Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อีบุ๊ค นางสาาว อลิษา ชูฉางหวาง เลขที่41 6117701001085 Sec2

อีบุ๊ค นางสาาว อลิษา ชูฉางหวาง เลขที่41 6117701001085 Sec2

Published by alisa7818, 2020-06-07 06:11:14

Description: อีบุ๊ค นางสาาว อลิษา ชูฉางหวาง เลขที่41 6117701001085 Sec2

Search

Read the Text Version

ขอ้ บ่งช้ีในการผ่าตดั 1. เพอ่ื เพม่ิ อตั ราการรอดชวี ติ ของผูป้ ่วย 2. เพอ่ื บรรเทาอาการเจบ็ แน่นหนา้ อก

การรกั ษาดว้ ยยาหลงั ผ่าตดั ยาทจ่ี าเป็นภายหลงั ผ่าตดั ไดแ้ ก่ 1. Antiplatelets - Aspirin - Clopidogrel75 mg. 2. Statin therapy 3. Beta blocker 4. Angiotensin - Converting Enzyme Inhibiters (ACEI) และ Angiotensin – Receptor Blockers (ARB)

การพยาบาลก่อนการผ่าตดั 1. การซกั ประวตั ผิ ูป้ ่วย โรคประจาตวั อน่ื ๆ รวมทงั้ ประวตั กิ ารผ่าตดั และประวตั กิ ารแพย้ า แพอ้ าหารสารเคมอี น่ื ๆ 2. การซกั ประวตั เิ ก่ยี วกบั การใชย้ า ตรวจสอบรายการยาประจาตวั ผูป้ ่วยทร่ี บั ประทาน 3. การสง่ ตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร 4. ตรวจสอบผลการตรวจพเิ ศษต่างๆ เช่น ผลการตรวจคลน่ื สะทอ้ นหวั ใจ (Echocardiography) 5. ตรวจสอบสทิ ธกิ ารรกั ษาของผูป้ ่วย 6. ผูป้ ่วยและญาตเิ ซน็ ใบยนิ ยอมการเขา้ รกั ษาในโรงพยาบาล และใบยนิ ยอมการผา่ ตดั 7. บนั ทกึ และสง่ คาขอการผา่ ตดั ผูป้ ่วยไปหอ้ งผา่ ตดั 8. จดั เตรยี มยา เวชภณั ฑก์ ่อนไปหอ้ งผา่ ตดั

การพยาบาลผูป้ ่ วยเม่ือสง่ ต่อขอ้ มลู ผูป้ ่ วยเม่ือยา้ ยมายงั หอผูป้ ่วย 1. ประวตั ผิ ูป้ ่วย ขอ้ มลู พ้นื ฐาน ไดแ้ ก่ ชอ่ื เพศ 2. ชนดิ ของการผา่ ตดั หรอื ความเร่งด่วนของการผ่าตดั เช่น ผา่ ตดั โดยการมวี างแผนลว่ งหนา้ หรอื ผ่าตดั ฉุกเฉิน 3. ความสาเรจ็ ของการผา่ ตดั หรอื ภาวะแทรกซอ้ นทเ่ี กดิ ข้นึ ระหวา่ งการผ่าตดั 4. ระยะเวลาในการผา่ ตดั วสั ดุอปุ กรณท์ ใ่ี ชห้ ลอดเลอื ดเทยี ม 5. ตาแหน่งและชนดิ ของการผ่าตดั การปิดแผล สายสว่ นต่างๆ 6. ชนิดของสารนา้ การใหเ้ลอื ดหรอื ผลติ ภณั ฑข์ องเลอื ดทผ่ี ูป้ ่วยไดร้ บั 7. ปรมิ าณเลอื ดทอ่ี อกขณะผา่ ตดั 8. สญั ญาณชพี การใชเ้ครอ่ื งช่วยหายใจ และการใชอ้ ปุ กรณเ์ ทยี มต่างๆ

การพยาบาลประเมินผูป้ ่วยแรกรบั 1. ประเมนิ ระบบประสาทหลงั การผา่ ตดั เช่น ระดบั ความรูส้ กึ ตวั 2. ประเมนิ สญั ญาณชพี แรกรบั โดยการประเมนิ หวั ใจและหลออด 3. ตรวจสอบขนาด และตาแหน่งท่อช่วยหายใจ และเทยี บกบั ตาแหน่งทใ่ี สจ่ ากหอ้ งผา่ ตดั เพอ่ื ประเมนิ การเลอ่ื นของ ท่อช่วยหายใจ ขณะเคลอ่ื นยา้ ย 4. ประเมนิ ลกั ษณะและอตั ราการหายใจ ดูค่า oxygen saturation 5. ตรวจสอบยาและสารนา้ ทผ่ี ูป้ ่วยไดร้ บั 6. ตรวจสอบความอ่นุ ช่นื ของผวิ หนงั และตรวจชพี จรส่วนปลาย 7. ตรวจสอบลกั ษณะของแผลผ่าตดั

ภาวะแทรกซอ้ นหลงั ผ่าตดั ปรมิ าณเลอื ดออกจากหวั ใจลดลง (Low Cardiac Output) ปจั จยั เสย่ี งท่ที าใหเ้ กดิ ภาวะ Low cardiac output ปจั จยั จากตวั ผูป้ ่วยเอง ไดแ้ ก่ จากโรคหวั ใจ เช่น หวั ใจโต หวั ใจขาดเลอื ด มกี ลา้ มเน้อื หวั ใจตาย หวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะ เป็นตน้ ปจั จยั จากการรกั ษา เช่น จากการผา่ ตดั ทง้ั ในระยะผ่าตดั และหลงั ผ่าตดั ภาวะเลอื ดออกมาก การจดั การอาการปวดแผล การจดั การทางการพยาบาล 1. ประเมนิ ระดบั ความปวดแผลหลงั ผ่าตดั โดยใชแ้ บบประเมนิ ความเจบ็ ปวด (Pain score) 2. จดั ทา่ และสอนการเปลย่ี นท่าทาง วธิ ปี ระคองบาดแผล ขณะไอและเทคนิคการผอ่ นคลาย 3. ดูแลใหไ้ ดร้ บั ยาแกป้ วดตามแผนการรกั ษา โดยอาจใหย้ าลดปวดหยดทางหลอดเลอื ดดาอย่างต่อเน่ือง การฟ้ื นฟรู า่ งกาย เช่น หลกี เลย่ี งกจิ กรรมเก่ยี วกบั การยกของหนกั เพอ่ื ป้องกนั แผลผ่าตดั แยก หลกี เลย่ี งการเคลอ่ื นไหวในท่าทแ่ี อ่นอก หลกี เลย่ี งการ นงั่ หอ้ ยขานานๆ หรอื นงั่ พบั เพยี บ นงั่ ยองๆ อาการเตอื นท่ตี อ้ งรบี มาพบแพทย์ เจบ็ แน่นหนา้ อกเหมอื นก่อนการผา่ ตดั เหน่อื ยมากข้นึ หายใจลาบาก นอนราบไมไ่ ด้ มไี ขส้ ูง แผลมกี ารอกั เสบตดิ เช้อื ชพี จรเตน้ ไมส่ มา่ เสมอ หนา้ มดื เป็นลม อจุ จาระมสี ดี าหรอื แดงปวดบวมขาขา้ งทม่ี แี ผลผ่าตดั

บทที่ 8 การพยาบาลผู้ป่ วยทมี่ ภี าวะวกิ ฤต หลอด เลอื ดเอออร์ต้า ลนิ้ หัวใจ และการฟื้ นฟูสภาพหัวใจ

ความหมายของโรคล้นิ หวั ใจ (Valvular Heart Disease) ความผดิ ปกตขิ องล้นิ หวั ใจ อาจเป็นเพยี งล้นิ เดยี วหรอื มากกวา่ ทาใหม้ ผี ลต่อการทางานของหวั ใจส่งผลต่อระบบ ไหลเวยี นเลอื ดจนกระทงั่ เกดิ ภาวะหวั ใจลม้ เหลวได้ โรคล้นิ หวั ใจทพ่ี บบอ่ ยมกั จะเป็นล้นิ หวั ใจทางดา้ นหวั ใจซกี ซา้ ย คอื mitral valve และ aortic valve ลกั ษณะความผดิ ปกตขิ องล้นิ หวั ใจ ล้นิ หวั ใจตบี (Stenosis) ล้นิ หวั ใจรวั่ (Regurgitation) สาเหตขุ องโรคล้นิ หวั ใจ Rheumatic Heart Disease Infective Endocarditis Mitral Valve Prolapse Congenital malformation Other acquire disease โรคล้นิ หวั ใจไมตรลั ตบี (Mitral stenosis) มกี ารตบี แคบของล้นิ หวั ใจไมตรลั ทาใหม้ กี ารขดั ขวางการไหล ของเลอื ดลงสูห่ วั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ยในขณะทค่ี ลายตวั

Causes - Rheumatic > 90% - Congenital - Rheumatoid arthritis - Systemic Lupus Erythematosus: SLE - Carcinoid Syndrome Asymptomatic for approximately 20 years Presenting symptoms: - CHF (50%) - Atrial fibrillation การเปลย่ี นแปลงของระบบไหลเวยี นข้นึ อยู่กบั ความรนุ แรงของโรคการเปลย่ี นแปลงทเ่ี กิดข้นึ 1. ความดนั ในหวั ใจหอ้ งบนซา้ ยเพม่ิ เน่อื งจากเลอื ดผา่ นล้นิ หวั ใจทต่ี บี ไดน้ อ้ ยลง ผลทต่ี ามมาคอื ผนงั หวั ใจหอ้ งบนซา้ ยหนาตวั ข้นึ (left atrium hypertrophy : LAH

2. มนี า้ ในช่องระหวา่ งเซลล์ (Interstial fluid) ในเน้อื ปอดเพม่ิ ข้นึ เน่อื งจาก ความดนั ในหลอดเลอื ดดาปอด และในหลอดเลอื ดฝอยเพม่ิ ข้นึ ถา้ เป็นมากนา้ จะเขา้ มาอยู่ในถงุ ลมปอด (alveoli) เกดิ pulmonary edema 3. ความดนั หลอดเลอื ดในหลอดเลอื ดแดงปอด (PA) เพม่ิ มากหรอื นอ้ ยแลว้ แต่ความรุนแรงของโรค 4. หลอดเลอื ดทป่ี อดหดตวั ทาใหเ้ลอื ดผ่านไปทป่ี อดลดลง

อาการและอาการแสดง 1. Pulmonary venous pressure เพม่ิ ทาให้ - มอี าการหายใจลาบากเมอ่ื ออกแรง (DOE) - อาการหายใจลาบากเมอ่ื นอนราบ (Orthopnea) - หายใจลาบากเป็นพกั ๆ ในตอนกลางคนื (Paroxysmal Noctunal Dyspnea:PND) 2. CO ลดลง ทาใหเ้หน่อื ยงา่ ย อ่อนเพลยี 3. อาจมภี าวะหวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะแบบ AF ผูป้ ่วยจะมอี าการใจสนั่ 4. อาจเกดิ การอดุ ตนั ของหลอดเลอื ดในร่างกาย (Systemic embolism)

โรคล้นิ หวั ใจไมตรลั รวั่ (Mitral regurgitation or Mitral insufficiency) เป็นโรคทม่ี กี ารรวั่ ของปรมิ าณเลอื ด (Stroke volume) ในหวั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ยเขา้ สู่หวั ใจหอ้ งบนซา้ ยในขณะท่หี วั ใจบบี ตวั Causes - Rheumatic disease - Endocarditis - Mitral valve prolapse - Mitral annular enlargement - Ischemia - Myocardial infarction - Trauma

อาการและอาการแสดงแตกต่างกนั ตามพยาธสิ ภาพอาการท่พี บ 1.Pulmonary venous congestion ทาใหม้ อี าการ - Dyspnea on exertion (DOE) - Orthopnea - PND 2. อาการทเ่ี กดิ จาก CO ลดลง คอื เหน่อื ยและเพลยี งา่ ย 3. อาการของหวั ใจซกี ขวาวายคอื บวมเจบ็ บรเิ วณตบั หรอื เบอ่ื อาหาร

โรคล้นิ หวั ใจหวั ใจเอออรต์ คิ ตบี Aortic stenosis เป็นโรคทม่ี กี ารตบี แคบของล้นิ หวั ใจเอออรต์ คิ ขดั ขวางการไหลของเลอื ดจากหวั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ยไปสู่เอออรต์ ารใ์ นช่วงการบบี ตวั โรคล้นิ หวั ใจเอออรต์ ิครวั่ Aortic regurgitation เป็นโรคทม่ี กี ารรวั่ ของปรมิ าณเลอื ดทส่ี ูบฉีดออกทางหลอดเลอื ดแดงเอออรต์ ารไ์ หลยอ้ นกลบั เขา้ สูห่ วั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ยในช่วงหวั ใจคลายตวั อาการและอาการแสดงสว่ นใหญ่จะไม่มอี าการ เม่ือมอี าการมากจะพบ - DOE - Angina ถา้ เป็นมากผูป้ ่วยจะรูส้ กึ เหมอื นมอี ะไรตบุ๊ ๆ อยู่ทค่ี อหรอื ในหวั ตลอดเวลา

การตรวจรา่ งกายในผูป้ ่วยโรคล้นิ หวั ใจ การถา่ ยภาพรงั สที รวงอก - พบภาวะหวั ใจโต หรอื มนี า้ คงั่ ทป่ี อด - การตรวจหวั ใจดว้ ยเสยี งสะทอ้ น (Echocardiogram) เป็นวธิ ที ช่ี ่วยในการวนิ ิจฉยั โรคล้นิ หวั ใจไดอ้ ย่างมาก - การตรวจสวนหวั ใจ ช่วยในการประเมนิ วา่ ล้นิ หวั ใจรวั่ หรอื ตบี มากแค่ไหน บอกสาเหตทุ แ่ี ทจ้ รงิ ของโรคล้นิ หวั ใจ คานวณขนาดล้นิ หวั ใจ วดั ความดนั ในหอ้ งหวั ใจและมกั ทาก่อนการรกั ษาดว้ ยวธิ ผี ่าตดั

การรกั ษาโรคล้นิ หวั ใจ 1.การรกั ษาทางยา มเี ป้าหมายเพอ่ื ช่วยใหห้ วั ใจทาหนา้ ทด่ี ขี ้นึ ช่วยกาจดั นา้ ทเ่ี กนิ ออกจากร่างกาย โดยยาเพม่ิ ความสามารถในการบบี ตวั ของหวั ใจ ยาลดแรง ตา้ นในหลอดเลอื ด ยาขบั ปสั สาวะ ยาทใ่ี ชส้ ่วนใหญ่เป็นยากลมุ่ เดยี วกบั ทร่ี กั ษาภาวะหวั ใจวาย เช่น Digitalis Nitroglycerine 2. การใชบ้ อลลูนขยายล้นิ หวั ใจทต่ี บี โดยการใชบ้ อลลูนขยายล้นิ หวั ใจ 3. การรกั ษาโดยการผ่าตดั (Surgical therapy) ทาในผูป้ ่วยทม่ี ลี ้นิ หวั ใจพกิ ารระดบั ปานกลางถงึ มาก

ตวั อย่างขอ้ วนิ ิจฉยั การพยาบาล - เสย่ี งต่ออนั ตรายจากภาวะหวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะจากล้นิ หวั ใจตบี หรอื รวั่ - เสย่ี งต่อภาวะปรมิ าณเลอื ดทอ่ี อกจากหวั ใจใน 1 นาทลี ดลง - เสย่ี งต่อการเกดิ ลม่ิ เลอื ดอดุ ตนั ทล่ี ้นิ หวั ใจเทยี มและหลอดเลอื ดทวั่ ร่างกาย - เสย่ี งต่อภาวะเลอื ดออกงา่ ยจากการไดร้ บั ยาละลายลม่ิ เลอื ด - ความทนต่อกจิ กรรมลดลง

บทท่ี 9 การพยาบาลผู้ป่ วยทม่ี ีภาวะวกิ ฤตหัวใจ ล้มเหลวและหัวใจเต้นผดิ จงั หวะ

กลา้ มเน้ือหวั ใจประกอบดว้ ยเซลลส์ าคญั 2 ชนิด 1. ชนิดทท่ี าหนา้ ทห่ี ดตวั (Mechanical cell) 2. ชนิดทก่ี าเนดิ กระแสไฟฟ้า (Electrical activity)และนากระแสไฟฟ้า(Conduction) คลน่ื ไฟฟ้ าหวั ใจปกติ กลา้ มเน้ือหวั ใจมเี ซลลท์ เ่ี ป็น Pacemaker cell อยู่ท่ี SA node AV node, Atrium และ Ventricle โดย SA node จะเป็น Primary pacemaker -SA node ปลอ่ ยกระแสไฟฟ้าดว้ ยอตั รา 60-100 ครง้ั /นาที อยู่ตรวจบรเิ วณแนวต่อของ superior vena cava กบั เอเตรยี มขวา ทาหนา้ ทเ่ี ป็นเซลลใ์ หก้ าเนิดจงั หวะการเตน้ ของหวั ใจ (pacemaker cell) -Av node ปลอ่ ยกระแสไฟฟ้าดว้ ยอตั รา 40-60 ครง้ั /นาที -Ventricle ปลอ่ ยกระแสไฟฟ้าดว้ ยอตั ราตา่ กวา่ 40 ครง้ั /นาที ตามปกติ Pacemaker ทเ่ี ตน้ ชา้ กวา่ จะไมท่ างานจนกวา่ Pacemaker ทเ่ี ตน้ เรว็ กวา่ จะทางานนอ้ ยลงหรอื หยุดทางาน

การบนั ทกึ คล่นื ไฟฟ้ าหวั ใจ (Electrocardiogram:ECG/EKG) ภาพคลน่ื ไฟฟ้าหวั ใจเป็นภาพบนั ทกึ การเปลย่ี นแปลงของคลน่ื ไฟฟ้า (Electrical activity) ทผ่ี วิ ของร่างกายจากการทางานของกลา้ มเน้ือหวั ใจ โดยทวั่ ไปมกั ทา 12 lead

ลกั ษณะคลน่ื ไฟฟ้าหวั ใจปกติ (Normal waveform) - กระดาษกราฟมาตรฐาน ประกอบดว้ ยตารางสเ่ี หลย่ี มเลก็ และใหญ่ขนาด 1 มลิ ลเิ มตร และ 5 มลิ ลเิ มตร - แกนตง้ั คือความดนั นบั เป็นโวลท์ (Voltage) ถา้ คลน่ื ไฟฟ้าสูงแสดงวา่ กลา้ มเน้ือหวั ใจหนามาก หรอื บบี ตวั มาก ถา้ คลน่ื ไฟฟ้า ตา่ แสดงวา่ กลา้ มเน้ือหวั ใจนอ้ ยหรอื บบี ตวั นอ้ ย - แกนนอนคอื เวลา (Time) กาหนดความเรว็ การเคลอ่ื นท่ี EKG 25 มม. ต่อวนิ าที ดงั นน้ั 1 ช่องเลก็ ตามแนวนอนใชเ้วลา 1/25= 0.04 วนิ าที ถา้ 5 ช่องเลก็ ตามแนวนอน คอื 0.04 x 5=0.2 วนิ าที (เท่ากบั 1 ตารางสเ่ี หลย่ี มใหญ่

ดงั นน้ั กระดาษ EKG จงึ สามารถคานวณอตั ราการเตน้ ของหวั ใจใน 1 นาทไี ด้ โดยนบั คลน่ื ไฟฟ้าหวั ใจ (QRS complex) ทเ่ี กดิ ใน 30 ช่องใหญ่ (30x0.2= 6 วนิ าท)ี แลว้ คูณดว้ ย 10 (ใชไ้ ดใ้ นกรณีท่ี RR interval ไมส่ มา่ เสมอ) คลน่ื ไฟฟ้าหวั ใจปกตปิ ระกอบดว้ ย คลน่ื P,Q,R,S และ T

1. P Wave : เป็นคลน่ื ทเ่ี กดิ เมอ่ื มกี ารบบี ตวั (depolarization) ของ Atrium ดา้ นขวาและซา้ ยซง่ึ เกดิ ในเวลาใกลเ้คียงกนั ปกติ กวา้ งไมเ่ กนิ 2.5 มม. หรอื 0.10 วนิ าที 2. PR Interval ช่วงระหวา่ งคลน่ื P และคลน่ื R คอื ระยะจากจดุ เรม่ิ ตน้ ของคลน่ื P ไปสู่จดุ เร่มิ ตน้ ของคลน่ื QRS เป็นการวดั ระยะเวลา คลน่ื ไฟฟ้าจากการเรม่ิ ตน้ บบี ตวั ของ Atrium ไปสู่ AV node และ Bundle of his ปกตใิ ชเ้วลาไมเ่ กนิ 0.20 วนิ าที ค่าปกติ เท่ากบั 0.12-0.20 วนิ าที - ถา้ PR interval เรว็ กวา่ ปกติ แสดงวา่ อาจมชี ่องนาสญั ญาณผดิ ปกติ (abnormal pathway) - ถา้ PR interval ชา้ กวา่ ปกติ แสดงวา่ มกี ารปิดกน้ั ทางเดนิ ไฟฟ้าในหวั ใจเช่น heart block 3. QRS Complex : เป็นคลน่ื ทเ่ี กดิ เมอ่ื มกี ารบบี ตวั (depolarization) ของ Ventricle ดา้ นขวาและซา้ ยซง่ึ ปกตแิ ลว้ จะ เกดิ พรอ้ มหรอื ใกลเ้คยี งกนั มที ศิ ทางข้นึ หรอื ลงได้ - ความกวา้ งของคลน่ื QRS (QRS interval) 0.06-0.10 หรอื ไมเ่ กนิ 0.12 วนิ าที (3 มม.) - ถา้ คลน่ื QRS กวา้ งแสดงวา่ มกี ารปิดกน้ั สญั ญาณบรเิ วณ Bundle of his (Bundle Branch Block:BBB) 4. คลน่ื T เป็นคลน่ื ทต่ี ามหลงั QRS เกดิ จากการคลายตวั (repolarization) ของ ventricle ปกตสิ ูงไม่เกนิ 5 มม. กวา้ งไมเ่ กนิ 0.16 วนิ าที - ผูท้ ม่ี ภี าวะ Hyperkalemia จะพบคลน่ื T สูงข้นึ - กลา้ มเน้อื หวั ใจขาดเลอื ด พบ คลน่ื T หวั กลบั

5. U wave เป็นคลน่ื บวกทเ่ี กดิ ตามหลงั T wave ปกตไิ มค่ ่อยพบ คลน่ื น้จี ะสูงข้นึ ชดั เจนเมอ่ื ภาวะ K ตา่ หรอื เวนตรเิ คลิ ขยายโต 6. ST - T Wave (ST segment) เป็นจดุ เช่อื มต่อระหวา่ งจดุ ส้นิ สุด QRS complex จนถงึ จดุ เร่มิ ตน้ ของคลน่ื T โดยจะ บนั ทกึ ไดเ้ป็นแนวราบ (isoelectric line) สูงข้นึ หรอื ตา่ ลงไมเ่ กนิ 1 มม. และความกวา้ งไมเ่ กนิ 0.12 วนิ าที - ในภาวะกลา้ มเน้อื หวั ใจขาดเลอื ด กลา้ มเน้อื หวั ใจบาดเจบ็ และกลา้ มเน้อื หวั ใจตาย จะพบ ST segment ยกข้นึ (ST Elevated) หรอื ตา่ ลง (ST Depressed)

7. U Wave : ปจั จบุ นั ยงั ไมท่ ราบแหลง่ ทม่ี าของคลน่ื น้ี แต่เช่อื กนั วา่ เป็น - ภาวะ afterdepolarizations ของ Ventricle - อาจพบในภาวะปกติ หรอื ในภาวะ Hypokalemia 8. QT interval : ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการ depolarization จนถงึ repolarization ของ ventricle ปกติ 0.32 - 0.48 sec (12 ช่องเลก็ ) ถา้ หากวา่ ยาวมากเกนิ ไปจะบง่ บอกถงึ สภาวะ slowed ventricular repolarization มกั จะเกดิ จาก - hypokalemia หรอื electrolyte imbalances - ถา้ หากวา่ QTs สนั้ มกั จะพบในภาวะ hypercalcemia และ digitalis toxicity 9. RR Interval : ระยะเวลาระหวา่ งรอบของ ventricular cardiac cycle ใชเ้ป็นตวั วดั อตั ราการเตน้ ของหวั ใจหอ้ งลา่ ง (ventricular rate) ค่าปกติ 60 - 100 ครงั้ /นาที ถา้ ตา่ กวา่ 60 เรยี กวา่ bradycardia ถา้ มากกวา่ 100 เรยี กวา่ tachycardia

การแปลผลคล่นื ไฟฟ้ าหวั ใจ ประกอบดว้ ยหลกั สาคญั 4 ประการ 1. อตั ราการเตน้ ของหวั ใจ (Rate) ค่าปกติ 60-100 ครง้ั ต่อนาที วธิ ที ่ี 1 คานวณโดย HR โดยนบั R-R Interval เป็นจานวนช่องใหญ่ (R-R Interval = N ช่องใหญ่) สูตรอตั ราการเตน้ ของหวั ใจ = 300 หาร N (RR Interval) หน่วยครง้ั ต่อนาที วธิ ที ่ี 2 นบั R-R interval ใน 6 วนิ าที (30 ช่องใหญ่) แลว้ คูณดว้ ย 10 (ใชไ้ ดใ้ นกรณีท่ี RR interval ไม่ สมา่ เสมอ) คอื - เลอื ก R wave จดุ เร่มิ ตน้ นบั ช่วงไป 30 ช่องใหญ่ - นบั QRS ทอ่ี ยู่ในช่วงน้ี แลว้ คูณดว้ ย 10 คอื Heart rate ใน 1 นาที 2. จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจ (Rhythmicity) นบั จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจทง้ั ของ atrium และ ventricle วา่ สมา่ เสมอหรอื ไม่ โดยวดั P-P interval (คอื Pwave ตวั หน่งึ ไปถงึ Pwave ตวั ถดั ไป) และวดั R-R interval โดยทวั่ ไปจะสมา่ เสมอ

3. รูปร่างและตาแหน่ง (Waveformm configuration and Location) - รูปร่าง (configuration) ตรวจดูในระยะ 6 วนิ าทแี รกของช่องกระดาษ EKG (30 ช่องใหญ่) วา่ คลน่ื P, QRS และคลน่ื T wave มรี ูปร่างเหมอื นกนั ตลอดหรอื ไม่ - ตาแหน่ง (Location) คลน่ื ไฟฟ้าทกุ ตวั อยู่ในตาแหน่งถกู ตอ้ งหรอื ไม่ คลน่ื P นาหนา้ คลน่ื QRS ทกุ ตวั หรอื ไม่ คลน่ื T ตามหลงั QRS ทกุ ครง้ั ถา้ รูปร่างและตาแหน่งไมถ่ กู ตอ้ งอาจมคี ลน่ื ผดิ ปกตเิ กดิ ข้นึ (Ectopic beat หรอื Premature beat) 4. ระยะเวลาการนาสญั ญาณไฟฟ้า (Interval) วดั ช่วงระยะเวลาของการนาสญั ญาณไฟฟ้าจาก SA node จนกระทงั่ atrium และ ventricle บบี ตวั โดยวดั ดงั น้ี 4.1ช่วงระหวา่ งจดุ เรม่ิ ตน้ คลน่ื P ถงึ จดุ เรม่ิ ตน้ คลน่ื R (PR interval) ค่าปกติ 0.12-0.20 วนิ าที -ถา้ สนั้ กวา่ ปกตแิ สดงวา่ จดุ เรม่ิ ตน้ ของสญั ญาณไฟฟ้าไมไ่ ดอ้ ยู่ท่ี SA node -ถา้ ยาวกวา่ ปกติ แสดงวา่ มกี ารขดั ขวางทาใหส้ ญั ญาณไฟฟ้าผา่ นลงชา้ กวา่ ปกตทิ ่ี AV node (AV Block) 4.2ความกวา้ งของ QRS (QRS interval) ค่าปกติ 0.06-0.10 วนิ าที - ถา้ กวา้ งกวา่ ปกติ แสดงวา่ มกี ารขดั ขวางการนาสญั ญาณท่ี Bundle of his (BBB)หรอื อาจมจี ดุ กาเนดิ ไฟฟ้าอยู่ใน ventricle (Premature Ventricular Contraction: PVC)

ภาวะหวั ใจเตน้ ผิดจงั หวะ (Cardiac arrhythmia, Cardiac dysrhythmia) คอื ภาวะทก่ี ารกาเนดิ กระแสไฟฟ้าหวั ใจ และ/หรอื การนากระแสไฟฟ้าหวั ใจผดิ ไปจากภาวะหวั ใจเตน้ ปกติ (Nornal Sinus Rhythm:NSR) ความผดิ ปกตขิ องกระแสไฟฟ้าเกดิ ทบ่ี รเิ วณใดก็ได้ สาเหตุ 1. โรคระบบหวั ใจและหลอดเลอื ด เช่น ภาวะกลา้ มเน้อื หวั ใจตาย โรคกลา้ มเน้ือหวั ใจผดิ ปกตแิ ละอกั เสบ 2. ภาวะทไ่ี มเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั โรคหวั ใจ เช่น โรคคอพอกเป็นพษิ (thyrotoxicosis) Electrolyte imbalance ภาวะ เลอื ดเป็นกรดหรอื ด่าง โรคของ connective tissue เช่น SLE, Scleroderma 3. สารหรอื ยาทม่ี ผี ลต่อหวั ใจ เช่น ภาวะเครยี ด โกรธจดั โมโหจดั บหุ ร่ี เหลา้ คาเฟอนี ยารกั ษาโรคหอบหดื , ยา digitalis, ยารกั ษาโรค จติ และภาวะซมึ เศรา้

ชนิดของภาวะหวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะ 1. แบ่งตามอตั ราการเตน้ ของหวั ใจได้ 2 กลมุ่ คอื กลมุ่ ท่ี 1 Tachyarrhythmia Supraventricular - Atrial fibrillation - Atrial flutter Ventricular - Ventricular tachycardia (Monomorphic,polymorphic) Ventricular fibrillation

กลมุ่ ท่ี 2 Bradyarrythmia Supraventricular - Sinus node dysfunction AV-Nodal dysfunction - Heart Block - Second Degree type I - Second Degree type II - Third degree Ventricular - Ventricular Asystole

2. แบง่ ตามพ้นื ท่ี (Anatomical areas) 1.หวั ใจเตน้ ผิดจงั หวะท่มี จี ดุ กาเนิดจาก SA node ----> Supraventricular 1.1 หวั ใจเตน้ ชา้ กวา่ ปกติ (Sinus bradycardia) เกดิ จาก SA node ปลอ่ ยสญั ญาณไฟฟ้าชา้ กวา่ 60 ครงั้ - อาจพบในคนปกติ เช่น นกั กาี า ผูส้ ูงอายุ ขณะนอนหลบั - กลา้ มเน้ือหวั ใจขาดเลอื ด กลา้ มเน้อื หวั ใจตาย - ยาบางชนิดเช่น Beta-blocker, digitalis - ภาวะทม่ี กี ารกระตนุ้ ประสาท vagus เช่น ดูดเสมหะ, carotid sinus massage, IICP

ลกั ษณะทางคลนิ ิก - ผูป้ ่วยมกั ไมม่ อี าการ แต่ถา้ หวั ใจเตน้ ชา้ มาก เช่น นอ้ ยกวา่ 50 ครงั้ ต่อนาที - เป็นลม (syncope) - มนึ ศีรษะ - ถา้ รนุ แรงมากอาจชกั หวั ใจหยุดเตน้ ได้ ตรวจคลน่ื ไฟฟ้ าหวั ใจพบ - อตั ราการเตน้ หวั ใจทงั้ atrium และ ventricle ประมาณ 40-60 ครง้ั ต่อนาที - จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจสมา่ เสมอ - P wave ปกติ นาหนา้ QRS complex ทกุ จงั หวะ - PR interval ปกติ - QRS complex ปกติ

1.2 หวั ใจเตน้ เรว็ กวา่ ปกติ (Sinus tachycardia)เกดิ จาก SA node ปลอ่ ยสญั ญาณในอตั ราเรว็ กวา่ 100 ครง้ั ต่อนาที แต่ไมเ่ กนิ 150 ครง้ั ต่อนาที 1.3 หวั ใจเตน้ ไมส่ มา่ เสมอ (Sinus arrhythmia) เกดิ จาก SA node ปลอ่ ยกระแสไฟฟ้าไมส่ มา่ เสมอ มกั จะสมั พนั ธก์ บั การหายใจ เรว็ ข้นึ ระหวา่ งหายใจเขา้ ชา้ ลงระหวา่ งหายใจออก จงั หวะการหายใจไมส่ มา่ เสมอ

2.หวั ใจเตน้ ผิดจงั หวะท่มี ีจุดกาเนิดจาก Atrium ----> Supraventricular สาเหตุ จากความเครยี ด,Electrolyte imbalance,Hypoxia,Digitalis intoxication,Hyperthyroidism, Pericarditis,Alcohol intoxication 2.1 เอเตรยี มเตน้ ก่อนจงั หวะ (Premature Atrial Contraction:PAC) เกดิ จากมจี ดุ กาเนดิ ไฟฟ้าในเอเตรยี มทาหนา้ ท่ี แทน SA node ในบางจงั หวะทาใหป้ ลอ่ ยสญั ญาณไฟฟ้าก่อนท่ี SA node จะทางาน - P wave ในช่วง PAC จะมรี ูปร่างแตกต่างจาก P wave ทม่ี าจาก SA node - PR interval อาจปกติ หรอื ไมเ่ หมอื นกบั PR interval ทเ่ี กดิ จาก SA node

2.2 เอเตรยี ลฟลตั เตอร์ (Atrial flutter)เกดิ จากจดุ กาเนิดไฟฟ้าภายในผนงั เอเตรยี มทาหนา้ ทแ่ี ทน SA node กระตนุ้ ใหเ้อเตรยี ม บบี ตวั 250-300 ครง้ั ต่อนาที ซง่ึ AV node ไมส่ ามารถรบั สญั ญาณไดท้ กุ จงั หวะ ลกั ษณะ P wave เหมอื นฟนั เลอ่ื ย สาเหตุ จากRHD,หลงั ผ่าตดั หวั ใจ,Pulmonary embolism

2.3 เอเตรยี ลฟิบรลิ เลชนั่ (Atrial fibrillation: AF) เกดิ จากจดุ กาเนดิ ไฟฟ้าในเอเตรยี มทาหนา้ ทแ่ี ทน SA node โดยปลอ่ ยสญั ญาณไฟฟ้าในอตั รา 250-600 ครง้ั ต่อนาที สญั ญาณไฟฟ้าถกู ไปส่งไปยงั AV node ไมส่ มา่ เสมอ ทาให้ AV node ไมส่ ามารถรบั สญั ญาณไดท้ กุ จงั หวะ เป็นผลให้ ventricular response ไม่สมา่ เสมอ

2.4 Supraventricular Tachycardia (AVNRT) การตรวจคล่นื ไฟฟ้ าหวั ใจจะพบ - Rate เรว็ (150-250 ครงั้ /นาท)ี สมา่ เสมอ - P wave หวั ตง้ั หรอื หวั กลบั บางครงั้ มองไมเ่ หน็ หรอื ตามหลงั QRS - QRS ตวั แคบปกติ มกั เกดิ ทนั ทแี ละหยุดทนั ที อาจเรม่ิ ตน้ จาก PAC (Premature Atrium Contraction) มกั พบในคนอายุนอ้ ย อาการ : อาจมใี จสนั่ เจบ็ หนา้ อก หายใจขดั ปวดศีรษะ เป็นลม หนา้ มดื อาการอาจเกดิ และหยุดทนั ที

3.หวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะทม่ี จี ดุ กาเนิดจาก AV node 3.1 หวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะทม่ี จี ดุ กาเนดิ จาก AV node (Junctional rhythm or Nodal rhythm) เกดิ จาก AV node ทาหนา้ ทแ่ี ทน SA node สง่ สญั ญาณไป 2 ทางคือทางหน่งึ สง่ ยอ้ นกลบั ไปทเ่ี อเตรยี มทาใหเ้อเตรยี มบบี ตวั อกี ทางหน่งึ ส่งสญั ญาณไปทเ่ี วนตรเิ คลิ ทาใหเ้วนตรเิ คลิ บบี ตวั ในอตั รา 40-60 ครง้ั ต่อนาที เกดิ จากSA node ขาดเลอื ด

4.หวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะท่มี จี ดุ กาเนิดจาก Ventricle 4.1 เวนตรเิ คลิ เตน้ ก่อนจงั หวะ (Premature Ventricular Contraction: PVC) เกดิ จากจดุ กาเนดิ ไฟฟ้าในเวนตริ เคลิ ทาหนา้ ทป่ี ลอ่ ยสญั ญาณไฟฟ้าแทน SA node ในบางจงั หวะ มกั พบร่วมกบั AMI , Digitalis, intoxication, Hypokalemia, Acidosis - ถา้ พบ PVC นานๆ ครงั้ จะไมม่ คี วามรุนแรง ผูป้ ่วยอาจรูส้ กึ ใจสนั่ แต่ควรระมดั ระวงั วา่ PVC อาจเปลย่ี นเป็น Ventricular tachycardia (VT) ได้ - ไมม่ ี P wave ก่อนจงั หวะทผ่ี ดิ ปกติ - ไมม่ ี R-R interval - QRS complex มกั จะกวา้ งมากกวา่ ปกติ (มากกวา่ 0.12 วนิ าท)ี

4.2 เวนตรเิ คลิ เตน้ เรว็ กวา่ ปกติ (Ventricular tachycardia: VT) เป็นภาวะหวั ใจเตน้ ผดิ ปกตทิ ม่ี ี ความรนุ แรง เกดิ จากมจี ดุ กาเนดิ ไฟฟ้าในเวนตรเิ คลิ ทาหนา้ ทป่ี ลอ่ ยสญั ญาณไฟฟ้าแทน SA node ทาใหเ้กดิ PVC อย่างนอ้ ย 3 ตวั ตดิ ต่อกนั ในแถว โดยมอี ตั ราการเตน้ มากกวา่ 100 ครง้ั ต่อนาที ลกั ษณะทางคลนิ ิก -ผูป้ ่วยจะมอี าการเกดิ ข้นึ ทนั ทที นั ใด -หวั ใจเตน้ เรว็ ใจสนั่ หายใจลาบาก เจบ็ หนา้ อก ความดนั โลหติ ตา่ หมดสติ -มอี าการของ Lt. Ventricular failure -ถา้ ไมไ่ ดร้ บั การแกไ้ ขอาจจะเปลย่ี นเป็น Ventricular fibrillation

การตรวจคลน่ื ไฟฟ้ าหวั ใจจะพบ -อตั ราการเตน้ ของหวั ใจเอเตรยี มวดั ไมไ่ ด้ ส่วนเวนตริเคลิ มากกวา่ 100 ครง้ั ต่อนาที -จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจมกั จะสมา่ เสมอ บางครงั้ อาจไมส่ มา่ เสมอเลก็ นอ้ ย -P wave อาจพบไดแ้ ต่ไมส่ มั พนั ธก์ บั QRS complex -PR interval วดั ไมไ่ ด้ -QRS complex กวา้ งมากกวา่ 0.10 วนิ าที

4.3 เวนตรคิ ูลารฟ์ ิบรลิ เลชนั่ (Ventricular fibrillation: VF) เป็นภาวะหวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะทร่ี า้ ยแรงมาก เน่อื งจากเวนตรเิ คลิ จะไม่ บบี ตวั หวั ใจหยุดเตน้ (Cardiac arrest) ไมม่ ี CO ลกั ษณะทางคลนิ ิก ผูป้ ่วยหมดสติ จบั ชพี จรไมไ่ ด้ วดั ความดนั ไมไ่ ด้ หยุดหายใจ เขยี ว มา่ นตาขยาย ตวั เยน็ การตรวจคลน่ื ไฟฟ้ าหวั ใจจะพบ -อตั ราการเตน้ ของหวั ใจเรว็ มาก -จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจไมส่ มา่ เสมอ -คลน่ื P,Q,R,S ไม่มี มแี ต่คลน่ื ขยุกขยกิ ไมส่ มา่ เสมอ คลน่ื หยาบเรยี ก Coarse VF ซง่ึ ตอบสนองต่อการทา Defibrillation คลน่ื ถ่ี เรยี ก Fine VF ก่อนทเ่ี วนตรเิ คลิ จะหยุดเตน้ (Ventricular standstill or Asystole) EKG จะเป็นเสน้ ตรง

Pulseless Electrical Activity; PEA มคี ลน่ื ไมม่ ชี พี จรหรอื คลน่ื เตน้ ไมม่ ชี พี จร หมายถงึ ภาวะท่มี ี คลน่ื ไฟฟ้าหวั ใจแต่ไมม่ ชี พี จร (pulseless electrical activity, PEA) คอื คลน่ื ไฟฟ้าหวั ใจจะเตน้ ในจงั หวะ (rhythm) อะไรก็ไดท้ ไ่ี มใ่ ช่ VF/VT แต่กลา้ มเน้อื หวั ใจไมม่ แี รงบบี เพยี งพอทจ่ี ะส่งเลอื ดออกจากหวั ใจไดพ้ อทจ่ี ะทาใหค้ ลา ชพี จรได้

5. ความผิดปกตทิ ่ขี ดั ขวางการนาสญั ญาณไฟฟ้ าจาก SA node ไป AV node 5.1 การขดั ขวางสญั ญาณจาก SA node ไป AV node ระดบั ท่ี 1 (First-degree AV block) จดุ กาเนิดไฟฟ้ามาจาก SA node นาสญั ญาณไฟฟ้าไปท่ี AV node ชา้ กวา่ ปกติ โดยทวั่ ไปพบในผูส้ ูงอายุ ผูไ้ ดร้ บั ยา Quinidine, Procainamide ลกั ษณะทางคลนิ ิก ส่วนใหญ่ไมม่ อี าการผดิ ปกตอิ ะไร การตรวจคลน่ื ไฟฟ้ าหวั ใจจะพบ -อตั ราการเตน้ ของหวั ใจ ส่วนใหญ่ปกติ -จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจสมา่ เสมอ -P wave ปกติ นาหนา้ QRS ทกุ จงั หวะ -PR interval มากกวา่ 0.20 วนิ าที และยาวสมา่ เสมอทกุ จงั หวะ -QRS complex ปกติ

5.2 Second degree AV block จดุ กาเนดิ ไฟฟ้ามาจาก SA node นาสญั ญาณไฟฟ้าไปท่ี AV node บางจงั หวะผ่านได้ บางจงั หวะถกู ขดั ขวางทาใหอ้ ตั ราการ เตน้ ของเวนตรเิ คลิ นอ้ ยกวา่ เอเตรยี ม ความผดิ ปกตอิ ยู่ท่ี AV node แบง่ เป็น 2 ชนิด คอื 1. Second degree AV block type I (Mobitz type I or Wenckebach) สาเหตสุ ว่ นใหญ่ เกดิ จากการตายของผนงั หวั ใจดา้ นลา่ ง พษิ จากดจิ ทิ าลสิ ลกั ษณะทางคลนิ ิก ข้นึ อยู่กบั อตั ราการบบี ตวั ของเวนตริเคลิ จะมอี าการเมอ่ื เวนตรเิ คลิ เตน้ ชา้ มาก คอื หายใจลาบาก เจบ็ หนา้ อก การตรวจคล่นื ไฟฟ้ าจะพบ -อตั ราการเตน้ ของหวั ใจชา้ กวา่ ปกติ -จงั หวะการเตน้ เอเตรยี มสมา่ เสมอ แต่การเตน้ ของเวนตรคิ ูลารไ์ มส่ มา่ เสมอ -P wave ปกตจิ านวน P wave มากกวา่ QRS complex -PR interval ยาวข้นึ เร่อื ยๆ จากจงั หวะหน่งึ ไปอกี จงั หวะหน่งึ จนกระทงั่ ไมม่ ี -QRS complex มกั จะปกติ

2. Second degree AV block type I (Mobitz type I I) รุนแรงกวา่ ชนิดท่ี 1 มกั พบในAMI โรคหลอดเลอื ดหวั ใจอย่างรนุ แรง ลกั ษณะทางคลนิ ิก อาการของผูป้ ่วยข้นึ อยู่กบั การบบี ตวั ของเวนตริเคลิ ถา้ ชา้ กวา่ 50 นาทตี ่อครง้ั จะมอี าการหายใจลาบาก เจบ็ หนา้ อก สมอง ไดร้ บั เลอื ดไปเล้ยี งไมเ่ พยี งพอ การตรวจคล่นื ไฟฟ้ าหวั ใจจะพบ -อตั ราการเตน้ ของเอเตรยี ม 60-100 ครง้ั ต่อนาที สว่ นเวนตรเิ คลิ ข้นึ อยู่กบั อตั ราการบบี ตวั ของเอเตรยี ม -จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจสมา่ เสมอ บางจงั หวะ QRS complex หายไป -P wave ปกตจิ านวน P wave มากกวา่ QRS complex -PR interval ปกตแิ ละคงทต่ี ลอด -QRS complex มกั จะปกติ

5.3 การขดั ขวางสญั ญาณไฟฟ้ าจาก SA node ไป AV node ระดบั ท่ี 3 (Third-degree AV block or Complete heart block)การขดั ขวางการนาสญั ญาณอย่างสมบูรณท์ บ่ี รเิ วณ AV node ทาใหส้ ญั ญาณจาก SA node ผ่าน AV node ไปเวนตรเิ คลิ ไมไ่ ด้ สาเหตุ มกั เกดิ จากระบบนาสญั ญาณไฟฟ้าบรเิ วณ AV node ขาดเลอื ด การกระตนุ้ ประสาทเวกสั อย่างรุนแรง พษิ จากยาดจิ ทิ าลสิ ลกั ษณะทางคลนิ ิก ผูป้ ่วยจะมอี าการเป็นลมชกั เน่อื งจากสมองขาดเลอื ดอาจมเี วนตริเคลิ ซา้ ยลม้ เหลว การตรวจคล่นื ไฟฟ้ าจะพบ -อตั ราการเตน้ ของหวั ใจ เอเตรยี มและเวนตรเิ คลิ เป็นอสิ ระต่อกนั โดยเอเตรยี มจะเตน้ 60-100 ครงั้ ต่อนาที เวนตรเิ คลิ เตน้ ชา้ กวา่ 40 ครง้ั ต่อนาที -จงั หวะการเตน้ สมา่ เสมอ ทงั้ ของเอเตรยี มและเวนตริเคลิ และเป็นอสิ ระต่อกนั -P wave ปกตจิ านวน P wave มากกวา่ QRS complex -PR interval ไมส่ มา่ เสมอ -QRS complex ผดิ ปกตขิ ้นึ อยู่กบั ตาแหน่งทส่ี ญั ญาณไฟฟ้าถกู ขดั ขวาง

ผลของภาวะหวั ใจเตน้ ผิดจงั หวะต่อระบบไหลเวียน ผลต่อปรมิ าณเลอื ดส่งออกจากหวั ใจ ผลต่อระบบประสาท ผลต่อหลอดเลอื ดโคโรนารี ผลต่อไต การรกั ษาภาวะหวั ใจเตน้ ผิดจงั หวะ -ลดสง่ิ กระตนุ้ ระบบประสาทซมิ พาเทตคิ -ใหย้ าตา้ นการเตน้ ของหวั ใจผดิ จงั หวะ -การชอ็ คดว้ ยไฟฟ้า (Cardioversion or Defibrillation) -การใสเ่ คร่อื งกระตนุ้ จงั หวะหวั ใจดว้ ยไฟฟ้า (pace maker) ขอ้ วนิ ิจฉยั ทางการพยาบาลและหลกั การพยาบาล เช่น เสย่ี ง/มภี าวะช็อคจาก CO ลดลง เสย่ี ง/มภี าวะหวั ใจหยุดเตน้ เสย่ี ง/มภี าวะหวั ใจลม้ เหลว เสย่ี ง/มภี าวะพร่องออกซเิ จน หลกั การพยาบาล 1.เพอ่ื ใหผ้ ูป้ ่วยไดร้ บั ออกซเิ จนอย่างเพยี งพอ เช่น จากดั กจิ กรรม ดูแลใหไ้ ดร้ บั ออกซเิ จนตามแผนการรกั ษา สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารแลกเปลย่ี นกา๊ ซอย่างเพยี งพอ เช่น การจดั ท่า 2.ส่งเสรมิ การทางานของหวั ใจ และเฝ้าระวงั การเกดิ ภาวะวกิ ฤตจากหวั ใจ เช่น เฝ้าระวงั การเปลย่ี นแปลงอย่างใกลช้ ดิ วดั สญั ญาณชพี ทกุ 1 ชม. เฝ้าระวงั การเปลย่ี นของ คลน่ื ไฟฟ้าหวั ใจอย่างใกลช้ ดิ 3. รกั ษาความสมดลุ ของนา้ และ อเิ ลค็ โตรลยั ท์ โดยเฉพาะในรายทไ่ี ดร้ บั ยาขบั ปสั สาวะ 4. ดูแลใหไ้ ดร้ บั สารอาหารอย่างเพยี งพอ 5. ลดความวติ กกงั วลของผูป้ ่วยและญาติ 6. กรณีทผ่ี ูป้ ่วยจาเป็นตอ้ งไดร้ บั การรกั ษาดว้ ยการชอ็ คไฟฟ้า และผูป้ ่วยรูส้ กึ ตวั ดี พยาบาลควรใหค้ วามมนั่ ใจ และดูแลใหผ้ ูป้ ่วยไดร้ บั ยากลอ่ มประสาทตามแผนการรกั ษา หลงั การช็อคไฟฟ้าตอ้ งเฝ้าระวงั การเปลย่ี นแปลงของคลน่ื ไฟฟ้าอย่างใกลช้ ดิ

หน่วยท่ี 10 การพยาบาลผู้ป่ วยในภาวะ วกิ ฤตระบบประสาทและไขสันหลงั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook