การคานวณวัตถุดิบใชไ้ ปในการผลติ -วธิ ีบญั ชีสินคา้ คงเหลือแบบสิ้นงวด การคานวณวตั ถดุ ิบใช้ไปในการผลิต คานวณได้ดังนี้
การบนั ทกึ รายการเกย่ี วกับวตั ถดุ ิบวธิ บี ญั ชสี ินค้าคงเหลอื แบบตอ่ เน่อื ง วิธีนก้ี จิ การจะบนั ทกึ รายการเก่ยี วกับวัตถุดิบ ในบัญชีวัตถุดิบ เช่น ซื้อวัตถุดิบ ค่าขนส่งเข้า สง่ คนื วัตถดุ บิ ส่วนลดรบั การเบกิ วตั ถุดบิ ไปใช้ในการผลติ หรือการรับคนื วตั ถุดิบท่เี หลอื จากการผลิต ดังนนั้ บัญชีวตั ถุดบิ จะแสดงรายการเคล่ือนไหวของวัตถุดิบตลอดเวลา ข้อดีของวิธีนี้คือทาให้กิจการ ทราบยอดคงเหลือของวัตถุดิบ ณ วันใดวันหน่ึง ข้อเสียคือ เสียเวลาในการบันทึกบัญชี การบันทึก รายการแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ กรณีกิจการไม่จดทะเบียนเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพ่ิม และกรณี กจิ การจดทะเบียนเขา้ สรู่ ะบบภาษมี ลู ค่าเพมิ่
การบนั ทึกรายการเก่ยี วกบั วัตถดุ บิ วิธบี ญั ชสี ินคา้ คงเหลอื แบบต่อเน่อื ง
บตั รวตั ถุดบิ บัตรวัตถุดิบ (Stock Card) เป็นบัตรท่ีใช้บันทึกรายละเอียดเก่ียวกับวัตถุดิบ คือการรับ และจ่ายวัตถุดิบ โดยแสดงรายละเอียดการเปล่ียนแปลงอย่างต่อเน่ืองตลอดเวลาท้ังใน ส่วนของปริมาณการรับเข้า ปริมาณการเบิกใช้เข้างานแต่ละงาน และปริมาณของ วัตถุดิบท่ีคงเหลืออยู่ในแต่ละช่วงเวลาบัตรวัตถุดิบ 1 บัตร ใช้กับวัตถุดิบ 1 ชนิด ตัวอย่างรปู แบบบัตรวัตถุดิบ
ในการบันทึกบัญชีเกี่ยวกบั วตั ถุดิบของกจิ การผลติ ไม่ว่ากจิ การจะซื้อวัตถดุ บิ ชนดิ ใด ปกติจะบันทึกรวมอยใู่ นบัญชเี ดยี วกัน ดังนัน้ บตั รวตั ถดุ บิ จงึ เปรยี บเสมือนบัญชีแยกประเภท ยอ่ ยของบญั ชซี ้อื วตั ถดุ บิ หรือบัญชีวัตถดุ ิบ ดังตัวอย่าง
1. บนั ทกึ รายการในสมดุ รายวันท่วั ไป
2. ผา่ นรายการจากสมุดรายวนั ทั่วไปไปบญั ชแี ยกประเภทท่วั ไป (เฉพาะบญั ชีวตั ถดุ บิ )
คา่ แรง เงินประกันสงั คม ภาษหี กั ณ ทีจ่ ่าย และการบนั ทกึ รายการ
สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและประเภทของคา่ แรง 2. การคานวณค่าแรงงานตามกฎหมายแรงงาน 3. เงนิ ประกันสังคม 4. ภาษเี งนิ ไดห้ กั ณ ทจ่ี ่าย 5. รายการหกั อน่ื ๆ 6. ทะเบยี นคา่ แรง 7. การบันทึกรายการเกี่ยวกบั ค่าแรง
ความหมายและ คา่ แรง (Labor) หมายถงึ ค่าจา้ งและเงนิ เดือน ประเภทของค่าแรง ที่จ่ายให้แก่พนักงานหรือลูกจ้างของกิจการโดยทั่วไป ค่าจ้างนั้น กิจการจะจ่ายเป็นรายช่ัวโมง รายวัน ราย สัปดาห์หรือรายชิ้นงานที่ทาเสร็จส่วนเงินเดือนจะจ่าย เป็นรายเดือน กิจการบางแห่งจะจ่ายเงินเดือน เดือน ละ 2 ครงั้ สาหรบั กจิ การผลิตจะแบ่งค่าแรงออกเป็น 2 ประเภท คือ ค่าแรงทางตรงและคา่ แรงทางออ้ ม
ความหมายและ ค่าแรงทางตรง (Direct Labor) หมายถึง ประเภทของค่าแรง ค่าแรงงานของคนงานท่ีทาหน้าที่แปรสภาพวัตถุดิบให้เป็น สนิ คา้ สาเร็จรูป เชน่ ค่าแรงที่จ่ายให้กับช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ในการ กจิ การผลิตเสอื้ ผ้าสาเรจ็ รปู ค่าแรงที่จ่ายให้กับช่างไม้ในการกิจการผลิต เฟอร์นเิ จอร์ไม้ ค่าแรงท่ีจ่ายให้กับช่างปั้นในการกิจการผลิต เคร่ืองป้นั ดนิ เผา ค่าแรงทางอ้อม (Indirect Labor) หมายถึง ค่าแรงงานของคนงานที่มิได้ทาหน้าท่ีทาการผลิตสินค้า โดยตรง เช่น ค่าแรงพนักงานรักษาความสะอาด เงินเดือน ผู้จัดการโรงงานเงินเดอื นหัวหนา้ คนงาน เป็นต้น
การคานวณค่าแรงงานตามกฎหมายแรงงาน กาหนดเวลาทางานปกติ ตามพระราชบญั ญตั ิคมุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 23 กาหนดเวลาทางานปกติของลูกจา้ งวันหนึง่ ต้องไม่เกนิ แปดชัว่ โมง และเมื่อรวมเวลาทางานทง้ั สน้ิ แล้วสัปดาหห์ น่ึงตอ้ งไม่เกินสีส่ ิบแปดชั่วโมงเว้นแตง่ านที่อาจเปน็ อนั ตรายต่อสุขภาพ และความปลอดภัยของลูกจ้างทก่ี าหนดในกฎกระทรวงจะมเี วลาทางานปกติวันหนง่ึ ตอ้ งไม่เกินเจ็ดช่วั โมง แตเ่ มือ่ รวมเวลา ทางานท้ังสน้ิ แลว้ สัปดาห์หนึง่ ไมเ่ กินสี่สิบสองชั่วโมง
การจา่ ยค่าลว่ งเวลาในวันทางานปกติ มาตรา 61 กาหนดไว้ว่า ในกรณีท่ีนายจ้างให้ลูกจ้างทางานล่วงเวลาในวันทางาน ให้นายจ้างจ่ายค่า ล่วงเวลาให้แกล่ ูกจ้าง อัตราไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าคร่ึงของอัตราค่าจ้างต่อช่ัวโมงในวันทางานตามจานวนชั่วโมงที่ ทา หรอื ไม่น้อยกว่าหนึ่งเทา่ ครง่ึ ของอัตราค่าจ้างต่อหน่วยในวันทางานตามจานวนผลงานที่ทาได้สาหรับลูกจ้าง ซึ่งไดร้ ับค่าจา้ งตามผลงานโดยคานวณเป็นหนว่ ย
การจ่ายค่าแรงในวันหยดุ ในกรณีทนี่ ายจ้างให้ลูกจ้างทางานในวนั หยดุ แยกพจิ ารณาเป็น 2 กรณี ตามมาตรา 62 ดงั นี้ มาตรา 62 ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทางานในวันหยุดตาม มาตรา 28 มาตรา 29 หรือมาตรา 30ให้นายจ้างจ่ายค่า ทางานในวนั หยุดให้แก่ลกู จา้ งในอตั ราดังต่อไปนี้ 1. สาหรับลูกจ้างซ่ึงมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุด ให้จ่ายเพ่ิมข้ึนจากค่าจ้างอีกไม่น้อยกว่าหน่ึงเท่าของอัตราค่าจ้างต่อ ช่ัวโมงในวนั ทางานตามจานวนชั่วโมงท่ที า หรือไม่นอ้ ยกวา่ หน่ึงเท่าของอัตราคา่ จ้างต่อหน่วยในวันทางานตามจานวน ผลงานท่ีทาได้สาหรับลกู จา้ งซ่ึงไดร้ บั คา่ จ้างตามผลงาน โดยคานวณเปน็ หน่วย 2. สาหรับลูกจ้างซึ่งไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุด ให้จ่ายไม่น้อยกว่าสองเท่าของอัตราค่าจ้างต่อช่ัวโมงในวันทางานตาม จานวนช่วั โมงท่ที า หรอื ไมน่ ้อยกว่าสองเท่าของอัตราค่าจ้างต่อหน่วยในวันทางานตามจานวนผลงานท่ีทาได้สาหรับลูกจ้าง ซง่ึ ไดร้ ับคา่ จา้ งตามผลงานโดยคานวณเป็นหน่วย
การจ่ายค่าแรงในวันหยุด กรณที ่ี 1 หมายความว่านายจ้างจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างเป็นรายเดือนหรือเป็นเงินเดือน ดังน้ันใน วันหยุดลูกจ้างจะได้รับค่าจ้างแล้ว จึงให้จ่ายอีกไม่น้อยกว่าหน่ึงเท่าของอัตราค่าจ้างต่อช่ัวโมง ในวัน ทางานตามจานวนชว่ั โมงทที่ า หรือไมน่ อ้ ยกวา่ หน่ึงเทา่ ของอัตราค่าจ้างต่อหน่วยในวันทางานตามจานวน ผลงานทท่ี าได้สาหรับลูกจา้ งซึง่ ไดร้ บั ค่าจา้ งตามผลงานโดยคานวณเป็นหนว่ ย การจา่ ยคา่ แรงในวนั หยุด กรณีท่ี 2 หมายความว่านายจ้างจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างเป็นรายวัน หรือต่อหน่วยในวันทางาน ตามจานวนผลงานที่ทาได้ ดังน้ัน ในวันหยุดหรือวันท่ีมิได้ทางานลูกจ้างจะไม่ได้รับค่าจ้าง จึงให้จ่ายไม่ น้อยกว่าสองเท่าของอัตราค่าจ้างต่อช่ัวโมงในวันทางานตามจานวนชั่วโมงท่ีทา หรือไม่น้อยกว่าสองเท่า ของอัตราค่าจา้ งต่อหนว่ ยในวนั ทางานตามจานวนผลงานทที่ าได้สาหรบั ลกู จ้างซึง่ ได้รับค่าจ้าง ตามผลงานโดยคานวณเปน็ หน่วย
การจ่ายคา่ ล่วงเวลาในวันหยุด การจา่ ยคา่ ลว่ งเวลาในวนั หยุดตามมาตรา 63 กาหนดไวด้ ังนี้ มาตรา 63 ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทางานล่วงเวลาในวันหยุด ให้นายจ้างจ่ายค่าล่วงเวลาใน วันหยุดให้แก่ลูกจ้างในอัตราไม่น้อยกว่าสามเท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทางาน ตามจานวน ชั่วโมงท่ีทา หรือไม่น้อยกว่าสามเท่าของอัตราค่าจ้างต่อหน่วยในวันทางานตามจานวนผลงานที่ทาได้ สาหรับลกู จา้ งซง่ึ ไดร้ ับค่าจ้างตามผลงานโดยคานวณเปน็ หนว่ ย อตั ราคา่ แรงข้นั ต่า ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เร่ือง อัตราค่าจ้างขั้นต่า (ฉบับที่ 9) ลงวันท่ี 19 มีนาคม 2561 กาหนดอัตราค่าแรงข้ันต่าท่ัวประเทศ โดยมีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันท่ี 1 เมษายน 2561 เป็นต้นไป โดยมี รายละเอียดดังนี้
การจดบนั ทกึ คา่ แรง การจดบันทึกและเก็บรวบรวมเวลาในการทางาน สาหรับกิจการขนาดใหญ่จะมีแผนกต่างๆ รับผิดชอบ ได้แก่ แผนก บุคลากรหรือฝ่ายบุคคล แผนกน้ีจะทาหน้าที่ตั้งแต่การจัดหาและจัดจ้างแรงงาน การฝึกอบรม การจัดสวัสดิการต่างๆ รวมทั้งการ รวบรวมเวลาในการทางานของคนงาน เอกสารทเ่ี ก่ียวข้องกบั การจดบนั ทึกและเกบ็ รวบรวมเวลาในการทางาน ไดแ้ ก่ บตั รลงเวลาทางาน (Clock Card) บัตรน้ีใช้บันทึกเวลาทางานในแต่ละวันตั้งแต่เริ่มปฏิบัติงานและส้ินสุดการปฏิบัติงาน ในแต่ละวัน เพื่อคานวณช่ัวโมงการทางาน การบันทึกเวลาอาจใช้บันทึกด้วยการลงลายมือชื่อ การใช้นาฬิกาตอกบัตร การสแกน ลายน้ิวมือหรือบัตรประจาตัวด้วยเครื่องสแกนซ่ึงนิยมใช้ในกิจการทั่วไป เพื่อป้องกันการบันทึกเวลาแทนกันเม่ือเร่ิมปฏิบัติงานใน หนว่ ยงาน แผนกหรอื ในงานก็ตาม พนักงานหรอื คนงานทาการบันทึกเวลาเร่มิ ทางาน เม่อื ปฏิบัตหิ น้าท่ใี นแผนกหรอื ในงานนัน้ ๆ เสร็จ จะบันทึกเวลาสิ้นสุดการทางาน เพื่อบันทึกเวลาการเข้าทางาน เม่ือทาเสร็จก็ทาการบันทึกเวลาเลิกงาน ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อการ จาแนกค่าแรงของแผนกต่างๆ คานวณค่าแรงและจา่ ยค่าแรง
บัตรบันทึกเวลาประจางาน (Job Time Ticket) บัตรบันทึกเวลาประจา งานส่วนใหญ่จะใช้กับคนงานท่ีได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน รายชั่วโมง รายสัปดาห์ หรือราย ชิ้นงาน บัตรน้ีใช้บันทึกเวลาทางานท้ังหมดของคนงาน ผู้เกี่ยวข้องสามารถนาข้อมูลจาก บัตรนี้ไปจาแนกค่าแรง ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงทางตรงค่าแรงทางอ้อมรวมท้ังการทางาน ล่วงเวลา เพ่อื จะได้คานวณคา่ แรงใหก้ บั คนงานได้ถูกต้องตามอตั ราค่าแรงงาน
การคานวณค่าแรง ค่าแรงในกิจการอุตสาหกรรมนิยมคิดเป็นรายวัน รายชั่วโมงและเป็นรายช้ิน ในการคานวณค่าแรงถ้ามี การทางานลว่ งเวลา หรอื ในวันหยุดจะต้องคานวณค่าลว่ งเวลา ค่าทางานในวันหยุดและค่าล่วงเวลาในวันหยุดตาม พระราชบัญญัติคมุ้ ครองแรงงานพ.ศ. 2541 มาตรา 68 ซึง่ กาหนดไวว้ ่ามาตรา 68 เพอ่ื ประโยชน์แก่การคานวณค่า ล่วงเวลา คา่ ทางานในวันหยดุ และคา่ ล่วงเวลาในวันหยุด ในกรณีท่ี ลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน อัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทางาน หมายถึง ค่าจ้างราย เดือนหารด้วยผลคูณของสามสิบ และจานวนช่ัวโมงทางานในวันทางานต่อวันโดยเฉล่ียจากมาตราดังกล่าว หมายความว่าถ้าลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน การคานวณอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง ให้นาค่าจ้างรายเดือนหาร ดว้ ยผลคูณของสามสิบ และจานวนช่ัวโมงทางานในวนั ทางานตอ่ วนั โดยเฉล่ยี
ดังนั้น หากลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน การคานวณ อัตราค่าจ้างต่อช่ัวโมง ให้นาค่าจ้างรายวันคูณ จานวนช่ัวโมง ทางาน การคานวณสาหรับกิจการที่มีขนาดใหญ่นั้นเป็นหน้าท่ีของ แผนกคิดค่าแรง ส่วนกิจการที่มีขนาดเล็กนั้นจะมอบหมายให้ เจา้ หนา้ ทคี่ นใดคนหน่ึงรับผิดชอบการคานวณค่าแรง โดยท่ัวไปจะ ประกอบดว้ ยสว่ นสาคญั 2 ส่วน คือ การคานวณค่าแรงขั้นต้นและ การคานวณค่าแรงสุทธิ
การคานวณประกอบ (ยกตวั อยา่ งคนท่ี 1) ชอ่ ง คา่ แรงปกติ มาจาก จานวนวนั ทางานปกติ X อตั ราค่าแรงตอ่ วัน = 10 X 320 = 3,200 บาท ช่อง คา่ ลว่ งเวลาวันปกติ มาจาก จานวน ชม.ล่วงเวลาวันปกติ X อัตราค่าล่วงเวลาปกติต่อชั่วโมง = 9 X60 = 540 บาท ช่อง คา่ แรงวันหยุด มาจาก จานวนวนั ทางานวนั หยดุ X อตั ราคา่ แรงวันหยุด = 2 X 640 = 1,280 บาท ชอ่ ง คา่ ลว่ งเวลาวนั หยดุ มาจาก จานวน ชม.ล่วงเวลาวันหยุด X อัตราค่าล่วงเวลาวันหยุดต่อชั่วโมง = 3 X 120 = 360 บาท ชอ่ ง รวมคา่ แรงขั้นตน้ มาจาก ชอ่ งคา่ แรงปกติ+ค่าล่วงเวลาวันปกติ+ค่าแรงวันหยดุ +คา่ ล่วงเวลาวันหยดุ = 3,200 + 540 + 1,280 + 360 = 5,380 บาท
เงินประกันสังคม ความหมายของการประกนั สังคมและกฎหมายที่เกี่ยวขอ้ ง การประกันสังคม คือ การสร้างหลักประกันในการดารงชีวิตในกลุ่มของสมาชิกท่ีมีรายได้และจ่ายเงิน สมทบเข้ากองทุนประกันสังคม (Social security funds) เพ่ือรับผิดชอบในการเฉล่ียความเส่ียงท่ีอาจเกิดขึ้นจาก การเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพและว่างงาน เพ่ือให้ได้รับการรักษาพยาบาล และมีรายได้อย่างต่อเนื่อง ผู้ประกันตน คือ ลูกจ้างที่มีอายุไม่ต่ากว่า 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ในวันเข้าทางานและ ทางานอยใู่ นสถานประกอบการทมี่ ีลูกจา้ งตั้งแต่ 1 คนข้ึนไป งานประกันสงั คมดาเนินการตามพระราชบญั ญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2537 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2542 และพระราชกฤษฎีกากาหนดระยะเวลาเริ่มดาเนินการจัดเก็บเงิน สมทบเพ่ือการให้ประโยชน์ทดแทนในกรณวี า่ งงาน พ.ศ. 2546
ความหมายของเงนิ สมทบ เงินสมทบ คือ เงินท่ีนายจา้ ง ลกู จา้ งจะตอ้ งนาสง่ เขา้ กองทุนประกันสังคมทุกเดือน โดยคานวณจาก ค่าจา้ งทีล่ กู จา้ งได้รบั ซง่ึ กาหนดจากฐานคา่ จา้ งเปน็ รายเดือนต่าสุดเดือนละ 1,650 บาท สูงสุดเดือน ละ15,000 บาท สาหรับเศษของเงินสมทบท่ีมีจานวนต้ังแต่ห้าสิบสตางค์ขึ้นไปให้ปัดเป็นหนึ่งบาท ถา้ นอ้ ยกวา่ ให้ปัดทง้ิ ท้ังนร้ี ัฐบาลจะออกเงินสมทบเขา้ กองทนุ อกี สว่ นหนึ่ง
การยน่ื แบบและแบบฟอรม์ ทใ่ี ช้ นายจ้างท่ีมีลูกจ้างต้ังแต่ 1 คนขึ้นไป ต้องข้ึนทะเบียนนายจ้างพร้อมกับขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็น ผู้ประกันตน ภายใน 30 วัน และเม่ือมีการรับลูกจ้างใหม่เพิ่มขึ้นต้องแจ้งข้ึนทะเบียนลูกจ้างใหม่ภายใน30 วัน เช่นกนั แบบฟอรม์ ทีใ่ ช้คอื 1. แบบข้ึนทะเบยี นนายจา้ ง (สปส. 1-01) 2. แบบขน้ึ ทะเบยี นผู้ประกนั ตน (สปส. 1-03)
อัตราเงนิ สมทบเขา้ กองทุนประกันสังคม นายจ้างจะต้องหักเงินสมทบในส่วนของลูกจ้างทุกคร้ังที่มีการจ่ายค่าจ้าง และนาส่งเงินสมทบส่วนของนายจ้างใน จานวนเท่ากับที่ลูกจ้างทั้งหมดถูกหักรวมกัน พร้อมจัดทาเอกสารตามแบบ สปส. 1-10ส่วนท่ี 1 และ สปส. 1-10 ส่วนท่ี 2 หรือ จดั ทาขอ้ มลู ลงแผ่นดิสเก็ต หรือส่งทางอินเทอรเ์ น็ต โดย : 1. นาส่งสานักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพ้ืนที่/จังหวัด ด้วยตนเอง หรือทางไปรษณีย์เป็นเงินสดหรือเช็ค ภายในวันท่ี 15 ของเดอื นถัดไป หรือ 2. ชาระเงนิ ผา่ นธนาคารกรุงไทย จากดั (มหาชน) หรอื ธนาคารกรุงศรีอยธุ ยา จากดั (มหาชน)ธนาคารธนชาต สาขาใน จงั หวัดท่ีสถานประกอบการต้งั อยู่
แบบรายการแสดงการสง่ เงนิ สมบท แบบรายการแสดงการสง่ เงินสมบท
อัตราเงินสมทบเขา้ กองทุน สิทธิประโยชนข์ องผู้ประกันตน ประกันสังคม กองทุนประกันสังคมให้หลักประกันและ นายจ้าง ที่อยู่ในข่ายบังคับตามพระราชบัญญัติ ความคมุ้ ครองแกผ่ ู้ประกนั ตน 7 กรณี ดังนี้ (และผู้ประกันตนมาตรา 33) ต้ังแต่งวดค่าจ้าง เดือนมกราคม 2557 เป็นต้นไป ให้นาส่งใน - กรณเี จบ็ ปว่ ยหรอื ประสบอันตราย อตั ราฝ่ายละ ร้อยละ 5 ของคา่ จา้ ง - กรณคี ลอดบุตร - กรณที ุพพลภาพ - กรณเี สยี ชวี ิต - กรณสี งเคราะหบ์ ตุ ร - กรณีชราภาพ - กรณีว่างงาน (ถูกเลิกจ้าง/ลาออกหรือ สิ้นสุดสญั ญาจ้าง)
ปัจจุบันสานักงานประกันสังคมได้เปิดให้บริการอิเล็กทรอนิกส์เพ่ืออานวยความสะดวกสาหรับ สถานประกอบการและบคุ คลทัว่ ไป
พนักงานประจาสานักงาน คนงานประจาโรงงาน คนท่ี 1 อัตราเงนิ เดอื น ๆ ละ 16,000 บาท คนท่ี 3 อัตราเงนิ เดอื น ๆ ละ 20,000 บาท คนที่ 2 อตั ราเงินเดือน ๆ ละ 9,000 บาท คนที่ 4 อัตราค่าจา้ งวันละ 350 บาท ทางาน 20 วัน คนท่ี 5 อัตราค่าจา้ งวันละ 350 บาท ทางาน 20 วนั คนที่ 6 อตั ราคา่ จา้ งวนั ละ 350 บาท ทางาน 19 วัน คนท่ี 7 อตั ราค่าจ้างวนั ละ 300 บาท ทางาน 20 วัน คนท่ี 8 อตั ราค่าจา้ งวนั ละ 300 บาท ทางาน 18 วัน คนท่ี 9 อัตราคา่ จา้ งวันละ 300 บาท ทางาน 20 วนั คนที่ 10 อตั ราค่าจา้ งวันละ 300 บาท ทางาน 5 วัน
ใหท้ า 1. คานวณเงินประกันสงั คมทน่ี ายจ้างต้องหกั จากพนกั งานและคนงาน 2. คานวณเงนิ ประกันสังคมที่นายจา้ งต้องจา่ ยสมทบ 1. คานวณเงินประกันสงั คมทีน่ ายจา้ งต้องหักจากพนกั งานและคนงาน
*การคานวณเงินสมทบหากได้รับค่าจ้างต่ากว่า 1,650 บาท ให้คานวณจาก 1,650 บาท แต่ถ้า ได้รับค่าจ้างเกิน 15,000 บาท ให้คานวณจาก 15,000 บาทโดยคูณกับอัตราเงินสมทบท่ีต้องนาส่ง สาหรับ เศษของเงินสมทบท่มี จี านวนต้งั แตห่ า้ สบิ สตางค์ขน้ึ ไปให้ปดั เปน็ หน่ึงบาท ถา้ น้อยกว่าใหป้ ดั ทิ้ง
การคานวณประกอบ คนที่ 6 จานวนเงินที่ได้รับท้งั สิ้น 6,650 บาท เงนิ ประกันสงั คม = 6,650 X 5% = 332.50 บาท ปัดขึ้น = 333 บาท คนท่ี 10 จานวนเงินทไ่ี ด้รบั ทั้งสิ้น 1,500 บาท เงินประกันสงั คม = 1,650 X 5% = 82.50 บาท ปดั ขึน้ = 83 บาท 2. คานวณเงนิ ประกันสงั คมที่นายจ้างตอ้ งจา่ ยสมทบ เงนิ ประกนั สังคมท่ีนายจ้างต้องจ่ายสมทบ = 3,936 บาท
ภาษเี งินไดห้ ัก ณ ท่ีจา่ ย ผู้มีหนา้ ทห่ี ักภาษีเงนิ ได้ ณ ทจี่ ่าย ได้แก่ 1. บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือคณะบุคคล ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตาม มาตรา 40 (1) (2)แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งได้แก่ เงินได้ตามประเภทต่อไปนี้ รวม ตลอดถงึ เงนิ คา่ ภาษอี ากรของเงนิ ได้ดงั กลา่ วที่ผจู้ า่ ยเงนิ หรอื ผ้อู ่ืนออกแทนให้ ไม่ว่า ทอดใด
1.1 เงนิ ไดพ้ งึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 (1) ไดแ้ ก่ เงินไดเ้ นอ่ื งจากการจา้ งแรงงานไม่ว่าจะเป็น เงนิ เดอื น คา่ จ้าง เบย้ี เล้ียง โบนัส เบีย้ หวัด บาเหน็จ บานาญ เงนิ คา่ เช่าบ้าน เงินที่คานวณไดจ้ ากมลู คา่ ของการไดอ้ ย่บู า้ นท่ีนายจ้างให้อยโู่ ดยไมเ่ สียค่าเชา่ เงนิ ทนี่ ายจา้ งชาระหน้ีใดๆ ซ่งึ ลกู จา้ งมหี นา้ ทต่ี ้อง ชาระและเงิน ทรพั ยส์ ินหรอื ประโยชนใ์ ดๆ บรรดาทไ่ี ด้เนื่องจากการจ้างแรงงาน 1.2 เงินได้พงึ ประเมนิ ตามมาตรา 40 (2) ได้แก่เงนิ ไดเ้ นอ่ื งจากหน้าที่ หรอื ตา่ แหน่งงานที่ทา หรือจากการรบั ทางานให้ ไมว่ ่าจะเปน็ คา่ ธรรมเนยี ม คา่ นายหน้า ค่าส่วนลด เงนิ อดุ หนุนในงานทีท่ าเบี้ย ประชมุ บาเหน็จ โบนัส เงินค่าเชา่ บ้าน เงนิ ที่คานวณได้จากมูลคา่ ของการได้อยบู่ า้ นที่ผ้จู ่ายเงนิ ได้ใหอ้ ยู่ โดยไม่เสยี คา่ เช่า เงนิ ทผ่ี จู้ า่ ยเงนิ ได้จ่ายชาระหน้ีใดๆ ซึ่งผมู้ ีเงินไดม้ ีหนา้ ทตี่ อ้ งชาระ และเงินทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนใ์ ดๆ บรรดาท่ีได้เนอ่ื งจากหนา้ ทหี่ รอื ตาแหนง่ งานทท่ี าหรือจากการรับทางานให้นนั้ ไม่ว่าหน้าท่ี หรือตาแหน่งงานหรืองานทรี่ บั ทาให้น้นั จะเป็นการประจาหรือช่ัวคราว
วธิ คี านวณภาษีเงนิ ไดห้ ัก ณ ท่ีจ่าย การคานวณภาษีเงนิ ได้หกั ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(1) แหง่ ประมวลรษั ฎากร กรณี การจ่ายเงินได้พงึ ประเมินตามมาตรา 40(1) แหง่ ประมวลรัษฎากร แตไ่ ม่รวมถงึ เงินได้ทีน่ ายจ้างจา่ ยให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออก จากงานให้ปฏบิ ตั ดิ ังนี้ 1. ให้คานวณหาจานวนเงินได้พึงประเมินเสมือนหน่ึงว่าได้จ่ายทั้งปี โดยให้นาเงินได้พึงประเมินท่ีจ่ายแต่ละคราวคูณด้วย จานวนคราวท่ีจะตอ้ งจา่ ย (ตอ่ ป)ี ดงั นี้ 1.1 กรณีจ่ายคา่ จา้ งเป็นรายเดอื นให้คูณดว้ ย 12 1.2 กรณจี ่ายค่าจ้างเดอื นละ 2 คร้ังใหค้ ณู ดว้ ย 24 1.3 กรณีจา่ ยคา่ จา้ งเป็นรายสัปดาหใ์ หค้ ณู ดว้ ย 52 การจ่ายเงินไดพ้ งึ ประเมินให้แก่ผู้มีเงินได้ซึ่งเข้าทางานระหว่างปี ให้คูณเงินได้พึงประเมินที่จ่ายแต่ละคราวในปีที่เข้า ทางานด้วยจานวนคราวท่ีจะต้องจ่ายจริงสาหรับปีนั้น เช่น เข้าทางานวันท่ี 1 มีนาคมและกาหนดจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน จานวนคราวทีจ่ ะต้องจ่ายสาหรับปีทเ่ี ขา้ ทางานจะเท่ากับ 10
2. นาจานวนเงินได้พึงประเมินเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายท้ังปีตามข้อ 1 มาคานวณภาษีตามเกณฑ์ ในมาตรา 48 (1) แหง่ ประมวลรัษฎากร โดยดูขอ้ มลู ผู้มเี งนิ ไดจ้ าก แบบแจ้งรายการเพ่ือการหกั ลดหย่อน (ล.ย.01) กล่าวคือ 2.1 หักคา่ ใช้จา่ ย 50% แต่ไม่เกนิ 100,000 บาท 2.2 หัก รายการลดหยอ่ นและยกเวน้ ดังนี้ 1. ผมู้ เี งินได้ 60,000 บาท 2. คสู่ มรส 60,000 บาท (ชอบดว้ ยกฎหมายและไม่มีเงินได้) 3. บตุ ร (ชอบดว้ ยกฎหมาย) - ลดหยอ่ นคนละ 30,000 บาท 4. เบยี้ ประกันชวี ติ หกั ได้เท่าทจี่ า่ ยจรงิ แตไ่ ม่เกิน 100,000 บาท 5. ดอกเบ้ียเงินกยู้ มื เพ่อื ซอ้ื เชา่ ซื้อหรอื สรา้ งอาคารอยอู่ าศัยไดร้ ับลดหยอ่ นและยกเวน้ ภาษี ตามจานวนเงนิ ทจ่ี ่ายจริงในปภี าษีน้ี แต่ไม่เกิน 100,000 บาท 6. เงินสมทบกองทนุ ประกนั สังคมหกั ลดหย่อนไดต้ ามท่จี า่ ยจริง
แบบแจง้ รายการเพ่อื การหกั ลดหย่อน (ล.ย.01)
2.3 คานวณภาษตี ามบญั ชอี ตั ราภาษเี งนิ ได้สาหรับบคุ คลธรรมดาเป็นเงนิ ภาษีท้งั ส้นิ
ให้ทา คานวณภาษเี งินไดห้ ัก ณ ท่จี ่ายของนายสบายใจ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200