Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แบบบันทึกหน่วยการเรียนรู้ที่ ๑

แบบบันทึกหน่วยการเรียนรู้ที่ ๑

Published by กิติศักดิ์ ส., 2019-11-11 09:24:57

Description: แบบบันทึกหน่วยการเรียนรู้ที่ ๑

Search

Read the Text Version

แบบบนั ทึกหน่วยการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรู้ ๑ เรอื่ ง เรียนร้หู ลกั ประจกั ษภ์ าษา รหสั วชิ า ท31101 วชิ า ภาษาไทยพืน้ ฐาน ๑ กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๑๕ ชัว่ โมง ๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษา และ พลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ ตวั ช้วี ดั ท ๔.๑ ม.๔ -๖/๑ อธิบายธรรมชาติของภาษา พลังของภาษา และลักษณะของภาษา ท ๔.๑ ม.๔ -๖/๒ ใช้คำและกลมุ่ คำสร้างประโยคตรงตามวตั ถุประสงค์ ท ๔.๑ ม.๔ -๖/๓ ใช้ภาษาเหมาะสมแกโ่ อกาส กาลเทศะ และบุคคล รวมทง้ั คำราชาศพั ท์ อย่างเหมาะสม ท ๔.๑ ม.๔ -๖/๔ แต่งบทร้อยกรอง ท ๔.๑ ม.๔ -๖/๕ วเิ คราะห์อิทธพิ ลของภาษาต่างประเทศและภาษาถิ่น ท ๔.๑ ม.๔ -๖/๖ อธบิ ายและวิเคราะห์หลักการสรา้ งคำในภาษาไทย ท ๔.๑ ม.๔ -๖/๗ วเิ คราะหแ์ ละประเมินการใช้ภาษาจากสือ่ สง่ิ พิมพ์และสอื่ อิเล็กทรอนิกส์ สาระสำคญั ภาษา เป็น สิ่งใกลต้ ัวเราจนอาจไม่เห็นความสำคัญ แต่ถ้าไม่มภี าษา เราก็ตดิ ต่อส่ือสารกับคน อน่ื ไมไ่ ด้ นนั้ คือธรรมชาตขิ องภาษา ประกอบด้วย เสยี งในภาษา เสียงกับความหมายท่สี ัมพันธก์ นั และหนว่ ย เสยี งในภาษา จึงทำให้เกิดเป็นพลังของภาษาที่ช่วยธำรงสงั คม แสดงถึงปัจเจกบคุ คล จรรโลงใจ และชว่ ย พฒั นามนษุ ย์ ใหเ้ ป็นมนุษยท์ ่สี มบรู ณ์ ซึ่งสงิ่ เหล่านี้เปน็ ลกั ษณะของภาษาไทย ซึ่งมีการสร้างคำ วลี และประโยค ซ่งึ การสรา้ งคำ เปน็ การเกดิ คำข้นึ มาใหมท่ ้ัง คำประสม คำซอ้ น คำประสาน คำผสม โครงสร้างวลี และ โครงสร้างประโยค เพ่อื นำมาใช้ให้ถกู ตอ้ งตามวัตถุประสงค์ รู้จักการเลือกสรรคำมาใชใ้ ห้เหมาะแกฐ่ านะ บคุ คล และโอกาส รวมถึงการใช้คำนามราชาศพั ท์ คำกริยาราชาศพั ท์ ให้ถกู ต้องตามหลกั การ และสามารถประยุกต์ ภาษาถน่ิ หรือภาษาทีไ่ ด้รับอิทธพิ ลมาจากต่างประเทศมาใช้ให้ถูกต้อง และวิเคราะห์ภาษาจากสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ หรอื สอื่ สง่ิ พมิ พ์ได้อยา่ งสรา้ งสรรค์ สาระการเรยี นรู้ ความรู้ ๑. ธรรมชาตขิ องภาษา พลังของภาษา และลกั ษณะของภาษา ๒. การสรา้ งคำมูล กลุ่มคำ และเรียบเรยี งประโยค ๓. การเขียนสะกดคำ ๔. ระดับภาษา พธิ กี าร ทางการ ก่งึ ทางการ และสนทนา ๕. หลักการสร้างคำนานและคำกริยาราชาศัพท์ และการใช้สรรพนามราชาศัพท์ ๖. หลกั การสงั เกตและลักษณะของคำไทยแท้ ๗. หลกั การสงั เกตและหลกั การสรา้ งคำภาษาบาลีและสันสกฤต ๘. หลกั การแตง่ และฉนั ทลักษณ์ประเภทโคลงส่ีสุภาพ

ทกั ษะกระบวนการ ๑. อธบิ ายธรรมชาตขิ องภาษา เสียงในภาษาและยกตวั อย่างองคป์ ระกอบของ พยางค์และคำ ๒. สร้างคำมลู ใช้คำและกลมุ่ คำมาเรยี บเรียงเปน็ ประโยค ๓. สรา้ งประโยคจากคำและกลุ่มคำ และวิเคราะหโ์ ครงสร้างประโยค ๔. สร้างชนิดของประโยคจากคำและกลมุ่ คำ และวเิ คราะหช์ นิดของประโยค ๕. เขยี นสะกดคำ วิเคราะหห์ ลักการใช้วรรณยุกต์ตามไตรยางค์ และใชค้ ำพอ้ ง เสยี งในการแตง่ ประโยค ๖. ทักษะการใชภ้ าษาตามระดบั ภาษา และวิเคราะหร์ ะดับภาษา ๗. สร้างคำนามและคำกรยิ าราชาศพั ท์ และใช้คำสรรพนามราชาศพั ท์ ๘. อธบิ ายลักษณะคำไทยแท้ และจำแนกคำไทยแท้จากภาษาอ่นื ๙. สร้างคำบาลแี ละสนั สกฤต และวิเคราะหห์ ลักการสรา้ งคำบาลแี ละสันสกฤต ๑๐. แตง่ โคลงสส่ี ุภาพ สมรรถนะสำคญั สมรรถนะสำคัญท่ี ๑ ความสามารถในการส่ือสาร ตวั ช้ีวัดที่ ๑ ใชภ้ าษาถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ความคดิ และทัศนะของตนเอง ด้วยการพดู และการเขียน สมรรถนะสำคญั ท่ี ๒ ความสามารถในการคิด ตัวช้วี ัดท่ี ๑ คิดพนื้ ฐาน (การคดิ วเิ คราะห์) สมรรถนะสำคญั ที่ ๕ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ตัวช้ีวดั ท่ี ๑ เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยเี พอ่ื พฒั นาตนเองและสังคม คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ขอ้ ที่ ๔ ใฝ่เรยี นรู้ ตวั ช้ีวัดท่ี ๔.๑ ตั้งใจ เพยี รพยายาม ในการเรียนและเข้ารว่ มกิจกรรม พฤติกรรมบ่งชี้ ๑. ตัง้ ใจเรียน ๒. เอาใจใส่และมีความเพียรพยายามในการเรยี นรู้ ๓. สนใจเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นร้ตู า่ ง ๆ ข้อที่ ๖ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน ตัวชี้วดั ท่ี ๖.๑ ต้งั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏบิ ตั ิหน้าที่การงาน พฤติกรรมบง่ ช้ี ๑. เอาใจใส่ตอ่ การปฏบิ ัตหิ น้าที่ท่ีไดร้ ับมอบหมาย ๒. ตั้งใจและรับผิดชอบในการทำงานไดแ้ ล้วเสรจ็ ๓. ปรบั ปรุงและพฒั นาการทำงานดว้ ยตนเอง

อ่าน คิดวเิ คราะห์ เขยี น การอา่ น ตัวชี้วัดท่ี ๑ สามารถอา่ นเพือ่ การศึกษา คน้ ควา้ เพมิ่ พนู ความรู้ ประสบการณ์และ การประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจำวัน การคดิ วิเคราะห์ ตัวชว้ี ัดท่ี ๓ สามารถวเิ คราะห์สงิ่ ทผี่ เู้ ขยี นตอ้ งการสอ่ื สารกบั ผู้อา่ น และสามารถ วิพากษ์ ใหข้ ้อเสนอแนะในแงม่ ุมตา่ ง ๆ การเขียน ตัวชี้วัดท่ี ๕ สามารถเขยี นแสดงความคิดเห็น โต้แย้ง สรุป โดยมีข้อมูลอธิบาย สนับสนุนอย่างเพียงพอและสมเหตสุ มผล ๒. การประเมินผลรวบยอด ช่ือภาระงานรวบยอด : สมุดภาพรวบรวมคำท่ีเขยี นผดิ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๑ เรื่อง เรียนรู้ประจกั ษภ์ าษา เวลาเรยี น ๑๕ ชั่วโมง เวลาปฏิบตั ภิ าระงานรวบยอด เวลา ๑ ช่ัวโมง คะแนนในหน่วยการเรยี นรู้ ๑๐ คะแนน ลกั ษณะงาน กำหนดให้นกั เรยี นแบง่ กลุม่ กลุ่มละ ๓ – ๕ คน สรา้ งสมุดภาพรวบรวมคำท่ีเขยี นผิด กลมุ่ ละ ๑ เลม่ ประเดน็ การประเมิน (มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด) ประเด็นการประเมนิ ระดบั คุณภาพ ดี (๓ คะแนน) พอใช้ (๒ คะแนน) ปรบั ปรุง (๑ คะแนน) สรา้ งสมุดภาพ อธิบายหลกั การสร้าง บกพรอ่ ง ๑ รายการ บกพรอ่ งมากกว่า ๑ รวบรวมคำทเี่ ขยี นผดิ คำ วิเคราะห์ จำแนก รายการ ท๔.๑ ม๔-๖/๖ และนำคำไปใชไ้ ด้ อธิบายและวิเคราะห์ ถกู ตอ้ งตาม หลักการสรา้ งคำใน วตั ถปุ ระสงค์ ภาษาไทย ๑. อธบิ ายหลักการ สรา้ งคำ ๒. วิเคราะห์คำที่ เขียนถูกและเขยี นผิด ไดถ้ กู ต้อง

ท๔.๑ ม๔-๖/๒ นำคำทีเ่ ขียนผิดมาใช้ นำคำท่เี ขียนผดิ มาใช้ นำคำที่เขยี นผดิ มาใช้ ในประโยคไดไ้ มต่ รง ใช้คำและกลุ่มคำสร้าง ในประโยคไดต้ รงตาม ในประโยคได้ไมค่ ่อย ตามจุดประสงค์ ประโยคตรงตาม จุดประสงค์ ตรงตามจดุ ประสงค์ วตั ถปุ ระสงค์ ตกแต่งสวยงามสมุด ภาพสวยงาม สะอาด เปน็ ระเบยี บ เกณฑ์การตัดสิน ได้คะแนน ๑๐ – ๘ คะแนน เท่ากับ ระดบั ๓ เกณฑก์ ารผ่าน ได้คะแนน ๗ – ๕ คะแนน เท่ากับ ระดบั ๒ เท่ากับ ระดบั ๑ ไดค้ ะแนน ๔ – ๒ คะแนน ไดค้ ะแนน ระดับ ๒ ข้นึ ไป ประเดน็ การประเมิน (มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ัด) ข้อท่ี ๔ ใฝ่เรียนรู้ ตัวชว้ี ัดที่ ๔.๒ แสวงหาความรู้จากแหล่งการเรยี นรู้ เลอื กใช้ส่ืออยา่ งเหมาะสมสรปุ องค์ความรแู้ ละสามารถ นำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้ ประเด็นการประเมิน ระดบั คุณภาพ ดเี ย่ยี ม ดี ผ่าน ไมผ่ า่ น แสวงหาความรู้ความรู้ ศึกษาวิธกี าร ศึกษาวิธีการ ศกึ ษาวิธกี าร ไมส่ ามารถศึกษา จากแหล่งการเรียนรู้ วเิ คราะห์ จำแนก วเิ คราะห์ จำแนก วิเคราะห์หลักการ วธิ ีการวเิ คราะห์ เลอื กใช้สอ่ื อยา่ ง และหลกั การใช้คำ และหลักการใช้ ใช้คำได้ หลักการใช้คำได้ เหมาะสมสรปุ เป็นองค์ พรอ้ มทั้งบอก คำ ไม่ ความรแู้ ละสามารถ รายละเอยี ดจาก รายละเอยี ดและ นำไปใชใ้ น การศกึ ษาได้อยา่ ง ชัดเจน ชวี ติ ประจำวนั ได้ ชดั เจน

แบบประเมนิ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ คำช้ีแจง ให้นกั เรียนเขยี นเคร่ืองหมาย √ ลงในช่องวา่ งท่ตี รงกบั ความเปน็ จรงิ เกณฑก์ ารให้คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างบ่อยครงั้ ให้ ๓ คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างบางคร้งั ให้ ๒ คะแนน ไม่ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรม ให้ ๑ คะแนน ความสามารถด้าน พฤตกิ รรมทแ่ี สดงออก ระดบั พฤติกรรม ความสามารถในการ ๔๓๒๑ สอื่ สาร ๑.๑ มีความสามารถในการรบั -ส่งสาร ๑.๒ มคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความสามารถในการ ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม ใชเ้ ทคโนโลยี ๑.๓ ใช้วิธกี ารสื่อสารท่เี หมาะสม มปี ระสทิ ธิภาพ ๑.๔ เจรจาต่อรอง เพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้ง ตา่ งๆ ได้ ๑.๕ เลอื กรบั และไม่รบั ขอ้ มลู ข่าวสารดว้ ยเหตุผลและ ถกู ตอ้ ง ๒.๑ เลือกและใชเ้ ทคโนโลยใี นการเรียนรู้ ๒.๒ เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยีในการสอื่ สาร ๒.๓ เลอื กใช้และเทคโนโลยใี นการทำงาน ๒.๔ เลือกและใช้เทคโนโลยีอยา่ งสร้างสรรค์ ๒.๕ เลือกและใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งมีคณุ ธรรม คะแนนรวม คะแนนรวมทงั้ หมด สรุปผลการประเมนิ เขยี นเครอ่ื งหมาย √ ลงในชอ่ งว่าง เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ดมี าก (๒๐ – ๑๕) ดี (๑๔ – ๑๐) พอใช้ (๙ – ๕) ปรับปรุง (๔ – ๐) หมายเหตุ การหาระดบั คณุ ภาพหาไดจ้ ากการนำคะแนนรวมในแตล่ ะช่องมาบวกกัน จะไดค้ ะแนนรวมทงั้ หมดแลว้ นำมาเทยี บกบั เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

แบบประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น วิชาภาษาไทยพนื้ ฐาน ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ คำชแี้ จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงใน ชอ่ งว่างท่ีตรงกับระดบั คะแนน ประเด็นการประเมนิ รายการประเมิน ระดบั คุณภาพ ๓๒๑๐ การอา่ น สามารถจับประเด็นสำคัญลำดับเหตกุ ารณ์จากการ อ่านสอื่ ท่มี ีความซับซอ้ น การเขยี น สามารถเขียนแสดงความคดิ เห็น โตแ้ ย้ง สรปุ โดยมี ขอ้ มูลอธิบายสนบั สนนุ อย่างเพียงพอและ สมเหตุสมผล เกณฑ์การให้คะแนน ให้ ๓ คะแนน (ดเี ยยี่ ม) พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ ๒ คะแนน (ด)ี พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติชัดเจนและบอ่ ยคร้งั ให้ ๑ คะแนน (ผ่าน) พฤติกรรมที่ปฏิบตั บิ างครั้ง ให้ ๐ คะแนน (ไม่ผา่ น) ไม่มพี ฤตกิ รรมดังกลา่ ว

๓. การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ขั้นน คร้ังท่ี มาตรฐานการ ๑. บอกธรรมชาติของภาษาไทยได้ ขั้นก (เวลา) เรียนร/ู้ ตวั ช้วี ัด ๒. บอกส่วนประกอบของภาษาได้ ๓. อธิบายธรรมชาตขิ องภาษาไทยได้ –๖ ๑ ท ๔.๑ ม. ๔ – ๖/๑ ๔. อธบิ ายเสียงในภาษาได้ จนถ (๑ ชว่ั โมง) ๕. ยกตัวอย่างองคป์ ระกอบของพยางค์ กลุ่ม และคำ ภาย ๖. รักความเปน็ ไทย กัน ดังน ชีวติ สิ่งแ

กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื การเรียนร้/ู แหลง่ การเรยี นรู้ นำเขา้ สู่การเรียนรู้ ๑. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันสนทนา โดยครูใช้คำถาม ดังนี้ ๑. หนงั สอื เรียน - นักเรยี นรจู้ ักภาษาประจำชาติของประเทศใดบ้าง ภาษาไทยพนื้ ฐาน - นกั เรียนคิดวา่ ภาษาไทยมีความสำคัญอยา่ งไร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ ๒.โทรศัพท์มือถอื ใช้ กิจกรรมการเรียนรู้ ในการสบื ค้นข้อมลู ๒. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม โดยจับสลากหมายเลขที่ครกู ำหนดให้ ๑ ๓. ใบงาน เรือ่ ง ธรรมชาตขิ องภาษา ๖ ใหน้ ักเรียนที่ไดห้ มายเลข ๑ รวมกล่มุ กนั เป็น ๑ กล่มุ ทำเชน่ นี้ ถงึ หมายเลข ๖ จากนนั้ เขียนช่ือกลุ่ม สมาชกิ ภายในกลุ่ม เรียกวา่ มบ้าน และกำหนดหมายเลขตามลำดบั สมาชิก ๑ – ๖ อกี คร้งั ยในกลมุ่ ๓. นกั เรยี นทเี่ ขียนช่อื ในลำดับที่ ๑ ทกุ กลุ่มออกมารวมกลุ่ม เรียกวา่ กลุ่มเช่ยี วชาญ จากนั้นนกั เรียนกลุ่มเชยี่ วชาญศกึ ษาหวั ข้อ น้ี กลุ่มหมายเลข ๑ ศกึ ษา ภาษาความหมายอย่างกวา้ ง กลมุ่ หมายเลข ๒ ศึกษา ภาษาความหมายของแคบ กลมุ่ หมายเลข ๓ ศกึ ษา ภาษาใช้เสยี งส่อื ความหมาย กลุ่มหมายเลข ๔ ศึกษา การออกเสยี งพูดจาใน ตประจำวนั กลุ่มหมายเลข ๕ ศกึ ษา ความเปล่ยี นแปลงของ แวดลอ้ ม กลุ่มหมายเลข ๖ ศกึ ษา อิทธพิ ลของภาษา

ครัง้ ที่ มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด หมา และ ทไี่ ด เพ่ือ บา้ น และ ใหเ้ ว เวลา อีกค ผู้เช ภาย ปญั มอื ท ศึกษ ประ กลมุ่

กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นร/ู้ แหล่งการเรยี นรู้ ๔. นักเรียนภายในกลุ่มเชย่ี วชาญศึกษาหัวขอ้ ตามกลุม่ ายเลขจากหนังสือเรยี นหลักภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๔ ะแหล่งเรยี นรอู้ อนไลน์ เว็บไซต์ หรอื คำแนะนำจากครู ๕. นักเรียนภายในกลุ่มผู้เชยี่ วชาญ ช่วยกนั อภปิ รายประเด็น ด้รบั ซึ่งครเู ป็นผคู้ อ่ ยแนะนำใน การอภิปรายของแตล่ ะกลุ่ม อให้นกั เรียนนำความร้ทู ่ไี ดร้ ับจากกลมุ่ ผู้เช่ยี วชาญไปอธิบายกบั กล่มุ นได้ ๖. ครแู จกใบงานที่ ๑ เร่อื ง ธรรมชาตขิ องภาษา ใหน้ ักเรยี น ะนักเรียนกลุ่มผเู้ ชี่ยวชาญกลับมายังกลุม่ บ้านของตนเอง จากนั้นครู วลาในการอภปิ รายภายในกลุ่มบ้านจากประเด็นท่ีศึกษามา โดยให้ า ๑๐ นาที ในการอภิปราย ๗. ครูใหน้ ักเรียนภายในกล่มุ บ้านกลบั มายงั กลมุ่ ผเู้ ช่ียวชาญ ครง้ั เพ่ือนำปัญหาจากการอภปิ รายภายในกล่มุ บ้านกลับมายงั ชยี่ วชาญ เพอ่ื ทำการปรกึ ษาหารอื ประเดน็ ทกี่ ลุ่มบ้านไมเ่ ขา้ ใจ และ ยในกลมุ่ ผเู้ ชยี่ วชาญตอ้ งใหค้ ำแนะนำ เม่อื สมาชกิ ภายในกล่มุ มี ญหา จากนัน้ ทำซำ้ เหมือนกับข้นั การสอนท่ี ๖ และ ๗ ๘. นกั เรยี นอภิปรายภายในกลุ่มบา้ นแลว้ นั้น และนกั เรยี นลง ทำใบงาน เร่อื ง ธรรมชาตขิ องภาษา พร้อมกบั ยกตัวอยา่ งทกุ หัวข้อ ๙. นักเรียนสง่ ตวั แทนภายในกลุ่มพูดสรปุ ประเดน็ ไดท้ ่ไี ป ษาเปน็ แบบภาพรวม เร่ือง ธรรมชาติ ของภาษา และเลอื กมา ๑ ะเด็นในการยกตวั อยา่ ง ซึง่ ประเด็นท่ยี กตัวอย่างนน้ั จะตอ้ งไม่ซำ้ กับ มอีก

ครัง้ ที่ มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด ข้ันส ของ ๒ ท ๔.๑ ม. ๔ – ๖/๑ ๑. บอกความหมายลักษณะของภาษา ขน้ั น (๑ ชว่ั โมง) ได้ ขัน้ ก ๒. ยกตัวอยา่ งลกั ษณะของภาษาได้ ๓. รกั ความเป็นไทย ข้อม ครแู นสิ ยั พนื้ บ สาม

กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นร/ู้ แหล่งการเรยี นรู้ สรุปการเรียนรู้ ๑๐. นกั เรยี นและครรู ่วมกบั สรุปความรู้ เกยี่ วกับ ธรรมชาติ งภาษา โดยการสุม่ นักเรยี นตอบถาม และยกตัวอย่าง ๕ – ๗ คน นำเขา้ สกู่ ารเรยี นรู้ ๑. หนังสอื เรยี น ๑. นักเรยี นรว่ มกนั สนทนากบั ครู โดยครใู ช้คำถาม ดงั น้ี ภาษาไทยพื้นฐาน - นกั เรยี นร้เู กีย่ วกับกำเนดิ ของภาษาหรอื ไม่ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ - ถ้าไม่มีภาษาในการสื่อสารคนในโลกนี้จะเป็นอย่างไร ๒. โทรศัพทม์ ือถือใช้ กิจกรรมการเรียนรู้ ในการสบื คน้ ขอ้ มูล ๒. นักเรียนอ่านในใจเรื่อง ลักษณะของภาษา และขีดเส้นใต้ ๓. ใบกิจกรรม เรื่อง มลู ทเี่ ปน็ ประเดน็ สำคัญ ลกั ษณะของภาษา ๓. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ ตามความเหมาะสมของนักเรียน จากนนั้ แบ่งเน้อื หาให้แตล่ ะกลมุ่ ศึกษา ดงั น้ี กลุ่มท่ี ๑ วเิ คราะห์แนวคดิ ท่แี ฝงไวใ้ นพระราชดำรัส กลุ่มที่ ๒ วิเคราะห์บทละคร เกี่ยวกับภาษาทีต่ ัวละครพดู ย ความคดิ อารมณ์ กลมุ่ ท่ี ๓ วิเคราะหส์ ุภาษิตหรอื คำสอนทาศาสนาตา่ ง ๆ กลุ่มที่ ๔ สิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไทยในเพลง บา้ น กลุ่มที่ ๕ วิเคราะห์ข้อคิดที่แฝงไว้ในกวีนิพนธ์ และ มารถนำมาประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำวัน

คร้งั ที่ มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรยี นร/ู้ ตวั ชี้วัด แตล่ ภาษ ขน้ั ส ๓ ท ๔.๑ ม. ๔ – ๖/๒ ๑. บอกความหมายของคำได้ อยา่ (๑ช่ัวโมง) ๒. ใชค้ ำในการสร้างกลุ่มคำได้ ขั้นน และ ๓. รกั ความเป็นไทย เพ่ิม ดังน พยัญ

กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อการเรียนรู/้ แหล่งการเรยี นรู้ ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนบันทึกความรู้จากการวิเคราะห์ ละประเดน็ ในใบกจิ กรรม เรอื่ ง ลักษณะของภาษา ๕. ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอ ลักษณะของ ษา จากประเดน็ ทศี่ ึกษา สรุปการเรียนรู้ ๖. นกั เรียนและครูรว่ มกันสรปุ หลักการ ดังนี้ - ลักษณะของภาษามกี ่ีประการ อะไรบา้ ง - ภาษาชว่ ยสอ่ื ความคดิ และสรา้ งความเปน็ หน่ึงของสังคม างไร - ภาษาแสดงลกั ษณะเฉพาะของบุคคลอย่างไร - ภาษาชว่ ยใหม้ นษุ ย์พัฒนาได้อย่างไร นำเขา้ สกู่ ารเรียนรู้ ๑. ครูนำสนทนาเกี่ยวกับ เสียงในภาษาไทยมีทั้งหมดกี่เสยี ง ะครูเขียนคำตอบของนักเรียนลงบนกระดาน และยกตัวอย่าง มเตมิ จากคำตอบ ดังกล่าว เสียงสระ (เสียงแท)้ อะ, อา, อ,ิ อ,ี อึ, อื เสยี งพยญั ชนะ (เสียงแปร) ก, ข, ค, ง, จ, พ, เสียงวรรณยกุ ต์ (เสียงดนตรี) สามัญ เอก โท ตรี จัตวา ๒. ครูอธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับ พยางค์และคำในภาษาไทย น้ี “เสียงพูดในภาษาไทย ประกอบด้วย เสียงสระ เสียง ญชนะ เสียงวรรณยุกต์ เสียงดังกล่าว แต่ละเสียงหากอยู่ลำพัง จะ

คร้งั ที่ มาตรฐานการ จุดประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรียนร้/ู ตวั ชีว้ ัด ไม่ม และ เหม เพีย หรือ ขั้นก - คร กระ จาก พยา ครูส วรร จะม

กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ การเรียนรู้/ แหล่งการเรียนรู้ มีความหมายในภาษา แต่เมื่อมีการเปล่งเสียงสระ เสียงพยัญชนะ ะเสียงวรรณยุกต์พร้อม ๆ กัน หรือในเวลากระชั้นชิดกัน จนฟังดู มือนเสียงออกมาในคราวเดียวกัน การเปล่งเสียงนั้นอาจจะเปล่ง ยงครั้งเดียวหรือหลายครั้ง ก็ได้จึงจะมีความหมายเกิดเป็นพยางค์ อคำในภาษาไทย” ๓. ครนู ำเขา้ ส่บู ทเรียนเร่ือง “คำ” กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔. ครยู กตวั อย่าง จากสไลด์ Power point ดงั นี้ นาฬกิ า, นาที, กระจมุ๋ กระจ๋มิ , นา รูสอบถามความหมายของคำที่ครูยกตัวย่าง “นาฬิกา, นาที, ะจุ๋มกระจิ๋ม, นา” เมื่อนักเรียนตอบคำถามจากที่ครูถามแล้วน้ัน กน้นั ครูแยกพยางค์ “นาฬกิ า” ออกดังน้ี นา, ฬ,ิ กา และต้งั คำถาม ถามนกั เรียน ดังน้ี - เมือ่ นกั เรียนแยกคำว่า “นาฬกิ า” ออกมาแลว้ น้นั แต่ละ างคม์ ีความหมายหรือไม่ - คำว่า “นา” มีความหมายหรอื ไม่ - คำว่า “ฬิ” มีความหมายหรอื ไม่ - คำว่า “กา” มีความหมายหรอื ไม่ สรปุ คำตอบของนักเรียนแลว้ อธิบายคำตอบเพ่ิมเติม ดงั น้ี “พยางค์ คือ เสียงสระ เสียงพยัญชนะ และเสียง รณยุกต์ ทีเ่ ปลง่ ออกมาพรอ้ มกนั ครงั้ หน่ึง ๆ และมีเสยี งกลมกลืนกัน มีความหมายหรอื ไมม่ คี วามหมายก็ได”้

คร้งั ท่ี มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด ๕. ค ยกต เสีย เสยี เนอื้ ยกต

กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือการเรียนร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ ครูเปดิ สไลดใ์ น Power Point ดงั นี้ มอื หู หน้า ตา จากนั้นครูให้นักเรียนแยกองค์ประกอบคำ ที่ครู ตวั อยา่ งให้นักเรียนดู เชน่ มอื เสียงพยญั ชนะตน้ คอื ม เสยี งสระ คือ อื เสียงวรรณยุกต์ คอื สามัญ ๖. นักเรียนสรุปคำตอบข้อที่ ๕ ดังนี้ “พยางค์ประกอบด้วย ยงอย่างน้อยที่สุด ๓ เสียง คือ เสียงพยัญชนะ เสียงสระ ยงวรรณยุกต์ พยางคล์ ักษณะน้ีจัดอยู่ใน แม่ ก กา” จากน้ันครูสรุป อหาเพม่ิ เตมิ จากการตอบคำถามของนักเรยี น ๗. ครูเปดิ สไลดใ์ น Power Point ดังนี้ ขลงั , ผล, เทยี ม, เลย, กาว, นก, พดู , ลาภ จากนั้นครูให้นักเรียนแยกองค์ประกอบคำที่ครู ตัวอย่าง จากสไลด์ Power Point เช่น ขลงั เสยี งพยัญชนะต้น คือ ขล เสยี งสระ คอื อะ เสียงวรรณยกุ ต์ คอื จัตวา เสียงพยัญชนะทา้ ย คอื ง

ครัง้ ท่ี มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรียนร/ู้ ตวั ช้ีวัด เสีย ตวั ส นักเ ศีรษ จาก ตอน ข้นั ส ภาษ ท่ี ๒

กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ การเรียนร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ ๘. นักเรียนสรุปคำตอบข้อที่ ๗ ดังนี้ “พยางค์ประกอบดว้ ย ยงพยญั ชนะ เสยี งสระ เสยี งวรรณยกุ ต์ และเสียงพยญั ชนะทา้ ยหรือ สะกด จากนั้นครูสรุปเนื้อหาเพิ่มเติมจากการตอบคำถามของ เรยี น ๙. ครูเปดิ สไลดจ์ าก Power Point ดงั น้ี พ่อ, แม่, พี่, น้อง, เพื่อน, ผลไม้, เทพเจ้า, บิดา, มารดา, ษะ, ดนิ สอ กนั้นครูให้นักเรียนนำข้อความในสไลด์นำมาเขียนลงในใบกิจกรรม นท่ี ๑ เร่อื ง พยางค์และคำในภาษาไทย สรุปการเรยี นรู้ ๑๐. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรุป “พยางคแ์ ละคำใน ษาไทย” ๑๑. นกั เรียนเล่นเกม ถาม – ตอบ จากใบกิจกรรมที่ ๔ ตอน ๒ - คำวา่ “เนยี น” มพี ยัญชนะท้ายหรอื ไม่ - คำวา่ “เกรยี น” มพี ยัญชนะต้น คือตวั ใด - คำว่า “บะหมี”่ มที ง้ั หมดก่ีพยางค์ - คำวา่ “วชิ า” ประกอบด้วยเสยี งใดบ้าง - คำว่า “สุภาพ” มที งั้ หมดก่พี ยางค์

คร้ังที่ มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ขัน้ น (เวลา) เรียนร้/ู ตัวช้วี ัด ๑. บอกความหมายของวลีได้ ครูเป ๔ ท ๔.๑ ม. ๔ – ๖/๒ ๒. ใชค้ ำในการสรา้ งวลไี ด้ (๑ ช่ัวโมง) ๓. รกั ความเปน็ ไทย “นา เกี่ย เกยี่ ควา “โร กำล พรอ้ อว้ น เม่ือ

กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อการเรียนร/ู้ แหลง่ การเรียนรู้ นำเขา้ สู่การเรยี นรู้ ๑. ครูทบทวนความรู้เดมิ จากคาบที่ผ่าน เกีย่ วกับ “คำ” โดย ปิด Power point เรื่อง วลี ซงึ่ ประกอบดว้ ย - ครูเปิดสไลด์ซึ่งจะมีคำ ให้นักเรียนวิเคราะห์ ดังนี้ าฬิกา นาที กระจุ๋มกระจิ๋ม วัว” จากนั้นครูถามคำถามนักเรียน ยวกับคำในสไลด์ว่า ในแต่ละคำมีกี่พยางค์ จากนั้นนักเรียนสรุป ยวกับ “คำ” - ครูเปิดสไลด์ “ชนิดของคำ ๗ ชนิด” เพื่อทบทวน ามรู้เดิมของนักเรียน ดังนี้ โดยในสไลด์จะประกอบด้วยคำ ดังน้ี รงเรียนวัดเขียนเขต ฟิวเจอร์รังสิต ท่านเจ้าคุณ เธอ เพราะ โอ๊ย! ลังกิน เดินเล่น แด่ และ อ้วนจัง” จากนั้นครูถามคำถามนักเรียน อมกับเฉลยแตล่ ะสไลด์ ดงั น้ี โรงเรยี นวดั เขยี นเขต, ฟวิ เจอร์รังสิต – คำนาม ทา่ นเจา้ คุณ, เธอ – สรรพนาม กำลังกนิ , เดินเล่น – กรยิ า โอ๊ย! – อุทาน, แด่ – บุพบท, เพราะ, และ – สันธาน, นจงั – วเิ ศษณ์ จากนนั้ ครูถามคำถามนกั เรียน ดงั นี้ - ให้นักเรียนลองวิเคราะห์ชนิดของคำที่ขีดเส้นใต้ว่า ออยใู่ นประโยค ชนิดของคำทำหน้าท่ีใด ตวั อยา่ งประโยค

ครั้งที่ มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรียนรู้/ตัวชวี้ ัด โรงเ ชาบ ประ ข้ันก ประ ติดต เป็น และ ใดข

กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ การเรียนร/ู้ แหล่งการเรยี นรู้ เธอไปเดินเล่นที่ฟิวเจอร์ตอนเย็นนี้ไหม ออกจาก เรียนวัดเขียนเขตแล้วไปนั่งรถไป แต่ตอนเย็นรถคงติดน่าดู ไปกิน บแู ละไอศกรีม โอ๊ย! คงอ้วนเปน็ หมูแนเ่ ลย วิเคราะห์ ดังน้ี - เธอ เป็น สรรพนาม ทำหน้าที่ ประธานของ ะโยค - ฟวิ เจอร์ เป็น คำนาม ทำหนา้ ท่ี กรรมในประโยค - โรงเรียนวดั เขียนเขต เป็น คำนาม ทำหนา้ ที่ กรรม - โอ๊ย! เป็น คำอทุ าน ทำหนา้ ที่ นำหน้าบท - อ้วน เป็น คำวเิ ศษณ์ ทำหน้าที่ บทขยาย ๒. ครนู ำเข้าสู่บทเรยี น เรื่อง วลี กิจกรรมการเรียนรู้ ๓. ครยู กตัวอย่าง ดงั น้ี “นาฬิกาสที อง” - ครูถามคำถาม จากการยกตัวอย่าง “นาฬิกาสีทอง” เป็น ะโยคหรือไม่ และเปน็ การนำคำใดมารวมกัน จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมจาก สไลด์ วลี ดังนี้ “คำท่ี ต่อกนั ต้งั แต่ ๒ คำขึ้นไป ซึ่งความหมายติดต่อเป็นเรอ่ื งเดียวกัน แต่ นส่วนหนึ่งของประโยค และไม่มีเนื้อความครบถ้วนเป็นประโยค ะวลี ไมส่ ามารถใช้ตามลำพงั ได้ จะต้องใช้เปน็ สว่ นหนึ่งส่วน ของประโยค” ๔. ครยู กตัวอย่าง ดังนี้

คร้งั ท่ี มาตรฐานการ จุดประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด บนส ของ ชนิด ของ ของ คอล “ชน วลี

กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรยี นร/ู้ แหล่งการเรยี นรู้ “หนังสอื เรยี นวิชาภาษาไทยอยใู่ นกระเปา๋ ” “นาฬกิ าเรือนทองมีจำหน่ายที่ไหน” จากนั้นครูถามคำถามนักเรยี น ดังนี้ จากตัวอักษรตัวหนา สไลดน์ ั้น เปน็ ชนิดของคำใด และครูอธบิ ายเพมิ่ เติมเก่ียวกับ “ชนิด งวลีให้นักเรียนสังเกตคำแรกของวลี ว่าเป็นชนิดของคำใดใน ๗ ดน้นั คอื ชนิดของวล”ี จากตัวอยา่ ง ดังกลา่ ว เปน็ “นามวล”ี ๕. ครยู กตวั อยา่ ง ดังนี้ “ทา่ นอาจารย์จะสอนวิชาอะไรครับ” “เธอคนดีมาหาครหู น่อย” จากคำที่ครูยกตัวอย่างนั้น เป็นชนิดของคำใด เป็นชนิด งวลีใด และทำหน้าทใี่ ดในประโยค ๖. ครูยกตวั อยา่ ง ดังน้ี “เธอตอ้ งอสุ ่าหพ์ ากเพียรเรียนหนงั สือ” “ผมกำลงั พยายามแตง่ ตำราภาษาไทย” จากคำที่ครูยกตัวอย่างนั้น เป็นชนิดของคำใด เป็นชนิด งวลีใด และทำหน้าทใี่ ดในประโยค ๗. ครูเปิดสไลด์ใน Power point เป็นตาราง ๓ คอลัมน์ ลัมน์ที่ ๑ กำหนดให้เป็น “วลี” คอลัมน์ ที่ ๒ กำหนดให้เป็น นดิ ของวลี” และคอลมั นท์ ี่ ๓ เปน็ “หน้าทขี่ องวล”ี ซง่ึ ประกอบด้วย ดังนี้ - นกเขาชวาบนิ - ฉนั พบสามเณรยง

คร้งั ที่ มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (เวลา) เรียนรู้/ตวั ช้ีวัด ของ เกี่ย สมุด วลี ขั้นส ๕ ท ๔.๑ ม.๔ – ๖/๒ สร้างประโยคไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ ของ (๑ ชว่ั โมง) ใชค้ ำและกลมุ่ คำ ในการส่ือสาร(ท ๔.๑ ม. ๔ – ๖/๒) ขนั้ น สร้างประโยคตรง นักเ ตามวัตถุประสงค์ นักเ ท้ังป

กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้/ แหลง่ การเรยี นรู้ - ขา้ เบื้องยคุ ลบาทขอถวายชวี ติ - ฉนั ไม่ชอบทำงานหนกั - เขาทำถนนยาวสามกโิ ลเมตร - คนในบ้านนอนหมดแล้ว จากนั้นให้นักเรียนลองวิเคราะห์ชนิดของวลีและหน้าท่ี งวลใี นประโยคจากสไลด์ พรอ้ มกบั ครูเฉลยและอธิบายเพิม่ เติม ยวกบั องคป์ ระกอบของประโยค และหนา้ ท่ขี องวลี ๘. นักเรียนบันทึกความรู้ เรื่อง คำและสำนวน (วลี) ลงใน ด และทำแบบฝกึ หดั - วลี หมายถึง - ให้นักเรยี นค้นหาวลจี ากประโยค และวเิ คราะหช์ นิดของ และหนา้ ท่ขี องวลีในประโยค - จงวเิ คราะห์ความแตกต่างระหวา่ งวลแี ละประโยค สรปุ การเรียนรู้ ๙. นกั เรียนและครูรว่ มกนั สรปุ “ความหมายของวล,ี ชนดิ งวลี และหนา้ ทีข่ องวล”ี นำเขา้ สกู่ ารเรียนรู้ (๕ นาท)ี ๑. หนังสอื เรียน ๑. ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่และฟงั คำสัง่ จากครู โดยครูจะส่งั ให้ ภาษาไทยพ้นื ฐาน เรยี นพดู อะไรกไ็ ด้คนละ ๑ ประโยคโดยครูจะเปน็ ฝ่ายให้สัญญาณ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔ เรียน พดู โดยแตล่ ะคู่จะต้องจำประโยคของฝ่ายตรงข้ามให้ไดค้ รบ ๒. Power Point ประโยค สว่ นประกอบของ ๒. ครสู ุ่มนกั เรยี น ๔ – ๕ คู่ โดยครูสอบถามนักเรียน ดงั นี้ ประโยค

ครัง้ ท่ี มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรียนร/ู้ ตวั ช้ีวัด กรร ประ ประ ของ ขนั้ ก poi จาก สไล จบั ค ตอบ

กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ - คู่ของนกั เรียนพดู วา่ อะไร - ประธานของประโยค คอื - ในประโยค เมอื่ สกั คร่มู กี รยิ าหรือกรรมไหม - นักเรยี นสังเกตไดอ้ ยา่ งไรวา่ นน้ั คือ ประธาน กริยา และ รม ๓. ครพู ดู เชอ่ื มโยงเขา้ สูบ่ ทเรยี น เกี่ยวกับ สว่ นประกอบของ ะโยค ดงั นี้ “ในหน่ึงประโยคทตี่ นเราสอื่ สารน้นั กจ็ ะประกอบไปดว้ ย ะธาน กริยา และกรรม ดังนน้ั วันนี้จะมาเรียนเก่ยี วกบั องค์ประกอบ งประโยค” กจิ กรรมการเรยี นรู้ (๔๐ นาที) ๔. ครยู กตวั อยา่ งประโยค ๓ ประโยคจากสไลด์ใน Power int ดงั น้ี นักเรียน นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ หัวเราะ นักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ ทานผลไม้ตอนเท่ียง กน้นั นักเรยี นและครรู ว่ มกนั วเิ คราะหส์ ว่ นประกอบของประโยคจาก ลด์ “ส่วนประกอบของประโยค” ๕. นกั เรยี นแยกสว่ นประกอบของประโยคจากประโยคทนี่ กั เรียน คู่กันเมือ่ สักครู่ และครูตรวจสอบคำตอบของนกั เรยี นแตล่ ะคน ๖. นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ “องค์ประกอบของประโยค” จากการ บคำถาม ดังนี้

ครั้งที่ มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรียนร้/ู ตวั ชี้วัด ของ ประ ครูต เข้าใ ของ ๖ ท ๔.๑ ม.๔ – ๖/๒ ใชร้ ปู ประโยคในการสือ่ สารไดต้ รงตาม ขั้นก (๑ ชว่ั โมง) ใช้คำและกลุม่ คำ วตั ถปุ ระสงค์ (ท ๔.๑ ม. ๔ – ๖/๒) วรร สร้างประโยคตรง เดีย ตามวตั ถปุ ระสงค์ ควา เป็น

กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ การเรียนร/ู้ แหล่งการเรยี นรู้ - ประธานส่วนใหญ่เป็นคำชนดิ ใด - ประธานและขยายประธานอยู่ในภาคใดขององค์ประกอบ งประโยค - ภาคแสดงสว่ นใหญอ่ ย่ใู นภาคใดขององค์ประกอบของ ะโยค ๗. นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง องค์ประกอบของประโยค และ ตรวจสอบคำตอบและให้คำเสนอแนะแก่นักเรียน ๘. ครสู ุ่มถามนักเรียนจำนวน ๕ – ๖ คน เพื่อทดสอบความ ใจ การแยกสว่ นประกอบของประโยค ขน้ั สรปุ การเรียนรู้ (๕ นาที) ๙. นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ องคป์ ระกอบของประโยค จากข้อคำถาม งครู ดังนี้ - องคป์ ระกอบของประโยค แบ่งออกเป็นก่ภี าค - ภาคประธานส่วนใหญ่ ประกอบดว้ ยชนดิ ของคำใด - ภาคแสดงมีความสำคัญอยา่ งไร การกระตนุ้ และดึงดูดความสนใจ (๕ นาท)ี ๑. หนังสือเรียน ๑. นักเรยี นจับกลุ่ม ๔ คน โดยนกั เรยี นจบั สลาก ตวั ละครใน ภาษาไทยพื้นฐาน ชน้ั รณคดี นกั เรยี นคนใดได้ตวั ละครในวรรณคดีเร่อื งเดียวกนั ไดอ้ ยกู่ ลมุ่ มธั ยมศึกษาปีที่ ๔ ยวกัน จากนั้นครแู จกบัตรคำให้แต่ละกลมุ่ โดยบัตรคำจะมีคำทมี่ ี ๒. เกม “เรยี งบัตร ามหลากหลาย ซึ่งประกอบด้วย คำนาม คำกริยา และคำสนั ธาน คำ” นต้น ๓. Power Point รปู ประโยค

คร้งั ที่ มาตรฐานการ จุดประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรียนร้/ู ตวั ชีว้ ัด ใหไ้ ด เรียบ ประ บนั ท คำข การ ถกู ต ใดเข กลมุ่ เก่ีย นำเ ข

กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นร้/ู แหลง่ การเรียนรู้ ๒. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนำคำในบตั รคำ มาเรียบเรยี งเปน็ ประโยค ๔. แบบบนั ทึก ด้มากท่ีสุด โดยเขยี นประโยคลง ในแบบบันทึกกิจกรรม เรอ่ื ง กิจกรรม เรื่อง เรียบ บเรยี งถอ้ ยคำ ซึ่งมีกติกา ดงั นี้ เรยี งถ้อยคำ กตกิ า ๑. ใหน้ ักเรยี นในกลมุ่ นำคำในบตั รคำมาเรยี บเรยี งเป็น ะโยคใหม้ ากท่ีสดุ ๒. ให้นักเรยี นเขียนประโยคจากการเรียบเรยี งใส่ในแบบ ทกึ กจิ กรรม เร่ือง เรียบเรียงถ้อยคำ โดยบังคับใหม้ คี ำในบตั รคำ ๒ ขนึ้ ไป ๓. ครคู อ่ ยให้คำแนะนำและจบั เวลา ซง่ึ แต่ละกล่มุ ใช้เวลาใน รทำ ๕ นาที ๔. ใหต้ วั แทนนักเรยี น กลมุ่ ละ ๑ คนเดินตรวจสอบความ ตอ้ งของกลุ่มอ่ืน โดยครเู ปน็ ผคู้ อยดูแลตัวแทนนกั เรียนอยา่ งใกลช้ ดิ ๕. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนับจำนวนประโยคท่ีแตง่ ท้งั หมด กล่มุ ขยี นประโยคได้มากที่สดุ และถูกต้องตามโครงสร้างประโยค เปน็ มชนะ ๓. ครสู รปุ เกี่ยวกับกจิ กรรม ดงั กล่าว เป็นการทบทวนความรู้ ยวกับโครงสร้างประโยคเบอื้ งต้น จากคาบทเ่ี รียนผา่ นมา จากนั้นครู เข้าสู่บทเรยี น เรอ่ื ง “รปู ประโยค” ข้ันการแจ้งจดุ ประสงคข์ องการเรียน (๕ นาท)ี ๔. ครูแจ้งจุดประสงค์ในการเรยี นในคาบนี้ - นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของรูปประโยคได้

ครั้งที่ มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรียนรู้/ตัวชวี้ ัด ข กระ เพ่ิม ข และ ๘ หนา้

กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื การเรียนร/ู้ แหลง่ การเรียนรู้ - นักเรยี นสามารถวิเคราะห์รูปประโยคได้ - รักความเป็นไทย ขนั้ การกระตนุ้ ให้ระลึกถึงความรเู้ ดิม (๑๐ นาที) ๕. ครูเปิดสไลด์ใน Power Point เรื่อง รูปประโยค โดยการ ะตุ้นด้วยการถามคำถามนักเรียน ดงั นี้ - ประโยคแบง่ ออกเป็นกีส่ ่วน - ภาคประธาน ประกอบด้วย - ภาคแสดง ประกอบดว้ ย - “นักเรยี นหวั เราะ” เปน็ ประโยคหรอื ไม่ เพราะอะไร - ส่วนใหญป่ ระธาน คอื ชนิดของคำใด ๖. นกั เรยี นตอบคำถาม และครูเปดิ คำตอบใหน้ ักเรยี นอ่าน มเตมิ จากสไลด์ Power Point ข้นั การนำเสนอสิง่ เร้าหรือเนอื้ หาใหม่ (๒๕ นาท)ี ๗. ครใู หน้ ักเรียนเล่นเกม “เปิดป้ายทายคำ” จาก Power Point ะนักเรียนนำคำท่เี ปดิ ได้นนั้ ตอบคำถามในสไลด์ ถัดไป ๘. นักเรยี นอ่านหนงั สือภาษาไทยพื้นฐาน ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ า ๓๕ – ๓๖ ดงั นี้ - ประโยคประธาน - ประโยคกริยา - ประโยคกรรม - ประโยคการิต - ประโยคกรยิ าสภาวมาลา

คร้งั ที่ มาตรฐานการ จุดประสงค์การเรียนรู้ (เวลา) เรียนร้/ู ตวั ชีว้ ัด - สรร ประ ดังก จาก ตอบ จาก ชนิด จาก กินข ข้าง หน้า จงึ เป

กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การเรียนร/ู้ แหลง่ การเรยี นรู้ จากนนั้ ครถู ามคำถาม จากสไลด์ Power Point ดังน้ี - ประโยคส่วนใหญ่เป็นชนดิ ของคำใด (แนวคำตอบ คำนานและคำ รพนาม) - หากประโยคท่ขี น้ึ ต้นดว้ ยกรยิ า “เกดิ , มี, ปรากฏ” คือรูป ะโยคใด - “รองเท้าคูน่ ้ีคณุ แม่ซอ้ื ให้ฉันในวนั เกิด” จากประโยค กล่าว คอื รูปประโยคใด - “คุณครูใหน้ กั เรียนแจ้งเรื่องไปทศั นศกึ ษาแก่ผปู้ กครอง” กประโยคดงั กล่าว คือรปู ประโยคใด - รับประทานไมต่ รงเวลาอาจทำใหเ้ ป็นโรคกระเพาะอาหาร ๙. ครูใหน้ กั เรียนดูตัวอยา่ งสไลด์จาก Power Point แลว้ บคำถาม ดงั นี้ กตัวอยา่ งประโยคในสไลด์ Power Point คำท่ีขดี เสน้ ใต้สแี ดง เป็น ดของคำใด และประโยคขา้ งตน้ มโี ครงสรา้ งประโยคแบบใด กน้นั นกั เรยี นวเิ คราะหป์ ระโยค ดังนี้ “คุณพ่อนงั่ กนิ ข้าวตม้ ” คณุ พอ่ เป็นภาคประธาน และ นง่ั ข้าวต้ม เปน็ ภาคแสดง และ “คณุ พ่อ” เปน็ ชนดิ ของคำนาม ๑๐. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้ “จากประโยค งตน้ ที่ยกตวั อยา่ งมานนั้ เป็น ประโยคประธานทป่ี ระธานเป็นผ้ทู ำ าที่หรอื แสดงกิรยิ าอาการส่วนใหญ่ภาคประธานจะอยู่ตน้ ประโยค ป็นประโยคประธาน”

คร้งั ท่ี มาตรฐานการ จุดประสงค์การเรียนรู้ (เวลา) เรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด ดงั น จาก ชนดิ จาก คำก ประ หนา้ อาก ประ ดงั น จาก ชนิด จาก “สธุ ที่น่ี

กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อการเรียนร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ ๑๑. ครูใหน้ กั เรยี นดสู ไลดจ์ าก Power Point แล้วตอบคำถาม นี้ กตวั อยา่ งประโยคในสไลด์ Power Point คำท่ีขีดเส้นใต้สแี ดง เป็น ดของคำใด และประโยคขา้ งต้นมโี ครงสรา้ งประโยคแบบใด กนน้ั นักเรียนวเิ คราะหป์ ระโยค ดังน้ี “เกดิ ไฟไหมท้ ี่บา้ นหลังใหญก่ ลางตลาด” เกดิ เปน็ ชนดิ ของ กริยา ๑๒. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้ “จากการสังเกต ะโยค ดงั กล่าวนน้ั พบว่ามคี ำกริยาอยูห่ นา้ ประโยค สว่ นคำทท่ี ำ าทเ่ี ปน็ ภาคประธานจะวางหลังคำกริยา เพ่อื ต้องการเน้นกริ ิยา การทีเ่ กิดข้ึน ส่วนใหญ่จะพิจารณาจาก เกิด มี ปรากฏ จึงเปน็ ะโยคกรยิ า” ๑๓. ครูใหน้ ักเรียนดสู ไลด์จาก Power Point แล้วตอบคำถาม น้ี กตวั อยา่ งประโยคในสไลด์ Power Point คำที่ขีดเส้นใต้สแี ดง เป็น ดของคำใด และประโยคขา้ งตน้ มีโครงสรา้ งประโยคแบบใด กน้ันนักเรียนวิเคราะห์ประโยค ดังน้ี “สธุ ดิ าถูกสุนัขกัดท่ีสวนสาธารณะเม่อื วาน” จากประโยค ธดิ า” ไมไ่ ด้เปน็ ประธาน เนอื่ งจากสธุ ิดาถกู กระทำ แต่ประธานใน คอื “สุนขั ”

ครัง้ ที่ มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (เวลา) เรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ัด ประ ประ ดังน จาก ชนดิ จาก “คร เปน็ กรร ประ หรือ ข

กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือการเรียนร/ู้ แหลง่ การเรยี นรู้ ๑๔. นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุปความรู้ ดงั นี้ “จากการวิเคราะห์ ะโยคดงั กล่าว คำว่า “ถูก” ส่วนใหญ่มเี นื้อความในเชงิ ลบ จาก ะโยคข้างต้น พบวา่ สธุ ิดา เป็นผถู้ ูกกระทำ จึงเป็นประโยคกรรม” ๑๕. ครูให้นกั เรียนดูสไลดจ์ าก Power Point และตอบคำถาม นี้ กตัวอย่างประโยคในสไลด์ Power Point คำที่ขีดเส้นใต้สแี ดง เป็น ดของคำใด และประโยคข้างต้นมโี ครงสร้างประโยคแบบใด กนน้ั นกั เรียนวิเคราะห์ประโยค ดังนี้ รสู ัง่ ใหน้ ักเรียนอา่ นหนังสือและทำแบบฝกึ หัด” วเิ คราะห์ดังนี้ ครู นประธาน นกั เรยี น เป็นผ้กู ระทำกรรม หนงั สอื และแบบฝึกหัด เป็น รม ๑๖. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดงั น้ี “จากการวิเคราะห์ ะโยค พบว่า ประโยคทีม่ ปี ระธานสั่งใหอ้ กี บคุ คลหน่ึงเปน็ ผู้กระทำ อมผี ูร้ ับคำสัง่ จากประธาน ใหก้ ระทำกรรม จึงเปน็ ประโยคการิต” ขัน้ สรปุ การเรียนรู้ (๕ นาที) ๑๗. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ จากประเดน็ ดงั นี้ - ความหมายรูปของประโยค - ประโยคประธาน - ประโยคกรยิ า - ประโยคกรรม - ประโยคการติ

ครง้ั ที่ มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ขน้ั น (เวลา) เรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด โดย ใชช้ นิดของประโยคในการสือ่ สารได้ ๗ ท ๔.๑ ม.๔ – ๖/๒ ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ (๑ ชวั่ โมง) ใชค้ ำและกลุ่มคำ (ท ๔.๑ ม. ๔ – ๖/๒) สร้างประโยคตรง ตามวัตถุประสงค์ กริย ครูน ขั้นพ ประ กลุ่ม ออก “ชน

กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู/้ แหลง่ การเรียนรู้ นำเข้าสู่บทเรยี น (๕ นาท)ี ๑. หนังสือเรยี น ๑. นักเรยี นและครรู ่วมกนั ทบทวนความรเู้ ดิมจากคาบที่ผา่ นมา ภาษาไทยพืน้ ฐาน ยครยู กตัวอย่างประโยคและให้นักเรียนตอบคำถาม ดังน้ี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ ตัวอยา่ งประโยค ๒. แบบบันทกึ มาลนี ง่ั ทานข้าวผดั กุ้ง กิจกรรม “ชนดิ ของ สมหมายเปน็ คนรกั สุนัข ประโยค” สมหญิงและสมชายเปน็ เพ่อื นกนั คำถาม - ให้นกั เรยี นแยกองคป์ ระกอบของประโยค ประธาน ยา กรรม - จากประโยค “มาล”ี ทำหน้าทอ่ี ะไรในประโยค ๒. นักเรียนและครรู ่วมกันสรุปความรจู้ ากการตอบคำถาม และ นำเข้าสู่บทเรยี น เร่ือง ชนิดของประโยค พัฒนาการเรียนรู้ (๔๐ นาที) ๓. นักเรยี นจบั กลมุ่ โดยจับสลาก ช่อื สง่ิ ของ สัตว์ ผัก ผลไม้ หากอยู่ ะเภทเดียวกนั ใหน้ ักเรียนมาอยกู่ ลมุ่ เดียวกัน กลุ่มละ ๔ คน เรียกว่า มบา้ น และให้นักเรยี นตง้ั ชือ่ กลมุ่ พร้อมกบั แตง่ ต้งั สมาชิกในกล่มุ กเปน็ หวั หน้า รองหวั หน้า เลขานกุ าร และกรรมการ ๔. หัวหน้ากลุ่มแต่ละกลุ่มออกมารับแบบบันทึกกิจกรรม นิดของประโยค” เพื่อนำไปศกึ ษาซ่งึ แบ่งเนื้อหาออกเปน็ ดงั น้ี ๑. เน้อื หาเกี่ยวกบั ชนดิ ของประโยค ๑.๑ ประโยคความเดยี ว

คร้ังที่ มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรยี นร/ู้ ตวั ชี้วัด ประ ทำแ ประ ทำแ ประ ทำแ รวบ หกั หกั

กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ การเรียนรู้/ แหลง่ การเรยี นรู้ ๑.๒ ประโยคความรวม ๑.๓ ประโยคความซอ้ น ๒. กจิ กรรมพัฒนาการเรียนรู้ ๒.๑ แบบฝึกหัดลา่ แตม้ ๓ ชุด ๒.๒ แบบบันทึกกจิ กรรม ๓ ชุด ๒.๓ กจิ กรรมถกู หรอื ผิด ๓ ชุด ๒.๔ แบบทดสอบกลุ่ม ๑ ชุด ๕. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มศึกษาเนื้อหาจากเอกสารท่ีครูแจกให้ เรอื่ ง ะโยคความเดียว โดยใชเ้ วลาในการศกึ ษาเน้ือหา ๕ นาที จากนัน้ ให้ แบบฝึกหดั ลา่ แตม้ แบบบนั ทึกกจิ กรรม และกจิ กรรมถกู หรอื ผดิ ๖. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาเนื้อหาจากเอกสารที่ครูแจกให้ เรอื่ ง ะโยคความรวม โดยใช้เวลาในการศึกษาเน้ือหา ๕ นาที จากนั้นให้ แบบฝึกหัดล่าแต้ม แบบบันทกึ กิจกรรม และกิจกรรมถูกหรอื ผดิ ๗. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาเน้ือหาจากเอกสารที่ครแู จกให้ เรอ่ื ง ะโยคความซ้อน โดยใชเ้ วลาในการศกึ ษาเนื้อหา ๕ นาที จากนั้นให้ แบบฝกึ หดั ลา่ แต้ม แบบบันทึกกจิ กรรม และกิจกรรมถูกหรือผดิ ๘. นักเรียนในกลุ่มช่วยกันทำแบบทดสอบกลุ่ม ๑ ชุด จากนั้น บรวมคะแนน ของแตล่ ะกลุ่ม ซึ่งแบง่ คะแนน ออกเป็นดังนี้ - แบบฝึกหัดล่าแต้ม ตอบถูก ข้อละ ๑๐ คะแนน ตอบผิด ๕ คะแนน - แบบบันทึกกิจกรรม ตอบถูก ข้อละ ๑๐ คะแนน ตอบผิด ๕ คะแนน

ครงั้ ท่ี มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ัด หกั ๕ค ถูกต คะแ กระ ข คำถ ใด ๘ ท ๔.๑ ม.๔ – ๖/๒ ใช้คำพอ้ งเสยี งในการแตง่ ประโยคได้ ชนิด ขน้ั น (๑ ช่ัวโมง) ใชค้ ำและกลุ่มคำ ตรงตามวตั ถุประสงค์ (ท ๔.๑ ม. ๔ – สรา้ งประโยคตรง ๖/๒) เล่น ตามวตั ถุประสงค์

กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื การเรยี นรู/้ แหล่งการเรยี นรู้ - กิจกรรมถูกหรือผิด ตอบถูก ข้อละ ๑๐ คะแนน ตอบผิด ๕ คะแนน - แบบทดสอบกลมุ่ ตอบถกู ข้อละ ๑๐ คะแนน ตอบผิด หัก คะแนน ๙. นักเรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมคะแนน และครูตรวจสอบความ ต้อง กลุ่มท่ีได้คะแนนมากท่ีสุด เป็นกลุ่มชนะ แต่หากกลุ่มใดได้ แนนเท่ากนั ใหต้ ัดสนิ ท่คี ะแนนแบบทดสอบกล่มุ ๑๐. นักเรียนทำแผนผังความคิด เรื่อง ชนิดของประโยค ใส่ใน ะดาษฟลิบชาร์ท และนำเสนอในคาบต่อไป ข้นั สรุปการเรยี นรู้ (๕ นาท)ี ๑๑. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรุป ชนดิ ของประโยค จากการตอบ ถาม ดังนี้ - ประโยคทตี่ อ้ งใช้คำสันธานเชอ่ื มประโยค คอื ชนิดประโยค - ประโยคพ้นื ฐาน คอื ชนิดประโยคใด - ประโยคท่ีต้องมีคำประพนั ธสรรพนามใช้ในการแทน คือ ดประโยคใด นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (๕ นาที) ๑. หนังสือเรียน ๑. นกั เรยี นและครทู บทวนความรู้เก่ยี วกับ อกั ษร ๓ หมู่ จากการ ภาษาไทยพ้ืนฐาน ชน้ั นเกม เรียงบัตรคำ มกี ตกิ า ดงั น้ี มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ กตกิ า ๒. เกม “เรยี งบัตร คำ”

ครั้งที่ มาตรฐานการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เวลา) เรียนรู้/ตัวชวี้ ัด น่ังต นักเ หมู่ นาท - คร คำล เปน็ วรร

กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื การเรียนร/ู้ แหล่งการเรยี นรู้ - นักเรยี นจับกลุม่ ตามความเหมาะสม กล่มุ ละ ๕ คน และ ตามกลุ่ม ๓. บิงโก “คำพ้อง เสียง” - ครูแจกบัตรคำ ก – ฮ และป้ายนิเทศ อักษรสามหมู่ ให้ ๔. สไลด์ Power เรียนแตล่ ะกลุ่ม Point การเขียน สะกดคำ - นกั เรียนแยกบตั รคำ ก – ฮ ตดิ ในป้ายนเิ ทศ อักษรสาม ใหเ้ วลา ๓ นาที - ครตู รวจสอบความถกู ต้องคร่าว ๆ แต่ละกลุม่ ๒ นาที - นกั เรียนตรวจสอบความถูกตอ้ งของตนเองภายในกลุ่ม ๒ ที - ครเู ฉลยคำตอบในสไลด์ Powre Point ดงั นี้ รเู ฉลยคำตอบจากสไลด์ โดยให้คะแนน ดังนี้ อักษรสูง ๑๑๐ คะแนน อกั ษรละ ๑๐ คะแนน อกั ษรกลาง ๙๐ คะแนน อกั ษรละ ๑๐ คะแนน อักษรต่ำ ๒๔๐ คะแนน อักษรละ ๑๐ คะแนน ถา้ นกั เรยี นติดบัตรคำผดิ อกั ษรหมู่ หักคะแนน บัตร ละ ๑๐ คะแนน และรวมคะแนน กล่มุ ใดได้คะแนนมากที่สดุ นกล่มุ ชนะ ๒. นักเรียนและครูรว่ มกนั ทบทวนความรเู้ กี่ยวกบั เสยี งและรูป รณยุกต์ จากการถามคำถาม ดังนี้ - วรรณยุกต์ของไทยมีก่ีเสยี ง - วรรณยุกตม์ ีกเ่ี สยี ง ประกอบด้วยอะไรบา้ ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook