Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 8. วิทยาศาตร์ พว21001

8. วิทยาศาตร์ พว21001

Published by clube.indy, 2020-04-20 02:08:03

Description: 8. วิทยาศาตร์ พว21001

Search

Read the Text Version

293 เรอื งที 3 วิธีการหาดาวเหนือ การหาจากกล่มุ ดาวหมีใหญ่ ภาพที 19 การหาดาวเหนือจากกลุ่มดาวหมใี หญ่ ในบางครงั เรามองหาดาวเหนือได้จากการดู “กลุ่มดาวหมใี หญ่” (Ursa major) หรือทีคนไทย เราเรียกวา่ “กลุ่มดาวจระเข”้ กลุ่มดาวนีมีดาวสวา่ งเจด็ ดวง เรียงตวั เป็ นรูปกระบวยตกั นาํ ดาวสองดวง แรกของกระบวยตักนาํ จะชีไปยงั ดาวเหนือเสมอ ไม่ว่าทรงกลมท้องฟ้ าจะหมุนไปอย่างไรก็ตาม ดาวเหนือจะอย่หู ่างออกไป 5 เทา่ ของระยะทางระหว่างดาวสองดวงแรกเสมอ ดงั ทแี สดงในภาพที 19 การหาจากกล่มุ ดาวคา้ งคาว ภาพที 20 การขึน - ตก ของกลุ่มดาวรอบขวั ฟ้ าเหนือ ในบางคืนกลุ่มดาวหมใี หญ่เพิงตกไป หรือยงั ไม่ขึนมา เราก็สามารถมองหาทิศเหนืออยา่ ง คร่าว ๆ ไดโ้ ดยอาศยั “กลุม่ ดาวคา้ งคาว (Cassiopeia)” กลุ่มดาวคา้ งคาวประกอบด้วย ดาวสว่าง 5 ดวง เรียงเป็ นรูปตวั “M” หรือ “W” ควาํ กลุ่มดาวค้างคาวจะอยูใ่ นทิศตรงขา้ มกับกลุ่มดาวหมใี หญ่เสมอ ดงั นนั ขณะกลมุ่ ดาวหมีใหญ่กาํ ลงั ตก กลมุ่ ดาวคา้ งคาวก็กาํ ลงั ขึน และเมือกล่มุ ดาวหมีใหญ่กาํ ลงั จะขึน กลมุ่ ดาวคา้ งคาวก็กาํ ลงั จะตก ดงั ทีแสดงในภาพที 20

294 ภาพที 21 กลุ่มดาวนายพรานหนั หวั เขา้ หาดาวเหนือเสมอ แต่ในบางครงั เมฆเขา้ มาบงั ทอ้ งฟ้ าทางดา้ นทิศเหนือ เรากไ็ มส่ ามารถมองเหน็ กลุ่มดาวหมีใหญ่ หรือ กลมุ่ ดาวคา้ งคาวได้เลย ในกรณีนีเราอาจใช้ “กลมุ่ ดาวนายพราน (Orion)” ในการนําทางได้เป็ น อยา่ งดี เพราะกลุ่มดาวนายพรานจะหนั หัวเข้าหาดาวเหนือเสมอ นอกจากนนั กลุม่ ดาวนายพรานยงั ตงั อยบู่ นเส้นศนู ย์สูตรฟ้ า นันหมายความว่า กลุ่มดาวนายพรานจะขึน - ตก ในแนวทิศตะวันออก- ตะวนั ตก เสมอ เรืองที 4 แผนทีดาว การอา่ นแผนทีดาวเป็ น จะทาํ ใหเ้ ราดดู าวหรือกล่มุ ดาวทีปรากฏบนท้องฟ้ า ณ วนั – เวลาใด ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ก่อนอ่านแผนทีดาวเพือเปรี ยบเทียบกับดาวทีปรากฏบนทอ้ งฟ้ า ผสู้ ังเกตตอ้ งรู้ ทิศเหนือ - ใต้ ตะวนั ออก - ตะวนั ตก ของทีนนั ๆ ก่อน ท ให้ลองคะเน มุมเงยและมุมทศิ ของดาวเหนือ ท เราทราบหรือไม่อย่างไรว่าอาจหาดาวเหนือไดโ้ ดยอาศยั กลุม่ ดาวหมใี หญ่ (Ursa Major) หรือกลุ่มดาวคา้ งคาว (Cassiopeia) แผนทดี าวทีนิยมใชก้ นั ในปัจจุบนั จะเป็นแผนทีดาวแบบหมุน โดยเป็ นกระดาษแข็ง 2 แผน่ ตรึงติดกนั ตรงกลาง โดยแผน่ หนึงจะเป็นภาพของกลมุ่ ดาวและดาวสว่าง เขียนอยูใ่ นวงกลม โดยที ขอบของวงกลมจะระบุ “วนั - เดือน” ไวโ้ ดยรอบ ส่วนแผ่นติดอยู่ด้านบน จะระบุ “เวลา” ไว้ โดยรอบ การใช้แผนทีดาวก็เพียงแต่หมุนวัน - เดือนของแผน่ ล่างใหต้ รงกบั เวลา ทีต้องการ สังเกตการณ์ของแผน่ บน กลมุ่ ดาวทีปรากฏบนแผนทีดาวจะเป็นกลุม่ ดาวจริงทีปรากฏจริงบนทอ้ งฟ้ า ณ ขณะนนั ดงั แสดงในภาพที 22

295 ภาพที 22 แผนทดี าวแบบหมนุ การใชแ้ ผนทีดาว ณ สถานทสี ังเกตการณ์จริง ให้เราหนั หนา้ ไปทางทิศเหนือ แลว้ ยกแผนที ดาวขึนเหนือศรี ษะ โดยใหท้ ศิ ในแผนทีดาว ตรงกบั ทิศจริง โดยทีแผนทีดาวดงั กลา่ วหมนุ วนั - เดือน ให้ตรงกบั เวลา ณ ขณะนนั ท ในแผนทดี าวมกี ารบอกตาํ แหน่งดวงจนั ทร์และดาวเคราะห์หรือไม่ เพราะเหตุใด ท ให้สังเกตกล่มุ ดาวตา่ ง ๆ ทีปรากฏบนทอ้ งฟ้ า โดยใชแ้ ผนทดี าว แลว้ ระบุวา่ เห็นกลุม่ ดาวอะไรบา้ งอยทู่ างซีกฟ้ าดา้ นตะวนั ออก ตะวนั ตก กลางศรี ษะและมีกลมุ่ ดาวในจกั รราศีกลุ่มใดบ้าง ปรากฏบนทอ้ งฟ้ า ณ ขณะนนั เรืองที 5 การใช้ประโยชน์จากกล่มุ ดาวฤกษ์ มนุษยใ์ ชป้ ระโยชน์จากการดูดาวมาตงั แต่ครังอดีตกาลโดยสืบทอดกนั มาจนถึงปัจจุบัน ถึงแมว้ ่า ปัจจบุ นั จะมีการนาํ เทคโนโลยีเข้ามาทดแทนจนเราอาจมองไม่เห็นความสําคญั ของดวงดาวอกี ต่อไป แต่แทจ้ ริงแลว้ ดวงดาวยงั มคี วามลกึ ลบั ให้ศกึ ษาคน้ ควา้ อีกมากมาย โดยเฉพาะเทคโนโลยีทสี ูงขึนช่วยให้ มนุษยเ์ ราศึกษาเรืองราวของดวงดาวอย่างไมห่ ยดุ ยงั ดงั นนั ดวงดาวยงั คงมีประโยชน์แก่มนุษยชาติไป อกี นานเท่านาน เพราะดวงดาวในอวกาศคือหอ้ งปฏบิ ตั ิการในธรรมชาติซึงไม่อาจสร้างขึนได้ในโลก การศกึ ษาดวงดาวเท่านนั จงึ จะช่วยใหเ้ ราเขา้ ใจโลกและตวั เราไดม้ ากขนึ แมป้ ัจจุบนั คนทวั ไปจะใชป้ ระโยชนจ์ ากดวงดาวน้อยลงไป แต่กย็ งั มีคนอีกหลายกลุ่มพยายามใช้ ประโยชนจ์ ากเครืองมือทีธรรมชาติมอบให้เราโดยไม่ตอ้ งเสียเงินซือมาในราคาแพง ๆ เพือใหเ้ ห็นถึง แนวทางการใชป้ ระโยชนจ์ ึงขอยกตวั อย่างพอเป็นสังเขป ดงั นี ท ดา้ นการดาํ รงชีวติ ยงั มคี นอีกหลายกลุ่มทีอาศยั การดูดาวเพอื ประกอบอาชีพ เช่นเกษตรกร เขาใช้ดวงดาว ในการบ่งบอกถงึ ฤดเู พาะปลูก หรือแมแ้ ต่การเลือกปลูกพืชทีเหมาะสม ในอดีตคนไทยใชก้ ารดูดาว

296 เพอื ทาํ นายปริมาณฝนหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ อีกมาก แมถ้ ึงปัจจุบนั ก็ยงั มี เกษตรกร ชาวประมง และ นกั เดินป่ า ก็ยงั ใช้การสงั เกตดวงดาวในการนาํ ทาง หรือประมาณเวลาในยามคําคืน รวมทงั ตาํ แหน่ง ของตนบนโลก ท ดา้ นการศึกษา ในอดีตผูค้ นมกั ตืนตกใจกลัวเวลาทีเกิดปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ต่างๆ เช่น ปรากฏการณ์ สุริยุปราคา จนั ทรุปราคา ดาวหางปรากฏบนฟ้ า ทงั นีเพราะความไม่เข้าใจสาเหตุการเกิด ทีแทจ้ ริงปัจจุบนั เราไม่ตอ้ งตืนตกใจอกี ต่อไป อนั เป็นผลมาจากการศึกษาดาราศาสตร์ทงั สิน การศกึ ษา คน้ ควา้ ทางดา้ นดาราศาสตร์สามารถให้ความรู้ ความเขา้ ใจธรรมชาตแิ ก่เรามากขึนเสมอ ยงิ มคี วามรู้มาก ขึนก็ยงิ มคี วามสงสยั มากขึน ดาราศาสตร์จึงเป็ นวิชาทีตอบปัญหาเหลา่ นี เทคโนโลยหี ลายอย่างทีใช้ เพอื ศึกษาดวงดาว ถูกนาํ มาพฒั นาในการดาํ รงชีวิต เช่น รีโมทเซนซิง การถา่ ยภาพระบบซีซีดี ดารา ศาสตร์ไม่เพยี งชว่ ยให้เราเขา้ ใจธรรมชาติ แต่ช่วยให้เราอยูก่ บั ธรรมชาติไดอ้ ยา่ งมีความสุข แบบฝึ กหดั คาํ สัง ใหผ้ เู้ รียนทาํ เครืองหมาย x หนา้ คาํ ตอบทีเห็นวา่ ถูกทีสุดเพียงขอ้ เดียว 1. กลมุ่ ดาวจกั รราศี แต่ละกลมุ่ มคี วามยาวของเส้นทางทีดวงอาทิตยผ์ ่านบนทอ้ งฟ้ าประมาณ กี องศา ก. 10 องศา ข. 20 องศา ค. 30 องศา ง. 40 องศา 2. เพระเหตใุ ดเราจึงเห็นดวงอาทิตยเ์ คลือนทีผา่ นกล่มุ ดาวจกั รราศี ก. ดวงอาทิตยโ์ คจรรอบโลก ข. โลกโจจรรอบดวงอาทิตย์ ค. โลกหมนุ รอบตวั เอง ง. กลมุ่ ดาวจกั รราศโี คจรผา่ นดวงอาทิตย์ 3. กลมุ่ ดาวจกั รราศีทีมีแนวขึนและตกค่อนไปทางทศิ ใตม้ ากทสี ุดคือกล่มุ ดาวใด ก. กลมุ่ ดาวคนยงิ ธนู ข. กลุม่ ดาวปลา ค. กลุ่มดาวผหู้ ญิงสาว ง. กลมุ่ ดาวคนคู่

297 4. กลุ่มดาวจกั รราศที ีมีแนวขึนและตกคอ่ นไปทางทิศเหนือมากทีสุดคือกลุ่มดาวใด ก. กลมุ่ ดาวคนยงิ ธนู ข. กลมุ่ ดาวปลา ค. กลมุ่ ดาวผหู้ ญิงสาว ง. กล่มุ ดาวคนคู่ 5. กลุ่มดาวจกั รราศที ีปรากฏขึนและตก ณ ทิศตะวนั ออกและทิศตะวนั ตกคือกลมุ่ ใด ก. กลุ่มดาวปลาและกลุ่มดาวผหู้ ญิงสาว ข. กลุ่มดาวคนค่แู ละกล่มุ ดาวคนยิงธนู ค. กลุ่มดาวปแู ละกลมุ่ ดาวมกร ง. กลุม่ ดาวสิงโตและกล่มุ ดาวคนแบกหมอ้ นาํ 6. ดวงอาทิตยจ์ ะเปลียนตาํ แหน่งบนทอ้ งฟ้ าเทยี บกบั ดาวฤกษว์ นั ละกีองศา ก. 1 องศา ข. 10 องศา ค. 20 องศา ง. 30 องศา 7. เพราะเหตุใดเราจงึ เหน็ ดาวขึนและตก ก. ดวงอาทิตยโ์ คจรรอบโลก ข. โลกโจจรรอบดวงอาทิตย์ ค. โลกหมุนรอบตวั เอง ง. ดาวโคจรรอบโลก 8. เวลา 21.00 น. ของวนั ที 3 กนั ยายน เราจะเห็นกลมุ่ ดาวจกั รราศีใดทางขอบฟ้ าดา้ นตะวนั ออก ก. กลุ่มดาวคนยิงธนู ข. กลุม่ ดาวมกร ค. กลมุ่ ดาวคนแบกหมอ้ นาํ ง. กลุ่มดาวปลา 9. กลมุ่ ดาวใดตอ่ ไปนีทีเราจะเห็นตลอดทงั คืนในฤดรู ้อน ก. กลมุ่ ดาวนายพราน ข. กลมุ่ ดาวสุนขั ใหญ่ ค. กลุ่มดาวสุนขั เลก็ ง. กลุ่มดาวหงส์

298 10. กลุ่มดาวใดตอ่ ไปนีทไี ม่ใช่สมาชิกของสามเหลยี มฤดูหนาว ก. กลมุ่ ดาวนายพราน ข. กล่มุ ดาวสุนขั ใหญ่ ค. กลุ่มดาวสุนขั เลก็ ง. กลุ่มดาวหงส์ 11. กลุ่มดาวใดต่อไปนีทีขนึ ทางทิศตะวนั ออกตอนหวั คาํ ในฤดูหนาว ก. กลมุ่ ดาวนายพราน ข. กลมุ่ ดาวพิณ ค. กลมุ่ ดาวนกอินทรี ง. กลุม่ ดาวหงส์ 12. ดาวดวงใดต่อไปนีทีไมป่ รากฏในแผนทีดาว ก. ดาวนกอินทรี ข. ดาวพุธ ค. ดาวรวงขา้ ว ง. ดาวดวงแกว้ 13. เสน้ ทึบทีลากจากทศิ ตะวนั ออกขึนไปบนทอ้ งฟ้ าถงึ ทิศตะวนั ตกในแผนทีดาวหมายถึงเสน้ อะไร ก. เสน้ สุรยวิถี ข. เสน้ ขอบฟ้ า ค. เส้นศูนยส์ ตู รทอ้ งฟ้ า ง. เสน้ เมริเดยี น 14. เสน้ ประทีลากจากทิศตะวนั ออกขึนไปบนทอ้ งฟ้ าถึงทศิ ตะวนั ตกในแผนทีดาวหมายถึงเสน้ อะไร ก. เสน้ สุริยวิถี ข. เสน้ ขอบฟ้ า ค. เสน้ ศูนยส์ ตู รทองฟ้ า ง. เสน้ เมริเดยี น 15. ถา้ เราลากเสน้ ตรงตามแนวเขม็ ขดั นายพรานไปทางทิศใต้ (ซา้ ยมอื ของนายพราน) เราจะพบดาว สวา่ งดวงใด ก. ดาวตานกอินทรี ข. ดาวตาววั ค. ดาวคาสเตอร์ ง. ดาวสุนัขนอน (ดาวซรี ีอสั )

299 16. ถา้ เราเห็นดาวนายพรายอยกู่ ลางฟ้ าแสดงว่าทศิ เหนืออย่ทู างส่วนใดของนายพราน ก. เข็มขดั นายพราน ข. ขาของนายพราน ค. หวั ไหลข่ องนายพราน ง. ศีรษะของนายพราน 17. กลมุ่ ดาวทีชว่ ยใหเ้ ราหาดาวเหนือไดง้ ่ายขึนคือกลุ่มดาวใด ก. กล่มุ ดาวนายพราน ข. กลุม่ ดาวหมใี หญ่ ค. กลมุ่ ดาวคา้ งคาว ง. ถูกทงั ขอ้ ข. และ ขอ้ ค. 18. ถา้ เราดดู าวทกี รุงเทพฯเราจะเหน็ ดาวเหนืออยู่สงู จากขอบฟ้ าประมาณกีองศา ก. 12 องศา ข. 13 องศา ค. 14 องศา ง. 15 องศา 19. ถา้ เราดดู าวทีเชียงใหม่เราจะเห็นดาวเหนืออยูส่ ูงจากขอบฟ้ ากีองศา ก. 16 องศา ข. 17 องศา ค. 18 องศา ง. 19 องศา 20. หากนกั ศึกษากาํ ลงั เดนิ ทางอยกู่ ลางทะเลแลว้ เห็นดาวเหนืออย่สู ูงจากขอบฟ้ าประมาณ 15 องศา ขอ้ ใดกลา่ วไดถ้ กู ตอ้ ง ก. นักศกึ ษากาํ ลงั อยู่ทลี ะตจิ ูด ที 15 องศาเหนือ ข. นักศกึ ษากาํ ลงั อยู่ทีละติจูด ที 15 องศาใต้ ค. นกั ศกึ ษากาํ ลงั อยู่ทีลองจิจดู ที 15 องศาตะวนั ออก ง. นกั ศกึ ษากาํ ลงั อยูท่ ลี องจิจูด ที 15 องศาตะวนั ตก

300 เฉลยแบบฝึ กหัด 1. ค 2. ข. 3. ก 4. ง 5. ก 6. ก 7. ค 8. ง 9. ง 10. ง 11. ก 12. ข 13. ค 14. ก 15. ง 16. ง 17. ง 18. ข 19. ค 20. ก

301 บทที 14 อาชีพช่างไฟฟ้ า สาระสําคญั การเลอื กอาชีพช่างไฟฟ้ านนั หมายถึงการประกอบอาชีพทีน่าสนใจและมีรายไดด้ ีอกี อาชีพ หนึง ช่างไฟฟ้ ามีหลายประเภท และหน้าทีของช่างไฟฟ้ ากแ็ ตกต่างกนั มาก ช่างไฟฟ้ าทีทาํ งานในสถาน ก่อสร้างขนาดใหญ่กใ็ ช้เครืองมือและทักษะต่าง ๆ ทีแตกต่างไปจากช่างไฟฟ้ าทีทํางานในโรงงาน อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อยา่ งไรกด็ ี ถา้ จะกล่าวโดยทวั ๆ ไปแลว้ ช่างไฟฟ้ าทกุ ประเภทจะต้องมคี วามรู้ พืนฐานทางด้านไฟฟ้ า มีความสามารถอ่านแบบพิมพ์เขียนวงจรไฟฟ้ าและสามารถซ่อมแซมแก้ไข อปุ กรณ์เครืองใชไ้ ฟฟ้ าได้ แหล่งงานของช่างไฟฟ้ า ส่วนใหญ่ในปัจจุบันนีทาํ งานให้กบั ผูร้ ับเหมางาน ดา้ นไฟฟ้ า หรือไม่กท็ าํ ในโรงงานอตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ นอกจากนนั มชี ่างไฟฟ้ าอีกจาํ นวนไม่น้อยที ทาํ งานอยา่ งอิสระเป็ นผรู้ ับเหมาเอง และมีช่างไฟฟ้ าจาํ นวนหนึงทีทาํ งานให้กบั องคก์ รของรัฐบาลหรือ ทางธุรกิจ ซึงเป็นงานทีใหบ้ ริการแก่หน่วยงานของตน แมว้ า่ แหลง่ งานของชา่ งไฟฟ้ าจะมอี ยู่ทวั ประเทศ แต่แหล่งงานส่วนใหญ่นนั จะมอี ยใู่ นเขตอุตสาหกรรม หรือเขตพนื ทที ีกาํ ลงั พฒั นา ผลการเรียนรู้ทคี าดหวงั สามารถอธิบาย ออกแบบ วางแผน ทดลอง ทดสอบ ปฏิบตั ิการเรืองไฟฟ้ าไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งและ ปลอดภยั คิด วิเคราะห์ เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ของการต่อวงจรไฟฟ้ าแบบอนุกรม แบบขนาน แบบผสม ประยกุ ต์และเลือกใช้ความรู้ และทกั ษะอาชีพช่างไฟฟ้ า ใหเ้ หมาะสมกบั ด้านบริหารจดั การ และการบริการ ขอบข่ายเนอื หา 1. ประเภทของไฟฟ้ า 2. วสั ดอุ ุปกรณ์เครืองมือชา่ งไฟฟ้ า 3. วสั ดอุ ปุ กรณท์ ีใชใ้ นวงจรไฟฟ้ า . การต่อวงจรไฟฟ้ าอย่างง่าย 5. กฎของโอห์ม 6. การเดินสายไฟฟ้ าอยา่ งงา่ ย 7. การใชเ้ ครืองใชไ้ ฟฟ้ าอย่างง่าย 8. ความปลอดภยั และอุบตั ิเหตุจากอาชีพช่างไฟฟ้ า 9. การบริหารจดั การและการบริการ 10. โครงงานวทิ ยาศาสตร์สู่อาชีพ 11. คาํ ศพั ทท์ างไฟฟ้ า

302 1. ประเภทของไฟฟ้ า แบ่งไดเ้ ป็น 2 แบบ ดงั นี 1.1 ไฟฟ้ าสถิต เป็นไฟฟ้ าทีเกบ็ อยู่ภายในวตั ถุ ซึงเกิดจากการเสียดสีของวตั ถุ ชนิด มาถกู นั เช่น แท่งอาํ พนั จะถา่ ยอเิ ลก็ ตรอนใหแ้ กผ่ า้ ขนสตั ว์ แท่งอาํ พนั จึงมีประจลุ บ และผา้ ขนสัตวม์ ีประจบุ วก 1.2 ไฟฟ้ ากระแส เป็นไฟฟ้ าทีเกิดจากการไหลของอเิ ลก็ ตรอนจากแหลง่ กาํ เนิดไฟฟ้ า โดยไหลผ่านตวั นําไฟฟ้ าไปยังทีตอ้ งการใช้กระแสไฟฟ้ า ซึงเกิดขึนไดจ้ ากแรงกดดัน ความร้อน แสงสว่าง ปฏกิ ิริยาเคมี และอาํ นาจแม่เหลก็ ไฟฟ้ า ไฟฟ้ ากระแสแบง่ เป็ น แบบ ดงั นี ) ไฟฟ้ ากระแสตรง (Direct Current : DC) เป็นไฟฟ้ าทีมที ิศทางการไหลของกระแส และขนาดคงทีตลอดเวลา แหล่งกาํ เนิดไฟฟ้ ากระแสตรงทีรู้จกั กันดี เช่น แบตเตอรี ถ่านไฟฉาย การเปลยี นกระแสไฟฟ้ าเป็นไฟฟ้ ากระแสตรง (DC) ตอ้ งใชต้ วั แปลงไฟ (Adapter) 2) ไฟฟ้ ากระแสสลบั (Alternating Current : AC) เป็นไฟฟ้ าทีมีทิศทางการไหลของ กระแสสลบั ไปสลบั มา และขนาดเปลียนแปลงตลอดเวลา ไฟฟ้ ากระแสสลบั ไดน้ าํ มาใชภ้ ายในบา้ นกบั งานต่าง ๆ เช่น ระบบแสงสวา่ ง เครืองรับวิทยุ โทรทศั น์ พดั ลม เป็นตน้

303 2. วสั ดุอุปกรณ์เครอื งมอื ช่างไฟฟ้ า วสั ดุอุปกรณ์ทีใชใ้ นการปฏบิ ตั ิงานช่างไฟฟ้ า ทคี วรรู้มีดงั นี 2. ไขควง แบ่งเป็น แบบ คือ ) ไขควงแบบปากแบน 2) ไขควงแบบฟิลลปิ หรือสีแฉก ขนาดและความหนาของปากไขควงทังสองแบบจะมีขนาดต่าง ๆ กัน ขึนอยกู่ ับขนาดของ หัวสกรูทีใช้ในการคลาย หรือขันสกรู โดยปกติการขันสกรูจะหมุนไปทางขวาตามเข็มนาฬิกา ส่วนการคลายสกรูจะหมนุ ไปทางซา้ ยทวนเข็มนาฬกิ า ไขควงอีกประเภทหนึง เป็นไขควงเฉพาะงานไฟฟ้ า คือ ไขควงวดั ไฟฟ้ า ซึงเป็นไขควงทีมี หลอดไฟอยู่ทดี า้ ม ใชใ้ นการทดสอบวงจรไฟฟ้ า 2.2 มดี มดี ทีใชก้ บั การปฏิบตั งิ านไฟฟ้ าส่วนใหญ่เป็นมีดพบั หรือคตั เตอร์ ใชใ้ นการ ปอกฉนวน ตดั หรือควนั ฉนวนของสายไฟฟ้ า

304 วธิ กี ารใชม้ ีดอยา่ งถูกตอ้ งในการปอกสายไฟฟ้ า . ใชม้ ีดควนั รอบ ๆ เปลอื กหุม้ ภายนอก . ผ่าเปลอื กทีหุม้ ระหว่างกลางสาย . แยกสายออกจากกนั 2. 3 คีม เป็นอปุ กรณ์ทใี ชใ้ นการบีบ ตดั มว้ นสายไฟฟ้ า สามารถแบง่ ออกไดด้ งั นี ) คีมตัด เป็นคีมตดั แบบดา้ นขา้ ง ใชต้ ดั สายไฟฟ้ าสายเกลยี ว สายเกลยี วอ่อน และ สายส่งกาํ ลงั ไฟฟ้ าทมี ขี นาดเลก็ ) คมี ปากจิงจก เป็นคีมทีใชส้ าํ หรับงานจบั ดึง หรือขมวดสายไฟเส้นเล็ก 3) คีมปากแบน เป็นคีมใชต้ ดั บีบ หรือขมวดสายไฟ 4) คีมปากกลม เป็นคีมทใี ชส้ าํ หรับทาํ หสู าย (มว้ นหัวสาย สาํ หรับงานยึดสายไฟ เขา้ กบั หลกั สาย)

305 ) คีมปอกสาย ใชส้ าํ หรบั ปอกฉนวนของสายไฟฟ้ า สายเกลยี วอ่อน และสายส่ง กาํ ลงั ไฟฟ้ า คีมปอกฉนวนจะใชก้ บั สายไฟทีมขี นาดของลวดตวั นาํ เฉพาะเท่านนั คีมปอกสายควรหุม้ ดว้ ยฉนวน เช่น พลาสติก เพอื ป้ องกนั ไฟฟ้ ารัว หรือไฟฟ้ าดูด 2.4 สว่าน ใชใ้ นการเจาะยดึ อุปกรณไ์ ฟฟ้ า เช่น สวิตซ์ โคมไฟฟ้ า แป้ นไม้ ซึงยดึ ดว้ ยน๊อต หรือสกรู จาํ เป็นตอ้ งเจาะรู การเจาะสามารถทาํ ไดโ้ ดยใชส้ ว่าน หรือบิดหลา่ สวา่ นทใี ชม้ ี แบบ คอื 1) สว่านขอ้ เสือ 2) สว่านเฟือง 3) สวา่ นไฟฟ้ า การเลือกใชส้ วา่ น และดอกสว่าน ควรเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ขนาดของอุปกรณ์ ไฟฟ้ า และขนาดของงาน การเจาะประเภทเบา ๆ เชน่ การเจาะแป้ นไม้ สามารถใชส้ วา่ นเฟื อง หรือ สวา่ นขอ้ เสือได้ ถา้ เป็นการเจาะโลหะ หรือคอนกรีต หรือพนื ปนู ตอ้ งใชส้ วา่ นไฟฟ้ า 2. ค้อน ใชใ้ นงานตอกตะปู เพอื ยึดเข็มขดั รดั สาย (clip) ใหต้ ิดกบั ผนงั หรืองานนาํ ศูนยส์ าํ หรบั การเจาะโลหะ คอนกรีต พนื ปนู คอ้ นทีใชจ้ ะมีขนาด และนาํ หนกั แตกต่างกนั แตท่ ีนิยมใช้ จะมนี าํ หนกั กรั

306 ข้อควรระวงั ในการใชง้ านหัวคอ้ นจะตอ้ งอดั เขา้ กบั ดา้ มคอ้ นทเี ป็นไมใ้ หแ้ น่น และหวั คอ้ นจะตอ้ ง ผา่ นการชุบผวิ แข็งมาเรียบร้อยแลว้ 3. วัสดุอปุ กรณ์ทใี ช้ในวงจรไฟฟ้ า 3.1 สายไฟ เป็นอุปกรณ์สาํ หรับส่งพลงั งานไฟฟ้ าจากทีหนึงไปยงั อีกทหี นึง โดยกระแสไฟฟ้ า จะนาํ พลงั งานไฟฟ้ าผา่ นไปตามสายไฟจนถงึ เครืองใชไ้ ฟฟ้ า สายไฟทาํ ดว้ ยสารทีมีคณุ สมบตั เิ ป็นตวั นาํ ไฟฟ้ า (ยอมใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลผ่านไดด้ )ี ไดแ้ ก่ ) สายไฟแรงสูง ทาํ ดว้ ยอะลูมิเนียม เพราะอะลมู ิเนียมมีราคาถกู และนาํ หนกั เบากวา่ ทองแดง ) สายไฟทวั ไป (สายไฟในบา้ น) ทาํ ดว้ ยโลหะทองแดง เพราะทองแดงมีราคาถูกวา่ โลหะเงิน ก. สายทนความรอ้ น มเี ปลือกนอกเป็นฉนวนทีทนความร้อน เช่น สายเตารีด ข. สายคู่ ใชเ้ ดินในอาคารบา้ นเรือน ค. สายคู่ มีลกั ษณะออ่ น ใชก้ บั เครืองใชไ้ ฟฟ้ าภายในบา้ น เช่น วทิ ยุ โทรทศั น์ ง. สายเดยี ว ใชเ้ ดินในท่อร้อยสาย 3.2 ฟิ วส์ เป็นอปุ กรณ์ทีทาํ หนา้ ทีป้ องกนั ไมใ่ ห้กระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นเขา้ มามากเกินไป ถา้ มี กระแสผ่านมามากฟิวส์จะตดั วงจรไฟฟ้ าโดยอตั โนมตั ิ ฟิวส์ทาํ ดว้ ยโลหะผสมระหวา่ งตะกวั กบั ดีบุก และบิสมทั ผสมอยู่ ซงึ เป็นโลหะทีมจี ุดหลอมเหลวตาํ มคี วามตา้ นทานสูง และมรี ูปร่างแตกต่างกนั ไป ตามความตอ้ งการใชง้ าน .3 สวติ ซ์ เป็นอปุ กรณท์ ีตดั หรือต่อวงจรไฟฟ้ าในส่วนทีตอ้ งการ ทาํ หนา้ ทีคลา้ ยสะพานไฟ โดยตอ่ อนุกรมเขา้ กบั เครืองใชไ้ ฟฟ้ า สวติ ซม์ ี ประเภท คือ สวติ ซ์ทางเดยี ว และสวติ ซ์สองทาง

307 3.4 สะพานไฟ เป็นอปุ กรณ์สาํ หรับตดั หรือต่อวงจรไฟฟ้ า ประกอบดว้ ย ฐาน และคนั โยกทีมี ลกั ษณะเป็นขาโลหะ ขา ซึงมีทีจบั เป็นฉนวน เมอื สับคนั โยกลงไปในช่องทที าํ ดว้ ยตวั นาํ ไฟฟ้ า กระแสไฟฟ้ าจากมาตรไฟฟ้ าจะไหลเขา้ สู่วงจรไฟฟ้ า และเมือยกคนั โยกขึนกระแสไฟฟ้ าจะหยดุ ไหล 3.5 สตาร์ตเตอร์ (Starter) หมายถึง อปุ กรณ์นอกเหนือสวิตชห์ ลกั ทาํ หน้าทีตอ่ หรือตดั วงจรอนุ่ ไส้ก่อนของหลอด สตาร์ตเตอร์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ประเภท 1 สตาร์ตเตอร์ไม่มขี ดี จาํ กดั ระยะเวลาการทาํ งาน ประเภท 2 สตาร์ตเตอร์มขี ีดจาํ กดั ระยะเวลาการทาํ งาน ซงึ แบง่ เป็น 3 ชนิด ดงั ต่อไปนี 1) ชนิดไมส่ ามารถตงั ใหมไ่ ด้ 2) ชนิดตงั ใหม่ได้ 3) ชนิดตงั ใหม่ไดอ้ ตั โนมตั โิ ดยการกระตุน้ ดว้ ยสวิตช์หลกั หรือวิธีการอนื ๆ ทีออกแบบไว้ โดยมวี ตั ถุประสงค์เพือการจดุ หลอด 3.6 บัลลาสต์ (Ballast) ทาํ หน้าทีเพมิ ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้ า มคี วามตา้ นทานตอ่ ไฟฟ้ ากระแสสลบั สูง บลั ลาสตท์ ีใชแ้ บ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. บลั ลาสต์แม่เหล็กไฟฟ้ า 2. บลั ลาสตอ์ ิเล็กทรอนิกส์ 1) บัลลาสต์แม่เหลก็ ไฟฟ้ า (Electromagnetic Ballast) เป็นบลั ลาสตท์ ใี ชข้ ดลวดพนั รอบ แกนเหล็กเพอื ทาํ งานเป็น Reactor ตอ่ อนุกรมกบั หลอด

308 ภาพแสดงบลั ลาสตแ์ มเ่ หล็กไฟฟ้ า 2) บัลลาสต์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Ballast) เป็ นบลั ลาสตท์ ีใชว้ งจรอเิ ล็กทรอนิกส์ ทาํ งานจะมรี าคาค่อนขา้ งแพง แต่มีขอ้ ดีกว่าบลั ลาสตแ์ ม่เหล็กไฟฟ้ าหลายขอ้ คือ ช่วยเพมิ ประสิทธภิ าพ ของหลอด ไมเ่ กิดการกระพริบหรือเกดิ แสงวาบ สามารถเปิ ดติดทนั ทีไมต่ อ้ งใชส้ ตาร์ตเตอร์ เพิมอายุการ ใชง้ านของหลอด และไมต่ อ้ งปรับปรุงเรืองตวั ประกอบกาํ ลงั (Power Factor P.F.) นอกจากนียงั ไมม่ ี เสียงรบกวน และนาํ หนกั เบาอีกดว้ ย ภาพแสดงบลั ลาสตอ์ ิเล็กทรอนิกส์ 3.7 มเิ ตอร์ไฟฟ้ า เราสามารถตรวจสอบกระแสไฟฟ้ าในเส้นลวดได้ โดยแขวนแทง่ แมเ่ หล็กใกล้ ๆ เส้นลวด แลว้ สงั เกตการเบนของแทง่ แมเ่ หลก็ แนวความคิดนีนาํ ไปสู่การสร้างเครืองวดั (มเิ ตอร์) การเบนของเขม็ บน สเกลจะบอกปริมาณของกระแสไฟฟ้ าเป็นเครืองวดั ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้ าได้ แกลแวนอมเิ ตอร์ (Galvanometer) เป็ นเครืองมือทีใช้ตรวจหากระแสตรงใชห้ ลกั การของผล ทางแมเ่ หลก็ เครืองมือทีง่ายทีสุด คือ เข็มทิศวางไวใ้ กลเ้ สน้ ลวดเพือตรวจดูวา่ มีกระแสไฟฟ้ าไหลผา่ น เส้นลวดหรือไม่ แกลแวนอมิเตอร์แบบขดลวดเคลอื นทีใชห้ ลกั การผลทางมอเตอร์ในการแสดงการเบน ของเข็ม

309 แอมมเิ ตอร์ (Ammeter) เป็ นเครืองมอื ใชว้ ดั กระแสไฟฟ้ า ทาํ ดว้ ยแกลแวนอมิเตอร์ชนิดขดลวด มีการออกแบบทาํ ใหเ้ ข็มเบนไปตามสเกลในการวดั กระแสไฟฟ้ าค่าสูง ๆ ต้องเพิมชนั ต์เขา้ ไป เพือให้ กระแสไฟฟ้ าสูงทาํ ใหเ้ ข็มเบนเตม็ สเกลใหม่ โวลต์มเิ ตอร์ (Voltmeter) เป็นเครืองมอื ทีใชว้ ดั ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้ าระหวา่ งจุด 2 จุด ทาํ จาก แกลแวนอมเิ ตอร์ทีต่ออนุกรม กบั ความตา้ นทานสูงความต่างศกั ยข์ นาดหนึงใหก้ ระแสไฟฟ้ าทีทาํ ใหเ้ ข็ม เบนไปเต็มสเกล ในการวดั ความต่างศกั ยส์ ูงมาก ๆ ตอ้ งใชม้ ลั ตไิ พลเออร์ มลั ติมเิ ตอร์ (Multimeter) เป็นแกลแวนอมิเตอร์ทีต่อกบั ชันต(์ ดูแอมมเิ ตอร์)และมลั ติไพลเออร์ (ดูโวลต์มิเตอร์)ใชว้ ดั กระแสไฟฟ้ าและความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้ า มิเตอร์ชนิดแท่งเหลก็ เคลอื นที (Moving iron meter) เป็นมิเตอร์ทีใช้วดั กระแสไฟฟ้ าซึงทาํ ให้ เกิดการเหนียวนาํ แม่เหล็กในแทง่ เหลก็ 2 อนั ดดู หรือผลกั กนั ทาํ ให้เกิดการเบนของแทง่ เหลก็ นนั 4. การต่อวงจรไฟฟ้ าอย่างง่าย วงจรไฟฟ้ าเป็นเส้นทางเคลอื นทีของประจุไฟฟ้ า การเคลอื นทจี ะเกดิ ขนึ ไดจ้ ะตอ้ งมี แหลง่ กาํ เนิดพลงั งานไฟฟ้ าต่อเชอื มเขา้ กบั เส้นลวดตวั นาํ และอุปกรณ์ไฟฟ้ าหนึง หรือสองชนิด เช่น สวติ ซ์ความตา้ นทาน แอมมเิ ตอร์โวลด์มิเตอร์ หรือหลอดไฟฟ้ า เป็ นตน้ กระแสไฟฟ้ าจะไหลออกจาก แหลง่ กาํ เนิดไปโดยรอบวงจรทีตอ่ เชือมกนั วงจรไฟฟ้ าทีมีอุปกรณ์ตอ่ เชือมกนั และแผนผงั วงจรไฟฟ้ า นักวิทยาศาสตร์นิยมใชส้ ญั ลกั ษณ์เป็นตวั แทนอุปกรณ์ไฟฟ้ าต่าง ๆ ในวงจรไฟฟ้ าเพอื ใหว้ าด ง่าย และทาํ ความเขา้ ใจไดใ้ นเวลาอนั รวดเร็ว โดยใชส้ ัญลกั ษณ์ทีใชแ้ ทนอุปกรณไ์ ฟฟ้ าตา่ ง ๆ แสดงไว้ ดงั ตาราง

310 การต่อวงจรไฟฟ้ าแบบต่าง ๆ มี ลกั ษณะ ดังนี . การต่อวงจรไฟฟ้ าแบบอนุกรม การต่อแบบอนุกรมเป็ นวงจรทีมีอุปกรณ์ไฟฟ้ าเชือมต่อกันกับแหล่งกําเนิดไฟฟ้ า จากอุปกรณ์หนึงไปยงั อปุ กรณ์อืน ๆ โดยตรง มีรูปแบบเป็นวงจรเดียว ขอ้ เสียของการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ า แบบอนุกรมกค็ ือ ถา้ อุปกรณใ์ ดอปุ กรณ์หนึงเสียก็จะทาํ ใหก้ ระแสไฟฟ้ าในวงจรหยุดไหลไมส่ ามารถใช้ อปุ กรณ์อืนได้ สรุปลกั ษณะสําคัญของการต่อความต้านทานแบบอนุกรม 1. สามารถหาค่าความตา้ นทานไดโ้ ดยการรวมกนั ดงั นนั ความตา้ นทานรวมจะมีค่ามากขึน . ปริมาณกระแสไฟฟ้ าทไี หลผ่านตวั ตา้ นทานแตล่ ะตวั เท่ากบั กระแสไฟฟ้ าในวงจร . ความต่างศกั ยร์ ะหว่างปลายทงั สองของตวั ตา้ นทานจะเท่ากบั ผลบวกของความต่าง ศกั ยไ์ ฟฟ้ า ระหวา่ งปลายทงั สองของตวั ตา้ นทานจะเทา่ กบั ผลบวกของความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้ าระหวา่ งปลาย ทงั สองของตวั ตา้ นทานแต่ละตวั

311 . การต่อวงจรไฟฟ้ าแบบขนาน การต่อแบบขนานเป็นวงจรไฟฟ้ าทีแยกอุปกรณ์แต่ละชนิดในการเชือมต่อกนั กบั แหลง่ กาํ เนิด ไฟฟ้ า มลี กั ษณะของรูปแบบวงจรหลาย ๆ วงจร ในวงจรรวมดงั แผน ขอ้ ดขี องการต่ออปุ กรณ์ไฟฟ้ า แบบขนานกค็ ือ ถา้ อุปกรณใ์ ดอุปกรณ์หนึงเสีย หรือชาํ รุด อปุ กรณ์อนื ก็ยงั มกี ระแสไฟฟ้ าไหลผ่านได้ การต่อหลอดไฟฟ้ า หลอด ทีต่อโดยให้ขวั ทงั สองของหลอดไฟฟ้ าหลอดหนึงคร่อมขวั ทงั สอง ของอีกหลอดหนึง เราเรียกว่า การต่อแบบขนาน กระแสไฟฟ้ าจากแหล่งกาํ เนิดทีไหลเขา้ ไปในวงจร จะถูกแบ่งให้ไหลเขา้ ไปในอุปกรณ์ไฟฟ้ าต่าง ๆ ดว้ ยปริมาณทีไมเ่ ท่ากนั ขึนอย่กู บั ความต้านทานของ อุปกรณ์ไฟฟ้ า ถา้ อุปกรณ์ไฟฟ้ ามีความตา้ นทานสูง ก็จะมปี ริมาณกระแสไฟฟ้ าไหลอยา่ งนอ้ ย แต่ถา้ อปุ กรณ์ไฟฟ้ ามคี วามตา้ นทานตาํ จะมปี ริมาณกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านมาก และกระแสไฟฟ้ าทีไหลผา่ น อปุ กรณ์ไฟฟ้ าแต่ละอนั รวมกนั แลว้ จะเท่ากบั กระแสไฟฟ้ าทีไหลออกจากแหล่งกาํ เนิด เราใชห้ ลกั การ และความสัมพนั ธ์จากกฎของโอห์มมาคาํ นวณหาความตา้ นทาน และปริมาณกระแสไฟฟ้ าทีไหลใน วงจรเมือตอ่ หลอดไฟฟ้ าแบบขนานได้ สรุปสาระสําคญั ของการต่อความต้านทานแบบขนาน . ความตา้ นทานรวมของวงจรมีค่านอ้ ยลง และนอ้ ยกวา่ ความตา้ นทาน ตวั ทีน้อยทีสุด ทีนาํ มาต่อขนานกนั . ปริมาณกระแสไฟฟ้ ารวมของวงจรมีคา่ เทา่ กบั ผลบวกของกระแสไฟฟ้ าของวงจรยอ่ ย . ความต่างศกั ยร์ ะหว่างปลายทงั สองของตวั ตา้ นทานแต่ละตวั มคี ่าเท่ากนั และเท่ากบั ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้ าระหวา่ งปลายทงั สองของตวั ตา้ นทานทีต่อขนานกนั 5. กฎของโอห์ม กระแสไฟฟ้ าทีไหลในวงจรไฟฟ้ าไดน้ นั เกดิ จากแรงดนั ไฟฟ้ าทจี า่ ยให้กบั วงจร และ ปริมาณกระแสไฟฟ้ าภายในวงจรจะถกู จาํ กดั โดยความตา้ นทานไฟฟ้ าภายในวงจรไฟฟ้ านนั ๆ ดงั นนั ปริมาณกระแสไฟฟ้ าภายในวงจรจะขึนอยกู่ บั แรงดนั ไฟฟ้ า และค่าความตา้ นทานของวงจร ซงึ วงจรนี เรียกวา่ กฎของโอห์ม กล่าวว่ากระแสไฟฟ้ าทีไหลในวงจรจะแปรผนั ตรงกบั แรงดนั ไฟฟ้ า และ แปรผกผนั กบั ความตา้ นทานไฟฟ้ า โดยเขยี นความสัมพนั ธไ์ ด้ ดงั นี

312 ตวั อย่าง Current = Voltage Resistance I =V R จงคาํ นวณหาค่าปริมาณกระแสไฟฟ้ าของวงจรไฟฟ้ าทีมีแรงดนั ไฟฟ้ าขนาด โวลต์ และ มีคา่ ความตา้ นทานของวงจรเท่ากบั โอหม์ วิธีทาํ จากสตู ร I = V R แทนค่า I = 50V 50W I = 10 แอมแปร์ อุปกรณ์ทดลอง V . เครืองจ่ายไฟฟ้ ากระแสตรงปรบั คา่ ได้ . . มลั ติมิเตอร์ . ตวั ตา้ นทานขนาดตา่ ง ๆ จาํ นวน ตวั . สายไฟ การทดลอง 1. นาํ ตวั ตา้ นทานแหล่งจา่ ยไฟฟ้ ากระแสตรงทปี รับค่าไดต้ ่อวงจร ดงั รูป . ปรับคา่ โวลตท์ แี หล่งจา่ ยไฟประมาณ คา่ และแต่ละครงั ทีปรับค่าโวลต์ให้วดั ค่า กระแสไฟทีไหลผ่านวงจร บนั ทึกผลการทดลอง . หาคา่ ระหวา่ ง . นาํ ค่าทีไดไ้ ปเขียนกราฟระหวา่ ง V กบั ดงั รูป . หาคา่ ความชนั เปรียบเทียบกบั ค่าทไี ดใ้ นขอ้ เปรียบเทียบตวั ตา้ นทาน และทาํ การ ทดลองเช่นเดียวกนั กบั ขอ้ – คาํ ถาม ค่า V ทีทดลองไดเ้ ป็นไปตามกฎของโอหม์ หรือไม่ เพราะเหตุใด I

313 6. การเดนิ สายไฟฟ้ า วิธกี ารเดนิ สายไฟฟ้ า แบง่ ออกได้ 2 แบบ คือ แบบเดนิ บนผนงั และแบบฝังในผนัง 6.1 การเดินสายไฟบนผนงั การเดินสายไฟแบบนจี ะมองเหน็ สายไฟ อาจทาํ ใหด้ ูไม่เรียบร้อย ไมส่ วยงาม หากช่าง เดินสายไฟไมเ่ รียบตรง ยงิ จะเสริมให้ดูไมเ่ รียบร้อยตกแต่งห้องใหด้ สู วยงามยาก มขี อ้ ดีทีค่าใชจ้ ่ายถกู กวา่ แบบฝังในผนงั สามารถตรวจสอบและซ่อมแซมไดง้ ่าย ขันตอนที 1 กาํ หนดรูปแบบจุดตาํ แหน่งของปลกั ทีตอ้ งการเพิมแ ละแนวการเดนิ สายไฟ ควรใหอ้ ยใู่ น แนวเดิมของสายทีเดนิ อยู่แลว้ ในกรณีทีมีสายแบบเดนิ ลอยอย่แู ลว้ ใหใ้ ชแ้ นวสายไฟเดมิ ก็ได้ แลว้ คอ่ ย แยกเขา้ ตาํ แหน่งทีตอ้ งการ ขันตอนที 2 การเดินแนวใหม่ ควรเดินลากจากจุดต่อขนึ บนเพดาน ก่อนแลว้ จึงเดินลงตาํ แหน่งที ตอ้ งการวดั ระยะจากขอบผนงั แลว้ ตีแนวสายไฟดว้ ยดา้ ยตีเส้น ขันตอนที 3 ตอกตะปเู ขม็ ขดั สายไฟตามแนวทตี ีเส้นเขา้ ทีผนัง และแนวทีจะลงตาํ แหน่งทตี ิดตงั ใหม่ ดว้ ยโดยพบั เขม็ ขดั ทบั หวั ตะปเู พือจบั ขณะตอก ขันตอนที 4 เวน้ ระยะห่างของเข็มขดั รัดสายไฟประมาณ 10 -15 ซม. ในส่วนโคง้ หรือหักมุมของ เพดานใหต้ อกเข็มขดั ถีประมาณช่องละ1 - 2 ซม. เพอื ทจี ะรัดสายไฟใหแ้ นบสนิทกบั ผนังไมโ่ กง่ งอ ขันตอนที 5 ติดตงั เตา้ เสียบทีตาํ แหน่งใหม่ เจาะยึดตวั บล็อคดว้ ยสวา่ นไฟฟ้ าและขนั ดว้ ยสกรูยดึ ให้ แน่นหากเป็ นผนงั ไมค้ วรหาโครงไมท้ าบในผนงั ก่อนเพือความแขง็ แรง ขันตอนที 6 เดินสายไฟในแนวตอกเขม็ ขดั ไวแ้ ละรัดสายไฟเขา้ กบั เข็มขดั ใหแ้ น่น ต่อสายใส่เขา้ กบั เตา้ เสียบใหมใ่ ห้เรียบร้อยประกอบเขา้ บลอ็ ค ขันตอนที 7 ปิ ดเมนสวิทชก์ อ่ นเช็คดวู ่าไม่มีไฟเขา้ ปลกั ทจี ะต่อพว่ ง โดยใชไ้ ขควงเชค็ ไฟเช็คดูว่าไมม่ ี แสงไฟใ นดา้ มไขควง แลว้ จึงทาํ การพว่ งสายไฟเขา้ กบั ปลกั เ ดมิ และทดลองเปิดสวทิ ช์แลว้ ใชไ้ ขควง เชค็ ไฟทีปลกั จดุ ใหม่

314 6.2 การเดนิ แบบฝังในผนัง การเดินแบบฝังในผนังเป็ นการเดินสายไฟโดยร้อยสายผ่านท่อสายไฟซึงฝังในผนงั อาคา ทาํ ให้ ดูเรียบรอ้ ยและตกแตง่ ห้องไดง้ ่ายเพราะมองไม่เห็นสายไฟจากภายนอก การเดินทอ่ ร้อยสายตอ้ งทาํ ควบคไู่ ป พร้อมการก่อ- ฉาบ ไม่ควรประหยดั หรือปลอ่ ยให้มีการลกั ไกโ่ ดยการเดินสายไฟแบบฝังในผนงั โดยไมร่ ้อย ใส่ท่อร้อยสายไฟ เพราะหากเกดิ ไฟรัวอาจเกดิ อบุ ตั ิเหตุกบั ผอู้ าศยั เมือไปสมั ผสั กาํ แพง การตดิ ตงั มีค่าใชจ้ ่าย สูงกว่าแบบเดินสายบนผนัง การติดตังมีความยุ่งยากและซบั ซ้อน การเปลียนแปลงและซ่อมแซม ภายหลงั จากทีไดต้ ิดตงั ไปแลว้ ทาํ ไดย้ ากและเสียค่าใชจ้ ่ายมากกวา่ แบบแรกมาก การเดินสายไฟมกั จะใชว้ ิธีเดนิ สายลอยตามผนงั อาคาร ขณะทีการเดินท่อนาํ จะเดินท่อลอย ตามขอบพนื และขอบผนัง เมอื ใชง้ านไปหากเกิดการชาํ รุดเสียหายขึนการตรวจสอบและการซ่อมแซม ก็สามารถทาํ ไดไ้ มย่ าก แต่ในปัจจบุ นั บา้ นเรือนสมยั ใหมม่ ีความพิถีพิถนั ในดา้ นความสวยงามมากขึน การเดินสายไฟมกั จะใชว้ ธิ ีเดินสายรอ้ ยท่อซึงฝังอยู่ภายในผนังหรือเหนือเพดาน ขณะทีการเดินท่อนําจะ ใชว้ ธิ ีเดินทอ่ ฝังอย่ภู ายในผนงั หรือใตพ้ นื เพือซ่อนความรกรุงรังของสายไฟและท่อนําเอาไว้ การเดิน สายไฟและท่อนาํ แบบฝังนีแมจ้ ะเพมิ ความสวยงาม และความเป็นระเบียบเรียบร้อย ใหแ้ ก่ตวั บา้ น แต่กม็ ี ขอ้ เสียแฝงอยู่ เพราะถา้ เกิดปัญหาไฟช็อต ไฟรัว หรือท่อนํารัว ซึงอาจจะมีสาเหตุมาจาก การใชว้ สั ดุ ทีด้อยคุณภาพ การติดตังอย่างผิดวิธี หรื อการชาํ รุ ดเสียหายอันเนืองมาจากการใชง้ านก็ตาม การตรวจสอบ หรือการซ่อมแซมยอ่ มทาํ ได้ลาํ บาก อาจถึงขันต้องทาํ การรือฝ้ าเพดานรือกาํ แพงหรือ พนื ทบี างส่วนเพือทาํ การตรวจสอบและ แก้ไขปัญหาทีเกิดขึน ซึงทาํ ใหเ้ กิด ความเสียหายต่อตัวบา้ น เสียเวลา และเสียค่าใชจ้ ่ายสูงในการวางระบบไฟฟ้ า วธิ ีหลกี เลียงปัญหาขา้ งตน้ อยา่ งง่าย ๆ วธิ ีหนึงก็คือ การเลอื กเดินสายไฟแบบลอย ซึงอาจจะดไู มเ่ รียบร้อยนกั และเหมาะสาํ หรับ อาคารบ้านเรือนขนาดเล็ก เท่านนั แต่สาํ หรับผทู้ ีตอ้ งการความประณีตสวยงามหรือบา้ นขนาดใหญ่ทีมีการเดินสายไฟ เป็ นจาํ นวน มาก การเดินสายไฟแบบฝัง ดูจะมีความเหมาะสมกว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาต่างๆ ดงั กล่าวอาจจะ ป้ องกนั หรือทาํ ให้ ลดน้อยลงได้โดยการเลือกใชว้ ัสดุทีมีคุณภาพ ใชว้ ัสดุทีถูกต้อง และมีขนาดที เหมาะสม รวมทงั มกี ารติดตงั อย่างถูกวธิ แี ละมรี ะบบ แบบแผน ข้อแนะนําในการออกแบบระบบวงจรไฟฟ้ าภายใน ระบบวงจรไฟฟ้ าภายในบา้ นควรแยกวงจรควบคุมพนื ทตี ่างๆ เป็ นส่วนๆ เช่น แยกตามชนั หรือ แยกตามประเภทของการใชไ้ ฟฟ้ า ทาํ ใหง้ ่ายต่อการซ่อมแซมในกรณีไฟฟ้ าขดั ขอ้ ง หอ้ งครวั ควรแยกไว้ ต่างหากเพราะหากตอ้ งดบั ไฟในบา้ น เพอื ซ่อมแซมจะไดไ้ ม่ตอ้ งดบั ไฟห้องครัวทีมีตเู้ ยน็ ทีแช่อาหารไว้ อาหารจะไดไ้ ม่เสีย

315 7. การใช้เครืองใช้ไฟฟ้ าอย่างง่าย ไฟฟ้ าแสงสว่าง - ติดตงั จาํ นวนหลอดไฟฟ้ าเท่าทีจาํ เป็นและเหมาะสมกบั การใชง้ าน - ใชห้ ลอดไฟฟ้ าชนิดทีใชแ้ สงสวา่ งมากแต่กินไฟน้อย และมอี ายุทีใชง้ านยาวนานกวา่ เช่น หลอดฟอู อเรสเซนต์ หลอดคอมแพคท์ เป็นตน้ - ทาํ ความสะอาดหลอดไฟฟ้ าหรือโคมไฟเป็นประจาํ - ตกแต่งภายในอาคารสถานทีโดยใชส้ ีอ่อนเพือเพิมการสะทอ้ นของแสง - ปิ ดสวิตซห์ ลอดไฟฟ้ าทกุ ดวงเมอื เลกิ ใชง้ าน พดั ลม - เลอื กขนาดและแบบให้เหมาะสมกบั การใชง้ าน - ปรับระดบั ความเร็วลมพอสมควร - เปิ ดเฉพาะเวลาทีจาํ เป็นเท่านนั - หมนั บาํ รุงดแู ลรกั ษาให้อยใู่ นสภาพทีดี เครืองรับโทรทศั น์ - ควรเลอื กขนาดทีเหมาะสมกบั ครอบครวั และพืนทีในหอ้ ง - ควรเลอื กชมรายการเดียว หรือเปิ ดเมือถึงเวลาทีมีรายการทีตอ้ งการชม - ถอดปลกั เครืองรับโทรทศั นท์ ุกครังเมือไมม่ คี นชม เครืองเป่ าผม - ควรเชด็ ผมใหห้ มาดก่อนใชเ้ ครืองเป่ าผม - ควรขยแี ละสางผมไปดว้ ยขณะใชเ้ ครืองเป่ าผม - เป่ าผมดว้ ยลมร้อนเทา่ ทีจาํ เป็ น เตารีดไฟฟ้ า - พรมนาํ เสือผา้ แต่พอสมควร - ปรับระดบั ความร้อนใหเ้ หมาะสมกบั ชนิดของเสือผา้ - เริมตน้ รีดผา้ บาง ๆ ขณะทีเตารีดยงั ร้อนไม่มาก - เสือผา้ ควรมีปริมาณมากพอสมควรในการรีดแต่ละครัง - ถอดปลกั ก่อนเสร็จสินการรีด 2 - 3 นาที เพราะยงั คงมคี วามร้อนเหลอื พอ หม้อชงกาแฟ - ใส่นาํ ใหม้ ปี ริมาณพอสมควร - ปิ ดฝาใหส้ นิทก่อนตม้

316 - ปิ ดสวิตซ์ทนั ทีเมือนาํ เดอื ด หม้อหุงข้าวไฟฟ้ า - เลือกใชข้ นาดทีเหมาะสมกบั ครอบครัว - ถอดปลกั ออกเมอื ขา้ วสุกหรือไม่มีความจาํ เป็นตอ้ งอ่นุ ให้ร้อนอกี ต่อไป ต้เู ย็น - เลอื กใชข้ นาดทีเหมาะสมกบั ครอบครวั - ตงั วางตูเ้ ยน็ ให้ห่างจากแหล่งความร้อน - ไม่ควรนาํ อาหารทีร้อนเขา้ ตูเ้ ยน็ ทนั ที - ไมค่ วรใส่อาหารไวใ้ นตูเ้ ยน็ มากเกนิ ไป - หมนั ละลายนาํ แขง็ ออกสัปดาหล์ ะครัง - หมนั ทาํ ความสะอาดแผงระบายความร้อน - ไมค่ วรเปิ ดประตตู เู้ ยน็ บ่อย ๆ หรือปล่อยใหเ้ ปิดทิงไว้ - ดูแลยางขอบประตตู ูเ้ ยน็ ให้ปิ ดสนิทเสมอ เครืองทาํ ความร้อน - เลอื กใชข้ นาดทีเหมาะสมกบั ครอบครัว - ไมค่ วรปรบั ระดบั ความรอ้ นสงู จนเกินไป - ควรปิดวาลว์ บา้ งเพือรักษานาํ รอ้ นไวข้ ณะอาบนาํ - ไม่ควรใชเ้ ครืองทาํ ความรอ้ นในฤดูร้อน - ปิ ดวาลว์ นาํ และสวติ ซ์ทนั ทเี มอื เลิกใชง้ าน เครืองปรบั อากาศ - หอ้ งทีติดตงั เครืองปรับอากาศ ควรใชฝ้ ้ าเพดานทีมคี ุณสมบตั ิเป็นฉนวนป้ องกนั ความรอ้ น - เลือกขนาดของเครืองใหเ้ หมาะสมกบั ขนาดพืนทีห้อง - เลือกใชเ้ ครืองปรบั อากาศทีไดร้ ับการรับรองคุณภาพและช่วยประหยดั พลงั งาน - ปรับระดบั อุณหภมู แิ ละปริมาณลมใหเ้ กดิ ความรู้สึกสบายในแต่ละฤดกู าล - หมนั ดแู ลบาํ รุงรักษาและทาํ ความสะอาดชนิ ส่วนอุปกรณแ์ ละเครืองให้อยู่ในสภาพ ทีดอี ยเู่ สมอ - ดแู ลประตหู น้าต่างให้ปิ ดสนิทเสมอ - ใชพ้ ดั ลมระบายอากาศเทา่ ทีจาํ เป็น - ปิ ดเครืองก่อนเลิกใชพ้ ืนทีปรับอากาศประมาณ 2 - 3 นาที

317 เครืองซกั ผ้า - ในการซกั แตล่ ะครังควรให้ปริมาณเสือผา้ พอเหมาะกบั ขนาดเครือง - ควรใชว้ ธิ ผี งึ แดดแทนการใชเ้ ครืองอบผา้ แหง้ - ศึกษาและปฏิบตั ิตามวิธีการในค่มู อื การใช้ 8. ความปลอดภยั และอบุ ัติเหตุจากอาชีพช่างไฟฟ้ า 1) ก่อนลงมอื ปฏิบตั ิงานกับอุปกรณ์ไฟฟ้ า ให้ตรวจหรือวดั ด้วยเครืองมือวดั ไฟฟ้ าว่าใน สายไฟหรืออุปกรณ์นนั มีไฟฟ้ าหรือไม่ 2) การทํางานกับอุปกรณ์ไฟฟ้ าในขณะปิ ดสวิตช์ไฟหรือตดั ไฟฟ้ าแล้ว ต้องต่อสาย อุปกรณ์นนั ลงดินก่อนทาํ งานและตลอดเวลาทีทาํ งาน 3) การตอ่ สายดินให้ต่อปลายทางดา้ น “ดิน” ก่อนเสมอจากนนั จึงต่อปลายอีกขา้ งเขา้ กบั อปุ กรณ์ไฟฟ้ า 4) การสมั ผสั กบั อปุ กรณ์ไฟฟ้ าแรงดนั ตาํ ใด ๆ หากไมแ่ น่ใจใหใ้ ชอ้ ุปกรณ์ทดสอบวดั ไฟ ก่อน 5) การจบั ตอ้ งอุปกรณ์ทีมีไฟฟ้ า จะต้องทาํ โดยอาศยั เครื องมือ - อุปกรณ์ และวิธีการ ทีถูกตอ้ งเท่านนั 6) เครืองมอื เครืองใชท้ ีทาํ งานกบั อุปกรณไ์ ฟฟ้ า เช่น คีม ไขควง ตอ้ งเป็ นชนิดทีมีฉนวน หุม้ 2 ชนั อยา่ งดี 7) ขณะทาํ งานต้องมนั ใจว่า ไม่มีส่วนใดส่วนหนึงของร่างกายหรือเครื องมือทีใชอ้ ยู่ สมั ผสั กบั ส่วนอนื ของอุปกรณท์ ีมกี ระแสไฟดว้ ยความพลงั เผลอ 8) การใชก้ ุญแจป้ องกันการสบั สวิตช์ การแขวนป้ ายเตือนห้ามสับสวิตช์ตลอดจนการ ปลดกุญแจและป้ ายตอ้ งกระทาํ โดยบุคคลคนเดยี วกนั เสมอ 9) การขึนทีสูงเพือทํางานกับอุปกรณ์ไฟฟ้ าต้องใช้เข็มขัดนิรภัย หากไม่มีการใชเ้ ชือก ขนาดใหญ่คลอ้ งเอาไวก้ บั โครงสร้างหรือส่วนหนึงส่วนใดของอาคาร 10) การทาํ งานเกียวกบั ไฟฟ้ าหากเป็ นไปไดค้ วรมผี ชู้ ่วยเหลืออยูด่ ว้ ย 8.1 ข้อควรระวงั ในการทํางานเกียวกับไฟฟ้ าทวั ๆ ไป - เมือพบว่าฝาครอบ หรือกลอ่ งสวิตช์ชาํ รุด หรือตกเสียหาย ควรรีบเปลยี นและซ่อมแซม ทนั ที - รักษาความสะอาดของพนื บริเวณทีซึงสวิตช์อยู่ใกล้ ๆ - หมนั สาํ รวจตรวจตราภายในแผงสวติ ช์ ตูค้ วบคุมทางไฟฟ้ า ไมใ่ หม้ เี ศษผงทองแดงหรือ โลหะทีนาํ ไฟฟ้ าอยแู่ ละอยา่ นาํ ชินส่วนอปุ กรณ์ภายในตูค้ วบคมุ เช่น ฟิ วส์ ออกจากตูค้ วบคมุ - การเปลียนฟิ วส์ ควรใชฟ้ ิ วส์เฉพาะงานนนั ๆ และก่อนเปลียนตอ้ งสับสวิตช์ (ให้วงจรไฟฟ้ าเปิดให้เรียบร้อยกอ่ น)

