Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พุทธวจน 5_แก้กรรม โดยตถาคต

พุทธวจน 5_แก้กรรม โดยตถาคต

Published by sadudees, 2017-01-10 00:53:27

Description: พุทธวจน 5_แก้กรรม โดยตถาคต

Search

Read the Text Version

แกก รรม ? ๘๕ เชือ่ วา “กรรม” เกดิ ข้นึ เอง อันตรายอยา งยงิ่ ภกิ ษุ ท. ! ในบรรดาผาทที่ อดวยสิ่งทเี่ ปน เสนๆกันแลว ผา เกสกัมพล (ผาทอดว ยผมคน) นับวาเปน เลวที่สดุ .ผา เกสกมั พลน้ี เมอื่ อากาศหนาว มนั กเ็ ย็นจดั , เม่ืออากาศรอน มนั ก็รอ นจดั . สกี ็ไมง าม กลน่ิ ก็เหมน็ เน้อื ก็กระดาง ; ขอนเ้ี ปน ฉันใด, ภิกษุ ท. ! ในบรรดาลทั ธติ าง ๆ ของเหลา ปถุ -ุสมณะ (สมณะอ่ืนทัว่ ไป) แลว ลัทธมิ กั ขลิวาท นบั วา เปนเลวทส่ี ุด ฉนั นน้ั . ภกิ ษุ ท. ! มักขลโิ มฆบรุ ุษนั้น มีถอ ยคําและหลกั ความเห็นวา “กรรมไมม ี, กิริยาไมม ,ี ความเพยี รไมม”ี(คอื ในโลกนี้ อยาวาแตจะมีผลกรรมเลย แมแตตัวกรรมเองก็ไมม ี, ทาํ อะไรเทา กบั ไมท ํา ในสวนของกิริยาและความเพียรกม็ นี ยั เชนเดยี วกัน).

๘๖ พทุ ธวจน ภกิ ษุ ท. ! แมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาทั้งหลายท่ีเคยมีแลวในอดีตกาลนานไกล ทานเหลาน้ันก็ลวนแตเปนผูกลาววา มีกรรม มีกิริยา มีวิริยะ. มักขลิ-โมฆบุรุษ ยอมคัดคานพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาน้ันวา ไมมีกรรม ไมมกี ิริยา ไมมีวริ ยิ ะ ดงั น.ี้ ภิกษุ ท. ! แมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาท้ังหลายทีจ่ ักมมี าในอนาคตกาลนานไกลขา งหนา ทานเหลานัน้ กล็ ว นแตเ ปนผูก ลาววา มกี รรม มีกิรยิ า มวี ิรยิ ะ.มกั ขลิโมฆบรุ ษุ ยอ มคดั คา นพระอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจาเหลานั้น วา ไมม ีกรรม ไมมกี ริ ิยา ไมมวี ริ ยิ ะ ดังน้ี. ภกิ ษุ ท. ! ในกาละน้ี แมเ ราเองผเู ปน อรหนั ต-สัมมาสมั พุทธะกเ็ ปน ผูก ลาววา มีกรรม มกี ริ ิยา มีวริ ิยะ.มกั ขลโิ มฆบุรุษยอมคัดคานเราวา ไมมีกรรม ไมม ีกิรยิ าไมม ีวริ ิยะ ดงั น้.ี ภกิ ษุ ท. ! คนเขาวางเครอื่ งดกั ปลา ไวท ป่ี ากแมน ํา้ ไมใ ชเ พอ่ื ความเกอื้ กลู , แตเ พื่อความทุกข ความวอดวาย ความฉิบหาย แกพ วกปลาท้ังหลาย ฉนั ใด ;

แกกรรม ? ๘๗ มกั ขลิโมฆบุรุษเกดิ ข้นึ ในโลก เปน เหมือนกับผูวางเคร่ืองดักมนษุ ยไว ไมใชเพอื่ ความเก้ือกลู , แตเ พอ่ืความทุกขค วามวอดวาย ความฉบิ หาย แกสัตวทง้ั หลายเปนอันมาก ฉนั นั้น. ติก. อํ. ๒๐/๓๖๙/๕๗๗.



\" \"   !       \"   #    \"

๙๐ พุทธวจน ปฏจิ จสมปุ บาท ในฐานะเปนกฎสูงสดุ ของธรรมชาติ ภกิ ษุ ท. ! เราจกั แสดงซ่งึ ปฏิจจสมุปบาท (คือธรรมอนั เปน ธรรมชาตอิ าศยั กนั แลวเกิดขนึ้ ) แกพวกเธอท้งั หลาย. พวกเธอท้ังหลาย จงฟง ซงึ่ ปฏิจจสมุปบาทน้นั ,จงทําในใจใหส าํ เร็จประโยชน, เราจักกลาวบัดน้ี ... ภกิ ษุ ท. ! กป็ ฏิจจสมุปบาท เปนอยา งไรเลา ? ภิกษุ ท. ! เพราะชาตเิ ปน ปจ จยั ชรา มรณะยอ มม.ี ภิกษุ ท. ! เพราะเหตทุ ่ี พระตถาคตทง้ั หลายจะบงั เกดิ ข้นึ กต็ าม,จะไมบ ังเกิดขน้ึ ก็ตาม, ธรรมธาตุนนั้ยอ มตง้ั อยแู ลว น่ันเทียว ; คอื ความตง้ั อยแู หง ธรรมดา (ธมั มัฏฐิตตา), คอื ความเปน กฎตายตัวแหง ธรรมดา (ธัมมนิยามตา), คอื ความท่เี มือ่ มีสิ่งนี้สงิ่ น้เี ปน ปจจัย สิง่ นี้สงิ่ นี้จึงเกิดขึ้น (อทิ ัปปจจยตา).

แกก รรม ? ๙๑ ตถาคต ยอ มรพู รอ มเฉพาะ ยอมถงึ พรอ มเฉพาะซึ่งธรรมธาตนุ ้ัน ; ครนั้ รูพรอ มเฉพาะแลว ถึงพรอมเฉพาะแลว , ยอ มบอก ยอมแสดง ยอ มบญั ญตั ิ ยอ มตงั้ ข้ึนไว ยอมเปด เผย ยอ มจาํ แนกแจกแจง ยอมทาํ ใหเ ปนเหมอื นการหงายของทีค่ วํ่า ; และไดกลา วแลว ในบดั นวี้ า“ภกิ ษุ ท. ! ทา นทง้ั หลายจงมาดู : เพราะชาติเปนปจ จยัชรามรณะยอ มม”ี ดงั น.ี้ ภกิ ษุ ท. ! เพราะเหตดุ ังนแี้ ล : ธรรมธาตุใดในกรณนี ้ันอันเปน ตถตา คอื ความเปน อยา งน้ัน,เปน อวติ ถตา คอื ความไมผิดไปจากความเปนอยางน้ัน,เปน อนญั ญถตา คอื ความไมเปนไปโดยประการอน่ื ,เปน อิทัปปจจยตา คือความที่เม่ือมีสิ่งนีส้ งิ่ น้เี ปนปจจยั ส่ิงน้สี งิ่ นจ้ี งึ เกดิ ขน้ึ ; ภกิ ษุ ท. ! ธรรมนเ้ี ราเรยี กวา ปฏิจจสมปุ บาท(คือธรรมอันเปนธรรมชาติ อาศัยกนั แลวเกดิ ขึ้น). นทิ าน. สํ. ๑๖/๓๐/๖๑.

