนิ ให้มีประสิทธิภาพในยุคที่เทคโนโลยีเสมือนจริงและการส่ือสาร ทส่ี ามารถนำ� ไปใชไ้ ดจ้ รงิ กบั บรบิ ทต่าง ๆ เช่น ผู้เรยี น การพฒั นา ทางไกลก�ำลังทวีบทบาทมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังเดินหน้าพัฒนา นวตั กรรมใหม่ ๆ นอกจากน้ี ยงั มงุ่ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจในการ แอปพลิเคชันส�ำหรับผู้ประเมิน (Mobile Application) เพ่ือใช้ เตรียมตัวก่อนและหลังการประเมิน การตรวจเย่ียม เพ่ือให้เกิด สำ� หรบั กรณที ม่ี สี ถานศกึ ษารอ้ งขอใหม้ กี ารลงพน้ื ทต่ี รวจเยยี่ มจรงิ ความไว้วางใจกับสถานศกึ ษาทม่ี ีตอ่ ผปู้ ระเมิน โดยแอปพลิเคชันดังกล่าว จะมีความสามารถในการบันทึกเสียง พรอ้ มรายงานออกมาเปน็ ตวั อกั ษร และการบนั ทกึ สภาพแวดลอ้ ม ฯลฯ การผลกั ดนั ให้สถานศกึ ษานำ� ผลประเมนิ โดยขณะนี้แอปพลิเคชันดังกล่าวได้พัฒนาพร้อมใช้งานแล้ว ไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอน ส�ำหรับผู้ประเมินภายนอก สมศ. ศูนย์พัฒนาเด็กและระดับ การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน ซง่ึ แอปพลเิ คชนั ดงั กลา่ วกำ� ลงั อยใู่ นระหวา่ ง ติดตามให้สถานศึกษาน�ำข้อเสนอแนะที่ได้หลังจาก การพัฒนาเพิ่มเติมเพ่ือรองรับการประเมินคุณภาพภายนอก การประเมิน ไปปรับปรุงและพัฒนาท้ังในด้านคุณภาพผู้เรียน ในดา้ นการอาชวี ศึกษา มาตรฐานผู้สอน การจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน ซ่ึงในส่วนนี้จะด�ำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจาก ตระหนกั ดวี า่ หลาย ๆ สถานศกึ ษายงั คงเผชญิ กบั ความไมแ่ นน่ อน ของสถานการณ์ของโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ทยี่ งั คงแพร่ระบาดอยา่ งตอ่ เน่อื ง ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธิการ 175
พระราชบัญญตั ิ การศึกษาแห่งชาติ และข้อมูลทางสถิติด้านการศกึ ษา 176 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
สองทศวรรษ “กฎหมายการศึกษาแหง่ ชาต”ิ ส่อู นาคตภาพด้านการศกึ ษาของประเทศไทย เม่ือมีการกา้ วผา่ นมิตขิ องเวลายอ่ มทำ�ใหเ้ กดิ ความเปล่ยี นแปลงของสิง่ ต่าง ๆ และส่งผลใหท้ ุกอยา่ งตอ้ งมกี ารปรบั เปล่ยี น การพัฒนาเพ่ือให้มคี วามเท่าทนั ต่อสถานการณ์ เ ม่ื อ มี ก า ร ก ้ า ว ผ ่ า น มิ ติ ข อ ง เ ว ล า ย ่ อ ม ท� ำ ใ ห ้ เ กิ ด ระหวา่ งผเู้ รยี น ผจู้ ดั การศกึ ษา ผทู้ จี่ ะเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการศกึ ษา ความเปลี่ยนแปลงของส่ิงต่าง ๆ และส่งผลให้ทุกอย่างต้องมี ซงึ่ จุดเรมิ่ ต้นของกฎหมายการศึกษาแห่งชาตฉิ บับแรกทอ่ี ยใู่ นรูป การปรบั เปลี่ยน การพฒั นาเพือ่ ใหม้ คี วามเทา่ ทนั ต่อสถานการณ์ พระราชบัญญัติมาจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เชน่ เดยี วกบั “การศกึ ษา” ซง่ึ ถอื เปน็ กญุ แจทม่ี คี วามสำ� คญั อยา่ งยง่ิ พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐ พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ต่อการพัฒนามนุษย์และประเทศ ดังนั้นเมื่อเวลาเปลี่ยน ก็ได้มีการใช้บังคับมาถึงปัจจุบัน ผ่านมาราวสองทศวรรษ สถานการณ์เปล่ียนการด�ำเนินการเก่ียวกับการศึกษาก็ย่อม ซง่ึ ระหวา่ งทางมกี ารปรบั ปรงุ แกไ้ ขพระราชบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว ๓ ครง้ั ทจ่ี ะตอ้ งเปลยี่ นแปลง แตท่ ำ� อยา่ งไรทจี่ ะทำ� ใหท้ กุ คนมคี วามเขา้ ใจ มีค�ำส่ังคณะรักษาความสงบแห่งชาติท่ี ๑๙/๒๕๖๐ ท่ีกระทบต่อ ภาพของการดำ� เนนิ การเกยี่ วกบั การศกึ ษาทงั้ ระบบตรงกนั วา่ อะไรคอื หลักการของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ เป้าหมายที่ส�ำคัญ อะไรบ้างคือสิ่งที่ต้องค�ำนึงถึง ใครมีบทบาท จนมาถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน อ�ำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบอย่างไร ความจ�ำเป็นเช่นน้ี ได้มีการน�ำไปสู่การปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาและท�ำให้มี จึงน�ำไปสู่การตรากฎหมายการศึกษาแห่งชาติขึ้นเพ่ือให้มอง การจดั ทำ� รา่ งพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาตฉิ บบั ใหมใ่ นเวลา ภาพใหญ่ของการศึกษาของประเทศ เป็นการวางกติการ่วมกัน ซึง่ ในบทความน้ีจะได้กล่าวในรายละเอยี ดในแต่ละส่วนตอ่ ไป ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร 177
สว่ นที่ ๑ “มาตรา ๔๓ บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับ จากรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ การศึกษาข้ันพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐจะต้องจัดให้ สูก่ ารประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ อยา่ งท่ัวถึงและมีคุณภาพโดยไมเ่ ก็บคา่ ใช้จา่ ย พ.ศ. ๒๕๔๒ การจดั การศกึ ษาอบรมของรฐั ตอ้ งคำ� นงึ ถงึ การมสี ว่ นรว่ ม ช่วงปี ๒๕๔๐ เป็นช่วงที่สภาพทางการเมืองและสังคม ขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ และเอกชน ทง้ั นี้ ตามทกี่ ฎหมาย ของประเทศไทยมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากและขณะน้ัน บัญญัติ เป็นช่วงที่สังคมให้ความส�ำคัญต่อการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิ เสรภี าพของประชาชน ใหป้ ระชาชนมสี ว่ นรว่ มในการปกครองและ การจัดการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพและเอกชน ตรวจสอบการใช้อ�ำนาจรัฐเพ่ิมข้ึน ตลอดท้ังปรับปรุงโครงสร้าง ภายใต้การก�ำกับดูแลของรัฐ ย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งน้ี ทางการเมอื งให้มเี สถียรภาพและประสิทธิภาพยิ่งขนึ้ อนั ก�ำหนด ตามที่กฎหมายบญั ญัติ อยใู่ นคำ� ปรารภ หมวด และสารบญั ญตั ริ ายมาตราของรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ซงึ่ เปน็ กฎหมายสงู สุดของ มาตรา ๘๑ รัฐต้องจัดการศึกษาอบรมและสนับสนุนให้ ประเทศท่ีใช้บังคับในเวลานั้น ซ่ึงสารบัญญัติท่ีเกี่ยวข้องโดยตรง เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่คุณธรรม จัดให้มี “การศกึ ษา” และเป็นจดุ กำ� เนิดของการจัดท�ำกฎหมายการศกึ ษา กฎหมายเก่ียวกับการศึกษาแห่งชาติ ปรับปรุงการศึกษา แห่งชาติมีปรากฏใน ๒ หมวด ได้แก่ หมวด ๓ สทิ ธแิ ละเสรภี าพ ของชนชาวไทย มาตรา ๔๓ และหมวด ๕ แนวนโยบายพื้นฐาน แห่งรัฐ บุคคลย่อมมสี ทิ ธเิ สมอกนั ในการรบั การศึกษาขัน้ พน้ื ฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปี ทีร่ ฐั จะตอ้ งจดั ใหอ้ ยา่ งทว่ั ถึงและมคี ณุ ภาพโดยไมเ่ กบ็ ค่าใช้จา่ ย 178 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ค�ำนิยาม สร้างเสริมความรู้และปลูกฝงั จติ สำ� นึกท่ีถกู ต้องเก่ยี วกับการเมอื ง • หมวด ๑ บทท่ัวไป ความมุ่งหมายและหลักการ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ (มาตรา ๖ - มาตรา ๙) ทรงเปน็ ประมขุ สนบั สนนุ การคน้ ควา้ วจิ ยั ในศลิ ปวทิ ยาการตา่ ง ๆ • หมวด ๒ สิทธิและหนา้ ที่ทางการศกึ ษา เร่งรัดพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพ่ือการพัฒนาประเทศ (มาตรา ๑๐ - มาตรา ๑๔) พัฒนาวิชาชีพครู และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะ • หมวด ๓ ระบบการศกึ ษา และวัฒนธรรมของชาต”ิ (มาตรา ๑๕ - มาตรา ๒๑) • หมวด ๔ แนวการจัดการศึกษา ด้านแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๘ (มาตรา ๒๒ - มาตรา ๓๐) ซง่ึ มรี ะยะเวลาพ.ศ.๒๕๔๐-๒๕๔๔ไดเ้ ปลยี่ นจดุ เนน้ จากการพฒั นา • หมวด ๕ การบริหารและการจัดการศึกษา เศรษฐกิจเป็นจุดมุ่งหมายหลักเป็นการเน้นให้คนเป็นศูนย์กลาง (มาตรา ๓๑ - มาตรา ๔๖) ส่วนที่ ๑ การบรหิ าร หรอื เปา้ หมายสดุ ทา้ ยของการพฒั นาประเทศ เรยี กอกี นยั หนง่ึ กค็ อื และการจัดการศึกษาของรัฐ (มาตรา ๓๑ - เปน็ การพฒั นาของคน โดยคน และเพือ่ คน โดยในแผนดังกล่าว มาตรา ๔๐) ส่วนที่ ๒ การบริหารและการจัด ก�ำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา ๗ ยุทธศาสตร์ และก�ำหนด การศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การพัฒนาศกั ยภาพคนเปน็ ยทุ ธศาสตร์แรก (มาตรา ๔๑ - มาตรา ๔๒ ) ส่วนที่ ๓ การบริหารและการจัดการศึกษาของเอกชน เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (มาตรา ๔๓ - มาตรา ๔๖) พ.ศ. ๒๕๔๐ และแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๘ • หมวด ๖ มาตรฐานและการประกันคุณภาพ เปน็ โจทยใ์ หญค่ รงั้ สำ� คญั ทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ การปฏริ ปู การศกึ ษาของไทย การศึกษา (มาตรา ๔๗ - มาตรา ๕๑) ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นการยกเครื่องการศึกษาท้ังระบบโดยใช้เป็น • หมวด ๗ ครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา กฎหมายการศึกษาแห่งชาติถือเสมือนเป็นกฎหมายแม่บท (มาตรา ๕๒ - มาตรา ๕๗) ในการบรหิ ารและจดั การการศกึ ษาอบรมของประเทศ ซงึ่ สำ� นกั งาน • หมวด ๘ ทรพั ยากรและการลงทุนเพ่ือการศึกษา คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติหรือส�ำนักงานเลขาธิการ (มาตรา ๕๘ - มาตรา ๖๒) สภาการศึกษาในปัจจุบันได้จัดท�ำสาระของแต่ละมาตราก�ำหนด • หมวด ๙ เทคโนโลยีเพ่อื การศึกษา (มาตรา ๖๓ - ในพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซง่ึ เมอ่ื ศกึ ษาแลว้ มาตรา ๖๙) พบว่า สาระของพระราชบัญญัติน้ันนอกจากเป็นการน�ำสาระ • บทเฉพาะกาล (มาตรา ๗๐ – มาตรา ๗๘) ของรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ท่ีเก่ียวกบั ก ฎ ห ม า ย ฉ บั บ นี้ เ ป ็ น ก า ร ว า ง ร า ก ฐ า น ใ ห ม ่ ข อ ง การศึกษาของสองมาตราดังท่ีได้กล่าวมาข้างต้นมาผนวกเนื้อหา การศึกษาไทยทั้งระบบ เพ่ือมุ่งไปสู่เป้าหมายในการพัฒนาคน ของพระราชบัญญัติแล้ว ยังมีการท�ำวิจัยถึง ๔๒ ประเด็น ใหเ้ ป็นมนษุ ยท์ ส่ี มบรู ณ์ ภายใตก้ ลไกการบรหิ ารและจดั การศึกษา เพ่ือก�ำหนดเป็นหมวดและสาระแต่ละประเด็นอกี ด้วย จงึ สามารถ อยา่ งมเี อกภาพ บรู ณาการการทำ� งานของหนว่ ยงานดา้ นการศกึ ษา กล่าวได้ว่ากฎหมายฉบับน้ีเป็นกฎหมายท่ีใช้ฐานรัฐธรรมนูญ ทั้งหน่วยงานหลักของรัฐท่ีรับผิดชอบการศึกษาโดยตรง แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ และฐานทางวชิ าการในการกำ� หนด หน่วยงานของรัฐที่เป็นหน่วยบริการให้กับสถานศึกษา สาระของกฎหมายอย่างแท้จริง ซึ่งพระราชบัญญัติการศึกษา สถานศกึ ษาทม่ี คี วามคลอ่ งตวั ในการบรหิ ารจดั การภายใตห้ ลกั การ แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ไดป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเมือ่ วันท่ี การกระจายอ�ำนาจ หน่วยงานของรัฐและเอกชนที่ท�ำหน้าท่ี ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ มี ๙ หมวด และบทเฉพาะกาล ในการสนับสนุนการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน โดยมีมาตราทง้ั สนิ้ ๗๘ มาตรา ซงึ่ มีประกอบดว้ ย การยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษาที่จะพัฒนาไปสู่สากล ครูที่มีความรู้ความเช่ียวชาญในระดับวิชาชีพชั้นสูง คณาจารย์ ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธิการ 179
และบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพ การประกันคุณภาพ ทรัพยากร ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการ การศกึ ษา และการมสี ่วนรว่ มของทุกภาคสว่ น ตง้ั แต่การก�ำหนด อาชีวศึกษาด้วย นโยบายผา่ นตวั แทนในรูปคณะกรรมการต่าง ๆ ขององคก์ รหลกั ในกระทรวงศึกษาธิการ การจัดการศึกษา ตลอดจนมาตรการ ครัง้ ท่ี ๒ พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ (ฉบับท่ี ๓) ในการสร้างแรงจูงใจในด้านทรัพยากรและการลงทุนเพื่อจูงใจ พ.ศ. ๒๕๕๓ ซ่ึงมีการแก้ไขเพิ่มเติมในประเดน็ การแยกเขตพ้ืนท่ี ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนในการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษา การศึกษาประถมศึกษาและเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา อีกทั้งการใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นส่วนหน่ึงในการจัด การส่งเสริม ออกจากกัน เน่ืองจากการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วย และสนับสนุนการศึกษาอย่างครบวงจร เช่น การจัดสรร การศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษามีระบบ คล่ืนความถี่ การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิต และพัฒนา การบริหารและการจัดการศึกษาของท้ังสองระดับรวมอยู่ แบบเรยี น ตำ� รา หนงั สอื ทางวชิ าการ สอ่ื สงิ่ พมิ พอ์ น่ื วสั ดอุ ปุ กรณ์ ในความรบั ผดิ ชอบของแตล่ ะเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา ทำ� ใหก้ ารบรหิ าร และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา การพัฒนาบุคลากรท้ังด้านผู้ผลิต และการจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐานเกิดความไม่คล่องตัวและเกิด และผใู้ ชเ้ ทคโนโลยเี พอ่ื การศกึ ษา สทิ ธขิ องผเู้ รยี นทไ่ี ดร้ บั การพฒั นา ปัญหาการพัฒนาการศึกษา จึงมีความจ�ำเป็นต้องแยกเขตพ้ืนที่ ขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา การวิจัย การศกึ ษาออกเป็นเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศึกษาและเขตพืน้ ท่ี และพัฒนา การผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา การศึกษามัธยมศึกษา เพื่อให้การบริหารและการจัดการศึกษา รวมท้ังการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้เทคโนโลยี มปี ระสทิ ธภิ าพ อนั จะเปน็ การพฒั นาการศกึ ษาแกน่ กั เรยี นในชว่ ง เพ่ือการศึกษา และกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา ชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้สัมฤทธิผลและมีคุณภาพ ซงึ่ หลักการต่าง ๆ ยังคงบงั คบั ใช้มาถงึ ปจั จบุ ัน ย่งิ ขึ้น สว่ นที่ ๒ การปรบั ปรงุ แก้ไขพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ ครั้งที่ ๓ พระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๔๒ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีการแก้ไขเพ่ิมเติมในการก�ำหนดขอบเขต ในการด�ำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานอื่น เม่ือระยะเวลาผ่านไประยะหน่ึงได้มีการปรับปรุงแก้ไข ให้สอดคล้องกับอ�ำนาจหน้าท่ีที่เปลี่ยนแปลงไป เน่ืองจาก พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ในบางประเดน็ มีการแยกงานการอุดมศึกษา เป็นของกระทรวงการอุดมศึกษา เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเชอ่ื มโยงกบั สภาพความจำ� เปน็ ในแตล่ ะชว่ งเวลา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นผลท�ำให้องค์กรหลัก และสามารถบังคับใช้กฎหมายให้มีความสอดคล้องการปฏิบัติ ในกระทรวงศกึ ษาธกิ ารมเี พียง ๔ องคก์ ร ไดแ้ ก่ ส�ำนกั งานปลดั มากข้ึน ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติฉบับน้ี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน มกี ารดำ� เนินการทัง้ ส้ินรวม ๓ ครั้ง ประกอบด้วย สำ� นกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา และสำ� นกั งานเลขาธกิ าร สภาการศกึ ษา คร้ังที่ ๑ พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ซ่ึงมีการแก้ไขเพ่ิมเติมใน ๓ ประเด็น ได้แก่ (๑) แยกภารกจิ เกย่ี วกบั งานดา้ นศลิ ปะและวฒั นธรรม ไปจดั ตงั้ เปน็ กระทรวงวัฒนธรรม เนื่องจากในขณะนั้นรฐั บาลมนี โยบายปฏิรูป ระบบราชการ (๒) ปรบั ปรุงการบริหารและการจัดการศกึ ษาของ เขตพ้ืนท่ีการศึกษาในสอดรับกับการแยกภารกิจเก่ียวกับงาน ดา้ นศลิ ปะและวฒั นธรรม และการเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั การอาชวี ศกึ ษา (๓) เพ่ิมเติมคณะกรรมการการอาชีวศึกษาท�ำหน้าท่ีพิจารณา เสนอนโยบาย แผนพฒั นา มาตรฐานและหลกั สตู รการอาชวี ศกึ ษา ทุกระดับที่สอดคล้องกับความต้องการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ สนับสนุน 180 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ
การใช้เทคโนโลยีเพอ่ื เป็นสว่ นหน่งึ ในการจัด การส่งเสรมิ และสนับสนนุ การศึกษาอยา่ งครบวงจร ส่วนท่ี ๓ การอาชวี ศกึ ษา และส�ำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา องคก์ ร ค�ำสั่งคณะรักษาความสงบแหง่ ชาติท่ี ๑๙/๒๕๖๐ ส่วนกลางที่สังกัดส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการในส่วน กระทบตอ่ หลกั การของพระราชบัญญัติ ภูมิภาคท่ีมีทั้งระดับภาคและระดับจังหวัด ได้แก่ ส�ำนักงาน การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ศกึ ษาธกิ ารภาค และสำ� นกั งานศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั องคก์ รสว่ นกลาง ในพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา ไดแ้ ก่ สำ� นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษา เมอื่ วนั ท่ี ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ มกี ารเปลย่ี นแปลง ส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา และสถานศึกษา ทางการเมืองภายในประเทศโดยมีคณะรักษาความสงบเรียบร้อย ซ่ึงการออกค�ำส่ังคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติดังกล่าว แหง่ ชาตบิ รหิ ารจดั การประเทศ และไดม้ กี ารออกคำ� สงั่ คณะรกั ษา เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศึกษาของประเทศในระดับ ความสงบแห่งชาติซึ่งมีศักด์ิทางกฎหมายเทียบเท่ากับกฎหมาย ภูมิภาค บูรณาการการท�ำงานของกระทรวงศึกษาธิการ ระดับพระราชบัญญัติ โดยค�ำส่ังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใหม้ เี อกภาพเชอื่ มการดำ� เนนิ งานในระดบั นโยบายลงสกู่ ารปฏบิ ตั ิ ท่ี ๑๙/๒๕๖๐ กระทบต่อหลักการของพระราชบัญญัติการศึกษา ในระดับจังหวัด อีกทั้งจังหวัดยังสามารถก�ำหนดความต้องการ แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ในการเรอื่ งการบรหิ ารและการจดั การศกึ ษา และบรหิ ารจดั การศกึ ษาในภาพรวมระดบั จงั หวดั ไดอ้ ยา่ งมเี อกภาพ ของรฐั โดยทำ� ใหโ้ ครงสรา้ งการบรหิ ารจดั การของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ในปัจจุบันเปล่ียนแปลงจากเดิมที่ประกอบด้วย องค์กรหลัก ในสว่ นกลาง เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา และสถานศกึ ษา เปน็ องคก์ รหลกั ในสว่ นกลาง ไดแ้ ก่ สำ� นกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร สำ� นกั งาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส�ำนักงานคณะกรรมการ ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ 181
รฐั ต้องดำ�เนนิ การใหป้ ระชาชนไดร้ ับการศึกษาตามความตอ้ งการในระบบต่าง ๆ รวมท้งั ส่งเสรมิ ให้มกี ารเรยี นรตู้ ลอดชีวติ สว่ นท่ี ๔ และสติปญั ญาใหส้ มกบั วยั โดยไมเ่ ก็บคา่ ใช้จ่าย ๒) ใหด้ �ำเนินการ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยฉบบั ปัจจบุ นั ตรากฎหมายเพอ่ื จดั ตง้ั กองทนุ เพอ่ื ความเสมอภาคทางการศกึ ษา สู่การปฏิรปู ประเทศด้านการศกึ ษาและ ๓) ให้มีกลไกและระบบการผลิต คัดกรองและพัฒนาผู้ประกอบ จดั ท�ำร่างพระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติฉบบั ใหม่ วิชาชีพครูและอาจารย์ให้ได้ผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นครู มคี วามรคู้ วามสามารถอยา่ งแทจ้ รงิ ไดร้ บั คา่ ตอบแทนทเ่ี หมาะสม (๑) การด�ำเนินการเก่ียวกับการปฏิรูปประเทศ กบั ความสามารถและประสทิ ธภิ าพในการสอน รวมทง้ั มกี ลไกสรา้ ง ดา้ นการศกึ ษาของคณะกรรมการอสิ ระเพ่ือการปฏริ ปู การศกึ ษา ระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคลของผู้ประกอบวิชาชีพครู ๔) ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนทุกระดับเพ่ือให้ผู้เรียน เมอ่ื วนั ท่ี ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ มกี ารเปลยี่ นแปลง สามารถเรียนได้ตามความถนัดและปรับปรุงโครงสร้างของ ทางการเมืองภายในประเทศโดยมีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หนว่ ยงานทีเ่ กยี่ วข้องเพอื่ บรรลุเปา้ หมายดงั กลา่ ว โดยสอดคลอ้ ง เขา้ มาบรหิ ารประเทศในขณะนนั้ ตอ่ มาไดม้ ปี ระกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู กันทั้งในระดับชาติและระดับพื้นท่ี ซ่ึงรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๖๑ แห่งอาณาจักรไทยฉบบั ปจั จุบัน (๒๕๖๐) ซ่งึ รฐั ธรรมนญู ดังกล่าว ก�ำหนดให้คณะรัฐมนตรีแต่งต้ังคณะกรรมการที่มีความเป็นอิสระ ถือเป็นจุดเปล่ียนท่ีส�ำคัญในหลายประการ ท้ังการก�ำหนดให้มี ในการปฏริ ปู ประเทศดา้ นการศกึ ษา อกี ทง้ั ในหมวด ๕ หนา้ ทขี่ องรฐั การจดั ทำ� ยทุ ธศาสตรช์ าติ กำ� หนดใหม้ กี ารปฏริ ปู ประเทศในดา้ นตา่ ง ๆ มาตรา ๕๔ ไดก้ ำ� หนดหนา้ ทข่ี องรฐั ดา้ นการศกึ ษาไวอ้ ยา่ งชดั เจน และก�ำหนดกระบวนการจัดท�ำกฎหมายที่มีข้ันตอนกล่ันกรอง และเป็นแนวทางในการจัดการศึกษาไทย เช่น เด็กทุกคนได้รับ เพอื่ ลดปรมิ าณการจดั ทำ� กฎหมายใหเ้ หลอื เทา่ ทมี่ คี วามสำ� คญั และ การศึกษาโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย การดูแลและการพัฒนาเด็กเล็ก จ�ำเป็นล้วนมีความเชื่อมโยงกับการจัดท�ำร่างพระราชบัญญัติ การใหป้ ระชาชนไดร้ บั การศกึ ษาตามความตอ้ งการในระบบตา่ ง ๆ การศกึ ษาฉบับใหม่ ซ่ึงบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนูญมหี ลายมาตรา ทเ่ี กย่ี วขอ้ งโดยตรงตอ่ การปฏริ ปู ประเทศดา้ นการศกึ ษา โดยเฉพาะ ในหมวด ๑๖ การปฏริ ปู ประเทศ มาตรา ๒๕๘ จ. ทก่ี ำ� หนดประเดน็ การปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาท้ังส้ิน ๔ ประเด็น ได้แก่ ๑) ให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา เพอ่ื ใหเ้ ดก็ เลก็ ไดร้ บั การพฒั นารา่ งกาย จติ ใจ วนิ ยั อารมณ์ สงั คม 182 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ
สง่ เสรมิ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ การมสี ว่ นรว่ มในการศกึ ษาในทกุ มติ ิ จํานวน ๒๕ คน ท�ำหน้าที่ในการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ของภาคส่วนต่าง ๆ พัฒนาคุณภาพมาตรฐานการศึกษาสู่สากล ตามประเด็นท่ีก�ำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๕๘ จ. สาระของกฎหมายการศกึ ษาแหง่ ชาตทิ ต่ี อ้ งประกอบดว้ ยสาระของ ซงึ่ รายละเอยี ดของมาตรานไี้ ดก้ ลา่ วไวข้ า้ งตน้ แลว้ คณะกรรมการ แผนการศึกษาแห่งชาติ เป้าหมายของการศึกษา การด�ำเนินใหม้ ี อิสระเพ่ือการปฏิรูปการศึกษามีวาระการด�ำรงต�ำแหน่ง ๒ ปี กองทุนเพอื่ ความเสมอภาคทางการศึกษา ดังน้ี โดยมสี ำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษาทำ� หนา้ ทเี่ ลขานกุ ารของ คณะกรรมการดงั กลา่ ว ในการดำ� เนนิ งานของคณะกรรมการอสิ ระ “มาตรา ๕๔ รัฐต้องด�ำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับ เพ่ือการปฏิรูปการศึกษาได้มีการแต่งตั้งอนุกรรมการด้านต่าง ๆ การศึกษาเป็นเวลาสิบสองปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษา ตามประเดน็ การปฏริ ปู ของรฐั ธรรมนญู ไดแ้ ก่ อนกุ รรมการด้าน ภาคบังคับอยา่ งมีคุณภาพโดยไมเ่ กบ็ ค่าใชจ้ า่ ย เดก็ เลก็ ด้านความเสมอภาคทางการศกึ ษา ดา้ นครแู ละบุคลากร ทางการศึกษา ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านโครงสร้าง รัฐต้องด�ำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนา และอนุกรรมการเฉพาะกิจ เช่น อนุกรรมการด้านการจัด ก่อนเข้ารับการศึกษาตามวรรคหนึ่ง เพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ กฎหมายการศกึ ษา ดา้ นเอกชน ดา้ นอาชวี ศกึ ษา ดา้ นการอดุ มศกึ ษา วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาใหส้ มกบั วยั โดยส่งเสริมและ ด้านการรับฟังความคิดเห็น เพ่ือด�ำเนินการศึกษาสภาพ ปัญหา สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและภาคเอกชนเข้ามา เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับอ�ำนาจหน้าท่ีของอนุกรรมการ มสี ว่ นร่วมในการดำ� เนนิ การด้วย เช่น เอกสารงานวิจัย ข้อมูลทางตัวเลขสถิติ ท้ังในประเทศไทย และนานาชาติ หลกั ฐานความคดิ เหน็ ตา่ ง ๆ รวมทงั้ การลงพน้ื ทจ่ี รงิ รัฐต้องด�ำเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษา ซง่ึ จากการศกึ ษาของคณะกรรมการอสิ ระเพอื่ การปฏริ ปู การศกึ ษา ตามความต้องการในระบบตา่ ง ๆ รวมท้ังส่งเสริมใหม้ ีการเรียนรู้ พบว่าการศึกษาไทยมีวิกฤตทางการศึกษาในหลายประเด็น ตลอดชวี ิต และจดั ใหม้ กี ารร่วมมอื กันระหว่างรัฐ องคก์ รปกครอง เชน่ คณุ ภาพการศกึ ษา ความเหลอื่ มลำ้� ทางการศกึ ษา ความสามารถ ส่วนท้องถ่ิน และภาคเอกชนในการจดั การศกึ ษาทกุ ระดบั โดยรฐั ในการแขง่ ขันของประเทศชาติ ชุมชน และบุคคล ประสิทธภิ าพ มหี นา้ ทด่ี ำ� เนนิ การ กำ� กบั สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ใหก้ ารจดั การศกึ ษา และธรรมาภบิ าลในการบรหิ ารจดั การระบบการศกึ ษา ประสทิ ธผิ ล ดงั กลา่ วมคี ณุ ภาพและไดม้ าตรฐานสากล ทง้ั นี้ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ย ของการถ่ายทอดบทบัญญัติของพระราชบัญญัติการศึกษา การศกึ ษาแหง่ ชาตซิ งึ่ อยา่ งนอ้ ยตอ้ งมบี ทบญั ญตั เิ กยี่ วกบั การจดั ทำ� แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมให้เกิดผลลัพธ์ แผนการศึกษาแห่งชาติ และการด�ำเนินการและตรวจสอบ ทางการศึกษา และน�ำมาสู่การก�ำหนดประเด็นในการรับฟัง การด�ำเนินการให้เปน็ ไปตามแผนการศกึ ษาแห่งชาตดิ ้วย ความคดิ เหน็ จากผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี ทกุ ภาคสว่ นในรปู แบบการประชมุ สมั มนา๔ภมู ภิ าคเชญิ ผทู้ รงคณุ วฒุ ติ า่ งๆมาใหข้ อ้ มลู ในการประชมุ การศกึ ษาทง้ั ปวงตอ้ งมงุ่ พฒั นาผเู้ รยี นใหเ้ ปน็ คนดี มวี นิ ยั คณะกรรมการและอนกุ รรมการชดุ ตา่ ง ๆ จนนำ� มากำ� หนดเปา้ หมาย ภูมิใจในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้ตามความถนัดของตน และมี การปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาและก�ำหนดสาระของกฎหมาย ความรับผิดชอบต่อครอบครวั ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ ต่าง ๆ เพื่อการปฏิรูปการศึกษาบรรลุเป้าหมายตามเจตนารมณ์ ของรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๕๘ จ. โดยเปา้ หมายการปฏริ ปู ประเทศ ในการด�ำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนา ด้านการศึกษาที่ก�ำหนด โดยคณะกรรมการอิสระเพ่ือการปฏิรูป ตามวรรคสอง หรือให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามวรรคสาม การศกึ ษาประกอบดว้ ย ๑) การยกระดบั คณุ ภาพของการจดั การศกึ ษา รัฐต้องด�ำเนินการให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้รับการสนับสนุน (enhance quality of education) ๒) การลดความเหล่ือมล�้ำ คา่ ใช้จ่ายในการศึกษาตามความถนัดของตน ทางการศึกษา (reduce disparity in education) ๓) การมุ่ง ความเป็นเลิศและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของ ให้จัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลน ประเทศ (leverage excellence and competitiveness) ทนุ ทรพั ย์ เพอื่ ลดความเหลอื่ มลำ้� ในการศกึ ษาและเพอื่ เสรมิ สรา้ ง ๔) การปรับปรุงระบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพในการใช้ และพฒั นาคณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพครู โดยใหร้ ฐั จดั สรรงบประมาณ ทรัพยากร เพ่ิมความคล่องตัวในการรองรับความหลากหลาย ให้แก่กองทุนหรือใช้มาตรการหรือกลไกทางภาษีรวมท้ังการให้ ของการจัดการศึกษา และสร้างเสริมธรรมาภิบาล (improve ผบู้ รจิ าคทรพั ยส์ นิ เขา้ กองทนุ ไดร้ บั ประโยชนใ์ นการลดหยอ่ นภาษี ดว้ ย ทง้ั น้ี ตามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิ ซง่ึ กฎหมายดงั กลา่ วอยา่ งนอ้ ย ตอ้ งกำ� หนดใหก้ ารบรหิ ารจดั การกองทนุ เปน็ อสิ ระและกำ� หนดใหม้ ี การใช้จา่ ยเงนิ กองทุนเพ่อื บรรลุวัตถุประสงคด์ งั กล่าว” เม่ือวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ คณะรฐั มนตรี ได้มมี ติ อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธิการ 183
Efficiency, agility and good governance) ซงึ่ มคี วามสอดคลอ้ ง ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... เป็น กบั ยทุ ธศาสตรช์ าตทิ ก่ี ำ� ลังดำ� เนินการอยใู่ นขณะน้ัน ธรรมนูญทางการศึกษาที่เป็นกฎหมายกลางและใช้บังคับ กับการศึกษาท่ีมีอยู่ในทุกที่ทุกหน่วยงานทั้งของรัฐและเอกชน (๒) สาระของร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ซึง่ ๗ หมวดและบทเฉพาะกาล และมีมาตราทง้ั สน้ิ ๑๑๐ มาตรา ฉบับใหม่ ไดแ้ ก่ หมวด ๑ วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายของการจัดการศกึ ษา หมวด ๒ สถานศึกษา หมวด ๓ ครูและบุคลากรอ่ืนท่ีเก่ียวกับ การด�ำเนินการจัดท�ำร่างพระราชบัญญัติการศึกษา การจัดการศึกษา หมวด ๔ การจัดการศึกษา หมวด ๕ หน้าที่ แห่งชาติ ฉบับใหม่ของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูป ของหน่วยงานของรัฐ หมวด ๖ แผนการศึกษาแห่งชาติ การศึกษาเป็นการด�ำเนินการก่อนที่รัฐธรรมนูญมาตรา ๗๗ และทรพั ยากรเพอื่ การศกึ ษาหมวด๗คณะกรรมการนโยบายการศกึ ษา ซ่ึงเป็นเงื่อนไขที่เป็นการกลั่นกรองการจัดท�ำกฎหมายเพียง แหง่ ชาติ และบทเฉพาะกาล สาระของรา่ งพระราชบัญญตั ิฉบับน้ี เท่าท่ีจ�ำเป็นมีผลใช้บังคับ แต่คณะกรรมการอิสระเพ่ือการปฏิรูป ได้มีการผนวกบทบัญญัติของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ การศึกษาก็ได้ด�ำเนินการตามข้ันตอนของมาตรา ๗๗ ของ พ.ศ. ๒๕๔๒ และทแี่ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ ในบางเรอื่ งทยี่ งั คงมคี วามทนั สมยั รัฐธรรมนูญดังกล่าว ต้ังแต่ศึกษาข้อมูลท่ีเก่ียวข้อง รับฟัง แก้ไขสาระของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ความคดิ เหน็ ของผเู้ กยี่ วขอ้ งทงั้ กอ่ น ขณะดำ� เนนิ การ และการจดั ทำ� และท่ีแก้ไขเพิ่มเติมในบางเร่ืองท่ีท�ำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ร่างกฎหมายที่แล้วเสร็จ ท้ังในรูปการณ์จัดประชุมสัมมนา รวมท้ังเพิ่มเติมสาระใหม่บางประการท่ีท�ำให้การศึกษามีความ และรปู แบบอเิ ลก็ ทรอนกิ สต์ า่ ง ๆ และนำ� มาประกอบการพจิ ารณา ในกระบวนการตรากฎหมายทุกขั้นตอน รวมทั้งการวิเคราะห์ สงั เคราะห์ หลักการของรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๕๔ มาตรา ๒๕๘ จ. และมาตราอนื่ ๆ ที่เกย่ี วข้อง พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และทแ่ี กไ้ ขเพมิ่ เตมิ รวมทง้ั กฎหมายอนื่ ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง ความเช่ือมโยงของสาระของร่างพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาตฉิ บับใหมก่ ับยทุ ธศาสตร์ชาติ โดยเฉพาะยทุ ธศาสตร์ที่ ๓ ดา้ นการพฒั นาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพทรพั ยากรมนษุ ย์ ควบคกู่ บั การจัดท�ำแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา และกฎหมาย ที่ด�ำเนินการในขณะน้ันแต่ได้ประกาศใช้บังคับก่อนร่าง พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาตฉิ บบั ใหม่ ไดแ้ ก่ พระราชบญั ญตั ิ กองทุนเพ่ือความเสมอภาค พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติ การพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติพ้ืนที่ นวตั กรรมการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๒ จนไดจ้ ดั ทำ� รา่ งพระราชบญั ญตั ิ การศกึ ษาแหง่ ชาตฉิ บบั ใหมแ่ ลว้ เสรจ็ และเสนอเขา้ สกู่ ารพจิ ารณา ของคณะรฐั มนตรี และคณะกรรมการกฤษฎกี าตรวจพจิ ารณารา่ ง ท่ามกลางความเห็นต่างในขณะน้ันได้มีการชะลอกระบวนการ ตรากฎหมาย มีการรับฟังความคิดเห็นเพ่ิมเติมอีกหลายครั้ง มกี ารผนวกรา่ งพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาตฉิ บบั ประชาชน จนรา่ งพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. .... คณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วเสร็จตามเร่ืองเสร็จที่ ๖๖๐/๒๕๖๔ และรัฐสภารับหลักการของร่างพระราชบัญญัติ ซ่ึงขณะน้ี ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษา แหง่ ชาตซิ ง่ึ เปน็ การพจิ ารณารว่ มกนั ของสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร และวุฒสิ ภา 184 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร
เทา่ ทนั ภาวการณท์ เี่ ปลย่ี นแปลงไปและทำ� ใหก้ ารบงั คบั ใชก้ ฎหมาย สมรรถนะ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ความยืดหยุ่นกับรูปแบบ มีประสิทธิภาพมากข้ึน จึงสามารถกล่าวได้ว่าสาระส�ำคัญของ การเรียนรู้ท่ีผู้เรียนสามารถเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้และศึกษา ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาที่แห่งชาติ ฉบับใหม่ ไม่ได้เป็น หาความรู้ได้ด้วยตนเอง ซ่ึงเป็นผลมาจากความก้าวหน้าแบบ การรื้อถึงสาระส�ำคัญของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ก้าวกระโดดของเทคโนโลยีสารสนเทศ และการแพร่ระบาดของ พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมที่เป็นหลักการและแนวทาง โรคอบุ ตั ใิ หมท่ ที่ ำ� ใหผ้ เู้ รยี นและผสู้ อนตอ้ งใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ที่มีความร่วมสมัยออกแต่อย่างใด แต่ได้ปรับเปล่ียน แก้ไข ในการจัดการเรียนรู้เพิ่มสูงข้ึนจนถือเป็นชีวิตวิถีใหม่ของ เพม่ิ เตมิ สาระสำ� คญั ใหห้ ลายเรอื่ งของเพอื่ ปดิ จดุ ออ่ น เสรมิ และเตมิ การศกึ ษาไทย รวมทง้ั ทำ� ใหเ้ กดิ ความลน่ื ไหลในการวถิ กี ารเรยี นรู้ จุดแข็งให้กฎหมายการศึกษาไทยเป็นเครื่องมือทำ� ให้การพัฒนา ท่ีเหมาะสมตามความถนัดและตามความเหมาะสมของผู้เรียน คนไทยไปสู่เป้าหมายของการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาและ แตล่ ะคน นอกจากนน้ั ยงั กำ� หนดใหส้ ถานศกึ ษา หนว่ ยงานของรฐั ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งสรุปสาระส�ำคัญของร่างพระราชบัญญัติ และภาคส่วนอ่ืน ๆ ส่งเสริมและสนับสนุนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ การศกึ ษาฉบบั ใหม่ ไดด้ ังตอ่ ไปนี้ โดยไมม่ ภี าระคา่ ใชจ้ า่ ยสงู เกนิ สมควรใหค้ นทกุ คนไดเ้ ขา้ ไปเรยี นรู้ ไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งและตลอดชีวติ • ปรับเปล่ยี นการจดั การศกึ ษาให้ผเู้ รียนน�ำความรูไ้ ปใช้ ในชีวิตจริงหรือให้ผู้เรียนมี “สมรรถนะ” ในแต่ละช่วงวัย ซึ่งแบ่ง • วางหลักการท่ีท�ำให้สถานศึกษาของรัฐมีความเป็น ออกเป็น ๗ ช่วงวัย เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวสาระของ อิสระคล่องตัวและสามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ ร่างกฎหมายฉบับนี้จึงเน้นการปรับองคาพยพท่ีมีอยู่ในปัจจุบัน โดยก�ำหนดพ้ืนฐานของสถานศึกษาของรัฐ เพื่อให้สามารถ โดยเฉพาะของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารซง่ึ เปน็ หนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบ จดั การศกึ ษาใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ อาทเิ ชน่ ความเปน็ อสิ ระคลอ่ งตวั หลักด้านการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการก�ำหนดหลักการความเป็น ของสถานศกึ ษา วธิ กี าร แนวทางจดั กระบวนการเรยี นรู้ ตลอดจน อิสระของสถานศึกษา การปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอน การติดตามและประเมินผล ทรัพยากรพื้นฐานที่สถานศึกษา ให้เป็นการศึกษาเชิงรุกท่ีเน้นให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะตามช่วงวัย ควรมอี นั จะทำ� ใหเ้ กดิ นวตั กรรมและคณุ ภาพการศกึ ษา กำ� หนดใหม้ ี ผเู้ รยี นสามารถกำ� หนดแผนการศกึ ษาทม่ี คี วามยดื หยนุ่ หลากหลาย สถาบันหลักสูตรและการเรียนรู้ในการจัดท�ำวิจัยและพัฒนา ตอบสนองความต้องการและความถนัดของผู้เรียนแต่ละคน เกย่ี วกบั ด้านหลกั สตู รและการประเมนิ ผลอยา่ งครบวงจรเพอ่ื เปน็ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเคร่ืองมือในการสนับสนุน กลไกการสนับสนุนงานด้านวิชาการให้กับสถานศึกษา ให้มี การจัดการศึกษา และการสร้างระบบนิเวศทางการศึกษาต้ังแต่ ทางเลอื ก มคี วามยดื หยนุ่ และหลากหลาย รวมทง้ั มหี มวดเฉพาะ ปรับเปล่ียนระบบการศึกษาท่ีตอบสนองเป้าหมายของผู้เรียน ท่ีเก่ียวกับการสถานศึกษาซ่ึงถือเป็นหัวใจส�ำคัญประการหนึ่ง ก�ำหนดกลไกสนับสนุนที่สร้างความเข้มแข็งทางวิชาการ ทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ การสรา้ งนวตั กรรมการเรยี นการสอนทส่ี ง่ ผลถงึ คณุ ภาพ ให้สถานศึกษาทั้งด้านหลักสูตร สื่อและการสอน การวัด ของผู้เรียน ซึ่งมีสาระส�ำคัญ เช่น ก�ำหนดสภาพแวดล้อม และประเมินผล แนวทางการบริหารและจัดการศึกษาของ และสาธารณูปโภคที่สถานศึกษาของรัฐพึงมี เช่น สภาพและ สถานศึกษาที่มีความเป็นอิสระคล่องตัวเพ่ือให้สามารถ สิ่งแวดล้อมและสภาวะที่ปลอดภัยของสถานศึกษา อุปกรณ์ สร้างนวัตกรรมทางการศึกษา การปฏิรูประบบการผลิต ในการศึกษา ครูและบุคลากรอ่ืน รวมถึงสถานะที่เหมาะสมของ การคัดกรอง และการพัฒนาครูและผู้บริหารสถานศึกษาให้เป็น สถานศกึ ษา และหนา้ ทข่ี องหนว่ ยงานอน่ื ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การสนบั สนนุ ผมู้ จี ติ วญิ ญาณของความเปน็ ครู มคี วามรคู้ วามสามารถอยา่ งแทจ้ รงิ การด�ำเนินงานของสถานศึกษาให้มีความเป็นอิสระคล่องตัว รวมถึงได้รับความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ธรรมาภิบาลเก่ียวกับ วางหลักการความเป็นอิสระของสถานศึกษาของรัฐ ได้แก่ ความก้าวหน้าในวชิ าชพี ดา้ นการบรหิ ารสถานศกึ ษา การจดั กระบวนการเรยี นรู้ การบรหิ าร การเงินและการใช้จ่ายเงิน การบริหารงานบุคคล ก�ำหนดให้มี • การส่งเสริมให้คนทุกคนทุกช่วงวัยสามารถเรียนรู้ การจัดสรรจ�ำนวนเงินข้ันต�่ำในการจัดการศึกษาในสถานศึกษา ได้ต่อเน่ืองและตลอดชีวิต โดยสาระของร่างกฎหมายฉบับน้ี เพ่ือใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอน เป็นเงินอุดหนุนท่ัวไป ได้ก�ำหนดในหลากหลายประเด็นเพ่ือเป็นการส่งเสริม สนับสนุน นอกจากเงนิ ทีไ่ ด้รบั การจัดสรรตามปกติ ช่วยเหลือ และกระตุ้นให้บุคคลทุกช่วงวัยและทุกอาชีพใส่ใจ ในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยมีการก�ำหนด • ให้ความส�ำคญั ต่อการผลติ การพัฒนา และการรักษา ให้มีระบบการเทียบเคียง เทียบโอนความรู้ ประสบการณ์ คณุ ภาพมาตรฐานวชิ าชพี ครเู พอ่ื ใหเ้ ปน็ วชิ าชพี ชนั้ สงู โดยกำ� หนด ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร 185
สถานะและการวางตนของครู ได้แก่ หน้าท่ีในการเอ้ืออ�ำนวย ค่าใช้จ่ายด้านการพักอาศัยและด�ำรงชีพเป็นกรณีพิเศษแก่ผู้ที่ ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ แสวงหาความรู้อย่างต่อเน่ือง ครูเป็น เลือกเรียนการอาชีวศึกษา และครูอาชีวศึกษา ก�ำหนดให้ครู วชิ าชพี ชน้ั สงู อทุ ศิ ตนและพฒั นาตนเองอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เปน็ แมพ่ มิ พ์ สถานศึกษาเอกชนซ่ึงรวมถึงอาชีวศึกษาได้รับเงินเดือน และแบบอย่างที่ดี ปรับเปลี่ยนกลไกการผลิตครู ให้เน้นผลิตครู ค่าตอบแทน หรือสิทธิประโยชน์อื่นให้สอดคล้องกับครูของ ใหม้ ลี กั ษณะทว่ั ไปและคณุ ลกั ษณะเฉพาะทเ่ี นน้ ใหเ้ กดิ การสมรรถนะ สถานศึกษาของรัฐ ก�ำหนดให้มีหลักสูตรและวิธีการท่ีผู้เรียน ที่สอดคล้องตามช่วงวัยของผู้เรียน โดยก�ำหนดให้มีการศึกษา มีทางเลือกที่เหมาะสมเพ่ือให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้หรือมุ่งเน้น และวิจัยต้นแบบ กระบวนการและวิธีการผลิตครูท่ีหลากหลาย การฝึกทักษะอาชีพช้ันสูงได้ตามความถนัด การจัดกระบวนการ และมปี ระสทิ ธิภาพ รวมทั้งเปดิ ช่องให้ผูม้ ีความรคู้ วามเช่ยี วชาญ เรียนรโู้ ดยวิธกี ารทหี่ ลากหลาย เฉพาะด้านสามารถประกอบวิชาชีพครู ใหค้ รมู ีการพฒั นาตนเอง อย่างต่อเนื่องตามแนวทางของมาตรฐานวิชาชีพโดยมีระบบ • ก�ำหนดให้มีกลไกการบูรณาการในการด�ำเนินการ การตดิ ตามและประเมนิ ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลในการปฏบิ ตั ิ ด้านการศกึ ษา โดยกำ� หนดให้มคี ณะกรรมการนโยบายการศึกษา หน้าที่ของครูที่ไม่ท�ำให้เกิดภาระแก่ครูเกินความจ�ำเป็นแต่เน้น แห่งชาติซ่ึงมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้มีหน้าท่ีและอ�ำนาจ ในการพิจารณาข้อมูลจากผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียน ในวางกลไกการจัดท�ำและก�ำกับเชิงนโยบายด้านการศึกษา ข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้ปกครอง ผ่านแผนการศึกษาแห่งชาติท่ีมีความยืดหยุ่น หลากหลาย นักเรียน และข้อมูลจากชมุ ชน ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกท่ีเกิดข้ึนอย่างรวดเร็ว ก�ำหนดให้มีระบบการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผล • ใหเ้ คารพความยดื หยนุ่ หลากหลาย และการมสี ว่ นรว่ ม การขับเคลอื่ นแผนการศกึ ษาแห่งชาติลงสู่การปฏิบตั ิท่ีสอดคลอ้ ง ของทกุ ภาคสว่ นในหลากหลายมติ ิ โดยกำ� หนดใหม้ กี ารมสี ว่ นรว่ ม ตามความต้องการและจุดแข็งของแต่ละจังหวัดท่ีไม่ได้จ�ำกัด ของทุกภาคในทุกระดับ โดยระดับนโยบาย ระดับส่วนกลางและ เฉพาะการดำ� เนนิ งานภายใตก้ รอบหนา้ ทแี่ ละอำ� นาจของกระทรวง ระดับจังหวัด โดยให้มีผู้แทนจากทุกภาคส่วนสามารถมาเป็น ศึกษาธิการ เพ่ือให้มิติของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของ คณะกรรมการเฉพาะด้านในคณะกรรมการนโยบายการศึกษา ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย มุ ่ ง ไ ป สู ่ เ ป ้ า ห ม า ย ก า ร พั ฒ น า อ ย ่ า ง ย่ั ง ยื น แห่งชาติ ให้มีการรวมตัวกันในระดับจังหวัดท่ีเรียกว่า “สมัชชา ท่ีมีความสอดคล้องกับเจตนารมณ์ หลักการ และแนวทาง การศกึ ษาจงั หวดั ” และระดบั สถานศกึ ษาใหม้ กี ารรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ยุทธศาสตร์ชาติ ของคณะกรรมการสถานศึกษาในระดับจังหวัดเพื่อน�ำความเห็น แผนพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ และแผนการปฏิรูป มาจัดท�ำแผนการศึกษาแห่งชาติและพัฒนาการศึกษาในระดับ ประเทศด้านตา่ ง ๆ จังหวัด สร้างการมีส่วนร่วมตั้งแต่การจัดการศึกษา การส่งเสริม และสนับสนุนการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น องค์กรปกครอง อาจกลา่ วโดยสรปุ วา่ การเปลยี่ นแปลงกอ่ ใหเ้ กดิ การพฒั นา สว่ นท้องถนิ่ สามารถจดั และให้ค่าใช้จ่ายเพอ่ื สนับสนุนการศึกษา ในด้านต่าง ๆ ในแต่ละช่วงเวลาซึ่งมีความสัมพันธ์และเชื่อมโยง ต่อการศึกษาท่ีเป็นเคร่ืองมือท่ีส�ำคัญในการสร้างทุนมนุษย์ • เน้นให้ความส�ำคัญด้านการอาชีวศึกษา โดยก�ำหนด ให้มีความรู้ ความเท่าทัน สามารถปรับตัวกับสถานการณ์ที่มี หน้าท่ขี องกระทรวงศกึ ษาธิการในการจดั ส่งเสริม สนับสนนุ และ ความเปลย่ี นแปลงไปอยา่ งไมห่ ยดุ ยงั้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ กฎหมาย ให้ความช่วยเหลือการอาชีวศึกษา ก�ำหนดเป้าหมายในการจัด การศึกษาแห่งชาติที่เป็นภาพรวมในการก�ำหนดเข็มทิศ อาชีวศึกษาและเน้นการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีโอกาสฝึกปฏิบัติจริง ในการพัฒนาคนไทย เพ่ือน�ำพาประเทศไปสู่ความม่ันคง มั่งค่ัง ก�ำหนดหน้าที่ของหน่วยงานอื่นท่ีเกี่ยวข้องกับการอาชีวศึกษา และย่ังยืน ตามหลักการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และการพัฒนาเศรษฐกิจส่งเสริม สนับสนุน และช้ีแนะผู้เรียน แห่งชาติ ฉบับที่ ๘ ในอดีต และหลักการท่ีมีการก�ำหนด รวมทง้ั การสง่ เสรมิ สนบั สนนุ และรว่ มมอื การพฒั นาการอาชวี ศกึ ษา เป็นลายลักษณ์อักษรในยุทธศาสตร์ชาติในปัจจุบัน ตั้งแต่การมี เพ่ือให้สามารถจัดการศึกษาและพัฒนาก�ำลังคนของประเทศ กฎหมายการศกึ ษาฉบบั แรก คอื พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐานทัดเทียม พ.ศ. ๒๕๔๒ สู่การแก้ไขเพ่ิมเติมในแต่ละห้วงเวลา จนมีร่าง กับนานาอารยประเทศ อีกทั้งได้ก�ำหนดมาตรการย่อยอ่ืน ๆ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ผ่านราวสองทศวรรษที่งาน เพอ่ื สนบั สนนุ การเรยี นหรอื การจงู ใจใหผ้ เู้ รยี นเขา้ มาเรยี นอาชวี ศกึ ษา ด้านการศึกษาของไทยได้มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อไปสู่ เช่น ก�ำหนดให้รัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการสนับสนุน อนาคตภาพของคนไทยท่ีดีกว่าเดิมภายใต้เป้าหมายของ 186 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ
การปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาที่มุ่งยกระดับคุณภาพของ การจดั การศกึ ษา ลดความเหลอ่ื มลำ�้ ทางการศกึ ษา มงุ่ ความเปน็ เลศิ และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ปรับปรุง ระบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร เพิ่มความ คล่องตัวในการรองรับความหลากหลายของการจัดการศึกษา และสรา้ งเสรมิ ธรรมาภบิ าล ซงึ่ ผลโดยตรงในทางบวกตอ่ การพฒั นา คนไทย สังคม ประเทศชาติ และโลกอย่างยั่งยืน จะเห็นได้ว่า ก้าวต่อไปของอนาคตการศึกษาไม่อาจส�ำเร็จได้ด้วยการชื่นชม ยนิ ดกี บั ความสำ� เรจ็ แบบเดมิ ๆ แตก่ ารศกึ ษาไทยตอ้ งมกี ารพฒั นา ตอ่ ไปอยา่ งไมห่ ยดุ ยง้ั โดยผา่ นความรว่ มมอื รว่ มใจของทกุ ภาคสว่ น เพอื่ กา้ วขา้ มอปุ สรรค และทะยานตรงไปสเู่ ปา้ หมายของการปฏริ ปู การศกึ ษาทว่ี างไว้ โดยใชก้ ฎหมายการศกึ ษาแหง่ ชาตเิ ปน็ เครอ่ื งมอื ไปสู่ความส�ำเรจ็ อา้ งอิง ส�ำนักงานปฏิรูปการศึกษา. (๒๕๔๓). รายงานการศึกษาวิเคราะห์เพื่อการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ เลม่ ๑. กรุงเทพฯ ส�ำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (๒๕๖๒). รายงานพันธกิจปฏิรูปการศึกษา คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา. กรงุ เทพฯ สำ� นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (๒๕๖๒). แผนการปฏริ ปู ประเทศดา้ นการศึกษา. กรุงเทพฯ คณะกรรมการกฤษฎกี า, บนั ทกึ ประกอบร่างพระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... เรอื่ งเสรจ็ ท่ี ๖๖๐/๒๕๖๔ (๒๕๖๔) คณะกรรมการกฤษฎกี า, บนั ทกึ วเิ คราะหส์ รปุ สาระสำ� คญั รา่ งพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. .... เรอ่ื งเสรจ็ ที่ ๖๖๐/๒๕๖๔ (๒๕๖๔) คำ� ส่งั คณะรกั ษาความสงบเรียบร้อยท่ี ๑๙/๒๕๖๐, ๒๕๖๐ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๔๐, ๒๕๔๐ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐, ๒๕๖๐ พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒, ๒๕๔๒ พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕, ๒๕๔๕ พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓, ๒๕๕๓ พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒, ๒๕๕๓ ร่างพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. .... (คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั พิจารณารา่ งพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาต)ิ คณะกรรมการรกั ษาความสงบเรยี บร้อยแห่งชาติ https://shorturl.asia/HZBS (สืบค้นเม่อื วันท่ี ๔ มกราคม ๒๕๖๔) สารานกุ รมไทยสำ� หรบั เยาวชน เลม่ ที่ ๒๔ เรอ่ื งที่ ๙ แผนพฒั นาประเทศ (พ.ศ. ๒๕๔๐ - พ.ศ. ๒๕๔๔) แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และ สงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๘ https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=๒๔&chap=๙&page=t๒๔-๙-in fodetail๑๐.html (สบื ค้นเมอ่ื วันท่ี ๔ มกราคม ๒๕๖๔) ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธิการ 187
ตวั ชวี้ ัดที่สะทอ้ นถึงคุณภาพ การศกึ ษาของประเทศไทย พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ตอนต้น ๓ ปี (๓ ระดับช้ัน) ผู้เรียนอายุประมาณ ๑๒-๑๔ ปี และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ในมาตรา ๑๐ ไดบ้ ญั ญตั ิ และการศกึ ษาชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ๓ ปี (๓ ระดบั ชนั้ ) ผเู้ รยี น ถึงสิทธิและโอกาสของบุคคลในการรับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน อายปุ ระมาณ ๑๕-๑๗ ปี หรือเรียกว่า “ระบบ ๖-๓-๓” ตอ่ มาวนั ท่ี ไม่น้อยกว่า ๑๒ ปี ที่รัฐต้องจัดอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ ๑๕ มิ.ย. ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ค�ำส่ังหัวหน้า โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย และมาตรา ๑๗ ให้มีการศึกษาภาคบังคับ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ที่ ๒๘/๒๕๕๙ เรอื่ ง ใหจ้ ดั การศกึ ษา จ�ำนวน ๙ ปี โดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ด เข้าเรียน ขนั้ พน้ื ฐาน ๑๕ ปี โดยไมเ่ กบ็ คา่ ใชจ้ า่ ยตงั้ แตร่ ะดบั กอ่ นประถมศกึ ษา ในสถานศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานจนอายยุ า่ งเขา้ ปที ส่ี บิ หก เวน้ แตส่ อบได้ (อนุบาล) (ถ้ามี) ระดับประถมศึกษา จนถึงมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ ชั้นปีท่ีเก้าของการศึกษาภาคบังคับ หลักเกณฑ์และการนับอายุ หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.๓) หรือเทียบเท่า ให้เป็นไปตามท่ีก�ำหนดในกฎกระทรวง โดยระบบการศึกษาไทย และใหห้ มายความรวมถงึ การศกึ ษาพเิ ศษและการศกึ ษาสงเคราะห์ ก�ำหนดระยะเวลาของการจัดการศึกษาช้ันประถมศึกษา ๖ ปี ซ่ึงสามารถสรุปสารสนเทศทางการศกึ ษาไดด้ งั น้ี (๖ ระดบั ชน้ั ) ผเู้ รยี นอายปุ ระมาณ ๖-๑๑ ปี การศกึ ษาชนั้ มธั ยมศกึ ษา 188 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร
๑ อยู่ท่ีประมาณ ๑๑.๒๕ ปี ห่างจากค่าเป้าหมายท่ีตั้งไว้ ดังนั้น ทกุ ภาคสว่ นตอ้ งรว่ มกนั ผลกั ดนั ประชากรไทยกลมุ่ อายุ ๑๕-๓๙ ปี ปกี ารศึกษาเฉล่ียของประชากรไทย เป็นกลุ่มเป้าหมายที่กระทรวงศึกษาธิการสามารถพัฒนา ปกี ารศกึ ษาเฉลยี่ ของประชากรไทยวยั แรงงาน (กลมุ่ อายุ ส่งเสริมเพ่ือยกระดับการพัฒนาให้มีความรู้ที่สามารถต่อยอด วุฒิการศึกษาให้สูงขึ้นเพ่ือสร้างโอกาสให้เพ่ิมพูนความรู้ และ ๑๕-๕๙ ปี) ซ่ึงเป็นผู้อยู่ในก�ำลังแรงงานปัจจุบัน หรือเป็นผู้ถูก เพ่ิมโอกาสความก้าวหน้าในอาชีพการงาน โดยในปี ๒๕๖๓ จัดจ�ำแนกอยู่ในประเภทก�ำลังแรงงานตามการส�ำรวจของ มีปีการศึกษาเฉลี่ย เท่ากับ ๑๐.๙๗ ปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส�ำนักงานสถิติแหง่ ชาติ มแี นวโน้มเพมิ่ ข้นึ ทุกปีโดยเฉล่ีย ๐.๑ ปี โดยเฉลย่ี ปลี ะ ๐.๐๗ ปี และกลมุ่ อายุ ๔๐-๕๙ ปี เปน็ กลมุ่ เปา้ หมาย ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๕๘ จนถงึ พ.ศ. ๒๕๖๔ ซง่ึ ใน พ.ศ. ๒๕๖๓ มจี ำ� นวน ท่ีด�ำเนินการพัฒนาให้ความรู้ท่ีไม่เน้นการเพิ่มวุฒิการศึกษา ปีการศึกษาเฉล่ียเท่ากับ ๙.๙๖ ปี หรือมีการศึกษาอยู่ในระดับ แตเ่ ปน็ การใหค้ วามรแู้ กป่ ระชาชนในดา้ นอนื่ ๆ เชน่ การใหค้ วามรู้ มัธยมศึกษาตอนต้น และจากเป้าหมายใน พ.ศ. ๒๕๗๙ ในการอบรมทักษะอาชีพ โดยในปี ๒๕๖๓ มีปีการศึกษาเฉลี่ย ตามแผนการศึกษาแห่งชาติอยู่ท่ี ๑๒.๕ ปี หรือมีการศึกษา เทา่ กับ ๘.๕๙ ปี และมแี นวโน้มเพ่มิ ขึน้ โดยเฉล่ียปลี ะ ๐.๑๖ ปี ขน้ั พน้ื ฐานเปน็ อยา่ งตำ่� ซง่ึ ปจั จบุ นั พ.ศ. ๒๕๖๓ พบวา่ ยงั หา่ งจาก ค่าเป้าหมายถึง ๒.๕๔ ปี ซ่ึงแนวโน้มจะถึงค่าเป้าหมายได้ยาก เนื่องจากต้องเพิ่มโดยเฉลี่ยปีละ ๐.๑๗ ปี แต่ปัจจุบันสามารถ ผลักดันได้โดยเฉลี่ย ๐.๑ ปี ท่ีท�ำให้การคาดการณ์จ�ำนวน ปกี ารศกึ ษาเฉลย่ี เมอ่ื สนิ้ สดุ แผนการศกึ ษาแหง่ ชาตใิ น พ.ศ. ๒๕๗๙ จ�ำนวนปกี ารศกึ ษาเฉลีย่ ของประชากรไทยวัยแรงงาน (กลุ่มอายุ ๑๕-๕๙ ปี) อย่ใู นระดบั ม.ต้น ใน พ.ศ. ๒๕๖๔ กลมุ่ อายุ ปี ๒๕๖๓ ปี ๒๕๖๔ เพิม่ (+) / ลด (-) กลุ่มอายุ ๑๕-๓๙ ปี ๑๐.๙๗ ๑๑.๐๐ +๐.๐๓ กลมุ่ อายุ ๔๐-๕๙ ปี ๘.๕๙ ๘.๗๓ +๐.๑๔ กลุ่มอายุ ๑๕-๕๙ ปี ๙.๘๖ ๙.๙๖ +๐.๑๐ กลมุ่ อายุ ๑๕ ปขี ึ้นไป ๘.๘๖ ๘.๙๓ +๐.๐๗ กลุ่มอายุ ๖๐ ปขี ึน้ ไป ๕.๔๒ ๕.๕๔ +๐.๑๒ ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ 189
๒ ทไี่ มไ่ ดร้ บั การศกึ ษาอยทู่ รี่ อ้ ยละ ๓.๔๘ หรอื ประมาณ ๘.๓ หมนื่ คน ลดลงจากปีการศึกษา ๒๕๖๒ และมีดัชนีความเสมอภาค การเขา้ ถงึ การจดั การศึกษาของประเทศไทย ทางเพศ (GPI) ของอตั ราการเขา้ เรยี นสทุ ธแิ บบปรบั เทา่ กบั ๐.๙๗ การเขา้ ถงึ การจดั การศกึ ษาของประเทศไทย ปกี ารศกึ ษา คอื อตั ราการเขา้ เรยี นสทุ ธแิ บบปรบั ของเดก็ ชายนอ้ ยกวา่ เดก็ หญงิ เลก็ นอ้ ย และมอี ัตราสว่ นนักเรียน ๒๐ คน ตอ่ ครู ๑ คน ๒๕๖๓ จากข้อมูลที่รวบรวมจากหน่วยงานที่จัดการศึกษา ทง้ั หมด ๙ กระทรวง ในระดบั กอ่ นประถมศกึ ษามตี งั้ แตต่ ำ�่ กวา่ ๓ ปี ๔. ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย อายุ ๑๕-๑๗ ปี ที่รวม จนถงึ อายุ ๗ ปี ในขณะทเี่ ข้ารบั การศึกษาในระดบั ประถมศกึ ษา นักเรียนสังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ มีต้ังแต่ ๕ ปี จนถึงอายุมากกว่า ๑๕ ปี และเข้ารับการศึกษา การศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ มีอัตรา ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นมีอายุตั้งแต่ ๑๑ ปี จนถึงอายุ การเข้าเรียนสุทธแิ บบปรบั (ANER) อยู่ทีร่ อ้ ยละ ๖๖.๖๖ โดยทีม่ ี ท่ีมากกว่า ๑๘ ปี ซึ่งจากข้อก�ำหนดตามมาตรา ๑๗ ท่ีเด็ก เดก็ ทีไ่ มร่ ับการศึกษา (OOSC) รอ้ ยละ ๓๓.๓๔ ท่ีประกอบดว้ ย ตอ้ งมอี ายุ ๖ ปเี ตม็ หรอื ยา่ งเขา้ ๗ ปี โดยคำ� นวณอายตุ ามประกาศ นักเรียนท่ีเข้าเรียนช้าหรือก�ำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษา เปิดภาคเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ (ประมาณ ณ วันที่ ๑๖ ตอนต้นร้อยละ ๙.๔๑ และเป็นนักเรียนท่ีไม่ได้รับการศึกษาอยู่ที่ พฤษภาคม ของทกุ ปี) รอ้ ยละ ๒๓.๙๓ หรอื ประมาณ ๖.๑ แสนคน ลดลงจากปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๒ และมีดัชนีความเสมอภาคทางเพศ (GPI) ของอัตรา ๑. ระดับก่อนประถมศึกษา อายุ ๓-๕ ปี ไม่รวมเด็ก การเขา้ เรยี นสทุ ธแิ บบปรบั เทา่ กบั ๐.๘๓ คอื อตั ราการเขา้ เรยี นสทุ ธิ ในศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ ของสงั กดั กรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถนิ่ (อปท.) แบบปรบั ของเดก็ ชายน้อยกว่าเด็กหญิง และมอี ัตราสว่ นนกั เรยี น ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ มอี ตั ราการเขา้ เรยี นสทุ ธแิ บบปรบั (ANER) ๑๘ คน ตอ่ ครู ๑ คน อยู่ท่ีร้อยละ ๗๕.๑๕ โดยท่ีมีเด็กไม่รับการศึกษา (OOSC) รอ้ ยละ ๒๔.๘๕ ดัชนีความเสมอภาคทางเพศ (GPI) ของอตั รา การเขา้ เรยี นสทุ ธแิ บบปรบั เทา่ กบั ๑.๐ คอื มอี ตั ราการเขา้ เรยี นสทุ ธิ แบบปรับของเด็กชายและเด็กหญิงใกล้เคียงกัน และมีอัตราส่วน นกั เรยี น ๑๔ คน ตอ่ ครู ๑ คน โดยการเขา้ ถงึ การศกึ ษาของนกั เรยี น ในระดับก่อนประถมศึกษาอยู่ในระดับต�่ำเน่ืองจากมีนักเรียน ส่วนหนึ่งอยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและนักเรียนส่วนใหญ่ เริ่มเข้ารบั การศึกษาตอนอายุ ๔ ขวบ ๒. ระดบั ประถมศกึ ษา อายุ ๖-๑๑ ปี ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ มอี ัตราการเขา้ เรียนสทุ ธแิ บบปรับ (ANER) อยูท่ ร่ี ้อยละ ๙๙.๙๓ โดยทม่ี เี ดก็ ทไ่ี มร่ บั การศกึ ษา (OOSC) รอ้ ยละ ๐.๐๗ ทปี่ ระกอบดว้ ย นกั เรยี นทเี่ ขา้ เรยี นชา้ หรอื กำ� ลงั ศกึ ษาอยใู่ นระดบั กอ่ นประถมศกึ ษา รอ้ ยละ ๐.๐๖ และเปน็ นกั เรยี นทไี่ มไ่ ดร้ บั การศกึ ษาอยทู่ รี่ อ้ ยละ ๐.๐๑ หรือประมาณ ๔๕๓ คน ดัชนีความเสมอภาคทางเพศ (GPI) ของอตั ราการเข้าเรยี นสุทธแิ บบปรับ เท่ากับ ๐.๙๓ คอื มอี ตั รา การเขา้ เรยี นสทุ ธแิ บบปรบั ของเดก็ ชายนอ้ ยกวา่ เดก็ หญงิ เลก็ นอ้ ย และมอี ตั ราส่วนนกั เรียน ๑๔ คน ตอ่ ครู ๑ คน ๓. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น อายุ ๑๒-๑๔ ปี ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ มอี ตั ราการเขา้ เรยี นสทุ ธแิ บบปรบั (ANER) อยู่ท่ีร้อยละ ๘๙.๘๑ โดยท่ีมีเด็กท่ีไม่รับการศึกษา (OOSC) ร้อยละ ๑๐.๑๙ ที่ประกอบด้วยนักเรียนที่เข้าเรียนช้าหรือก�ำลัง ศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษาร้อยละ ๖.๗๒ และเป็นนักเรียน 190 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร
ตัวชีว้ ัด ระดบั ก่อนประถมศกึ ษา ๓-๕ ปี ระดับประถมศึกษา ๖-๑๑ ปี ระดบั ม.ต้น ๑๒-๑๔ ปี ระดบั ม.ปลาย ๑๕-๑๗ ปี (ไมร่ วมศูนย์พฒั นาเดก็ เล็ก) ปกี ารศึกษา ปกี ารศกึ ษา ปกี ารศกึ ษา ปีการศกึ ษา ปกี ารศึกษา ปีการศึกษา ปีการศกึ ษา ปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ ๒๕๖๓ ๒๕๖๒ ๒๕๖๓ ๒๕๖๒ ๒๕๖๓ ๒๕๖๒ ๒๕๖๓ อตั ราการเขา้ เรียนอย่างหยาบ ๗๕.๕๗% ๗๓.๙๙% ๑๐๓.๘๖% ๑๐๓.๖๒% ๙๓.๐๙% ๙๕.๔๘% ๗๒.๒๖% ๗๕.๙๔% (GER) อตั ราการเข้าเรยี นสทุ ธิ (NER) ๗๓.๔๑% ๗๐.๘๑% ๙๙.๘๙% ๙๙.๙๑% ๘๕.๑๖% ๘๘.๘๔% ๖๑.๘๔% ๖๖.๔๘% อัตราการเข้าเรียนสทุ ธิ ๗๔.๔๖% ๗๕.๑๕% ๙๙.๙๒% ๙๙.๙๓% ๘๖.๗๐% ๘๙.๘๑% ๖๒.๗๙% ๖๖.๖๖% แบบปรับ (ANER) เด็กที่ไม่ได้รับการศึกษา ๒๕.๕๔% ๒๔.๘๕% ๐.๐๘% ๐.๐๗% ๑๓.๓๐% ๑๐.๑๙% ๓๗.๒๑% ๓๓.๓๔% (OOSC) ๑๑.๒๑% ๑๕.๙๘% ๐.๐๗% ๐.๐๖% ๕.๒๙% ๖.๒๗% ๘.๘๗% ๙.๔๑% ๑๕.๓๘% ๘.๘๗% ๐.๐๑% ๐.๐๑% ๘.๐๑% ๓.๔๘% ๒๘.๓๔% ๒๓.๙๓% เขา้ เรยี นช้า (๓๔๓,๖๒๕ คน) (๑๙๖,๓๕๔ คน) (๔๖๒ คน) (๔๕๓ คน) (๑๙๔,๙๗๕ คน) (๘๓,๐๖๕ คน) (๗๓๑,๙๑๕ คน) (๖๐๗,๓๘๓ คน) ไม่ไดร้ บั การศึกษา ดชั นคี วามเสมอภาคทางเพศ ๑.๐๐ ๑.๐๐ ๑.๐๑ ๐.๙๓ ๐.๙๔ ๐.๙๗ ๐.๘๒ ๐.๘๓ (GPI) ANER อตั ราสว่ นนกั เรียนตอ่ ครู ๑ คน ๑๕ ๑๔ ๑๑ ๑๔ ๑๗ ๒๐ ๑๖ ๑๘ หมายเหตุ ๑. จ�ำนวนนกั เรียนในระดบั กอ่ นประถมศึกษาไมร่ วมนักเรียนที่อยใู่ นศนู ย์พัฒนาเด็กเล็ก สงั กัดกรมส่งเสรมิ การปกครองทอ้ งถนิ่ กระทรวงมหาดไทย (อปท.) และในระดับ การศกึ ษาอ่นื ๆ รวมนกั เรียนในสังกดั สำ� นกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ๒. อตั ราการเข้าเรียนอย่างหยาบ (Gross Enrolment Ratio : GER) หมายถึง อตั ราสว่ นระหวา่ งจ�ำนวนนกั เรยี นทีเ่ ขา้ เรียนในระดับการศึกษากบั จำ� นวนประชากรตามชว่ งอายรุ ะดบั การศึกษา โดยปรบั ฐานให้เปน็ ๑๐๐ ๓. อตั ราการเขา้ เรยี นสทุ ธิ (Net Enrolment Ratio : NER) หมายถงึ อตั ราสว่ นระหวา่ งจำ� นวนนกั เรยี นทเ่ี ขา้ เรยี นในระดบั การศกึ ษาตามชว่ งอายรุ ะดบั การศกึ ษากบั จำ� นวนประชากร ตามช่วงอายรุ ะดบั การศึกษา โดยปรับฐานให้เป็น ๑๐๐ ๔. อัตราการเข้าเรียนสุทธิแบบปรับ (Adjusted Net Enrolment Ratio : ANER) หมายถึง อัตราส่วนระหว่างจ�ำนวนนักเรียนท่ีเข้าเรียนในระดับการศึกษาตามช่วงอายุระดับ การศกึ ษาและระดับท่ีสูงกว่ากบั จ�ำนวนประชากรตามช่วงอายรุ ะดับการศกึ ษา โดยปรับฐานใหเ้ ป็น ๑๐๐ ๕. ดัชนีความเสมอภาคทางเพศ (Gender Parity Index : GPI) คือ อัตราสว่ นระหว่างอตั ราการเข้าเรียนสทุ ธิของนกั เรียนชายกบั นักเรยี นหญิง ๖. เดก็ ทไ่ี มไ่ ดร้ บั การศกึ ษา (Out Of School Children : OOSC) คอื เดก็ ทไี่ มไ่ ดเ้ ขา้ ถงึ การจดั การศกึ ษาตามเกณฑท์ ก่ี ำ� หนด ทแ่ี บง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท คอื เดก็ ทเี่ คยเขา้ รบั การศกึ ษา แต่ปัจจุบนั ไม่ไดร้ ับการศกึ ษา (Drop Out : ออกกลางคัน) และเดก็ ทีไ่ มเ่ คยไดร้ ับการศกึ ษาเลยและจะเขา้ เรยี นในอนาคต (Enter Late : เข้าเรียนชา้ ) หรอื ไมเ่ ขา้ รบั การศกึ ษา ๗. ขอ้ มลู ประชากรใชข้ อ้ มลู การคาดประมาณการประชากรของประเทศไทย ปี ๒๕๕๓-๒๕๘๓ ทเ่ี ปน็ ภาพรวมระดบั ประเทศ จดั ทำ� โดย สำ� นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ สำ� นกั นายกรฐั มนตรี รวมกับประชากรท่ไี ม่ใช่สญั ชาติไทย จัดท�ำโดยส�ำนักงานสถติ แิ หง่ ชาติ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ แผนภาพท่ี ๑ การเขา้ ถึงการจดั การศึกษาของประเทศไทย ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 191
๓ ตง้ั แตป่ กี ารศกึ ษา ๒๕๕๔ มแี นวโนม้ เพิ่มข้นึ เฉล่ยี ร้อยละ ๑ ตอ่ ปี โดยในปีการศึกษา ๒๕๖๓ มีอัตราการเข้าเรียนอย่างหยาบ อตั ราการเขา้ เรียน อย่ทู ่ี ๑๐๓.๖ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ตั้งแต่ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๔ อัตราการเข้าเรียนอย่างหยาบของประชากร (Gross มีแนวโน้มลดลงถึงปีการศึกษา ๒๕๕๗ และมีแนวโน้มเพ่ิมขึ้น ต้ังแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๘ จนถึงปีการศึกษา ๒๕๖๓ มีอัตรา Enrolment Ratio : GER) ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ สงู กวา่ ปกี ารศกึ ษา การเขา้ เรยี นอยา่ งหยาบอยทู่ ่ี ๙๔.๕ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ๒๕๖๒ ทุกระดบั การศึกษา ยกเว้นระดับอนุบาลและระดบั ประถม ปีการศึกษา ๒๕๕๖ มีอัตราการเข้าเรียนอย่างหยาบสูงที่สุด ลดลงเลก็ นอ้ ย แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามอตั ราสว่ นนกั เรยี นในระดบั อนบุ าล และในปีการศึกษา ๒๕๖๓ มีอัตราการเข้าเรียนอย่างหยาบ ไม่ได้รวมนักเรียนที่อยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ยังมีนักเรียน อย่ทู ่ี ๗๕.๓ และระดบั อุดมศกึ ษาในปีการศกึ ษา ๒๕๖๒ มีอัตรา ๓ ขวบปนอยู่ที่ท�ำให้อัตราส่วนยังดูน้อย แต่รัฐบาลได้มีการ การเข้าเรียนอย่างหยาบอยู่ที่ ๕๓.๖ เพิ่มขึ้นเป็น ๕๔.๗ สนบั สนนุ การศกึ ษาระดบั อนบุ าล เพอื่ เปน็ การเตรยี มความพรอ้ ม ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ ของเด็กก่อนเข้าสู่ในระดับประถมศึกษา โดยที่แนวโน้มอัตรา การเข้าเรียนอย่างหยาบของระดับก่อนประถมศึกษาที่ไม่รวม ศูนย์พัฒนาเด็กมีแนวโน้มสูงข้ึนทุกปีต้ังแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๔ จนถงึ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๐ มแี นวโนม้ ลดลงซง่ึ ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ มีอัตราการเข้าเรียนอย่างหยาบอยู่ท่ี ๗๔.๐ ระดับประถมศึกษา อัตราการเขา้ เรยี นอย่างหยาบ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ สงู กว่าปีการศกึ ษา ๒๕๖๒ ทุกระดับการศึกษา ยกเว้นระดับกอ่ นประถมศึกษาลดลงร้อยละ ๓.๘ และระดบั อุดมศกึ ษาท่ีลดลงรอ้ ยละ ๒.๘ หมายเหตุ อัตราการเข้าเรียนอย่างหยาบระดับก่อนประถมศึกษาไม่รวมนักเรียนที่อยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดกรมส่งเสริม การปกครองท้องถิน่ กระทรวงมหาดไทย (อปท.) และในระดบั การศกึ ษาอื่น ๆ ไม่รวมนกั เรียนในสังกดั สำ� นกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษา นอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย (กศน.) แผนภาพท่ี ๒ อตั ราการเขา้ เรียนอยา่ งหยาบ (Gross Enrolment Ratio : GER) ปีการศกึ ษา ๒๕๕๔-๒๕๖๓ 192 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ
๔ ๕ อัตราการเรียนตอ่ อัตราการคงอยู่ อตั ราการเรยี นตอ่ ของนกั เรยี นระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ อัตราการคงอยู่ของนักเรียนในปีการศึกษา ๒๕๖๓ โดยนักเรียนท่ีส�ำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาปีการศึกษา เรมิ่ จากการเขา้ รบั การศกึ ษาตงั้ แต่ ป.๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๑ ถงึ ระดบั ๒๕๖๒ ศกึ ษาตอ่ ในระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ม.๖/ปวช.๓) ปีการศึกษา ๒๕๖๒ คงอยู่ สงู ถงึ รอ้ ยละ ๙๘.๙ นกั เรยี นทสี่ ำ� เรจ็ การศกึ ษาในระดบั มธั ยมศกึ ษา ร้อยละ ๖๙.๔ โดยมีอัตราการคงอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตอนต้นในปีการศึกษา ๒๕๖๒ ศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา (ม.๑) ในปีการศึกษา ๒๕๕๗ ร้อยละ ๙๑.๒ และมัธยมศึกษา ตอนปลายปีการศึกษา ๒๕๖๓ ร้อยละ ๙๙.๗ โดยศกึ ษาตอ่ ในสาย ตอนปลาย (ม.๔/ปวช.๓) ในปีการศึกษา ๒๕๖๐ ร้อยละ ๗๑.๘ สามญั ศกึ ษา (รอ้ ยละ ๖๔.๐) มากกวา่ สายอาชวี ศกึ ษา (รอ้ ยละ ๓๕.๗) โดยช่วงท่ีมีการเล่ือนช้ันจากการศึกษาระดับมัธยมปลาย และนักเรียนที่ส�ำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีการตกหล่นของนักเรียนมากที่สุด และอัตราการคงอยู่ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๒ ศกึ ษาตอ่ ในระดบั อดุ มศกึ ษา (รวมมหาวทิ ยาลยั ของนักเรียนตั้งแต่เร่ิมจาก ป.๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๑ ถึงระดับ ไม่จำ� กดั รับ) ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ ร้อยละ ๑๑๒.๔ อดุ มศกึ ษา ปี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ คงเหลอื เพยี งร้อยละ ๖๕.๘ ๖ การมีส่วนรว่ มในการจัดการศกึ ษาสายอาชวี ศกึ ษา ก า ร พั ฒ น า ก� ำ ลั ง ค น ส า ย อ า ชี พ ใ ห ้ ส อ ด ค ล ้ อ ง กั บ ความต้องการของตลาดแรงงานและทิศทางการพัฒนาประเทศ ที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วน นักเรียนสายอาชีวะ ให้สูงข้ึน แต่ในทางกลับกันสัดส่วนนักเรียนสายอาชีวศึกษา มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๐ ท่ีอยู่ร้อยละ ๓๙.๘ ลดลงอย่างต่อเนื่องถึงปีการศึกษา ๒๕๕๗ เหลือประมาณ ร้อยละ ๓๒ และเพ่ิมข้ึนต้ังแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๙ จนถึง ปีการศึกษา ๒๕๖๓ มสี ดั ส่วนนักเรยี นสายอาชีวะอยู่ทรี่ ้อยละ ๓๕ และสัดสว่ นนักเรียนสายสามัญอยทู่ ร่ี ้อยละ ๖๕ ๗ งบประมาณด้านการศกึ ษา งบประมาณรายจ่ายด้านการศึกษา ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๖-๒๕๖๔ มแี นวโนม้ ลดลง โดยทรี่ อ้ ยละของงบประมาณ ดา้ นการศกึ ษาตอ่ งบประมาณรายจา่ ยทงั้ หมด มากทส่ี ดุ ในปี ๒๕๔๖ อยู่ท่ีร้อยละ ๒๓.๕ และลดลงในปี ๒๕๖๔ อยู่ท่ีร้อยละ ๑๔.๗ ในขณะท่ีร้อยละของงบประมาณด้านการศึกษาต่อผลิตภัณฑ์ มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มากท่ีสุดในปี ๒๕๕๒ อยทู่ ร่ี ้อยละ ๔.๖ และในปี ๒๕๖๔ ลดลงอยทู่ ี่ร้อยละ ๒.๙ สำ� นักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา เรียบเรยี งข้อมูลและภาพ ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธิการ 193
สัดส่วนนักเรียนสายสามญั ต่ออาชีวะ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ อยู่ทร่ี ้อยละ ๖๕ ตอ่ ๓๕ สดั ส่วนนกั เรยี นสายอาชวี ศกึ ษาเพ่ิมขน้ึ จากปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ ร้อยละ ๐.๗ แผนภาพท่ี ๓ สดั ส่วนนกั เรยี นสายสามัญ : สายอาชีวศกึ ษา ๒๕๕๑-๒๕๖๓ งบประมาณรายจา่ ยดา้ นการศกึ ษา ปีการศึกษา ๒๕๖๔ ลดลง เม่อื เทยี บกบั จำ� นวนผลิตภัณฑม์ วลรวมภายในประเทศ (GDP) อย่ทู ีร่ ้อยละ ๒.๙ และงบประมาณรายจ่ายทง้ั หมด อยทู่ ีร่ อ้ ยละ ๑๔.๗ แผนภาพที่ ๔ รอ้ ยละของงบประมาณด้านการศึกษา ต่อผลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ (GDP) และตอ่ งบประมาณรายจา่ ยทัง้ หมด ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๖ - ๒๕๖๔ 194 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศึกษาธกิ าร
ความภาคภมู ใิ จ ในอาชีพการศึกษา
นายไพศาล ปนั แดน ผอู้ �ำ นวยการส�ำ นักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษา ส�ำ นักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสุพรรณบรุ ี เขต ๑ การพฒั นาองค์กรสูค่ วามเป็นเลิศ เปน็ ความทา้ ทายของผ้นู �ำ องคก์ ร เพราะองคก์ รจะต�่ำ ลง จะคงที่ หรอื เป็นองคก์ รชั้นนำ� ผนู้ ำ�เป็นผู้กำ�หนดท้งั ส้ิน การพฒั นาองคก์ รสคู่ วามเปน็ เลศิ เปน็ ความทา้ ทายของ รางวัลส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาคุณธรรม (องค์กร ผู้น�ำองคก์ ร เพราะองค์กรจะตำ่� ลง จะคงท่ี หรอื เป็นองค์กรช้นั น�ำ คุณธรรม) ตน้ แบบ ผู้น�ำเป็นผู้ก�ำหนดทั้งสิ้น การจุดประกายเป้าหมายและความฝัน ของบุคลากรในองค์กรจึงเป็นเร่ืองที่ผู้น�ำองค์กรต้องท�ำให้ได้ ผลการประเมินผลการบริหารและจัดการของส�ำนักงาน ในบทบาทของการเปน็ ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา เขตพื้นที่การศึกษา อยู่ในระดับคุณภาพดีเยี่ยม เป็นอันดับที่ ๑ “สร้างอุดมการณ์และเป้าหมายร่วมกัน” ระหว่าง ผู้อ�ำนวยการ ของประเทศ รองผอู้ ำ� นวยการส�ำนกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา ผ้อู �ำนวยการกลุ่ม ผูอ้ �ำนวยการโรงเรยี น ครู และบุคลากรทางการศึกษา เพอ่ื พัฒนา ผลการประเมนิ คณุ ธรรมและความโปรง่ ใสในการดำ� เนนิ งาน องคก์ รกา้ วไปสู่“การเปน็ องคก์ รทมี่ สี มรรถนะและขดี ความสามารถสงู ” ของส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา (Integrity & Transparency (High Performance Organization) ขา้ พเจา้ ยึดหลกั การทำ� งาน Assessment : ITA) เปน็ อนั ดับท่ี ๑ ของประเทศ บนพื้นฐานของการเป็น “ผู้น�ำองค์กรทางการศึกษายุคใหม่” คือ ตีโจทย์ใหแ้ ตก (Hit the Point) ยดื หย่นุ เปล่ียนแปลงตลอดเวลา ผลการประเมินสถานะของหน่วยงานในการเป็นระบบ (Dynamic) มีพลงั กระฉับกระเฉง (Lively) และกล้าคิด กล้าทำ� ราชการ ๔.๐ (PMQA) เปน็ อันดบั ที่ ๑ ของประเทศ กล้าน�ำการเปล่ียนแปลง และที่ส�ำคัญการที่จะน�ำพาองค์กร สคู่ วามเปน็ เลศิ ได้ผนู้ ำ� องคก์ รตอ้ งมี๔องคป์ ระกอบคอื ๑. ตอ้ งทมุ่ เท ความภาคภูมิใจที่เกิดจากปฏิบัติหน้าที่ของการเป็น เอาจริงเอาจังกับงาน ๒. ต้องเอาใจใส่ เอาจริงเอาจังกับทีมงาน ข้าราชการ ที่ต้องมีจิตส�ำนึก มีความตระหนักในบทบาทหน้าท่ี ๓. ต้องสร้างเครือข่ายการท�ำงาน ๔. ต้องปลุกเร้าให้บุคลากร ของตนเอง ทำ� งานดว้ ยอดุ มการณแ์ ละความมงุ่ มน่ั เพอ่ื ตอบแทน ตืน่ ตัวในการท�ำงานตลอดเวลา บญุ คณุ ของแผ่นดนิ ท�ำให้ได้รบั “รางวัลครุ สุ ภา ประจ�ำปี ๒๕๖๔ ‘ระดับดเี ดน่ ’ ประเภท ผ้บู ริหารการศึกษา” ผลท่ีเกิดจากการบรหิ ารจัดการศกึ ษา : ทำ� ใหส้ �ำนักงาน เขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบรุ ี เขต ๑ ได้รบั รางวัล อาทิ ผ ล ก า ร ป ร ะ เ มิ น ตั ว ช้ี วั ด ต า ม ม า ต ร ก า ร ป รั บ ป รุ ง ประสทิ ธภิ าพในการปฏบิ ตั ริ าชการ (KRS : KPI Report System) อยูใ่ นระดับคุณภาพ เป็นอันดบั ที่ ๑ ของประเทศ (๓ ปีติดตอ่ กัน) 196 ๑๓ ทศวรรษ : ๑๓๐ ปี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280