The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการทส่ี ่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการบริษัทไปรษณยี ์ไทย จากดั และ บริษัท เคอรี่ เอก็ ซ์เพรส ของลูกค้าในจังหวดั ปทมุ ธานี อุดมศักด์ิ วงษ์ศิริ และ พชั ร์หทยั จารุทวผี ลนุกลู * คณะบริหารธุรกิจ มหาวทิ ยาลยั รังสิต อ.ธญั บุรี จ.ปทุมธานี *E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การศึกษาคน้ ควา้ อิสระคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจยั ส่วนบุคคล ปัจจยั ส่วนประสมทางการตลาดบริการท่ี ส่งผลต่อการตดั สินใจเลือกใชบ้ ริการบริษทั ไปรษณียไ์ ทย จากดั และ บริษทั เคอรี่ เอก็ ซ์เพรส จากดั ของผบู้ ริโภคในจงั หวดั ปทุมธานี โดยมีกลมุ่ ตวั อยา่ งคือลูกคา้ ที่เคยใชบ้ ริการซ่ึงไมท่ ราบจานวนประชากรที่แน่นอน โดยสุ่มตวั อยา่ งแบบเจาะจง โดย ผูว้ ิจยั ใชแ้ บบสอบถามเป็ นเคร่ืองมือในการเก็บขอ้ มลู จากกลุ่มตวั อยา่ ง จานวน 400 คน การวิเคราะห์ขอ้ มูลใชส้ ถิติพรรณนา ไดแ้ ก่ ความถ่ี ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และใชส้ ถิติเชิงอนุมาน ไดแ้ ก่ Independent t-test, F-test และ การวิเคราะห์การถดถอยพหุคุณ ผลการวิจยั พบวา่ (1) ปัจจยั ประชากรศาสตร์ (1.1) อาชีพ แตกต่างกนั ส่งผลต่อการตดั สินใจ ในการเลือกใชบ้ ริการบริษทั ไปรษณียไ์ ทย จากดั ในจงั หวดั ปทุมธานี แตกต่างกนั ระดบั นยั สาคญั ทางสถิติ 0.05 (1.2) อายุ ระดบั การศึกษา อาชีพ รายไดเ้ ฉลี่ยต่อเดือน แตกต่างกนั ส่งผลต่อการตดั สินใจในการเลือกใชบ้ ริการบริษทั เคอร่ี เอก็ ซ์เพรส จากัด ในจังหวดั ปทุมธานี แตกต่างกันระดบั นัยสาคญั ทางสถิติ 0.05 (2) ปัจจยั ส่วนประสมการตลาดบริการ (2.1) ดา้ น ผลิตภณั ฑบ์ ริการ ดา้ นราคา และ ดา้ นลกั ษณะทางกายภาพ ส่งผลตอ่ การตดั สินใจในการเลือกใชบ้ ริการ บริษทั ไปรษณียไ์ ทย จากดั ในจงั หวดั ปทุมธานี ระดบั นยั สาคญั ทางสถิติ 0.05 (2.2) ดา้ นผลิตภณั ฑ์ ดา้ นช่องทางการจดั จาหน่าย และ ดา้ นการ ส่งเสริมการตลาด ส่งผลต่อการตดั สินใจในการเลือกใชบ้ ริการ บริษทั เคอรี่ เอ็กซ์เพรส จากดั ในจงั หวดั ปทุมธานี ระดบั นยั สาคญั ทางสถิติ 0.05 คำสำคญั : ปัจจยั ส่วนประสมการตลาดบริการ การตดั สินใจเลือกใชบ้ ริการ ขนส่งพสั ดุภณั ฑ์ 1. บทนา ห่างไกลก็สามารถติดตอ่ ส่ือสารระหวา่ งผปู้ ระ กอบการและ ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยกี ่อใหเ้ กิดช่องทางและ ลูกคา้ ไดโ้ ดยง่ายผา่ นอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการส่ือสารและเช่ือมต่อ มุมมองที่เปิ ดกวา้ งต่อผูค้ นในปัจจุบนั ถือไดว้ ่าเป็ นยุคของ อินเทอร์เน็ต อาทิคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ความคิดและโอกาส คนรุ่นใหม่หนั มาสนใจในการทาธุรกิจ สามารถเชื่อมตอ่ กนั ไดอ้ ยา่ งทว่ั ถึงและอิสระอีคอมเมิร์ซเป็ น ขนาดย่อมเพ่ิมมากข้ึน โดยมีรูปแบบในการทาธุรกิจที่ ช่อง ทางหน่ึงสาหรับผปู้ ระกอบการท่ีตอ้ งการขายสินคา้ ที่มี เปลี่ยนไปจากเดิมคือ การใชเ้ งินลงทุนน้อยและมีเจ้าของ เงินลงทุนไม่มากนักไม่จา เป็ นตอ้ งมีหน้าร้านเนื่องจากมี กิจการเป็ นผคู้ อยดูแลผ่านความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยีและ ข้นั ตอนในการดาเนินการที่สะดวกไม่ซับซ้อน เขา้ ถึงกลุ่ม อินเตอร์เน็ตเกิดเป็ นการทาธุรกิจในรู ปแบบใหม่ คือ เป้า หมายและสร้างการจดจาตราสินคา้ ไดง้ ่าย จึงเป็ นโอกาส อีคอมเมิร์ซ หรือท่ีเรียกกนั ว่าการซ้ือขายสินคา้ และบริการ ในการขยายฐานธุรกิจไปในพ้ืนที่ต่างๆท้ังในพ้ืนที่ของผู้ ผา่ นอินเทอร์เน็ต ซ่ึงสามารถดาเนินการไดท้ ุกท่ี ทุกเวลาทา ประกอบ การหรือนอกพ้ืนท่ีห่างไกลคนละประเทศโดยผ่าน ให้การทาธุรกิจเป็ นเรื่องง่ายและสะดวกต่อผูป้ ระกอบ การ ช่องทางต่าง ๆ เช่น การเปิ ดเวบ็ ไซต์ของตวั เองหรือ ผ่าน ไม่ว่าจะอยู่ในเขตเมืองที่มีความเจริ ญหรื อเขตนอกเมืองท่ี เวบ็ ไซตท์ ่ีให้ บริการไดแ้ ก่ weloveshopping.com ,tarad.com เป็ นต้นการซ้ือขายสินคา้ แบบอีคอมเมิร์ซมีแนวโน้มการ - 48 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) เติบโตเพิ่มข้ึนอย่างต่อเน่ืองจากจานวนผู้เข้าถึงระบบ การดาเนินงาน เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจถึงความตอ้ งการในเชิงลึกของผคู้ า้ อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย เดือนมกราคม พ.ศ. 2560 มี อีคอมเมิร์ซในการเลือกใชผ้ ูป้ ระกอบการขนส่งสินคา้ จากผขู้ าย จานวนร้อยละ67จากจานวนประชากรท้งั หมดหรือคิดเป็ น ไปยงั ผูซ้ ้ือ เป็ นช่องทางให้กับผูป้ ระกอบการขนส่งหรือผูท้ ่ี จานวน 44,260 ลา้ นคน อตั ราการเติบโต ร้อยละ 21 เม่ือ ตอ้ งการเขา้ มาทาธุรกิจน้ีไดร้ ู้ถึงปัจจยั ส่วนประสมทางการตลาด เทียบกบั ช่วงเดือนมกราคมปี พ.ศ. 2559โดยในช่วงเดือน ท่ีส่งผลต่อการตดั สินใจใชบ้ ริการของลูกคา้ ในกลุ่มน้ีซ่ึงเป็ น มกราคมพ.ศ.2560ประชาชนในประเทศไทยซ้ือของผ่าน ลูกคา้ ท่ีมีศกั ยภาพและมีโอกาสเติบโต และใชเ้ ป็ นช่องทางใน ระบบอีคอมเมิร์ ซ เป็ นจานวนร้อยละ 51จากจานวน การปรับปรุงและพฒั นากลยุทธ์เพ่ือรองรับการขยายตัวของ ประชากรท้งั หมดคิดเป็ นจานวน 33,690 ลา้ นคน หรือเป็ น กลุ่มผูค้ า้ อีคอมเมิร์ซ สร้างความไดเ้ ปรียบทางการแข่งขนั ให้ ลาดบั ท่ี15จากทุกประเทศทว่ั โลก (Wearesocial, 2017) เพิม่ สูงข้ึนตอ่ ไป การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เป็ นปัจจัยหน่ึงที่ วตั ถุประสงค์การวจิ ยั ส่งผลต่อธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ให้มีแนวโน้มเติบโต 1. เ พื่ อ ศึ ก ษ า เ ป รี ย บ เ ที ย บ ปั จ จัย ลัก ษ ณ ะ เพ่ิมข้ึนความตอ้ งการใชบ้ ริการผปู้ ระกอบการขนส่งเพ่ือส่ง สินค้าจากผูข้ ายไปยงั ผูซ้ ้ือของกลุ่มผูค้ ้าอีคอมเมิร์ซจึงมี ประชากรศาสตร์ท่ีส่งผลต่อการตดั สินใจเลือกใช้บริการ แนวโนม้ ที่มากข้ึนตามไปดว้ ยธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ใน บริษทั ไปรษณียไ์ ทย จากัด และ บริษทั เคอร่ี เอ็กซ์เพรส ปัจจุบนั มีความเขม้ ขน้ เป็ นอยา่ งมากเน่ืองดว้ ยรูปแบบในการ จากดั ของลูกคา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี ดาเนินธุรกิจที่มีการปรับเปลี่ยนจากการเขา้ มาแข่งขนั ของผู้ ประ กอบการโลจิสติกส์ต่างชาติซ่ึงมีรูปแบบการให้บริการ 2. เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการ ที่สามารถตอบสนองความตอ้ งการของลูกคา้ ในยคุ ดิจิตลั ได้ (7Ps) ท่ีที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริ การบริ ษัท อย่างมีประ สิทธิภาพมากกว่า จากข้อได้เปรียบทางด้าน ไปรษณียไ์ ทย จากดั และ บริษทั เคอรี่ เอก็ ซ์เพรส จากดั ของ เทคโนโลยีท่ีทนั สมยั รูปแบบการจดั การระบบที่ถูกพฒั นา ลูกคา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี ส่งผลให้เกิดการบริการท่ีมีความคล่องตวั ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ของไทยมีความแข็งแกร่งจากขนาดตลาดที่ใหญ่เป็ นอนั ดบั 3. เพื่อศึกษาเปรียบเทียบระดบั ความคิดเห็นระดบั หน่ึงในอาเซียน ท้ังน้ี กระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานปัจจยั ส่วนประสมทาง สังคมได้มีการประเมินมูลค่า E-Commerce ของไทยในปี การตลาดบริการ (7Ps) ของบริษทั ไปรษณียไ์ ทย จากดั และ บริษทั เคอร่ี เอก็ ซ์เพรส จากดั ของลูกคา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี สมมตฐิ านการวจิ ยั พ.ศ. 2559 วา่ น่าจะมีการขยายตวั ที่ร้อยละ 14.4 คิดเป็ นมลู คา่ 1. ปัจจัยลกั ษณะประชากรศาสตร์ ไดแ้ ก่ เพศ อายุ 2.11 ลา้ นลา้ นบาท ในขณะที่ภาค อตุ สาหกรรม โลจิสติกส์ก็ ระดบั การศึกษา สถานภาพสมรส ระดบั การศึกษา อาชีพและ ไดเ้ ติบโตข้ึนเช่นกนั และจากผลการสารวจขอ้ มูลของกรม รายไดเ้ ฉล่ียตอ่ เดือนท่ีแตกตา่ งกนั ส่งผลตอ่ การการตดั สินใจ ธุรกิจการคา้ (2559) พบว่า ปริมาณการเติบโตของธุรกิจ ในการเลือกใช้บริการบริษัท ไปรษณีย์ไทย จากัด และ ขนส่งและโลจิสติกส์มีอตั ราการเติบโตอย่างต่อเน่ือง (จุไร บริษทั เคอรี่ เอก็ ซเ์ พรส จากดั ของลูกคา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี พร พินิจชอบ, 2560) ไทยแตกต่างกนั ดงั น้ันผูว้ ิจยั จึงตอ้ งการศึกษา “ปัจจัยส่วนประสมทาง 2. ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการ (7Ps) ไดแ้ ก่ การตลาดบริการที่ส่งผลต่อการตดั สินใจเลือกใชบ้ ริการบริษทั ด้านผลิตภัณฑ์/บริ การ ด้านราคา ด้านช่องทางการจัด ไปรษณียไ์ ทย จากดั และ บริษทั เคอร่ี เอ็กซ์เพรส จากดั ของ จาหน่าย ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านบุคลากร ด้าน ลกู คา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี” ซ่ึงการขนส่งถือเป็ นส่วนที่สาคญั ใน กระบวนการใหบ้ ริการ และดา้ นลกั ษณะทางกายภาพ ที่ส่งผล - 49 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ต่อการตัดสินใจในการเลือกใช้บริ การของลูกค้าบริ ษัท แนวคดิ และทฤษฎที เี่ กยี่ วข้อง ไปรษณียไ์ ทย จากดั และ บริษทั เคอร่ี เอก็ ซ์เพรส จากดั ของ ลกู คา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี แนวคดิ และทฤษฎเี กยี่ วกบั ประชากรศาสตร์ กรอบแนวคดิ การวจิ ยั ศิริวรรณ เสรีรัตน์ (2550) ได้กล่าวไวว้ ่า การแบ่ง รูปท่ี 1 กรอบแนวคิดงานวจิ ยั ส่ วน การ ต ล าด ต าม ตัวแ ปร ด้าน ประ ชากร ศาสตร์ ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับ ประกอบดว้ ย เพศ อายุ สถานภาพ ครอบครัว จานวนสมาชิก ในครอบครัว ระดบั การศึกษา อาชีพ และรายไดต้ ่อเดือน 1. ผลงานวิจัยน้ีสามารถใช้เป็ นแนวทางให้แก่ ลกั ษณะงานประชากรศาสตร์เป็ นลกั ษณะที่สาคญั และสถิติ ผูป้ ระกอบการธุรกิจรับส่งพสั ดุในการกาหนดกลยุทธ์ทาง ท่ีวดั ได้ของประชากรช่วยในการกาหนดตลาดเป้าหมาย การตลาดให้สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผูบ้ ริโภคให้มี ในขณะท่ีลกั ษณะดา้ นจิตวิทยา และสังคม วฒั นธรรม ช่วย ประสิทธิภาพมากยง่ิ ข้ึนได้ อ ธิ บ า ย ถึ ง ควา ม คิ ดแล ะคว า ม รู้ สึ ก ขอ งก ลุ่ม เป้ า หมายน้ ัน ขอ้ มูลดา้ นประชากรจะสามารถเขา้ ถึงและมีประสิทธิผลต่อ 2. ผลของการวิจยั จะทาให้ทราบถึงพฤติกรรมการ การกาหนดตลาดเป้าหมายคนที่มีลกั ษณะประชากรศาสตร์ เลือกใช้บริการส่งสินคา้ บริษทั ไปรษณียไ์ ทย จากัด และ ต่างกันจะมีลกั ษณะทางจิตวิทยาต่างกันโดยวิเคราะห์จาก บริษัท เคอร่ี เอ็กเพรส จากัด มีความแตกต่างกันหรือไม่ ปัจจยั ดงั น้ี สามารถนาขอ้ มูลจากวิจยั จากปัจจยั ส่วนประสมการตลาด บริการ นาไปปรับปรุง พฒั นากลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ 1. เพศ ความแตกต่างทางเพศ ในการติดต่อสื่อสาร ใหบ้ ริการใหต้ รงตามความตอ้ งการของผใู้ ชบ้ ริการ ของแต่ละบุคคลในเพศที่แตกต่างกัน จะมีพฤติกรรมท่ี แตกต่างกนั เช่น เพศหญิงมีแนวโนม้ มีความตอ้ งการท่ีจะส่ง 3. ผลการวจิ ยั น้ีเป็ นประโยชน์เชิงวชิ าการ แวดวงการ และรับข่าวสาร มากกว่าเพศชาย ในขณะท่ีเพศชาย ศึกษาวิจัยในการเพิ่มพูนควรรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการ นอกเหนือจากการรับส่งข่าวสารแลว้ ยงั มีความประสงคจ์ ะ ตดั สินใจในการเลือกใชบ้ ริการของลูกคา้ และต่อยอดองค์ ส ร้ า ง ค ว า ม สั ม พ ัน ธ์ ท่ี ดี ง า ม ต่ อ กัน เ พ่ื อ ส่ ง ผ ล ใ ห้ เ กิ ด ก า ร ความรู้ทางธุรกิจได้ สื่อสารท่ีดีต่อกนั อีกท้งั ความคิดทศั นคติของคนท้งั เพศจะ ถูกกาหนดโดยวฒั นธรรม และสังคม ทาให้แต่ละเพศจะมี บทบาททางสงั คมที่แตกต่างกนั น้นั เอง 2. อายุ ที่แตกต่างกัน จะส่งผลต่อในเรื่ องของ พฤติกรรมและความคิด เพราะคนท่ีอายุนอ้ ย จะอิสระเสรี ยึดถืออุดมการณ์ มองโลกในแง่ดี มากกวา่ คนท่ีอายมุ ากและ ผา่ นประสบการณ์มาสูง ซ่ึง กลุ่มน้ีจะมีความคิดในลกั ษณะ อนุรักษน์ ิยม ระมดั ระวงั ในเรื่องการยดึ ถือปฏิบตั ิต่าง ๆ มอง โลกใน แง่ร้ายมากกว่าคนที่มีอายนุ ้อย ในส่วนของการรับ ข่าวสาร คนที่มีอายตุ ่างกนั จะเสพข่าวสารต่างกนั เช่น คนที่ มีอายมุ ากจะขอข่าวสารหนกั ๆ มีเหตุมีผล ในขณะท่ีวยั เด็ก จะสนใจความบนั เทิงมากกวา่ ข่าวสารอื่น เน้นสนุกสนาน มากกวา่ ความจริงจงั ในชีวติ - 50 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) 3. การศึกษา ความคิด ค่านิ ยม ทัศนคติ และ กับระดับของการให้บริ การ โดยกรณีธุรกิจที่พักแรม พฤติกรรมท่ีแตกต่างกันน้ันแสดงว่า มาจาก การศึกษาท่ี ประเภทเกสตเ์ ฮาส์ โรงแรม อาจให้ความสาคญั ในเรื่องของ แตกต่างกนั เพราะคนท่ีมีการศึกษาสูง จะไดเ้ ปรียบในเรื่อง คา่ เช่า ค่าอปุ กรณ์อานวยความสะดวก คา่ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง การรับข่าวสารที่และเขา้ ใจ ข่าวสายไดเ้ ป็ นอย่างดี มีความ หอ้ ง คา่ ดาเนินงาน ซ่ึงควรอยใู่ นเกณฑท์ ี่สอดคลอ้ งกบั คุณคา่ รอบรู้และกวา้ งขวาง เม่ือรับข่าวสารได้มาก ย่อมไม่เชื่อ อะไรง่าย ๆ เช่นกนั หากไม่มีเหตุผล หรือหลกั ฐานที่เพียงพอ 3. การจดั จาหน่าย (Place) เป็ นกิจกรรมท่ีเก่ียวขอ้ ง ในขณะที่คนที่มีการศึกษาต่า เม่ือไดร้ ับข่าวสาร จะเช่ือได้ กบั ท่ีต้งั และการเคล่ือนยา้ ยสินคา้ การกาหนดทาเลท่ีต้งั เพื่อ ง่าย ไม่มีการไตร่ตรองก่อน และส่ือที่ใชส้ ่วนใหญ่จะเป็ นส่ือ การเขา้ ถึงกลุ่มลูกคา้ เป้าหมาย โดยตอ้ งสร้างความเชื่อมน่ั ประเภทวิทยุ โทรทัศน์ และ ภาพยนตร์ ในขณะท่ีคนมี และความสะดวกให้แก่ลูกค้า ในกรณีธุรกิจท่ีพักแรม การศึกษาสูง หากมีเวลาว่างเพียงพอ จะรับข่าวสารทางสื่อ ประเภทโรงแรม อาจให้ความสาคญั ในเรื่องของที่พกั ใกล้ สิ่งพิมพ์ วทิ ยุ โทรทศั น์ และภาพยนตร์ เช่นเดียวกนั แต่หาก แหล่งชุมชน ใกลส้ ถานีรถประจาทางเพ่ือความสะดวกใน เวลาไม่มากนัก จะสนใจข่าวจากส่ือส่ิงพิมพ์มากกว่า การเดินทาง ใกลต้ ลาดหรือศูนยก์ ารคา้ เพ่ือสะดวกในการ ประเภทอ่ืน จบั จ่ายใชส้ อย เป็ นตน้ 4. สถานะทางสังคมและเศรษฐกิจ หมายถึง อาชีพ 4. การส่งเสริ มการตลาด (Promotion) เป็ นการ รายได้ และสถานภาพทางสังคมของที่ แตกต่างกนั ของแต่ ติดต่อส่ือสารเกี่ยวกบั ขอ้ มูลระหวา่ งผูข้ ายกบั ผูซ้ ้ือเพ่ือสร้าง ละบุคคล จะมีอิทธิพลจะมีผลต่อปฏิกิริยาของผูร้ ับสารท่ีมี ทัศนคติ และพฤติกรรมการซ้ือ เช่น การโฆษณา ทางป้าย ต่อผสู้ ่งสาร เพราะแต่ ละคนมีวฒั นธรรมและประสบการณ์ โปสเตอร์ หนงั สือพิมพ์ เป็ นตน้ การขายโดยใชพ้ นกั งานขาย ทศั นคติ ค่านิยมและเป้าหมายที่แตกต่างกนั ย่อมรับสารได้ การส่งเสริมการขาย การใหข้ ่าวและประชาสมั พนั ธ์ แตกต่างกนั และ ปัจจยั บางอยา่ งท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ตวั ผูร้ ับสาร แต่ละคน เช่น ปัจจยั ทางจิตวิทยาและ สังคมท่ีจะมีอิทธิพล 5. บุคลากร (People) ต้องอาศัยการคัดเลือก การ ตอ่ การรับขา่ วสาร ฝึ กอบรม การจูงใจ เพ่ือให้สามารถสร้างความพึงพอใจให้ ลูกค้าได้อย่างแตกต่างเหนือคู่แข่งขัน บุคลากรต้องมี แนวคดิ และทฤษฎสี ่วนประสมทางการตลาด ความสามารถ มีทศั นคติท่ีดีสามารถตอบสนองต่อลูกคา้ มี ความคิดริเร่ิม มีความสามารถในการแก้ปัญหาและสร้าง ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ (2555) กล่าวว่า ส่วน ค่านิยมใหธ้ ุรกิจ ประสมการตลาดบริการ ประกอบดว้ ย 6. กระบวนการ (Process) เพื่อส่งมอบคุณภาพใน 1. ผลิตภณั ฑ์ (Product) คือสิ่งท่ีเสนอขายโดยธุรกิจ การใหบ้ ริการกบั ลูกคา้ ไดร้ วดเร็วและประทบั ใจลูกคา้ ซ่ึงถือ เพือ่ ตอบสนองความตอ้ งการของลูกคา้ ใหเ้ กิดความพึงพอใจ เป็ นสิ่งที่สาคญั ถึงแมว้ ่าจะมีบริการท่ีดี ที่มีคุณภาพแต่ไม่มี ผลิตภณั ฑ์ตอ้ งมีอรรถประโยชน์ (Utility) มีคุณค่า (Value) กระบวนการส่งมอบใหก้ บั ลูกคา้ ที่มีประสิทธิภาพ เช่น ส่ิงที่ ในสายตาของลูกคา้ จึงจะมีผลทาใหผ้ ลิตภณั ฑส์ ามารถขาย ที่พกั แรมประเภทโรงแรม จะส่งมอบคุณภาพในการบริการ ได้ เช่น กรณีธุรกิจท่ีพกั แรมประเภทเกสตเ์ ฮาส์ และโรงแรม ให้กบั ลูกคา้ ไดแ้ ก่ ความรวดเร็วในการให้ความช่วยเหลือ เช่น กรณีเกิดไฟฟ้าดับ หรื อการมีบริ การรักษาความ 2. ราคา (Price) คือคุณค่าผลิตภัณฑ์ในรูปตัวเงิน ปลอดภยั เป็ นตน้ โดยส่ิงดงั กล่าวตอ้ งอาศยั บุคลากรที่มีใจรัก ลูกค้าจะเปรี ยบเทียบระหว่างคุณค่าผลิตภัณฑ์กับราคา การบริการ มีความชานาญในหน้าที่ และมีเครื่องมือหรือ ผลิตภณั ฑ์น้ัน ถ้าคุณค่าสูงกว่าราคาลูกคา้ จะตัดสินใจซ้ือ อุปกรณ์ท่ีทนั สมยั ในการรองรับการปฏิบัติหน้าที่ไดอ้ ยา่ ง ดงั น้ันการกาหนดราคาการให้บริการควรมีความเหมาะสม รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ - 51 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) 7. ส่ิงนาเสนอทางกายภาพ (Physical Evidence) เพื่อ จานวน 140 คน (ร้อยละ 35.0) และมีรายไดเ้ ฉล่ียต่อเดือน แสดงให้ลูกคา้ รับรู้และเห็นถึงคุณภาพการบริการ อีกท้งั ยงั 15,001-30,000 บาท มากท่ีสุด จานวน 196 คน (ร้อยละ 49.0) สร้างความเช่ือมน่ั ใหแ้ ก่ลูกคา้ โดยผ่านหลกั ฐานที่สามารถ มองเห็นไดช้ ดั โดยอาจเป็ นหลกั ฐานดา้ นสถานท่ี ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลบริษัท ไปรษณยี ์ไทย จากดั ของลูกค้า ในจงั หวดั ปทมุ ธานี 2. วธิ ีดาเนนิ การวจิ ยั 1. ปัจจยั ประชากรศาสตร์ไดแ้ ก่ อาชีพ ที่แตกต่างกนั การวิจยั คร้ังน้ีเป็ นการวิจยั เชิงปริมาณ(Quantitative ส่งผลต่อการตดั สินใจในการเลือก ใชบ้ ริษทั ไปรษณียไ์ ทย Research) โดยใชก้ ารสารวจ (Survey) ประชากรเป็ นลกู คา้ ท่ี จากัด ของลูกคา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี แตกต่างกัน ท่ีระดับ เคยใชบ้ ริการซ่ึงผูว้ ิจยั ไม่ทราบจานวนประชากรท่ีแน่นอน นยั สาคญั ทางสถิติ 0.05 กาหนดขนาดกลุ่มตวั อย่างโดยใชส้ ูตรไม่ทราบขนาดของ ประ ชากร W.G. Cochran ผูว้ ิจยั เก็บขอ้ มูลจานวน 400 คน 2. ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการ ได้แก่ ดา้ น ใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive sampling) โดยใช้ ผลิตภณั ฑ์ ดา้ นราคา และดา้ นลกั ษณะทางกายภาพ ส่งผลต่อ แบบสอบถาม(Questionnaire) เป็ นเครื่ องใช้ในการเก็บ การตดั สินใจในการเลือก ใชบ้ ริการ บริษทั ไปรษณียไ์ ทย รวบรวมขอ้ มูล เกณฑ์การให้คะแนน แบบ Likert Scale 5 จากดั ของลูกคา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี ท่ีระดบั นยั สาคญั ทาง ระดบั การทดสอบความเชื่อมนั่ ดว้ ยครอนบาค (Cronbach's สถิติ 0.05 Alpha) โดยรวม มีค่าต้งั แต่ 0.70 ข้ึนไป ซ่ึงถือว่าแบบสอบ ถามมีความน่าเชื่อถือ การวเิ คราะห์สถิติเชิงพรรณนา โดยใช้ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส จากัด ของ แจกแจงความถ่ี (Frequency) คา่ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ลูกค้าในจงั หวดั ปทมุ ธานี (Mean) และส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (Standard Deviation) และการวิเคราะห์สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ Independent 1. ปัจจยั ลกั ษณะประชากรศาสตร์ ไดแ้ ก่ อายุ ระดบั Sample t-Test แ ล ะ One-Way ANOVA แ ล ะ Multiple การศึกษา อาชีพ และรายได้เฉล่ียต่อเดือนที่แตกต่างกัน Regression Analysis โดยวิธี Enter 2 คร้ังโดยมี นัยสาคัญ ส่งผลต่อการตดั สินใจในการเลือกใชบ้ ริษทั เคอร่ี เอก็ ซเ์ พรส ทางสถิติที่ระดบั 0.05 จากัด ของลูกค้าในจงั หวดั ปทุมธานี แตกต่างกันที่ระดับ นยั สาคญั ทางสถิติ 0.05 3. ผลการศึกษาและอภปิ รายผล 2. ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการ ได้แก่ ด้าน ผลการวเิ คราะห์ ผลิตภณั ฑ์ ดา้ นช่องทางการจดั จาหน่าย และดา้ นการส่งเสริม การตลาด ส่งผลต่อการตัดสินใจในการเลือกใช้บริการ พบว่า ผูต้ อบแบบ สอบถามส่วนใหญ่เป็ นเพศหญิง บริษทั เคอร่ี เอก็ ซ์เพรส จากดั ของลูกคา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี จานวน 296 คน (ร้อยละ 74.0) มีอายุ 26-35 ปี จานวน 155 ที่ระดบั นยั สาคญั ทางสถิติ 0.05 คน (ร้อยละ 38.8) มีสถานภาพสมรสโสดมากท่ีสุด 236 คน (ร้อยละ59.0) มีการศึกษาระดบั ปริญญาตรีมากท่ีสุด จานวน 242 คน (ร้อยละ 60.5) มีอาชีพธุรกิจส่วนตัวมากที่สุด - 52 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ตารางที่ 1 แสดงผลการทดสอบสมมติฐานปัจจยั ส่วนประสมการตลาดบริการที่ส่งผลต่อการตดั สินใจเลือกใชบ้ ริการ บริษทั ไปรษณียไ์ ทย จากดั ของลูกคา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี โดยวธิ ี Enter คร้ังท่ี 2 การตดั สินใจในการเลือกใช้บริการ b Std. Error t Sig. Tolerance VIF (Constant) 0.530 0.132 4.013 0.000* ดา้ นผลิตภณั ฑ์ (X1) 0.484 0.058 0.449 8.284 0.000* 0.363 2.759 ดา้ นลกั ษณะทางกายภาพ (X7) 0.200 0.057 0.199 3.530 0.000* 0.336 2.977 ดา้ นราคา (X2) 0.165 0.056 0.175 2.953 0.003* 0.301 3.317 R = 0.761 R2 = 0.579 Adjusted. R2 = 0.576 SEest = 0.397 F = 181.529 Sig. = 0.000* Durbin-Watson = 1.737 *มีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 จากตารางท่ี 1 พบว่า ปัจจัยส่วนประสมการตลาด R2 = 0.576) และมีความคลาดเคล่ือนในการพยากรณ์เท่ากบั บริการที่ส่งผลต่อการตดั สินใจในการเลือกใชบ้ ริการ บริษทั 0.397 (SEest = 0.397) โดยมีค่า Tolerance ต่าสุดอยทู่ ่ี 0.301 ไปรษณียไ์ ทย จากดั ของลกู คา้ ในจงั หวดั ปทมุ ธานี มากท่ีสุด ถึง และมีค่า VIF มากที่สุดอยูท่ ี่ 3.317 จึงสรุปไดว้ ่าไม่เกิด ไดแ้ ก่ดา้ นผลิตภณั ฑ์ ( = 0.449) รองลงมาดา้ นลกั ษณะทาง ปัญหาความสัมพนั ธ์ระหว่างตัวแปร (Multicollinearity) กายภาพ ( = 0.199) และน้อยที่สุด คือ ด้านราคา ( = สมการคะแนนดิบ 0.175)มีค่าสัมประสิทธ์ิสหสมั พนั ธ์พหุคูณอยใู่ นระดบั มาก (R = 0.761) มีอานาจในการพยากรณ์ร้อยละ 57.6 (Adjusted Ŷ = 0.530 + 0.484(X1) + 0.200(X7) + 0.165(X) (1) ตารางท่ี 2 แสดงผลการทดสอบสมมติฐานปัจจยั ส่วนประสมการตลาดบริการท่ีส่งผลตอ่ การตดั สินใจเลือกใชบ้ ริการ บริษทั เคอรี่ เอกเพรส จากดั ของลกู คา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี โดยวธิ ี Enter คร้ังที่ 2 การตดั สินใจในการเลือกใช้บริการ b Std. Error t Sig. Tolerance VIF (Constant) 1.083 0.142 7.614 0.000* ดา้ นผลิตภณั ฑ์ (X1) 0.326 0.039 0.430 8.394 0.000* 0.449 2.227 ดา้ นช่องทางการจดั จาหน่าย (X3) 0.230 0.045 0.264 5.113 0.000* 0.443 2.258 ดา้ นการส่งเสริมการตลาด (X4) 0.157 0.033 0.176 4.802 0.000* 0.879 1.137 R = 0.730 R2 = 0.532 Adjusted. R2= 0.529 SEest = 0.327 F = 150.245 Sig. = 0.000* Durbin-Watson = 1.888 *มีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 จากตารางท่ี 2 พบว่า ปัจจัยส่วนประสมการตลาด การจัดจาหน่าย ( = 0.264) และน้อยที่สุด คือ ด้านการ บริการที่ส่งผลต่อการตดั สินใจในการเลือกใชบ้ ริการ บริษทั ส่งเสริมการตลาด ( = 0.176)มีค่าสมั ประสิทธ์ิสหสมั พนั ธ์ เคอรี่ เอกเพรส จากัด ของลูกคา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี มาก พหุคูณอยู่ในระดับมาก (R = 0.730) มีอานาจในการ ท่ีสุด คือ ดา้ นผลิตภณั ฑ์ ( = 0.430) รองลงมา ดา้ นช่องทาง พยากรณ์ร้อยละ 52.9 (Adjusted R2 = 0.529) และมีความ - 53 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) คลาดเคลื่อนในการพยากรณ์เท่ากบั 0.327 (SEest = 0.327) เกิดความผิดพลาดระหว่างการจัดส่งข้ึน โดยการมีศูนย์ โดยมีค่า Tolerance ต่าสุดอยทู่ ่ี 0.443 ถึง และมีค่า VIF มาก ช่วยเหลือลกู คา้ ที่สามารถช่วยเหลือติดตามไดอ้ ยา่ งรวดเร็วมี ที่สุดอยู่ที่ 2.258 จึงสรุปได้ว่าไม่เกิดปัญหาความสัมพนั ธ์ ความรู้ความเขา้ ใจในเง่ือนไขการรับประกนั หลกั ฐานใน ระหวา่ งตวั แปร (Multicollinearity) สมการคะแนนดิบ การประกอบการพจิ ารณาดว้ ยเพ่ือใหก้ ารดาเนินการไดอ้ ยา่ ง เป็ นระบบและรวดเร็วเพื่อให้ลูกคา้ มีความเช่ือมนั่ ในการ ̂Y = 1.083 + 0.326(X1) + 0.230(X3) + 0.157(X4) (2) ตดั สินใจใชบ้ ริการ ขอ้ คน้ พบดงั กล่าวสอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ จุไรพร พนิ ิจชอบ (2560) ศึกษาเร่ือง “ปัจจยั ท่ีส่งผลต่อ 4. สรุปผล ความพึงพอใจในการใชบ้ ริการผูป้ ระกอบการขนส่งของ กลุ่มผูค้ า้ อีคอมเมิร์ซในเขตกรุงเทพมหานคร” ผลการวิจยั บริษทั ไปรษณีย์ไทย จากดั ในจงั หวดั ปทุมธานี พบว่า ด้านผลิตภัณฑ์ ส่งผลต่อความพึงพอใจในการใช้ 1. ปัจจยั ลกั ษณะประชากรศาสตร์ ไดแ้ ก่ ดา้ นอาชีพ บริการผูป้ ระกอบการขนส่งของกลุ่มผคู้ า้ อีคอมเมิร์ซในเขต กรุงเทพมหานคร ที่ส่งผลตอ่ การตดั สินใจเลือกใชบ้ ริการบริษทั ไปรษณียไ์ ทย จากดั ของลูกคา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี อย่างมีนัยสาคญั ทาง 2.2 ดา้ นลกั ษณะทางกายภาพ บริษทั ไปรษณีย์ สถิติที่ระดบั 0.05 โดยสามารถอภิปรายผลดงั ตอ่ ไปน้ี ไทย จากัด ในจังหวัดปทุมธานี ควรตกแต่งสถานท่ี ให้บริการใหม้ ีความสะอาดสะดวกสบายมีพ้ืนที่นั่งรอและ 1.1 ด้านอาชีพ บริษัท ไปรษณียไ์ ทย จากัด ใน วางพสั ดุเพียงพอ สถานที่ให้บริการควรมีความโปร่งโล่ง จงั หวดั ปทุมธานี ควรท่ีจะปรับปรุงพฒั นาบริการใหส้ ามารถ ไมใ่ หล้ กู คา้ ท่ีเขา้ ใชบ้ ริการรู้สึกแออดั เมื่อเขา้ มาใชบ้ ริการขอ้ ตอบสนองความต้องการแต่ละกลุ่มอาชีพเพ่ือนาเสนอ คน้ พบดงั กล่าวสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ จุไรพร พนิ ิจชอบ ผลิตภณั ฑบ์ ริการรับส่งพสั ดุใหเ้ หมาะสาหรับความตอ้ งการ (2560) ศึกษาเร่ือง “ปัจจยั ที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการ แต่ละอาชีพท่ีแตกต่างกันเพื่อให้มีกลุ่มผู้บริ โภคท่ีมี ใชบ้ ริการผูป้ ระกอบการขนส่งของกลุ่มผูค้ า้ อีคอมเมิร์ซใน หลากหลายอาชีพตัดสินใจเลือกใช้บริ การ ข้อค้นพบ เขตกรุงเทพมหานคร” ผลการวิจยั พบวา่ ดา้ นลกั ษณะทาง ดงั กล่าวสอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ จกั รพนั ธ์ ศรีช่วยชนม์ กายภาพ ส่ งผลต่อความพึงพอใจในการใช้บริ การ (2556) ศึกษาเร่ือง “ปัจจยั ด้านส่วนประสมทางการตลาด ผู้ป ร ะ ก อ บ ก า ร ข น ส่ ง ข อ ง ก ลุ่ ม ผู้ค้า อี ค อ ม เ มิ ร์ ซ ใ น เ ข ต บริการที่ มีผลต่อพฤติกรรมการใชบ้ ริการ อร่อยทวั่ ไทย สัง่ กรุงเทพมหานคร ได้ท่ีไปรษณี ย์ ของผู้บริ โภค ในกรุ งเทพมหา นคร ” ผลการวิจัยพบว่า อาชีพ ท่ีแตกต่างกัน มีผลต่อพฤติกรรม 2.3 ดา้ นราคา บริษทั ไปรษณียไ์ ทย จากัด ใน การใชบ้ ริการ “อร่อยทว่ั ไทย สงั่ ไดท้ ่ีไปรษณีย”์ ที่แตกต่าง จงั หวดั ปทุมธานี ควรจะมีพฒั นาคุณภาพบริการใหม้ ีความ กนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 เหมาะสมกบั ราคาสินคา้ และบริการ ผูบ้ ริโภคส่วนใหญ่ให้ ความสาคญั ในเร่ืองราคาให้มีความเหมาะสมกบั คุณภาพ 2. ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการ พบว่า บริการท่ีไดร้ ับจึงจาเป็ นท่ีจะตอ้ งพฒั นาปรับปรุงคุณภาพ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา และด้านลักษณะทางกายภาพ บริการให้สูงข้ึนเพ่ือสร้างความเช่ือม่ันให้กับลูกค้า ข้อ ส่งผลต่อการตัดสิ นใจในการเลือกใช้บริ การ บริ ษัท คน้ พบดงั กล่าวสอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ จกั รพนั ธ์ ศรีช่วย ไปรษณียไ์ ทย จากดั ของลูกคา้ ในจงั หวดั ปทุมธานี ท่ีระดบั ชนม์ (2556) ศึกษาเรื่ อง “ปัจจัยด้านส่วนประสมทาง นัยสาคญั ทางสถิติ 0.05 โดยสามารถอภิปรายผลตามค่า การตลาดบริการที่มีผลตอ่ พฤติกรรมการใชบ้ ริการ อร่อยทวั่ น้าหนกั ไดด้ งั น้ี ไทย สั่งไดท้ ่ีไปรษณีย์ ของผูบ้ ริโภค ในกรุงเทพมหานคร” 2.1 ดา้ นผลิตภณั ฑ์ บริษทั ไปรษณียไ์ ทย จากดั ในจงั หวดั ปทุมธานี ควรมีการรับประกนั ความเสียหายหาก - 54 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ผลการวิจัยพบว่า ด้านราคา มีผลต่อพฤติกรรมการใช้ ความพึงพอใจของผใู้ ชบ้ ริการบริษทั เคอร่ี เอก็ ซเ์ พรส จากดั บริการ “อร่อยทว่ั ไทยสงั่ ไดท้ ่ีไปรษณีย”์ แตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 บริษทั เคอร่ี เอกเพรส จากดั ในจงั หวดั ปทมุ ธานี 1.3 ดา้ นระดบั การศึกษา บริษทั เคอรี่ เอกเพรส จากัด ในจังหวัดปทุมธานีควรจัดฝึ กอบรมพนักงานท่ี 1. ปัจจยั ประชากรศาสตร์ ไดแ้ ก่ ดา้ นอายุ ดา้ นระดบั ให้บริการให้มีความรู้ความเขา้ ใจขอ้ มูลเก่ียวกบั ผลิตภณั ฑ์ การศึกษา ดา้ นอาชีพ และดา้ นรายไดเ้ ฉลี่ยต่อเดือนที่ส่งผล บริการสามารถอธิบายใหข้ อ้ มูลแก่ลูกคา้ ท่ีมีระดบั การศึกษา ต่อการตดั สินใจเลือกใชบ้ ริการบริษทั เคอร่ี เอกเพรส จากดั ที่แตกต่างกนั อยา่ งเหมาะสม ถา้ หากลูกคา้ มีระดบั การศึกษา ของลูกคา้ ในจงั หวดั ปทุมธานีอย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติที่ ไม่สูงควรท่ีจะสามารถแนะนาขอ้ มูลท่ีเ เขา้ ใจง่าย ตรงกบั ระดบั 0.05 โดยสามารถอภิปรายผลดงั ต่อไปน้ี ความตอ้ งการของผูบ้ ริโภคมากที่สุดและถา้ ลูกคา้ มีระดบั การศึกษาสูงควรเน้นขอ้ มูลด้านมาตรฐานการให้บริการ 1.1. ดา้ นอาชีพ บริษทั เคอร่ี เอกเพรส จากดั ใน ความเป็ นส่วนตัว ปลอดภัย และการรับประกันการ จงั หวดั ปทุมธานี ควรท่ีจะศึกษาทาความเขา้ ใจนาผลท่ีไดไ้ ป ให้บริการ ก็จะสามารถสร้างแรงจูงใจให้เกิดการตดั สินใจ พฒั นากลยุทธ์เพื่อนาเสนอผลิตภณั ฑบ์ ริการรับส่งพสั ดุให้ เลือกใช้บริการเพิ่มข้ึน ขอ้ คน้ พบดังกล่าวสอดคลอ้ งกับ เหมาะสาหรับความต้องการแต่ละอาชีพท่ีแตกต่างกัน งานวิจยั ของปัญจรัตน์ ต้งั โชโต (2559) ศึกษาเรื่อง “ปัจจยั เพ่ือที่จะสามารถตอบสนองความตอ้ งการของผลู้ กู คา้ แตล่ ะ ด้านคุ ณภาพการให้บริ การที่ มีผลต่อความพึงพอใจของ อาชีพให้สามารถสร้างแรงจูงใจให้เกิดตดั สินใจเลือกใช้ ผูใ้ ช้บริการ กรณีศึกษา บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส จากัด” บริ การ ข้อค้นพบดังกล่าวสอดคล้องกับงานวิจัยของ ผลการวิจยั พบว่าระดบั การศึกษาที่แตกต่างกนั มีความพึง อภิญญา จนั ทร์สังข์ (2559) ศึกษาเรื่อง “ปัจจัยท่ีส่งผลต่อ พอใจของผใู้ ชบ้ ริการบริษทั เคอรี่ เอก็ ซเ์ พรส จากดั แตกต่าง ความพึงพอใจในการใช้บริการส่งพสั ดุภณั ฑ์ของ บริษทั กนั อยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 1.4) ดา้ นรายได้ เคอร่ี เอ็กเพรส จากัด ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ” เฉลี่ยต่อเดือน บริษัท เคอรี่ เอกเพรส จากัด ในจังหวดั ผลการวจิ ยั พบวา่ อาชีพที่แตกต่างกนั มีผลต่อความพงึ พอใจ ปทุมธานี ควรท่ีจะมีผลิตภณั ฑแ์ ละบริการที่หลากหลายตาม ในการใชบ้ ริการส่งพสั ดุภณั ฑ์ของ บริษทั เคอร่ี เอ็กเพรส ความตอ้ งการที่เหมาะสมตามระดบั รายไดเ้ ฉล่ียต่อเดือนที่ จากัด ในเขตจังหวัดสมุทรปราการแตกต่างกันอย่างมี แตกตา่ งกนั ออกไปเพื่อใหส้ ามารถตอบสนองความตอ้ งการ นยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 ของลูกคา้ แต่ละระดบั รายไดเ้ ฉลี่ยต่อเดือนใหส้ ามารถสร้าง แรงจูงใจให้เกิดตดั สินใจเลือกใชบ้ ริการขอ้ คน้ พบดงั กล่าว 1.2 ด้านอายุ บริษทั เคอรี่ เอกเพรส จากัด ใน สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของอภิญญา จนั ทร์สงั ข์ (2559) ศึกษา จังหวดั ปทุมธานี ควรให้ความสาคัญทาการศึกษาความ เรื่อง “ปัจจยั ที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการใชบ้ ริการส่ง ต้อ ง ก า ร ข อ ง ลู ก ค้า ต า ม แ ต่ ล ะ ช่ ว ง อ า ยุ ต้อ ง อ อ ก แ บ บ พสั ดุภณั ฑข์ อง บริษทั เคอรี่ เอ็กเพรส จากดั ในเขตจงั หวดั ผลิตภณั ฑแ์ ละบริการใหค้ รอบคลุมความตอ้ งการแต่ละช่วง สมุทรปราการ”ผลการวิจัยพบว่า รายไดเ้ ฉลี่ยต่อเดือน ท่ี วยั ที่มีความตอ้ งการแตกต่างกนั ออกไป เพ่ือท่ีจะสามารถ แตกต่างกนั มีผลต่อความพึงพอใจในการใชบ้ ริการส่งพสั ดุ ตอบสนองความตอ้ งการของลูกคา้ ทุกช่วงอายใุ ห้สามารถ ภัณฑ์ของ บริษัท เคอรี่ เอ็กเพรส จากัด ในเขตจังหวดั สร้างแรงจูงใจให้เกิดตัดสินใจเลือกใช้บริการขอ้ คน้ พบ สมุทรปราการ แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั ดังกล่าวสอดคล้องกับงานวิจัยของ ปัญจรัตน์ ต้ังโชโต 0.05 (2559) ศึกษาเรื่อง “ปัจจยั ดา้ นคุณภาพการใหบ้ ริการท่ีมีผล ต่อความพึงพอใจของผูใ้ ชบ้ ริการ กรณีศึกษา บริษทั เคอรี่ เอ็กซ์เพรส จากัด” ผลการวิจัยพบว่า อายุ ที่แตกต่างกนั มี - 55 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) 2. ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการ ด้าน พนั ธ์ ศรีช่วยชนม์ (2556) ศึกษาเรื่อง “ปัจจัยด้านส่วน ผลิตภัณฑ์ ด้านช่องทางการจัดจาหน่าย และด้านการ ประสมทางการตลาดบริการท่ี มีผลต่อพฤติกรรมการใช้ ส่งเสริมการตลาด ส่งผลต่อการตดั สินใจในการเลือกใช้ บริการ อร่อยท่ัวไทย ส่ังได้ที่ไปรษณียข์ องผูบ้ ริโภคใน บริการ บริษทั เคอร่ี เอกเพรส จากดั ของผบู้ ริโภคในจงั หวดั กรุงเทพมหานคร” ผลการวิจยั พบว่า ด้านช่องทางการจดั ปทุมธานีท่ีระดับนัยสาคัญทางสถิติ 0.05 โดยสามารถ จาหน่าย มีผลต่อพฤติกรรมการใชบ้ ริการ “อร่อยทวั่ ไทยสงั่ อภิปรายผลตามค่าน้าหนกั ไดด้ งั น้ี ไดท้ ี่ไปรษณีย”์ 2.1 ดา้ นผลิตภณั ฑ์ บริษทั เคอรี่ เอกเพรส จากดั 2.3 ดา้ นการส่งเสริมการตลาดบริษทั เคอร่ี เอก ในจงั หวดั ปทุมธานี ควรมีการพฒั นาและปรับปรุงคุณภาพ เพรส จากดั ในจงั หวดั ปทุมธานีควรที่จะพฒั นาช่องทางการ สินคา้ และบริการอยู่เสมอ พฒั นาสินค้าและบริการให้มี ส่ื อสารให้สามารถเข้าถึงผู้บริ โภคได้อย่างรวดเร็ ว ความหลากหลายสามารถสอบสนองความต้องการของ ประชาสัมพนั ธ์รายละเอียดเก่ียวกับการให้บริการ มีการ ลูกคา้ มีคุณภาพในบริการใหม้ ีมาตรฐานเท่ากนั ไม่วา่ จะเป็ น โฆษณาประชาสัมพนั ธ์ต่าง ๆ มีช่องทางทาให้ผูบ้ ริโภค ดา้ นการรักษาสภาพของพสั ดุไม่ให้เกิดความเสียหาย การ ไดร้ ับข่าวสารไดห้ ลากหลายย่ิงข้ึน ประชาสมั พนั ธ์เกี่ยวกบั รักษาระยะเวลาในการนาส่งพสั ดุให้ส่งตรงเวลา เพื่อให้ สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อยา่ งละเอียดและทวั่ ถึงอยา่ งถูกตอ้ ง สามารถสร้างแรงจูงใจให้เกิดตดั สินใจเลือกใชบ้ ริการ ขอ้ จะสามารถสร้างความผูกพนั กบั แบรนด์ รวมไปถึงรักษา คน้ พบดงั กลา่ วสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ จุไรพร พินิจชอบ ความสัมพันธ์และความรู้สึกท่ีดีกับผู้บริ โภคเพ่ือเสริ ม (2560) ศึกษาเร่ือง “ปัจจยั ที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการ ศักย ภาพ โ อ กาสในการแ ข่งขัน แล ะขับเคล่ื อนผล ใชบ้ ริการผปู้ ระกอบการขนส่งของกลุ่มผคู้ า้ อีคอมเมิร์ซใน ประกอบการจากการดาเนินธุรกิจซ่ึงสามารถดึงดูดพนั ธมิตร เขตกรุงเทพมหานคร” ผลการวิจัยพบว่า ด้านผลิตภณั ฑ์ ทางธุ รกิ จให้มีความสนใจเข้ามาร่ วมมือสามารถต่อร อง ส่งผลต่อความพึงพอใจในการใช้บริการผูป้ ระกอบการ แบ่งปั นผลประโยชน์ร่ วมกันได้ ข้อค้นพบดังกล่าว ขนส่งของกลุ่มผคู้ า้ อีคอมเมิร์ซในเขตกรุงเทพมหานคร สอดคล้องสอดคล้องกับงานวิจัยของจุไรพร พินิจชอบ (2560) ศึกษาเรื่อง “ปัจจยั ที่ส่งผลตอ่ ความพึงพอใจในการใช้ 2.2 ดา้ นช่องทางการจดั จาหน่ายบริษทั เคอรี่ เอก บริการผูป้ ระกอบการขนส่งของกลุ่มผูค้ า้ อีคอมเมิร์ซในเขต เพรส จากัด ในจังหวดั ปทุมธานีควรขยายช่องทางการจดั กรุงเทพมหานคร” ผลการวิจัยพบว่า ด้านการส่งเสริม จาหน่ายโดยการร่วมมือเป็ นพนั ธ์มิตรกบั ร้านสะดวกซ้ือ การตลาด ส่ งผลต่อความพึงพอใจในการใช้บริ การ และร้านคา้ ต่าง ๆ ซ่ึงช่วยขยายช่องทางการให้บริการได้ ผู้ป ร ะ ก อ บ ก า ร ข น ส่ ง ข อ ง ก ลุ่ ม ผู้ค้า อี ค อ ม เ มิ ร์ ซ ใ น เ ข ต อยา่ งรวดเร็วและตน้ ทุนไม่สูงแตอ่ ยา่ งไรก็ตาม พนกั งานใน กรุงเทพมหานคร ร้านสะดวกซ้ือและร้านคา้ ก็ไม่ใช่พนกั งานของบริษทั เคอร่ี เอกเพรส จากัด อาจจะยงั ไม่เขา้ ใจในระบบการและให้ กติ ตกิ รรมประกาศ ขอ้ มูลกับลูกคา้ ไดไ้ ม่ดีพอดงั น้นั ผูบ้ ริหารควรท่ีจะตอ้ งให้ ขอขอบคุณอาจารยค์ ณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลยั ความรู้โดยฝึ กอบรมพนักงานของบริ ษัทให้สามารถ รังสิตทุกท่านท่ีให้ความรู้และให้คาแนะนาในการทาวิจยั ถ่ายทอดความรู้ ความเขา้ ใจในบริการ ไปยงั พนักงานของ คร้ังน้ีจึงสาเร็จได้ บริษัทที่การร่วมมือเป็ นพันธ์มิตร ให้เข้าใจได้ง่ายและ สามารถให้ข้อมูลกับผู้บริ โภคได้อย่างถูกต้องเพื่อให้ ผูบ้ ริโภคมีความเชื่อมั่นและตัดสินใจเลือกใช้บริการข้อ คน้ พบดงั กล่าวสอดคลอ้ งสอดคลอ้ งกบั งานวิจัยของจักร - 56 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) เอกสารอ้างองิ Administration,Stamford International University. (in Thai). [1] Kotler, P. (2013). Marketing Management (11th ed.). Upper Sanddle River, New Jersey: Prentice Hall. [8] Panjara, T. (2016). FACTORS OF SERVICE QUALITY AFFECTING CUSTOMER SATISFACTION:CASE [2] Cochran, W.G. (1953). Sampling Techiques. New STUDY OF KERRY EXPRESS. Master's York: John Wiley & Sons. Inc. Independent Study, Faculty of Business Administration,Rangsit University. (in Thai). [3] We Are Social and Hootsuite. (2017,January 24). DIGITAL IN 2017: GLOBAL OVERVIEW. [9] Yu, Z. (2016). FACTORS AFFECTING [Online]. Retrieved from https://wearesocial. THE CUSTOMER’S DECISION TO USE PRIVATE com/special- reports/digital-in-2017-global-overview POSTAL BUSINESS. Master's Independent Study, Faculty of Business Administration, Rangsit [4] Juraiporn, P. (2017). FACTORS AFFECTING University. (in Thai). ELECTRONIC COMMERCE ENTERPRENEUR’S SATISFACTION WITH TRANSPORTATION COMPANY SERVICE IN BANGKOK METROPOLITAN AREA. Master's Independent Study, Faculty of Business Administration, Thammasat Universit (in Thai). [5] Siriwan, S. (2012). Marketing Strategy And Strategic Management By Focusing On The Market. Thanatach Printing Company Limited. Bangkok. (in Thai). [6] Chakrapan, S. (2013). SERVICE MARKETING MIXES FACTORS AFFECTING CONSUMERS’ SERVICE USAGE BEHAVIORS OF NATIONWIDE FOOD ORDERING SERVICE PROVIDED AT THE POST OFFICE. Master's Independent Study, Faculty of Business Administration, Srinakharinwirot Universit (in Thai). [7] Apinya, C. (2016). Factors Affecting The Satisfaction Of Using The Parcel Delivery Service Of Kerry Express Company Limited In Samut Prakan Province. Master's Independent Study, Faculty of Business - 57 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) การพฒั นาหลกั สูตรฝึ กอบรมของ สปป.ลาวให้สอดคล้องกบั ความต้องการพฒั นาทางด้านธุรกจิ ในยุค Disruptive Era พริ ุณา สุทธิสรณ์ 1 และ กฤช จรินโท2 1คณะเทคโนโลยสี งั คม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก วทิ ยาเขตจนั ทบุรี 2คณะการบริหารและจดั การ สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ เจา้ คณุ ทหารลาดกระบงั กรุงเทพฯ บทคดั ย่อ การทาวิจยั คร้ังน้ีเป็ นส่วนหน่ึงของดุษฎีนิพนธ์ ซ่ึงตดั มาในส่วนของงานวิจยั เชิงปริมาณบางส่วนเท่าน้ัน โดย วตั ถุประสงคค์ ือ 1) เพอ่ื ศึกษาความตอ้ งการ ความพร้อมของบุคลากร นกั ธุรกิจ และหน่วยงานท้งั ภาครัฐและเอกชนใน สปป. ลาว ท่ีมีความตอ้ งการฝึ กอบรมและวจิ ยั ทางธุรกิจ 2) เพ่ือศึกษาหลกั สูตรการฝึ กอบรมท่ีเหมาะสมของการจดั ต้งั สถาบนั การ ฝึ กอบรมและวจิ ยั ทางธุรกิจใน สปป. ลาวของหน่วยงานจากประเทศไทยใชว้ ธิ ีการวจิ ยั เชิงปริมาณดว้ ยการใชแ้ บบสอบถาม เป็ นเคร่ืองมือ เก็บตวั อยา่ งจากนกั ธุรกิจ ผูป้ ระกอบการภาคเอกชน บุคลากรภาครัฐในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ลาว และบุคคลทางดา้ นการบริหารการศึกษาได้กลบั มาจานวน 411 ชุด ใช้เทคนิคการวิเคราะห์ Discriminant Analysis ผลการวิจยั สรุปไดว้ ่าทกั ษะท้งั 7 ไดแ้ ก่ คือ ทกั ษะงาน ทกั ษะส่ือสาร ทกั ษะมนุษยสัมพนั ธ์ ทกั ษะผูน้ า ทกั ษะลูกคา้ ทกั ษะ ธุรกิจ และทกั ษะวเิ คราะห์แยกแยะเป็ นตวั แยกกลุ่มตามหัวขอ้ ในหลกั สูตรไดด้ ี ขอ้ เสนอแนะในงานวิจยั มีดงั น้ี 1) กลุ่มของ หลกั สูตรดา้ น Professional Development ควรพฒั นาทกั ษะดา้ นลกู คา้ และทกั ษะดา้ นผนู้ า 2) กลุ่มของหลกั สูตรดา้ น Modern technology/Innovation/Organizational Change ควรพฒั นาทกั ษะดา้ นทกั ษะวเิ คราะห์แยกแยะ และทกั ษะมนุษยสมั พนั ธ์ 3) กลุ่มของหลักสูตรด้าน Productivity/Marketing ควรพฒั นาทักษะด้านงาน และทักษะด้านมนุษยส์ ัมพนั ธ์ 4) กลุ่มของ หลกั สูตรดา้ น Personal Effectiveness ควรพฒั นาทกั ษะดา้ นธุรกิจ และทกั ษะดา้ นผนู้ า คำสำคญั : หลกั สูตรการฝึ กอบรม, การพฒั นาทกั ษะ, ประเทศ สปป.ลาว 1. บทนา ดึงดูด การสร้างความคิด นาไปสู่ข้อมูลเชิงลึก และการ ประยุกต์ใชไ้ ดอ้ ยา่ งอิสระ ไม่เฉพาะแต่ประเทศไทยเท่าน้นั โลกของเราทุกวนั น้ีมีการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว สปป.ลาวก็เช่นกนั แมแ้ ต่บริษทั ที่ประสบความสาเร็จมากที่สุดก็ตกอยใู่ นความ เส่ียงในโลกท่ีวนุ่ วายหากพวกเขาไม่เปล่ียนแปลง การยนื ยนั จากการขยายตวั ทางดา้ นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วน้นั จากหน่ึงในผูน้ าดิจิทลั ที่ทรงพลงั ท่ีสุด ทาให้นึกถึงวิธีการ รัฐบาล สปป.ลาว ยงั จัดให้ด้านการศึกษาและการพฒั นา เรียนรู้ที่แตกตา่ งกนั สองสามอยา่ งในยคุ ท่ีมีการเปล่ียนแปลง ทรัพยากรมนุษย์ เป็ นปัจจยั ท่ีมีความสาคญั เร่งด่วนของการ อย่างแรกคือ ทุกอย่างในโลกของเรากา้ วไปอย่างรวดเร็ว พฒั นาเศรษฐกิจของประเทศตามท่ีไดร้ ะบุในรัฐธรรมนูญ ดังน้ันผู้คนจึงต้องการเข้าถึงความรู้อย่างรวดเร็ว ส่ิงน้ี แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาววา่ รัฐตอ้ งให้ สอดคลอ้ งกบั การศึกษาจาก Microsoft ในปี 2558 ซ่ึงอา้ งว่า ความสาคัญแก่แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยทั่วไปความสนใจของมนุษย์น้ันอยู่ท่ีประมาณแปด ร่วมกบั การใหค้ วามสาคญั เป็ นพเิ ศษแก่การพฒั นาทรัพยากร วินาที เน้ือหาท่ีเราใชใ้ นการเรียนรู้ปกติมีความยาวและถ่ี มนุษย์ รวมถึงการปฏิบตั ินโยบายพฒั นาการศึกษา รัฐตอ้ ง เกินไปจนไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผเู้ รียนได้ เน้ือหา ส่ งเสริ มและสนับสนุ นให้เอกชนมีส่ วนร่ วมลงทุนในการ ในการเรียนรู้อบรมใหม่ ๆ อาจกระตุน้ ความคิดให้เกิดการ พฒั นาการศึกษาและทรัพยากรมนุษยแ์ ห่งชาติตามกฎหมาย - 58 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) เ พ่ื อ ใ ห้บ ร ร ลุ เ ป้ า ห ม า ย ก า ร ห ลุ ด พ ้น จ า ก ป ร ะ เ ท ศ ที่ มี ก า ร ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รับ พฒั นานอ้ ยท่ีสุดโดยเร็ว 1. ทราบถึงความตอ้ งการ ความพร้อมของบุคลากร ปั จ จุ บัน ป ร ะ เ ด็ น ปั ญ ห า ท่ี มี ค ว า ม ส า คัญ ม า กข อง นกั ธุรกิจ และหน่วยงานท้งั ภาครัฐและเอกชนในสาธารณรัฐ รัฐบาล สปป.ลาว คือเร่ืองของการขาดแคลนงบประมาณ ประชาธิปไตยประชาชนลาว ท่ีมีความตอ้ งการฝึ กอบรมและ และการขาดแคลนนกั วิชาการท่ีมีความเชี่ยวชาญทางดา้ น วจิ ยั ทางธุรกิจ วิชาการอีกหลากหลายศาสตร์และหลายแขนงมาก เพ่ือเร่ง การพฒั นาทรัพยากรมนุษยแ์ ละยกระดบั ทรัพยากรมนุษยใ์ น 2. ทราบถึ งการกาหนดหลักสู ตรและร าค า ประเทศ โดยเฉพาะรัฐกรท่ีเป็ นบุคลากรของรัฐเอง การขาด ลงทะเบียนการฝึ กอบรมที่เหมาะสมสาหรับการจัดต้ัง แคลนดังกล่าวเป็ นปัญหาที่สาคญั มากในช่วงการขยายตวั สถาบันการฝึ กอบรมและวิจัยทางธุรกิจในสาธารณรัฐ ทางดา้ นเศรษฐกิจท่ีเติบโตแบบกา้ วกระโดดของ สปป.ลาว ประชาธิปไตยประชาชนลาวของหน่วยงานจากประเทศไทย ดงั น้นั สปป.ลาว จึงมีความจาเป็ นอยา่ งมากในการเร่งสร้าง กรอบแนวคดิ ของโครงการวจิ ยั บุคลากรในดา้ นต่าง ๆ ให้มีคุณภาพทดั เทียมกบั ประชากร ประเทศท่ีพฒั นาแลว้ (นิดถา บุบผา, 2559) แนวคดิ และทฤษฎใี นการวจิ ยั แนวความคดิ เกยี่ วกบั การฝึ กอบรม ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษา การจัดต้ังสถาบันการ ฝึ กอบรมและวิจัยทางธุรกิจในสาธารณรัฐประชาธิปไตย แนวคิดท่ีเก่ียวกับการฝึ กอบรมน้ัน ถือว่า การ ประชาชนลาวของหน่วยงานจากต่างประเทศ ซ่ึงถือเป็ น ฝึ กอบรม (Training) เป็ นกิจกรรมที่สาคญั ประการหน่ึงใน ประโยชน์ในการสร้างความเชื่อมโยงและเครือข่ายทางดา้ น กระบวนการบริหารงานบุคคลแผนใหม่ ซ่ึงเป็ นท่ียอมรับ วิชาการร่วมกันระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว ก่อ กันโดยทวั่ ไปแลว้ ว่า การ ฝึ กอบรมเป็ นวิธีหน่ึงที่ช่วยให้ ประโยชน์สูงสุดในระดับประเทศร่วมกันในการพฒั นา องค์กรสามารถเพิ่มพูนประสิ ทธิ ภาพ และประสบ ทรัพยากรมนุษยแ์ ละการพฒั นาทางด้านเศรษฐกิจ ท้ังยงั ความสาเร็จในการ บริหารได้ อีกท้งั การฝึ กอบรมก็มีส่วน สามารถสร้างเมด็ เงินนาเขา้ ในประเทศไทยไดจ้ านวนมากใน อนาคต รวมถึงยงั เป็ นประโยชน์ในการช่วยพฒั นาทรัพยากร มนุษยท์ ่ีเป็ นปัจจยั สาคญั ในการผลกั ดนั มูลค่าดา้ นเศรษฐกิจ ที่สูงข้ึนในอนาคตใหก้ บั สปป.ลาว อีกดว้ ย วตั ถุประสงค์ของการวจิ ยั 1. เพอ่ื ศึกษาความตอ้ งการ ความพร้อมของบุคลากร นกั ธุรกิจ และหน่วยงานท้งั ภาครัฐและเอกชนในสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่มีความตอ้ งการฝึ กอบรมและ วจิ ยั ทางธุรกิจ 2. เพ่ือศึกษาหลกั สูตรการฝึ กอบรมท่ีเหมาะสมของ การจัดต้ังสถาบันการฝึ กอบรมและวิจัยทางธุรกิจใน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของหน่วยงานจาก ประเทศไทย - 59 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) อย่างสาคญั ในการแก้ไขปัญหาบางอย่างที่เกิดข้ึนในการ วตั ถุประสงค์ของการฝึ กอบรม ปฏิบัติงานบุคคลในองค์กรอีกด้วย การฝึ กอบรมจึงเป็ น กิจกรรมที่ถือไดว้ า่ เป็ นส่ิงจาเป็ นสาหรับองคก์ ารสมยั ใหม่ท่ี เม่ือกล่าวถึง วตั ถุประสงค์หลักของการฝึ กอบรม ตอ้ งการเพ่ิมพูนประสิทธิผลในการทางาน ตลอดจนแกไ้ ข ส่ วนใหญ่กล่าวว่าเป็ นการมุ่งเน้นที่ จะให้เกิ ดการ ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในองคก์ ารดว้ ย เปล่ียนแปลงพฤติกรรมหลกั 3 ประการ คือ เพิ่มพูนความรู้ (Knowledge) เพิ่มพูนทักษะ (Skills) และเปล่ียนแปลง ความหมายของการฝึ กอบรม มีผใู้ หค้ วามหมายและ ทศั นคติ (Attitude) โดยมีรายละเอียด ดงั น้ี แนวคิดเกี่ยวกบั การฝึ กอบรม ไวด้ งั น้ี 1. การเพ่ิมพูนความรู้ เป็ นการพัฒนาความรู้ สมคิด บางโม (2559) ได้สรุปว่า การฝึ กอบรม ความสามารถท้งั มีอยู่แลว้ ให้มีความชานาญมากข้ึนและ หมายถึง กระบวนเพ่ิมประสิทธิภาพในการทางานของ เป็ นการเพ่ิมพนู ความรู้ เทคโนโลยี วิธีการปฏิบตั ิ ตลอดจน บุคคลโดยมุ่งเพิ่มพูนความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skills) ระเบียบขอ้ บงั คบั หรือนโยบายต่าง ๆ ท่ีมีการเปล่ียนแปลง เจตคติ (Attitude) อนั จะนาไปสู่การยกมาตรฐานการทางาน ไป เพื่อให้พนักงานสามารถนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้สูงข้ึน ทาให้บุคคลมีความเจริญกา้ วหนา้ ในหน้าท่ีการ เหล่าน้นั มาใชใ้ นการทางานใหม้ ีประสิทธิภาพมากข้ึนหรือ งานและองคก์ รบรรลุเป้าหมายที่กาหนดไว้ บางคร้ังอาจเป็ นการนาเคร่ืองมือ เครื่องใชช้ นิดใหม่เขา้ มา ในองค์กรก็จะต้องมีการฝึ กอบรมพนักงานให้สามารถ อานวย แสงสว่าง (2544) ให้ความหมาย การ ทางานร่วมกบั เครื่องมือหรือเครื่องจกั รเหล่าน้นั ได้ ฝึ กอบรม คือ การพฒั นาบุคลากรขององค์การให้ได้รับ ความรู้เพิ่มมากข้ึนท้ังทางด้านสารสนเทศและทักษะ ท่ี 2. การเพิ่มพูนทกั ษะ ผูป้ ฏิบตั ิงานแต่ละระดบั ควร สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการทางานให้สาเร็จไดเ้ ป็ น ได้รับการพฒั นาทกั ษะท่ีจาเป็ นตามความ เหมาะสม ซ่ึ ง อย่างดี โดยจะต้องผ่านกระบวนการจากโปรแกรมการ ทักษะท่ีจาเป็ นต่อการทางานมีอยู่ 3 ประเภท คือ ทักษะ ฝึ กอบรมท่ีจดั ไวเ้ ป็ นรูปแบบท่ีมีมาตรฐานการฝึ กอบรมและ ทางการคิด (Conceptual Skills) ทกั ษะทางมนุษยส์ ัมพนั ธ์ การประเมินผลเป็ นที่ยอมรับ ( Human Relations Skills) แ ละ ทักษะ ทางการปฏิ บัติ (Technical Skills) พนกั งานแต่ละระดบั จะมีความตอ้ งการ การฝึ กอบรม เป็ นกระบวนการจัดกิจกรรมตาม ทกั ษะที่แตกต่างกนั เช่น พนกั งานพมิ พด์ ีดจะตอ้ งการทกั ษะ ความจาเป็ นหรือปัญหาในองคก์ าร เพือ่ พฒั นา ความรู้ ความ ในการพิมพใ์ ห้เร็ว ถูกตอ้ งและสะอาด หัวหน้างานจะตอ้ ง เขา้ ใจทกั ษะและทศั นคติของบุคลากร เพ่ือจะนาไปใชห้ รือ การทักษะในการจูงใจผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้บริ หาร แกป้ ัญหาของงานท่ีปฏิบตั ิใหบ้ รรลผุ ลสาเร็จตามภารกิจของ ระดับสูงจะตอ้ งใช้ทักษะในการคิดวางแผน การจัดการ องค์การ (กรมจัดต้งั และพนักงานกระทรวงศึกษาธิการ บริหารต่าง ๆ เป็ นตน้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, 2008) 3. การเปลี่ยนแปลงทศั นคติ เป็ นท่ียอมรับกนั แลว้ วา่ จากความหมาย และแนวความคิดของการฝึ กอบรมที่ ทัศนคติมีบทบาทต่อประสิทธิภาพใน การทางานของ มี ผู้กล่าวไว้ พอสรุ ปได้ว่า การฝึ กอบรม หมายถึ ง พนักงานมาก ถา้ เขาเห็นดว้ ยเขา้ ใจวตั ถุประสงค์ของงาน กระบวนการจดั กิจกรรมพฒั นาบุคลากรท่ีมีการวางแผนและ และสภาพการทางาน ผลงานของเขาก็มกั จะดี แต่ถา้ เขาไม่ ดาเนินงานอยา่ งมีระบบ เพ่ือ เพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ เห็นดว้ ยไม่เขา้ ใจ ผิดหวงั เบื่อ และทอ้ แทใ้ จ เขาจะไม่อยาก ทักษะ ประสบการณ์และทัศนคติ ท่ี จะนาไปสู่ การ ทางานและผลงานที่ออกมาก็จะไม่ดี ท้งั อาจเป็ นผลใหเ้ กิด เปล่ียนแปลงพฤติกรรมในทางท่ีดีข้ึน และเป็ นไปตาม การสูญเสียและเกิดอุบตั ิเหตุไดด้ ว้ ย ดงั น้นั จึงเป็ นเป้าหมาย วตั ถุประสงค์ท่ีวางไว้ ผูร้ ับการฝึ กอบรมมีความสามารถ ทางานอยา่ งมีประสิทธิภาพสูงท้งั ในปัจจุบนั และอนาคต - 60 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ห ลักอี กป ระการหน่ึ งในการฝึ กอ บรม จึ งมุ่งท่ี จะ ในการทางาน เปลี่ยนแปลงและสร้างเสริมทศั นคติที่ดีต่อการทางาน และ 5. ช่วยลดค่าใชจ้ ่ายในการบริการให้แก่ลูกคา้ โดย ต่อองคก์ ารใหเ้ กิดข้ึนในหมพู่ นกั งาน ช่วยปรับปรุงการใหบ้ ริการหรือส่งสินคา้ แก่ลกู คา้ ประเภทของการฝึ กอบรม 6. ช่วยพฒั นาพนกั งาน เพ่ือใชเ้ ป็ นกาลงั ทดแทนใน การฝึ กอบรมแบ่งออกเป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ อนาคต การฝึ กอบรมบุคลากรอาจช่วยให้ องค์การมีกาลงั 1. การฝึ กอบรมท่ัวไป (General training) เป็ นการ ทดแทนไดท้ นั ท่วงทีหากพนักงานบางส่วนเกษียณ หรือ ฝึ กอบรมที่มิไดเ้ จาะจงงานใดงานหน่ึงโดยเฉพาะ เป็ นการ ลาออกจากการทางาน ฝึ กอบรมเพี่อจะสร้างเสริมความรู้กวา้ ง ๆ และเป็ นการสร้าง ประสบการณ์สาหรับงานทว่ั ๆ ไป 7. ช่วยตระเตรียมพนักงานก่อนการก้าวข้ึนไปสู่ 2. การฝึ กอบรมเฉพาะ (Specific training) เป็ นการ ตาแหน่งหน้าท่ีที่สูงข้ึน การฝึ กอบรมจะช่วยให้พนกั งานที่ ฝึ กอบรมท่ีจาเป็ น สาหรับงานใดงานหน่ึงโดยโดยเฉพาะ ไดร้ ับการเล่ือนตาแหน่งใหม่ มีความพร้อมและสามารถ ของบริษทั หรือของหน่วยงาน ปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั ตาแหน่งหนา้ ที่อยา่ งเหมาะสม ประโยชน์ของการฝึ กอบรม 8. ช่วยขจัดความล้าหลังด้านทักษะ เทคโนโลยี วธิ ีการทางาน และการผลิต การฝึ กอบรมจะช่วยใหพ้ นกั งาน การฝึ กอบรม เป็ นเคร่ืองมือในการบริหารชนิดหน่ึง มีความรู้ ทักษะ และความสามารถท่ี ทันกับค วาม มีบทบาทในการปรับปรุงประสิทธิภาพ ขององคก์ ารไดใ้ น เปลี่ยนแปลงของโลกช่วยให้องค์การสามารถแข่งขนั กบั หลาย ๆ ทางดว้ ยกนั ดงั ที่มีผเู้ สนอไวด้ งั น้ี ผอู้ ื่นได้ ชูชยั สมิทธิไกร (2558) มีความเห็นวา่ การฝึ กอบรม 9. ช่วยใหก้ ารประกาศใชน้ โยบาย หรือขอ้ บงั คบั ของ มีประโยชนค์ ือ องคก์ าร ซ่ึงไดร้ ับการแกไ้ ขหรือร่างข้ึนมาใหม่เป็ นไปอยา่ ง ราบรื่น 1. ช่วยพัฒนาความรู้ ทักษะ ความสามารถ และ ทัศนคติของพนักงาน การฝึ กอบรมจะช่วยปรับปรุงให้ ประโยชน์ต่อบุคคล พนกั งานมีคุณสมบตั ิที่จาเป็ นตอ่ การทางานดีข้ึนกวา่ เดิม อนั จะส่ งผลให้เกิ ดผลผลิตเพิ่มสู งข้ ึนท้ ังในด้านปริ มาณแ ละ 1. ช่วยให้บุคคลแต่ละคนมีคุณสมบตั ิอนั เหมาะสม คุณภาพ กับงานในหน้าท่ีท่ีรับผิดชอบ เกิดการพฒั นาตนเองให้มี ความรู้ความเขา้ ใจ ความชานิชานาญและมีเจตคติที่ดีอยู่ 2. ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านค่าจา้ งแรงาน โดยการลด เสมอ จึงเกิดความเช่ือมน่ั ที่จะทางานใหป้ ระสบผลสาเร็จ ปริมาณที่ใชใ้ นการผลิตสินคา้ หรือบริการ แต่ยงั ไดส้ ินคา้ หรือบริการท่ีมีปริมาณและคุณภาพคงเดิม นอกจากน้ันยงั 2. ช่วยให้บุคคลสามารถทางานรวมกลุ่มได้อย่าง ลดเวลาท่ีใช้ในการพฒั นาพนักงานที่ขาดประสบการณ์ สมานฉันท์ งานสาเร็จ มีความพอใจในงานและในเพ่ือน เพอื่ ใหม้ ีผลการปฏิบตั ิงานอยใู่ นระดบั ที่น่าพอใจ ร่วมงาน 3. ช่วยลดตน้ ทุนการผลิต โดยลดปริมาณสินคา้ ท่ี 3. ช่วยให้บุคคลมีความพร้อมท่ีจะทางานใน ผลิตอยา่ งไมไ่ ดม้ าตรฐาน ตาแหน่งหน้าท่ีการงาน ท่ีมีความรับผิดชอบสูงข้ึน ทาให้ เกิดความกา้ วหนา้ ในอาชีพและรายได้ 4. ช่วยลดค่าใชจ้ ่ายดา้ นการบริหารงานบุคคล โดย ลดอตั ราการลาออกจากงาน การขาดงาน การมาทางานสาย 4. ช่วยให้ขวญั และกาลงั ใจของแต่ละคนและของ อบุ ตั ิเหตุ การร้องทุกข์ และส่ิงอื่น ๆ ท่ีบนั่ ทอนประสิทธิภาพ กลุ่มดีข้ึน เนื่องจากบุคคลมีความเชื่อมน่ั ในความสามารถ ของตนและตระหนกั ถึงคุณคา่ ของตน - 61 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) 5. ช่วยใหผ้ ทู้ ี่จะเขา้ ทางานใหมใ่ นหน่วยงาน มีความ เป็ นเป้าหมาย (Ends) ก็เน้นท่ีลักษณะของผู้เรี ยนท่ีจบ เขา้ ใจในหน่วยงาน เขา้ ใจในการ บริหาร เขา้ ใจงาน เขา้ ใจ หลกั สูตร ถา้ มองว่าหลกั สูตรเป็ นวิธีการ (Means) ก็เนน้ ที่ สถานการณ์ในการทางาน และเขา้ ใจตนเองทาใหเ้ กิดความ การวางแผนจดั กิจกรรมการเรียนการสอน สบายใจในการทางานและรู้สึกภาคภูมิใจท่ีไดเ้ ป็ นส่วนหน่ึง ของหน่วยงาน Marsh and Willis (1995) ให้นิยามไวว้ ่า หลกั สูตร คือ ชุดของแผนการ และประสบการณ์ท้ังหลายท่ีมี ประโยชน์ต่อหน่วยงาน ความสัมพนั ธ์กนั ที่ผูเ้ รียนปฏิบตั ิภายใตก้ ารแนะแนวของ โรงเรียน 1. ช่วยเพิ่มผลผลิตในการทางาน ท้งั ในดา้ นปริมาณ และคุณภาพ Tanner and Tanner (2007) ให้นิยามว่า หลักสูตร หมายถึง การสร้างความรู้และประสบ การณ์ที่จะช่วยให้ 2. ส่งเสริมความมนั่ คงและยดื หยนุ่ ให้แก่หน่วยงาน ผเู้ รียนเจริญเติบโต ในการใชส้ ติปัญญาควบคุมความรู้ และ เนื่องจากบุคลากรได้รับการฝึ กอบรม ให้มีความพร้อม ประสบการณ์ที่เกิดข้ึน หลักสูตรจะช่วยให้ผูเ้ รียนมีการ ทางานในหน้าท่ีรับผิดชอบ และพร้อมจะก้าวสู่ตาแหน่ง เจริญเติบโตในตา้ นความรู้และความสามารถ หรือดา้ นเป็ น หนา้ ที่การงานท่ีสูงข้ึน พลงั สังคม ซ่ึงหมายถึงการ เป็ นพลเมืองที่ดี มีชีวิตความ เป็ นอยทู่ ี่ดี อยใู่ นสงั คมที่ดี 3. ช่วยลดปัญหาในการทางาน เนื่องจากบุคลากร ไดร้ ับการฝึ กฝน จึงมีความเขา้ ใจในงาน และสามารถทางาน ในการวิจัยคร้ังน้ี ผูว้ ิจัยให้นิยามของหลักสูตรว่า ไดเ้ รียบร้อย หลักสูตร คือ ส่ือกลางหรื อวิถีทางที่จะนาผู้เรี ยนไปสู่ จุดมุ่งหมาย ซ่ึงเขียนไวเ้ ป็ นเอกสารหลกั สูตรที่ประกอบดว้ ย 4. ลดภาระของผบู้ ริหารในการควบคุมงาน เน่ืองจาก หลกั การ จุดมุ่งหมาย เน้ือหาสาระ แนวการจดั การเรียนรู้ บุคลากรไดร้ ับการฝึ กอบรมจนเกิดความเช่ือมนั่ ที่จะทางาน ส่ือการเรี ยนรู้ แนวการวดั ผลประเมินผลและเอกสาร สามารถควบคุมตนเองในการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมายได้ ประกอบหลกั สูตร ได้แก่ คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมและสื่อประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ 5. ช่วยใหห้ น่วยงานประหยดั งบประมาณ เนื่องจาก ผเู้ รียนไดเ้ จริญงอกงาม พฒั นาไปในทิศทางท่ีตอ้ งการ บุคลากรมีความสามารถทางานได้รวดเร็วข้ึน ลดจานวน คนทางานและใชเ้ งินนอ้ ยลง การสร้างหลกั สูตร (Curriculum Construction) 6. ช่วยให้หน่วยงานมีช่ือเสียงและภาพพจน์ที่ดี “การสร้างหลกั สูตร” หมายถึง การดาเนินการจดั ทา สามารถหาขอ้ ยตุ ิขอ้ ขดั แยง้ ได้ หลักสูตร รวมท้ังกระบวนการต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกบั การ จดั ทาหลกั สูตรน้นั ๆ ความหมายด้งั เดิมมกั จะหมายถึง การ ดงั น้ันจึงสรุปไดว้ ่า การฝึ กอบรม ให้ประโยชน์ใน สร้างรายวชิ า ก า ร ช่ ว ย เ พิ่ ม พู น ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ใ น ก า ร ป ฏิ บัติ ง า น ข อ ง บุคลากรและถือเป็ นกิจกรรมท่ีมีความสาคญั อย่างยิ่ง ที่จะ องค์ประกอบของหลกั สูตร ช่วยแกไ้ ขขอ้ บกพร่องผดิ พลาดตา่ ง ๆ ในการปฏิบตั ิงานและ เป็ นบันไดท่ีจะพฒั นาบุคคลให้ก้าวไปสู่ความสาเร็จใน Taba (1962) ไดก้ ล่าวถึง องคป์ ระกอบของหลกั สูตร อนาคต เกิดประโยชนแ์ ก่งานและหน่วยงานอีกดว้ ย ไวด้ งั น้ี ทุกหลกั สูตรไม่วา่ จะเป็ นการออกแบบในลกั ษณะ ใดก็ตามจะตอ้ งประกอบดว้ ยส่วนประกอบต่าง ๆ อยเู่ สมอ ความหมายของหลกั สูตร ต า ม ป ก ติ ห ลัก สู ต ร จ ะ ป ร ะ ก อ บ ด้ว ย ข้อ ค ว า ม ท่ี ก ล่ า ว ถึ ง จุดมุ่งหมายทว่ั ไปและจุดมุ่งหมายเฉพาะ หลกั สูตรจะบอก Posner (1992) ใหน้ ิยามวา่ หลกั สูตร คือ เน้ือหาหรือ จุดประสงค์ ท่ีโรงเรียนตอ้ งจดั ให้เด็ก และเป็ นสิ่งที่ครูตอ้ ง นามาเป็ นยทุ ธศาสตร์ในการสอน ซ่ึงหากมองว่าหลกั สูตร - 62 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ถึง การเลือกเน้ือหาสาระ บางคร้ังหลกั สูตรอาจจะกล่าวถึง คา่ ในสูตรไดก้ ลุ่มตวั อยา่ งจานวน 359 คน และเพ่ือเป็ นการ รูปแบบการจดั การเรียนการสอนอีกดว้ ย ป้องกนั ความผิดพลาด ผวู้ ิจยั จึงไดท้ าการเก็บขอ้ มูลเพ่ิมอีก จานวน 41 ฉบบั รวมเป็ นแบบสอบถามจานวนท้งั สิ้น 400 กระบวนการพฒั นาหลกั สูตร ฉบบั ในการร่ างหลักสูตร เพ่ือให้ได้มาซ่ึงเอกสาร การทดสอบคุณภาพเครื่องมือทใ่ี ช้ในการวจิ ยั เชิงปริมาณ หลักสู ตรน้ัน (Taba,1962) ได้นาเสนอ ข้ันตอนใน กระบวนการพฒั นาหลกั สูตรไวท้ ้งั หมด 7 ข้นั คือ ความเทย่ี งตรง (Validity) ข้ันที่ 1 สารวจความต้องการ และความจาเป็ น ผูว้ จิ ยั มีข้นั ตอนวดั ความเที่ยงตรงของแบบสอบถาม (Diagnosis of needs) ที่ใชใ้ นงานวิจยั น้ีว่าสามารถวดั ในสิ่งที่ตอ้ งการวดั ไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้ งและตรงเป้าหมาย ดงั น้ี ข้นั ท่ี 2 ต้งั วตั ถุประสงคข์ องการศึกษา (Formulations of Objectives) 1. ผูว้ ิจยั นาแบบทดสอบความเท่ียงตรงเชิงเน้ือหา IOC ( Index of Item – Objective Congruence) ใ ห้ แ ก่ ข้นั ท่ี 3 คดั เลือกเน้ือหา (Selection of Content) ผูเ้ ช่ียวชาญ ผูท้ รงคุณวุฒิ และผูม้ ีประสบการณ์ 5 ท่านหา ข้ันที่ 4 จัดระบบเน้ื อหาวิชา (Organization of ค่าเฉลี่ยของค่าดชั นีความสอดคลอ้ ง สาหรับแบบสอบถาม Content) แต่ละขอ้ กบั วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั เพ่ือนาไปปรับปรุง ข้นั ท่ี 5 คดั เลือกประสบการณ์การเรียนรู้ (Selection แบบสอบถามใหม้ ีความเหมาะสม และถูกตอ้ งโดยใช้สูตร of Learning Experience) ของ โรวิเนลลี และแฮมเบิลตนั (Rovinelli & Hambleton, ข้ัน ท่ี 6 จัด ร ะ บ บ ป ร ะ สบ การ ณ์ การ เ รี ย น รู้ 1977, pp. 49–60) ดงั น้ี (Organization of Learning Experience) ข้ันท่ี 7 กาหนดวิธีการประเมินผล และแนวทาง 2. การตรวจสอบดา้ นจริยธรรมการวิจยั โดยผูว้ ิจยั ปฏิบตั ิ (Determination of what to evaluate and of the ways นาแบบสอบถาม ที่ได้ปรับปรุ งจากคาแนะนาของ and means of doing it) ผเู้ ชี่ยวชาญเป็ นท่ีเรียบร้อยแลว้ ไปตรวจสอบจริยธรรมของ การวิจัย โดยส่งให้คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยของ วธิ ีดาเนนิ การวจิ ยั วิทยาลยั พาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลยั บูรพาไดต้ รวจสอบ และอนุมตั ิก่อนท่ีจะนาแบบสอบถามน้ีไปใชเ้ ก็บขอ้ มลู จริง การศึกษาคร้ังน้ี ผูว้ ิจัยใช้รูปแบบวิธีการวิจัยเชิง ปริมาณ (Quantitative Research) โดยผูว้ ิจัยมีการกาหนด 3. ผลการศึกษาและอภปิ รายผล ประชากร และกลุ่มตวั อยา่ งตามข้นั ตอนการดาเนินการวจิ ยั ดงั ตอ่ ไปน้ี ผลการวเิ คราะห์โดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูปทางสถิติ นาเสนอผลการวิจยั ท้งั สถิติเชิงพรรณนาและสถิติอนุมาน กลุ่มตวั อย่าง โดยสถิติอนุมานใช้เทคนิคการวิเคราะห์ Discriminant Analysis ไดด้ งั น้ี ผูว้ ิจยั ไดก้ าหนดขนาดกลุ่มตวั อยา่ งท่ีใชใ้ นการวจิ ยั คือ นกั ธุรกิจ ผปู้ ระกอบการ และบุคลากรท้งั ภาครัฐและ เอกชนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ บุคคลทางดา้ นการบริหารการศึกษา โดยจานวนประชากร คือ จานวนหน่วยงานภาคธุรกิจและภาครัฐในนครหลวง เวยี งจนั ทร์ ซ่ึงคานวณไดจ้ ากสูตรทางสถิติของยามาเน่ แทน - 63 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) การวเิ คราะห์ข้อมูลทวั่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จากตารางท่ี 1 พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งนักธุรกิจ องคก์ ร ตารางที่ 1 จานวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม ภาครัฐและเอกชนใน สปป.ลาว ผู้ตอบแบบสอบถามมี จาแนกตามตาแหน่งงานในองคก์ ร ตาแหน่งงานในองคก์ รระดบั ปฏิบตั ิการมากที่สุด จานวน 163 คน คิดเป็ นร้อยละ 39.67 รองลงมาเป็ นผูบ้ ริหารระดับตน้ ตาแหน่งงานในองค์กร จานวน (คน) ร้อยละ จานวน 125 คน คิดเป็ นร้อยละ 30.41 อนั ดบั สามผูบ้ ริหาร ระดบั กลางจานวน 77 คนคิดเป็ นร้อยละ 18.73 น้อยที่สุดคือ ผบู้ ริหารระดบั ตน้ 125 30.41 ผบู้ ริหารระดบั สูงจานวน 46 คนคิดเป็ นร้อยละ 11.19 ผบู้ ริหารระดบั กลาง 77 18.73 ผบู้ ริหารระดบั สูง 46 11.19 ระดบั ปฏิบตั ิการ 163 39.67 รวม 411 100.00 ตารางที่ 2 จานวนและร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามความตอ้ งการฝึ กอบรมหวั ขอ้ ใน ความต้องการฝึ กอบรมหัวข้อในหลกั สูตรด้าน Professional Development จานวน (คน) ร้อยละ วางแผนเชิงกลยทุ ธ/์ ทกั ษะเชิงองคก์ ร 105 25.55 ผนู้ าตามสถานการณ์/ผนู้ าทางความคิด/การเปลี่ยนแปลง 44 10.70 บริหารโครงสร้าง/มงุ่ ผลสมั ฤทธ์ิและผลลพั ธ์ 73 17.76 บริหารงบประมาณ/วเิ คราะห์ตดั สินใจทางการเงินและบญั ชี 42 10.22 ขยายกิจการ/ธุรกิจระหวา่ งประเทศ/ธุรกิจขา้ มชาติ 59 14.36 การสร้างทีม/การบริหารทีมงานและความสมั พนั ธ์ 47 11.44 ธรรมาภิบาล/ความรับผิดชอบตอ่ สงั คม/ภาพลกั ษณ์ความยง่ั ยนื 40 9.73 อื่น ๆ ระบุ 1 0.24 รวม 411 100.00 ตารางที่ 3 จานวนและร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามความตอ้ งการฝึ กอบรมหวั ขอ้ ในหลกั สูตรดา้ น Modern technology Innovation Organizational Change ความต้องการฝึ กอบรมหัวข้อในหลกั สูตรด้าน Modern technology Innovation จานวน (คน) ร้อยละ Organizational Change ดา้ นการบริหารทรัพยส์ ินทางปัญญา 54 13.14 ดา้ นธุรกิจพาณิชยอ์ ิเลค็ ทรอนิกส์ 54 13.14 ดา้ นการพฒั นาIT/บริหารขอ้ มลู เชิงสถิติ/Computer Software 89 21.65 ดา้ นการวจิ ยั และพฒั นาองคก์ าร/สร้างนวตั กรรมใหมๆ่ 111 27.01 การจดั การความรู้/องคก์ รสมยั ใหม่ 100 24.33 อื่น ๆ ระบุ 3 0.73 รวม 411 100.00 - 64 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) จากตารางที่ 2 พบว่า กลุ่มตวั อย่างมีความต้องการ ความรับผิดชอบต่อสงั คม/ภาพลกั ษณ์ความยง่ั ยนื จานวน 40 ฝึ กอบรมหัวข้อในหลกั สูตรด้าน Professional Development คน คิดเป็ นร้อยละ 9.73 มากที่สุด คือ หวั ขอ้ การวางแผนเชิงกลยทุ ธ์/ทกั ษะเชิงองคก์ ร จานวน 105 คน คิดเป็ นร้อยละ 25.55 รองลงมาเป็ นหัวขอ้ จากตารางท่ี 3 พบว่า กลุ่มตวั อย่างมีความตอ้ งการ การบริหารโครงสร้าง/มุ่งผลสมั ฤทธ์ิและผลลพั ธ์ จานวน 73 ฝึ กอบรมหัวข้อในหลักสู ตรด้าน Modern technology คน คิดเป็ นร้อยละ 17.76 หัวขอ้ การขยายกิจการ/ธุรกิจ Innovation Organizational Change มากที่สุดคือ หัวขอ้ ดา้ น ระหว่างประเทศ/ธุรกิจขา้ มชาติ จานวน 59 คน คิดเป็ นร้อย การวิจยั และพฒั นาองคก์ าร/สร้างนวตั กรรมใหม่ ๆ จานวน ละ 14.36 หัวข้อการสร้างทีม/การบริ หารทีมงานและ 111 คน คิดเป็ นร้อยละ 27.01 รองลงมาคือ หัวข้อการ ความสมั พนั ธ์ จานวน 47 คน คิดเป็ นร้อยละ 11.44 หวั ขอ้ ผนู้ า จดั การความรู้/องคก์ รสมยั ใหม่ จานวน 100 คน คิดเป็ นร้อย ตามสถานการณ์/ผูน้ าทางความคิด/การเปล่ียนแปลง จานวน ละ 24.33 หัวขอ้ ดา้ นการพฒั นาIT/บริหารขอ้ มูลเชิงสถิติ/ 44 คน คิดเป็ นร้อยละ 10.70 หัวขอ้ การบริหารงบประมาณ/ Computer Software จานวน 89 คน คิดเป็ นร้อยละ 21.65 วิเคราะห์ตดั สินใจทางการเงินและบญั ชี จานวน 42 คน คิด นอ้ ยท่ีสุดคือ หวั ขอ้ ดา้ นการบริหารทรัพยส์ ินทางปัญญาและ เป็ นร้อยละ 10.22 และน้อยท่ีสุดคือ หัวขอ้ ธรรมาภิบาล/ หัวขอ้ ดา้ นธุรกิจพาณิชยอ์ ิเล็คทรอนิกส์ มีจานวนหัวขอ้ ละ เท่ากนั คือ 54 คน คิดเป็ นร้อยละ 13.14 เท่ากนั ตารางท่ี 4 จานวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จาแนกความต้องการฝึ กอบรมหัวข้อในหลักสูตร ด้าน Productivity/marketing Management ความต้องการฝึ กอบรมหัวข้อในหลกั สูตรด้าน Productivity/marketing จานวน (คน) ร้อยละ Management 88 21.41 ดา้ นการพฒั นาบริหารจดั การห่วงโซ่อปุ ทาน 72 17.52 ดา้ นการจดั การโลจิสติกส์และระบบขนส่ง 129 31.39 ดา้ นระบบบริหารคุณภาพ/การเพ่มิ ผลผลิต 23 5.60 ชีวอนามยั /ความปลอดภยั โรงงาน 26 6.33 บริหารลกู คา้ /ขอ้ ร้องเรียน 73 17.75 บริหารการขายและการตลาดสมยั ใหม่ 411 100.00 รวม จากตารางที่ 4 พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งมีความตอ้ งการ บริหารการขายและการตลาดสมยั ใหม่ จานวน 73 คน คิด ฝึ กอบรมหัวข้อในหลักสูตรด้าน Productivity/marketing เป็ นร้อยละ 17.75 หัวขอ้ ด้านการจัดการโลจิสติกส์และ Management มากท่ีสุดคือ หวั ขอ้ ดา้ นระบบบริหารคุณภาพ/ ระบบขนส่ง จานวน 72 คน คิดเป็ นร้อยละ 17.52 หวั ขอ้ ดา้ น การเพิ่มผลผลิต จานวน 129 คน คิดเป็ นร้อยละ 31.39 บริหารลูกคา้ /ขอ้ ร้องเรียน จานวน 26 คน คิดเป็ นร้อยละ รองลงมาหัวข้อด้านการพัฒนาบริ หารจัดการห่วงโซ่ 6.33 และนอ้ ยท่ีสุดคือ หวั ขอ้ ดา้ นชีวอนามยั /ความปลอดภยั อุปทาน จานวน 88 คน คิดเป็ นร้อยละ 21.41 หัวขอ้ ดา้ น โรงงาน จานวน 23 คน คิดเป็ นร้อยละ 5.60 - 65 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ตารางท่ี 5 จานวนและร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม จาแนกตามความตอ้ งการฝึ กอบรมหวั ขอ้ ในหลกั สูตรดา้ น Personal Effectiveness ความต้องการฝึ กอบรมหวั ข้อในหลกั สูตรด้าน Personal Effectiveness จานวน (คน) ร้อยละ ระบบจา้ ง ปลดออก/สรรหา/บารุงรักษาบุคลากร 89 21.65 บริหารคา่ ตอบแทน สวสั ดิการ/ผลการปฏิบตั ิงาน 159 38.69 การบริหารความหลากหลายทางวฒั นธรรม 57 13.87 บริหารความขดั แยง้ /ความเครียดและความกดดนั ในที่ทางาน 81 19.71 การลดความรุนแรงในท่ีทางาน/การล่วงละเมิดทางเพศ/กฎหมาย 22 5.35 แรงงาน/สหภาพแรงงาน อื่น ๆ ระบุ 3 0.73 411 100.00 รวม จากตารางท่ี 5 พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งมีความตอ้ งการ บริหารความหลากหลายทางวฒั นธรรม จานวน 57 คน คิด ฝึ กอบรมหัวข้อในหลักสูตรด้าน Personal Effectiveness เป็ นร้อยละ 13.87 และน้อยที่สุดคือหัวข้อการลดความ มากที่สุดคือ หัวขอ้ ดา้ นบริหารค่าตอบแทน สวสั ดิการ/ผล รุ นแรงในที่ทางาน/การล่วงละเมิดทางเพศ/กฎหมาย การปฏิบัติงาน จานวน 159 คน คิดเป็ นร้อยละ 38.69 แรงงาน/สหภาพแรงงาน จานวน 22 คน คิดเป็ นร้อยละ 5.35 รองลงมาหวั ขอ้ ดา้ นระบบจา้ ง ปลดออก/สรรหา/บารุงรักษา บุคลากร จานวน 89 คน คิดเป็ นร้อยละ 21.65 หัวขอ้ ดา้ น ผลการวเิ คราะห์ Discriminant Analysis บริหารความขัดแยง้ /ความเครียดและความกดดันในท่ี ทางาน จานวน 81 คน คิดเป็ นร้อยละ 19.71 หัวขอ้ ดา้ นการ H1.1: ปัจจัยทกั ษะด้านต่างๆ มคี วามสัมพันธ์ต่อการ ตดั สินใจเลือกหลกั สูตรด้าน Professional Development ตารางที่ 6 ค่าสัมประสิทธ์ิมาตรฐานของปัจจยั ทกั ษะดา้ นต่าง ๆ จาแนกกลุ่มการตดั สินใจเลือกหลกั สูตรดา้ น Professional Development ปัจจยั ทกั ษะด้านต่างๆ 1 2 Function 5 6 34 ทกั ษะงาน 0.413 0.452 -0.586 -0.356 -0.512 -0.102 ทกั ษะสื่อสาร -0.007 -0.489 -1.058 0.548 0.701 -0.369 ทกั ษะมนุษยสมั พนั ธ์ -0.577 0.867 0.267 0.939 -0.377 0.436 ทกั ษะผนู้ า 0.471 -0.762 0.766 0.456 -0.140 -0.723 ทกั ษะลกู คา้ 1.264 0.290 0.265 -0.370 -0.344 0.416 ทกั ษะธุรกิจ -0.714 -0.775 -0.152 -0.151 0.454 1.035 ทกั ษะวเิ คราะห์แยกแยะ -0.280 0.725 0.533 -0.583 0.921 -0.353 - 66 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) จากตารางที่ 6 การศึกษาโดยใหท้ กั ษะดา้ นตา่ ง ๆ ใน บริหารโครงสร้าง การบริหารงบประมาณ การขยายกิจการ การปฏิบตั ิงานของพนักงาน จานวน 7 ดา้ น คือ ทกั ษะงาน การสร้างทีมและธรรมาภิบาล พบว่าตัวแปรท่ีสามารถ ทกั ษะส่ือสาร ทกั ษะมนุษยสัมพนั ธ์ ทกั ษะผนู้ า ทกั ษะลูกคา้ พยากรณ์การตัดสิ นใจเลือกหัวข้อในหลักสู ตรด้าน ทกั ษะธุรกิจ และทกั ษะวิเคราะห์แยกแยะเป็ นตวั แปรอิสระ Professional Development ได้ดีท่ีสุดตามลาดับคือ ทักษะ หรือตวั แปรตน้ ในการแบ่งกลมุ่ หวั ขอ้ ของหลกั สูตรทางดา้ น ลูกคา้ ทกั ษะผนู้ า ทกั ษะงาน ทกั ษะส่ือสาร ทกั ษะวิเคราะห์ Professional Development (ตวั แปรตาม) จานวน 7 หัวขอ้ แยกแยะ ทกั ษะมนุษยสมั พนั ธ์ และทกั ษะธุรกิจ คือ การวางแผนเชิงกลยุทธ์ ผู้นาการเปลี่ยนแปลง การ ตารางท่ี 7 ค่าสัมประสิทธ์ิของตวั แปรปัจจยั ทกั ษะดา้ นต่าง ๆ ในสมการพยากรณ์การเป็ นสมาชิกกลุ่มจาแนกตามหัวขอ้ ใน กลมุ่ หลกั สูตรดา้ น Professional Development ปัจจยั ทกั ษะด้าน วางแผน ผ้นู าและการ Professional Development การสร้าง ธรรมาภบิ าล ต่าง ๆ เชิงกลยุทธ์ เปลย่ี นแปลง บริหาร บริหาร ขยาย ทมี โครงสร้าง งบประมาณ กจิ การ ทกั ษะงาน 4.623 4.645 4.511 4.344 5.253 4.730 4.986 ทกั ษะสื่อสาร -0.421 -0.881 -0.662 -0.898 -0.439 -0.271 -1.320 ทกั ษะมนุษยสมั พนั ธ์ 2.293 2.623 2.387 2.160 2.126 1.182 1.886 ทกั ษะผนู้ า 2.279 1.998 1.930 1.889 1.438 2.573 2.468 ทกั ษะลูกคา้ 3.096 3.321 2.632 2.495 3.335 3.620 4.252 ทกั ษะธุรกิจ 1.402 1.072 1.604 2.054 1.148 1.515 0.669 ทกั ษะวเิ คราะห์ 1.394 2.177 1.936 1.980 1.799 1.333 1.930 แยกแยะ (Constant) -32.416 -34.498 -31.365 -30.712 -33.051 -33.493 -34.448 ตารางที่ 8 ค่าความถูกตอ้ งในการพยากรณ์การเป็ นสมาชิกกลมุ่ ของหวั ขอ้ ในกลมุ่ หลกั สูตรดา้ น Professional Development Professional Development Predicted Group Membership Total 123 45 6 7 Original % 1 66.0 8.5 11.3 1.9 9.4 0 2.8 100.0 2 29.5 36.4 15.9 2.3 6.8 0 9.1 100.0 3 42.5 12.3 32.9 1.4 6.8 1.4 2.7 100.0 4 38.1 14.3 19.0 14.3 11.9 2.4 0 100.0 5 35.6 18.6 10.2 3.4 22.0 3.4 6.8 100.0 6 38.3 12.8 10.6 6.4 4.3 19.1 8.5 100.0 7 42.5 10.0 10.0 2.5 2.5 0 32.5 100.0 - 67 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) จากตารางที่ 7 จะสามารถเขียนค่าสัมประสิทธ์ิของ ถูกตอ้ งในการพยากรณ์ต่าที่สุด คือ 14.30 % หรือพยากรณ์ สมการพยากรณ์การเป็ นสมาชิกกลุ่มจาแนกตามกลุ่มได้ 7 ผิด 85.70 % (100 – 14.30) ในขณะท่ีกลุ่มท่ี 1 คือหวั ขอ้ การ กลุ่ม เพ่ือหากมีขอ้ มูลทกั ษะที่เป็ นตวั แปรตน้ ก็จะสามารถ วางแผนเชิงกลยทุ ธม์ ีความถูกตอ้ งในการพยากรณ์สูงสุด คอื พยากรณ์กลมุ่ ไดว้ า่ อยใู่ นกลุ่มใด 66 % จากตารางท่ี 8 แสดงความถูกตอ้ งในการพยากรณ์ H1.2: ปัจจัยทกั ษะด้านต่างๆ มคี วามสัมพนั ธ์ต่อการ ของหวั ขอ้ ในกลมุ่ หลกั สูตร ดา้ น Professional Development ตั ด สิ น ใ จ เ ลื อ ก ห ลั ก สู ต ร ด้ า น Modern โดยวิธี original พบวา่ จะพยากรณ์กลุ่มไดถ้ ูกตอ้ ง 36.70 % technology/Innovation/Organizational Change แต่ถา้ ใช้วิธี cross-validated จะพยากรณ์กลุ่มไดถ้ ูกตอ้ ง 66 % และพบว่ากลุ่มที่ 4 คือหัวขอ้ บริหารงบประมาณมีความ ตารางที่ 9 ค่าสัมประสิทธ์ิมาตรฐานของปัจจยั ทักษะดา้ นต่าง ๆ จาแนกกลุ่มการตดั สินใจเลือกหลกั สูตรด้าน Modern technology/Innovation/Organizational Change ปัจจยั ทกั ษะด้านต่างๆ Function 1 23 4 ทกั ษะงาน 0.312 0.291 1.075 0.216 ทกั ษะส่ือสาร -0.520 -0.937 -1.009 0.860 ทกั ษะมนุษยสมั พนั ธ์ 0.976 -0.761 0.148 -0.350 ทกั ษะผนู้ า -0.082 1.040 -0.034 0.381 ทกั ษะลูกคา้ -0.704 0.414 0.061 -0.345 ทกั ษะธุรกิจ -0.236 -0.272 0.610 0.462 ทกั ษะวเิ คราะห์แยกแยะ 0.680 0.515 -0.819 -0.356 ตารางที่ 10 ค่าสมั ประสิทธ์ิของตวั แปรปัจจยั ทกั ษะดา้ นตา่ ง ๆ ในสมการพยากรณ์การเป็ นสมาชิกกลุ่มจาแนกตามหวั ขอ้ ใน กลมุ่ หลกั สูตรดา้ น Modern Technology/ Innovation/Organizational Change Modern technology/Innovation/Organizational Change ปัจจยั ทกั ษะด้านต่าง ๆ บริหารทรัพย์สิน ด้านธุรกจิ พาณชิ ย์ ด้านการ การวจิ ยั และ การจดั การ ทางปัญญา อเิ ลค็ ทรอนกิ ส์ พฒั นาIT พฒั นา องค์กรสมยั ใหม่ ทกั ษะงาน 5.034 4.926 4.545 4.528 4.447 ทกั ษะส่ือสาร -1.650 -0.719 -0.676 -0.709 -0.548 ทกั ษะมนุษยสมั พนั ธ์ 2.225 2.523 2.572 2.551 1.626 ทกั ษะผนู้ า 2.725 2.021 2.232 1.907 2.422 ทกั ษะลูกคา้ 2.758 2.526 2.429 2.657 3.121 ทกั ษะธุรกิจ 1.575 2.040 1.594 1.733 1.824 ทกั ษะวเิ คราะห์แยกแยะ 2.344 1.578 2.301 1.889 1.667 (Constant) -33.818 -33.330 -33.647 -31.852 -32.007 - 68 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) จากตารางท่ี 9 การศึกษาโดยใหท้ กั ษะดา้ นตา่ ง ๆ ใน สมัยใหม่ พบว่าตัวแปรท่ีสามารถพยากรณ์การตดั สินใจ การปฏิบตั ิงานของพนกั งาน จานวน 7 ดา้ น คือ ทกั ษะงาน เ ลื อ ก หั ว ข้อ ใ น ห ลัก สู ต ร ด้ า น Modern technology/ ทกั ษะสื่อสาร ทกั ษะมนุษยสัมพนั ธ์ ทกั ษะผนู้ า ทกั ษะลูกคา้ Innovation/ Organizational Change ไดด้ ีที่สุดตามลาดบั คือ ทกั ษะธุรกิจ และทกั ษะวเิ คราะห์แยกแยะเป็ นตวั แปรอิสระ ทกั ษะมนุษยสัมพนั ธ์ ทกั ษะวิเคราะห์แยกแยะ ทกั ษะงาน หรือตวั แปรตน้ ในการแบ่งกลมุ่ หวั ขอ้ ของหลกั สูตรทางดา้ น ทกั ษะผนู้ า ทกั ษะธุรกิจ ทกั ษะสื่อสารและทกั ษะลูกคา้ Modern technology/ Innovation/ Organizational Change ที่ ประกอบดว้ ยจานวน 5 หัวขอ้ คือ ดา้ นการบริหารทรัพยส์ ิน จากตารางที่ 10 จะสามารถเขียนคา่ สมั ประสิทธ์ิของ ทางปัญญา ดา้ นธุรกิจพาณิชยอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ ดา้ นการพฒั นา สมการพยากรณ์การเป็ นสมาชิกกลุ่มจาแนกตามกลุ่มได้ 5 IT ดา้ นการวจิ ยั และพฒั นาองคก์ าร และการจดั การ องคก์ ร กลุ่ม เพ่ือหากมีขอ้ มูลทกั ษะท่ีเป็ นตวั แปรตน้ ก็จะสามารถ พยากรณ์กลุ่มไดว้ า่ อยใู่ นกล่มุ ใด ตารางที่ 11 ค่าความถูกต้องในการพยากรณ์การเป็ นสมาชิกกลุ่มของหัวข้อในกลุ่มหลักสู ตรด้าน Modern technology/Innovation/Organizational Change Modern technology/Innovation/ Predicted Group Membership Total Organizational Change 1 2 3 4 5 Original % 1 33.3 5.6 46.3 5.6 9.3 100.0 2 20.4 24.1 40.7 3.7 11.1 100.0 3 12.4 10.1 62.9 7.9 6.7 100.0 4 18.0 15.3 40.5 11.7 14.4 100.0 5 13.0 13.0 41.0 8.0 25.0 100.0 จากตารางที่ 11 แสดงความถูกตอ้ งในการพยากรณ์ พยากรณ์ต่าที่สุด คือ 11.70 % หรือพยากรณ์ผิด 88.30 % ข อ ง หั ว ข้ อ ใ น ก ลุ่ ม ห ลั ก สู ต ร ด้ า น Modern (100 – 11.70) ในขณะท่ีกลุ่ม 3 คือหัวขอ้ ดา้ นการพฒั นา IT technology/Innovation/Organizational Change โ ด ย วิ ธี มีความถกู ตอ้ งในการพยากรณ์สูงสุด คือ 62.90 % original พบวา่ จะพยากรณ์กลุ่มไดถ้ ูกตอ้ ง 30.60% แต่ถา้ ใช้ วิธี cross-validated จะพยากรณ์กลุ่มไดถ้ กู ตอ้ ง 62.90% และ H1.3: ปัจจัยทกั ษะด้านต่างๆ มีความสัมพนั ธ์ต่อการ พบว่ากลุ่มท่ี 4 คือหัวขอ้ การวิจยั และพฒั นาถูกตอ้ งในการ ตดั สินใจเลือกหลกั สูตร ด้าน Productivity/ Marketing - 69 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ตารางที่ 12 ค่าสัมประสิทธ์ิมาตรฐานของปัจจัยทักษะด้านต่าง ๆ จาแนกกลุ่มการตัดสินใจเลือกหลักสูตรด้าน Productivity/Marketing ปัจจยั ทกั ษะด้านต่างๆ Function 12 3 45 ทกั ษะงาน 0.584 0.520 0.037 -0.326 0.114 ทกั ษะสื่อสาร 0.359 0.430 -1.032 -0.340 -0.030 ทกั ษะมนุษยสมั พนั ธ์ 0.471 -0.231 0.614 0.488 -1.198 ทกั ษะผนู้ า -0.011 -0.578 0.704 -1.044 0.585 ทกั ษะลกู คา้ -0.771 0.156 -0.244 0.346 -0.059 ทกั ษะธุรกิจ -0.636 0.798 0.449 -0.110 -0.007 ทกั ษะวเิ คราะห์แยกแยะ 0.313 -0.317 0.094 1.140 0.809 จากตารางที่ 12 การศึกษาโดยให้ทกั ษะดา้ นต่าง ๆ จัดการโลจิสติกส์ ด้านระบบบริหารคุณภาพ ด้านความ ในการปฎิบตั ิงานของพนกั งาน จานวน 7 ดา้ น คือ ทกั ษะ ปลอดภัยโรงงาน ด้านบริหารลูกค้าและด้านการตลาด งาน ทกั ษะสื่อสาร ทกั ษะมนุษยสมั พนั ธ์ ทกั ษะผนู้ า ทกั ษะ สมัยใหม่ พบว่าตวั แปรท่ีสามารถพยากรณ์การตดั สินใจ ลูกคา้ ทกั ษะธุรกิจ และทกั ษะวเิ คราะห์แยกแยะเป็ นตวั แปร เลือกหัวขอ้ ในหลกั สูตรด้าน Productivity/Marketing ได้ดี อิสระหรือตวั แปรตน้ ของการแบ่งกลุ่มหัวขอ้ ของหลกั สูตร ที่สุดตามลาดบั คือ ทกั ษะงาน ทกั ษะมนุษยสัมพนั ธ์ ทกั ษะ ทางด้าน Productivity/Marketing ที่ประกอบด้วย 5 หัวขอ้ ส่ือสาร ทกั ษะวิเคราะห์แยกแยะ ทกั ษะผูน้ า ทักษะธุรกิจ คือ ด้านการพัฒนาบริ หารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ด้าน และทกั ษะลกู คา้ ตารางที่ 13 ค่าสัมประสิทธ์ิของตวั แปรปัจจยั ทกั ษะดา้ นตา่ ง ๆ ในสมการพยากรณ์การเป็ นสมาชิกกลุ่มจาแนกตามหวั ขอ้ ใน กลุ่มหลกั สูตรดา้ น Productivity/Marketin Productivity/Marketing ปัจจยั ทกั ษะด้านต่าง ๆ จดั การห่วง จดั การโลจิ บริหาร ความปลอดภยั บริหาร การตลาด โซ่อปุ ทาน สตกิ ส์ คณุ ภาพ โรงงาน ลูกค้า สมยั ใหม่ ทกั ษะงาน 5.051 4.609 4.630 4.943 4.183 5.061 ทกั ษะสื่อสาร -0.691 -0.893 -0.481 -0.253 -1.268 -0.288 ทกั ษะมนุษยส์ มั พนั ธ์ 2.370 2.488 1.916 2.922 2.409 2.267 ทกั ษะผนู้ า 2.277 1.736 1.928 1.886 2.212 1.424 ทกั ษะลกู คา้ 2.333 2.707 2.826 2.062 3.139 2.739 ทกั ษะธุรกิจ 1.836 1.748 1.838 0.828 2.372 2.181 ทกั ษะวเิ คราะห์แยกแยะ 1.772 2.293 1.729 1.903 1.288 1.628 (Constant) -33.849 -32.774 -31.550 -31.149 -31.615 -34.242 - 70 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ตารางท่ี 14 คา่ ความถูกตอ้ งในการพยากรณ์การเป็ นสมาชิกกลุ่มของหวั ขอ้ ในกลมุ่ หลกั สูตรดา้ น Productivity/Marketing Productivity/Marketing 1 Predicted Group Membership 6 Total 2345 Original % 1 19.3 13.6 9.1 15.9 14.8 27.3 100.0 2 9.7 18.1 9.7 23.6 11.1 27.8 100.0 3 14.0 14.0 20.2 14.7 10.9 26.4 100.0 40 13.0 8.7 47.8 8.7 21.7 100.0 5 15.4 7.7 3.8 15.4 53.8 3.8 100.0 6 12.3 11.0 6.8 13.7 11.0 45.2 100.0 จากตารางที่ 13 จะสามารถเขียนค่าสมั ประสิทธ์ิของ 53.80 % และพบว่ากลุ่มท่ี 2 คือหัวขอ้ จดั การโลจิสติกส์มี สมการพยากรณ์การเป็ นสมาชิกกลุ่มจาแนกตามกลุ่มได้ 6 ความถูกต้องในการพยากรณ์ต่าท่ีสุด คือ 18.10 % หรือ กลุ่มเพื่อหากมีขอ้ มูลทกั ษะที่เป็ นตวั แปรตน้ ก็จะสามารถ พยากรณ์ผิด 81.90 % (100 – 18.10) ในขณะที่กลุ่ม 5 คือ พยากรณ์กล่มุ ไดว้ า่ อยใู่ นกลุ่มใด หวั ขอ้ ดา้ นการตลาดสมยั ใหมม่ ีความถูกตอ้ งในการพยากรณ์ สูงสุด คือ 53.80 % จากตารางที่ 14 แสดงความถูกตอ้ งในการพยากรณ์ ของหัวข้อในกลุ่มหลักสูตร ด้าน Productivity/Marketing H1.4: ปัจจยั ทกั ษะดา้ นต่างๆ มีความสัมพนั ธ์ต่อการ โดยวิธี original พบวา่ จะพยากรณ์กลุ่มไดถ้ ูกตอ้ ง 27.70 % ตดั สินใจเลือกหลกั สูตร ดา้ น Personal Effectiveness แต่ถ้าใช้วิธี cross-validated จะพยากรณ์กลุ่มได้ถูกต้อง ตารางท่ี 15 ค่าสัมประสิทธ์ิมาตรฐานของปัจจยั ทกั ษะดา้ นต่าง ๆ จาแนกกลุ่มการตดั สินใจเลือกหลกั สูตรด้าน Personal Effectiveness ปัจจยั ทกั ษะด้านต่างๆ Function 1234 ทกั ษะงาน -0.277 -0.007 0.429 -0.401 ทกั ษะส่ือสาร 0.511 0.144 0.797 -0.807 ทกั ษะมนุษยสมั พนั ธ์ -0.814 0.503 -0.785 -0.010 ทกั ษะผนู้ า 0.537 -0.485 -0.069 0.307 ทกั ษะลูกคา้ 0.286 1.067 -0.361 -0.029 ทกั ษะธุรกิจ 0.812 -0.509 -0.128 0.482 ทกั ษะวเิ คราะห์แยกแยะ -0.801 0.048 0.601 0.946 - 71 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ตารางที่ 16 ค่าสมั ประสิทธ์ิของตวั แปรปัจจยั ทกั ษะดา้ นต่าง ๆ ในสมการพยากรณ์การเป็ นสมาชิกกลุ่มจาแนกตามหวั ขอ้ ใน กลุม่ หลกั สูตรดา้ น Personal Effectiveness Personal Effectiveness ปัจจยั ทกั ษะด้านต่าง ๆ สรรหา บริหาร บริหารหลากหลาย บริหารความ การลดความ ทกั ษะงาน บุคลากร ค่าตอบแทน ทางวฒั นธรรม ขดั แย้ง รุนแรงในทท่ี างาน ทกั ษะส่ือสาร 4.685 4.625 4.906 ทกั ษะมนุษยสมั พนั ธ์ -0.481 -0.523 4.935 4.953 -0.681 ทกั ษะผนู้ า 2.399 1.959 2.801 ทกั ษะลูกคา้ 1.611 1.951 -0.995 -0.111 1.146 ทกั ษะธุรกิจ 3.300 2.823 3.418 ทกั ษะวเิ คราะห์แยกแยะ 1.655 2.058 2.741 1.771 1.045 (Constant) 1.584 1.683 2.669 1.459 1.737 -32.971 -32.232 -35.353 2.433 2.698 1.295 1.749 2.350 1.994 -30.669 -33.056 จากตารางท่ี 15 การศึกษาโดยให้ทกั ษะดา้ นต่าง ๆ แปรที่สามารถพยากรณ์การตัดสิ นใจเลือกหัวข้อใน ในการปฎิบตั ิงานของพนักงาน จานวน 7 ดา้ น คือ ทกั ษะ หลักสูตรด้าน Personal Effectiveness ได้ดีที่สุดตามลาดับ งาน ทกั ษะส่ือสาร ทกั ษะมนุษยสัมพนั ธ์ ทกั ษะผูน้ า ทกั ษะ คือ ทักษะธุรกิจ ทักษะผู้นา ทักษะสื่อสาร ทักษะลูกค้า ลูกคา้ ทกั ษะธุรกิจ และทกั ษะวิเคราะห์แยกแยะเป็ นตวั แปร ทักษะงาน ทักษะวิเคราะห์แยกแยะและทักษะมนุษย อิสระหรือตวั แปรตน้ ของการแบ่งกลุ่มหัวขอ้ ของหลกั สูตร สมั พนั ธ์ ทางด้าน Personal Effectiveness ท่ีประกอบด้วยจานวน 4 หวั ขอ้ คือ ดา้ นสรรหาบุคลากร ดา้ นบริหารค่าตอบแทน การ จากตารางที่ 16 จะสามารถเขียนค่าสัมประสิทธ์ิของ บริหารความหลากหลายทางวฒั นธรรม การบริหารความ สมการพยากรณ์การเป็ นสมาชิกกลุ่มจาแนกตามกลุ่มได้ 5 ขดั แยง้ และด้านการลดความรุนแรงในท่ีทางาน พบว่าตวั กลุ่มเพ่ือหากมีขอ้ มูลทกั ษะท่ีเป็ นตวั แปรตน้ ก็จะสามารถ พยากรณ์กลุ่มไดว้ า่ อยใู่ นกลมุ่ ใด ตารางท่ี 17 คา่ ความถูกตอ้ งในการพยากรณ์การเป็ นสมาชิกกลมุ่ ของหวั ขอ้ ในกลมุ่ หลกั สูตรดา้ น Personal Effectiveness Personal Effectiveness Predicted Group Membership 5 Total 1 234 31.5 Original % 1 21.3 15.7 13.5 18.0 27.7 100.0 2 11.9 23.3 14.5 22.6 24.6 100.0 3 10.5 15.8 35.1 14.0 32.1 100.0 4 6.2 12.3 14.8 34.6 63.6 100.0 5 13.6 9.1 9.1 4.5 100.0 - 72 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) จากตารางท่ี 17 แสดงความถูกตอ้ งในการพยากรณ์ มนุษย์แบบบูรณาการ กระทรวงแผนการและการ ของหัวข้อในกลุ่มหลักสูตร ด้าน Personal Effectiveness ลงทุน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. โดยวิธี original พบว่าจะพยากรณ์กลุ่มไดถ้ ูกตอ้ ง 28.90 % ลาว) หลังปี 2563. วารสารวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ แต่ถ้าใช้วิธี cross-validated จะพยากรณ์กลุ่มได้ถูกต้อง บูรพาปริทศั น.์ 11(1). 69-80 63.60 % และพบว่ากลุ่มท่ี 1 คือหัวข้อด้านการสรรหา บุคลากร มีความถกู ตอ้ งในการพยากรณ์ต่าท่ีสุด คือ 21.30 % [7] สมคิด บางโม. (2559). เทคนิคการฝึ กอบรมและการ หรือพยากรณ์ผดิ 78.70 % (100 – 21.30) ในขณะที่กลมุ่ 5 คือ ประชุม. พิมพ์คร้ังท่ี 6 กรุงเทพ ฯ: บริษทั วิทยพฒั น์ หวั ขอ้ ดา้ นการลดความรุนแรงในท่ีทางานมีความถูกตอ้ งใน จากดั . การพยากรณ์สูงสุด คือ 63.60 % [8] ชูชัย สมิทธิไกร. (2558). การฝึ กอบรมบุคลากรใน เอกสารอ้างองิ องคก์ ร. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . [1] Marsh, C. J., & Willis, G. (1995). Curriculum: [9] อานวย แสงสวา่ ง. (2544). การจดั การทรัพยากรมนุษย.์ Alternative approaches, ongoing issues. Englewood กรุงเทพฯ: สานกั พิมพอ์ กั ษราพพิ ฒั น์. Cliffs, N.J: Merrill. [2] Rovinelli and Hambleton (1977). Indexes of Item- Objective Congruence for Multidimensional Items, International Journal of Testing, Mahwah, New Jersey London. [3] Tanner, D., & Tanner, L. (2007). Curriculum Development: Theory into Practice (4th ed.). Upper Saddle River, New Jersey Columbus, Ohio: Pearson Merrill Prentice Hall. [4] Taba, H. 1962. Curriculum development: theory and practice. New York, NY: Harcourt, Brace & World. [5] กรมจัดต้ังและพนักงาน. (2008). กฎหมายว่าด้วย การศึกษาแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชน ลาว. ฉบับปรั บปรุ ง. นครห ลวงเวียงจันทน์: กระทรวงศึกษาธิการและกีฬา. กรมสามัญศึกษา. (2000). เอกสารการคุม้ ครองโรงเรียนประถมศึกษา ส.ป.ป. ลาว. นครหลวงเวยี งจนั ทน:์ กรมสามญั ศึกษา. [6] นิดถา บุบผา และบรรพต วริ ุณราช. (2559). การพฒั นา รูปแบบการจัดหางบประมาณเพื่อพฒั นาทรัพยากร - 73 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ค่านิยมและการสนับสนุนจากคนใกล้ชิดทมี่ ีต่อการตดั สินใจทาศัลยกรรมของนักศึกษาในจังหวดั นครปฐม วศิ ิษฐ์ ฤทธิบุญไชย1* อโนชานนั ต์ ดีสวสั ด์ิ1 สุกญั ญา ทิพหา2 และ วรินทร กงั วาลทิพย2์ 1ภาควชิ าการจดั การทวั่ ไป คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม 2หลกั สูตรการจดั การมหาบณั ฑิต, วทิ ยาลยั บณั ฑิตศึกษาดา้ นการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ศรีปทุม *E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษา 1. การตดั สินใจทาศลั ยกรรมของนกั ศึกษาในจงั หวดั นครปฐม จาแนกตาม ปัจจยั ส่วนบุคคล และ 2.การตดั สินใจทาศลั ยกรรมของนกั ศึกษาในจงั หวดั นครปฐม จาแนกตามค่านิยม และการสนบั สนุน จากคนใกลช้ ิด ผวู้ จิ ยั ดาเนินการเก็บจากนกั ศึกษาท่ีตดั สินใจทาศลั ยกรรมในจงั หวดั นครปฐม จานวน 400 ราย ดว้ ยวธิ ีการสุ่ม แบบกอ้ นหิมะ สถิติที่ใชไ้ ดแ้ ก่ ความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน การทดสอบ t การวิเคราะห์ความแปรปรวน แบบทางเดียว การหาค่าสหสมั พนั ธ์แบบเพียร์สนั และการวเิ คราะห์สมการถดถอยพหุคูณ ผลการวิจยั พบวา่ 1.การตดั สินใจ ทาศลั ยกรรมของนกั ศึกษาในจงั หวดั นครปฐม มีความแตกตา่ งกนั ตาม เพศ และรายได้ อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 2. การตดั สินใจทาศลั ยกรรมของนกั ศึกษาในจงั หวดั นครปฐม เกิดจากปัจจยั ค่านิยมสงั คม (b=0.30) ค่านิยมจิตใจ (b=0.36) และ อิทธิพลจากบุคคลใกลช้ ิด (b=0.49) ตามลาดบั สมการมีอานาจในการพยากรณ์เท่ากบั ร้อยละ 42 และสามารถเขียนเป็ น สมการไดด้ งั น้ี Y = 1.18+0.30 X1(คา่ นิยมสงั คม) **+0.36 X2(ค่านิยมจิตใจ)**+0.49 X3 (อิทธิพลจากบุคคลใกลช้ ิด)** คำสำคญั : คา่ นิยม อิทธิพลจากบุคคลใกลช้ ิด การทาศลั ยกรรม 1. บทนา ทาให้ผูบ้ ริโภคหลายๆคนเริ่มหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกบั “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” เป็ นคาสุภาษิต การทาศัลยกรรมกันมากข้ึน เพราะการทาศัลยกรรมไม่ คาพงั เพยไทย ที่ทุกคนในสังคมไทยไดย้ ินและไดฟ้ ังกนั มา เพียงแต่จะเปลี่ยนรูปร่างหนา้ ตาเท่าน้นั แตย่ งั สามารถเปล่ียน เป็ นอย่างดี จนกลายเป็ นส่วนหน่ึงในวิถีชีวิตประจาวนั ชีวิต ความเป็ นอยู่ใหด้ ีไดข้ ้ึนอีกดว้ ยบริการศลั ยกรรมเสริม สาหรับคนไทย ซ่ึงตรงกับขอ้ คิดในเร่ืองของการตกแต่ง ความงามยอดนิยมในประเทศไทย ไดแ้ ก่ ศลั ยกรรมบริเวณ ทาศลั ยกรรมความงาม ซ่ึงปัจจุบนั ทุกคนมีสิทธ์ิท่ีจะดูดีได้ ใบหนา้ ไม่วา่ จะเป็ นการทาตา กรีดตา ดึงหนา้ ทาจมูก ส่วน ถา้ รู้จกั เสริมเติมแต่ง ท้งั ในชายและหญิง เน่ืองเพราะแต่ละ ท่ีไดร้ ับความนิยมรองลงมาคือ ศลั ยกรรมหนา้ อกประเภท คนไม่ได้เกิดมามีบุคลิกหน้าตาที่ดีเท่ากันทุกคน การ เสริมหนา้ อก หรือดูดไขมนั เฉพาะบางส่วน ทาศลั ยกรรมจึงเป็ นตวั ช่วยในอีกรูปแบบหน่ึง ท่ีจะช่วยปรับ เสริม เติมแต่ง ให้แก่บุคคลที่ไม่พึงพอใจกบั รูปร่างหนา้ ตา ในอดีตการทาศลั ยกรรมเพ่ือความสวยงาม เช่น การ ของตนเอง สามารถมีรูปร่างหนา้ ตาท่ีดีข้ึน จนเป็ นที่น่าพอใจ ทาจมูก หรือทาหนา้ อกให้ขยายข้ึนยงั ไม่ไดร้ ับการยอมรับ ได้ จึงมกั ทาใหผ้ ทู้ ่ีไปเสริมแต่งมาตอ้ งปกปิ ด หรือบ่ายเบ่ียงท่ีจะ ปัจจุบนั กระแสการทาศลั ยกรรมมาแรง โดยเฉพาะ พดู ถึงดว้ ยกาลเวลาที่ผา่ นไป ทาใหบ้ ริบทของการยอมรับเร่ิม จากส่ือต่างๆ ท่ีเผยแพร่การทาศลั ยกรรมจากประเทศเพื่อน ม ากข้ึ น ใ น ยุค ปั จ จุ บัน ท่ี ดู เ หมื อ นนับวัน เ ร่ื อ ง การ บา้ นอย่างเกาหลี หรือแมแ้ ต่กระแสการทาศลั ยกรรมของ ทาศลั ยกรรมเสริมความงามเฉพาะจุดใดจุดหน่ึงของร่างกาย ประเทศไทยเองจากกระแสต่างๆ ที่เผยแพร่ในสังคมไทย ไดก้ ลายเป็ นเร่ืองท่ีไดร้ ับการยอมรับในสงั คมไทย หน่ึงใน สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงมุมมองของคนไทยเรื่องน้ีก็คือ - 74 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) การนาเสนอขอ้ มูลข่าวสารเก่ียวกับการทาศลั ยกรรมเสริม แรงจูงใจในการทาศัลยกรรมจากธรรมชาติของวยั รุ่นท่ีรัก ความงามอยา่ งแพร่หลายในส่ือมวลชนท้งั ในประเทศและ สวยรักงาม ตามดารานักร้องจึงกลา้ ท่ีจะเปลี่ยนแปลงเพื่อ ต่างประเทศสาหรับผูป้ ระกอบกิจการดา้ นศลั ยกรรมเสริม รูปลกั ษณ์ภายนอกที่ดีข้ึน ประกอบกบั กระแสศิลปิ นเกาหลีที่ ความงามในประเทศไทย นิตยสารแฟชน่ั และโลกไซเบอร์ กาลงั ระบาดหนกั อยใู่ นบา้ นเราในยามน้ีทาให้การศลั ยกรรม จัดเป็ นสื่อมวลชนประเภทหน่ึงท่ีพวกสถาบันเสริมความ เป็ นเร่ืองธรรมดาส่งผลใหผ้ ปู้ ระกอบการในธุรกิจคลินิกความ งานนิยมใชเ้ พื่อโฆษณาและประชาสัมพนั ธ์กิจการของตน งามในตลาดจะตอ้ งเผชิญกบั สภาวะการแข่งขนั ที่รุนแรงข้ึน โดยนาเสนอขอ้ มูลบริการเสริมความงามของตนในรูปแบบ ดังน้ัน เพ่ือให้ผู้ประกอบการสามารถดาเนินธุรกิจได้ใน ต่างๆ เช่น การเปรี ยบเทียบภาพถ่ายก่อนและหลังการ สภาวะดังกล่าวจึงจาเป็ นต้องปรับตัวและพัฒนาการ ทาศลั ยกรรม การใชด้ ารา นักร้อง นักแสดงท่ีมีช่ือเสียงมา ให้บริการดว้ ยกลยุทธ์ในการแข่งขนั ที่หลากหลาย เพ่ือให้ เป็ นพรี เซ็ นเตอร์ ของสถานประกอบการ การเล่ า สามารถตอบสน องความต้องการของผู้บริ โภคได้อย่าง ประสบการณ์ตรงของผผู้ า่ นการทาศลั ยกรรมเสริมความงาม เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ [2] การให้ข้อมูลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เป็ นต้น ซ่ึงวิธีการ นาเสนอเหล่าน้ีถือไดว้ า่ เป็ นกลวิธีที่ทาให้ผูเ้ สพส่ือเกิดการ จากเหตุที่กลา่ วมาแลว้ ผลขา้ งตน้ คณะผวู้ จิ ยั จึงสนใจ เรียนรู้เก่ียวกบั ศลั ยกรรมเสริมความงามโดยเฉพาะผทู้ ี่ยงั ไม่ ที่จะศึกษา ค่านิยมและการสนับสนุนจากคนใกลช้ ิดท่ีมีต่อ ผา่ นประสบการณ์ชีวติ มากมาย เช่น กลุ่มวยั รุ่นหรือคนหนุ่ม การตดั สินใจทาศลั ยกรรมของนกั ศึกษาในจงั หวดั นครปฐม สาว [1] โดยคาดวา่ ผลสรุปของการทาวจิ ยั ท่ีไดจ้ ะเป็ นประโยชน์ต่อผู้ ที่สนใจ ตลอดจนแพทย์ และผู้ดาเนินกิจการทางด้าน วัยรุ่ นไทยในยุคปั จจุบันกาลังเติบโตในสังคม ศลั ยกรรมความงามเพื่อใชว้ เิ คราะห์ และทาการตดั สินใจเพอ่ื วฒั นธรรมที่เปลี่ยนไป ส่ิงอานวยความสะดวกต่างเขา้ มามี ใชเ้ ป็ นทางเลือกของผูท้ ่ีคิดอยากจะทาศัลยกรรม และนา บทบาทในชีวิตมากข้ึนทาให้ความตอ้ งการต่างๆถูกกระตุน้ ขอ้ มูลของการศึกษาท้งั หมดน้ีมาประกอบการพิจารณาใน จากภายในตวั ของวยั รุ่นเองตามสภาพของสงั คมส่ิงแวดลอ้ ม ดา้ นการทากลยทุ ธ์ทางการตลาดเพื่อแพทยศ์ ลั ยกรรม และ เพราะฉะน้นั ในวยั รุ่นเองท่ีอยู่ในวยั อายรุ ะหว่าง 17-25 ปี ซ่ึง สถานประกอบธุรกิจท่ีดาเนินเก่ียวกับความงาม จะได้ ถือเป็ นระยะวยั รุ่นตอนปลายเป็ นวยั ท่ียงั ให้ความสาคญั กบั ดาเนินการวางแผนเพ่ือปรับปรุ งกิจการและการให้บริ การ สังคมกลุ่มเพ่ือนในด้านอารมณ์จะที่มีการเปล่ียนแปลง รวมถึงไดเ้ จาะลึกถึงกลุ่มลูกคา้ เป้าหมายในปัจจุบนั เพ่ือใหผ้ ู้ หวน่ั ไหวง่าย มีความวิตกกงั วนมีอารมณ์รุนแรง มีความกลวั ท่ี มาใช้บริ การเกิ ดความรู้สึ กพึงพอใจมากที่สุ ดในการใช้ โดยไม่มีเหตุผลหลกั มกั จะชอบหรือนิยมนบั ถือคนเก่งคนดงั บริการ ตามสายตาของพวกเขาจึงทาให้ถูกชกั จูงไดง้ ่ายโดยปัญหาที่ พบอยเู่ สมอในกลุ่มนิสิตนกั ศึกษาเช่นปัญหาการคบเพื่อนท้งั วตั ถุประสงค์การวจิ ยั เพศเดียวกันและต่างเพศปัญหาการปรับตวั ปัญหาด้านการ เรียนอารมณ์ฉุนเฉียวหวั รุนแรงหรือตอ้ งการความโดดเด่นใน 1. การตดั สินใจทาศลั ยกรรมของนกั ศึกษาในจงั หวดั กลุม่ เพื่อนจึงตอ้ งนาวตั ถุต่างๆมาเสริมในการสร้างเอกลกั ษณ์ นครปฐม จาแนกตามปัจจยั ส่วนบุคคล พเิ ศษใหก้ บั ตนเองเพื่อนาไปสู้การเป็ นท่ียอมรับในกล่มุ เพื่อน ดงั น้ันการทาศลั ยกรรมจึงไม่ใช่เร่ืองของคนมีอายุอีกต่อไป 2.การตดั สินใจทาศลั ยกรรมของนกั ศึกษาในจงั หวดั แนวโน้มค่านิยมการสวยดว้ ยแพทย์ กาลงั ไดร้ ับการยอมรับ นครปฐม จาแนกตามค่านิยม และการสนับสนุนจากคน ความนิยมในหมู่วยั รุ่นไทยโดยเฉพาะระดับอุดมศึกษา ใกลช้ ิด - 75 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) กรอบแนวคดิ 2.วธิ ีดาเนินการวจิ ยั เกิดจากทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกบั แนวคิดและทฤษฏี เ น่ื อ ง จ า ก ไ ม่ ท ร า บ จ า น ว น ป ร ะ ช า ก ร นัก ศึ ก ษ า ที่ การตดั สินใจของโกวทิ ย์ กงั สนนั ท์ [3] และ งานวจิ ยั ของณฐั ฐา ตดั สินใจทาศลั ยกรรมชดั เจน ผวู้ จิ ยั จึงใชเ้ ทคนิคการหาขนาด ภณิตา รพีพงษพ์ ฒั นา[4]และ ธนชั ชาศรีชุมพลและบุญญรัตน์ กลุ่มตวั อยา่ งแบบไม่ทราบประชากร ดว้ ยสูตรของ Cochern สัมพนั ธ์วฒั นชยั [5] และ กนกพร กระจ่างแสง ประสพชยั พสุ [13] ไดข้ นาดตวั อยา่ งจานวน 385 ราย เก็บเพมิ่ จนไดต้ วั อยา่ ง นนท์ และ ธีระวฒั น์ จนั ทึก[6]กนกนภสั ต้งั ใจไวศ้ กั ด์ิ และชิณ 400 ราย ดว้ ยวธิ ีการสุ่มแบบกอ้ นหิมะโดยใหน้ กั ศึกษาที่ตอบ โสณ์ วิสิฐนิธิกิจา [7] งานวิจัยเกี่ยวกับการยอมรับในการ แบบสอบถามช่วยแนะนาเพ่ือที่เคยทาศลั ยกรรมดว้ ยกนั ต่อ ทาศลั ยกรรมของ วชั ราภรณ์ เจริญพร และ ปวีณา คาพุกกะ [8] เก็บขอ้ มูลดว้ ยแบบสอบถาม สถิติที่ใชไ้ ดแ้ ก่ ความถ่ี ร้อยละ ร่วมกบั เรื่องทศั นคติ และค่านิยมในการเสริมความงามของวยั รุ่น ค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน การทดสอบ t การวเิ คราะห์ จากงานวิจยั ของ วาทินี เรือนไทย [9] กชมน วิบูลยจ์ นั ทร์ [10] ความแปรปรวนแบบทางเดียว การหาค่าสหสัมพนั ธ์แบบ อุ่นใจ เจียมบูรณะกุล [11] วรรณศิริ กางก้นั และวิไลวรรณ จง เพยี ร์สนั และการวเิ คราะห์สมการถดถอยพหุคูณ วไิ ลเกษม [12] มาพฒั นาเป็ นกรอบแนวคิดไดด้ งั น้ี 3. ผลการศึกษาและอภปิ รายผล รูปที่ 1 กรอบแนวคิดในการทาวจิ ยั ขอ้ มูลส่วนบุคคลของผูต้ อบแบบสอบถาม ผลการวิจยั พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามส่วนใหญเ่ ป็ นเพศหญิง (คิดเป็ นร้อย ละ 51. 00) ส่วนใหญ่มีช่วงอายุ 20-21ปี (คิดเป็ นร้อยละ 45. 50) ส่วนใหญ่ช้นั ปี ที่ศึกษาส่วนใหญ่อยู่ช้นั ปี ท่ี 3 (คิดเป็ นร้อยละ 40. 00) ผูต้ อบแบบสอบถามส่วนใหญ่ศึกษาอยู่คณะวิทยาการ จดั การ (คิดเป็ นร้อยละ 32. 50) และส่วนใหญ่มีรายไดค้ รอบครัว เฉลี่ย 20,000 บาทข้ึนไป(คิดเป็ นร้อยละ 36. 00) ผลการศึกษาเรื่ องการตัดสินใจทาศัลยกรรมของ นักศึกษาในจังหวดั นครปฐม จาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล สามารถนาเสนอไดด้ งั ตารางที่ 1 ตารางที่ 1 การตดั สินใจทาศลั ยกรรมของนกั ศึกษาในจงั หวดั นครปฐม จาแนกตามปัจจยั ส่วนบุคคล การตดั สินใจทาศัลยกรรม เพศ อายุ ช้ันปี คณะ รายได้ครอบครัว รับรู้ความตอ้ งการ -2.87** 0.71 1.20 0.83 3.18* 3.34* 1.50 1.06 1.56 คน้ หาขอ้ มลู -0.76 0.26 0.85 1.17 0.94 0.53 0.89 1.83 2.46 ประเมินทางเลือก -1.91 1.53 1.06 1.52 2.64* ตดั สินใจ -2.31* รวมข้นั ตอน -2.75* * มีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 - 76 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ผ ล ก า ร วิจัย พ บ ว่า ก า ร ตัด สิ น ใ จ ท า ศัล ย ก ร ร ม ข อ ง ผลการศึ กษาเรื่ องการตัดสิ นใจทาศัลยกรรมของ นักศึกษาในจงั หวดั นครปฐม มีความแตกต่างกนั ตาม เพศ นักศึกษาในจงั หวดั นครปฐม จาแนกตามค่านิยม และการ และรายไดค้ รอบครัว ในภาพรวม อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ สนบั สนุนจากคนใกลช้ ิด ผูว้ ิจยั ทาการทดสอบปัญหาภาวะ ที่ระดบั .05 เมื่อพิจารณาเป็ นรายดา้ นจะพบวา่ ข้นั การรับรู้ เสน้ ตรงร่วมเชิงพหุ ดว้ ยค่าสหสมั พนั ธ์แบบเพียร์สัน พบวา่ ความตอ้ งการในการทาศลั ยกรรมจะมีความแตกตา่ งกนั ตาม ไม่มีตวั แปรอิสระคู่ใดสมั พนั ธก์ นั เองเกินร้อยละ 80 จึงนาตวั เพศ และรายไดค้ รอบครัว ดา้ นการคน้ หาขอ้ มูลจากมีความ แปรอิสระดงั กล่าวไปวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ ไดผ้ ล แตกต่างกนั ตามอายุ ดา้ นการตดั สินใจจะมีความแตกตา่ งกนั ดงั ตารางที่ ตาม เพศ อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ ตารางท่ี 2 อิทธิพลของ ค่านิยม และการสนับสนุนจากคนใกลช้ ิดท่ีส่งผลต่อการตดั สินใจทาศลั ยกรรมของนกั ศึกษาใน จงั หวดั นครปฐม รายการ B S.D. t sig. (Constant) 1.18 0.13 1.92 0.06 คา่ นิยมสงั คม 0.30 0.10 0.27 2.01 0.05* คา่ นิยมจิตใจ อิทธิพลจากบุคคลใกลช้ ิด 0.36 0.13 0.30 2.54 0.03* R= 0.65 R Square=0.42 0.49 0.15 0.43 2.95 0.01** * มีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 ผ ล ก า ร วิจัย พ บ ว่า ก า ร ตัด สิ น ใ จ ท า ศัล ย ก ร ร ม ข อ ง เปรียบเทียบรายคู่ ดว้ ยวิธี LSD. พบว่าผูท้ ี่มีจากครอบครัว นักศึกษาในจงั หวดั นครปฐม เกิดจากปัจจยั ค่านิยมสังคม รายได้สูงกว่าจะมีแนวโน้ม ตัดสินใจทาศัลยกรรมของ (b=0.30) ค่านิยมจิตใจ (b=0.36) และ อิทธิพลจากบุคคล นกั ศึกษามากกว่าผูม้ ีรายไดค้ รอบครัวนอ้ ยกวา่ ผลการวิจยั ใกลช้ ิด (b=0.49) ตามลาดบั สมการมีอานาจในการพยากรณ์ ดงั กล่าวสอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ กนกนภสั ต้งั ใจไวศ้ กั ด์ิ เท่ากบั ร้อยละ 42 และสามารถเขียนเป็ นสมการไดด้ งั น้ี และชิณโสณ์ วิสิฐนิธิกิจา [7] ซ่ึงเสนอว่า กลุ่มตวั อย่างท่ีมี อายุ ระดบั การศึกษา และรายไดเ้ ฉลี่ยต่อเดือนท่ีแตกต่างกนั Y = 1.18+0.30 X1 (ค่านิยมสังคม) มีผลต่อกระบวนการตดั สินใจเลือกทาศัลยกรรมตกแต่ง *+0.36 X2(ค่ านิยมจิ ตใจ)*+0.49 X3 (อิทธิ พลจากบุคคล เสริมจมูกดว้ ยซิลิโคนแมนทีสแตกต่างกนั แต่จะขดั แยง้ กบั ใกล้ชิด)** งานวิจยั ของวาทินี เรือนไทย [9] ซ่ึงเสนอว่า ลกั ษณะทาง ประชากรศาสตร์ของวยั รุ่นในเขตกรุงเทพมหานครไม่มี 4. สรุปผล ความสมั พนั ธ์ต่อการทาศลั ยกรรมเสริมความงาม ยกเวน้ อายุ และอาชีพ ผลการวจิ ยั ทาใหพ้ บว่า ความแตกต่างในดา้ นเพศ มี ผลต่อการตัดสินใจทาศัลยกรรมของนักศึกษาในจงั หวดั นอกจากน้ียงั พบว่า การตดั สินใจทาศลั ยกรรมของ นครปฐมอย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติ โดยเฉพาะเพศหญิงมี นักศึกษาในจังหวดั นครปฐม เกิดจากอิทธิพลจากบุคคล แนวโน้มที่จะตดั สินใจทาศัลยกรรมสูงกว่าเพศชาย และ ใกลช้ ิด มากกว่าค่านิยมในจิตใจ และค่านิยมทางสังคม ซ่ึง ความแตกต่างของรายไดค้ รอบครัวจะมีผลต่อการตดั สินใจ ทาศัลยกรรมของนักศึกษาใน จังหวดั นครปฐม จากการ - 77 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) แสดงให้เห็นว่า การตดั สินใจทาศลั ยกรรมของนักศึกษาจะ ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริ การคลินิกเสริ ม เกิดข้ึนไดง้ ่ายหากไดร้ ับการสนบั สนุน และช้ีนาจากบุคคลท่ี ความงามของผู้บริโภคในจังหวัดสระบุรี. ภาคนิพนธ์ ใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็ นเพ่ือน คนรัก หรือแม้กระท่ังคนใน หลกั สูตรบริหารธุรกิจมหาบณั ฑิต .สาขาการตลาด . ครอบครัว สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ ณัฐฐาภณิตา รพีพงษ์ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนดุสิต พฒั นา [4] ท่ีเสนอวา่ อิทธิพล โดยรวมสามลาดบั แรกของตวั แปรเชิงสาเหตุที่มีต่อ การตดั สินใจทาศลั ยกรรมความงาม [3] โกวิทย์ กงั สนนั ท์ . (2549) .กระบวนการตัดสินใจใน คือการถ่ายทอด ประสบการณ์ ความสนใจ และความ ด้านการบริหารและกรอบความคิดท่ัวไป. กรุงเทพฯ : ตอ้ งการโดยมีคา่ น้าหนกั อิทธิพลเท่ากบั 0.51 0.45 และ 0.31 บรรณสาร ตามลาดบั ส่วนผลการวิเคราะห์จาแนกคุณลกั ษณะของกลมุ่ ท่ีเคย ตดั สินใจทาศลั ยกรรมความงามหกลาดบั ความสาคญั [4] ณัฐฐาภณิตา รพีพงษ์พัฒนาอิทธิพลของ.(2561) . คือ ความตอ้ งการทาศัลยกรรมความงาม ความสนใจ การ ช่องทางออนไลน์ ต่อการจูงใจให้ผูบ้ ริโภคตดั สินใจ ตดั สินใจ การจูงใจดว้ ยพนกั งาน สื่อไลน์ และสื่อ อินสตาแก .ทาศัลยกรรมความงามวารสารวิชาการวิทยาการ รม และ กนกพร กระจ่างแสง ประสพชยั พสุนนท์ และ ธี จัดการแห่งแปซิกฟิ ก.240-231.(1) 4. ระวัฒน์ จันทึก. [6] ที่เสนอว่าส่ วนใหญ่ของผู้ตอบ แบบสอบถามเคยใชบ้ ริการสถาบนั ศลั ยกรรมเสริมความงาม [5] ธนัชชา ศรีชุมพล และบุญญรัตน์ สัมพนั ธ์วฒั นชยั . และเหตุผลท่ีเลือกใช้บริการศลั ยกรรมเสริมความงามเพ่ือ (2561). ปัจจยั ท่ีมีผลต่อการตดั สินใจทาศลั ยกรรมเสริม เสริมบุคลิกภาพและเสริมความมนั่ ใจ ในขณะท่ี ธนชั ชา ศรี ความงามของผูใ้ ชบ้ ริการชาวไทยท่ีอยใู่ นเจเนอเรชนั ชุมพล และบุญญรัตน์ สมั พนั ธ์วฒั นชยั [5] เสนอเพิ่มเติมวา่ X และเจเนอเรชัน Y ในกรุงเทพมหานคร.วารสาร ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การตดั สินใจทาศลั ยกรรมเสริมความงามของ ม ห า วิ ท ย า ลั ย พ า ยั พ . 28 (2).107-116. DOI ผูใ้ ชบ้ ริการชาวไทยที่อยใู่ นเจเนอเรชนั X และเจเนอเรชนั Y https://doi.org/10.14456/pyuj.2018.24 ในกรุงเทพมหานคร ไดผ้ ลการศึกษาจากการวเิ คราะห์สถิติ เพื่อทดสอบสมมติฐาน พบวา่ ปัจจยั ดา้ นเหตุผล และอารมณ์ [6] กนกพร กระจ่างแสง ประสพชัย พสุนนท์ และ ธี และปัจจัยด้านอิทธิพลทางสังคม มีผลเชิงบวกต่อการ ระวฒั น์ จันทึกการวิเคราะห์องค์ประกอบ.(2561) . ตดั สินใจทาศลั ยกรรมของผูบ้ ริโภค เจเนอเรชนั X และ เจ พฤติกรรมการเลือกทาศลั ยกรรมเสริมความงามของ เนอเรชัน Y ท่ีอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครอย่างมี .ผูห้ ญิงวยั ทางานในเขตกรุงเทพมหานครวารสาร นยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธนบุรี . 75-64 .(28) 12 เอกสารอ้างองิ [7] กนกนภัส ต้ังใจไวศ้ ักด์ิ และชิณโสณ์ วิสิฐนิธิกิจา [1] ธัญรัก หมื่นอภัย. (2557). พฤติกรรมของผู้ชายใน กระบวนการการตดั สินใจเลือกทาศลั ยกรรม.(2561) อาเภอเมืองเชียงใหม่ ต่ อการใช้ บริ การของคลินิกเสริ ม ตกแต่งเสริ มจมูกด้วยซิ ลิโคนแมนที ส ในเขต ความงาม. การคน้ ควา้ อิสระ.บริหารธุรกิจมหาบณั ฑิต. .กรุ งเทพมหานคร Veridian E-Journal,Silpakorn มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. University (Humanities, Social Sciences and arts). 11 .64-52.(1) [2] กนกวรรณ ทองร่ืน และ สุพรรณี อินทร์แกว้ .(2557). [8] วชั ราภรณ์ เจริ ญพร และปวีณา คาพุกกะ. (2557). อิทธิพลของสื่อ ความภูมิใจในตนเอง และภาพลกั ษณ์ ร่างกายท่ีมีผลต่อการยอมรับการทาศลั ยกรรมความงา - 78 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ม.วารสารบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี .3 (5). 1-17. [9] วาทินี เรือนไทย. (2549). การเปิ ดรับสื่อและทัศนคติ ของวัยรุ่ นในเขตกรุ งเทพมหานครที่ มีต่ อการ ทาศัลยกรรมเสริ มความงาม. วิทยานิพนธ์วารสาร ศาสตรมหาบัณฑิต .(การบริ หารสื่อสารมวลชน) มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ [10] กชมน วิบูลย์จันทร์ . (2549). ปั จจัยการตัดสิ นใจ เลือกใชบ้ ริการศูนยศ์ ลั ยกรรมความงามของผูบ้ ริโภค ในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารวิชาการการตลาด และการจัดการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบรุ ี. 1 (1).24-34. [11] อุ่นใจ เจียมบูรณะกลุ . (2549) .วาทกรรม “ความสวย” และการต่อรองอัตลักษณ์ วัฒนธรรมบริ โภค. ว า ร ส า ร วิ ช า ก า ร ค ณ ะ สั ง ค ม ศ า ส ต ร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่. 18 (1).133-167. [12] วรรณศิริ กางก้นั และวไิ ลวรรณ จงวไิ ลเกษม. (2562). มายาคติหน้าอกในสาวพริตต้ี กับธุรกิจความงาม. วารสารนิเทศศาสตร์. 37 (1). 86 - 97. [13] Cochran, W.G. (1953). Sampling Techiques. New York: John Wiley & Sons. Inc. - 79 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) แนวทางความจงรักภักดีของแฟนบอลราชบุรี มติ รผล เอฟซี วศิ ิษฐ์ ฤทธิบุญไชย1* สุธาวธุ ศรีคง1 จกั ริน อุทยั วรรณศรี1 เอกรัฐ ไชยโชติช่วง2 และ วาสนา บุตรโพธ์ิ3 1ภาควชิ าการจดั การทว่ั ไป คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม 2หลกั สูตรวทิ ยศาสตร์มหาบณั ฑิต สาขาวทิ ยาศาสตร์การกีฬา, มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพธนบุรี จ.กรุงเทพฯ 3คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง จ.กรุงเทพฯ *E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวจิ ยั คร้ังน้ีมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ 1) เปรียบเทียบความจงรักภกั ดีของแฟนบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี เมื่อจาแนกตาม ปัจจยั ส่วนบุคคล และ 2) ศึกษาอิทธิพลของปัจจยั ส่วนประสมทางการตลาดท่ีส่งผลต่อความจงรักภกั ดีของแฟนบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซีใชว้ ธิ ีการสุ่มตวั อยา่ งแบบสะดวกจาก แฟนบอลเชียร์สโมสรราชบุรี มิตรผล เอฟซี จานวน 400 คน สถิติที่ใช้ ไดแ้ ก่ ความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบ t การวเิ คราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว การหาค่า สหสมั พนั ธ์แบบเพียร์สัน และการวเิ คราะห์สมการถดถอยพหุคูณ ผลการวจิ ยั พบวา่ 1.ความจงรักภกั ดีของแฟนบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี มีความแตกต่างกนั ตาม เพศ ระดบั การศึกษา อาชีพ รายได้ และสถานภาพ อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 2. ปัจจยั ส่วนประสมทางการตลาดท่ีส่งผลต่อความจงรักภกั ดีของแฟนบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี เกิดจากปัจจยั ดา้ นการ ส่งเสริมการตลาด (b=0.11) ดา้ นผลิตภณั ฑ์ (b=0.16) และดา้ นช่องทางการจดั จาหน่าย (b=0.29) ตามลาดบั สมการมีอานาจใน การพยากรณ์เท่ากบั ร้อยละ 51 และสามารถเขียนเป็ นสมการไดด้ งั น้ี Y = 1.85+0.16 X1(ผลิตภณั ฑ)์ **+0.05 X2(ราคา) +0.29 X3(ช่องทางการจดั จาหน่าย)** + 0.11 X4 (การส่งเสริมการตลาด)* คำสำคญั : ส่วนประสมทางการตลาด ความจงรักภกั ดี ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 1. บทนา โดยไดอ้ นั ดบั 12 ทาให้ในปี 2551 ทีมสโมสรราชบุรี เอฟซี สโมสรฟุตบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี มีชื่อเดิมว่า มาเล่นในลีกดิวชิ นั่ 2 ซ่ึงไดอ้ นั ดบั 7 ส่วนในปี 2552 น้นั การ “ราชบุรี เอฟซี” เป็ นสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศไทย แข่งขนั ได้เปล่ียนแปลงระบบการจดั การแข่งขนั ซ่ึงแบ่ง จากจังหวดั ราชบุรี มีฉายาในวงการฟุตบอลคือ “ราชัน ออกเป็ นโซนต่างๆ ท่ัวประเทศ เนื่องจากมีทีมจากหลาย มงั กร” สีประจาสโมสรคือ สีส้ม มีประธานสโมสรคือ คุณ จงั หวดั ทวั่ ทุกภาค ใหค้ วามสนใจเขา้ ร่วมการแข่งขนั สโมสร บุญยิ่ง นิติกาญจนา และมีหัวหนา้ ผูฝ้ ึ กสอนคือ คุณสมชาย ฟตุ บอลราชบุรี น้นั อยใู่ นโซนภาคกลางและตะวนั ออก และ ไมว้ ิลัย มีสโมสรท่ีเป็ นพนั ธมิตรกันคือ สโมสรฟุตบอล ไดอ้ นั ดบั 9 มา 2 ฤดูกาลติดต่อกนั [1] ราชบุรี มิตรผล เอฟซี บุรีรัมย์ ยไู นเตด็ ปัจจุบนั สโมสรฟตุ บอลราชบุรี มิตรผล เอฟ มีสนามเหยา้ คือ มิตรผล สเตเด้ียม หรือ “โรงละครแห่ง ซี เล่นอยใู่ นไทยลีก (ลีกสูงสุดของประเทศไทย) เริ่มตน้ ใน ความหวาน” เป็ นสนามฟตุ บอลท่ีใชพ้ ้ืนหญา้ จริง สามารถจุ การส่งทีมเขา้ แข่งขนั ฟุตบอลกีฬาแห่งชาติ และควา้ เหรียญ แฟนบอลได้ 13,000 คนซ่ึงลงทุนไปกวา่ 300-400 ลา้ นบาท ทองแดง ที่มหานครเกมส์ ปี 2543 และร่วมฟตุ บอลโปรวิน เป็ นสนามระดบั เอคลาส ภายในมีส่ิงอานวยความสะดวก เชียลลีก ดิวิชน่ั 2 สามารถควา้ แชมป์ มาครองไดใ้ นปี 2549 ครบครัน อาทิ ห้อง VIP, Club House , Community Mall จนไดร้ ับสิทธ์ิเขา้ ร่วมการแขง่ ขนั ฟตุ บอลดิวชิ น่ั 1 ในปี 2550 Conference Room และบริเวณรอบๆสนามฟุตบอลราชบุรี - 80 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) มิตรผล เอฟซี จะมีสถานที่บริการแฟนบอล ที่เข้ามาให้ เป็ นประโยชน์ต่อทุกฝ่ ายท่ีเก่ียวขอ้ ง นาแนวทางผลการวจิ ยั กาลงั ใจทีม ไม่วา่ จะเป็ นร้านอาหาร เครื่องดื่ม สนามแข่งรถ คร้ังน้ีไปใชเ้ ป็ นแนวทางในการแกไ้ ข ปรับปรุงและทราบถึง สวนสนุก รวมไปถึงร้านขายของที่ระลึกใหก้ บั แฟนบอล การทาอย่างไรให้แฟนบอลเกิดความจงรักภกั ดีต่อสโมสร ฟตุ บอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ถือเป็ นสโมสรที่ไดร้ ับความ นิยมมากในวงการฟุตบอลไทย อีกท้งั เป็ นที่ ยอมรับในวง วตั ถุประสงค์การวจิ ยั กวา้ ง และสามารถพิสูจน์ได้ว่าสโมสรแห่งน้ี เป็ นสโมสร ฟุตบอลที่สามารถสร้างความรัก ความสามคั คีใหก้ บั คนใน 1. เปรียบเทียบความจงรักภกั ดีของแฟนบอลราชบุรี จงั หวดั รวมไปถึงแฟนบอลไทยในประเทศได้ และสโมสร มิตรผล เอฟซี เมื่อจาแนกตามปัจจยั ส่วนบุคคล ทาใหเ้ กิดกิจกรรมร่วมของครอบครัวและหมู่คณะ ( Family Day) เช่นเดียวกบั ในทุกวนั หยุดสุดสัปดาห์ของหลายๆคน 2. ศึกษาอิทธิพลของปัจจยั ส่วนประสมทางการตลาด ภาพคนหนุ่มสาว พ่อพร้อมแม่-ลูก ส่งเสียงเชียร์ทีมโปรด ท่ีส่งผลต่อความจงรักภกั ดีของแฟนบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี กลายเป็ นภาพชินตาในสนาม อีกท้งั ยงั สามารถสร้างมูลค่า ทาง เศรษฐกิจใหก้ บั ประเทศไดอ้ ยา่ งมากมายมหาศาล ความ กรอบแนวคดิ นิยมของฟตุ บอล เร่ิมกา้ วไปสู่ระดบั สากล ไม่วา่ จะเป็ นการ สร้างรายไดใ้ หก้ บั ประชาชนและภาคเอกชน การสร้างธุรกิจ เกิดจากทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกบั เร่ืองของ ความ การคา้ ต่างๆ อาทิ ธุรกิจ การท่องเที่ยวภายในประเทศ ธุรกิจ จงรักภกั ดีของแฟนบอล โดยใชแ้ นวคิดของ ศนิกานต์ ศิริ การผลิตสินคา้ กีฬา รวมถึงธุรกิจระดบั ทอ้ งถ่ิน และประเทศ ศกั ด์ิยศ [4] หทยั รัตน์ ตนั สุวรรณ [5] งานวิจยั เกี่ยวกบั กฎ ไทยของเราน้ัน และมีการพัฒนามาอย่างต่อเน่ือง ท้ังน้ี ของความจงรักภกั ดี ของ Gomez, Arranz and Cillan [6] การ กระแสแฟนบอลชาวราชบุรีไดห้ นั มาสนบั สนุน สโมสรและ ประเมินความจงรักภักดี ของ Johnson, Herrmann, and ใหค้ วามสนใจการแขง่ ขนั ฟตุ บอลลีกภายในประเทศมากข้ึน Huber [7] และงานวิจยั เรื่อง ความจงรักภกั ดีในตราสินคา้ เรื่อยๆ อีกท้ังแฟนบอลชาวราชบุรีได้รับรู้สารผ่านตรา ของ Kim, Morris, and Swait [8] และ Tsai [9] แนวคิดส่วน สัญลกั ษณ์ตามที่สโมสรไดส้ ่ือสารไป เพ่ือให้แฟนบอลทุก ประสมทางการตลาด ของ Kotler and Keller. [10] การใช้ ค น นึ ก ถึ ง ไ ด้แ ล ะรู้ สึ ก ภ า คภู มิ ใจใ นอัตลัก ษณ์ ขอ งตนเอง การส่วนประสมทางการตลาดกับการกีฬาฟุตบอล ของ อาจจะกล่าวไดว้ า่ ความเจริญอยา่ งยง่ั ยืนของราชบุรี มิตรผล Dolles & Söderman [11] นารา กิตติเมธีกลุ [12] รัฐชาติ ทศั เอฟซี เกิดจากความจงรักภกั ดีของแฟนบอลเป็ นที่ต้งั นยั และวรเดช จนั ทรศร [13] กฤติญา เซ่งฮะ และสนั ติพงษ์ ปลงั่ สุวรรณ [14] และกีฬาอื่น ๆ ของ ขจรศกั ด์ิ รุ่นประพนั ธ์ ด้วยเหตุดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมีความประสงค์ใน ปัญญา สังขวดี วิทยา จนั ทร์ศิลา ปกรณ์ ประจัญบาน [15] การศึกษาถึงแนวทางความจงรักภกั ดีของแฟนบอลราชบุรี รูปท่ี 1 มิตรผล เอฟซี จากอิทธิพลของปัจจัยส่วนประสมทาง การตลาดที่ส่งผลต่อความจงรักภกั ดี ซ่ึงมีงานวิจยั ยืนยนั วา่ ส่วนประสมทางการตลาดมีผลสาคญั ต่อความจงรักภกั ดี [2] และในเวลาเดียวกันก็มีความสัมพันธ์กันระหว่างส่วน ประสมทางการตลาดกับความจงรักภักดี [3] รวมถึง เปรียบเทียบ ความจงรักภกั ดีจาแนกตามปัจจยั ส่วนบุคคล จึง มีความสาคญั โดยคณะผูว้ ิจยั คาดหวงั ว่า งานวิจัยดงั กล่าว - 81 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) 2. วธิ ีดาเนนิ การวจิ ยั ส่วนใหญ่มีอาชีพธุรกิจส่วนตวั คิดเป็ นร้อยละ 36.00 ส่วน ประชากรในงานวิจัยคร้ังน้ี คือ แฟนบอลในจงั หวดั ใหญม่ ีรายไดต้ อ่ เดือนต่ากวา่ หรือเท่ากบั 10,000 บาท คิดเป็น ราชบุรี เนื่องจากทางผูว้ ิจัยไม่สามารถหาจานวนประชากรท่ี ร้อยละ 36.00 และมีสถานภาพโสด คิดเป็ นร้อยละ 70.25 แน่นอนจากแหล่งขอ้ มูลที่น่าเชื่อถือได้ และไม่ทราบสัดส่วน ของผูบ้ ริโภคที่เคยมาเขา้ ชมการแข่งขนั ของทีมราชบุรี มิตรผล ผลเปรียบเทียบความจงรักภักดีของแฟนบอลราชบุรี มิตร เอฟซี ผวู้ จิ ยั จึงใชเ้ ทคนิคการหาขนาดกลมุ่ ตวั อยา่ งแบบไม่ทราบ ผล เอฟซี เมื่อจาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ได้ผลการวิจัย ประชากร ดว้ ยสูตรของ Cocheran[16]ไดข้ นาดตวั อยา่ ง 400ราย ดงั นี้ เก็บขอ้ มูลดว้ ยวิธีการสุ่มแบบสะดวก สถิติที่ใชไ้ ดแ้ ก่ ความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบ t การ ผลการวิจัย พบว่า ความจงรักภกั ดีของแฟนบอล วิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว การหาค่าสหสัมพนั ธ์ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี มีความแตกต่างกันตาม เพศ ระดับ แบบเพียร์สนั และการวเิ คราะห์สมการถดถอยพหุคูณ การศึกษา อาชีพ รายได้ และสถานภาพ อยา่ งมีนยั สาคญั ทาง สถิติท่ีระดบั .05 และเมื่อพิจารณาเป็ นรายดา้ นจะพบวา่ (1) 3. ผลการศึกษาและอภิปรายผล ปัจจยั ดา้ นความเชื่อถือและความไวว้ างใจ จะมีความแตกต่าง กนั ตาม เพศ ระดบั การศึกษา อาชีพ รายได้ และสถานภาพ ข้อ มู ล ส่ วน บุ ค ค ล ข อ ง ผู้ต อ บ แ บ บ สอ บ ถ า ม (2) ปัจจัยด้านความต้งั ใจจะมาเชียร์สม่าเสมอ จะมีความ ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็ น แตกต่างกนั ในดา้ น เพศ และสถานภาพ และ (3) ปัจจยั ดา้ น ผลการวจิ ยั พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็ นเพศชาย การบอกต่อให้คนรอบขา้ ง จะมีความแตกต่างกนั ในปัจจยั คิดเป็ นร้อยละ 89.00 มีอายรุ ะหวา่ ง 21-30 ปี คิดเป็ นร้อยละ ส่วนบุคคลทุกดา้ น 50.25 มีระดบั การศึกษาปริญญาตรี คิดเป็ นร้อยละ 29.25 ตารางท่ี 1 ความจงรักภกั ดีของแฟนบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี เม่ือจาแนกตามปัจจยั ส่วนบุคคล เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ สถานภาพ 1.01 4.92** 2.35* 3.70** 8.44** ความเชื่อถือและความไวว้ างใจ 3.00* 1.51 0.55 1.61 2.05 2.74* 5.30** 5.61** 2.44* 2.35* 10.29** ความต้งั ใจจะมาเชียร์สม่าเสมอ 4.37** 2.07 3.66** 2.31* 2.65* 5.30** การบอกตอ่ ใหค้ นรอบขา้ ง 6.16** ความจงรักภกั ดี 5.19** *มีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 ตารางท่ี 2 อิทธิพลของปัจจยั ส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อความจงรักภกั ดีของแฟนบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี B SE. t sig. (Constant) 0.59 0.35 1.72 0.09 ดา้ นผลิตภณั ฑ์ 0.16 0.07 0.14 2.74 0.01** ดา้ นราคา ดา้ นช่องทางจดั จาหน่าย 0.05 0.03 0.06 1.29 0.20 ดา้ นส่งเสริมการตลาด 0.29 0.04 0.30 3.88 0.00** 0.11 0.06 0.12 2.48 0.01** R2 = 0.51 * มีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 - 82 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ผลการศึกษาอิทธิพลของปัจจยั ส่วนประสมทางการตลาดที่ เอกสารอ้างองิ ส่งผลต่อความจงรักภักดีของแฟนบอลราชบุรี มติ รผล เอฟ [1] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2562). สโมสรฟุตบอล ซี ได้ผลการวจิ ยั ดงั นี้ ราชบุรี มิตรผล.[ออนไลน์].สืบคน้ เม่ือ 14 กุมภาพนั ธ์ ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อความ 2 5 6 2 . สื บ ค้ น จ า ก https://th.wikipedia.org/wiki/ จงรักภกั ดีของแฟนบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี เกิดจากปัจจยั สโมสรฟตุ บอลราชบุรี_มิตรผล. ดา้ นการส่งเสริมการตลาด (b=0.11) ดา้ นผลิตภณั ฑ์ (b=0.16) และดา้ นช่องทางการจดั จาหน่าย (b=0.29) ตามลาดบั สมการ [2] สุรเสกข์ พงษ์หาญยุทธ. (2061). อิทธิพลของส่วน มีอานาจในการพยากรณ์เท่ากบั ร้อยละ 51 และสามารถเขียน ประสมทางการตลาดที่มีผลต่อความจงรักภกั ดีในการ เป็ นสมการไดด้ งั น้ี เลือกใช้บริ การสิ นเช่ือธนาคารพาณิ ชย์ในเขต Y = 1.85+0.16 X1(ผลิตภณั ฑ)์ **+0.05 X2(ราคา) +0.29 X3 ก รุ ง เ ท พม ห า น ค ร . ว า ร ส า ร วิ ท ย า กา ร จัด การ (ช่องทางการจดั จาหน่าย)**+0.11 X4 (การส่งเสริม มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั นครปฐม. 5 (1).91-102. การตลาด)* [3] คมสิงห์ วิวฒั นภูษิต และพิชญะ อุทยั รัตน์. (2559).กล 4. สรุปผล ยุทธ์การสร้างภาพลกั ษณ์ตราสินคา้ ในอุตสาหกรรม ร้องเท้าในประเทศไทย.วารสารวิทยาการจัดการ ความจงรักภกั ดีของแฟนบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั นครปฐม. 3 (1). 47-60 มีความแตกต่างกนั ตาม เพศ ระดบั การศึกษา อาชีพ รายได้ และสถานภาพ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 [4] ศนิกานต์ ศิริ ศักด์ิยศ. (2548) .ความจงรักภักดีต่อ ผลการวิจัยดังกล่าวสอดคล้องกับ ผลการวิจัยดังกล่าว องค์การ: ศึกษาเฉพาะกรณีพนกั งานระดบั ปฏิบตั ิการ สอดคลอ้ งกับงานวิจัย ของ สุรเสกข์ พงษ์หาญยุทธ [2] ที่ สายงาน บริการลูกคา้ บริษทั ทีเอ ออเร้นจ์ จากดั . ภาค เสนอว่า ความจงรักภักดีในการเลือกใช้บริ การสินเชื่อ นิพนธ์ศิลปะศาสตร์มหาบณั ฑิต (พฒั นาสังคม) คณะ ธนาคารพาณิชยใ์ นเขตกรุงเทพมหานครจาแนกตามปัจจัย พฒั นาสงั คม สถาบนั บณั ฑิตพฒั นบริหารศาสตร์. ส่วนบุคคลของลูกคา้ มีความแตกตา่ งกนั ตาม อายุ การศึกษา รายได้ และอาชีพในขณะท่ี ประสมทางการตลาดที่ส่งผล [5] หทยั รัตน์ ตนั สุวรรณ. (2550). ปัจจยั ดา้ นวฒั นธรรม ต่อความจงรักภกั ดีของแฟนบอลราชบุรี มิตรผล เอฟซี เกิด องค์กรความจงรักภกั ดีต่อองค์กรและบรรยากาศใน จากปัจจัย ดา้ นการส่งเสริมการตลาด ด้านผลิตภณั ฑ์ และ องค์กรท่ีมีผลต่อ ประสิ ทธิภาพการทางานของ ด้านช่องทางการจัดจาหน่าย ซ่ึงจะสอดคลอ้ งกบั งานวิจัย พนักงานการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ของ ตดั สินใจเลือกเล่นกีฬากอล์ฟเชิงท่องเท่ียวมากที่สุด 2 สานกั งานใหญ่. สารนิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบณั ฑิต อนั ดบั แรก ไดแ้ ก่ ดา้ นผลิตภณั ฑ์ ดา้ นการส่งเสริมการตลาด (การจดั การ). บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินท และงานวจิ ยั ของ Tsiotsou [17] ที่เสนอวา่ ปกติแฟนคลบั จะมี รวโิ รฒ. ความภกั ดีต่อสโมสรอยูเ่ ป็ นทุนเดิม แต่การพฒั นาคุณภาพ ผลิตภณั ฑ์ของสินคา้ ในทุกดา้ น ก็จะสร้างความจงรักภกั ดี [6] Gomez, B. G., Arranz, A. G. and Cillan, J. G. (2006). มากยง่ิ ข้ึน The role of loyalty programs in behavioral and affective loyalty. Journal of Consumer Marketing, 23(7), 387-396. - 83 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) [7] Johnson, M. D., Herrmann, A. and Huber, F. (2006). ก อ ล์ ฟ เ ชิ ง ท่ อ ง เ ที่ ย ว . ว า ร ส า ร ศึ ก ษ า ศ า ส ต ร์ The evolution of loyalty intentions. Journal of มหาวทิ ยาลยั นเนศวร. 17 (2).85-97. Marketing, 70, 122-132. [16] Cochran, W.G. (1953). Sampling Techiques. .New [8] Kim, J., Morris, J. D. and Swait, J. (2 0 0 8 ) . York: John Wiley & Sons. Inc. Antecedents of true brand loyalty. Journal of Advertising, 37(2), 99-117. [17] Tsiotsou, R. (2005). Perceived Quality Levels and their Relation to Involvement, Satisfaction and [9] Tsai, S. (2 0 0 5 ) . Utility, cultural symbolism and Purchase Intentions. Marketing Bulletin, 2005, 16, emotion: A comprehensive model of brand purchase Research Note 4. value. International Journal of Research in Marketing, 22, 277-291. [10] Kotler, P.T. and Keller, K.L. ( 2 0 1 6 ) . Marketing Management (15th Ed.). Pearson: Dartmouth College. [11] Dolles, H. & Söderman, S. (2005). Implementing a Professional Football League in Japan - Challenges to Research in International Business. German Institute for Japanese Studies. Tokyo Japan. [12] นารา กิตติเมธีกุล. (2557).ตวั แบบเชิงโครงสร้างของ พฤติกรรมการซ้ือสินคา้ ลิขสิทธ์ิทีมสโมสรฟุตบอลใน ไทยพรี เมียร์ลีก ตามทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน. วารสารวจิ ยั มสด. 10 (1).113-130. [13] รัฐชาติ ทศั นัย และวรเดช จนั ทรศร. (2559). บทบาท ของสโมสรฟุตบอลบุ รี รั มย์ยูไนเต็ดในการ พัฒ น า จงั หวดั บุรีรัมย.์ วารสารวจิ ยั และพฒั นา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขามนุษยศาสตร์และ สงั คมศาสตร์.11( 3).77-86. [14] กฤติญา เซ่งฮะ และสันติพงษ์ ปลงั่ สุวรรณ. (2552). ความตอ้ งการและการไดก้ ารตอบสนองของแฟนคลบั ในดา้ นการใหบ้ ริการของสโมสรฟตุ บอลชลบุรี เอฟซี. Journal of Exercise and Sport Science. 6 (2).17-31. [15] ขจรศกั ด์ิ รุ่นประพนั ธ์ ปัญญา สงั ขวดี วทิ ยา จนั ทร์ศิลา ปกรณ์ ประจนั บาน. (2558).รูปแบบการจดั การกีฬา - 84 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) บรรยากาศในการทางานและแรงจูงใจทส่ี ่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏบิ ตั ิงานของพนักงาน บริษัท เอสวไี อ จากดั (มหาชน) อมนิ สรา พูลสวสั ด์ิ ภาณุพนั ธ์ ธรรมประภาส ฐายี อธิวาจา กญั จน์ภสั นนั ท์ พนั ธุ์ปกรณ์ และ กฤษดา เชียรวฒั นสุข* สาขาวชิ าการจดั การ คณะบริหารธุรกิจ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี *E-Mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ศึกษา 1) ปัจจยั ดา้ นส่วนบุคคลที่ส่งผลตอ่ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนกั งาน 2) บรรยากาศในการทางานและแรงจูงใจท่ีส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนักงาน เครื่องมือในการวจิ ยั คือ แบบสอบถาม ตวั อยา่ งจานวน 350 ตวั อย่าง โดยใชก้ ารวิเคราะห์ ค่าความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความ แปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลของผูต้ อบ แบบสอบถามท่ีใชเ้ ป็ นกลุ่มตวั อยา่ ง จานวน 350 คน พบวา่ ปัจจยั ส่วนบุคคล ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของ พนกั งานแตกต่างกนั ไดแ้ ก่ อายุ ระดบั การศึกษา ระดบั รายได้ และระยะเวลาในการทางาน ส่วนปัจจยั ส่วนบุคคลในดา้ นเพศท่ี แตกต่างกัน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนักงานไม่แตกต่างกัน นอกจากน้ีบรรยากาศในการทางาน โครงสร้าง มาตรฐาน ความรับผิดชอบ การสนับสนุน ความผูกพนั และแรงจูงใจในการทางาน ด้านความสาเร็จในการ ปฏิบัติงาน ด้านการยอมรับนับถือ ด้านความรับผิดชอบ และด้านความก้าวหน้าในตาแหน่งหน้าที่การงาน ส่งผลต่อ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนกั งานดา้ นคุณภาพงาน สาหรับ บรรยากาศในการทางาน โครงสร้าง มาตรฐาน ความ รับผดิ ชอบ การสนบั สนุน ความผกู พนั และแรงจูงใจในการทางาน ดา้ นความสาเร็จในการปฏิบตั ิงาน ดา้ นการยอมรับนบั ถือ ดา้ นลกั ษณะงานที่ปฏิบตั ิ ดา้ นความรับผิดชอบ และดา้ นความกา้ วหนา้ ในตาแหน่งหนา้ ที่การงาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพใน การปฏิบตั ิงานของพนักงานด้านปริมาณงาน และยงั พบอีกว่าบรรยากาศในการทางาน มาตรฐาน ความรับผิดชอบ การ สนบั สนุน และแรงจูงใจในการทางาน ดา้ นความสาเร็จในการปฏิบตั ิงาน ดา้ นการยอมรับนบั ถือ ดา้ นความรับผิดชอบ และ ดา้ นความกา้ วหนา้ ในตาแหน่งหนา้ ท่ีการงาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนักงานดา้ นเวลางานอย่างมี นยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 คำสำคญั : บรรยากาศในการทางาน แรงจูงใจ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงาน 1. บทนา แข่งขนั ดาเนินธุรกิจมีแนวโนม้ ที่จะมีการแข่งขนั ท่ีสูงข้ึนไม่ จากแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบบั วา่ จะเป็ นภายในองคก์ รหรือภายในประเทศ แมก้ ระทงั่ การ ที่ 12 (พ.ศ. 2550–2554) ได้กาหนดกลยุทธ์การพัฒนา แข่งขนั ภายนอกประเทศ ทาให้ธุรกิจตอ้ งมีการปรับตวั ให้ ประเทศตามการเปลี่ยนแปลงโดยการเพิ่มความแขง็ แรงของ ทนั ต่อการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มขีดความสามารถ เพื่อให้ ประเทศ และการสนบั สนุนดา้ นอุตสาหกรรม โดยเฉพาะใน องคก์ รมีศกั ยภาพและความสามารถแข่งขนั กบั องคก์ รอื่น ๆ เร่ืองของการเสริมสร้างขีดความสามารถของผปู้ ระกอบการ และการที่ธุรกิจจะประสบความสาเร็ จน้ันต้องอาศัย และวิสาหกิจภายในประเทศให้มีศักยภาพแข่งขันได้ใน องคป์ ระกอบและปัจจยั ตา่ ง ๆ เพอ่ื เป็ นการขบั เคล่ือนองคก์ ร กระแสโลกาภิวตั น์ที่เปลี่ยนแปลงดา้ นเทคโนโลยีและการ ใหด้ ียง่ิ ข้ึน เติบโตด้านการสื่อสาร ซ่ึงส่งผลทาให้ปัจจุบนั สภาวะการ - 85 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยมีขอ้ จากดั และ เพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของบริษทั เพิ่มสูงข้ึน (สุรเชษฐ์ มี ความเสี่ยงท้งั ทางดา้ นโครงสร้าง การส่งออกและการผลิต ลาภ, 2552) ซ่ึ ง ส่ วน ใ ห ญ่อยู่ใ นกลุ่มเ คร่ื อง คอมพิวเ ตอร์ และอุ ปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ การขาดความเช่ือมโยงของอุตสาหกรรม การท่ีจะส่งเสริมใหพ้ นกั งานทุกคนมีประสิทธิภาพที่ การแขง่ ขนั ที่เพ่มิ มากข้ึนในตลาดโลก และความเส่ียงในการ ดีน้นั ผูบ้ ริหารจะตอ้ งมีความรู้ ความเขา้ ใจถึงบรรยากาศใน โยกยา้ ยการลงทุนของนกั ลงทุนต่างชาติ เพื่อเผชิญหนา้ กบั การทางานตลอดจนแรงจูงใจท่ีควรสร้างให้เกิดข้ึนกับ ความท้าทายของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต พนกั งาน จากเหตุผลดงั กล่าว คณะผูว้ ิจยั มีความสนใจศึกษา ประเทศไทยจาเป็ นตอ้ งพฒั นาศักยภาพในการเติบโตของ บรรยากาศในการทางานและแรงจูงใจท่ี ส่ งผลต่อ อุตสาหกรรมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขนั ไม่วา่ ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงาน กรณีศึกษา จะเป็ นการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ทางด้านนวตั กรรมและ บริษทั เอสวีไอ จากัด (มหาชน) เพื่อเป็ นแรงผลักดันให้ เทคโนโลยี การขยายฐานผลิตภณั ฑ์ รวมถึงการสร้างความ พนกั งานทางานอยา่ งมีประสิทธิภาพมากข้ึน เช่ือมโยงของอุตสาหกรรม โดยทางภาครัฐอาจมีแนวทาง ส่งเสริมและใหก้ ารสนบั สนุน (ศูนยว์ จิ ยั กสิกรไทย, 2556) วตั ถุประสงค์ของการวจิ ยั ปัจจัยด้านการทางาน ยงั คงเป็ นเคร่ืองมือท่ีสาคญั 1. เพ่ือศึกษาปั จจัยด้านส่วนบุคคลท่ีส่งผลต่อ อยา่ งหน่ึงที่องคก์ รท่ีใชก้ ระตุน้ ให้ผูป้ ฏิบตั ิงานดึงศกั ยภาพ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนักงาน บริษทั เอสวี ในตวั ออกมาใชใ้ หไ้ ดม้ ากท่ีสุด ไม่วา่ จะเป็ นความทา้ ทายใน ไอ จากดั (มหาชน) การปฏิบตั ิงาน งานที่ไดร้ ับมีความหลากหลาย ไม่จาเจ และ มีความอิสระในดา้ นความคิดและการปฏิบตั ิท่ีอยใู่ นกรอบที่ 2. เพื่อศึกษาบรรยากาศในการทางานและแรงจูงใจที่ กาหนด (สุพานี สฤษฎว์ านิช, 2552) ส่ ง ผ ล ต่ อ ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ใ น ก า ร ป ฏิ บัติ ง า น ข อ ง พ นักง าน บริษทั เอสวไี อ จากดั (มหาชน) ในทางกลบั กนั หากองคก์ รมีบรรยากาศดี และปัจจยั ดา้ นงานดี แก่พนกั งานจะทาใหค้ วามกดดนั หรือความเครียด สมมตฐิ านของการวจิ ยั ในการทางาน สามารถช่วยลดแรงกดดนั และความเครียดน้ี ลงได้ หากพนักงานมีสุขภาพกายดี สุขภาพจิตดี ผลงานที่ 1. ปัจจัยส่วนบุคคลของพนักงานในดา้ น เพศ อายุ ออกมาก็ดีตามไปดว้ ยเช่นกนั สาหรับการเพิ่มประสิทธิภาพ ระดบั การศึกษา ระยะเวลาในการทางานและระดบั รายได้ ท่ี เป็ นความรับผิดชอบของทุกคนในบริษทั ผูบ้ ริหารตอ้ งมี แตกต่างกนั ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของ ความเขา้ ใจในเรื่องการเพ่ิมประสิทธิภาพและการสนบั สนุน พนกั งานแตกต่างกนั การดาเนินกิจกรรมอยา่ งเตม็ ที่ ในขณะเดียวกนั ฝ่ ายพนกั งาน ตอ้ งให้ความร่วมมือ โดยการทางานอยา่ งเต็มความสามารถ 2. บรรยากาศในการทางาน 6 มิติ ไดแ้ ก่ โครงสร้าง และเพ่ิมทักษะการทางานให้สูงข้ึน นอกจากน้ีการเพ่ิม มาตรฐาน การยอมรับ ความรับผิดชอบ การสนบั สนุน ความ ประสิทธิภาพยังต้องอาศัยความร่ วมมือจากพนักงาน ผูกผัน ส่งผลต่อประสิ ทธิภาพในการปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าที่บุคลากร และหน่วยงานอ่ืน เช่น การร่วมกัน พนกั งาน ปรับปรุงการเพ่ิมประสิทธิภาพในทุกสถานที่ ท้ังท่ีทางาน และสถานประกอบการดว้ ยการทาสิ่งต่าง ๆ อย่างถูกตอ้ ง 3. ปัจจยั ดา้ นแรงจูงใจ 5 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นความสาเร็จ โดยใชท้ รัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซ่ึงส่งผลให้การ ในการปฏิบตั ิงาน ดา้ นการยอมรับนบั ถือดา้ นลกั ษณะงานท่ี ปฏิบตั ิ ดา้ นความรับผิดชอบ ดา้ นความกา้ วหนา้ ในตาแหน่ง หนา้ ที่การงาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของ พนกั งาน - 86 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับ ดา้ นการให้ความสนบั สนุนและความอบอุ่น ดา้ นความรู้สึก ผกู พนั 1. ขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการวิจยั สามารถเป็ นประโยชน์ต่อ ผูบ้ ริหารในการนาข้อมูลไปใช้เพ่ือเป็ นแนวทางในการ แนวคดิ และทฤษฎเี กย่ี วกบั แรงจูงใจ พฒั นาปรับปรุงแก้ไขและวางแผนในการดาเนินงานดา้ น บุคคลากรให้มีความพึงพอใจในการปฏิบัติงานท่ีดี โดย อษุ า เฟ่ื องประยรู (2558) ไดก้ ล่าววา่ แรงจูงใจ คือ สิ่ง เสริ มสร้างบรรยากาศในการทางานและแรงจูงใจในการ ท่ีเป็ นพลงั กระตุน้ ใหแ้ ต่ละบุคคลกระทาพฤติกรรมเป็ นสิ่งที่ ทางาน ท่ีจะส่งผลให้พนกั งานปฏิบตั ิงานตามหน้าที่ บรรลุ ช้ีทิศทางหรือแนวทางให้บุคคลกระทาพฤติกรรมเพื่อบรรลุ วตั ถปุ ระสงคอ์ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เป้าหมายของแต่ละคนและเป็ นส่ิงท่ีช่วยสนับสนุนรักษา พฤติกรรมน้นั ๆ ใหค้ งอยใู่ นงานวจิ ยั น้ีหมายถึงส่ิงท่ีเป็ นแรง 2. เป็ นแนวทางในการวางแผนการดาเนินงานของ กระตุ้นให้บุคลากรเกิดกาลังใจมีพลังรู้ถึงคุณค่าในการ หน่วยงานอื่น ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดาเนินงาน ปฏิบตั ิงานเพ่ือให้ประสบผลสาเร็จตามเป้าหมายท่ีกาหนด ของบุคคลากรใหม้ ีประสิทธิภาพในการทางาน และช่วยใหก้ ารทางานมีประสิทธิภาพสูงข้ึน 3. เพ่ือใชเ้ ป็ นแนวทางในการบริหารหน่วยงาน และ กฤษฎา ต้นเปาว์ และคณะ (2559) ได้ศึกษาเรื่อง เป็ นแนวทางในการปรับปรุงดูแลรักษาบรรยากาศภายใน แรงจูงใจที่มีผลต่อการปฏิบตั ิงานของพนักงานและจะเป็ น องค์การ เพ่ือสร้างความรู้สึกท่ีดีของพนักงานในการ ประโยชนต์ ่อองคก์ ารเป็ นอยา่ งยง่ิ นอกจากจะทาใหท้ ราบถึง ปฏิบตั ิงานอนั ก่อใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดแก่องคก์ ารธุรกิจ แรงจูงใจที่มีผลต่อการปฏิบัติงานแลว้ จะทาให้ผูบ้ ริหาร สามารถกาหนดกลยุทธ์และนโยบายที่จะตอบสนองให้กบั ทบทวนวรรณกรรม ความต้องการของพนักงานเพ่ือสร้างแรงจูงใจในการ ปฏิบัติงาน และทาให้ผลการปฏิบัติงานดีข้ึนและยงั เป็ น แนวคดิ และทฤษฎเี กยี่ วกบั บรรยากาศองค์กร ขอ้ มูลประกอบเพื่อเสนอแนะแนวทางท่ีเป็ นประโยชน์ใน การพฒั นาบุคลากรให้มีคุณภาพสามารถปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ ง ร ติ กร ณ์ จ ง วิศ าล ( 2555) ได้ใ ห้ค วามห มาย มีประสิทธิภาพ บรรยากาศองค์กรว่าเป็ นการรับรู้และประสบการณ์ของ สมาชิกเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมภายในองค์กร และ Herzberg (1959 อ้างถึงในโชติกา ระโส, 2555) ได้ ลกั ษณะเฉพาะขององคก์ รเป็ นส่ิงที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม ทาการศึกษาคน้ ควา้ วจิ ยั เกี่ยวกบั แรงจูงใจในการทางานของ ของบุคลากรภายในองคก์ ร บุคคล องค์ประกอบน้ีเรียกว่าปัจจัยจูงใจ (Motivational Factors) มีอยู่ 5 ประการคือ Forehand and Gilner (1964, p. 362) ใหค้ วามหมาย วา่ บรรยากาศองคก์ รเป็ นชุดของคุณลกั ษณะภายในองคก์ ร 1. ดา้ นความสาเร็จในการปฏิบตั ิงาน หมายถึง การที่ ซ่ึงรับรู้โดยบุคลากรในองคก์ รโดยคุณลกั ษณะดงั กล่าวจะ บุคลากรมีความสามารถในการทางานตามหนา้ ที่ ๆ ไดร้ ับ บรรยายถึงสภาพขององค์กรในจุดที่มีความแตกต่างมี มอบหมายได้ประสบผลสาเร็จและสามารถป้องกันและ ลกั ษณะท่ีคงอยู่เป็ นระยะเวลาที่ยาวนานและมีอิทธิพลต่อ แกไ้ ขปัญหาต่าง ๆ พฤติกรรมของบุคลากรในองคก์ ร สาหรับมิติของบรรยากาศ แบ่งออกไดเ้ ป็ น 6 มิติตามแนวคิดของ Stringer (2002, pp. 2. ดา้ นการยอมรับนับถือ หมายถึง การท่ีบุคลากร 65-67, อ้างถึงใน ฐาปณี บุญยเกียรติ, 2559) อันได้แก่ ไดร้ ับการยกยอ่ งชมเชยความยอมรับนบั ถือจากบุคคลท่ีตน โครงสร้างองค์กร ด้านมาตรฐานการทางาน ด้านความ เก่ียวขอ้ งในการปฏิบตั ิงาน รับผิดชอบในการทางาน ด้านการรับรู้ผลงานและรางวลั - 87 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) 3. ดา้ นลกั ษณะงานที่ปฏิบตั ิหมายถึงการที่บุคลากร การทางานมีความถูกตอ้ งไดม้ าตรฐานรวดเร็วนอกจากน้ี สามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ต่าง ๆ ที่ตรงกับความรู้ ผลงานที่มีคุณภาพควรก่อเกิดประโยชนต์ อ่ องคก์ รและสร้าง ความสามารถของบุคลากรเป็ นงานที่ถนัดน่าสนใจและยงั ความพึงพอใจของลกู คา้ หรือผมู้ ารับบริการ ส่งผลใหเ้ กิดความพอใจ 2. ปริ มาณงาน (Quantity) งานท่ีเกิดข้ึนจะต้อง 4. ด้านความรับผิดชอบหมายถึงการท่ีบุคลากร เป็ นไปตามความคาดหวงั ของหน่วยงานโดยผลงานที่ปฏิบตั ิ ส า ม า ร ถ ป ฏิ บั ติ ง า น ใ น ห น้ า ท่ี ที่ ไ ด้ รั บ ม อ บ ห ม า ย จ า ก ได้มีปริ มาณที่เหมาะสมตามท่ีกาหนดในแผนงานหรือ ผบู้ งั คบั บญั ชาและเพื่อนร่วมงานโดยที่บุคลากรน้นั มีอานาจ เป้าหมายที่บริษทั วางไวแ้ ละควรมีการวางแผนบริหารเวลา ในการรับผดิ ชอบอยา่ งเตม็ ท่ี เพ่อื ใหไ้ ดป้ ริมาณงานตามเป้าหมายที่กาหนดไว้ 5. ด้านความก้าวหน้าในตาแหน่งหน้าท่ีการงาน 3. เวลา (Time) คือเวลาท่ีใชใ้ นการดาเนินงานจะตอ้ ง หมายถึงการที่บุคลากรไดร้ ับการเปล่ียนแปลงเลื่อนตาแหน่ง อยใู่ นลกั ษณะท่ีถูกตอ้ งตามหลกั การเหมาะสมกบั งานและ หน้าที่การงานให้สูงข้ึนตลอดจนไดร้ ับการอบรมศึกษาต่อ ทนั สมยั มีการพฒั นาเทคนิคการทางานใหส้ ะดวกรวดเร็วข้ึน เพอ่ื เพ่มิ พนู ความรู้ความสามารถของตนเอง สรุ ปได้ว่าการปฏิบัติงานของแต่ละบุคคลจะมี แ น ว คิด แ ล ะ ท ฤ ษ ฎีเ กี่ย ว กับ ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ใ น ก า ร ผ ล ง าน ท่ี มี ป ร ะสิ ท ธิ ภาพ ไ ด้น้ันต้อง ปร ะ กอบด้วย ความสามารถความชานาญและส่ิงจูงใจให้ทาปฏิบัติงาน ปฏิบตั งิ าน ไปสู่เป้าหมายโดยประเมินผลของประสิทธิภาพน้นั ไดจ้ าก คุ ณ ภ า พ ข อ ง ง า น ป ริ ม า ณ ง า นเ ว ล า แ ล ะค่า ใ ช้จ่ า ย ใ นการ Millet (1954) ไดก้ ล่าววา่ ประสิทธิภาพ หมายถึง ผล ปฏิบตั ิงาน การปฏิบตั ิงานที่ทาใหเ้ กิดความพึงพอใจ และไดร้ ับผลกาไร จากการปฏิบัติงาน ซ่ึงความพึงพอใจ หมายถึง ความพึง พอใจในการบริการใหก้ บั ประชาชน โดยพิจารณาจาก เช่น การให้บริการอยา่ งเท่าเทียมกนั การให้บริการอยา่ งรวดเร็ว ทันเวลา การให้บริการอย่างเพียงพอ การให้บริการอย่าง ต่อเน่ือง และการใหบ้ ริการอยา่ งกา้ วหนา้ เป็ นตน้ สิริวดี ชูเชิด (2556) ได้กล่าวว่า ประสิทธิภาพการ ทางาน หมายถึง ความสามารถและทกั ษะในการกระทาของ บุคคลของตนเอง หรือของผูอ้ ่ืนให้ดีข้ึน เจริญข้ึน เพื่อให้ บรรลุเป้าหมายของตนเองและขององค์กร อันจะทาให้ ตนเอง ผูอ้ ่ืนและองคก์ ร เกิดความพึงพอใจและสงบสุขใน ที่สุด Peterson & Plowman (1989 อา้ งถึงใน อุทัสน์ วีระ ศักด์ิการุ ณย์, 2556) ได้ให้แนวคิดใกล้เคียงกับ Harring Emerson โดยตดั ทอนบางขอ้ ลงและสรุปองคป์ ระกอบของ ประสิทธิภาพไว้ 3 ขอ้ ประกอบดว้ ย 1. คุณภาพของงาน (Quality) จะตอ้ งมีคุณภาพสูงคือ ผูผ้ ลิตและผูใ้ ชไ้ ด้ประโยชน์คุม้ ค่าและมีความพึงพอใจผล - 88 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั 2. วธิ ีดาเนนิ การวจิ ยั ความผูกผนั โดยขอ้ คาถามมีลกั ษณะเป็ นแบบสอบถามแบบ มาตรประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดบั กลุ่มตัวอย่างคือ พนักงาน บริษัท เอสวีไอ จากัด (มหาชน) จานวน 350 คน สุ่มตวั อยา่ งแบบสะดวก โดยใช้ ตอนท่ี 3 : แบบสอบถามดา้ นแรงจูงใจ 5 ด้าน นามา เคร่ื องมือท่ีใช้ในการวิจัยในคร้ังน้ีเป็ นแบบสอบถาม จากงานวิจัยของ Herzberg (1959 อา้ งถึงในโชติกา ระโส, (Questionnaire) ท่ีคณะผูว้ ิจัยสร้างข้ึนโดยไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ 2555) ประกอบดว้ ย ดา้ นความสาเร็จในการปฏิบตั ิงาน ดา้ น แนวคิดและทฤษฎีต่าง ๆ รวมท้ังเอกสารและงานวิจัยท่ี การยอมรับนับถือ ด้านลักษณะงานท่ีปฏิบัติ ด้านความ เกี่ยวขอ้ งมาเป็ นแนวทางในการสร้างแบบสอบถามโดยแบ่ง รับผิดชอบ ดา้ นความก้าวหน้าในตาแหน่งหน้าที่การงาน ออกเป็ น 4 ตอนคือ โดยข้อคาถามมีลักษณะเป็ นแบบสอบถามแบบมาตร ประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดบั ตอนที่ 1 : แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจยั ส่วนบุคคล ของพนกั งาน ประกอบดว้ ย เพศ อายุ ระดบั การศึกษา ระดบั ตอนท่ี 4 : แบบสอบถามเกี่ยวกบั ประสิทธิภาพใน รายได้ และระยะเวลาการทางาน เป็ นแบบสอบถามปลายปิ ด การปฏิบตั ิงาน นามาจากงานวจิ ยั ของ Peterson & Plowman (Closed ended question) มีลกั ษณะเป็ นคาตอบหลายตวั เลือก (1989 อ้างถึงใน อุทัสน์ วีระศักด์ิการุณย์, 2556) โดยข้อ (Multiple choice question) คาถามมีลกั ษณะเป็ นแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดบั ตอนที่ 2 : แบบสอบถามเพ่ือวดั บรรยากาศองคก์ ร 6 มิติ นามาจากงานวจิ ยั ของ (Stringer, 2002, pp. 10-11, อา้ งถึง น า ข้ อ มู ล จ า ก แ บ บ ส อ บ ถ า ม ป ร ะ ม ว ล ผ ล โ ด ย ใน ฐาปณี บุญยเกียรติ, 2559) ประกอบด้วย โครงสร้าง โปรแกรมสาเร็จรูปทางสถิติสาหรับการทาวิจยั (SPSS) และ มาตรฐาน ความรับผิดชอบ การยอมรับ การสนบั สนุน และ ใชส้ ถิติในการวิเคราะห์ ขอ้ มูลไดแ้ ก่ สถิติเชิงพรรณนา โดย การหาค่าร้อยละ ค่าเฉล่ียและใช้สถิติเชิง อนุมานในการ - 89 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติทดสอบ t (Independent ส่วนที่ 3 ขอ้ มูลเก่ียวกบั แรงจูงใจในการทางานของ Samples t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวน (One-way พนกั งาน ANOVA) และการวเิ คราะห์สมการถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis : MRA) ตารางท่ี 2 สรุปค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของ ระดบั ความคิดเห็นเก่ียวกบั แรงจูงใจในการทางาน 3. ผลการศึกษาและอภปิ รายผล แรงจูงใจในการ ระดบั การแสดงออก ทางาน ผลการวจิ ยั ���̅��� SD แปล อนั ดบั ส่ วนท่ี 1 ข้อมูลปั จจัยส่ วนบุคคลของผู้ตอบ ผล แบบสอบถามท่ีใชเ้ ป็ นกลุ่มตวั อย่าง จานวน 350 คน ส่วน ดา้ นความสาเร็จในการ 3.99 0.585 มาก (3) ใหญ่เป็ นเพศชาย จานวน 189 คน คิดเป็ นร้อยละ 54.0 มีอายุ ปฏิบตั ิงาน 26-30 ปี จานวน 132 คน คิดเป็ นร้อยละ 37.7 มีระดับ การศึกษาต่ากวา่ ปริญญาตรี จานวน 219 คน คิดเป็ นร้อยละ ดา้ นการยอมรับนบั ถือ 3.71 0.718 มาก (5) 62.6 มีระยะเวลาในการทางาน 1-2 ปี จานวน 154 คน คิด เป็ นร้อยละ 44.0 และมีรายไดต้ อ่ เดือน 12,500 - 15,000 บาท ดา้ นลกั ษณะงานที่ 4.09 0.628 มาก (2) ตอ่ เดือน จานวน 122 คน คิดเป็ นร้อยละ 34.9 ปฏิบตั ิ ดา้ นความรับผดิ ชอบ 3.78 0.746 มาก (4) ดา้ นความกา้ วหนา้ ใน 4.18 0.742 มาก (1) ตาแหน่งหนา้ ท่ีการงาน ส่วนที่ 2 ขอ้ มูลเกี่ยวกับบรรยากาศในการทางาน ของพนกั งาน ส่ วนที่ 4 ข้อมูลเกี่ยวกับประสิ ทธิ ภาพในการ ปฏิบตั ิงานของพนกั งาน ตารางที่ 1 สรุปค่าเฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของ ระดบั ความคิดเห็นเก่ียวกบั บรรยากาศในการทางาน ตารางที่ 3 สรุปค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของ ระดบั ความคิดเห็นเก่ียวกบั ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงาน บรรยากาศใน ระดบั การแสดงออก การทางาน ���̅��� SD แปลผล อนั ดบั ประสิทธิภาพใน ระดบั การแสดงออก การปฏบิ ตั งิ าน ���̅��� SD แปลผล อนั ดบั โครงสร้าง 4.07 0.612 มาก (1) ดา้ นคุณภาพงาน 3.79 0.672 มาก (2) มาตรฐาน 3.82 0.694 มาก (4) ความรับผดิ ชอบ 3.90 0.640 มาก (2) ดา้ นปริมาณงาน 3.84 0.654 มาก (1) การยอมรับ 3.66 0.624 มาก (5) ดา้ นเวลางาน 3.62 0.717 มาก (3) การสนบั สนุน 3.07 0.670 ปานกลาง (6) ความผกู ผนั 3.89 0.614 มาก (3) - 90 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ส่วนที่ 5 ผลการทดสอบสมมติฐาน ตารางท่ี 4 แสดงผลสรุปการทดสอบสมมติฐานที่ 1 ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงาน ปัจจยั ส่วนบุคคล ด้านคุณภาพงาน ประสิทธิภาพในการปฏบิ ตั งิ าน ด้านเวลางาน ด้านปริมาณงาน เพศ t=0.116, Sig=0.907 t=0.336, Sig=0.737 t=-1.132, Sig=0.258 อายุ Welch =24.617, Sig=0.000* Welch =16.631, Sig=0.000* Welch =17.387, Sig=0.000* ระดบั การศึกษา Welch =76.352, Sig=0.000* Welch =57.745, Sig=0.000* Welch =69.811, Sig=0.000* ระยะเวลาในการทางาน Welch =35.971, Sig=0.000* Welch =27.476, Sig=0.000* Welch =30.984, Sig=0.000* ระดบั รายได้ Welch =36.040, Sig=0.000* Welch =25.861, Sig=0.000* Welch =27.574, Sig=0.000* *มีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 ตารางท่ี 4 ผลการวิเคราะห์สมมติฐานท่ี 1 พบว่า ปฏิบตั ิงาน ดา้ นคุณภาพงาน ดา้ นปริมาณ และดา้ นเวลางาน พนักงานท่ีมีอายุแตกต่างกนั ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการ แตกต่างกัน และระดับรายได้ที่แตกต่างกันส่งผลต่อ ปฏิบตั ิงาน ดา้ นคุณภาพงาน ดา้ นปริมาณ และดา้ นเวลางาน ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ด้านคุณภาพงาน ด้าน แตกต่างกัน ระดับการศึกษาท่ีแตกต่างกันส่ งผลต่อ ปริมาณ และดา้ นเวลางานแตกต่างกนั ยกเวน้ พนกั งานที่มี ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ด้านคุณภาพงาน ด้าน เพศแตกต่างกนั ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ปริมาณ และด้านเวลางานแตกต่างกัน ระยะเวลาในการ ดา้ นคุณภาพงาน ดา้ นปริมาณ และดา้ นเวลางานไม่แตกต่าง ทางานท่ีแตกต่างกันส่ งผลต่อประสิ ทธิ ภาพในการ กนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 ตารางที่ 5 แสดงผลการวเิ คราะห์สมการถดถอยของบรรยากาศในการทางาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของ พนกั งาน ดา้ นคุณภาพงาน บรรยากาศในการทางาน b ประสิทธิภาพในการปฏบิ ตั งิ าน (ด้านคณุ ภาพงาน) VIF (Constant) 0.285 SEb ������ t Sig. Tolerance 0.205 1.388 0.166 โครงสร้าง 0.224 0.056 0.204 3.997 0.000* 0.547 1.828 มาตรฐาน 0.176 0.056 0.182 3.139 0.002* 0.426 2.348 ความรับผดิ ชอบ 0.208 0.058 0.198 3.605 0.000* 0.473 2.116 การยอมรับ 0.032 0.050 0.030 0.646 0.518 0.655 1.526 การสนบั สนุน 0.243 0.047 0.243 5.138 0.000* 0.639 1.566 ความผกู ผนั 0.061 0.058 0.056 1.058 0.291 0.512 1.952 R = 0.715, R2 = 0.511, Adjusted R2 = 0.502, SEest = 0.47391, F = 59.513, Sig.= 0.000*, Durbin Watson=1.942 *มีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 - 91 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) ตารางที่ 6 แสดงผลการวิเคราะห์สมการถดถอยของบรรยากาศในการทางาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของ พนกั งาน ดา้ นปริมาณงาน บรรยากาศในการทางาน b ประสิทธิภาพในการปฏบิ ตั งิ าน (ด้านปริมาณงาน) SEb ������ t Sig. Tolerance VIF 0.205 2.702 0.007* (Constant) 0.557 โครงสร้าง 0.150 0.056 0.141 2.671 0.008* 0.547 1.828 มาตรฐาน 0.149 0.056 0.159 2.648 0.008* 0.426 2.348 ความรับผิดชอบ 0.214 0.058 0.209 3.681 0.000* 0.473 2.116 การยอมรับ 0.003 0.050 0.003 0.065 0.948 0.655 1.526 การสนบั สนุน 0.225 0.048 0.231 4.726 0.000* 0.639 1.566 ความผกู ผนั 0.143 0.058 0.134 2.463 0.014* 0.512 1.952 R = 0.691, R2 = 0.478, Adjusted R2 = 0.469, SEest = 0.47644, F = 52.208, Sig.= 0.000*, Durbin Watson = 1.815 *มีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 ตารางที่ 7 แสดงผลการวเิ คราะห์สมการถดถอยของบรรยากาศในการทางาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของ พนกั งาน ดา้ นเวลางาน บรรยากาศในการทางาน ประสิทธิภาพในการปฏิบตั งิ าน (ด้านเวลางาน) b SEb ������ t Sig. Tolerance VIF (Constant) -0.122 0.213 -0.575 0.565 โครงสร้าง 0.078 0.058 0.066 1.336 0.182 0.547 1.828 มาตรฐาน 0.200 0.058 0.194 3.451 0.001* 0.426 2.348 ความรับผดิ ชอบ 0.265 0.060 0.236 4.428 0.000* 0.473 2.116 การยอมรับ 0.105 0.052 0.091 2.012 0.045* 0.655 1.526 การสนบั สนุน 0.291 0.049 0.272 5.915 0.000* 0.639 1.566 ความผกู ผนั 0.089 0.060 0.076 1.490 0.137 0.512 1.952 R = 0.734, R2 = 0.539, Adjusted R2 = 0.531, SEest = 0.49136, F = 66.710, Sig.= 0.000*, Durbin Watson = 1.861 *มีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 จากตารางท่ี 5 พบว่า บรรยากาศในการทางานใน จากตารางที่ 6 พบว่า บรรยากาศในการทางานใน ด้าน โครงสร้าง มาตรฐาน ความรับผิดชอบ และการ ดา้ น โครงสร้าง มาตรฐาน ความรับผิดชอบ การสนบั สนุน สนับสนุน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของ และความผูกผนั ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน พนกั งาน ดา้ นคุณภาพงาน อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั ของพนกั งาน ดา้ นปริมาณงาน อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ 0.05 ระดบั 0.05 - 92 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) จากตารางที่ 7 พบว่า บรรยากาศในการทางานใน พนักงานด้านเวลางาน อย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติท่ีระดบั ด้าน มาตรฐาน ความรับผิดชอบ การยอมรับ และการ 0.05 สนับสนุน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของ ตารางท่ี 8 แสดงผลการวิเคราะห์สมการถดถอยของแรงจูงใจในการทางาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของ พนกั งาน ดา้ นคุณภาพงาน แรงจูงใจในการทางาน ประสิทธิภาพในการปฏิบตั งิ าน (ด้านคุณภาพงาน) (Constant) b SEb ������ t Sig. Tolerance VIF 0.359 0.195 1.838 0.067 ดา้ นความสาเร็จในการปฏิบตั ิงาน 0.120 0.054 0.105 2.220 0.027* 0.534 1.871 ดา้ นการยอมรับนบั ถือ 0.249 0.046 0.266 5.430 0.000* 0.494 2.026 ดา้ นลกั ษณะงานท่ีปฏิบตั ิ 0.056 0.051 0.052 1.098 0.273 0.523 1.910 ดา้ นความรับผดิ ชอบ 0.376 0.048 0.418 7.864 0.000* 0.421 2.378 ดา้ นความกา้ วหนา้ ในตาแหน่ง 0.089 0.037 0.099 2.403 0.017* 0.703 1.423 หนา้ ท่ีการงาน R = 0.769, R2 = 0.592, Adjusted R2 = 0.586, SEest = 0.43225, F = 99.815, Sig.= 0.000*, Durbin Watson = 1.940 *มีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 ตารางที่ 9 แสดงผลการวิเคราะห์สมการถดถอยของแรงจูงใจในการทางาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของ พนกั งาน ดา้ นปริมาณงาน แรงจูงใจในการทางาน ประสิทธิภาพในการปฏิบตั งิ าน (ด้านปริมาณงาน) (Constant) b SEb ������ t Sig. Tolerance VIF 0.424 0.204 2.075 0.039* ดา้ นความสาเร็จในการปฏิบตั ิงาน 0.183 0.057 0.164 3.231 0.001* 0.534 1.871 ดา้ นการยอมรับนบั ถือ 0.218 0.048 0.239 4.535 0.000* 0.494 2.026 ดา้ นลกั ษณะงานที่ปฏิบตั ิ 0.115 0.053 0.111 2.157 0.032* 0.523 1.910 ดา้ นความรับผดิ ชอบ 0.247 0.050 0.282 4.930 0.000* 0.421 2.378 ด้านความก้าวหน้าในตาแหน่ง 0.112 0.039 0.127 2.872 0.004* 0.703 1.423 หนา้ ท่ีการงาน R = 0.726, R2 = 0.527, Adjusted R2 = 0.520, SEest = 0.45275, F = 76.749, Sig.= 0.000*, Durbin Watson = 1.788 *มีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 จากตารางที่ 8 พบวา่ แรงจูงใจในการทางานในดา้ น พนกั งาน ดา้ นคุณภาพงาน อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั ความสาเร็จในการปฏิบตั ิงาน ดา้ นการยอมรับนับถือ ดา้ น 0.05 โดยด้านความรับผิดชอบจะส่งผลมากที่สุด (β = ความรับผิดชอบ และดา้ นความกา้ วหนา้ ในตาแหน่งหนา้ ท่ี 0.418) การงาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของ - 93 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) จากตารางที่ 9 พบว่า แรงจูงใจในการทางาน ดา้ น ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนักงาน ดา้ นปริมาณ ความสาเร็จในการปฏิบตั ิงาน ดา้ นการยอมรับนับถือ ดา้ น งาน อย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 โดยดา้ นความ ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ด้านความรับผิดชอบ และด้าน รับผิดชอบจะส่งผลมากที่สุด (β = 0.282) ความก้าวหน้าในตาแหน่งหน้าท่ีการงาน ส่ งผลต่อ ตารางที่ 10 แสดงผลการวิเคราะห์สมการถดถอยของแรงจูงใจในการทางาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของ พนกั งาน ดา้ นเวลางาน แรงจูงใจในการทางาน ประสิทธิภาพในการปฏิบตั งิ าน (ด้านเวลางาน) (Constant) b SEb ������ t Sig. Tolerance VIF -0.077 0.203 -0.378 0.705 ดา้ นความสาเร็จในการปฏิบตั ิงาน 0.275 0.056 0.225 4.891 0.000* 0.534 1.871 ดา้ นการยอมรับนบั ถือ 0.294 0.048 0.295 6.175 0.000* 0.494 2.026 ดา้ นลกั ษณะงานท่ีปฏิบตั ิ -0.009 0.053 -0.008 -0.174 0.862 0.523 1.910 ดา้ นความรับผดิ ชอบ 0.369 0.050 0.384 7.425 0.000* 0.421 2.378 ดา้ นความกา้ วหนา้ ในตาแหน่ง 0.035 0.039 0.036 0.907 0.365 0.703 1.423 หนา้ ที่การงาน R = 0.783, R2 = 0.613, Adjusted R2 = 0.607, SEest = 0.44940, F = 108.818, Sig.= 0.000*, Durbin Watson = 1.729 *มีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 จากตารางที่ 10 พบวา่ แรงจูงใจในการทางาน ดา้ น ปัจจัยส่วนบุคคลในด้าน อายุ ระดับการศึกษา ความสาเร็จในการปฏิบตั ิงาน ดา้ นการยอมรับนบั ถือ และ ระยะเวลาการทางาน และระดบั รายได้ ที่แตกต่างกนั ส่งผล ด้านความรับผิดชอบ ส่งผลต่อประสิ ทธิภาพในการ ต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานแตกต่างกนั เน่ืองจากการ ปฏิบตั ิงานของพนกั งาน ดา้ นเวลางาน อยา่ งมีนยั สาคญั ทาง ท่ีพนกั งงานมีอายมุ ากข้ึนประกอบการมีการศึกษาท่ีดีจะช่วย สถิติที่ระดับ 0.05 โดยด้านความรับผิดชอบจะส่งผลมาก ย ก ร ะ ดับ วุ ฒิ ภ า ว ะ แ ล ะ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ท า ง า น ที่ ท่ีสุด (β = 0.384) สอดคลอ้ งกบั ระยะเวลาท่ีทางานเพอ่ื สะสมประสบการณ์ ให้ ได้มากซ่ึงรายไดห้ รือเงินเดือนท่ีมากข้ึน ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั อภปิ รายผล งานวิจยั ของ อุบลวรรณ เอกทุ่งบวั (2555) ท่ีทาการศึกษา เร่ือง ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของ งานวจิ ยั เร่ือง บรรยากาศในการทางานและแรงจูงใจ บุคลากรสายสนับสนุ น และช่วยวิชาการของคณะ ท่ีส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงาน แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ ผลการศึกษาว่า กรณีศึกษา บริษทั เอสวไี อ จากดั (มหาชน) ไดด้ งั น้ี ร ะ ดับ อ ายุ ร ะ ดับ การ ศึ กษ าที่ แ ต กต่ าง กัน มี ผ ล ต่ อ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานท่ีแตกตา่ งกนั ผลการศึกษา พบว่า เพศท่ีแตกต่างกันส่งผลต่อ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานไม่แตกต่างกนั ซ่ึงสอดคลอ้ ง บรรยากาศในการทางานโดยรวมมีคะแนนเฉล่ียอยู่ กบั งานวิจยั ของ อภิชยั จตุพรวาที (2557) ท่ีกล่าววา่ เพศ ไม่ ในระดบั มาก ไดแ้ ก่ โครงสร้าง มาตรฐาน การยอมรับ ความ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของอาสาสมคั รคุม รับผิดชอบ การสนับสนุน และความผูกผัน เนื่องจาก ประพฤติ จงั หวดั นครสวรรค์ - 94 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) บรรยากาศในการทางานดี ส่งผลให้พนกั งานปฏิบตั ิงานได้ ปฏิบัติงาน ประกอบด้วย ด้านการเลื่อนตาแหน่งงาน อย่างมีประสิทธิภาพอย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 เทคโนโลยที ี่ทนั สมยั และดา้ นความปลอดภยั ในการทางาน ซ่ึงบรรยากาศในการทางาน ดา้ นโครงสร้างมีค่าเฉล่ียสูงสุด เป็ นดา้ นท่ีมีผลตอ่ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงาน แสดงว่าพนักงานปฏิบัติงานไดด้ ีตามโครงสร้างที่วางไว้ ส่วนด้านการสนับสนุนมีค่าเฉลี่ยต่าสุด สาเหตุมาจาก ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนกั งานอยใู่ น พนักงานอาจยงั มีความคิดว่าได้รับการสนับสนุนในการ ระดบั มาก เมื่อพิจารณาเป็ นรายดา้ นแลว้ พบวา่ พนกั งานให้ ปฏิบตั ิงานไม่เพียงพอต่อการทางานในบทบาทหน้าที่การ ความสาคญั กบั ดา้ นปริมาณงาน พนกั งานสามารถทางานได้ งานของพวกเขา จากผลการวิจยั น้ี ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั เสร็จตามที่ไดร้ ับมอบหมายอยา่ งครบถว้ น ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั ของ ชุลีพร เพช็ รศรี (2556) ไดศ้ ึกษาเร่ือง คุณลกั ษณะของง งานวิจัยของธิติ ธิติเสรี (2557) ไดศ้ ึกษาอิทธิพลความกลา้ ผตู้ ามและบรรยากาศองคก์ รท่ีมีอิทธิพลตอ่ ประสิทธิภาพการ ห า ญ ข อ ง พ นั ก ง า น แ ล ะ บ ร ร ย า ก า ศ อ ง ค์ ก ร ท่ี มี ผ ล ต่ อ ปฏิบัติงานของพนักงาน พบว่า บรรยากาศองค์กรมี ประสิทธิภาพการปฏิบตั ิงานพนกั งาน กรณีศึกษา พนกั งาน ความสมั พนั ธก์ บั ประสิทธิภาพการปฏิบตั ิงาน ของพนกั งาน การไฟฟ้าส่วนภมู ิภาค พบวา่ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงาน โดยรวมอยใู่ นระดบั สูงดา้ นที่มีค่าความสมั พนั ธ์สูงสุดคือ มิติ โดยรวมอยู่ในระดบั มาก เพราะพนักงานปฏิบตั ิงานตามที่ การยอมรับ รองลงมาคือ มิติการสนับสนุน และดา้ นที่มีค่า ไดร้ ับมอบหมาย ซ่ึงปริมาณงานที่ไดร้ ับมอบหมายมีความ ความสมั พนั ธ์ต่าสุดคือ มิติความรับผิดชอบ เหมาะสมกบั ความสามารถ ซ่ึงทาใหก้ ารปฏิบตั ิงานในหนา้ ที่ ความรับผิดชอบมีคุณภาพไดม้ าตรฐาน แต่แตกต่างจาก สม แรงจูงใจในการทางานในด้านความสาเร็จในการ พิศ สุขแสน (2256) กล่าวไวว้ า่ การทางานที่มีประสิทธิภาพ ปฏิบตั ิงาน ดา้ นการยอมรับนบั ถือ ดา้ นความรับผดิ ชอบ และ ตอ้ งมีความถูกตอ้ งแม่นยา มีความผิดพลาดในงานนอ้ ย ท้งั น้ี ด้านความก้าวหน้าในตาแหน่งหน้าท่ีการงาน ส่งผลต่อ การได้ลงมือปฏิบตั ิบ่อย ๆ การเป็ นผูป้ ระสบการณ์ในการ ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงาน อย่างมี ทางานสูง การต้งั เป้าหมายในการทางานล่วงหน้าทุกคร้ัง นัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 เมื่อพิจารณาจากค่าเฉลี่ย อย่างชัดเจน และการมีใจจดจ่อต่องานท่ีทา มีสมาธิ ไม่ พบวา่ แรงจูงใจในการทางานโดยรวมมีคะแนนเฉล่ียอยู่ใน วอกแวกจะทาใหก้ ารทางานเกิดความผิดพลาดนอ้ ย ระดบั มาก เมื่อพิจารณารายดา้ น พบวา่ ดา้ นความกา้ วหนา้ ใน ตาแหน่งหน้าที่การงานมีค่าเฉล่ียสูงสุดโดยพนักงานให้ 4. ข้อเสนอแนะ ความสาคญั กบั ความกา้ วหนา้ ส่วนดา้ นที่มีคา่ เฉลี่ยต่าสุด คือ ดา้ นการยอมรับนบั ถือ พนกั งานอาจยงั ไม่ไดก้ ารยอมรับนบั ข้อเสนอแนะในการนาผลการวจิ ยั ไปใช้ประโยชน์ ถือจากหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานท่ีเพียงพอ ผลการวิจยั น้ี 1. องคก์ รควรมีการพฒั นาหลกั สูตรอบรมที่เก่ียวขอ้ ง ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ เสกสรร อรกุล (2557) ไดท้ า การวิจัย เร่ือง ปัจจยั แรงจูงใจในการปฏิบตั ิงานที่มีผลต่อ กบั การทางานเพื่อยกระดบั วุฒิภาวะในหน้าท่ีการงานของ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนกั งาน บริษทั เมทเทิล พนักงานให้สอดคล้องกับอายุ ระดับการศึกษา ตลอด คอม จากัด การศึกษาวิจัยคร้ังน้ี พบว่า ปัจจัยแรงจูงใจ ระยะเวลาในการทางาน เพื่อพิจารณาในการให้เงินเดือนแก่ ภาย ใ น ท่ี มี ผ ล ต่ อ ป ร ะ สิ ท ธิ ภา พใ น ก าร ป ฏิ บัติ ง า น พนกั งานจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานท่ีสูงข้ึน ประกอบดว้ ย ดา้ นผลสาเร็จใน การปฏิบตั ิงาน การยกย่อง ยอมรับนับถือ การมีอานาจในหน้าที่และโอกาสก้าวหน้า 2. องค์กรควรมีการสร้างบรรยากาศที่ดีโดยเฉพาะ ส่วนปัจจยั แรงจูงใจภายนอกที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการ โครงสร้างขององคก์ รที่เอ้ือตอ่ การทางาน ซ่ึงในปัจจุบนั องคก์ ร ควรมุ่งเนน้ โครงสร้างแบบแนวราบ เพ่ือส่งเสริมให้พนักงาน ปฏิ บัติ งานได้อย่างมี ประสิ ทธิ ภาพและเกิ ดกระบวน การ แลกเปล่ียนความรู้และความคิดเห็นเพอื่ สร้างนวตั กรรม - 95 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) 3. องคก์ รควรมีการสนบั สนุนทรัพยากรต่าง ๆ และ [4] สุพานี สฤษฏ์วานิช. (2552). พฤติกรรมองค์การ การอานวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของพนักงาน สมยั ใหม่ : แนวคิดและทฤษฎี. กรุงเทพมหานคร : โรง เพือ่ ใหส้ ามารถปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพสูงสุด พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. 4. องคก์ รควรสร้างแรงจูงใจดา้ นความกา้ วหน้าใน [5] เสกสรร อรกุล. (2257). ปั จจัยแรงจูงใจในการ ตาแหน่งหน้าท่ีการงาน เพ่ือเป็ นแรงผลกั ดันให้พนักงาน ปฏิบัติงานที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงาน ปฏิบตั ิงานอยา่ งมีประสิทธิภาพ ของพนักงาน บริษทั เมทเทิลคอม จากดั . (การศึกษา คน้ ควา้ อิสระ,มหาวทิ ยาลยั ศรีปทุม). 5. องค์กรควรหาแนวทางในการแก้ปัญหา โดย พนกั งานที่ปฏิบตั ิงานไดด้ ีก็ควรไดร้ ับการยอมรับ ไดร้ ับคา [6] สมพิศ สุขแสน. (2556). เทคนิคการทางานให้มี ช่ืนชมจากหวั หนา้ หรือเพ่อื นร่วมงาน ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ , 11 พ ฤ ศ จิ ก า ย น 2557. ข้อเสนอแนะในการวจิ ยั คร้ังต่อไป https://bongkotsakorn.wordpress.com/2013/06/06/ เทคนิคการทางานใหป้ ระสบความสาเร็จ. 1. ในการวิจัยคร้ั งต่อไปควรมี การศึ กษาด้วย กระบวนก าร วิ จัยเ ชิ งคุ ณภ า พเพ่ื อ ให้ ได้ข้อมู ล เชิ ง ลึ ก ท่ี [7] อ ภิ ชั ย จ ตุ พ ร ว า ที . ( 2557). ปั จ จั ย ที่ มี ผ ล ต่ อ สอดคลอ้ งกบั อารมณ์ความรู้สึกและความตอ้ งการของพนกั งาน ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครคุม ประพฤติ จงั หวดั นครสวรรค.์ (วิทยานิพนธ์ปริญญา 2. ในการวิจยั คร้ังต่อไปควรมีการศึกษาปัจจยั อื่น ๆ มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช เช่น ภาวะผูน้ า การสนับสนุนของผูน้ าหรือองคก์ ร เป็ นตน้ วทิ ยาลยั ). เพือ่ ศึกษาผลกระทบจากผบู้ งั คบั บญั ชาและการสนบั สนุนใน แนวด่ิงที่มีต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนกั งาน [8] อุบลวรรณ เอกทุ่งบัว. (2555). ปั จจัยท่ี มีผลต่อ ป ร ะ สิ ท ธิ ภา พ ใ น ก า ร ป ฏิ บัติ ง า น ข อ ง บุ ค ล า ก ร สาย. เอกสารอ้างองิ ( วิ ช า ก า ร ข อ ง ค ณ ะ แ พ ท ย ศ า ส ต ร์ , มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์). [1] กฤษฎา ตน้ เปาว์ และคณะ. (2559). กรณีศึกษาแรมใน ในการปฏิบตั ิงานของพนกั งานของบริษทั ดีไลน์คอน [9] อุษา เพื่องประยรู . (2559). ปัจจยั ท่ีมีผลต่อแรงจูงใจใน สตรัคชั่น จากัด . (การประชุมวิชาการระดบั ชาติสห การป ฏิ บัติ ง าน ข อง พนัก ง าน อง ค์ก รป กค ร อง ส่ ว น วิทยาการเอเชี ยอาคเนย์ : กรุ งเทพมหานคร , ท้องถ่ิ นในเขตอาเภอท่าใหม่จังหวัดจันทบุรี . มหาวทิ ยาลยั เอเชียอาคเนยก์ รุงเทพมหานคร). (มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราไพพรรณี). [2] ชุลีพร เพ็ชรศรี. (2556). คุณลักษณะของผูต้ ามและ [10] Forehand, G.A., & Gilner, B.V.H. (1 9 6 4 ). บรรยากาศต่อองคก์ รท่ีมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการ Environmental in studies of organizational behavior. ปฏิบตั ิของพนกั งาน. (วทิ ยานิพนธ์ปริญญามหาบณั ฑิต Psychological Bulletin, 62, 361-382. , มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี). [11] Millet, J.D. ( 1 9 5 4 ) . Management in the Public [3] ธิ ติ ธิ ติเสรี . (2557). อิทธิ พลความกล้าหาญของ Service. The quest for effective performance. New พ นั ก ง า น แ ล ะ บ ร ร ย า ก า ศ อ ง ค์ ก ร ที่ มี ผ ล ต่ อ York: McGraw-Hill Book. ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานพนักงาน กรณีศึกษา พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค. (การศึกษาคน้ ควา้ อิสระ, มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั ญบุรี). - 96 -
The 4th Prachachuen Research Network National and International Conference (4th PRN-CON) แรงจูงใจและการมสี ่วนร่วมในการทางานทสี่ ่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏบิ ตั ิงานของพนักงาน กรณีศึกษา เทศบาลเมืองท่าโขลง อนุสรณ์ ทองหตี รพพิ ฒั น์ ศิริอนุสรณ์ศกั ด์ิ อภิภทั ร์ หล่อสญั ญาลกั ษณ์ สวา่ งจิตร บวั แดง และ กฤษดา เชียรวฒั นสุข* สาขาวชิ าการจดั การ คณะบริหารธุรกิจ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี *E-Mail: [email protected] บทคดั ย่อ การวิจัยน้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ปัจจัยส่วนบุคคลที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงาน 2) แรงจูงใจและการมีส่วนร่วมในการทางานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนกั งาน เครื่องมือที่ใชใ้ นการวจิ ยั คือ แบบสอบถาม กลุ่มตวั อยา่ ง คือ พนกั งานเทศบาลท่าโขลง จานวน 290 คน สถิติท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูลคือ การทดสอบค่าเฉลี่ย การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว การทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย และการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ ผลการวิจยั พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคล ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานแตกต่างกันได้แก่ ระดับการศึกษา สายการ ปฏิบตั ิงาน ส่วนปัจจยั ในดา้ นอายแุ ตกต่างกนั ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงาน ดา้ นเวลาทางานแตกต่างกนั อายกุ ารทางานท่ี แตกต่างกนั ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงาน ดา้ นปริมาณงาน และดา้ นเวลาทางานแตกต่างกนั นอกจากน้ี แรงจูงใจในการ ทางานดา้ นความสาเร็จในการปฏิบตั ิงาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนกั งาน ดา้ นคุณภาพงานและปริมาณงาน ในดา้ นลกั ษณะงานท่ีปฏิบตั ิส่งผลตอ่ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนกั งาน ดา้ นคุณภาพงาน ปริมาณงานและเวลาทางาน ใน ดา้ นความรับผิดชอบส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนกั งาน ดา้ นคุณภาพงาน ปริมาณงาน เวลาทางาน และคา่ ใชจ้ ่าย ในด้านความก้าวหน้าในตาแหน่งหน้าที่การงานส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนักงาน ดา้ นคุณภาพงานและ ค่าใชจ้ ่าย การมีส่วนร่วมในการทางาน ในเร่ืองของการมีส่วนร่วมในการเขา้ อบรมส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของ พนักงาน ดา้ นคุณภาพงาน ปริมาณงานและเวลาทางาน การรับรู้ขอ้ มูลข่าวสารส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของ พนักงาน ด้านคุณภาพงาน การเขา้ ร่วมหาสาเหตุ ขอ้ เสนอแนะ และแนวทางการแก้ไขปัญหาส่งผลต่อประสิทธิภาพในการ ปฏิบตั ิงานของพนกั งาน ดา้ นคุณภาพงานและเวลาทางาน การเขา้ ร่วมประชุม การประสานงาน ดา้ นคุณภาพงาน เวลาทางานและ ค่าใชจ้ ่าย การมีส่วนร่วมในการตดั สินใจส่งผลตอ่ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนกั งาน ดา้ นปริมาณงานและค่าใชจ้ ่าย การ ร่วมดาเนินงานตามแผนงานส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานของพนกั งานดา้ นคุณภาพงาน ปริมาณงาน เวลาทางาน และ คา่ ใชจ้ ่าย อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.05 คำสำคญั : แรงจูงใจ การมีส่วนร่วมในการทางาน ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงาน 1. บทนา ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริหาร องค์กรด้วยเพราะฉะน้ันถ้าหาก แรงจูงใจในการปฏิบตั ิงานของบุคคลในองคก์ รมีผล หน่วยงานใดไดเ้ ห็นความสาคญั ของการสร้างแรงจูงใจและ ต่อความสาเร็จของงานและองคก์ รรอีกท้งั ยงั เป็ นการสร้าง ความพึงพอใจในการปฏิบตั ิงานให้เกิดข้ึนกบั บุคลากรใน ความสุขของผูท้ างานด้วย นอกจากน้ี แรงจูงใจในการ หน่วยงานของตนและมีความเขา้ ใจองคป์ ระกอบท่ีส่งผลตอ่ ปฏิบตั ิงานยงั แสดงถึงประสิทธิภาพของการปฏิบตั ิงานและ แรงจูงใจในการปฏิบตั ิงาน (ปฐมวงค์ สีหาเสนา, 2557, น. - 97 -
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226