๙๒ พุทธวจน ความเก่ยี วขอ งของ กิเลส กรรม และวิบากกรรม ภิกษุ ท. ! เหตุทงั้ หลาย ๓ ประการเหลาน้ี มีอยู เพ่ือความเกดิ ข้นึ แหง กรรมทง้ั หลาย. ๓ ประการเหลา ไหนเลา ? ๓ ประการ คือ โลภะ (ความโลภ) เปน เหตุเพอ่ื ความเกดิ ขนึ้ แหงกรรมทัง้ หลาย, โทสะ (ความคดิ ประทษุ ราย) เปนเหตเุ พอื่ ความเกดิ ข้ึนแหงกรรมทง้ั หลาย, โมหะ (ความหลง) เปน เหตเุ พ่ือความเกดิ ขนึ้ แหงกรรมทงั้ หลาย. ภกิ ษุ ท. ! เปรียบเหมือนเมลด็ พืชทงั้ หลาย ท่ีไมแ ตกหัก ทีไ่ มเนา ที่ไมถกู ทาํ ลายดวยลมและแดดเลอื กเอาแตเมด็ ดี เก็บงาํ ไวด ี อันบคุ คลหวา นไปแลว ในพืน้ ทซ่ี ง่ึ มปี ริกรรมอนั กระทําดแี ลว ในเนอื้ นาด.ี อนง่ึ

แกกรรม ? ๙๓สายฝนกต็ กตอ งตามฤดูกาล. ภิกษุ ท. ! เมล็ดพืชทั้งหลายเหลา น้นั จะพึงถงึซึ่งความเจรญิ งอกงาม ไพบูลยโ ดยแนน อน, ฉนั ใด ; ภกิ ษุ ท. ! ขอ นี้ก็ฉันนั้น คือ กรรมอันบุคคลกระทําแลวดว ยโลภะ เกิดจากโลภะ มีโลภะเปน เหตุมีโลภะเปนสมุทัย อันใด ; กรรมอนั นั้น ยอมใหผลในขนั ธท ัง้ หลาย อันเปน ทบี่ ังเกดิ แกอัตตภาพของบคุ คลน้นั .กรรมน้ันใหผลในอัตตภาพใด เขายอมเสวยวิบากแหงกรรมนนั้ ในอัตตภาพน้นั เอง ไมวาจะเปน ไปอยา งในทิฏฐธรรม (คือทันควัน) หรอื วา เปนไปอยางในอุปปช ชะ(คอื ในเวลาตอมา) หรือวา เปน ไปอยา งในอปรปริยายะ (คอืในเวลาตอมาอีก) ก็ตาม. กรรมอันบคุ คลกระทําแลว ดว ยโทสะ เกดิ จากโทสะ มีโทสะเปนเหตุ มีโทสะเปนสมุทยั อนั ใด ;กรรมอนั นัน้ ยอ มใหผ ลในขันธท ้งั หลายอันเปน ที่บังเกดิแกอ ัตตภาพของบุคคลนนั้ . กรรมน้ัน ใหผ ลในอตั ตภาพใดเขายอมเสวยวิบากแหง กรรมนนั้ ในอตั ตภาพนน้ั เอง ไมวา

๙๔ พทุ ธวจนจะเปนไปอยางในทิฏฐธรรม หรอื วา เปนไปอยา งในอุปปช ชะ หรอื วา เปน ไปอยางในอปรปรยิ ายะ กต็ าม. กรรมอันบุคคลกระทําแลวดว ยโมหะ เกิดจากโมหะ มโี มหะเปน เหตุ มีโมหะเปน สมทุ ัยอนั ใด ; กรรมอันน้นั ยอ มใหผ ลในขันธทง้ั หลาย อนั เปน ท่ีบงั เกดิแกอ ตั ตภาพของบุคคลนนั้ . กรรมนัน้ ใหผ ลในอัตตภาพใดเขายอมเสวยวิบากแหงกรรมนน้ั ในอัตตภาพนน้ั เอง ไมวาจะเปนไปอยา งในทฏิ ฐธรรม หรอื วา เปนไปอยา งในอปุ ปช ชะ หรือวา เปน ไปอยางในอปรปริยายะ กต็ าม. ภกิ ษุ ท. ! เหตทุ ้ังหลาย ๓ ประการ เหลา นี้แลเปนไปเพ่อื ความเกดิ ขน้ึ แหงกรรมทง้ั หลาย.











๑๐๐ พุทธวจน ส่ิงทท่ี าํ ใหม ภี พ “ขา แตพระองคผูเจริญ ! พระองคต รัสอยูวา ‘เครื่องนาํ ไปสูภพ เครื่องนําไปสูภพ’ ดงั น้ี, ก็เครอ่ื งนําไปสูภพเปนอยา งไร ? พระเจาขา ! และความดับไมเ หลือของเครอื่ งนาํ ไปสภู พนัน้ เปนอยางไรเลา ? พระเจา ขา !” ราธะ ! ฉันทะ (ความพอใจ) ก็ดี ราคะ (ความกําหนัด) กด็ ี นันทิ (ความเพลิน) ก็ดี ตณั หา (ความทะยานอยาก) กด็ ี และอปุ ายะ (กิเลสเปน เหตุ เขาไปสูภพ) และอุปาทาน (ความถือม่นั ดว ยอํานาจกเิ ลส) อันเปนเครอ่ื งตัง้ ทับเคร่อื งเขาไปอาศัย และเครอื่ งนอนเน่ืองแหงจติ กด็ ี ใด ๆในรปู ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทงั้ หลาย และในวญิ ญาณ ; กเิ ลสเหลา นี้น่เี ราเรียกวา ‘เครื่องนาํ ไปสภู พ’ ความดับไ มเ ห ลือ ของเครื่องนําไปสูภพมีไดเพราะความดับไมเหลือของกิเลส มีฉันทราคะเปนตนเหลานั้นเอง. ขนธฺ . สํ. ๑๗/๒๓๓/๓๖๘.

แกกรรม ? ๑๐๑ เหตเุ กดิ ของทุกข ถูกแลว ถกู แลว อานนท ! ตามท่สี ารีบุตรเมอ่ืตอบปญ หาในลกั ษณะน้ันเชน น้นั , ชอื่ วาไดตอบโดยชอบ : อานนท ! ความทุกขน ้นั เรากลาววาเปน สงิ่ ท่ีอาศัยปจจัยอยางใดอยางหนึ่งแลวเกิดขึ้น (เรียกวาปฏิจจสมุปปน นธรรม). ความทกุ ขนน้ั อาศยั ปจ จยั อะไรเลา ? ความทุกขน ั้น อาศยั ปจจยั คือ ผสั สะ, ผกู ลา วอยา งนแ้ี ล ชือ่ วา กลา วตรงตามทเ่ี รากลาว ไมเปนการกลาวตูเราดวยคําไมจริง ; แตเปนการกลา วโดยถูกตองและสหธรรมกิ บางคนทีก่ ลาวตาม กจ็ ะไมพ ลอยกลายเปนผคู วรถกู ตไิ ป ดว ย. อานนท ! ในบรรดาสมณพราหมณ ทีก่ ลาวสอนเรื่องกรรมทัง้ สีพ่ วกน้นั : สมณพราหมณ ท่กี ลาวสอนเร่อื งกรรมพวกใดยอ มบญั ญัตคิ วามทกุ ข วา เปน สงิ่ ทต่ี นทาํ เอาดวยตนเอง,

