144 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ระบบสืบค้นฐานความรู้เชิงความหมายเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง บา้ นเขก็ น้อย อำเภอเขาค้อ จงั หวัดเพชรบรู ณ์ โดยใช้เวิรด์ เพลสและออนโทโลยี The Semantic Knowledge Base Searching System for Promoting Cultural and Traditional of Mong Tribe, Bankeknoi, Kaokor District, Phetchabun Province using WordPress and Ontology ดวงจันทร์ สหี าราช* Duangjhan Siharad* สาขาวชิ าวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั เพชรบรู ณ์ จ.เพชรบูรณ์ 67000 Major of Computer Science, Faculty of Science and Technology, Phetchabun Rajabhat University Muange District, Phetchabun 67000, THAILAND *Corresponding author e-mail: [email protected] ARTICLE INFO ABSTRACT Article history: This research aims 1) to study knowledge structure and Received: 29 April, 2020 collect local cultural and traditional knowledge of Mong Tribe Revised: 5 August, 2020 Bankeknoi, Kaokor District, Phetchabun Province 2) to develop the Accepted: 31 August, 2020 semantic knowledge searching system for promoting cultural and Available online: 21 October, 2020 traditional local wisdom knowledge of Mong Tribe and 3) to assess DOI: 10.14456/rj-rmutt.2020.25 performance and user’s satisfaction to semantic knowledge searching Keywords: semantic system. The sample of this research was 8 cultural and traditional knowledge base, cultural and academic persons, philosophers and computer and information traditional of mong tribe, academic persons of Bankeknoi subdistrict administration organization. bankeknoi, wordpress, The research instruments were in-depth interviews for collecting the ontology local wisdom knowledge and user’s satisfaction questionnaire to the system. The research found that semantic knowledge management system consists of function 4 parts 1) showing information in the web frontend 2) controlling contents and rendering format on WordPress 3) Integrating the ontology knowledgebase with data on WordPress and 4) Linking the knowledge contents with social
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 145 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) media. The ontology knowledgebase has totally 16 nodes, classified 3 levels which represented 4 knowledge groups 1) traditional and local wisdom 2) tour destination 3) accommodation and 4) Mong origin’s history and language. The result of performance assessment by f measure was 88.9% and user satisfaction to system in overview was at highest (x̄ = 4.61, SD = 0.65). บทคัดย่อ และภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น 2) สถานท่ีทอ่ งเทย่ี ว 3) ท่ีพกั และ 4) ป ร ะ วั ต ิ แ ล ะ ภ า ษา ของชา วม ้ ง กา ร ป ร ะ เ มิ น การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษา ประสิทธิภาพการสืบค้นข้อมูล ได้ค่า f measure เท่ากับ โครงสร้างองค์ความรู้ และรวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ 88.9% และผู้ใช้มีความพึงพอใจต่อระบบในภาพรวม อยู่ ภูมิปัญญาท้องถิ่นทางวัฒนธรรมและประเพณีชาวเขา ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.59, SD = 0.64) เผ่าม้ง บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 2) เพื่อพัฒนาระบบจัดการฐานความรู้เชิงความหมาย เพ่ือ คำสำคัญ: ฐานความรู้เชิงความหมาย วัฒนธรรมและ ส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง บ้านเข็ก ประเพณชี าวเขาเผา่ มง้ บ้านเข็กนอ้ ย เวิร์ดเพลส ออนโทโลยี น้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้เวิร์ดเพลส และออนโทโลยี และ 3) เพื่อประเมินประสิทธิภาพการ บทนำ ทำงานและความพึงพอใจผูใ้ ช้ตอ่ ระบบจัดการฐานความรู้ เชิงความหมาย เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณี การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการจัดการ ชาวเขาเผ่าม้ง บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัด และจัดเก็บองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ ของวิถีในชุมชนไม่ให้ เพชรบูรณ์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้รวบรวมข้อมูล คือ เกดิ การสูญหายไปตามกาลเวลา และสามารถนำไปเผยแพร่ นักวิชาการด้านวัฒนธรรมและประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง ให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ได้ตลอดเวลาเป็นสิ่งจำเป็นอย่างย่ิง ปราชญ์ชาวบ้าน นักวิชาการคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ อาทิ องคค์ วามรเู้ ก่ียวกับขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอด ขององค์การบริหารส่วนตำบลเข็กน้อย ซึ่งคัดเลือกแบบ กันมาจากปราชญ์ชาวบ้าน หรือผู้เฒ่า ผู้แก่ ในชุมชน ซ่ึง เจาะจง จำนวน 8 คน เครื่องมือที่ใช้รวบรวมข้อมูล คือ เป็นความรู้ที่ควรอนุรักษ์และเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานรุ่น แบบสัมภาษณ์เชิงลึกเพื่อรวบรวมองค์ความรู้ และแบบ หลงั ไดส้ ืบทอดตอ่ ไป วัฒนธรรมและประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง ประเมินความพึงพอใจผู้ใช้ต่อระบบ ผลการวิจัยพบว่า บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นสิ่งที่จะ ระบบจัดการฐานความรู้เชิงความหมาย ประกอบด้วย ชว่ ยดึงดูดใจให้ผ้คู นเข้ามาท่องเที่ยวในชุมชน และเช่ือมโยง ฟังก์ชัน การทำงาน 4 ส่วน ได้แก่ 1) การแสดงข้อมูล การเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในอำเภอเขาค้อ สารสนเทศในส่วนหน้า 2) การควบคุมเนื้อหาและการ และในพ้นื ทต่ี า่ ง ๆ ของจงั หวัดเพชรบรู ณ์ เพิ่มมากยิง่ ขน้ึ ซง่ึ แสดงผลบนเวิร์ดเพลส 3) การเชื่อมประสานฐานความรู้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดและ ออนโทโลยีกับข้อมูลบนเวิร์ดเพลสและ 4) การเชื่อมโยง ประเทศในภาพรวมได้ ทั้งนี้หมู่บ้านวัฒนธรรมชาวเขาบ้าน เนื้อหาความรู้กับสื่อสังคมออนไลน์ การสร้างฐานความรู้ เข็กน้อย ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายในการวิจัย มีกิจกรรม ออนโทโลยีมีจำนวนทั้งหมด 16 โหนด แบ่งเป็น ท่องเที่ยวซึ่งหาดูได้ยาก เช่น ประเพณีการกินข้าวใหม่ 3 ระดับชั้น แทนองค์ความรู้ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ประเพณี ประเพณีปีใหม่มง้ มีการผลติ เครอ่ื งมือ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ใน การดำรงชวี ติ จากภมู ิปัญญาทอ้ งถนิ่ ท่สี ามารถจำหน่ายเป็น
146 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ผลิตภัณฑ์สร้างอาชีพและรายได้แก่ชาวม้ง รวมทั้งมีภาษา ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนมี สื่อสารประจำถิ่นที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ที่ควรค่าแก่ ประสิทธิภาพบนฐานของการประมวลผลที่เป็นอัตโนมัติ การอนุรักษ์ และแบ่งปันเรื่องราวแก่สาธารณชน (1) แต่ใน แทนที่จะใช้การประชาสัมพันธ์โดยมนุษย์เพียงอย่างเดียว ปัจจุบันส่วนราชการประจำจังหวัด และองค์การบริหาร โดยงานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาโครงสร้างองค์ ส่วนตำบลได้ใช้วิธีการเผยแพร่ข้อมูลวัฒนธรรมและ ความรู้ และรวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ประเพณี ชาวเขาเผ่าม้ง ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านเพจ ทางวัฒนธรรมและประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง บ้านเข็กน้อย เฟสบุ๊คและเว็บไซต์ ซึ่งมีการจัดเก็บข้อมูลกระจายในหลาย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อพัฒนาระบบสืบค้น แหล่ง รวมทั้งเก็บข้อมูล/องค์ความรู้ยังขาดการเชื่อมโยง ฐานความรู้เชิงความหมาย เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและ อย่างเป็นระบบ ไม่สามารถสนับสนุนต่อการตัดสินใจของ ประเพณีชาวเขาเผา่ ม้ง บา้ นเข็กนอ้ ย อำเภอเขาค้อ จังหวัด นักท่องเที่ยวที่มีความต้องการเข้าถึงและสืบค้นข้อมูลตาม เพชรบูรณ์ โดยใช้เวิร์ดเพลสและออนโทโลยี และเพ่ือ ขอบเขตที่ท่ีตนเองสนใจ เพื่อนำมาใชป้ ระกอบการตัดสินใจ ประเมินประสิทธิภาพการทำงานและความพึงพอใจผูใ้ ช้ต่อ จากองค์ประกอบของข้อมูลในหลายแหล่งเพื่อใช้วางแผน ระบบสืบค้นฐานความรู้เชิงความหมาย เพื่อส่งเสริม เส้นทางการเดินทาง การเลอื กทพี่ ัก และการวางแผนการใช้ วฒั นธรรมและประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง บ้านเข็กนอ้ ย อำเภอ จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวในแต่ละทริป เป็นต้น ซึ่งถ้า เขาค้อ จังหวัดเพชรบรู ณ์ หากนักท่องเที่ยวต้องการตัดสินใจอย่างเร่งด่วน อาจทำให้ ต้องเสียเวลาในการเข้าถึงข้อมูลจากหลาย ๆ เว็บไซต์ วธิ ีดำเนนิ การวิจัย เพื่อให้ได้ผลลพั ธ์ทีด่ ีเพือ่ นำมาใชส้ นับสนุนการตัดสินใจ (2) และจาวิด เซยิดอฟ และโรม่า อะโดไมเทน (3) ได้กล่าวว่า การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยและพัฒนา แบ่ง สถานที่ท่องเที่ยวที่มีคุณลักษณะ เช่น สิ่งดึงดูดใจ สิ่ง ขั้นตอนการดำเนนิ งานออกเปน็ 3 ข้ันตอน ดงั น้ี อำนวยความสะดวก การเข้าถึง รูปภาพ ราคา และ ทรัพยากรมนุษย์ที่ให้บริการ ทำให้สถานที่เหล่านั้น ข้นั ตอนที่ 1 การศึกษาโครงสรา้ งองคค์ วามรู้ และ เหมาะสมและพร้อมให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่ง เก็บรวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นทาง ปัจจัยดังกล่าว จะสามารถนำมาใช้ในกระบวนการตัดสนิ ใจ วฒั นธรรมและประเพณีชาวเขาเผ่ามง้ บ้านเข็กนอ้ ย อำเภอ แก่นักทอ่ งเท่ียวได้ ท้ังนีก้ ารนำออนโทโลยมี าประยุกต์ใช้จะ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้วิจัยทำการสำรวจฟังก์ชัน การ ช่วยเพิ่มประสทิ ธภิ าพในการสืบค้นข้อมลู โดยจะช่วยขยาย ทำงาน และรูปแบบการนำเสนอข้อมูลของเว็บไซต์เผยแพร่ คำค้นให้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและได้ผลลัพธ์ตรง ความรู้ด้าน วัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญา และทำ ตามที่ผู้ใช้ต้องการมากที่สุด และช่วยขจัดปัญหาความ การสัมภาษณ์เชิงลึกเพื่อรวบรวมข้อมูล/องค์ความรู้จาก ขัดแย้งกนั ในเชงิ ความหมายของข้อมูล (4) นักวิชาการด้านวัฒนธรรมและประเพณีชาวเขาเผา่ มง้ และ ปราชญ์ชาวบ้าน จำนวน 8 คน โดยทำการคัดเลือกเจาะจง การบูรณาการความสามารถของซอฟต์แวร์ เฉพาะผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในองค์ความรู้ท้องถิ่น สำเร็จรูปเวิร์ดเพลสและออนโทโลยีในการส่งเสริม และข้อมูลพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของ วัฒนธรรมและประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง บ้านเข็กนอ้ ย อำเภอ ชาวม้ง ไม่ต่ำกว่า 5 ปี ขึ้นไป โดยทำการเก็บรวบรวมข้อมูล เขาค้อ จงั หวดั เพชรบูรณ์ ในงานวิจยั นี้ จะช่วยให้การสบื ค้น องค์ความรู้จากประสบการณ์เกี่ยวกับประเพณี ภูมิปัญญา และนำเสนอข้อมูลบนเว็บแอปพลิเคชัน ด้านการท่องเที่ยว ท้องถิ่น การละเล่น ประวัติ ถิ่นฐาน ภาษาของชาวม้ง และ มีประสิทธิภาพมากยิง่ ข้ึน และสามารถเชื่อมโยงความรู้จาก เส้นทางการเดินทาง รวมทั้งแสดงความคิดเห็นต่อการ แหล่งออนไลนท์ อ่ี ยกู่ ระจดั กระจายให้รวมศนู ย์ ส่งผลให้งาน นำเสนอรายการขอ้ มลู องคค์ วามรู้และการจดั โครงสร้างของ เว็บแอปพลิเคชัน ทั้งนี้จะได้ข้อมูลเพื่อใช้เป็นแนวทางใน
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 147 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) การพฒั นาฐานความรอู้ อนโทโลยี และฟงั ก์ชันการใหบ้ ริการ แนะนำ โดยการหาค่า precision, recall, F-measure ผใู้ ชง้ าน โ ด ย ผ ล ก า ร ท ด ส อ บ ก า ร ส ื บ ค ้ น อ อ น โ ท โ ล ย ี จ ะ ไ ด้ ค่าพารามิเตอร์ คือ ค่า 3A จำนวนข้อมูลที่ถูกต้องตาม ขั้นตอนท่ี 2 การพฒั นาระบบจดั การฐานความรู้ ความสนใจแต่ไม่ถูกสืบค้น (B) จำนวนข้อมูลที่สืบค้นได้ เชิงความหมาย เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณี แต่ไม่ถูกต้องตามความสนใจ และ (C) จำนวนข้อมูลท่ี ชาวเขาเผ่าม้ง บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัด สืบค้นได้แต่ไม่ถูกต้องตามความสนใจ จากนั้นนำมา เพชรบูรณ์ โดยใช้เวิร์ดเพลส และออนโทโลยี ผู้วิจัยทำ คำนวณหาค่าดังสมการต่อไปนี้ (5) รวมทั้งแปลผลระดับ การออกแบบขั้นตอนการประมวลของระบบด้วย ความพึงพอใจผู้ใช้ต่อระบบ โดยใช้ค่าเฉลี่ย และค่าส่วน แผนภาพ UML (Unified Modeling Language) สร้าง เบ่ียงเบนมาตรฐาน ฐานความรู้ออนโทโลยี โดยใช้โปรแกรม Protégé และ พัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน จำแนกออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ Precision = A x 100, Recall = A x 100 1) การแสดงขอ้ มลู สารสนเทศในส่วนหนา้ 2) การควบคุม A+C A+B เนื้อหาและการแสดงผลบนเวิร์ดเพลส 3) การเชื่อม ประสานฐานความรู้ออนโทโลยีกับข้อมูลบนเวิร์ดเพลส F-measure = 2 x Precision x Recall และ 4) การเชอ่ื มโยงเนือ้ หาความรู้กับสอื่ สังคมออนไลน์ Precision + Recall ขั้นตอนที่ 3 การประเมินประสิทธิภาพการ ผลการศึกษาและอภิปรายผล ทำงาน และความพงึ พอใจผู้ใช้ต่อระบบจัดการฐานความรู้ เชิงความหมาย เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณี 1. ผลการศึกษาโครงสร้างองค์ความรู้ และ ชาวเขาเผ่าม้ง บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัด รวบรวมขอ้ มูลองคค์ วามรู้ภมู ิปญั ญาท้องถ่ินทางวัฒนธรรม เพชรบูรณ์ โดยใชเ้ วิร์ดเพลสและออนโทโลยี ผูว้ จิ ัยทำการ และประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ ประเมินประสิทธิภาพระบบในการสืบค้นข้อมูลเพื่อการ จังหวัดเพชรบรู ณ์ ดังตารางที่ 1 และตารางที่ 2 ตารางที่ 1 รปู แบบฟังก์ชันการทำงาน/การใหบ้ ริการของเว็บไซต์นำเสนอขอ้ มลู /องคค์ วามรดู้ า้ นวัฒนธรรมและประเพณี URL ฟงั ก์ชนั การทำงาน/การใหบ้ ริการ การสืบค้นขอ้ มลู การรีววิ การปรับปรงุ การเช่ือมต่อ การสืบคน้ ขอ้ มูล ร้อยละของจำนวน แบบปกติ ข้อมูลแบบเปิด กบั เครือขา่ ย เชงิ ความหมาย ฟังกช์ ัน ทมี่ ี สงั คมออนไลน์ https://www.saw ✓ 20% adee.co.th/ http://www.prap ✓ 20% 40% ayneethai.com https://thailandt ✓ ✓ ourismdirectory. go.th https://www.tou ✓ 20% ronthai.com/ https://www.thai ✓ ✓ 40% -tour.com/
148 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) URL การรีวิว ฟังก์ชันการทำงาน/การใหบ้ รกิ าร ร้อยละของจำนวน การสบื ค้นขอ้ มูล การปรบั ปรงุ การเชื่อมต่อ การสบื คน้ ขอ้ มลู ฟงั กช์ นั ทม่ี ี แบบปกติ ข้อมูลแบบเปดิ กบั เครือขา่ ย เชงิ ความหมาย 20% 20% http://www.khek ✓ สงั คมออนไลน์ 20% noi.go.th/ ✓ 12.5% http://www.phetc ✓ 25% habunpao.go.th/ 100% http://www.ban kheknoi.com/ ร้อยละในภาพรวม 12.5% 0% 0% ตารางที่ 2 รายการขอ้ มลู /องคค์ วามรทู้ ่ีควรนำเสนอบนเว็บแอปพลิเคชันเพ่อื ส่งเสรมิ การทอ่ งเทยี่ วจากความคิดเห็นของ นกั วิชาการด้านวฒั นธรรมและประเพณีชาวเขาเผ่ามง้ ขอ้ มูล/องค์ความรู้ จำนวนผแู้ สดง คดิ เปน็ ร้อยละ จัดลำดับ ความคดิ เหน็ (คน) 1.เส้นทางการเดินทาง/ทต่ี ้งั 8 24.2 1 2. ทพี่ กั 6 18.2 2 3. ประมาณการค่าใชจ้ ่ายในการเดนิ ทาง/ 3 9.2 3 เขา้ ชมกิจกรรม 4. ขอ้ มูลเก่ยี วกับประเพณ/ี การละเล่น/ 8 24.2 1 วัฒนธรรม/ภมู ปิ ญั ญา 5. การรีววิ ข้อมูลจากนักท่องเท่ยี ว 8 24.2 1 รวม 33 100.0 Level 0 Level 1 Layer 2 รปู ท่ี 1 ฐานความรอู้ อนโทโลยีเพ่ือสง่ เสรมิ วัฒนธรรมและประเพณีชาวเขาเผา่ ม้งบ้านเข็กนอ้ ย
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 149 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) จากตารางที่ 1 เว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวเชิง ความรู้ที่ 1 นำเสนอโหนดความรู้หลัก ชั้นความรู้ที่ 2 วัฒนธรรมส่วนใหญ่ให้บริการสืบค้นข้อมูลแบบปกติ คิด นำเสนอโหนดความรทู้ ี่จำเปน็ ต่อการวางแผนและตัดสินใจ เป็น 100% และไม่มีฟังก์ชันการเชื่อมต่อกับเครือข่าย ด้านการท่องเที่ยว 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ประเพณี ภูมิปัญญา สังคมออนไลน์ และการสบื ค้นขอ้ มลู เชงิ ความหมาย ท้องถิ่น และการละเล่นของชาวม้ง 2) สถานที่ท่องเที่ยวท่ี อยู่บนเส้นทางผ่าน/ใกล้เคียง 3) ที่พัก และ 4) ประวัติ ถ่ิน จากตารางที่ 2 นักวิชาการด้านวัฒนธรรมและ ฐาน และภาษาของชาวม้ง และชั้นความรู้ที่ 3 นำเสนอ ประเพณีชาวเขาเผ่าม้งมีความคิดเห็นว่า รายการข้อมูล/ โหนดความรปู้ ระเภทสถานที่ทอ่ งเท่ียว และขอ้ มลู ชนเผา่ ม้ง องค์ความรู้ท่ีควรนำเสนอบนเวบ็ แอปพลิเคชันเพือ่ ส่งเสรมิ การท่องเที่ยวมากที่สุด คือ เส้นทางการเดินทาง/ที่ต้ัง 2.2 การพัฒนาโมดูลการให้บริการความรู้เชิง ข้อมลู เกี่ยวกบั ประเพณ/ี การละเล่น/วัฒนธรรม/ภูมิปัญญา ความหมาย โดยใช้ภาษา Python เวอร์ชั่น 3 กับไลบราล่ี และการรีวิวข้อมูลจากนักท่องเที่ยว และน้อยที่สุด คือ RDFLib และ PHP เวอร์ชั่น 7 ในการคิวรี่ความรู้จากออน ประมาณการค่าใชจ้ ่ายในการเดินทาง/เขา้ ชมกิจกรรม โทโลยดี ้วยภาษา Sparql และแลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามภาษา ด้วย Json สามารถนำเสนอผลการพัฒนาระบบ จำแนก 2. ผลการพัฒนาระบบจัดการฐานความรู้เชิง เป็น 3 ข้นั ตอนยอ่ ย ดงั นี้ ความหมาย เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณีชาวเขา เผ่าม้ง บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดย 2.2.1 การแนะนำองค์ความรู้ด้าน ใช้เวิร์ดเพลสและออนโทโลยี สามารถอธิบายเทคนิคการ วัฒนธรรมและประเพณีชาวเขาเผา่ ม้ง โดยใช้ภาษา Sparql พฒั นาตามขัน้ ตอน ดังนี้ คิวรี่ฐานความรู้ออนโทโลยี ดังตารางที่ 3 จากตารางที่ 3 ผู้วจิ ยั ได้นำรายการขอ้ มลู /องค์ความรทู้ ่ผี ู้เชยี่ วชาญด้านการ 2.1 การสร้างฐานความรูอ้ อนโทโลยเี พื่อส่งเสริม ท่องเที่ยวเห็นว่าควรนำเสนอบนเว็บแอปพลิเคชันเพื่อ วัฒนธรรมและประเพณชี าวเขาเผา่ มง้ บ้านเข็กนอ้ ย ส่งเสริมการท่องเที่ยว มาสร้างคำสั่ง Sparql ในการคิวรี่ ฐานความรู้ออนโทโลยีดังรูปที่ 1 และฝังภาษา Sparql ลง จากรูปที่ 1 ฐานความรู้ออนโทโลยีเพื่อส่งเสริม ในฟงั ก์ชนั ควิ รอ่ี อนโทโลยดี ้วยภาษา python วัฒนธรรมและประเพณีชาวเขาเผ่าม้งบ้านเข็กน้อย แบ่ง ออกเป็น 3 ชั้นความรู้ จำนวนทั้งหมด 16 โหนด โดยช้ัน ตารางที่ 3 ตัวอยา่ งคำสั่ง Sparql ในการคิวรฐ่ี านความรอู้ อนโทโลยีดา้ นวัฒนธรรมและประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง ประเดน็ ความรู้ ชุดคำสั่ง SPARQL 1.ข้อมูลประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการละเล่น select ?t ?w ?p ?w1 where {?t rdf:type ของชาวมง้ x:traditional. ?w rdfs:subClassOf x:wisdom. ?w1 rdf:type ?w. ?p rdf:type x:play} 2. สถานท่ีทอ่ งเทีย่ วทอ่ี ยบู่ นเสน้ ทางผา่ น/ใกล้เคยี ง select ?t ?d where { ?t x:locatedin x:rout12. ?t โดยเรยี งลำดับตามระยะทาง x:distance ?d}order by (?d) 3. ที่พักที่อยู่บนเส้นทางผ่าน/ใกล้เคียง โดยเรียงลำดับ select ?a ?c ?p ?d where { ?a x:locatedin ตามราคา/ระยะทาง x:rout12. ?a rdf:type ?c.?a x:accom_price ?p.?a x:distance ?dFILTER(?c =x:accommodation) } order by (?p || ?d)
150 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) 2.2.2 การพัฒนาฟังก์ชัน การคิวร่ี จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้เวิร์ดเพลสและออนโทโลยี ดังรูป ฐานความรู้บนเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วยภาษา Python และ ท่ี 4 Sparql เพื่อแบ่งปันข้อมูลมายังซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเวิร์ด เพลส กับเอกซ์เทนชั่น Insert PHP Code Snippet ผ่าน จากรูปที่ 4 ออนโทโลยีจะช่วยจัด การสอื่ สารข้อมูลดว้ ย Json ดังรูปท่ี 2 หมวดหมู่องค์ความรู้ภูมิปัญญาของชาวม้งให้เป็นระบบ เพิ่มขึ้น เช่น มีด และค้อนโบราณ จัดอยู่ในหมวดหมู่ จากร ู ปที่ 2 วิ ธี การบ ู รณาการ เครื่องมือการดำเนินชวี ิตของชาวมง้ ความสามารถของซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเวิร์ดเพลสและออน โทโลยีในการส่งเสริมวฒั นธรรมและประเพณีชาวเขาเผ่ามง้ จากรูปที่ 5 การบูรณาการออนโทโลยี บ้านเข็กนอ้ ย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ จะแบ่งการ กับกฎเงื่อนไขในการคิวรี่ข้อมูลเชิงความหมาย จะช่วย ประมวลออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1) ฟังก์ชัน คิวรี่ออนโทโล แนะนำเส้นทางระหว่างที่พักกับสถานที่ท่องเที่ยวทาง ยีด้วยภาษา python ร่วมกับใช้คำสั่ง Sparql ดึงความรู้ วัฒนธรรมและประเพณีของชาวม้งแต่ละแห่งได้ เพื่อช่วย และเข้ารหัสด้วย Json 2) Code Snippet ในเวิร์ดเพลส ประกอบการตัดสินใจเข้าพักของนักท่องเที่ยว และเพ่ือ ด้วยภาษา PHP เพื่อติดต่อกับ Json ในการถอดรหัส การวางแผนการเดินทางของนักท่องเทยี่ วสถานท่ีใกล้เคียง ความรู้ และ 3) การสร้างหน้าเวิร์ดเพลส และเรียกใช้ผล อื่น ๆ ในอำเภอเขาคอ้ จังหวดั เพชรบรู ณ์ จาก PHP Code Snippet เพื่อนำเสนอองค์ความรู้เชิง ความหมาย 3. ผลการประเมินประสิทธิภาพการทำงานและ ความพึงพอใจผู้ใช้ต่อระบบจัดการฐานความรู้เชิง 2.2.3 หน้าจอติดต่อผู้ใช้ของระบบ ความหมาย เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณีชาวเขา จัดการฐานความรู้เชิงความหมาย เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรม เผ่าม้ง บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์โดย และประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ ใชเ้ วิร์ดเพลสและออนโทโลยี ดังตารางท่ี 4 รูปท่ี 2 การพัฒนาฟงั ก์ชันการคิวรฐ่ี านความรู้ออนโทโลยีบนเวบ็ เซริ ์ฟเวอร์ และการทำงานรว่ มกับ wordpress
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 151 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) รูปท่ี 3 การประมวลผลในภาพรวมระบบสบื ค้นฐานความรเู้ ชิงความหมายเพือ่ ส่งเสรมิ วัฒนธรรมและประเพณีชาวเขาเผา่ ม้ง รูปที่ 4 หนา้ จอนำเสนอองค์ความร้ภู มู ปิ ัญญาของชาวม้ง จำแนกตามหมวดหมู่
152 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) รปู ท่ี 5 หนา้ จอการแนะนำสถานทท่ี อ่ งเที่ยวและทีพ่ ักทอ่ี ยู่ใกล้หม่บู ้านชาวมง้ ตารางที่ 4 ผลการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบจัดการฐานความรู้เชิงความหมาย เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรม และประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้เวิร์ดเพลสและออนโทโ ลยีโดย ผู้เชีย่ วชาญ รายการทดสอบประสทิ ธิภาพ ผลการสืบค้นและให้คำแนะนำ จำนวนข้อมลู ท่ี จำนวนข้อมลู ที่ จำนวนขอ้ มูลที่สืบค้น สืบค้นได้และถกู ต้อง ถูกตอ้ งตามความ ได้แต่ไมถ่ ูกตอ้ งตาม ตามความสนใจ (A) สนใจแต่ไม่ถกู ความสนใจ (C) สืบค้น (B) 1.ขอ้ มูลประเพณี ภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน และการละเล่น 1 0 0 ของชาวม้ง 2. สถานท่ที ่องเท่ียวท่ีอยู่บนเสน้ ทางผา่ น/ใกลเ้ คียง 2 0 1 โดยเรียงลำดบั ตามระยะทาง 3. ที ่ พั ก ที ่ อ ย ู ่ บนเ ส ้ น ท าง ผ่ าน /ใก ล้ เ ค ี ย ง 3 0 0 โดยเรียงลำดบั ตามราคา/ระยะทาง 4. กิจกรรมในสถานที่ท่องเที่ยว และประมาณการ 2 1 0 ค่าใชจ้ า่ ยในการเดินทาง/เขา้ ชมกจิ กรรม 5. ประวัติ และถ่นิ ฐานของชาวม้ง 11 0 Mean 2 0.33 0.17 Precision 92.3% Recall 85.7% F-measure 88.9%
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 153 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) จากตารางท่ี 4 สรุปได้ว่า ระบบจัดการ รายการประเมนิ ระดบั ความพงึ แปลผล ฐานความรู้เชิงความหมาย เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและ พอใจ ประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ 3. ดา้ นประโยชน์ มากท่ีสุด จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้เวิร์ดเพลสและออนโทโลยี 3.1 สามารถใช้เปน็ ̅������ S.D. มากที่สุด สามารถนำเสนอข้อมูลได้อย่างถูกต้องและครบถ้วนตาม 4.66 0.59 ความสนใจของผู้ใช้ โดยมีค่า F-measure เท่ากับ แหลง่ ขอ้ มูล สำหรับศกึ ษาหา 4.68 0.54 มากที่สดุ 88.9% ความรไู้ ด้ 4.56 0.43 มากทส่ี ุด ผลการประเมินความพึงพอใจผู้ใช้ต่อระบบ 3.2 เป็นชอ่ งทางที่ดี จัดการฐานความรู้เชิงความหมาย เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรม สำหรบั การใหข้ อ้ มลู เกีย่ วกบั 4.65 0.67 มากท่ีสดุ และประเพณีชาวเขาเผ่าม้ง บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี มากทีส่ ดุ จงั หวัดเพชรบรู ณ์ ดังน้ี 4.75 0.87 3.3 ข้อมลู สามารถ 4.61 0.65 ตารางที่ 5 ผลการประเมินความพงึ พอใจของผู้ใช้งานระบบ ตอบสนองความต้องการต่อ นกั ท่องเทย่ี ว รายการประเมิน ระดับความพงึ แปลผล พอใจ 3.4 ระบบสามารถ นำไปใชง้ านได้จรงิ เฉลย่ี รวม ̅������ S.D. สรปุ ผล 1. ด้านเนื้อหา 4.69 0.68 มากท่ีสดุ งานวิจัยนี้ได้บูรณาการแนวคิดการสร้าง ฐานความรู้เชิงความหมายด้วยออนโทโลยี ร่วมกับ 1.1 ข้อมูลองค์ความรู้มี 4.71 0.76 มากทส่ี ุด ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเวิร์ดเพลส และเอกซ์เทนชั่น Insert ความสมบรู ณ์ครบถ้วน PHP Code Snippet เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ องคค์ วามรูท้ างวัฒนธรรมของชาวม้ง บ้านเขก็ น้อย อำเภอ 1.2 ลำดับการนำเสนอ 4.59 0.65 มากทส่ี ดุ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซ่ึงเป็นพื้นที่ ๆ มีบทบาทในการ องคค์ วามรู้มีความเหมาะสม ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบูรณ์ และ สามารถเชื่อมโยงสู่แหล่งท่องเที่ยวของภาคเหนือตอนล่าง 1.3 เน้ือหาภาพรวมที่ 4.76 0.62 มากที่สดุ และภาคอีสาน ทั้งนี้การนำออนโทโลยีมาใช้ในการจัดการ นำเสนอในระบบ และเผยแพร่องค์ความรู้ ร่วมกับซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่มี ให้บรกิ ารฟรี เช่น เวริ ์ดเพลส หรอื ซอฟตแ์ วรส์ ำเรจ็ รูปอื่นๆ 2. ดา้ นการออกแบบและ 4.49 0.67 มาก เช่น media wiki ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้างสารานุกร จดั รปู แบบ ออนไลน์ จะทำให้ผู้พัฒนาเกิดความสะดวกสบายเพิ่มมาก ขึ้น เช่นเดียวกับปราโมทย์ สิทธิจักร และวิไรวรรณ แสน 2.1 การจดั วางเมนใู ช้งาน 4.65 0.76 มากที่สุด ชะนะ (6) ได้ทำการวจิ ัยเรือ่ ง การพัฒนาระบบจัดการองค์ ง่าย ความรู้ดนตรีพื้นบ้านมังคละในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง เพื่อการส่งเสริมและเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมไทย โดยใช้ 2.2 ก า ร จ ั ด ว า ง 4.45 0.66 มาก ออนโทโลยแี ละวกิ ิพเี ดียเชิงความหมาย พบวา่ ฐานความรู้ องค์ประกอบหน้าจอมีความ นำเสนอใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านประวัติความเป็นมา ด้าน สวยงาม ได้สดั ส่วน 2.3 การตอบสนองของ 4.54 0.78 มากทส่ี ดุ ระบบแนะนำ มีความรวดเร็ว ในการทำงานตามคำสั่งของ ผใู้ ช้ 2.4 รูปแบบตัวอักษร 4.42 0.56 มาก ขนาดเหมาะสมและง่ายต่อ การอา่ น 2.5 พ ื ้ น ห ล ั ง แ ล ะ 4.38 0.58 มาก ภาพประกอบ มีความชัดเจน
154 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) เอกลักษณ์เฉพาะตนในการละเล่น ด้านพิธีกรรมการไหว้ (8) ไดอ้ ธบิ ายวา่ การใชร้ ูปแบบภาษาโอดับเบลิ้ ยแู อล (Web ครู ด้านคติความเชื่อ และด้านรูปแบบการสร้างเครือข่าย Ontology Language: OWL) ที่สนับสนุนออนโทโลยี ระหวา่ งวงดนตรี และการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้ที่ สามารถนำมาเชื่อมโยงข้อมูล และการใช้ข้อมูลร่วมกันได้ มีต่อระบบ จากผู้ใช้ จำนวน 100 คน มีความคิดเห็นว่า ดีกว่าระบบฐานข้อมูล และการประยุกต์ใช้ออนโทลีจะทำ ประสิทธิภาพการทำงานของระบบในภาพรวมอยู่ในระดับ เกิดประสิทธิภาพในการการประมวลผลข้อมูลสารสนเทศ ดี ซึ่งเมื่อเปรยี บเทยี บเทคนคิ และประสิทธิภาพของระบบท่ี การท่องเที่ยวที่เป็นอัตโนมัติแทนที่จะใช้การ ไดจ้ ากการทำวิจยั คร้ังน้ี พบวา่ มกี ารเติมเตม็ ประสทิ ธิภาพ ประชาสัมพันธ์โดยมนุษย์เพียงอย่างเดียว สอดคล้องกับ ในการกระบวนการวิจัยและพัฒนา จากงานวิจัยที่ได้ ลาสเมดี้ และนูรูล (9) ใช้ออนโทโลยีในการรวบรวมข้อมูล อ้างถึง ใน 2 ส่วน ได้แก่ 1) การสร้างชุด API เพื่อคิวร่ี สารสนเทศการท่องเท่ียวในบานยมู าส ประเทศอนิ โดนีเซีย ฐานความรอู้ อนโทโลยี และแบ่งปนั ให้เอกซเ์ ทช่ันของเวิร์ด เพื่อให้สามารถสื่อความหมายเพิ่มมากขึ้น และรองรับการ เพลส เข้าถึงได้อย่างสะดวกกว่า และ 2) มีการประเมิน แบ่งปันข้อมูลและนำกลับมาใช้ใหม่ โดยโปรทีเจในการ ประสิทธิภาพความถูกต้องของข้อมูลที่สืบค้นได้ด้วยการ สร้างออนโทโลยี และทำการทดสอบออนโทโลยีจาก ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ และนำมาหาค่าเพื่อยืนยันความ คำถามที่จำเป็นต่อการท่องเที่ยว โดยใช้ SPARQL คิวรี่ ถูกต้อง ทำให้ได้ผลการประเมินที่มีความลุ่มลึกกว่า การ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามคำถามต่าง ๆ ซึ่งช่วยทำให้ข้อมูล ประเมินความพึงพอใจผู้ใช้เพียงอย่างเดียว และการ สารสนเทศการทอ่ งเทีย่ วในบานยูมาสส่ือความหมายและมี ประยุกตใ์ ชอ้ อนโทโลยจี ะชว่ ยทำใหเ้ กิดประสิทธิภาพที่ดีใน ประสทิ ธภิ าพเพม่ิ มากยงิ่ ขึ้น การสืบค้นขอ้ มูล เนื่องจากออนโทโลยีเปน็ ภาษาทีน่ ำมาใช้ บรรยายโครงสร้างและความสัมพันธ์ของระบบผ่านโหนด เอกสารอา้ งองิ แบบลำดับชนั้ และถกู นำมาใช้ในงานหลายด้านโดยเฉพาะ ด้านปัญญาประดิษฐ์ (7) ออนโทโลยีจะช่วยเพ่ิม 1. องค์การบริหารส่วนตำบลเข็กน้อย. ข้อมูลพื้นฐาน ประสิทธิภาพในการสืบค้นข้อมูล โดยจะช่วยขยายคำค้น ของหมู่บ้านจังหวัดเพชรบูรณ์. เพชรบูรณ์: องค์การ ให้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและได้ผลลัพธ์ตรงตามที่ บริหารสว่ นตำบลเข็กน้อย; 2558. ผู้ใช้ต้องการมากที่สุด เนื่องจากออนโทโลยีจะช่วยจำแนก หมวดหมู่ สร้างความสัมพันธ์และเงื่อนไข และให้ 2. ฐิณาภัณฑ์ นิธิยุวิทย์. ระบบแนะนำแหล่งท่องเที่ยว ความหมายในระดับเนื้อหาความรู้ ในรูปแบบกราฟ ซึ่ง ทางธรรมชาติอำเภอเขาค้อด้วยหลักการออนโทโลยี. สามารถใช้ภาษา SPARQL ในการคิวรี่เพื่อเข้าถึง เพชรบรู ณ:์ มหาวิทยาลัยราชภฏั เพชรบรู ณ์; 2563. ความสัมพนั ธ์ของโหนดความรู้แต่ละโหนด และลงลกึ ไปใน ระดับชั้นความรู้ต่าง ๆ ที่อยู่ในขอบเขตความสนใจ ใน 3. Seyidov J, Adomaitiene R. Factors Influencing คำสั่งเดียว และทำให้ได้ข้อมูลสารสนเทศที่ลุ่มลึกและ Local Tourists’ Decision-Making on Choosing a ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากเป็นการคิวรี่ด้วยภาษา Destination: A Case of Azerbaijan. ekONOmIka SQL กับระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ จะได้ข้อมูล 2016;95(3):112-27. สารสนเทศทม่ี ีความสัมพนั ธ์ระหว่างแฟม้ ข้อมลู ท่ีกำหนดไว้ โดยตรง และไมส่ ามารถระบคุ วามหมายให้กับบางรายการ 4. งามนิจ อาจอินทร์. เทคโนโลยเี วบ็ แบบส่ือความหมาย. ข้อมูลในแฟ้ม ที่มีความหมายและเงื่อนไขไม่เหมือนกับ ขอนแกน่ : โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา; 2556. รายการข้อมูลอื่น ๆ ได้ ทั้งนี้ นพดล ชลอธรรม และคณะ 5. Butdisuwan S. Basic issues in digital libraries: The 21st century knowledge centers.
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 155 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) Narayanduda, Hyderabad: Professional Books Pub; 2013. 6. ปราโมทย์ สิทธิจักร, วิไรวรรณ แสนชะนะ. การ พัฒนาระบบจัดการองค์ความรู้มังคละในพื้นที่ ภาคเหนือตอนล่างเพื่อส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย โดยใช้ออนโทโลยีและวิกิพีเดียเชิงความหมาย. วารสารวิจยั ราชภฎั เชยี งใหม่. 2557;15(1):59-72. 7. Kerschberg L, Chowdhury M, Damiano A, Jeong H, Mitchell S, Si J, et al. Knowledge Sifter: Ontology-Driven Search over Heterogeneous Databases. USA: George Mason University, Fairfax, Virginia; 2004. 8. Chalortham N, Buranarach M, Supnithi T, Leesawat P. Ontology Development for Pharmaceutical Tablet Production Expert System. In: Proceedings of ECTI-CON 2008. Electrical Engineering/Electronics, Computer, Telecommunications and Information Technology, 2008. (ECTI-CON 2008) 5th International Conference on 2008; 2008 May 14-17; Krabi, Thailand. IEEE; 2008. p. 213-6. 9. Lasmedi A, Nurul H. Ontology model for tourism information. In: Amin F, Yusril Y, Retno S, Hitoshi H, Jae-Suk C, Uyi S, et al, editor. AIP Conference Proceedings. 1st International Conference on Material Science and Engineering for Sustainable Rural Development; 2018 Nov 14–15; Central Java, Indonesia. 2019.
156 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) การควบคมุ อุณหภูมดิ นิ เพ่อื การเพาะกล้าไม้เบญจมาศ Temperature Control in Soil for the Growth of Chrysanthemum Sprout มานพ แย้มแฟง1* จักรวาล บุญหวาน1 ศิริชัย เทพา1 ธนาพล สุขชนะ1 พิมพ์พรรณ ปรืองาม1 รัตนชัย ไพรินทร์2 และ มนพร คปุ ตาสา3 Manop Yamfang1*, Chakkawan Boonwan1, Sirichai Thepa1, Thanaphol Sukchana1, Pimpan Pruengam1, Rattanachai Pairintra2 and Manaporn Guptasa3 1สายวิชาเทคโนโลยพี ลงั งาน คณะพลังงานสง่ิ แวดล้อมและวัสดุ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ี 2สายวิชาเทคโนโลยชี ีวเคมี คณะทรพั ยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี 3สาขาวิชาวศิ วกรรมระบบการผลิต คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี 1Division of Energy Technology, School of Energy, Environment and Materials, King Mongkut’s University of Technology Thonburi, Tung khru, Bangkok 10140, THAILAND 2Division of Biochemical Technology, School of Bioresources and Technology, King Mongkut’s University of Technology Thonburi, Tung khru, Bangkok 10140, THAILAND 3Division of Manufacturing Systems Engineering, Faculty of Engineering, King Mongkut’s University of Technology Thonburi, Tung khru, Bangkok 10140, THAILAND *Corresponding author e-mail: [email protected] ARTICLE INFO ABSTRACT Article history: This research was to study the soil temperature for Received: 17 April, 2020 chrysanthemum sprout cultivation. The size of the solar radiation Revised: 7 August, 2020 panel to make hot water was 55×220 cm2. The soil container was Accepted: 31 August, 2020 1 m2. It contained 10 cm tall for seedling soil. The temperature Available online: 22December, 2020 measurement of the first soil layer temperature was attached to DOI: 10.14456/rj-rmutt.2020.26 the heating plate below. The second layer would be higher than Keywords: solar water the first 5 cm and the third layer was higher than the heating unit heating system, solar 10 cm. From the experiment, heating the soil was operated by radiation panel, soil controlling the water temperature in the tank constant 70, 60, 50, temperature, and 40°C. It was found that soil layer 1 had an average temperature Chrysanthemum of 56, 50.7, 48 and 41°C, respectively. Soil layer 2 had an average
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 157 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) temperature of 44, 41.2, 39 and 35.5°C, respectively, and soil layer 3 had an average temperature of 37, 37, 34 and 32.2°C, respectively. In the case of not controlling the water temperature from making hot water during the day, which solar energy was utilized to bring hot water to use at night by changing the water temperature of 60 and 40°C, it was found that the soil layer 1 had an average temperature of 42 and 35°C respectively. Soil layer 2 had an average temperature of 34 and 29°C respectively, and soil layer 3 had a constant average temperature of 28°C. Water temperature 40 - 70°C was used as a heat source transferring heat to the soil where chrysanthemum sprout was cultivated with an area of 1 m2, depth 10 cm as required, even if the water temperature was not maintained at night; the water temperature naturally decreased. บทคดั ย่อ 10 cm ได้ตามที่กล้าไม้เบญจมาศต้องการ ถึงแม้ว่าจะไม่ รักษาอุณหภูมิน้ำให้คงที่ในเวลากลางคืนโดยปล่อยให้ งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาอุณหภูมิดินเพาะกล้า อุณหภูมนิ ำ้ ลดลงตามธรรมชาตกิ ต็ าม ไม้เบญจมาศ โดยแผงรับรังสีอาทิตย์เพื่อทำน้ำร้อนขนาด 55×220 cm2 ภาชนะบรรจุดินมีขนาด 1 m2 บรรจุดิน คำสำคญั : ระบบทำนำ้ ร้อนรงั สีอาทติ ย์ แผงรบั รังสอี าทิตย์ เพาะกล้าไม้สูง 10 cm การวัดอณุ หภูมิดนิ ชัน้ ทหี่ นงึ่ ซ่ึงติด อุณหภมู ิดิน เบญจมาศ กับแผ่นให้ความร้อนด้านล่าง ดินชั้นที่สองจะสูงกว่าดิน ชั้นที่หนึ่ง 5 cm และดินชั้นที่สามสูงกว่าชุดให้ความร้อน บทนำ 10 cm จากการทดลองให้ความร้อนแก่ดินโดยควบคุม อุณหภูมิน้ำในถังคงที่ที่อุณหภูมิ 70 60 50 และ 40°C เบญจมาศเป็นไม้ตัดดอกที่ได้รับความนิยม พบว่า ดินชั้นที่หนึ่งมีอุณหภูมิเฉลี่ย 56 50.7 48 และ แพร่หลายทั่วโลกมีปริมาณการผลิตและมูลค่าการ 41°C ตามลำดับ ดินชั้นที่สองมีอุณหภูมิเฉลี่ย 44 41.2 จำหน่ายสูง โดยเฉพาะประเทศเนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นทั้ง 39 และ 35.5°C ตามลำดับ และดินชั้นที่สามมีอุณหภูมิ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก รวมทั้งประเทศใน เฉลี่ย 37 37 34 และ 32.2°C ตามลำดับ กรณีที่ไม่ แถบยโุ รป อเมริกา ญปี่ ุ่น ฯลฯ ประเทศผผู้ ลติ เหล่าน้ีจะมี ควบคุมอุณหภูมิน้ำซึ่งทำน้ำร้อนตอนกลางวันโดยใช้ ปัญหาเรอ่ื งสภาพภูมอิ ากาศที่หนาวเยน็ การปลูกไม้ดอกท่ี พลงั งานรังสีอาทติ ย์เพอื่ นำน้ำรอ้ นไปใช้ตอนกลางคืน โดย มีคุณภาพจำเป็นต้องปลูกในโรงเรือน ดงั น้นั ทำให้มีต้นทุน เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิน้ำ 60 และ 40°C พบว่า ดินชั้นท่ี การผลิตสูง สภาพภมู ิประเทศที่สามารถปลกู เบญจมาศได้ หนึ่งมีอุณหภูมิเฉลี่ย 42 และ 35°C ตามลำดับ ดินชั้นท่ี ดี และเหมาะสม เช่น ภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ สองมีอณุ หภมู ิเฉลยี่ 34 และ 29°C ตามลำดบั และดินช้ัน จะสามารถผลิตเบญจมาศแขง่ ขันกับตลาดไม้ดอกของโลก ที่สามมีอุณหภูมิเฉลี่ยคงที่อยู่ที่ 28°C การใช้น้ำอุณหภูมิ ได้ สำหรับแนวโน้มของความต้องการดอกเบญจมาศใน 40-70°C เป็นแหล่งความร้อนเพือ่ ถ่ายเทความร้อนให้ดนิ ประเทศพบว่า ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพาะกล้าไม้เบญจมาศที่มีพื้นที่ 1 m2 ระดับความลึก ภายในประเทศ จึงต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศโดย
158 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งราคาในการ เพิ่มขึ้นจาก 7.1 เป็น 8.1 ในเวลากลางคืน (5) การใช้ นำเข้ามีราคาแพงขึ้นจึงได้มีการส่งเสริมเพื่อขยายการ ความแตกต่างของอุณหภูมิดิน เพื่อประมาณการระเหย เพาะปลูกในประเทศ โดยภูมิประเทศที่เหมาะสมที่จะ ของน้ำรายวันด้วยวธิ ีการใช้อุณหภูมผิ วิ แทนค่า Sensible ส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกเพื่อการพาณิชย์ได้แก่ จังหวัด Heat Flux และใช้สัมประสิทธิ์ Empirical คำนวณหา เชียงใหม่และเชียงราย เบญจมาศเป็นพืชวันสัน้ โดยดอก Flux ของพลังงานตลอดวันเป็นรายชั่วโมงจากอุณหภูมิ จะพัฒนาหากช่วงเวลากลางวันสั้นกวา่ 13.5 ชั่วโมง โดย เฉล่ียและความรอ้ นทีด่ ินไดร้ ับนำมาหาค่าสมั ประสทิ ธก์ิ าร สภาพอากาศที่เหมาะสม คืออุณหภูมิอากาศในช่วงเวลา ระเหยตัวของดิน ในการทดลองใช้ดินผสมทราย 96% กลางคืนอยู่ระหว่าง 17 – 20°C พื้นที่เพาะปลูกท่ี ความพรนุ 0.4 ความหนาแนน่ รวม 1,430 kg/m3 บรรจุ เหมาะสมในเชิงธุรกิจ สำหรับประเทศไทยคือที่จังหวัด ในท่อพลาสติกขนาด 30 cm พื้นที่หนาตัด 706 m2 ลึก เชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่ 110 cm ฝังอยู่ในดินด้านบนเปิดออกสู่บรรยากาศติดต้ัง เพาะปลูกทั่วประเทศประมาณ 1,500 ไร่ คิดเป็นมูลค่า ห่างกัน 5 m ผลที่ได้จะได้อัตราการระเหยในเทอมของ ประมาณ 460 ล้านบาทตอ่ ปี (1) รงั สอี าทิตย์ และผลต่างอุณหภูมิจากการเปรยี บเทยี บค่าท่ี ได้จาก สัมประสิทธ์ิการถ่ายเทการระเหยน้ำของดินทีไ่ ด้มี การขยายพันธุ์เบญจมาศนั้น อุณหภูมิดินมี ค่า 0 ที่ดินเปียกและเท่ากับ 1 ที่ดินแห้ง สำหรับค่าทีว่ ดั ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะกล้าไม้เบญจมาศต้องการ ได้จาก Lysimeter เป็น 0.2 ในดินเปียก และ 0.8 ในดิน อุณหภูมิดินที่ประมาณ 20°C เพื่อการออกรากพ้นกิ่งชำ แห้ง ซึ่งค่าที่ได้ก็ให้ค่าที่แม่นยำเพียงพอต่อการนำไปใช้ นอกจากน้ีอุณหภมู ิดินยังมคี วามสำคัญตอ่ การเจรญิ เตบิ โต (6) การสร้างแบบจำลองใน 2 มิติ เพื่อทำนายอุณหภูมิ ของพืช อีกหลายชนิดซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมของพืชจะ และความชื้นในดินที่ถูกให้ความร้อนด้วยอากาศร้อนท่ี อยรู่ ะหวา่ ง 15°C ถงึ 35°C ถา้ อุณหภูมิมากกว่า 35°C จะ ปล่อยออกมาจากท่อ โดยใช้หลักการของการแพร่ ทำให้อัตราการหายใจของรากพืชหายใจเร็วขึ้น (2) ถ้า ความชนื้ และความร้อนมาใช้สร้างแบบจำลองในแบบสอง อุณหภูมิต่ำกว่า 4°C จะทำให้อัตราการเจริญเติบโตของ มิติ พบว่าที่ผิวดนิ จะแม่นยำมากที่สุด โดยมีความแม่นยำ รากพืชช้าลง (3) มีการศึกษาอิทธิพลของความหนาแน่น ถงึ 97% ส่วนการถ่ายเทมวล 92% (7) และ ความชื้นว่ามีผลต่อความจุความร้อน และค่าการนำ ความร้อน พบวา่ เมือ่ ความหนาแน่น และความชื้นเพิ่มขึ้น ดังนั้นในงานวิจัยนี้จะศึกษาถึงการควบคุม เป็นผลให้ค่าความจุความร้อนและค่าการนำความร้อน อุณหภูมิดินให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของกล้าไม้ ของดินมากขึ้น (4) ความเปน็ ไปไดใ้ นการใช้ดนิ เป็นตัวดดู เบญจมาศ โดยใช้พลงั งานรงั สอี าทติ ย์ทำนำ้ ร้อนเพื่อนำไป ซับความร้อนที่ระบายทิ้งจากคอนเดนเซอร์ของ ทดสอบการใหค้ วามรอ้ นดินเพาะกลา้ ไม้เบญจมาศซ่ึงส่วน เครื่องปรับอากาศได้ใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ใหญจ่ ะปลูกในภาคเหนือของประเทศไทยซ่ึงมีอุณหภูมิต่ำ ทำนายค่าอุณหภูมิดินโดยสมมุติให้ดินมีคุณสมบัติทาง ทำให้กล้าไม้เบญจมาศไม่เจริญเติบโต ดังนั้นจึงสร้าง กายภาพคงที่ ซึ่งพบว่า ที่ระดับความลึก 1 เมตร เป็นตน้ ระบบทำน้ำร้อนไปให้ความร้อนแก่ดินเพาะกล้าไม้ ไปอณุ หภมู ิของดนิ ค่อนขา้ งคงที่ในรอบวนั โดยอยทู่ ี่ 27°C เบญจมาศจากด้านลา่ งขนึ้ ไปดา้ นบน จึงต่ำกว่าอากาศประมาณ 2 – 3°C จึงมีความเป็นไปได้ท่ี จะใช้ดินเปน็ สารตวั กลางแทนอากาศ ในการระบายความ วิธีดำเนนิ การวจิ ัย ร้อนให้กับคอนเดนเซอร์ พบว่า ในการใช้ดินแทนพัดลม ในคอนเดนเซอร์ มีค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะ (COP) งานวิจัยนี้ เป็นการศึกษาการควบคุมอุณหภูมิ เพิ่มขึ้นจากเดิม 2.8 เป็น 3.1 ในเวลากลางวัน และ ดินให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของกล้าไม้เบญจมาศ
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 159 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) โดยใชพ้ ลังงานรงั สีอาทิตย์ ซึ่งมวี ิธกี ารวจิ ยั ดงั รายละเอียด การทดลองการใหค้ วามรอ้ นดนิ ดว้ ยแผ่นความรอ้ น ตอ่ ไปนี้ ในการทดลองให้ความร้อนแก่ดินโดยจ่ายน้ำเขา้ การวิเคราะหส์ มบตั ขิ องดิน สู่แผงรับรังสีอาทิตย์ด้วยอัตราการไหลคงที่ เข้าสู่แผงรับ รงั สีอาทติ ยท์ ี่ 750 cm3/min วัดอุณหภูมิน้ำเขา้ อณุ หภูมิ ดินที่ใช้ในการทดลองเป็นดินผสมเพื่อการปลูก น้ำออกจากแผงรับรังสีอาทิตย์ วัดอุณหภูมิน้ำในถังสะสม ไม้ดอก เป็นดินที่บรรจุถุงขายขนาดถุงละ 10 kg ในชื่อ ความร้อน และวัดค่ารังสีที่ตกกระทบบนแผงรับรังสี ทางการค้า “ดินลำดวน” ดินตัวอย่างจะถูกบรรจุลงใน อาทิตย์ โดยแผงรับรังสีอาทิตย์ที่ใช้ในการทดลองมีขนาด ภาชนะที่มิดชิดและถูกส่งไปวิเคราะห์ที่ภาควิชา 55 x 220 cm2 วางหันหน้าไปทางทิศใต้ทำมุม 14° กับ ปฐพวี ิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ ซ่ึงผล แนวระดบั เพ่อื ทำนำ้ ร้อนไปให้ความร้อนแก่ดินเพาะกล้าไม้ การวเิ คราะห์ดินตัวอย่างมสี มบัติดังน้ี จากดา้ นล่างข้นึ ไปด้านบนในชดุ ให้ความร้อนดนิ ดงั รปู ที่ 1 ตารางที่ 1 สมบตั ิทางฟสิ กิ ส์ของดิน ส่วนผสม ดนิ ท่ใี ช้ ดินทว่ั ไป* งั นารอ้ น ทดลอง ดิน Bulk density (kg/m3) 618 1,187 นารอ้ น นวน Water Content (%) 63.5 4 Porosity (%) 76.67 55.2 Thermal Conductivity 0.662 0.817 (W/m°C) Pump Heat Capacity 2.02 1.579 รปู ท่ี 1 ระบบใหค้ วามรอ้ นดนิ (MJ/m3°C) การศึกษาการกระจายอุณหภูมิในดินเมื่อได้รับความร้อน จากแผ่นความร้อน Thermal diffusivity (m2/s) 3.297 x 10-7 5.174 x 10-7 การทดลองจะบรรจดุ ินลงในชุดใหค้ วามรอ้ นดิน *ดินทั่วไป เป็นดินที่เก็บตัวอย่างดินจากบริเวณคณะพลังงานและ ซึ่งมีขนาดพื้นที่ 1 m2 ดินมีความสูง 10 cm ซึ่งในการ วัสดุ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี เลอื กระดับความลกึ ท่ี 10 cm เพราะการใหค้ วามร้อนชั้น ที่ติดกับแผ่นความร้อนจะมีอุณหภูมิสูงอาจเป็นอันตราย ตารางที่ 2 เปรยี บเทียบองคป์ ระกอบของดิน ต่อกล้าไม้ได้โดยดินจะรับความร้อนจากด้านล่างขึ้น ด้านบนดังรูปที่ 1 การติดตั้งจุดวัดอุณหภูมิดินจะติดตั้ง สว่ นผสม ดินท่ใี ช้ ดนิ ทั่วไป* จดุ วัดอณุ หภมู โิ ดยแบง่ ดนิ ออกเป็น 3 ชน้ั คือชั้นท่ี 1 เป็น ทดลอง ชั้นที่สัมผัสกับแผ่นความร้อน ชั้นที่ 2 คือชั้นดินที่ความ หนา 5 cm ชั้นที่ 3 คือที่ผิวดินและในแต่ละชั้นจะทำการ Sand (% by vol.) 40 24 วดั อุณหภมู ิ 9 จุด ขณะทีท่ ำการบรรจดุ นิ ลงในชดุ ให้ความ ร้อนทำการชั่งน้ำหนักดินเพื่อนำไปคำนวณหาค่าความ Silt (% by vol.) 26 19 หนาแนน่ รวมของดิน จุดท่วี ัดอณุ หภมู ิแสดงในรูปที่ 2 Clay (% by vol.) 34 57 Water Content (% by mass) 63.5 4 Organic Matter (% by mass) 17.3 - *ดินทั่วไป เป็นดินที่เก็บตัวอย่างดินจากบริเวณคณะพลังงานและ วสั ดุ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี
160 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ดนิ ชันที่ 3 การให้ความร้อนแก่ดินด้วยน้ำร้อนที่ไม่รักษาอุณหภมู ิน้ำ 45cm 100cm45cmดนิ ชันท่ี 2 ใหค้ งท่ี ดินชันท่ี 1 5cm 10cmนาร้อน การทดลองโดยจ่ายน้ำที่อุณหภูมิน้ำเริ่มต้นที่ 40 และ 60°C โดยจะปล่อยให้น้ำในถังสะสมความร้อน นวน ลดลงตามธรรมชาติของสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะศึกษาถึงอัตรา (ก) ด้านหน้า 1 4 7 การเพ่ิมขึน้ และลดลงของอณุ หภูมดิ นิ ในเวลากลางคนื เครือ่ งมอื วัดทใ่ี ช้ในการทดลอง 258 1. เครื่องมือวัดอุณหภูมิโดยใช้ Data Logger ยี่ห้อ Graphtec รุ่น GL840 เมื่อนำไปใช้กั บสาย 36 9 Thermocouple Type K มีค่าความคลาดเคลื่อน ± 0.8 °C 45cm 45cm 100cm 2. สาย Thermocouple Type K 3. เครื่องมือวัดค่ารังสีอาทิตย์ Pyranometer (ข) ด้านบน ยี่ห้อ EKO รนุ่ ML-01 มีคา่ ความคลาดเคลอ่ื น < 3 % รปู ท่ี 2 ตำแหน่งการวดั อุณหภูมิในแตล่ ะช้ัน ผลการศกึ ษาและอภปิ รายผล เมื่อทำการติดตั้งจุดวัดอุณหภูมิเรียบร้อยแล้ว จะทำการศึกษาการกระจายอุณหภูมิในแต่ละจุด โดยเริ่ม 1. การให้ความร้อนแก่ดินด้วยน้ำร้อนที่รักษาอุณหภูมิใน จากอุณหภูมิของแผ่นร้อน ซึ่งในขั้นตอนนี้จะแยกการ ถังสะสมความรอ้ นคงท่ี ทดลองออกเป็น 2 สว่ น คือ 1.1 การให้ความร้อนแก่ดินด้วยน้ำร้อนที่รักษา การใหค้ วามรอ้ นแกด่ นิ ด้วยนำ้ ร้อนที่รักษาอุณหภมู ิในถงั อณุ หภูมิ 70°C ในถงั สะสมความร้อนคงท่ี สะสมความรอ้ นคงท่ี จากรูปที่ 3 เมื่ออุณหภูมิน้ำในถังสะสมความ ในการทดลองโดยการจ่ายน้ำเข้าสู่ชุดให้ความ ร้อนอุณหภูมิ 70°C และจ่ายเข้าชุดให้ความร้อนดินที่ ร้อนดินที่อัตราการไหล 1 litre/min ซึ่งอาจจ่ายน้ำร้อนที่ อุณหภูมิเฉลี่ย 63.39°C และออกที่ 60.71°C ซึ่งมีความ อัตราการไหลต่ำกว่านี้ได้เพราะดินมีคา่ การแพร่ความร้อน แตกต่าง 2.67°C คิดเปน็ ปรมิ าณความรอ้ นทจ่ี า่ ยใหก้ บั ชุด ที่ต่ำ คือ มีค่าประมาณ 3.297x10-7 m2/s เท่านั้น ดังนั้น ให้ความร้อนในอัตรา 186.19 W/m2 เป็นผลให้อุณหภูมิ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมินำ้ ทีเ่ ขา้ และออกจากชุดให้ความ ที่แผ่นให้ความร้อนมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 59°C และดินชั้นท่ี ร้อนจะไมเ่ ปลี่ยนแปลงมากนัก และการจา่ ยน้ำท่ีอัตราการ 1 มีอุณหภูมิเฉล่ีย 56°C ชั้นที่ 2 44°C ชั้นที่ 3 37°C โดย ไหลต่ำๆ จะทำให้อุณหภูมิน้ำในถังสะสมความร้อนมีการ ในชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 มีอุณหภูมิแตกต่างกัน 12°C และ เปลี่ยนแปลงน้อยซึ่งจะเป็นผลดีต่อระบบ โดยใช้น้ำร้อนท่ี ชัน้ ท่ี 2 และ 3 ตา่ งกนั 7°C ซึ่งความแตกต่างอณุ หภูมขิ อง อุณหภมู ิ 70 60 50 และ 40°C ตามลำดบั จ่ายเข้าสู่ชุดให้ ดินชั้นท่ี 1 และ 2 มีความแตกต่างมากกว่าดินชั้นที่ 2 ความร้อนโดยจะรักษาอณุ หภมู นิ ้ำรอ้ นให้คงท่ี และ 3 เนื่องจากดินชั้นที่ 1 อยู่ติดกับชุดให้ความร้อนทำ ให้ได้รับอุณหภูมิจากชุดให้ความร้อนได้มากจึงสามารถ ถ่ายเทความร้อนไปยังดินชั้นที่ 2 ได้สูง และการถ่ายเท ความรอ้ นของดนิ ชั้นท่ี 2 ไปยงั ดนิ ชนั้ ท่ี 3 มีปรมิ าณลดลง
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 161 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) เน่อื งจากอุณหภมู ดิ ินช้นั ท่ี 2 ไม่สงู จงึ เปน็ ผลให้การถ่ายเทTemperature( oC) พบว่า อุณหภูมิน้ำร้อนที่จ่ายเข้าสู่ชุดให้ความร้อนดินมี ความร้อนไปยงั ดนิ ช้นั ที่ 3 ลดลง อกี ท้งั ดนิ มีคณุ สมบตั เิ ปน็ อุณหภูมิทางเข้าเฉลี่ย 56.4°C อุณหภูมิเฉลี่ยน้ำออกจาก ฉนวนความร้อนและมีรูพรุนสูงจึงส่งผลให้การถ่ายเท แผงที่ 53.5°C มีอัตราการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเฉลี่ย ความร้อนลดลง ความร้อนที่ชั้นที่ 2 ได้รับ 87.53 W ช้ัน 2.9°C คิดเป็นความร้อนที่น้ำจ่ายเข้าสู่ชุดดิน 202.23 ที่ 3 ได้รับ 72.94 W เมื่อพิจารณาในสัดส่วนของความ W/m2 ทำให้อุณหภูมิของดินในชนั้ ที่ 1 มีอุณหภูมิเพ่ิมข้ึน ร้อนสุทธิจะพบวา่ มีอตั ราใกล้เคียงกนั คอื 54.54% ในชั้น จาก 27.7°C เป็น 50.7°C และอุณหภูมิในช้ันที่ 2 เพิ่มข้ึน ท่ี 2 และ 45.54% ในช้ันท่ี 3 ดว้ ยความรอ้ นสทุ ธิ 160.47 จาก 27.5°C เป็น 41.2°C สำหรับอุณหภูมิในชั้นที่ 3 ซึ่ง W ความร้อนที่ดินได้รับในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับความ เป็นผิวดินเพิ่มขึ้นจาก 27.3°C เป็น 37°C คิดเป็นปรมิ าณ ร้อนที่น้ำจ่ายให้ ทำให้ประสิทธิภาพของชุดให้ความร้อน ความร้อนที่ดินได้รับสุทธิเป็น 135.76 W โดยในชั้นที่ 2 ดินมปี ระสิทธภิ าพสูงขน้ึ เป็น 86.18% ได้รับ 91.88 W คิดเป็น 70.26% ของปริมาณความร้อน ที่ดินได้รับและในชั้นที่ 3 ที่ผิวดินได้รับความร้อนใน 60 ปรมิ าณ 38.88 W คิดเปน็ 29.73% สำหรบั ความแตกต่าง ของอุณหภูมิระหว่างดินชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 อยู่ที่ 9.5°C 50 Ts1 ขณะที่ชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 จะอยู่ที่ 4.2°C ความแตกต่าง Ts2 ของอุณหภูมิดินชั้นที่ 1 และ 2 จะสูงกว่าดินชั้นที่ 2 และ 3 เป็นผลมาจากปริมาณความร้อนที่ดินได้รับสูงกว่าและ 40 จะลดลงตามระยะห่างจากแหล่งให้ความร้อน ซ่ึง Ts3 สอดคล้องกับปริมาณความร้อนที่ดินแต่ละชั้นได้รับ ด้วย อปุ กรณ์ชุดใหค้ วามรอ้ นมปี ระสิทธิภาพ 64.65% 30 Ta 1.3 การให้ความร้อนแก่ดินด้วยน้ำร้อนที่รักษา 20 อณุ หภูมิ 50°C ในถังสะสมความร้อนคงท่ี 0:00 2:00 4:00 6:00 8:00 10:00 12:00 tim e(hr) รูปท่ี 3 การกระจายอณุ หภมู ใิ นดนิ ท่ีอณุ หภมู ิน้ำ 70°C เม่อื Ts1 คอื อุณหภมู ิดนิ ชนั้ ท่ี 1 Ts2 คอื อณุ หภมู ดิ ินช้ันที่ 2 Ts3 คอื อุณหภมู ิดนิ ชั้นท่ี 3 Ta คือ อณุ หภูมอิ ากาศแวดล้อม 1.2 การให้ความร้อนแกด่ ินด้วยน้ำร้อนที่รักษา Temperature( oC) 55 Ts1 อุณหภมู ิ 60°C ในถังสะสมความรอ้ นคงท่ี 50 Ts2 45 Ts3 40 Ta 35 Temperature( oC) 55 Ts15 30 50 Ts25 25 45 Ts35 20 40 Ta 35 0:00 1:00 2:00 3:00 4:00 5:00 6:00 30 25 tim e(hr) 20 รปู ท่ี 5 การกระจายอุณหภมู ใิ นดนิ แต่ละช้ันที่อุณหภูมิน้ำ 0:00 2:00 4:00 6:00 8:00 50°C tim e(hr) จากรูปที่ 5 เป็นการกระจายอุณหภูมิในดินท่ี อุณหภูมิน้ำ 50°C อุณหภูมิน้ำเข้าชุดให้ความร้อนดินที่ รูปท่ี 4 การกระจายอุณหภูมใิ นดินแต่ละช้นั ทีอ่ ณุ หภูมนิ ำ้ 60°C 54°C และออกที่ 52°C คดิ เปน็ ความร้อน 139.56 W/m2 แผ่นร้อนมีอุณหภูมิ 50°C ดินชั้นที่ 1 มีอุณหภูมิ 48°C จากรูปท่ี 4 เมือ่ อุณหภมู ใิ หค้ งท่ี 60°C จ่ายเข้าสู่ อุณหภมู ดิ ินช้นั ที่ 2 เปน็ 39°C ต่างกัน 9°C อุณหภูมิชั้นท่ี ชุดให้ความร้อนดินในอัตรา 1 litre/min จากการทดลอง
162 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) 3 เป็น 34°C ต่างจากชั้นที่ 2 อยู่ 5°C ความร้อนที่ดินชั้น ความร้อนมีอุณหภูมิลดต่ำลงเรื่อย ๆ เป็นผลทำให้ ที่ 2 ได้รับ 93.5 W/m2 ชั้นที่ 3 ได้รับ 28.05 W/m2 ท่ี อุณหภูมนิ ้ำที่เข้าลดลงเช่นเดียวกัน พบวา่ ทอี่ ุณหภูมิดินใน ประสิทธภิ าพระบบ 87.09% ชั้นที่ 1 เพิ่มขึ้นจาก 28°C เป็น 42°C ซึ่งเป็นค่าสูงสุดใน ชั่วโมงที่ 3 จากนั้นจะลดลงอย่างช้า ๆ จนเป็น 38°C ใน 1.4 การให้ความร้อนแก่ดนิ ด้วยน้ำร้อนที่รักษา ชั่วโมงที่ 9 ส่วนในชั้นที่ 2 เพิ่มจาก 27°C เป็น 34°C ที่ อุณหภูมิ 40°C ในถังสะสมความร้อนคงท่ี ชั่วโมงที่ 3 เช่นเดียวกัน จากนนั้ จะลดลงอยา่ งต่อเนื่องจน มีอุณหภูมิ 32°C ที่ชั่วโมงที่ 9 คือเพิ่มขึ้น 7°C ในเวลา Temperature( oC) 45 Ts1 3 ชั่วโมง และลดลง 2°C ในเวลา 6 ชั่วโมงในชั้นที่ 3 40 Ts2 เพิ่มขึ้น 3°C ใช้เวลา 3 ชั่วโมง อีก 6 ชั่วโมงลดลง 1°C 35 Ts3 ผลอุณหภูมิดินที่เพิ่มขึ้นของดินแต่ละชั้นจะลดลงเมื่อ 30 Ta ระยะห่างจากแหล่งให้ความร้อนและระยะเวลาเพิ่มขึ้น 25 เนื่องจากมีการสญู เสียความร้อนไปยังอากาศสิ่งแวดล้อม 20 2:00 4:00 6:00 8:00 เนื่องจากตอนกลางคืนอากาศแวดล้อมมีอุณหภูมิต่ำและ tim e(hr) ไม่ได้รักษาอุณหภูมิน้ำในถังจึงส่งผลให้การถ่ายเทความ 0:00 รอ้ นลดลง รปู ที่ 6 การกระจายอุณหภมู ใิ นดินแต่ละชั้นท่ีอุณหภูมิน้ำ 40°C จากรปู ที่ 6 เปน็ การกระจายอุณหภมู ิในช้นั ตา่ ง ๆ Temperature( oC) 45 Ts1 เมื่อเวลาเปลี่ยนไปที่อุณหภูมิน้ำ 40°C แต่ความเป็นจริง 40 Ts2 แล้วอุณหภูมิน้ำในถังสะสมความร้อนไม่สามารถควบคุม 35 Ts3 ใหอ้ ยู่ท่ี 40°C ได้ ทำไดต้ ำ่ สดุ ที่ 45°C แล้วจ่ายเข้าสู่แผงท่ี 30 Ta 44°C ออกที่ 42°C อัตราการให้ความรอ้ น 139.56 W/m2 25 อุณหภูมิแผ่นร้อน 41°C ซึ่งเท่ากับอุณหภูมิดินในชั้นที่ 1 20 ส่วนชั้นที่ 2 มีอุณหภูมิ 35.5°C ต่างกัน 5.5°C ชั้นที่ 3 อุณหภมู ิ 32.2°C ต่างจากชั้นท่ี 2 33°C ด้วยอุณหภูมิของ 0:00 2:00 4:00 6:00 8:00 แผน่ ร้อนที่ตำ่ ทำให้การแพรค่ วามร้อนตำ่ จึงทำให้ในแต่ละ tim e(hr) ชั้นมีอัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิที่ต่ำและเวลาที่เข้าสู่ สภาวะคงตัวจะน้อย คือจะอยู่ที่ชั่วโมงที่ 4 ความร้อน รูปที่ 7 การกระจายอุณหภูมิในดินที่อุณหภูมิน้ำ 60°C ท่ดี นิ ไดร้ บั 72.09 W โดย ในชน้ั ที่ 2 ได้รับ 42.64 W และ เวลากลางคนื ชัน้ ที่ 3 ไดร้ บั 29.45 W ประสิทธิภาพของระบบ 51.65% 2.2 การกระจายอุณหภูมิในดินที่อุณหภูมิน้ำ 40°C ในเวลากลางคนื 2. การให้ความร้อนแก่ดินด้วยน้ำร้อนที่ไม่รักษาอุณหภูมิ Temperature( oC) 40 Ts1 น้ำให้คงท่ี Ts2 35 Ts3 2.1 การกระจายอุณหภูมิในดินที่อุณหภูมิน้ำ Ta 60°C ในเวลากลางคนื 30 25 จากรูปที่ 7 เปน็ การกระจายอณุ หภูมใิ นดินท่ีถกู ให้ความร้อนด้วยน้ำอุณหภูมิ 60°C โดยน้ำในถังสะสม 20 ความร้อนไม่ได้รักษาอุณหภูมิไว้ ทำให้น้ำในถังสะสม 0:00 2:00 4:00 6:00 8:00 tim e(hr) รูปที่ 8 การกระจายอุณหภูมิในดินที่อุณหภูมิน้ำ 40°C เวลากลางคนื
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 163 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) จากรูปท่ี 8 เป็นการกระจายของอุณหภูมิดินใน อุณหภูมิดินเพาะกล้าไม้ตามที่กล้าไม้เบญจมาศต้องการ แต่ละชั้นที่อุณหภูมิน้ำ 40°C ในเวลากลางคืนที่ถังสะสม ดงั นั้นการทำนำ้ รอ้ นอุณหภมู ิ 40-70°C สามารถนำไปเพิม่ ความรอ้ นไมไ่ ด้รักษาอณุ หภมู ินำ้ จะพบวา่ ทอี่ ณุ หภูมิดินใน อณุ หภมู ดิ ินเพาะกลา้ ไมเ้ บญจมาศไดต้ ามทีก่ ลา้ ไมต้ ้องการ ชั้นที่ 1 เพิ่มขึ้น 5°C ในเวลา 2 ชั่วโมง คือเพิ่มจาก 30°C เป็น 35°C จากนั้นจะลดลงจนมีอุณหภูมิ 31°C ในชั่วโมง เอกสารอา้ งอิง ที่ 9 คิดเป็นอัตราที่ลดลง 0.4°C ต่อชั่วโมง ด้วยอุณหภูมิ ชั้นดินที่ต่ำจงึ ทำให้การแพรค่ วามรอ้ นไปสู่ชั้นท่ี 2 เป็นไป 1. Krasaechai A. Chrysanthemum. 1st ed. Bangkok: ได้น้อย คือเพิ่มขึ้นเพียง 1°C ในเวลา 2 ชั่วโมง เท่าน้ัน Odean Store; 1992. และลดลง 1°C เป็น 29°C ใน 2 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน ส่วน ชั้นที่ 3 ไม่ได้รับการแบ่งความร้อนจากชั้นที่ 2 คงที่อยู่ท่ี 2. Krutkun T. Sustainable agriculture use of soil 28°C ตลอดช่วงเวลาที่ทำการทดลอง การเพิ่มขึ้นของ fertilizer. Bangkok: Green fence; 1997. อุณหภูมิดนิ ในแต่ละชั้นไม่สงู เนื่องจากอุณหภูมิน้ำซึ่งเปน็ แหล่งให้ความรอ้ นมอี ุณหภมู ไิ ม่สงู และไมไ่ ด้รกั ษาอณุ หภมู ิ 3. Feungchan S. Fruit tree physiology. 1 st ed. แหล่งให้ความรอ้ นใหค้ งทจ่ี ึงส่งผลให้การถา่ ยเทความร้อน Bangkok: Sirakan Offset; 1994. ของดินแต่ละชั้นมีอุณหภูมิไม่สูง ซึ่งผลการทดลอง อุณหภูมิดินเพาะกล้าไม้ที่ไดม้ ีค่าใกล้เคียงกับแบบจำลอง 4. Scott HD. Soil Physics: Agricultural and ทางคณติ ศาสตร์ (8) Environmental Applications. 1st ed. Library of Congress cut a logging Iowa State; 2001. สรุปผล 5. Permchart W. A feasibility study of using soil as การให้ความร้อนแก่ดินด้วยน้ำร้อนที่รักษา a waste cooling agent for air conditioners in อุณหภูมิในถังสะสมความร้อนคงที่ โดยเปลี่ยนแปลง Thailand [master’s thesis]. Bangkok: King อุณหภูมิน้ำ 70 60 50 และ 40°C พบว่า ดินชั้นที่ 1 มี Mongkut's University of Technology Thonburi; อุณหภูมิเฉลี่ย 56 50.7 48 และ 41°C ตามลำดับ ดินชั้น 1998. ท่ี 2 มอี ุณหภูมเิ ฉลีย่ 44 41.2 39 และ 35.5°C ตามลำดบั และดินชั้นที่ 3 มีอุณหภูมิเฉลี่ย 37 37 34 และ 32.2°C 6. Gua Y, Asher J, Yano T, Momii K. Estimation of ตามลำดับ ซึ่งการรักษาอุณหภูมิน้ำในถงั สะสมความร้อน Soil Evaporation Using the Differential ให้คงที่ที่อุณหภูมิดังกล่าวสามารถนำไปใช้รักษาอุณหภูมิ Temperature method. Soil Sci Soc Am J. ดินเพาะกล้าไม้เบญจมาศได้สูงกว่า 20 °C ตามที่กล้าไม้ 1999;63(6):1608-14. เบญจมาศต้องการ ส่วนการให้ความร้อนแก่ดินด้วยน้ำ ร้อนที่ไม่รักษาอุณหภูมิน้ำให้คงที่ โดยเปลี่ยนแปลง 7. Kurpaskaz S, Slipek L. Mathmatical Model of อุณหภูมิน้ำ 60 และ 40°C พบว่า ดินชั้นที่ 1 มีอุณหภูมิ Heat and Mass Exchange in a Garden Subsoil เฉลี่ย 42 และ 35°C ตามลำดับ ดินชั้นที่ 2 มีอุณหภูมิ during Warm air heating. Engngres. 1996;65:305-11. เฉลย่ี 34 และ 29°C ตามลำดับ และดนิ ช้นั ท่ี 3 มอี ณุ หภมู ิ เฉลี่ย 28°C เท่ากัน ถึงแม้ว่าจะไม่รักษาอุณหภูมิน้ำและ 8. Boonwan C, Yamfang M, Thepa S, Sukchana T, ปล่อยให้อุณหภูมิลดลงตามธรรมชาติก็ยังสามารถรักษา Pruengam P, Pairintra R, et al. Development of a Mathematical Model to Predict Soil Temperature for the Growth of Chrysanthemum Sprouts. Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi. 2020;19(1):74-85.
164 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ผลของผงชาเขียวตอ่ การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ขนมหมอ้ แกงนมสดเสริมผงชาเขียว Effect of Green Tea Powder on Development of Fresh Milk Egg Thai Custard Dessert Product Supplemented with Green Tea Powder วัฒนา วิริวุฒกิ ร* Wattana Wirivutthikorn* สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จ. ปทุมธานี 12130 Division of Food Science and Technology, Faculty of Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathumthani 12130, THAILAND *Corresponding author e-mail: [email protected] ARTICLE INFO ABSTRACT Article history: Thai custard dessert is a Thai traditional dessert that is Received: 9 April, 2020 modified by adding green tea powder in order to add varieties to Thai Revised: 8 October, 2020 dessert custard products and new options for healthy consumers. Accepted: 30 October, 2020 Green tea is highly nutritious and contains important substances that Available online: 22 December, 2020 are beneficial to the body. The objective of this research was to study DOI: 10.14456/rj-rmutt.2020.27 the optimum ratios of green tea powder on fresh milk egg Thai Keywords: Thai custard custard dessert supplemented with green tea products development. dessert, fresh milk, green tea, This research consisted in four treatments: Egg Thai custard dessert (a product control), green tea powder in various ratios of 25, 50 and 75 (w/v) of fresh milk were obtained, respectively. The physical properties as L*, a*, b* value and texture measurement (hardness, gumminess, chewiness and springiness) were investigated. The chemical composition by proximate analysis of fat, protein, fiber, ash and carbohydrate were determined. The microbiological property was studied by total plate count analysis. In addition, the sensory evaluation was performed by using 9-points hedonic scale. The results from physical properties showed that L*, a*, b* and hardness
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 165 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) were statistically significant (P<0.05). The chemical composition revealed that Treatment 4 had the lowest fat value of 6.05% but gave the highest protein, fiber and ash values of 6.29%, 1.07% and 0.85%, respectively. The microbiological results indicated that total plate count in all treatments were less than 1x106 CFU/g within standard criteria. The sensory properties revealed that panelists accepted on treatment 4 which gave the same highest scores on taste, overall acceptability and odor of 7.73 and 7.76, respectively. บทคดั ยอ่ คะแนนด้านรสชาตแิ ละความชอบโดยรวมการทดลองท่ี 4 เท่ากันและสูงสุดเท่ากับ 7.73 คะแนนยอมรับด้านกล่ิน ขนมหม้อแกงเป็นขนมไทยดั้งเดิมมาดัดแปลง สูงสดุ เท่ากับ 7.76 โดยนำผงชาเขียวมาเสริมลงไปเพื่อเพิ่มความหลากหลาย ให้กับผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงและเป็นการเพิ่มทางเลือก คำสำคญั : ขนมหม้อแกง นมสด ชาเขยี ว ผลิตภัณฑ์ ใหม่ให้ผู้บริโภคที่สนใจด้านสุขภาพ เนื่องจากชาเขียวมี คุณค่าทางโภชนาการสงู และมปี ระโยชนต์ ่อร่างกายหลาย บทนำ ด้าน จดุ ประสงค์งานวจิ ยั นี้เพ่ือศึกษาอัตราสว่ นผงชาเขียว ที่เหมาะสมที่มีต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนม เนื่องจากปัจจุบันคนไทยได้รับวัฒนธรรมด้าน สดเสริมผงชาเขียวแบ่งออกเป็น 4 สิ่งทดลอง คือ ขนม อาหารของชาติต่าง ๆ เข้ามาทำให้คนไทยบางส่วนลืม หม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว 0 25 50 และ 75 (w/v) ขนมไทยไปโดยเฉพาะเด็กวยั รุ่นสมัยนีใ้ ห้ความสนใจขนม ของปริมาณนมสด จากนั้นศึกษาสมบัติทางกายภาพด้าน ของต่างชาติมาก เช่น อาหารจำพวกขนมอบต่าง ๆ และ ความสว่าง สีเขียว สีเหลือง การวัดค่าเนื้อสัมผัสด้าน เครื่องดื่ม ซึ่งอาหารเหล่านี้มีรสชาติหลากหลายได้เลือก ความแข็ง ความเหนียว แรงที่ใช้ในการเคี้ยว และความ บรโิ ภคเสรมิ กล่นิ รส เช่น รสสม้ รสสตรอเบอร่ี รสองุ่น รส ยืดหยุ่น สมบัติทางเคมีโดยการวิเคราะห์ไขมัน โปรตีน ชาเขียว และอื่น ๆ อีกมาก ขนมหม้อแกงซึ่งถือเป็นขนม เส้นใย เถ้า และคาร์โบไฮเดรต สมบัติทางจุลชีววิทยาโดย ไทยดั้งเดิมมาตั้งแต่โบราณเป็นขนมที่นิยมบริโภคทำจาก วิเคราะห์ปริมาณจุลินทรีย์ทั้งหมด และทางประสาท ไข่เป็ด น้ำตาลปี๊บ เผือก และนมสด มีลักษณะนุ่ม สัมผัสวิเคราะหโ์ ดยใช้ 9-points Hedonic Scale ผลการ ส่วนประกอบของขนมหม้อแกงมี ส่วนประกอบหลัก ทดลองด้านกายภาพพบวา่ ความสว่าง คา่ สเี ขยี ว สีเหลือง 3 ส่วน คือ แป้ง มะพร้าวหรือกะทิ และน้ำตาล (1-3) ใน ค่าความแข็งยกเว้นค่าความเหนียว แรงที่ใช้ในการเคี้ยว ปจั จุบันมกี ารนำวตั ถดุ ิบหลายชนิด เชน่ ขา้ วไรซ์เบอร่ี ถ่ัว และความยืดหยุน่ มคี วามแตกต่างทางสถิติ สมบัตทิ างเคมี ข้าวโพดหวาน แก่นตะวัน ชาเขียว การเสริมนมสดลงใน พบว่า สง่ิ ทดลองท่ี 4 ใหค้ ่าไขมนั ต่ำทีส่ ุดร้อยละ 6.05 แต่ ขนมหม้อแกงเพื่อเพิ่มความหลากหลายในการพัฒนา ใหค้ ่าโปรตนี เสน้ ใยและเถา้ สูงสุดร้อยละ 6.29 1.07 และ ผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงเพ่ิมมากข้ึน (3) ในส่วนชาเขียวมี 0.85 ตามลำดบั ผลการวิเคราะหป์ รมิ าณจลุ นิ ทรียท์ ้ังหมด คุณประโยชน์มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ พบปริมาณโคโลนีน้อยกว่า 1x106 CFU/g ในทุกการ ต่อร่างกาย ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียมี ทดลองและมีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และผลการ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง และสารแคเทชินช่วยการสลายปริมาณ ทดสอบทางประสาทสัมผัสพบว่า ผู้ทดสอบชิมยอมรับ ของคอเลสเทอรอลในลำไส้ (4-5) นอกจากนี้ชาเขียวช่วย
166 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) เผาผลาญพลังงานได้มากเป็นผลทำให้น้ำหนักตัวลดลง อุณหภูมิ 180 °C ประมาณ 10 - 15 นาที) ที่เตรียมไว้อบท่ี โดยไม่มีผลกระทบต่ออัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึง อุณหภูมิ 200 °C ประมาณ 30 นาที ดดั แปลงจาก (6-8) สามารถปอ้ งกันมะเร็งผวิ หนังไดด้ ้วย (4-5) ดงั น้ันผวู้ ิจัยจึง เกิดแนวคิดในการนำผงชาเขียวมาเสริมในผลิตภัณฑ์ขนม การวิเคราะหค์ ุณภาพทางกายภาพและทางเคมี หม้อแกงนมสดเพื่อพัฒนาขนมหม้อแกงนมสดด้วย การศึกษาปริมาณการใส่ผงชาเขียวในอัตราส่วนที่ นำตัวอย่างขนมหมอ้ แกงทจ่ี ะทำการวิเคราะห์มา เหมาะสมผสมนมสดเพื่อให้ขนมหม้อแกงมีความแปลก ห่ันใหเ้ ป็นชน้ิ ส่เี หลีย่ มขนาด 3×3 เซนติเมตร ทำการวัดค่า ใหม่มีกลิ่นรสชาติที่ดีขึ้น รวมทั้งเป็นการเพิ่มคุณค่าทาง สีโดยใช้เครื่องวัดค่าสี (Colorimeter) ยี่ห้อ Minolta รุ่น โภชนาการ โดยในงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา CR-10 เนื้อสัมผัสด้วย Texture Analyzer LLOYD รุ่น อัตราส่วนท่ีเหมาะสมในการเสริมผงชาเขียวในผลิตภัณฑ์ TA.XT plus โดยใช้หัวกดแบบทรงกระบอกขนาดเส้นผา่ น ขนมหม้อแกงนมสด ศึกษาองค์ประกอบทางกายภาพ ศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร ใช้ความเร็ว 20 มิลลิเมตร/นาที ทางเคมี ทางจุลชีววิทยา และทางประสาทสัมผัสในขนม โปรตีน (Crude Protein) โดยใช้เครื่องวิเคราะห์โปรตีน หม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียวเพื่อดูการยอมรับของผู้ ยี่ห้อ FOSS รุ่น Kjeltec TM 8100 ไขมัน (Crude Fat) ทดสอบชิมที่มีต่อผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผง โดยใช้เครื่องวิเคราะห์ไขมันยี่ห้อ VELP รุ่น Scientifica ชาเขียวเพอ่ื เป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กบั ผลติ ภณั ฑ์ Ser 148 เส้นใย (Crude Fiber) ยี่ห้อ FOSS รุ่น FT 122 ขนมหม้อแกงเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภคที่มี Fibertec เถ้า (Ash) ยี่ห้อ Carbolite รุ่น Parsons Lane ความสนใจในดา้ นสุขภาพมากขึ้น Hope Valley S 33 และคาร์โบไฮเดรต ตามวิธี (9) การวเิ คราะหค์ ุณภาพทางจลุ ชีววทิ ยา วธิ ีดำเนินการวิจัย ปริมาณจลุ ินทรียท์ ง้ั หมด (Total Plate Count, TPA) ตามวิธี (10) ขนั้ ตอนการเตรยี มขนมหม้อแกงนมสดเสรมิ ชาเขียว การทดสอบความชอบทางประสาทสัมผสั ขั้นตอนแรกเตรยี มนมสดผสมผงชาเขียว ช่ังผงชา เขียวร้อยละ 16 ต่อปริมาณนมสด นำผงชาเขียวที่ได้มา งานวิจัยนี้ใช้ผู้ทดสอบชิมจำนวน 30 คนที่ไม่ ละลายกับน้ำนมสดอุณหภูมิ 70 - 80 °C เป็นเวลา ผ่านการฝึกฝนโดยทดสอบความชอบทางประสาทสัมผัส 5 นาที กรองผงชาเขียวออกตวงน้ำนมผสมผงชาเขียวตาม แบบ 9- points Hedonic scale test ในด้านสี รสชาติ อัตราส่วนที่กำหนด ดังตารางที่ 1 ต่อจากนั้นเข้าสู่ขั้นตอน กลิ่น เน้อื สมั ผัส และความชอบโดยรวม ตามวธิ ี (11) การเตรียมเผือกโดยปอกเปลือกเผือกพร้อมล้างให้สะอาด นำเผือกที่ได้มาหั่นให้ได้ขนาดประมาณ 1x5 เซนติเมตร การบันทกึ ขอ้ มลู นำไปนึ่งในรังถึงนาน 3 นาที บดให้ละเอียด ชั่งเผือกให้ได้ 300 กรัม ชั่งส่วนผสมต่าง ๆ ให้ได้ตามอัตราส่วนที่กำหนด วเิ คราะห์คุณภาพทางกายภาพและทางเคมี โดยใช้ ดังตารางที่ 1 นำไข่เป็ดมาตีให้ขึ้นฟู ใส่น้ำตาลป๊ีบ แป้งข้าว โปรแกรม Microsoft Excel 2016 วางแผนการทดลองโดย เจ้า และแป้งมนั สำปะหลงั ผสมจนนำ้ ตาลละลายหมดนำไป ใช้ Completely Randomized Design (CRD) ทดลอง กรองดว้ ยผา้ ขาวบางนำเผอื กนึ่งบดละเอียดใส่นมสดและนม 3 ซำ้ สว่ นการทดสอบทางประสาทสมั ผสั วางแผนการทดลอง ผสมผงชาเขียวที่เตรียมไว้ผสมให้เข้ากันเทลงในภาชนะ โดยใช้ Randomized Complete Block Design (RCBD) (ภาชนะที่เตรียมไว้จะต้องทาน้ำมันรำข้าวแล้วนำไปอบท่ี ทดลอง 3 ซำ้ เชน่ เดียวกับการวเิ คราะห์ทางกายภาพและทาง เคมี วิเคราะห์ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยโดยวิธี Duncan’s New Multiple Range Test (DMRT) (12)
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 167 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ตารางท่ี 1 สว่ นผสมในการทำขนมหม้อแกงนมสดเสรมิ ผงชาเขียว สว่ นประกอบของ สตู รผงชาเขียว สูตรผงชาเขียว สูตรผงชาเขยี ว สูตรผงชาเขยี ว ขนมหมอ้ แกงนมสด (g) (w/v) (w/v) (w/v) (w/v) ไขข่ าว 500 500 500 500 ไข่แดง 200 200 200 200 นำ้ ตาลโตนด 500 500 500 500 แปง้ ข้าวเจา้ 20 20 20 20 แป้งมันสำปะหลัง 20 20 20 20 เผือกนงึ่ บดละเอียด 300 300 300 300 นมสดผสมผงชาเขยี ว ไมม่ ี 125 250 375 นำ้ นมสด 500 375 250 125 ไขท่ ้งั ฟอง 2222 ผลการศึกษาและอภปิ รายผล เขียว 0 (w/v) จะมีค่าความเป็นสีแดง คือ 57.86 ส่วน ขนมหม้อแกงนมสดเสริมชาเขียว 25, 50 และ 75 (w/v) วิเคราะห์ค่าความสว่าง (L*) ของผลิตภัณฑ์ จะมีค่าความเป็นสีเขียว ดังแสดงในตารางที่ 2 เนื่องจาก ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียวทั้ง 4 สิ่งทดลอง ผล ใบชาได้รับความร้อนทำให้ใบชาจะมีสีเขียวเข้มขึ้น (16) การทดลองแสดงดังตารางท่ี 2 พบว่า ค่าความสว่างของ ทำให้ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว 75 (w/v) ที่มี ผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียวทั้ง 4 สิ่ง ปริมาณของผงชาเขียวมากที่สุดเมื่อวัดค่าสีแล้วจะได้ค่า ทดลองมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ของสีเขียวมากเม่ือเทียบกับขนมหม้อแกงนมสดเสริมชา (P≤0.05) โดยขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว เขียว 25 และ 50 (w/v) (รูปที่ 1) ซึ่งค่าที่วัดได้ตาม 0 (w/v) จะมีค่าความสว่างมากที่สุด คือ 73.17 เมื่อ ปริมาณผงชาเขียวที่เติมลงไปผลการทดลองที่ได้ เปรียบเทียบกับขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว สอดคล้องกับ (17) ทำการศึกษาคุณภาพของโยเกิร์ตผง 25 50 และ 75 (w/v) ซึ่งมีค่าความสว่างลดลงเรื่อย ๆ รสชาเขียวโดยพบว่า โยเกิร์ตผงรสชาเขียวเมื่อนำไปคืน เนื่องมาจากชาเขียวเมื่อได้รับความร้อนในช่วง รูปมีค่าความสว่างลดลงในขณะที่ความเป็นสีเหลืองมีค่า เกิดปฏิกิริยาทำให้ผงชาเขียวจะทำให้ขนมหม้อแกงมีสี เพิ่มขึ้น ค่าสีเหลืองของผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนมสด เขียวเข้มข้ึน (13) ซึ่งสีเขียวท่ีเข้มขึ้นจะส่งผลต่อค่าความ เสริมผงชาเขียวทั้ง 4 สิ่งทดลองมีความแตกต่างกันอย่าง สว่างที่ได้ทั้งนี้ยังสอดคล้องกับ (14) ที่ศึกษาการพัฒนา มีนัยสำคัญทางสถิติ โดยขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชา สูตรขนมจีนโดยเพิ่มน้ำชาเขียว ซึ่งเมื่อนำไปวัดค่าสีแล้ว เขียว 50 และ 75 (w/v) จะมีค่าความเป็นสีเหลืองมาก พบว่า เส้นของขนมจีนมีค่าความสว่าง (L*) ลดลง แต่ค่า ที่สุด คือ 26.57 และ 28.37 ตามลำดับ ซึ่งแสดงให้เห็น ความเป็นสีเขียว (-a*) และค่าความเป็นสีเหลือง (+b*) ว่าการเสริมผงชาเขียวจะส่งผลต่อค่าความเป็นสีเหลือง เพิ่มขึ้น เมื่อเพิ่มปริมาณของน้ำชาเขียวในสูตรของ ของผลิตภัณฑ์ในทุกตัวอย่าง เนื่องจากใบชาเขียวเมื่อ ขนมจีน ค่าสีเขียวของผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนมสด นำมาชงน้ำร้อนแล้วจะได้น้ำชาสีเขียวหรือสีเหลืองอม เสริมชาเขียวทั้ง 4 สิ่งทดลองมีความแตกต่างกันอย่างมี เขียว (18) นอกจากสีเหลืองท่ีได้จากผงชาเขียวแล้วยังมี นัยสำคัญทางสถิติ (15) โดยขนมหม้อแกงนมสดเสริมชา ในส่วนของส่วนผสมอื่น คือ น้ำตาลปี๊บโดยน้ำตาลเมื่อ
168 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) ถูกความร้อนจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวลขึ้นโดยอาศัย เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชา การแทนที่ของอากาศ ซึ่งอากาศประกอบด้วยก๊าซ เขียวด้านค่าความแข็ง ค่าความเหนียว แรงที่ใช้ในการ ออกซิเจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนได้น้ำตาลสี เคี้ยว และค่าความยืดหยุ่น จากตารางที่ 3 จะเห็นได้ว่า เหลืองน่ารับประทาน (19) รวมถึงไข่เป็ด และนมสดท่ีใช้ ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว 25 (w/v) มีค่า ในการผลิตขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว ลักษณะ ความแข็งต่ำท่ีสุดคือ 5.63 นิวตัน (ก) (ข) (ค) (ง) รูปที่ 1 แสดงลักษณะผลิตภัณฑข์ นมหมอ้ แกงนมสดเสริมผงชาเขยี ว (w/v) 0 (ก) 25 (ข) 50 (ค) และ 75 (ง) หลงั การอบ ตารางที่ 2 ค่าความสวา่ งและค่าสีของเน้ือผลติ ภัณฑ์ขนมหมอ้ แกงนมสดเสรมิ ผงชาเขยี วทีแ่ ตกตา่ งกัน ขนมหมอ้ แกงนมสดเสรมิ ผง คา่ ทวี่ ิเคราะห์ได้* ชาเขียว (w/v) (L*)1/ (a*)1/ (b*) 1/ 0 73.17+0.91a 57.86+0.61a 12.36+0.27d 25 57.96+1.12b -2.90+0.45b 14.27+0.87c 50 49.57+0.21c -17.17+0.65c 26.57+0.19a 70 34.50+0.65d -24.53+0.54d 28.37+0.54a a,b,c,dมคี วามแตกต่างกันทางสถติ ิ (P≤0.05) ตารางที่ 3 ลกั ษณะเนอ้ื สมั ผสั ของผลติ ภัณฑ์ขนมหมอ้ แกงนมสดเสริมผงชาเขียวทแี่ ตกตา่ งกัน ขนมหมอ้ แกงนมสด ลกั ษณะเนื้อสมั ผัส เสรมิ ผงชาเขียว (w/v) ค่าความแข็ง*/ (นิวตัน) ค่าความเหนยี วns/ แรงทใี่ ช้ในการเคี้ยวns/ ค่าความยืดหยุ่น ns/ (นวิ ตัน) 0 7.01+0.34a 0.37+0.23 1.81+0.54 0.69+0.73 25 5.63+0.71b 0.32+0.44 1.67+0.31 0.54+0.38 50 7.49+0.76a 0.31+0.15 1.18+0.63 0.61+0.51 75 7.47+0.62a 0.30+0.76 1.59+0.71 0.59+0.43 a,b,c,dมีความแตกตา่ งกันทางสถิติ (P≤0.05) nsที่กำกบั เหนือตวั เลขในแนวตัง้ ไมม่ คี วามแตกตา่ งกันทางสถิติ (P>0.05) เนื่องจากในงานวิจัยนี้ศึกษาการผลิตขนมหม้อ ผงชาเขียวมากเกินไปหรือไม่ได้ใส่ก็จะส่งผลต่อค่าความ แกงนมสดมีการเสริมปริมาณของผงชาเขียวในปริมาณท่ี แข็งที่วัดได้ ทั้งนี้ค่าความแข็งที่เกิดขึ้นอาจเกิดขึ้นจากใน แตกต่างกัน ผลของการเติมปริมาณผงชาเขียวท่ีแตกต่าง ขั้นตอนการอบโดยการผลิตขนมหม้อแกงนมสดเสริมผง กันทำให้ได้ลักษณะเนื้อสัมผัสที่ดีขึ้นแต่เมื่อเพิ่มปริมาณ ชาเขียวในปริมาณที่แตกต่างกัน การใช้ความร้อน
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 169 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) อุณหภูมิสูงในการอบสูง คือ 200°C (20) ซึ่งอุณหภูมิสูง ขนมหม้อแกงนมสดเสริมชาเขียวทั้ง 4 สิ่งทดลองไม่มี มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีทำให้ความแข็งที่ได้ ความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทั้งนี้เป็น แตกต่างกัน (19-20) นอกจากนี้ในการผลิตขนมหม้อ เพราะในการทำขนมหม้อแกงมีการใช้นมสดในปริมาณที่ แกงนมสดเสริมผงชาเขียวมีการใช้ไข่เป็ดเป็นวัตถุดิบ เท่ากันทั้ง 4 สิ่งทดลอง ซึ่งในนมสดจะมีปริมาณของ หลักซ่ึงเม่ือไข่แดงและไข่ขาวได้รับความร้อนจะทำให้เกดิ โปรตีนอยู่โดยเม่ือโปรตีนน้ำนมได้รับความร้อนจะทำให้ ความแข็งตัวมากขึ้นโดยไข่ขาวจะเริ่มแข็งตัวที่อุณหภูมิ เปลี่ยนสภาพไปจากธรรมชาติส่งผลต่อปริมาตรของ 62 °C และไข่แดงจะเริ่มแข็งตัวที่อุณหภูมิ 65 °C ส่วน อาหารทำให้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นทำให้ขนมหม้อ ค่าความเหนียว แรงที่ใช้ในการเคี้ยว และความยืดหยุ่น แกงมีลักษณะเน้ือสัมผัสท่ีดีขึ้น (20-21) ตารางที่ 4 สมบัตทิ างเคมีของผลิตภณั ฑข์ นมหมอ้ แกงนมสดเสรมิ ผงชาเขียวที่แตกต่างกัน ขนมหมอ้ แกงนมสดเสริม คา่ ทว่ี เิ คราะห์ได้ (รอ้ ยละ) ผงชาเขียว (w/v) ไขมัน ns/ โปรตีน 1/ เสน้ ใย 1/ เถ้า ns/ คาร์โบไฮเดรต 1/ 0 6.35+0.27 5.82+0.76b 0.91+0.75b 0.79+0.22 29.84+0.25b 32.34+0.74a 25 6.11+0.76 6.28+0.55a 0.97+0.43ab 0.82+0.56 29.85+0.81b 30.59+0.61b 50 6.48+0.18 6.28+0.45a 1.00+0.66ab 0.85+0.16 75 6.05+0.49 6.29+0.87a 1.07+0.71a 0.85+0.72 a,b,c,dมีความแตกตา่ งกนั ทางสถติ ิ (P≤0.05) nsไมม่ ีความแตกตา่ งกันทางสถิติ (P>0.05) จากการวิเคราะห์คุณสมบัติทางเคมีด้านไขมัน ที่สุด คือ ร้อยละ 5.82 เมื่อเปรียบเทียบกับขนมหม้อแกง ของผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียวพบว่า นมสดเสรมิ ผงชาเขียว 25 50 และ 75 (w/v) จะมปี รมิ าณ ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียวทั้ง 4 สิ่งทดลองไม่มี โปรตีนมากขึ้นซึ่งมีปริมาณของโปรตีนที่สูงกว่าขนมหม้อ ความแตกต่างกันอย่างมนี ัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งเป็นเพราะ แกงนมสดเสริมผงชาเขียว 0 (w/v) เนื่องมาจากในชา ใ น ช า เ ข ี ย ว ท ี ่ น ำ ม า ใ ช ้ จ ะ ไ ม ่ ม ี ป ร ิ ม า ณ ข อ ง ไ ข ม ั น เ ป็ น เขียวมีองค์ประกอบของโปรตีนอยู่ร้อยละ 20-30 ของ ส่วนประกอบ (22) ทำใหเ้ มอ่ื ทำการผลิตขนมหม้อแกงนม น้ำหนักแห้ง โดยในชาเขียวจะประกอบเป็นด้วยกรดอะมิ สดเสริมผงชาเขียวจึงไม่มีผลต่อปริมาณไขมันที่ได้ โน คือ ธีอานีน (22) นอกจากนี้ใบชาเขียวจะสูญเสียไป นอกจากปริมาณของผงชาเขียวแล้วในการผลิตขนมหม้อ เกอื บหมดถา้ ใชร้ ะยะเวลาในการชงชาเขยี วนานจนเกินไป แกงมีการใช้นมสดเป็นวัตถุดิบหลักซึ่งทั้ง 4 สิ่งทดลองมี (23) ซ่ึงในการผลติ ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียวใน การใช้ปริมาณของนมสดเท่ากันโดยน้ำนมสดนั้นมี ขั้นตอนการสกัดชาเขียวนมทั้ง 4 สิ่งทดลองไม่ได้ทำใน องค์ประกอบของไขมันอยู่ร้อยละ 3.20 (22-23) ทำให้ ครั้งเดียวกันอาจทำให้เวลาในการชงคลาดเคลื่อนทำให้ เมื่อทำการผลิตขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียวค่า โปรตีนในชาบางส่วนสญู เสียไปส่งผลทำให้โปรตีนในขนม ไขมันที่วิเคราะห์ได้จึงไม่มีความแตกต่างกันอย่างมี หมอ้ แกงนมสดเสรมิ ผงชาเขยี ว 25 50 และ 75 (w/v) ไม่ นัยสำคัญทางสถิติ โปรตนี ของผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนม มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เส้นใย สดเสริมผงชาเขียวพบว่าขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชา อาหารในขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว 75 (w/v) เขียวมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยขนม จะมีเส้นใยมากที่สุด คือ ร้อยละ 1.07 เมื่อเปรียบเทียบ หม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว 0 (w/v) จะมีโปรตีนต่ำ กับขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว 0 25 และ
170 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) 50 (w/v) ที่มีเส้นใยต่ำกว่าดังแสดงในตารางที่ 4 4 สิ่งทดลองมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ิ เน่ืองมาจากในใบชาจะประกอบดว้ ยเซลลูโลส ใยอาหารที่ โดยขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว 25 (w/v) จะมี ละลายน้ำได้ และโปรตีนซึ่งมีของแข็งรวมกันได้ร้อยละ ค่ามากท่ีสดุ คือร้อยละ 32.34 เมื่อเปรียบเทยี บขนมหม้อ 25 โดยปริมาตร (24) ส่งผลทำให้ปริมาณของเส้นใยใน แกงนมสดเสริมผงชาเขียว 0 50 และ 75 (w/v) ที่มี ผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนมสดมีค่าเพิ่มขึ้นเมื่อมีการเสริม คาร์โบไฮเดรตต่ำกว่าโดยคาร์โบไฮเดรตที่ได้ในผลิตภัณฑ์ ผงชาเขียวในปริมาณที่มากขึ้นทั้งนี้ในการผลิตขนมหม้อ ขนมหม้อแกงนมสดเสรมิ ผงชาเขียวนัน้ มาจากในส่วนของ แกงนมสดเสริมผงชาเขียวในข้นั ตอนการสกัดชาเขียวไม่มี ชาเขียวที่นำมาใช้มีคาร์โบไฮเดรตอยู่ร้อยละ 20-25 ของ การใช้ส่วนของกากชาเขียวซึ่งทำให้เส้นใยในผลิตภัณฑ์ นำ้ หนกั แห้ง (25-26) และนอกจากคาร์โบไฮเดรตท่ีได้จาก ขนมหม้อแกงนมสดเสรมิ ผงชาเขียวมีค่าไมส่ ูงมากนัก เถ้า ชาเขียวแล้วในการผลิตขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชา ในผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียวทั้ง 4 สิ่ง เขียวยังมีการใช้เผือกเป็นส่วนประกอบสำคัญซ่ึง ทดลองไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ องค์ประกอบโดยน้ำหนักแห้งของเผือกมีคาร์โบไฮเดรต แสดงให้เห็นว่าชาเขียวที่นำมาใช้การผลิตขนมหม้อแกง ร้อยละ 83.1 - 91.7 (26-27) นมสดเสริมผงชาเขียวมีปริมาณของแร่ธาตุตา่ ง ๆ ต่ำไม่มี ผลต่อการเพิม่ ข้ึนของเถา้ ท่ีไดห้ รือถ้าเพิ่มขึ้นก็เพิม่ ขึ้นเพียง ผลการทดสอบสมบัติทางทางจุลินทรีย์ทั้งหมด เล็กน้อย เพราะปริมาณเถ้าที่วัดได้จะเป็นตัวแทนของ ที่ปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชา ปริมาณแร่ธาตุที่มีอยู่ในอาหาร โดยอาหารที่มีปริมาณแร่ เขียวทั้ง 4 สิ่งทดลอง พบว่า ปริมาณจุลินทรีย์ในอาหาร ธาตสุ งู จะมีปริมาณเถา้ สงู (24) นอกจากนใี้ นการผลิตขนม ในผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนมสดเสรมิ ผงชาเขียวทั้ง 4 ส่ิง หม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียวยังมีส่วนผสมหลักซึ่งก็คือ ทดลองมีปริมาณจุลินทรีย์ทั้งหมดน้อยกว่า 250 CFU/g ไข่เป็ด (ทั้งฟอง) จะมีเถ้าร้อยละ 0.9 ต่อน้ำหนักเปียก ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน คือ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (24-25) โดยในการผลิตขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชา ขนมไทยมาตรฐานเลขที่ มผช. 1/2552 มีจุลินทรีย์ เขียวมีการใชป้ ริมาณของไข่เปด็ เทา่ กนั ทง้ั 4 สง่ิ ทดลองทำ ทั้งหมดที่ปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์ (Total Plate Count: ให้ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียวไม่มคี วามแตกต่าง TPC) ไม่เกิน 1x106 CFU/g (27) แสดงว่าขนมหม้อแกง กัน คาร์โบไฮเดรตขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขยี วทัง้ นมสดเสริมผงชาเขียวทั้ง 4 สิ่งทดลองมีความปลอดภัย สำหรบั ผบู้ ริโภค ตารางที่ 5 ผลการทดสอบทางประสาทสัมผสั ของผลิตภัณฑข์ นมหม้อแกงนมสดเสรมิ ผงชาเขยี วท่ีตา่ งกนั ขนมหมอ้ แกงนมสด ค่าทวี่ ิเคราะห์ได้ เสริมผงชาเขยี ว (w/v) สี ns/ รสชาติ 1/ กลน่ิ 1/ เน้ือสัมผสั 1/ ความชอบโดยรวม 1/ 0 7.30+0.23 6.36+0.21c 6.63+0.54b 6.93+0.33b 6.86+0.66b 25 7.03+0.76 7.16+0.78b 7.53+0.43 a 7.03+0.98a 7.40+0.51a 50 7.16+0.43 7.40+0.32ab 7.56+0.48a 7.56+0.66a 7.43+0.42a 75 7.23+0.26 7.73+0.15a 7.76+0.24a 7.16+0.17b 7.73+0.69a a,b,c,dมคี วามแตกต่างกันทางสถิติ (P≤0.05) nsไมม่ คี วามแตกต่างกันทางสถิติ (P>0.05) ผลการทดสอบความชอบทางประสาทสัมผัส ไม่มคี วามแตกต่างกนั อยา่ งมีนัยสำคัญทางสถติ ิซึง่ แสดงให้ ดา้ นสีขนมหมอ้ แกงนมสดเสรมิ ผงชาเขียวท้งั 4 ส่งิ ทดลอง เห็นว่าการเสริมผงชาเขียวในผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนม
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 171 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) สดไม่มีผลต่อคะแนนความชอบถึงแม้ว่าในผลิตภัณฑ์ขนม ความชอบโดยรวมขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว หมอ้ แกงนมสดเสริมผงชาเขียว 0 (w/v) จะใหส้ ที แ่ี ตกต่าง 0 (w/v) จะมีค่าคะแนนความชอบน้อยที่สุดเมื่อ จากขนมหมอ้ แกงนมสดเสริมผงชาเขยี ว รสชาตขิ นมหม้อ เปรียบเทียบกับขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว 50 แกงนมสดเสริมผงชาเขียว 75 (w/v) จะมีคะแนน และ 75 (w/v) ที่มีค่าคะแนนความชอบโดยรวมมากที่สุด ความชอบมากที่สุด คือ 7.73 ดังแสดงในตารางที่ 5 เมื่อ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเสริมผงชาเขียวในผลิตภัณฑ์ขนม เปรียบเทียบกับขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว หมอ้ แกงนมสดจะชว่ ยปรับปรุงรสชาติ กลนิ่ เนื้อสัมผัส มี 0 (w/v) ซึ่งแสดงว่าในการเสริมผงชาเขียวจะช่วย ผลทำใหข้ นมหม้อแกงนมสดเสรมิ ผงชาเขยี วเปน็ ท่ชี ื่นชอบ ปรับปรุงรสชาติให้เป็นที่ต้องการสำหรับผู้ทดสอบชิม สำหรับผทู้ ดสอบชิม (30) โดยเฉพาะผู้ที่นิยมรับประทานชาเขียวอยู่แล้วซึ่งชาเขียว นับเปน็ เครือ่ งดมื่ ทผี่ ้คู นนิยมกนั อยา่ งแพร่หลาย (28) กลิ่น สรุปผล ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว 25 50 และ 75 (w/v) มีคะแนนความชอบไม่แตกต่างกันอย่างมี ชาเขียวมีคุณประโยชน์มีคุณค่าทางโภชนาการ นยั สำคัญทางสถติ ิ แตข่ นมหมอ้ แกงนมสดเสริมผงชาเขยี ว สูงและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย 0 (w/v) จะมีคะแนนความชอบดา้ นกลิน่ นอ้ ยทสี่ ดุ ซงึ่ เป็น ช่วยยับยัง้ การเจรญิ เตบิ โตของแบคทีเรียมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง เพราะในชาเขียวจะมีกลิ่นชาเขียวเป็นเอกลักษณ์ และใน สามารถนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนมสดโดย ชาเขียวมีคาเทชิน (Catechin) เป็นสารประกอบฟีโนลิก การเตมิ ผงชาเขยี วลงไป จดั ไดว้ ่าเปน็ การพัฒนาผลิตภณั ฑ์ (Phenolic Compound) ประเภทโพลีฟีนอล (Polyphenol) ขนมหม้อแกงแบบใหม่ให้มีความน่าสนใจในการบริโภค ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ซึ่งปริมาณคาเทชินใน มากขึ้น ปริมาณผงชาเขียวที่ต่างกันมีผลทำให้ค่าความ ใบชามีผลต่อ สี กลิ่น และรสชาติของชาเชียว ยิ่งปริมาณ สว่าง คา่ สเี ขยี ว สีเหลือง และคา่ ความแขง็ มคี วามแตกตา่ ง คาเทชินเพิ่มขึ้น ทำให้ชาเขียวมีสีกลิ่นรสมากขึ้น (29) กัน ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว 75 (w/v) ให้ค่า นอกจากน้ีกล่ินทีไ่ ด้จากชาเขียวยังชว่ ยลดกล่ินคาวของไข่ ไขมันต่ำที่สุดร้อยละ 6.05 แต่ให้ค่าโปรตีน เส้นใย และ เป็ดทีเ่ ป็นสว่ นผสมในการผลติ ขนมหมอ้ แกงนมสดเสรมิ ผง เถ้าสูงสุดร้อยละ 6.29 1.07 และ 0.85 ตามลำดับ ส่วน ชาเขียวด้วยส่งผลให้เป็นที่ยอมรับต่อผู้ทดสอบชิม ผลการทดสอบทางประสาทสัมผสั พบวา่ ขนมหม้อแกงนม เนื้อสัมผัสขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียว 25 และ สดทเี่ สรมิ ผงชาเขยี วร้อยละ 75 ผูท้ ดสอบชมิ ใหค้ า่ คะแนน 50 (w/v) จะมีคะแนนด้านเนื้อสัมผัสมากที่สุด ทำให้ การยอมรบั ด้านรสชาติและความชอบโดยรวมเท่ากันและ ทราบว่าการใส่ผงชาเขียวควรเลือกใส่ในปริมาณท่ี สูงสุดเท่ากับ 7.73 ส่วนคะแนนยอมรับด้านกลิ่นสูงสุด เหมาะสม คอื การเสริมผงชาเขียว 25 (w/v) หรือ 50 (w/v) เท่ากบั 7.76 เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกงนมสดเสริมผงชาเขียวเปน็ ที่ยอมรับสำหรับผู้บริโภคปริมาณที่เติมลงไปอยู่ในช่วงท่ี กติ ตกิ รรมประกาศ เหมาะสมเนื่องจากชาเขียวมีรงควัตถุที่สำคัญคือ คลอโรฟิลล์ที่มีสีเขียว ส่วนคาเฟอีนทำให้ชามีรสชาติที่ดี การทำวิจัยเร่ือง การพฒั นาขนมหมอ้ แกงนมสด แ ล ะ เ พ ิ ่ ม ก า ร ท ำ ง า น ข อ ง ส า ร ส ื ่ อ ป ร ะ ส า ท โ ด ป า มี น เสริมชาเขียวสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีผู้วิจัยใคร่ขอขอบคุณ (Dopamine) ซึ่งทำให้สมองมีการตื่นตัว และมีคาเทชินมี นักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารอาหารชน้ั ส่วนช่วยให้ชาเขียวมีสี กลิ่น รสและเนื้อสัมผัสที่ดีทำให้ ปีที่ 4 เจ้าหน้าที่ อาจารย์คณะเทคโนโลยีการเกษตร ผู้บริโภครู้สึกพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์มากขึ้น (29-30) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีที่ให้การ ส น ั บ ส น ุ น ก า ร ท ำ ว ิ จ ั ย ด ้ า น เ ง ิ น ทุ น ท ำ ว ิ จ ั ย แ ล ะ ห ้ อ ง ปฏิบัตกิ ารจนแลว้ เสร็จลุลว่ งดว้ ยดี
172 Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2020 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) เอกสารอ้างองิ 10. AOAC. Official Methods of Analysis. 17th ed. Washington, D.C.: The Association of Official 1. แดงต้อย มาล.ี ขนมหม้อแกง. กรุงเทพฯ: เลิฟแอนด์ Analytical Chemists; 1995. ลิฟเพรส; 2542. 11. ไพโรจน์ วิริยจารี. การทดสอบทางประสาทสัมผัส. 2. วนั ชัย องิ ปัญจลาภ. ขนมไทย. กรุงเทพฯ: สำนกั พิมพ์ เชียงใหม:่ สำนกั พิมพ์มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่; 2547. ไทยวัฒนาพานชิ ; 2547. 12. อนันต์ชัย เขื่อนธรรม. วิเคราะห์ทางสถิติและการ 3. วรรณิศา ศิรวิ งศ์. หนังสอื ขนมไทย เลม่ 1. กรงุ เทพฯ: วิเคราะห์ข้อมูล. กรุงเทพฯ: สำนักพิม พ์ สำนกั พมิ พด์ วงกมล; 2550. มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์; 2549. 4. Morita O, Kirkpatrick JB, Tamaki Y, Chengelis 13. สมพล นิลเวศน์. คุณประโยชน์ของชาเขียว. กสิกร. CP, Beck MJ. Safety assessment of heat- 2543;73(2):163–5. sterilized green tea catechin preparation: A 6 - month repeat-dose study in rats. J Food 14. เกียรติพงษ์ เจริญจิตต์. การพัฒนาสูตรขนมจีนผสม Chem Toxicol. 2009;47:1760–70. น้ำแครอท น้ำชาเขียว และน้ำดอกอัญชัน [ปริญญา นิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. มหาสารคาม: 5. Zaveri NT. Green tea and its polyphenolic มหาวิทยาลัยมหาสารคาม; 2552. catechins: Medicinal uses in cancer and non cancer applications. Life Sci. 2006;78:2073-80. 15. สุนนั ปานสาคร, จตรุ งค์ ลงั กาพินธ,ุ์ รตั นา ม่วงรัตน์. ผลของการแชเ่ ยอื กแข็งต่อความคงตวั ของกาบาและ 6. ทวีพร เนียมมาลัย, จุฑามาศ ชาญชัย, อรุณี แก้ว แอนโทไซยานนิ ในข้าวกล้องงอกหงุ สุกพนั ธ์ุไรซ์เบอรี่. บริสุทธ์ิ, ฐีรวัฒน์ รื่นเริง. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนม วารสารวิจัย มทร.ธญั บุร.ี 2562;18(1):1-13. หม้อแกงนมสดเมืองเพชรบุรี [ปริญญานิพนธ์วิทยา ศาสตรบัณฑิต]. เพชรบุรี: สถาบันราชภัฏเพชรบุรี; 16. ประภัสสร สุรวัฒนาวรรณ. ชาเขียว [อินเตอร์เน็ต]. 2546. 2556 [สืบค้นเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2556]. จาก: www.gpo.or.th/rdi/htmls/greentea.html 7. วรารัตน์ สานนท์, ทศั นยี ์ ลม้ิ สุวรรณ, ลล่ี ี องิ ศรีสว่าง. การพัฒนาขนมหม้อแกงไข่ลดพลังงานและปรบั ปรงุ 17. ลินจง สุขลำภู, ไกรวุฒิ นุชประมูล, นรากร ศรีสุข. สัดส่วนกรดไขมันด้วยซูคราโลสและกะทิธัญพืช. ใน: การศึกษาคุณภาพของโยเกิร์ตผงรสชาเขียวใน เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ ระหว่างการเก็บรักษา. ใน: เอกสารประกอบการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาอุตสาหกรรม ประชมุ ทางวชิ าการมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ สาขา เกษตร ครั้งที่ 47; 20 มี.ค. 2552; อุตสาหกรรมเกษตร ครั้งที่ 44; 30 ม.ค.- 2 ก.พ. มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. น. 16-24. 2552; มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร.์ น. 176-83. 8. ศรสี มร คงพนั ธ์ุ, มณี สวุ รรณผอ่ ง. ขนมไทย 2. พมิ พ์ 18. ธีรพงษ์ เทพกรณ์. รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ ครง้ั ท่ี 2. กรงุ เทพฯ: สำนกั พิมพแ์ สงแดด; 2549. การศกึ ษาการเปลี่ยนแปลงชนดิ และปริมาณสารต้าน อนุมูลอิสระ (โพลิฟีนอล) ในระหว่างกระบวนการ 9. AOAC. Official method of analysis. 1 8 th ed. ผลิตชาเขียวและชาอู่หลงของจังหวัดเชียงราย Verginia: The Association of official Analytical [อินเตอร์เน็ต]. 2556 [สืบค้นเมื่อวันที่ 24 ม.ค. Chemists; 2005.
Research Journal Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Vol 19, Issue 2, 2019 173 ISSN: 1686-8420 (Print), 2651-2289 (Online) 2556]. จาก: http://archives.mfu.ac.th/database/ 27. กระทรวงอุตสาหกรรม. มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน items/show/1775 ขนมไทย. มาตรฐานเลขท่ี มผช. 1/2552. กรุงเทพฯ: สำนกั งานมาตรฐานผลติ ภัณฑอ์ ุตสาหกรรม; 2552. 19. สุคนธา สุคนธ์ธารา. การพัฒนาขนมหม้อแกงเสริม ข้าวไรซ์เบอรี่เพาะงอกสูตรลดน้ำตาล. วารสาร 28. Lee J, Chambers DHA. Lexicon for flavor วิทยาศาสตร์ มศว. 2559;32(2):195-209. descriptive analysis of green tea. J Sensory Studies. 2007;22:256-72. 20. อภิญญา มานะโรจน์, เจตนิพัทธ์ บุณยสวัสดิ์, จักราวุธ ภู่เสม. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมหม้อแกง 29. Nicolas L, Marquily C, Mahony MO. The 9 - จากข้าวโพดหวาน [อนิ เตอรเ์ น็ต]. 2558 [สบื ค้นเมื่อ point hedonic scale: Are words and numbers วนั ท่ี 17 ธ.ค. 2558]. จาก: http://newtdc.thailis.or.th/ compatibles. Food Qual Prefer. docview.aspx?tdcid=40824 2010;21:1008-15. 21. รัชนี ตัณฑะพานิชกุล. เคมีอาหาร. กรุงเทพฯ: โรง 30. กมลวรรณ แจ้งชัด, วิชัย หฤทัยธนาสันต์ิ, เกศรินทร์ พิมพช์ วนพิมพ;์ 2535. มงคลวรวรรณ, นภสร จุ้ยเจริญ. การพัฒนาขนม หม้อแกงถั่วกึ่งสำเร็จรูป. ใน: เอกสารประกอบการ 22. โรงงานใบชาสยาม. วิธีการชงชานมที่ง่าย สะดวก ประชุมทางวิชาการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และอรอ่ ย [อนิ เตอรเ์ นต็ ]. 2556 [สืบค้นเม่ือวนั ท่ี 24 สาขาอุตสาหกรรมเกษตร ครั้งที่ 41; 3-7 ก.พ. ม.ค. 2556]. จาก: www.cha thai.com 2546; มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ น. 175-84. 23. Togari N, Kobayashi A, Aishima T. Relating sensory properties of tea aroma to gas chromatographic data by chemometric calibration methods. Food Res Int. 1995;28(5):485-93. 24. สายพิณ โชติวิเชียร, วรชาติ ธนนิเวศน์กุล. ชาเขียว … ไม่ว่าอะไรก็ต้องชาเขียวไว้ก่อน. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข , กรมอนามัย , สำนัก โภชนาการ; 2549. 25. จิรายุทธ จูมพลหล้า. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมหมอ้ แกงแก่นตะวันผงเพื่อสุขภาพ [ปริญญานิพนธ์วิทยา ศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร; 2539. 26. นิธิยา รัตนาปนนท์. เคมีอาหาร. กรุงเทพฯ: สำนกั พมิ พ์โอเดยี นสโตร์; 2549.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181