ค�ำ ช้แี จงอ่นื ๆ
คำ�ชี้แจงการขอแก้ไขขอ้ ความสาระส�ำ คัญใน น.ค.๓ เอกสารทสี่ มาชิกนิคมฯ ต้องนำ�มา เอกสารทีน่ คิ มตอ้ งตรวจสอบ ๑. น.ค.๓ ฉบับจรงิ ๑. คำ�รอ้ ง น.ค.๒ ๒. ส�ำ เนาทะเบียนบา้ น ๒. สมดุ ทะเบียน น.ค.๓ ๓. สำ�เนาบตั รประจำ�ตัวประชาชน ๔. เอกสารหลกั ฐานอ่ืนๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง หลักเกณฑ์ แก้ไขใหต้ รงตามความเปน็ จรงิ ท่ีมเี อกสารยนื ยนั หรือเกดิ จากความผิดพลาดในการเขียน น.ค.๓ เชน่ ชื่อ นามสกลุ รายละเอยี ดเกย่ี วกบั ทด่ี ิน เปน็ ตน้ วิธีการ ๑. สมาชกิ นคิ มฯ ย่ืนคำ�ร้องต่อผู้ปกครองนิคมฯ ๒. เจ้าหน้าทตี่ รวจสอบเอกสารตา่ งๆ ๓. เจ้าหนา้ ทแ่ี ก้ไขขอ้ ความที่ผิดพลาดโดยการขีดฆา่ ข้อความเดมิ และเขยี นข้อความท่ถี ูกตอ้ ง ด้วยหมกึ สีแดงและลงช่ือก�ำ กับ ๔. สง่ เรื่องพร้อมเอกสารหลักฐานทั้งหมดให้กรมพฒั นาสงั คมและสวสั ดกิ ารตรวจสอบเสนออธบิ ด ี อนุญาตให้แก้ไขพร้อมแกไ้ ข น.ค.๓ ฉบบั ตน้ ขวั้ ๕. สง่ เรือ่ งคนื เพื่อให้สมาชิกนคิ มฯ ด�ำ เนินการต่อไป 152 รอ้ ยเร่อื งราวเล่าขานงานนิคมฯ
คำ�ชีแ้ จงกรณี น.ค.๓ สญู หาย เอกสารทสี่ มาชกิ นิคมฯ ต้องนำ�มา เอกสารท่ีนิคมตอ้ งตรวจสอบ ๑. ใบแจง้ ความวา่ น.ค.๓ สญู หาย ๑. สมุดทะเบยี น น.ค.๓ ๒. สำ�เนาทะเบียนบา้ น ๒. ตรวจค�ำ ร้อง น.ค.๓ ๓. ส�ำ เนาบัตรประจ�ำ ตัวประชาชน หลกั เกณฑ์ สมาชิกนิคมฯ จะขอต้นขวั้ น.ค.๓ เพื่อนำ�ไปขอออก น.ส.๓ก หรือโฉนดตามประมวลกฎหมาย ที่ดินเทา่ นัน้ วธิ กี าร ๑. สมาชิกนิคมฯ ย่ืนค�ำ ร้องต่อผปู้ กครองนิคมฯ ๒. เจ้าหนา้ ทีส่ อบปากคำ�สมาชกิ นคิ มฯ ยืนยันว่าได้ทำ� น.ค.๓ สูญหายจริง ๓. นิคมฯ ออกประกาศโดยระบุรายละเอยี ดของ น.ค.๓ ท่สี ญู หายปิดประกาศเปน็ เวลา ๓๐ วัน ๔. เมอื่ ครบเวลาให้เสนอกรมพฒั นาสงั คมและสวสั ดิการ พจิ ารณาออกต้นขัว้ น.ค.๓ ให้ สมาชิกนิคมฯ 153
กรณีที่ได้ประกาศวนั ส้ินสภาพของนคิ มสรา้ งตนเองไปแล้ว ตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบญั ญตั จิ ดั ท่ดี ินเพื่อการครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ อธบิ ดีกรมพัฒนา สังคมและสวสั ดกิ าร ยังมีอำ�นาจออกหนงั สือแสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) ใหแ้ กส่ มาชกิ นคิ มสร้างตนเองแห่งน้ันตามมาตรา ๑๑ แหง่ พระราชบญั ญตั ิ ดงั กลา่ วได้หรือไม่ ท่จี ดั สรรให้กับสมาชิกนิคมฯ ภายหลังการประกาศส้ินสภาพนคิ มสรา้ งตนเอง ๑. ในกรณีผ้ทู ี่ไดร้ บั หนงั สอื น.ค.๓ แลว้ ย่อมมีสทิ ธ์เิ ป็นเจา้ ของและสามารถน�ำ ไปออกโฉนดท่ีดินหรอื หนังสือ รับรองการท�ำ ประโยชนต์ ามประมวลกฎหมายทดี่ ิน กรณีผู้ไดร้ ับหนังสือ น.ค.๓ เสียชีวติ ยังไม่ได้น�ำ ไปออกหนงั สือส�ำ คัญตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ สิทธิใ์ นหนังสอื น.ค.๓ ยอ่ มตกเป็นมรดกแกท่ ายาทไม่น�ำ มา จัดสรรใหมไ่ ด้อกี เพราะประกาศสิ้นสภาพนคิ มสรา้ งตนเองแลว้ ๒. ในกรณีเป็นสมาชิกนิคม มาเกินกว่า ๕ ปี และได้ท�ำ ประโยชน์ในทีด่ ินนน้ั แลว้ ตลอดจนไดช้ �ำ ระ เงนิ ช่วยทนุ รฐั และไมม่ ีหนีส้ นิ ค้างช�ำ ระต่อนิคม กรณยี งั ไม่ได้รบั หนงั สอื แสดงการท�ำ ประโยชน์ สมาชกิ นคิ ม หรือ ทายาทโดยธรรม (กรณีสมาชกิ นคิ ม เสยี ชวี ติ ) มสี ิทธิท่จี ะขอให้อธิบดี หรอื พมจ. ออกหนงั สือ น.ค.๓ ได้ต่อไป ๓. ในกรณผี ู้ทเี่ ปน็ สมาชกิ นิคม มาเกินกว่า ๕ ปี แม้จะไดท้ ำ�ประโยชน์ทดี่ ินน้นั แล้ว แตถ่ า้ หากมีหนีส้ ิน คา้ งช�ำ ระต่อทางนิคม และยงั ไมไ่ ด้ช�ำ ระเงนิ ช่วยทุนรฐั เมื่อประกาศสิ้นสภาพนิคมสรา้ งตนเองแลว้ ย่อมไมม่ ีสทิ ธิ ไดร้ ับหนงั สอื น.ค.๓ เพราะสิทธิไมม่ ีตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบญั ญตั ิจัดท่ดี นิ เพ่ือการครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ เวน้ แตจ่ ะไดช้ �ำ ระหนี้ให้ครบถ้วนเรยี บร้อยแล้ว ถา้ หากเสยี ชีวิตก่อน ทายาทย่อมหมดสิทธขิ อใหอ้ อกหนงั สือ น.ค.๓ ได้ ๔. ในกรณีผู้ทเ่ี ป็นสมาชกิ นคิ ม มายงั ไมเ่ กิน ๕ ปี แมจ้ ะได้ท�ำ ประโยชน์ในทีด่ นิ นน้ั แลว้ แตถ่ ้าได้มีการ ถอนสภาพนคิ มฯ สทิ ธจิ ะขอให้ออกหนังสือ น.ค.๓ ยอ่ มส้นิ ไป ๕. ส�ำ หรับสมาชิกนิคม ผทู้ ี่ไมม่ สี ิทธิได้รับหนังสือ น.ค.๓ ตามข้อ ๓ ขอ้ ๔ สามารถน�ำ ที่ดินไปขอ หนงั สือสำ�คญั ตามประมวลกฎหมายท่ดี ินได้ (ตามมาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ และมาตรา ๕๙, ๕๙ ทวิ) ท้งั น้ีโดย ประสานงานและท�ำ ความตกลงกบั กรมทด่ี นิ ๖. ส่วนท่ีดินของราษฎรที่ครอบครองทำ�ประโยชน์อยู่เดมิ ในเขตนคิ มสรา้ งตนเอง กส็ ามารถนำ�ไปออก หนังสือสำ�คญั ตามประมวลกฎหมายท่ดี ินได้ ตามข้อ ๕ หรือตามโครงการจดั ทด่ี ินของกรมที่ดนิ 154 ร้อยเร่อื งราวเล่าขานงานนคิ มฯ
งานสินเช่อื
เงินทนุ หมุนเวียนการนคิ มประชาสงเคราะห์ จัดตั้งข้ึนในปงี บประมาณ ๒๕๒๕ โดยการรวมเงินทุนสงเคราะห์การครองชีพและการอาชีพ ของ สมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเอง (เงินทนุ หมนุ เวียนอดุ หนนุ สมาชิกนคิ มสร้างตนเอง) เงนิ ทนุ หมุนเวยี นส�ำ หรบั เป็น คา่ ใชจ้ า่ ยในการปลูกยางพารา (เพื่อสนับสนนุ เงนิ กู้จากธนาคารพัฒนาเอเชยี ) เงินทุนหมนุ เวยี นค่าสรา้ งบ้านพกั สมาชกิ (เพอ่ื สนับสนุนเงินกธู้ นาคารพฒั นาเอเชยี ) มีวัตถุประสงค์เพอ่ื ใหส้ มาชิกนคิ มก้ยู มื ตามโครงการส่งเสริมอาชีพ โดยทั่วไปให้แก่สมาชิกนคิ มสรา้ งตนเอง โดยคิดดอกเบี้ยอตั รารอ้ ยละ ๖ ต่อปี ระยะเวลาการสง่ ใชเ้ งินต้น และดอกเบี้ยไม่เกิน ๒๕ ปี ซงึ่ ประกอบไปดว้ ย โครงการ ดงั น้ี ● โครงการทว่ั ไป เป็นโครงการสง่ เสรมิ อาชพี ทั่วไปในทุกนคิ ม เริ่มตัง้ แต่การจัดตง้ั นิคมจนถึงปจั จบุ นั ทั้งโครงการระยะส้นั และระยะยาว เงินทุนหมนุ เวียนทัว่ ไปให้สมาชิกนิคมก้ไู ดจ้ ากเงนิ งบประมาณท้งั หมด ● โครงการเงินก้จู ากธนาคารพฒั นาเอเชยี (A.D.B) เป็นโครงการส่งเสริมปลกู ยางพาราแกส่ มาชิกนคิ ม ในเขตชายแดนภาคใต้ ๓ จงั หวดั (นคิ มสร้างตนเองสุคิรนิ จังหวัดนราธิวาส นคิ มสรา้ งตนเองศรีสาคร จังหวดั นราธวิ าส นิคมสร้างตนเองพฒั นาภาคใต้ จังหวดั ยะลา และนิคมสร้างตนเองพฒั นาภาคใต้ จังหวดั สตลู ) ได้รับ เงนิ งบประมาณโดยสมทบกบั เงินกู้ วงเงินก้สู มาชกิ นคิ มเดิมสมทบโครงการครอบครวั ละ ๓๐,๐๐๐.- บาท และ สมาชิกใหม่ครอบครวั ละ ๘๘,๐๙๔.- บาท เปน็ โครงการระยะยาวสง่ ใชค้ นื ภายในระยะเวลา ๒๕ ปี ระยะเวลา ปลดหน้ี ๗ ปี ● โครงการพัฒนานคิ มสร้างตนเองของปากจ่นั - ทา้ ยเหมอื ง (K.F.W) เปน็ โครงการส่งเสรมิ อาชพี ปลูก ยางพาราและไมย้ นื ต้น ในนิคมสร้างตนเองปากจ่นั จงั หวดั ระนอง และนคิ มสรา้ งตนเองทา้ ยเหมือง จังหวัด พังงา เริ่มด�ำ เนินการปี ๒๕๒๓ แหล่งเงินทนุ ทจ่ี ัดให้สมาชกิ กูไ้ ด้จากเงินงบประมาณโดยสมทบกบั เงนิ กู้ จาก รัฐบาลสหพนั ธส์ าธารณรัฐเยอรมนั วงเงนิ ก้สู มาชกิ เดิม สมทบโครงการครอบครวั ละ ๘๘,๔๘๙.- บาท สมาชิก ใหมค่ รอบครัวละ ๑๔๓,๖๑๐.- บาท ส่งใชเ้ งนิ ภายในระยะเวลา ๒๕ ปี ระยะเวลาปลดหนี้ ๖ ปี คณะรัฐมนตรีมีมตเิ ม่อื วันท่ี ๒๔ สิงหาคม ๒๕๔๗ อนุมัตใิ หย้ บุ เลิกเงนิ ทนุ หมุนเวียนการนิคม ประชาสงเคราะห์ ซึง่ กระทรวงการคลงั ก�ำ หนดให้กรมพฒั นาสงั คมและสวสั ดิการ ยบุ เลิกการด�ำ เนนิ งานเงนิ ทุนหมนุ เวยี นการนิคมประชาสงเคราะห์ ต้งั แตว่ ันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๘ โดยให้ด�ำ เนนิ การปดิ บญั ชีตามวิธี การจดั การทุนหมนุ เวยี นท่ยี ุบเลิกทกี่ ระทรวงการคลงั ก�ำ หนด ขณะนอี้ ยรู่ ะหวา่ งการช�ำ ระบญั ชแี ละเสนอขอแกไ้ ข ปัญหาหน้ีสินเงินทุนหมุนเวียนการนิคมประชาสงเคราะห์กับสำ�นักงานคณะกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตร แหง่ ชาติ (กบส.) 156 รอ้ ยเร่อื งราวเลา่ ขานงานนิคมฯ
เงนิ ทนุ หมนุ เวียนโครงการพฒั นานิคมสร้างตนเองไทย – เยอรมนั เงนิ ทนุ หมุนเวียนโครงการพฒั นานิคมสรา้ งตนเองไทย - เยอรมนั เปน็ เงินทไ่ี ด้รับจากองคก์ รความ ร่วมมอื ทางวิชาการแห่งสหพันธส์ าธารณรฐั เยอรมัน เปน็ เงนิ ๑,๙๐๒ ล้านบาท โดยถือปฏิบัตติ ามระเบียบกรม พฒั นาสงั คมและสวสั ดกิ ารวา่ ดว้ ยการด�ำ เนินงานโครงการพัฒนานิคมสรา้ งตนเองไทย - เยอรมัน พ.ศ.๒๕๔๖ แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๔๙ เงินทนุ หมุนเวยี นให้ใช้จา่ ยได้ในกรณี ๑. เพอื่ ขยายการใหส้ ินเชื่อแกส่ มาชิกนิคม ๒. เพือ่ ขยายการใหส้ ินเชอ่ื แกส่ หกรณ์การเกษตรในนคิ มสร้างตนเอง เพือ่ จุดประสงคท์ างด้านการตลาด หรอื กิจการทางการเงนิ ๓. เพอ่ื ขยายการใหส้ ินเช่อื แกก่ ล่มุ สมาชกิ นิคม หมายเหตุ คดิ อัตราดอกเบี้ยกยู้ ืมรอ้ ยละ ๖ ต่อปี จากเงินต้นท่คี ้างชำ�ระ ดอกผลเงินทนุ หมนุ เวยี นใช้ในกรณี ๑. น�ำ เข้ากองทุนและนำ�ไปใช้เพือ่ ส่งเสริมงานดา้ นการพฒั นานิคมสรา้ งตนเองตามความจำ�เป็น โดยผ่าน การพิจารณาจากคณะกรรมการ ๒. คณะกรรมการจัดสรรเปน็ ค่าใชจ้ ่ายในการบริหารงานโครงการพัฒนานคิ มสรา้ งตนเองไทย - เยอรมัน ไม่เกนิ รอ้ ยละ ๑๐ ของดอกเบ้ีย ทเ่ี กิดจากเงินฝากธนาคารหรือดอกเบยี้ จากการให้สนิ เช่ือ เงนิ ทุนหมุนเวียนไทย-เยอรมัน แบ่งเป็น ๒ ประเภท ไดแ้ ก่ ๑. สนบั สนนุ ใหส้ มาชกิ นิคมก้ยู มื เพื่อส่งเสรมิ การเลยี้ งโคขนุ ต้ังแตป่ ี พ.ศ.๒๕๔๔ – ๒๕๔๗ ณ ปจั จบุ นั ยงั มหี น้คี า้ งช�ำ ระ ประกอบดว้ ย ๑.๑ นคิ มสรา้ งตนเองล�ำ ตะคอง จงั หวดั นครราชสมี า จา่ ยใหก้ ปู้ ี พ.ศ.๒๕๔๔ จ�ำ นวน ๕๘ ราย เปน็ เงนิ ๘,๒๘๐,๐๐๐.- บาท ๑.๒ นคิ มสร้างตนเองจงั หวัดลพบุรี จ่ายใหก้ ู้ปี พ.ศ.๒๕๔๔ จำ�นวน ๓๐ ราย เป็นเงนิ ๕,๕๕๐,๐๐๐.- บาท ๑.๓ นคิ มสรา้ งตนเองพระพทุ ธบาท จงั หวดั สระบรุ ี จา่ ยใหก้ ปู้ ี พ.ศ.๒๕๔๖ จ�ำ นวน ๑๐ ราย เปน็ เงนิ ๑,๗๖๕,๐๐๐.- บาท ๑.๔ นคิ มสรา้ งตนเองตากฟา้ จังหวดั นครสวรรค์ จ่ายให้กูย้ ืมปี พ.ศ.๒๕๔๔,๒๕๔๗ จำ�นวน ๑๘ ราย เป็นเงนิ ๑,๙๑๕,๗๐๒.- บาท ๑.๕ นคิ มสร้างตนเองกระเสียว จงั หวดั สพุ รรณบุรี จ่ายใหก้ ้ปู ี พ.ศ.๒๕๔๔,๒๕๔๗ จำ�นวน ๒๑ ราย เป็นเงนิ ๓,๔๘๙,๐๐๐.- บาท ๑.๖ นิคมสรา้ งตนเองทงุ่ โพธิ์ทะเล จงั หวดั ก�ำ แพงเพชร จา่ ยใหก้ ู้ปี พ.ศ.๒๕๔๖ จำ�นวน ๑๙ ราย เป็นเงิน ๑,๙๔๗,๕๐๐.- บาท 157
๒. เงนิ ทุนหมนุ เวยี นไทย - เยอรมัน สนบั สนุนให้สมาชิกนิคมกยู้ ืม โครงการเกษตรผสมผสานและอืน่ ๆ ประกอบดว้ ย ๒.๑ นิคมฯ จังหวัดลพบุรี ๒.๒ นิคมฯ พระพุทธบาท จงั หวดั สระบุรี ๒.๓ นคิ มฯ ตากฟ้า จงั หวัดนครสวรรค์ ๒.๔ นิคมฯ เข่อื นภูมพิ ล จงั หวัดเชยี งใหม่ ๒.๕ นคิ มฯ บางระกำ� จังหวดั พิษณโุ ลก ๒.๖ นคิ มฯ ทุง่ โพธ์ิทะเล จงั หวัดก�ำ แพงเพชร ๒.๗ นคิ มฯ ขือ่ นอบุ ลรัตน์ จังหวัดขอนแกน่ ๒.๘ นคิ มฯ หว้ ยหลวง จังหวัดอดุ รธานี ๒.๙ นคิ มฯ ล�ำ โดมน้อย จงั หวัดอุบลราชธานี ๒.๑๐ นคิ มฯ พระแสง จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี การเสนอข้อแกไ้ ขปัญหาหน้ีสินเงนิ ทนุ หมุนเวยี นโครงการไทย - เยอรมนั ขณะนอี้ ยรู่ ะหวา่ งการรวบรวม และสรปุ ขอ้ มูล ณ วนั ที่ ๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๗ เสนอรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนษุ ย์ลงนาม เพื่อน�ำ เสนอคณะรัฐมนตรพี จิ ารณาอนุมัติ 158 ร้อยเรื่องราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
159
เงนิ ทุนหมุนเวยี นการนคิ มประชาสงเคราะห์ งานเรง่ รดั จดั เกบ็ สินเชอ่ื และนำ�ส่งเงิน ๑. แต่งตง้ั คณะกรรมการเรง่ รัดจดั เกบ็ สินเชือ่ ๒. จดั ท�ำ แผนการเร่งรดั จดั เก็บสินเชอ่ื ประจำ�ปี / ตดิ ตามเร่งรัดจัดเกบ็ สนิ เชอ่ื ให้เปน็ ไปอยา่ งต่อเนื่อง สม�่ำ เสมอ หากมปี ญั หาอุปสรรคให้รายงานกองกิจการนคิ มสร้างตนเองและพฒั นาชาวเขา เพ่ือหา แนวทางแกไ้ ขต่อไป ๓. เมือ่ รับช�ำ ระหน้จี ากลกู หนส้ี มาชกิ นิคม ให้ตรวจสอบกบั ลูกหน้ี หรือขอ้ มูลลูกหนร้ี ายตวั ทุกคร้งั ก่อน ออกใบเสรจ็ รบั เงนิ โดยใหร้ ะบรุ ายละเอยี ดใหช้ ดั เจน เชน่ ชอ่ื ลกู หนสี้ มาชกิ นคิ ม ทะเบยี น/ผงั /แปลง จ�ำ นวนเงิน.................บาท (เงินตน้ .................บาท ดอกเบ้ยี ...................บาท) เพือ่ สะดวกใน การบันทึกบญั ชี หากชำ�ระหนแี้ ทนให้ระบดุ ว้ ย หมายเหตุ นิคมฯ ท้ายเหมอื ง / นิคมฯ ปากจน่ั ระบดุ ว้ ยว่าโครงการทว่ั ไปหรือ KFW นิคมฯ สตูล, ยะลา, สุคิรินและศรีสาคร ระบุดว้ ยวา่ โครงการทัว่ ไป หรือ A.D.B ๔. เมื่อรบั ชำ�ระหนจ้ี ากลูกหน้สี มาชิกนคิ ม ใหต้ รวจสอบกับลกู หน้ี หรือข้อมลู ลูกหนี้ ๕. น�ำ เงนิ ฝากธนาคารกรุงไทยประเภทเงนิ ฝากคลงั จดั ท�ำ นส.๐๑ เพ่อื รับรูร้ ายไดห้ นว่ ยงานน�ำ ส่งเงนิ แบบผ่านรายการ นส.๐๒-๑ รายงานการรับรายไดแ้ ละน�ำ ส่งเงนิ คงคลงั จัดท�ำ GFMIS บช.๐๔ ประเภทเอกสาร RK ใบบนั ทึกรายการบัญชสี ำ�หรับเอกสารท่ีพกั ไว้ ๖. การนำ�ส่งเงินอยา่ งน้อยเดือนละ ๑ ครง้ั แต่ถ้ามเี งินทไี่ ดร้ บั ชำ�ระหน้ใี นวนั ใดรวมกนั เป็นจ�ำ นวน เกนิ กวา่ ๑๐,๐๐๐.- บาท ใหน้ �ำ ส่งในวนั ท�ำ การรุ่งขน้ึ การบันทึกบัญชีและรายงาน ๑. เม่ือรบั ช�ำ ระหน้จี ากลกู หนส้ี มาชกิ นิคม บันทกึ บญั ชเี งินสด คกู่ บั บญั ชีแยกประเภทท่เี กีย่ วขอ้ ง เชน่ บัญชลี ูกหน้ี บญั ชีดอกเบย้ี บัญชีดอกเบ้ยี ค้างรบั (ถา้ มี) ๒. เม่ือนำ�เงนิ สง่ แลว้ บันทกึ บญั ชีเงินสด คกู่ บั บญั ชีแยกประเภท บัญชเี งนิ ฝากคลัง ๓. รายงานการนำ�ส่งใหก้ องกจิ การนิคมสรา้ งตนเองและพัฒนาชาวเขาทราบ พรอ้ มสำ�เนาเอกสาร การน�ำ สง่ เงนิ และรายละเอียดลกู หน้ที ี่ชำ�ระหนอ้ี ย่างชา้ ภายใน ๓ วัน หลังการน�ำ สง่ เงนิ เพ่ือข้อมลู รายละเอียดลูกหนีน้ ิคมฯ และสว่ นกลางจะได้ถกู ตอ้ งตรงกนั ๔. ปดิ บญั ชีทุกส้ินเดอื น และจัดทำ�รายงานความเคล่ือนไหวประจ�ำ เดือนสง่ กองกจิ การนิคมสร้างตนเอง และพัฒนาชาวเขา ภายในวนั ท่ี ๕ ของเดือนถดั ไป หมายเหตุ หากไม่มรี ายการเคลอ่ื นไหวก็ให้ รายงานดว้ ย ๕. รายงานสรปุ ผลการเร่งรัดจัดเก็บสินเช่อื ประจ�ำ ปงี บประมาณ พรอ้ มรายละเอยี ดลูกหน้สี มาชิกนคิ ม ณ วันท่ี ๓๐ กนั ยายน ส่งกองกิจการนคิ มสร้างตนเองและพฒั นาชาวเขา ภายในวนั ที่ ๑๕ ตุลาคม ของทุกปี ๖. จัดท�ำ ใบรบั สภาพหน้ี ลูกหน้ีสมาชิกนิคม ณ วันท่ี ๓๐ กันยายน แล้วรายงานให้กองกิจการนคิ ม สร้างตนเองและพฒั นาชาวเขาทราบภายใน ๖๐ วัน นบั จากวันส้นิ ปีงบประมาณ เพือ่ ให้หน่วยงานที่ เกยี่ วข้องตรวจสอบและยืนยันยอดลกู หน้ีสมาชกิ นคิ ม 160 ร้อยเร่ืองราวเล่าขานงานนิคมฯ
เงินทุนหมนุ เวียนโครงการไทย – เยอรมนั งานเร่งรัดจัดเกบ็ สนิ เชื่อและนำ�ส่งเงิน ๑. แต่งตง้ั คณะกรรมการเร่งรดั จัดเก็บสนิ เช่อื ๒. จัดท�ำ แผนการเรง่ รัดจดั เกบ็ สนิ เชือ่ ประจำ�ปี / ติดตามเรง่ รดั จัดเกบ็ สินเช่ือ ให้เป็นไปอยา่ งต่อเนื่อง สม่ำ�เสมอ หากมีปญั หาอุปสรรคให้รายงานกองกิจการนคิ มสร้างตนเองและพฒั นาชาวเขาทราบเพอ่ื หาแนวทางแกไ้ ขต่อไป ๓. เมือ่ รบั ช�ำ ระหน้ีจากลูกหนส้ี มาชิกนิคม ให้ตรวจสอบกับการด์ ลกู หนี้ หรือข้อมลู ลูกหน้รี ายตัวทุกคร้ัง กอ่ นออกใบเสรจ็ รับเงนิ โดยใหร้ ะบรุ ายละเอียดให้ชดั เจน เชน่ ชอื่ ลกู หนส้ี มาชกิ นคิ ม ทะเบยี น/ผงั / แปลง จำ�นวนเงิน.................บาท (เงินต้น................บาท ดอกเบย้ี ...............บาท) เพ่อื สะดวก ในการบันทึกบัญชี ๔. บนั ทกึ การ์ดลูกหน้แี ละข้อมลู ลูกหน้รี ายตวั ทุกคร้งั เม่ือรับช�ำ ระหน้ี ๕. นำ�เงินฝากธนาคาร ธกส. สาขานางเล้งิ เลขท่ีบัญชี ๐๐๐-๑-๐๒๓๓๕-๖ นำ�ส่งเงินอยา่ งนอ้ ยเดอื นละ ๑ คร้งั แต่ถา้ มีเงินท่ไี ดร้ บั ช�ำ ระหนีใ้ นวนั ใดรวมกนั เปน็ จำ�นวนเกนิ กวา่ ๑๐,๐๐๐.- บาท ใหน้ ำ�สง่ ในวนั ทำ�การรงุ่ ขึน้ หมายเหตุ ๑. ไมต่ อ้ งเสยี คา่ ธรรมเนยี มนำ�สง่ เนื่องจากไดร้ บั การยกเวน้ เพราะเปน็ หนว่ ยงานราชการ ๒. ใชใ้ บเสรจ็ รับเงินทนุ หมนุ เวยี นไทย - เยอรมัน การบันทึกบญั ชแี ละรายงาน ๑. เมื่อรับช�ำ ระหน้ีจากลกู หนส้ี มาชกิ บันทึกบัญชเี งินสด คกู่ ับบัญชี แยกประเภททเี่ กี่ยวขอ้ ง (บญั ช ี ลูกหนี้ บัญชดี อกเบย้ี ) ๒. เมื่อน�ำ เงนิ ฝากธนาคาร บนั ทึกบัญชเี งนิ สด บญั ชีเงนิ ฝากธนาคาร ๓. เมอ่ื น�ำ สง่ เงนิ ฝากธนาคารแลว้ ตอ้ งรายงานใหก้ องกจิ การนคิ มสรา้ งตนเองและพฒั นาชาวเขาทราบ พร้อมสำ�เนาเอกสารใบนำ�ฝากและรายละเอยี ดลูกหนท้ี ชี่ �ำ ระหนี้ อย่างช้าภายใน ๕ วัน หลงั การนำ�ส่งเงนิ เพื่อขอ้ มลู รายละเอียดลูกหน้นี ิคมฯ และส่วนกลางจะได้ถูกต้องตรงกนั ๔. ปิดบญั ชีทกุ ส้นิ เดอื น และจัดท�ำ รายงานงบเดือนสง่ กรมฯ ภายในวนั ที่ ๓ ของเดือนถดั ไป เอกสารประกอบด้วย - งบทดลองประจำ�เดือน - รายงานเงินสดคงเหลอื ณ วันสิ้นเดือนนัน้ ๆ หมายเหตุ หากไมม่ ีรายการเคล่อื นไหวให้รายงานให้ทราบดว้ ย ไมต่ ้องแนบเอกสารประกอบงบเดือน ๕. รายงานงบการเงนิ ประจ�ำ ปี ภายในวนั ท่ี ๓๑ ตุลาคม ของทุกปี พรอ้ มเอกสารหลักฐานประกอบ - งบทดลองประจำ�ปี - รายงานเงินสดคงเหลือประจ�ำ วนั ที่ ๓๐ กนั ยายน - รายละเอยี ดลกู หนส้ี มาชิกนิคม ณ วันท่ี ๓๐ กนั ยายน - ใบโอน (ถ้ามี) ๖. จดั ทำ�ใบรับสภาพหนี้ ลกู หนสี้ มาชิกนคิ ม ณ วนั ที่ ๓๐ กันยายนของทุกปี แลว้ รายงานให้กองกจิ การ นคิ มสร้างตนเองและพฒั นาชาวเขาทราบภายใน ๖๐ วัน นับจากวนั ส้นิ ปีงบประมาณ เพอ่ื ให้หนว่ ย ตรวจสอบภายในตรวจสอบ ยนื ยนั ยอดลูกหนส้ี มาชิกนคิ มประกอบงบการเงนิ 161
เงินทุนหมุนเวียนโครงการหม่บู า้ นจัดสรรปันน�้ำ ใจ งานเรง่ รดั จัดเก็บสนิ เช่อื และการนำ�สง่ เงิน ๑. แต่งตง้ั คณะกรรมการเร่งรัดจัดเก็บสนิ เช่ือ ๒. จัดท�ำ แผนการเรง่ รดั จดั เกบ็ สนิ เช่อื ประจำ�ปี / ตดิ ตามเรง่ รัดจัดเกบ็ สนิ เช่ือ ใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งตอ่ เน่ือง สม่ำ�เสมอ หากมปี ัญหาอุปสรรคให้รายงานกองกิจการนคิ มสรา้ งตนเองและพัฒนาชาวเขาทราบเพือ่ หาแนวทางแกไ้ ขต่อไป ๓. เมื่อรบั ชำ�ระหนจี้ ากลูกหนี้สมาชกิ นิคม ให้ตรวจสอบกับการด์ ลกู หน้ี หรอื ขอ้ มูลลกู หนรี้ ายตวั ทกุ ครงั้ ก่อนออกใบเสรจ็ รับเงิน โดยใหร้ ะบุรายละเอยี ดให้ชดั เจน เชน่ ชื่อลูกหนสี้ มาชิกนคิ มทะเบียน / ผงั / แปลง จ�ำ นวนเงิน...............บาท เพ่อื สะดวกในการบนั ทกึ บญั ชี ๔. บันทึกการด์ ลูกหนแี้ ละขอ้ มูลลกู หนี้รายตัวทุกคร้งั เม่อื รบั ชำ�ระหน้ี ๕. ซื้อตวั๋ แลกเงินธนาคารกรุงไทย สั่งจ่ายในนามกรมพฒั นาสังคมและสวัสดกิ าร ๖. นำ�ส่งเงิน ๒ ทอ่ น อยา่ งนอ้ ยเดือนละ ๑ ครงั้ แต่ถ้ามเี งนิ ท่ีไดร้ บั ช�ำ ระหนใ้ี นวันใดรวมกันเป็นจำ�นวน เกิน ๑๐,๐๐๐.- บาท ใหน้ �ำ ส่งในวันทำ�การรงุ่ ขน้ึ การบนั ทึกบัญชแี ละรายงาน ๑. เม่อื รบั ช�ำ ระหนีจ้ ากลูกหนี้สมาชกิ นคิ ม บนั ทึกบัญชเี งนิ สด คู่กับบัญชลี กู หน้สี มาชกิ นคิ มเนอ่ื งจาก เงินทนุ หมบู่ า้ นจดั สรรปันน�้ำ ใจไมค่ ดิ ดอกเบยี้ ๒. เมือ่ น�ำ เงินส่งแล้ว บันทึกบญั ชีเงินสด คู่กับบญั ชเี งนิ ทนุ กชน. ๓. รายงานการนำ�สง่ ให้กองกจิ การนคิ มสร้างตนเองและพฒั นาชาวเขาทราบ พร้อมใบส�ำ สง่ ๒ ท่อน และรายละเอยี ดลูกหน้ีท่ชี ำ�ระหน้อี ยา่ งชา้ ภายใน ๓ วนั เพ่อื ข้อมลู รายละเอยี ดลูกหนีน้ ิคมฯ และ ส่วนกลางจะไดถ้ ูกตอ้ งตรงกัน ๔. ปดิ บัญชที ุกสน้ิ เดอื น และจดั ทำ�รายงานงบเดือนส่งกองกิจการนคิ มสร้างตนเองและพัฒนาชาวเขา ทราบ ภายในวันที่ ๕ ของเดือนถดั ไป เอกสารประกอบดว้ ย - งบทดลองประจ�ำ เดอื น - รายงานเงินสดคงเหลือ ณ วนั สน้ิ เดอื นนัน้ ๆ ๕. รายงานการเงนิ ประจ�ำ ปี ภายในวนั ที่ ๓๑ ตุลาคม ของทุกปี เอกสารประกอบดว้ ย - งบทดลองประจ�ำ ปี - รายงานเงินสดคงเหลือประจ�ำ วันที่ ๓๐ กันยายน - รายละเอยี ดลกู หนส้ี มาชกิ นิคม ณ วันที่ ๓๐ กันยายน - ใบโอน (ถ้าม)ี ๖. จดั ท�ำ ใบรับสภาพหน้ี ลกู หนสี้ มาชิกนิคม ณ วันท่ี ๓๐ กนั ยายนของทุกปี แลว้ รายงานให ้ กองกิจการ นคิ มสร้างตนเองและพฒั นาชาวเขาทราบ ภายใน ๖๐ วนั นับจากวันสนิ้ ปีงบประมาณ 162 รอ้ ยเรอ่ื งราวเลา่ ขานงานนิคมฯ
163
164 ร้อยเร่ืองราวเล่าขานงานนคิ มฯ
165
166 ร้อยเร่ืองราวเล่าขานงานนคิ มฯ
กรณศี กึ ษาประเด็นปัญหา ข้อกฎหมาย ข้อส่งั การ ระเบยี บ
๑. กรณีศกึ ษาประเดน็ ปญั หา ขอ้ ร้องเรียน ข้อพพิ าท ขอ้ กฎหมายและแนวทาง กรณีที่ ๑ กรณีสมาชกิ นิคม ใช้ยศหรอื ต�ำ แหนง่ ทางราชการนำ�หน้าชื่อ เปน็ การขาดคุณสมบัตขิ องสมาชิก นคิ มสรา้ งตนเอง ตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบญั ญัตจิ ัดทด่ี ิน เพอ่ื การครองชีพ พ.ศ.๒๕๑๑ หรือไม่ อย่างไร กรณที ่ี ๒ การด�ำ เนินการภายหลงั กรณที ศ่ี าลมคี �ำ พิพากษาให้เพิกถอนการเป็นสมาชกิ นิคมและเพิกถอน หนังสือแสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) ของสมาชิกนคิ ม กรณที ี่ ๓ กรณมี ีบุคคลครอบครองที่ดนิ ในพ้ืนท่ีปลกู ปา่ ทดแทนตามมตคิ ณะกรรมการจดั ทีด่ นิ แห่งชาติในเขต นิคมสรา้ งตนเอง กรณีท่ี ๔ กรณเี พิกถอนการเป็นสมาชิกนิคมสร้างตนเองและเพิกถอนหนงั สือแสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) กรณีศาลมีค�ำ พพิ ากษาถงึ ที่สุด กรณีอธบิ ดกี รมฯ มีคำ�ส่ัง กรณีท่ี ๕ กรณสี มาชิกนคิ มขอจัดทีด่ ินเพิม่ ซึ่งกรมพฒั นาสังคมและสวัสดกิ าร มอบอำ�นาจใหผ้ ้วู ่าราชการจังหวดั ปฏิบัตริ าชการแทนอธบิ ดี ตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบญั ญตั ิจดั ทีด่ ินเพอ่ื การครองชีพ พ.ศ.๒๕๑๑ แตผ่ ู้ว่าราชการจงั หวดั พจิ ารณาอนุญาตให้สมาชกิ นิคมเข้าทำ�ประโยชน์ในทด่ี นิ ซงึ่ สมาชกิ นคิ มจะ ให้อธบิ ดีฯ เป็นผลู้ งนามอนญุ าตเน่อื งจากเป็นผู้มอบอ�ำ นาจให้ผวู้ ่า กรณีที่ ๖ กรณีมผี ยู้ ื่นคำ�ร้องคัดค้านการสมัครสมาชิกนิคมสรา้ งตนเอง โดยกลา่ วอ้างการครอบครองเดิม ซงึ่ ไม่มหี ลักฐานการแจ้งการครอบครอง กรณที ่ี ๗ กรณีการโตแ้ ยง้ สทิ ธิหนังสือแสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) ในทดี่ ินของสมาชิกนิคมสร้างตนเอง กรณที ่ี ๘ แนวทางปฏบิ ตั ิกรณสี มาชกิ นิคม (ออก น.ค.๓) แล้ว ซึ่งไดฝ้ า่ ฝืนพระราชบัญญตั ิจัดทดี่ ินเพ่ือการ ครองชีพ พ.ศ.๒๕๑๑ ไปจากนคิ มฯ กอ่ นท่จี ะไดร้ บั หนงั สือแสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) เกินหกเดือน ท�ำ ใหข้ าดคณุ สมบัติการเปน็ สมาชิกนคิ ม หมดสทิ ธิ์ในที่ดนิ ซงึ่ นคิ มฯ จะนำ�ทด่ี ินแปลงมาจดั สรรให้ กบั สมาชกิ นิคมรายอนื่ เขา้ ทำ�ประโยชนไ์ ด้หรือไม่ กรณีที่ ๙ กรณมี ผี ู้บกุ รกุ ครอบครองทด่ี นิ ในเขตนคิ มสรา้ งตนเอง โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าต กรณีที่ ๑๐ การรับสทิ ธแิ ทนผถู้ งึ แก่กรรมทไ่ี ดร้ บั น.ค.๑ แลว้ กรณีที่ ๑๑ การรบั สิทธแิ ทนผ้ถู งึ แกก่ รรมท่ไี ดร้ ับ น.ค.๓ แล้ว กรณีท่ี ๑๒ กรณที ายาทโดยธรรมเกินกวา่ หนึ่งคนขอรับสิทธใิ นทดี่ นิ แทนสมาชกิ นคิ มทถ่ี งึ แก่กรรม กรณีที่ ๑๓ กรณีขอคดั สำ�เนาเอกสารของทางราชการ (คัดถ่ายส�ำ เนาหนงั สอื ,สำ�เนาบันทึกถอ้ ยคำ�) กรณีที่ ๑๔ กรณกี ารขอคัดถ่ายเอกสารที่เก่ียวข้องกับการได้มาซ่ึงโฉนดทีด่ นิ ของสมาชิกนคิ มสร้างตนเอง กรณีที่ ๑๕ สมาชิกนคิ มอทุ ธรณ์คดั ค้านกรณกี รมฯ มคี �ำ สั่งเพกิ ถอน น.ค.๓ ของสมาชิกนคิ ม เนอื่ งจากได้ออก ไปจากนิคมก่อนท่ีจะได้รบั น.ค.๓ โดยไมไ่ ด้รับอนุญาตจากอธิบดี 168 รอ้ ยเรือ่ งราวเล่าขานงานนคิ มฯ
กรณีที่ ๑๖ กรณรี าษฎรมาสมัครเปน็ สมาชิกนคิ มสร้างตนเอง หรอื ขอออกหนงั สืออนญุ าตให้เขา้ ท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๑) หรือหนังสือแสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) แต่พ้นื ท่ดี งั กล่าวอยใู่ นเขตพน้ื ทีป่ า่ เขา ภเู ขา หรือพ้ืนท่ซี ึง่ มีความลาดชนั เกิน ๓๕ % ควรด�ำ เนนิ การอยา่ งไร กรณที ี่ ๑๗ กรณีราษฎรครอบครองทำ�ประโยชน์ในที่ดินตามหลกั ฐาน น.ส.๒, น.ส.๓ และ น.ส.๓ ข ไปขอ ออกโฉนดทดี่ นิ ในพ้ืนท่ปี า่ ไม้ส่วนกลาง ๒๐ % ๒. หนังสอื / ขอ้ ส่ังการ ใช้ประกอบการปฏิบตั งิ านนิคมสรา้ งตนเอง ๑. หนังสอื ท่ี พม. ๐๖๐๓.๗ / ๔๕๓ ลงวันที่ ๒๒ มถิ ุนายน ๒๕๕๘ เรอ่ื งแนวทางการดำ�เนินงานการบุกรกุ พ้นื ท่นี คิ มสร้างตนเอง ๒. หนังสือ ที่ พม. ๐๖๐๓.๗ / ๓๗๙ ลงวันที่ ๓ มถิ นุ ายน ๒๕๕๘ เรือ่ งหารอื แนวทางปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับการขอรบั สิทธิที่ดินแทนสมาชกิ นคิ มเสียชวี ิต ๓. หนังสอื ที่ พม. ๐๓๑๘ / ๑๑๔๕๘ ลงวันที่ ๑๖ ตลุ าคม ๒๕๕๗ เรื่องการกำ�หนดแนวทางปฏบิ ัติการแก้ไขรายละเอยี ดในรายการคำ�นวณการรงั วดั ทด่ี ินและระวาง แผนทีเ่ พือ่ ใชเ้ ปน็ หลกั ฐานประกออบในการออก น.ค.๓ ๔. หนังสือ ท่ี พม. ๐๓๑๖.๔ / ๑๐๘๕ ลงวนั ท่ี ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ เรื่องหารือเก่ยี วกับการออกโฉนดทีด่ นิ บางส่วนทับท่ีสาธารณะ ๕. หนงั สอื ท่ี พม. ๐๓๑๖.๔ / ๙๗๗ ลงวนั ท่ี ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ เร่ืองหารอื แนวทางปฏิบัตเิ กย่ี วกับการแบง่ แยกหนงั สือแสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) ๖. หนงั สือที่ รส ๐๔๐๕ / ว ๖๘๔๑๙ ลงวันท่ี ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๕ เรือ่ งการออกหนงั สือสำ�คญั ตามประมวลกฎหมายทดี่ นิ ให้แกร่ าษฎรทม่ี ีหลกั ฐาน ส.ค.๑ ในเขตนคิ ม สรา้ งตนเอง ๗. หนงั สอื ท่ี รส ๐๔๐๕ / ว.๘๖๕๖ ลงวันท่ี ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ เร่ืองการออกหนงั สือสำ�คัญตามประมวลกฎหมายท่ดี ินใหแ้ กร่ าษฎรที่มีหลักฐาน ส.ค.๑ ในเขตนิคม สรา้ งตนเอง ๘. หนงั สอื ที่ รส ๐๔๑๙ / ๑๓๑๑ ลงวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๔๑ เรอ่ื งขอหารอื การออกหนังสือสำ�คญั สำ�หรับทหี่ ลวงในเขตนิคมฯ ๙. หนังสือ ที่ มท. ๑๐๐๒ / ๔๑๔๖ ลงวันที่ ๒๓ มถิ นุ ายน ๒๕๑๙ เร่อื งหารือกรณีราษฎรและสมาชิกนคิ มขอปลกู สรา้ งตกึ แถวและอาคารในเขตนิคมสร้างตนเอง ๑๐. หนังสือท่ี พม ๐๓๑๘ / ๕๘๗๕ ลงวนั ท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เรอื่ งการก�ำ หนดแนวปฏิบัตกิ ารแกไ้ ขรายละเอียดในการการค�ำ นวณรังวดั ทด่ี นิ และระวางแผนทเี่ พ่อื ใช ้ เป็นหลกั ฐานประกอบการออก น.ค.๓ ๑๑. หนงั สอื ที่ พม. ๐๓๒๐ / ๑๘๙๒ ลงวนั ท่ี ๑๓ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๒ เร่ืองการตรวจสอบการครอบครองที่ดนิ ประกอบการออกหนังสือแสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) 169
๑๒. หนงั สอื ที่ พม ๐๖๐๘ / ว ๑๐๗๘๖ ลงวันท่ี ๑๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ เรอ่ื งหลกั เกณฑก์ ารขอรับการสนบั สนุนเงินทนุ หมุนเวียนโครงการไทย-เยอรมัน ๑๓. ระเบยี บกรมพฒั นาสังคมและสวสั ดกิ าร ว่าดว้ ยการด�ำ เนนิ งานโครงการพฒั นานคิ มสร้างตนเองไทย - เยอรมนั พ.ศ.๒๕๔๖ และท่แี กไ้ ขเพมิ่ เติม (ฉบับท่ี ๒ และฉบับท่ี ๔) ๑๔. ค�ำ ส่ังกรมประชาสงเคราะห์ ท่ี ๒๑ / ๒๕๑๓ ลงวนั ท่ี ๑๓ มกราคม ๒๕๑๓ เรอื่ งระเบยี บการประชมุ ของคณะกรรมการพิจารณาคัดเลอื กราษฎรเข้าเปน็ สมาชกิ นิคมสรา้ งตนเอง ๑๕. คำ�สงั่ กรมพฒั นาสังคมและสวสั ดิการที่ ๑๓๕๐ / ๒๕๕๘ ลงวนั ท่ี ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เรื่องการตรวจสอบการครอบครองทีด่ ินประกอบการออกหนงั สอื แสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) ๑๖. ค�ำ สั่งกรมพัฒนาสังคมและสวัสดกิ ารที่ ๑๓๕๑ / ๒๕๕๘ ลงวนั ท่ี ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เรือ่ ง การมอบอ�ำ นาจให้ผูว้ ่าราชการจงั หวัดปฏิบตั ริ าชการแทน ๑๗. คำ�สงั่ กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนษุ ย์ ที่ ๗๒ / ๒๕๔๖ ลงวนั ท่ี ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เร่ือง แต่งต้งั คณะกรรมการพิจารณาคดั เลือกราษฎรเข้าเป็นสมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเอง ๑๘. พระราชบญั ญัตจิ ัดทด่ี ินเพ่ือการครองชพี พ.ศ.๒๕๑๑ 170 รอ้ ยเรือ่ งราวเลา่ ขานงานนิคมฯ
กรณีศกึ ษาประเดน็ ปัญหาขอ้ รอ้ งเรยี น ข้อพิพาท ข้อกฎหมายและแนวทาง กรณีที่ ๑ สมาชกิ นิคม ใช้ยศหรอื ตำ�แหนง่ ทางราชการน�ำ หน้าช่ือ เปน็ การขาดคุณสมบตั ิ ของสมาชกิ นคิ ม สรา้ งตนเอง ตามมาตรา ๒๒ แหง่ พระราชบญั ญัตจิ ดั ท่ดี ินเพือ่ การครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ หรือไม่อยา่ งไร ขอ้ กฎหมาย พระราชบญั ญตั จิ ัดทดี่ ินเพ่อื การครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๒๒ บญั ญัตวิ ่า ผูซ้ ึง่ จะเข้าเป็นสมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเอง ต้องมคี ุณสมบตั ดิ ังต่อไปน้ี (๗) ไม่มีอาชพี อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงในขณะนนั้ พอแกก่ ารครองชพี แนวทาง การพิจารณาคุณสมบตั ขิ องบคุ คลทจ่ี ะสมคั รเข้าเป็นสมาชิกสร้างตนเองตามความในมาตรา ๒๒ (๗) นน้ั จะพิจารณาในขณะที่ย่ืนสมคั รสมาชกิ นิคม หากปรากฏวา่ ไมม่ อี าชพี หรอื มอี าชีพแตไ่ มเ่ พียงพอแก่การครองชีพ กส็ ามารถสมัครเขา้ เปน็ สมาชกิ นคิ มได้ กรณที สี่ มาชิกนคิ มมียศหรอื ตำ�แหนง่ ทางราชการน�ำ หนา้ ช่อื แตป่ รากฏวา่ สมาชกิ นิคมผนู้ น้ั ได้ลาออก จากราชการ (โดยมีค�ำ สงั่ ) ก่อนวันที่ย่นื ค�ำ รอ้ งขอสมัครเปน็ สมาชิกนิคมสร้างตนเอง จึงถือได้ว่าสมาชิกนคิ ม รายดังกล่าว ไมไ่ ดเ้ ป็นข้าราชการนบั แตว่ นั ทีไ่ ด้มคี �ำ สั่งให้ลาออกจากราชการ ดังน้นั หากตรวจสอบขอ้ เทจ็ จริง แลว้ ปรากฏวา่ ในขณะทสี่ มัครสมาชกิ นคิ ม สมาชิกนคิ มรายดังกล่าวไมม่ ีอาชีพหรือมอี าชพี แตไ่ มเ่ พียงพอแกก่ าร ครองชีพและมคี ณุ สมบตั คิ รบถว้ นตามมาตรา ๒๒ แหง่ พระราชบญั ญัตจิ ดั ท่ดี ินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ สมาชกิ นิคมรายดงั กลา่ วก็สามารถเป็นสมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเองได้ 171
กรณีท่ี ๒ การดำ�เนินการภายหลังกรณีท่ีศาลมีคำ�พิพากษาให้เพิกถอนการเป็นสมาชิกนิคมและเพิกถอน หนังสือแสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) ของสมาชิกนิคม ข้อกฎหมาย พระราชบัญญตั จิ ดั ท่ีดนิ เพอ่ื การครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๖ บญั ญัติ ใหร้ ัฐบาลมีอำ�นาจจดั ทดี่ ินของรัฐ เพื่อให้ประชาชนไดม้ ที ต่ี ้ังเคหะสถานและประกอบ อาชีพเปน็ หลักแหลง่ ในทดี่ นิ นน้ั โดยจัดตง้ั เป็นนิคมตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ แนวทาง กรณที ศ่ี าลได้มีค�ำ พิพากษาใหเ้ พิกถอนการเป็นสมาชิกนคิ มสร้างตนเอง และเพิกถอนหนงั สือแสดง การท�ำ ประโยชนท์ ีอ่ อกใหแ้ กส่ มาชกิ นคิ ม เน่ืองจากไมช่ อบตามพระราชบัญญัตจิ ัดที่ดนิ เพอื่ การครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ ดงั นน้ั เม่อื นิคมไดด้ �ำ เนนิ การเพกิ ถอนการเป็นสมาชิกนคิ มและเพกิ ถอน น.ค.๓ ของสมาชิกนคิ มแล้ว ทีด่ นิ จึงกลับเปน็ ทด่ี ินของรัฐ ซง่ึ สามารถนำ�ไปจัดใหส้ มาชกิ นิคมที่มีคณุ สมบตั ิตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราช บญั ญตั จิ ัดทดี่ นิ เพ่ือการครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ ตอ่ ไปได้ กรณที ่ี ๓ กรณมี บี คุ คลครอบครองที่ดินในพื้นท่ปี ลูกปา่ ทดแทนตามมตคิ ณะกรรมการจดั ที่ดนิ แห่งชาติ ในเขต นิคมสรา้ งตนเอง ขอ้ กฎหมาย พระราชบญั ญตั จิ ัดทด่ี นิ เพ่อื การครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๖ บญั ญตั ิ ให้รฐั บาลมีอ�ำ นาจจดั ทดี่ ินของรัฐ เพอ่ื ใหป้ ระชาชนไดม้ ที ่ตี ้งั เคหะสถาน และ ประกอบอาชีพเป็นหลกั แหลง่ ในทดี่ นิ นนั้ โดยจดั ตง้ั เป็นนคิ มตามพระราชบัญญัตินี้ แนวทาง ท่ีดินที่รัฐสามารถนำ�มาจัดสรรให้กับประชาชนเพ่ือเป็นที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพหาเล้ียง ครอบครวั ตอ้ งเป็นทด่ี นิ รกรา้ งวา่ งเปลา่ ไม่มบี ุคคลใดมสี ทิ ธโิ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย ไมเ่ ปน็ ที่หวงห้ามหรือท่ี สาธารณะ ซ่ึงทีด่ นิ ท่คี ณะกรรมการจัดทด่ี ินแห่งชาตมิ มี ตใิ ห้ปลูกป่าทดแทน จึงเป็นที่หวงหา้ มไมส่ ามารถนำ�มา จัดใหแ้ กส่ มาชิกนิคมหรืออนญุ าตให้บุคคลใดใช้ประโยชน์ การเข้าครอบครองที่ดินปลูกป่าทดแทนจึงเป็นการ กระทำ� ทไ่ี มช่ อบดว้ ยกฎหมาย 172 รอ้ ยเร่อื งราวเล่าขานงานนคิ มฯ
กรณที ่ี ๔ กรณเี พิกถอนการเป็นสมาชิกนคิ มสรา้ งตนเองและเพิกถอนหนังสือแสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) ๔.๑ กรณศี าลมีค�ำ พิพากษาถึงท่ีสดุ ขอ้ กฎหมาย พระราชบญั ญตั จิ ดั ทดี่ ินเพ่อื การครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๖ ใหร้ ัฐบาลมอี ำ�นาจจดั ทดี่ ินของรัฐ เพอ่ื ให้ประชาชนไดม้ ที ่ีตัง้ เคหะสถานและประกอบอาชีพ เป็นหลักแหล่งในทีด่ ินนนั้ โดยจัดตั้งเป็นนคิ มสรา้ งตนเองตามพระราชบัญญัตนิ ี้ แนวทาง กรณที ่ีศาลได้มีค�ำ พิพากษาให้เพกิ ถอนการเป็นสมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเอง และเพิกถอนหนังสือแสดง การทำ�ประโยชน์ทอ่ี อกให้แก่สมาชิกนคิ ม เนื่องจากไม่ชอบตามพระราชบัญญัตจิ ดั ทดี่ ินเพ่ือการครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ ดงั น้ัน กรมฯ สามารถเพิกถอนการเปน็ สมาชกิ นิคมและเพิกถอน น.ค.๓ ของสมาชกิ นิคมรายดงั กล่าวได้ และเมื่อกรมฯ ไดด้ ำ�เนินการเพิกถอนการเปน็ สมาชิกนิคมและเพกิ ถอน น.ค.๓ ของสมาชกิ นคิ มแล้ว ทีด่ ินจึง กลับเป็นทดี่ นิ ของรฐั ซึง่ สามารถนำ�ไปจัดใหส้ มาชกิ นิคมที่มคี ณุ สมบตั ิตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบญั ญตั ิจดั ทีด่ ินเพ่ือการครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ ตอ่ ไปได้ หมายเหตุ : กรมฯ สามารถเพกิ ถอน น.ค.๓ ตามค�ำ พพิ ากษาถงึ ทสี่ ดุ ของศาลได้ โดยไมต่ อ้ งตรวจสอบขอ้ เทจ็ จริง เนอ่ื งจากศาลไดพ้ จิ ารณาตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และได้ขอ้ เทจ็ จริงอันเปน็ ท่ยี ุติแลว้ ๔.๒ กรณีอธบิ ดกี รมฯ มีคำ�ส่ัง ขอ้ กฎหมาย พระราชบญั ญัติจัดท่ดี นิ เพอื่ การครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๒๘ ใหอ้ ธิบดีกรมประชาสงเคราะห์มอี ำ�นาจส่ังให้สมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเองออกจากนคิ ม สรา้ งตนเองด้วยเหตหุ นงึ่ เหตใุ ดต่อไปน้ี (๑) ไม่ใช้ทดี่ นิ ทำ�ประโยชนใ์ ห้ถกู ต้องตามมาตรา ๙ (เพื่อท�ำ การเกษตร, ทำ�อยา่ งอ่ืน แต่ตอ้ งได้รับ อนญุ าตจากอธิบดี) (๒) ปรากฏว่าเป็นผขู้ าดคณุ สมบตั ติ ามมาตรา ๒๒ (เช่น มีสัญชาตไิ ทย, บรรลุนติ ภิ าวะ, มคี วาม ประพฤตดิ ีขยันขนั แขง็ , ไมเ่ ปน็ คนวกิ ลจริต, ไมม่ ีทด่ี ินทำ�กิน, ไมม่ ีอาชพี ) (๓) ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๒๗ (เชน่ ประพฤตแิ ละปฏิบัติตนเรยี บร้อย, สร้างบา้ นพกั ตามแบบแปลน แผนนคิ ม,ปฏบิ ตั ติ ามค�ำ แนะนำ�ผปู้ กครอง, ฯลฯ) มาตรา ๒๙ สมาชิกนิคมสรา้ งตนเองสนิ้ สภาพการเป็นสมาชิกนคิ มสร้างตนเอง เมื่อลาออกหรือ ถูกส่ัง ใหอ้ อกตามมาตรา ๒๘ 173
แนวทาง ใหอ้ ธบิ ดีกรมประชาสงเคราะห์หรอื อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์มอบหมาย ประกาศเพกิ ถอน การเปน็ สมาชกิ นิคมสร้างตนเองและหนงั สอื แสดงการทำ�ประโยชน์ ในที่ดินนบั แตว่ นั ทีส่ มาชิกนคิ มสรา้ งตนเองลาออก หรอื ถูกสั่งใหอ้ อก และให้ผู้ปกครองนคิ มด�ำ เนนิ การเกยี่ วกับทรัพย์สนิ และหน้ีสินของสมาชกิ นิคมฯ เกี่ยวกับ กิจการของนคิ มตามระเบยี บท่อี ธิบดฯี กำ�หนด หมายเหตุ : พระราชบัญญัติจดั ท่ีดนิ เพอ่ื การครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ ไมม่ บี ทบัญญัติใหม้ กี ารประกาศยกเลิก หนังสือการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) จงึ จ�ำ เป็นตอ้ งอาศัยบทกฎหมายท่ีใกล้เคียงอยา่ งยงิ่ มาพิจารณา คอื มาตรา ๖๑ แหง่ ประมวลกฎหมายท่ีดิน กล่าวคอื กอ่ นด�ำ เนนิ การประกาศยกเลกิ หนังสอื แสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) จงึ จะต้องตรวจสอบให้ได้ขอ้ เท็จจรงิ อนั เปน็ ท่ยี ตุ กิ อ่ น วา่ การได้มาซึง่ ของ น.ค. ๓ ของสมาชิกนคิ มฯ น้นั ไม่ ชอบตามพระราชบญั ญัติจดั ท่ดี นิ เพื่อการครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ : เมื่อมีค�ำ ส่ังเพกิ ถอน กรมฯ ต้องแจง้ สิทธิในการอุทธรณค์ �ำ ส่งั เพกิ ถอนการเป็นสมาชิกนคิ ม และเพกิ ถอนหนังสือแสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) ให้สมาชิกนคิ มรายดังกลา่ วทราบ (การยนื่ อุทธรณ์หรอื โต้ แย้งคำ�สัง่ ต่อกรมฯ ใหย้ นื ภายใน ๑๕ วัน นบั แต่ไดร้ ับคำ�สัง่ ตามมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญตั ิวิธปี ฏบิ ตั -ิ ราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙) 174 รอ้ ยเรอื่ งราวเล่าขานงานนิคมฯ
กรณีท่ี ๕ กรณสี มาชิกนคิ มขอจัดท่ีดินเพิ่ม ซึง่ กรมพัฒนาสงั คมและสวัสดกิ าร มอบอำ�นาจให้ผูว้ า่ ราชการ จงั หวดั ปฏบิ ัติราชการแทนอธบิ ดี ตามมาตรา ๘ แหง่ พระราชบญั ญตั จิ ดั ทีด่ นิ เพอื่ การครองชพี พ.ศ.๒๕๑๑ (ค�ำ สงั่ กรมพฒั นาสงั คมและสวัสดิการ ที่ ๔๘๔/๒๕๕๖ ลงวนั ที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖) แตผ่ ู้วา่ ราชการ จงั หวัด ไม่พจิ ารณาอนุญาตให้สมาชกิ นคิ มเขา้ ท�ำ ประโยชนใ์ นท่ีดนิ ซงึ่ สมาชกิ นิคมจะให้อธิบดีฯ เป็นผู้ลงนาม อนุญาต เนื่องจากเป็นผมู้ อบอำ�นาจให้ผู้วา่ ขอ้ กฎหมาย พระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารราชการแผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔๐ ในการมอบอำ�นาจ ให้ผูม้ อบอำ�นาจพจิ ารณาถึงการอ�ำ นวยความสะดวกแกป่ ระชาชน ความรวดเรว็ ในการปฏิบตั ริ าชการ การกระจายความรับผดิ ชอบตามสภาพของต�ำ แหน่งของผู้รับมอบอ�ำ นาจ และใหผ้ ูร้ บั มอบอ�ำ นาจต้องปฏิบตั ิหน้าท่ที ่ไี ดร้ บั มอบอำ�นาจตามวัตถปุ ระสงค์ของการมอบอ�ำ นาจดงั กล่าว เมอื่ ไดร้ ับมอบอ�ำ นาจแล้ว ผูม้ อบอำ�นาจมหี นา้ ท่ีกำ�กับดูแลและติดตามผลการปฏิบตั ริ าชการของผูร้ ับมอบอ�ำ นาจ และใหม้ ีอำ�นาจแนะนำ�หรอื แก้ไขการปฏิบตั ิราชการของผู้รับมอบอ�ำ นาจได้ แนวทาง เม่อื อธบิ ดีกรมพฒั นาสังคมและสวัสดิการมอบอ�ำ นาจให้ผ้วู ่าราชการจงั หวดั แล้ว ดงั นั้นอธบิ ดีฯ จงึ มี หนา้ ท่ีกำ�กบั ดแู ลและติดตามผลการปฏิบตั ริ าชการของผ้รู ับมอบอำ�นาจและมอี �ำ นาจแนะนำ�หรือแกไ้ ข การปฏิบตั ิ ราชการของผู้รับมอบอ�ำ นาจไดเ้ ท่าน้ัน 175
กรณีที่ ๖ กรณีมีผู้ย่ืนคำ�ร้องคัดค้านการสมัครสมาชิกนิคมสร้างตนเองโดยกล่าวอ้างการครอบครองเดิม ซ่งึ ไม่มหี ลักฐานการแจง้ การครอบครอง ขอ้ กฎหมาย พระราชบัญญตั ิจัดท่ดี นิ เพอ่ื การครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๘ บญั ญัติ ใหอ้ ธบิ ดมี ีอ�ำ นาจอนญุ าตให้สมาชิกนิคมเข้าท�ำ ประโยชน์ในทีด่ นิ ของนิคมตามกำ�ลัง แหง่ ครอบครัวของสมาชิกนคิ มนั้น แตไ่ ม่เกนิ ครอบครัวละห้าสิบไร่ แนวทาง หากท่ีดนิ ทีน่ �ำ มาสมคั รเปน็ สมาชกิ นิคมสรา้ งตนเองมกี รณพี ิพาท หรอื มีการกลา่ วอ้างการครอบครอง ท�ำ ประโยชนใ์ นท่ดี นิ มากกวา่ หน่ึงราย ให้ระงับการอนญุ าตให้เข้าทำ�ประโยชนท์ ี่ดินแปลงพิพาทจนกว่าจะตกลง กันไดห้ รอื จนกวา่ มีค�ำ พิพากษา หรือค�ำ สง่ั ศาลถงึ ทส่ี ดุ วา่ ผู้ใดเปน็ ผ้คู รอบท�ำ ประโยชนใ์ นทีด่ ินจึงจะสามารถ ด�ำ เนินการตอ่ ไปได้ อนึง่ การบรรจสุ มาชกิ นคิ มสร้างตนเองให้ดำ�เนินการตามพระราชบัญญตั ิจดั ทีด่ ินเพ่ือการ ครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยเครง่ ครดั 176 รอ้ ยเรอ่ื งราวเล่าขานงานนคิ มฯ
กรณที ี่ ๗ กรณกี ารโต้แย้งสทิ ธิหนงั สอื แสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) ในทีด่ นิ ของสมาชกิ นิคมสรา้ งตนเอง ขอ้ กฎหมาย พระราชบญั ญัตจิ ัดที่ดินเพ่ือการครองชีพ พ.ศ.๒๕๑๑ มาตรา ๑๑ วรรคแรกบัญญตั วิ ่า ภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๒๖ และ ๔๐ เมอื่ สมาชิกนิคม ไดท้ ำ�ประโยชน์ ในที่ดินแลว้ และได้เปน็ สมาชกิ นิคมมาเปน็ เวลาเกนิ กวา่ ห้าปี ทงั้ ได้ชำ�ระทนุ รฐั บาลได้ลงไป ตามมาตรา ๑๐ และ ช�ำ ระหน้เี กย่ี วกบั กิจการของนิคมใหแ้ กท่ างการเรียบร้อยแล้ว ใหอ้ อกหนังสือแสดงการทำ�ประโยชนใ์ ห้แก่ผนู้ ้ัน แนวทาง กรณีทมี่ ีการโต้แย้งสทิ ธใิ นท่ดี นิ ท่ีมหี นังสอื แสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) ซง่ึ นคิ มสร้างตนเองได้มอบ น.ค.๓ ใหส้ มาชกิ นคิ มไปแล้ว จึงเป็นการรับรองวา่ สมาชกิ นคิ มผนู้ ั้น เปน็ ผู้ทค่ี รอบครองทำ�ประโยชนใ์ นทด่ี นิ แปลงดังกล่าว ดังนั้นการโต้แยง้ สิทธอิ ยา่ งใดๆ ในทด่ี ินท่ีได้ออก น.ค.๓ ไปแลว้ ผ้โู ตแ้ ย้งจะต้องไปด�ำ เนินการเพื่อ ใหไ้ ดค้ �ำ สัง่ หรือค�ำ พิพากษาถึงที่สดุ ของศาล วา่ ผใู้ ดเปน็ ผ้คู รอบครองทำ�ประโยชน์ในทด่ี ิน จงึ จะสามารถยกเลิก น.ค.๓ ท่ีออกให้แกส่ มาชกิ นิคม และจดั ท่ีดนิ ใหแ้ กผ่ ูม้ ีสิทธิตามกฎหมายต่อไปได้ 177
กรณที ี่ ๘ แนวทางปฏิบตั กิ รณสี มาชิกนิคม (ออก น.ค.๓) แล้ว ซงึ่ ไดฝ้ า่ ฝนื พระราชบญั ญัติจัดท่ดี ิน เพื่อการ ครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ ไปจากนคิ มฯ ก่อนท่จี ะไดร้ ับหนังสือแสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) เกินหกเดอื น ทำ�ให้ ขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชกิ นิคม หมดสทิ ธใ์ิ นทดี่ นิ ซ่ึงนิคมฯ จะน�ำ ทด่ี นิ แปลง มาจัดสรรใหก้ บั สมาชกิ นิคม รายอื่น เขา้ ทำ�ประโยชนไ์ ด้หรือไม่ ข้อกฎหมาย พระราชบญั ญัตจิ ัดท่ีดินเพือ่ การครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๑๑ รายไดบ้ งั คับแหง่ มาตรา ๒๖ และมาตรา ๔๐ เมือ่ สมาชิกนคิ มไดท้ ำ�ประโยชน์ในท่ีดินแล้ว และไดเ้ ป็นสมาชิกนิคมมาเปน็ เวลาเกินกวา่ ห้าปี ทงั้ ไดช้ ำ�ระเงนิ ชว่ ยทุนรัฐทไ่ี ดล้ งไปตามมาตรา ๑๐ และชำ�ระ หนเ้ี กี่ยวกับกจิ การของนิคมให้แกท่ างราชการเรยี บร้อยแลว้ ใหอ้ อกหนงั สอื แสดงการทำ�ประโยชน์ให้แกผ่ ู้นน้ั มาตรา ๑๓ ก่อนท่จี ะไดร้ ับหนงั สือแสดงการท�ำ ประโยชนต์ ามมาตรา ๑๑ วรรคหนงึ่ สมาชิกนิคม ใด ไปจากนคิ มเกินหกเดอื นโดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาตจากอธบิ ดหี รือผซู้ ่งึ อธิบดมี อบหมาย เปน็ อนั ขาด จากการเป็น สมาชกิ นิคมและหมดสทิ ธิ์ในทดี่ นิ น้ัน และจะเรียกร้องค่าทดแทนอย่างอ่ืนใดมไิ ด้ แนวทาง กรณสี มาชิกนิคมได้รบั น.ค. ๓ แลว้ ส�ำ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไดใ้ หค้ วามเห็นว่าไมเ่ ป็นเหตุ เพิกถอน หากคุณสมบตั ิในการรับ น.ค. ๓ ครบแลว้ และกฎหมายไม่ได้บัญญัตเิ หตุใหเ้ พิกถอนในกรณลี ะทิ้งทดี่ ิน ภายหลังได้รับ น.ค.๓ กฎหมายบญั ญตั ิเฉพาะกอ่ นไดร้ บั น.ค.๓ 178 ร้อยเรื่องราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
กรณีที่ ๙ กรณมี ผี ้บู กุ รุกครอบครองทด่ี นิ ในเขตนิคมสร้างตนเอง โดยไมไ่ ด้รบั อนุญาต ข้อกฎหมาย พระราชบัญญตั ิจัดท่ดี นิ เพือ่ การครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๑๘ วรรคหนง่ึ กำ�หนดว่า ผใู้ ดไมม่ สี ทิ ธิครอบครองหรอื อาศยั ในท่ีดนิ ภายในเขตนิคมโดยชอบ ดว้ ยกฎหมาย ตอ้ งรอ้ื ถอนขนยา้ ยส่งิ ปลูกสร้างและส่งิ อน่ื ออกจากนคิ มภายในสามสบิ วนั นบั แต่วนั ทีท่ ราบ ค�ำ สง่ั จากอธบิ ดี แนวทาง กรณีมีผู้บกุ รุกครอบครองหรอื อาศัยในทดี่ ินในเขตนคิ มฯ โดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย นคิ มฯ สามารถ ด�ำ เนนิ การได้ ๒ กรณี ๑. เมือ่ นคิ มฯตรวจสอบแล้วพบว่ามผี ู้ไมม่ ีสทิ ธิครอบครองหรอื อาศยั ในที่ดินในเขตนิคมฯ ผ้ปู กครอง นคิ มจะตอ้ งรวบรวมพยานหลักฐานเสนอตอ่ อธบิ ดี เพอ่ื ออกคำ�สั่งให้ผ้ไู ม่มีสิทธิครอบครองหรอื อาศยั ในทด่ี นิ รอ้ื ถอน ขนย้ายส่งิ ปลกู สร้างและส่งิ อ่นื ออกจากท่ีดนิ ของนิคมฯ ภายในสามสิบวัน ทง้ั น้ี ค�ำ สง่ั ให้รื้อถอนขนยา้ ยส่งิ ปลูกสร้างและสิ่งอืน่ ออกจากทด่ี นิ เป็นคำ�สง่ั ทางปกครอง การจัดท�ำ คำ�ส่งั จะต้องเปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั วิ ิธี ปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือ ๒. เม่อื นิคมฯ ตรวจสอบแลว้ พบวา่ มีผไู้ ม่มีสทิ ธิครอบครองหรอื อาศยั ในทดี่ นิ ในเขตนิคมฯ ใหผ้ ้ปู กครอง นิคมฯ รวบรวมพยานหลกั ฐานเสนอต่ออธบิ ดี เพือ่ มอบอำ�นาจให้ผู้ปกครองนคิ มฯ หรอื เจา้ หนา้ ท่ีดำ�เนนิ การ รอ้ งทกุ ขก์ ลา่ วโทษตอ่ พนักงานสอบสวนในการด�ำ เนินคดีกับผคู้ รอบครองหรืออาศยั ในทด่ี ิน โดยไมช่ อบด้วย กฎหมาย ต่อไป 179
กรณีท่ี ๑๐ การรบั สิทธแิ ทนผ้ถู ึงแก่กรรมทไี่ ดร้ บั น.ค.๑ แล้ว ข้อกฎหมาย พระราชบัญญัติจดั ท่ีดินเพือ่ การครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๓๐ ถา้ สมาชกิ นิคมสรา้ งตนเองตายก่อนไดร้ ับโฉนดทีด่ ินหรือหนังสอื แสดงการทำ�ประโยชน์ สำ�หรับทด่ี ินนน้ั ให้คณะกรรมการพจิ ารณาคดั เลอื กทายาทโดยธรรมและคณุ สมบัตติ ามมาตรา ๒๒ เข้าเป็น สมาชิกสรา้ งตนเองแทน แนวทาง ๑. กรณีสมาชกิ นคิ มทถี่ ึงแกก่ รรมมอี ายกุ ารเป็นสมาชิกนิคมเกินกวา่ ๕ ปี และได้ช�ำ ระทนุ รัฐแลว้ แตย่ งั ไมไ่ ด้รับ น.ค.๓ ใหด้ ำ�เนินการขอออก น.ค.๓ แทนสมาชกิ นคิ ม ที่ถงึ แกก่ รรมโดยไม่ต้องนบั อายุ การเปน็ สมาชิกนิคมใหม่ *** ๒. กรณสี มาชิกนคิ มท่ีถึงแก่กรรมมอี ายุการเป็นสมาชกิ นคิ มไมค่ รบ ๕ ปี หรือครบ ๕ ปีแลว้ แต่ยงั ไม่ ไดร้ บั น.ค.๓ ตอ้ งเริ่มตน้ นับอายกุ ารเป็นสมาชิกนิคมใหม่ ***การรบั สิทธแิ ทน เฉพาะกรณผี ู้รับสทิ ธแิ ทนเปน็ ทายาทโดยธรรม ตามประมวลกฎมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๙ เท่านนั้ กรณที ี่ ๑๑ การรับสิทธแิ ทนผถู้ ึงแก่กรรมทไ่ี ดร้ บั น.ค.๓ แลว้ ๑๑.๑ กรณีทท่ี ายาทโดยธรรมบรรลุนติ ิภาวะแล้ว *** ข้อกฎหมาย พระราชบญั ญัตจิ ัดทด่ี ินเพอื่ การครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๓๐ ถ้าสมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเองตายกอ่ นไดร้ ับโฉนดท่ีดินหรอื หนังสือแสดงการทำ�ประโยชน์ สำ�หรับทด่ี ินนนั้ ใหค้ ณะกรรมการพิจารณาคดั เลือกทายาทโดยธรรม และคุณสมบตั ิตามมาตรา ๒๒ เขา้ เป็น สมาชิกสรา้ งตนเองแทน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๑๖๒๙ ทายาทโดยธรรมมหี กล�ำ ดบั เทา่ นั้น และภายใต้บงั คับแหง่ มาตรา ๑๖๓๐ วรรค ๒ แต่ละ ลำ�ดบั มีสิทธไิ ด้รบั มรดกกอ่ นหลังดังต่อไปนี้ คอื 180 ร้อยเรือ่ งราวเลา่ ขานงานนิคมฯ
(๑) ผู้สืบสันดาน (๒) บิดามารดา (๓) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน (๔) พ่ีน้องร่วมบดิ าหรอื รว่ มมารดาเดยี วกนั (๕) ปู่ ยา่ ตา ยาย (๖) ลงุ ป้า นา้ อา (๗) ค่สู มรสทย่ี งั มีชีวติ อยู่นนั้ ก็เปน็ ทายาทโดยธรรม ภายใต้บงั คบั ของบทบัญญตั พิ เิ ศษแหง่ มาตรา ๑๖๓๕ มาตรา ๑๖๓๐ ตราบใดทีม่ ที ายาทซงึ่ ยงั มีชวี ติ อยู่ หรอื มีผรู้ บั มรดกแทนท่ียังไม่ขาดสายแลว้ แตก่ รณี ในลำ�ดบั หนึ่งๆ ท่รี ะบุไวใ้ นมาตรา ๑๖๒๙ ทายาทผ้ทู ีอ่ ยใู่ นลำ�ดบั ถดั ลงไปไมม่ ีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตายเลยแต่ความ ในวรรคก่อนนี้มใิ ห้ใชบ้ ังคบั ในกรณีเฉพาะท่ีมผี ูส้ ืบสันดานคนใดยงั มีชีวิตอยหู่ รอื มผี ู้รบั มรดกแทนทก่ี ัน แล้วแต่ กรณี และมีบดิ ามารดายงั มีชวี ติ อยู่ ในกรณีเช่นน้ันใหบ้ ิดามารดาไดส้ ่วนแบง่ เสมือนหน่งึ วา่ เปน็ ทายาทช้นั บตุ ร มาตรา ๑๖๓๕ ลำ�ดับและส่วนแบง่ ของคู่สมรสทยี่ ังมีชวี ติ อยู่ในการรับมรดกของผู้ตายนนั้ ใหเ้ ปน็ ไปดังตอ่ ไปนี้ (๑) ถา้ มีทายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๑) ซ่ึงยงั มีชีวิตอยหู่ รือมีผ้รู บั มรดกแทนทแี่ ล้วแต่กรณี คูส่ มรส ที่ ยงั มีชวี ติ อย่นู ัน้ มีสทิ ธไิ ดส้ ่วนแบง่ เสมือนหน่ึงวา่ ตนเปน็ ทายาทช้ันบุตร ***ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ - มาตรา ๑๙ บคุ ลยอ่ มพน้ จากผ้เู ยาวแ์ ละบรรลนุ ติ ิภาวะเม่ืออายคุ รบยสี่ ิบปีบรบิ รู ณ์ - มาตรา ๒๐ ผู้เยาวย์ อ่ มบรรลนุ ิตภิ าวะเมอ่ื ท�ำ การสมรส หากการสมรสนัน้ ถกู ตอ้ งตามบทบัญญัติ มาตรา ๑๔๔๘ (๒) ถา้ มที ายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๓) และทายาทนั้นยังมีชวี ติ อยู่หรอื มีผู้รับมรดกแทนท่ี หรือถา้ ไม่มี ทายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๑) แตม่ ที ายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๒) แลว้ แต่กรณี คสู่ มรสทยี่ งั มีชวี ิตอยูน่ นั้ มีสิทธิ ไดร้ บั มรดกกึง่ หน่ึง (๓) ถ้ามที ายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๔) หรอื (๖) และทายาทนน้ั ยังมีชีวิตอยู่หรือมผี รู้ ับมรดกแทนที่ หรือมีทายาทตามมาตรา ๑๖๒๙ (๕) แล้วแต่กรณี ค่สู มรสทีย่ งั มชี ีวิตอยู่มีสิทธไิ ด้มรดกสองส่วนในสาม (๔) ถา้ ไมม่ ที ายาทดงั ทรี่ ะบุไวใ้ นมาตรา ๑๖๒๙ คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่น้นั มีสทิ ธิไดร้ ับมรดกทั้งหมด แนวทาง ทด่ี ินในเขตนิคมสร้างตนเองทไ่ี ด้รบั อนญุ าตให้สมาชิกนคิ มเขา้ ทำ�ประโยชน์ และสมาชิกนิคมฯ เสยี ชีวิต กอ่ นไดร้ บั โฉนดท่ีดนิ หรอื หนงั สอื รบั รองการท�ำ ประโยชน์ (น.ส.๓) ท่ีดินนน้ั จะตอ้ งน�ำ มาจดั สรรใหม่ โดยคณะ กรรมการตามมาตรา ๒๐ เปน็ ผพู้ ิจารณาคัดเลือกทายาทโดยธรรมของสมาชกิ นคิ มที่เสยี ชวี ติ และมีคุณสมบัติ ตามมาตรา ๒๒ เขา้ เปน็ สมาชกิ นคิ มแทน ซง่ึ ทายาทโดยธรรมใหถ้ อื ตามมาตรา ๑๖๒๙ แห่งประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ คือ ผสู้ บื สันดาน พีน่ อ้ งรว่ มบิดามารดา พี่นอ้ งรว่ มบิดาหรอื มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา และคู่สมรสตามกฎหมาย แต่หากทด่ี ินแปลงใดยงั ไม่ได้จดั สรรใหก้ ับสมาชิกนิคม และไม่เปน็ ท่สี งวนเพ่ือ กจิ การของนคิ มฯ การบรรจบุ คุ คลใดเขา้ เปน็ สมาชกิ นิคมก็ต้องดำ�เนนิ การ ตามมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๒ แห่ง พระราชบญั ญตั จิ ดั ท่ีดินเพื่อการครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ 181
๑๑.๒ กรณที ายาทโดยธรรมเปน็ ผ้เู ยาว์ ขอ้ กฎหมาย พระราชบัญญตั จิ ดั ทดี่ ินเพื่อการครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๓๑ ในกรณีทที่ ายาทโดยธรรมตามมาตรา ๓๐ เปน็ ผู้เยาว์ ให้อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ พิจารณาดำ�เนนิ การตามควรแกก่ รณี เพื่อประโยชน์แกผ่ เู้ ยาว์เกยี่ วกบั ที่ดินน้นั แนวทาง ในกรณที ีท่ ายาทโดยธรรมเป็นผู้เยาว์ ไมอ่ าจรบั จัดทีด่ นิ และเขา้ เปน็ สมาขิกนิคมแทนได้ เพราะขาด คุณสมบัติตามมาตรา ๒๒ ใหอ้ ธิบดีกรมประชาสงเคราะหข์ อความร่วมมอื พนักงานอยั การ รอ้ งขอต่อศาล ให้ ตัง้ ผเู้ หมาะสม เปน็ ผู้ปกครองผูเ้ ยาว์ (หรอื ผู้แทนโดยธรรมของผเู้ ยาว์) และอนญุ าตใหผ้ ู้ปกครองผู้เยาว์ เป็นผดู้ ูแล ท�ำ ประโยชน์ในที่ดนิ ตามมาตรา ๑๕ เพ่อื ประโยชน์ของผเู้ ยาว์ จนกระท่งั ผู้เยาวบ์ รรลนุ ิติภาวะ และสามารถ สมคั ร เข้าเป็นสมาชกิ นิคมแทนได้ ๑๑.๓ กรณีไมม่ ที ายาทโดยธรรม หรือมแี ต่ไม่อาจคัดเลือกไดต้ ามมาตรา ๓๐ ข้อกฎหมาย พระราชบัญญัติจดั ทีด่ นิ เพอื่ การครองชีพ มาตรา ๓๒ ถ้าสมาชิกนคิ มสร้างตนเองตายไม่มีทายาทหรอื มแี ต่ไม่อาจคดั เลอื กไดต้ ามมาตรา ๓๐ ให้ คณะกรรมการคัดเลือกผ้อู น่ื ซ่งึ มีคุณสมบตั ิตามมาตรา ๒๒ เขา้ เปน็ สมาชิกนคิ มสร้างตนเองแทน และผ้นู ้นั ต้อง ใหค้ วามยนิ ยอมเปน็ หนังสือยอมรบั ภาระเกี่ยวกบั หน้ีสินของผตู้ าย อนั เกี่ยวกับกิจการนิคมสร้างตนเอง ในกรณี เชน่ นี้ ให้นำ�ความในมาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๙ วรรคสอง มาบังคับใชโ้ ดยอนโุ ลม แนวทาง กรณีสมาชกิ นิคมท่ีตายมที ายาทโดยธรรมแต่ไมอ่ าจคดั เลอื กเพราะขาดคณุ สมบตั ติ ามมาตรา ๒๒ ทายาท โดยธรรมยอ่ มเสียสิทธิในกองมรดกของผูต้ าย และกรณสี มาชกิ นิคมทต่ี ายไมม่ ีทายาทโดยธรรม ตามประมวล กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา ๑๗๕๓ ถอื ว่าไมม่ ผี รู้ บั มรดก จงึ ให้ตกทอดแก่แผน่ ดินหรอื เป็นของรฐั ตามพ ระราชบัญญตั ิจัดทีด่ ินเพ่ือการครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ คณะกรรมการมอี ำ�นาจคดั เลือกผ้อู ื่น ท่มี ีคุณสมบัติเข้าเป็น สมาชกิ นิคมแทน 182 ร้อยเรื่องราวเล่าขานงานนคิ มฯ
กรณีที่ ๑๒ กรณที ายาทโดยธรรมเกินกว่าหนง่ึ คนขอรับสิทธิในท่ดี ินแทนสมาชิกนิคมทถี่ งึ แก่กรรม ขอ้ กฎหมาย พระราชบญั ญตั จิ ัดที่ดินเพอ่ื การครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๒๐ เมอ่ื ไดม้ ีพระราชกฤษฎกี าจดั ต้ังนคิ มสร้างตนเองแลว้ ใหม้ คี ณะกรรมการขึน้ คณะหน่ึง ประกอบดว้ ยประธานกรรมการและกรรมการอน่ื อกี ไม่นอ้ ยกว่าสองคนแต่ไม่เกินแปดคน ซ่ึงรัฐมนตรีแต่งตัง้ ระเบยี บการประชุมของคณะกรรมการให้เป็นไปตามท่อี ธิบดีกรมประชาสงเคราะห์กำ�หนด มาตรา ๒๒ ผ้ซู ึ่งจะเขา้ เปน็ สมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเองไดต้ ้องมคี ณุ สมบตั ิ ดังต่อไปนี้ (๑) มสี ัญชาตไิ ทย (๒) บรรลนุ ิติภาวะและเปน็ หวั หน้าครอบครวั (๓) มคี วามประพฤตดิ ี และเต็มใจปฏิบัตติ ามระเบยี บท่ีอธิบดกี รมประชาสงเคราะหก์ �ำ หนด (๔) สามารถประกอบการเกษตรได้ตามระเบียบทอี่ ธบิ ดีกรมพัฒนาสังคมและสวสั ดิการกำ�หนด (๕) ไมเ่ ป็นคนวิกลจรติ หรอื จติ ฟัน่ เฟอื นไม่สมประกอบ (๖) ไม่มีท่ดี ินทำ�กินเป็นของตนเอง หรอื มแี ต่เพยี งเล็กนอ้ ยไม่พอแก่การครองชพี (๗) ไม่มอี าชีพอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ ในขณะนั้นพอแกก่ ารครองชพี มาตรา ๓๐ ถา้ สมาชิกนิคมสร้างตนเองตายกอ่ นไดร้ บั โฉนดทีด่ ิน หรอื หนงั สือรบั รองการทำ�ประโยชน์ ส�ำ หรับที่ดนิ น้ัน ให้คณะกรรมการพจิ ารณาคดั เลอื กทายาทโดยธรรม และมีคณุ สมบัตติ ามมาตรา ๒๒ เขา้ เป็น สมาชิกนิคมสร้างตนเองแทน แนวทาง นคิ มสรา้ งตนเองจะตอ้ งแจ้งให้ทายาทโดยธรรมของสมาชกิ ท่ถี งึ แกก่ รรม มาบนั ทึกถ้อยค�ำ ถ้อยคำ�วา่ ทายาทโดยธรรมผ้ใู ดจะขอรบั หรือไม่ขอรบั การจัดทีด่ ินและสมควรเข้าเปน็ สมาชิกนิคม โดยให้ไปด�ำ เนนิ การสอบ ทายาทโดยธรรม (ป.ค.๑๔) ที่อำ�เภอ มาประกอบแลว้ เสนอคณะกรรมการ เพื่อพจิ ารณาอนุมตั เิ ป็นสมาชิกนิคม แทนสมาชกิ นคิ มท่ถี ึงแกก่ รรม หากทายาทมีคุณสมบัติมากกว่า ๑ คน กส็ ามารถบรรจไุ ดม้ ากกวา่ ๑ คน ทง้ั นี้ ในการรับสทิ ธแิ ทนสมาชกิ นคิ มท่ถี งึ แก่กรรม ตามมาตรา ๓๐ นิคมฯ จะตอ้ งใหท้ ายาทโดยธรรมทกุ คน มาให้ ถ้อยคำ�เกยี่ วกบั ทด่ี นิ ดงั กลา่ ว หากไมป่ ฏิบัตติ ามหลกั เกณฑ์ดังกลา่ ว การบรรจสุ มาชิกแทนและการออก น.ค.๓ อาจไมช่ อบดว้ ยกฎหมายและเจา้ หน้าที่อาจถูกด�ำ เนินคดีดว้ ย 183
กรณีที่ ๑๓ กรณีขอคดั ถ่ายสำ�เนาเอกสารของทางราชการ (คัดถ่ายสำ�เนาหนังสือ, ส�ำ เนาบันทกึ ถ้อยคำ�) ขอ้ กฎหมาย พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๑๕ ข้อมลู ข่าวสารของราชการที่มลี ักษณะอยา่ งหน่งึ อยา่ งใดดังต่อไปน้ี หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคำ�ส่ังมใิ ห้เปดิ เผยก็ได้ โดยคำ�นึงถงึ การปฏบิ ัตหิ นา้ ทตี่ ามกฎหมายของหน่วยงานรฐั ประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์เอกชนท่เี ก่ยี วข้องกัน (๒) การเปิดเผยจะทำ�ให้การบงั คบั ใหก้ ฎหมายเสอื่ มประสทิ ธิภาพ หรือไม่อาจสำ�เรจ็ ตามวตั ถุประสงค์ ไมว่ ่าจะเกยี่ วกับการฟอ้ งคดี การปอ้ งกนั การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการร้แู หล่งทม่ี า ของ ข้อมลู ข่าวสารหรอื ไมก่ ต็ าม (๔) การเปดิ เผยจะก่อใหเ้ กดิ อันตรายตอ่ ชีวิตหรอื ความปลอดภยั ของบุคคลหนึง่ คนใด มาตรา ๒๔ หนว่ ยงานของรัฐจะเปดิ เผยขอ้ มูลข่าวสารส่วนบคุ คลท่ีอยใู่ นความดูแลของตน ตอ่ หนว่ ย งานแหง่ อนื่ หรือผอู้ น่ื โดยปราศจากความยนิ ยอมเปน็ หนงั สือของเจ้าของข้อมูลทใ่ี ห้ไวล้ ว่ งหน้าหรอื ในขณะน้นั มิได้ เว้นแต่เป็นการเปิดเผยดงั ต่อไปน้ี (๑) ตอ่ เจา้ หนา้ ท่ีของรฐั ในหน่วยงานของตนเพ่ือการนำ�ไปใชต้ ามอำ�นาจหน้าทข่ี องหน่วยงานของรฐั แห่งนัน้ แนวทาง การขอคดั ถ่ายสำ�เนาหนงั สือ,สำ�เนาบันทึกถ้อยค�ำ ข้อมูลข่าวสารของบคุ คลอ่นื จะเปดิ เผยได้จะต้อง ได้รบั อนุญาตจากเจา้ ของขอ้ มูลก่อน เน่ืองจากการขอคัดถ่ายสำ�เนาเอกสารดงั กล่าว มีข้อมูลการบันทึกถอ้ ยค�ำ ซ่ึงบุคคลนนั้ ไดใ้ ห้ถอ้ ยคำ�เปน็ บันทึกต่อหน่วยงานของรัฐ และเป็นข้อมลู ที่อยู่ระหวา่ งการตรวจสอบซง่ึ ยงั ไมแ่ ลว้ เสรจ็ หนว่ ยงานของรัฐจะเปิดเผยของมูลข่าวสารดงั กล่าว ในการดูแลของหน่วยงานรฐั ต่อผู้อ่ืนไมไ่ ด้ เนื่องจาก การเปิดเผยข้อมลู จะท�ำ ให้พยานหรือผใู้ หข้ อ้ มลู ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงไมไ่ ด้รับความปลอดภยั หรอื กระทบ ถงึ ผลประโยชน์ไดเ้ สยี ของผ้หู นงึ่ ผใู้ ดและอาจทำ�ให้การดำ�เนินการตรวจสอบไมส่ �ำ เรจ็ ตามวตั ถุประสงค์ ตามมาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง (๒) (๓) และมาตรา ๒๔ (๑) แห่งพระราชบัญญตั ิขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ 184 ร้อยเรือ่ งราวเล่าขานงานนิคมฯ
กรณที ี่ ๑๔ กรณีการขอคัดถ่ายเอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การได้มาซงึ่ โฉนดทีด่ นิ ของสมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเอง ข้อกฎหมาย พระราชบัญญัติขอ้ มูลขา่ วสารของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๔ ข้อมลู ข่าวสารส่วนบคุ คล หมายความว่า ข้อมลู ข่าวสารเกยี่ วกับสิ่งเฉพาะตวั ของบคุ คล เช่น การศกึ ษา ฐานะการเงิน ประวตั สิ ุขภาพ ประวัตอิ าชญากรรม หรือประวัตกิ ารท�ำ งาน บรรดาท่ีมชี ื่อ ของผู้ นนั้ หรอื เลขหมาย รหสั หรือสิง่ บอกลกั ษณะอ่นื ที่ท�ำ ใหร้ ตู้ ัวผู้น้ันได้ เช่น ลายพิมพน์ ้วิ มอื แผ่นบันทกึ -ลักษณะ เสียงของคนหรือรถู้ ่าย และให้หมายความรวมถงึ ข้อมูลขา่ วสารเกย่ี วกับส่ิงเฉพาะตัวของผู้ท่ถี ึงแก่กรรมแล้วด้วย มาตรา ๒๔ หน่วยงานของรัฐจะเปิดเผยขอ้ มลู ขา่ วสารส่วนบคุ คลทอ่ี ยนู่ ความควบคมุ ดูแลของตน ต่อ หน่วยงานของรัฐแห่งอ่นื หรอื ผู้อ่นื โดยปราศจากความยนิ ยอมเป็นหนังสือของเจา้ ของขอ้ มลู ทีใ่ หไ้ ว้ลว่ งหน้า หรือในขณะนนั้ ไมไ่ ด้ แนวทาง การขอคดั ถา่ ยส�ำ เนาเอกสารท่เี กีย่ วขอ้ งกบั การได้มาซึง่ โฉนดทดี่ นิ ของสมาชิกนิคม เป็นการขอขอ้ มลู ข่าวสารทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั สมาชกิ นคิ ม ซ่งึ ข้อมูลทีป่ รากฏอยใู่ นเอกสารการเป็นสมาชกิ นิคมสรา้ งตนเองนัน้ มขี ้อมลู ขา่ วสารสว่ นบคุ คลอยูด่ ว้ ย ดงั นั้น ผ้ขู อคัดถ่ายสำ�เนาเอกสารดงั กล่าวจะต้องมหี นงั สือถึงเจ้าของข้อมูล เพือ่ ให้ แสดงความประสงคว์ ่าจะยนิ ยอมให้เปดิ เผยขอ้ มลู นัน้ หรือไมอ่ ยา่ งไร 185
กรณีท่ี ๑๕ สมาชิกนคิ มอุทธรณค์ ดั คา้ นกรณกี รมฯ มีคำ�สั่งเพิกถอน น.ค.๓ ของสมาชกิ นคิ ม เน่ืองจาก ได้ออก ไปจากนคิ มก่อนที่จะไดร้ ับ น.ค.๓ โดยไม่ไดร้ ับอนุญาตจากอธบิ ดี ข้อกฎหมาย พระราชบัญญตั ิวธิ ีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๔๕ ให้เจา้ หน้าท่ตี ามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึงพจิ ารณาค�ำ อทุ ธรณแ์ ละแจ้งผ้อู ทุ ธรณโ์ ดยไม่ชักช้า แตต่ อ้ งไม่เกินสามสบิ วนั นับแตว่ ันท่ไี ด้รับอุทธรณ์ ในกรณที เ่ี หน็ ดว้ ยกบั ค�ำ อุทธรณไ์ มว่ ่าทัง้ หมดหรอื บางส่วน ก็ ให้ด�ำ เนนิ การเปลี่ยนแปลงคำ�สง่ั ทางปกครองตามความเห็นของตนภายในกำ�หนดเวลาดังกลา่ วดว้ ย ถา้ เจ้าหนา้ ทต่ี ามมาตรา ๔๔ วรรคหนงึ่ ไมเ่ หน็ ด้วยกบั ค�ำ อุทธรณไ์ ม่วา่ ทัง้ หมดหรือบางสว่ น ก็ให้ เร่งรายงานความเหน็ พร้อมเหตผุ ลไปยังผมู้ อี ำ�นาจอทุ ธรณใ์ นกำ�หนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ใหผ้ ู้มีอ�ำ นาจพจิ ารณา ค�ำ อุทธรณ์พิจารณาใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในสามสิบวัน นับแต่วันท่ีตนได้รับรายงาน ถา้ มเี หตจุ �ำ เป็น ไม่อาจพิจารณา ใหแ้ ลว้ เสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว ใหผ้ ูม้ อี �ำ นาจพจิ ารณาอทุ ธรณ์มหี นงั สอื แจง้ ใหผ้ ู้อุทธรณท์ ราบก่อนครบ ก�ำ หนดเวลาดังกล่าว ในการนใ้ี หข้ ยายระยะเวลาพิจารณาอทุ ธรณ์ออกไปได้ไมเ่ กนิ สามสบิ วนั นับแต่วนั ที่ครบ ก�ำ หนดเวลาดงั กล่าว เจ้าหนา้ ทผ่ี ใู้ ดจะเปน็ ผมู้ ีอ�ำ นาจพจิ ารณาอทุ ธรณต์ ามวรรคสองใหเ้ ป็นไปตามท่ีกำ�หนดในกฎกระทรวง กฎกระทรวงฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๔๐ ออกตามความในพระราชบญั ญตั วิ ธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ขอ้ ๒ การพิจารณาอทุ ธรณ์คำ�ส่ังทางปกครองในกรณที ี่เจ้าหน้าที่ผู้ท�ำ คำ�ส่ังทางปกครองไมเ่ หน็ ดว้ ย กบั ค�ำ อุทธรณ์ ให้เป็นอ�ำ นาจของเจา้ หนา้ ที่ ดังต่อไปน้ี (๔) ปลดั กระทรวงหรอื ปลดั ทบวง แล้วแตก่ รณี ในกรณีทผ่ี ้ทู �ำ ค�ำ สั่งทางปกครองเปน็ ผ้ดู �ำ รงตำ�แหนง่ อธบิ ดหี รอื เทยี บเทา่ แนวทาง กรณีทสี่ มาชิกนิคมมหี นงั สืออทุ ธรณค์ ดั คา้ นคำ�ส่งั เพกิ ถอน น.ค.๓ กรมฯ สามารถดำ�เนินการได้ดังน้ี ๑. เม่อื ได้รับคำ�อุทธรณข์ องผู้อุทธรณ์แล้ว หากเหน็ ดว้ ยกบั ค�ำ อุทธรณไ์ มว่ า่ ท้งั หมดหรอื บางสว่ น กใ็ ห้ ด�ำ เนินการเปลีย่ นแปลงค�ำ ส่ังทางปกครองภายในสามสิบวันนับแตว่ นั ที่ได้รบั อุทธรณ์ หรือ ๒. หากไม่เห็นด้วยกบั ค�ำ อทุ ธรณ์ไมว่ า่ ทั้งหมดหรือแต่บางสว่ น ก็ใหท้ ำ�ความเห็นพร้อมเหตผุ ลไปยัง ปลดั กระทรวงการพัฒนาสงั คมและความม่นั คงของมนษุ ย์ ภายในสามสบิ วนั นับแต่วนั ทีไ่ ด้รบั ค�ำ อุทธรณ์ เพื่อ พจิ ารณาอทุ ธรณแ์ ละมหี นังสือแจง้ ผอู้ ุทธรณ์ว่าได้ส่งหนังสอื ใหผ้ ู้มีอ�ำ นาจเหนอื ข้นึ ไปพิจารณาอทุ ธรณ์ 186 รอ้ ยเรอ่ื งราวเล่าขานงานนคิ มฯ
กรณีที่ ๑๖ กรณีราษฎรมาสมคั รเปน็ สมาชิกนคิ มสร้างตนเอง หรือขอออกหนังสืออนญุ าตให้เขา้ ทำ�ประโยชน ์ (น.ค.๑), หนังสอื แสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) แตพ่ ืน้ ท่ีดงั กลา่ วอยู่ในเขตพ้นื ทเ่ี ขา, ภูเขาหรือพ้นื ท่ซี ่งึ มี ความลาดชันเกนิ ๓๕ % ควรด�ำ เนินการอย่างไร ขอ้ กฎหมาย พระราชบัญญัติจดั ทด่ี ินเพอ่ื การครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ ข้อ ๖ ใหร้ ัฐบาลมีอ�ำ นาจจัดการทด่ี นิ ของรัฐ เพื่อให้ประชาชนไดม้ ีที่ตง้ั เคหสถานและประกอบอาชพี เป็นหลกั แหล่งในท่ดี นิ นนั้ โดยการจัดตง้ั ตามพระราชบัญญัตนิ ี้ กฎกระทรวงฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญตั ใิ หใ้ ช้ประมวลกฎหมายท่ดี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ข้อ ๑๔ ท่ดี ินทขี่ อออกโฉนด ตอ้ งเป็นท่ดี ินทผ่ี ู้มสี ิทธิในทดี่ นิ ไดค้ รอบครองและท�ำ ประโยชนแ์ ลว้ และ เป็นทีด่ นิ ท่ีสามารถออกโฉนดทีด่ ินไดต้ ามกฎหมาย แตไ่ มใ่ หอ้ อกท่ดี นิ ส�ำ หรบั ท่ีดังต่อไปนี้ (๒) ท่ีเขา ทภ่ี ูเขา และทีท่ ีร่ ฐั มนตรีประกาศห้ามตามมาตรา ๙ (๒) แห่งประมวลกฎหมายทีด่ ิน แต่ ไม่รวมถึงที่ดนิ ซึง่ ผู้มีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายท่ีดิน มติคณะรฐั มนตรีไดป้ ระชมุ ปรึกษาเมอ่ื วันที่ ๓ ธนั วาคม ๒๕๒๘ ลงมตกิ บั นโยบายปา่ ไมแ้ ห่งชาติ ไม่ อนุญาตใหม้ ีการออกโฉนดทดี่ ินหรอื หนังสอื รับรองการท�ำ ประโยชนต์ ามประมวลกฎหมายที่ดิน ในพ้ืนทที่ ีม่ ี ความลาดชันโดยเฉล่ีย ๓๕ เปอร์เซน็ ต์ขนึ้ ไปตามทก่ี �ำ หนดไว้ในนโยบายปา่ ไมแ้ ห่งชาติ ซงึ่ ก�ำ หนดไว้ เป็นพนื้ ท่ี ปา่ ไม้ หากมคี วามจำ�เปน็ ใดทีจ่ ะด�ำ เนนิ การในพน้ื ทีด่ ังกล่าว ควรจะให้เช่าหรือขอสัมปทาน โดยขออนุมตั ิคณะ รัฐมนตรเี ป็นรายๆ เว้นแต่กรณีทีร่ าษฎรมสี ทิ ธโิ ดยชอบดว้ ยกฎหมายอยกู่ ่อนแล้ว แนวทาง กรณรี าษฎรมาสมคั รเป็นสมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเอง หรือขอออกหนังสอื อนุญาตให้เขา้ ทำ�ประโยชน์ (น.ค.๑), หนังสือแสดงการทำ�ประโยชนใ์ นทีด่ ิน (น.ค.๓) แต่พ้นื ทีซ่ ง่ึ ราษฎรน�ำ รังวดั หรือขอเอกสารสทิ ธดิ ังกลา่ ว น่าจะอยใู่ นพืน้ ทีเ่ ขา,ภเู ขา หรือพ้ืนทซี่ ่งึ มีความลาดชนั เกิน ๓๕ % ให้เจ้าหน้าท่นี คิ มสรา้ งตนเอง มหี นงั สือ ประสานไปยังกรมพัฒนาที่ดิน เพอื่ ดำ�เนนิ การตรวจสอบ หากพ้นื ทดี่ งั กล่าวตรวจสอบแล้วพบวา่ อยใู่ นพืน้ ท่ี เขา,ภเู ขา หรอื พืน้ ทซ่ี ่ึงมีความลาดชันเกิน ๓๕ % นิคมสร้างตนเอง ไม่สามารถบรรจรุ าษฎร เขา้ เปน็ สมาชกิ นคิ ม ในพน้ื ที่ดงั กล่าว รวมทั้งไม่สามารถออกหนังสืออนุญาตให้เขา้ ทำ�ประโยชนใ์ นที่ดิน (น.ค.๑) หรอื หนังสอื แสดงการท�ำ ประโยชนใ์ หแ้ ก่สมาชกิ นิคมได้ เว้นแต่กรณที ีร่ าษฎรมสี ิทธโิ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย อยู่ก่อนแลว้ ตาม ประมวลกฎหมายที่ดิน 187
กรณที ี่ ๑๗ กรณรี าษฎรครอบครองทำ�ประโยชน์ในท่ีดนิ ตามหลกั ฐาน น.ส.๒, น.ส.๓ และ น.ส.๓ ข ไปขอออก โฉนดทด่ี นิ ในพน้ื ท่ีป่าไมส้ ว่ นกลาง ๒๐ เปอรเ์ ซน็ ต์ ข้อกฎหมาย พระราชบัญญตั ิจัดท่ีดนิ เพอื่ การครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๖ ให้รัฐบาลมอี ำ�นาจจดั ท่ดี ินของรฐั เพอื่ ให้ประชาชนไดม้ ที ่ตี งั้ เคหสถาน และประกอบอาชพี เปน็ หลกั แหลง่ ในทดี่ ินน้ัน โดยจัดตัง้ เปน็ นคิ มตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี แนวทาง กรณีท่ีดนิ ทีม่ ีน.ส.๓ ก่อนการจัดต้ังนิคมสรา้ งตนเอง หรอื ไดร้ บั น.ส.๓ ภายหลังการจัดตงั้ นิคมฯแต่ได้ รับสิทธิตอ่ เน่ืองจาการทำ�ประโยชน์ในท่ดี นิ นนั้ กอ่ นมกี ารจดั ตงั้ นิคมฯ ซึ่งเป็นท่ดี ินท่เี อกชนมีสทิ ธใิ นทดี่ นิ ตาม ประมวลกฎหมายทด่ี นิ จงึ มใิ ชเ่ ปน็ ทด่ี นิ ของรฐั ทจ่ี ะน�ำ มาจดั สรรใหก้ บั ประชาชน ตามมาตรา ๖ แหง่ พระราชบญั ญตั ิ จัดที่ดนิ เพื่อการครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ ดังนัน้ จึงไม่อยใู่ นบังคบั ทจี่ ะตอ้ งปฏิบัติ ตามหลักเกณฑ์ทีก่ ำ�หนดไว้ ในพระราชบญั ญตั ิดังกล่าว สำ�หรับพนื้ ทป่ี ่าไม่ส่วนกลาง ๒๐% ในเขตพระราชกฤษฎีกาจัดตัง้ นิคมสรา้ งตนเองที่ กำ�หนด ให้พน้ื ทใ่ี ดเปน็ พ้ืนทปี่ ่าไมส้ ว่ นกลาง ซง่ึ หากมีผคู้ รอบครองโดยชอบ ดว้ ยกฎหมายอยู่ก่อนแล้ว ก็มามผี ล ท�ำ ใหส้ ทิ ธขิ องผทู้ ไี่ ด้ทดี่ นิ มาโดยชอบด้วยกฎหมายอยูก่ อ่ นเสยี ไปอย่างใด และผขู้ อออกโฉนดที่ดินสามารถดำ�เนิน การออกโฉนดทดี่ นิ โดยอาศยั หลักฐานหนังสือรบั รองการทำ�ประโยชน์ น.ส.๒, น.ส.๓ และน.ส.๓ ข ได้ 188 ร้อยเร่ืองราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
189
190 ร้อยเร่ืองราวเล่าขานงานนคิ มฯ
191
192 ร้อยเร่ืองราวเล่าขานงานนคิ มฯ
193
194 ร้อยเร่ืองราวเล่าขานงานนคิ มฯ
195
196 ร้อยเร่ืองราวเล่าขานงานนคิ มฯ
197
198 ร้อยเร่ืองราวเล่าขานงานนคิ มฯ
199
200 ร้อยเร่ืองราวเล่าขานงานนคิ มฯ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280