๑๐๒ พทุ ธวจนแมความทุกขท ีพ่ วกเขาบญั ญัตนิ ั้น กย็ งั ตองอาศัยผสั สะเปนปจ จัย จึงเกิดได ; สมณพราหมณ ที่กลา วสอนเรอ่ื งกรรมพวกใดยอ มบัญญตั คิ วามทกุ ข วา เปน สง่ิ ทผี่ ูอ ื่นทาํ ให, แมความทุกขท พี่ วกเขาบัญญตั นิ ้ัน ก็ยงั ตองอาศยั ผัสสะ เปนปจ จัย จงึ เกดิ มไี ด ; สมณพราหมณ ทีก่ ลาวสอนเรื่องกรรมพวกใดยอมบัญญตั ิความทุกข วาเปน สงิ่ ทตี่ นทําเอาดว ยตนเองดว ย ผอู น่ื ทําใหด ว ย, แมค วามทุกขทพี่ วกเขาบญั ญัตนิ น้ัก็ยังตองอาศยั ผสั สะ เปน ปจ จัย จงึ เกดิ มีได ; ถงึ แมส มณพราหมณ ท่ีกลาวสอนเร่ืองกรรมพวกใด ยอมบญั ญตั คิ วามทุกข วา เปน สิง่ ทไี่ มใ ชท ําเองหรอืใครทาํ ใหก็เกิดขนึ้ ได ก็ตาม, แมค วามทุกขที่พวกเขาบญั ญตั นิ นั้ กย็ ังตอ งอาศยั ผสั สะ เปนปจ จยั จึงเกิดมีไดอยูนั่นเอง. นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๔๐/๗๕.



๑๐๔ พุทธวจน ทาํ ไมคนทท่ี าํ บาปกรรมอยางเดยี วกนั แตรบั วิบากกรรมตา งกัน ภกิ ษุ ท. ! ใครพงึ กลาววา คนทาํ กรรมอยา งใด ๆ ยอ มเสวยกรรมนน้ั อยา งนั้น ๆ ดงั นี้ เมื่อเปนอยางนั้น การอยปู ระพฤติพรหมจรรยก ็มไี มได ชองทางท่จี ะทําท่สี ดุ ทกุ ขโ ดยชอบกไ็ มปรากฏ สว นใครกลา ววาคนทาํกรรมอันจะพงึ ใหผ ลอยา งใด ๆ ยอ มเสวยผลของกรรมน้ันอยางน้นั ๆ ดงั น้ี เม่อื เปน อยางน้ี การอยูประพฤติพรหมจรรยย อ มมไี ด ชองทางท่ีจะทาํ ทีส่ ดุ ทกุ ขโดยชอบกย็ อมปรากฏ. ภิกษุ ท. ! บาปกรรมแมป ระมาณนอ ย ทีบ่ ุคคลบางคนทาํ แลว บาปกรรมน้ันยอ มนําเขาไปนรกได บาปกรรมประมาณนอย อยางเดยี วกนั น้นั บางคนทาํ แลวกรรมนั้นเปน ทฏิ ฐธรรมเวทนยี กรรม (ใหผลในภพปจ จบุ ัน)ไมปรากฏผลมากตอ ไปเลย ? บาปกรรมแมป ระมาณนอย บุคคลชนดิ ไร ทํา

แกก รรม ? ๑๐๕แลว บาปกรรมนนั้ จงึ นําเขาไปนรกได ? บุคคลบางคนในโลกน้ี เปนผูมีกายมิไดอบรม มีศลี มไิ ดอบรม มจี ติ มไิ ดอ บรม มีปญ ญามิไดอบรม มคี ณุความดนี อ ย เปน อปั ปาตมุ ะ (ผมู ใี จคับแคบ ใจหยาบ ใจตาํ่ ทราม) เปนอัปปทกุ ขวหิ ารี (มปี กตอิ ยเู ปนทุกขด วยเหตุเล็กนอ ย คอื เปนคนเจาทุกข) บาปกรรมแมป ระมาณนอ ยบคุ คลชนดิ นี้ทาํ แลว บาปกรรมนน้ั ยอ มนาํ เขาไปนรก ไดบาปกรรมประมาณนอยอยา งเดยี วกนั . บุคคลชนิดไร ทาํ แลว กรรมน้นั จึงเปน ทิฏฐ-ธรรมเวทนยี กรรม ไมป รากฏผลมากตอไปเลย ? บุคคลบางคนในโลกนี้ เปน ผมู กี ายไดอบรมแลวมศี ลี ไดอบรมแลว มจี ิตไดอ บรมแลว มปี ญ ญาไดอ บรมแลว มคี ุณความดีมาก เปน มหาตมะ (ผมู ใี จกวา งขวาง ใจบญุ ใจสงู ) เปน อปั ปมาณวหิ ารี (มปี กตอิ ยูด ว ยธรรม อันหาประมาณมไิ ดค อื เปน คนไมมีหรอื ไมแสดงกิเลส ซง่ึ จะเปน เหตุใหเขาประมาณไดว าเปนคนดีแคไ หน) บาปกรรมประมาณนอ ยอยางเดียวกันน้ัน บุคคลชนิดนี้ทําแลวกรรมน้ันเปนทิฏฐธรรมเวทนียกรรม ไมป รากฏผลมาก ตอ ไปเลย.

๑๐๖ พทุ ธวจน ภิกษุ ท. ! ตางวาคนใสเกลือลงไปในถวยนํ้าเลก็ ๆ หน่ึงกอน ทา นท้งั หลายจะสาํ คัญวากระไร น้ําอันนอ ยในถวยน้ําน้นั จะกลายเปนนาํ้ เคม็ ไมน า ด่มื ไป เพราะเกลือกอนนนั้ ใชไหม ? “เปน เชนน้นั พระพุทธเจา ขา !” เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุวา นํา้ ในถวยนํ้านั้นมีนอย มันจึงเค็มได. ..เพราะเกลือกอนนั้น. ตา งวา คนใสเ กลือกอนขนาดเดียวกนั นน้ั ลงไปในแมน ํา้ คงคา ทา นทั้งหลายจะสําคัญวา กระไร น้าํ ในแมนาํ้ คงคานน้ั จะกลายเปน น้ําเค็ม ด่ืมไมไดเ พราะเกลอืกอ นนัน้ หรือ. “หามไิ ด พระพุทธเจาขา !” เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุวา นํ้าในแมน ้ําคงคามีมาก น้ํานน้ั จึงไมเค็ม...เพราะเกลอื กอนนน้ั . ฉันน้นั นนั่ แหละ. ภิกษุ ท.! บาปกรรมแมป ระมาณนอ ย บุคคลบางคนทําแลว บาปกรรมน้ันยอ มนําไปนรกได สวน

แกก รรม ? ๑๐๗บาปกรรมประมาณนอ ยอยางเดียวกันน้ัน บางคนทาํ แลวกรรมนน้ั เปน ทิฏฐธรรมเวทนยี กรรม ไมป รากฏผลมากตอ ไปเลย... ภกิ ษุ ท. ! คนบางคนยอมผูกพันเพราะทรพั ยแมก่งึ กหาปณะ... แม ๑ กหาปณะ... แม ๑๐๐ กหาปณะสว นบางคนไมผกู พนั เพราะทรัพยเ พยี งเทาน้ัน คนอยางไรจึงผูกพันเพราะทรัพยแ มก ่ึงกหาปณะ ฯลฯ คนบางคนในโลกนเ้ี ปน คนจน มสี มบตั นิ อย มโี ภคะนอย คนอยา งน้ียอมผกู พันเพราะทรพั ยแมก ง่ึ กหาปณะ. ฯลฯ คนอยางไร ไมผ กู พนั เพราะทรัพยเ พยี งเทา นน้ั ? คนบางคนในโลกนี้เปนผูม่ังค่ัง มีทรัพยมาก มีโภคะมาก คนอยา งน้ี ยอ มไมผกู พันเพราะทรัพยเ พยี งเทาน้ัน ฉันนนั้ นนั่ แหละ. ภกิ ษุ ท. ! บาปกรรมแมป ระมาณนอ ย บคุ คลบางคนทาํ แลว บาปกรรมนั้นยอมนาํ เขาไปนรกได สว นบาปกรรมประมาณนอยอยา งเดียวกนั นั้น บุคคลบางคนทาํ แลว กรรมน้ันเปน ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม ไมป รากฏผลมากตอไปเลย...

๑๐๘ พุทธวจน ภิกษุ ท. ! พรานแกะหรือคนฆาแกะบางคนอาจฆา มัด ยางหรือทําตามประสงคซึ่งแกะที่ขโมยเขามาได บางคนไมอาจทําอยางน้ัน พรานแกะหรือคนฆาแกะเชนไร จึงอาจฆา มัด ยาง หรือทําตามประสงคซง่ึ แกะทข่ี โมยเขามาได ? บางคนเปนคนยากจน มีสมบัตินอ ย มีโภคะนอยพรานแกะหรอื คนฆาแกะเชน นี้ อาจฆา ฯลฯ ซึง่ แกะท่ีขโมยเขามาได. พรานแกะหรอื คนฆาแกะเชน ไร ไมอาจทําอยางนั้น ? บางคนเปน ผมู ง่ั ค่ัง มีทรพั ยมาก มโี ภคะมาก เปนพระราชาหรอื ราชมหาอาํ มาตย พรานแกะหรอื คนฆาแกะเชนนี้ไมอาจทาํ อยางนน้ั มแี ตวา คนอนื่ จะประณมมือขอกะเขาวา ทา นผนู ิรทุกข ทา นโปรดใหแ กะหรือทรพั ยคา ซอื้แกะแกข าพเจา บา ง ดงั นีฉ้ นั ใด ฉันนน้ั เหมอื นกนั . ภิกษุ ท. ! บาปกรรมแมป ระมาณนอย บุคคลบางคนทําแลว บาปกรรมนน้ั นาํ เขาไปนรกได สว นบาปกรรมประมาณนอ ยอยา งเดียวกนั นน้ั บางคนทําแลว

แกกรรม ? ๑๐๙กรรมนั้นเปนทฏิ ฐธรรมเวทนียกรรม ไมปรากฏผลมากตอ ไปเลย... ภิกษุ ท. ! ใครกลา ววา คนทาํ กรรมอยา งใด ๆยอมเสวยกรรมน้ันอยางนน้ั ๆ ดังนี้ เมื่อเปนอยา งนน้ั ๆการอยปู ระพฤติพรหมจรรยย อ มมีไมไ ด ชอ งทางท่ีจะทําทีส่ ดุ ทกุ ขโดยชอบก็ไมป รากฏ สว นใครกลา ววา คนทํากรรมอันจะพงึ ใหผ ลอยางใด ๆ ยอ มเสวยผลของกรรมน้นั อยา งนัน้ ๆ ดงั น้ีเมอื่ เปน อยางน้ี การอยปู ระพฤตพิ รหมจรรยยอมมไี ดชอ งทางทจ่ี ะทําท่ีสุดทุกขโดยชอบกย็ อมปรากฏ. ติก. อ.ํ ๒๐/๓๒๐/๕๔๐.

๑๑๐ พุทธวจน เหตทุ ่ที ําใหม นุษยเ กดิ มาแตกตางกนั สุภมาณพ โตเทยยบตุ ร ไดท ลู ถามพระผมู ีพระภาคดงั น้ีวา “ขา แตพระโคดมผูเจริญ ! อะไรหนอแล เปน เหตุเปนปจ จัยใหพวกมนษุ ยที่เกิดเปนมนษุ ยอยู ปรากฏความเลวและความประณตี คือ มนุษยท้ังหลายยอมปรากฏมอี ายสุ ั้น มอี ายุยืนมโี รคมาก มีโรคนอ ย มีผิวพรรณทราม มผี วิ พรรณงาม มีศักดานอ ย มีศกั ดามาก มโี ภคะนอย มีโภคะมาก เกิดในสกลุ ต่ํา เกดิ ในสกุลสงู ไรป ญญา มีปญญา. ขาแตพ ระโคดมผเู จรญิ ! อะไรหนอแล เปนเหตุ เปนปจจยั ใหพวกมนษุ ยท เ่ี กิดเปน มนษุ ยอ ยูปรากฏความเลวและความประณีต.” พระผูมพี ระภาคตรสั วา มาณพ ! สตั วทงั้ หลายมีกรรมเปน ของตน เปนทายาทแหงกรรม มีกรรมเปนกําเนิด มกี รรมเปนเผา พนั ธุ มกี รรมเปน ทพี่ ึ่งอาศยักรรมยอมจาํ แนกสตั วใ หเลวและประณีตได. ขา พระองคย อมไมท ราบเนือ้ ความโดยพิสดารของอุเทศทีพ่ ระโคดมผูเจรญิ ตรสั โดยยอมิไดจ ําแนกเนื้อความโดยพสิ ดารน้ีได ขอพระโคดมผเู จริญ ! ไดโ ปรดแสดงธรรมแกขาพระองคโดย

แกก รรม ? ๑๑๑ประการที่ขาพระองคจะพึงทราบเน้ือความแหงอเุ ทศนโี้ ดยพิสดารดว ยเถดิ . มาณพ ! ถา อยางนั้น ทานจงฟง จงใสใจใหด ีเราจะกลา วตอไป :- สุภมาณพ โตเทยยบตุ ร ทลู รับพระผมู ีพระภาควา “ชอบแลว พระเจาขา !” พระผูมพี ระภาคจงึ ไดตรัสดงั น้วี า มาณพ !บคุ คลบางคนในโลกนจ้ี ะเปน สตรกี ็ตาม บรุ ษุ กต็ าม เปนผูมักทําชีวติ สตั วใหต กลว ง เปน คนเหยี้ มโหด มมี อื เปอ นเลอื ดหมกมุนในการประหตั ประหาร ไมเ อน็ ดใู นเหลาสัตวม ีชีวติ เขาตายไป จะเขา ถงึ อบาย ทุคติ วินบิ าต นรกเพราะกรรมนน้ั อนั เขาใหพ ร่ังพรอม สมาทานไวอ ยา งนี้หากตายไป ไมเ ขาถงึ อบาย ทคุ ติ วินิบาต นรก ถามาเปนมนษุ ยเ กดิ ณ ท่ใี ดๆ ในภายหลงั จะเปน คนมอี ายุสั้น. มาณพ ! ปฏิปทาท่ีเปน ไปเพ่ือความมอี ายสุ ้นันี้ คอื เปนผมู ักทาํ ชีวิตสตั วใ หต กลวง เปน คนเห้ยี มโหดมีมอื เปอ นเลอื ด หมกมุนในการประหตั ประหาร ไมเ อ็นดูในเหลา สตั วม ชี วี ิต.

๑๑๒ พทุ ธวจน มาณพ ! สวนบุคคลบางคนในโลกน้จี ะเปนสตรกี ็ตาม บุรษุ ก็ตาม ละปาณาตบิ าตแลว เปนผเู วน ขาดจากปาณาติบาต วางอาชญา วางศัสตราได มีความละอาย ถึงความเอ็นดู อนุเคราะหด ว ยความเกอื้ กูลในสรรพสตั วและภตู อยู เขาตายไป จะเขา ถงึ สุคติโลกสวรรค เพราะกรรมน้ัน อันเขาใหพ รง่ั พรอมสมาทานไวอยางนี้ หากตายไป ไมเ ขาถึงสุคตโิ ลกสวรรค ถามาเปนมนษุ ยเ กิด ณ ทใ่ี ดๆ ในภายหลงั จะเปน คนมีอายยุ นื . มาณพ ! ปฏิปทาทีเ่ ปนไปเพอ่ื ความมอี ายุยืนน้ีคือ ละปาณาติบาตแลว เปน ผเู วน ขาดจากปาณาติบาตวางอาชญา วางศสั ตราได มีความละอาย ถงึ ความเอน็ ดูอนุเคราะหด ว ยความเก้ือกลู ในสรรพสตั วแ ละภตู อยู. มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้จะเปนสตรีก็ตาม บุรษุ กต็ าม เปน ผูมีปกติเบยี ดเบียนสัตวด ว ยฝา มือหรอื กอนดนิ หรือทอ นไม หรอื ศัสตรา เขาตายไป จะเขา ถงึ อบาย ทคุ ติ วินบิ าต นรก เพราะกรรมนัน้ อนั เขาใหพ รงั่ พรอ ม สมาทานไวอ ยา งน้ี หากตายไปไมเ ขา ถงึอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถามาเปนมนษุ ยเ กิด ณ ท่ี

แกก รรม ? ๑๑๓ใดๆ ในภายหลัง จะเปน คนมีโรคมาก. มาณพ ! ปฏปิ ทาทเ่ี ปน ไปเพือ่ ความมีโรคมากนี้คือ เปนผูมีปกติเบียดเบียนสัตวดวยฝามือ หรือกอนดินหรือทอ นไม หรือศสั ตรา. มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้จะเปน สตรีกต็ าม บรุ ุษกต็ าม เปนผูม ปี กตไิ มเ บยี ดเบียนสัตวด ว ยฝามือหรอื กอนดนิ หรอื ทอ นไม หรือศสั ตรา เขาตายไป จะเขาถึงสุคติโลกสวรรค เพราะกรรมนั้น อันเขาใหพร่ังพรอ มสมาทานไวอยา งน้ี หากตายไป ไมเขา ถงึ สคุ ติโลกสวรรค ถามาเปน มนุษยเ กดิ ณ ท่ีใดๆ ในภายหลงัจะเปนคนมีโรคนอย. มาณพ ! ปฏปิ ทาทีเ่ ปนไปเพือ่ ความมีโรคนอยนี้ คือ เปน ผูม ีปกตไิ มเบยี ดเบียนสัตวด ว ยฝามอื หรือกอ นดิน หรอื ทอ นไม หรือศัสตรา. มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้จะเปน สตรีก็ตาม บุรุษกต็ าม เปนคนมักโกรธ มากดว ยความแคนเคืองถกู เขาวาเล็กนอ ยกข็ ัดใจ โกรธเคือง พยาบาท มาดรา ยทาํ ความโกรธ ความรา ย และความขงึ้ เคยี ดใหปรากฏ

๑๑๔ พุทธวจนเขาตายไป จะเขาถงึ อบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนนั้ อันเขาใหพ ร่งั พรอมสมาทานไวอยา งนี้ หากตายไป ไมเขา ถึงอบาย ทคุ ติ วินิบาต นรก ถา มาเปนมนษุ ยเ กดิ ณ ทีใ่ ดๆ ในภายหลงั จะเปน คนมผี ิวพรรณทราม. มาณพ ! ปฏปิ ทาท่ีเปน ไปเพื่อความมผี วิ พรรณทรามน้ี คอื เปนคนมักโกรธ มากดวยความแคน เคอื งถูกเขาวา เลก็ นอยกข็ ดั ใจ โกรธเคือง พยาบาท มาดรายทําความโกรธ ความราย และความข้งึ เคยี ดใหป รากฏ. มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกน้ีจะเปนสตรีกต็ าม บุรษุ ก็ตาม เปน คนไมมักโกรธ ไมม ากดว ยความแคนเคือง ถกู เขาวามากก็ไมขัดใจ ไมโกรธเคืองไมพ ยาบาท ไมมาดราย ไมทาํ ความโกรธ ความราย และความขึ้งเคียดใหป รากฏ เขาตายไป จะเขาถงึ สุคตโิ ลกสวรรค เพราะกรรมนน้ั อันเขาใหพ ร่ังพรอม สมาทานไวอยางนี้ หากตายไป ไมเขา ถึงสคุ ติโลกสวรรค ถามาเปนมนุษย เกดิ ณ ทีใ่ ดๆ ในภายหลงั จะเปน คนนาเล่อื มใส. มาณพ ! ปฏิปทาที่เปนไปเพื่อความเปนผู

แกกรรม ? ๑๑๕นาเลื่อมใสน้ี คือ เปนคนไมม ักโกรธ ไมมากดวยความแคน เคอื ง ถกู เขาวา มากก็ไมขัดใจ ไมโ กรธเคอื งไมพยาบาท ไมม าดรา ย ไมท ําความโกรธ ความรา ยความขึง้ เคยี ดใหปรากฏ. มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกนี้จะเปน สตรีกต็ าม บุรษุ กต็ าม มใี จริษยา ยอมรษิ ยา มงุ ราย ผกู ใจอจิ ฉาในลาภสกั การะ ความเคารพ ความนบั ถือ การไหวและการบชู าของคนอื่น เขาตายไป จะเขาถงึ อบาย ทุคติวนิ บิ าต นรก เพราะกรรมนั้น อนั เขาใหพร่งั พรอมสมาทานไวอยา งนี้ หากตายไปไมเ ขา ถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก ถา มาเปนมนุษยเกดิ ณ ที่ใดๆ ในภายหลังจะเปน คนมีศกั ดานอ ย. มาณพ ! ปฏิปทาท่ีเปนไปเพ่ือความมศี กั ดานอยน้ี คือ มีใจริษยา ยอ มริษยา มุงราย ผูกใจอจิ ฉาในลาภสกั การะ ความเคารพ ความนบั ถอื การไหว และการบูชาของคนอื่น. มาณพ ! บุคคลบางคนในโลกน้ีจะเปนสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เปนผูมใี จไมรษิ ยา ยอ มไมรษิ ยา















แกก รรม ? ๑๒๓เผาพันธุ มีกรรมเปนท่พี ึ่งอาศยั กรรมยอมจําแนกสตั วใหเ ลวและประณีต. เมื่อพระผมู พี ระภาคตรสั แลว อยา งนี้ สภุ มาณพ โตเทยยบุตรไดกราบทลู พระผูม ีพระภาคดังนี้วา :- “แจมแจง แลว พระเจา ขา ! แจมแจงแลว พระเจาขา !พระโคดมผเู จริญทรงประกาศธรรมโดยปริยายมใิ ชน อย เปรยี บเหมอื นหงายของที่ควํา่ หรือเปดของทปี่ ด หรอื บอกทางแกคนหลงทาง หรอื ตามประทีปในท่ีมดื ดว ยหวังวาผมู ตี าดจี กั เหน็ รูปไดฉะน้ัน ขา พระองคนข้ี อถงึ พระโคดมผเู จริญ พระธรรม และพระภิกษสุ งฆ วาเปนสรณะ. ขอพระโคดมผูเจริญ ! จงทรงจําขาพระองควาเปนอบุ าสก ผูถ งึ สรณะตลอดชีวิต ต้งั แตบ ัดน้เี ปนตน ไป”. อุปริ. ม. ๑๔/ ๓๗๖ /๕๗๙.

