Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore scincep5_1

scincep5_1

Published by pattana vit, 2021-09-15 12:05:08

Description: scincep5_1

Search

Read the Text Version

คูมอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 160 เขยา กลอ งใสเมล็ดถั่วเขยี วดวยแรงทีต่ า งกัน โดยเมื่อเขยากลองเบา ๆ เสียงจะ คอ ยลง ทาํ ใหไดย ินเสียงคอ ย แตเมอ่ื เขยา กลองแรงขึน้ จะเกดิ เสียงดัง ทําใหไ ด ยนิ เสยี งดัง ใชพลังงานในการเขยากลองตางกัน โดยเม่อื เขยากลอ งเบา ๆ ใชพ ลงั งานใน การเขยา นอย แตเม่ือเขยากลองแรงขึ้น จะใชพ ลังงานในการเขยา มากขึน้ เสยี งท่เี กดิ ข้ึนจะดงั คอยแตกตา งกนั เสยี งดัง เสียงคอ ยมีความสัมพนั ธกับพลงั งานท่ีทาํ ใหเกิดการส่นั ของ แหลง กําเนิดเสยี ง ถาแหลงกําเนดิ เสยี งสน่ั ดว ยพลังงานมาก เสียงกจ็ ะดัง ถา แหลงกําเนดิ เสียงส่นั ดว ยพลังงานนอ ย เสยี งก็จะคอย สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

161 คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 1. ฟง เสียงวทิ ยุทีร่ ะยะหา งตางกนั 2. ปรับปุม ปรบั ความดังของวิทยุ 1. การฟง เสยี งที่ระยะหางจากวิทยตุ างกัน ทําใหพลังงานของเสียงที่มาถึง หูผฟู ง ตางกัน 2. การปรบั ปมุ ความดงั ของวิทยุ ทาํ ใหพลงั งานการส่นั ของของวิทยุตา งกนั เราจะไดยินเสียงดังเมื่ออยูใ กลว ิทยุ หรือปรบั ปุมความดังของวิทยใุ หเสียงดังข้ึน แตเ ม่อื ถอยหา งจากวิทยุ หรือปรบั ปุมความดังของวิทยใุ หเสยี งคอยลง เสยี งท่ี ไดย นิ จะคอ ยลง การเกิดเสยี งดงั เสยี งคอยขน้ึ อยกู บั พลังงานการสน่ั ของแหลงกาํ เนดิ เสียง สว นการไดย ินเสียงดงั เสียงคอยขึ้นอยกู ับพลงั งานในการสนั่ ของแหลงกาํ เนดิ เสยี ง และระยะหางจากแหลง กาํ เนิดเสียงถงึ ผฟู ง  สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน 162 คําถามของนักเรยี นท่ตี ้ังตามความอยากรูของตนเอง       สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

163 คูม ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน แนวการประเมินการเรียนรู การประเมนิ การเรียนรขู องนกั เรยี นทําได ดงั นี้ 1. ประเมินความรเู ดิมจากการอภิปรายในช้นั เรยี น 2. ประเมนิ การเรียนรจู ากคาํ ตอบของนกั เรียนระหวางการจัดการเรียนรแู ละจากแบบบันทึกกจิ กรรม 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรและทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 จากการทาํ กิจกรรมของนกั เรยี น การประเมินจากการทาํ กิจกรรมท่ี 1.3 เสยี งดงั เสียงคอย ข้นึ อยูกบั อะไร ระดบั คะแนน 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช รหสั สงิ่ ทป่ี ระเมิน ระดบั คะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสังเกต S8 การลงความเห็นจากขอมลู S9 การตง้ั สมมตฐิ าน S11 การกาํ หนดและควบคุมตวั แปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายขอมูลและลงขอสรปุ ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การส่อื สาร C5 ความรวมมือ รวมคะแนน  สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 164 ตาราง แสดงการวิเคราะหทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรตามระดบั ความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใชเกณฑก ารประเมิน ดงั น้ี ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) S1 การสงั เกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใชประสาท สามารถใชประสาทสัมผัส สามารถใชประสาทสัมผัส รายละเอียดเกี่ยวกับ สัมผัสเก็บรายละเอียด เก็บรายละเอียดขอมูลและ เก็บรายละเอียดขอมูลและ การได ยิ นเสี ยงดั ง ข อมู ลแล ะบรรยาย บรรยายเก่ียวกับการไดยิน บรรยายเก่ียวกับการไดยิน เสียงคอยเมื่อทําให เก่ียวกับการไดยินเสียง เสียงดัง เสียงคอยเมื่อออก เสียงดัง เสียงคอยเมื่อออก กลองท่ีใสเมล็ดถั่ว ดัง เสียงคอยเม่ือออก แรงกระทําตอกลองท่ีใส แรงกระทําตอกลองท่ีใส เขียวเกิดเสียงตาม แรงกระทําตอกลองที่ใส เมล็ดถ่ัวเขียวดวยวิธีที่ เมล็ดถ่ัวเขียวดวยวิธีที่ วิ ธี การที่ ออกแบบ เมล็ดถ่ัวเขียวดวยวิธีที่ แตกตางกัน และการไดยิน แตกตางกัน และการไดยิน และการไดยินเสียงดัง แตกตางกัน และการได เสียงดัง เสียงคอยจากวิทยุ เสียงดัง เสียงคอยจากวิทยุ เสียงคอยจากวิทยุ ยินเสียงดัง เสียงคอย ตามวิธีการท่ีออกแบบ ได ตามวิธีการที่ออกแบบได ตามวธิ ีการที่ออกแบบ จากวิทยุตามวิธีการที่ ถูกตองแตไมครบถวน โดย ถูกตองเพียงบางสวน ออกแบบ ไดถูกตอง อาศัยคําช้ีแนะจากครูหรือ แ ล ะ ค ร บ ถ ว น ด ว ย ผูอนื่ ตนเอง S8 การลงความเห็น การลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก จากขอมลู ขอมูลเกยี่ วกับการได จากขอมูลไดถูกตอง ขอ มลู จากการช้ีแนะของ ขอมูล ไดถูกตองเพียง ยนิ เสียงดงั เสยี งคอย ทงั้ หมดดว ยตนเอง ครหู รือผอู ื่น เก่ียวกับการ บางสวน แมวา จะไดร ับคํา เกิดจากความแรงหรือ เก่ยี วกบั การเกิดและ เกิดและการไดยนิ เสียงดัง ชี้แนะจากครูหรือผอู ่ืน พลังงานท่ีกระทําตอ การไดยนิ เสยี งดัง เสียง เสยี งคอยวา เมื่อออกแรง เกี่ยวกบั การเกิดและการได แหลง กาํ เนิดเสียงและ คอยวาเมอื่ ออกแรง กระทําตอกลอ งใสเมล็ดถั่ว ยนิ เสียงดัง เสยี งคอยวาเมื่อ ระยะหางระหวาง กระทําตอกลองใสเมล็ด เขยี วดว ยแรงมาก ทําให ออกแรงกระทําตอกลองใส แหลงกาํ เนิดเสียงกบั ถั่วเขียวดวยแรงมาก เมลด็ ถ่วั เขยี วสัน่ ดว ย เมลด็ ถวั่ เขยี วดวยแรงมาก หูผฟู ง ทําใหเมล็ดถวั่ เขยี วสั่น พลงั งานมาก จึงเกิดเสียงดัง ทาํ ใหเมล็ดถั่วเขียวสั่นดวย ดวยพลังงานมาก จึง และเมื่อออกแรงกระทําตอ พลังงานมาก จึงเกิดเสยี งดัง เกดิ เสยี งดงั และเมื่อ กลองใสเ มล็ดถว่ั เขียวดวย และเมื่อออกแรงกระทําตอ ออกแรงกระทําตอ แรงนอย ทําใหเมล็ดถ่ัว กลองใสเ มลด็ ถ่ัวเขียวดว ย กลองใสเมลด็ ถวั่ เขียว เขียวสัน่ ดว ยพลังงานนอย แรงนอย ทําใหเมล็ดถั่ว ดว ยแรงนอย ทําให จึงเกิดเสียงคอย และการได เขยี วส่นั ดวยพลังงานนอย เมลด็ ถ่ัวเขียวสน่ั ดว ย ยินเสยี งดัง เสียงคอย จึงเกิดเสยี งคอย และการได พลังงานนอย จึงเกิด ข้ึนอยูกับพลังงานของวิทยุ ยินเสยี งดงั เสียงคอย สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

165 คูม อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) เสียงคอย และการได และระยะหางถึงผฟู ง โดย ขน้ึ อยูกับพลังงานของวิทยุ ยินเสยี งดงั เสยี งคอย เมื่อออกแรงกระทําตอ และระยะหางถงึ ผูฟง โดย ข้ึนอยกู ับพลังงานของ กลองท่ีใสเ มลด็ ถ่วั เขียวมาก เม่ือออกแรงกระทําตอ วทิ ยุและระยะหางถงึ และผูฟ งอยใู กล กลองที่ใสเ มลด็ ถั่วเขียวมาก ผูฟ ง โดยเมือ่ ออกแรง แหลงกําเนิดเสียง จะไดย ิน และผฟู งอยูใกล กระทําตอกลองท่ีใส เสียงดัง และเม่ือออกแรง แหลง กาํ เนิดเสียง จะไดย ิน เมล็ดถ่ัวเขียวมากและ กระทําตอกลองใสเมล็ดถัว่ เสยี งดัง และเม่ือออกแรง ผฟู ง อยใู กลแหลงกาํ เนดิ เขยี วดวยแรงนอย และผูฟง กระทําตอกลอ งใสเ มล็ดถัว่ เสียง จะไดยินเสยี งดัง อยูไกลจากแหลงกาํ เนิด เขยี วดว ยแรงนอย และผูฟง และเม่ือออกแรงกระทํา เสยี ง จะไดย ินเสียงคอย อยูไกลจากแหลงกําเนดิ ตอกลองใสเ มล็ดถ่ัว เสยี ง จะไดยินเสยี งคอย เขยี วดวยแรงนอย และ ผฟู ง อยูไกลจาก แหลง กาํ เนดิ เสียง จะได ยินเสยี งคอย S9 การ การตง้ั สมมติฐานเพ่ือ สามารถตัง้ สมมตฐิ าน สามารถตง้ั สมมติฐานเพื่อ สามารถตงั้ สมมตฐิ านเพื่อ ตัง้ สมมติฐาน บอกความสัมพนั ธ เพื่อบอกความสัมพันธ บอกความสัมพนั ธระหวา ง บอกความสัมพันธระหวาง ระหวางแรงท่ีกระทํา ระหวางแรงที่กระทําตอ แรงท่ีกระทําตอ แรงที่กระทําตอ ตอ แหลง กําเนิดเสียง แหลงกาํ เนดิ เสียงกับ แหลงกําเนดิ เสียงกบั เสียง แหลง กาํ เนิดเสียงกบั เสียง กบั เสยี งดัง เสยี งคอย เสยี งดัง เสยี งคอยท่ีได ดงั เสยี งคอยท่ีไดย ินได ดงั เสยี งคอยท่ีไดย ินได ที่ไดยิน ยนิ ไดอยางถูกตองและ อยา งถูกตองและมีเหตผุ ล อยา งถูกตองแตไมมีเหตผุ ล มเี หตุผลประกอบดว ย ประกอบ จากการช้ีแนะ ประกอบ แมว าจะไดรับคาํ ตนเอง ของครหู รือผูอ ่ืน ช้ีแนะจากครูหรือผูอ่ืน S11 การกําหนด การกําหนดตวั แปรตน สามารถกําหนดตัวแปร สามารถกําหนดตวั แปรของ สามารถกําหนดตัวแปรของ และควบคุมตวั แปร ตวั แปรตาม และตวั ของการทดลองเร่ือง การทดลองเรื่องการเกิด การทดลองเรื่องการเกดิ แปรท่ตี องควบคมุ ให การเกิดเสยี งดัง เสยี ง เสียงดัง เสียงคอยไดว า ตวั เสยี งดัง เสียงคอยไดว า ตัว คงทีข่ องการทดลอง คอ ยไดวา ตวั แปรตน แปรตน คือ การเขยากลอง แปรตน คือ การเขยากลอง เรอ่ื งการเกิดเสยี งดัง คือ การเขยากลองใส ใสเมล็ดถัว่ เขยี วดว ยแรงที่ ใสเมล็ดถ่ัวเขียวดวยแรงท่ี เสียงคอยของกลองใส เมล็ดถั่วเขียวดวยแรงท่ี แตกตา งกัน ตวั แปรตาม แตกตา งกัน ตัวแปรตาม เมลด็ ถว่ั เขยี ว แตกตา งกัน ตวั แปรตาม คือ เสยี งดัง เสยี งคอยท่ีได คอื เสียงดงั เสียงคอยท่ีได (สมมตฐิ านท่ีต้งั ข้นึ อยู คือ เสียงดัง เสียงคอยท่ี ยนิ และตัวแปรท่ีตอง ยนิ และตวั แปรท่ีตอง  สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 166 ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) กับการออกแบบการ ไดย นิ และตัวแปรที่ตอง ควบคมุ ใหคงท่ี คือ กลองใส ควบคุมใหค งท่ี คือ กลองใส ทดลองของนักเรยี น) ควบคุมใหค งที่ คือ เมลด็ ถ่ัวเขียว กลองเดมิ เมล็ดถ่วั เขียว กลองเดิม กลองใสเ มล็ดถ่ัวเขียว จาํ นวนเมล็ดถ่ัวเขียวเทา จาํ นวนเมลด็ ถ่วั เขยี วเทา กลองเดิม จํานวนเมลด็ เดิม คนเขยาคนเดิมได เดมิ คนเขยาคนเดิม ได ถว่ั เขียวเทาเดิม คน ถูกตอง ครบถว นจากการ ถูกตองเปนบางสวน แมวา เขยาคนเดิม ไดถ ูกตอง ชแ้ี นะของครูหรือผูอ นื่ จะไดรับคาํ ชี้แนะจากครู และครบถว นดว ย หรือผูอ่ืน ตนเอง S12 การทดลอง การออกแบบและทาํ สามารถออกแบบและ สามารถออกแบบและทาํ สามารถออกแบบและทํา การทดลองเร่ืองการ ทําการทดลองเร่ืองการ การทดลองเร่ืองการเกดิ การทดลองเร่ืองการเกดิ เกดิ เสยี งดงั เสียงคอย เกิดเสยี งดงั เสียงคอยที่ เสียงดัง เสยี งคอยที่ เสียงดัง เสียงคอยที่ ทสี่ อดคลอ งกับ สอดคลองกบั สมมติฐาน สอดคลองกับสมมตฐิ าน สอดคลองกับสมมติฐาน สมมตฐิ านของการ ของการทดลองและตัว ของการทดลองและตวั แปร ของการทดลองและตัวแปร ทดลองและตวั แปรที่ แปรทก่ี ําหนดไดถูกตอง ทก่ี ําหนดได ถูกตอง ทีก่ าํ หนดไดถูกตองเปน กาํ หนด ครบถวนดวยตนเอง ครบถวน จากการช้ีแนะ บางสวน แมว าจะไดคํา ของครูหรือผูอื่น ชี้แนะจากครหู รือผูอื่น S13 การ การตคี วามหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมายขอมูล สามารถตีความหมายขอมูล ตคี วามหมายขอมูล ขอมลู จากการทํา ขอ มลู จากการทํา จากการทํากิจกรรมและลง จากการทํากิจกรรมและลง และลงขอสรุป กจิ กรรมและลง กจิ กรรมและลงขอ สรุป ขอ สรุปเก่ยี วกับการเกิด ขอสรุปเกยี่ วกับการเกิด ขอ สรุปเกย่ี วกับการ เก่ียวกับการเกิดเสียงดัง เสยี งดัง เสยี งคอยวา ขึ้นอยู เสยี งดัง เสยี งคอยวา ขึ้นอยู เกดิ เสียงดัง เสยี งคอย เสยี งคอยวาข้ึนอยกู ับ กบั พลงั งานในการส่ันของ กับพลังงานในการสั่นของ วาขนึ้ อยกู ับพลังงาน พลงั งานในการส่นั ของ แหลงกําเนดิ เสียง และการ แหลงกาํ เนดิ เสียง และการ ในการสั่นของ แหลงกําเนดิ เสียง และ ไดย ินเสียงดงั เสียงคอย ไดยนิ เสยี งดัง เสียงคอย แหลงกาํ เนิดเสียง การไดย ินเสียงดัง เสียง ขนึ้ อยูก ับพลังงานในการสนั่ ขึน้ อยูกับพลังงานในการสน่ั และการไดย ินเสียงดงั คอ ยขึ้นอยูกบั พลังงาน ของแหลง กาํ เนดิ เสียง ของแหลง กําเนดิ เสยี ง เสยี งคอยขนึ้ อยูกบั ในการสั่นของ และระยะหางจาก และระยะหางจาก พลงั งานในการสั่นของ แหลงกําเนดิ เสียง แหลงกําเนิดเสียงถึงผูฟง แหลง กาํ เนดิ เสียงถึงผฟู ง แหลง กําเนดิ เสียง และระยะหางจาก ไดถ ูกตอง จากการชแ้ี นะ ไดถ ูกตองเพียงบางสวน และระยะหางจาก แหลงกาํ เนิดเสียงถึง จากครูหรือผูอ่ืน แมวาจะไดรับคําช้แี นะจาก แหลง กําเนิดเสียงถงึ ผูฟง ไดถ ูกตองทั้งหมด ครหู รือผอู ่ืน ผูฟง ดวยตนเอง สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

167 คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน ตาราง แสดงการวเิ คราะหทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 ตามระดบั ความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใชเ กณฑการประเมนิ ดงั น้ี ทกั ษะแหง รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรบั ปรงุ (1) ศตวรรษที่ 21 พอใช (2) C4 การสื่อสาร การนําเสนอเก่ียวกับ สามารถนําเสนอการ ส า ม า ร ถ นํ า เ ส น อ ก า ร สามารถนําเสนอการ ก า ร อ อ ก แ บ บ ก า ร ออกแบบการทดลอง ออกแบบการทดลองและ ออกแบบการทดลองและ ทดลองและการอธิบาย และอธิบายเก่ียวกับการ อธิบายเกี่ยวกับการเกิดและ อธิบายเก่ียวกับการเกิด เก่ียวกับการเกิดและ เกิดและการไดยินเสียง การไดยินเสียงดัง เสียงคอย และการไดยินเสียงดัง การไดยินเสียงดัง เสียง ดัง เสียงคอย โดยการ โดยการพดู เพอ่ื ใหผ ูอื่นเขาใจ เสียงคอย โดยการพูด ค อ ย โ ด ย ก า ร พู ด พูดเพ่ือใหผูอื่นเขาใจได ไดถูกตอง โดยอาศัยการ เพ่ือใหผูอ่ืนเขาใจไดเพียง เพอ่ื ใหผูอ ืน่ เขา ใจ ถู ก ต อ ง ชั ด เ จ น ด ว ย ชแี้ นะจากครหู รอื ผอู ื่น บางสวน แมวาจะได ตนเอง รับคําชี้แนะจากครูหรือ ผอู ื่น C5 ความ การทํางานรวมกับผูอ่ืน สามารถทํางานรวมกับ สามารถทํางานรวมกับผูอ่ืน สามารถทํางานรวมกับ รวมมือ ในการทําการทดลอง ผู อื่ น ใ น ก า ร ทํ า ก า ร ในการทําการทดลอง และ ผูอื่นเปนบางชวงเวลาที่ และรวมกันอภิปราย ทด ล อ ง แล ะ ร ว ม กั น รว มกนั อภิปรายเกี่ยวกับการ ทํากิจกรรม ทั้งนี้ตอง เกี่ยวกับการเกิดและ อภปิ รายเกยี่ วกับการเกิด เกิดและการไดยินเสียงดัง อาศัยการกระตุนจากครู การไดยินเสียงดัง เสียง และการไดยินเสียงดัง เสียงคอย รวมท้ังยอมรับ หรอื ผูอืน่ คอย รวมท้ังยอมรับ เ สี ย ง ค อ ย ร ว ม ทั้ ง ความคิดเห็นของผูอื่นบาง ความคดิ เหน็ ของผูอ ่นื ยอมรับความคิดเห็นของ ชวงเวลาทที่ าํ กิจกรรม ผู อ่ื น ต้ั ง แ ต เ ร่ิ ม ต น จ น สาํ เร็จ  สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 168 กจิ กรรมท่ี 1.4 มลพิษทางเสียงเปน อยา งไร กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเรียนรูวาเสียงท่ีมีความดังมากหรือเสียงท่ี กอใหเกิดความรําคาญเปนมลพิษทางเสียง การวัดระดับเสียง ทําได โดยใชเคร่ืองมือวัดระดับเสียง รวมทั้งการรวบรวมขอมูลและนําเสนอ แนวทางในการหลกี เลย่ี งและลดมลพษิ ทางเสยี ง เวลา 2 ชั่วโมง จุดประสงคการเรียนรู 1. วดั ระดับเสยี งโดยใชเ ครือ่ งวัดระดับเสยี ง 2. รวบรวมขอ มูลและนําเสนอแนวทางในการหลกี เล่ยี งและลด มลพษิ ทางเสยี ง วัสดุ อปุ กรณส ําหรบั ทํากจิ กรรม ส่งิ ที่ครตู องเตรียม/กลมุ กระดาษโปสเตอร 1 แผน ทักษะแหงศตวรรษที่ 21 สง่ิ ทีน่ ักเรยี นตองเตรยี ม/กลุม C4 การสอ่ื สาร C5 ความรวมมือ ปากกาเคมคี ละสี 1 กลอ ง C6 การใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร สือ่ การเรียนรแู ละแหลง เรียนรู S2 การวดั 1. หนงั สอื เรียน ป.5 เลม 1 หนา 65-68 S8 การลงความเห็นจากขอมูล S13 การตคี วามหมายขอมลู และลงขอสรปุ 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.5 เลม 1 หนา 73-76 3. แอปพลิเคชันเคร่ืองมือวัดระดับเสยี ง สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

169 คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน แนวการจัดการเรยี นรู ในการตรวจสอบความรู ครู เพียงรับฟงเหตุผลของนักเรียนและ 1. ครูตรวจสอบความรเู ดมิ ของนักเรยี นโดยอาจใชค าํ ถาม ดงั นี้ ยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวน 1.1 จงเรียงลําดับความดังของเสียงจากแหลงกําเนิดเสียงตอไปนี้ เสียง ใหนักเรียนไปหาคําตอบดวยตนเอง ลมหายใจปกติ เสียงจากลําโพง เสียงเครื่องบินกําลังข้ึน เสียง จากการอานเนอ้ื เรื่อง กระซิบแผวเบา (นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง เชน เสียง หายใจปกติ เสียงกระซิบแผวเบา เสียงจากลําโพง เสียงเคร่ืองบิน กําลังขน้ึ ) 1.2 นักเรียนทราบหรือไมวา เรามีวิธีวัดความดังของเสียงอยางไร (นกั เรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง) 1.3 ถานักเรียนจําเปนตองอยูในสถานที่ท่ีมีเสียงดังมาก ๆ นักเรียนจะมี วิธีปองกันหรือไม อยางไร (นักเรียนตอบตามความเขาใจของ ตนเอง) 2. นักเรียนอานชื่อกิจกรรม และ ทําเปนคิดเปน ในหนังสือเรียนหนา 65 จากน้ันครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อตรวจสอบความเขาใจ จดุ ประสงคใ นการทาํ กิจกรรม โดยครใู ชค าํ ถามดงั น้ี 2.1 กิจกรรมนี้นักเรยี นจะไดเรียนรูเรอื่ งอะไร (มลพษิ ทางเสียง) 2.2 นักเรียนจะไดเรียนรูเร่ืองน้ีดวยวิธีใด (การวัดระดับเสียง การรวบรวมขอมลู ) 2.3 เม่ือเรยี นแลวนกั เรียนจะทําอะไรได (วัดระดับเสียงโดยใชเคร่ืองมือ วัดระดับเสียง นําเสนอแนวทางในการหลีกเลี่ยงและลดมลพิษทาง เสยี ง) 3. นักเรียนบันทึกจุดประสงคลงในแบบบันทึกกิจกรรมหนา 73 และอาน สิ่งท่ตี อ งใชใ นการทํากิจกรรม 4. นักเรียนอา นทําอยางไร โดยครูใชวธิ ีฝกการอา นตามความสามารถของ นกั เรยี น แลว รวมกนั อภิปรายเพือ่ สรุปลําดบั ขนั้ ตอนของกจิ กรรมตาม ความเขาใจ โดยครูใชค ําถามดังตอไปน้ี 4.1 ในข้ันตอนแรก นักเรียนตองทําอะไร (ฟงเสียงจากวิทยุ โดยเปด เสียงวทิ ยใุ หด งั คอยแตกตา งกัน) 4.2 ในขั้นตอนตอมา นักเรียนตองทําอะไร (ฝกการใชเครื่องวัดระดับ เสียง เชน มิเตอรวัดระดับเสียง แอปพลิเคช่ันวัดระดับเสียง โดยวดั ระดับเสยี งทไี่ ดยิน นาํ เสนอผลและรวมกันอภิปรายเก่ียวกับ การวัดระดับเสยี ง)  สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูม อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลงั งาน 170 4.3 หลังจากฝกใชเคร่ืองมือวัดระดับเสียงแลว นักเรียนตองทําอะไร ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและ ตอ ไป (วัดระดบั เสียงในสถานทท่ี ีแ่ ตกตางกนั 3 แหง บนั ทกึ ผล) ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 ที่นักเรียนจะได 4.4 นักเรียนตอ งรวบรวมขอมูลโดยการสืบคนขอมูลและอานใบความรู ฝก จากการทํากจิ กรรม เกี่ยวกับเรอื่ งอะไร (ระดับเสียงและมลพษิ ทางเสยี ง) S2 การใชเคร่ืองมือวัดระดับเสียงวัด 4.5 หลังจากศึกษาเก่ียวกับระดับเสียงและมลพิษทางเสียงแลว ความดงั ของเสยี งในสถานทตี่ าง นักเรียนตองทําอะไรตอไป (ทําโปสเตอรนําเสนอแนวทางในการ หลกี เลีย่ งและลดมลพิษทางเสียง) S8 การลงความเห็นจากขอมูลวาเสียง ครอู าจใหนกั เรียนแบง หวั ขอ การสบื คน ขอมลู ดังนี้ ที่ดังเกินไปหรือเสียงท่ีกอใหเกิด ความราํ คาญเปนมลพิษทางเสียง - ความหมายของระดับเสยี ง หนว ยวัดระดบั เสยี ง C4 การสื่อส ารดว ยการนําเส น อ - ระดบั เสยี งของกจิ กรรมท่ีเกิดข้นึ ในชุมชน แนวทางในการหลีกเล่ียงและลด ม ล พิ ษ ท า ง เ สี ย ง ด ว ย วิ ธี ก า ร ที่ - ความหมายของมลพิษทางเสยี ง นา สนใจ - วธิ ปี องกันหรอื หลกี เลีย่ งมลพิษทางเสียง C5 ความรวมมือในการทํากิจกรรม สืบคน ขอมูล และนําเสนอ 5. หลังจากทํากิจกรรมแลว ครูนําอภิปรายผลการทํากิจกรรม โดยใช คําถามดังน้ี 5.1 เราสามารถบอกความดังของเสียงไดอยางไร (เราบอกความดังของ เสยี งดวยระดบั เสียง มีหนว ยวดั เปน เดซเิ บล) 5.2 กจิ กรรมในชุมชนแตละอยางมีระดบั เสียงอยางไรบาง จงยกตัวอยาง (เสียงกระซิบแผวเบา มีระดับเสียงประมาณ 20 เดซิเบล ถือวาเปน เสียงเบามาก เสียงจากเครื่องเจาะถนน มีระดับเสียงประมาณ 100 เดซิเบลถอื วา เปนเสยี งดัง) 5.3 มลพิษทางเสียงคืออะไร (เสียงท่ีดังมากจนทําใหเกิดอันตรายตอ อวัยวะภายในหู หรอื เสียงที่กอใหเ กิดความรําคาญแกผูฟง) 5.4 มลพิษทางเสียงมีผลขางเคียงตอสุขภาพ หรือไม อยางไร (มีผลตอ สุขภาพ คือ ทําใหเกิดความเครียด ปวดหัว โรคความดันโลหิตสูง ออนเพลีย โรคหัวใจ) 5.5 ถาไดยินเสียงดังกวาปกติตอเนื่องกันเปนเวลานาน จะทําใหเกิดผล อยางไร (ทําใหความสามารถในการไดยินลดลง อาจทําใหเกิด อาการหตู ึง หรอื หูหนวกได) 5.6 เรามวี ิธปี องกันอนั ตรายจากมลพิษทางเสียงไดอยางไร (สวมท่ีครอบ หู หรือไมฟ งเสียงดงั เปนเวลานานเกนิ ไป) สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

171 คูม อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน 6. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันออกแบบวิธีการนําเสนอ แนวทางในการหลีกเล่ียงและลดมลพิษทางเสียง เชน ทําโปสเตอร ระหวางน้ีครคู วรเดนิ สํารวจการทาํ กจิ กรรมและใหค ําแนะนาํ แกน ักเรียน 7. นักเรียนแตละกลุมติดแสดงผลงานของกลุมบริเวณผนังหองโดยมี ตัวแทนของกลุมยืนประจําคอยใหความรูแกนักเรียนกลุมอื่นท่ีมาศึกษา นักเรียนที่มาชมผลงานอาจเขียนขอเสนอแนะ หรือคําถามท่ีสงสัยบน แผน post it และติดบนแผนโปสเตอรนั้น แลวติดลงบนโปสเตอรของ เจา ของผลงาน 8. ครแู ละนักเรียนรว มกันอภิปรายเกีย่ วกับขอ เสนอแนะและคําถามที่สงสัย ซง่ึ รวบรวมจากแผน post it 9. ครูชักชวนนักเรียนรวมกันใหคะแนนใหกับผลงานแตละกลุมพรอมท้ัง คัดเลอื กผลงานของกลมุ ทีน่ าํ เสนอไดยอดเย่ียม 10. ครแู ละนักเรียนรวมกันอภิปรายสรุปผลการทํากิจกรรมซึ่งควรสรุปไดวา การวัดระดับเสียง หรือเสียงดัง เสียงคอยท่ีไดยิน ทําไดโดยใชเครื่องมือ วัดระดับเสียง มีหนวยเปนเดซิเบล มลพิษทางเสียงเปนเสียงดังท่ีทําให เกิดอันตรายตอหู ซึ่งข้ึนอยูกับระดับเสียงที่ไดยินและระยะเวลาที่ไดยิน เสยี งเปนเวลานาน หรือเสียงที่กอใหเกิดความรําคาญ เราควรหลีกเล่ียง มลพิษทางเสียง หรือใชเครื่องปองกันหากหลีกเล่ียงไมได เชน การใช ท่อี ดุ หู เปนตน (S13) 11.นกั เรียนรว มกนั อภปิ รายเพื่อตอบคําถามในฉันรูอะไร โดยครอู าจใช คาํ ถามเพ่ิมเติมในการอภปิ รายเพอ่ื ใหไ ดแ นวคําตอบท่ีถูกตอง 12.นกั เรยี นรวมกนั สรุปสง่ิ ท่ีไดเรียนรูในกจิ กรรมน้ี จากน้ันนกั เรยี นอานสง่ิ ที่ ไดเรยี นรู และเปรียบเทียบกับขอสรุปของตนเอง 13.ครูกระตุนใหนักเรียนฝกต้ังคําถามเก่ียวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู เพิ่มเติมใน อยากรูอีกวา จากนั้นครูอาจสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอ คาํ ถามของตนเองหนา ชั้นเรยี น และใหนักเรยี นรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ คาํ ถามท่ีนําเสนอ 14.ครูนําอภิปรายเพื่อใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบางและในขั้นตอน ใดบาง  สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน 172 15. นักเรียนรวมกันอานรูอะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียนหนา 69 ครูนํา อภิปรายเพ่ือนําไปสูขอสรุปเก่ียวกับส่ิงที่ไดเรียนรูในเร่ืองนี้ จากนั้นครู กระตุนใหนักเรียนตอบคาํ ถามในชวงทายของเนื้อเรื่อง ดังน้ี “ลองคิดดู สิวา ในชุมชนของเรามีบริเวณใดบางที่มีมลพิษทางเสียง และเราใน ฐานะที่เปนสมาชิกของชุมชน จะมีสวนชวยลดมลพิษทางเสียงได อยางไรบาง” นักเรียนตอบคําถามตามความคิดของตนเอง นอกจากนี้ ครูอาจใชคําถามเพ่ือเชื่อมโยงความรูไปยังบทตอไป ดังนี้ ในชวง เทศกาลเฉลิมฉลองมีการจุดประทัดหรือพลุซึ่งทําใหเกิดเสียงดัง นับเปนมลพิษทางเสียง นอกจากจะเปนอันตรายตออวัยวะในการรับ เสียง คือ หูของเราแลว เราอาจจะไดรับอันตรายจากการระเบิดหรือ ไดรับสารพิษดวย รูหรือไมวา ขณะจุดประทัดหรือพลุ มีการ เปลี่ยนแปลงทางเคมีอยางไร นักเรียนสามารถหาคําตอบไดจากการ เรียนในบทตอ ไป สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

173 คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม 1. วดั ระดบั เสยี งโดยใชเครื่องมือวดั ระดับเสยี ง 2. รวบรวมขอมลู และนําเสนอแนวทางในการหลีกเลย่ี งและลด มลพิษทางเสียง ผลท่ีไดจากการทาํ กิจกรรมของนักเรยี นในสถานท่จี รงิ เชน ในโรงอาหาร หอ งเรียน สนามกีฬา โรงอาหาร นกั เรียนรบั ประทานอาหาร 86.20 และพูดคยุ หองเรียน มีการเรยี นการสอน ทาํ 91.85 กจิ กรรม สนามกฬี า นักเรยี นทํากิจกรรม เลน กีฬา 104.95 หมายเหตุ: ผลการวัดระดับเสียงของนกั เรยี นอาจแตกตา งจากตวั อยา งในตาราง  สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 174 ผลการสืบคน ขอ มูลและการอานใบความรูต ามท่ีนักเรียนไดศึกษามาจริง เชน เสียงดัง เสยี งคอย บอกไดด วยระดบั เสียง มีหนวยเปนเดซิเบล มลพิษทางเสียง อาจเปนเสียง ดังมากจนทําใหเกิดอันตรายตอหู หรืออาจเปนเสียงท่ีทําใหเกิดความรําคาญ ระดับ เสียงที่เปนอันตรายตอมนุษย คือ ระดับเสียงที่สูงกวา 120 เดซิเบล การฟงเสียงดัง ติดตอกันเปนเวลานาน ก็เปนอันตรายเชนกัน เชน ฟงเสียงที่มีระดับเสียงตั้งแต 90 เดซเิ บล โดยฟงตดิ ตอกนั เปน เวลานานเกินกวา 8 ชั่วโมง หรือการฟงเสียงท่ีระดับ เสยี งตั้งแต 70 เดซิเบล* ตลอดเวลา วิธีการปอ งกนั อนั ตรายจากเสียง ทําไดโดยการ หลีกเล่ียงบริเวณท่ีมีเสียงดังมากและหลีกเล่ียงการฟงเสียงติดตอกันเปนเวลานาน ๆ หรอื สวมท่ีอดุ หู หรือที่ครอบหู เปน ตน (*อา งองิ ขอมูลจาก กรมควบคมุ มลพิษ) ระดับเสียง เปน ปริมาณท่ีบอกถงึ เสียงดัง คอยที่ไดย นิ เคร่อื งมอื วดั ระดับเสียง เปน เคร่ืองมือทบี่ อกใหร ูวา บรเิ วณนนั้ มเี สียงดงั เสียงคอยในระดบั ใด ถา เสียงดงั เกนิ ไป อาจเกดิ อันตรายตอหขู องเรา เราควรหลีกเลี่ยงบริเวณดังกลา ว สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

175 คมู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน ระดบั เสียงที่เปนอันตรายตอมนษุ ย คือ ระดับเสยี งทีส่ ูงกวา 120 เดซเิ บล หรอื ระดับ เสียงตงั้ แต 90 เดซเิ บล โดยฟงติดตอกนั เปนเวลานานเกินกวา 8 ช่ัวโมง หรอื ฟง เสยี ง ระดบั เสยี งต้ังแต 70 เดซิเบล* ข้นึ ไปอยตู ลอดเวลา การปอ งกันอันตรายจากเสียง ทําไดโ ดยการหลีกเลีย่ งการไดย นิ เสยี งดังติดตอกันเปน เวลานาน ๆ หรอื สวมที่อุดหู หรือท่คี รอบหู เปน ตน (*อางองิ ขอ มลู จาก กรมควบคุมมลพษิ ) มลพิษทางเสียงคอื เสียงท่ดี ังมากจนเปนอันตรายตอ หู หรือเสยี งทีก่ อใหเ กิด ความรําคาญตอ ผฟู ง เสียงดัง เสียงคอย บอกไดดว ยระดบั เสียง มีหนว ยเปน เดซิเบล มลพิษทางเสยี งอาจ เปนเสียงดงั มากจนทาํ ใหเ กดิ อันตรายตอหู หรอื อาจเปน เสียงที่ทาํ ใหเ กดิ ความ ราํ คาญ วิธีปอ งกนั มลพิษทางเสียง ทําไดหลายวิธี เชน การสวมที่ครอบหู หรือการ หลกี เลีย่ งบริเวณท่ีมเี สยี งดงั มาก มลพิษทางเสียงเปนเสยี งดังทีท่ ําใหเกิดอนั ตรายตอหู หรือเสียงท่ีกอใหเ กดิ ความ รําคาญ เราควรหลกี เลี่ยงมลพษิ ทางเสียง หรือใชเ ครื่องปองกัน การวดั ระดบั เสียง ทาํ ไดโ ดยใชเครื่องมือวัดระดับเสยี ง มหี นวยเปนเดซิเบล  สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 176 คําถามของนกั เรียนทต่ี ั้งตามความอยากรขู องตนเอง     สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

177 คูมือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน แนวการประเมินการเรียนรู การประเมนิ การเรยี นรูของนกั เรียนทําได ดงั นี้ 1. ประเมินความรเู ดิมจากการอภิปรายในชน้ั เรียน 2. ประเมนิ การเรียนรูจากคาํ ตอบของนักเรียนระหวางการจดั การเรยี นรูและจากแบบบนั ทึกกิจกรรม 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรและทักษะแหง ศตวรรษท่ี 21 จากการทาํ กจิ กรรมของนกั เรียน การประเมนิ จากการทาํ กจิ กรรมท่ี 1.4 มลพษิ ทางเสียงเปน อยางไร ระดบั คะแนน 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช รหัส สิง่ ท่ีประเมนิ ระดับคะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S2 การวัด S8 การลงความเห็นจากขอมูล S13 การตคี วามหมายขอมลู และลงขอสรุป ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การสื่อสาร C5 ความรว มมอื C6 การใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร รวมคะแนน  สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลงั งาน 178 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต ามระดบั ความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใชเ กณฑการประเมิน ดังนี้ ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) S2 การวัด การวัดระดบั เสียงโดย สามารถวัดระดับเสยี งโดย สามารถวดั ระดับเสียงโดย สามารถระบหุ นว ยของระดับ ใชเ คร่ืองมือวัดระดบั ใชเ คร่ืองมือวัดระดบั เสียง ใชเ คร่ืองมือวัดระดบั เสียง เสียงไดอยา งถูกตองดว ย เสยี ง และระบหุ นวย และระบุหนว ยของระดับ และระบุหนว ยของระดับ ตนเองแตไมส ามารถวัดระดบั ของระดบั เสียง เสียงไดถูกตองดว ยตนเอง เสยี งไดถ ูกตอง จากการ เสียงโดยใชเคร่ืองมือวัดระดับ ชแ้ี นะของครูหรือผอู นื่ เสยี งไดแมจะไดรับการชีแ้ นะ จากครูหรือผูอนื่ S8 การลงความเหน็ การลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก จากขอมลู ขอ มลู เก่ยี วกับเสยี งท่ี ขอ มลู วา เสียงท่ีดังเกนิ ไป ขอ มลู วา เสยี งที่ดังเกินไป ขอ มลู วา เสียงท่ีดงั เกนิ ไปหรือ ดงั เกินไปหรือเสียงท่ี หรอื เสยี งทีก่ อใหเกิดความ หรือเสยี งทกี่ อใหเกิดความ เสยี งที่กอใหเกิดความรําคาญ กอใหเ กิดความ ราํ คาญจัดเปนมลพิษทาง ราํ คาญจัดเปน มลพิษทาง จัดเปน มลพิษทางเสียงได ราํ คาญจัดเปน มลพิษ เสยี งไดถ ูกตองท้ังหมดดว ย เสยี งไดถูกตองทั้งหมด จาก ถูกตองเพยี งบางสวน แมว า จะ ทางเสยี ง ตนเอง การชแ้ี นะของครหู รือผูอ่ืน ไดรับคาํ ช้แี นะจากครูหรือผูอื่น S13 การ การตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมายขอมูล ตีความหมายขอมูล ขอ มลู จากการทํา ขอ มูลจากการทํากิจกรรม ขอ มลู จากการทํากจิ กรรม จากการทํากิจกรรมและลง และลงขอสรุป กิจกรรมและลง และลงขอสรปุ ไดว ามลพษิ และลงขอสรุปไดวา มลพษิ ขอสรุปไดว ามลพิษทางเสียง ขอ สรุปเกย่ี วกับ ทางเสียงเปนเสยี งดังที่ทาํ ทางเสียงเปนเสียงดังที่ทํา เปนเสียงดังท่ีทําใหเกิด ลักษณะของมลพษิ ใหเ กิดอันตรายตอหู ซึง่ ใหเกิดอันตรายตอหู ซ่ึง อนั ตรายตอหู ซงึ่ ขน้ึ อยูกบั ทางเสยี งและขอควร ขนึ้ อยกู ับระดับเสยี งและ ข้นึ อยูกับระดบั เสียงและ ระดับเสยี งและระยะเวลาที่ได ปฏบิ ัตใิ นการปองกนั ระยะเวลาที่ไดยินเสียง ระยะเวลาที่ไดย นิ เสียง ยินเสียง หรือเสียงที่กอใหเ กิด และหลีกเลยี่ งมลพิษ หรอื เสียงที่กอใหเ กิดความ หรือเสยี งที่กอใหเ กิดความ ความรําคาญเราควรหลีกเลี่ยง ทางเสยี ง การวัด ราํ คาญเราควรหลีกเลยี่ ง ราํ คาญเราควรหลกี เล่ยี ง มลพิษทางเสยี ง หรือใชเ ครื่อง ระดับเสยี งซ่ึงมีหนว ย มลพิษทางเสียง หรือใช มลพิษทางเสียง หรือใช ปอ งกันหากหลีกเลีย่ งไมได เปนเดซิเบล เคร่ืองปองกนั หาก เคร่ืองปองกนั หาก การวดั ระดบั เสียงทาํ ไดโดยใช หลกี เลี่ยงไมได การวดั หลกี เลี่ยงไมได การวดั เคร่ืองมือวัดระดับเสียง มี ระดับเสยี งทําไดโ ดยใช ระดับเสียงทําไดโดยใช หนวยเปนเดซิเบลไดถูกตอง เคร่ืองมือวัดระดับเสียง มี เคร่ืองมือวดั ระดับเสยี ง มี เพยี งบางสวน แมวาจะได หนว ยเปน เดซิเบลได หนว ยเปน เดซิเบลได รบั คาํ ช้ีแนะจากครูหรือผูอ่นื ถกู ตองทั้งหมดดวยตนเอง ถูกตองทั้งหมด จากการ ชี้แนะจากครูหรือผูอ่ืน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

179 คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลงั งาน ตาราง แสดงการวิเคราะหท ักษะแหงศตวรรษที่ 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเกณฑการประเมนิ ดงั น้ี ทักษะแหง รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1) ศตวรรษท่ี 21 พอใช (2) C4 การสอื่ สาร การนําเสนอเก่ียวกับ ส า ม า ร ถ นํ า เ ส น อ สามารถนําเสนอเกี่ยวกับ ส า ม า ร ถ นํ า เ ส น อ แ น ว ท า ง ใ น ก า ร เกี่ยวกับแนวทางในการ แนวทางในการหลีกเลี่ยง เก่ียวกับแนวทางในการ ห ลี ก เ ลี่ ย ง แ ล ะ ล ด หลีกเลี่ยงและลดมลพิษ และลดมลพิษทางเสียง หลีกเลี่ยงและลดมลพิษ มลพิษทางเสียงเพื่อให ทางเสียงเพื่อใหผูอื่น เพ่ื อใ ห ผูอื่ นเ ข าใ จด ว ย ทางเสียงเพื่อใหผูอ่ืน ผูอ่ืนเขาใจดวยวิธีการ เ ข า ใ จ ด ว ย วิ ธี ก า ร ท่ี วธิ กี ารท่นี า สนใจ โดยอาศัย เ ข า ใ จ ด ว ย วิ ธี ก า ร ที่ ทีน่ าสนใจ นา สนใจ ไดด ว ยตนเอง การช้ีแนะจากครูหรือผูอ ืน่ ชัดเจนและไมนาสนใจ แมวาจะไดรับคําชี้แนะ จากครูหรือผอู นื่ C5 ความ การทํางานรวมกับ สามารถทํางานรวมกับ สามารถทาํ งานรวมกับผูอ่ืน สามารถทํางานรวมกับ รวมมอื ผู อื่ น ใ น ก า ร ทํ า ผูอ่ืนในการทํากิจกรรม ในการทํากิจกรรมและ ผูอื่นในการทํากิจกรรม กิจกรรมและรวมกัน และรวมกันนําเสนอ รวมกันนําเสนอแนวทางใน แ ล ะ ร ว ม นํ า เ ส น อ นําเสนอแนวทางใน แ น ว ท า ง ใ น ก า ร ก า ร ห ลี ก เ ล่ี ย ง แ ล ะ ล ด แ น ว ท า ง ใ น ก า ร การหลีกเลี่ยงและลด หลีกเลี่ยงและลดมลพิษ มลพิษทางเสียงดวยวิธีการ หลีกเล่ียงมลพิษทาง มลพิษทางเสียงดวย ทางเสียงดวยวิธีการท่ี ท่ีนาสนใจ รวมทั้งยอมรับ เสียงไดเปนบางชวงเวลา วิธกี ารที่นา สนใจ นาสนใจ รวมทั้งยอมรับ ความคิดเห็นของผูอื่นเปน ท่ีทํากิจกรรม ท้ังน้ีตอง ความคิดเห็นของผูอ่ืน บางชวงเวลาทที่ ํากจิ กรรม อาศัยการกระตุนจากครู ตง้ั แตเร่มิ ตนจนสําเร็จ หรอื ผูอ ่ืน C6 การใช ก า ร สื บ ค น ข อ มู ล สามารถสืบคนขอมูล ส า ม า ร ถ สื บ ค น ข อ มู ล สามารถสืบคนขอมูล เทคโนโลยี เกี่ยวกับระดับเสียง เก่ียวกับระดับเสียงและ เกี่ยวกับระดับเสียงและ เกี่ยวกับระดับเสียงและ สารสนเทศและ และมลพิษทางเสียง มลพิษทางเสียงจาก มลพิษทางเสียงจากแหลง มล พิษทางเสียงจาก การสื่อสาร จากแหลงเรียนรูตางๆ แหลงเรียนรูตาง ๆ ท่ี เรยี นรตู าง ๆ ทน่ี าเชื่อถือได แหลงเรียนรูตาง ๆ ท่ีไม ที่นาเชอ่ื ถือ นา เช่ือถอื ไดด ว ยตนเอง โดยอาศัยการชี้แนะจากครู นาเชือ่ ถอื แมว าจะไดรับ หรือผูอืน่ การชี้แนะจากครูหรือ ผูอ ่ืน  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยที่ 2 แรงและพลังงาน 180 กจิ กรรมทายบทท่ี 2 เสยี ง (1 ชว่ั โมง) 1. ครูใหนักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปส่ิงท่ีไดเรียนรูจากบทน้ี ในแบบ บันทึก กิจกรรมหนา 77 2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปส่ิงท่ีไดเรียนรูของตนเองโดยเปรียบเทียบกับ ผงั มโนทศั นในหวั ขอ รอู ะไรในบทนี้ ในหนงั สือเรยี นหนา 71 3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบคําตอบของตนเองในสํารวจความรูกอนเรียน ใน แบบบันทึกกิจกรรม หนา 50-51 อีกคร้ัง ถาคําตอบของนักเรียนไมถูกตอง ใหขีดเสนทับขอความเหลาน้ัน แลวแกไขใหถูกตอง หรืออาจแกไขคําตอบ ดวยปากกาที่มีสีตางจากเดิม นอกจากนี้ครูอาจนําคําถามในรูปนําบทใน หนังสอื เรยี นหนา 48 มารวมกันอภปิ รายคําตอบอีกคร้งั 4. นักเรียนทํา แบบฝกหัดทายบทท่ี 2 เสียง ในแบบบันทึกกิจกรรมหนา 78- 79 จากน้ันนําเสนอคําตอบหนาชั้นเรียน ถาคําตอบยังไมถูกตองครูควรนํา อภิปรายหรือใหส ถานการณเพ่มิ เตมิ เพือ่ แกไ ขแนวคดิ คลาดเคล่ือนใหถูกตอง 5. นักเรียนรวมกันทํากิจกรรม รวมคิด รวมทํา โดยรวมกันคิดประดิษฐเคร่ือง ดนตรีจากวัสดุเหลือใชใหเคร่ืองดนตรีน้ันสามารถเลนใหมีเสียงสูง เสียงต่ํา ตางกนั ได นักเรียนจะออกแบบประดิษฐเครอื่ งดนตรีน้นั อยา งไร 6. นักเรียนอานและอภิปรายเน้ือเรื่องในหัวขอวิทยใกลตัว ในหนังสือเรียน หนา 73 โดยครูกระตุนใหนักเรียนเห็นความสําคัญของความรูจากสิ่งที่ได เรียนรูในหนวยนี้ วาสามารถนําไปใชประโยชนในชีวิตประจําวันไดอยางไร บาง เชน เสียงจากสายกีตาร ที่มีเสียงสูง เสียงต่ํา เกิดจากขนาดและความ ยาวของสายกีตาร สวนเสียงดัง เสียงคอย เกิดจากแรงในการดีดสายกีตาร ครูแนะนําใหนกั เรียนสังเกตเคร่ืองดนตรีที่ไมมีสาย เชน ขลุย นักดนตรีจะทํา ใหขลุยเกิดเสียงสูง เสียงต่ํา เสียงดัง เสียงคอย ที่แตกตางกันไดหรือไม อยา งไร (นกั เรยี นตอบตามความเขาใจของตนเอง โดยใชความรูจากเรื่องท่ีได เรยี นมา เชน การทาํ ใหขลยุ เกิดเสยี งสูง เสยี งตํ่า ท่ีแตกตางกัน ทําไดโดยการ ปดท่ีบริเวณรูตาง ๆ ที่อยูท่ีตัวขลุย เพื่อกําหนดมวลของอากาศท่ีนักดนตรี เปาลมเขา ไปในขลุย โดยถา กําหนดใหม วลของอากาศมาก เสียงของขลุยที่ได ยินจะเปนเสียงตํ่า แตถากําหนดใหมวลของอากาศนอย เสียงของขลุยท่ีได ยินจะเปนเสียงสูง สวนการทําใหขลุยเกิดเสียงดัง เสียงคอยน้ัน ขึ้นอยูกับ พลงั งานท่นี ักดนตรีเปาลมเขาไปในขลุย ถาเปาโดยใชพลังงานมาก เสียงที่ได ยนิ จะดงั แตถ า เปา โดยใชพลงั งานนอ ย เสยี งทไ่ี ดยนิ จะคอยนั่นเอง) สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

181 คมู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยที่ 2 แรงและพลังงาน สรปุ ผลการเรยี นรูข องตนเอง รูปหรือขอความสรปุ ส่ิงท่ีไดเ รยี นรจู ากบทนต้ี ามความเขาใจของนักเรยี น  สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 แรงและพลังงาน 182 แนวคาํ ตอบในแบบฝกหดั ทายบท เสียงจากโลมาตัวหนงึ่ เคลือ่ นท่ผี า นตวั กลางของเสยี ง คือ นํ้า ไปยังอวยั วะรบั เสียงของโลมาอีกตวั หนึ่ง การเติมนํา้ ลงไปในขวดทลี ะนอ ยเปน การเพิ่มมวลรวมของขวดแกว เม่อื เราใชไมเ คาะขวดบรเิ วณเดมิ จะทําใหเ สียงท่ไี ดยนิ ตํ่าลง ๆ เพราะ ความถ่ใี นการสนั่ ของวัตถุนอยลงเร่ือย ๆ สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

183 คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 1 | หนวยท่ี 2 แรงและพลังงาน นกั เรียนอาจตอบขอ ค เพราะในสถานท่ีกอสรางทม่ี ีการขุดเจาะพ้นื จะมีเสยี งดงั มากทสี่ ุดซง่ึ อาจเปน อนั ตรายตอ หู แตอยา งไรกต็ าม นักเรยี นอาจตอบขออนื่ ทง้ั นี้ขนึ้ อยูกับเหตผุ ลประกอบ  สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 1 | บรรณานุกรม หนวยที่ 2 184 บรรณานุกรม (หนวยที่ 2) Chee, C. T. (1996). Common Misconception in Frictional Force among University Physics Students. Teaching and Learning. 16(2). 107-116. Ozkan, G. (2013). The use of conceptual change texts as class material in the teaching of “sound” in physics. Asia-Pacific Forum on Science Learning and Teacning, 14(1). Retrived from https://www.edu hk.hk/apfslt/download/v14_issue1_files/ozkan.pdf Weiler, B. (1998). Children’s misconceptions about Sound. Retrived from http://amasci.com/miscon /opphys.html ขจรศักด์ิ บัวระพันธ และ เพ็ญจันทร ซิงห (2550). แนวคิดคลาดเคล่ือนจากแนวคิดทางวิทยาศาสตรเก่ียวกับแรงและการ เคลือ่ นท่ี. วารสารศกึ ษาศาสตรป รทิ ศั น. 22(3). 49-63. ขจรศักดิ์ บัวระพันธ, เพ็ญจันทร ซิงห และ วรรณทิพา รอดแรงคา (2549). การพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับแรงและการเคล่ือนท่ี ของวัตถุของนักศึกษาครูวิชาเอกฟสิกสชั้นปที่ 3 ดวยกิจกรรมการเรียนรูแบบสรางองคความรูดวยตนเอง. วารสาร สงขลานครินทร ฉบบั สงั คมศาสตรและมนษุ ยศาสตร. 12(1). 97-119. สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

พบกบั หนว ยที่ 3 เร็ว ๆ น้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook