Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1. รายงานผลการปฎิบัติงานครั้งที่ 2 (กฤษฐนชนม์ หาระไชย)

1. รายงานผลการปฎิบัติงานครั้งที่ 2 (กฤษฐนชนม์ หาระไชย)

Published by kitthanachon01, 2021-08-03 10:28:47

Description: 1. รายงานผลการปฎิบัติงานครั้งที่ 2 ( 11 เมษายน 2563 -
10 พฤศจิกายน 2563)

Search

Read the Text Version

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. เพอ่ื ให้ทราบประวตั ขิ องการจดั เกบ็ ภาษ 2. เพื่อใหท้ ราบความหมายของภาษอี ากร 3. เพื่อให้ทราบถงึ วตั ถปุ ระสงคใ์ นการจดั 4. เพื่ออใหท้ ราบแหลง่ ทมี่ าของรายไดร้ ฐั บ 5. โครงสร้างของกฎหมายภาษอี ากร

131 ษอี ากร รและหน่วยงานทจ่ี ดั เกบ็ ภาษอี ากร ดเกบ็ ภาษอี ากรและประเภทของภาษอี ากร บาล ลกั ษณะของภาษีอากร อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

1. ประวัตกิ ารจดั เกบ็ ภาษอี ากร สมัยสุโขทัย สมัย พ.ศ. 1763 - พ.ศ. 1893 พ.ศ. 189 สมัยรัชการที่ 7 สมัยรัชการที่ 6 - ปัจจุบัน (พ.ศ. 2453 - พ.ศ. 2468) (พ.ศ. 2468 - ปัจจุบัน)

132 ยกรุงศรีฯ สมัยกรุงธนบุรีและกรุง รัตนโกสินทร์ตอนต้น 93 - พ.ศ. 2310 พ.ศ. 2311 - พ.ศ. 2324, พ.ศ. 2325-พ.ศ. 2394) สมัยรัชการที่ 5 สมัยรัชกาลท่ี 4 (พ.ศ. 2411 - พ.ศ. 2453) (พ.ศ. 2394 - พ.ศ. 2411) อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

การจดั เก็บภาษอี ากรสมัยสุโขทัย พ.ศ. 1763 - พ.ศ. 1893 สมัยพ่อขนุ รามคาแหงมหาราช ราชอาณาจัก นกั ปราชญ์ ทรงปกครองประเทศชาติได้เปน็ ปึกแผ่นแล จากความเจรญิ รุง่ เรอื งและมีการประกอบการค้าท้งั ในแ มาขา้ งต้นปรากฏในศลิ าจารกึ ซงึ่ แสดงหลักฐานว่า มีก ตอนหน่งึ ทีว่ า่ เมือ่ ชว่ั พอ่ ขนุ รามคาแหง ในนา้ มปี ลาในนามขี ้าว เพื่อนจองววั ไปคา้ ใครจกั คา้ ชา้ งคา้

133 กรสโุ ขทัยมคี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งมาก เพราะพระองค์เปน็ ทั้งนกั รบและ ละมกี ารขยายการคา้ ไปทั่วราชอาณาจักรและไปถึงต่างประเทศ และนอกราชอาณาจกั รในยุตสมยั ราชอาณาจักรสโุ ขทัยดังทีก่ ล่าว การจัดเกบ็ ภาษอี ากรมาตง้ั แต่กอ่ นยคุ พ่อขนุ รามคาแหง คอื ขอ้ ความ เมืองสโุ ขทัยนดี้ ี เจา้ เมอื งบเ่ อาจงั กอบในไพร่ลทู่ าง ขี่มา้ ไปขาย ใครจกั คา้ มา้ คา้ อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

การจดั เกบ็ ภาษอี ากร : สมัยกรุง พ.ศ. 1893 - พ.ศ. 2310 ในสมัยกรงุ ศรีอยุธยาไดม้ ีการจารกึ ในประวัตศิ กรงุ ศรีอยธุ ยาเรม่ิ ขึน้ ในปี พ.ศ. 1893 ต้ังแต่สมยั พระเจ ราชาภิเษกทรงพระนามว่า สมเดจ็ พระรามาธิบดี ขนาน กรุงศรีอยุธยา เป็นเวลา 417 ปี บ้านเมอื งมีทง้ั ความเจ สมัยสมเด็จพระรามาธิบดี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ในบางรัชสมัยพระมหาธรรมราชาและพระเพทราชา

134 งศรีอยุธยา ศาสตรว์ ่า เป็นยคุ ทม่ี ีการจดั เก็บภาษอี ากรรุง่ เรอื งมาก การก่อต้งั จ้าอทู่ อง ไดส้ รา้ งพระนครขึ้นท่ีริมหนองโสน แลว้ ทาการ นนามราชธานีวา่ กรงุ เทพทวาราวดีศรอี ยธุ ยา ในชว่ งตลอดอายุ จริญและความเสอ่ื ม ในสมัยท่ีบา้ นเมืองเจรญิ รุ่งเรืองมาก คือ สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช และสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

การจัดเกบ็ ภาษอี ากร : สมัยกรุง พ.ศ. 1893 - พ.ศ. 2310 การจดั เก็บภาษีอากรในสมยั กรงุ ศรอี ยุธยา หรอื ท่ีเรยี กกนั ในส นน้ั ว่า ส่วยสาอากร ไดม้ กี ารแบง่ การจดั เก็บออกเป็น 4 ประเภท คอื จังกอบ อากร ส่วย และฤชา โดยมรี ายละเอียดดังน้ี 1. จงั กอบ หรอื จากอบ เปน็ ภาษที ่เี รยี กเกบ็ จากการชักส่วนสินค นาเขา้ มาจาหน่าย 2. อากร หมายถงึ สว่ นท่เี กบ็ จากผลประโยชน์ที่ราษฎรทามาหาไ การประกอบการตา่ งๆเชน่ ทานา ทาไร่ ทาสวน ฯลฯ ถอื เปน็ ภาษีท จดั เก็บตามหลักผลประโยชนท์ ไ่ี ด้รับจากรฐั ไมท่ างตรงก็ทางออ้ ม 3. ส่วย ความหมายของสว่ ย สมเด็จฯกรมพระยาดารงราชานุภาพ ทรงสันนษิ ฐานว่า คาวา่ ส่วย 4. ฤชา คอื ค่าธรรมเนยี มที่ทางราชการเรียกเกบ็ จากราษฎร

135 งศรีอยุธยา สมัย แบ่งการบริหารการปกครองออกเปน็ 4 ส่วน เรยี กวา่ อ จตุสดมภ์ โดยแต่ละสว่ นมหี นา้ ทีด่ งั น้ี คา้ ที่ เวยี ง เรียกว่า นครบาล มีหน้าทรี่ าชการปกครองทอ้ งท่ี และดูแลทุกข์สขุ ของราษฎรพลเมือง ได้ใน วัง เรยี กว่า ธรรมธิกรณ์ มหี นา้ ท่ีว่าราชการศาลหลวง ที่ และวา่ ราชการอรรถคดใี นพระราชสานัก คลัง เรยี กว่า โกษาธบิ ดี มหี น้าทรี่ าชการจัดการพระ พได้ ราชทรพั ย์ เกบ็ สว่ ยสาอากรซงึ่ เปน็ ผลประโยชน์แผ่นดิน นา เรยี กวา่ เกษตราธิบดี มหี น้าทป่ี ฏบิ ตั ิราชการ เกี่ยวกบั เร่ืองนาและสวน การเพาะปลกู พืชพันธธ์ุ ัญญาหาร อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

การจัดเก็บภาษอี ากร :สมัยกรงุ ธน พ.ศ. 2311- พ.ศ. 2324 และ พ.ศ. 2 ไดม้ กี ารปรบั รูปแบบการเกบ็ ใหม่ เดิม จะเรยี กวา่ เจ้าภาษนี ายอากรรฐั บาลจะมอบอานา ดาเนนิ การ คาว่า ภาษี จึงเข้าใจวา่ คงเกดิ ข้นึ ในรชั ก แตจ้ ๋ิวว่า บูซ้ ี อนั หมายถึง สานักเจ้าพนกั งาน ทา นายอากรนเี่ อง

136 นบุรีและกรงุ รตั นโกสินทรต์ อนต้น 2325-พ.ศ. 2394 มจดั เก็บสว่ ยสาอากรท้งั 4 ประเภท ผูกขาดจดั เกบ็ ซ่ึง าจสิทธขิ าดในการจัดเก็บภาษอี ากรชนดิ นั้นใหไ้ ป กาลที่ 3 โดยคาดคะเนกันวา่ นา่ จะมาจาก คาในภาษา าการเกบ็ ผลประโยชน์แผ่นดินซ่งึ ตัง้ ขึน้ จากระบบเจา้ ภาษี อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

การจัดเก็บภาษอี ากร : สมยั รชั กา (พ.ศ. 2394 - พ.ศ. 2411) ในสมัยรัชกาลท่ี 4 มีชาวตา่ งประเทศเข ประเทศอังกฤษ ไดส้ ่งเซอร์จอห์น เบารง่ิ เจ้าเมอื หนังสือสัญญาทางพระราชไมตรีในปพี .ศ. 2397 สาคัญประการหนึ่งคอื ใหม้ ีการยกเลิกภาษเี บิกรอ่ 2369 โดยใหเ้ กบ็ ภาษขี าเขา้ แทน และใหเ้ กบ็ ในอ ประเภทใหม่ขึน้ อกี 14 ประเภท เช่น ภาษฝี ่นิ ภ การพนนั ต่าง ๆ

137 าลที่ 4 ข้ามาติดตอ่ คา้ ขายกบั ประเทศไทยมากขึน้ โดยเฉพาะ องฮอ่ งกง เปน็ ราชฑตู เชิญพระราชสาสน์ เข้ามาขอทา 7 ทงั้ นีโ้ ดยมีข้อความของสนธิสัญญาทางดา้ นภาษีท่ี องหรอื ภาษปี ากเรอื ที่เกบ็ ตามสญั ญา ฉบบั ปี พ.ศ. อัตราเพียงรอ้ ยละ 3 จงึ ได้กาหนดให้มกี ารจดั เก็บภาษี ภาษีปลาสด ภาษีปลาทู และอากรมหรสพ และภาษี อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

การจดั เกบ็ ภาษอี ากร : สมัยรชั กา (พ.ศ. 2411 - พ.ศ. 2453) ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไดม้ ีพ ผลประโยชน์ของแผ่นดิน จดั เกบ็ กนั มากมาย ได้โปรดใหเ้ ปลี่ยนแปลงวิธ เจา้ ภาษีนายอากร มาเปน็ ทางราชกา

138 าลท่ี 5 พระราชปรารภว่า เงนิ ภาษีอากรอันเป็น นไม่เปน็ ระเบยี บกระจดั กระจายร่ัวไหลไป ธกี ารเกบ็ ภาษีอากรเสียใหม่ จากระบบ ารเปน็ ผเู้ กบ็ เอง อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

การจดั เก็บภาษอี ากร : สมัยรชั กา (พ.ศ. 2453 - พ.ศ. 2468) รวมเงนิ ผลประโยชนข์ องแผ่นดิน จึงท และข้าราชการกรมสรรพากรใน ซ่ึงเดิมข้ึนอยูก่ บั กระทรวงพระคลงั มหาสมบตั ิ ตงั้ แตว่ ันที่ 1 เมษ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2458 ทรงพระกรุณา ขน้ึ อย่ใู นกระทรวงมหาดไทยมาข้นึ กบั กระทรวงพ นอกและกรมสรรพากรในเข้าเปน็ กรมเดยี วกัน

139 าลท่ี 6 ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯให้ยกกรมสรรพากรใน บกระทรวงนครบาล มาขน้ึ อยู่ในบังคบั บัญชา ษายน พ.ศ. 2458 เปน็ ตน้ ไป และตอ่ มาใน าโปรดเกล้าฯให้ยกกรมสรรพากรนอก ซึ่งแตเ่ ดิม พระคลังมหาสมบตั ิ และใหร้ วมกรมสรรพากร เรียกวา่ กรมสรรพากร อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

การจัดเก็บภาษอี ากร : สมยั รัชกา (พ.ศ. 2468 - ปัจจบุ ัน) แต่เดมิ ในตอนต้นรัชกาลท่ี 7 การจัดเกบ็ ภา คณะราษฎรไ์ ดม้ กี ารปฏริ ูปการปกครองแผ่นดิน ในป จัดเกบ็ ภาษขี ้นึ ใหม่ ดงั น้ี 1. พระราชบญั ญัตภิ าษีเงินเดือน พ.ศ. 2475 2. พระราชบญั ญตั ภิ าษเี งินได้ พ.ศ. 2475 3. พระราชบญั ญตั ิภาษกี ารค้า พ.ศ. 2475 4. พระราชบญั ญัตอิ ากรแสตมป์ พ.ศ. 2475 5. พระราชบญั ญัตภิ าษโี รงเรือนและทด่ี ิน พ.ศ. 2475 6. พระราชบญั ญัติภาษีการธนาคารและประกันภัย พ.ศ. 2476 7. พระราชบัญญตั ภิ าษีอากรมรดกและอากรทางรบั มรดก พ.ศ. 24

140 ารท่ี 7 เปน็ ต้นมาจนถึงปัจจบุ ัน าษีอากรยังคงคลา้ ยคลงึ กับในสมยั ก่อน ภายหลงั จากที่ ปี พ.ศ. 2475 ได้มกี ารออกพระราชบัญญตั ใิ นการ 476 อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

การจดั เกบ็ ภาษอี ากร : สมยั รัชกา (พ.ศ. 2468 - ปัจจบุ นั ) พระราชบญั ญัติใหใ้ ชบ้ ทบัญญัติแห ต่างๆตามประมวลรษั ฎากร ดงั นี้ 1. ภาษเี งนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดา 2. ภาษีเงินไดน้ ิติบคุ คล 3. ภาษมี ลู คา่ เพมิ่ 4. ภาษีธรุ กจิ เฉพาะ 5. อากรแสตมป์

141 ารที่ 7 เปน็ ต้นมาจนถงึ ปจั จบุ ัน ห่งประมวลรษั ฎากร พ.ศ. 2481 มภี าษอี ากรประเภท อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

ความหมายของภาษอี ากร ภาษีอากร คอื สิ่งท่ีรัฐบาลบงั คบั เกบ็ จากราษฎร และนาไปใช้ เพ่ือ ประโยชน์สว่ นรวม โดยมิได้มีสิ่ง ตอบแทนโดยตรงแกผ่ ้เู สียภาษี อากร

142 ภาษีอากร คอื เงินได้หรือทรัพยากร ท่ีเคลอ่ื นย้ายจากภาคเอกชนไปสู่ ภาครัฐบาล แตไ่ มร่ วมถงึ การก้ยู ืม หรือขายสนิ ค้า หรือให้บริการใน ราคาทนุ โดยรัฐบาล อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

ประเภทของภาษอี า ทางตรง ทางอ้อม

143 ากร การใชเ้ งิน เกณฑ์การ ภาษี ประเมิน การผลกั ภาระ หลกั เกณฑ์การแยกภาษอี ากร อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

หนว่ ยงานทีจ่ ัดเกบ็ ภา กรมตารวจ ก ป กรมทดี่ นิ กรมศลุ กากร กรมสรรพามติ หน่วย กรมสรรพากร งานรัฐ

144 าษขี องรฐั บาล กรม ประมง กรมปา่ ไม้ กรมขนสง่ ทาง บก กองหนงั สอื เดนิ ทาง กรมทรพั ยากร ธรณี อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

วัตถปุ ระสงคใ์ นการจดั เกบ็ เพือ่ เปน็ รา เพอื่ เปน็ เครอ่ื นโยบายทางเศ เพอ่ื เปน็ การชาระห เพ่ือเป็นการกระ เพอ่ื ควบคมุ ปรมิ าณการอ เพ่อื เป็นเครอ่ื งมือในการแก

บภาษอี ากร 145 ายได้ อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย องมือใน ศรษฐกิจ หนี้สินของรฐั ะจายรายได้ อปุ โภคบริโภคสินคา้ ก้ปญั หาทางเศรษฐกจิ

ประเภทของภาษีอากร (ตามประมวลรษั ฎากร พุทธศกั ราชการ 2481) ภาษีเงินได้ ภาษเี งินได้ ภาษ บุคคล นิตบิ ุคคล เพ ธรรมดา

146 ษมี ูลค่า ภาษธี ุรกจิ อากร พิ่ม เฉพาะ แสตมป์ อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

แหลง่ ที่มาของรายได้ เงินกู้ การขายสนิ คา้ การจดั เกบ็ หรอื บรกิ าร ภาษอี ากร

147 เงนิ บรจิ าค การพิมพ์ ธนบัตร อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

ลักษณะของภาษอี ากรที่ดี หลัก หลัก หลัก ความ ความ อานวย ยุติธรรม สะดวก รายได หลัก หลักการ ความ ประหยัด แน่นอน

148 ก หลักความ ย เป็นกลาง หลักความ ด้ ยดื หยุ่น หลักการ หลัก ยอมรับ ประสิท ธิภาพ อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

โครงสรา้ งกฎหมายภาษอี า

149 ากร อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

อานาจในการจดั เกบ็ ภาษีของร หลักแหล หลักถิน่ ฐาน แหล่ง

150 รัฐบาล ลง่ เงินได้ หลกั สญั ชาติ งเงนิ ได้ อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

ผู้มีหน้าท่ีเสียภาษอี ากร ผูเ้ สียภาษตี อ้ งเปน็ บคุ คลตามกฏหมาย บคุ คลธรรมดา ผมู้ ีหน ภาษีอ

151 นา้ ทีเ่ สีย นติ ิบคุ คล อากร อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

ฐานภาษี สิ่งที่เงอ่ื นไขใหบ้ คุ คลต้องเสียภาษี

152 อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย

ฐานภาษี สิ่งที่เงอ่ื นไขใหบ้ คุ คลต้องเสียภาษี

153 อ.กฤษฐนชนม์ หาระไฃย



154 กรณศี ึกษา



155