318 - อยา่ ใชฝ้ าครอบทีทาํ ดว้ ยสารทีสามารถลุกติดไฟได้ เปิ ดฝาครอบสวิตช์ - สวติ ชแ์ ต่ละอนั ควรมีป้ ายแสดงรายละเอียดดงั นี * ใชก้ บั กระแสไฟตรง หรือกระแสสลบั * ความต่างศกั ยท์ างไฟฟ้ า (หรือแรงดนั /แรงเคลือนไฟฟ้ า) * กระแสไฟฟ้ า * เครืองมอื เครืองใชท้ างไฟฟ้ าทตี ่อกบั สวติ ชน์ นั * ชือผรู้ ับ - ตอ้ งสับสวติ ช์ใหว้ งจรไฟฟ้ าเปิด เมือตอ้ งการตรวจสอบหรือซ่อมแซมเครืองจกั รแลว้ ให้ ทาํ สญั ลกั ษณ์หรือป้ ายทีสวิตชว์ ่า \"กาํ ลงั ซ่อม\" ก่อนสบั สวิตช์ให้วงจรไฟฟ้ าปิ ด ตอ้ งแน่ใจว่าทุกอยา่ ง เรียบร้อยและได้รับสญั ญาณถกู ตอ้ ง และก่อนเปิ ดทดลองเดินเครืองควรตรวจดวู ่าเครืองจักรนันไม่มี วตั ถอุ ืนใดติดหรือขดั อยู่ - การส่งสัญญาณเกียวกบั เปิ ด - ปิ ดสวติ ช์ ควรทาํ ดว้ ยความระมดั ระวงั - อยา่ ปิ ด - เปิดสวิตช์ขณะมอื เปียกนาํ - การสับสวิตช์ใหว้ งจรไฟฟ้ าปิ ดตอ้ งแน่ใจวา่ สัญญาณนนั ถูกตอ้ ง - การขนั สลกั เกลียวเพอื ยึดสายไฟฟ้ า ตอ้ งขนั ใหแ้ น่น - อปุ กรณไ์ ฟฟ้ าทชี าํ รุดอยา่ ฝืนใชง้ านจะเกิดอนั ตรายได้ 8.2 ข้อทไี ม่ควรกระทาํ ในการปฏบิ ตั ิงานเกียวกบั ไฟฟ้ า - ไมค่ วรถอดปลกั ไฟดว้ ยการดึงสายไฟ - ไม่ควรใชเ้ ครืองมอื และอุปกรณ์ไฟฟ้ าทชี าํ รุด - ไมค่ วรใชป้ ลกั ไฟทีชาํ รุด - ไม่ควรต่อพ่วงไฟเกินกาํ ลงั - ไมค่ วรต่อปลกั ผดิ ประเภท - ไมค่ วรซ่อมแซมอปุ กรณ์ไฟฟ้ าดว้ ยตนเองถา้ หากไม่มคี วามรูอ้ ย่างแทจ้ ริง 8.3 ความปลอดภยั เกยี วกบั ตัวผ้ปู ฏบิ ัตงิ าน การแต่งกาย - เครืองแบบทเี หมาะสมในการปฏบิ ตั ิงานเกียวกบั เครืองจกั ร คือ เสือและกางเกงทีเป็นชิน เดียวกนั ซึงอยใู่ นสภาพทเี รียบรอ้ ย เสือผา้ ทีฉีกขาดไม่ควรนาํ มาใช้ เพราะจะทาํ ใหเ้ ขา้ ไปติดกบั เครืองจกั รทีกาํ ลงั หมุนได้ - ติดกระดุมทุกเม็ดใหเ้ รียบร้อย - ไมค่ วรใส่เครืองประดบั เช่น สร้อยคอ นาฬิกา แหวน - ตอ้ งใส่รองเทา้ หุ้มส้น หรือรองเทา้ บู๊ด เพือป้ องกนั เศษโลหะทมิ ตาํ

319 - ควรสวมแว่นตา เพือป้ องกนั เศษโลหะกระเดน็ เขา้ ตา เชน่ การเจียระไนงาน หรือแสง จากการเชือมโลหะ - ควรสวมหมวกในขณะทีปฏบิ ตั ิงาน - ไม่ควรไวผ้ มยาวหรือมิฉะนนั ควรสวมหมวก - สภาพการทาํ งานทมี เี สียงดงั ควรสวมทีครอบหู 9. การบริหารจดั การและการบรกิ ารทดี ี บริการทีดี หมายถึง ความตงั ใจและความพยายามในการให้บริการต่อผรู้ ับบริการ มีระดบั การ ปฏบิ ตั ิ ดงั นี ระดับที 1 สามารถให้บริการแก่ผ้รู ับบริการ ด้วยความเตม็ ใจ o ให้บริการทีเป็ นมติ รภาพ o ใหข้ อ้ มูลข่าวสารทีถกุ ตอ้ งชดั เจนแกผ้ รู้ ับบริการ o แจง้ ให้ผรู้ ับบริการทราบความคบื หน้าในการดาํ เนินเรือง หรือขนั ตอนงานต่าง ๆ ที ใหบ้ ริการอยู่ o ประสานงานใหแ้ ก่ผรู้ ับบริการไดอ้ ย่างต่อเนืองและรวดเร็ว ระดับที 2 ช่วยแก้ปัญหาให้แก่ผ้รู ับบริการ o ช่วยแกป้ ัญหาหรือหาแนวทางแกไ้ ขปัญหาทีเกิดขึนแก้ผรู้ ับบริการอย่างรวดเร็วไม่ บ่ายเบยี ง ไมแ่ กต้ วั หรือปัดภาระ o ผรู้ ับบริการไดร้ ับความพึงพอใจและนาํ ขอ้ ขดั ขอ้ งทเี กิดจากการใหบ้ ริการไปพฒั นา ให้การบริการดียงิ ขึน ระดบั ที 3 ให้บริการทเี กินความคาดหวัง แม้ต้องให้เวลาหรือความพยายามอย่างมาก o ให้เวลาแก่ผรู้ บั บริการเป็นพิเศษ เพือชว่ ยแกป้ ัญหาใหแ้ ก่ผรู้ ับบริการ o นาํ เสนอวธิ ีการในการใหบ้ ริการทผี ุรับบริการจะไดร้ ับประโยชน์สูงสุด ระดบั ที 4 เข้าใจและให้บริการทีตรงตามความต้องการทแี ท้จรงิ ของผ้รู ับบริการได้ o พยายามทาํ ความเขา้ ใจดว้ ยวิธีต่าง ๆ เพือใหบ้ ริการไดต้ รงตามความตอ้ งการที แทจ้ ริงของผรู้ ับบริการ o ใหค้ าํ แนะนาํ ทีเป็ นประโยชน์แกผ้ รู้ ับบริการ เพอื ตอบสนองความตอ้ งการ ระดบั ที 5 ให้บริการทีเป้ นประโยชน์อย่างแท้จริงให้แก่ผ้รู ับบริการ o คิดถงึ ประโยชนข์ องผรู้ บั บริการในระยะยาว

320 o เป็ นทีปรึกษาทีมีส่วนชว่ ยในการตดั สินใจทีผรู้ ับบริการไวว้ างใจ o สามารถให้ความเห็นทีแตกต่างจากวธิ ีการหรือขันตอนทีผูร้ ับบริการตอ้ งการให้ สอดคล้องกับความจําเป็ น ปัญหา โอกาส เพือประโยชน์อย่างแทจ้ ริ งของ ผรู้ ับบริการ 10. โครงงานวทิ ยาศาสตร์สู่อาชีพ อาชีพช่างไฟฟ้ า เป็ นอาชีพสําคัญจาํ เป็ นกบั สังคมเทคโนโลยีในทุกยุคทุกสมัย ผูม้ ีอาชีพ ช่างไฟฟ้ า ตอ้ งมีความชาํ นาญเฉพาะทาง มีความคิดริเริมสร้างสรรค์ สร้างผลงาน นอกเหนือจากการ ติดตงั ซ่อมแซมอปุ กรณ์ไฟฟ้ า และยงั สามารถสร้างสรรค์ผลงานเป็ นอปุ กรณ์เครืองใช้ไฟฟ้ า สําหรับ ครัวเรือน เพือความสะดวกสบายในชีวิตประจาํ วนั ของมนุษย์ ดังนัน ช่างไฟฟ้ า นอกจากเป็ นอาชีพ เพอื บริการยงั นาํ ไปสู่เพือการพาณิชยไ์ ดด้ ี โดยผเู้ รียนนาํ ความรู้ ผลงาน จากโครงงานเรืองไฟฟ้ า ไปต่อ ยอดสู่อาชีพได้อย่างหลากหลาย อาทิเช่น การประดิษฐ์โคมไฟเพือประดบั ตกแต่ง โคมไฟเพืออ่าน หนงั สือเครืองเตอื นภยั นาํ ท่วมอยา่ งง่าย ฯลฯ ตวั อย่างที 1 การประดษิ ฐ์โคมไฟเพือประดบั ตกแต่ง วสั ดุทีใช้ 1. สวติ ซไ์ ฟ สาํ หรบั เปิ ดปิ ด ราคาประมาณ 30 บาท 2. หลอดไฟฟลูออเรสเซนตแ์ บบยาว ราคาประมาณ 79 บาท 3. แผ่นซีดี 61 แผ่น นาํ กลบั มาใชใ้ หม่ (reuse) 4. สายไฟ 1.8 เมตร ราคาประมาณ 30 บาท วธิ ที าํ โคมไฟจากแผ่นซีดี วิธีทาํ โคมไฟจากแผน่ ซีดี แผ่นซดี ีทเี สียแลว้ ใครจะเชือว่าสามารถนาํ มาทาํ โคมไฟอนั สวยหรู มีระดบั อย่างทีใครนึกไม่ถงึ มากก่อน สนใจละซิ ลองมาทาํ ดวู า่ เขาทาํ กนั อยา่ งไรทาํ ใหไ้ ดโ้ คมไฟสวย สะดุดใจ โดยใชต้ น้ ทนุ ประมาณ 139 บาท ดงั นี

321 หลอดไฟทีใช้ ถอดส่วนประกอบหลอดไฟออก เพอื จะไดแ้ ยกเอาสวติ ซ์กบั หลอดไฟ ไวส้ าํ หรับติดนอกกลอ่ งโคมไฟ นาํ มากะระยะว่าสวิตซ์ กบั หลอดไฟจะอยูต่ าํ แหน่งไหน

322 ตดั แผน่ ไมอ้ ดั หนาขนาด 3/8 นิว เป็ นรูปวงกลมขนาด แผ่นซดี ี จาํ นวน 18 แผน่ แผน่ ไมอ้ ดั ทีตดั ออกมา ทาดว้ ยกาวร้อน แลว้ ใชส้ กรูอดั ให้แน่น ทิงไวใ้ หก้ าวแห้ง ประมาณ 20 นาที

323 ใชส้ วา่ นเจาะช่องตรงกลางไมใ้ ห้ใส่หลอดไฟได้ เจาะช่องให้สายไฟ กบั สวติ ซไ์ ฟใส่ได้ วางหลอดไฟใส่ลงไปในช่องนี

324 ใส่สวิตซไ์ ฟ กบั สายไฟตามชอ่ งทีเจาะไว้ เจาะรูตรงกลางแผน่ ซีดี ให้กวา้ งพอทจี ะใส่หลอดไฟได้ เจาะให้ใส่หลอดไฟไดแ้ บบนี

325 จบั แผ่นซีดีสองแผ่น มาจบั คปู่ ระกบกนั โดยหันดา้ นทีมนั วาวออกทงั สองดา้ น แลว้ ใชก้ าวร้อน ทาทิงไวใ้ หแ้ ห้ง แล้วเจาะรู 3 รู ไว้สาํ หรับใส่น็อตยาวเป็ นเสาขา 3 ขา ดังภาพ ชนั แรกใส่ แผน่ เดียว จากนนั ค่อยใส่วงแหวน รองเพอื ใหเ้ ป็นชนั ๆ มีช่องว่างให้แสงกระจายออก ใส่ไปเรือย ๆ จนถงึ ชนั สุดทา้ ย ใชแ้ ผ่นซีดี 4 แผน่ ทากาวประกบกนั ปิ ดเป็ นฝาขา้ งบน เวลาจะเปลียนหลอดไฟขา้ งใน กไ็ ขนอ็ ตออก แลว้ หยิบหลอดไฟมาเปลียน ประกอบเสร็จแลว้ เมอื เปิ ดไฟ จะไดภ้ าพดงั นี ทีมา http://www.yousaytoo.com/tensionnot/how-to-make-a-cool-cd-lamp/4877

326 ตวั อย่างที 2 สิงประดษิ ฐ์เครอื งเตือนภยั นาํ ท่วมอย่างง่าย วสั ดุทีใช้ 1. สวทิ ซ์และกริงไฟฟ้ าแบบไรส้ าย ราคาประมาณ 100 - 150 บาท 2. เศษโฟม นาํ กลบั มาใชใ้ หม่ (reuse) 3. ถุงพลาสติก นาํ กลบั มาใชใ้ หม่ (reuse) วิธที าํ 1. หาซือกริงประตบู า้ นแบบไร้สายมีขายเกอื บทุกหา้ ง (ราคาประมาณร้อยกว่าบาทถงึ ห้าร้อย บาท) เอาแบบกดคา้ งแลว้ ร้องต่อเนือง นอนหลบั แลว้ จะไดต้ นื (บางยหี อ้ กดคา้ งแลว้ ร้องครังเดยี ว) . หาอปุ กรณ์ดงั นี ตะกร้าทรงเตีย แผ่นโฟม ซองซิปกนั นาํ เทปกาว กาวสองหนา้ กอ้ นอิฐ หรื อหิน . นาํ กริงตวั ลูก (สวิตซท์ กี ดกริง) มาติดกาวสองหน้าบริเวณทกี ดใหท้ ีกดนูนขึน (ไม่ตอ้ งลอก กระดาษอกี ดา้ นออก) แลว้ ใส่ซองซิปไม่ให้นาํ เขา้ . ตดั โฟมให้มขี นาดเลก็ กวา่ ตะกร้าเลก็ นอ้ ย นาํ กริงตวั ลกู ทีอยูใ่ นซองซิปไปวางกลางโฟมแลว้ ติดเทปกาวบนโฟม

327 . หาทเี หมาะๆ วางโฟมทีพนื ทีตอ้ งการทราบว่านาํ ท่วมแลว้ เช่นประตูรัว ครอบโฟมดว้ ย ตะกร้า ทบั ตะกร้าดว้ ยอฐิ หรือหิน (ระยะสัญญาณประมาณ เมตร จากตวั แม)่ . เสียบปลกั ตวั แม่ (สญั ญาณกระดิง) ไวใ้ นบา้ น . เมือนําท่วมโฟมจะลอยตัวดันสวิตซ์ทีกดกริ งกับก้นตะกร้าทีถกู ทับไว้ด้วยอิฐหรือหิน ทาํ ใหส้ ญั ญาณร้องเตือน ทีมา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=653105

328 11. คําศัพท์ทางไฟฟ้ า ช่างไฟฟ้ าทกุ คนจะตอ้ งเขา้ ใจคาํ จาํ กดั ความทวั ไปของคาํ ศพั ท์ทีใชใ้ นทางช่างไฟฟ้ า เพือใหก้ าร สงั วสั ดุอุปกรณ์ และการอา่ นรายละเอียดของวสั ดุอปุ กรณ์ของบริษัทผูผ้ ลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ผสู้ งั และผอู้ า่ นจะตอ้ งมคี วามคนุ้ เคยกบั ภาษาทใี ชใ้ นทางช่างไฟฟ้ าดว้ ย ดงั นนั จึงควรอา่ นคาํ จาํ กดั ความแต่ละคาํ อย่างระเอียดให้เขา้ ใจ และควรพลิกดูคาํ เหลา่ นีทุกครังเมือมีความจาํ เป็ น นอกจากนียงั มีรายละเอียด เกียวกบั คาํ นิยามของคาํ ศพั ท์เหลา่ นีเพิมเติมในทา้ ยเล่มของหนังสือเล่มนีดว้ ย พลงั งาน (energy) : ความสามารถในการทาํ งาน กาํ ลังม้า (horsepower) : หน่วยวดั การทาํ งานของเครืองจกั รกลพวกมอเตอร์และเครืองยนต์ เราจะใชอ้ กั ษรยอ่ HP หรือ hp แทน โดยทวั ไปกาํ ลงั มา้ นีจะใชบ้ ่งบอกเอาท์พุทของมอเตอร์ไฟฟ้ า ไฟฟ้ า (electricity) : การเคลือนทีของอเิ ลก็ ตรอนผ่านตวั นาํ ไฟฟ้ า ตัวนําไฟฟ้ า (conductor) : สสารทียอมให้กระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นตวั มนั เองไดง้ า่ ย ความนําไฟฟ้ าหรือความเป็ นสือไฟฟ้ า (conductance) : ความสะดวกสบายต่อการไหลผ่าน ของกระแสไฟฟ้ าในวงจร ฉนวนไฟฟ้ า (insulator) : วตั ถุทีมคี ุณสมบตั ิดา้ นตา้ นทานการไหลของกระแสไฟฟ้ า อาจจะ กล่าวไดว้ ่าสสารนนั ขดั ขวางการเคลือนทขี องอิเล็กตรอน อาํ นาจแม่เหล็ก (magnetism) : คุณสมบตั ิอย่างหนึงของสสารทีแสดงอาํ นาจดึงดดู เหล็กได้ ขัวไฟฟ้ า (polarity) : คุณสมบตั ิของประจุไฟฟ้ าทีแสดงออกมา ซึงจะมีค่าเป็นบวกหรือเป็นลบ แม่เหลก็ ไฟฟ้ า (electromagnet) : ขดลวดตวั นําไฟฟ้ าทีแสดงอาํ นาจหรือคุณสมบัติทาง แม่เหล็กเมือมีกระแสไฟฟ้ า ไหลผา่ นขดลวดนนั ขดปฐมภูมิ (primary) : ขดลวดของหมอ้ แปลงไฟฟ้ า ซึงต่ออยู่กับแหล่งจ่ายไฟฟ้ าและรับ พลงั งาน นนั ก็คือดา้ นรับไฟฟ้ าขา้ วของหมอ้ แปลงไฟฟ้ า ขดทุตยิ ภูมิ (secondary) : ขดลวดของหมอ้ แปลงไฟฟ้ าทตี ิดอยกู่ บั โหลด (ภาระทางไฟฟ้ า) โดยจะรับพลงั งานดว้ ยหลกั การเหนียวนาํ ทางอาํ นาจแม่เหล็กไฟฟ้ าจากขดลวดปฐมภูมไิ ปสู่โหลดนัน กค็ ือดา้ นจ่ายไฟออกของหมอ้ แปลงไฟฟ้ า กาํ ลงั ไฟฟ้ า (electric power) : อตั ราการผลติ หรือใชพ้ ลงั งานทางไฟฟ้ าในหนึงหน่วยเวลา วัตต์ (watt) : หน่วยวดั กาํ ลงั ไฟฟ้ า เราเรียนอกั รยอ่ ตัวพมิ พใ์ หญ่ W แทน กาํ ลงั ไฟฟ้ ามีจะเป็ น อกั ษรบอกพลงั งานไฟฟ้ าทีมีอุปกรณ์ไฟฟ้ าแต่ละตัวในการทํางาน อย่างเช่น หลอดไฟ 1,000 วตั ต์ เครืองปิ งขนมปัง 1,000 วตั ต์ กิโลวัตต์ (kilowatt) : หน่วยกาํ ลงั ไฟฟ้ าทีมีค่าเท่ากบั 1,000 วตั ต์ เราใชต้ วั ย่อว่า KW เพราะเหตุ วา่ ในทางปฏบิ ตั ินนั โหลด หรือภาระทางไฟฟ้ ามจี าํ นวนมากๆ จึงมีค่าวตั ตส์ ูงๆ หน่วยวตั ต์ซึงทาํ ให้การ เรียกหรือบันทึกค่ายงุ่ ยากและเสียเวลา เราจึงนิยมใชก้ ิโลวตั ต์ซึงเป็นหน่วยทีใหญ่ขึนนีแทน และยงั มี

329 หน่วยใหญ่กว่ากโิ ลวตั ต์อีกก็คือ เมกกะวตั ต์ (megawatt) ซึงเท่ากบั 1,000 กิโลวตั ต์ หรือเขียนย่อ ๆ ว่า 1 MW กโิ ลวตั ต์ – ชัวโมง (kilowatt - hour) : หน่วยวดั การใช้กาํ ลงั ไฟฟ้ าในเวลา 1 ชัวโมง เราใช้ อกั ษรยอ่ พิมพ์ตวั ใหญ่ KWH แทน ปกติแลว้ การใช้พลงั งานไฟฟ้ าตามบา้ นจะวดั ค่าออกจากเครืองวดั พลงั งาน (หรือทีเราเรียกกนั ว่า หมอ้ มิเตอร์) มหี น่วยเป็ นกิโลวตั ต์ - ชวั โมง หรือทีเรียกกนั ว่า ยนู ิต (unit) แลว้ คิดราคาไฟฟ้ าทีเราตอ้ งจ่ายเท่ากบั จาํ นวนยนู ิตทีเราตอ้ งใชค้ ณู ดว้ ยราคาไฟฟ้ าต่อหนึงยนู ิต ไฟฟ้ ากระแสสลบั (alternating current) : ระบบไฟฟ้ าทีทิศทางการวิงของอเิ ลก็ ตรอนมีการ สลบั ไปมาตลอดเวลา เราใชส้ ญั ลกั ษณ์แทนดว้ ยอกั ษรตวั พมิ พใ์ หญ่ AC และมกั นิยมใช้เป็ นระบบไฟฟ้ า ตามบา้ น อาคาร โรงงานทวั ๆ ไป ไฟฟ้ ากระแสตรง (direct current) : ระบบไฟฟ้ าทีอิเลก็ ตรอนมีการวิงไปทางเดียวกนั ตลอดเวลา และต่อเนืองกัน มักจะพบว่าใช้กันอยทู่ วั ๆ ไป ก็คือ เครืองชาร์จแบตเตอรี ถา่ นไฟฉาย แบตเตอรีรถยนต์เป็นตน้ ใชอ้ กั ษรตวั พิมพใ์ หญ่ DC เป็ นสัญลกั ษณ์แทน วงจรไฟฟ้ า (circuit) : ทางเดินไฟฟ้ าทีต่อถึงกัน และไฟฟ้ าไหลผา่ นได้ดี วงจรอนุกรมหรือ วงจรอนั ดับ (series circuit) : วงจรไฟฟ้ าทีมีทางเดินไฟฟ้ าไดเ้ พียงทางเดียว จากแหล่งจ่ายไฟฟ้ าผา่ น วงจรไฟฟ้ าไปครบวงจรอกี ขวั ของแหล่งจา่ ยไฟ และในวงจรนีอาจจะมีอปุ กรณ์พวกฟิวส์ สวติ ซ์ เซอร์กิต - เบรกเกอร์ โดยต่อเป็ นวงจรอนั ดบั เขา้ ไปเพอื ป้ องกนั และควบคมุ วงจร วงจรขนาน (parallelcircuit) : วงจรไฟฟ้ าทีมที างเดินไฟฟ้ าของกระแสไฟฟ้ าผา่ นไดม้ ากกว่า 1 ทางเดินขึนไป และจะมีอุปกรณ์เช่นพวกเต้าเสียบหลอดไฟต่อขนานกัน และข้อดีของวงจรก็คือ ถา้ อุปกรณ์ตวั หนึงตวั ใดไมท่ าํ งาน ขดั ขอ้ งหรือเสียขนึ มา วงจรทางเดนิ ไฟฟ้ าจะไม่ขนาน ซึงตรงกนั ขา้ ม กบั วงจรอนุกรม อปุ กรณใ์ นวงจรขนานตวั อืน ๆ ยงั คงทาํ งานไดต้ อ่ ไปดงั รูปที 2 รูปวงจรขนาน วงจรเปิ ด (open circuit) : สภาวการณ์ทีทางเดินไฟฟ้ าเกิดขาดวงจร เกิดวงจร หรือไม่ครบวงจร ทาํ ใหก้ ระแสไฟฟ้ าไหลไมไ่ ด้ วงจรลัด (short circuit) : สภาวการณ์ทีเกิดมีการลดั วงจรทางเดินของกระแสไฟฟ้ า อนั เนืองมาจากรอยต่อของสายตา่ ง ๆ พลาดถงึ กนั มีกระแสไฟฟ้ ารวั ต่อถงึ กนั เป็นตน้ แอมแปร์ (ampere) : หน่วยการวดั ค่าอตั ราการไหลของไฟฟ้ าทีผ่านตวั นาํ เราจะใช้อกั ษรยอ่ ตวั พมิ พใ์ หญ่ A หรือ amp แทน ปกติแลว้ หน่วยแอมแปร์นีนิยมใชร้ ะบขุ อบขา่ ยของการใชก้ ระแสไฟฟ้ า

330 ดา้ นสงู สุดในการทาํ งานของอปุ กรณเ์ ครืองใชไ้ ฟฟ้ านนั อยา่ งปลอดภัย อยา่ งเช่น เต้าเสียบ 15 แอมแปร์ ฟิ วส์ 30 แอมแปร์ เฮริ ์ตซ์ (hertz) : หน่วยความถมี ีค่าเป็นรอบต่อวนิ าที การทอี เิ ลก็ ตรอนวงิ ไปในทิศทางหนึงแลว้ วกกลบั มาสู่แหลง่ จ่ายไฟฟ้ าจากนนั ก็มอี เิ ล็กตรอนวิงออกมาจากแหล่งจ่ายไฟไปในทิศทางหนึงวกกลบั มา โดยทิศทางการวิงของอเิ ล็กตรอนทงั 2 ขา้ งวิงสวนทางกนั (หรือพูดอกี นัยหนึงก็คือ วิงสลบั ไปสลบั มานนั เอง) เราเรียกว่า 1 รอบ ความถขี องระบบไฟฟ้ าบา้ นเราใชค้ วามถี 50 เฮิร์ตซ์ ใชส้ ัญลกั ษณ์ HZ แสดงแทน โอห์ม (ohm) : หน่วยความต้านทานทางไฟฟ้ าใช้สัญลกั ษณ์แทนดว้ ยตัวโอเมก้า ( Ω ) ความตา้ นทานจะพยายามต่อตา้ นการไหลของกระแสไฟฟ้ า ความต้านทานเป็นไดท้ งั ผทู้ าํ งานให้หรือ ขดั ขวางการทาํ งานให้ผใู้ ชไ้ ฟ มนั ทาํ งานใหใ้ นขณะทีใชม้ นั เป็นฉนวนหรือใชค้ วบคุมวงจร ตวั อยา่ งเช่น เทปพนั สายไฟ เตา้ เสียบทีทาํ จากพลาสติก จะป้ องกันอนั ตรายให้กบั ผูใ้ ชไ้ ฟได้ และใชค้ วามตา้ นทาน แบบปรับค่าได้ (rheostat) ปรับความสว่างของหลอดไฟฟ้ า แต่มนั จะขดั ขวางการทาํ งานเมือผใู้ ชไ้ ฟ ใชส้ ายไฟเส้นเล็ก และยาวมากๆ หรือมีสนิมตามจดุ สัมผสั ต่างๆ ของตวั นาํ จะเป็นสาเหตขุ องการเพมิ ค่า ความตา้ นทาน ทาํ ให้เกิดความรอ้ นมากเกินไป พร้อมทงั เกิดการสญู เสียกาํ ลงั ไฟฟ้ าไปในสายตวั นาํ ดว้ ย กฎของโอห์ม (Ohm’s law) : กฎทีว่าด้วยความสัมพนั ธ์ระหว่างแรงดันกระแส และ ความต้านทานในวงจรไฟฟ้ า กฎนีกล่าวว่า ค่ากระแสไฟฟ้ า (I) จะเป็ นสัดส่วนโดยตรงกับ ค่าแรงดนั ไฟฟ้ า (E) และเป็นสัดส่วนผกผนั กบั ค่าความตา้ นทาน (R) สูตร I = E / R โวลต์ (volt) : หน่วยวดั แรงดนั ไฟฟ้ า แรงดันไฟฟ้ าหรือแรงดนั ทีทาํ ให้เกิดมกี ารเคลือนทีของ อิเลก็ ตรอนภายในตัวนําไฟฟ้ า เราใช้ตัวยอ่ แทนแรงดนั ไฟฟ้ าดว้ ย V, E หรือ EMF ปกติจะใช้ E และ EMF แทนแรงดนั ทีเกิดจากการเคลือนทีของประจุไฟฟ้ าหรือ electromotive force (ซึงเป็นอกี นิยามหนึง ของคําว่า โวลต์) เช่นเดียวกับคาํ ว่า แอมแปร์แรงดันซึงระบุไวท้ ีตวั อปุ กรณ์เครื องใชไ้ ฟฟ้ าจะเป็ น ตวั กาํ หนดขอบเขตการใชแ้ รงดนั ไฟฟ้ าขณะทาํ งานไดโ้ ดยปลอดภยั เช่น มอเตอร์ 220 โวลต์ เครืองเป่ า ผม 110 โวลต์ เราจะตอ้ งใชอ้ ปุ กรณ์ไฟฟ้ ากบั แรงดนั ไฟฟ้ าตามทีระบุไวเ้ ทา่ นนั แอมมเิ ตอร์ (ammeter) : เป็นเครืองวดั ทางไฟฟ้ าชนิดหนึง ใชว้ ดั คา่ กระแสไฟฟ้ าทีไหลในวงจร ทีเราตอ้ งการวัด โดยปกติเราจะใช้เครืองมือนีต่ออนุกรมกบั วงจรทีเราตอ้ งการวดั ค่ากระแส แต่ก็มี เครืองมอื วดั ชนิดพเิ ศษทไี ม่ตอ้ งต่อวงจรอนั ดบั เขา้ กบั วงจรไฟฟ้ านัน จะไดก้ ล่าวถงึ ในบทต่อๆ ไป โอห์มมเิ ตอร์ (ohm meter) : เป็นเครืองวดั ทางไฟฟ้ าชนิดหนึง ใชว้ ดั ค่าความต้านทานไฟฟ้ า เวลาใชจ้ ะตอ้ งไมม่ ีการจ่ายไฟจากแหลง่ จ่ายไฟใดในวงจรไฟฟ้ านนั โวลต์มเิ ตอร์ (volt meter) : เป็นเครืองมือวดั ทางไฟฟ้ าชนิดหนึง ใชว้ ดั ค่าแรงดนั ไฟฟ้ า มลั ตมิ ิเตอร์ (multimeter) : เป็นเครืองมอื วดั ทางไฟฟ้ าชนิดหนึงทสี ามารถวดั ค่าแรงดนั กระแส และความตา้ นทานไดใ้ นเครืองวดั ตวั เดยี วกนั

331 National Electric Code : เป็นหนังสือคู่มือรวบรวมข้อแนะนาํ และกฎข้อบงั คบั ในการติดตงั อปุ กรณ์ไฟฟ้ าให้มคี วามปลอดภยั แมว้ ่าจะมีเนือหามากมายแต่หนังสือคู่มือนีก็ไมม่ ีจุดมุ่งหมายสําหรับ การสอน หรือใช้แก่บุคคลทีไม่เคยผา่ นการอบรมมาก่อน ส่วนของไทยเราก็มีคู่มือพวกนีหลายแห่ง ดว้ ยกนั เช่น คู่มือของการไฟฟ้ านครหลวง การพลงั งานแห่งชาติ การไฟฟ้ าส่วนภูมภิ าค ซึงหลกั การและ กฎขอ้ บงั คบั ส่วนใหญ่กค็ ลา้ ย ๆ กบั ของ NEC (National Electric Code) ของต่างประเทศนนั เอง สวิตซ์อตั โนมัตหิ รือเซอร์กิตเบรกเกอร์ (circuit breaker) : เป็นอปุ กรณ์ป้ องกนั ทีใช้จาํ กัด กระแสไฟฟ้ าสูงสุดในวงจร เมอื กระแสเกินค่าจาํ กัดเซอร์กิตเบรกเกอร์จะเปิ ดวงจรไม่ใหก้ ระแสไฟฟ้ า ไหลสู่วงจรอกี จนกว่าจะกดปุ่มทาํ งานใหม่ ปัจจุบันใช้แทนสวติ ซฟ์ ิ วสก์ นั มาก เนืองจากสามารถต่อ วงจรเขา้ ไปใหมไ่ ดท้ นั ที ในขณะทฟี ิ วสต์ อ้ งสลบั เปลียนตวั ใหม่เขา้ ไปแทน และยงิ ในระบบไฟฟ้ า 3 เฟส ดว้ ยแลว้ ถา้ เกิดขาดทีฟิ วส์เพียงเส้นเดียวเหลอื ไฟฟ้ ามาแค่ 2 เฟสเท่านนั อาจเกิดการเสียหายไหมข้ ึนที มอเตอร์ 3 เฟสได้ หลกั การทาํ งานของเซอร์กิตเบรกเกอร์จะทาํ งานโดยอาศยั อาํ นาจแม่เหลก็ เมอื มี กระแสไฟฟ้ าในวงจรไหลเขา้ มามาก ๆ สนามแมเ่ หลก็ จะดึงสวติ ซ์ใหต้ ดั วงจรออก และบางแบบจะมตี วั ป้ องกนั กระแสเกนิ ขนาดดว้ ยความร้อนต่อร่วมมาดว้ ยโดยอาศยั การทีมกี ระแสไหลผา่ นความตา้ นทาน ของตวั ไบเมตอลลิก (bimetallic) (ไบเมตอลลกิ เป็นโลหะทีขยายตวั เมืออณุ หภูมิสูงขึนและหดตวั เมืออณุ ภูมิตาํ ลง) เมือกระแสไหลผา่ นมากจะเกความรอ้ นมาก ตวั ไบเมตอลลกิ จะขยายตวั ดึงให้สวิตซต์ ดั วงจรออก เราใชต้ วั อกั ษรยอ่ แทนเซอร์กิตเบรกเกอร์ดว้ ย CB ฟิ วส์ (fuse) เป็นอุปกรณ์ป้ องกนั ทใี ชจ้ าํ กดั กระแสไฟฟ้ าสูงสุดในวงจร เมอื กระแสเกินค่าจาํ กดั ฟิ วส์จะเกิดความร้อนมากขนึ จนกระทงั หลอมละลายขาดจากกนั วงจรกจ็ ะเปิด ฟิวส์จะตอ้ งอยา่ งอนุกรม กบั วงจร หม้อแปลง (transformer) : เป็ นอุปกรณ์ทีใชเ้ ปลียนแรงดันไฟฟ้ าใหส้ ูงขึนหรือตาํ ลง เพือให้ ตรงกบั แรงดนั ทีใชก้ บั อปุ กรณ์ไฟฟ้ าตา่ งๆ เชน่ มีเครืองซกั ผา้ แรงดนั 110 โวลต์ แต่มีไฟฟ้ าแรงดนั 220 โวลต์ เราก็ต้องใช้หม้อแปลงแรงดัน 220 โวลต์ ให้เป็ นแรงดัน 110 โวลต์ จึงจะใช้เครืองซกั ผา้ ได้ นอกจากนีเรายงั นิยมใชห้ มอ้ แปลงกบั เครืองติดต่อภายใน และระบบเสียงกริงเรียก เป็นตน้ เฟส (phase) : หมายถึงชนิดของระบบไฟฟ้ าทีใชม้ ที งั ระบบ 1 เฟส 2 สาย และ 3 เฟส 4 สาย อปุ กรณ์ไฟฟ้ า 1 เฟส 2 สาย จะใชต้ ามบา้ นทีอยอู่ าศยั ส่วนระบบไฟฟ้ า 3 เฟส 4 สาย นิยมใชก้ บั ธุรกิจ ใหญ่กบั โรงงานอุตสาหกรรม

332 ภาคผนวก 1. แนวทางการพัฒนาศกั ยภาพทางวทิ ยาศาสตร์เพือการประกอบอาชีพ การประกอบอาชีพมคี วามสาํ คัญต่อการดํารงชีวิตของมนุษยเ์ ป็ นอันมาก ทงั นี เพราะอาชีพ ไม่ใชจ่ ะสนองตอบความตอ้ งการของมนุษยเ์ พยี งดา้ นเศรษฐกจิ เท่านนั แตย่ งั สนองความตอ้ งการดา้ นอืน เช่น ดา้ นสงั คม และจติ ใจ เป็นตน้ การเลือกอาชีพจึงมีความสาํ คญั ต่อชีวิตของบุคคล ถา้ เราเลอื กอาชีพ ไดเ้ หมาะสมกม็ แี นวโน้มทีจะประสบความสาํ เร็จในการประกอบอาชีพมีความเจริญก้าวหนา้ เป็ นอนั มาก ในทางตรงกนั ขา้ ม ถา้ เลอื กอาชีพได้ไม่เหมาะสมโอกาสทีจะประสบความลม้ เหลวในการประกอบ อาชีพกม็ มี าก ซึงไดก้ าํ หนดแนวทางหลกั สูตรของ 5 กลุ่มอาชพี ดงั นี

333 ตาราง วิเคราะหก์ ารพฒั นาศกั ยภาพทางวิทยาศาสตร์เพอื การประกอบอาชีพ ด้านกล่มุ อาชีพ ลักษณะอาชีพ เนอื หาตามสาระ อาชีพทเี กียวข้อง 1. เกษตรกรรม . กสิกรรม หมายถงึ การเพาะปลกู พชื เช่น การทาํ นา การทาํ สวน การทาํ ไร่ 1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการ .ปศุสตั ว์ เป็ นตน้ นาํ ความรูเ้ กียวกบั กระบวนการทาง ตวั อย่าง อาชพี ทางดา้ นการปศุสตั ว์ . ปศุสัตว์ หมายถึง การประกอบอาชีพเลียงสตั วบ์ นบก เช่น เลียงววั เลียงหมู วทิ ยาศาสตร์และโครงงานไปใช้ ฟาร์มขนาดใหญ่ ไดแ้ ก่ เลยี งไก่ เทคโนโลยีกบั ชวี ติ หรือเลยี งสัตวจ์ าํ พวกสตั วป์ ี ก เป็นตน้ 2. สิงมชี วี ติ และสิงแวดลอ้ ม ในการจดั พนั ธุ์พืนเมือง เลยี งหมู เลียงโคเนือ . การประมง หมายถึง การประกอบอาชีพการเกษตรทางนาํ เชน่ การเลียง กล่มุ ของสิงมีชวี ิต ระบบนิเวศ โคนม เลียงผงึ เลียงแพะ เลียงกบ สตั วน์ าํ การจบั สัตวน์ าํ เป็ นตน้ ทรัพยากรธรรมชาติ สิงแวดลอ้ ม เลียงหอยแมลงภแู่ บบแขวนเชือก . ดา้ นป่ าไม้ หมายถึง การประกอบอาชีพเกียวกบั ป่ า เชน่ การปลูกป่ าไม้ การอนุรักษ์ ภูมิปัญาทอ้ งถิน และ หอยนางรม เลยี งไหมเกษตร เศรษฐกิจ การนาํ ผลผลิตจากป่ ามาแปรรูปใหเ้ กิดประโยชน์ เป็นตน้ เทคโนโลยชี วี ภาพ เลียงปลาเก๋าในกระชงั ปลาดุก 3. พลงั งานในชีวติ ประจาํ วนั และ ปลาตะเพยี น เลียงเป็ดเทศ เป็ นตน้ การอนุรักษพ์ ลงั งาน .ทาํ ไร่ ทาํ สวน 4. ดาราศาสตร์เพอื ชวี ติ ความสัมพนั ธ์ .ทาํ นา ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจนั ทร์ ตวั อย่าง อาชพี การทาํ ไร่ทาํ สวน และปรากฎการณ์ เช่น การทาํ ไร่ออ้ ย ไร่กระชาย สวนสม้ โอ สวนมะมว่ ง สวนมงั คุด สวนทุเรียน สวนมะลิ สวนไม้ ดอกไมป้ ระดบั ปลกู พืชสวนครัว เป็ นตน้

ด้านกล่มุ อาชีพ ลกั ษณะอาชพี เนอื หาตามสาระ 334 อาชีพทเี กียวข้อง 2. อุตสาหกรรม . อาชีพช่างอตุ สาหกรรมเกษตร เช่นฟาร์มโคนม การปลกู พืชไร้ดนิ 1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ในการ 1. การผลิตสินคา้ แปรรูปผลติ ภณั ฑ์ โรงงานผลติ ลาํ ไยกระป๋ อง และอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตผลทางเกษตรฯลฯ นาํ ความรูเ้ กียวกบั กระบวนการทาง อตุ สาหกรรมหรือหตั ถกรรม . อาชีพช่างอุตสาหกรรมผลติ สินคา้ สาํ เร็จรูป เช่น โรงงานผลิตเครืองใชไ้ ฟฟ้ า วิทยาศาสตร์และโครงงานไปใช้ ในครัวเรือน โรงงานผลติ เฟอร์นิเจอร์ โรงงานผลติ รถจกั รยาน ฯลฯ เทคโนโลยกี บั ชีวิต 2. การผลิตสินคา้ จาํ พวกอะไหล่ . อาชีพช่างอตุ สาหกรรมผลติ วตั ถุดิบ เชน่ โรงงานผลติ ยางดิบ โรงงานผลติ 2. สิงมีชวี ติ และสิงแวดลอ้ ม ในการจดั อปุ กรณ์ไฟฟ้ า และซ่อมบาํ รุง นาํ มนั ปาลม์ กลมุ่ ของสิงมชี วี ิต ระบบนิเวศ 3. การผลิตสินคา้ ในครัวเรือน เชน่ . อาชีพช่างอุตสาหกรรมผลติ สินคา้ อุตสาหกรรม เช่นโรงงานผลิตเส้นใย ทรัพยากรธรรมชาติ และสิงแวดลอ้ มและ นาํ มนั พชื ปาลม์ ฯลฯ สงั เคราะห์ โรงงานผลิตเหล็กรีดรอ้ นและเหลก็ รีดเยน็ การอนุรักษ์ ภมู ิปัญาทอ้ งถนิ และ 4. การผลิตเครืองนอน การผลิต . อาชีพช่างอุตสาหกรรมนาํ มนั เช่น การสาํ รวจแหล่งนาํ มนั และการขุดเจาะ เทคโนโลยชี วี ภาพ ตุ๊กตาผา้ 5. การผลิตสินคา้ พลาสติก นาํ มนั โรงกลนั นาํ มนั เพอื ผลติ นาํ มนั ชนิดต่าง ๆ ฯลฯ 3. สารเพอื ชวี ติ ธาตุ สารประกอบ . อาชีพช่างอตุ สาหกรรมเครืองจกั รกล เช่นโรงงานผลติ คอมเพลสเซอร์ สารละลาย สารและผลติ ภณั ฑใ์ นชีวติ ผงซกั ฟอก ขวดนาํ ฯลฯ เครืองปรับอากาศ โรงงานผลิตปัมนาํ โรงงานผลิตเครืองยนตเ์ ล็กโรงงาน สารสังเคราะห์ ผลกระทบทีเกดิ จากสาร 6. การรับช่วงงานบางขนั ตอนของ ประกอบรถจกั รยานยนต์ เป็นตน้ และผลติ ภณั ฑท์ ีมีต่อสิงแวดลอ้ ม การผลิตมาดาํ เนินการ . อาชีพช่างอตุ สาหกรรมรถยนต์ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ โรงงาน 4. แรงและพลงั งานเพอื ชีวิต การอนุรักษ์ ตวั อยา่ ง การผลิตสินคา้ ดา้ น ประกอบตวั ถงั รถยนต์ ฯลฯ พลงั งาน และพลงั งานทดแทน อุตสาหกรรมในครวั เรือน เช่น ทอ ผา้ ตีนจก, ผา้ มดั หม,ี ผา้ ไหม, จกั รสาน, ทอเสือ, เยบ็ ผา้ ใบ, ทาํ ยางแผ่น, ทาํ เสือยดื ผา้ บาติก, ประดิษฐ์ทีติดผม

335 ด้านกล่มุ อาชีพ ลักษณะอาชีพ เนือหาตามสาระ อาชีพทีเกยี วข้อง ประดิษฐ์สิงของจากกระดาษสา ประดษิ ฐข์ องทีระลึกและของชาํ ร่วย ร้อยพวงมาลยั ดอกพุดส่งร้านขาย พวงมาลยั เยบ็ เสือสาํ เร็จรูป เผาถา่ น ทาํ ไส้กรอกอสี าน ทาํ ขนมจีบ เป็ นตน้ 3. พาณิชยกรรม การคา้ และบริหารทเี กียวกบั การคา้ ทกุ ชนิดไม่วา่ จะเป็นการคา้ ปลกี คา้ ส่ง 1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการ 1.คา้ ขายสินคา้ รับจา้ งทาํ บญั ชี การส่งออก การธนาคาร การประกนั ภยั และปัญญาประดิษฐ์ในวงการ นาํ ความรู้เกยี วกบั กระบวนการทาง 2.บริ การ คอมพวิ เตอร์เพือพาณิชยกรรม วทิ ยาศาสตร์และโครงงานไปใช้ ผลิตอาหารสาํ เร็จรูป เชน่ - คา้ ขาย 2. สิงมชี วี ติ และสิงแวดลอ้ ม ในการจดั ของทรี ะลกึ ขายสินคา้ พืนเมอื ง กลุ่มของสิงมชี ีวิต ระบบนิเวศ ขายก๋วยเตยี ว ขายอาหาร ขายสินคา้ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิงแวดลอ้ มและ เบ็ดเตล็ด ขายของชาํ ขายสินคา้ การอนุรกั ษ์ สาํ เร็จรูป ขายขนม ขายผลไม้ 3. พลงั งานในชวี ิตประจาํ วนั และ ขายอาหารและเครืองดืม การอนุรักษพ์ ลงั งาน ขายลอตเตอรี ขายตกุ๊ ตา 4. เทคโนโลยี ขายปาท่องโก๋ ขายอาหารทะเลสด 3.เป็นคนกลางรับซอื - ขาย ตวั อยา่ ง อาชีพคา้ ขาย เชน่ อาชีพ พอ่ คา้ แม่คา้ คนกลาง

336 ด้านกล่มุ อาชพี ลกั ษณะอาชีพ เนอื หาตามสาระ อาชีพทีเกียวข้อง การบริการลกู คา้ ขายสัตวเ์ ลียง ขายตวั เครืองบิน ขายเฟอร์นิเจอร์ 4. เวชภณั ฑ์ เช่น ขายยา ขายเครืองสาํ อาง ขายเครืองประดบั ทาํ ดว้ ยเงิน ขายทองรูปพรรณ ขายดอกไมส้ ด ขายแกส๊ หุงตม้ ขายตรงเครืองสาํ อาง ขายผลผลติ ทางการเกษตร สินคา้ อุตสาหกรรมทีตนเองเป็ น ผผู้ ลิต เป็นตน้ 4. ความคดิ กลุ่มอาชีพทีส่งเสริมความคิดสร้างสรรค”์ (Creative Profession) 1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการ แบ่งออกเป็น 9 กลุ่มไดแ้ ก่ สร้างสรรค์ 1) ประเภทมรดกทางวฒั นธรรม (Heritage or Cultural Heritage) เป็นกลุ่ม นาํ ความรูเ้ กยี วกบั กระบวนการทาง 1) งานฝีมือและหัตถกรรม (Crafts) อุตสาหกรรมทีเกียวเนืองกบั ประวตั ิศาสตร์ โบราณคดี วฒั นธรรม ประเพณี วทิ ยาศาสตร์และโครงงานไปใช้ 2) งานออกแบบ (Design) ความเชือ และสภาพสงั คม เป็ นตน้ แบ่งออกเป็ น 2 กล่มุ คอื กล่มุ การแสดงออก เทคโนโลยกี บั ชีวติ 3) แฟชนั (Fashion) ทางวฒั นธรรมแบบดงั เดิม (Traditional Cultural Expression) เช่น ศิลปะและ 2. สิงมชี วี ติ และสิงแวดลอ้ ม ในการจดั 4) ภาพยนตร์และวดิ โี อ งานฝี มือ เทศกาลงานและงานฉลอง เป็ นตน้ และกลุ่มทีตงั ทางวฒั นธรรม กลุ่มของสิงมีชวี ติ ระบบนิเวศ (Film & Video) (Cultural Sites) เช่น โบราณสถาน พิพธิ ภณั ฑ์ ห้องสมดุ และการแสดง ทรัพยากรธรรมชาติ และสิงแวดลอ้ มและ 5) การกระจายเสียง (Broadcasting)

337 ด้านกล่มุ อาชพี ลักษณะอาชีพ เนอื หาตามสาระ อาชีพทเี กยี วข้อง การอนุรกั ษ์ 6) ศลิ ปะการแสดง(Performing Arts) นิทรรศการ เป็นตน้ 3. สารเพือชีวิต ธาตุ สารประกอบ 7) ธุรกิจโฆษณา (Advertising) และ 2) ประเภทศิลปะ (Arts) เป็นกลุ่มอตุ สาหกรรมสร้างสรรคบ์ นพืนฐานของ สารละลาย สารและผลิตภณั ฑใ์ นชีวติ ธุรกิจการพิมพ์ (Publishing) สารสงั เคราะห์ ผลกระทบทีเกดิ จากสาร 9) สถาปัตยกรรม (Architecture) ศิลปะ และวฒั นธรรม แบ่งออกเป็น 2 กลุ ่ม คือ งานศลิ ปะ (Visual Arts) เช่น และผลติ ภณั ฑ์ทีมตี อ่ สิงแวดลอ้ ม ภาพวาด รูปปัน ภาพถา่ ย และวตั ถุโบราณ เป็นตน้ รวมทงั ศลิ ปะการแสดง 4. แรงและพลงั งานเพอื ชีวิต การอนุรักษ์ (Performing Arts) เช่น การแสดงดนตรี การแสดงละคร การเตน้ ราํ โอเปร่า พลงั งาน และพลงั งานทดแทน ละครสัตว์ และการเชิดหุ่นกระบอก เป็นตน้ 5. พลงั งานในชวี ิตประจาํ วนั และ การอนุรกั ษ์พลงั งาน 3) ประเภทสือ (Media) เป็น กลุม่ สือผลติ งานสร้างสรรคท์ ีสือสารกบั คน กลุม่ ใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 กล่มุ คือ งานสือสิงพมิ พ์ (Publishing and Printed Media) เช่น หนงั สือ หนังสือพิมพ์ และสิงตีพมิ พอ์ นื ๆ เป็นตน้ และงานโสตทศั น์ (Audiovisual) เช่น ภาพยนตร์โทรทศั น์ วิทยุ และการออกอากาศอืนๆ เป็นตน้ 4) ประเภทสรา้ งสรรคง์ าน (Functional Creation) เป็ นกลมุ่ ของสินคา้ และ บริการทีตอบสนองความตอ้ งการของลูกคา้ ทแี ตกต่างกนั แบง่ ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กล่มุ การออกแบบ (Design) เชน่ การออกแบบภายใน กราฟิค แฟชนั อญั มณี และของเดก็ เล่น เป็นตน้ ส่วนกลมุ่ New Media ไดแ้ ก่ ซอฟตแ์ วร์ วดิ ีโอเกม และเนือหาดิจติ อล เป็ นตน้ และกลมุ่ บริการทางความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Services) ไดแ้ ก่ บริการทางสถาปัตยกรรม โฆษณา วฒั นธรรมและ นนั ทนาการ งานวิจยั และพฒั นา และบริการอืนทีเกยี วขอ้ งกบั ดิจติ อล และ ความคิดสร้างสรรค์ เป็นตน้

ด้านกล่มุ อาชีพ ลักษณะอาชพี เนอื หาตามสาระ 338 อาชีพทีเกียวข้อง 5. บริหาร อาชพี การใหบ้ ริการ (Service Sector) เป็ นอาชีพทีผปู้ ระกอบการมสี ินคา้ 1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ในการ ตวั อย่าง อาชีพบริการ จดั การและ เป็ นการบริการ เพืออาํ นวยความสะดวกให้แก่ผซู้ ือบริการหรือลกู คา้ นาํ ความรูเ้ กยี วกบั กระบวนการทาง ช่างซ่อม เชน่ ชา่ งซ่อมมอเตอร์ไซด์ บริการ คุณภาพของสินคา้ บริการ คือความพงึ พอใจจากการใชบ้ ริการนนั ๆ รายได้ วิทยาศาสตร์และโครงงานไปใช้ ช่างซ่อมรถยนต์ ช่างเคาะปะผุและ เทคโนโลยีกบั ชวี ติ พ่นสีรถยนต์ ช่างซอ่ มเบาะรถยนต์ คือ คา่ ตอบแทนทีไดจ้ ากการบริการ การประกอบอาชีพประเภทนีตอ้ งการเงิน 2. สิงมีชวี ติ และสิงแวดลอ้ ม ในการจดั ช่างซ่อมโทรทศั น์ วทิ ยุ ช่างซ่อม ลงทุนไม่มากนกั เมือเทยี บกบั การลงทุนดา้ นการผลติ สินคา้ กระบวนการ กลุม่ ของสิงมีชีวิต ระบบนิเวศ เครืองใชไ้ ฟฟ้ า ช่างเชือมโลหะ ไมซ่ บั ซอ้ น เพยี งแต่ผใู้ ห้บริการตอ้ งเป็ นผทู้ ีมคี วามรู้ความสามารถและมี ทรัพยากรธรรมชาติ และสิงแวดลอ้ ม ช่างทาํ หลงั คาอะลูมเิ นียม ประสบการณ์ หรือเชยี วชาญในอาชีพ และการอนุรักษ์ เสริมสวยความงาม เช่น ช่างตดั เยบ็ 3. สารเพือชีวิต ธาตุ สารประกอบ เสือผา้ ช่างเสริมสวย- ชา่ งแต่งหน้า สารละลาย สารและผลิตภณั ฑ์ในชีวิต นวดหนา้ ช่างทาํ ผม ช่างตดั ผมบุรุษ สารสงั เคราะห์ ผลกระทบทีเกดิ จากสาร ช่างศลิ ป์ ช่างเขียนภาพเหมือน และผลติ ภณั ฑ์ทีมีตอ่ สิงแวดลอ้ ม ช่างศลิ ป์ ทาํ โปสเตอร์โฆษณา 4. แรงและพลงั งานเพือชีวติ การอนุรกั ษ์ ช่างก่อสร้าง ช่างจดั ดอกไมส้ ด, พลงั งาน และพลงั งานทดแทน พลงั งาน ดอกไมแ้ หง้ ไฟฟ้ า พลงั งานแสง พลงั งานเสียง รับจา้ งทวั ไป เช่น รับเลยี งเด็กอ่อน พลงั งานในชีวติ ประจาํ วนั และการ บริการซกั อบรีด บริการใหเ้ ชา่ วีดีโอ, อนุรกั ษพ์ ลงั งาน หนงั สืออ่านเล่น บา้ นพกั ตากอากาศ, หอพกั สกูตเตอร์ชายหาด, รถเช่า

ด้านกล่มุ อาชพี ลกั ษณะอาชีพ เนอื หาตามสาระ 339 อาชพี ทีเกยี วข้อง ขบั รถแทก็ ซ,ี มอเตอร์ไซด์รับจา้ ง, รถรบั จา้ งระหว่างหมบู่ า้ น, สามลอ้ บริการถา่ ยเอกสาร, รับพมิ พร์ ายงาน เลน่ ดนตรีในร้านอาหาร รับเหมา แกะหอยนางรม รับเหมาสับตระไคร้ ส่งโรงงาน รับเหมาก่อสรา้ ง เป็ นตน้

340 บรรณานุกรม การแพร่ จาก http://www.indiana.edu/~phys /lecture/lecnotes/lecgraphics/diffusion .gif การแพร่และออสโมซสิ จาก http://www.sritani.ac.th/ebook/chem40222/pretest.htm การไฟฟ้ าแห่งประเทศไทย. (2551). ระบบไฟฟ้ า การเดินสายไฟฟ้ าภายในบ้านแบบติดผนังลอยตัว. กรุงเทพฯ. ------------. (2551). ระบบไฟฟ้ า การเดินสายไฟฟ้ าภายในอาคารแบบตดิ ผนงั ลอลอดท่อ. กรุงเทพฯ. การรกั ษาสมดุลของเซลล์ จาก http://student.nu.ac.th/kaewsa/lesson .htm คณะกรรมการวิจยั แห่งชาต,ิ สาํ นักงาน. มนุษย์กบั ธรรมชาต.ิ จดั แปลและพิมพ์ : กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ คุรุสภา คลอโรพลาส. (online) Available URL http://www.geocities.com/m @ymail.com/pic/forweb/ chloroplastsfigure .jpg เขา้ ถงึ เมือ มถิ นุ ายน โครงสร้างพนื ฐานของเซลล์. (online) Available URL http://www.student.nu.ac.th/kaewsa/lesson .htm เขา้ ถึงเมอื มถิ ุนายน เซลล.์ (online) จินดา ภทั รพงษ์ และอจั ฉริยา ทองป้ อง. (2551). สือและสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศกึ ษา ตอนต้น การศกึ ษานอกโรงเรียน. พมิ พท์ ี 3 กรุงเทพฯ. หนา้ 221 - 223. เซลล์ จากhttp://www.thaigoodview.com/library/contest /science / / /cell/content/nucleus. html เซลล์และการแบ่งเซลล์ จาก http://www.muic hatyai.ac.th/redesign/download/cell_grade .ppt# , , ภาพนิง เซลล์และทฤษฎเี ซลล์ จาก www.thaigoodview.com/.../25/.../cp00_cellandtheory.html ทฤษฎเี ซลล์ จาก www.school.obec.go.th/saneh/cell/cell/indexk1.htm นุภาศพฒั น์ จรูญโรจน์ และคณะ. ค่มู อื วิทยาศาสตร์กายภาพ ชีวภาพ ม.4 - 5 - 6. กรุงเทพฯ : ไฮเอด้ พบั ลชิ ซิง บญั ชา แสนทวี และคณะ. ( 50).สือการเรียนรู้การศกึ ษานอกโรงเรยี น(กศน.) หมวดวชิ าวทิ ยาศาสตร์ SC ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น. บริษทั วฒั นาพานิช จาํ กดั , กรุงเทพฯ. หน้า . บญั ญตั ิ ลายพยคั ฆ์ และชนินทร์ทิพย์ ลายพยคั ฆ์ . หมวดวชิ าวทิ ยาศาสตร์ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น . กรุงเทพฯ : สาํ นกั พมิ พบ์ รรณกิจ, พิมพค์ รังที 1 . 2546. ประวิตร ชูศลิ ป์ ภาควิชาเคมี คณะวทิ ยาศาสตร์ฯ สถาบนั ราชภฏั พิบลู สงคราม

341 ยุพา วรยศ ดร. และคณะ. กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ม . กรุงเทพฯ : อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จาํ กดั , พิมพค์ รงั ที . . วิทยาศาสตร์ ม. 1 หมวดวิชาวทิ ยาศาสตร์, 2544. ชุดการศกึ ษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธกิ าร. สงขลา : เทมการพิมพ์ สถาพร ทพั พะกุล ณ อยุธยา และคณะ. ค่มู อื เตรียมสอบวทิ ยาศาสตร์ ม. , , . กรุงเทพฯ : หจก. สาํ นกั พมิ พ์ ภมู ิบณั ฑิตการพมิ พ์ จาํ กดั , . สราวธุ ญาณยทุ ธ. (2547). หนังสือเรยี นสาระการเรียนรู้พนื บาน กล่มุ สาระการเรยี นรู้ช่วงชันที 3 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น การงานอาชีพและเทคโนโลยี งานช่าง. สาํ นกั พมิ พแ์ มค๊ จาํ กดั . หน้า 59 - 62. ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย,ี สถาบนั . ค่มู อื การทาํ และการจดั แสดงโครงงาน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี, . กรุงเทพ:สถาบนั การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาํ นกั งาน กศน. ( ). ชุดการเรียนทางไกล หมวดวิชาพัฒนาอาชีพ รหัส พอ ระดับมธั ยมศึกษา ตอนต้น. โรงพมิ พอ์ งค์กรการรบั ส่งสินคา้ และพสั ดุภณั ฑ,์ กรุงเทพฯ. หนา้ , 79 - . สาํ นกั งาน กศน. ( 53). หนังสือเรียนสาระทักษณะความรู้พืนฐาน รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ พว. หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดบั การศึกษาขันพืนฐาน พุทธศักราช . พิมพ์ครังที / . บริษทั เอกพิมพไ์ ท จาํ กดั กรุงเทพฯ. หนา้ - . สุชาติ วงศส์ ุวรรณ.( ). การเรียนรู้สําหรับศตวรรษที การเรียนรู้ทผี ้เู รียนเป็ นผู้สร้างความรู้ด้วย ตนเองโครงงานเอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัตกิ าร การพัฒนาการจัดกระบวนการ เรียนรู้แบบบูรณาการ. โรงเรียนหาดใหญว่ ิทยาลยั สมบูรณ์กุลกนั ยา จงั หวดั สงขลา. สุรศกั ดิ อมรรตั นศกั ด.ิ คณติ ศาสตร์ . ม.ป.ป.กรุงเทพฯ : ศูนยส์ ่งเสริมวิชาการ สุรินทร์ พงศศ์ ภุ สมทิ ธ.ิ ค่มู ือปฏิบัติกิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์. สถาบนั ส่งเสริมการสอน วทิ ยาศาสตร,์ 2550. การศกึ ษานอกโรงเรียน, วทิ ยาศาสตรพ์ นื ฐาน สุวฒั ก์ นิยมคา้ , ทฤษฎีและทางปฏบิ ตั ใิ นการสอนวทิ ยาศาสตร์แบบสบื เสาะหาความรู้ เล่ม . บริษทั เจเนอรัลบุค๊ เซนเตอร์ จาํ กดั , หนา้ . สุวฒั น์ คลอ่ งดี. เทคนคิ การสอนโครงงานวทิ ยาศาสตร์(ฉบบั ประสบการณ์). . เอกสารเผยแพร่. เสียง เชษฐศิริพงศ์ . สารและสมบตั ิของสาร มธั ยมศึกษาปี ที 1. กรุงเทพฯ : สาํ นักพิมพพ์ ฒั นาศกึ ษา, ไสว ฟักขาว. โครงงานวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ : เอมพนั ธุ์, . ไสว ฟักขาว.โครงงานวทิ ยาศาสตร์. กรุงเทพ:เอมพนั ธุห์ น่วยศกึ ษานิเทศ,กรมอาชีวศกึ ษา,โครงงาน วิทยาศาสตร์ ปี พทุ ธศกั ราช , .เอกสารเผยแพร่ หน่วยศึกษานิเทศก,์ กรมอาชีวศึกษา. โครงงานวทิ ยาศาสตร์. . เอกสารเผยแพร่.

342 คณะผู้จัดทาํ ทปี รกึ ษา เลขาธิการ กศน. . นายประเสริฐ บุญเรือง รองเลขาธิการ กศน. 2. นายชยั ยศ อมิ สุวรรณ์ รองเลขาธิการ กศน. 3. นายวชั รินทร์ จาํ ปี ผเู้ ชยี วชาญเฉพาะดา้ นพฒั นาสือการเรียนการสอน 4. นางวทั นี จนั ทร์โอกลุ ผเู้ ชยี วชาญเฉพาะดา้ นเผยแพร่ทางการศึกษา 5. นางชุลพี ร ผาตนิ ินนาท หวั หนา้ หน่วยศกึ ษานิเทศก์ 5. นางอญั ชลี ธรรมวิธีกลุ ผอู้ าํ นวยการกลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน 6. นางศทุ ธินี งามเขตต์ อุทยานวทิ ยาศาสตร์พระจอมเกลา้ ณ หวา้ กอ จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ ผ้เู ขยี นและเรียบเรียง ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์เพอื การศึกษาสมทุ รสาคร 1. นายสงดั ประดิษฐ์สุวรรณ์ ศูนยว์ ิทยาศาสตร์เพอื การศึกษาพระนครศรีอยุธยา ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์เพือการศึกษาตรงั 2. นายประกิต จนั ทร์ศรี อทุ ยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกลา้ ณ หวา้ กอ 3. นายสุชาติ มาลากรรณ์ จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ 4. นายชยั กจิ อนันตนิรตั ิศยั ศูนยว์ ทิ ยาศาสตร์เพือการศกึ ษาสมุทรสาคร ผ้บู รรณาธกิ าร และพัฒนาปรับปรุง ศนู ยว์ ิทยาศาสตร์เพือการศกึ ษาพระนครศรีอยธุ ยา 5. นายสงดั ประดิษฐ์สุวรรณ์ ศูนยว์ ิทยาศาสตร์เพอื การศกึ ษาตรงั ขา้ ราชการบาํ นาญ 6. นายประกิต จนั ทร์ศรี ขา้ ราชการบาํ นาญ 7. นายสุชาติ มาลากรรณ์ กล่มุ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน 8. นายชยั กจิ อนันตนิรัติศยั กลมุ่ พฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 9. นางธญั ญวดี เหลา่ พาณิชย์ กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 10. นางสาวชนิตา จิตตธ์ รรม กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน คณะทาํ งาน กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน . นายสุรพงษ์ มนั มะโน . นายศุภโชค ศรีรัตนศลิ ป์ . นางสาววรรณพร ปัทมานนท์ 4. นางสาวศริญญา กลุ ประดษิ ฐ์ . นางสาวเพชรินทร์ เหลอื งจิตวฒั นา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook