Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บาลีไวยากรณ์ สนร.วัดอาวุธฯ ๖๑

บาลีไวยากรณ์ สนร.วัดอาวุธฯ ๖๑

Published by thiwadon jirapunyo, 2022-06-10 16:08:42

Description: บาลีไวยากรณ์ สนร.วัดอาวุธฯ ๖๑

Search

Read the Text Version

สตู รทอ่ งจ�ำ บาลไี วยากรณ์ พร้อมหลักสัมพันธ์ สำ�นักเรยี นวดั อาวธุ วิกสิตาราม

สตู รทอ่ งจำ� บาลไี วยากรณ์ พร้อมหลักสัมพนั ธ์ สำ� นักเรียนวดั อาวธุ วิกสิตาราม บางพลดั  กรุงเทพมหานคร

สูตรทอ่ งจ�ำ บาลีไวยากรณ์ พร้อมหลักสัมพันธ์ สำ� นกั เรียนวัดอาวธุ วิกสิตาราม กรุงเทพมหานคร ปี ท่ีพิมพ์ พฤษภาคม ๒๕๖๑ วตั ถุประสงค์ ๑. เพ่ือย่อเน้ือหาบาลีไวยากรณ์ จากพระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ๒. เพ่อื ใชเ้ ป็นคมู่ อื ทม่ี ลี ำ� ดบั เน้ือหาและถอ้ ยคำ� เป็นอนั เดยี วกนั สำ� หรบั ครแู ละ นักเรยี น ๓. เพ่ือถวาย/อภนิ ันทนาการแก่นักเรยี นบาลที วั่ ไป ท่ีปรกึ ษา พระเทพปัญญามุนี เจ้าสำ� นักเรยี นวดั อาวุธวิกสิตาราม พระราชดลิ ก ประธานอ�ำนวยการศกึ ษา พระครูพันธศีลาจารย ์ รองประธานอ�ำนวยการศึกษา พระศรวี นิ ยาภรณ์ รองประธานอ�ำนวยการศกึ ษา กรรมการผู้ตรวจชำ� ระ พระราชดลิ ก ป.ธ.๙, Ph.D. พระศรวี นิ ยาภรณ์ ป.ธ.๗, Ph.D. พระมหาอภชิ ัย อภิชโย ป.ธ.๙, M.Phil. พระมหามฆวินทร์ ปรุ ิสุตฺตโม ป.ธ.๗, Ph.D. พระมหาสมาน ธมฺมวชิโร ป.ธ.๙ พระมหาประพันธ์ สิรนิ ธฺ โร ป.ธ.๙ พระมหาสราวธุ ญาณโสภโณ ป.ธ.๙ พระมหาพิสษิ ฐ สทุ ฺธสิ วํ โร ป.ธ.๙ สามเณรพรภวิทย์ อปุ ชัย ป.ธ.๙ พิมพ์ท่ี : นิติธรรมการพิมพ์ ๗๖/๒๕๑-๓ หมู่ ๑๕ ต.บางมว่ ง อ.บางใหญ่ จ.นนทบรุ ี ๑๑๑๔๐ โทร. ๐-๒๔๐๓-๔๕๖๗-๘, ๐-๒๔๔๙-๒๕๒๕, ๐๘๑-๓๐๙-๕๒๑๕ E-mail : niti2512@hotmail.com, niti2512@yahoo.co.th

คำ�น�ำ ภาษาบาลีมีแบบแผนไวยากรณ์ที่ชัดเจน ผู้เรียนจะต้องจ�ำหลักให้ได้ และเข้าใจโครงสร้างของไวยากรณ์ทัง้ หมดก่อน จึงจะเรียนแปลและแต่ง ภาษาบาลีได้ไม่ติดขัด การท่องจ�ำหลักไวยากรณ์ในส่วนอักขรวิธีและวจี วภิ าคใหข้ ้นึ ใจ จึงเป็นกจิ ที่ตอ้ งท�ำของผเู้ ร่ิมตน้ เม่ือจ�ำไดแ้ ล้วก็ยงั ตอ้ งทบทวนอยู่เนืองๆ เพ่ือไมใ่ หเ้ ลอื นหายและเกิด ความคลอ่ งแคลว่ ชำ� นาญ อย่างท่ีเรียกกนั วา่ “แมน่ ไวยากรณ์” หนังสือ “สูตรท่องจ�ำ บาลีไวยากรณ์ พรอ้ มหลักสัมพันธ์” นี้ คณาจารยข์ องสำ� นักเรยี นวดั อาวุธวกิ สิตาราม รเิ รม่ิ จัดพิมพใ์ นรปู ของการทำ� ส�ำเนาดว้ ยเคร่อื งโรเนียว ตงั้ แตป่ ี พ.ศ.๒๕๔๓ เพ่อื เป็นคมู่ ือแก่นักเรียนทุก ชัน้ ของส�ำนักเรียนท่ีมีการเรียนการสอนอยู่ขณะนั้น อีกทัง้ ยังได้ปรับแก้ เน้ือหาใหส้ มบรู ณ์ยิ่งข้นึ เร่อื ยมา และไดจ้ ดั พมิ พเ์ พ่อื ถวายพระภิกษุสามเณร นักเรยี นบาลีอกี ๓ ครงั้ การจัดพิมพ์ในครัง้ ท่ี ๔ นี้ เป็ นการยกเคร่ืองครัง้ ใหญ่ ได้รับเมตตา จากผู้ทรงวุฒิเป็ นเปรียญธรรม ๙ ประโยค ของส�ำนักเรียน ร่วมกันตรวจ ชำ� ระใหม่ทงั้ หมด และจัดรปู แบบให้น่าใชย้ ิง่ ข้นึ หวังว่าจะอำ� นวยประโยชน์ ต่อนักเรียนบาลีได้เป็ นอย่างดี สำ� นักเรียนวัดอาวุธวกิ สติ าราม www.facebook.com/Watawutvikasitarambalischool/

สารบญั สมัญญาภธิ าน 9 สระ 9 พยญั ชนะ 10 ฐานกรณข องอกั ขระ 11 เสียงอักขระ 12 โฆสะ - อโฆสะ 12 สิถิล - ธนิต 13 เสยี งของพยัญชนะ 13 พยัญชนะสงั โยค 13 สนธ ิ 15 สระสนธิ 16 พยญั ชนะสนธิ 19 นิคหติ สนธิ 21 นาม 23 นามนาม 23 คุณนาม 23 สัพพนาม 24 ลงิ ค ์ 24 วจนะ 28 วิภัตติ 28

อายตนิบาต 29 การันต์ 30 กตปิ ยศัพท ์ 41 มโนคณะศพั ท 47 สังขยาคุณนาม 50 สพั พนาม 57 อพั ยยศพั ท  65 อปุ สคั 65 นิบาต 66 ปจ จยั 71 อาขยาต 73 วภิ ตั ต ิ 73 กาล 75 บท 78 วจนะ 78 บุรษุ 78 ธาต ุ 79 สกมั มธาต–ุ อกัมมธาตุ 8๑ วาจก 8๑ ปจ จัย 8๓ ปัจจยั พิเศษ 8๓ อสฺ ธาต ุ 8๔ กิตก 8๖ กริ ยิ ากิตก ๘๖ วิภตั ตแิ ละวจนะ ๘๖

กาล ๘๖ วาจก ๘๗ ปจจยั แหงกริ ิยากติ ก ๘๘ กติ ปจ จยั ๘๙ กติ กจิ จปจ จัย ๙๐ นามกติ ก ๙๓ สาธนะ ๙๓ ปจจัยแหง นามกติ ก 9๖ วิเคราะหในกจิ จปจจยั 9๖ วิเคราะหใ์ นกติ กิจจปจจัย 9๘ สมาส 10๔ กัมมธารยสมาส 10๔ ทคิ ุสมาส 10๖ ตัปปุริสสมาส 10๗ ทวนั ทวสมาส 1๐๙ อพั ยยีภาวสมาส 11๐ พหพุ พหิ ิสมาส 11๑ สมาสทอง 11๖ สมาสทแ่ี ตกตางกัน 11๗ ตทั ธติ 1๑๘ สามัญญตัทธติ 1๑๘ โคตตตัทธติ 1๑๘ ตรัตยาทิตัทธิต 12๐ ราคาทติ ัทธิต 12๑ ชาตาทิตัทธิต 12๒

สมหุ ตทั ธิต 12๓ ฐานตทั ธิต 12๔ พหุลตัทธติ 12๕ เสฏฐตทั ธติ 12๖ ตทสั สตั ถิตทั ธติ 12๗ ปกตติ ัทธติ 13๐ ปูรณตทั ธิต 13๐ สังขยาตัทธติ 13๒ วภิ าคตัทธิต 13๒ ภาวตทั ธติ 13๒ อัพยยตทั ธิต 13๔ หลกั สมั พนั ธไ์ ทย 13๕

บาลไี วยากรณ บาลีไวยากรณ แบง เปน ๔ ภาค คอื อักขรวธิ  ี วจีวิภาค วากยสมั พนั ธ ์ ฉนั ทลกั ษณะ อักขรวิธี วาดว ยอกั ษร แบงเปน ๒ คือ สมญั ญาภธิ าน การแสดงช่อื อกั ษรทเี่ ปน สระและพยญั ชนะ พรอ ม ทงั้ ฐานกรณ สนธิ การตอ อกั ษรทอ่ี ย่ใู นค�ำอ่นื ใหเ น่ืองเป็นอันเดยี วกนั วจีวิภาค แบงคำ� พูดออกเปน ๖ สวน คือ นาม อพั ยยศพั ท  อาขยาต กติ ก์ สมาส ตัทธติ วากยสมั พนั ธ  วาดว ยการกและประพนั ธ ผกู คำ� พดู ทแี่ บง ไวใ นวจวี ภิ าค ใหเขาเปน ประโยคอนั เดยี วกนั ฉันทลักษณะ แสดงวิธีแตงฉันท คือ คาถาท่ีเปนวรรณพฤทธิ์และ มาตราพฤทธิ์

สมัญญาภิธาน เสียงก็ดี ตัวหนังสอื กด็ ี ช่อื วาอักขระ อักขระ แปลวา ไมร จู ักสนิ้ , ไมเปนของแขง็ อกั ขระทใี่ ชใ นภาษาบาลี มี ๔๑ ตัว คือ อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ๘ ตวั นี้ ช่ือวา สระ ก ข ค ฆ ง จฉชฌ ฏ  ฑ ฒ ณ ตถทธน ป ผ พ ภ ม ย ร ล ว ส ห ฬ อํ ๓๓ ตวั นี้ ช่อื วา พยัญชนะ สระ อักขระ ๘ ตวั คือ ตัง้ แต อ ถึง โอ ช่อื วา สระ เพราะออกเสียงไดต าม สมัญญาภิธาน| ล�ำพงั ตน และทำ� พยัญชนะใหออกเสียงได 9 สระ ๘ ตวั นี้ ช่อื วา นิสสยั เพราะเปน ที่อาศัยของพยัญชนะ พยญั ชนะ ตองอาศัยสระจึงออกเสียงได สระ ๓ ตัว คอื อ อิ อุ ช่อื วา รสั สะ มเี สียงสัน้ เชน อติ, ครุ สระ ๕ ตัว คอื อา อี อู เอ โอ ช่อื วา ทฆี ะ มเี สยี งยาว เชน ภาค,ี วธ,ู เสโข เอ โอ ๒ ตัวนี้ ถา้ มพี ยัญชนะสงั โยคอยหู ลัง เปน รสั สะ เชน เสยฺโย, โสตถฺ ิ

สระทเ่ี ปน ทฆี ะลว น และสระทเี่ ปน รสั สะมพี ยญั ชนะสงั โยคหรอื นิคคหติ อยหู ลัง ช่อื วา่ ครุ มเี สียงหนัก เชน ภปู าโล, เอส,ี มนุสสฺ นิ โฺ ท, โกเสยยฺ ํ สระท่ีเปนรัสสะลวน ไมมีพยัญชนะสังโยคหรือนิคคหิตอยูหลัง ช่ือว่า ลหุ มีเสยี งเบา เชน ปต,ิ มุนิ สระจดั เปน ๓ คู คือ อ อา เรยี กวา อ วรรณะ อิ อ ี เรยี กวา อิ วรรณะ อุ อู เรยี กวา อุ วรรณะ เอ โอ ๒ ตวั นี้ เกดิ ใน ๒ ฐาน เรียกวา สงั ยตุ ตสระ พยัญชนะ อักขระ ๓๓ ตัว มี ก เปนตน มีนิคคหิตเปนที่สุด ช่ือวา พยัญชนะ แปลวา ท�ำเน้ือความใหปรากฏ พยัญชนะทัง้ ๓๓ ตัวนี้ ช่ือวา นิ สสิต เพราะตองอาศัยสระจึงออกเสียงได พยัญชนะ ๓๓ ตัวนี้ จัดเปน ๒ พวก คือ วรรค ๑ อวรรค ๑ พยัญชนะวรรค จดั เปน ๕ คอื ก ข ค ฆ ง เรียกวา ก วรรค จ ฉ ช ฌ  เรยี กวา จ วรรค ฏ  ฑ ฒ ณ เรยี กวา ฏ วรรค ต ถ ท ธ น เรยี กวา ต วรรค ป ผ พ ภ ม เรยี กวา ป วรรค |สมัญญาภิธาน พยัญชนะ ๒๕ ตวั นี้ เปน พวกๆ กันตามฐานกรณที่เกิด จงึ ช่อื วา วรรค พยัญชนะ ๘ ตัว คือ ย ร ล ว ส ห ฬ อํ เรียกวา อวรรค เพราะไมเ ปนพวกเปน หมูกันตามฐานกรณท เ่ี กดิ พยัญชนะ คือ  ํ ตามสาสนโวหาร เรียกวา นิคคหิต, ส่วนในคัมภีร 10 ศัพทศาสตร เรยี กวา อนสุ าร

นิคคหิต แปลวา กดสระ หรือ กดกรณ (กรณ์ คือ อวยั วะทท่ี �ำเสียง) อนุสาร แปลวา ไปตามสระ เพราะตอ งตามหลงั สระ คอื อ อิ อุ เสมอ เช่น อหํ, เสตุํ, อกาสึ ฐานกรณของอกั ขระ ฐานทต่ี งั้ ทเี่ กดิ ของอกั ขระมี ๖ คอื กณั ฐะ คอ, ตาลุ เพดาน, มทุ ธา ศรี ษะ หรอื ปมุ เหงอื ก, ทันตะ ฟน , โอฏฐะ ริมฝปาก, นาสิกะ จมูก อกั ขระท่เี กดิ ในฐานเดียว อ อา, ก ข ค ฆ ง, ห ๘ ตัวนี้ เกดิ ในคอ เรียกวา กณั ฐชะ อิ อี, จ ฉ ช ฌ , ย ๘ ตัวนี้ เกิดทเี่ พดาน เรยี กวา ตาลุชะ ฏ  ฑ ฒ ณ, ร ฬ ๗ ตวั นี้ เกดิ ท่ศี รี ษะหรือปุมเหงือก เรยี กวา มุทธชะ ต ถ ท ธ น, ล ส ๗ ตัวนี้ เกดิ ทีฟ่ น เรยี กวา ทันตชะ อุ อู, ป ผ พ ภ ม ๗ ตวั นี้ เกดิ ที่รมิ ฝปาก เรียกวา โอฏฐชะ นิคคหิต ( ํ ) เกดิ ในจมูก เรียกวา นาสกิ ฏั ฐานชะ (พยัญชนะท่ีสุดวรรค ๕ ตัว คอื ง  ณ น ม เกิดในฐาน ๒ ฐาน) อักขระท่ีเกดิ ใน ๒ ฐาน เอ เกิดใน ๒ ฐาน คือ คอและเพดาน เรียกวา กัณฐตาลุชะ สมัญญาภิธาน| โอ เกิดใน ๒ ฐาน คอื คอและริมฝป าก เรียกวา กณั โฏฐชะ พยัญชนะทส่ี ุดวรรค ๕ ตัว เกิดใน ๒ ฐาน คอื ตามฐานของตนๆ และ 11 จมูก เรียกวา สกัฏฐานนาสกิ ฏั ฐานชะ ว เกิดใน ๒ ฐาน คอื ฟน และรมิ ฝป าก เรยี กวา ทนั โตฏฐชะ ห ท่ปี ระกอบดวยพยัญชนะ ๘ ตัว คอื  ณ น ม ย ล ว ฬ เกิดแตอก

|สมัญญาภิธานเรียกว่า อุรชา, ที่ไมไดประกอบ เกิดในคอตามฐานเดิมของตน เรียกว่า กณั ฐชะ กรณ คอื ที่ทำ� เสยี งของอักขระ มี ๔ คือ ชวิ หามัชฌะ ทามกลางลิน้ ชิวโหปั คคะ ถัดปลายลนิ้ เขามา ชวิ หคั คะ ปลายลนิ้ สกฏั ฐานะ ฐานของตน ท่ามกลางลนิ ้ เปน กรณของอักขระท่เี ปน ตาลุชะ ถดั ปลายลนิ ้ เขา มา เปน กรณของอักขระทเี่ ปน มทุ ธชะ ปลายลนิ ้ เปน กรณข องอกั ขระทเ่ี ปน ทนั ตชะ ฐานของตน เปนกรณข องอักขระที่เหลือ เสยี งอกั ขระ สระเสยี งสนั้ มมี าตราเดยี ว สระเสยี งยาว มี ๒ มาตรา สระทม่ี พี ยญั ชนะ สงั โยคอยหู่ ลงั มี ๓ มาตรา พยัญชนะทกุ ตัว มีก่ึงมาตรา โฆสะ - อโฆสะ พยญั ชนะท่ีมีเสยี งกอง เรยี กวา โฆสะ ทีม่ เี สยี งไมกอ ง เรยี กวาอโฆ สะ พยัญชนะที่ ๑ ที่ ๒ ในวรรคทัง้ ๕ คือ ก ข, จ ฉ, ฏ , ต ถ, ป ผ, และ ส ๑๑ ตัวนี้ เรียกวา่ อโฆสะ พยัญชนะที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ในวรรคทัง้ ๕ คือ ค ฆ ง, ช ฌ , ฑ ฒ ณ, ท ธ น, พ ภ ม, และ ย ร ล ว ห ฬ ๒๑ ตวั นี้ เปน โฆสะ นิคคหิต ( ํ ) นักปราชญผ ูรศู ัพทศาสตรประสงคเ์ ปน โฆสะ สวน นักปราชญฝ า ยศาสนาประสงคเ ปน โฆสาโฆสวมิ ตุ ติ คอื พน จากโฆสะและ 12 อโฆสะ

เสยี งนิคคหติ นี้ อา่ นตามวธิ ภี าษาบาลี มเี สยี งเหมอื น งฺ สะกด อา่ นตาม วธิ ีสนั สกฤต มเี สียงเหมือน มฺ สะกด สิถลิ - ธนิต พยัญชนะท่ีถูกฐานของตนหยอนๆ ช่อื วา สิถิล พยญั ชนะทถ่ี กู ฐานของตนหนัก บนั ลือเสยี งดัง ช่ือวา ธนิต พยัญชนะท่ี ๑ และท่ี ๓ ในวรรคทงั้ ๕ เปน สิถลิ พยัญชนะท่ี ๒ และท่ี ๔ ในวรรคทงั้ ๕ เปน ธนิ ต ในคมั ภรี ก จั จายนเภทแสดงไวว า พยญั ชนะทส่ี ดุ วรรค ๕ ตวั กเ็ ปน สถิ ลิ แตในคัมภีรอ่นื ๆ ทานมไิ ดกลาวไว พยัญชนะอวรรค ไมจ่ ัดเป็นสิถลิ ธนิต เสยี งของพยัญชนะ พยัญชนะท่เี ปน สิถลิ อโฆสะ มเี สยี งเบากวาทกุ พยัญชนะ พยัญชนะทีเ่ ปน ธนิตอโฆสะ มเี สียงหนักกวา สถิ ิลอโฆสะ พยัญชนะท่ีเปน สถิ ลิ โฆสะ มเี สยี งดงั กวา ธนิตอโฆสะ พยญั ชนะทเ่ี ปน ธนิตโฆสะ มเี สยี งกองกวา สิถลิ โฆสะ พยญั ชนะสงั โยค ลกั ษณะที่จะประกอบพยญั ชนะสงั โยคไดน ัน้ ดังนี้ สมัญญาภิธาน| พยญั ชนะที่ ๑ ซอ นหนาพยญั ชนะท่ี ๑ และที่ ๒ ในวรรคของตน พยญั ชนะที่ ๓ ซอ นหนาพยญั ชนะที่ ๓ และที่ ๔ ในวรรคของตน 13 พยญั ชนะท่ี ๕ ซอ นหนาพยญั ชนะในวรรคของตนไดท งั้ ๕ ตวั ยกเวน แตต่ วั ง ใชเ้ ปน ตวั สะกดอยางเดยี ว ซอ้ นหน้าตวั เองไมไ่ ด้ พยญั ชนะอวรรค ๓ ตวั คอื ย ล ส ซอ้ นหน้าตวั เองได้ เชน่ เสยโฺ ย, อสโฺ ส พยัญชนะอวรรค ๔ ตัว คอื ย ร ล ว ถาอยูหลังพยญั ชนะตวั อ่ืน ออก

|สมัญญาภิธานเสยี งผสมกบั พยญั ชนะตัวหนา เชน่ คารยหฺ ,ํ ชวิ ฺหา ส เปนเสียง อุสุมะ เปนตัวสะกดของสระตัวหนา ออกเสียงคร่ึงหน่ึง พอใหร ูว าเปน ส สะกด ห ถาอยูหนาพยัญชนะอ่ืน ก็ท�ำใหสระที่อยูหนาของตนออกเสียงมีลม มากข้นึ เหมือนค�ำวา พรฺ หมฺ ถามีพยญั ชนะ ๘ ตัว คือ  ณ น ม ย ล ว ฬ น�ำหนา มสี �ำเนียงผสมเขากับพยญั ชนะตัวนัน้ พยัญชนะ ๗ ตวั คือ ย ร ล ว ส ห ฬ เปน อฑั ฒสระ มเี สียงก่งึ สระ คือก่ึงมาตรา เพราะพยัญชนะเหลานี้ บางตัวก็รวมลงในสระเดียวกันด้วย พยัญชนะอ่ืน ออกเสียงพรอมกันได บางตัวเปนตัวสะกด ออกเสียงหนอย หน่ึงพอใหร ูวาเปน ตัวสะกด 14

สนธิ สนธิ คอื วิธตี อศัพทแ์ ละอกั ขระ เพ่ือยนอกั ขระใหนอยลง เปน อปุ การะ ในการแตงฉนั ท และทำ� ใหคำ� พดู สละสลวย เรียกว่า สนธิ การตอ มี ๒ คอื ตอศัพทท่ีมีวิภัตติใหเน่ืองดวยศัพทที่มีวิภัตติ เชน จตฺตาโร + อิเม ตอเปน จตตฺ าโรเม ตอบทสมาส ยนอักขระใหนอยลง เชน กต + อุปกาโร ตอเปน กโตปกาโร การตอ อักขระดวยอกั ขระนัน้ จัดเปน ๓ คือ สระสนธิ ตอสระ พยญั ชนะสนธิ ตอพยัญชนะ นิคคหิตสนธิ ตอนิคคหติ สนธิกิรโิ ยปกรณ ไดแ ก วธิ เี ปนอปุ การะแกการท�ำสนธิ มี ๘ อยาง คอื โลโป ลบ สนธิ| อาเทโส แปลง อาคโม ลงอักษรใหม 15 วิกาโร ท�ำใหผ ดิ จากของเดมิ ปกติ ปรกต,ิ คงที่ ทีโฆ ทำ� ใหยาว รสฺสํ ทำ� ใหสัน้ สญโฺ โค ซอนตวั อกั ษร

|สนธิ สระสนธิ สระสนธิ มสี นธกิ ริ โิ ยปกรณ  ๗ อยา่ ง คอื  โลโป อาเทโส อาคโม วกิ าโร ปกติ ทโี ฆ รสฺสํ ๑. โลปสระสนธิ มี ๒ คอื  ลบสระหนา ๑ ลบสระหลัง ๑ สระท่ีสุดของศพั ทห นา เรยี กวา สระหนา สระหนาของศพั ทห ลัง เรยี กวา สระเบ้อื งปลาย หรือสระหลัง เม่ือสระทัง้ ๒ นี้ ไมมีพยัญชนะอ่ืนคัน่ ในระหวาง ลบไดตัวหน่ึง ถามี พยัญชนะคนั่ ลบไมไ ด - ลบสระหน้า มวี ธิ ดี งั นี้ สระหน้าเป็นรสั สะ สระหลงั เป็นทฆี ะหรอื มพี ยญั ชนะสงั โยค ลบสระ หน้าอยา่ งเดียว เช่น  ยสสฺ + อินฺทฺริยานิ เป็น ยสฺสนิ ทฺ ฺรยิ านิ  โนหิ + เอตํ เป็น โนเหตํ  สเมตุ + อายสฺมา เป็น สเมตายสมฺ า สระทัง้ สองเป็นรัสสะ มรี ปู เสมอกัน (คือเป็น อ หรือ อิ หรือ อุ ทัง้ สองตวั ) ลบสระหน้าแลว้ ทฆี ะสระหลงั เช่น  ตตฺร + อยํ เป็น ตตรฺ ายํ สระทงั้ สองเป็นรสั สะ มรี ปู ไมเ่ สมอกนั ลบสระหน้า ไมต่ อ้ งทฆี ะ เชน่  จตูหิ + อปาเยหิ เป็น จตูหปาเยหิ สระหน้าเป็นทฆี ะ สระหลงั เป็นรสั สะ ลบสระหน้าแลว้ ทฆี ะสระหลงั เชน่  สทฺธา + อธิ เป็น สทธฺ ีธ - ลบสระหลัง มีวธิ ดี งั นี้ สระทัง้ สอง มรี ปู ไมเ่ สมอกัน ลบสระหลัง เชน่  จตตฺ าโร + อเิ ม เป็น จตตฺ าโรเม 16  กินนฺ ุ + อิมา เป็น กินนฺ มุ า

นิคคหติ อยู่หน้า ลบสระหลงั เช่น  อภนิ นทฺ ุํ + อติ ิ เป็น อภนิ นฺทุนฺติ ๒. อาเทสสระสนธิ มี ๒ คือ  แปลงสระเบ้อื งหนา ๑ แปลงสระเบ้ืองหลงั ๑ สนธิ| - แปลงสระหนา มวี ธิ ีดงั นี้ ถา้ อิ เอ, อุ โอ อยู่หน้า มีสระอยู่หลงั ใหแ้ ปลง อิ เอ เป็น ย, แปลง อุ โอ เป็น ว เฉพาะ อิ ถา้ มพี ยญั ชนะซอ้ นกนั ๓ ตวั ใหล้ บพยญั ชนะทมี่ รี ปู เหมอื น กนั ได้ตวั หน่ึง เชน่  ปฏิสนฺฐารวุตฺติ + อสฺส เป็น ปฏิสนฺฐารวตุ ฺยสฺส  อคคฺ ิ + อาคารํ เป็น อคฺยาคารํ เอา เอ เป็น ย เช่น  เต + อสสฺ เป็น ตยฺ สฺส,  เม + อยํ เป็น มยฺ ายํ  เต + อหํ เป็น ตยฺ าหํ เอา โอ เป็น ว เช่น  อถโข + อสสฺ เป็น อถขฺวสฺส เอา อุ เป็น ว เชน่  พหุ + อาพาโธ เป็น พหวฺ าพาโธ  จกฺขุ + อาปาถํ เป็น จกฺขวฺ าปาถํ - แปลงสระหลัง มวี ิธีดงั นี้ สระอยหู่ น้า เบ้อื งหลงั เป็น เอว ศพั ท์ แปลง เอ เป็น ริ แลว้ รสั สะสระ หน้า เชน่  ยถา + เอว เปน ยถริว  ตถา + เอว เปน ตถรวิ ๓. อาคมสระสนธิ มี ๒ ดังนี้ 17 โอ อยหู นา พยัญชนะอยูห ลัง ลบ โอ แลว ลง อ อาคม เช่น

|สนธิ  โส + สลี วา เปน สสีลวา  โส + ปญฺ วา เปน สปญฺวา  เอโส + ธมโฺ ม เปน เอสธมโฺ ม พยัญชนะอยูหลงั ลง โอ อาคม เช่น  ปร + สหสสฺ ํ เปน ปโรสหสสฺ ํ  สรท + สตํ เปน สรโทสตํ ๔. วกิ ารสระสนธิ มี ๒ คือ วิการสระหนา ๑ วกิ ารสระหลงั ๑ - วิการสระหน้า มวี ิธดี ังนี้ ลบสระหลงั แล้ว วิการ อิ เป็น เอ, วิการ อุ เป็น โอ เชน่  มุนิ + อาลโย เป็น มุเนลโย, สุ + อตถฺ ี เป็น โสตฺถี - วิการสระ มีวธิ ดี งั นี้ ลบสระหน้าแล้ว วิการ อิ เป็น เอ, วิการ อุ เป็น โอ เช่น  มาลุต + อิรติ ํ เปน มาลเุ ตริต ํ  พนฺธุสสฺ + อิว เปน พนฺธสุ เฺ สว  น + อเุ ปติ เปน โนเปติ  อทุ กํ + อมุ กิ ชาตํ เปน อทุ โกมกิ ชาตํ (ลบนิคคหติ ดว ยโลปสระสนธ)ิ ๕. ปกติสระสนธิ คงรูปไวอ้ ยางเดิม เช่น  โก + อิมํ เปน โกอมิ ํ ๖. ทฆี สระสนธิ มี ๒ คอื  ทฆี ะสระหนา ๑ ทีฆะสระหลงั ๑ - ทีฆะสระหนา มวี ิธดี ังนี้ ลบสระหลงั ทีฆะสระหนา เช่น  กสึ ุ + อิธ เปน กึสูธ  สาธุ + อิติ เปน สาธูติ พยัญชนะอยูห ลงั ทฆี ะสระหน้า เชน่  มุนิ + จเร เปน มนุ ีจเร 18

- ทีฆะสระหลงั มวี ธิ ดี งั นี้ ลบสระหนา ทฆี ะสระหลงั เช่น  สทฺธา + อธิ เปน สทธฺ ธี  จ + อุภยํ เปน จภู ยํ ๗. รสั สสระสนธิ พยัญชนะ หรอื เอว ศัพท์ อยู่หลงั รัสสะสระหน้า  โภวาที + นาม เปน โภวาทินาม  ยถา + เอว เปน ยถรวิ พยญั ชนะสนธิ พยัญชนะสนธิ มสี นธกิ ริ ิโยปกรณ ๕ อย่าง คือ โลโป อาเทโส อาคโม ปกติ สญฺโโค ๑. โลปพยัญชนะสนธิ นิคคหิตอยู่หน้าสระอยู่หลัง ลบสระหลัง ถ้ามีพยัญชนะซ้อนกัน ๒ ตัว ลบเสียตัวหน่ึง เช่น  เอวํ + อสฺส เปน เอวํส  ปุปฺผํ + อสฺสา เปน ปปุ ฺผํสา ๒. อาเทสพยญั ชนะสนธิ สระอยหู ลงั แปลง ติ เปน ตฺย แปลง ตยฺ เปน จฺจ เช่น  อิติ + เอวํ เปน อจิ เฺ จว,ํ  ปติ + อุตฺตรติ ฺวา เปน ปจจฺ ตุ ฺตรติ วฺ า แปลง ธ เปน ท  เชน่ เอกํ + อิธ + อหํ เปน เอกมิทาหํ แปลง ธ เปน ห  เชน่ สาธุ + ทสสฺ นํ เปน สาหทุ สสฺ นํ แปลง ท เปน ต  เช่น สุคโท เปน สคุ โต แปลง ต เปน ฏ  เช่น ทกุ กฺ ตํ เปน ทุกฺกฏํ สนธิ| แปลง ต เปน ธ  เช่น คนตฺ พโฺ พ เปน คนฺธพฺโพ 19

แปลง ต เปน ตรฺ  เชน่ อตตฺ โช เปน อตรฺ โช แปลง ค เปน ก  เช่น กลุ ุปโค เปน กุลปุ โก แปลง ร เปน ล  เช่น มหาสาโร เปน มหาสาโล แปลง ย เปน ช  เช่น ควฺ โย เปน คฺวโช แปลง ว เปน พ  เช่น กุวโต เปน กพุ ฺพโต แปลง ย เปน ก  เช่น สย ํ เปน สกํ แปลง ช เปน ย  เช่น นชิ ํ เปน นิยํ แปลง ต เปน ก  เชน่ นิยโต เปน นิยโก แปลง ต เปน จ  เช่น ภโต เปน ภจฺโจ แปลง ป เปน ผ  เช่น นิปปฺ ตตฺ ิ เปน นิปฺผตตฺ ิ แปลง อภิ เปน อพภฺ เช่น อภิ + อคุ คฺ จฉฺ ต ิ เปน อพภฺ คุ ฺคจฺฉติ แปลง อธิ เปน อชฺฌ เชน่  อธิ + โอกาโส เปน อชโฺ ฌกาโส แปลง อว เปน โอ เชน่  อว + นทธฺ า เปน โอนทฺธา ๓. อาคมพยญั ชนะสนธิ พยญั ชนะอาคมมี ๘ ตวั คือ ย ว ม ท น ต ร ฬ สระอยหู ลัง ลงพยญั ชนะอาคม ๘ ตัว นี้ ดงั นี้ ยถยิทํ  ย อาคม เช่น ยถา + อทิ ํ เปน วทุ ิกฺขติ  ว อาคม เช่น อุ + ทิกขฺ ติ เปน ครเุ มสสฺ ติ  ม อาคม เชน่ ครุ + เอสฺสติ เปน อตตฺ ทตโฺ ถ  ท อาคม เชน่ อตฺต + อตฺโถ เปน |สนธิ  น อาคม เชน่ อิโต + อายติ เปน อิโตนายติ  ต อาคม เช่น ตสมฺ า + อิห เปน ตสฺมาตหิ  ร อาคม เช่น สพภฺ ิ + เอว เปน สพภฺ ิเรว  ฬ อาคม เชน่ ฉ + อายตนํ เปน ฉฬายตนํ ในคมั ภรี ส์ ทั ทนีติปกรณ์ วา ลง ห อาคมได เชน่ 20  สุ + อุชุ เปน สุหชุ ุ, สุ + อุฏติ ํ เปน สหุ ุฏติ ํ

๔. ปกตพิ ยญั ชนะสนธิ คงรปู ไวตามปกติเดมิ เช่น  สาธุ คงรปู เปน สาธุ ๕. สญั โญคพยัญชนะสนธิ มี ๒ คอื ซอ นพยญั ชนะท่มี ีรูปเหมือนกนั ๑ ซอ นพยัญชนะท่มี ีรปู ไมเหมือนกัน ๑ - ซอนพยัญชนะท่มี ีรปู เหมือนกัน มวี ิธดี งั นี้ เอาพยัญชนะที่ ๑ ซอ้ นหน้าพยัญชนะที่ ๑, เอาพยัญชนะท่ี ๓ ซ้อน หน้าพยัญชนะที่ ๓, เอาพยัญชนะท่ี ๕ ซอ้ นหน้าพยญั ชนะที่ ๕ ในวรรคของ ตน ยกเว้น ง ซ้อนหน้าตัวเองไม่ได้ เชน่  อิธ + ปโมทติ เปน อธิ ปปฺ โมทติ, จาตุ + ทสี เปน จาตุทฺทสี - ซอนพยัญชนะท่มี รี ปู ไมเหมือนกนั มวี ธิ ีดังนี้ เอาพยัญชนะท่ี ๑ ซ้อนหน้าพยัญชนะที่ ๒, เอาพยัญชนะที่ ๓ ซอ้ น หน้าพยญั ชนะท่ี ๔ ในวรรคของตน เช่น  จตฺตาริ + านานิ เปน จตตฺ ารฏิ  านานิ  เอโสวจ + ฌานผโล เปน เอโสวจชฌฺ านผโล นคิ คหิตสนธิ นิคคหติ สนธิ มสี นธกิ ริ โิ ยปกรณ ๔ อยา่ ง คอื โลโป อาเทโส อาคโม ปกติ ๑. โลปนิคคหติ สนธิ สนธิ| สระหรอื พยัญชนะอยหู ลัง ลบนิคคหิต เช่น  ตาสํ + อหํ เปน ตาสาหํ 21  วิทนู ํ + อคฺค ํ เปน วิทนู คคฺ ํ  อริยสจฺจานํ + ทสสฺ นํ เปน อรยิ สจจฺ านทสฺสนํ  พทุ ฺธานํ + สาสนํ เปน พทุ ฺธานสาสนํ

๒. อาเทสนิคคหิตสนธิ นิคคหติ อยหู นา พยญั ชนะอยหู ลงั แปลงนิคคหติ เป็นพยญั ชนะทส่ี ดุ วรรคของพยญั ชนะตวั นัน้ ดังนี้ แปลงนิคคหติ เปน ง เช่น เอวํ + โข เปน เอวงฺโข แปลงนิคคหิต เปน  เชน่ ธมมฺ ํ + จเร เปน ธมฺมญจฺ เร แปลงนิคคหติ เปน ณ เชน่ สํ + ติ ิ เปน สณฺ ติ ิ แปลงนิคคหติ เปน น เชน่ ตํ + นิพฺพุตํ เปน ตนฺนิพพฺ ตุ ํ แปลงนิคคหติ เปน ม เช่น จิรํ + ปวาส ึ เปน จิรมปฺ วาสึ ถา เอ และ ห อยหู ลัง แปลงนิคคหิตเปน  เชน่ ปจฺจตตฺ ํ + เอว เปน ปจฺจตฺตญฺเว ตํ + เอว เปน ตญเฺ ว เอวํ + ห ิ เปน เอวญหฺ ิ ตํ + หิ เปน ตญฺหิ ถา ย อยูหลงั แปลงนิคคหิตกับ ย เป็น ญฺ เชน่ สํ + โยโค เป็น สญโฺ โค สระอยหู่ ลงั แปลงนิคคหิต เปน ม และ ท เชน่ ตํ + อหํ เปน ตมหํ เอตํ + อโวจ เปน เอตทโวจ ๓. อาคมนิคคหิตสนธิ สระหรอื พยญั ชนะ อยหู ลัง ลงนิคคหิต เชน่ จกขฺ ุ + อทุ ปาท ิ เปน จกฺขํุอทุ ปาทิ อว + สโิ ร เปน อวสํ ิโร |สนธิ ๔. ปกตนิ ิคคหิตสนธิ คงรูปไวต ามเดิม เชน่ ธมฺมํ + จเร เป็น ธมมฺ จํ เร 22

นาม นามศพั ท แบงเปน ๓ คอื  นามนาม ๑ คุณนาม ๑ สพั พนาม ๑ นามนาม นามทีเ่ ปน ช่ือของ คน สัตว ท่ี ส่งิ ของ เปนนามนาม นามนาม แบง ออกเปน ๒ คอื  สาธารณนาม ๑ อสาธารณนาม ๑ นามท่ีทัว่ ไปแก คน สัตว ที่ ส่ิงของ เหมือนค�ำวา มนุสฺโส มนุษย, ตริ จฉฺ าโน สัตวดิรัจฉาน, นครํ เมือง เปน ตน เปน  สาธารณนาม นามที่ไม่ทัว่ ไปแกส่ิงอ่ืน เหมือนค�ำวา ทีฆาวุ กุมารช่ือทีฆาวุ, เอราวโณ ชางช่อื เอราวณั , สาวตถฺ ี เมอื งช่ือสาวัตถี เปนตน เปน  อสาธารณนาม คณุ นาม นามที่แสดงลักษณะของนามนาม ส�ำหรับหมายใหรูวา นามนามนั้น ดหี รอื ชัว่ เปนตน เปน คุณนาม เหมือนค�ำวา ปญฺวา มีปญ ญา ปรุ ิโส บรุ ษุ ถือเอาความตามภาษาของเราวา บุรุษมีปญญา ปรุ ิโส เปน นามนาม ปญฺวา เปนคณุ นาม คณุ นาม แบงเปน ๓ ชนั้ คือ ปกติ ๑ วเิ สส ๑ อตวิ เิ สส ๑ คุณนามที่แสดงความดีหรือชั่ว เปนปกติ เหมือนค�ำวา ปณฺฑิโต เปนบณั ฑิต ปาโป เปนบาป ช่อื ปกติ คุณนามท่ีแสดงความดีหรือชัว่ มากหรือนอยกวาปกติ เหมือนค�ำวา นาม| ปณฺฑิตตโร เปน บณั ฑิตกวา ปาปตโร เปน บาปกวา ช่อื วเิ สส 23

คุณนามที่แสดงความดีหรือชั่ว มากหรือนอยท่ีสุด เหมือนค�ำวา ปณฺฑติ ตโม เปน บัณฑิตท่ีสุด ปาปตโม เปน บาปทสี่ ุด ช่อื อติวิเสส วเิ สสนัน้ ใช ตร อิย ปจ จัย ในเสฏฐตทั ธติ ตอปกตบิ าง ใชอปุ สัค คือ อติ (ยงิ่ ) น�ำหนาบาง อติวเิ สส ใช ตม อิฏ ปจจัย ในเสฏฐตัทธิต ตอ ปกติบาง ใชอปุ สคั และ นิบาต คือ อติวยิ (เกินเปรยี บ) น�ำหนาบาง สัพพนาม สัพพนาม คือ ค�ำพูดส�ำหรับใชแทนนามนามที่ออกช่ือมาแลวข้างต้น เพ่ือไมใ หซ้ำ� ซาก ซ่ึงไมเ่ พราะหู นามทัง้ ๓ ตองประกอบดวย ลิงค วจนะ วิภัตติ ลงิ ค์ ลงิ ค์ คือ คำ� พดู ทบ่ี ง่ ถงึ เพศของนามนาม แบง เปน ๓ คอื ปุงลงิ ค เพศชาย อติ ถีลิงค เพศหญงิ นปุงสกลิงค มิใชเ พศชาย มิใชเพศหญงิ นามนาม เปน ลิงคเ ดยี ว คอื จะเปน ปงุ ลิงค อิตถลี ิงค หรือ นปุงสกลงิ ค กอ็ ยา่ งเดียวบ้าง นามนาม เปน ๒ ลิงค คอื ศพั ทอ์ ันเดียว มีรูปอยางเดยี ว เปนไดท งั้ ๒ ลงิ ค หรอื มลู ศพั ทเ์ ป็นอนั เดยี ว เปลย่ี นแตส่ ระทสี่ ดุ ใหแ ปลกกนั พอเปน เคร่อื ง หมายใหตางลงิ คก นั บา้ ง |นาม คณุ นามและสัพพนาม เปนไดทงั้ ๓ ลงิ ค ลิงคน ัน้ จดั ตามสมมตขิ องภาษาบาง จดั ตามกำ� เนิดบาง 24

ที่จัดตามสมมตนิ ัน้ เหมือนหน่ึงกำ� เนิดสตรี สมมติใหเปนปงุ ลงิ ค และ ของที่ไมมีวิญญาณ สมมติใหเปนปุงลิงค และอิตถีลิงค เหมือนค�ำวา ทาโร เมีย สมมติใหเปนปุงลิงค, ปเทโส ประเทศ สมมติใหเปนปุงลิงค, ภมู ิ แผน ดิน สมมตใิ หเปนอติ ถลี งิ ค ทจี่ ดั ตามกำ� เนิดนัน้ เหมอื น ปรุ โิ ส ชาย เปน ปงุ ลงิ ค, อติ ถฺ ี หญงิ เปน อติ ถี ลิงค เปน ตน นามนามเปน ลิงคเดียว ปงุ ลิงค อิตถลี งิ ค นปงุ สกลงิ ค อมโร เทวดา อจฺฉรา นางอัปสร องคฺ ํ องค อาทิจโฺ จ พระอาทิตย อาภา รัศมี อารมฺมณํ อารมณ อนิ โฺ ท พระอินทร อิทฺธิ ฤทธิ์ อิณํ หนี้ อโี ส คนเปน ใหญ อสี า งอนไถ อรี ณิ ํ ทงุ นา อทุ ธิ ทะเล อุฬุ ดาว อุทกํ น้�ำ เอรณโฺ ฑ ตนละหงุ เอสกิ า เสาระเนียด เอฬาลุกํ ฟกเหลอื ง โอโฆ หวงน้�ำ โอชา โอชา โอกํ น้�ำ กณฺโณ หู กฏิ สะเอว กมมฺ ํ กรรม จนโฺ ท พระจนั ทร จมู เสนา จกขฺ ุ นัยนต า ตรุ ตน ไม ตารา ดาว เตลํ น้�ำมัน ปพฺพโต ภเู ขา ปภา รศั มี ปณฺณํ ใบไม ยโม พระยม ยาคุ ขาวตม ยานํ ยาน นาม| 25

นามนามศัพทเ ดยี ว มีรูปอยางเดยี ว เปน ๒ ลงิ ค ปุงลิงค นปงุ สกลงิ ค คำ� แปล อกขฺ โร อกขฺ รํ อักษร อคาโร อคารํ เรอื น อตุ ุ อตุ ุ ฤดู ทิวโส ทิวสํ วนั มโน มนํ ใจ สํวจฺฉโร สํวจฺฉรํ ป นามนามมมี ูลศพั ทเ ปนอยางเดียว เปล่ยี นแตสระท่สี ุด เปน ๒ ลงิ ค ปงุ ลิงค อติ ถีลิงค ค�ำแปล อรหา หรือ อรหํ อาชีวโก อรหนฺตี พระอรหันต อุปาสโก กุมาโร อาชวี ิกา นักบวช ขตฺตโิ ย โคโณ อุปาสกิ า อุบาสก, อบุ าสกิ า โจโร ญาตโก กุมารี หรอื กุมาริกา เด็ก ตรุโณ เถโร ขตฺติยานี หรือ ขตตฺ ิยา กษตั รยิ  ทารโก เทโว คาวี โค นโร โจรี โจร ปรพิ ฺพาชโก าตกิ า ญาติ 26 ภกิ ฺขุ ตรุณี ชายหนมุ , หญงิ สาว เถรี พระเถระ, พระเถรี ทารกิ า เดก็ ชาย, เดก็ หญงิ เทวี พระเจาแผน ดนิ , |นาม พระราชเทวี นารี คน (ชาย-หญิง) ปริพพฺ าชกิ า นักบวช (ชาย-หญิง) ภิกขฺ ุนี ภกิ ษุ, ภิกษุณี

ปุงลิงค อติ ถลี งิ ค คำ� แปล ภวํ โภตี ผเู จรญิ มนสุ ฺโส มนสุ สฺ ี มนษุ ย (ชาย-หญงิ ) ยกโฺ ข ยกขฺ ินี ยักษ, ยกั ษณิ ี ยวุ า ยวุ ตี ชายหนม ุ , หญิงสาว ราชา ราชินี พระเจาแผน ดนิ , พระราชนิ ี สขา สขี เพ่ือน (ชาย-หญงิ ) หตถฺ ี หตฺถนิ ี ชางพลาย, ชางพัง คณุ นาม เปน ๓ ลงิ ค ปงุ ลงิ ค อิตถลี งิ ค นปุงสกลิงค ค�ำแปล นาม| กมมฺ กาโร กมฺมการนิ ี ท�ำการงาน คุณวา คณุ วตี กมมฺ การํ มคี ุณ 27 จณโฺ ฑ จณฑฺ า คณุ วํ ดรุ าย เชฏโ เชฏ า จณฑฺ ํ เจรญิ ท่สี ดุ ตาโณ ตาณา เชฏฺํ ตานทาน ถิโร ถิรา ตาณํ มนั่ ทกฺโข ทกขฺ า ถิรํ ขยัน ธมฺมิโก ธมฺมกิ า ทกฺขํ ตัง้ ในธรรม นาโถ นาถา ธมมฺ กิ ํ ทพี่ ่ึง ปาโป ปาปา นาถํ บาป โภคี โภคินี ปาปํ มีโภคะ มตมิ า มตมิ ตี โภคิ มคี วามคดิ ลาภี ลาภนิ ี มติมํ มีลาภ สทฺโธ สทธฺ า ลาภิ มีศรัทธา สทฺธํ

วจนะ วจนะ คอื ค�ำพดู ทีบ่ อกจ�ำนวนของนามนาม แบง เปน ๒ คอื เอกวจนะ คำ� พูดสำ� หรับออกช่อื ของส่งิ เดียว พหวุ จนะ คำ� พูดสำ� หรบั ออกช่อื ของมากกวาสิ่งเดียว คอื ตัง้ แต ๒ สิ่งข้นึ ไป วจนะทัง้ ๒ นี้ มีเคร่ืองหมายใหแปลกกันที่ทายศัพท เหมือนค�ำวา ปุริโส ชายคนเดียว เปนเอกวจนะ, ปรุ สิ า ชายหลายคน เปนพหุวจนะ วภิ ัตติ วิภัตติ แปลวา แจกหรือจ�ำแนก มี ๑๔ ตัว แบ่งเป็ น เอกวจนะ ๗ พหุวจนะ ๗ ดงั นี้ ปมา ที่ ๑ เอกวจนะ พหวุ จนะ ทุตยิ า ท่ี ๒ สิ โย ตตยิ า ที่ ๓ อํ โย จตุตฺถี ท่ี ๔ นา หิ ปญจฺ ม ี ที่ ๕ ส นํ ฉฏ ี ที่ ๖ หิ สตฺตม ี ท่ี ๗ สมฺ า นํ ส สุ สมฺ ึ |นาม ปฐมาวภิ ตั ติ แบง เปน ๒ คอื เปน ลิงคตั ถะ หรือ กตั ตา คอื เปนตัว ประธาน ๑ เปน อาลปนะ คอื คำ� ส�ำหรับรองเรียก ๑ 28

อายตนบิ าต (คำ� เชือ่ ม, ค�ำต่อ) เอกวจนะ พหวุ จนะ ปมา ท่ี ๑ อ. (อานวา “อันวา”) อ. ... ท. (ท. อา่ นว่า ทงั้ หลาย) ทุตยิ า ที่ ๒ ซ่งึ สู ซ่ึง... ท. ส.ู .. ท. ยัง สนิ้ ยงั ... ท. สิน้ ... ท. กะ เฉพาะ กะ... ท. เฉพาะ... ท. ตลอด ตลอด... ท. ตตยิ า ท่ี ๓ ดวย โดย ดว ย... ท. โดย... ท. อนั ตาม อนั ... ท. ตาม... ท. เพราะ มี เพราะ... ท. ม.ี .. ท. ดว้ ยทงั้ ขา้ ง ด้วยทงั้ ... ท. ขา้ ง... ท. จตตุ ถฺ ี ที่ ๔ แก เพ่อื แก่... ท. เพ่ือ... ท. ตอ่ แด่ ต่อ... ท. แด่... ท. ปญฺจมี ท่ี ๕ แต จาก แต. .. ท. จาก... ท. กวา่ เหตุ กว่า... ท. เหตุ... ท. ฉฏ ี ท่ี ๖ แห่ง ของ แหง่ ... ท. ของ... ท. เม่อื เม่ือ... ท. สตฺตมี ท่ี ๗ ใน ใกล ใน... ท. ใกล. .. ท. ที่ ครนั้ เม่ือ ในเพราะ เหนือ ท.่ี .. ท. ครนั้ เม่ือ... ท. บน ณ ในเพราะ... ท. เหนือ... ท. บน... ท. ณ... ท. อาลปนะ แนะ ดกู อน แนะ ... ท. ดูกอ น... ท. นาม| ข้าแต่ ข้าแต่... ท. 29

การันต์ การันต์ คือ สระทส่ี ดุ ศพั ท ใน ปุงลงิ ค มี ๕ การันต คือ อ อ ิ อี อุ อู ใน อติ ถลี ิงค มี ๕ การันต คือ อา อ ิ อี อุ อู ใน นปงุ สกลงิ ค มี ๓ การันต คอื  อ อิ อุ อ การนั ต ในปงุ ลงิ ค แจกอยาง ปรุ สิ (บุรษุ ) ดังนี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. ปรุ ิโส ปรุ ิสา ท.ุ ปุริสํ ปรุ เิ ส ต. ปรุ ิเสน ปรุ เิ สหิ ปุริเสภิ จ. ปรุ ิสสสฺ ปุรสิ าย ปุรสิ ตฺถํ ปรุ สิ านํ ปญ.ฺ ปรุ สิ สฺมา ปุรสิ มฺหา ปรุ ิสา ปรุ ิเสหิ ปุรเิ สภิ ฉ. ปุรสิ สสฺ ปุรสิ านํ ส. ปรุ สิ สมฺ ึ ปุรสิ มฺหิ ปรุ ิเส ปรุ ิเสสุ อา. ปรุ ิส ปุรสิ า ศพั ทท แี่ จกเหมือน ปุริส |นาม อาจรยิ อาจารย ชน ชน กุมาร เด็ก ตรุ ค มา ขตตฺ ยิ กษตั ริย เถน ขโมย คณ หมู ทตู ทตู โจร โจร ธช ธง นร คน 30 ฉณ มหรสพ

ปาวก ไฟ รุกฺข ตน ไม ผลิก แกว ผลึก โลก โลก พก นกยาง วานร ลิง ภว ภพ สหาย เพ่อื น มนสุ สฺ มนษุ ย หตถฺ มือ ยกขฺ ยักษ อิ การนั ต ในปงุ ลิงค แจกอยาง มนุ ิ (ผรู )ู ดังนี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. มนุ ิ มนุ โย มนุ ี ท.ุ มุนึ มนุ โย มุนี ต. มนุ ินา มนุ ีหิ มนุ ีภิ จ. มุนิสสฺ มนุ ิโน มุนีนํ ปญฺ. มนุ ิสฺมา มุนิมฺหา มุนีหิ มนุ ีภิ ฉ. มนุ ิสสฺ มุนิโน มุนีนํ ส. มุนิสฺมึ มุนิมฺหิ มนุ ีสุ อา. มุนิ มุนโย มุนี ศัพทที่แจกเหมือน มนุ ิ อคฺคิ ไฟ ปติ เจา, ผวั นาม| อริ ขาศึก มณิ แกว มณี อหิ งู วธิ ิ วธิ ี 31 ถปติ ชางไม วหี ิ ขาวเปลอื ก นิธิ ขมุ ทรพั ย สมาธิ สมาธิ

อี การนั ต ในปงุ ลงิ ค แจกอยา ง เสฏี (เศรษฐ)ี ดังนี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. เสฏี เสฏ โิ น เสฏี ท.ุ เสฏ ึ เสฏนิ ํ เสฏโิ น เสฏ ี ต. เสฏ นิ า เสฏ หี ิ เสฏ ภี ิ จ. เสฏสิ ฺส เสฏ โิ น เสฏ นี ํ ปญฺ. เสฏสิ ฺมา เสฏมิ ฺหา เสฏ หี ิ เสฏภี ิ ฉ. เสฏ สิ สฺ เสฏโิ น เสฏ นี ํ ส. เสฏสิ ฺมึ เสฏมิ หฺ ิ เสฏสี ุ อา. เสฏิ เสฏ โิ น เสฏี ศัพทท ่ีแจกเหมือน เสฏี กรี ชาง ภาณี คนชางพดู ตปสี คนมีตบะ โภคี คนมีโภคะ ทณฺฑี คนมไี มเทา มนฺตี คนมคี วามคดิ เมธาวี คนมีปญญา สุขี คนมสี ุข สิขี นกยงู หตถฺ ี ชาง อุ การนั ต ในปงุ ลิงค แจกอยาง ครุ (ครู) ดังนี ้ เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. ครุ ครโว ครู |นาม ทุ. ครุํ ครโว ครู ต. ครุนา ครูหิ ครูภิ 32 จ. ครุสสฺ ครโุ น ครูนํ

ปญฺ. ครสุ มฺ า ครุมหฺ า ครหู ิ ครูภิ ครโว ฉ. ครสุ ฺส ครุโน ครูนํ ส. ครุสฺมึ ครมุ หฺ ิ ครูสุ อา. ครุ ครเว ศัพทท ่แี จกเหมอื น ครุ เกตุ ธง ภิกขฺ ุ ภิกษุ ชนฺตุ สตั วเกดิ รปิ ุ ขาศึก ปสุ สตั วของเลยี้ ง สตฺตุ ศตั รู พนธฺ ุ พวกพอง เสตุ สะพาน พพฺพุ เสือปลา, แมว เหตุ เหตุ อู การนั ต ในปงุ ลิงค แจกอยาง วิญญฺ ู (ผรู วู เิ ศษ) ดังนี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. วิญญฺ ู วิญฺญุโน วญิ ญฺ ู ท.ุ วญิ ฺญุํ วิญญฺ ุโน วญิ ฺญู ต. วญิ ญฺ นุ า วญิ ญฺ ูหิ วญิ ญฺ ูภิ จ. วิญญฺ สุ สฺ วญิ ญฺ ุโน วิญญฺ ูนํ ปญฺ. วญิ ญฺ ุสมฺ า วิญญฺ ุมหฺ า วิญญฺ ูหิ วิญฺญูภิ ฉ. วิญฺญุสสฺ วิญญฺ โุ น วิญญฺ ูนํ ส. วญิ ฺญุสมฺ ึ วิญญฺ มุ ฺหิ วญิ ฺญูสุ นาม| อา. วิญฺญุ วิญฺญโุ น วญิ ฺญู 33

ศพั ทท่ีแจกเหมือน วญิ ญฺ ู อภิภู พระผเู ปน ยง่ิ เวทคู ผถู ึงเวท กตญญฺ ู ผรู อู ุปการะทีค่ นอ่นื ท�ำแลว สยมฺภู พระผูเปน เอง ปารคู ผูถ งึ ฝง อทฺธคู ผเู ดินทางไกล จบการนั ต ๕ ในปงุ ลิงค อา การนั ต ในอติ ถลี งิ ค แจกอยา ง กญฺญา (นางสาวนอ ย) ดังนี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. กญญฺ า กญฺญาโย กญฺญา ท.ุ กญญฺ ํ กญญฺ าโย กญฺญา ต. กญญฺ าย กญญฺ าหิ กญฺญาภิ จ. กญญฺ าย กญญฺ านํ ปญฺ. กญฺญาย กญญฺ าหิ กญฺญาภิ ฉ. กญฺญาย กญญฺ านํ ส. กญญฺ าย กญญฺ ายํ กญฺญาสุ อา. กญฺเญ กญฺญาโย กญญฺ า ศพั ทท แี่ จกเหมอื น กญญฺ า อจฉฺ รา นางอัปสร|นาม ตารา ดาว อาภา รัศมี ถวิกา ถงุ อิกฺขณิกา หญงิ แมม ด ทารกิ า เด็กหญิง อีสา งอนไถ โทลา ชงิ ชา ธารา ธารน้�ำ 34 อุกฺกา คบเพลงิ

อกู า เลน็ นารา รศั มี เอสกิ า เสาระเนียด ปญญฺ า ปญ ญา โอชา โอชา พาหา แขน กจฺฉา รักแร ภาสา ภาษา คทา ตะบอง มาลา ระเบยี บ ฆฏิกา ลม่ิ ลาขา ครัง่ เจตนา เจตนา สาลา ศาลา ฉรุ กิ า กฤช สลิ า ศลิ า ชปา ชะบา หนกุ า คาง อิ การนั ต ในอิตถลี ิงค แจกอยา ง รตฺติ (ราตร)ี ดังนี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. รตฺติ รตตฺ โิ ย รตตฺ ี ทุ. รตตฺ ึ รตตฺ ิโย รตฺตี ต. รตฺติยา รตตฺ หี ิ รตตฺ ีภิ จ. รตฺตยิ า รตตฺ ีนํ ปญ.ฺ รตฺตยิ า รตยฺ า รตตฺ หี ิ รตฺตีภิ ฉ. รตฺติยา รตตฺ ีนํ ส. รตตฺ ยิ า รตฺตยิ ํ รตยฺ ํ รตฺตีสุ อา. รตตฺ ิ รตตฺ โิ ย รตตฺ ี ศัพทท่แี จกเหมือน รตฺติ อาณิ ลิ่ม กฏิ สะเอว นาม| อิทธฺ ิ ฤทธิ์ ขนฺติ ความอดทน อตี ิ จัญไร คณฺฑิ ระฆัง 35

อกุ ขฺ ลิ หมอขาว ฉวิ ผวิ อมู ิ คล่นื ชลฺลิ สะเก็ดไม ตนฺติ เสน ดาย รติ ความยินดี นนฺทิ ความเพลดิ เพลิน ลทฺธิ ลทั ธิ ปญหฺ ิ สนเทา วติ รัว้ มติ ความรู สตตฺ ิ หอก ยฏ ิ ไมเทา สนธฺ ิ ความตอ อี การนั ต ในอิตถีลิงค แจกอยา ง นารี (นาง) ดงั นี ้ เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. นารี นารโิ ย นารี ท.ุ นารึ นารยิ ํ นารโิ ย นารี ต. นารยิ า นารหี ิ นารภี ิ จ. นารยิ า นารนี ํ ปญฺ. นารยิ า นารหี ิ นารภี ิ ฉ. นารยิ า นารนี ํ ส. นารยิ า นารยิ ํ นารสี ุ นารี อา. นาริ นารโิ ย ศพั ทท แี่ จกเหมือน นารี กมุ ารี เด็กหญิง|นามปวี แผน ดิน ฆรณี หญิงแมเรอื น มาตลุ านี ปา , นา ถี หญิง วีชนี พัด ธานี เมือง สมิ ฺพลี ไมง ิว้ 36

อุ การนั ต ในอติ ถลี ิงค แจกอยาง รชชฺ ุ (เชือก) ดงั นี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. รชชฺ ุ รชชฺ ุโย รชฺชู ทุ. รชฺชํุ รชฺชโุ ย รชชฺ ู ต. รชฺชุยา รชฺชูหิ รชชฺ ูภิ จ. รชฺชยุ า รชฺชนู ํ ปญ.ฺ รชฺชยุ า รชฺชูหิ รชฺชูภิ ฉ. รชชฺ ยุ า รชชฺ ูนํ ส. รชฺชยุ า รชฺชยุ ํ รชฺชูสุ รชฺชู อา. รชชฺ ุ รชฺชโุ ย ศพั ททีแ่ จกเหมอื น รชฺชุ อุรุ ทราย ยาคุ ขาวตม กาสุ หลุม ลาวุ น้�ำเตา เธนุ แมโ คนม วชิ ชฺ ุ สายฟา อู การนั ต ในอิตถีลงิ ค แจกอยา ง วธู (หญิงสาว) ดังนี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. วธู วธโุ ย วธู นาม| ท.ุ วธุํ วธโุ ย วธู ต. วธยุ า วธหู ิ วธูภิ จ. วธยุ า วธูนํ ปญ.ฺ วธยุ า วธูหิ วธภู ิ ฉ. วธุยา วธนู ํ 37

ส. วธยุ า วธยุ ํ วธูสุ วธุโย อา. วธุ วธู ศพั ทท ่แี จกเหมือน วธู จมู เสนา วริ ู เถาวัลย ชมฺพู ไมหวา สรพู ตุกแก ภู แผน ดิน, คิว้ สนิ ฺธู แมน ้�ำสินธู จบการนั ต ๕ ในอติ ถีลิงค อ การนั ต ในนปุงสกลิงค แจกอยาง กุล (ตระกลู ) ดงั นี ้ เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. กุลํ กุลานิ ท. กุลํ กุลานิ ต. กุเลน กุเลหิ กเุ ลภิ กเุ ลภิ จ. กลุ สฺส กุลาย กุลตฺถํ กุลานํ ปญฺ. กลุ สมฺ า กลุ มฺหา กุลา กเุ ลหิ ฉ. กลุ สสฺ กลุ านํ ส. กลุ สฺมึ กุลมหฺ ิ กเุ ล กุเลสุ อา. กลุ กุลานิ |นาม 38

ศัพทท่แี จกเหมอื น กุล องคฺ องค ฉตตฺ ฉตั ร, รม อณิ หนี้ ชล น้�ำ อทุ ร ทอง ตล พ้ืน โอฏ รมิ ฝปาก ธน ทรัพย กฏ ไม ปณฺณ ใบไม, หนังสอื กมล ดอกบวั ผล ผลไม ฆร เรอื น พล กำ� ลัง, พล จกฺก จักร, ลอ ภตฺต ขาวสวย มชฺช น้�ำเมา รตน แกว ยนฺต ยนต วตฺถ ผา รฏ แวน แควน สกฏ เกวยี น อิ การนั ต ในนปงุ สกลิงค แจกอยา ง อกฺขิ (นัยนต า) ดังนี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. อกขฺ ิ อกฺขีนิ อกขฺ ี ท.ุ อกฺขึ อกขฺ นี ิ อกฺขี ต. อกขฺ นิ า อกขฺ ีหิ อกขฺ ภี ิ จ. อกฺขิสสฺ อกฺขโิ น อกขฺ นี ํ ปญ.ฺ อกฺขสิ มฺ า อกฺขมิ ฺหา อกขฺ หี ิ อกฺขภี ิ ฉ. อกขฺ ิสฺส อกฺขิโน อกฺขีนํ ส. อกฺขิสฺมึ อกขฺ ิมฺหิ อกขฺ ีสุ อา. อกฺขิ อกขฺ ีนิ อกขฺ ี นาม| 39

ศัพทท ่แี จกเหมอื น อกฺขิ อจจฺ ิ เปลวไฟ ทธิ นมสม อฏ ิ กระดูก สปฺป เนยใส อุ การนั ต ในนปงุ สกลงิ ค แจกอยาง วตฺถุ (พสั ด)ุ ดงั นี ้ เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. วตถฺ ุ วตถฺ ูนิ วตถฺ ู ทุ. วตถฺ ํุ วตฺถูนิ วตถฺ ู ต. วตถฺ นุ า วตฺถหู ิ วตฺถภู ิ จ. วตถฺ ุสสฺ วตถฺ ุโน วตฺถนู ํ ปญ.ฺ วตฺถสุ ฺมา วตฺถมุ ฺหา วตฺถูหิ วตฺถภู ิ ฉ. วตฺถสุ ฺส วตถฺ ุโน วตถฺ ูนํ ส. วตถฺ ุสฺมึ วตฺถุมหฺ ิ วตฺถูสุ อา. วตถฺ ุ วตฺถนู ิ วตฺถู ศพั ทท ี่แจกเหมอื น วตถฺ ุ อมฺพุ น้�ำ ชตุ ยาง อสฺสุ น้�ำตา ธนุ ธนู อายุ อายุ มธุ น้�ำผ้ึง จกฺขุ นัยนต า มสฺสุ หนวด วปุ กาย สชฺฌุ เงนิ |นาม จบการนั ต ๓ ในนปุงสกลิงค 40

กตปิ ยศพั ท์ กติปยศพั ท คอื ศัพทเล็กๆ นอยๆ ซ่ึงมีวิธีแจกเฉพาะตน มี ๑๒ ศพั ท์ คือ อตฺต พรฺ หฺม ราช ภควนฺตุ อรหนฺต ภวนตฺ สตถฺ ุ ปต ุ มาตุ มน กมฺม โค ๔ ศัพท์นี้ คอื ราช อรหนตฺ ภวนตฺ มน เป็นทวลิ ิงค์ อตฺต (ตน) เป็ น ปงุ ลงิ ค์ แจกอยา่ งนี ้ เอกวจนะ ป. อตฺตา ท.ุ อตตฺ านํ ต. อตฺตนา จ. อตตฺ โน ปญ.ฺ อตฺตนา ฉ. อตตฺ โน ส. อตตฺ นิ อา. อตตฺ พฺรหมฺ (พรหม) เปน ปงุ ลิงค แจกอยา งนี ้ เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. พฺรหมฺ า พรฺ หฺมาโน ทุ. พฺรหมฺ านํ พฺรหฺมาโน ต. พรฺ หมฺ นุ า พรฺ หเฺ มหิ พรฺ หเฺ มภิ จ. พฺรหมฺ ุโน พฺรหฺมานํ ปญฺ. พฺรหมฺ นุ า พฺรหฺเมหิ พฺรหเฺ มภิ ฉ. พรฺ หฺมุโน พฺรหฺมานํ นาม| ส. พรฺ หฺมนิ พรฺ หฺเมสุ อา. พรฺ หเฺ ม พฺรหมฺ าโน 41

ราช (พระราชา) เปน ทวลิ งิ ค ในปุงลิงค แจกอยา งนี ้ เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. ราชา ราชาโน ราชูภิ ทุ. ราชานํ ราชาโน ราชูนํ ต. รญญฺ า ราชหู ิ ราชูภิ จ. รญฺโญ ราชโิ น รญญฺ ํ ราชูนํ ปญฺ. รญฺญา ราชูหิ ฉ. รญฺโญ ราชิโน รญฺญํ ส. รญเฺ ญ ราชินิ ราชสู ุ อา. ราช ราชาโน ศัพทสมาสมี ราช ศพั ท เป็ นท่สี ดุ แจกอย่าง มหาราช ดังนี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. มหาราชา มหาราชาโน ท.ุ มหาราชํ มหาราเช ต. มหาราเชน มหาราเชหิ มหาราเชภิ จ. มหาราชสสฺ มหาราชาย มหาราชานํ มหาราชตถฺ ํ ปญ.ฺ มหาราชสฺมา มหาราชมหฺ า มหาราเชหิ มหาราเชภิ มหาราชา ฉ. มหาราชสฺส มหาราชานํ |นาม ส. มหาราชสมฺ ึ มหาราชมหฺ ิ มหาราเชสุ มหาราเช 42 อา. มหาราช มหาราชาโน

ศพั ท์ทแ่ี จกเหมือน มหาราช อนรุ าช พระราชานอย นาคราช นาคผพู ระราชา อภิราช พระราชายง่ิ มคิ ราช เน้ือผูพระราชา อปุ ราช อุปราช สปุ ณฺณราช ครฑุ ผพู ระราชา จกฺกวตตฺ ิราช พระราชาจกั รพรรดิ หสํ ราช หงสผ ูพระราชา เทวราช เทวดาผูพระราชา ภควนตฺ ุ (พระผูมพี ระภาค) เปนปุงลิงค แจกอยางนี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. ภควา ภควนฺเต ภควนฺตา ภควนฺโต ท.ุ ภควนตฺ ํ ภควา ภควนฺเต ภควนโฺ ต ต. ภควตา ภควนฺเตหิ ภควนเฺ ตภิ จ. ภควโต ภควตํ ภควนตฺ านํ ปญ.ฺ ภควตา ภควนเฺ ตหิ ภควนเฺ ตภิ ฉ. ภควโต ภควตํ ภควนตฺ านํ ส. ภควติ ภควนฺเตสุ อา. ภคว ภควนฺตา ภควนฺโต ภควนตฺ า ภควนเฺ ต ใชเปน ทววิ จนะ กลาวถึงคน ๒ คน เทา่ นัน้ ภควนโฺ ต ใชเ ปน พหุวจนะ กลาวถงึ คนมาก คอื ตงั้ แต ๓ คน ข้ึนไป ศพั ททแ่ี จกเหมอื น ภควนฺตุ อายสฺมนตฺ ุ คนมีอายุ ธิติมนตฺ ุ คนมปี ญญา คุณวนตฺ ุ จกฺขมุ นตฺ ุ คนมีคณุ ปญฺวนฺตุ คนมปี ญ ญา ชตุ ิมนฺตุ ธนวนฺตุ คนมีจกั ษุ ปุญฺวนตฺ ุ คนมบี ญุ นาม| คนมีความโพลง พนฺธมุ นฺตุ คนมีพวกพอง คนมีทรัพย สติมนตฺ ุ คนมสี ติ 43

อรหนตฺ (พระอรหนั ต) เปน ทวิลิงค ในปงุ ลงิ ค แจกเหมอื น ภควนฺตุ แปลกแต ป.เอก. อรหา อรหํ เทานัน้ ภวนฺต (ผูเจรญิ ) เปน ทวลิ ิงค ในปุงลิงค แจกอยา งนี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. ภวํ ภวนฺตา ภวนฺโต ท.ุ ภวนตฺ ํ ภวนฺเต ภวนฺโต ต. ภวตา โภตา ภวนเฺ ตหิ ภวนเฺ ตภิ จ. ภวโต โภโต ภวตํ ภวนฺตานํ ปญฺ. ภวตา โภตา ภวนเฺ ตหิ ภวนเฺ ตภิ ฉ. ภวโต โภโต ภวตํ ภวนตฺ านํ ส. ภวติ ภวนฺเต ภวนเฺ ตสุ อา. โภ ภวนฺตา ภวนโฺ ต โภนตฺ า โภนฺโต สตฺถุ (ผสู้ อน) เปน ปงุ ลงิ ค แจกอยางนี ้ ป.|นาม เอกวจนะ พหุวจนะ ทุ. สตถฺ า สตฺถาโร ต. สตถฺ ารํ สตถฺ าโร จ. สตฺถารา สตถฺ นุ า สตฺถาเรหิ สตฺถาเรภิ ปญ.ฺ สตถฺ ุ สตฺถโุ น สตถฺ ารานํ ฉ. สตถฺ ารา สตฺถาเรหิ สตถฺ าเรภิ ส. สตถฺ ุ สตฺถโุ น สตถฺ ารานํ สตฺถริ สตฺถาเรสุ 44 อา. สตถฺ า สตฺถาโร

ศัพททแี่ จกเหมือน สตฺถุ กตตฺ ุ ผูทำ� เนตุ ผูน�ำไป ขตฺตุ ผูขุด ภตฺตุ ผเู ลยี้ ง, ผัว าตุ ผรู ู วตตฺ ุ ผกู ลาว ทาตุ ผใู ห โสตุ ผฟู ง นตตฺ ุ หลาน หนฺตุ ผฆู า ปิ ตุ (พ่อ) เป็ น ปุงลงิ ค์ แจกอย่างนี ้ เอกวจนะ พหุวจนะ ป. ปต า ปต โร ปตโร ท.ุ ปตรํ ปตเรหิ ปิ ตูหิ ต. ปตรา ปต ุนา ปตรานํ ปิ ตเรภิ ปต เรหิ ปิตภู ิ จ. ปต ุ ปตุโน ปิตหู ิ ปตนู ํ ปญ.ฺ ปต รา ปตรานํ ปิ ตเรภิ ปต เรสุ ปิตภู ิ ฉ. ปต ุ ปตุโน ปตโร ปตนู ํ ส. ปต ริ ปต ูสุ อา. ปต า ภาตุ พชี่ าย นองชาย, ชามาตุ ลกู เขย แจกเหมอื น ปต ุ นาม| อาลปนะนั้นนิยมใชค�ำวา ตาต และ ตาตา แทนค�ำวา ปตา ปตโร เอก. ตาต, พห.ุ ตาตา 45

มาตุ (มารดา) เปนอิตถลี งิ ค แจกอยางนี ้ เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. มาตา มาตโร มาตโร ทุ. มาตรํ มาตราหิ มาตหู ิ ต. มาตรา มาตุยา มาตรานํ มาตราภิ มาตราหิ มาตภู ิ จ. มาตุ มาตุยา มาตูหิ มาตนู ํ ปญ.ฺ มาตรา มาตรานํ มาตราภิ มาตราสุ มาตภู ิ ฉ. มาตุ มาตยุ า มาตโร มาตูนํ ส. มาตริ มาตสู ุ อา. มาตา ธตี ุ (ธิดา) แจกเหมอื น มาตุ อาลปนะนัน้ นิยมใชค�ำวา อมฺม และ อมฺมา แทนค�ำวา มาตา มาตโร เอก. อมมฺ , พห.ุ อมมฺ า |นาม 46

มโนคณะศพั ท มน ใจ เตช เดช อย เหลก็ ปย น้�ำนม อุร อก ยส ยศ เจต ใจ วจ วาจา ตป ความรอน วย วยั ตม มืด สิร หัว ๑๒ ศัพทน์ ี้ เรียกว่า มโนคณะ เพราะเป็นพวกแห่งมนศัพท์ มวี ิธีแจก อย่าง อ การนั ตในปงุ ลงิ ค และนปุงสกลงิ ค ต่างกันเพยี ง ๕ วภิ ตั ติ คือ เอา นา กับ สมฺ า เปน อา เอา ส ทงั้ ๒ เปน โอ เอา สฺมึ เปน อิ แลวลง ส อาคม เปน สา โส สา โส สิ เอา อํ ทตุ ยิ าวภิ ตั ตเิ ปน โอ เฉพาะ มน ศัพท์ เป็นทวลิ งิ ค์ นอกนัน้ เป็นปงุ ลงิ ค์ ศัพทเ หลานี้ เม่ือเขาสมาสกับศพั ทอ่นื เอาสระทสี่ ุดเปน โอ ได เหมอื น ค�ำวา มโนคโณ หมูแหงมนะ, อโยมยํ วัตถุอันบุคคลท�ำแลวดวยเหล็ก, เตโชธาตุ ธาตไุ ฟ, สโิ รรโุ ห อวยั วะอันงอกแลว บนหวั (ผม) เปนตน นาม| 47

ตัวอย่างการแจก มโน คณะศัพท์ เอกวจนะ ต. มนสา อยสา อุรสา จ. มนโส อยโส อุรโส ปญ.ฺ มนสา อยสา อุรสา ฉ. มนโส อยโส อุรโส ส. มนสิ อยสิ อรุ สิ บางคราวศพั ทท เี่ ป็น อ การันต จะเปนศัพทม โนคณะหรือไมก ็ตาม เอา อ กบั นา วภิ ตั ติ เปน โส เชน สุตตฺ โส อุปายโส สพฺพโส, เอา อ กบั สฺมา วภิ ตั ติ เปน โส เชน ทีฆโส กมฺม (กรรม) เปน นปุงสกลิงค แจกอยา งนี ้ เอกวจนะ พหวุ จนะ ป. กมมฺ ํ กมฺมานิ กมเฺ มภิ ท.ุ กมมฺ ํ กมฺมานิ กมฺเมภิ ต. กมฺมนุ า กมฺเมหิ จ. กมมฺ ุโน กมฺมานํ ปญ.ฺ กมมฺ นุ า กมเฺ มหิ ฉ. กมมฺ ุโน กมฺมานํ ส. กมมฺ นิ กมฺเมสุ อา. กมฺม กมฺมานิ |นาม 48

โค (โค) สามญั ไมน ิยมวา ผ–ู เมีย แจกอยา งนี ้ เอกวจนะ พหวุ จนะ คาโว ป. โค คาโว โคหิ โคภิ ทุ. คาวํ คาวํุ คาเวหิ คาเวภิ คุนนฺ ํ คาวานํ ต. คาเวน โคหิ โคภิ คาเวหิ คาเวภิ จ. คาวสฺส คุนนฺ ํ คาวานํ ปญฺ. คาวสมฺ า คาวมหฺ า คาวา โคสุ คาเวสุ คาโว ฉ. คาวสฺส ส. คาวสมฺ ึ คาวมฺหิ คาเว อา. คาว ศัพททัง้  ๖ คือ  ปุม ชาย,  สา หมา,  อทฺธา กาลยืดยาว,  มฆว นาม| ช่ือพระอินทร, ยุว ชายหนมุ , สข เพ่อื น มใี ชบ างวิภตั ติเทานัน้ ดงั นี้ ปุม เปน ปุงลิงค ใชแ ต ป.เอก. ปุมา เทานัน้ สา เปนคำ� กลางๆ ไมนิยมวา ผู– เมยี ใชแต ป.เอก. สา เทานัน้ และศัพทน ี้ ปงุ ลงิ ค เปน สนุ ข, อิตถีลงิ ค เปน สนุ ขี อทธฺ า เปนปุงลงิ ค ใชแต เอก.ป.อทธฺ า ทุ.อทธฺ านํ ต.อทธฺ ุนา จ.ฉ.อทฺธุโน, ส.อทฺธาเน เทานัน้ มฆว เปนปุงลิงค ใชแ ต ป.เอก. มฆวา เทานัน้ ยุว เปน ทวิลงิ คในปงุ ลิงค ใชม ากแต ป.เอก.ยุวา ในอติ ถีลงิ ค เปน ยุวตี สข เปน ทวิลิงคใ นปุงลงิ คใชมากแต ป.เอก. สขา, อิตถลี ิงค เปน สขี 49