๑๒๔ พุทธวจน เกี่ยวกบั บุรพกรรม ของการไดล ักษณะของมหาบรุ ุษ และการบาํ เพ็ญบารมีในอดตี ชาติ ภิกษุ ท. ! พวกฤาษภี ายนอกจาํ มนตม หาปรุ สิ -ลักขณะไดก จ็ ริง แตห ารไู มว าการทมี่ หาบรุ ุษไดลักขณะอันน้ี ๆ เพราะทํากรรมเชนน้ี ๆ : ก. ภกิ ษุ ท. ! เมือ่ ตถาคตเกิดเปนมนุษยใ นชาติกอ น ในภพทอี่ ยอู าศัยกอ น ไดเปน ผูบากบ่นั ในกศุ ล ถอืมั่นในกายสจุ รติ วจสี จุ ริต มโนสุจรติ , ในการบรจิ าคทานการสมาทานศลี การรกั ษาอโุ บสถ การปฏบิ ตั มิ ารดาบิดา การปฏบิ ัติสมณพราหมณ การออนนอมตอ ผเู จริญในตระกลู และในอธิกศุ ลธรรมอนื่ . เพราะไดก ระทาํ ไดสรางสม ไดพ อกพูน ไดมวั่ สุมกรรมน้ัน ๆ ไว, ภายหลงัแตการตาย เพราะกายแตก ยอมเขาถึงสุคตโิ ลกสวรรค.ตถาคตนัน้ ถือเอาในเทพเหลา อนื่ โดยฐานะ ๑๐ คอื อายุ

แกก รรม ? ๑๒๕ทิพย วรรณะทพิ ย สุขทิพย ยศทิพย อธบิ ดที พิ ย รูปทิพยเสยี งทพิ ย กลิน่ ทิพย รสทพิ ย สมั ผัสทิพย ; คร้นั จตุ ิจากภพนนั้ มาสูความเปน มนุษยอ ยา งนี้ จงึ ไดม หาปรุ ิสลักขณะขอน้คี อื มีฝาเทาเสมอ จดลงก็เสมอ ยกขนึ้ ก็เสมอฝา เทาถกู ตองพ้นื พรอ มกนั ... ลกั ขณะที่๑, ยอมเปน ผูไมหวาดหว่ันตอขาศึกทั้งภายในและภายนอก คอื ราคะโทสะ โมหะ กต็ าม สมณะพราหมณ เทวดา มารพรหม หรอื ใคร ๆ กต็ าม ในโลก ท่ีเปน ศัตรู. ข. ภกิ ษุ ท. ! เม่ือตถาคตเกดิ เปน มนษุ ยใ นชาติกอน ...๑ ไดเ ปนผูนาํ สขุ มาใหแกม หาชนเปน ผูบรรเทาภัยคอื ความสะดงุ หวาดเสียว จัดการคุมครองรกั ษา โดยธรรมไดถวายทานมเี ครือ่ งบริวาร. เพราะไดก ระทํา...กรรมนนั้ ๆไว ... ครนั้ มาสคู วามเปนมนุษยอ ยางนี้ จึงไดมหาปรุ สิ -ลักขณะขอน้ีคอื ภายใตฝ าเทามีจักรทงั้ หลายเกดิ ข้ึน มซี ่ตี ั้งพนั พรอ มดวยกงและดมุ บรบิ รู ณด วยอาการทง้ั ปวง_________________________๑. ท่ลี ะไวด วยจุด....ดงั น้ี ทุกแหงหมายความวา คาํ ที่ละไวน นั้ ซาํ้ กันเหมือน ในขอ (ก) ขางบน. เติมเอาเองก็ได แมไมเติมก็ไดค วามเทา กัน.

๑๒๖ พทุ ธวจนมรี ะยะอนั จัดไวด ว ยดี .... ลกั ขณะที่ ๒, ยอมเปนผมู ีบริวารมาก, ภกิ ษุ ภกิ ษณุ ี อบุ าสก อบุ าสิกา เทวดามนษุ ย อสรู นาค คนธรรพ ยอ มเปน บรวิ ารของตถาคต. ค. ภกิ ษุ ท. ! เมอ่ื ตถาคตเกิดเปนมนษุ ยใ นชาติกอ น ... ไดเ ปน ผเู วนจากปาณาติบาต วางแลว ซง่ึ ศสั ตราและอาชญา มีความละอาย เอน็ ดู กรุณาเก้ือกลู แกส ตั วม ีชีวติ ท้ังปวง. เพราะ ... กรรมนัน้ ๆ ครั้นมาสคู วามเปนมนุษยอ ยางน้ี จึงไดม หาปุรสิ ลกั ขณะทง้ั ๓ ขอ นี้ คือ มีสน ยาว มขี อนว้ิ ยาว มกี ายตรงดุจกายพรหม ... ลักขณะที่๓,๔,๑๕, ยอ มเปนผมู ชี นมายยุ นื ยาวตลอดกาลนาน ;สมณะหรือพราหมณ เทวดา มาร พรหม กต็ าม หรือใคร ๆ ทีเ่ ปนศัตรู ไมส ามารถปลงชวี ติ ตถาคตเสยี ในระหวา งได. ง. ภิกษุ ท. ! เม่ือตถาคตเกดิ เปนมนุษยใ นชาติกอ น ไดเปนผใู หทานของควรเค้ยี ว ควรบรโิ ภค ควรลม้ิควรจิบ ควรดมื่ มีรสอันประณตี . เพราะ … กรรมน้นั ๆ..ครน้ั มาสคู วามเปนมนุษยอ ยา งน้แี ลว จงึ ไดม หาปุรสิ ลักขณะขอ นี้คอื มีเนอ้ื นูนหนาในที่ ๗ แหง คือท่ีมอื ท้งั สอง

แกกรรม ? ๑๒๗ทเี่ ทาทัง้ สอง ทบี่ าทงั้ สองและท่คี อ… ลกั ขณะที่ ๑๖, ยอ มไดของควรเคยี้ ว ควรบริโภค ควรล้มิ ควรจบิ ควรด่มือันมรี สประณีต. จ. ภิกษุ ท. ! เมื่อตถาคตเกิดเปน มนุษยใ นชาติกอ น ... ไดส งเคราะหผ ูอืน่ ดว ยสังคหวัตถทุ ั้งสี่ คือ การใหสง่ิ ของ วาจาที่ไพเราะ การประพฤติประโยชนผ อู ่ืน และความมตี นเสมอกัน. เพราะ ... กรรม นน้ั ๆ ...คร้ันมาสูความเปนมนษุ ยอยางนแี้ ลว จงึ ไดม หาปรุ ิสลักขณะ ๒ ขอนค้ี อื มมี อื และเทาออนนุม มลี ายฝามอื ฝา เทาดจุ ตาขาย ....ลกั ขณะท่ี ๕,๖, ยอ มเปนผูสงเคราะหบรษิ ัท คือภกิ ษุภกิ ษุณี อุบาสก อุบาสกิ า เทวดา มนษุ ย อสรู นาคคนธรรพ ยอมไดรับความสงเคราะหจ ากตถาคต. ฉ. ภกิ ษุ ท. ! เมื่อตถาคตเกิดเปน มนษุ ยใ นชาติกอ น ... ไดเ ปนผูก ลา ววาจาประกอบดว ยอรรถดวยธรรมแนะนาํ ชนเปน อนั มาก เปน ผนู ําประโยชนสุขมาใหแ กชนทง้ั หลาย ตนเองกเ็ ปน ผบู ูชาธรรม. เพราะ ...กรรมนั้น ๆ ... คร้ันมาสูค วามเปน มนษุ ยอ ยา งนี้ จึงไดม หา-ปรุ ิสลักขณะ ๒ ขอ น้ี คือ มีขอเทา สงู มีปลายขนชอ น

๑๒๘ พุทธวจนขนึ้ .... ลกั ขณะท่ี ๗,๑๔, ยอ มเปน ผูเ ลิศประเสรฐิ เยี่ยมสูงกวาสตั วท งั้ หลาย. ช. ภิกษุ ท. ! เม่ือตถาคตเกดิ เปน มนุษยใ นชาติกอน ... ไดเปนผูบอกศิลปวทิ ยา ขอ ประพฤติ ดว ยความเคารพ ดวยหวงั วาสัตวเ หลานัน้ พงึ รไู ดรวดเร็ว พึงปฏิบตั ิไดร วดเร็ว ไมพึงเศราหมองสิน้ กาลนาน. เพราะ ...กรรมนัน้ ๆ ... คร้นั มาสูความเปน มนษุ ยอ ยางน้ี จงึ ไดมหาปรุ สิ ลกั ขณะขอนีค้ ือ มีแขงดังแขงเนื้อ … ลกั ขณะท่ี ๘, ยอมไดวตั ถุอนั ควรแกสมณะ เปน องคแหง สมณะเปน เครอ่ื งอุปโภคแกสมณะ โดยเร็ว. ซ. ภิกษุ ท. ! เมอ่ื ตถาคตเกดิ เปน มนุษยใ นชาติกอ น ... ไดเปน ผเู ขา ไปหาสมณพราหมณแ ลว สอบถามวา“ทา นผเู จรญิ ! อะไรเปน กศุ ล อะไรเปน อกศุ ล อะไรมีโทษ อะไรไมม โี ทษ อะไรควรเสพ อะไรไมค วรเสพ ทาํอะไรไมม ีประโยชน เปนทุกขไปนาน ทําอะไรมีประโยชน เปน สุขไปนาน. เพราะ ... กรรมนัน้ ๆ ...ครนั้ มาสคู วามเปน มนษุ ยอยา งน้ี จงึ ไดม หาปรุ สิ ลักขณะขอนคี้ ือมผี วิ ละเอียดออ น ธุลีไมต ดิ อยไู ด ... ลกั ขณะท่ี ๑๒,

แกก รรม ? ๑๒๙ยอ มเปนผูมปี ญ ญาใหญ มีปญ ญาหนาแนน มีปญญาเครอื่ งปล้มื ใจ ปญ ญาแลนปญญาแหลม ปญญาแทงตลอด, ไมมีสัตวอนื่ เสมอหรอื ยง่ิ ไปกวา . ฌ. ภกิ ษุ ท. ! เมอ่ื ตถาคตเกิดเปนมนุษยใ นชาติกอ น ... ไดเปน ผไู มมกั โกรธ ไมมากไปดว ยความแคน แมชนเปน อันมาก วา กลาวเอา ก็ไมเ อาใจใส ไมโกรธ ไมพยาบาท ไมคุมแคน ไมแสดงความโกรธ ความรายกาจความเสียใจใหป รากฏ. ท้ังเปนผใู หทานผา เปลอื กไม ผาดา ย ผาไหม ผา ขนสัตว สาํ หรบั ลาดและนงุ หม อันมีเนื้อละเอยี ดออน. เพราะ ... กรรมนน้ั ๆ ... คร้นั มาสคู วามเปนมนุษยอยา งนี้ จึงไดมหาปุริสลกั ขณะขอนค้ี อื มกี ายดุจทอง มีผิวดุจทอง. ลักขณะท่ี ๑๑, ยอมเปนผูไดผาเปลือกไม ผา ดาย ผา ไหม ผาขนสัตวสําหรับลาดและหมมีเนอ้ื ละเอียดออน. ญ. ภกิ ษุ ท. ! เม่อื ตถาคตเกดิ เปนมนุษยใ นชาติกอน...ไดเ ปน ผสู มานญาติมติ ร สหายชาวเกลอ ผูเหนิ หา งแยกกนั ไปนาน, ไดสมานไมตรมี ารดากบั บุตร บตุ รกับมารดา บดิ ากบั บตุ ร บตุ รกบั บดิ า พ่ีนองชายกบั พนี่ อ ง

๑๓๐ พุทธวจนหญิง พ่ีนองหญิงกบั พน่ี อ งชาย, ครนั้ ทาํ ความสามัคคแี ลวพลอยชนื่ ชมยนิ ดดี ว ย. เพราะ ... กรรมนั้นๆ ... ครั้นมาสูความเปน มนษุ ยอ ยางน้ี จงึ ไดมหาปรุ สิ ลักขณะขอนี้คอืมคี ยุ หฐาน (อวยั วะท่ลี บั ) ซอนอยใู นฝก.... ลกั ขณะที่ ๑๐,ยอมเปนผูม ีบตุ ร (สาวก) มาก มบี ุตรกลาหาญ มีแววแหงคนกลาอนั เสนาแหงบคุ คลอนื่ จะยาํ่ ยีมิได หลายพัน. ฎ. ภิกษุ ท. ! เมือ่ ตถาคตเกดิ เปน มนุษยใ นชาติกอน ไดเปนผสู งั เกตชั้นเชงิ ของมหาชน รไู ดสมํ่าเสมอ รูไดเอง รจู กั บุรษุ ธรรมดาและบุรษุ พเิ ศษ วาผูนค้ี วรแกสิง่ นี้ๆ, ไดเปนผูท าํ ประโยชนอยา งวเิ ศษในชนชั้นนนั้ .เพราะ ... กรรมน้นั ๆ ... ครัน้ มาสูความเปน มนุษยอ ยา งน้ีจงึ ไดมหาปุริสลักขณะ ๒ ขอ นคี้ อื มที รวดทรงดุจตน ไทร,ยนื ตรงไมย อ กาย ลบู ถงึ เขา ไดด ว ยมอื ท้งั สอง....ลักขณะที่๑๙-๙, ยอมมัง่ คงั่ มที รัพยมาก มโี ภคะมาก. ทรพั ยของตถาคตเหลานค้ี ือ ทรพั ยคือศรัทธา ทรัพยค อื ศลี ทรพั ยคอื หิริ ทรพั ยค ือโอตตปั ปะ ทรพั ยค อื การศึกษา (สตุ ะ)ทรพั ยค ือจาคะ ทรพั ยค ือปญ ญา. ฐ. ภกิ ษุ ท. ! เม่ือตถาคตเกิดเปนมนษุ ยใ นชาติ

แกก รรม ? ๑๓๑กอน ... ไดเ ปน ผใู ครตอประโยชน ใครตอ ความเกอ้ื กูลใครตอความผาสขุ ใครต อ ความเกษมจากโยคะแกช นเปนอนั มากวา “ไฉนชนเหลานพ้ี งึ เปนผเู จริญดว ยศรัทธา ดว ยศลี ดว ยการศกึ ษา ดว ยความรู ดว ยการเผอ่ื แผ ดวยธรรมดว ยปญ ญา ดว ยทรพั ย และขาวเปลอื ก ดวยนาและสวนดวยสตั วส องเทาสี่เทา ดวยบตุ รภรรยา ดว ยทาสกรรมกรและบุรุษ ดวยญาตมิ ิตรและพวกพอ ง”. เพราะ ... กรรมนน้ั ๆ ... คร้ันมาสคู วามเปน มนษุ ยอ ยา งนี้ จึงไดม หาปุริสลกั ขณะ ๓ ขอ น้ี คือมกี ่งึ กายเบือ้ งหนา ดจุ สีหะ,มีหลังเต็ม, มีคอกลม ... ลกั ขณะท่ี ๑๗-๑๘-๒๐, ยอ มเปน ผไู มเ ส่ือมเปนธรรมดา คือไมเ ส่อื มจากศรทั ธา ศลีสตุ ะ จาคะ ปญ ญา, ไมเสือ่ มจากสมบตั ทิ ้งั ปวง. ฑ. ภิกษุ ท. ! เมื่อตถาคตเกิดเปน มนุษยใ นชาติกอน ... ไดเ ปนผูไมเบยี ดเบียนสตั วท ง้ั หลายดว ยฝามอืก็ตาม กอนดินกต็ าม ทอนไมกต็ าม ศสั ตราก็ตาม.เพราะ ... กรรมนั้น ๆ ... ครั้นมาสคู วามเปน มนษุ ยอ ยางน้ีจึงไดมหาปรุ สิ ลกั ขณะขอ น้ี คือมปี ระสาทรับรสอนั เลิศมีปลายข้นึ เบ้ืองบน เกดิ แลว ท่ีคอรบั รสโดยสมา่ํ เสมอ ...

๑๓๒ พุทธวจนลักขณะที่ ๒๑, ยอ มเปนผมู อี าพาธนอ ย มโี รคนอ ย มีวบิ ากอนั สมํ่าเสมอ ไมเย็นเกิน รอนเกนิ พอควรแกความเพยี ร. ฒ. ภิกษุ ท. ! เมอ่ื ตถาคตเกิดเปน มนษุ ยใ นชาติกอ น ... ไดเ ปน ผูไมถลึงตา ไมค อนควัก ไมจ อ งลบั หลงั ,เปนผแู ชมช่ืนมองดูตรง ๆ มองดูผอู ื่นดวยสายตาอันแสดงความรกั . เพราะ ... กรรมนนั้ ๆคร้ันมาสคู วามเปน มนษุ ยอยางนี้ จงึ ไดม หาปรุ ิสลักขณะ ๒ ขอน้ี คือมีตาเขียวสนทิ ,มีตาดุจตาโค ... จงึ ไดมหาปุรสิ ลักขณะ ๒ อยา งน้ี คือมฟี นครบ ๔๐ ซี่ มฟี น สนิท ไมหา งกัน ... ลกั ขณะท่ี ๒๓-๒๕,ยอมเปนผมู บี รษิ ัทไมกระจัดกระจาย คือภิกษุ ภิกษณุ ีอบุ าสก อบุ าสกิ า เทวดา มนุษย อสรู นาค คนธรรพ. ถ. ภกิ ษุ ท. ! เม่อื ตถาคตเกิดเปนมนษุ ยใ นชาติกอน ... ไดเ ปน ผลู ะเวน การกลาวคําหยาบ, กลาวแตว าจาท่ีไมม ีโทษ เปนสุขแกห ู เปนทตี่ งั้ แหง ความรกั ซมึ ซาบถงึ ใจเปน คาํ พดู ของชาวเมอื ง เปนทพี่ อใจและชอบใจของชนเปนอนั มาก. เพราะ ... กรรมนั้น ๆ ... คร้นั มาสคู วามเปนมนษุ ยอ ยา งนี้ ยอ มไดม หาปรุ ิสลักขณะ ๒ ขอ นี้ คอื มลี ้ิน

แกกรรม ? ๑๓๓อันเพียงพอ, มีเสยี งเหมอื นพรหม พดู เหมือนนกการวิก ... ลกั ขณะท่ี ๒๗-๒๘, ยอมเปนผมู ีวาจาท่ีผอู ืน่ เอ้ือเฟอ เชื่อฟง, คือ ภกิ ษุ ภิกษณุ ีอบุ าสก อบุ าสกิ าเทวดา มนุษย อสรู นาคคนธรรพ เออื้ เฟอ เชื่อฟง. ธ. ภิกษุ ท. ! เมือ่ ตถาคตเกิดเปน มนษุ ยใ นชาติกอ น ... ไดเ ปน ผลู ะเวนการพดู เพอเจอ, เปน ผูกลาวควรแกเวลา กลา วคาํ จริง กลา วเปน ธรรม กลา วมอี รรถ กลาวเปน วนิ ยั กลาวมที ่ีตงั้ มหี ลักฐาน มีทส่ี ุด ประกอบดว ยประโยชน. เพราะ ... กรรมน้ัน ๆ ... คร้ันมาสคู วามเปนมนษุ ยอยา งนแี้ ลว ยอมไดมหาปุรสิ ลกั ขณะขอน้ี คอื มคี างดจุ คางราชสหี  ... ลกั ขณะที่ ๒๒, ยอมเปน ผูทศ่ี ัตรทู ง้ัภายในและภายนอกกาํ จดั ไมไ ด : ศัตรู คือ ราคะ โทสะโมหะ หรอื สมณะ พราหมณ เทวดา มาร พรหม หรอืใคร ๆ ในโลก กาํ จดั ไมไ ด. น. ภิกษุ ท. ! เมอ่ื ตถาคตเกดิ เปน มนษุ ยใ นชาติกอ น ... ไดเปน ผูละมจิ ฉาชพี มกี ารเลย้ี งชพี ชอบ เวน จากการฉอ โกงดวยตาชั่ง ดว ยของปลอม ดว ยเครอ่ื งตวงเครอื่ งวดั จากการโกง การลวง เวนจากการตดั การฆา

๑๓๔ พทุ ธวจนการผูกมัด การรว มทาํ รา ย การปลน การกรรโชก เพราะกรรมน้ันๆ ครัน้ มาสคู วามเปน มนุษยอ ยา งนี้ จึงไดมหาปรุ สิ ลักขณะ ๒ ขอ นัน้ คือมีฟนอนั เรยี บเสมอ,มเี ขยี้ วขาวงาม ... ลักขณะท่ี ๒๔-๒๖, ยอมเปนผมู ีบริวารเปน คนสะอาด คอื มีภิกษุ ภิกษณุ ี อบุ าสก อบุ าสกิ า เทวดามนุษย อสรู นาค คนธรรพ เปน บริวารอันสะอาด. ปา. ที. ๑๑/๑๕๙-๑๙๓/๑๓๐,๑๗๑.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook