Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore scincep5_1

scincep5_1

Published by pattana vit, 2021-09-15 12:05:08

Description: scincep5_1

Search

Read the Text Version

คูมือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 110 แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม การสํารวจความรกู อนเรียน นักเรียนอาจตอบคําถามถูกหรือผดิ ก็ไดข ึน้ อยกู บั ความรเู ดมิ ของนักเรียน แตเ มือ่ เรียนจบบทเรียนแลว ใหนกั เรียนกลบั มาตรวจสอบคําตอบอกี คร้ังและแกไขใหถกู ตอง ดงั ตวั อยา ง   สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

111 คูม อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน ไมเหมอื นกัน เพราะการตีกลองในอวกาศ เราจะไมส ามารถไดยนิ เสยี ง กลอง เนือ่ งจากในอวกาศไมม ีตวั กลางของเสยี ง ทําใหเสียงไมสามารถ เคล่อื นที่มาถึงหผู ฟู งได จึงทําใหไมไดยนิ เสยี ง สวนการตกี ลองบนโลก เราจะไดย นิ เสยี งกลองตามปกติ  สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 112 เรือ่ งที่ 1 เสียงกับการไดย ิน เรื่องน้ีนักเรียนจะไดเรียนรูเกี่ยวกับการเคล่ือนที่ของ เสียงจากแหลงกําเนิดเสียงไปยังหูผูฟงโดยผานตัวกลาง ของเสียง การเกิดเสียงสูงเสียงต่ําขึ้นอยูกับความถ่ีใน การส่ันของแหลงกําเนิดเสียง การเกิดเสียงดังเสียงคอย ข้ึนอยกู บั พลังงานในการส่ันของแหลงกําเนิดเสียง และการ วัดระดับเสียงโดยใชเคร่ืองมือวัดระดับเสียง รวมท้ังการ นาํ เสนอแนวทางเพ่อื หลีกเลยี่ งและลดมลพษิ ทางเสียง จดุ ประสงคการเรยี นรู วสั ดุ อปุ กรณส าํ หรบั ทํากจิ กรรม 1. สังเกตและอธิบายการเคล่ือนที่ของเสียงจาก แกวพลาสติก เสนเอ็น ลวดเสียบกระดาษ สายวัด แหลงกําเนดิ เสยี ง กรรไกร เข็มหมุด ภาชนะใสน้ําสี น้ําสี สอมเสียงพรอม ไมเคาะ ไมบรรทัดพลาสติกแข็ง ขวดแกว ไมสําหรับ 2. ทดลองและอธิบายการเกดิ เสียงสงู เสยี งต่าํ เคาะขวดแกว เมล็ดถ่ัวเขียว กลองไมขีดเปลา 3. ทดลองและอธบิ ายการเกดิ เสยี งดงั เสียงคอ ย ปากกาเคมีคละสี กระดาษโปสเตอร วิทยุ เคร่ืองมือวัด 4. วดั ระดบั เสียงโดยใชเคร่ืองมอื วัดระดบั เสยี ง ระดบั เสียง 5. รวบรวมขอ มูลและนาํ เสนอแนวทางในการหลีกเลี่ยง และลดมลพิษทางเสยี ง เวลา 9 ชั่วโมง ส่อื การเรยี นรแู ละแหลงเรียนรู 1. หนังสอื เรยี น ป.5 เลม 1 หนา 50-70 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.5 เลม 1 หนา 52-76 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

113 คมู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน แนวการจัดการเรยี นรู (60 นาที) ขน้ั ตรวจสอบความรู (15 นาท)ี 1. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยใหนักเรียนทุกคนหลับตา จากนั้นครูใหนักเรียน นักเรียนอาจตอบคําถามหรือ ฟงเสียงตอไปน้ี เชน เสียงเคาะแกว เสียงนาฬิกาปลุก เสียงลูกโปงแตก อภิปรายไมไดตามแนวคําตอบ ครู เสียงกระด่ิง เสียงหนังสือหลน ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเก่ียวกับ คว รใหเว ล านักเรียนคิดอยาง เสียงท่ไี ดยินโดยใชคาํ ถาม ดงั น้ี เหมาะสม รอคอยอยางอดทน และ 1.1 เสียงตาง ๆ ท่ีไดยินน้ันเกิดจากวัตถุใด และเกิดขึ้นไดอยางไร รบั ฟง แนวความคิดของนักเรียน (คําตอบข้ึนอยูกับเสียงทไ่ี ดย นิ เชน เสยี งกระดิง่ เกิดจากการสั่นของ กระดิ่ง) 1.2 เสียงเคลื่อนที่มาถึงหูของนักเรียนไดอยางไร (นักเรียนตอบตาม ความเขาใจของตนเอง เชน กระด่ิงเกิดการสั่น เสียงกระด่ิงเคลื่อนที่ ผา นอากาศมาถึงหูนักเรียน นกั เรียนจงึ ไดยินเสยี ง) 1.3 เสียงแตละเสียงมีลักษณะอยางไร (นักเรียนตอบตามความเขาใจ ของตนเอง เชน เสียงสงู เสยี งต่าํ เสียงดัง เสียงคอย) นักเรียนตอบคําถามตามความเขาใจของตนเอง โดยครูยังไมเฉลย คําตอบที่ถกู ตอง แตช ักชวนใหนักเรยี นอานเนือ้ เรื่องตอไป ขัน้ ฝก ทักษะจากการอา น (30 นาที) 2. ครูใหนักเรียนอานช่ือเรื่อง และคําถามในคิดกอนอาน ในหนังสือเรียน หนา 50 แลวรว มกนั อภปิ รายในกลุมเพ่ือหาแนวคําตอบ ครูบันทึกคําตอบ ข อ ง นั ก เ รี ย น บ น ก ร ะ ด า น เ พื่ อ ใ ช เ ป รี ย บ เ ที ย บ คํ า ต อ บ ภ า ย ห ลั ง การอานเรอื่ ง 3. นกั เรียนอานคาํ ในคาํ สาํ คัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ถานักเรียน ยังอานไมได ครูควรสอนการอา นใหถ กู ตอ ง 4. นักเรียนอานเนื้อเรื่องทีละยอหนาตามวิธีการอานที่เหมาะสมกับ ความสามารถของนักเรียน จากนั้นรวมกันอภิปรายใจความสําคัญตาม แนวคาํ ถามดังนี้ 4.1 เมอื่ เขาไปในตลาด นักเรียนจะไดยินเสียงอะไรบาง (เสียงพูด คุย เสียงพอคา แมคา ตะโกนเรียกลูกคาตามแผงขายของ ตา งๆ เสียงลอรถเข็นทล่ี ากไปบนพื้น)  สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน 114 4.2 เสียงสูง เสียงต่ําเกิดจากอะไร (การสั่นของแหลงกําเนิดเสียง ขอ เสนอแนะเพมิ่ เติม ที่มีความถ่แี ตกตางกนั ) ครอู ภิปรายเพิม่ เติมเกี่ยวกับความถ่ีในการ 4.3 ทําไมเราจึงไดยินเสียงพอคา แมคาที่อยูไกล ดังกวาเสียงของคนท่ี สนั่ ของวตั ถุ และหนว ยของความถี่ ดังน้ี พดู คุยอยูใกล ๆ (เพราะพอคาแมคา ตะโกน) ครูนําดินนํ้ามันติดที่ปลายเชือกเสน 4.4 ความถีค่ ืออะไร (จาํ นวนรอบของการส่นั ในหนงึ่ วินาที) หนึ่ง แลวถืออีกปลายขางหน่ึงไวโดยใหดิน ครูอาจใชคําถามเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบความเขาใจของ น้ํามันหอยในแนวด่ิง จากน้ันดึงดินน้ํามันให เคลื่อนออกจากแนวดิ่งเล็กนอย แลวปลอยมือ นกั เรียนเร่ือง รอบตอวนิ าที เชน ใหดินน้ํามันเคล่ือนที่ จะทําใหเชือกแกวง กลับไปมา ครูแนะนําการนับจํานวนรอบ โดย - จํานวนรอบของการส่ันในหนึ่งวินาทีของวัตถุ จะสังเกตได ถาเร่ิมตนนับเม่ือดินน้ํามันอยูที่ปลายสุดดาน จากอะไร หน่ึงแลวเชือกแกวงไป เม่ือเชือกแกวงกลับมา อยูท่ีปลายสุดดานเดิมอีกคร้ังเรียกวา เคล่ือนที่ - ถา วัตถุ ก. ส่นั ได 6 รอบ/วินาที และวัตถุ ข. ส่ันได 10 รอบ/ ครบ 1 รอบ และจํานวนรอบท่ีวัตถุแกวงไดใน วนิ าที นักเรยี นคิดวา วตั ถุใดส่นั ดว ยความถ่ีมากกวา กัน หนึ่งหนวยเวลา เรียกวา ความถี่ ความถี่มี หนว ยเปน รอบตอ วินาทหี รือเฮิรตซ (Hz) ขน้ั สรุปจากการอาน (15 นาที) การเตรยี มตวั ลวงหนา สําหรับครู 5. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจนไดขอสรุปจากการอานวา เสียง เพือ่ จดั การเรยี นรใู นครงั้ ถัดไป รอบตัวเรามมี ากมาย ทั้งเสยี งสงู เสียงต่าํ เสียงดัง เสียงคอ ย ในครั้งถัดไป นักเรียนจะทํา 6. ครใู หน ักเรียนตอบคาํ ถามในรูห รือยงั ในแบบบันทึกกจิ กรรม หนา 52 กิจกรรมที่ 1.1 เสียงเคลื่อนที่ไดอยางไร 7. ครูและนักเรยี นรวมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียนใน โดยใชการสังเกตการเคล่ือนท่ีของเสียงใน ตัวกลางตางๆ ท้ังของแข็ง ของเหลว และ รหู รอื ยังกับคําตอบที่เคยตอบในคดิ กอนอาน อากาศ โ ดยครูตองเตรียมอุปกรณ 8. ครูชักชวนนักเรียนลองตอบคําถามทายเร่ืองท่ีอาน คือ เสียงตาง ๆ ลวงหนา คือ แกวพลาสติก เสนเอ็น ลวด เสียบกระดาษ สายวัด กรรไกร เข็มหมุด เคล่ือนท่ีมาถึงหูผูฟงไดอยางไร เพราะเหตุใดเราจึงไดยินเสียงสูง ภาชนะบรรจุน้ํา นํ้าสี สอมเสียงพรอมไม เสยี งตํา่ เสยี งดงั และเสยี งคอยแตกตา งกนั เคาะ ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนโดยยังไมเฉลยคําตอบแตชักชวนให นักเรียนไปหาคาํ ตอบรวมกันในกจิ กรรมท่ีจะทาํ ในครง้ั ถัดไป สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

115 คมู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน แนวคาํ ตอบในแบบบันทึกกจิ กรรม เสียงสงู เสยี งต่ํา เสียงดัง เสียงคอ ย จํานวนรอบของการสน่ั ในหน่ึงวนิ าที  สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน 116 กจิ กรรมที่ 1.1 เสยี งเคลอื่ นท่ไี ดอ ยา งไร กิจกรรมนี้นักเรียนจะไดสังเกตการไดยินเสียงผาน ตัวกลางตาง ๆ และอธิบายการเคลื่อนที่ของเสียงจาก แหลงกําเนิดเสียงถงึ หผู ูฟง เวลา 2 ชว่ั โมง จดุ ประสงคก ารเรียนรู สังเกต สืบคนขอมูล และอธิบายการเคลื่อนที่ของเสียง จากแหลงกาํ เนิดเสยี งไปยงั หผู ูฟง วัสดุ อุปกรณส ําหรบั ทาํ กจิ กรรม สิ่งที่ครูตองเตรียม/กลุม 1. แกว พลาสตกิ 2 ใบ 2. เสน เอ็น 1 เสน 3. ลวดเสยี บกระดาษ 2 อนั 4. กรรไกร 1 เลม ส่ือการเรยี นรแู ละแหลงเรียนรู 5. เข็มหมุด 1 ตวั 6. ภาชนะใสน าํ้ 1 ใบ 1. หนังสอื เรยี น ป.5 เลม 1 หนา 51-56 7. นํ้าสี 1 ถัง 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.5 เลม 1 หนา 53-59 8. สอมเสยี งพรอ มไมเคาะ 1 ชุด 3. วีดิทัศนตวั อยางการปฏบิ ัตกิ ารวิทยาศาสตรสาํ หรับครู ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร เรือ่ งเสยี งเคลื่อนท่ีไปไดอ ยา งไร http://ipst.me/9467 S1 การสงั เกต S7 การพยากรณ S8 การลงความเห็นจากขอ มลู S13 การตคี วามหมายขอมูลและลงขอ สรุป ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การสื่อสาร C5 ความรวมมือ C6 การใชเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

117 คูมือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน แนวการจดั การเรยี นรู นักเรียนอาจตอบคําถามหรือ อภิปรายไมไดตามแนวคําตอบ 1. ครูนําเขาสูกิจกรรมโดยใหนักเรียนคนหน่ึงเคาะราวเหล็กหรือราวไมก้ัน ครูควรใหเวลานักเรียนคิดอยาง ระเบยี งเบา ๆ นักเรยี นคนอื่น ๆ ใชห ูแนบฟงเสียงราวเหลก็ หรือราวไมนั้น เหมาะสม รอคอยอยางอดทน หรือครูอาจใหนักเรียนเอาหูแนบกระดานหรือพ้ืนโตะ จากนั้นต้ังคําถาม แ ล ะ รั บ ฟ ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง ใหนักเรียนคิดวาเสียงเคาะมาถึงหูไดอยางไร นักเรียนตอบตามความ นักเรยี น เขาใจของตนเอง ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนไว เพ่ือหาคําตอบจาก การทํากิจกรรมตอไปโดยครูยังไมเฉลยคําตอบที่ถูกตอง แตชักชวนให นกั เรยี นทํากจิ กรรมตอ ไป 2. นักเรียนอานชื่อกิจกรรม และทําเปนคิดเปน ในหนังสือเรียนหนา 51 จากนั้นรวมกันอภิปรายเพ่ือตรวจสอบความเขาใจจุดประสงคในการทํา กจิ กรรม โดยครูใชคาํ ถามดังน้ี 2.1 กิจกรรมน้นี กั เรยี นจะไดเรียนรูเ ก่ียวกับเร่อื งอะไร (การเคลือ่ นทีข่ องเสยี งจากแหลงกาํ เนดิ เสยี งมาถงึ หูผูฟง) 2.2 นักเรียนจะไดเ รียนรูเ รอ่ื งน้ดี ว ยวิธใี ด (การสังเกตและสืบคน ขอ มูล) 2.3 เมื่อเรียนรูแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายการเคล่ือนท่ีของเสียง จากแหลงกําเนดิ เสยี งไปยังหผู ูฟ ง ) 3. นักเรียนบันทึกจุดประสงคลงในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 53 และ อาน ส่งิ ที่ตอ งใชในการทํากิจกรรม 4. นักเรียนอานทําอยางไร ตอนที่ 1 โดยครูใหนักเรียนฝกอานตามความ เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากน้ันรวมกันอภิปรายเพ่ือสรุป ขั้นตอนการทํากิจกรรมประกอบการสาธติ วธิ ีทาํ โดยอาจใชค าํ ถามตอ ไปนี้ 4.1 ข้ันแรกของการทํากิจกรรม นักเรียนตองทําอะไร (เคาะสอมเสียง แลว นําปลายขาสอมเสยี งมาไวใ กลหู สังเกตส่ิงทเ่ี กิดขน้ึ บันทกึ ผล) 4.2 หลังจากเคาะสอมเสียงครั้งที่สอง นักเรียนตองทําอะไร (นําปลายขา สอมเสียงท่ีเคาะแลวขางหน่ึงไปแตะท่ีผิวน้ําสีท่ีอยูในภาชนะ สังเกต การเปลยี่ นแปลงที่เกิดข้ึน บนั ทกึ ผล) 4.3 หลังจากเคาะสอมเสียงครั้งท่ีสาม นักเรียนตองทําอะไร (นําปลายขา สอ มเสียงทเ่ี คาะแลว ขางหนึง่ ไปแตะทผ่ี วิ นาํ้ สีท่อี ยใู นภาชนะ แลวใชหู แนบกับภาชนะทันที สงั เกตส่ิงทเ่ี กดิ ขึ้น บันทกึ ผล) 4.4 นักเรียนตองรวมกันอภิปรายและสืบคนขอมูลเก่ียวกับเรื่องอะไร (การเคลื่อนท่ขี องเสียง)  สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน 118 เมอื่ อภปิ รายวธิ ีทาํ กจิ กรรมเสรจ็ แลว ควรควรแนะนําใหนักเรียน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและ ทักษะแหงศตวรรษที่ 21 ท่ีนกั เรยี นจะได แบงหนาท่ีกันในการทํากิจกรรม โดยอาจจะใหนักเรียนสลับกันทํา ฝก จากการทาํ กจิ กรรม แตล ะหนา ทีจ่ นครบข้นั ตอนการทาํ กิจกรรม เพือ่ ใหทุกคนไดมีโอกาส ตอนที่ 1 สงั เกตส่ิงทเี่ กดิ ข้ึน S1 การสงั เกตสิ่งที่เกดิ ขน้ึ เมือ่ เคาะสอ มเสียงแลว 5. เมอื่ นกั เรียนเขาใจวธิ ีการทาํ กิจกรรมในทําอยางไร แลว ครูแจกวสั ดุ นาํ ไปไวใ กลห ู แตะทผ่ี วิ นา้ํ สี และเมอ่ื เอาหแู นบกับ อปุ กรณ และใหน ักเรยี นเริ่มปฏิบตั ิกจิ กรรมตามขน้ั ตอน ดา นขา งภาชนะ 6. หลังจากทาํ กิจกรรมแลว ครูนําอภิปรายผลการทํากิจกรรม ตอนท่ี 1 โดยใชค าํ ถามดงั นี้ S8 การรว มกนั อภิปรายขอ มลู เก่ยี วกบั การ 6.1 เกดิ อะไรขน้ึ เมอ่ื เคาะสอมเสียงแลวนําปลายขาสอมเสียงไวใกลหู เคลอ่ื นทข่ี องเสยี ง (ไดยนิ เสยี ง) C4 การสื่อสารดวยการนําเสนอผลการทาํ กิจกรรม 6.2 เกิดอะไรข้ึนเม่ือเคาะสอมเสียง แลวนําปลายขาสอมเสียงขาง C5 ความรว มมือในการทํากิจกรรม C6 การใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หนึ่งแตะทีผ่ วิ นํา้ (ผวิ นาํ้ เกิดการส่นั เปนวงรอบขาสอมเสียง แลว โดยการสืบคนขอมลู เกี่ยวกับการเคล่ือนท่ขี องเสยี ง แผขยายวงออกไป) 6.3 เกิดอะไรขน้ึ เม่อื เคาะสอมเสยี ง แลว นําปลายขาสอมเสียงขางหน่ึง แตะท่ีผิวน้ํา จากน้ันใชหูแนบกับภาชนะท่ีใสน้ําทันที (ไดยิน เสยี ง) 6.4 ถาไดยินเสียงเมื่อใชหูแนบกับภาชนะที่ใสนํ้า เสียงจากสอมเสียง เคล่ือนท่ีมาถึงหูไดอยางไร (เมื่อนําขาสอมเสียงมาแตะที่ผิวน้ํา เสียงจะเคล่ือนที่จากสอมเสียงผานน้ําและผนังภาชนะมาถึงหู ผูฟง สังเกตไดจากน้ํารอบขาสอมเสียงสั่นและส่ันอยางตอเนื่อง จนถงึ ผนังภาชนะ) 7. นกั เรยี นนาํ เสนอขอมลู จากการสืบคน เกี่ยวกบั การเคลอ่ื นที่ของเสียงซึ่ง ควรไดข อ มูลดังนี้ สิ่งที่เสียงเคล่ือนท่ีผานไดเรียกวา ตัวกลางของเสียง และเมื่อเสียงเคลื่อนที่ผานตัวกลาง เสียงจะถายโอนพลังงานให ตัวกลางนน้ั และทําใหต ัวกลางสัน่ ตอ กันไปเร่ือย ๆ จนถงึ หูผฟู ง 8. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปวา เม่ือเคาะสอมเสียง ทําใหสอมเสียงเกิดการส่ัน เม่ือนําขาสอมเสียงแตะท่ีผิวของนํ้า ทําให น้ําเกิดการส่ันตอเน่ืองไปยังภาชนะ และเมื่อเราแนบหูกับภาชนะ เรา จะไดยินเสียงท่ีสงผานตัวกลางมายังหูของเรา ตัวกลางท่ีเสียงใชใน การเคลื่อนที่ คอื น้ําและภาชนะใสน ้ํา สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

119 คูม ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 9. นักเรียนอานทําอยางไร ตอนท่ี 2 โดยครูใชวิธีฝกอานตามความ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละ เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นรวมกันอภิปรายเพื่อ ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ทีน่ ักเรียนจะได สรปุ ขัน้ ตอนการทํากิจกรรมประกอบการสาธิตวิธีทําโทรศัพท โดยครู ใชค ําถามตอไปนี้ ฝก จากการทาํ กจิ กรรม 9.1 วิธีการประกอบโทรศัพทจากแกวพลาสติก ทําไดอยางไร (1. เจาะรูก่ึงกลางกนแกวพลาสติกแตละใบ 2. รอยปลายเสน ตอนที่ 2 เอ็นที่ยาว 4 เมตร ผานรูที่เจาะเขาไปในแกวท้ังสองใบ แลวผูก S1 การสังเกตการสน่ั ของแกว พลาสตกิ และเสน เอน็ และ ปลายแตละดา นกับลวดเสยี บกระดาษ) 9.2 ใหน ักเรียน 2 คน ยืนหา งกนั 4 เมตร และใหนักเรียนคนหนึ่งพูด สังเกตการไดย นิ เสยี งเม่อื พูดผา นโทรศพั ทท่เี สน เอน็ ดวยเสียงคอย ๆ ซ่ึงทําใหผูฟงไมไดยินเสียง จากนั้นใหพูดผาน ตงึ ตลอดจนสงั เกตการไดย ินเสียงเมือ่ พูดผาน โทรศัพทที่ประดิษฐขึ้นดวยเสียงท่ีคอยเหมือนเดิม แตท้ังน้ี โทรศพั ท ขณะจบั เสน เอน็ ใหแ นน และเมอื่ ตัดเสนเอน็ นักเรียนท้ังสองคนจะตองดึงเสนเอ็นท่ีเชื่อมตอดวยแกวพลาสติก ใหข าด ทั้งสองดา นใหตงึ ดวย จากน้นั นักเรียนตองสังเกตอะไร (สังเกตวา S7 การพยากรณเ ก่ียวกับการเปลยี่ นแปลงของเสน เอ็น ผูฟงจะไดย ินเสยี งหรอื ไม) กับแกวพลาสติก และการไดย นิ เสยี งเม่อื ทาํ กจิ กรรม 9.3 นักเรียนตองพยากรณเรื่องอะไร (เสนเอ็นกับแกวพลาสติกจะ วธิ ตี า ง ๆ เปลี่ยนแปลงอยางไร และเราจะไดยินเสียงหรือไม เมื่อพูดดวย S8 การรว มกันอภิปรายขอ มูลเก่ยี วกับการเคลือ่ นทขี่ อง เสียงคอย ๆ ผานโทรศัพทท่ีเสนเอ็นขึงตึง พรอมกับ 1. ใชมือ เสียง แตะเสน เอ็นเบา ๆ 2. ใชมือจับเสนเอ็นใหแนน 3. ตัดเสนเอ็นให C4 การสื่อสารดว ยการนําเสนอผลการทํากิจกรรม ขาด) C5 ความรว มมอื ในการทํากจิ กรรม 9.4 นักเรียนรวมกันอภิปรายและสืบคนขอมูลเก่ียวกับเร่ืองอะไร C6 การใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร โดยการ (การเคลอ่ื นทข่ี องเสียง) สืบคน ขอ มูลเกีย่ วกบั การเคลื่อนทขี่ องเสียง 10. หลงั จากทาํ กจิ กรรมตอนท่ี 2 แลว ครนู ําอภปิ รายผลการทํากิจกรรม ขอ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ โดยใชค ําถามดังนี้ 10.1เม่ือพูดผานโทรศัพทท่ีเสนเอ็นตึง ไดยินเสียงผูพูดหรือไม ครูอธิบายเพิ่มเติมวาการที่นักเรียนจะ (ไดย นิ เสยี ง) พยากรณหรือคาดการณส่ิงท่ีจะเกิดขึ้นกับ 10.2เม่ือพูดผานโทรศัพทที่เสนเอ็นตึง แลวใชมือแตะที่เสนเอ็น เสนเอ็นและแกวพลาสติกไดน้ัน นักเรียน เบาๆ สังเกตพบอะไรบา ง (รสู ึกไดว า เสน เอ็นสั่น) จะตองใชความรูพ้ืนฐานท่ีไดเรียนมาแลวเร่ือง 10.3เสียงจากผูพูดมาถึงหูผูฟงไดอยางไร (เสียงจากผูพูดทําให การเกิดเสียง ซึ่งเปนความรูพื้นฐานจากชั้น อากาศภายในแกว พลาสติกสั่นและเคล่ือนท่ีไปยังแกวพลาสติก ประถมศึกษาปท ี่ 1 นั่นคือ เสยี งเกิดจากการส่ัน สง ผานมาถงึ เสนเอ็น และสงตอมาจนถึงแกวพลาสติกดานผูฟง ของแหลงกําเนิดเสียง รวมไปถึงความรูพ้ืนฐาน จากนั้นเคลื่อนที่ผานไปยังอากาศภายในแกว จนถึงหูผูฟง ทํา ท่ไี ดเ รยี นกิจกรรม ตอนที่ 1 ใหผฟู ง ไดย นิ เสยี ง)  สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 120 10.4เม่ือพูดผานโทรศพั ทที่เสนเอ็นตึง แลวใชมือจับเสนเอ็นใหแนน เกิดอะไรข้ึน เพราะอะไร (ผูฟงไมไดยินเสียงพูด เพราะเมื่อใช มือจับเสนเอ็นใหแนนจะทําใหเสนเอ็นไมส่ัน เสียงจะไม สามารถเคล่ือนที่มายังผูฟง ได) 10.5เม่ือพูดผานโทรศัพทที่เสนเอ็นตึง แลวตัดเสนเอ็นทันที เกิดอะไรขึ้น เพราะอะไร (ผูฟงไมไดยินเสียงพูด เพราะเม่ือตัด เสนเอ็น จะไมมีเสนเอ็นท่ีเปนตัวกลางใหเสียงผานมายังหูผูฟง ได) 10.6เสนเอ็นที่ดึงจนตึงระหวางผูพูดกับผูฟงทําหนาที่อะไร (เปน ตวั กลางของเสยี ง) 10.7เสียงตองอาศัยตัวกลางในการเคล่ือนท่ีหรือไม รูไดอยางไร (เสียงตองอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ รูไดจากเมื่อไมมี ตัวกลางของเสยี ง เราจะไมสามารถไดย นิ เสียง) 11. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปวา เสียงพูดทําให อากาศเกิดการสั่น และสงตอการส่ันไปยังแกวพลาสติกดานผูพูด ไป ยังเสนเอ็น และไปยังแกวพลาสติกดานผูฟง จนถึงหูผูฟง จึงไดยิน เสียง ตัวกลางที่เสียงใชในการเคล่ือนท่ี คือ แกวพลาสติก เสนเอ็น และอากาศ เมื่อจับเสนเอ็นใหแนน ทําใหตัวกลางของเสียงไมเกิด การสั่น จึงไมไดยินเสียง และเมื่อตัดเสนเอ็น ทําให ไมมีตัวกลาง ของเสียง กจ็ ะไมไ ดยินเสยี งเชนกนั 12. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปจากกิจกรรมท้ังสอง ตอนไดวา เสียงจะเคล่ือนที่ไปถึงหูผูฟงไดตองอาศัยการส่ันของ ตัวกลางของเสยี ง ซึ่งมสี ถานะเปน ไดทัง้ ของแข็ง ของเหลว และแกส (S13) 13. นักเรียนรวมกนั อภปิ รายเพื่อตอบคําถามในฉันรูอะไร โดยครูอาจใช คําถามเพ่ิมเติมในการอภิปรายเพ่ือใหไดแนวคําตอบที่ถูกตอง จากนน้ั นักเรยี นอาน สง่ิ ท่ไี ดเรยี นรู และเปรียบเทียบกับขอสรุปของ ตนเอง 14. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกตั้งคําถามเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู เพิ่มเติมใน อยากรูอีกวา จากน้ันครูอาจสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอคําถามของตนเองหนาชั้นเรียน และใหนักเรียนรวมกัน อภปิ รายเกีย่ วกบั คาํ ถามทน่ี ําเสนอ สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

121 คูมือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน 15. ครูนําอภิปรายเพ่ือใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรและทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 อะไรบา งและในขั้นตอนใดบาง 16. นักเรียนรวมกันอานเกร็ดนารู เรื่องครอบแกวสุญญากาศ ซ่ึงเปนอุปกรณท่ี ชวยในการศึกษาเก่ียวกับการเคลื่อนท่ีของเสียงที่ตองอาศัยตัวกลาง โดย นกั เรยี นสามารถสแกน QR code เพ่อื ชมวดี ิทัศนเรอ่ื งครอบแกว สุญญากาศได 17. นักเรียนรวมกันอานเกร็ดนารู เร่ืองสวนประกอบของหู เพื่อศึกษา สวนประกอบของหูที่ชวยใหเราไดยินเสียงตาง ๆ จากแหลงกําเนิดเสียง โดย นกั เรียนสามารถสแกน QR code เพือ่ ชมวีดิทศั นเ รื่องสว นประกอบของหูได การเตรยี มตวั ลว งหนาสาํ หรบั ครู เพื่อจัดการเรยี นรูใ นครง้ั ถดั ไป ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดทํา กิจกรรมที่ 1.2 เสียงสูง เสียงต่ําเกิดได อยางไร ผานการทดลองเกี่ยวกับความถ่ี ในการส่ันของแหลงกําเนิดเสียงที่ตางกัน โ ด ย สั ง เ ก ต เ สี ย ง สู ง เ สี ย ง ต่ํ า จ า ก แหลง กําเนดิ เสยี งในการกดไมบรรทัดและ ปลอยใหเกิดเสียงท่ีตางกัน โดยครูอาจ ลองซอมทําดูกอนท่ีจะใหนักเรียนทํา กิ จ ก ร ร ม เ พ่ื อ ท ด ส อ บ ดู ว า ไ ม บ ร ร ทั ด ท่ีนํามาทดล องนั้นไมออนหรือแข็ง จนเกินไป  สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 122 แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม สงั เกต สบื คนขอมูล และอธิบายการเคล่ือนที่ของเสยี ง จากแหลงกําเนิดเสยี งมาถึงหูผฟู ง สอมเสียงส่ันและไดย ินเสียง ผวิ น้าํ สนั่ เปนวงรอบปลายขาสอ มเสียง เหน็ ผวิ นํ้าสั่นเปน วงรอบปลายขาสอมเสยี ง และเม่ือแนบหูท่ีภาชนะ จะไดย ินเสยี ง ตวั กลางของเสียง สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

123 คูม ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน สังเกต สบื คน ขอมูล และอธิบายการเคลื่อนท่ีของเสยี งจากแหลงกาํ เนิดเสียง มาถึงหูผูฟง   สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 124 ขึน้ อยูกับการพยากรณของนักเรยี น ข้นึ อยกู ับการพยากรณของนักเรยี น ขนึ้ อยกู ับการพยากรณของนักเรยี น ส่นั ส่นั ไดย ินเสยี ง ไมส ่ัน ไมสน่ั ไมไ ดย นิ เสียง ขาด ไมสน่ั ไมไ ดยนิ เสียง ส่ิงที่เสียงเคล่อื นทผี่ านไดเรยี กวา ตวั กลางของเสยี ง โดยตัวกลางของเสียงใน กจิ กรรมน้ี คอื แกว พลาสตกิ เสน เอ็น และอากาศ สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

125 คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน สอ มเสียงจะเกดิ การสั่น และเม่อื นําปลายขาสอ มเสียงมาไวใ กลหูก็จะไดย นิ เสยี ง เพราะเสยี งเคลอ่ื นทผ่ี านอากาศมายงั หู สอมเสียงจะเกิดการสนั่ และเม่ือนําปลายขาสอมเสียงแตะทผี่ วิ นาํ้ สี จะทําใหผิวน้าํ สี เกดิ การสั่นไปดว ย เนือ่ งจากเสยี งเคลอ่ื นท่ีผา นของเหลวคือนา้ํ สี ไดย ินเสยี ง เพราะเมื่อนาํ ขาสอมเสียงทก่ี าํ ลังสน่ั ไปแตะผิวน้ํา เสยี งจะสง ผานไปยงั นา้ํ จนส่นั กระเพอื่ มเปน วงขยายไปถึงภาชนะและเคล่อื นทีผ่ า นภาชนะไปยงั หู เราจึงไดย นิ เสียง ตัวกลางของเสียง น้าํ สแี ละภาชนะใสน้ําสี เสยี งเคล่อื นทจ่ี ากแหลงกาํ เนิดเสยี ง คอื สอ มเสียง ผานของเหลวคือนาํ้ สี และ เคล่ือนท่ผี า นของแข็ง คอื ภาชนะใสน าํ้ สี จากน้ันเคล่ือนท่มี าสูหเู รา เราจงึ ไดยินเสยี ง  สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน 126 แตกตางกนั เมื่อพูดคอย ๆ โดยผานอากาศ ผฟู งจะไมไดย นิ เสยี งพูด แตเมื่อพูดผา น โทรศัพทจะไดยนิ เสยี งชดั เจน มกี ารเปลย่ี นแปลงโดยแกว พลาสติกจะส่ัน แตกตา งกัน โดยเมอ่ื แตะเสนเอ็นเบา ๆ จะไดยินเสยี งพดู แตเม่อื จับเสน เอน็ ใหแ นน จะไมไดยินเสียงพดู เพราะเมื่อจับเสนเอน็ ใหแนน เสนเอ็นจะหยดุ สน่ั เมือ่ ตดั เสนเอ็นใหขาด จะไมไดย นิ เสยี งพดู เพราะไมมเี สน เอน็ ซึง่ เปนตัวกลางทีจ่ ะ ใหเสยี งเคลื่อนท่ีผา นไปยงั ผูฟงได เสยี งจากผพู ูดทาํ ใหอ ากาศในแกวพลาสตกิ สนั่ ตอจากน้ันแกวพลาสติกดา นผพู ูด ก็จะสั่น ทําใหเ สนเอน็ ส่ันตอ ๆ กันไปจนถึงแกว พลาสติกดานผูฟง ซึง่ จะทําให อากาศในแกว พลาสติกส่นั ตอ ๆ กันไปจนถงึ หผู ูฟ ง ผูฟงจงึ ไดย นิ เสยี ง อากาศ แกวพลาสติก และเสนเอ็น สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

127 คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน เสียงเคลื่อนที่จากแหลงกําเนดิ เสยี งผา นตัวกลางของเสยี ง ทงั้ อากาศ แกว พลาสติก และ เสนเอน็ โดยมกี ารส่ันตอเนอื่ งกันไปของตัวกลางของเสยี งจนถงึ หขู องผูฟง หากไมมี ตวั กลางของเสียง หรือหากตวั กลางของเสียงหยุดสน่ั จะทาํ ใหไมไ ดย ินเสยี ง เสยี งตอ งใชตัวกลางในการเคลือ่ นท่ีซ่งึ ตัวกลางของเสยี งมที ัง้ สถานะของแข็ง ของเหลว และแกส โดยเสยี งจากแหลงกําเนิดเสียงจะผานตวั กลางของเสียงที่สนั่ ตอ ๆ กันไป จนถึงหผู ฟู ง  สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน 128 คาํ ถามของนกั เรียนทตี่ ั้งตามความอยากรูของตนเอง     สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

129 คูมอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน แนวการประเมินการเรียนรู การประเมนิ การเรยี นรขู องนักเรยี นทําได ดังน้ี 1. ประเมินความรเู ดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรยี น 2. ประเมินการเรยี นรจู ากคาํ ตอบของนักเรียนระหวางการจดั การเรยี นรูแ ละจากแบบบันทึกกิจกรรม 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ ละทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 จากการทาํ กจิ กรรมของนักเรียน การประเมินจากการทาํ กิจกรรมที่ 1.1 เสียงเคลอื่ นที่ไดอ ยา งไร ระดับคะแนน 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช รหสั สิ่งที่ประเมิน ระดบั คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสังเกต S7 การพยากรณ S8 การลงความเห็นจากขอ มลู S13 การตีความหมายขอ มูลและลงขอสรปุ ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การสื่อสาร C5 ความรวมมอื C6 การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร รวมคะแนน  สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 130 ตาราง แสดงการวิเคราะหท ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรตามระดับความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเ กณฑการประเมิน ดังนี้ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรงุ (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) S1 การสงั เกต การบรรยาย สามารถใชประสาทสัมผัส สามารถใชป ระสาทสมั ผัส สามารถใชประสาทสัมผสั รายละเอียดของสิ่งท่ี เก็บรายละเอียดของขอมูล เก็บรายละเอียดของขอมลู เกบ็ รายละเอียดของขอมูล สังเกต และบรรยายเก่ียวกับการ และบรรยายเก่ียวกับการ และบรรยายเกี่ยวกับการ สั่นของตัวกลางของเสียง สั่นของตวั กลางของเสียง สั่นของตวั กลางของเสียง และการไดยินเสียงได และการไดย ินเสยี ง ได และการไดย ินเสยี ง ถูกต อง ครบถ วนด วย ถกู ตองโดยอาศัยคําชี้แนะ ไดถูกตองเพยี งบางสวน ตนเอง จากครหู รือผูอ่ืน แมว าจะไดร ับคําชีแ้ นะจาก ครูหรือผอู ่ืน S7 การพยากรณ การพยากรณเก่ยี วกับ สามารถพยากรณเกี่ยวกับ สามารถพยากรณเก่ยี วกบั สามารถพยากรณเก่ยี วกับ การเปลี่ยนแปลงของ การเปล่ี ยนแปล งของ การเปลย่ี นแปลงของเสน การเปล่ยี นแปลงของ เสนเอ็นกับแกว เสนเอ็นกับแกวพลาสติก เอ็นกับแกวพลาสติกและ เสน เอ็นกับแกว พลาสติก พลาสติกและการได และการไดยินเสียงจาก การไดยนิ เสียงจาก และการไดยินเสยี งจาก ยินเสียงจากโทรศัพท โทรศัพทผานวิธีการตาง ๆ โทรศัพทผ า นวิธีการตาง ๆ โทรศัพทผานวิธกี ารตาง ๆ ผานวิธีการตาง ๆ ไดอยางสมเหตุสมผลและ ไดอยางสมเหตุสมผลแตไม ไดแตไมส มเหตุสมผล และ ครบถว นดว ยตนเอง ครบถวน ไมครบถวน S8 การลง การลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก สามารถลงความเหน็ จาก สามารถลงความเห็นจาก ความเห็นจาก ขอ มลู เกี่ยวกับ ขอมลู เกยี่ วกับตวั กลางของ ขอมูลเก่ยี วกับตวั กลางของ ขอมลู เกี่ยวกับตวั กลางของ ขอมูล ตัวกลางของเสยี งใน เสียงในกิจกรรมแตละตอน เสียงในกิจกรรมแตละตอน เสยี งในกิจกรรมแตละตอน กจิ กรรมแตละตอน ไดถ ูกตองท้ังหมดดว ย ไดถ ูกตองท้ังหมด จากการ ไดถ ูกตองเพยี งบางสว น ตนเอง ชแี้ นะของครูหรือผอู ่นื แมว า จะไดรับคําช้ีแนะจาก ครูหรือผูอ่ืนและไม ครบถว น S13 การ การตคี วามหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมายขอมลู ตีความหมายขอมูล ขอ มูลจากการทํา ขอ มลู จากการทํากจิ กรรม ขอมลู จากการทํากิจกรรม จากการทํากิจกรรมและลง และลงขอสรปุ กจิ กรรมและลง และลงขอสรุปเกีย่ วกับ และลงขอสรุปเก่ยี วกับการ ขอ สรุปเกีย่ วกับการ ขอสรุปเกี่ยวกับการ การเคล่อื นท่ีของเสยี งจะ เคล่ือนท่ีของเสียงจะ เคลื่อนท่ขี องเสียงจะ เคลื่อนท่ขี องเสยี งจะ เคลื่อนท่ไี ปถึงหูผูฟงโดย เคล่ือนทีไ่ ปถึงหผู ฟู งโดย เคลื่อนท่ีไปถึงหผู ูฟ งโดย สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

131 คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรงุ (1) ทางวิทยาศาสตร อาศยั การสนั่ ของตัวกลาง พอใช (2) อาศัยการสนั่ ของตัวกลาง เคลื่อนทไ่ี ปถึงหูผฟู ง ของเสยี ง ซึ่งเปนไดทงั้ ของเสียงซึ่งเปนไดท้ัง โดยอาศัยการสั่นของ ของแข็ง ของเหลว และ อาศัยการสัน่ ของตวั กลาง ของแข็ง ของเหลว และ ตัวกลางของเสยี ง แกสไดถูกตอ งทั้งหมดดว ย ของเสียง ซ่ึงเปนไดท้ัง แกส ไดถกู ตองเพยี ง ซึ่งเปนไดท ั้งของแข็ง ตนเอง ของแข็ง ของเหลว และ บางสว น แมว าจะไดร ับ ของเหลว และแกส คาํ ชแี้ นะจากครูหรือผอู ื่น แกสไดถกู ตองทั้งหมด จาก การชแี้ นะจากครูหรอื ผูอืน่  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 132 ตาราง แสดงการวิเคราะหทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเกณฑก ารประเมนิ ดงั นี้ ทักษะแหง รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ศตวรรษท่ี 21 พอใช (2) C4 การส่ือสาร การนําเสนอขอมูลจาก สามารถนําเสนอขอมูล สามารถนําเสนอขอมูลจาผล สามารถนําเสนอขอมูล ผลการทํากิจกรรมและ จากผลการทํากิจกรรม การทํากิจกรรมและอธิบาย จากการนําเสนอผลการ การอธิบายเกี่ยวกับการ และอธิบายเกี่ยวกับการ เก่ียวกับการเคล่ือนท่ีของ ทํากิจกรรมและอธิบาย เคล่ือนท่ีของเสียงโดย เคลื่อนที่ของเสียง โดย เสียง โดยการพูดเพ่ือใหผูอ่ืน เกี่ยวกับการเคล่ือนท่ีของ การพู ดเพ่ื อให ผู อื่ น การพูดเพ่ือใหผูอื่นเขาใจ เขาใจ โดยอาศัยการชี้แนะ เสียง โดยการพูดเพ่ือให เขาใจ ไดครบถวน ชัดเจนดวย จากครูหรือผอู น่ื ผู อื่ น เ ข า ใ จ ไ ด เ พี ย ง ตนเอง บางสวน แมวา จะไดรับคํา ชี้แนะจากครหู รือผอู ื่น C5 ความ การทํางานรวมกับผูอ่ืน สามารถทํางานรวมกับ สามารถทํางานรวมกับผูอ่ืน สามารถทํางานรวมกับ รว มมอื ใ น ก า ร ทํ า กิ จ ก ร ร ม ผูอื่นในการทํากิจกรรม ในการทํากิจกรรม สืบคน ผู อื่ น ใ น บ า ง ช ว ง ที่ ทํ า สื บ ค น ข อ มู ล แ ล ะ สืบคนขอมูล และรวมกัน ขอมูล และรวมกันอภิปราย กิจกรรม ท้ังนี้ตองอาศัย ร ว ม กั น อ ภิ ป ร า ย อภิปรายเกี่ยวกั บการ เก่ียวกับการเคลื่อนที่ของ การกระตุนจากครูหรือ เกี่ยวกับการเคล่ือนท่ี เคลื่อนท่ีของเสียง รวมทั้ง เสียง รวมท้ังยอมรับความ ผูอ นื่ ของเสียง รวมทั้งยอมรับ ยอมรับความคิดเห็นของ คิดเห็นของผูอ่ืนบางชวงเวลา ความคดิ เหน็ ของผูอืน่ ผูอ ่ืนตงั้ แตเรม่ิ ตน จนสาํ เร็จ ท่ีทํากิจกรรม C6 การใช การสืบคน ขอมูล สามารถสืบคนขอมูล สามารถสบื คนขอมูลเก่ียวกับ สามารถสบื คน ขอ มูล เทคโนโลยี เกี่ยวกบั การเคล่ือนท่ี เกีย่ วกับการเคล่ือนที่ของ การเคล่ือนที่ของเสยี งจาก เกีย่ วกบั การเคลอ่ื นทขี่ อง สารสนเทศและ ของเสยี งจากแหลง เสยี งจากแหลงเรียนรูต า ง แหลงเรยี นรูต าง ๆ ที่ เสียงจากแหลง เรยี นรูตา งๆ การสือ่ สาร เรยี นรูตาง ๆ ท่ี ๆ ท่ีนา เชอ่ื ถือไดด วย นา เชื่อถือได โดยอาศัยการ ได แตม าจากแหลง ท่ีไม นาเช่ือถือ ตนเอง ช้แี นะจากครหู รือผอู ื่น นา เชอ่ื ถือ แมว า จะไดร ับ การชแ้ี นะจากครูหรอื ผอู ่ืน สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

133 คูมือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน กจิ กรรมท่ี 1.2 เสยี งสงู เสยี งตา่ํ เกดิ ไดอ ยา งไร กจิ กรรมน้ีนักเรียนจะไดทดลองเพอ่ื ศึกษาความถี่ในการส่ันของ แหลง กาํ เนิดเสยี งที่ตา งกันทท่ี ําใหเกิดเสยี งสงู เสียงตํ่า เวลา 2 ชั่วโมง จดุ ประสงคก ารเรียนรู ทดลองและอธิบายการเกดิ เสยี งสูง เสยี งต่ํา วัสดุ อุปกรณส าํ หรับทํากจิ กรรม สิ่งท่คี รูตองเตรียม/หอง 1. เครื่องดนตรี เชน ขลุย กตี าร สงิ่ ทีค่ รตู องเตรยี ม/กลมุ 1. ไมบรรทดั พลาสตกิ แข็ง 1 อนั 2. ขวดแกว 2 ขวด 3. นํา้ สี ใหเพียงพอท้งั หอง 4. ไมเคาะ 1 อัน ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร ส่อื การเรียนรูและแหลงเรียนรู S1 การสงั เกต 1. หนังสอื เรยี น ป.5 เลม 1 หนา 57-60 S7 การพยากรณ S8 การลงความเหน็ จากขอมูล 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.5 เลม 1 หนา 60-66 S9 การต้งั สมมตฐิ าน S10 การกําหนดนยิ ามเชิงปฏิบัตกิ าร 3. วดี ิทัศนต วั อยา งการปฏบิ ตั ิการวทิ ยาศาสตรสาํ หรบั S11 การกําหนดและควบคุมตวั แปร S12 การทดลอง ครู เรือ่ งเสียงสงู เสียงต่ําเกดิ ไดอยา งไร S13 การตคี วามหมายขอมูลและลงขอ สรุป http://ipst.me/9468 ทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 C4 การสอ่ื สาร C5 ความรวมมือ  สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 134 แนวการจัดการเรียนรู ในการตรวจสอบความรู ครู เพียงรับฟงเหตุผลของนักเรียนและ 1. ครูตรวจสอบความรูเดิมของนักเรียนโดยอาจนํา เครื่องดนตรี เชน ขลุย ยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวน กีตาร หรือระนาด มาไลเสียงสูง เสียงตํ่าใหนักเรียนฟง หรืออาจนําวีดิทัศน ใหนักเรียนไปหาคําตอบดวยตนเอง เกยี่ วกบั เสียงจากเครอื่ งดนตรีตาง ๆ มาเปด ใหนักเรียนฟง จากนั้นครูถามวา จากการอานเนอื้ เร่ือง เสยี งท่ีไดยนิ แตล ะเสียงมีเสียงสูง เสยี งตํา่ แตกตา งกันหรอื ไม เพราะเหตใุ ด นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง ครูยังไมเฉลยคําตอบท่ีถูกตอง แต ชักชวนนกั เรยี นคน หาคําตอบจากการทาํ กิจกรรม 2. นักเรียนอานชื่อกิจกรรม และทําเปนคิดเปน โดยรวมกันอภิปรายเพื่อ ตรวจสอบความเขาใจจดุ ประสงคใ นการทาํ กิจกรรม โดยครูใชคําถามดังน้ี 2.1 กจิ กรรมน้นี กั เรียนจะไดเ รียนรเู รือ่ งอะไร (การเกิดเสียงสูง เสยี งตา่ํ ) 2.2 นกั เรยี นจะไดเ รียนรูเ ร่อื งนด้ี วยวิธีใด (การทดลอง) 2.3 เม่อื เรียนรแู ลว นักเรยี นจะทาํ อะไรได (อธบิ ายการเกดิ เสียงสูง เสยี งตํา่ ) 3. นักเรียนบันทึกจุดประสงคลงในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 60 และ อาน ส่ิงท่ตี อ งใชใ นการทํากิจกรรม 4. นักเรยี นอานทําอยา งไร ตอนที่ 1 โดยฝกการอา นตามความสามารถของ นกั เรยี น แลวรวมกันอภปิ รายเพ่อื สรุปลาํ ดับขน้ั ตอนการทาํ กิจกรรมตาม ความเขาใจ โดยครูใชคําถามดังตอไปนี้ 4.1 ข้ันตอนแรกในการทํากิจกรรม ทําไดอยางไร (วางไมบรรทัดพลาสติก แข็งใหความยาวบางสวนพนขอบโตะ ใชมือกดไมบรรทัดสวนที่อยูบน โตะตรงขอบโตะ จากน้ันใชมืออีกขางหนึ่งกดปลายไมบรรทัดสวนท่ีย่ืน ออกมาจากขอบโตะ แลวปลอยทันที สังเกตความถี่ในการส่ันของไม บรรทดั และเสียงทีไ่ ดยิน) 4.2 ครูอาจถามนักเรียนวาไมบรรทัดส่ันครบ 1 รอบ ดูไดอยางไร (ดูไดจาก ไมบรรทัดเคลื่อนที่ข้ึนแลวลงกลับมาที่ตําแหนงเดิม) จากน้ันครูถามวา ถาความยาวของไมบรรทัดสวนที่ยื่นเลยพนขอบโตะเปล่ียนไป เมื่อกด ปลายไมบรรทัดลงแลวปลอย ไมบรรทัดจะส่ัน โดยความถ่ีในการส่ัน และเสียงที่ ไดย ินจะเปล่ยี นแปลงหรือไม อยางไร (นักเรียนตอบตาม ความเขา ใจ) 4.3 ปญหาของการทดลองน้ีคืออะไร (ความถ่ีในการส่ันของไมบรรทัดมีผล ตอ เสียงสูง เสียงตํา่ ท่ไี ดยนิ อยางไร ) 4.4 สมมติฐานของการทดลองคืออะไร (สมมติฐานที่ตั้งขึ้นกับความคิดของ นักเรียน เชน ความถี่ในการสั่นของไมบรรทัดมีผลตอเสียงสูง เสียงตํ่า สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

135 คูมอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน ท่ไี ดยนิ โดยถาไมบรรทัดสวนท่ีพนจากขอบโตะส่ันดวยความถ่ีนอย เสียงที่ ความรูเพิม่ เติมสาํ หรับครู ไดยินจะเปน เสียงต่ํา แตถาไมบรรทัดสวนที่พนจากขอบโตะสั่นดวยความถี่ มาก เสยี งที่ไดยนิ จะเปน เสียงสงู ) การกําหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ 4.5 หลังจากต้ังสมมตฐิ านแลว นกั เรียนตองทําอะไร (ระบุตัวแปร กําหนดนิยาม เปนการกําหนดความหมาย ขอตกลงหรือ เชิงปฏิบัติการ และทดลองเพ่ือตรวจสอบสมมติฐาน จากนั้นสังเกตและ ขอบเขตของสิ่งตาง ๆ ที่อยูในสมมติฐาน เปรียบเทยี บความถี่ในการส่นั ของไมบรรทัดและเสียงสูง เสียงตาํ่ ท่ไี ดย ิน) หรือท่ีเก่ียวของกับการทดลองใหเขาใจ 4.6 เราจะสังเกตเพื่อเปรียบเทียบความถ่ีในการส่ันของไมบรรทัดไดอยางไร ตรงกนั เพ่อื ใหสามารถสงั เกตและวดั ได (การเปรียบเทียบความถ่ีของการสั่นสังเกตจากการส่ันเร็ว ชา หรือสังเกต จากจํานวนรอบของการสั่นของไมบรรทัดในเวลาท่ีเทากัน ซ่ึงเรียกวาเปน การกําหนดนิยามเชิงปฏบิ ตั กิ าร) ในขัน้ ตอนนี้ครูอาจเขียนปญ หาของการทดลองบนกระดาน จากนั้นครูให นักเรียนรวมกันต้ังสมมติฐาน พรอมระบุตัวแปร และกําหนดนิยามเชิง ปฏิบัติการในการทดลอง ยกตวั อยา งเชน ปญหาของการทดลอง คอื ความถใ่ี นการส่นั ของไมบ รรทดั มีผลตอเสยี งสูง เสียง ตํ่าทไ่ี ดย ินอยางไร สมมติฐาน คือ ความถ่ีในการส่ันของไมบรรทัดมีผลตอเสียงสูง เสียงต่ํา โดย ไมบรรทดั สว นทพ่ี นจากขอบโตะสนั่ ดวยความถ่ีนอย เสียงท่ีไดยินจะเปนเสียงต่ํา แตถาไมบรรทัดสวนท่ีพนจากขอบโตะสั่นดวยความถ่ีมาก เสียงท่ีไดยินจะเปน เสียงสงู ตัวแปรตน คอื ความถีใ่ นการสน่ั ของไมบ รรทดั ที่แตกตา งกนั ตวั แปรตาม คอื เสียงสูง เสยี งตํ่าทไี่ ดยิน ตวั แปรท่ีตอ งควบคุมใหคงท่ี คือ ใชไมบรรทัดอันเดิม ใชมือกดไมบรรทัดที่ขอบ โตะ เหมือนกนั กดไมบ รรทัดดวยแรงเทาเดมิ ใชค นเดมิ ในการทาํ กิจกรรม นิยามเชิงปฏิบัติการ คือ การเปรียบเทียบความถ่ีของการส่ันของไมบรรทัด สังเกตจากการสั่นเร็ว ชา หรือสังเกตจากจํานวนรอบของการส่ันของไมบรรทัด ในเวลาท่ีเทากัน โดยไมบรรทัดท่ีมีความถี่มากกวาจะส่ันเร็วกวา หรือมีจํานวน รอบของการสนั่ มากกวาในเวลาท่ีเทา ๆ กนั  สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน 136 5. หลังจากทํากิจกรรมแลว ครูนําอภิปรายผลการทํากิจกรรม ตอนท่ี 1 โดยใช ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละ คาํ ถามดังน้ี ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ทีน่ ักเรยี นจะได 5.1 วางไมบรรทัดใหสวนท่ีย่ืนพนขอบโตะมีความยาวมาก เม่ือกดปลาย ไมบรรทัดแลวปลอย ความถ่ีในการส่ันของไมบรรทัดเปนอยางไรบาง ฝกจากการทํากจิ กรรม (เมอ่ื ความยาวไมบ รรทัดมาก ความถ่ีในการส่ันของไมบรรทัดจะนอย) 5.2 เสียงที่ไดยินเม่ือไมบรรทัดมีความถี่ในการสั่นนอย จะเปนอยางไร ตอนท่ี 1 (เสยี งตา่ํ หรอื นกั เรียนอาจตอบวา เสียงทมุ ) S1 การสังเกตความถ่ีในการส่ันของไม 5.3 วางไมบรรทัดใหสวนที่ย่ืนพนขอบโตะมีความยาวนอย เมื่อกดปลายไม บรรทัดแลวปลอย ความถี่ในการส่ันของไมบรรทัดเปนอยางไรบาง บรรทดั และเสียงทไ่ี ดยนิ (เมอื่ ความยาวไมบรรทัดนอย ความถีใ่ นการสนั่ ของไมบ รรทดั จะมาก) S8 การลงความเห็นจากขอมูลวาเสียง 5.4 เสียงท่ีไดยินเม่ือไมบรรทัดมีความถี่ในการสั่นมาก จะเปนอยางไร (เสียงสูง หรอื นักเรียนอาจตอบวาเสยี งแหลม) สูงคือเสียงท่ีมีความถ่ีมาก และเสียง 5.5 เสียงสูง เสียงตํ่า เกิดจากอะไร (เสียงสูง เสียงต่ําเกิดจากความถี่ในการ ต่าํ คือเสียงทีม่ ีความถี่นอ ย สัน่ ของแหลงกาํ เนดิ เสยี งท่ีแตกตา งกัน) S9 การตั้งสมมติฐานวาความถ่ีในการ 5.6 ความยาวของไมบ รรทดั สว นท่ีส่ันสมั พันธกับมวลของไมบ รรทัดสวนท่ีส่ัน ส่ันของไมบรรทัดท่ีมีผลตอเสียงสูง หรือไม อยางไร (สัมพันธกันโดยถาความยาวของไมบรรทัดสวนท่ีสั่น เสยี งตาํ่ ที่ไดย ินอยา งไร นอย มวลของสวนที่สั่นก็จะนอย และถาความยาวของไมบรรทัดสวนท่ี S10 การกําหนดนิยามเชิงปฏิบัติการเพ่ือ สั่นมาก จะมีมวลสว นท่ีส่ันมาก) สั ง เ ก ต ค ว า ม ถ่ี ใ น ก า ร สั่ น ข อ ง ไ ม 5.7 มวลสวนท่ีส่ันของไมบรรทัดสัมพันธกับความถี่ในการส่ันของไมบรรทัด บรรทัด และเสียงท่ีไดยินเปนอยางไร (สัมพันธกันโดยถามวลสวนท่ีส่ันของ S11 การระบุตัวแปรเพื่อตรวจสอบ ไมบรรทัดนอย ไมบรรทัดจะสัน่ ดวยความถี่มาก เสยี งทไ่ี ดย นิ เปนเสียงสูง สมมตฐิ าน ถามวลสวนท่ีสั่นของไมบรรทัดมาก ไมบรรทัดจะส่ันดวยความถี่นอย S12 การทดลองเพ่อื ตรวจสอบสมมติฐาน เสยี งท่ีไดย นิ เปน เสยี งต่าํ หรือเสียงทุม) C4 การส่ือสารโดยการรวมกันอภิปราย เกยี่ วกบั การเกิดเสยี งสูง เสียงต่ํา 6. ครูทบทวนความรูใหกับนักเรียนดังนี้ มวลคือปริมาณเนื้อของวัตถุ มีสมบัติ C5 ความรวมมือในการทํากิจกรรมและ ในการตานการเปลี่ยนสภาพการเคล่ือนที่ของวัตถุ ดังนั้น ถาออกแรงเทา ๆ การอภิปราย กัน ทําใหมวลเคลื่อนที่ มวลมากจะเคลื่อนท่ีไดชา เมื่อเปรียบเทียบกับ ไมบรรทัด ไมบรรทัดท่ีมีสวนที่พนขอบโตะมากกวาก็จะมีมวลมาก จึง เคลื่อนที่ไดชาเชน กัน 7. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจนไดขอสรุปวา เสียงสูง เสียงต่ํา เกิดจาก การส่ันของแหลงกาํ เนิดเสยี ง ถา แหลงกาํ เนดิ เสียงสนั่ ดว ยความถีม่ าก เสียงที่ ไดย นิ จะเปนเสยี งสูงหรือเสียงแหลม ถา แหลงกาํ เนดิ เสยี งส่ันดวยความถี่นอย เสียงที่ไดยินจะเปนเสียงตํ่าหรือเสียงทุม จากน้ันครูอาจใชเครื่องดนตรี เชน กีตาร มาสาธติ เพ่ือแสดงตัวอยางการเกดิ เสยี งสงู เสียงตา่ํ สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

137 คูมือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 8. ครูสอบถามความเขาใจของนักเรียนเพื่อเชื่อมโยงไปยังกิจกรรม ตอนท่ี 2 ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและ วาจากกิจกรรมตอนที่ 1 นักเรียนเห็นการส่ันของไมบรรทัดไดชัดเจน แตถา ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 ทีน่ กั เรียนจะได เปนส่ิงอื่น เชน นํ้าในขวด จะมองเห็นการส่ันของนํ้าไดชัดเจนเหมือนกับไม บรรทัดหรือไม และน้ําในขวดที่มีปริมาณตางกันจะมีผลตอเสียงที่ไดยิน ฝกจากการทาํ กิจกรรม หรือไม อยางไร (นักเรียนตอบตามความเขา ใจ) ตอนท่ี 2 9. นักเรียนอานทําอยางไร ตอนท่ี 2 แลวรวมกันอภิปรายเพ่ือสรุปลําดับ S1 การสังเกตเสียงที่ไดยินจากการใชไม ขัน้ ตอนการทาํ กจิ กรรมตามความเขา ใจ โดยครูใชคาํ ถามดังตอไปนี้ 9.1 นักเรียนทํากิจกรรมนี้ไดอยางไร (ใชไมเคาะขางขวดแกวเปลาใบหน่ึง เคาะขา งขวดแกว สังเกตเสียงที่ไดยิน จากน้ันรินนํ้าลงในขวดแกว 2 ใบ โดยใบแรกใสนํ้า S7 การพยากรณเสียงสูง เสียงตํ่าที่ไดยิน ¼ ของขวด ใบที่สองใสน ้าํ เต็มขวด) 9.2 นักเรยี นตองพยากรณเร่ืองอะไร (พยากรณวาถาใชไมเคาะขางขวดแกว เม่ือใชไมเคาะขางขวดแกวบริเวณที่มี บริเวณท่ีมีน้ําทั้งสองขวดดวยแรงเทา ๆ กัน จะไดยินเสียงสูง เสียงตํ่า นา้ํ ทัง้ สองขวดดว ยแรงเทา ๆ กัน เปน อยา งไร) S8 การลงความเห็นจากขอมูลวาเสียงสูง คือเสียงที่มีความถ่ีมาก และเสียงตํ่า 10.หลังจากทํากิจกรรมแลว ครูนําอภิปรายผลการทํากิจกรรม ตอนท่ี 2 โดยใช คือเสียงท่มี ีความถน่ี อ ย คําถามดังนี้ C4 การส่ือสารโดยการรวมกันอภิปราย 10.1 เมื่อเคาะขวดที่มีนํ้ามาก เสียงท่ีไดยินเปนอยางไร (เสียงต่ําหรือเสียง เกีย่ วกับการเกิดเสียงสงู เสียงตํา่ ทุม) C5 ความรวมมือในการทํากิจกรรมและ 10.2 เมื่อเคาะขวดท่ีมีนํ้านอย เสียงที่ไดยินเปนอยางไร (เสียงสูงหรือเสียง การอภปิ ราย แหลม) 10.3 น้าํ ในขวดใบใดมมี วลมากกวา (ขวดทีม่ ีน้ําเต็มขวดมีมวลมากกวา) 10.4 มวลของน้าํ มผี ลตอเสียงท่ีไดยินหรือไม อยางไร (มีผล ขวดที่มีนํ้ามวล มาก เสียงที่ไดยินจะเปนเสียงต่ํา ขวดท่ีมีน้ํามวลนอย เสียงที่ไดยินจะ เปน เสียงสูง) 10.5 มวลของน้ําสัมพันธกับความถี่ของการส่ันของน้ําหรือไม อยางไร (สมั พนั ธก นั โดยน้าํ ทม่ี มี วลมาก ความถี่ในการสั่นจะนอย ในขณะที่น้ํา ที่มีมวลนอ ย ความถ่ใี นการส่ันจะมาก) 11. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปกิจกรรมทั้งสองตอนไดดังนี้ เสียงสูง เสียงตํ่า ข้ึนอยูกับความถใี่ นการส่ันของแหลง กาํ เนดิ เสียง (S13) 12. ครูนาํ เครื่องดนตรีที่ใชนําเขาสูกิจกรรมมาไลเสียงสูงต่ําใหนักเรียนฟงอีกครั้ง จากน้นั ครูถามนักเรียนวา การทําใหเ ครื่องดนตรีแตละชนิดมีเสียงสูง เสียงตํ่า ทําไดอยางไร เพราะเหตุใด (การเกิดเสียงสูง เสียงต่ํา เกิดจากมวลของ แหลงกําเนิดเสียงมีมวลมากหรือนอยแตกตางกัน เชน กีตาร เสียงสูง เสียง ตํ่าเกิดจากสายกีตาร ถาตองการเสียงสูง ทําไดโดยดีดสายกีตารเสนท่ีเล็ก  สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 138 ท่ีสดุ เพราะมวลของสายกีตารน อ ย จงึ มคี วามถ่ีในการส่ันมาก แตถาตองการ เสียงต่ําลง ทําไดโดยดีดสายกีตารเสนท่ีใหญที่สุด เพราะมวลของสายกีตาร มาก จงึ มคี วามถใ่ี นการสั่นนอย) 13.นักเรยี นรวมกนั อภปิ รายเพ่ือตอบคาํ ถามในฉนั รูอะไร โดยครูอาจใชค าํ ถาม เพ่ิมเติมในการอภปิ รายเพ่ือใหไดแนวคาํ ตอบท่ีถกู ตอง จากน้นั นกั เรียนอาน สิง่ ท่ีไดเรยี นรู และเปรยี บเทียบกับขอสรปุ ของตนเอง 14.ครูกระตุนใหนักเรียนฝกตั้งคําถามเกี่ยวกับเรื่องท่ีสงสัยหรืออยากรูเพ่ิมเติม ใน อยากรูอีกวา จากนั้นครูอาจสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอคําถามของ ตนเองหนาช้ันเรียน และใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับคําถามท่ี นําเสนอ 15.ครูนําอภิปรายเพ่ือใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบา งและในขน้ั ตอนใดบา ง 16.นักเรียนรวมกันอานเกร็ดนารู ในหนังสือเรียนหนา 60 ซ่ึงเปนเร่ืองเกี่ยวกับ เสยี งสูง เสยี งต่ําท่ีอยูรอบตวั เรา การเตรียมตวั ลว งหนา สาํ หรบั ครู เพ่ือจัดการเรียนรใู นครง้ั ถัดไป ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดทํา กิจกรรมท่ี 1.3 เสียงดัง เสียงคอย ข้ึนอยู กับอะไร โดยครูตองเตรียมอุปกรณ ลวงหนา คือ วิทยุ หรือแหลงกําเนิดเสียง อนื่ ๆ ทสี่ ามารถปรับความดงั ของเสียงได สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

139 คมู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน แนวคาํ ตอบในแบบบันทึกกิจกรรม ทดลองและอธิบายการเกิดเสยี งสูง เสียงตํ่า ความถ่ีในการสนั่ ของไมบ รรทัดมผี ลตอเสียงสูง เสียงตํ่าที่ไดยนิ โดยถา ไมบ รรทัดสวนที่พน จากขอบโตะ นอ ย นนั่ คอื ไมบ รรทดั มีมวลนอย ดงั นนั้ จะส่ันดวยความถี่นอ ย เสยี งท่ีไดย ินจะเปน เสยี งตาํ่ แตถา ไมบ รรทัดสวนท่ี พน จากขอบโตะมาก น่นั คอื ไมบ รรทัดมมี วลมาก ดงั น้ันจะสน่ั ดว ยความถี่มาก เสียงท่ไี ดย ินจะเปนเสียงสูง ความถใี่ นการสน่ั ของไมบ รรทัด เสียงสูง เสียงตา่ํ ทีไ่ ดย นิ  สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 140 ใชไ มบรรทัดอันเดิม ใชมือกดไมบ รรทดั ท่ีขอบโตะ เหมือนกนั กดไมบ รรทดั ดวยแรง เทา เดิม ใชคนเดมิ ในการทํากิจกรรม ความถใี่ นการสั่นของไมบรรทัดสงั เกตจากการสั่นเรว็ ชา หรือสังเกตจากจํานวนรอบ ของการส่ันของไมบรรทดั ในเวลาท่เี ทากนั ทดลองโดยจดั ใหไ มบรรทดั สวนท่ียื่นออกมาจากขอบโตะ มคี วามยาวแตกตา งกัน กดสวนปลายของไมบรรทัดแลว ปลอ ยมอื สังเกตความถ่ีในการสั่นของไมบ รรทัด และเสยี งสูง เสียงต่าํ ทีไ่ ดย นิ ยาวมาก นอ ยที่สดุ เสยี งต่ําท่สี ดุ เสียงทุม ที่สุด ยาวปานกลาง ปานกลาง เสยี งสูงข้นึ เสยี งแหลมข้นึ ยาวนอย มากท่สี ดุ เสียงสูงท่ีสดุ เสียงแหลม ทส่ี ุด หมายเหตุ : ความยาวของไมบ รรทดั ตามทนี่ กั เรียนกาํ หนดเอง โดยกาํ หนดเปนตัวเลข มีหนวยเปน เซนติเมตร สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

141 คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน ทดลองและอธบิ ายการเกิดเสยี งสูง เสยี งตํ่า พยากรณตามความคิด ไดยินเสยี งสูงหรอื ของนักเรยี น เสยี งแหลม ไดย ินเสยี งตํ่าหรอื เสียงทุม  สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 142 เมือ่ กดปลายไมบ รรทดั แลวปลอย ไมบ รรทัดสวนที่เลยพนขอบโตะ จะสัน่ เพราะเราใชม อื กดสวนอ่ืน ๆ ไวกับโตะ สัมพันธกัน โดยถาไมบรรทัดสวนที่ส่ันมีความยาวมาก มวลของไมบรรทัดสวน ที่สั่นก็มาก ถาไมบรรทัดสวนที่สั่นมีความยาวนอย มวลของไมบรรทัดสวนที่ ส่ันก็นอย สัมพันธกัน โดยถามวลของไมบรรทัดสวนท่ีส่ันมาก ความถี่ในการส่ันของไม บรรทัดก็นอย แตถามวลของไมบรรทัดสวนที่ส่ันนอย ความถ่ีในการสั่นของไม บรรทัดก็มาก ขณะท่ไี ดยินเสียงสงู ทส่ี ดุ ความถีข่ องการสนั่ ของไมบ รรทัดจะมากท่ีสุด เพราะไม บรรทดั สวนท่ีสน่ั มีมวลนอยท่สี ดุ ขณะท่ีไดย ินเสียงตาํ่ ท่ีสดุ ความถ่ีของการส่ันของไมบรรทัดจะนอ ยที่สดุ เพราะไมบ รรทดั สวนทีส่ น่ั มีมวลมากท่สี ุด สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

143 คมู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน คําตอบข้ึนอยูกับสมมติฐานของนักเรียน เชน เหมือนกัน โดยสมมติฐานท่ีต้ังไว เหมือนกับสิ่งที่คนพบ น่ันคือ ความถี่ในการส่ันของไมบรรทัดมีผลตอเสียงสูง เสียงตา่ํ ที่ไดย ิน โดยไมบรรทัดสวนที่พนจากขอบโตะมาก ทําใหความถ่ีนอย เสียง ที่ไดยินจะเปนเสียงต่ํา แตไมบรรทัดสวนที่พนจากขอบโตะนอย ทําใหมีความถี่ มาก เสียงท่ไี ดยนิ จะเปนเสียงสูง เม่ือไมบรรทัดสว นทเ่ี ลยพน ขอบโตะยาวทีส่ ดุ จะสั่นดว ยความถี่นอยท่ีสดุ เสียงท่ีไดย นิ จะตา่ํ ทส่ี ดุ เม่ือไมบ รรทัดสว นที่เลยพนขอบโตะสัน้ ทส่ี ดุ จะสน่ั ดว ยความถ่ีมากท่สี ดุ เสยี งที่ไดยนิ จะสงู ที่สดุ  สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 144 ขวดท่ีมีนาํ้ เตม็ ขวด มีมวลมากกวา ขวดท่มี นี า้ํ ¼ ของขวด มวลของนํ้าในขวดสมั พนั ธกับเสียงสูง เสียงตาํ่ ทไ่ี ดย ิน โดยเมอ่ื ในขวดมีมวลนํา้ นอย เสียงทไี่ ดย นิ จะเปนเสียงสูง และเมือ่ ในขวดมีมวลนํา้ มาก เสียงทไ่ี ดย นิ จะเปนเสยี งตาํ่ มวลของน้ําในขวดมีความสัมพันธกับความถี่ในการส่ันของน้าํ เน่อื งจากเมื่อเคาะขวดทมี่ มี วลนํ้ามาก ความถ่ีในการสนั่ ของนํ้าจะนอย แตเ ม่ือเคาะขวดท่มี มี วลนํ้านอย ความถีใ่ นการสั่นของน้ําจะมาก เมอื่ ความถีใ่ นการสัน่ ของน้ํานอ ย จะไดย นิ เสียงต่ํา แตเม่ือความถ่ีในการส่ันของน้าํ มาก จะไดยินเสยี งสูง การไดยนิ เสยี งสูง เสียงตํา่ ขึ้นอยูก ับความถีข่ องการสั่นของนาํ้ ในขวด โดยขวดท่ีมี มวลนํ้ามาก จะไดยนิ เสยี งต่าํ เพราะความถี่ของการสน่ั ของนํา้ จะนอย แตขวดท่ีมี มวลน้ํานอย จะไดยินเสยี งสงู เพราะความถข่ี องการสนั่ ของนํ้าจะมาก เสียงสูง เสียงต่ําเกดิ จากการส่นั ของแหลงกําเนดิ เสยี งทีส่ ่ันดวยความถที่ แ่ี ตกตา ง กนั โดยถาแหลง กําเนิดเสยี งส่นั ดวยความถม่ี าก จะเกดิ เสียงสูง แตถ าแหลงกําเนดิ เสยี งสนั่ ดว ยความถ่ีนอย จะเกิดเสยี งตาํ่ ซ่ึงความถใ่ี นการสัน่ ของแหลงกาํ เนิดเสยี ง ขน้ึ อยูกับมวลของแหลงกําเนิดเสยี ง สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

145 คูม ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน คําถามของนักเรยี นทตี่ ้ังตามความอยากรขู องตนเอง         สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 146 แนวการประเมินการเรียนรู การประเมนิ การเรียนรขู องนกั เรยี นทาํ ได ดงั น้ี 1. ประเมินความรเู ดิมจากการอภปิ รายในชนั้ เรียน 2. ประเมินการเรียนรูจากคําตอบของนกั เรยี นระหวางการจดั การเรยี นรูและจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 จากการทาํ กจิ กรรมของนักเรยี น การประเมนิ จากการทาํ กิจกรรมที่ 1.2 เสียงสงู เสยี งต่ํา เกดิ ไดอ ยา งไร ระดบั คะแนน 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช รหสั สง่ิ ท่ปี ระเมิน ระดับคะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสังเกต S7 การพยากรณ S8 การลงความเหน็ จากขอ มลู S9 การต้ังสมมตฐิ าน S10 การกาํ หนดนยิ ามเชงิ ปฏิบัติการ S11 การกาํ หนดและควบคุมตวั แปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายขอมลู และลงขอสรุป ทักษะแหงศตวรรษที่ 21 C4 การสือ่ สาร C5 ความรว มมือ รวมคะแนน สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

147 คูมือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน ตาราง แสดงการวเิ คราะหทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรตามระดับความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเกณฑการประเมิน ดังน้ี ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) S1 การสังเกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใชประสาท สามารถใชประสาทสัมผัส สามารถใชประสาทสัมผัส รายละเอียดเกี่ยวกับ สัมผัสเก็บรายละเอียด เกบ็ รายละเอียดขอมูลและ เก็บรายละเอียดขอมูลและ ความถ่ีในการส่ันของ ขอมูล แล ะบรรยา ย บรรยายเก่ียวกับความถี่ใน บรรยายเกี่ยวกับความถี่ใน แหลงกําเนิดเสียง เกี่ยวกับความถี่ในการ การส่นั ของไมบรรทัด และ การส่ันของไมบรรทัด และ และการเกิดเสียงสูง สั่นของไมบรรทัด และ เสียงสูง เสียงตํ่าที่ไดยิน เสียงสูง เสียงต่ําท่ีไดยิน เ สี ย ง ตํ่ า ข อ ง เสยี งสูง เสียงตา่ํ ทไ่ี ดย ิน เม่ือดีดไมบรรทัดที่มีสวนท่ี เม่ือดีดไมบรรทัดท่ีมีสวนที่ แหลงกําเนิดเสียงเม่ือ เมื่อดีดไมบรรทัดที่มี พนขอบโตะแตกตางกัน พนขอบโตะแตกตางกัน มมี วลแตกตางกนั ส ว น ท่ี พ น ข อ บ โ ต ะ และเสียงสูง เสียงต่ําท่ีได และเสียงสูง เสียงตํ่าที่ได แตกตางกัน และเสียง ยินเม่ือเคาะขวดแกวท่ีมี ยินเม่ือเคาะขวดแกวที่มี สูง เสียงต่ําท่ีไดยินเม่ือ ปริมาณน้ําแตกตางกัน ได ปริมาณนํ้าแตกตางกัน ได เ ค า ะ ข ว ด แ ก ว ที่ มี ถูกตอง ครบถวน โดย ถูกตองเพียงบางสวน แม ปริมาณน้ําแตกตางกัน อาศัยการช้ีแนะจากครู จะไดรับการชี้แนะจากครู ไดถูกตองและครบถวน หรอื ผอู นื่ หรือผูอ่ืน ดวยตนเอง S7 การพยากรณ การพยากรณเ กี่ยวกับ ส า ม า ร ถ พ ย า ก ร ณ สามารถพยากรณเก่ียวกับ สามารถพยากรณเกี่ยวกับ เสียงสูง เสียงตํ่าท่ีได เกี่ยวกับเสียงสูง เสียง เสียงสูง เสียงตํ่าที่ไดยิน เสียงสูง เสียงตํ่าที่ไดยิน ยินเมื่อใชไมเคาะขาง ตํ่าท่ีไดยินเมื่อใชไม เมอ่ื ใชไ มเ คาะขางขวดแกว เม่ือใชไมเคาะขางขวดแกว เคาะขางขวดแกวท้ัง ท้ังสองขวดที่มีปริมาณน้ํา ทั้งสองขวดที่มีปริมาณนํ้า ขวดแกว ทง้ั สองขวดที่ สองขวดท่ีมีปริมาณน้ํา แ ต ก ต า ง กั น ไ ด อ ย า ง แ ต ก ต า ง กั น ไ ด แ ต ไ ม มีปริมาณน้ําแตกตาง แตกตางกัน ไดอยาง สมเหตสุ มผล โดยอาศยั คํา สมเหตุสมผล กัน ส ม เ ห ตุ ส ม ผ ล แ ล ะ ชแ้ี นะจากครหู รือผอู ื่น ครบถว นดวยตนเอง S8 การลงความเห็น การลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็น สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก จากขอ มลู ข อ มู ล เ ก่ี ย ว กั บ จ า ก ข อ มู ล ไ ด ว า ขอมูลไดวาแหลงกําเนิด ขอมูลไดวาแหลงกําเนิด แหลงกําเนิดเสียงท่ีมี แหลงกําเนิดเสียงที่มี เสียงที่มีความถี่ในการส่ัน เสียงที่มีความถี่ในการสั่น ความถี่ในการส่ันมาก ความถ่ีในการสั่นมาก มากจะใหเสียงสูงและ มากจะใหเสียงสูงและ จะใหเสียงสูงแล ะ จ ะ ใ ห เ สี ย ง สู ง แ ล ะ แ ห ล ง กํ า เ นิ ด เ สี ย ง ที่ มี แ ห ล ง กํ า เ นิ ด เ สี ย ง ที่ มี แหลงกําเนิดเสียงที่มี แหลงกําเนิดเสียงที่มี ความถ่ีในการสั่นนอยจะ ความถี่ในการสั่นนอยจะ ความถี่ในการสั่นนอย ความถ่ีในการสั่นนอย ใหเสียงตํ่า ไดถูกตอง จาก ใหเสียงต่ําไดถูกตองเพียง  สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 148 ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรงุ (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) จะใหเสยี งตา่ํ จะใหเสียงตํ่าไดถูกตอง การช้ีแนะของครหู รือผูอ ื่น บางสวน แมวาจะไดรับคํา ทัง้ หมดดวยตนเอง ชี้แนะจากครหู รือผูอืน่ S9 การตง้ั สมมติฐาน การตั้งสมมติฐานเพื่อ สามารถต้ังสมมติฐาน สามารถต้ังสมมติฐานเพื่อ สามารถตั้งสมมติฐานเพ่ือ บอกความสัมพันธ เพ่ือบอกความสัมพันธ บอกความสัมพันธระหวาง บอกความสัมพันธระหวาง ระหวางความถี่ใน ระหวางความถี่ในการ ความถี่ในการส่ันของไม ความถ่ีในการส่ันของไม การสั่นของไมบรรทัด สั่นของไมบรรทัดกับ บรรทัดกบั เสยี งสูง เสียงตํ่า บรรทดั กบั เสยี งสูง เสียงต่ํา กับเสียงสูง เสียงตํ่าที่ เสยี งสูง เสยี งต่ําท่ีไดยิน ที่ไดยินไดถูกตองและมี ท่ีไดยินไดถูกตองแตไมมี ไดย นิ ไดถูกตองและมีเหตุผล เหตุผลประกอบจากคํา เหตุผลประกอบ แมวาจะ ประกอบดวยตนเอง ชีแ้ นะของครูหรือผอู ่ืน ไดรับคําชี้แนะจากครูหรือ ผอู ื่น S10 การกําหนดนิยาม การกําหนดนิยามเชิง สามารถกําหนดนิยาม สามารถกําหนดนิยามเชิง สามารถกําหนดนิยามเชิง เชิงปฏบิ ัติการ ปฏิบัติการโดยระบุ เชิงปฏิบัติการโดยระบุ ปฏิบัติการโดยระบุวิธีการ ปฏิบัติการโดยระบุวิธีการ วิธีการสังเกตความถี่ วิธีการสังเกตความถ่ีใน สังเกตความถี่ในการส่ัน สังเกตความถ่ีในการส่ัน ใ น ก า ร สั่ น ข อ ง ไ ม การสั่นของไมบรรทัด ของไมบรรทัดไดถูกตอง ของไมบรรทัดไดถูกตอง บรรทดั ไดถกู ตอ ง ดวยตนเอง จากการชี้แนะของครูหรือ เพียงบางสวน แมวาจะได ผูอืน่ รับคําช้ีแนะจากครูหรือ ผอู ่นื S11 การกําหนดและ การกําหนดตัวแปร สามารถกําหนดตัวแปร สามารถกําหนดตัวแปรตน สามารถกําหนดตัวแปรตน ควบคมุ ตัวแปร ตน ตัวแปรตาม และ ตน ตัวแปรตาม และ ตัวแปรตาม และตัวแปรท่ี ตัวแปรตาม และตัวแปรที่ ตัวแปรท่ีตองควบคุม ตัวแปรที่ตองควบคุม ตองควบคุมใหคงที่ของ ตองควบคุมใหคงที่ของ ใ ห ค ง ท่ี ข อ ง ก า ร ใหคงที่ของการทดลอง การทดลองเรื่องการเกิด การทดลองเรื่องการเกิด ทดลอง เรื่องการเกิด เร่ืองการเกิดเสียงสูง เสียงสงู เสียงตํ่า ไดถูกตอง เสยี งสูง เสียงตํ่า ไดถูกตอง เสยี งสงู เสียงตา่ํ เสี ย ง ต่ํา ไ ดถู ก ต อ ง ครบถวนจากการช้ีแนะ เพียงบางสวน แมวาจะได ครบถวนดวยตนเอง ของครูหรือผูอื่น ดังนี้ ตัว รับคําช้ีแนะจากครูหรือ ดังนี้ ตัวแปรตน คือ แปรตน คือความถ่ีในการ ผูอ่นื ความถี่ในการส่ันของ สั่ น ข อ ง ไ ม บ ร ร ทั ด ท่ี ไมบรรทัดท่ีแตกตางกัน แตกตางกัน ตัวแปรตาม ตัวแปรตาม คือ เสียง คือ เสียงสูง เสียงต่ําที่ได สูง เสียงตํ่าท่ีไดยิน ยิน แล ะตัว แป รท่ีตอ ง แ ล ะ ตั ว แ ป ร ที่ ต อ ง ควบคุมใหคงที่ คือ ใชไม ควบคุมใหคงท่ี คือ ใช บรรทัดอันเดิม ใชมือกดไม สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

149 คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรงุ (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) S12 การทดลอง ไมบรรทัดอนั เดิม ใชมือ บ ร ร ทั ด ที่ ข อ บ โ ต ะ กดไมบ รรทัดที่ขอบโตะ เหมือนกัน กดไมบรรทัด เ ห มื อ น กั น ก ด ไ ม ดวยแรงเทาเดิม ใชคนเดิม บรรทดั ดว ยแรงเทาเดิม ในการทาํ กิจกรรม ใ ช ค น เ ดิ ม ใ น ก า ร ทํ า กิจกรรม การออกแบบและทํา สามารถออกแบบและ สามารถออกแบบและทํา สามารถออกแบบและทํา การทดลองเรื่องการ ทาํ การทดลองเร่ืองการ การทดลองเร่ืองการเกิด การทดลองเรื่องการเกิด เกดิ เสยี งสูง เสียงต่ําที่ เกิดเสียงสูง เสียงต่ําที่ เ สี ย ง สู ง เ สี ย ง ต่ํ า ท่ี เ สี ย ง สู ง เ สี ย ง ต่ํ า ท่ี ส อ ด ค ล อ ง กั บ ส อ ด ค ล อ ง กั บ สอดคลองกับสมมติฐาน สอดคลองกับสมมติฐาน สมมติฐานของการ ส ม ม ติ ฐ า น ข อ ง ก า ร ของการทดลองและตัว ของการทดลองและตัว ทดลองและตัวแปรที่ ทดลองและตัวแปรที่ แปรท่ีกําหนดไดถูกตอง แปรท่ีกําหนดไดถูกตองแต กาํ หนด กําหนดไดถูกตองและ และครบถวน จากการ ไมครบถวน แมวาจะไดคํา ครบถว นดวยตนเอง ช้แี นะของครูหรอื ผูอ ่นื ช้แี นะจากครหู รอื ผูอืน่ S13 การตีความหมาย การตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีคว ามหมาย ส าม ารถ ตีคว ามห มา ย ขอ มลู และลงขอ สรปุ ขอมูล จากการ ทํา ข อ มู ล จ า ก ก า ร ทํ า ขอมูลจากการทํากิจกรรม ขอมูลจากการทํากิจกรรม กิ จ ก ร ร ม แ ล ะ ล ง กิ จ ก ร ร ม แ ล ะ ล ง และลงขอสรุปไดวาเสียง และลงขอสรุปไดวาเสียง ขอสรุปไดวาเสียงสูง ขอสรุปไดวาเสียงสูง สูง เสียงตํ่า ข้ึนอยูกับ สูง เสียงต่ํา ข้ึนอยูกับ เสียงต่ํา ข้ึนอยูกับ เ สี ย ง ตํ่ า ขึ้ น อ ยู กั บ คว า มถี่ใ นกา รสั่น ขอ ง คว า มถี่ใ นกา รสั่น ขอ ง ความถ่ีในการสั่นของ ความถี่ในการสั่นของ แ ห ล ง กํ า เ นิ ด เ สี ย ง ไ ด แ ห ล ง กํ า เ นิ ด เ สี ย ง ไ ด แหลง กําเนิดเสียง แหลงกําเนิดเสียงได ถกู ตอ ง จากการชแี้ นะจาก ถูก ต อง เ พี ยง บ าง ส ว น ถูกตองท้ังหมดดวย ครูและผูอืน่ แมวาจะไดรับคําช้ีแนะ ตนเอง จากครหู รือผอู น่ื  สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูม อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน 150 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท ักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ตามระดับความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเ กณฑการประเมนิ ดงั นี้ ทกั ษะแหง รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ศตวรรษท่ี 21 พอใช (2) C4 การสอ่ื สาร ก า ร นํ า เ ส น อ ก า ร สามารถนําเสนอการ ส า ม า ร ถ นํ า เ ส น อ ก า ร สามารถนําเสนอการ ออกแบบการทดลอง ออกแบบการทดลอง ออกแบบการทดลองและ ออกแบบการทดลองและ และการอธิบายการ และอธิบายการเกิดเสียง อธิบายการเกิดเสียงสูง เสียง อธิบายการเกิดเสียงสูง เกิดเสียงสูง เสียงต่ํา สูง เสียงตํ่า โดยการพูด ต่ํา โดยการพูดใหผูอ่ืน เสียงตํ่า โดยการพูดให โ ด ย ก า ร พู ด ใ ห ผู อ่ื น ใหผูอ่ืนเขาใจไดถูกตอง เขาใจได โดยอาศัยการ ผู อ่ื น เ ข า ใ จ ไ ด เ พี ย ง เขาใจ ชดั เจนดว ยตนเอง ชแ้ี นะจากครูหรอื ผอู ื่น บางสวน แมวาจะได รับคําชี้แนะจากครูหรือ ผูอื่น C5 ความ การทํางานรวมกับผูอ่ืน สามารถทํางานรวมกับ สามารถทํางานรวมกับผูอื่น สามารถทํางานรวมกับ รวมมือ ในการอภิปรายและทํา ผูอื่นในการอภิปรายและ ในการอภิปรายและทําการ ผูอ่ืนในการอภิปรายและ การทดลองเกี่ยวกับ ทําการทดลอง เกี่ยวกับ ทดลองเกย่ี วกับการเกิดเสียง ทําการทดลองไดเปนบาง การเกิดเสียงสูง เสียง การเกิดเสียงสูง เสียงต่ํา สูง เสียงต่ํา รวมท้ังยอมรับ ชวงเวลาท้ังนี้ตองอาศัย ตํ่ า ร ว ม ทั้ ง ย อ ม รั บ รว มท้ัง ยอมรั บคว า ม ความคดิ เห็นของผูอื่นไดเปน การกระตุนจากครูหรือ ความคดิ เหน็ ของผูอืน่ คิดเห็นของผูอ่ืนต้ังแต บางชว งเวลาท่ีทาํ กจิ กรรม ผอู ่นื เรม่ิ ตนจนสาํ เรจ็ สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

151 คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน กิจกรรมที่ 1.3 เสยี งดัง เสยี งคอย ขนึ้ อยกู ับอะไร กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดทดลองเพ่ือศึกษาการเกิดและการ ไดยินเสียงดัง เสียงคอย เม่ือพลังงานในการส่ันของแหลงกําเนิดเสียง และระยะหางจากแหลง กําเนิดเสยี งถึงหผู ูฟ ง แตกตางกัน เวลา 2 ช่วั โมง จุดประสงคการเรียนรู ทดลองและอธิบายการเกดิ เสียงดงั เสยี งคอ ย วสั ดอุ ปุ กรณสาํ หรบั ทาํ กิจกรรม สิ่งทค่ี รตู อ งเตรยี ม/หอ ง 1. ระฆงั หรือกระด่งิ เล็ก ๆ 1 ใบ สง่ิ ทค่ี รูตอ งเตรียม/กลุม 1. วิทยุ 1 เคร่ือง 2. เมล็ดถ่ัวเขียว 10 เมล็ด ส่งิ ท่ีนกั เรียนตองเตรยี ม/กลมุ สอื่ การเรียนรูแ ละแหลง เรียนรู 1. กลอ งกระดาษขนาดกลอ งไมขดี 1 กลอง 1. หนังสือเรยี น ป.5 เลม 1 หนา 61-64 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.5 เลม 1 หนา 67-72 3. วีดิทศั นตวั อยา งปฏิบตั ิการทางวทิ ยาศาสตรส าํ หรับ S1 การสังเกต S8 การลงความเห็นจากขอมูล ครู เรื่องเสียงดงั เสียงคอยขนึ้ อยูก บั อะไร S9 การตัง้ สมมตฐิ าน S11 การกาํ หนดและควบคุมตวั แปร http://ipst.me/9469 S12 การทดลอง S13 การตีความหมายขอมลู และลงขอสรปุ ทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 C4 การสอ่ื สาร 4. แหลง สืบคนขอมูลเกย่ี วกบั การเกดิ เสียงดงั C5 ความรวมมือ เสยี งคอ ย เชน www.scimath.org  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 152 แนวการจดั การเรียนรู ค รู รั บ ฟ ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง นักเรียนเปนสําคัญ ครูยังไม 1. ครตู รวจสอบความรูเดิมของนักเรียนโดยอาจใหนักเรียนหลับตา แลวครู เฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวนให เคาะระฆังหรือกระด่ิง 3 ครั้ง ดวยความแรงในการเคาะแตละครั้ง หาคาํ ตอบท่ีถูกตองจากกิจกรรม ไมเทากนั แลว ใหน กั เรยี นลืมตา รวมกนั อภปิ รายโดยใชค าํ ถามดังตอไปน้ี ตาง ๆ ในบทเรียนน้ี 1.1 เสียงที่ไดยินเหมือนหรือตางกันอยางไร (ไดยินเสียงดัง เสียงคอย แตกตางกัน) 1.2 นักเรียนคิดวาครูเคาะระฆังหรือกระด่ิงอยางไร เสียงที่ไดยินจึงเปน เชน นัน้ (นกั เรียนตอบตามความเขา ใจของตนเอง) ครูยังไมเฉลยคําตอบท่ีถูกตอง แตชักชวนใหนักเรียนเรียนรูใน กจิ กรรมตอ ไป 2. นักเรียนอานชื่อกิจกรรม และทําเปนคิดเปน จากน้ันรวมกันอภิปรายเพ่ือ ตรวจสอบความเขา ใจจุดประสงคใ นการทาํ กิจกรรม โดยครใู ชคาํ ถามดงั นี้ 2.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะไดเรียนรูเรื่องอะไร (การเกิดและการไดยินเสียง ดงั เสยี งคอ ย) 2.2 นกั เรียนจะไดเรยี นรูเรอื่ งนีด้ วยวธิ ีใด (การทดลองและการสบื คน ขอ มลู ) 2.3 เมื่อเรียนรูแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายการเกิดและการไดยิน เสียงดงั เสียงคอย) 3. นักเรียนบันทึกจุดประสงคของกิจกรรม ตอนท่ี 1 ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 67 และอานสิ่งท่ีตอ งใชในการทาํ กิจกรรม 4. นักเรยี นอานทําอยา งไร ตอนท่ี 1 โดยครูใชว ธิ ีฝกอา นตามความสามารถ ของนักเรยี น แลวรว มกนั อภปิ รายเพ่ือสรปุ ลาํ ดบั ข้ันตอนของกิจกรรมตาม ความเขาใจของนักเรียน โดยครใู ชคาํ ถามดังตอไปนี้ 4.1 ข้ันตอนแรกในการทํากิจกรรมคืออะไร (ใสเมล็ดถ่ัวเขียวประมาณ 10 เมล็ด ในกลอ งกระดาษแลวปด กลองใหส นิท) 4.2 หลงั จากใสเมล็ดถั่วเขียวลงในกลองกระดาษแลว ขั้นตอนตอไปตองทํา อยางไร (นักเรียนรวมกันออกแบบวิธีการทดลองที่ทําใหกลองใสเมล็ด ถ่ัวเขียวเกิดเสยี งดัง เสยี งคอยแตกตา งกนั ) 4.3 สมมติฐานของการทดลองคืออะไร (สมมติฐานท่ีต้ังข้ึนกับความคิดของ นักเรียน เชน การเขยา กลอ งใสเ มล็ดถว่ั เขียวดวยแรงท่ีแตกตางกันมีผล ตอการเกิดเสียงดัง เสียงคอย เพราะการออกแรงมาก นอยตางกัน ทํา ใหพ ลงั งานในการสนั่ ของวตั ถแุ ตกตา งกัน) สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

153 คูมือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 4.4 หลังจากตั้งสมมติฐานแลว นักเรียนตองทําอะไร (ระบุตัวแปร ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละทกั ษะ ออกแบบวธิ กี ารทดลอง แลว ทําการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมตฐิ าน) แหงศตวรรษท่ี 21 ท่นี กั เรยี นจะได ฝก จากการทํากิจกรรม 4.5 นักเรียนตองรวมกันอภิปรายและสืบคนขอมูลเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (การเกดิ เสยี งดงั เสียงคอ ยของแหลงกําเนดิ เสียง) ตอนท่ี 1 ครูอาจะเขียนสมมติฐานและตัวแปรที่นักเรียนรวมกันกันระบุไวบน S1 การสงั เกตเสยี งสงู เสียงตํ่าท่ไี ดย นิ กระดานแลวพจิ ารณารวมกัน ยกตวั อยางเชน S9 การตง้ั สมมติฐานเกยี่ วกบั วธิ ีการทดลองที่ สมมตฐิ าน คอื การเขยา กลอ งใสเมล็ดถั่วเขียวดวยแรงที่แตกตางกันมีผลตอ ทาํ ใหก ลองใสเ มลด็ ถว่ั เขียวเกิดเสียงดงั การเกิดเสียงดัง เสียงคอย เพราะการออกแรงมาก นอยตางกัน ทําให เสียงคอยแตกตางกนั พลังงานในการส่ันของวตั ถุแตกตา งกัน S11 การกาํ หนดและควบคุมตวั แปรเพือ่ ทดลองเร่ืองการเกิดเสยี งดัง เสยี งคอ ย ตัวแปรตน คอื การเขยา กลอ งใสเ มล็ดถ่วั เขยี วดวยแรงทแี่ ตกตางกัน S12 การดําเนินการทดลองตามวิธีท่ี ออกแบบไว ตวั แปรตาม คอื เสยี งดงั เสียงคอ ยทีไ่ ดย นิ C4 การส่อื สารดว ยการนําเสนอผลการ อภิปรายและสบื คนขอ มูลเกีย่ วกบั เสยี ง ตวั แปรทต่ี องควบคมุ ใหค งท่ี คอื กลอ งใสเมล็ดถั่วเขียวใบเดิม จํานวนเมล็ด ดัง เสยี งคอย ถวั่ เขยี วเทาเดมิ คนเขยาคนเดมิ C5 ความรว มมอื ในการทํากิจกรรม สบื คน ขอมูล และการอภปิ ราย 5. เมื่อนักเรียนเขาใจวิธีการทํากิจกรรมในทําอยางไรแลว ครูแจกวัสดุอุปกรณ และใหนกั เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามลําดบั ข้นั ตอน 6. หลงั จากทาํ กจิ กรรมแลว ครูนําอภิปรายผลการทํากิจกรรม ตอนที่ 1 โดยใช คําถามดังนี้ 6.1 มีวิธีการใดบางท่ีทําใหกลองใสเมล็ดถ่ัวเขียวเกิดเสียงดัง เสียงคอย แตกตางกัน (มีวิธีตาง ๆ กัน ขึ้นอยูกับการออกแบบของนักเรียน เชน ใชการเขยากลอง โดยเมื่อเขยาเบา ๆ จะเกิดเสียงคอย ทําให ไดยินเสียงคอย แตเม่ือเขยาแรง ๆ จะเกิดเสียงดัง ทําใหไดยินเสียง ดงั หรือใชการเคาะกลองกบั โตะ โดยเม่ือเคาะเบา ๆ ทําใหเกิดเสียง คอย จะไดยินเสียงคอย แตเม่ือเคาะแรง ๆ ทําใหเกิดเสียงดัง จะ ไดย นิ เสยี งดงั ) 6.2 จากการสืบคนขอมูล นักเรียนจะอธิบายการเกิดเสียงดัง เสียงคอย ไดอยางไร (เสียงดัง เสียงคอยเก่ียวของกับพลังงานในการสั่นของ แหลง กําเนิดเสียง) 6.3 การเขยาหรือเคาะกลองดวยแรงที่มากนอยตางกันเกี่ยวของกับ พลังงานในการส่ันของเมล็ดถั่วเขียวอยางไร (การเขยาหรือเคาะ  สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 154 แรงๆ ทําใหเมล็ดถั่วเขียวสั่นดวยพลังงานมาก การเขยาหรือเคาะ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและทักษะ เบาๆ ทาํ ใหเมล็ดถวั่ เขยี วส่ันดว ยพลังงานนอย) แหงศตวรรษที่ 21 ที่นกั เรียนจะได 7. ครูใหค วามรเู พิ่มเติมวาพลังงานที่ใชในการเขยากลองจะสงตอไปใหเมล็ด ฝกจากการทํากจิ กรรม ถ่ัวเขียว และเมื่อเมล็ดถั่วเขียวกระทบกลองดวยพลังงานที่ตางกัน ก็จะ ทําใหเกิดเสียงดัง เสียงคอยตางกัน ซึ่งจะทําใหเราไดยินเสียงดัง เสียง ตอนที่ 2 คอยแตกตา งกนั ดว ย 8. ครูและนกั เรียนรวมกันสรปุ กิจกรรมตอนที่ 1 ไดวา เมื่อใชพ ลังงานมากใน S1 การสังเกตเสยี งสงู เสยี งตํ่าทไี่ ดยนิ การทาํ ใหแหลงกําเนิดเสียงสัน่ จะทําใหเกดิ เสียงดงั มาก 9. ครูสาธิตการเคาะระฆังหรือกระด่ิงหนาช้ันเรียนอีกครั้ง โดยครูเคาะดวย S8 การลงความเหน็ จากขอมูลเกีย่ วกับการได แรงท่ไี มเทา กัน เสียงทไี่ ดย นิ จงึ ดัง คอยไมเทากนั 10.ครูต้ังคําถามใหนักเรียนอภิปรายเพ่ิมเติมอีกวาการที่จะไดยินเสียงดัง ยนิ เสียงดงั เสยี งคอย เสียงคอย นอกจากจะข้ึนอยูกับพลังงานของแหลงกําเนิดเสียงแลวยังมี ปจ จัยอ่นื อีกหรือไม (นักเรียนตอบคาํ ถามตามความเขา ใจของตนเอง) C4 การสอื่ สารดวยการนําเสนอผลการ 11.นักเรียนอานทําอยางไร ตอนที่ 2 แลวรว มกนั อภิปรายเพื่อสรปุ ลาํ ดับ อภิปรายและสืบคน ขอ มลู เก่ียวกบั เสยี งดงั ขัน้ ตอนการทาํ กิจกรรมตามความเขาใจ โดยครูใชค ําถามดังตอไปน้ี เสยี งคอย 11.1ข้ันตอนแรกของการทํากิจกรรมคืออะไร (วางวิทยุไวกลางหอง นกั เรยี นรวมกันออกแบบวธิ กี ารมากกวา 1 วิธี ท่ีจะทําใหไดยินเสียง C5 ความรวมมือในการทาํ กจิ กรรม อภปิ ราย จากวิทยุดังและคอยแตกตางกัน จากนั้นทําตามวิธีการท่ีออกแบบ และสืบคนขอมลู ไว) 11.2 นักเรียนตองรวมกันอภิปรายและสืบคนขอมูลเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (การไดยนิ เสยี งดงั เสียงคอย) 12. หลังจากทํากิจกรรมแลว ครูนําอภิปรายผลการทํากิจกรรม ตอนท่ี 2 โดยใชคําถามดงั นี้ 12.1 เม่ือเปดวิทยุแลววางไวกลางหอง วิธีการท่ีจะทําใหไดยินเสียงจาก วิทยุดังคอยแตกตางกัน ทําไดอยางไรบาง (ทําไดโดยการเพิ่มและ ลดความดังของเสียงโดยปรับท่ีปุมปรับความดัง หรือเดินออกหาง และเขา ใกลวิทยุ) 12.2 เหตุใดเม่ือปรับปุมปรับความดัง เสียงที่ไดยินจึงดัง คอยแตกตาง กัน (พลงั งานของแหลงกาํ เนิดเสียงจะแตกตางกัน โดยเม่ือปรับปุม ปรับความดังใหมีความดังมาก พลังงานของแหลงกําเนิดเสียงจะ มาก และเมื่อปรับปุมปรับความดังใหลดลง พลังงานของ แหลง กาํ เนดิ เสียงจะนอย) สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

155 คูม ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 12.3 การเดนิ ออกหา งและเขาใกลว ิทยุ เมื่อใหปุมปรับความดังของเสียง ขอเสนอแนะเพิม่ เติม เทาเดิม เสียงที่ไดยินจะดัง คอยแตกตางกันอยางไร (เม่ือเดินออก หา งจากวทิ ยจุ ะไดยินเสยี งคอยลง แตเม่ือเดินเขาใกลวิทยุจะไดยิน นักเรียนอาจคิดวิธีการตาง ๆ ที่ทําใหไดยิน เสยี งดังขึ้น) เสียงดัง เสียงคอยไดหลากหลาย เชน นํา ส่ิงของมากั้นระหวางวิทยุ และผูฟง หรือบิด 12.4 การเดินออกหางและเขา ใกลวทิ ยุ เม่ือใหปุมปรับความดังของเสียง ลําโพงของวิทยุไปดานตาง ๆ ซึ่งครูควรให เทาเดิม พลังงานในการสั่นของวิทยุเปนอยางไร (พลังงานในการ โอกาสนักเรียนทํากิจกรรมตามท่ีออกแบบไว สนั่ ของวิทยเุ ทา เดิม) และใหนักเรียนอธิบายเหตุผลประกอบ แต อยางไรก็ตามครูควรเนนใหนักเรียนทดลองใน 12.5 ในเมื่อพลังงานในการสั่นของวิทยุเทาเดิม เหตุใดเม่ืออยูใกล-ไกล 2 ประเด็นหลัก คือพลังงานในการสั่นของวิทยุ จากวิทยุ จึงไดยินเสียงดัง คอยแตกตางกัน (ถาอยูใกลพลังงาน เชนการปรับปุมปรับความดังของวิทยุ และ ของเสียงท่ีมาถึงหูจะมาก ถาอยูไกลพลังงานของเสียงท่ีมาถึงหูจะ ระยะหางจากวิทยุถึงผูฟง โดยการเดินเขาหา นอยลง) และถอยหางออกจากวิทยุ เพื่อใหสามารถ นําไปสูการอภิปรายการไดยินเสียงดัง เสียง 12.6 เสียงดงั เสียงคอ ยท่ีไดย ินขนึ้ อยูกบั อะไร (ขึ้นอยูกับพลังงานในการ คอยได สั่นของแหลงกําเนิดเสียง และระยะหางจากแหลงกําเนิดเสียงถึง ผฟู ง) ขอเสนอแนะเพิ่มเติม 13. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปกิจกรรมตอนที่ 2 ซึ่งควรสรุปไดวา ความดัง ครอู าจเช่ือมโยงผลการสงั เกตจากกิจกรรม ของเสียงข้ึนอยูกับพลังงานของแหลงกําเนิดเสียงและระยะหางจาก 1.1 เสยี งเคล่ือนที่ไดอยางไร โดยใชก ารเคาะ แหลงกาํ เนิดเสยี ง สอ มเสยี งแลว จุมลงไปในนํ้า ซ่ึงจะเหน็ คลื่นนํา้ กระเพอื่ มมากบริเวณใกลขาสอมเสียง แตเ มอื่ 14. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและสรุปผลการทํากิจกรรม ดังนี้ หา งจากขาสอมเสียงออกไป คลน่ื น้ําจะ การเกิดเสียงดังเสียงคอยขึ้นอยูกับพลังงานของแหลงกําเนิดเสียง สวน กระเพอื่ มนอยลง น่นั แสดงวา บริเวณใกลขา การไดยินเสียงดัง เสียงคอยขึ้นอยูกับพลังงานของแหลงกําเนิดเสียงและ สอมเสยี ง น้ําส่ันดวยพลังงานมากกวา บรเิ วณที่ ระยะหางจากแหลง กาํ เนดิ เสียงถงึ ผูฟ ง (S13) อยูหางจากขาสอ มเสยี งออกไป 15. นกั เรยี นรวมกนั อภปิ รายเพื่อตอบคําถามในฉันรูอะไร โดยครอู าจใช คําถามเพิ่มเติมในการอภิปรายเพอ่ื ใหไ ดแ นวคําตอบทถี่ ูกตอง จากน้ัน นักเรยี นอา นส่ิงทไี่ ดเรยี นรู และเปรียบเทียบกับขอสรปุ ของตนเอง 16. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกต้ังคําถามเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู เพิ่มเติมใน อยากรูอีกวา จากน้ันครูอาจสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอ คําถามของตนเองหนาชั้นเรียน และใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ คําถามทีน่ ําเสนอ 17. ครูนําอภิปรายเพ่ือใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบางและในข้ันตอน ใดบา ง  สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 156 18. นักเรียนรวมกันอานเกร็ดนารู ในหนังสือเรียนหนา 64 จากน้ันให นกั เรยี นรว มกนั อภิปรายวา เสียงดัง เสียงคอย และเสียงสูง เสียงต่ํา ที่ได ยินมีความสัมพันธกันหรือไม อยางไร ซึ่งควรไดขอสรุปวา เสียงดัง เสียง คอ ย จะเก่ยี วของกบั พลงั งานของแหลงกําเนิดเสียง สวนเสียงสูง เสียงต่ํา จะเกี่ยวของกบั ความถี่ในการส่ันของแหลงกําเนิดเสียง ซ่ึงคือจํานวนรอบ ของการส่ันของแหลง กําเนดิ เสียง การเตรยี มตวั ลว งหนา สําหรับครู เพอ่ื จัดการเรียนรูในครง้ั ถดั ไป ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดทํากิจกรรม ที่ 1.4 มลพิษทางเสียงเปนอยางไร โดยครู เตรยี มดาวนโหลดแอปพลิเคชันท่ีใชวัดระดับ เสยี งลงในโทรศัพทเคล่ือนท่ีหรือแท็บเล็ต ซ่ึง เลือกใชไดท้ังในระบบปฏิบัติการ Android และ IOS โดยใชคําคน เชน Sound level meter Decibel meter หรอื เดซเิ บล สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

157 คูมอื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม ทดลอง สบื คนขอมูล และอธิบายการเกิดเสยี งดัง เสยี งคอย หมายเหตุ: กรณีทน่ี กั เรียนออกแบบวธิ ีการทําใหก ลองใสเ มล็ดถว่ั เขียว เกิดเสยี งดัง เสียงคอ ยแตกตางกันดวยการเขยากลอง การเขยากลองใสเ มล็ดถั่วเขียวดวยแรงท่แี ตกตา งกนั มผี ลตอการเกดิ เสียงดัง เสียงคอย เพราะการออกแรงมาก นอยทาํ ใหพลงั งานในการส่นั ของวตั ถุแตกตา งกนั การเขยา กลองใสเ มลด็ ถ่ัวเขียวดวยแรงท่แี ตกตา งกนั เสยี งดัง เสียงคอ ย ทไี่ ดยิน  สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 158 กลอ งใสเมล็ดถ่ัวเขียวใบเดมิ จาํ นวนเมลด็ ถ่ัวเขยี วเทาเดมิ คนเขยาคนเดมิ เขยา กลองใสเมล็ดถั่วเขียวดวยแรงทีแ่ ตกตา งกนั จากนน้ั สังเกตวา เสียงดงั เสียงคอ ยทไ่ี ดยินแตกตา งกันอยา งไร เขยากลอ งเบา ๆ / แรง ๆ เสยี งคอ ย / เสยี งดัง เสียงคอ ย / เสียงดัง เคาะกลอ งกบั โตะเบา ๆ / แรง ๆ สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

159 คมู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน สงั เกต สืบคนขอมลู และอธิบายการไดย นิ เสยี งดงั เสยี งคอย 1. เดนิ เขา ใกล /เดินออกหาง เดินเขาใกลวิทยุ ไดย นิ เสยี งดังขน้ึ / วิทยุ เดินออกหา งจากวิทยุ ไดย นิ เสียงคอ ยลง 2.ปรบั ปุมปรับความดังให ปรบั ปมุ ปรบั ความดงั ใหมากขน้ึ ไดยนิ เสียงดังขึน้ มากขึน้ /นอ ยลง ปรบั ปุมปรับความดังใหนอยลง ไดยินเสียงคอย **หมายเหตุ วิธีการออกแบบการทดลองของนกั เรียน อาจจะไดผลการสงั เกต ทีแ่ ตกตางกนั  สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook