ห น้ า | 101 มาตรา ๒๙ ผู้ใดพบเห็นเด็กตกอยู่ในสภาพจาต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครอง สวัสดิภาพ จะต้องให้การช่วยเหลือเบื้องต้นและแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่าย ปกครองหรอื ตารวจ หรือผูม้ ีหนา้ ทค่ี ุ้มครองสวัสดภิ าพเด็ก มาตรา ๓๐ เพ่ือประโยชน์ในการปฏิบตั ิตามพระราชบัญญตั นิ ้ี ใหพ้ นกั งานเจ้าหนา้ ที่ตาม มอี านาจและหนา้ ที่ ดงั ต่อไปนี้ (๑) เข้าไปในเคหสถาน สถานที่ใด ๆ หรือยานพาหนะใดๆ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ ข้ึนถึงพระอาทติ ยต์ กเพ่ือตรวจค้น ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทาทารุณกรรมเด็ก มี การกกั ขังหรือเลยี้ งดูโดยมิชอบ แต่ในกรณีมเี หตุอันควรเชอื่ ว่าหากไม่ดาเนินการในทันทีเดก็ อาจได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ หรือถูกนาพาไปสถานท่ีอ่ืนซ่ึงยากแก่การติดตาม ช่วยเหลือ กใ็ หม้ อี านาจเข้าไปในเวลาภายหลงั พระอาทติ ยต์ กได้ มาตรา ๓๒ เด็กท่พี ึงได้รบั การสงเคราะห์ไดแ้ ก่ (๑) เด็กเรร่ อ่ น หรือเด็กกาพรา้ (๒) เด็กทถี่ ูกทอดท้ิงหรอื พลัดหลง ณ ทีใ่ ดทหี่ นึ่ง (๓) เด็กที่ผู้ปกครองไมส่ ามารถอุปการะเล้ยี งดูได้ดว้ ยเหตใุ ดๆ เชน่ ถูกจาคกุ กักขัง พกิ าร ทพุ พลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรงั ยากจน เป็นผู้เยาว์ หยา่ ถกู ทิ้งรา้ ง เปน็ โรคจิตหรอื โรค ประสาท (๔) เดก็ ที่ผปู้ กครองมพี ฤติกรรมหรอื ประกอบอาชพี ไม่เหมาะสมอนั อาจส่งผลกระทบต่อ พัฒนาการทางร่างกายหรอื จิตใจของเด็กทอ่ี ยูใ่ นความปกครองดูแล (๕) เด็กที่ได้รับการเล้ียงดูโดยมิชอบ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทาหรือแสวงหา ประโยชน์โดยมิชอบ ถูกทารุณกรรม หรือตกอยู่ในภาวะอื่นใดอันอาจเป็นเหตุให้เด็กมีความ ประพฤติเสอื่ มเสียในทางศลี ธรรมอันดีหรอื เปน็ เหตุให้เกิดอนั ตรายแกก่ ายหรอื จิตใจ (๖) เด็กพิการ (๗) เด็กทีอ่ ยูใ่ นสภาพยากลาบาก (๘) เดก็ ท่อี ยใู่ นสภาพทจี่ าต้องไดร้ บั การสงเคราะห์ตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๔๐ เดก็ ทพ่ี งึ ไดร้ บั การคุม้ ครองสวัสดภิ าพ ได้แก่ (๑) เด็กทีถ่ ูกทารุณกรรม (๒) เด็กทเี่ ส่ยี งต่อการกระทาผดิ (๓) เด็กทอี่ ยู่ในสภาพทจี่ าตอ้ งได้รับการคมุ้ ครองสวสั ดภิ าพตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผ้บู รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 101
ห น้ า | 102 มาตรา ๔๑ ผู้ใดพบเห็นหรือประสบพฤติการณ์ท่ีน่าเช่ือว่ามีการกระทาทารุณกรรมต่อ เด็กให้รีบแจ้งหรือรายงานต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี พนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจ หรือผู้มี หนา้ ที่คมุ้ ครองสวัสดิภาพเดก็ ตามมาตรา ๒๔ มาตรา ๕๐ ห้ามมิให้ผู้ปกครองสวัสดิภาพหรือผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก เปิดเผยช่ือตัว ช่ือสกุล ภาพหรือข้อมูลใดๆ เก่ียวกับตัวเด็ก ผู้ปกครอง ในลักษณะท่ีน่าจะเกิดความเสียหายแก่ ชอื่ เสียง เกียรตคิ ณุ หรือสทิ ธิประโยชน์อย่างใดอยา่ งหน่งึ ของเด็กหรือผปู้ กครอง บทบัญญัติในวรรคหน่ึงให้ใช้บังคับแก่พนักงานเจ้าหน้าท่ี นักสังคมสงเคราะห์ นกั จิตวทิ ยา และผูม้ หี น้าทีค่ ุ้มครองสวสั ดภิ าพเดก็ ตามมาตรา ๒๔ ซ่ึงไดล้ ว่ งรขู้ อ้ มลู ดงั กลา่ วเน่ือง ในการปฏบิ ัติหน้าท่ีของตนด้วย โดยอนโุ ลม มาตรา ๖๓ โรงเรียนและสถานศึกษาต้องจัดให้มีระบบงานและกิจกรรมในการแนะ แนวให้คาปรึกษาและฝกึ อบรมแกน่ กั เรียน นักศกึ ษา และผู้ปกครอง เพือ่ สง่ เสรมิ ความประพฤติ ที่เหมาะสม ความรับผิดชอบต่อสังคม และความปลอดภัยแก่นักเรียนและนักศึกษา ตาม หลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงือ่ นไขท่ีกาหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๖๑ ห้ามมใิ ห้เจ้าของ ผู้ปกครองสวัสดภิ าพ และผู้ปฏิบตั ิงานในสถานรบั เลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู ทาร้าย ร่างกายหรือจิตใจ กักขัง ทอดท้ิง หรือลงโทษเด็กท่ีอยู่ในความปกครองดูแลโดยวิธีการ รนุ แรงประการอื่น เวน้ แตก่ ระทาเท่าทสี่ มควรเพ่ืออบรมสง่ั สอนตามระเบยี บท่รี ัฐมนตรีกาหนด มาตรา ๖๘ ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพ่ือจัดต้ังกองทุนข้ึนกองทุนหนึ่งในสานักงาน ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรียกว่า “กองทุนคุ้มครองเด็ก” เพื่อเปน็ ทุนใช้จ่ายในการสง่ เคราะห์ คมุ้ ครองสวัสดภิ าพ และสง่ เสริมความประพฤติเดก็ รวมท้ัง ครอบครัวและครอบครัวอปุ ถมั ภข์ องเดก็ มาตรา ๗๑ ให้มคี ณะกรรมการบรหิ ารกองทนุ ประกอบด้วย ปลดั กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปน็ ประธานกรรมการ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ซ่ึงปลัดกระทรวงมอบหมายเป็น กรรมการและเลขานุการ มาตรา ๘๐ ผู้ใดขัดขวางไม่ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีปฏิบัติงาน หรือไม่ยอมส่งเอกสารหรือ ส่งเอกสารโดยรู้อยู่ว่าเป็นเอกสารเท็จแก่พนักงานเจ้าหน้าที่เม่ือถูกเรียกให้ส่งตามมาตรา ๓๐ (๔) ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินหน่ึงเดอื น หรือปรับไม่เกินหนง่ึ หม่ืนบาท หรือทัง้ จาทง้ั ปรับ ผ้ใู ด ไม่ยอมมาให้ถ้อยคา ไม่ยอมให้ถ้อยคาโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือให้ถ้อยคาอันเป็นเท็จต่อ Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผูบ้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 102
ห น้ า | 103 พนักงานเจ้าหน้าท่ีซ่ึงปฏิบัติหน้าท่ีตามมาตรา ๓๐ (๓) ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไมเ่ กินหนึง่ หมนื่ บาท หรอื ทง้ั จาทง้ั ปรับ แต่ถา้ ผู้ใหถ้ ้อยคากลับใหข้ ้อความจริงในขณะท่ี การใหถ้ อ้ ยคายงั ไม่เสรจ็ สน้ิ การดาเนินคดอี าญาตอ่ บุคคลน้ันใหเ้ ป็นอนั ระงับไป มาตรา ๘๑ ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกาหนดของศาลในการคุมความประพฤติ ห้ามเข้าเขตกาหนด หรือห้ามเข้าใกล้ตัวเด็กตามมาตรา ๔๓ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกิน หนง่ึ หมน่ื บาท หรอื ทง้ั จาทง้ั ปรบั มาตรา ๘๒ ผู้ใดจัดตั้งหรือดาเนินกิจการสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถาน สงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือสถานพัฒนาและฟื้นฟูตามมาตรา ๕๒ โดยมิได้รับ ใบอนญุ าตหรือใบอนญุ าตถูกเพกิ ถอนหรอื หมดอายุ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินหนง่ึ เดือน หรือ ปรบั ไมเ่ กนิ หน่ึงหมื่นบาทหรือท้ังจาทงั้ ปรับ มาตรา ๘๕ ผใู้ ดกระทาการอนั เปน็ การยยุ ง สง่ เสรมิ ช่วยเหลือ หรอื สนบั สนุนให้นกั เรียน หรือนักศึกษาฝ่าฝืนบทบัญญัติตามมาตรา ๖๔ (ให้นักเรียนปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน) ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกนิ สามเดอื น หรอื ปรับไมเ่ กนิ สามหมื่นบาท หรอื ทัง้ จาท้งั ปรับ มาตรา ๘๖ ผู้ใดไม่อานวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าท่ีท่ีปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๖๗ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่ึงเดือน หรือปรบั ไม่เกินหน่ึงหม่นื บาท หรอื ทัง้ จาทง้ั ปรับ เหตผุ ลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญัตฉิ บับน้ี คือ กฎหมายเดมิ (คณะปฏวิ ตั ิ) ใชม้ านานไมเ่ หมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน สมควรกาหนด ขน้ั ตอนและปรับปรงุ วธิ กี ารปฏิบัติต่อเดก็ ใหเ้ หมาะสมยิ่งขนึ้ เพ่ือให้เด็กได้รับการอุปการะเลี้ยงดู อบรมสง่ั สอน และมพี ฒั นาการทีเ่ หมาะสม อันเป็นการสง่ เสรมิ ความมน่ั คงของสถาบนั ครอบครัว รวมทั้งป้องกันมิใหเ้ ดก็ ถกู ทารุณกรรม ตกเป็นเคร่ืองมอื ในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรอื ถูกเลือกปฏิบตั ิโดยไม่เปน็ ธรรม และสมควรปรับปรุงวิธีการส่งเสริมความร่วมมอื ในการคุ้มครอง เด็กระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชนให้เหมาะสมยิ่งข้ึนเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอนุสัญญาว่าด้วยสทิ ธิ เดก็ Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื ผูบ้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 103
ห น้ า | 104 สรุปบทกาหนดโทษ จาคกุ ไมเ่ กิน 1 เดือนหรือปรับ จาคกุ ไม่เกิน 3 เดือนหรือปรบั ไม่เกิน 3 จาคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับ ไม่เกิน 1 หมน่ื บาท หรือทั้งจา หมน่ื บาท หรือทัง้ จาท้งั ปรับ ไม่เกิน 6 หม่ืนบาท หรือท้ังจา ทง้ั ปรับ ท้งั ปรับ 1.ผู้ใดขัดขวางไม่ให้พนักงาน ๑ ทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจ 1.โฆษณา เผยแพร่ ข้อมูลเดก็ เจ้าหนา้ ท่ปี ฏิบัติงานดงั ต่อไปน้ี ของเดก็ ผปู้ กครอง โดยเจตนาทาให้ (๑) เข้าไปในเคหสถาน ๒ ไม่ให้สิ่งจาเป็นแก่การด่ารงชีวิตหรือ เสียหายแก่จิตใจ ช่ือเสียง สถานที่ใด ๆ หรือยานพาหนะใด การรกั ษาพยาบาลแก่เดก็ เกียรติคณุ ของเดก็ ๆ ในระหวา่ งเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ๓ บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือ 2.ผปู้ กครองสวสั ดภิ าพเด็ก ผู้ ถึงพระอาทิตย์ตก ยินยอมใหเ้ ดก็ ประพฤติตนไม่สมควร คมุ้ ครองสวัสดภิ าพเดก็ (2) เข้าไปในเคหสถาน สถานท่ีใด ๆ หรือยานพาหนะใด ๔ โฆษณาทางสื่อมวลชนหรือเผยแพร่ เจ้าหนา้ ท่ี เปดิ เผยขอ้ มลู เด็ก ทา ๆ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ด้วยประการใด เพื่อรับเด็กหรือยกเด็ก ให้เดก็ เกิดความเสียหายแก่ ชอื่ เสียง เกียรตคิ ุณของเด็ก ถึงพระอาทิตย์ตกเพื่อถามตัว ใหแ้ กบ่ คุ คลอื่น บคุ คล (3) ออกคาส่ังเป็นหนังสือ ๕ บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม ยินยอม 3.ทาร้ายรา่ งกายจิตใจ กกั ขัง ใหเ้ ด็กไปเป็นขอทาน เดก็ เร่ร่อน ทอดทง้ิ หรอื ลงโทษด้วยวธิ ีรุนแรง ให้ผู้ปกครองของเด็ก ส่งเอกสาร ๖ กระทาการอันอาจเป็นอันตรายแก่ หรือหลักฐานเกี่ยวกับการศึกษา การทางาน หรือความประพฤติ ร่างกาย หรือจิตใจมีผลกระทบต่อการ เจรญิ เตบิ โต ของเดก็ ๗ แสวงหาประโยชน์ทางการคา้ 2.ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกาหนดของศาล ๘ ใช้หรือยินยอมให้เด็กเล่นการพนันไม่ ในการคุมความประพฤติ ห้าม เข้าเขตกาหนดหรือห้ามเข้าใกล้ ว่าชนิดใด ตัวเด็ก ๙ บังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทาการ 3.ผู้ใดจัดต้ังหรือดาเนินกิจการ อันมีลกั ษณะลามกอนาจาร สถานรับเล้ียงเด็ก สถานแรกรับ ๑๐ จาหน่าย แลกเปล่ียน หรือให้สุรา สถานสงเคราะห์สถานคุ้มครอง หรอื บุหรี่แก่เดก็ Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื ผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 104
ห น้ า | 105 สวัสดิภาพ หรือสถานพัฒนาและ 11.ผู้ใดกระทาการอันเป็นการยุยง ฟื้นฟูตามมาตรา โดยมิได้รับ ส่งเสริม ช่วยเหลือ หรือสนับสนุนให้ ใบอนุญาตหรือใบอนุญาตถูกเพกิ นักเรียนหรือนักศึกษาฝ่าฝืนระเบียบ ถอนหรอื หมดอายุ บทบัญญัติ 12.ผู้ใดไม่อานวยความสะดวก แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ท่ีปฏิบัติ หน้าที่ พระราชบญั ญตั กิ ารจัดการศกึ ษาสาหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑ บงั คบั ใช้วนั ที่ 6 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2551 ให้ 1.รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2.รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและนวัตกรรม รกั ษาการตาม พ.ร.บ. ฉบบั น้ี มาตรา ๓ ในพระราชบัญญตั ิน้ี “คนพกิ าร” หมายความวา่ บคุ คลซงึ่ มขี อ้ จากดั ในการปฏิบัติกจิ กรรมในชีวิตประจาวัน หรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางสังคม เน่ืองจากมีความบกพร่องทางการเห็น การได้ยิน การ เคล่ือนไหว การส่ือสารจิตใจ อารมณ์ พฤติกรรม สติปัญญา การเรียนรู้ หรือความบกพร่องอ่ืน ใดประกอบกบั มอี ุปสรรคในดา้ นต่าง ๆ และมคี วามต้องการจาเป็นพิเศษทางการศึกษาทจี่ ะต้อง ได้รับความช่วยเหลือด้านหนึ่งดา้ นใดเพ่ือให้สามารถปฏบิ ัติกิจกรรมในชวี ิตประจาวันหรือเขา้ ไป มีส่วนร่วมทางสังคมได้อย่างบุคคลทั่วไปทั้งนี้ ตามประเภทและหลักเกณฑ์ท่ีรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศกึ ษาธิการประกาศกาหนด “แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล” IEP หมายความว่า แผนซ่ึงกาหนดแนวทางการ จัดการศึกษาท่ีสอดคล้องกับความต้องการจาเป็นพิเศษของคนพิการ ตลอดจนกาหนด เทคโนโลยี ส่ิงอานวยความสะดวกส่ือ บริการ และความช่วยเหลืออ่ืนใดทางการศึกษาเฉพาะ บคุ คล Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผูบ้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 105
ห น้ า | 106 “ครูการศึกษาพิเศษ” หมายความว่า ครูที่มีวุฒิทางการศึกษาพิเศษสูงกว่าระดับ ปริญญาตรีข้ึนไปหรือครูที่มีวุฒิทางการศึกษาพิเศษระดับปริญญาตรีท่ีผ่านการประเมินทักษะ การสอนคนพิการตามที่คณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการกาหนด และ ปฏิบัติหน้าที่สอน จัดการศึกษา นิเทศ หรือหน้าท่ีอ่ืนเกี่ยวกับการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการ ในสถานศึกษาท้งั ของรัฐและเอกชน” “การเรียนร่วม” หมายความวา่ การจดั ใหค้ นพกิ ารได้เขา้ ศึกษาในระบบการศกึ ษาทั่วไป ทุกระดับและหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการจัดการศึกษา ให้สามารถรองรับการเรียนการสอน สาหรบั คนทุกกลุ่มรวมทง้ั คนพกิ าร “สถานศึกษาเฉพาะความพิการ” หมายความว่า สถานศึกษาของรัฐหรือเอกชนท่ีจัด การศึกษาสาหรบั คนพกิ ารโดยเฉพาะ ทงั้ ในลกั ษณะอยูป่ ระจา ไป กลบั และรบั บริการทบ่ี ้าน “ศูนย์การศึกษาพิเศษ” หมายความว่า สถานศึกษาของรัฐท่ีจัดการศึกษานอกระบบ หรือตามอัธยาศัยแก่คนพิการ ตั้งแต่แรกเกดิ หรือแรกพบความพิการจนตลอดชีวิต และจัดการ ศึกษาอบรมแก่ผู้ดูแลคนพิการ ครู บุคลากรและชุมชน รวมท้ังการจัดส่ือ เทคโนโลยี ส่ิงอานวย ความสะดวก บริการ และความช่วยเหลืออื่นใด ตลอดจนปฏิบัติหน้าท่ีอื่นตามท่ีกาหนดใน ประกาศกระทรวง “ศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ” หมายความว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษานอก ระบบ หรือตามอัธยาศัยแก่คนพิการโดยเฉพาะ โดยหน่วยงานการศึกษานอกโรงเรียน บุคคล ครอบครัว ชุมชนองค์กรเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบนั ทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์และสถาบันทางสังคม อื่นเป็นผู้จัด ตั้งแต่ระดับการศึกษาปฐมวัย การศึกษาข้ันพื้นฐาน อาชีวศึกษา อุดมศึกษาและ หลักสตู รระยะสั้น มาตรา ๕ คนพิการมีสิทธทิ างการศึกษาดงั น้ี (๑) ได้รับการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายต้ังแต่แรกเกิดหรือพบความพิการจน ตลอดชีวิตพร้อมท้ังได้รับเทคโนโลยี ส่ิงอานวยความสะดวก ส่ือ บริการและความช่วยเหลืออ่ืน ใดทางการศกึ ษา (๒) เลือกบริการทางการศึกษา สถานศึกษา ระบบและรูปแบบการศึกษา โดย คานึงถงึ ความสามารถ ความสนใจ ความถนัดและความตอ้ งการจาเป็นพเิ ศษของบคุ คลน้นั Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 106
ห น้ า | 107 (๓) ได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา รวมท้ังการจัด หลกั สูตรกระบวนการเรียนรู้ การทดสอบทางการศึกษา ทเี่ หมาะสมสอดคล้องกับความตอ้ งการ จาเป็นพิเศษของคนพกิ ารแต่ละประเภทและบคุ คล มาตรา ๖ ให้ครูการศึกษาพิเศษในทุกสังกัดมีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษตามที่ กฎหมายกาหนด มาตรา ๑๑ ใหม้ คี ณะกรรมการคณะหนึง่ เรยี กวา่ “คณะกรรมการส่งเสริมการจดั การศกึ ษาสาหรับคนพกิ าร” ประกอบดว้ ย 27 คน รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการ เปน็ ประธานกรรมการ รัฐมนตรชี ่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานกรรมการ คนทหี่ นึ่ง และผู้ทรงคุณวุฒซิ ึ่งรัฐมนตรีแต่งตง้ั จากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซง่ึ เป็นผู้แทนขององค์การคน พกิ าร เป็นรองประธานกรรมการ คนที่สอง ใหผ้ อู้ านวยการสานกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษ เป็นกรรมการและเลขานุการ มาตรา ๑๓ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละสามปี และอาจได้รับ แตง่ ตงั้ อีกได้ แต่ตอ้ งไมเ่ กินสองวาระติดตอ่ กัน มาตรา ๑๙ ใหส้ านักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มีหน้าที่ดาเนนิ การจัดการศกึ ษาโดยเฉพาะ การจัดการเรียนร่วม การนิเทศ กากับ ติดตาม เพื่อให้คนพิการได้รับการศึกษาอย่างท่ัวถึงและ มคี ณุ ภาพตามทก่ี ฎหมายกาหนด มาตรา ๒๐ ใหส้ ถานศึกษาเฉพาะความพิการของรัฐมีหนา้ ท่ีจดั การศกึ ษาตามภารกิจ แกค่ นพกิ าร โดยมีฐานะเปน็ นติ บิ ุคคล มาตรา ๒๑ ให้จัดตัง้ กองทนุ ขึ้น เรยี กว่า “กองทนุ สง่ เสริมและพฒั นาการศึกษาสาหรบั คนพิการ” ในสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานเพ่ือใช้จ่ายในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการศกึ ษาสาหรับคนพกิ ารอย่างเปน็ ธรรมและทวั่ ถึง มาตรา ๒๒ ใหม้ ี \"คณะกรรมการบรหิ ารกองทุน\" คณะหนงึ่ ประกอบดว้ ย เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน เป็นประธานกรรมการ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐานมอบหมาย เปน็ รองประธานกรรมการคนทีห่ น่ึง ผู้ทรงคณุ วุฒิทีเ่ ปน็ ผแู้ ทนองคก์ ารคนพกิ ารหนง่ึ คน เปน็ รองประธานกรรมการคนท่สี อง Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 107
ห น้ า | 108 มาตรา ๒๕ ให้คณะกรรมการบรหิ ารกองทนุ จัดทางบการเงินส่งผู้สอบบัญชตี รวจสอบ ภายในเกา้ สิบวันนับแตว่ ันส้ินปบี ัญชที กุ ปี ให้สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของกองทุนทุกรอบปีแล้วทารายงาน ผลการสอบบัญชีของกองทนุ เสนอตอ่ คณะกรรมการสง่ เสริมการจดั การศกึ ษาสาหรับคนพกิ าร หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชบญั ญตั ฉิ บับนี้ คอื โดยท่ีการจัดการศกึ ษาสาหรับ คนพิการมีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากการจัดการศกึ ษาสาหรับบุคคลทั่วไป จึงจาเป็นต้องจดั ให้ คนพิการมีสิทธิและโอกาสได้รับการบริการและความช่วยเหลือทางการศึกษาเป็นพิเศษตั้งแต่ แรกเกดิ หรอื พบความพกิ าร ดงั น้นั เพอื่ ใหก้ ารบรกิ ารและการให้ความช่วยเหลือแกค่ นพิการใน ด้านการศึกษาเป็นไปอย่างทัว่ ถึงทกุ ระบบและทกุ ระดับการศึกษา จึงจาเป็นต้องตราพระราชบญั ญัตนิ ้ี ประเภทของคนพกิ าร ๙ ประเภท ได้แก่ บคุ คลที่มีความบกพรอ่ ง 1. ทางการเห็น 2. การได้ยนิ 3. ทางสติปญั ญา 4. ทางรา่ งกาย หรอื การเคลือ่ นไหว หรอื สขุ ภาพ 5. ทางการเรยี นรู้ 6. ทางการพดู และภาษา 7. ทางพฤติกรรม หรืออารมณ์ 8. ออทิสติก 9. และพิการซ้อน เงินเพิ่มสาหรับตาแหน่งท่ีมีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ี ปฏิบัติหน้าที่สอนคนพิการ (พ.ค.ก.) โดยอนุมัติจาก กศจ.ให้ได้รับเดือนละ 2,500 บาท และ มเี วลาทาการสอนดงั นี้ (ตอ้ งเป็นสถานศึกษาท่ีเปดิ สอนเฉพาะคนพิการ ถ้าเป็นโรงเรียนทั่วไปจะ มสี ิทธไิ ด้เฉพาะผูส้ อน แต่ รองฯผอ. กับผอ.สถานศึกษาจะไม่ไดร้ บั เงิน พ.ค.ก.) ผสู้ อน 18 ช่วั โมง/สัปดาห์ รอง ผอ.สถานศกึ ษา 8 ชัว่ โมง/สปั ดาห์ ผอ.สถานศึกษา 5 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 108
ห น้ า | 109 พระราชบัญญัติวิธปี ฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ (ปรบั ปรงุ 2562) ประกาศเม่ือวันท่ี 14 พ.ค. 2539 ใช้บงั คบั เมอ่ื พ้น 180 วนั นับจากวันประกาศ บงั คบั ใชว้ ันท่ี 13 พ.ค. 2540 มาตรา ๓ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามกฎหมายต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที่กาหนด ในพระราชบัญญัติน้ี เว้นแต่ในกรณีท่ีกฎหมายใดกาหนดวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเรื่องใด ไว้โดยเฉพาะและมีหลักเกณฑท์ ป่ี ระกนั ความเปน็ ธรรมหรือมีมาตรฐานในการปฏิบัติราชการ ไม่ตา่ กว่าหลักเกณฑท์ กี่ าหนดในพระราชบญั ญตั นิ ้ี มาตรา ๔ พระราชบญั ญัตินี้มใิ ห้ใช้บังคบั แก่ (๑) รัฐสภาและคณะรัฐมนตรี (๒) องคก์ รทใ่ี ชอ้ านาจตามรัฐธรรมนญู โดยเฉพาะ (๓) การพจิ ารณาของนายกรัฐมนตรีหรอื รัฐมนตรีในงานทางนโยบายโดยตรง (๔) การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลและการดาเนินงานของเจ้าหน้าท่ีในกระบวนการ พจิ ารณาคดี การบังคับคดี และการวางทรัพย์ (๕) การพิจารณาวินิจฉัยเร่ืองร้องทุกข์และการสั่งการตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการ กฤษฎกี า (๖) การดาเนนิ งานเก่ียวกบั นโยบายการตา่ งประเทศ (๗) การดาเนินงานเก่ียวกับราชการทหารหรือเจ้าหน้าที่ซ่ึงปฏิบัติหน้าที่ทางยุทธการร่วมกับ ทหารในการป้องกันและรักษาความม่ันคงของราชอาณาจักรจากภัยคุกคามท้ังภายนอก และ ภายในประเทศ (๘) การดาเนินงานตามกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญา (๙) การดาเนินกจิ การขององค์การทางศาสนา Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื ผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 109
ห น้ า | 110 มาตรา ๕ ในพระราชบัญญตั ินี้ “วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง” หมายความว่า การเตรียมการและการดาเนินการ ของเจ้าหน้าท่ีเพ่ือจัดให้มีคาส่ังทางปกครองหรือกฎ และรวมถึงการดาเนินการใด ๆ ในทาง ปกครองตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี (วธิ ี-มกี ฎ) “การพิจารณาทางปกครอง” หมายความว่า การเตรียมการและการดาเนินการของ เจ้าหน้าท่เี พ่อื จัดให้มคี าสัง่ ทางปกครอง “คาสั่งทางปกครอง” หมายความวา่ (๑) การใช้อานาจตามกฎหมายของเจา้ หนา้ ทที่ ีม่ ีผลเปน็ การสรา้ งนิตสิ ัมพันธ์ขนึ้ ระหว่างบุคคลใน อันท่ีจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิ หรือหน้าที่ ของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว เช่น การสั่งการ การอนุญาต การอนุมัติ การ วินจิ ฉัยอทุ ธรณ์ การรบั รอง และการรับจดทะเบียน แต่ไมห่ มายความรวมถงึ การออกกฎ (๒) การอน่ื ทก่ี าหนดในกฎกระทรวง ***ขอ้ ควรรเู้ พ่ิมเติม ส่ิงทเ่ี ปน็ คาส่งั ทางปกครอง เชน่ 1.การสง่ั ลงโทษทางวนิ ยั 2.การส่งั เลือ่ นเงินเดือน 3.การส่งั แต่งตั้งโยกย้าย 4.การอนุมตั ิให้ไปราชการ 5.การอนุญาตให้ลา 6.การอนุมตั เิ กยี รติบัตร ประกาศนียบัตร ฯลฯ 7.การวินจิ ฉัยอทุ ธรณ์ไม่ออกใบอนุญาตปรกอบวิชาชพี 8.การออกใบรบั รองทางการศกึ ษา 9.การจดทะเบียนสมรส 10.การสงั่ อนุมตั ิ จา้ ง แลกเปล่ยี น เชา่ ขายหรือให้เช่า 11.การสั่งให้เปน็ ผทู้ ้ิงงาน 12.การส่ังให้พกั ราชการ หรอื ออกจากราชการไว้กอ่ น 13.คาสัง่ สลายการชมุ ชม 14.สัญญาณไฟจราจร กรวยจราจร ท่ีห้ามจอดเสน้ ขาว-แดง 15.การประกาศผลสอบ การประกาศผลการเลอื กตั้ง 16.คาส่ังให้ขา้ ราชการไปชว่ ยปฏิบตั ริ าชการเปน็ การช่วั คราว 17.คาสง่ั อนุญาตใหข้ า้ ราชการลาออกจากราชการ Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 110
ห น้ า | 111 18.ประกาศสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน เรอื่ ง แกไ้ ขประกาศการข้นึ บญั ชีและ การยกเลิกบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกเพ่ือแต่งตั้งหรือเล่ือนและแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียน 19.ประกาศผลการประกวดราคาจ้างเหมา 20.การให้หรอื ไมใ่ ห้ทุนการศึกษา ***สงิ่ ที่ไมเ่ ป็นคาสั่งทางปกครอง 1.การออกกฎ เช่น ประกาศกาหนดเขตพื้นท่ีการศึกษา 2.การแจง้ ขา่ วสาร 3.การแถลงการณ์ การอธิบายใหค้ วามเขา้ ใจ 4.คาส่ังที่มีผลใช้บังคับเป็นการท่ัวไปมิได้กระทบต่อสิทธิของผู้รับคาส่ังเป็นการเฉพาะ เช่น คาสั่งให้ครูจัดการเรียนการสอนประจาวิชา การมอบหมายให้เป็นครูประจาชั้น การ มอบหมายงานสง่ เสริมการเรียนรตู้ ่าง ๆ (การดาเนนิ งานภายในของผ้บู งั คับบญั ชา) 5.คาส่ังท่ีอยู่ในข้ันตอนการเตรียมการหรือพิจารณาเพ่ือออกคาส่ังทางปกครอง และเจ้าหน้าทผี่ ู้ พิจารณาจะเปลีย่ นแปลงเช่นใดกไ็ ด้ (ยงั ไม่ถงึ มอื ผู้รบั คาสั่ง) 6.คาสัง่ แตง่ ตง้ั คณะกรรมการสอบสวนขอ้ เท็จจรงิ เป็นเพยี งข้นั ตอนการดาเนนิ การภายในของ เจา้ หนา้ ท่ีเพ่อื ให้ได้ข้อเทจ็ จรงิ ในการท่ีผู้มีอานาจจะวินิจฉยั หรือดาเนินการทางวนิ ยั ต่อไป ยังไมม่ ี ผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดี คาส่ังดังกล่าวจึงไม่ใช่คาสั่งทาง ปกครอง อา้ งองิ จากคาส่ังศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๖๓๘/๒๕๔๗ (คาส่ังศาลปกครองสูงสุดที่ ๒๔๐/ ๒๕๔๗,๑๗๗/๒๕๔๖ วินจิ ฉยั ไวใ้ นทานองเดยี วกัน ) 7.มติทปี่ ระชมุ “กฎ” หมายความว่า พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้อบัญญัติ ท้องถิ่น ระเบียบ ข้อบังคับ หรือบทบัญญัติอื่นที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไป โดยไม่มุ่งหมายให้ใช้ บังคับแกก่ รณีใดหรือบุคคลใดเป็นการเฉพาะ “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า บคุ คล คณะบุคคล หรือนิตบิ ุคคล ซง่ึ ใชอ้ านาจหรือได้รับ มอบให้ใช้อานาจทางปกครองของรัฐในการดาเนินการอย่างหน่ึงอย่างใดตามกฎหมาย ไม่ว่าจะ เป็น การจดั ตงั้ ข้ึนในระบบราชการ รฐั วสิ าหกจิ หรอื กิจการอ่นื ของรัฐหรอื ไมก่ ็ตาม “คู่กรณี” หมายความว่า ผู้ยื่นคาขอหรือผู้คัดค้านคาขอ ผู้อยู่ในบังคับหรือจะอยู่ใน บังคับของคาสั่งทางปกครอง และผู้ซึ่งไดเ้ ขา้ มาในกระบวนการพิจารณาทางปกครองเน่ืองจาก สทิ ธขิ องผู้นัน้ จะถูกกระทบกระเทอื นจากผลของคาสง่ั ทางปกครอง มาตรา ๖ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และให้มีอานาจ ออก กฎกระทรวงและประกาศ เพอ่ื ปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบญั ญัติ Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 111
ห น้ า | 112 มาตรา ๗ ให้มคี ณะกรรมการคณะหนง่ึ เรียกว่า “คณะกรรมการวธิ ีปฏิบตั ิราชการ ทาง ปกครอง” ประกอบด้วยประธานกรรมการคนหนึ่ง ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง มหาดไทย เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการ คณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้ทรงคุณวุฒิอีกไมน่ ้อยกวา่ ห้าคนแตไ่ ม่เกนิ เก้าคนเปน็ กรรมการ ใหค้ ณะรฐั มนตรีแต่งต้ังประธานกรรมการและกรรมการผ้ทู รงคุณวฒุ ิ มาตรา ๘ ให้กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระดารงตาแหน่งคราวละสามปี กรรมการซง่ึ พ้นจากตาแหนง่ อาจไดร้ ับแต่งต้ังอีกได้ มาตรา ๑๒ คาส่ังทางปกครองจะต้องกระทาโดยเจา้ หนา้ ท่ีซ่งึ มอี านาจหนา้ ท่ีในเรือ่ งน้ัน มาตรา ๑๓ เจา้ หน้าท่ดี ังต่อไปน้ีจะทาการพิจารณาทางปกครองไมไ่ ด้ (๑) เปน็ คูก่ รณเี อง (๒) เปน็ คหู่ ม้ันหรอื คสู่ มรสของคู่กรณี (๓) เป็นญาติของคู่กรณี คือ เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานไม่ว่าช้ันใด ๆ หรือเป็นพ่ีน้อง หรือ ลูกพี่ลูกนอ้ งนบั ไดเ้ พียงภายในสามชน้ั หรอื เปน็ ญาตเิ กีย่ วพนั ทางแต่งงานนับได้เพยี งสองชน้ั (๔) เป็นหรือเคยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมหรอื ผู้พิทกั ษ์หรอื ผแู้ ทนหรอื ตัวแทนของคู่กรณี (๕) เปน็ เจา้ หนี้หรือลูกหนี้ หรอื เป็นนายจ้างของคู่กรณี (๖) กรณีอนื่ ตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง ***บตุ รบญุ ธรรม และลกู จ้างของคู่กรณี สามารถพจิ ารณาทางปกครองได้*** ***สทิ ธขิ องคู่กรณี*** 1.เจ้าหน้าที่ต้องให้โอกาสคู่กรณีได้ทราบข้อเท็จจริงและมีโอกาสโต้แย้งและแสดง พยานหลกั ฐานอยา่ งเพียงพอ 2.คู่กรณีมีสิทธิขอตรวจดูเอกสารท่ีจาเป็นต้องรู้ เพ่ือการโต้แย้งหรือชี้แจงหรือป้องกัน สทิ ธขิ องตนได้ มาตรา ๑๔ เม่ือมีกรณีตามมาตรา ๑๓ หรือคู่กรณีคัดค้านว่าเจ้าหน้าที่ผู้ใดเป็นบุคคล ตามมาตรา ๑๓ ให้เจ้าหน้าที่ผู้น้ันหยุดการพิจารณาเร่ืองไว้ก่อน และแจ้งให้ผู้บังคับบัญชา เหนอื ตนขึน้ ไปชั้นหน่ึงทราบ เพ่ือท่ีผู้บงั คับบญั ชาดงั กล่าวจะได้มคี าส่ังต่อไป มาตรา ๑๖ ในกรณีมีเหตุอ่ืนใดนอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๓ เก่ียวกับเจ้าหน้าท่ี หรือกรรมการในคณะกรรมการท่ีมีอานาจพิจารณาทางปกครองซ่ึงมีสภาพร้ายแรงอันอาจทา ให้การพิจารณาทางปกครองไมเ่ ป็นกลาง เจ้าหน้าท่ีหรือกรรมการผู้นั้นจะทาการพิจารณาทาง ปกครองในเรอ่ื งน้ันไมไ่ ด้ Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสือผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 112
ห น้ า | 113 ในกรณีตามวรรคหน่ึง ให้ดาเนนิ การ ดงั นี้ (๑) ถ้าผู้นั้นเห็นเองว่าตนมีกรณีดังกล่าว ให้ผู้น้ันหยุดการพิจารณาเรื่องไว้ก่อนและแจ้ง ใหผ้ ู้บังคับบญั ชาเหนอื ตนขนึ้ ไปช้นั หนงึ่ หรือประธานกรรมการทราบ แลว้ แต่กรณี (๒) ถ้ามีคู่กรณีคัดค้านว่าผู้นั้นมีเหตุดังกล่าว หากผู้นั้นเห็นว่าตนไม่มีเหตุตามที่คัดค้าน น้ัน ผู้น้ันจะทาการพิจารณาเรื่องต่อไปก็ได้แต่ต้องแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาเหนือตนข้ึนไปช้ันหนึ่ง หรือประธานกรรมการทราบ แล้วแตก่ รณี (๓) ให้ผู้บังคับบัญชาของผู้นั้นหรือคณะกรรมการที่มีอานาจพิจารณาทางปกครอง ซ่ึงผู้ นั้นเป็นกรรมการอยู่มีคาส่ังหรือมีมติโดยไม่ชักช้า แล้วแต่กรณีว่าผู้น้ันมีอานาจในการพิจารณา ทางปกครองในเรอ่ื งนั้นหรือไม่ มาตรา ๑๘ บทบญั ญตั ิมาตรา ๑๓ ถึงมาตรา ๑๖ ไมใ่ ห้นามาใช้บังคับกบั กรณี ทมี่ คี วาม จาเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้ล่าช้าไปจะเสยี หายต่อประโยชน์สาธารณะหรือสิทธิของบุคคล จะ เสียหายโดยไม่มีทางแกไ้ ขได้ หรอื ไมม่ เี จา้ หน้าทีอ่ ื่นปฏิบตั ิหน้าทีแ่ ทนผู้นน้ั ได้ มาตรา ๒๑ บุคคลธรรมดา คณะบุคคล หรือนิติบุคคล อาจเป็นคู่กรณีในการพิจารณา ทางปกครองไดต้ ามขอบเขตที่สิทธิของตนถกู กระทบกระเทอื นหรืออาจถูกกระทบกระเทือนโดย มิอาจหลกี เล่ยี งได้ มาตรา ๒๒ ผู้มีความสามารถกระทาการในกระบวนการพิจารณาทางปกครองได้ จะต้องเป็น (๑) ผู้ซงึ่ บรรลนุ ติ ิภาวะ (๒) ผู้ซ่ึงมีบทกฎหมายเฉพาะกาหนดให้มีความสามารถกระทาการในเร่ืองท่ีกาหนดได้ แม้ผู้น้ันจะยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือความสามารถถูกจา กัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณชิ ย์ (๓) นติ บิ คุ คลหรอื คณะบุคคลตามมาตรา ๒๑ โดยผแู้ ทนหรอื ตวั แทน แลว้ แต่กรณี (๔) ผู้ซ่ึงมีประกาศของนายกรัฐมนตรีหรือผู้ซ่ึงนายกรัฐมนตรีมอบหมายในราชกิจจา นุเบกษา มาตรา ๒๓ ในการพิจารณาทางปกครองที่คู่กรณีต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ค่กู รณมี สี ทิ ธินาทนายความหรอื ทปี่ รกึ ษาของตนเข้ามาในการพจิ ารณาทางปกครองได้ การใดที่ทนายความหรือท่ีปรึกษาได้ทาลงต่อหน้าคู่กรณีให้ถือว่าเป็นการกระทาของ คู่กรณี เวน้ แตค่ ู่กรณจี ะไดค้ ดั คา้ นเสียแต่ในขณะน้ัน Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 113
ห น้ า | 114 มาตรา ๒๕ ในกรณีที่มกี ารย่ืนคาขอโดยมีผ้ลู งช่อื รว่ มกนั เกินห้าสบิ คนหรือมีค่กู รณี เกนิ ห้าสิบคนย่ืนคาขอท่ีมีข้อความอย่างเดียวกันหรือทานองเดียวกัน ถ้าในคาขอมีการระบุ ให้ บคุ คลใดเปน็ ตวั แทนของบุคคลดงั กล่าวหรือมีข้อความเปน็ ปริยายใหเ้ ข้าใจได้เช่นนั้น ใหถ้ ือวา่ ผู้ ทีถ่ ูกระบุช่อื ดงั กล่าวเปน็ ตวั แทนร่วมของคกู่ รณเี หลา่ น้นั มาตรา ๓๑ คู่กรณีมีสิทธิขอตรวจดูเอกสารที่จาเป็นต้องรู้เพ่ือการโต้แย้งหรือชี้แจง หรือป้องกันสิทธิของตนได้ แต่ถ้ายังไม่ได้ทาคาสั่งทางปกครองในเรื่องน้ัน คู่กรณีไม่มีสิทธิขอ ตรวจดูเอกสารอันเปน็ ต้นร่างคาวนิ จิ ฉัย มาตรา ๓๒ เจ้าหน้าท่ีอาจไม่อนุญาตให้ตรวจดูเอกสารหรือพยานหลักฐานได้ ถ้าเป็น กรณที ี่ต้องรักษาไวเ้ ป็นความลับ มาตรา ๓๔ คาสั่งทางปกครองอาจทาเปน็ หนงั สอื หรือวาจาหรือโดยการสอื่ ความหมาย ในรูปแบบอื่นกไ็ ด้ แต่ตอ้ งมขี อ้ ความหรือความหมายท่ชี ดั เจนเพียงพอท่ีจะเข้าใจได้ มาตรา ๓๕ ในกรณีทค่ี าสัง่ ทางปกครองเป็นคาสงั่ ดว้ ยวาจา ถ้าผู้รบั คาส่งั นนั้ รอ้ งขอ และ การร้องขอได้กระทาโดยมีเหตอุ ันสมควรภายในเจด็ วันนบั แตว่ นั ท่ีมีคาส่ังดงั กลา่ ว เจา้ หนา้ ท่ี ผู้ ออกคาสั่งต้องยืนยันคาสง่ั นั้นเป็นหนังสอื มาตรา ๓๖ คาส่ังทางปกครองท่ีทาเป็นหนังสืออย่างน้อยต้องระบุ วัน เดือน และปี ท่ี ทาคาส่ัง ชื่อและตาแหน่งของเจ้าหน้าท่ีผู้ทาคาสั่ง พร้อมทั้งมีลายมือช่ือของเจ้าหน้าท่ีผู้ทา คาสงั่ น้นั มาตรา ๓๗ คาส่ังทางปกครองที่ทาเป็นหนังสือและการยืนยันคาส่ังทางปกครอง เป็น หนงั สอื ต้องจดั ใหม้ เี หตผุ ลไว้ด้วย และเหตุผลนั้นอย่างน้อยต้องประกอบด้วย (๑) ข้อเท็จจรงิ อันเป็นสาระสาคญั (๒) ข้อกฎหมายทอี่ ้างอิง (๓) ข้อพิจารณาและขอ้ สนับสนนุ ในการใชด้ ลุ พินิจ มาตรา ๓๙/๑ การออกคาส่ังทางปกครองเป็นหนังสือในเร่ืองใด หากมิได้มีกฎหมาย หรือกฎกาหนดระยะเวลาในการออกคาสั่งทางปกครองในเร่ืองน้ันไว้เป็นประการอื่น ให้ เจ้าหน้าที่ออกคาส่ังทางปกครองนั้นให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่เจ้าหน้าที่ได้รับ คาขอและเอกสารถกู ต้องครบถว้ น ***(แก้ไขเพิ่มเติม ปี 2557) Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 114
ห น้ า | 115 มาตรา ๔๐ คาส่ังทางปกครองท่ีอาจอุทธรณ์หรือโต้แย้งต่อไปได้ให้ระบุกรณีท่ีอาจ อุทธรณ์หรือโต้แย้ง การยื่นคาอุทธรณ์หรือคาโต้แย้ง และระยะเวลาสาหรับการอุทธรณ์หรือ การโต้แย้งดังกลา่ วไวด้ ้วย ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่ง ให้ระยะเวลาสาหรับการอุทธรณ์หรือ การโต้แย้งเร่ิมนับใหม่ตั้งแต่วันท่ีได้รับแจ้งหลักเกณฑ์ตามวรรคหน่ึง แต่ถ้าไม่มีการแจ้งใหม่และ ระยะเวลาดังกล่าวมีระยะเวลาส้ันกว่าหนึ่งปี ให้ขยายเป็นหนึ่งปีนับแต่วันท่ีได้รับคาส่ังทาง ปกครอง มาตรา ๔๑ คาสั่งทางปกครองท่ีออกโดยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ดงั ต่อไปน้ี ไม่เป็นเหตุให้คาส่ังทางปกครองน้ันไมส่ มบรู ณ์ (๑) การออกคาสั่งทางปกครองโดยยังไม่มีผู้ย่ืนคาขอในกรณีที่เจ้าหน้าที่จะดาเนินการ เองไมไ่ ด้นอกจากจะมผี ยู้ นื่ คาขอ ถา้ ต่อมาในภายหลงั ไดม้ ีการยนื่ คาขอเช่นน้นั แลว้ (เชน่ ขอใบรับรอง ปพ.7 ) (๒) คาสั่งทางปกครองที่ต้องจัดให้มีเหตผุ ล ถ้าไดม้ ีการจัดใหม้ ีเหตุผลดงั กลา่ วในภายหลัง (๓) การรับฟังคู่กรณีท่ีจาเป็นต้องกระทาได้ดาเนินการมาโดยไม่สมบูรณ์ ถ้าได้มีการรับ ฟังใหส้ มบูรณใ์ นภายหลงั (๔) คาส่ังทางปกครองที่ต้องให้เจ้าหน้าท่ีอื่นให้ความเห็นชอบก่อน ถ้าเจ้าหน้าที่น้ัน ได้ ให้ความเห็นชอบในภายหลัง มาตรา ๔๒ คาส่ังทางปกครองให้มีผลใช้ยันต่อบุคคลต้ังแต่ขณะท่ีผู้นั้นได้รับแจ้งเป็น ต้นไป (ใชย้ นั ..แจง้ ) คาส่ังทางปกครองย่อมมผี ลตราบเท่าท่ียังไม่มีการเพกิ ถอนหรือส้ินผลลงโดยเงื่อนเวลา หรือโดยเหตอุ ืน่ มาตรา ๔๓ คาส่ังทางปกครองที่มีข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือผิดหลงเล็กน้อยนั้น เจา้ หนา้ ทอ่ี าจแก้ไขเพิ่มเติมไดเ้ สมอ มาตรา ๔๔ ในกรณีที่คาส่ังทางปกครองใดไม่ได้ออกโดยรัฐมนตรี และไม่มีกฎหมาย กาหนดข้ันตอนอุทธรณ์ภายในฝ่ายปกครองไว้เป็นการเฉพาะ ให้คู่กรณีอุทธรณ์คาสั่งทาง ปกครองน้ันโดยย่ืนต่อเจ้าหน้าท่ีผู้ทาคาสั่งทางปกครองภายในสิบห้าวันนับแต่วันท่ีตนได้รับ แจง้ คาสง่ั ดังกล่าว คาอุทธรณ์ต้องทาเป็นหนังสือโดยระบุข้อโต้แย้งและข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายท่ี อา้ งอิงประกอบด้วย Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสือผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 115
ห น้ า | 116 การอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับตามคาส่ังทางปกครอง เว้นแต่จะมีการสั่งให้ ทเุ ลา มาตรา ๔๕ ให้เจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง พิจารณาคาอุทธรณ์และแจ้งผู้ อุทธรณ์โดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วนั ที่ได้รับอุทธรณ์ ในกรณีที่เห็นด้วยกับ คาอุทธรณ์ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนก็ให้ดาเนินการเปล่ียนแปลงคาส่ังทางปกครองตาม ความเหน็ ของตน ภายในกาหนดเวลาดังกล่าวดว้ ย ถ้าเจ้าหน้าท่ีตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง ไม่เห็นด้วยกับคาอุทธรณ์ไม่ว่าท้ังหมดหรือ บางส่วนก็ให้เร่งรายงานความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังผู้มีอานาจพิจารณาคา อุทธรณ์ภายใน กาหนดเวลา ตามวรรคหน่ึง ให้ผู้มีอานาจพิจารณาคาอุทธรณ์พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน สามสิบวันนับแต่วันที่ตนได้รับรายงาน ถ้ามีเหตุจาเป็นไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน ระยะเวลาดังกล่าว ให้ผู้มีอานาจพิจารณาอุทธรณ์มีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบก่อนครบ กาหนดเวลาดงั กลา่ ว ในการน้ี ใหข้ ยายระยะเวลาพิจารณาอทุ ธรณอ์ อกไปไดไ้ ม่เกนิ สามสิบวัน นับแต่วันทีค่ รบกาหนดเวลาดงั กล่าว มาตรา ๔๙ การเพิกถอนคาส่ังทางปกครองที่มีลักษณะเป็นการให้ประโยชน์ต้องกระทา ภายในเก้าสิบวันนับแต่ได้รู้ถึงเหตุที่จะให้เพิกถอนคาส่ังทางปกครองนั้น เว้นแต่คาส่ังทาง ปกครองจะได้ทาข้ึนเพราะการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซ่ึงควรบอก ให้แจ้งหรือการข่มขู่หรือการชักจูงใจโดยการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดท่ีมิชอบด้วย กฎหมาย มาตรา ๕๒ คาสั่งทางปกครองท่ีไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาจถูกเพิกถอนท้ังหมดหรือ บางส่วนได้ แต่ผู้ได้รับผลกระทบจากการเพิกถอนคาสั่งทางปกครองดังกล่าวมีสิทธิได้รับค่า ทดแทนความเสียหายเนอื่ งจากความเชื่อโดยสจุ ริตในความคงอยู่ของคาสั่งทางปกครองได้ แต่ ต้องร้องขอคา่ ทดแทนภายในหน่ึงร้อยแปดสิบวนั นับแต่ไดร้ ับแจ้งใหท้ ราบ ถึงการเพิกถอนน้นั ค่าทดแทนความเสียหายตามมาตราน้ีจะต้องไม่สูงกว่าประโยชน์ท่ีผู้น้ันอาจได้รับ หาก คาส่งั ทางปกครองดังกลา่ วไมถ่ ูกเพิกถอน มาตรา ๕๔ เม่ือคู่กรณีมีคาขอ เจ้าหน้าท่ีอาจเพิกถอนหรือแก้ไขเพ่ิมเติมคาสั่งทาง ปกครองทพ่ี ้นกาหนดอทุ ธรณ์ได้ในกรณดี ังตอ่ ไปน้ี (๑) มีพยานหลักฐานใหม่ อันอาจทาให้ข้อเท็จจริงท่ีฟังเป็นยุติแล้วน้ันเปลี่ยนแปลงไป ในสาระสาคัญ Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 116
ห น้ า | 117 (๒) คู่กรณีที่แท้จริงมิได้เข้ามาในกระบวนการพิจารณาทางปกครองหรือได้เข้ามา ใน กระบวนการพิจารณาครั้งก่อนแล้วแต่ถูกตัดโอกาสโดยไม่เป็นธรรมในการมีส่วนร่วม ใน กระบวนการพิจารณาทางปกครอง (๓) เจา้ หน้าท่ีไมม่ อี านาจท่จี ะทาคาสงั่ ทางปกครองในเร่ืองนน้ั (๔) ถ้าคาส่ังทางปกครองได้ออกโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใดและต่อมา ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสาคัญในทางท่ีจะเป็นประโยชน์แก่ ค่กู รณี การยื่นคาขอตามวรรคหนงึ่ (๑) (๒) หรือ (๓) ให้กระทาไดเ้ ฉพาะเมอื่ คู่กรณไี ม่อาจทราบ ถึงเหตุนนั้ ในการพิจารณาคร้ังทแี่ ล้วมาก่อนโดยไม่ใชค่ วามผิดของผู้นั้น การย่ืนคาขอให้พิจารณาใหม่ต้องกระทาภายในเก้าสิบวันนับแต่ผู้นั้นได้รู้ถึงเหตุ ซึ่ง อาจขอใหพ้ จิ ารณาใหม่ได้ มาตรา ๕๗ คาสั่งทางปกครองท่ีกาหนดให้ผู้ใดชาระเงิน ถ้าถึงกาหนดแล้วไมม่ ีการชาระ โดยถูกต้องครบถ้วน ให้เจ้าหน้าที่มีหนังสือเตือนให้ผู้นั้นชาระภายในระยะเวลาที่กาหนด แต่ ต้องไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ถ้าไม่มีการปฏิบัติตามคาเตือน เจ้าหน้าท่ีอาจใช้มาตรการบังคับทาง ปกครองโดยยดึ หรืออายัดทรัพย์สินของผู้นั้นและขายทอดตลาดเพ่อื ชาระเงนิ ใหค้ รบถว้ น มาตรา ๕๘ คาส่ังทางปกครองที่กาหนดให้กระทาหรือละเว้นกระทา ถ้าผู้อยู่ในบังคับ ของคาส่ังทางปกครองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่อาจใช้มาตรการบังคับทางปกครอง อย่างหนงึ่ อย่างใด ดังตอ่ ไปน้ี (๑) เจ้าหน้าที่เข้าดาเนินการด้วยตนเองหรือมอบหมายให้บุคคลอ่ืนกระทาการแทน โดยผู้อยู่ในบังคับของคาส่ังทางปกครองจะต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายและเงินเพิ่มในอัตราร้อยละย่ีสิบ ห้าต่อปีของคา่ ใช้จ่ายดงั กล่าวแก่เจ้าหนา้ ที่ (๒) ใหม้ ีการชาระค่าปรบั ทางปกครองตามจานวนท่ีสมควรแก่เหตุแต่ต้องไม่เกินห้าหมื่น บาทตอ่ วนั มาตรา ๖๙ การแจ้งคาส่ังทางปกครอง การนัดพิจารณา หรือการอย่างอ่ืนท่ีเจ้าหน้าที่ ต้องแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบอาจกระทาด้วยวาจาก็ได้ แต่ถ้าผู้น้ันประสงค์จะให้กระทาเป็น หนงั สอื กใ็ ห้แจง้ เปน็ หนังสอื การแจง้ เปน็ หนังสือให้ส่งหนังสือแจ้งต่อผู้น้ัน หรือถ้าได้สง่ ไปยังภูมิลาเนาของผู้น้ันก็ให้ ถอื ว่าได้รบั แจง้ ต้งั แต่ในขณะท่ไี ปถึง Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 117
ห น้ า | 118 มาตรา ๗๐ การแจ้งเป็นหนังสือโดยวิธีให้บุคคลนาไปส่ง ถ้าผู้รับไม่ยอมรับหรือถ้าขณะ นาไปส่งไมพ่ บผรู้ ับ และหากได้สง่ ใหก้ ับบุคคลใดซงึ่ บรรลุนติ ภิ าวะท่ีอยู่หรือทางานในสถานท่นี นั้ หรือในกรณีที่ผู้น้ันไม่ยอมรับ หากได้วางหนังสือนั้นหรือปดิ หนังสือน้ันไว้ในทซ่ี ึง่ เห็นไดง้ ่าย ณ สถานท่ีน้นั ตอ่ หน้าเจ้าพนักงานตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวงท่ีไปเป็นพยานก็ให้ถอื ว่าไดร้ ับแจ้ง แลว้ มาตรา ๗๑ การแจ้งโดยวิธีส่งทางไปรษณีย์ตอบรับให้ถือว่าได้รับแจ้งเมื่อครบกาหนด เจ็ดวันนับแต่วันส่งสาหรับกรณีภายในประเทศ หรือเม่ือครบกาหนดสิบห้าวันนับแต่วันส่ง สาหรับกรณีส่งไปยังต่างประเทศ เว้นแต่จะมีการพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการได้รับหรือได้รับก่อนหรือ หลงั จากวันนัน้ มาตรา ๗๒ ในกรณที ี่มผี ู้รับเกินห้าสบิ คน เจา้ หน้าท่จี ะแจง้ ให้ทราบตง้ั แต่เร่ิมดาเนินการ ในเรื่องน้ันว่าการแจ้งต่อบุคคลเหล่านั้นจะกระทาโดยวิธีปิดประกาศไว้ ณ ที่ทาการของ เจ้าหน้าท่ี และท่ีว่าการอาเภอที่ผู้รับมีภูมิลาเนาก็ได้ ในกรณีนี้ให้ถือว่าได้รับแจ้งเม่ือล่วงพ้น ระยะเวลาสิบห้าวันนับแตว่ ันที่ได้แจ้งโดยวิธดี ังกล่าว มาตรา ๗๓ ในกรณีทไี่ มร่ ตู้ วั ผู้รับ หรอื รตู้ ัวแต่ไมร่ ู้ภมู ิลาเนา หรอื รู้ตัวและภูมิลาเนา แต่มี ผู้รับเกินหน่ึงร้อยคน การแจ้งเป็นหนังสือจะกระทาโดยการประกาศในหนังสือพิมพ์ซึ่ง แพร่หลายในท้องถิ่นนั้นก็ได้ ในกรณีน้ีให้ถือว่าได้รับแจ้งเมื่อล่วงพ้นระยะเวลาสิบห้าวันนบั แต่ วันท่ไี ดแ้ จ้งโดยวิธดี งั กลา่ ว มาตรา ๘๐ การนัดประชุมคณะกรรมการที่มีอานาจดาเนินการพิจารณาทางปกครอง ต้องทาเป็นหนังสือและแจ้งให้กรรมการทุกคนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวัน เว้นแต่ กรรมการนั้นจะได้ทราบการบอกนัดในท่ีประชุมแล้ว กรณีดังกล่าวน้ีจะทาหนังสือ แจ้งนัด เฉพาะกรรมการทไ่ี ม่ได้มาประชมุ กไ็ ด้ บทบัญญัติในวรรคสองมิให้นามาใช้บังคับในกรณีมีเหตุจาเป็นเร่งด่วนซ่ึงประธาน กรรมการจะนดั ประชุมเปน็ อยา่ งอ่นื ก็ได้ **เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชบญั ญัตวิ ธิ ปี ฏบิ ัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙** 1.ยังไ ม่มีหลัก เกณฑ์และข้ันต อนท่ีเหมาะสมในการดาเนินก าร ปฏิบัติราชการทาง ปกครอง 2.มีประสิทธภิ าพในการใช้กฎหมายให้สามารถรกั ษาประโยชนส์ าธารณะได้ 3.อานวยความสะดวกแกป่ ระชาชน 4.ปอ้ งกันการทจุ รติ และประพฤติมิชอบในวงการราชการ Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผูบ้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 118
ห น้ า | 119 พระราชบัญญัติความรบั ผิดทางละเมิดของเจา้ หน้าท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ บังคบั ใช้ 15 พฤศจกิ ายน 2539 “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอ่ืน ไมว่ ่าจะเป็นการแต่งตงั้ ในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอน่ื ใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการท่ีเรียกช่ือ อย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจที่ ต้งั ขน้ึ โดยพระราชบญั ญัตหิ รือพระราชกฤษฎีกา มาตรา ๕ หน่วยงานของรฐั ต้องรับผดิ ตอ่ ผู้เสียหายในผลแหง่ ละเมดิ ที่เจา้ หน้าทข่ี องตน ได้กระทาในการปฏิบัติหน้าท่ี ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะฟอ้ งเจา้ หน้าทไ่ี ม่ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าท่ีซึ่งไม่ได้สังกัดหน่วยงานของรัฐแห่งใดให้ถือว่า กระทรวงการคลงั เป็นหนว่ ยงานของรฐั ท่ีตอ้ งรบั ผดิ ตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๖ ถ้าการกระทาละเมิดของเจ้าหน้าที่มิใช่การกระทาในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดในการน้ันเป็นการเฉพาะตัว ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจฟ้องเจ้าหน้าที่ได้ โดยตรง แต่จะฟ้องหนว่ ยงานของรฐั ไมไ่ ด้ มาตรา ๘ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อ การละเมดิ ของเจา้ หน้าที่ ให้หนว่ ยงานของรัฐมสี ิทธิเรียกให้เจา้ หน้าที่ผู้ทาละเมิดชดใชค้ ่าสินไหม ทดแทนดังกล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ถ้าเจ้าหน้าท่ีได้กระทาการน้ันไปด้วยความจงใจหรือ ประมาทเลินเล่ออยา่ งรา้ ยแรง สิทธิเรยี กให้ชดใช้คา่ สินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียงใดใหค้ านึงถึงระดับความ ร้ายแรงแห่งการกระทาและความเป็นธรรมในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์โดยมิต้องให้ใช้เต็มจานวน ของความเสยี หายก็ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วยงานของรัฐหรือระบบการ ดาเนนิ งานสว่ นรวม ใหห้ กั สว่ นแหง่ ความรบั ผิดดังกล่าวออกดว้ ย ในกรณที ก่ี ารละเมิดเกิดจากเจา้ หนา้ ทห่ี ลายคน มิให้นาหลกั เรือ่ งลูกหนร้ี ว่ มมาใช้บังคบั และเจ้าหนา้ ที่แต่ละคนตอ้ งรับผิดใช้คา่ สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านนั้ Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสือผูบ้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 119
ห น้ า | 120 มาตรา ๙ ถ้าหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ไดใ้ ชค้ ่าสนิ ไหมทดแทนแกผ่ ู้เสียหาย สิทธิ ที่จะเรียกให้อีกฝ่ายหนึ่งชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนให้มีกาหนดอายุความหน่ึงปีนับแต่วันที่ หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหนา้ ท่ีไดใ้ ชค้ า่ สินไหมทดแทนนัน้ แกผ่ เู้ สยี หาย มาตรา ๑๐ ในกรณีที่เจ้าหน้าท่ีเป็นผู้กระทาละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็น หน่วยงานของรัฐท่ีผู้น้ันอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการกระทาในการปฏิบัติหน้าที่ การเรียกร้อง คา่ สินไหมทดแทนจากเจา้ หน้าทใ่ี ห้นาบทบัญญตั มิ าตรา ๘ มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม แตถ่ า้ มใิ ช่การ กระทาในการปฏิบตั หิ นา้ ที่ให้บังคับตามบทบญั ญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่ท้ังสองประการตามวรรคหนึ่ง ให้มี กาหนดอายุความสองปีนับแต่วันทีห่ น่วยงานของรัฐรู้ถงึ การละเมดิ และร้ตู ัวเจ้าหน้าทีผ่ ู้ทจ่ี ะต้อง ใช้ค่าสนิ ไหมทดแทน และกรณีท่ีหน่วยงานของรัฐเห็นว่าเจ้าหน้าที่ผู้นั้นไม่ต้องรับผิด แต่กระทรวงการคลัง ตรวจสอบแล้วเห็นว่าต้องรับผิด ให้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนน้ันมีกาหนดอายุความหนึง่ ปีนบั แตว่ นั ท่หี นว่ ยงานของรฐั มคี าสัง่ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง มาตรา ๑๑ ในกรณีท่ีผู้เสียหายเห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดตามมาตรา ๕ ผู้เสียหายจะย่ืนคาขอต่อหน่วยงานของรัฐให้พิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสาหรับความ เสยี หายที่เกดิ แก่ตนก็ได้ ในการนี้หน่วยงานของรัฐตอ้ งออกใบรับคาขอใหไ้ ว้เป็นหลักฐานและ พิจารณาคาขอน้ันโดยไม่ชักช้า เมื่อหน่วยงานของรัฐมีคาส่ังเช่นใดแล้วหากผู้เสียหายยังไม่ พอใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงานของรัฐก็ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้อง ทกุ ข์ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยคณะกรรมการกฤษฎกี าได้ภายในเก้าสบิ วันนับแตว่ นั ที่ตนไดร้ ับแจ้งผล การวนิ จิ ฉัย ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคาขอท่ีได้รับตามวรรคหนึ่งให้แล้วเสร็จภายในหน่ึงร้อย แปดสิบวัน หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทันในกาหนดนั้นจะต้องรายงานปัญหาและอุปสรรค ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือกากับหรือควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐแห่งน้ันทราบและขออนุมัติ ขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดงั กล่าวจะพจิ ารณาอนมุ ัติให้ขยายระยะเวลาให้อกี ได้ไม่ เกินหนงึ่ ร้อยแปดสบิ วนั มาตรา ๑๓ ให้คณะรัฐมนตรีจัดใหม้ ีระเบียบเพอื่ ให้เจ้าหน้าทซ่ี ึ่งต้องรับผิดตามมาตรา ๘ และมาตรา ๑๐ สามารถผ่อนชาระเงินที่จะต้องรับผิดน้ันได้โดยคานึงถึงรายได้ ฐานะ ครอบครัวและความรับผดิ ชอบ และพฤตกิ ารณแ์ ห่งกรณีประกอบดว้ ย Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื ผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 120
ห น้ า | 121 *** ข้อควรรู้ 1. ท่ี 2864/47 เลขธิการ กพฐ. มอบอานาจการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ข้อเท็จจริงเบ้ืองต้นทางละเมิดให้แก่ ผอ.เขต./ผอ.โรงเรียน แล้วแต่กรณี ปฏิบัติราชการแทน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงโดยละเอียดว่าความเสียหายท่ีเกิดข้ึน มีเหตุอันควรเช่ือว่าเกิดจากการ กระทาของเจา้ หนา้ ท่ีของหนว่ ยงานของรฐั แหง่ นนั้ หรอื ไม่เท่าน้นั 2. ที่ 887/47 เลขาธิการ กพฐ. มอบอานาจให้ ผอ.เขต ดาเนินการเกี่ยวกับความรับ ผดิ ทางละเมิดของเจา้ หนา้ ทใ่ี นเขต และสถานศึกษา ดังนี้ 2.1 แต่งตงั้ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจรงิ ความรบั ผิดทางละเมิด 2.2 วินิจฉัยส่ังการว่ามีผู้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือไม่ เป็นจานวนเงิน เทา่ ใด 2.3 รายงานกระทรวงการคลัง 2.4 ออกคาสั่งตามความเห็นกระทรวงการคลัง หรือออกคาส่ังให้ผู้รับผิดชาระ ค่าสินไหมทดแทน ***เจตนารมณ์ในการประกาศใช้พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของ เจา้ หน้าท่ี พ.ศ. 2539 (ตามเจตนารมณท์ ้ายพระราชบัญญตั ิ) “การทีเ่ จา้ หน้าท่ีดาเนนิ กจิ การต่างๆ ของหน่วยงานของรัฐนนั้ หาไดเ้ ป็นไปเพือ่ ประโยชน์ อันเป็นการเฉพาะตัวไม่ การปล่อยให้ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ีในกรณีท่ี ปฏิบัติงานในหน้าที่และเกิดความเสียหายแก่เอกชนเป็นไปตามหลักกฎหมายเอกชนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์จึงเปน็ การไม่เหมาะสมก่อให้เกดิ ความเข้าใจผดิ ว่า เจา้ หน้าท่ี จะต้องรบั ผิดในการกระทาตา่ ง ๆ เป็นการเฉพาะตวั เสมอไป เมอ่ื การท่ีทาไปนัน้ ทาใหห้ นว่ ยงาน ของรัฐต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเพียงใดก็จะมีการฟ้องไล่เบี้ยเอาจากเจ้าหน้าท่ีเต็มจานวน น้ัน ท้งั ทบ่ี างกรณเี กิดข้ึนโดยความไมต่ ้งั ใจหรือความผิดพลาดเล็กนอ้ ยในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ี นอกจากนั้นยังมีการนาหลักเร่ืองลูกหนี้ร่วมในระบบกฎหมายแพ่งมาใช้บังคับให้ เจ้าหน้าที่ต้องร่วมรับผิดในการกระทาของเจ้าหน้าท่ีผู้อื่นด้วย ซึ่งระบบนั้นมุ่งหมายแต่จะได้รับ เงินครบโดยไม่คานึงถึงความเป็นธรรมที่จะมีต่อแต่ละคน กรณีเป็นการก่อให้เกิดความไม่เป็น ธรรมแก่เจ้าหน้าท่ีและยังเป็นการบ่ันทอนกาลังขวัญในการทางานของเจ้าหน้าที่ด้วย จน บางครั้งกลายเป็นปัญหาในการบริหารเพราะเจ้าหน้าท่ีไม่กล้าตัดสินใจดาเนินงานเท่าที่ควร เพราะเกรงความรับผิดชอบท่ีเกิดแก่ตน อนึ่ง การให้คุณให้โทษแก่เจ้าหน้าท่ีเพื่อควบคุมการ ทางานของเจ้าหน้าที่ยังมีวิธีการในการบริหารงานบุคคลและการดาเนินการทางวินัยกากับดูแล Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผ้บู รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 121
ห น้ า | 122 อีกส่วนหนึ่ง อันเป็นหลักประกันมิให้เจ้าหน้าที่ทาการใด ๆ โดยไม่รอบคอบอยู่แล้ว ดังน้ัน จึง สมควรกาหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดทางละเมิดในการปฏิบัติงานในหน้าท่ีเฉพาะเมื่อเป็นการ จงใจกระทาเพื่อการเฉพาะตัว หรือจงใจให้เกิดความเสียหายหรือประมาทเลินเล่ออย่าง รา้ ยแรงเท่าน้ัน และให้แบง่ แยกความรบั ผิดของแต่ละคน มิให้นาหลักลูกหน้ีร่วมมาใช้บังคับ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเพ่ิมพูน ประสทิ ธภิ าพในการปฏิบัตงิ านของรฐั ” พระราชกฤษฎีกา วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารบริหารกิจการบ้านเมอื งที่ดี พ.ศ.2546 (ปรบั ปรุง 2562) **บงั คบั ใช้ 10 ตลุ าคม ๒๕๔๖ “ส่วนราชการ” หมายความว่า ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานอ่ืนของรัฐท่ีอยู่ในกากับของราชการฝ่ายบริหาร แต่ไม่ รวมถงึ องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ***ใหน้ ายกรฐั มนตรรี กั ษาการตามพระราชกฤษฎกี าน้ี หมวด 1 การบริหารกิจการบ้านเมืองทด่ี ี มาตรา ๖ การบริหารกิจการบ้านเมืองทดี่ ี ได้แก่ การบรหิ ารราชการเพ่ือบรรลุเปา้ หมาย ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) เกดิ ประโยชน์สุขของประชาชน (สาคัญทีส่ ดุ )(ประชาชนเป็นศนู ย์กลาง) (๒) เกดิ ผลสัมฤทธิต์ อ่ ภารกจิ ของรัฐ (๓) มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชงิ ภารกจิ ของรัฐ (๔) ไมม่ ขี ้ันตอนการปฏิบัตงิ านเกนิ ความจาเป็น (๕) มกี ารปรบั ปรงุ ภารกจิ ของสว่ นราชการให้ทนั ต่อสถานการณ์ (๖) ประชาชนได้รบั การอานวยความสะดวกและได้รบั การตอบสนองความต้องการ (๗) มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอยา่ งสมา่ เสมอ Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื ผ้บู รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 122
ห น้ า | 123 หมวด ๒ การบรหิ ารราชการเพอ่ื ให้เกดิ ประโยชน์สุขของประชาชน มาตรา ๗ การบริหารราชการเพ่ือประโยชน์สุขของประชาชน หมายถึง การปฏิบัติ ราชการที่มีเป้าหมายเพ่ือให้เกิดความผาสุกและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ความสงบและ ปลอดภัยของสงั คมสว่ นรวม ตลอดจนประโยชนส์ ูงสุดของประเทศ มาตรา ๘ ในการบรหิ ารราชการเพอ่ื ประโยชนส์ ขุ ของประชาชน ส่วนราชการจะต้อง ดาเนินการโดยถอื ว่าประชาชนเป็นศนู ยก์ ลางทจ่ี ะไดร้ บั การบรกิ ารจากรฐั ในกรณที ่ีเกิดปัญหาและอุปสรรคจากการดาเนนิ การ ให้ส่วนราชการดาเนินการแก้ไข ปัญหาและอุปสรรคนนั้ โดยเร็ว ในกรณีทป่ี ญั หาหรอื อปุ สรรคนัน้ เกดิ ขึ้นจากสว่ นราชการอ่ืน หรอื ระเบียบขอ้ บังคับท่อี อกโดยส่วนราชการอืน่ ให้ส่วนราชการแจง้ ให้ส่วนราชการท่ีเกย่ี วขอ้ ง ทราบ เพ่อื ดาเนินการแกไ้ ขปรับปรงุ โดยเรว็ ตอ่ ไป และให้แจ้ง ก.พ.ร. ทราบดว้ ย หมวด 3 การบรหิ ารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธต์ิ ่อภารกจิ ของรัฐ มาตรา 9 การบริหารราชการเพ่ือให้เกิดผลสัมฤทธ์ิต่อภารกิจของรัฐ ให้ส่วนราชการ ปฏบิ ตั ิดังต่อไปนี้ (๑) ก่อนจะดาเนนิ การตามภารกจิ ใด สว่ นราชการต้องจดั ทาแผนปฏบิ ตั ิราชการไว้ เป็นการล่วงหนา้ (๒) การกาหนดแผนปฏิบตั ริ าชการของส่วนราชการตาม (๑) ตอ้ งมีรายละเอียดของ ข้ันตอน ระยะเวลาและงบประมาณท่ีจะตอ้ งใช้ในการดาเนินการของแตล่ ะข้นั ตอน เป้าหมาย ของภารกจิ ผลสัมฤทธข์ิ องภารกจิ และตวั ช้ีวดั ความสาเร็จของภารกจิ (๓) ส่วนราชการตอ้ งจดั ให้มีการติดตามและประเมินผลการปฏบิ ตั ิตามแผนปฏิบตั ิ ราชการตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีส่วนราชการกาหนดขนึ้ ซึ่งตอ้ งสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานที่ ก.พ.ร. กาหนด (๔) ในกรณีที่การปฏิบัติภารกิจ หรอื การปฏิบัติตามแผนปฏิบัติราชการเกดิ ผลกระทบต่อประชาชน ใหเ้ ปน็ หน้าท่ีของสว่ นราชการทีจ่ ะตอ้ งดาเนินการแกไ้ ขหรือบรรเทาผลกระทบนั้น หรอื เปลี่ยน แผนปฏิบัตริ าชการใหเ้ หมาะสม มาตรา ๑๐ ในกรณีท่ภี ารกิจใดมคี วามเกยี่ วขอ้ งกับหลายส่วนราชการหรือเป็นภารกจิ ที่ ใกลเ้ คียงหรือตอ่ เนื่องกนั ให้ส่วนราชการท่ีเกย่ี วข้องนั้นกาหนดแนวทางการปฏิบตั ิราชการ เพ่อื ใหเ้ กดิ การบริหารราชการแบบบูรณาการรว่ มกนั โดยมุ่งใหเ้ กิดผลสมั ฤทธิ์ต่อภารกจิ ของรฐั Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 123
ห น้ า | 124 มาตรา ๑๖ ให้ส่วนราชการจัดทาแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการนั้นโดยจัดทาเปน็ แผนห้าปี(5 ปี) ซึ่งต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายของคณะรัฐมนตรีท่ีแถลงต่อรัฐสภา และแผน อน่ื ทีเ่ กยี่ วข้อง ในแตล่ ะปงี บประมาณ ให้ส่วนราชการจัดทาแผนปฏบิ ตั ิราชการประจาปีโดยให้ระบุ สาระสาคัญเกี่ยวกับนโยบายการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ เป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของ งานรวมท้ังประมาณการรายได้และรายจ่ายและทรัพยากรอื่นที่จะต้องใช้ เสนอต่อรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบ เมอ่ื รัฐมนตรีใหค้ วามเหน็ ชอบแผนปฏบิ ตั ิราชการของสว่ นราชการใด แลว้ ให้สานกั งบประมาณดาเนินการจดั สรรงบประมาณเพอ่ื ปฏบิ ัตงิ านให้บรรลุผลสาเรจ็ ในแต่ ละภารกิจตามแผนปฏิบัติราชการดังกล่าว ในกรณีที่ส่วนราชการมิได้เสนอแผนปฏิบัติราชการ ในภารกิจใดหรือภารกิจใดไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี มิให้สานักงบประมาณจัดสรร งบประมาณสาหรบั ภารกิจน้ัน เมือ่ สน้ิ ปีงบประมาณใหส้ ่วนราชการจัดทารายงานแสดงผลสมั ฤทธ์ิของแผนปฏบิ ัติ ราชการประจาปเี สนอต่อคณะรฐั มนตรี มาตรา ๑๘ เมือ่ มกี ารกาหนดงบประมาณรายจ่ายประจาปีตามแผนปฏบิ ตั ริ าชการ ของสว่ นราชการใดแลว้ การโอนงบประมาณจากภารกจิ หน่งึ ตามทก่ี าหนดในแผนปฏิบตั ิ ราชการไปดาเนินการอย่างอนื่ ซงึ่ มีผลทาใหภ้ ารกจิ เดมิ ไมบ่ รรลุเปา้ หมายหรอื นาไปใชใ้ นภารกิจ ใหมท่ ่มี ไิ ดก้ าหนดในแผนปฏิบัตริ าชการ จะกระทาได้ตอ่ เมอ่ื ไดร้ ับอนมุ ัตจิ ากคณะรัฐมนตรีให้ ปรับแผนปฏิบัตริ าชการให้สอดคล้องกันแลว้ การปรับแผนปฏบิ ัติราชการตามวรรคหนงึ่ จะกระทาไดเ้ ฉพาะในกรณที ี่งานหรอื ภารกิจ ใดไมอ่ าจดาเนินการตามวัตถุประสงคต์ อ่ ไปได้หรอื หมดความจาเปน็ หรือไมเ่ ป็นประโยชน์ หรือหากดาเนินการตอ่ ไปจะต้องเสียค่าใช้จา่ ยเกินความจาเป็น หรอื มีความจาเป็นอย่างอืน่ อนั ไม่อาจหลีกเล่ยี งได้ท่จี ะต้องเปลยี่ นแปลงสาระสาคญั ของแผนปฏิบตั ริ าชการ หมวด ๔ การบรหิ ารราชการอย่างมีประสทิ ธิภาพ และเกดิ ความค้มุ ค่าในเชิงภารกิจของรัฐ มาตรา ๒๐ เพื่อให้การปฏิบัติราชการภายในส่วนราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพให้ ส่วนราชการกาหนดเป้าหมาย แผนการทางาน ระยะเวลาแล้วเสร็จของงานหรือโครงการ และงบประมาณท่ีจะต้องใช้ในแต่ละงานหรือโครงการ และต้องเผยแพร่ให้ข้าราชการและ ประชาชนทราบทัว่ กนั ดว้ ย Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 124
ห น้ า | 125 มาตรา ๒๑ ใหส้ ว่ นราชการจดั ทาบญั ชตี ้นทุนในงานบริการสาธารณะแตล่ ะประเภทขึน้ ตามหลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารท่ีกรมบัญชกี ลางกาหนด ใหส้ ว่ นราชการคานวณรายจ่ายตอ่ หน่วยของงานบริการสาธารณะที่อย่ใู นความ รับผิดชอบของส่วนราชการนน้ั ตามระยะเวลาท่ีกรมบัญชีกลางกาหนด และรายงานให้สานกั งบประมาณ กรมบญั ชกี ลาง และ ก.พ.ร. ทราบ ในกรณีที่รายจ่ายต่อหน่วยของงานบริการสาธารณะใดของส่วนราชการใดสูงกว่า รายจ่ายต่อหน่วยของงานบริการสาธารณะประเภทและคุณภาพเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันของ ส่วนราชการอื่น ให้ส่วนราชการนั้นจัดทาแผนการลดรายจ่ายต่อหน่วยของงานบริการ สาธารณะดังกล่าวเสนอสานักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง และ ก.พ.ร. ทราบ และถ้ามิได้มีข้อ ทักท้วงประการใด ภายในสิบห้าวนั ก็ให้ส่วนราชการดงั กล่าวถือปฏิบตั ิตามแผนการลดรายจา่ ย นนั้ ตอ่ ไปได้ มาตรา ๒๓ ในการจัดซื้อหรือจัดจ้าง ให้ส่วนราชการดาเนินการโดยเปิดเผยและเท่ียง ธรรม โดยพจิ ารณาถึงประโยชนแ์ ละผลเสียทางสงั คม ภาระต่อประชาชน คุณภาพ วตั ถปุ ระสงค์ ท่ีจะใช้ราคา และประโยชน์ระยะยาวของส่วนราชการท่ีจะได้รับประกอบกันในกรณีท่ี วตั ถปุ ระสงค์ในการใช้เป็นเหตุใหต้ ้องคานึงถึงคณุ ภาพและการดูแลรักษาเป็นสาคัญ ใหส้ ามารถ กระทาไดโ้ ดยไม่ตอ้ งถอื ราคาต่าสุดในการเสนอซอื้ หรอื จ้างเสมอไป มาตรา ๒๖ การสั่งราชการโดยปกติให้กระทาเป็นลายลักษณ์อักษร เว้นแต่ในกรณีที่ ผู้บงั คับบญั ชามคี วามจาเปน็ ท่ไี ม่อาจสั่งเป็นลายลักษณ์อกั ษรในขณะนัน้ จะสงั่ ราชการด้วยวาจา ก็ได้แต่ให้ ผู้รับคาสั่งน้ันบันทึกคาสั่งด้วยวาจาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร และเม่ือได้ปฏิบัติ ราชการตามคาสัง่ ดงั กล่าวแลว้ ใหบ้ ันทึกรายงานใหผ้ สู้ ่ังราชการทราบ ในบนั ทึกใหอ้ า้ งองิ คาสงั่ ด้วยวาจาไวด้ ว้ ย หมวด ๕ การลดขั้นตอนการปฏบิ ตั งิ าน มาตรา ๒๗ ใหส้ ว่ นราชการจดั ใหม้ กี ารกระจายอานาจการตดั สนิ ใจเกยี่ วกับการส่ัง การ อนุญาต การอนุมัติการปฏิบัติราชการ หรือการดาเนินการอ่ืนใดของผู้ดารงตาแหน่งใดให้แก่ผู้ ดารงตาแหน่งท่ีมีหน้าที่รับผิดชอบในการดาเนินการในเรื่องนั้นโดยตรง เพื่อให้เกิดความรวดเรว็ และลดข้นั ตอนการปฏิบัตริ าชการ ท้ังนีใ้ นการกระจายอานาจการตัดสินใจดงั กล่าวตอ้ งม่งุ ผลให้ เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการบรกิ ารประชาชน Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสือผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 125
ห น้ า | 126 มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติงานที่เก่ียวข้องกับการบริการประชาชนหรือการติดต่อ ประสานงานระหว่างส่วนราชการดว้ ยกัน ใหส้ ่วนราชการแตล่ ะแห่งจดั ทาแผนภมู ขิ ้ันตอนและ ระยะเวลา การดาเนินการ รวมท้ังรายละเอียดอ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้องในแต่ละข้นั ตอนเปิดเผยไว้ ณ ที่ทาการของส่วนราชการและในระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการ เพ่ือให้ ประชาชนหรือผู้ท่ีเกีย่ วข้องเข้าตรวจดูได้ การบริการประชาชนและการติดต่อประสานงานระหว่างสว่ นราชการดว้ ยกัน ต้อง กระทาโดยใชแ้ พลตฟอร์มดจิ ทิ ลั กลางทีส่ านักงานพัฒนารัฐบาลดจิ ทิ ัล (องค์การมหาชน) กาหนดดว้ ย มาตรา ๓๐ ในกระทรวงหน่งึ ใหเ้ ป็นหนา้ ท่ีของปลัดกระทรวงท่จี ะต้องจดั ให้ส่วนราชการ ภายในกระทรวงท่รี ับผดิ ชอบปฏิบัติงานเก่ียวกับการบรกิ ารประชาชนร่วมกันจดั ต้งั ศนู ย์บริการ ร่วม เพ่ืออานวยความสะดวกแก่ประชาชนในการท่ีจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎอื่นใด ท้ังนเ้ี พื่อใหป้ ระชาชนสามารถตดิ ตอ่ สอบถาม ขอทราบขอ้ มลู ขออนุญาต หรอื ขออนุมัตใิ นเรือ่ ง ใดๆ ท่ีเป็นอานาจหน้าท่ีของส่วนราชการในกระทรวงเดียวกัน โดยติดต่อเจ้าหน้าที่ ณ ศนู ย์บรกิ ารร่วมเพยี งแห่งเดยี ว หมวด 6 การปรับปรุงภารกิจของสว่ นราชการ มาตรา ๓๓ ให้ส่วนราชการจัดให้มีการทบทวนภารกิจของตนว่าภารกิจใดมีความ จาเป็น หรือสมควรท่ีจะยกเลิก ปรับปรุง หรือเปล่ียนแปลงการดาเนินการต่อไปหรือไม่ โดย คานึงถึงยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ นโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา และแผนอื่นท่ีเก่ียวข้อง รวมถึงกาลังเงิน งบประมาณของประเทศ ความคมุ้ ค่าของภารกิจและสถานการณ์อืน่ ประกอบกัน มาตรา ๓๔ ในกรณีที่มีการยุบเลิก โอน หรือรวมส่วนราชการใดท้ังหมดหรือบางส่วน ห้ามมิให้จัดตั้งส่วนราชการที่มีภารกิจหรืออานาจหน้าที่ท่ีมีลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึง กันกับส่วนราชการดังกล่าวข้ึนอีก เว้นแต่มีเหตุผลและความจาเป็นเพื่อรักษาความม่ันคงของ รัฐหรือเศรษฐกิจของประเทศ หรือรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน และโดยได้รับ ความเห็นชอบจาก ก.พ.ร. มาตรา ๓๖ ในกรณีท่ีสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่ากฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ ท่ีอยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการใด ไม่สอดคล้องหรือเหมาะสม กับสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่เอ้ืออานวยต่อการพัฒนาประเทศ เป็นอุปสรรคต่อการประกอบ กิจการหรือการดารงชีวิตของประชาชน หรือก่อให้เกิดภาระหรือความยุ่งยากต่อประชาชนเกิน Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 126
ห น้ า | 127 สมควร ให้สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอแนะต่อส่วนราชการน้ันเพ่ือดาเนินการแก้ไข ปรบั ปรงุ หรือยกเลิกโดยเรว็ ตอ่ ไป ในกรณีที่ส่วนราชการที่ได้รับการเสนอแนะไม่เห็นชอบด้วยกับคาเสนอแนะของ สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้เสนอเร่ืองต่อคณะรฐั มนตรีเพื่อพจิ ารณาวนิ จิ ฉัย หมวด ๗ การอานวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการของประชาชน มาตรา ๓๗ ในการปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้องกับการบริการประชาชนหรือติดต่อ ประสานงานระหว่างส่วนราชการด้วยกนั ให้ส่วนราชการกาหนดระยะเวลาแลว้ เสร็จของงาน แต่ละงานและประกาศให้ประชาชนและข้าราชการทราบเป็นการท่ัวไป ส่วนราชการใดมิได้ กาหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของงานใด และ ก.พ.ร. พิจารณาเห็นว่างานน้ันมีลักษณะท่ีสามารถ กาหนดระยะเวลาแล้วเสรจ็ ได้ หรือสว่ นราชการได้กาหนดระยะเวลาแล้วเสร็จไว้ แต่ก.พ.ร. เหน็ ว่าเป็นระยะเวลาท่ีล่าช้าเกินสมควร ก.พ.ร. จะกาหนดเวลาแล้วเสร็จให้ส่วนราชการนั้นต้อง ปฏบิ ตั ิกไ็ ด้ มาตรา ๓๘ เม่ือสว่ นราชการใดได้รบั การติดต่อสอบถามเปน็ หนงั สอื จากประชาชน หรอื จากส่วนราชการด้วยกนั เกี่ยวกบั งานที่อย่ใู นอานาจหนา้ ทข่ี องส่วนราชการนั้น ให้เป็นหนา้ ทีข่ อง สว่ นราชการนั้นท่จี ะตอ้ งตอบคาถามหรอื แจ้งการดาเนินการให้ทราบภายในสิบห้าวันหรอื ภายในกาหนดเวลาท่กี าหนดไว้ตามมาตรา ๓๗ มาตรา ๔๐ เพอ่ื อานวยความสะดวกและความรวดเรว็ แก่ประชาชนในการติดตอ่ กับส่วน ราชการทุกแห่ง ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารจัดให้มีระบบเครือข่าย สารสนเทศกลางขนึ้ มาตรา ๔๓ การปฏิบัติราชการในเร่ืองใดๆ โดยปกติให้ถือว่าเป็นเรื่องเปิดเผย เว้นแต่ กรณีมีความจาเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของประเทศ ความมั่นคงทาง เศรษฐกิจ การรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล จึงให้ กาหนดเป็นความลบั ไดเ้ ท่าทีจ่ าเปน็ มาตรา ๔๔ ส่วนราชการต้องจัดให้มีการเปิดเผยข้อมูลเก่ียวกับงบประมาณ รายจ่าย แตล่ ะปี รายการเกีย่ วกับการจัดซื้อหรือจดั จา้ งท่จี ะดาเนนิ การในปีงบประมาณน้ัน และสัญญา ใดๆ ท่ีได้มีการอนุมัติให้จัดซ้ือหรือจัดจ้างแล้ว ให้ประชาชนสามารถขอดูหรือตรวจสอบได้ ณ สถานที่ทาการของส่วนราชการ และระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการ ท้ังน้ี การ เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต้องไม่ก่อให้เกิดความได้เปรียบหรือเสียเปรียบหรือความเสียหายแก่ บคุ คลใดในการจัดซ้อื หรอื จัดจา้ ง Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื ผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 127
ห น้ า | 128 หมวด 8 การประเมนิ ผลการปฏบิ ัตริ าชการ มาตรา ๔๕ ให้ส่วนราชการจัดให้มีคณะผู้ประเมินอิสระดาเนินการประเมินผลการ ปฏิบัติราชของส่วนราชการเก่ียวกับผลสัมฤทธ์ิของภารกิจ คุณภาพการให้บริการ ความพึง พอใจของประชาชนผู้รับบริการ ความคุ้มค่า ในภารกิจ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์วิธีการ และ ระยะเวลาที่ ก.พ.ร.กาหนด มาตรา ๔๗ ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการเพื่อประโยชน์ในการ บริหารงานบุคคล ให้ส่วนราชการประเมินโดยคานึงถึงผลการปฏิบัติงานเฉพาะตัวของ ข้าราชการผู้น้ันในตาแหน่งท่ีปฏิบัติประโยชน์และผลสัมฤทธิ์ท่ีหน่วยงานที่ข้าราชการผู้นั้น สังกัดไดร้ บั จากการปฏิบัติงานของขา้ ราชการผู้นัน้ มาตรา ๔๘ ในกรณีท่ีส่วนราชการใดดาเนินการให้บริการที่มีคุณภาพและเป็นไปตาม เป้าหมายท่ีกาหนด รวมทง้ั เป็นที่พงึ พอใจแก่ประชาชน ใหก้ .พ.ร.เสนอคณะรฐั มนตรี จัดสรรเงินเพิ่มพิเศษเป็นบาเหน็จความชอบแก่ส่วนราชการหรือให้ส่วนราชการใช้เงิน งบประมาณเหลือจ่ายของส่วนราชการน้ัน เพ่ือนาไปใช้ในการปรับปรุงการปฏิบัติงานของส่วน ราชการหรือจัดสรรเป็นรางวัลให้ข้าราชการในสังกัด ทั้งน้ีตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ี ก.พ.ร. กาหนดโดยความเห็นชอบของคณะรฐั มนตรี มาตรา ๔๙ เมือ่ สว่ นราชการใดได้ดาเนินงานไปตามเป้าหมาย สามารถเพ่มิ ผลงาน และ ผลสัมฤทธ์ิโดยไม่เป็นการเพ่ิมค่าใช้จ่ายและคุ้มค่าต่อภารกิจของรัฐหรือสามารถดาเนินการ ตามแผนการลดค่าใช้จ่ายต่อหน่วยได้ตามหลักเกณฑ์ท่ีก.พ.ร. กาหนด ให้ก.พ.ร.เสนอ คณะรัฐมนตรจี ดั สรรเงินรางวัลการเพิม่ ประสิทธภิ าพให้แกส่ ่วนราชการน้ัน หรอื ใหส้ ่วนราชการ ใช้เงินงบประมาณเหลอืจ่ายของส่วนราชการนน้ัน เพ่ือนาไปใช้ในการปรับปรุงการปฏิบัติงาน ของส่วนราชการหรือจดั สรรเป็นรางวัลให้ข้าราชการในสังกัด ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารท่ี ก.พ.ร.กาหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี หมวด 9 บทเบด็ เตลด็ มาตรา ๕๒ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจัดทาหลักเกณฑ์การบริหารกิจการ บ้านเมืองที่ดีตามแนวทางของพระราชกฤษฎีกานี้ โดยอย่างน้อยต้องมีหลักเกณฑ์เก่ียวกับการ ลดข้ันตอนการปฏิบัติงาน และการอานวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการของ ประชาชนทสี่ อดคลอ้ งกบั บทบัญญตั ใิ นหมวด ๕ และหมวด ๗ ให้เป็นหน้าท่ีของกระทรวงมหาดไทยดูแลและให้ความช่วยเหลือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน การจดั ทาหลกั เกณฑต์ ามวรรคหน่ึง Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 128
ห น้ า | 129 มาตรา ๕๓ ให้องค์การมหาชนและรัฐวิสาหกิจ จัดให้มีหลักเกณฑ์การบริหารกิจการ บ้านเมืองทีด่ ีตามแนวทางของพระราชกฤษฎีกาน้ี ในกรณีทกี่ .พ.ร. เห็นว่าองคก์ ารมหาชนหรือรัฐวสิ าหกิจใดไมจ่ ดั ให้มีหลกั เกณฑต์ ามวรรค หนึ่ง หรอื มีแต่ไม่สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกานี้ ให้แจง้ รัฐมนตรีซึง่ มหี นา้ ทก่ี ากบั ดแู ลองค์การ มหาชนหรือรฐั วสิ าหกจิ เพื่อพิจารณาสงั่ การให้องค์การมหาชนหรือรัฐวสิ าหกิจน้ันดาเนินการให้ ถกู ตอ้ งต่อไป เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับน้ี คอื โดยท่ีมีการปฏริ ูประบบราชการ เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศและให้บริกา รแก่ ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพย่ิงขึ้น ซ่ึงการบริหารราชการและการปฏิบัติหน้าท่ีของส่วน ราชการนี้ต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดีเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปเพอ่ื ประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธ์ิต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่าใน เชิงภารกิจของรัฐ ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานที่เกินความจาเป็น และประชาชนได้รับการอานวย ความสะดวกและได้รบั การตอบสนองความต้องการ รวมท้ังมีการประเมินผลการปฏิบัติราชการ อย่างสม่าเสมอและเนื่องจามาตรา ๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ บัญญัติให้การกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติราชการและการส่ัง การให้ส่วนราชการและข้าราชการปฏิบัติราชการเพ่ือให้เกิดการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี กระทาโดยตราเปน็ พระราชกฤษฎกี า จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชกฤษฎกี าน้ี หลกั ธรรมาภิบาล (Good Governance) 6 ประการ ดงั น้ี 1. หลักนิติธรรม (Rule of Law) เพ่ือส่วนรวม สังคมยอมรับ และเต็มใจปฏิบัติ เป็น หลักท่ีถือเป็นกฎ กตกิ าในสังคมท่ที กุ คนมสี ่วนเกย่ี วขอ้ ง มรี ะบบลงโทษทีเ่ หมาะสม รวมทั้งมกี าร บังคับใช้ที่คานึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชน จะช่วยควบคุมการใช้อานาจของรัฐให้เป็นไป อย่างชอบธรรม พรอ้ มกับช่วยคมุ้ ครองสทิ ธิและเสรภี าพของประชาชนไม่ให้ถกู ละเมิดโดยการใช้ อานาจรัฐ 2. หลักคณุ ธรรม (Ethic) สาหรบั เจ้าหน้าที่และขา้ ราชการให้มคี ณุ ธรรม ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ เป็นการพฒั นาให้บุคลากรของภาครฐั ยึดมนั่ ในความถกู ตอ้ ง การส่งเสริม สนับสนนุ ให้ประชาชน พัฒนาตนเองเพ่ือให้เป็นผู้ท่ีมีความซื่อสัตย์ มีระเบียบวินัย ประกอบอาชีพสุจริต ท้ังนี้ เพราะ ระบบคุณค่าและค่านิยมต่างๆ ในระบบราชการจะเป็นปัจจัยกาหนดพฤติกรรมของข้าราชการ และช้ีนาวธิ กี ารใหบ้ รกิ ารแกป่ ระชาชนด้วย Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 129
ห น้ า | 130 3. หลักความโปร่งใส (Transparency) โปร่งใส ตรวจสอบได้ การทางานท่ีเปิดเผย และสามารถตรวจสอบได้ จะส่งผลให้การทุจริต คอรัปช่ันและความด้อยประสิทธิภาพในการ ปฏิบัติงานของข้าราชการลดลง และทาให้ข้าราชการมีความรับผิดชอบต่อการทางานและผล ของงาน มีการปฏิบัติงานอย่างถูกต้องเป็นธรรม และก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนและ ประเทศชาตโิ ดยรวมมากข้ึน 4. หลกั การมสี ว่ นรว่ ม (Public participacy) ประชาชนมีสว่ นรว่ มในการแสดงความ คิดเห็นและตัดสินใจ เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมรับรู้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับ กระบวนการตัดสินใจ การมีส่วนร่วมจึงเป็นกระบวนการที่ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วน ร่วมในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ดังนั้น การมีส่วนร่วมจึงเป็นการส่ือสารสองทาง มีการ แลกเปล่ียนข้อมลู และรบั ฟังความเห็นซ่ึงกันและกันระหว่างรัฐกับประชาชน ในขณะเดียวกันจะ ก่อให้เกิดกระบวนการติดตาม ตรวจสอบนโยบายและการดาเนินงานของรัฐให้ดาเนินงานท่ี รบั ผิดชอบต่อสงั คมมากขึ้น 5. หลักความสานึกรับผิดชอบ (Responsibility) เจ้าหน้าที่และข้าราชการต้อง ร่วมกันรับผิดชอบในงานท่ีทา เป็นกระบวนการทางานท่ีจะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการ ทางานให้ดขี ้นึ ความสานึกรบั ผิดชอบตอ่ การปฏบิ ัตงิ านของหนว่ ยงานจะต้องมลี ักษณะสาคัญ 6 ประการ คือ การมีเป้าหมายที่ชัดเจน ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน การปฏิบัติการอย่างมี ประสิทธิภาพ การจัดการพฤติกรรมที่ไม่เอ้ืออานวยให้เกิดการรับผิดชอบ การทางานอย่างไม่ หยุดย้งั การมแี ผนสารอง และการติดตามประเมินผลการทางาน 6. หลักความคุ้มค่า (Effectiveness) การใช้ทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด โดยนา ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาปรับใช้ คือ ความมีเหตุผล ความพอประมาณ และความมภี ูมคิ มุ้ กัน ต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนเร็วในยุคนี้ การพัฒนาท่ีย่ังยืนจะต้องบริหารจัดการและใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากดั ใหเ้ กิดประโยชน์สุขแก่สว่ นรวม คานึงถึงความประหยัด ความคุ้มคา่ โดยยดึ ถอื ประชาชนเป็นเปา้ หมายสูงสดุ ในการทางาน Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 130
ห น้ า | 131 กฎหมาย กฎ ระเบยี บหลักเกณฑ์และวธิ กี ารที่เกี่ยวขอ้ ง โดยตรงกบั การปฏบิ ตั ิงาน พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาภาคบงั คับ พ.ศ. 2545 “การศึกษาภาคบังคับ” หมายความว่า การศึกษาชั้นปีท่ีหน่ึงถึงชั้นปที ่ีเกา้ ของการศึกษา ข้ันพื้นฐานตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการศกึ ษาแห่งชาติ “เด็ก” หมายความว่า เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดจนถึงอายุย่างเข้าปีท่ีสิบหก เว้นแต่ เดก็ ที่สอบได้ชั้นปีทเี่ กา้ ของการศึกษาภาคบังคับแลว้ มาตรา ๖ ใหผ้ ูป้ กครองสง่ เดก็ เข้าเรยี นในสถานศึกษา มาตรา ๑๑ ผู้ใดซึ่งมิใช่ผู้ปกครอง มีเด็กซ่ึงไม่ได้เข้าเรียนในสถานศึกษาอาศยั อยู่ด้วย ต้อง แจ้งสานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษา หรอื องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ แล้วแตก่ รณี ภายในหน่งึ เดือนนบั แตว่ นั ท่ีเด็กมาอาศัยอยู่ เวน้ แตผ่ ้ปู กครองได้อาศยั อยูด่ ว้ ยกับผนู้ ้นั มาตรา ๑๓ ผู้ปกครองที่ไม่ส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษา ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหน่ึง พนั บาท มาตรา ๑๔ ผ้ใู ดไม่อานวยความสะดวกแก่พนักงานเจา้ หน้าที่ ตอ้ งระวางโทษปรับไมเ่ กิน หนงึ่ พันบาท มาตรา ๑๕ ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร กระทาด้วยประการใดๆ อันเป็นเหตุให้เด็ก มิไดเ้ รียนในสถานศกึ ษาตามพระราชบัญญตั นิ ี้ ตอ้ งระวางโทษปรบั ไมเ่ กนิ หนงึ่ หม่นื บาท มาตรา ๑๖ ผ้ใู ดไม่แจง้ ขอ้ มูลอันเปน็ เทจ็ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนงึ่ หม่นื บาท กฎกระทรวงกาหนดให้ การนับอายุเด็กเพ่ือเข้ารับการศึกษาภาคบังคับให้นับตามปี ปฏทิ นิ หากครบ 7 ปีบริบรู ณ์ในปใี ด ใหน้ บั ว่าเด็กมีอายยุ า่ งเขา้ ปที ี่ 7 ในปีน้ัน Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 131
ห น้ า | 132 ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการ วา่ ด้วยกาหนดเวลาทางานและวันหยุดราชการของสถานศกึ ษา พ.ศ.2547 ใหส้ ถานศึกษาเรม่ิ ทางานตัง้ แตเ่ วลา 08.30 น ถงึ 16.30 น หยดุ กลางวนั เวลา 12.00- 13.00 น. ซึ่งเป็นเวลาทางานตามปกติ วนั เสารแ์ ละวันอาทติ ย์หยดุ ราชการเต็มวนั นอกจากท่ีกาหนดไว้ ให้สถานศึกษาเป็นผู้กาหนดและรายงานส่วนราชการต้นสังกัด ทราบ ท้ังนีต้ ้องมเี วลาทางานสัปดาหล์ ะไมน่ อ้ ยกวา่ 35 ชวั่ โมง วนั ปดิ ภาคเรยี นใหถ้ อื ว่า เปน็ วันพกั ผ่อนของนักเรียน ซ่งึ สถานศึกษาอาจอนุญาตให้ ข้าราชการหยุดพักผ่อนได้ แต่ถ้ามีราชการจาเป็นให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการเหมือนกับการ มาปฏบิ ตั ริ าชการตามปกติ วนั ท่ีสถานศกึ ษาทาการสอนชดเชยหรอื ทดแทน เน่ืองจากสถานศกึ ษาส่งั ปิดดว้ ยเหตุ พเิ ศษหรอื กรณพี ิเศษตา่ ง ๆ ให้ถือวา่ เปน็ วนั ทางานปกติ ระเบยี บสานกั นายกรัฐมนตรี วา่ ด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2555 การลามี 11 ประเภท 1.ลาปว่ ย 2.ลาคลอดบตุ ร 3.ลาไปช่วยเหลอื ภริยาท่คี ลอดบตุ ร 4.ลากิจสว่ นตัว 5.ลาพกั ผ่อน 6.ลาไปอุปสมบทหรือประกอบพิธฮี จั ย์ 7.ลาไปตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล 8.ลาศกึ ษาตอ่ ฝึกอบรม ดงู านหรอื ปฏบิ ตั ิงานวจิ ัย 9.ลาไปปฏบิ ตั งิ านในองคก์ ารระหว่างประเทศ 10.ลาตดิ ตามคู่สมรส 11.ลาไปฟน้ื ฟูสมรรถภาพด้านอาชพี Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผูบ้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 132
ห น้ า | 133 - การนบั วนั ลา ให้นับตามปงี บประมาณ - ลาปว่ ย ลากิจสว่ นตวั ลาพกั ผอ่ น ลาไปชว่ ยเหลอื ภรยิ าที่คลอดบตุ รให้นบั เฉพาะวนั ทาการ - การไปช่วยราชการ ให้ผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานท่ีไปช่วยราชการเป็นผูพ้ ิจารณาแล้วรายงาน ต้นสงั กัดเดมิ ทราบอยา่ งนอ้ ยปลี ะ 1 ครงั้ 1. ลาป่วย - ลาปว่ ย ตัง้ แต่ 30 วนั ทาการขึ้นไป ตอ้ งมีใบรบั รองแพทย์ - ลาป่วยไม่ถึง 30 วันทาการ ผ้อู นุญาตเหน็ สมควร จะส่ังใหม้ ีใบรับรองแพทยป์ ระกอบ ใบลาก็ได้ - ใหส้ ง่ ใบลาก่อนหรอื ในวันลา กรณจี าเป็นจะเสนอหรือจัดสง่ ใบลาในวันแรกทม่ี าปฏบิ ัติ ราชการกไ็ ด้ - กรณีอาการปว่ ยมากจนไมส่ ามารถส่งใบลาในวนั ลา จะให้ผอู้ ่นื ลาแทนกไ็ ด้ แต่เมื่อ สามารถลงช่ือได้แลว้ ให้เสนอหรอื จัดสง่ ใบลาโดยเรว็ 2.การลาคลอดบุตร - จะลาในวันที่คลอด กอ่ น หรือหลังคลอดบตุ รก็ได้ แตเ่ ม่อื รวมวนั ลาแลว้ ต้อง ไม่เกนิ 90 วัน 1.ให้เสนอใบลาตอ่ ผู้บงั คับบัญชากอ่ นหรอื ในวันลา 2.ไม่สามารถลงช่ือในใบลาได้ ใหผ้ ู้อ่นื ลาแทนกไ็ ด้ เม่ือลงชอ่ื ไดแ้ ลว้ ใหเ้ สนอหรอื จัดสง่ ใบลาโดยเรว็ 3.ลากจิ ต่อเน่ืองจากการลาคลอดเพอ่ื เล้ียงดูบตุ รได้อีกไมเ่ กนิ 150 วันทาการ โดยไม่ไดร้ บั เงนิ เดอื น (นบั รวมของเก่าด้วย 90 วนั ) 3.ลาไปช่วยเหลอื ภริยาทค่ี ลอดบุตร -ขา้ ราชการซึง่ ประสงคจ์ ะลาไปชว่ ยเหลอื ภรยิ าโดยชอบดว้ ยกฎหมายทคี่ ลอดบุตรให้ เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคบั บัญชาตามลาดบั จนถงึ ผู้มีอานาจอนญุ าตกอ่ นหรอื ในวนั ทล่ี า Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื ผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 133
ห น้ า | 134 ภายใน 90 วัน นับจากวนั ทีค่ ลอดบตุ รและใหม้ สี ิทธิลาไปชว่ ยเหลือภริยาที่คลอดบตุ รคร้งั หนง่ึ ติดตอ่ กนั ไดไ้ มเ่ กิน 15 วันทาการ 4.ลากจิ ส่วนตัว - ข้าราชการท่ปี ระสงค์จะลาหยุดราชการ เพือ่ ทากิจธุระได้ไมเ่ กิน 45 วันทาการ - ลากิจส่วนตัวเพ่ือเล้ียงดูบุตรต่ออีกได้ไม่เกิน 150 วันทาการ แต่ไม่มีสิทธิได้รับ เงินเดือน 1.เมอื่ ไดร้ บั อนุญาตแล้วจึงจะหยดุ ราชการได้ กรณมี เี หตพุ เิ ศษไม่อาจส่งใบลาต่อ ผู้บังคับบัญชาได้ ให้เสนอใบลาพร้อมทั้งเหตุผลความจาเป็นต่อผู้บังคับบัญชาทันทีในวันแรก ทมี่ าปฏิบตั ริ าชการ 2 ผ้บู งั คับบญั ชาจะเรียกตวั มาปฏิบัตริ าชการกไ็ ด้ ยกเว้นลากจิ ส่วนตัวเพ่ือเล้ียงดู บตุ ร 5.ลาพักผอ่ น ลาพักผ่อน …… เป็นครผู ู้ช่วยไม่ถงึ 6 เดือน / ข้าราชการครู ไม่มีสิทธลิ าพักผ่อน เพราะมีปดิ เทอมอยู่แล้ว - ปหี นึง่ ลาได้ 10 วนั ทาการ สะสมวนั ลารวมกบั ปตี ่อไป แตต่ อ้ งไมเ่ กิน 20 วนั ทาการ อายรุ าชการเกนิ 10 ปี มีสิทธนิ บั วันลาพกั ผ่อนสะสมรวม ได้ไม่เกิน 30 วนั ทาการ 6.การลาอุปสมบท หรือการลาไปประกอบพธิ ีฮจั ย์ มสี ิทธิลาไดไ้ ม่เกนิ 120 วนั แต่ต้องรับราชการมาแล้วไมน่ อ้ ยกวา่ 1 ปี 1.ให้ย่นื ใบลาเสนอก่อนอนญุ าต 60 วนั หากกรณมี เี หตุพเิ ศษ ใหช้ ี้แจงเหตผุ ล ประกอบการลา 2.จะต้องอุปสมบทภายใน 10 วัน นับแตว่ นั ลาหรือเดนิ ทางไปประกอบพิธีฮจั ย์ 3.ตอ้ งกลับมารายงานตัวภายใน 5 วัน นับแตล่ าสิกขาบทหรือวันเดนิ ทางกลับ ถึงประเทศไทย Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผ้บู รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 134
ห น้ า | 135 7.ลาเข้ารบั การตรวจเลอื กหรือเข้ารับการเตรียมพล ตรวจเลือกไมน่ อ้ ยกวา่ 48 ชั่วโมง การเตรียมพลภายใน 48 ชว่ั โมง ตอ้ งกลับมา รายงานตัวภายใน 7 วัน ขยายได้แต่รวมไม่เกนิ 15 วัน 8.การลาไปศึกษาตอ่ ฝึกอบรม ดงู าน หรอื ปฏบิ ตั กิ ารวจิ ัยต่างประเทศ - ให้เสนอหรอื จดั สง่ ใบลาตามลาดบั จนถึง ปลดั กระทรวง (เลขาธิการ กพฐ.) - ลาศึกษาต่อในประเทศ (ผอู้ านวยการสถานศึกษา) 9.การลาไปปฏบิ ตั งิ านในองคก์ ารระหว่างประเทศ - รัฐมนตรีเป็นผ้พู ิจารณาอนญุ าต / ต้องรับราชการมาแล้วไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปี 10.ลาตดิ ตามคู่สมรส ลาได้ไมเ่ กนิ 2 ปี ลาตอ่ ได้อีกไมเ่ กิน 2 ปี รวมแล้วไม่เกนิ 4 ปี หากเกิน 4 ปี ใหล้ าออก 11.ลาไปฟืน้ ฟสู มรรถภาพดา้ นอาชีพ ข้าราชการผู้ใดได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหนา้ ท่ีหรือถูก ประทุษร้ายเพราะเหตุกระทาการตามหนา้ ท่ี มีสิทธิลาไปฟ้ืนฟูสมรรถภาพดา้ นอาชีพครั้งหน่งึ ได้ ตามระยะเวลาทกี่ าหนด ไว้ในหลักสูตรท่ีประสงคจ์ ะลา แต่ไม่เกนิ 12 เดือน >>>>> ผมู้ อี านาจอนุญาตการลา คอื หัวหน้าส่วนราชการ (เลขาธิการ กพฐ.) - ลาบอ่ ยครั้ง ปฏิบัติงานในสถานศึกษาตอ้ งลาไม่เกิน 6 คร้งั สานกั งานเขตไมเ่ กิน 8 ครั้ง - มาทางานสายเนืองๆ ปฏิบัติงานสถานศึกษาตอ้ งไม่สาย เกิน 8 ครง้ั สานักงานไมเ่ กนิ 9 คร้ัง Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื ผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 135
ห น้ า | 136 ระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ว่าดว้ ยการเปดิ และปิดสถานศึกษา พ.ศ.2549 และ (ฉบบั ปรบั ปรุงแกไ้ ข 2558) การเปดิ -ปดิ สถานศึกษา - เวลารอบปีการศึกษาหนึ่ง ถือว่าวันท่ี 16 พฤษภาคม เป็นวันเริ่มต้นปีการศึกษา และ วันที่ 15 พฤษภาคม ของปีถัดไป เป็นวันส้ินปีการศึกษา ซึ่งในรอบปีการศึกษาหน่ึงทาง สถานศึกษาไดก้ าหนดวนั เปิดและปดิ สถานศึกษา เปน็ 2 ภาคเรยี น คือ ภาคเรยี นทีห่ น่ึง วนั เปดิ ภาคเรยี น วันท่ี 16 พฤษภาคม วันปดิ ภาคเรียน วันท่ี 11 ตุลาคม ภาคเรยี นท่ีสอง วันเปิดภาคเรยี น วนั ที่ 1 พฤศจกิ ายน วันปิดภาคเรยี น วนั ท่ี 1 เมษายน ของปีถัดไป - ในการเปดิ ปิดสถานศกึ ษา อาจมีการเปลีย่ นแปลงตามความเหมาะสม ข้ึนอยู่กับ ดุลยพินจิ ของสว่ นราชการเจา้ สงั กัด เปน็ ผ้กู าหนดตามท่ีเหน็ สมควร “กรณพี ิเศษ” หมายความวา่ กรณีจาเปน็ ต้องใชส้ ถานศึกษาเพ่อื ประชุม สมั มนา ฝกึ อบรมจัดสอบ พกั แรม จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรหรอื กิจกรรมอน่ื ใดที่เป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชน หรือเหตุจาเปน็ อน่ื ที่ไมอ่ าจเปดิ เรียนได้ตามปกติ “เหตุพเิ ศษ” หมายความวา่ สาธารณภยั อันมผี ลกระทบต่อสาธารณชน ไม่ว่าจะเกิด จากธรรมชาติ มีผู้ทาให้เกดิ ข้ึน อบุ ตั ิเหตุ หรือเหตุอ่ืนใดซง่ึ กอ่ ใหเ้ กิดอันตรายแกช่ วี ิต รา่ งกาย ของประชาชน หรอื ความเสียหายแกท่ รพั ยส์ นิ ของประชาชนหรือของรฐั และให้หมายความ รวมถึงภัยทางอากาศและการก่อวินาศกรรมด้วย ผู้มอี านาจสง่ั ปดิ สถานศึกษาเป็นกรณพี ิเศษ หรอื เหตุพิเศษ คือ 1.หัวหน้าสถานศกึ ษา(ผอ.ร.ร.) สง่ั ปิดได้ไมเ่ กิน 7 วนั 2.ผอ.สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา สัง่ ปดิ ได้ไม่เกิน 15 วนั 3.เลขาธิการ สั่งปิดไดไ้ ม่เกิน 30 วัน 4.รฐั มนตรกี ระทรวงศกึ ษาธกิ ารหรือปลัดกระทรวงส่ังปิดไดต้ ามความเหมาะสมและความจาเปน็ ***เมื่อไดส้ ั่งปิดไปแลว้ ต้องสอนชดเชยใหค้ รบตามจานวนวนั ท่ีสงั่ ปิด Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผูบ้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 136
ห น้ า | 137 ระเบียบกระทรวงศึกษาธกิ าร ว่าดว้ ยการพานักเรยี นและนกั ศกึ ษาไปนอกสถานศึกษา พ.ศ. 2562 และปรับปรุง พ.ศ.2563 การพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา หมายความว่า การท่ีหัวหน้า สถานศึกษาหรือผู้ท่ีหัวหน้าสถานศึกษามอบหมาย พานักเรียนและนักศึกษาไปทากิจกรรมการ เรียนการสอนนอกสถานศึกษาซึ่งอาจไปเวลาเปิดทาการสอนหรือไม่ก็ได้ หรือไปทากิจกรรม การเดินทางไกลและการเข้าค่ายพักแรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด แต่ไม่รวมถึงการไป นอกสถานท่ีตามคาสั่งในทางราชการ การขออนญุ าตพานักเรยี นไปนอกสถานศึกษา จาแนกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ (1) การพาไปนอกสถานศกึ ษาไม่คา้ งคนื - ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา...... มีอานาจพิจารณาอนญุ าต (2) การพาไปนอกสถานศกึ ษาค้างคืน - ผู้อานวยการสานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา...... มีอานาจพจิ ารณาอนุญาต (3) การพาไปนอกราชอาณาจักร เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน..... มอี านาจพิจารณาอนญุ าต *** โดยสถานศึกษาตอ้ งส่งเอกสารและขออนุญาตตอ่ ผู้มีอานาจก่อนไมน่ อ้ ยกวา่ 15 วัน ข้อกาหนดตามระเบียบทคี่ วรทราบ 1. ต้องคานึงถงึ ความปลอดภัยในการเดนิ ทางและการพักแรมเป็นลาดับแรก 2.ทาการขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องเพื่อขอคาแนะนา หรือขอ ความร่วมมือและต้องทาป้ายแสดงให้เห็นว่ายานพาหนะนั้นบรรทุกนักเรียนในการดาเนินการ ทุกข้ันตอน ต้องทาการขออนุญาตผู้ปกครองของนักเรียนทุกคร้ัง และหลังจากกลับมา ต้อง รายงานผลการพานักเรยี นและนกั ศึกษาไปนอกสถานศกึ ษาให้กบั ผสู้ ่ังอนุญาตทราบ 3.ให้หัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายจากหัวหน้าสถานศึกษาจานวน 1 คน เป็นผู้ควบคุม และจะต้องมีครูหรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าสถานศึกษา จานวน 1 คน ตอ่ นกั เรียนไม่เกนิ 30 คน เปน็ ผู้ชว่ ยผูค้ วบคมุ ***กรณีที่มีนักเรียนหญิงหรือนักศึกษา หญิงไปด้วย ใหม้ ีครูสตรีควบคุมไปดว้ ยตามความเหมาะสม 4.ถ้าใช้รถโดยสารไมต่ ่ากว่า 40 ที่นงั่ จานวนต้งั แต่ 3 คนั ขึ้นไปควรจัดใหม้ ีรถนาขบวน Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 137
ห น้ า | 138 ***สาหรับสถานศกึ ษาเอกชนประเภทโรงเรยี นในระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ให้หัวหน้าสถานศึกษาเป็นผู้มีอานาจพิจารณาอนุญาตการพาไปนอกสถานศึกษาไมพ่ กั แรมตาม ใหผ้ ู้รับใบอนุญาตเปน็ ผูม้ ีอานาจพิจารณาอนุญาตการพาไปนอกสถานศึกษาพกั แรม ให้ผู้รับใบอนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารโรงเรียน เป็นผู้มี อานาจพิจารณาอนญุ าตการพาไปนอกราชอาณาจกั ร “ให้สถานศึกษาเอกชนประเภทโรงเรียนในระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน รายงานการพิจารณาอนุญาตต่อผู้อนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนก่อนวันเดินทาง ไม่นอ้ ยกว่า 3 วันทาการ ในกรณที พ่ี าไปนอกสถานศึกษาพกั แรมและการพาไปนอกราชอาณาจักร ต้องรายงาน ผลการพานักเรียนไปนอกสถานศึกษาให้กับผู้อนุญาตทราบ ภายใน 15 วันหลังจากการพา นักเรยี นไปนอกสถานศกึ ษาเสรจ็ สิ้นแล้ว ระเบียบกระทรวงศึกษาธกิ าร ว่าด้วยการลงโทษนกั เรยี นและนกั ศกึ ษา พ.ศ.2548 “การลงโทษ” หมายความว่าการลงโทษนกั เรียนหรอื นักศึกษาท่กี ระทาความผดิ โดยมคี วามมุ่งหมายเพ่อื การอบรมสั่งสอน โทษที่จะลงโทษแกน่ ักเรยี นหรอื นักศกึ ษาท่ีกระทาความผดิ มี 4 สถาน ดังน้ี (1) วา่ กลา่ วตกั เตือน (2) ทาทัณฑบ์ น (3) ตดั คะแนนความประพฤติ (4) ทากิจกรรมเพือ่ ใหป้ รับเปลี่ยนพฤติกรรม ห้ามลงโทษนักเรยี นและนกั ศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษดว้ ย ความโกรธ หรอื ดว้ ยความพยาบาท โดยให้คานึงถงึ อายุของนกั เรียนหรือนกั ศกึ ษา และความ รา้ ยแรงของพฤติการณ์ ประกอบการลงโทษดว้ ย การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาให้เป็นไปเพื่อเจตนาที่จะแก้นิสัยและความประพฤติ ไมด่ ีของนกั เรยี นหรือนักศึกษาให้รู้สานึกในความผดิ และกลับประพฤตติ นในทางท่ีดีตอ่ ไป Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 138
ห น้ า | 139 ให้ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา หรือผู้ที่ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา มอบหมาย เป็นผ้มู อี านาจในการลงโทษนกั เรยี น นกั ศกึ ษา กาหนดให้ลงโทษนกั เรียนหรอื นักศกึ ษาทก่ี ระทาความผดิ ดงั น้ี 1.ว่ากลา่ วตักเตอื น ใชใ้ นกรณนี ักเรียนหรอื นักศึกษากระทาความผิดไม่รา้ ยแรง 2.ทาทัณฑ์บน ใช้ในกรณีที่นักเรียนหรือนักศึกษาประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสภาพ ความเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา หรือใช้ในกรณีทาให้เส่ือมเสียชื่อเสียงและเกียรติศักด์ิของ สถานศกึ ษา หรือฝา่ ฝืนระเบยี บของสถานศึกษา หรอื ไดร้ บั โทษว่ากล่าวตักเตือนมาแล้ว แต่ยงั ไม่ เข็ดหลาบ ** การทาทัณฑ์บนใหท้ าเปน็ หนังสือ และเชญิ บิดามารดาหรือผปู้ กครองมาบันทึกรับทราบ ความผิดและรับรองการทาทัณฑบ์ นไว้ด้วย 3.ตัดคะแนนความประพฤติ ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการตัดคะแนนความ ประพฤตินักเรียนหรือนักศึกษาของแต่ละสถานศึกษากาหนด โดยให้ทาบันทึกข้อมูลไว้เป็น หลกั ฐาน 4.ทากิจกรรมเพ่ือให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใช้ในกรณีที่นักเรียนหรือนักศึกษากระทา ความผิดท่ีสมควรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิการ กาหนด กฎ ก.ค.ศ. ว่าดว้ ยกรณคี วามผดิ ท่ปี รากฏชดั แจ้ง พ.ศ.2549 - ผู้บงั คบั บัญชาจะดาเนินการทางวนิ ัยโดยไมส่ อบสวน หรอื งดการสอบสวนก็ได้ ความผิดปรากฏชดั แจ้ง ความผิดวนิ ัยไมร่ า้ ยแรง มี 2 กรณี (1) ศาลพิพากษาถึงทีส่ ดุ ว่ากระทาความผิด ยกเวน้ ความผิดลหโุ ทษ (2) กระทาความผิดวนิ ัยไม่ร้ายแรง แลว้ รบั สารภาพเปน็ หนังสือตอ่ ผูบ้ ังคับบญั ชาหรือ ผู้ มีหนา้ ทส่ี อบสวนหรอื คณะกรรมการสอบสวน Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 139
ห น้ า | 140 ความผิดปรากฏชัดแจง้ ความผิดวินยั ร้ายแรง มี 3 กรณี (1) ศาลพิพากษาถงึ ทสี่ ุดให้จาคุกหรอื หนกั วา่ จาคุก (2) ละทง้ิ หนา้ ทร่ี าชการติดต่อในคราวเดียวกันเกินกวา่ 15 วนั โดยไม่มเี หตผุ ลอัน สมควรหรือมจี งใจไม่ปฏบิ ัตติ ามระเบยี บ (3) กระทาความผดิ วนิ ยั อย่างร้ายแรง แลว้ รบั สารภาพเปน็ หนังสือตอ่ ผู้บังคับบัญชา หรอื ผูม้ หี น้าทส่ี อบสวนหรือคณะกรรมการสอบสวน กฎ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยโรค พ.ศ.2549 ตามมาตรา 30 (5) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา 2547 คือ 1.โรคเรื้อนในระยะติดต่อหรือในระยะทีป่ รากฏอาการเป็นท่ีรังเกียจแก่สังคม 2.วณั โรคในระยะติดต่อ 3.โรคเท้าชา้ งในระยะท่ปี รากฏอาการเปน็ ท่ีรงั เกียจแก่สังคม 4.โรคตดิ ยาเสพตดิ ให้โทษ 5.โรคพษิ สรุ าเร้ือรัง ระเบยี บกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. ๒๕๖๓ *** บงั คับใช้ 2 พฤษภาคม ๒๕๖๓ โดยท่ีเปน็ การสมควรกาหนดข้อปฏิบัตแิ ละข้อห้ามปฏิบตั ิในการไว้ทรงผมของนักเรยี น เพือ่ ใหเ้ กดิ ความชัดเจนในการดาเนนิ การของสถานศึกษา มคี วามเหมาะสมกับสภาวการณ์ Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 140
ห น้ า | 141 ปจั จบุ ันและการปฏิบัตติ นของนักเรยี นเปน็ ไปดว้ ยความถูกต้อง รวมท้งั เป็นการคุ้มครองศกั ด์ิศรี ความเปน็ มนุษย์ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการจึงวางระเบียบไว้ ดังนี้ “นักเรียน” หมายความว่า บคุ คลซง่ึ กาลงั ศึกษาอยู่ในสถานศึกษา “สถานศกึ ษา” หมายความวา่ สถานศกึ ษาในสงั กดั หรอื กากับดแู ลของ กระทรวงศึกษาธกิ ารที่จัดการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน เวน้ แตก่ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษา ตามอธั ยาศัย ขอ้ ๔ นักเรียนตอ้ งปฏบิ ัตติ นเกย่ี วกับการไว้ทรงผม ดังน้ี (๑) นักเรียนชายจะไว้ผมสัน้ หรือผมยาวก็ได้ กรณไี ว้ผมยาวด้านข้าง ดา้ นหลงั ตอ้ งยาว ไม่เลยตนี ผม ดา้ นหน้าและกลางศรี ษะให้เป็นไปตามความเหมาะสมและมคี วามเรยี บร้อย (๒) นักเรยี นหญงิ จะไวผ้ มสัน้ หรอื ผมยาวกไ็ ด้ กรณีไวผ้ มยาวให้เปน็ ไปตามความ เหมาะสมและรวบใหเ้ รียบรอ้ ย ข้อ ๕ นกั เรยี นต้องหา้ มปฏิบตั ิตน ดงั นี้ (๑) ดดั ผม (๒) ยอ้ มสีผมให้ผดิ ไปจากเดมิ (๓) ไว้หนวดหรือเครา (๔) การกระทาอน่ื ใดซ่งึ ไม่เหมาะสมกบั สภาพการเปน็ นกั เรียน เช่น การตัดแตง่ ทรงผมเป็นรูปทรงสญั ลกั ษณ์หรือเป็นลวดลาย ข้อ ๖ ความในขอ้ ๔ และขอ้ ๕ มใิ ห้นามาใช้บงั คับแก่นกั เรียนท่มี ีเหตุผลความจาเป็น ในการปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนาของตนหรือการดาเนนิ กิจกรรมของสถานศึกษา ให้หัวหน้าสถานศึกษาเปน็ ผู้มีอานาจพจิ ารณาอนญุ าต ข้อ ๗ ใหส้ ถานศึกษาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาหรอื คณะ กรรมการบรหิ ารโรงเรยี นวางระเบียบเกย่ี วกบั การไว้ทรงผมของนักเรยี นที่มคี วาม เฉพาะเจาะจงได้เท่าทไี่ ม่ขดั หรือแยง้ กับระเบยี บนี้ การดาเนินการตามวรรคหน่งึ ให้ยึดถือหลกั ความเหมาะสมในการพัฒนาบุคลิกภาพทด่ี ี ของนักเรยี น และการมสี ว่ นร่วมของนกั เรียน สถานศึกษา ผปู้ กครอง และชุมชนทอ้ งถ่ิน ข้อ ๘ ใหป้ ลัดกระทรวงศึกษาธิการรักษาการใหเ้ ป็นไปตามระเบียบนี้ และให้มอี านาจ ตีความและวนิ จิ ฉยั ปญั หาเกย่ี วกบั การปฏบิ ตั ิตามระเบยี บนี้ Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสือผ้บู รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 141
ห น้ า | 142 นโยบายของรัฐบาลทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั การศึกษา วสิ ยั ทัศน์ประเทศไทย “ประเทศไทยมีความมน่ั คง มง่ั คัง่ ย่ังยืน เป็นประเทศพฒั นาแลว้ ดว้ ยการ พฒั นาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง” 1. ความม่นั คง 1.1 การมีความม่ันคงปลอดภัยจากภัยและการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในประเทศ และภายนอก ประเทศในทุกระดับ ทั้งระดับประเทศ สังคม ชุมชน ครัวเรือน และปัจเจกบคุ คล และมคี วามม่นั คงในทุกมิติ ทงั้ มิติเศรษฐกิจ สังคม สงิ่ แวดลอ้ ม และการเมอื ง 1.2 ประเทศมีความมั่นคงในเอกราชและอธิปไตย มีสถาบันชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ท่ีเข้มแข็ง เป็นศูนย์กลางและท่ียึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน ระบบ การเมืองมีความมั่นคงเป็นกลไกท่ีนาไปสู่ การบริหารประเทศท่ีตอ่ เนื่องและโปร่งใสตามหลกั ธรรมาภิบาล 1.3 สังคมมีความปรองดองและความสามัคคี สามารถผนึกกาลังเพ่ือพัฒนา ประเทศ ชมุ ชน มคี วามเขม้ แข็ง ครอบครวั มีความอบอุ่น 1.4 ประชาชนมีความม่ันคงในชีวิต มีงานและรายได้ท่ีม่ันคงพอเพียงกับการ ดารงชีวิต มีที่อยู่อาศัยและความปลอดภยั ในชีวติ ทรัพย์สนิ 1.5 ฐานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม มีความมั่นคงของอาหาร พลังงาน และน้า 2. ความมั่งคั่ง 2.1 ประเทศไทยมีการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ยกระดับเป็น ประเทศในกลมุ่ รายไดส้ งู ความเหล่อื มล้าของการพัฒนาลดลง ประชากรไดร้ บั ผลประโยชน์จาก การพฒั นาอย่างเท่าเทียมกนั มากขนึ้ 2.2 เศรษฐกิจมีความสามารถในการแข่งขันสูง สามารถสร้างรายได้ท้ังภายใน และภายนอกประเทศ สร้างฐานเศรษฐกิจและสังคมแห่งอนาคต และเป็นจุดสาคัญของการ เช่ือมโยงในภูมิภาค ทั้งการคมนาคมขนส่ง การผลิต การค้าการลงทุนและการทาธุรกิจ มี Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 142
ห น้ า | 143 บทบาทสาคัญในระดับภูมิภาคและระดับโลก เกิดสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าอย่างมี พลงั 2.3 ความสมบูรณ์ในทุนที่จะสามารถสร้างการพัฒนาคนอย่างต่อเน่ือง ได้แก่ ทุนมนุษย์ ทุนทางปัญญา ทุนทางการเงิน ทุนที่เป็นเคร่ืองมือเครื่องจักร ทุนทางสังคม และทุน ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม 3. ความย่ังยืน 3.1 การพัฒนาที่สามารถสร้างความเจริญ รายได้ และคุณภาพชีวิตของ ประชาชนให้เพ่ิมข้ึนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจท่ีไม่ใช้ ทรัพยากรธรรมชาติเกินพอดีไม่สร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมจนเกินความสามารถในการ รองรบั และเยยี วยาของระบบนเิ วศน์ 3.2 การผลิตและการบริโภคเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม และสอดคล้องกับ กฎระเบียบของประชาคมโลก ซ่ึงเป็นที่ยอมรับร่วมกัน ความอุดมสมบูรณ์ของ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมมีคุณภาพดีข้ึน คนมีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความเอื้อ อาทร เสียสละเพอ่ื ผลประโยชนส์ ่วนรวม 3.3 ประชาชนทกุ ภาคสว่ นในสังคมยดึ ถอื และปฏบิ ตั ิตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง ยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นเป้าหมายของการพัฒนาประเทศ ที่จะกาหนดกรอบและ แนวทางการพัฒนาให้หน่วยงานของรัฐทุกภาคส่วนต้องทาตาม เพื่อให้บรรลุ วิสัยทัศน์ \"ประเทศไทยมีความม่ันคง ม่ังค่ัง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง\" หรือตามคติพจน์ \"มั่นคง ม่ังค่ัง ย่ังยืน\" โดยมีกรอบระยะเวลา 20 ปี ตงั้ แต่ปี 2561-2580 Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผูบ้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 143
ห น้ า | 144 ยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี แบ่งยทุ ธศาสตร์ออกเปน็ 6 ด้าน คือ 1. ยุทธศาสตร์ด้านความมน่ั คง 2. ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขนั 3. ยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาและเสรมิ สร้างศักยภาพคน (เกี่ยวกบั กระทรวง ศธ.)*** 4. ยุทธศาสตร์ดา้ นการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเทา่ เทียมกนั ทางสังคม 5. ยุทธศาสตรด์ า้ นการสรา้ งการเติบโตบนคุณภาพชีวติ ทีเ่ ปน็ มติ รกบั สิง่ แวดล้อม 6. ยทุ ธศาสตรด์ า้ นการปรบั สมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจดั การภาครัฐ ความเป็นมาของยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปี คาวา่ \"ยุทธศาสตรช์ าต\"ิ มาจากรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 หมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา 65 ซ่งึ ระบุว่า \"มาตรา 65 รฐั พึงจัดใหม้ ียทุ ธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างย่ังยืน ตามหลักธรรมาภิบาล เพ่ือใช้เป็นกรอบในการจัดทาแผนต่างๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกนั เพ่อื ใหเ้ กิดเป็นพลงั ผลกั ดันรว่ มกนั ไปส่เู ปา้ หมายดังกลา่ ว การจดั ทา การกาหนดเป้าหมาย ระยะเวลาที่จะบรรลเุ ป้าหมาย และสาระทีพ่ ึงมใี น ยทุ ธศาสตร์ชาติให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการท่ีกฎหมายบญั ญตั ิ ทั้งน้ี กฎหมายดังกล่าว ตอ้ งมบี ทบัญญัติเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมและการรับฟังความคดิ เหน็ ของประชาชนทุกภาคส่วน อยา่ งทว่ั ถึงดว้ ย ยทุ ธศาสตร์ชาติ เมอ่ื ได้ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาแล้ว ใหใ้ ชบ้ ังคบั ได\"้ จากมาตรา 65 ทาให้ต้องออกกฎหมายอีกฉบบั หนึ่ง เรียกวา่ \"พระราชบัญญตั ิการ จดั ทายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560\" เพ่อื เปน็ กรอบการดาเนนิ การจดั ทาตวั ยทุ ธศาสตร์ชาติ เชน่ การแตง่ ตงั้ คณะกรรมการยทุ ธศาสตร์ และคณะกรรมการจดั ทายุทธศาสตร์ชาติ ขน้ั ตอนการรับ ฟงั ความคดิ เหน็ ของประชาชน การตดิ ตาม การตรวจสอบ และการประเมนิ ผลการดาเนินงาน ของยุทธศาสตร์ชาตขิ องหน่วยงานราชการตา่ ง ๆ เมอ่ื มียุทธศาสตรช์ าติแล้ว ก็จะตอ้ งมแี ผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ โดย ยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี ยังคงมสี ถานะใหญท่ ่สี ดุ ทกุ อยา่ งตอ้ งสอดคล้องกบั ยทุ ธศาสตรช์ าติ Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 144
ห น้ า | 145 รวมถงึ นโยบายของรฐั บาล แผนบรหิ ารราชการแผ่นดิน แผนปฏบิ ตั กิ ารของหน่วยงานตา่ งๆ ด้วย แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560-2564) (5 ป)ี การพัฒนาประเทศในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 เป็น 5 ปี แรกของการขบั เคลื่อนยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ส่กู ารปฏบิ ัติโดย แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๑๒ ยึดหลัก “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง” “การพัฒนาทย่ี ัง่ ยนื ” และ “คนเปน็ ศูนยก์ ลางการ พัฒนา” ท่ีตอ่ เนอ่ื งจากแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี ๙-๑๑ และยดึ หลักการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ ลดความเหลื่อมล้าและขับเคลื่อนการเจริญเติบโตจากการเพ่ิมผลผลิตบนฐานการใช้ภูมิปัญญา และนวัตกรรม ยุทธศาสตร์ในแผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี ๑๒ มีทั้งหมด ๑๐ ยุทธศาสตร์ โดยมี ๖ ยทุ ธศาสตร์ตามกรอบยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี และอีก ๔ ยทุ ธศาสตรท์ ี่เปน็ ปัจจยั สนับสนุน *** กระทรวงศึกษาธิการจะเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์การเสริมสร้างและพัฒนา ศกั ยภาพทุนมนษุ ย์ ยทุ ธศาสตร์ : ๑) ยทุ ธศาสตรก์ ารเสรมิ สร้างและพฒั นาศักยภาพทนุ มนุษย์*** ๒) ยุทธศาสตร์การสร้างความเปน็ ธรรมและความเหล่อื มล้าในสังคม ๓) ยุทธศาสตรก์ ารสรา้ งความเขม้ แขง็ ทางเศรษฐกิจและแข่งขนั ไดอ้ ยา่ งยงั่ ยืน ๔) ยทุ ธศาสตรก์ ารเตบิ โตทเี่ ปน็ มติ รกบั ส่ิงแวดล้อมเพ่ือการพฒั นาอย่างยงั่ ยืน ๕) ยุทธศาสตร์การความม่ันคงแห่งชาตเิ พอ่ื การพฒั นาประเทศสคู่ วามมัง่ คัง่ และยงั่ ยนื ๖) ยทุ ธศาสตรก์ ารบริหารจัดการในภาครัฐ การปอ้ งกนั การทุจริตประพฤตมิ ิชอบและ ธรรมาภิบาลในสงั คมไทย ๗) ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาโครงสร้างพน้ื ฐานและระบบโลจิสตกิ ส์ Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 145
ห น้ า | 146 ๘) ยุทธศาสตร์การพฒั นาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจยั และนวัตกรรม ๙) ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาภาค เมือง และพ้ืนท่ีเศรษฐกจิ ๑๐) ยทุ ธศาสตรค์ วามร่วมมอื ระหว่างประเทศเพอื่ การพฒั นา แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 มีหลักการทีส่ าคัญ คือ 1) ยึด “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เพ่ือให้เกิดบูรณาการ การพัฒนาใน ทุกมติ ิอยา่ งมเี หตุผล มคี วามพอประมาณ และมีระบบภมู คิ มุ้ กนั และการบรหิ ารจัดการ ความ เสีย่ งท่ดี ี ซงึ่ เป็นเง่ือนไขทจี่ าเป็นสาหรับการพัฒนาทยี่ ง่ั ยนื ซ่ึงมุ่งเน้นการพฒั นาคนมคี วามเป็นคน ทส่ี มบูรณ์ สังคมไทยเปน็ สังคมคณุ ภาพ มที ่ียืนและเปดิ โอกาสใหก้ ับทกุ คนในสงั คมไดด้ าเนินชีวิต ทีด่ ี มคี วามสขุ และอยูร่ ่วมกนั อยา่ งสมานฉันท์ 2) ยดึ “คนเป็นศูนยก์ ลางการพฒั นา” มุ่งสร้างคุณภาพชีวติ และสุขภาวะทีด่ ีสาหรับคน ไทย พัฒนาคนให้มีความเป็นคนท่ีสมบูรณ์ มีวินัย ใฝ่รู้ มีความรู้ มีทักษะ มีความคิดสร้างสรรค์ มีทัศนคติที่ดี รับผิดชอบต่อสังคม มีจริยธรรมและคุณธรรม พัฒนาคนทุกช่วงวัยและเตรียม ความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ รวมถึงการสร้างคนให้ใช้ประโยชน์และอยู่กบั ส่ิงแวดล้อมอย่างเก้ือกูล อนุรักษ์ ฟ้ืนฟู ใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมอย่าง เหมาะสม 3) ยึด“วิสัยทัศน์ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” มาเป็นกรอบของวิสัยทัศน์ประเทศ ไทยในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความ ม่ันคง ม่ังค่ัง ย่ังยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง” หรือเปน็ คติพจนป์ ระจาชาติว่า “มน่ั คง มงั่ คัง่ ย่งั ยนื ” 4) ยึด “เป้าหมายอนาคตประเทศไทยปี 2579”ท่ีเป็นเป้าหมายในยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี มาเป็นกรอบในการกาหนดเป้าหมายท่ีจะบรรลุใน 5 ปีแรกและเป้าหมายในระดับ ย่อยลงมา ควบคู่กับกรอบเป้าหมายที่ย่ังยืน (SDGs) 5) ยึด “หลักการนาไปสู่การปฏิบัติให้ เกดิ ผลสัมฤทธิอ์ ย่างจรงิ จังใน 5 ปีทีต่ อ่ ยอดไปสู่ผลสมั ฤทธ์ทิ เ่ี ปน็ เป้าหมายระยะยาว” Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 146
ห น้ า | 147 แผนการศึกษาแหง่ ชาติ (พ.ศ.2560–2579) (20 ป)ี สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้จัดทาแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560-2574 เพ่ือใช้เป็นแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวสาหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของประเทศ ได้นาไปใช้เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาการศึกษาสาหรับพลเมืองทุกช่วงวัยต้ังแต่แรกเกิดจน ตลอดชวี ิต โดยไดก้ าหนดสาระสาคญั ไว้ ดังน้ี วิสัยทัศน์ คือ “คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดารงชวี ิตอยา่ งเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และการเปลยี่ นแปลง ของโลกศตวรรษท่ี 21” 6 ยุทธศาสตร์ของแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ 1.การจดั การศกึ ษาเพ่อื ความมั่นคงของสงั คมและประเทศชาติ 2.การผลิตและพฒั นากาลังคน การวิจัยและนวัตกรรมเพอื่ สร้างขีด ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 3.การพัฒนาศกั ยภาพคนทกุ ชว่ งวยั และการสรา้ งสังคมแหง่ การเรียนรู้ 4.การสรา้ งโอกาส ความเสมอภาคและความเทา่ เทียมทางการศึกษา 5.การจดั การศึกษาเพ่ือสร้างเสริมคุณภาพชวี ติ ที่เป็นมิตรกบั สิ่งแวดลอ้ ม 6.การพัฒนาประสิทธภิ าพของระบบบริหารการศกึ ษา ผลลพั ธ์ (Output) การเข้าถงึ การศกึ ษา (Access) ความเท่าเทียม (Equity) คุณภาพ (Quality) ประสิทธิภาพ (Efficiency) ตอบโจทยบ์ รบิ ทที่เปลย่ี นแปลง (Relevancy) Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผบู้ รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 147
ห น้ า | 148 ผลลัพธส์ ดุ ท้าย (Outcome) ของแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ ***1.เดก็ ไทยมลี กั ษณะ 3R 8Cs 2.เปน็ สังคมแหง่ การเรียนรู้ และคุณธรรม 3.มุ่งสู่การพฒั นาอย่างยัง่ ยืน 4.เพ่อื ประเทศไทยกา้ วขา้ มกบั ดักประเทศทมี่ ีรายไดป้ านกลาง (Middle Income trap) คณุ สมบตั หิ รือทกั ษะท่ีสาคัญ 3R และ 8C 3R คือ Reading-อ่านออก, (W)Riting-เขียนได้, (A)Rithmatic-มีทักษะในการคานวณ 8C คือ • Critical Thinking and Problem Solving : มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่าง มีวจิ ารณญาณ และแก้ไขปัญหาได้ • Creativity and Innovation : คิดอย่างสร้างสรรค์ คดิ เชงิ นวตั กรรม • Collaboration Teamwork and Leadership : ความร่วมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผู้นา • Communication Information and Media Literacy : ทักษะในการส่ือสาร และ การรู้เทา่ ทันสื่อ • Cross-cultural Understanding : ความเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม กระบวนการคดิ ขา้ มวัฒนธรรม • Computing and ICT Literacy : ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ และการรู้เท่าทัน เทคโนโลยี ซึ่งเยาวชนในยุคปัจจุบันมีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี อย่างมากหรือเป็น Native Digital ส่วนคนรุ่นเก่าหรือผู้สูงอายุเปรียบเสมือนเป็น Immigrant Digital แต่เราต้องไม่อายทจ่ี ะเรยี นรูแ้ มว้ ่าจะสูงอายแุ ลว้ ก็ตาม Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสือผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื หนา้ 148
ห น้ า | 149 • Career and Learning Skills : ทกั ษะทางอาชีพ และการเรยี นรู้ • Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ซ่ึงเป็นคุณลักษณะ พนื้ ฐานสาคญั ของทักษะขั้นต้นทง้ั หมด และเปน็ คณุ ลกั ษณะที่เดก็ ไทยจาเปน็ ตอ้ งมี แผนพฒั นาการศกึ ษาของกระทรวงศึกษาธกิ าร ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ. 2560–2564) วิสยั ทศั น์ “มุง่ พัฒนาผูเ้ รยี นใหม้ คี วามรู้ค่คู ุณธรรม มคี ณุ ภาพชีวิตทด่ี ี มคี วามสขุ ในสังคม” “ผ้เู รียน” หมายถงึ เด็ก เยาวชน นกั เรยี น นักศึกษา และประชาชน ที่ไดร้ ับบรกิ ารจาก กระทรวงศึกษาธิการ “มคี วามรู้คคู่ ุณธรรม” หมายถึง รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวงั ซ่อื สัตย์สจุ รติ ขยนั อดทน สติปญั ญา แบ่งปนั ซึง่ เปน็ ๒ เงอื่ นไขตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง “มคี ุณภาพชวี ติ ทีด่ ี” หมายถึง มีอาชพี มีความม่นั คง มง่ั ค่ัง และย่งั ยืน ในการดารงชีวติ “มีความสุข” หมายถงึ ความอยดู่ มี สี ุข สามารถอยรู่ ว่ มกันอยา่ งเอือ้ อาทร มีความสามคั คี ปรองดอง “สงั คม” หมายถงึ สังคมไทย ภมู ภิ าคอาเซียน และสังคมโลก 6 ยุทธศาสตร์ของแผนพฒั นาการศกึ ษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบบั ที่ 12 ยุทธศาสตรท์ ี่ ๑ ยุทธศาสตร์พัฒนาหลักสูตร กระบวนการเรียนการสอน การวัด และประเมินผล ทีม่ ุง่ หวังให้คนไทยมีคณุ ธรรมจริยธรรม มีภมู ิคมุ้ กันตอ่ การเปลย่ี นแปลงและ การพฒั นาประเทศในอนาคต ซ่งึ ตอบสนองการพัฒนาในดา้ นคุณภาพและด้านการตอบโจทย์ บริบททีเ่ ปล่ยี นแปลง ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ ยุทธศาสตรผ์ ลิต พฒั นาครู คณาจารยแ์ ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ที่มุ่งหวงั ให้มกี ารผลิตครูไดส้ อดคล้องกับความต้องการในการจดั การศึกษาทุกระดับ ทุกประเภท Facebook : ชวนกนั มาอา่ นหนังสอื ผู้บรหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 149
ห น้ า | 150 และมีสมรรถนะตามมาตรฐานวิชาชีพ สามารถใช้ศักยภาพในการสอนได้อย่างเต็มที่ ซึ่ง ตอบสนองการพฒั นาในดา้ นคุณภาพ ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ ยุทธศาสตร์ผลิตและพัฒนากาลังคน รวมท้ังงานวิจัยที่สอดคลอ้ ง กับความต้องการของการพัฒนาประเทศ ท่ีมุ่งหวังให้กาลังคนได้รับการผลิตและพัฒนาเพ่ือ เสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของประเทศ และมีองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม สนับสนุน การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ซ่ึงตอบสนองการพัฒนาในดา้ นคุณภาพ และด้านการตอบโจทย์ บรบิ ททเี่ ปลีย่ นแปลง ยุทธศาสตร์ท่ี ๔ ยุทธศาสตร์ขยายโอกาสการเข้าถงึ บริการทางการศึกษาและการ เรียนรอู้ ยา่ งต่อเนื่องตลอดชวี ิต ทม่ี ุ่งหวังให้การบรกิ ารการศึกษาแกผ่ ู้เรียนทุกกลุม่ ทกุ วัยในระดับ ท่ีเหมาะสมกับสภาพบริบทและสภาพพื้นท่ี ซ่ึงตอบสนองการพัฒนาในด้านการเข้าถึงการ ใหบ้ รกิ ารและดา้ นความเทา่ เทียม ยุทธศาสตร์ ๕ ยุทธศาสตร์ส่งเสริมและพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อ การศึกษา ที่มุ่งหวังให้คนไทยได้รับโอกาสในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตโดยใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งตอบสนองการพัฒนาในด้านการเข้าถึงการให้บริการ ด้านความเท่า เทยี ม และด้านประสทิ ธภิ าพ ยทุ ธศาสตร์ ๖ ยุทธศาสตรพ์ ฒั นาระบบบริหารจดั การ และส่งเสริมให้ทุกภาคส่วน มสี ่วนรว่ มในการจัดการศกึ ษา ทมี่ ุ่งหวงั ใหม้ ีการใช้ทรัพยากรท้ังด้านงบประมาณและบคุ ลากรได้ อย่างคุ้มค่า ไม่เกิดการสูญเปล่า และมีความคล่องตัว ซึ่งตอบสนองการพัฒนาในด้าน ประสทิ ธิภาพ 5 เปา้ หมาย ๑. คณุ ภาพการศกึ ษาของไทยดีขน้ึ คนไทยมีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม มีภมู คิ มุ้ กันต่อการ เปล่ยี นแปลงและการพฒั นาประเทศในอนาคต ๒. กาลงั คนไดร้ ับการผลิตและพฒั นาเพือ่ เสรมิ สร้างศกั ยภาพการแข่งขนั ของประเทศ ๓. มอี งค์ความรู้ เทคโนโลยี นวตั กรรม สนบั สนุนการพัฒนาประเทศอยา่ งยั่งยืน ๔. คนไทยได้รบั โอกาสในการเรียนรูอ้ ย่างต่อเนือ่ งตลอดชวี ิต ๕. ระบบบรหิ ารจดั การการศกึ ษามปี ระสิทธิภาพตามหลักธรรมาภบิ าล โดยการมี ส่วนร่วมจากทกุ ภาคส่วน Facebook : ชวนกนั มาอ่านหนังสือผ้บู รหิ าร youtube : ชวนกนั มาอ่านหนังสอื หนา้ 150
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156